Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เปิดสวิตช์ความคิดสร้างสรรค์

เปิดสวิตช์ความคิดสร้างสรรค์

Published by DPD E-Lidrary, 2020-07-09 22:23:31

Description: เปิดสวิตช์ความคิดสร้างสรรค์

Search

Read the Text Version

Creative ตอบโจทย์ อย่างสร้างสรรค์ Solution มองหาวธิ กี ารแก้ปัญหา ในรูปแบบใหม่ๆ เพือ่ ใชใ้ นการตอบโจทย์ Problem Solving การแก้ปญั หา สรรหาความแตกตา่ ง ของสิ่งที่เกิดข้นึ จรงิ กับสิ่งทีค่ าดไว้ แล้วหาทางแก้ โดยใชอ้ งคค์ วามรู้ทีม่ อี ยู่ Observation สงั เกตการณ์ เฝา้ ดูส่งิ ที่เกิดขึ้นอยา่ งใสใ่ จ และวิเคราะห์หาความสัมพนั ธ์ ของสิ่งทเ่ี กดิ ขึ้นกบั ส่งิ อืน่ 100

“โรเบิรต์ แลงก”์ นักฟสิ ิกส์ทีท่ าำ งานอยใู่ นองคก์ ารนาซา เขาเปน็ ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นนวตั กรรมทางอวกาศและเปน็ นวตั กรทม่ี ผี ล งานจดสิทธบิ ตั รกว่า 46 ผลงาน เมอื่ ครัง้ เขายงั เดก็ เขามีความช่ืน ชอบหลงใหลในศลิ ปะการพบั กระดาษแบบญปี่ นุ่ หรอื โอรกิ ามอิ ยา่ ง ท่สี ดุ ต่อมาเขาเติบโตข้ึนเป็นผู้ใหญ่จนได้กลายเป็นวิศวกร ความชนื่ ชอบในวยั เดก็ ของเขาไมไ่ ดจ้ บสนิ้ ลงแตก่ ลบั เตบิ โตมากขน้ึ จนถึงขั้นลาออกจากงานด้านวิศวกรรมมาทำางานออกแบบศิลปะ กระดาษพับแบบเต็มตัว แต่เขาได้ผนวกความรู้ด้านวิศวกรรมท่ี รำ่าเรียนมาและผนวกเข้ากับศิลปะโอริกามิ เพ่ือนำาไปใช้พัฒนาแก้ ปัญหาดา้ นวิศวกรรมกบั หลายๆ อย่าง ไมว่ า่ จะเปน็ การพบั เลนสก์ ลอ้ งสอ่ งทางไกลทมี่ ขี นาดยาว และใหญใ่ หส้ ามารถบรรจเุ ขา้ ไปในจรวดทมี่ พี นื้ ทจ่ี าำ กดั และสามารถ กางออกมาใชง้ านไดอ้ ยา่ งเตม็ ประสทิ ธภิ าพหลงั จากถงึ ทหี่ มายแลว้ หรอื การพบั ถงุ ลมนริ ภยั ใหเ้ ขา้ ไปอยอู่ ยา่ งเรยี บรอ้ ยในคอนโซลของ รถยนต์และจะกางออกเฉพาะในเวลาท่ีรถประสบอุบัติเหตุเพื่อ ป้องกันอันตรายที่จะเกดิ ขึ้นกับผขู้ บั ข ่ี 101

ลำาพังแค่การพับกระดาษอาจจะเป็นศิลปะท่ีมหัศจรรย์ แตจ่ ะมหศั จรรยย์ งิ่ กวา่ ทเี่ ขาสามารถผนวก ควบรวมสองสง่ิ เขา้ ดว้ ย กนั จนออกแบบนวตั กรรมที่ช่วยชวี ิตคนได้ วนั นงึ ในป ี 1887 สตั วแ์ พทยผ์ เู้ ชยี่ วชาญดา้ นการผา่ ตดั ชอื่ “จอหน์ บอยด ์ ดันลอป” ไดพ้ าลกู ชายทีส่ ขุ ภาพไม่คอ่ ยแข็งแรงไป หาหมอเพอ่ื ขอคาำ ปรกึ ษาถงึ วธิ กี ารออกกาำ ลงั กายใหล้ กู ชายแขง็ แรง ขึ้น หมอได้ให้คำาแนะนำาอย่างเรียบง่ายว่าลูกชายของเขาควรออก กำาลังกายด้วยการขจ่ี ักรยานสามลอ้ ถีบ ระหว่างท่ีเขาและลูกชายนั่งรถม้ากลับมาท่ีบ้านพัก เขา รบั รถู้ งึ แรงสน่ั สะเทอื นจากพนื้ ถนนทเี่ ตม็ ไปดว้ ยกอ้ นหนิ ในถนนของ ประเทศไอร์แลนด์ สง่ ผา่ นก้อนยางตันข้นึ มาทีห่ อ้ งโดยสาร พลาง นกึ สงสยั วา่ ถา้ การขร่ี ถมา้ สง่ ผลใหผ้ นู้ ง่ั ไดร้ บั แรงสะเทอื นแบบนก้ี าร ขจี่ กั รยานกค็ งไมต่ า่ งกนั แลว้ ลกู ชายของเขาทจี่ ะตอ้ งออกกาำ ลงั กาย ดว้ ยการข่ีจักรยานจะอาการดีขนึ้ หรอื ทรุดหนักลงกันแน่ โชคดที ่เี ขามคี วามเป็นนกั ประดิษฐ์และหมอผ่าตดั อย่ ู ใน เวลาต่อมา ความคดิ ของเขาก็ตกผลึก เขาจึงไดท้ ดลองทาำ ไสใ้ นรถ จกั รยานโดยเยบ็ แผน่ ยางใหเ้ หมอื นกบั หลอดเลอื ดแลว้ อดั ลมเขา้ ไป เพอื่ ทาำ ใหย้ ดื หยนุ่ และลดแรงกระแทกใหเ้ หมอื นกบั การทาำ งานของ ปอด 102

ซ่งึ มนั เป็นวิธีไดผ้ ล ลูกชายเขาข่ีจกั รยานอย่างสนกุ สนาน และปลอดภยั จากแรงกระแทก ในไมก่ ป่ี ตี อ่ มาสง่ิ ประดษิ ฐท์ ม่ี าจาก ความรักได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้โลกได้เดินทางด้วยความนุ่มนวล จากยางในระบบลม “ฮ ี จ ี ซกุ ” สตรชี าวเกาหลที ใี่ ชช้ วี ติ ในชว่ งสงครามเกาหลี ระหว่างปี 1950-1953 ทุกวันเธอจะรอคอยสามีที่ทำางานอยู่ใน คา่ ยทหารอเมริกันแอบขโมยเศษอาหารเช่น แฮม ไส้กรอก ชีส ถั่ว ต้มจากห้องครัวที่ทหารจีไอกินเหลือมาให้เธอนำามาเป็นวัตถุดิบ ประกอบอาหารจานเด็ดเพอ่ื แจกจ่ายใหค้ นในหมู่บา้ น ในช่วงสงครามทั่วท่ังแผ่นดินยากจนและลำาบากทำาให้ เธอปรงุ เมนทู ี่หรหู ราไมไ่ ด ้ เธอจึงนาำ อาหารเหลอื เหล่านัน้ มาเทเขา้ กับบะหม่ีสำาเร็จรปู แตร่ สชาติของวัฒนธรรมอเมรกิ นั อาจจะไมค่ ้นุ ลนิ้ ของคนเกาหลนี กั เธอจงึ ไดใ้ สก่ มิ จลิ งไปผสมเพอื่ ใหถ้ กู ปากเพอื่ น รว่ มหมู่บา้ น ในเวลาตอ่ มาเมนูม่ัวซ่วั น้ัน ได้กลายเป็นบเู ดชิเกห้ รือ หม้อไฟทหารเกาหลี อาหารประจำาชาติของเกาหลี เมนูอาหารท่ี ก้าวขา้ มผา่ นรสชาตเิ ปรี้ยว หวาน มนั เคม็ แตก่ ลายเป็นความทรง จาำ ของประเทศไปแล้ว 103

