การออกแบบการจัดการเรยี นรู้กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รายวชิ าภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๓๓๑๐๒ ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖ จัดทาโดย นางสาววรรณภรณ์ ทิพยส์ อน ตาแหน่ง ครูชานาญการ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตาบลช่างเค่งิ อาเภอแมแ่ จม่ จงั หวดั เชยี งใหม่ สานักบรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ สานักงานการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
คาอธิบายรายวชิ า รายวิชา ภาษาไทยพนื้ ฐานรหสั วชิ า ๓๓๑๐๒ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ ภาคเรียนที่ ๒/256๓ เวลา ๖0 ชัว่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต ศึกษาหลักการอ่านร้อยแก้วประเภทปาฐกถา เทศนา บทร้อยกรองประเภทโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย การอ่านจับ ใจความสาคัญ การตีความ การแปลความ และการขยายความ การอ่านวิเคราะห์ การวิจารณ์ การประเมินค่า และการแสดงความ คิดเห็นวรรณกรรมประเภทต่าง ๆ การสรุปเป็นแผนผังความคิด บันทึก ย่อความ รายงาน ความรู้จากการอ่านส่ือสิ่งพิมพ์ ส่ือ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ และแหล่งเรียนรู้ การเขยี นอธบิ าย บรรยาย พรรณนา แสดงทรรศนะ การโตแ้ ยง้ ได้ตรงตามวตั ถุประสงค์ โดยใชภ้ าษา เรียบเรียงถกู ตอ้ ง และมีขอ้ มูลสาระสาคญั ชัดเจน การเขียนเรียงความ ยอ่ ความจากสือ่ ที่หลากหลาย และการเขียนบนั เทงิ คดี การเขยี น รายงานจากการศกึ ษาค้นคว้าเรื่องทีส่ นใจ การฟัง การดู ข่าว เหตุการณ์ การอภิปราย การให้ความรู้ การคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ การ ประเมนิ ค่าโดยใช้วจิ ารณญาณอย่างสร้างสรรค์ การศึกษาบริบทธรรมชาติของภาษา พลังของภาษา และลักษณะของภาษา การใช้คา กลมุ่ คา เพอ่ื สรา้ งประโยคในการส่ือสาร การแต่งบทร้อยกรองประเภทฉันท์ อิทธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษาถิ่น การศึกษากวี นพิ นธ์ กลอน บทละคร วรรณกรรม วรรณคดี และการรวบรวมวรรณกรรมพนื้ บ้านท่ีเป็นภมู ิปัญญาทางภาษา การท่องจาบทอาขยาน ท่นี า่ สนใจ โดยใช้ทักษะกระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการคิด ทักษะการใช้ภาษา ทักษะการส่ือสาร การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล และการอภิปรายเพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาความรู้ที่ได้รับน้ันไปใ ช้สื่อสารได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ เห็นคณุ คา่ ของวรรณคดี วรรณกรรม มีคุณธรรมในการใชภ้ าษา และนาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน มาตรฐานและตัวชว้ี ัด มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคดิ เพื่อนาไปใช้ตดั สนิ ใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชีวติ และมนี ิสยั รกั การอา่ น ท 1.1 ม. ๖/1อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้อยา่ งถูกตอ้ ง ไพเราะ และเหมาะสมกบั เรอ่ื งท่ีอา่ น ท 1.1 ม. ๖/2 ตีความ แปลความ และขยายความเรื่องทีอ่ า่ น ท 1.1 ม. ๖/๓ วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์เร่ือง ทีอ่ ่านในทุกๆ ด้านอย่างมเี หตุผล ท 1.1 ม. ๖/๔ คาดคะเนเหตกุ ารณจ์ ากเร่อื งที่อา่ น และประเมนิ ค่าเพอื่ นาความรู้ ความคดิ ไปใชต้ ดั สินใจแก้ปัญหาในการดาเนนิ ชีวิต ท 1.1 ม. ๖/๕ วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ กบั เรือ่ งทีอ่ า่ น และเสนอความคิดใหมอ่ ย่างมเี หตผุ ล
ท 1.1 ม. ๖/๖ ตอบคาถามจากการอา่ นประเภทต่างๆภายในเวลาทกี่ าหนด มาตรฐาน ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นสอ่ื สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขยี นเรอ่ื งราวในรูปแบบต่างๆ เขียน รายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ท 2.1 ม. ๖/1 เขยี นสือ่ สารในรูปแบบตา่ งๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยใช้ภาษาเรยี บเรียงถกู ตอ้ ง มขี อ้ มูลและสาระสาคัญชดั เจน ท 2.1 ม. ๖/๒ เขยี นเรียงความ ท 2.1 ม. ๖/๓ เขียนยอ่ ความจากส่อื ทมี่ รี ูปแบบ และเนอ้ื หาหลากหลาย ท 2.1 ม. ๖/๔ ผลิตงานเขยี นของตนเองในรูปแบบต่างๆ ท 2.1 ม. ๖/๕ ประเมนิ งานเขยี นของผ้อู ่ืนแล้วนามาพฒั นางานเขียนของตนเอง ท 2.1 ม. ๖/๖ เขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าเร่ืองท่ีสนใจตามหลกั การเขยี นเชิงวิชาการ และใช้ข้อมูลสารสนเทศ อ้างองิ อยา่ งถูกตอ้ ง มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลอื กฟังและดอู ยา่ งมวี จิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และความรสู้ ึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ท 3.1 ม. ๖/1 สรปุ แนวคดิ และแสดง ความคดิ เห็นจากเรือ่ งท่ีฟงั และดู ท 3.1 ม. ๖/๒ วิเคราะห์ แนวคดิ การใชภ้ าษา และความน่าเชือ่ ถอื จากเรื่องที่ฟังและดอู ย่างมเี หตผุ ล ท 3.1 ม. ๖/๓ ประเมินเร่อื งท่ฟี งั และดูแลว้ กาหนดแนวทางนาไประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนนิ ชีวิต ท 3.1 ม. ๖/๔ มีวิจารณญาณในการเลือกเร่อื งท่ฟี งั และดู ท 3.1 ม. ๖/๕ พูดในโอกาสต่างๆ พูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าวใจ และเสนอแนวคดิ ใหม่ด้วยภาษาถกู ตอ้ งเหมาะสม ท 3.1 ม. ๖/6มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด มาตรฐาน ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ปิ ัญญา ทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติของชาติ ท 4.1 ม. ๖/1 อธิบายธรรมชาติของภาษาพลังของภาษา และลกั ษณะของภาษา ท 4.1 ม. ๖/2ใชค้ าและกลมุ่ คาสรา้ งประโยคตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ ท 4.1 ม. ๖/๓ใช้ภาษาเหมาะสมแกโ่ อกาส กาลเทศะและบุคคล รวมทัง้ คาราชาศัพทอ์ ยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ท 5.1 เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณค่าและนามาประยกุ ตใ์ ช้ ในชวี ิตจริง ท 5.1 ม. ๖/1 วเิ คราะห์และวจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมตามหลักการวจิ ารณเ์ บ้ืองต้น ท 5.1 ม. ๖/2 วิเคราะห์ลักษณะเดน่ ของวรรณคดเี ชือ่ มโยงกับการเรยี นรู้ทางประวัตศิ าสตรแ์ ละวิถีชีวิตของสงั คมในอดตี ท 5.1 ม. ๖/3 วเิ คราะหแ์ ละประเมินคุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมในฐานะท่เี ปน็ มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ท 5.1 ม. ๖/4 สงั เคราะหข์ ้อคดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรมเพอ่ื นาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ท 5.1 ม. ๖/๕ รวบรวมวรรณกรรมพืน้ บ้านและอธบิ ายภมู ปิ ญั ญาทางภาษา ท 5.1 ม. ๖/๖ ทอ่ งจาและบอกคุณคา่ บทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อยกรองทมี่ ีคณุ ค่าตามความสนใจ และนาไปใชอ้ า้ งองิ รวมทั้งหมด ๒๘ ตัวชี้วดั
ผังมโนทัศน์ รายวชิ าภาษาไทยพ้ืนฐาน รหัสวชิ า ท ๓๓๑๐๒ ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศึกษา 256๓ การอ่านออกเสียง จานวน ๑๕ ชวั่ โมง ฟังดูพูดสรา้ งสรรคช์ ีวิต การเขียนเพือ่ การสื่อสาร จานวน ๑๕ ชว่ั โมง จานวน ๑๕ ชัว่ โมง ภาษาไทยพืน้ ฐาน ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖ จานวน ๘๐ ช่ัวโมง หรรษาวรรณคดีไทย เรยี นรหู้ ลักภาษา จานวน ๑๕ ช่วั โมง จานวน ๒๐ ช่วั โมง
แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ เรอื่ งการอ่านออกเสียง แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เร่ือง ความรพู้ นื้ ฐานในการอ่าน รายวิชา ภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๓๓๑๐๒ ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ภาคเรยี นท่ี ๒ปีการศึกษา ๒๕๖๓ นา้ หนักเวลาเรียน ๔๐ ชั่วโมง เวลาเรียน ๓ ชวั่ โมง / สัปดาห์ เวลาทใ่ี ช้ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๓ ช่วั โมง ๑. สาระสาคัญ (ความเข้าใจทีค่ งทน) ความรูพ้ ืน้ ฐานในการอ่านชว่ ยให้อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง และมีมารยาท ในการอ่าน ๒. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้วี ดั ช้นั ปี / ผลการเรยี นรู้ / (เปา้ หมายการเรยี นร้)ู มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรูแ้ ละความคดิ เพื่อนาไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ัญหาในการ ดาเนนิ ชวี ติ และมนี ิสัยรักการอ่าน ตวั ช้วี ดั ม.๒/๑ อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ม.๒/๘ มมี ารยาทในการอ่าน ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑เนื้อหาสาระหลกั : Knowledge (ผ้เู รยี นตอ้ งรู้อะไร) - ความรูพ้ น้ื ฐานในการอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วบทรอ้ ยกรอง ๓.๒ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (ผ้เู รยี นสามารถปฏบิ ตั ิอะไรได้) - อ่านบทรอ้ ยแก้ว และบทรอ้ ยกรอง ๓.๓ คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ : Attitude (ผู้เรยี นควรแสดงพฤติกรรมการเรยี นอะไรบา้ ง) - กระตอื รือรน้ ในการรว่ มกจิ กรรม ๔. สมรรถนะสาคญั ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๕. คุณลักษณะของวิชา ๑. ความต้ังใจ ๖. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑. ใฝเ่ รยี นรู้ ๗. ภาระงาน / ชน้ิ งาน ตามตัวช้ีวดั ๑. อธบิ ายหลักความรู้พ้นื ฐานในการอ่านบทร้อยแก้ว และบทรอ้ ยกรอง
๘. ภาระงาน / ช้ินงานรวบยอด ๑. อธิบายหลักความรูพ้ น้ื ฐานในการอ่าน ๙. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๙.๑ ขน้ั ต้ังคาถาม ๑.ครสู นทนากบั นักเรยี นเรื่องความสาคญั ของการอ่าน ๒.ครใู หน้ กั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั การอา่ นของคนในสมัยปัจจุบันว่า คนไทยเปน็ นกั อ่านหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ๓.นักเรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคิด ๙.๒ข้นั การเตรยี มการค้นหาคาตอบ ๑.ครูแบ่งนกั เรยี นเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละกนั ตามความ สามารถ คือ เกง่ ปานกลางคอ่ นข้างเก่ง ปาน กลางค่อนขา้ งอ่อน และออ่ น ๒.นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ศึกษาความรูเ้ รอ่ื ง ความรู้พืน้ ฐานในการอ่าน จากหนังสอื เรยี น ๙.๓ขั้นการดาเนนิ การค้นหาคาตอบและตรวจสอบคาถาม ๑.นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันทาใบงานที่ 1.1 เร่ือง ความร้พู นื้ ฐานในการอ่าน โดยใหส้ มาชกิ แตล่ ะคนในกลมุ่ หาคาตอบดว้ ยตนเองจนครบทุกข้อ จากน้ันจบั คูก่ บั เพอื่ นในกลุ่มผลัดกนั อธิบายคาตอบใหค้ ขู่ องตนเองฟัง (สมาชกิ กลุม่ อีกคหู่ น่งึ กป็ ฏิบตั กิ ิจกรรมเช่นเดยี วกัน) ๒.นักเรียนรวมกลุ่ม 4 คน ใหแ้ ต่ละคูผ่ ลัดกันอธิบายคาตอบใหเ้ พื่อนอีกคู่หนึง่ ในกลุม่ ฟงั เพือ่ ช่วยกนั ตรวจสอบ ความถกู ต้อง ๓.ครสู ุ่มตวั แทนนักเรยี น 1-2 กลุ่ม ออกมานาเสนอคาตอบใน ใบงานท่ี 1.1 หนา้ ชนั้ เรียน ครแู ละเพ่ือน นักเรียนกลุ่มอ่นื รว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ๔. นกั เรียนตอบคาถามกระตุน้ ความคิด ๙.๔ ขน้ั การสรปุ และนาเสนอผลการค้นหาคาตอบ นักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั สรุปองค์ความร้พู ืน้ ฐานในการอ่าน ๑๐. สอ่ื อปุ กรณแ์ ละแหลง่ เรียนรู้ จานวน สภาพการใช้สื่อ รายการส่ือ ให้นักเรยี นศึกษาความรพู้ ้ืนฐานในการอ่าน ๑) หนังสอื เรียน ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใช้ภาษา ใหน้ กั เรียนตอบคาถามในใบงาน ม.๒ ๒) ใบงานท่ี ๑.๑เรอื่ ง ความรู้พน้ื ฐานในการอา่ น