ในประเทศไทยเองก็มีเรื่องเล่าเก่ียวกับอาหารแบบ เดียวกัน ในช่วงสงครามเวียดนาม ประเทศไทยเป็นพันธมิตรของ สหรัฐอเมริกา จงึ อนุญาตใหท้ หารอเมรกิ าตั้งคา่ ยทหารช่ัวคราวอยู่ ในคา่ ยทหารของไทย มีชาวไหหลำาชื่อ “โกเจ๊ก” เป็นพ่อครัวใหญ่อยู่ท่ีค่าย รามสูร จังหวัดอุดรธานี มีทักษะการทำาครัวแบบฝรั่งแต่มีรสมือ แบบครวั จนี หรอื ท่ีนกั ชิมรู้จักในสไตล์กกุ๊ ชอป โกเจก๊ ได้นาำ วตั ถุดิบ อาหารวฒั นธรรมอเมรกิ นั เช่น แฮม ไส้กรอก ไก่ทอด ซอสมะเขอื เทศ มาผสมดดั แปลงเปน็ เมนทู ท่ี าำ งา่ ยและเหมาะกบั คนจาำ นวนมาก คือ “ข้าวผัด” แตฝ่ รัง่ นน้ั กินอาหารจานเดย่ี วๆ ไม่คอ่ ยเปน็ เลยใส่ เครอ่ื งเคยี งลงไปหลายๆอยา่ งเหมอื นในจานอาหารของอเมรกิ าทมี่ ี หลายๆอย่างใส่รวมกนั ท้งั ไกท่ อด แฮม ไส้กรอก ไข่ดาว จนเปน็ ที่ รูจ้ ักกนั ในนาม ขา้ วผัดอเมรกิ นั และรู้จักกนั อยา่ งกวา้ งขวางในทกุ วนั น้ี เรอ่ื งราวของวศิ วกรผเู้ ชอ่ื มโยงศาสตรว์ ศิ วกรรมออกแบบ เขา้ กบั ศลิ ปะโอรกิ าม ิ และเรอ่ื งราวของสตั วแ์ พทยท์ ส่ี รา้ งมาตรฐาน ใหมข่ องการเดนิ ทาง สะทอ้ นถงึ วธิ คี ดิ แบบ ”ความคดิ ฟงุ้ กระจาย” (Divergent Thinking) คือการคิดถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ โดย การนำาสิ่งท่ีทำาเป็นมาตรฐานมาพลิกด้าน ขยายหรือลด เพ่ือ หาความนา่ จะเป็นในวิธีการแกไ้ ขปัญหา” 104

ในขณะท่ีเรอื่ งราวของคณุ ยาย ฮี จ ี ซกุ และโกเจก๊ ก็ใช้วิธี แบบ “ความคดิ รวบยอด” ( Convergent Thinking) คือการนำา สิ่งที่แตกต่างหลากหลายให้มาบรรจบกันได้เป็นเน้ือเดียวกัน ใน การขจดั ปัญหาอาหารเหลอื และนาำ มาจดั เรยี งอีกคร้งั ด้วยมมุ มอง ใหม ่ เพือ่ สร้างอาหารที่กา้ วข้ามรสชาติของเปร้ียว หวาน มัน เค็ม ไปสตู่ ำานานเร่อื งราวที่ส่ือสารความทรงจำาของประเทศ คงเปน็ เรอื่ งยากทจี่ ะชชี้ ดั วา่ รปู แบบความคดิ ใดทจี่ ะกอ่ ให้ เกดิ ความคดิ สรา้ งสรรค ์ เพราะความคดิ แตล่ ะรปู แบบกม็ ขี อ้ เดน่ ขอ้ ดอ้ ยทไี่ มเ่ หมอื นกนั แตล่ ะบคุ คลกม็ สี ไตลค์ วามคดิ ทแี่ ตกตา่ งกนั ตาม ลักษณะของปัจเจก “Convergent Thinking” ก็คือการสกัดข้อดีของสิ่ง ต่างๆแล้วนำามาเชื่อมโยงกันไว้ด้วยกัน ในขณะท่ี “Divergent Thinking” ก็เป็นการเอื้ออำานวยให้แสวงหาความเป็นไปได้ใหม่ แตไ่ มว่ า่ จะเปน็ ไปในรปู แบบไหนกต็ าม การใชใ้ หห้ วั สมองไดอ้ อกไอ เดยี คน้ หาวธิ กี ารใหมใ่ นการขจดั ปญั หา ยอ่ มเปน็ แกน่ แทข้ องความ คดิ สรา้ งสรรค์อยา่ งไมต่ อ้ งสงสยั 105

Divergent Convergent Thinking Thinking “คดิ แบบฟุ้งกระจาย” “คดิ แบบรวบยอด” IDEA IDEA FACT FACT IDEA IDEA FACT FACT คำถาม คำตอบ IDEA IDEA FACT FACT ใชค้ ำถามสรา้ งไอเดีย รวบรวมข้อมลู ท่หี ลากหลาย เพื่อหาคำตอบ 106



“แทบทกุ ครั้ง...คนส่วนนอ้ ยที่ อุทศิ ตนอย่างสร้างสรรค์ คอื กลุ่มคนทท่ี ำาให้โลกใบนีด้ ีขน้ึ ” ดร. มาร์ตนิ ลูเทอร์ คงิ จเู นยี ร์ นกั บวชผนู้ บั ถอื ศาสนาครสิ ต์นกิ ายโปรแตสแตนต์ และนกั ตอ่ สู้เพ่อื สิทธมิ นุษยชนทไ่ี ด้สรา้ งการเปลยี่ นแปลงครง้ั ใหญด่ า้ นความสัมพันธ์ของผู้คนต่างสีผิว ในประเทศสหรฐั อเมริกา 108