๑๑. การวัดผลและประเมนิ ผล เปา้ หมาย หลักฐานการเรยี นรู้ วธิ ีวัด เครอื่ งมือวดั ฯ ประเด็น/ การเรยี นรู้ ช้นิ งาน/ภาระงาน ตรวจใบงานที่ ๑.๑ ใบงานที่ ๑.๑ เกณฑก์ ารให้ ความรู้พ้นื ฐานในการ อธิบายหลกั ความรู้ คะแนน อา่ นช่วยให้อา่ นออก พนื้ ฐานในการอา่ น เสียงบทรอ้ ยแกว้ และ รอ้ ยละ ๖๐ ผา่ น บทรอ้ ยกรองได้ เกณฑ์ ถกู ต้อง และมี มารยาท ในการ อ่าน ๑๒. การบูรณาการตามจดุ เนน้ ของโรงเรียน ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ครู ผู้เรยี น 1. พอประมาณ ให้นักเรยี นอา่ นหลักความรู้พื้นฐาน นกั เรยี นอ่านหลักความรู้พน้ื ฐานใน ในการอ่าน การอา่ น 2. ความมีเหตุผล ให้นกั เรียนอธิบายหลกั ความรู้ นักเรยี นอธบิ ายหลกั ความรู้พื้นฐานใน พ้ืนฐานในการอ่านท่ีถกู ต้อง การอา่ นทถ่ี ูกตอ้ ง 3. มภี ูมคิ ุ้มกนั ทด่ี ีในตัว ให้นกั เรียนอธบิ ายหลักความรู้ นกั เรยี นอธิบายหลกั ความรพู้ ื้นฐานใน พื้นฐานในการอา่ นท่ีถูกต้องได้ การอ่านท่ีถกู ตอ้ งได้ 4. เงื่อนไขความรู้ ความรพู้ ืน้ ฐานในการอ่านชว่ ยให้ ความร้พู ้นื ฐานในการอ่านชว่ ยใหอ้ ่าน อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบท ออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อย ร้อยกรองได้ถกู ต้อง และมมี ารยาท กรองได้ถูกตอ้ ง และมมี ารยาท ในการอ่าน ในการอ่าน 5. เงื่อนไขคุณธรรม - - สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ครู ผเู้ รียน นกั เรียนอา่ นชอ่ื พรรณไม้ ใหน้ กั เรยี นอ่านชื่อพรรณไม้ใน นักเรียนอ่านชอ่ื พรรณไม้ในโรงเรียน โรงเรียน ส่ิงแวดลอ้ ม ครู ผู้เรยี น อ่านออกเสียง ใหน้ กั เรียนอ่านขา่ วจาก นกั เรยี นอ่านข่าวใหเ้ พ่ือนฟงั หนา้ หนังสือพมิ พใ์ นห้องสมุด ห้องเรียน ลงช่อื ..................................................ผ้สู อน (นางสาววรรณภรณ์ ทิพย์สอน)
ใบงานท่ี 1 ความร้พู น้ื ฐานในการอา่ น คาชี้แจง ให้นกั เรียนตอบคาถามต่อไปนี้ 1. การอ่านในใจแตกตา่ งจากการอา่ นออกเสยี งอย่างไร 2. การอา่ นมีความสาคญั อย่างไร 3. การอา่ นหนังสือในห้องสมดุ ต้องปฏบิ ัติอยา่ งไร จึงจะถูกต้องตามมารยาทในการอา่ น 4. การอา่ นทม่ี ีประสทิ ธภิ าพ มปี ัจจัยพ้ืนฐานอย่างไร
เกณฑก์ ารให้คะแนน วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 (ประเมนิ ตามสภาพจริง) ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานที่ 1.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ ม่นั ในการทางาน แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
แบบสังเกตพฤตกิ รรม การทางานรายบคุ คล ชอ่ื ช้ัน คาช้แี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ ง ท่ีตรงกับระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓๒๑ ๑ การแสดงความคดิ เหน็ ๒ การยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผูอ้ ืน่ รวม ๓ การทางานตามหนา้ ท่ีท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ๔ ความมีน้าใจ ๕ การตรงต่อเวลา ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ ๓ คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ ๑ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ๑๒ - ๑๕ ดี ๘ - ๑๑ พอใช้ ต่ำกว่ำ ๘ ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คาช้แี จง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ ง ท่ตี รง กับระดบั คะแนน คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ า้ น ๓๒๑ 1.รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ กษัตริย์ ๑.๒ เขา้ ร่วมกิจกรรมทส่ี ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ ต่อ ๒. ซื่อสตั ย์ สุจรติ โรงเรยี น ๓. มวี นิ ยั รับผดิ ชอบ ๑.๓ เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถอื ปฏบิ ัติตามหลักศาสนา ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๑.๔ เขา้ ร่วมกจิ กรรมทเ่ี กยี่ วกบั สถาบนั พระมหากษตั ริยต์ ามท่ีโรงเรียนจดั ข้นึ ๒.๑ ให้ขอ้ มูลท่ถี กู ต้อง และเปน็ จริง ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง ๒.๒ ปฏิบตั ิในสง่ิ ทถ่ี ูกตอ้ ง ๓.๑ ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครัว 1. มงุ่ มั่นในการ ทางาน มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชีวติ ประจาวนั ๗. รักความเปน็ ไทย ๔.๑ รู้จักใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏบิ ตั ไิ ด้ ๘. มีจติ สาธารณะ ๔.๒ รจู้ ักจัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม ๔.๓ เช่อื ฟังคาสั่งสอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้ ๔.๔ ต้ังใจเรยี น ๕.๑ ใชท้ รัพยส์ นิ และสิง่ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั ๕.๒ ใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นอย่างประหยดั และรูค้ ณุ ค่า ๕.๓ ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงนิ ๖.๑ มคี วามตั้งใจและพยายามในการทางานทไ่ี ด้รับมอบหมาย ๖.๒ มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรคเพือ่ ให้งานสาเร็จ ๗.๑ มีจิตสานกึ ในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย ๗.๒ เหน็ คุณคา่ และปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรมไทย ๘.๑ รจู้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน ๘.๒ รู้จักการดแู ล รักษาทรัพย์สมบัติและสง่ิ แวดลอ้ มของห้องเรียน โรงเรยี น ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ ๓ คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ให้ ๑คะแนน ๔๖ - ๖๐ ดี ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ๓๐ - ๔๕ พอใช้ ต่ากวา่ ๓๐ ปรบั ปรงุ
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เร่ืองการอา่ นออกเสยี ง แผนการเรียนรูท้ ี่ ๒ เร่ือง หลักการอา่ นออกเสยี งร้อยแก้ว รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๓๓๑๐๒ ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ ภาคเรยี นที่ ๒ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ น้าหนกั เวลาเรยี น ๔๐ ชว่ั โมง เวลาเรียน ๓ ชั่วโมง / สปั ดาห์ เวลาทใ่ี ชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๓ ช่วั โมง ๑. สาระสาคัญ (ความเข้าใจท่ีคงทน) การมีความรเู้ ร่ือง หลักการอา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ ชว่ ยให้อา่ นได้ถูกต้อง ๒. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้ีวัดชั้นปี / ผลการเรยี นรู้ / (เปา้ หมายการเรียนรู)้ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐานท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคดิ เพือ่ นาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แกป้ ัญหาในการ ดาเนนิ ชีวิต และมนี สิ ัยรักการอา่ น ตัวช้ีวดั ม.๖/1 อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถกู ต้อง ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑เน้ือหาสาระหลัก : Knowledge (ผเู้ รียนตอ้ งรู้อะไร) - การอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้ว ๓.๒ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (ผ้เู รียนสามารถปฏิบตั ิอะไรได้) - อา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว ๓.๓ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ : Attitude (ผเู้ รียนควรแสดงพฤติกรรมการเรยี นอะไรบ้าง) - กระตือรือรน้ ในการอา่ นออกเสียง ๔. สมรรถนะสาคัญ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๕. คณุ ลักษณะของวิชา ๑. ความตั้งใจ ๖. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. ใฝเ่ รยี นรู้ ๗. ภาระงาน / ช้นิ งาน ตามตวั ช้วี ดั ๑. การอา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้