บทท่ี 10 ค ว า ม ฉ ล า ด ใ น ก า ร ส ร้ า ง ส ร ร ค์ (Creativity Quotient ) ถ้าพูดถึงความฉลาดในด้านต่างๆ เช่ือว่า หลายๆ ท่าน คงจะค้นุ เคยกบั IQ (Intelligence Quotient) EQ (Emotional Quotient) หรอื MQ (Moral Quotient) กันมาบา้ งแล้ว แตอ่ กี หนง่ึ Q ทจี่ าำ เปน็ สาำ หรบั ในยคุ น ี้ และยงั ไมเ่ ปน็ ทร่ี จู้ กั กนั ดเี ทา่ ทคี่ วร กค็ อื CQ (Creativity Quotient) เปน็ ความฉลาดใน ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค ์ มจี นิ ตนาการ เปน็ การสรา้ งแนวคดิ ใหมๆ่ จากความรพู้ น้ื ฐานทมี่ อี ยเู่ ดมิ ท ี ใหม้ ปี ระโยชน ์ มปี ระสทิ ธภิ าพและ ม่งุ ไปข้างหน้า 109

เมอ่ื โลกเปลยี่ นไปหมนุ ไวกวา่ ทเ่ี คยเปน็ ระบบสงั คมกป็ รบั เปลยี่ นไปตามกระแสโลกทกี่ าำ ลงั ถกู ขบั เคลอ่ื นไปสรู่ ะบบสงั คมใหม่ ทเ่ี รียกว่า “สังคมสร้างสรรค์” (Creative society) ทุกคำาตอบของสังคมโลก ทุกองค์ความรู้ใหม่ท่ีจะเกิด ขึ้น จะแขง่ ขนั กันบนหลักยืนของความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นพ้ืนฐาน ทำาให้ CQ จึงเป็นอีกหนึ่งทักษะความฉลาดที่ผู้บริหาร นักการ จดั การ หรอื พ่อแม่ยุค 4.0 ควรสง่ เสรมิ ใหบ้ ุคลากรและลกู หลานมี พฒั นาการไปพรอ้ มๆ กับ Q ตวั อนื่ ๆ ด้วย เพราะไม่เชน่ นนั้ บุคคล จะเตบิ โตเปน็ คนทเ่ี กง่ กลา้ สามารถ เปน็ ผเู้ ชยี่ วชาญทมี่ ที กั ษะเฉพาะ ด้าน แตไ่ ม่สามารถสังเคราะห์สิ่งใหมๆ่ ออกไปสู่สงั คมได ้ เพราะไร้ ซึ่งทกั ษะในการตดั ตอ่ ประสาน เช่ือมโยงกับองคค์ วามรูท้ ่มี อี ย่เู พอ่ื สร้างสรรค์ส่ิงใหมๆ่ เพราะความคิดสร้างสรรค์มีส่วนสัมพันธ์กับวิชาความรู้ ต่างๆ ดังวลีอันอมตะที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ที่ย่ิง ใหญ่ที่สุดท้ิงเอาไว้ให้แก่โลกใบนี้ว่า “จินตนาการสำาคัญกว่าความ รู้ เพราะความร้มู พี น้ื ทจ่ี ำากดั แตจ่ นิ ตนาการมีทุกท่ีบนผนื โลก” ต่อให้มีความรู้มากขนาดไหนแต่ถ้าหาก ไม่มีความคิด สร้างสรรค์และจินตนาการก็ไม่มีทางรู้เลยว่าจะเอาความรู้น้ันส่ง ออกไปท่ีไหน ? นาำ ไปใชก้ ับอะไร ? 110

แม้แต่ผู้นำาโลกอย่างสหรัฐอเมริกาก็มีความรู้สึกกังวลกับ ประเด็นนี้เชน่ กนั “ยุง ฮ ี คมิ ” นักวชิ าการจากมหาวิทยาลัย Col- lege of William & Mary ชวี้ า่ คนอเมรกิ นั ร่นุ ใหมจ่ ะมคี ะแนน IQ มากกวา่ คนรนุ่ กอ่ นหนา้ ประมาณ 10 จดุ สะทอ้ นวา่ สภาพแวดลอ้ ม สง่ เสรมิ ใหค้ นฉลาดมากขึน้ เรอ่ื ยๆ แต่ผลการวัดความคิดสร้างสรรค์กลับเป็นไปในทิศทาง ตรงกันข้าม และเป็นคร้งั แรกทเี่ พ่งิ มกี ารรายงาน ผลการศกึ ษาพบ วา่ คะแนนความคดิ สรา้ งสรรคข์ องเดก็ อเมรกิ นั ยงิ่ นบั วนั กย็ ง่ิ ตกตา่ำ ลง เหตุใดจึงเป็นเช่นน้ัน ? สาเหตุแรกเป็นเพราะเด็กใช้ เวลา อยู่หน้าจอทีวีและเล่นวิดีโอเกม มากกว่าการทำากิจกรรมท่ี สร้างสรรค์ เช่น เลน่ กฬี า วาดรูป พดู คยุ กับพอ่ แม ่ การไปเข้ากลุ่ม เล่นกีฬาให้มีความคิดฉับไวในการแก้ปัญหา การเข้าร่วมกิจกรรม เพ่อื แสดงบนเวทีใหป้ ระสาทตื่นตัว 111

สาเหตุต่อมาคือ โรงเรียนขาดการพัฒนาความคิด สร้างสรรค์ให้แก่นักเรียนอย่างเป็นบูรณาการ นโยบายการศึกษา แบบมาตรฐานเดิมทำาให้โรงเรียนเป็นสถานท่ีปราศจากความ พยายามท่จี ะถนอมรักษาความสามารถในการคิดสรา้ งสรรคใ์ หแ้ ก่ เดก็ ทกุ คนอยา่ งเปน็ ระบบ จงึ ปลอ่ ยใหก้ ารเกดิ ความคดิ สรา้ งสรรค์ กลายเปน็ เรอ่ื งของโชคชะตา ผู้เชี่ยวชาญในกระทรวงศึกษาธิการในสหรัฐอเมริกา ออกมาแสดงความเห็นว่า นโยบายการศึกษาแบบมาตรฐานเดิม เช่ือเหลือเกินว่า “ศิลปะเป็นบ่อเกิดของความคิดสร้างสรรค์” แต่ นักการศึกษาและนักวิชาการไดพ้ สิ ูจนแ์ ล้วว่า ความเช่ือดังกล่าวไม่ เปน็ ความจริง พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการจำากัดการใช้ความคิด สร้างสรรค์ แต่เพยี งในชั่วโมงศลิ ปะ นาฎศลิ ป์ และดนตรี เทา่ น้ัน หากแต่ควรใช้กับทุกวิชา เพราะความคดิ สร้างสรรค์ไม่ไดห้ มายถึง ความคดิ เพ้อฝัน จินตนาการ การคิดทีห่ ลุดลอยออกไปจากขอ้ เท็จ จรงิ ตรงขา้ ม การคน้ หาความจรงิ และการศกึ ษา คน้ ควา้ อยา่ งลกึ ซง้ึ ต่างหาก ที่เป็นข้ันตอนสำาคญั ของกระบวนการคดิ อยา่ งสร้างสรรค์ 112