๘. ภาระงาน / ช้ินงานรวบยอด ๑. อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ ไดถ้ กู ต้อง ๙. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๙.๑ ขั้นตงั้ คาถาม 1.ครูใหน้ กั เรยี นฟงั ซดี ีการอ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ ท่ีอ่านไดไ้ พเราะ ถูกตอ้ งตามหลกั การอ่าน หรอื ครู อา่ นให้นักเรยี นฟัง 2.นักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วจากส่อื ที่ฟงั 3.นักเรียนตอบคาถามกระต้นุ ความคดิ ๙.๒ข้ันการเตรยี มการค้นหาคาตอบ ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั ศึกษาความร้เู ร่ือง หลกั การอ่านออกเสียง บทรอ้ ยแก้ว จากหนงั สอื เรียน ๙.๓ข้ันการดาเนนิ การคน้ หาคาตอบและตรวจสอบคาถาม 1.นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันทาใบงานที่ 1.2 เร่ือง หลักการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว โดยให้สมาชกิ จับคู่กบั เพอ่ื นในกลุ่ม แลว้ ให้นกั เรียนคนหนงึ่ ยกตัวอยา่ งวธิ ีอ่านที่ 1 ในข้อท่ี 1 และนักเรียนอกี คนหนึ่งเป็นฝ่าย สงั เกต (สมาชิกอีกคหู่ นงึ่ ที่อยใู่ นกลุ่มเดียวกนั ก็ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมในทานองเดยี วกนั ) 2.นักเรียนท่ที าหน้าทเ่ี ปน็ ฝา่ ยสังเกต จะทาหน้าทีต่ รวจสอบ และแสดงความคิดเหน็ ดว้ ย เมือ่ ตรวจสอบ วา่ เป็นตัวอยา่ งที่ถูกต้องพร้อมแสดงความยินดี 3.นกั เรียนแต่ละคู่เปลี่ยนบทบาทกนั ในวิธอี ่านเดยี วกันในข้อ 2 และวิธีอา่ นต่อไปจนครบทุกวิธี โดยสลับ หนา้ ทจ่ี ากผ้ทู ่ยี กตวั อยา่ งวิธอี ่านเป็นผสู้ ังเกต และจากผสู้ งั เกตเป็นผู้ยกตวั อย่างวธิ อี ่าน 4.เม่อื จบการยกตวั อยา่ งวิธีอา่ นทุกวิธแี ลว้ ให้นกั เรียนแตล่ ะค่รู วมกลมุ่ กนั ตามเดิม แล้วนาตวั อย่างวธิ อี า่ น มาเปรยี บเทียบกนั และชว่ ยกันอธบิ ายแสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติมเพอ่ื ความกระจา่ งชดั เจนสรุปเปน็ ตวั อยา่ งของกลุ่ม ๙.๔ ขั้นการสรปุ และนาเสนอผลการคน้ หาคาตอบ นักเรียนและครูร่วมกนั สรุปหลกั การอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้ว ๑๐. ส่อื อปุ กรณ์และแหล่งเรียนรู้ รายการส่ือ จานวน สภาพการใช้สอื่ 1)หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.๖ ให้นกั เรยี นฝกึ อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ 2)ซีดีการอา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ 1 แผน่ 3)ใบงานท่ี 1.2 เรื่อง หลักการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้
๑๑. การวดั ผลและประเมินผล เป้าหมาย หลกั ฐานการเรียนรู้ วธิ วี ดั เครอ่ื งมอื วัดฯ ประเด็น/ การเรยี นรู้ ช้ินงาน/ภาระงาน ใบงานท่ี 1.2 เกณฑ์การให้ ตรวจใบงานที่ การมคี วามรูเ้ ร่ือง อ่านออกเสยี งบทร้อย 1.2 คะแนน หลักการอ่านออก แก้วช่วยให้อ่านได้ เสยี งบทร้อยแก้วชว่ ย ถูกต้อง ร้อยละ ๖๐ ผ่าน ใหอ้ า่ นได้ถูกตอ้ ง เกณฑ์ ๑๒. การบูรณาการตามจุดเนน้ ของโรงเรียน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ครู ผู้เรียน 1. พอประมาณ ให้นกั เรียนอา่ นหลักการอ่านออก นักเรยี นอ่านหลกั การอ่านออกเสยี ง บทร้อยแกว้ เสียงบทรอ้ ยแกว้ นักเรียนอธบิ ายหลกั การอ่านออก 2. ความมีเหตุผล ให้นักเรียนอธิบายหลักการอา่ น เสยี งบทรอ้ ยแกว้ ที่ถูกตอ้ ง ออกเสยี งบทร้อยแกว้ ท่ีถกู ต้อง นักเรยี นอธิบายหลกั การอา่ นออก เสยี งบทร้อยแกว้ ทีถ่ ูกต้องได้ 3. มภี มู คิ ุม้ กนั ทด่ี ใี นตัว ให้นกั เรยี นอธบิ ายหลักการอา่ น การมคี วามรเู้ รื่อง หลกั การอา่ นออก ออกเสยี งบทร้อยแก้วท่ีถกู ต้องได้ เสยี งบทร้อยแก้วช่วยใหอ้ า่ นได้ ถกู ต้อง 4. เงอื่ นไขความรู้ การมคี วามรเู้ ร่ือง หลกั การอ่าน ออกเสยี งบทร้อยแก้วช่วยใหอ้ ่าน ได้ถูกตอ้ ง 5. เง่อื นไขคุณธรรม - - สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ผ้เู รียน นักเรียนอา่ นช่อื พรรณไม้ ครู นกั เรียนอา่ นชื่อพรรณไม้ในโรงเรยี น สง่ิ แวดลอ้ ม ให้นกั เรยี นอา่ นชื่อพรรณไม้ใน ผู้เรยี น นักเรียนอ่านบทความ โรงเรยี น นกั เรยี นอา่ นบทความจากวารสาร ครู ให้นักเรยี นอา่ นบทความจาก วารสารในหอ้ งสมุด ลงชอ่ื ..................................................ผู้สอน (นางสาววรรณภรณ์ ทิพย์สอน)