กลับมาท่ีประเทศไทยต้องยอมรับเลยว่ากระทรวง ศกึ ษาธกิ ารมคี วามพยายามอยา่ งสงู ทจี่ ะพยายามบม่ เพาะและสรา้ ง “นกั เรียนสรา้ งสรรค”์ (Creative student) โดยการเปล่ียนผ่าน การเรยี นการสอน ใหก้ าร เรยี นรแู้ บบทอ่ งจาำ อาจารยส์ อน นกั เรยี น จด ซงึ่ เรยี กวา่ “Passive learning” นนั้ ลดน้อยลง และให้ความ สำาคัญกับการเรียนรู้แบบ “Active learning” หรือการให้โจทย์ กว้างๆแกน่ กั เรยี น เพ่ือให้ผ้เู รียนลองคิดและลงมือทำามากขึน้ ซง่ึ รปู แบบการสอนทง้ั 2 อย่างก็มีขอ้ ดีตา่ งกนั ถา้ ทาำ การ เปรยี บเทยี บกบั การเลน่ ดนตร ี Passive learning กเ็ ปน็ การสอนให้ ผู้เรียนจดจำาและตีความหมายของสัญลักษณ์โน้ตดนตรี ในขณะท่ี Active learning กค็ ือการใหน้ ักเรยี นจบั เครอื่ งดนตรใี หไ้ ดฝ้ กี ซอ้ ม ลองผดิ เรียนถกู จรงิ แลว้ แบบไหนดกี วา่ กนั ? การเรยี นทเ่ี หมาะสมจะตอ้ งมจี ดุ สมดลุ ของการเรยี นรแู้ ละไมโ่ อนเอยี งไปดา้ นใดดา้ นหนงึ่ เพราะการ อา่ น ฟงั และดูต้องควบคไู่ ปกับการลงมอื ทาำ อย่างเป็นเน้อื เดียวกนั เสมอ การหลอมรวมผสมผสานข้อดีของการเรียนการสอนท้ังสอง รปู แบบนอกจากจะใหน้ กั เรยี นไดเ้ รยี นรทู้ ฤษฎแี ละไดล้ องลงมอื ทาำ จรงิ ทง้ั ยงั ทาำ ใหผ้ เู้ รียนไม่รสู้ ึกเบ่อื กับวิชาเรยี นอีกด้วย 113

ดังน้ันไม่ใช่ว่าคาบเรียนวิชาต่างๆท่ีถูกออกแบบมาจาก กระทรวงศึกษาธิการใช้ไม่ได้ วิชาพ้ืนฐานเหล่านั้นยังคงมีความ จาำ เปน็ อย ู่ ยงั คงสามารถสอนตามหลกั สตู รได ้ เพยี งแตโ่ รงเรยี นตอ้ ง ผลกั ดนั นโยบายให้อาจารย ์ คณุ คร ู บุคลากรทางการศกึ ษาเปลีย่ น วิธีการสอนให้เป็น “ห้องเรียนสร้างสรรค์” ท่ีๆนักเรียนสามารถ สนุกและซึมซับบทเรียนได้อย่างสร้างสรรค์ แทนท่ีจะให้นักเรียน นง่ั ทอ่ งจาำ ในแบบทีพ่ วกเราเคยทาำ กนั มาเพียงอย่างเดยี ว ในขณะท่ีองค์กรช้ันนำาระดับโลก ต่างให้ค่าความสำาคัญ กับการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นเรื่องสลักสำาคัญในการ ชักนำาองค์กรสู่ความสำาเร็จ เช่น กูเกิล ท่ีมีช่ือเสียงมายาวนานใน แง่การลงทุนเพ่ือสร้างนวัตกรรม โดยการให้อิสระทีมงานไปสร้าง เทคโนโลยีใหมๆ่ ท่ไี มเ่ ก่ยี วกบั ธุรกจิ หลกั ของบรษิ ทั เชน่ รถยนตไ์ ร้ คนขบั โดรนส่งสินค้า บอลลนู กระจายสญั ญาณเน็ต บรษิ ัท 3M จะมสี ิ่งทเ่ี รียกว่า “Culture 15%” หมายถึง กฎ 15% ทีเ่ ปดิ โอกาสให้นักวิจยั หรือนักวทิ ยาศาสตร์ขององคก์ ร สามารถใช้เวลา 15% ของการทำางาน คิดค้นอะไรก็ได้ที่ตัวเอง สนใจ เพราะเชื่อว่าถ้าหากปล่อยให้พนักงานได้ใช้เวลาตามท่ีตัว เองชืน่ ชอบจะไดผ้ ลสำาเรจ็ ที่มากกว่า แม้แตอ่ งค์กรในประเทศไทย เองก็มีแนวคิดการบริหารจัดการองค์กรแนวใหม่ที่ช่ือ “องค์กร แหง่ นวตั กรรม” เปน็ การเออ้ื อาำ นวยโอกาสให้ทุกคนในองคก์ ร ได้ 114

คิดสร้างสรรค์และนำาเสนอแนวความคิดได้อย่างอิสระ ในสภาพ แวดลอ้ มทส่ี บาย ๆ ไมเ่ ครง่ เครยี ด ไมถ่ กู ตีกรอบความคดิ แต่เราไม่สามารถน่ังรอให้นโยบายท่ีสนับสนุนความคิด สรา้ งสรรคล์ อยออกมาจากหอ้ งประชมุ ผบู้ รหิ ารและกลายเปน็ แผน ปฏบิ ตั กิ ารได้ ข่าวดีก็คือ CQ ไม่ได้เป็นความฉลาดท่ีถูกกำาหนดมาแต่ เป็นทักษะท่ีสามารถเรียนรู้พัฒนาได้ ฉะนั้นสิ่งท่ีเราทำาได้ดีท่ีสุด และควรทำาที่สุดในช่วงเวลาน้ีคือ “การปฏิวัติตนเองสู่ความคิด สรา้ งสรรค”์ ซง่ึ ผแู้ ต่งขอแนะนำา 3 วธิ ีในการเพมิ่ CQ ซ่งึ ทำาไดง้ ่ายๆ ดงั น ้ี 1. ฝกึ เป็นบุคคลช่างสงั เกต (Be observant) : ทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์สามารถเรียนรู้กันได้ ทว่า ไม่ใช่เกิดจากการนั่งต้ังใจฟังเลคเชอร์ในห้องเรียนหรือมุ่งมั่นอ่าน หนังสือบทความจนเช่ียวชาญ แต่เกิดจากการฉุกคิดและจินตนา ภาพตามในชว่ งเวลาทส่ี มองไดร้ บั ขอ้ มูลใหม่ๆ ใส่ใจในรายละเอยี ด จนสงั เกตเหน็ ภาพใหญ่กลายเป็นสว่ นยอ่ ย แล้วนึกคิด ระลกึ ตรกึ ตรอง วา่ ส่วนยอ่ ยน้นั มคี วามสมั พนั ธ์กนั หรือขัดแยง้ กนั มนี ัยยะอัน ใดหรือไม่ ? 115

“อะกโิ อะ โมะริตะ” เขาเปน็ ประธานบรษิ ทั แห่งหนงึ่ ใน ญ่ีปุ่น เขารู้สึกสงสัยทุกคร้ังที่สังเกตเห็นพฤติกรรมของลูกสาว ท่ี กลับมาบา้ นจากโรงเรียนทีไร สง่ิ ท่เี ธอทำาเปน็ สิ่งแรกๆคือเปิดเพลง จากสเตอริโอที่เธอชอบก่อนที่จะทำาการล้างมือบ้วนปาก ตาม ธรรมเนียมการรักษาสุขอนามัยของคนญี่ปุ่นสมัยนั้น เขาไปสอบ ถามเพื่อนๆที่มีลูกชายลูกสาวในวัยเดียวกันว่าพบเห็นพฤติกรรม ทาำ นองนหี้ รอื ไม ่ ? ขอ้ สรปุ ของทกุ คนคอื “วยั รนุ่ กเ็ ปน็ แบบนแ้ี หละ” คน 99 คนจาก 100 คนจบความคดิ ไวแ้ คน่ ไ้ี มไ่ ดไ้ ปไหนตอ่ มแี คค่ น เดียวคอื โมะรติ ะเท่านน้ั ทส่ี งั เกตเห็น “นยั ยะ” อะไรบางอย่าง เนื่องจากเขาเป็นนักธุรกิจจึงต้องเดินทางไปประเทศ ต่างๆเพ่ือดูงานอยู่เสมอ เขามองออกไปตามท้องถนนท่ัวโลก เขา สังเกตเห็นกระแสนิยมว่าวัยรุ่นชอบที่จะแบกสเตอริโอขนาดใหญ่ ไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา ถึงแม้มันจะดูลำาบากไม่เข้าท่าแต่ก็ เป็นวิธีเดียวที่จะได้ฟังเพลงท่ีโปรดปรานตอนออกจากบ้านได้ ซ่ึง เขาตคี วามไดว้ ่า “ชวี ิตไมส่ ามารถขาดเสียงดนตรไี ด้” จงึ สง่ั การให้ วิศวกรของบริษัททำาการหาวิธีทำาให้เครื่องเสียงมีขนาดเล็กพกพา ได้สะดวก และไดต้ ง้ั ชื่อวา่ “วอลค์ กงิ้ สเตอริโอ” ซึ่งเปน็ ช่ือเรียก ตรงตามคุณสมบัติก็คือเดินไปพร้อมเสียงเพลง ต่อมาสิ่งประดิษฐ์ ชิน้ นนั้ ถูกเรยี กว่า “Walkman” และทาำ ให้วธิ ีการฟังเพลงของคน ทง้ั โลกเปลีย่ นไปโดยสิน้ เชิง 116

2. ฝึกทกั ษะวิศวกรรมผันกลับ (Reverse Engineering) :พวกเราทกุ คนทราบกนั เปน็ อยา่ งดวี า่ เราทกุ คนตอ้ งคดิ ไปขา้ งหนา้ เพอ่ื นาำ ทางบรษิ ทั ไปในจดุ ทดี่ กี วา่ เดมิ แตเ่ มอ่ื รทู้ ศิ แตม่ องไมเ่ หน็ ทาง กจ็ าำ เปน็ ตอ้ งกลบั มาทบทวนอกี ครงั้ วา่ จะเดนิ ไปขา้ งหนา้ ไดอ้ ยา่ งไร ? แต่ถา้ คดิ ไปข้างหนา้ แล้วมองไปไม่เห็นอะไร ทำาไมไม่ลองคิดยอ้ น กลับหลังเพื่อก้าวไปข้างหน้าตามหลักวิศวกรรมผันกลับท่ีสร้าง ความเจริญกา้ วหน้าใหก้ ับโลกใบน้ี วิศวกรรมผันกลับเป็นแนวคิดวิทยาศาสตร์ชีววิทยา จุด มงุ่ หมายคอื การเปดิ เผยความลบั นัน้ ๆ ออก โดยการแยกอุปกรณ์ ชิ้นส่วนออกจากกัน แล้ววิเคราะห์ค้นหาโครงสร้าง การทำางาน ของระบบ จากนน้ั จึงนาำ มาสรา้ งอปุ กรณใ์ หมห่ รือโปรแกรมใหม่ ที่ ทาำ งานไดเ้ หมอื นเดมิ โดยจดุ ประสงคท์ แ่ี ทจ้ รงิ ไมใ่ ชก่ าร “ลอกเลยี น” แต่คอื การ “ลอกเพ่อื เรยี น” วิศวกรรมย้อนกลับถูกนำามาใช้ในการทหารเพื่อคัดลอก เทคโนโลย ี อปุ กรณ ์ หรือข้อมูลของประเทศอ่นื แนวคิดนีถ้ ูกนำามา ใชบ้ อ่ ยในชว่ งสงครามโลกครง้ั ท ี่ 2 ตวั อยา่ งเชน่ เครอื่ งบนิ ทงิ้ ระเบดิ B-29 ของฝ่ายอเมริกันจำานวนหนึ่งท่ีไปปฏิบัติภารกิจที่ญี่ปุ่น ถูก บังคับให้ลงจอดในสหภาพโซเวียต ภายในไม่กี่ปีต่อมา โซเวียตได้ สร้างเครื่องบินท้ิงระเบิด Tu-4 ซง่ึ ลอกแบบมาจากเคร่อื งบิน B-29 ทกุ ประการ 117

ไม่ว่าท่านจะมอี าชพี อะไรหรือทาำ งานด้านใดก็ตาม หวั ใจ สาำ คญั ของการสรา้ งสรรคผ์ ลงานกค็ อื การเกบ็ เลก็ ผสมนอ้ ยจากเรอื่ ง ราวของคนอ่ืน แล้วนำามาเช่ือมประสานกับความเช่ียวชาญและ ทักษะที่พึงมี แล้วสร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวท่านข้ึนมา ดง่ั คำาทีป่ กิ สั โซกล่าวไวว้ า่ “ศลิ ปะคอื การขโมย” วงสวิงของนักกีฬาชั้นนำาเกิดจากการศึกษาจดจำาท่าทาง ของนักกีฬาระดับตำานาน ก่อนที่ศิลปินจะสร้างผลงานที่ย่ิงใหญ่ก็ ต้องขยันศึกษาลายพู่กันของจิตรกรชั้นครู นักเรียนดนตรีก่อนจะ แต่งเพลงได้ไพเราะต้องกระหายเรียนรู้จังหวะคำากลอนของศิลปิน ที่มีจิตวิญญาณ ก่อนจะเป็นนักการตลาดมือทองต้องฝึกอ่านกรณี ศึกษาในอดตี ทีผ่ ่านมาไมต่ าำ่ กว่า 100 รูปแบบ ท้ังหมดท้ังมวลล้วนแล้วแต่ทำาเพื่อเปิดมุมมองใหม่ๆท่ีไม่ เคยมองเหน็ มากอ่ น แลว้ จงึ ตอ่ ยอดเรอ่ื งราวใหเ้ ปน็ เอกลกั ษณแ์ บบ ฉบับความสร้างสรรค์ของตนเองในวันนี้ เพื่อรอคนรุ่นใหม่มาลอก เรียนในอนาคต 3. ฝกึ จดบนั ทกึ เป็นภาพ (Visual thinking) มนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่มีสมองสองซีก สมองซีกซ้าย จดจำาทำางานเกี่ยวกับตัวอักษรและตัวเลข ในขณะท่ีสมองซีกขวา จดจาำ ทาำ งานเกย่ี วกบั ภาพและส ี ในทกุ วนั นที้ โ่ี ลกอดุ มไปดว้ ยขอ้ มลู 118