ใบงานที่ 2 หลกั การอา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ คาช้แี จง ให้นกั เรยี นยกตัวอย่างการอา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้ว ตามวิธอี า่ นทีก่ าหนด ขอ้ วธิ ีอ่าน ตัวอย่าง ตวั อยา่ ง อ่านตามอกั ขรวธิ ี สวสั ดี อา่ นว่า สะ-หวดั -ดี (อา่ นออกเสียงอักษรนา) 1 อา่ นตามอกั ขรวิธี 1. 2. 2 อ่านตามความนยิ ม 1. 2. 3 อ่านตัวยอ่ 1. 2. 4 อ่านตัวเลขและ 1. เครอ่ื งหมายต่างๆ 2. 5 อ่านนามเฉพาะ 1. 2.
แบบสังเกตพฤตกิ รรม การทางานรายบคุ คล ชอ่ื ช้ัน คาช้แี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ ง ท่ีตรงกับระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓๒๑ ๑ การแสดงความคดิ เหน็ ๒ การยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผูอ้ ืน่ รวม ๓ การทางานตามหนา้ ท่ีท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ๔ ความมีน้าใจ ๕ การตรงต่อเวลา ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ ๓ คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ ๑ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ๑๒ - ๑๕ ดี ๘ - ๑๑ พอใช้ ต่ำกว่ำ ๘ ปรบั ปรงุ
แบบสังเกตพฤติกรรม การทางานกลมุ่ ช่ือกลุ่ม ช้ัน คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่อง ท่ตี รงกบั ระดับคะแนน ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 4321 1 การแบง่ หนา้ ที่กันอย่างเหมาะสม 2 ความรว่ มมอื กันทางาน 3 การแสดงความคดิ เหน็ 4 การรับฟังความคดิ เหน็ 5 ความมีน้าใจชว่ ยเหลอื กัน รวม ลงช่ือ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ ง ท่ีตรง กบั ระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพึงประสงคด์ ้าน ๓๒๑ 1. รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ ๑.๒ เข้าร่วมกิจกรรมทส่ี รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ ตอ่ กษัตริย์ โรงเรยี น ๒. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ ๑.๓ เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถือ ปฏิบตั ิตามหลักศาสนา ๓. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ ๑.๔ เข้าร่วมกจิ กรรมท่เี กย่ี วกบั สถาบันพระมหากษตั ริยต์ ามท่ีโรงเรียนจัดข้ึน ๔. ใฝเ่ รียนรู้ ๒.๑ ใหข้ ้อมลู ที่ถกู ตอ้ ง และเปน็ จรงิ ๒.๒ ปฏิบตั ใิ นส่ิงทถี่ ูกต้อง ๕. อยู่อย่างพอเพียง ๓.๑ ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของครอบครวั 6. มงุ่ ม่ันในการทางาน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชีวติ ประจาวนั ๗. รักความเป็นไทย ๔.๑ รจู้ กั ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบตั ไิ ด้ ๘. มจี ติ สาธารณะ ๔.๒ รู้จักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม ๔.๓ เชอ่ื ฟังคาสงั่ สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง ๔.๔ ตัง้ ใจเรยี น ๕.๑ ใชท้ รพั ยส์ ินและสงิ่ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั ๕.๒ ใช้อุปกรณก์ ารเรยี นอย่างประหยดั และรู้คณุ คา่ ๕.๓ ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงนิ ๖.๑ มีความตง้ั ใจและพยายามในการททาางงาานนท่ีไดร้ ับมอบหมาย ๖.๒ มคี วามอดทนและไมท่ ้อแทต้ ่ออปุ สรรคเพ่ือให้งานสาเร็จ ๗.๑ มีจิตสานึกในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย ๗.๒ เห็นคุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย ๘.๑ รู้จกั ช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครทู างาน ๘.๒ รูจ้ ักการดแู ล รักษาทรัพย์สมบตั แิ ละส่ิงแวดลอ้ มของห้องเรียน โรงเรยี น ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................ เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ ๓ คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ ๑คะแนน ๔๖ - ๖๐ ดี ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ๓๐ - ๔๕ พอใช้ ตา่ กวา่ ๓๐ ปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้แบบอิงมาตรฐาน หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑ เรอ่ื งการอา่ นออกเสียง แผนการเรยี นรู้ท่ี ๓ เรอ่ื ง หลักการอา่ นออกเสยี งร้อยกรอง รายวชิ า ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๓๓๑๐๒ ระดับชั้น มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ ปีการศกึ ษา ๒๕๕๖ น้าหนกั เวลาเรยี น ๔๐ ช่ัวโมง เวลาเรยี น ๓ ช่วั โมง / สปั ดาห์ เวลาท่ใี ช้ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑ ชวั่ โมง ๑. สาระสาคญั (ความเข้าใจท่คี งทน) การอา่ นออกเสียงบทร้อยกรองที่ถูกตอ้ งน้ันต้องมีความรู้เร่ืองหลกั การอา่ นออกเสยี ง ๒. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้ีวดั ชนั้ ปี / ผลการเรียนรู้ / (เปา้ หมายการเรยี นรู้) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐานท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคิดเพอื่ นาไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ญั หาในการ ดาเนินชวี ติ และมนี สิ ยั รักการอ่าน ตัวช้ีวดั มฐ.ท ๑.๑ ม.๖/1 อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑เน้ือหาสาระหลัก : Knowledge (ผ้เู รียนต้องรู้อะไร) - บอกหลกั การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง ๓.๒ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (ผเู้ รียนสามารถปฏิบัติอะไรได้) - อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง ๓.๓ คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ : Attitude (ผูเ้ รียนควรแสดงพฤติกรรมการเรียนอะไรบา้ ง) - เห็นความสาคัญของการอา่ นออกเสียงคาอยา่ งถูกต้อง ๔. สมรรถนะสาคัญ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๕. คุณลกั ษณะของวิชา ๑. ความตั้งใจ ๖. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑. ใฝ่เรยี นรู้ ๗. ภาระงาน / ชนิ้ งาน ตามตวั ช้วี ัด ๑. การอา่ นคาท่ีมีตวั การนั ต์
๘. ภาระงาน / ชิน้ งานรวบยอด อ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ๙. กิจกรรมการเรียนรู้ ๙.๑ ขั้นตั้งคาถาม 1.ครูใหน้ กั เรียนสบื คน้ ข้อมูลตัวอยา่ งการอา่ นออกเสียงบทร้อยกรอง จากแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ 2.ครูสุ่มเลขทนี่ กั เรียน 1-2 คน นาเสนอตวั อยา่ งการอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรอง 3.นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็นการอ่านออกเสยี งบทร้อยกรองของเพอ่ื น 4.นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคิด ๙.๒ขน้ั การเตรยี มการค้นหาคาตอบ นักเรียนแตล่ ะ รว่ มกนั ศึกษาความรู้เรอื่ ง หลกั การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรอง จากหนังสือเรยี น ๙.๓ขน้ั การดาเนนิ การคน้ หาคาตอบและตรวจสอบคาถาม 1.ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเรื่อง หลักการฝึกอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง จนมคี วามเขา้ ใจกระจา่ ง ชัด 2.นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ทาใบงานที่ 1.3 เรอ่ื ง หลักการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรอง โดยให้สมาชิก แต่ละคนปฏิบตั ิกจิ กรรม ดงั นี้ 1)สมาชิกคนที่ 1 เขยี นคาตอบในขอ้ 1 แล้วส่งให้สมาชิกคนท่ี 2 2)สมาชิกคนท่ี 2 ตรวจสอบคาตอบในข้อ 1 แลว้ เขยี นคาตอบในข้อ 2 จากนน้ั สง่ ให้สมาชกิ