MIND MAP MIND MAP ก็เปน็ อีกรูปแบบหนึง่ ของ Visual Thinking 119

ขา่ วสารมากมายดงั่ แรธ่ าตใุ นดนิ เราจดจาำ ทกุ ขอ้ มลู ทป่ี ระดงั เขา้ มา ในภาษาของตวั อกั ษร เราเกบ็ ขอ้ มลู ไวท้ คี่ ลงั สมองซกี ซา้ ยทคี่ ดิ เปน็ ภาษา แตแ่ ทบไมไ่ ดใ้ ชง้ านสมองซกี ขวาทคี่ ดิ เปน็ ภาพเลย ทาำ ใหก้ าร ทำางานของสมองท้งั สองซกี ขาดความสมดุล แรกเร่ิมน้ันมนุษย์ยุคหินสื่อสารกันด้วยภาพวาดบนผนัง ถำ้าไม่ใช่ตัวอักษร เด็กทุกคนทันทีท่ีกล้ามเนื้อแข็งแรงพอหยิบจับ ดินสอปากกาได้ ก็วาดสิ่งท่ีคิดส่ิงที่ฝันบนพื้นท่ีสีขาวไม่ว่าจะเป็น บนแผ่นกระดาษหรือฝาผนังบ้าน เมื่อข้ึนช้ันประถมเด็กเรียนรู้ท่ี จะใช้ตัวอกั ษรในการสอื่ สารมากกว่าภาพ เม่อื ขึ้นมธั ยมตัวอกั ษรมี ความสำาคัญกว่าภาพอยา่ งเหน็ ได้ชดั จากคาบเรียน และเมื่อโตเป็น ผใู้ หญ่เรากลายเป็นคนที่วาดรูปไมไ่ ด้อีกตอ่ ไป การจดบันทึกเป็นภาพคือการซื่อสัตย์ต่อสัญชาตญาณ ดั้งเดิมของมนุษย์ท่ีจดจำาภาพได้มากกว่าตัวอักษร คนท่ัวโลกมัก จะเชอื่ มโยงความสามารถทางดา้ นอกั ษรเขา้ กบั ความฉลาดอยเู่ สมอ อัลเบิร์ต ไอนส์ ไตน ์ (Albert Einstein) ในวยั เด็กถกู พี่เล้ียงเรียกวา่ “เจ้างั่ง” เพราะเขาแทบจะไม่พูดเลยจนกระทง่ั สองขวบคร่ึง สมัย เรยี นชน้ั ประถมแมเ้ ตบิ โตจนอาย ุ 9 ขวบเขากย็ งั ไมส่ ามารถสอื่ ความ หมายด้วยภาษาพูดได้รู้เร่ืองเท่าไร พ่อแม่ของไอน์สไตน์คิดว่าลูก ของเขามีไอคิวต่ำามาก คุณครูวิจารณ์ว่าสมองท่ึมท่ือ เพราะเขามี พฒั นาการทางภาษาที่ชา้ มากเสียจนเหมอื นจะหยุดนง่ิ 120

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไอน์สไตน์ได้กลายเป็นหน่ึงในคนท่ี ฉลาดทส่ี ดุ ในโลก นกั หนงั สอื พมิ พท์ อ้ งถนิ่ ทราบเขา้ จงึ ไปหาเขาเพอื่ สัมภาษณ์ ว่าเพราะอะไรเด็กท่ีพูดไม่ได้ในวัยเด็กกลายเป็นบุคคล อัจฉริยะที่ทวั่ โลกใหค้ วามสนใจ เขาบอกว่าตอนน้นั “ผมจดบันทึก เป็นภาพและไมร่ จู้ ะพูดมนั ออกมาอย่างไร ?” Visual thinking คอื การจดบนั ทกึ ความคดิ องคป์ ระกอบ ความหมายด้วยภาพสัญลักษณ์แทนท่ีจะบันทึกเป็นภาษาและตัว อักษร ไม่จำาเป็นต้องวาดออกมาอย่างสวยงามสมบูรณ์ เพียงแค่ อาศัยความกล้าท่ีจะปลดปล่อยจินตนาการออกมาและสนุกไปกับ มนั ถ้ายังนึกภาพไม่ออกว่า Visual Thinking เป็นอย่างไร มีรูปร่างหน้าตาแบบใด ? ขอแนะนำาเว็บไซต์ที่มีผลงานการจด บันทกึ เป็นภาพของผ้คู นทั่วโลก ลองเข้าไปดตู ัวอยา่ งไดท้ ่ี http:// sketchnotearmy.com/ ธรรมชาติออกแบบมาให้เราสังเกตผู้คน อารมณ์ สิ่ง แวดล้อมตลอดเวลาเพื่อให้เราอยู่รอดในยุคหินจนกระทั่งถึงยุคน้ีท่ี จะทำาให้ธุรกิจเรารอด แล้วยุคนี้ความรู้ข้อมูลสะดวกสบายหาได้ ด้วยด้วยอินเทอร์เน็ต อยากได้อะไร อยากอ่านอะไร อยากศึกษา อะไรสงั่ ไดต้ ามใจคดิ และการทม่ี ขี ้อมลู ทว่ มทน้ ถา้ ไม่อยากให้หลน่ 121

หายไปไหนกต็ อ้ งอาศัยการจดบันทกึ ท้ังหมดเป็น 3 สิ่งท่ีมีส่วนช่วยพัฒนาต่อมสร้างสรรค์ที่ เหมาะสมกับชีวิตคนทำางานสมัยนี้ เป็นทักษะที่สามารถใช้ได้จริง ในชีวิตประจำาวัน ฝึกฝนได้บ่อย อาจจะไม่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ ของบางคนแต่ก็ดีกว่าปลอ่ ยเวลาล่วงเลยไปเปลา่ ๆ ทหารเรือไม่ได้ ‘เรียน’ หรืออ่านคู่มือเพ่ือเป็นทหารเรือ แตพ่ วกเขาผา่ นการฝกึ มหาโหดในคา่ ยมากมายจน ‘กลายรา่ ง’ เปน็ ทหารเรือเตม็ ตวั ในท้ายท่ีสุด การคิดอย่างสร้างสรรค์ของคนเราก็เช่นกัน ไม่มีวิธีท่ีจะ เร่งให้คนเรากลายเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้เร็วในเวลาอัน สั้น การจะเป็นคนที่มีคุณสมบัติสร้างสรรค์ได้น้ัน จำาเป็นต้องใช้ เวลาบวกกับความพยายามผสมผสานเข้ากับการฝึกฝนท่ีบ่อยพอ และสม่ำาเสมอ ทั้งหมดจะกล่นั กรองใหเ้ ราเปน็ บุคลากรสรา้ งสรรค์ ท่ีมีแต่คนต้องการไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย แต่รวมไปยังตลาด โลกอกี ด้วย 122

ส ส ส C C C CONSUMPTION COMMUNICATION CREATION เสพ สือ่สาร สรา้ ง เมอื่ ไหร่ท่อี งคค์ วามรู้ แล้วถ้าองคค์ วามรู้ สิ่งนั้นจะพาให้สงั คม ทั้งสงั คมกา้ วไปข้างหน้า ในหลายๆรปู แบบ ถกู หมุนเวียนถา่ ยเท ดว้ ยการสรา้ งสรรค์สง่ิ ใหม่ ถกู จุดติดขึน้ มาในบุคคล แลกเปลีย่ น และส่งตอ่ จากบคุ คลไปสสู่ ังคม 123

บทส่งทา้ ย 124

นักอนาคตวิทยาและนักเขียนช่ือดังชาวอเมริกัน อัลวิน ทอฟเลอร์ ได้กล่าวไว้ว่า “คนท่ีไม่รู้หนังสือในศตวรรษท่ี 21 จะ ไม่ได้หมายถึงผู้ท่ีไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ แต่จะหมายถึงผู้ท่ี ไมส่ ามารถเรียนร ู้ ละท้ิงความรู้เดิม แลว้ เร่มิ เรียนรู้ใหม่ได”้ (The illiterate of the 21st century will not be those who cannot read and write, but those who cannot learn, unlearn, and relearn.) Learn คือการเรียนรู้ส่ิงใหม่ๆ การหาความรู้เพ่ิมเติม การรับรู้ ข้อมูลบางอย่าง ซ่ึงถือเป็นกระบวนการที่เริ่มต้นขึ้นต้ังแต่เราเกิด และดำาเนินไปอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตเพื่อสร้างบุคลิกภาพของ บุคคลน้ันๆ 125

Unlearn คือการไม่ยึดติด ยอมสละละทิ้งส่ิงท่ีเคยรู้มา ซ่ึงการละท้ิงความรู้เดิมนั้นจะเกิดข้ึนไม่ได้เลย ถ้าท่านไม่ยอมเปิด ใจเปิดรับมุมมองใหม่เกย่ี วกับส่งิ ต่างๆ Relearn คอื การเรยี นรสู้ ง่ิ ทเี่ ราเคยรแู้ ลว้ ดว้ ยมมุ มองใหม ่ นั่นแปลว่าคนเราสามารถพัฒนาความรู้และทักษะด้านต่างๆได้อยู่ ตลอดเวลาและสามารถเรียนรสู้ ิง่ เดิมในแงม่ มุ ใหมไ่ ด้เสมอ โลกของเราในเวลาน้ีเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การ เปลยี่ นแปลงเกดิ ขนึ้ รวดเรว็ ในระดบั วนิ าท ี พฤตกิ รรมของผบู้ รโิ ภค ก็ซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ ดังน้ัน ถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะก้าวไปสู่ อนาคต ด้วยการเรียนรู้บทเรียนสำาคัญทางประวัติศาสตร์ แล้วนำา มาสงั เคราะหเ์ ปน็ องคค์ วามร ู้ ชนดิ ใหม ่ เพอื่ สรา้ งเสน้ ทางของตนเอง แน่นอนว่าการก้าวออกจากพ้ืนท่ีทค่ี ุ้นเคย เพื่อเริ่มตน้ ทาำ สงิ่ ใหม ่ อาจจะลาำ บากและไมส่ ะดวกสบายนกั แตโ่ ปรดจาำ ไวว้ า่ ความ กระตอื รอื รน้ ท่ีร้อนแรง บวกกบั ความฝนั ทเ่ี ย้ายวนมนั สามารถง้าง ประตไู ด้ทกุ บาน 126

การใส่พลังงานไปจนเหลือล้นและทุ่มเทจนสุดพลัง มัน ยอ่ มทาำ ใหเ้ ราเหนด็ เหนอ่ื ย ซง่ึ มนั ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งแปลก แคม่ นั แปลกตรงท ่ี คนเหลา่ น ี้ มกั สรา้ งความยงิ่ ใหญใ่ หก้ บั มวลมนษุ ยชาต ิ และจะสรา้ ง แรงบันดาลใจให้คนรอบข้างเสมอ จงเปน็ ดั่งเทียน ทตี่ อ่ แสงไฟ ใหค้ นในสังคม และถ้าพวก เราทกุ คนชว่ ยกนั เราจะสามารถนาำ พาประเทศไทย ไปสจู่ ดุ ทด่ี กี วา่ เดิมได้ ดว้ ยพลังสรา้ งสรรค ์ ทเี่ รม่ิ ต้นจากตัวพวกเราทุกคน หวงั วา่ เนอื้ หาทกี่ ลนั่ กรองมานจี้ ะมปี ระโยชนไ์ มม่ ากกน็ อ้ ย และชว่ ยเปดิ สวิตซ์ความคิดสรา้ งสรรคใ์ นตัวของท่านเอง พรี ะวัฒน ์ อรุ พพี ฒั นพงศ ์ (โชน) 127

เตรยี มพบกับ CREATIVE BUSINESS SWITCH เปิดสวิตซ์ ธุรกิจสรา้ งสรรค์ เร็วๆนี้... 128

ประวัติผู้เขยี น พรี ะวัฒน์ อุรพีพัฒนพงศ ์ (โชน) เจ้าของธรุ กิจ , วิทยากรอสิ ระ , อาจารยพ์ เิ ศษ , นกั เขียนอสิ ระ, กระบวนกรอสิ ระ (Facilitator) มือถือ 089 145 5796 Email : [email protected] Line ID : 0891455796 ประสบการณ์ทำางาน ปัจจบุ ัน : Managing Director บรษิ ัท กีรตา โซลชู ่นั ส ์ จำากดั ผลิตและจำาหน่ายธูปควันน้อยปลอดสารก่อมะเร็งตรา “กีรตา” เรมิ่ ต้นจากการเดนิ ดูงาน OTOP สูก่ ารจำาหน่ายท่วั ประเทศ จนได้ รบั รางวลั ระดบั ประเทศพรอ้ มออกสอ่ื มากมายโดยไมเ่ สยี คา่ ใชจ้ า่ ย แม้แต่บาทเดียว 2547 – 2554 : Project director บริษัท นู้ด เจ ๊ จาำ กดั ดูแลลูกค้าในเอเจนซี่โฆษณาทั้งลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ เช่น สำานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) ,ภตั ตาคารอาหารญ่ปี ่นุ Fuji , โฟมลา้ งหน้า Smooth E ,ยาสีฟนั Dentiste , รถยนต ์ Honda , ร้านเฟอรน์ ิเจอร ์ IKEA และอน่ื ๆ อีกมากมาย และไดร้ ับรางวลั โฆษณาท้งั ในระดับประเทศ ภูมิภาค และระดบั โลก 129

130

รางวัลที่ไดร้ บั -รางวัล “สุดยอดนักสร้างสรรค์” ในการประกวดรางวัลสุดยอด นวตั กรรม 7 Innovation awards โดยบรษิ ทั ซีพี ออลล์ จำากัด (มหาชน) ภายใตโ้ ครงการความรว่ มมอื ขบั เคลอื่ นนวตั กรรมสาำ หรบั ประเทศ -รางวัล “ผลิตภัณท์โดดเด่นด้านสุขภาพ” ในการประกวด SME Inno Awards จากบรษิ ทั ธนาคารกสกิ รไทย จาำ กดั (มหาชน)ร่วม กบั นิตยสาร SME THAILAND ประสบการณ์ดา้ นวิทยากรและการบรรยาย ดา้ นการทำาธุรกิจ -วิทยากรรับเชิญในหัวข้อ “การเริ่มต้นธุรกิจ ในยุค4.0” ให้ แก่นักศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย -วิทยากรรับเชิญในหัวข้อ “เคล็ดลับสร้างธุรกิจ ในยุคดิจิทัล4.0” ให้แก่นกั ศึกษาคณะนเิ ทศศาสตรม์ หาวิทยาลัยบูรพา ดา้ นความคิดสร้างสรรค์และนวตั กรรม -วทิ ยากรรบั เชญิ ในหัวขอ้ “ความคิดสร้างสรรค ์ เคลด็ ลับการสรา้ ง นวตั กรรม” ใหแ้ ก่หนว่ ยงานนวัตกรรมของการไฟฟา้ ฝา่ ยผลิตแห่ง ประเทศไทย สาำ นกั งานใหญ่ (กฟผ.) 131

132

-วิทยากรรับเชิญในหลักสูตร “การพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพ ด้านความคิดสร้างสรรค์” ให้แก่สมาชิกของสมาคมการค้า อิเล็กทรอนกิ ส์เพ่ือธุรกจิ ท่องเที่ยว (ETA) -วิทยากรรับเชิญในหัวข้อ “ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะผู้นำาใน อนาคต” ของค่ายผูน้ าำ รนุ่ เยาว์ (Youth Camp for Next step 2018) -วิทยากรรับเชิญในหัวข้อ “เปิดสวิตช์ความคิดสร้างสรรค์เพื่อ พัฒนานวัตกรรมการศึกษาในยุค Thailand 4.0” ให้กับคณะผู้ บริหารของโรงเรียนทางเลือก จัดโดยสมาคมผู้บริหารสถานศึกษา เอกชน” (สบชน) -วิทยากรรับเชิญในหัวข้อ “ทวงคืน...ความคิดสร้างสรรค์บนเวที SVIEM TALK ยอ่ มาจาก Sharing Visions and Experiences that Inspire and Motivate people ซงึ่ มรี ปู แบบการจัดคล้าย TED TALK สนบั สนุนโดย บรษิ ทั ซพี ีแรม จำากดั (CPRAM) -ผู้อำานวยการหลักสูตร Creative switch ful day workshop “เรยี นรู้ความคิดสรา้ งสรรคใ์ น 1 วนั ผา่ นการลงมือทาำ จริง” ซี่งจัด ให้แก่บคุ คลภายนอกทส่ี นใจ โดยมกี ารจัดทาำ framework เพือ่ ให้ ผู้เรียนเขา้ ใจและเห็นภาพได้มากขน้ึ ด้านการตลาด -วิทยากรรับเชิญในหัวข้อ “เจาะตลาดออนไลน์ ไปกับสสว.” ให้ แก่สมาชิกของสำานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม (สสว.) 133

134

-วิทยากรรับเชิญในหัวข้อ “การทำา Marketing และสร้าง Con- tent ในยคุ 4.0” ใหแ้ ก่คณะทาำ งานและสมาชิกของสมาคมการคา้ อเิ ล็กทรอนกิ สเ์ พ่ือธรุ กิจท่องเที่ยว (ETA) -วิทยากรรับเชิญในหัวข้อ “ทำาการตลาดให้สุดติ่งด้วย Digital marketing” ให้แก ่ นกั ศกึ ษาระดับ ปวช ปี 3 สาขาวิชาการตลาด ของวทิ ยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชยการ -ผอู้ าำ นวยการหลกั สตู ร Content marketing for non-marketer “สร้างคอนเทนท์แบบใด จู่โจมจิตใจลูกค้า” ซี่งจัดให้แก่บุคคล ภายนอกที่สนใจ โดยมกี ารจดั ทาำ framework เพอ่ื ให้ผูเ้ รียนเข้าใจ และเห็นภาพได้มากขนึ้ ประสบการณด์ ้านวชิ าการ -อาจารยพ์ เิ ศษวิชา การตลาดดจิ ิทลั สาขาการจดั การธุรกจิ ดิจิทัล คณะบรหิ ารธรุ กิจ มหาวิทยาลัยศรีปทมุ -ฝา่ ยวชิ าการหลกั สตู ร DNA : Digital Network Advantage สาขา การจัดการธุรกิจดิจิทัล คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม บรหิ ารหลักสูตร โดย ดร.ธรี ศานต์ สหสั สพาศน์ -ทปี่ รึกษาดา้ นวิชาการของโครงการ “ไทยเดน่ ” THAIDEN อนั มี วัตถุประสงค์เพื่อสร้างเศรษฐกิจจากวัฒนธรรมผ่านสินค้าชุมชน ทอ้ งถน่ิ ทกุ จงั หวดั ทว่ั ประเทศไทยและสรา้ งสรรคเ์ ปน็ สนิ คา้ ของฝาก และของทร่ี ะลึกทมี่ อี ตั ลักษณ์ประจาำ จงั หวดั หรอื ท้องถิ่น เพอื่ เชอ่ื ม โยงและสง่ เสรมิ อตุ สาหกรรมทอ่ งเทยี่ ว ซง่ึ เปน็ อตุ สาหกรรมทสี่ รา้ ง 135

136

รายไดใ้ หป้ ระเทศอยา่ งมหาศาล ซง่ึ จดั โดย กองพฒั นาอตุ สาหกรรม สรา้ งสรรค์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม -ออกแบบหลกั สตู รฟรสี าำ หรบั เรยี นออนไลน ์ หรอื Massive Open Online Courseware (MOOC) สำาหรับโครงการ “ไทยเด่น” THAIDEN อนั มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจในในศาสตรข์ อง การเลา่ เร่ือง (STORYTELLING) เพอื่ ประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานด้านตา่ งๆ เชน่ การนำาเสนอสนิ คา้ การขาย การขอทนุ เป็นตน้ -หน่ึงใน50 กำาลังพลท่ีปรึกษาด้านดิจิทัลภายใต้โครงการพัฒนา ทักษะบุคลากรเร่งด่วนท่ีปรึกษาด้านดิจิทัล เพื่อภารกิจ Digital Transformation ให้ SMEs ไทยในอุตสาหกรรมต่างๆสามารถ ปรับตัวและสร้างการเติบโตในยุคดิจิทัลได้จริง ของสำานักงานส่ง เสริมเศรษฐกจิ ดิจิทลั หรือ DEPA ประสบการณ์ด้านการเขยี น -นกั เขยี นบทความรบั เชญิ ในเรอื่ งความคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม ให้แก่สาำ นกั ขา่ วออนไลน ์ 137

เตรยี มพบกับ CREATIVE BUSINESS SWITCH เปิดสวิตซ์ ธุรกิจสรา้ งสรรค์ เร็วๆนี้... 138


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook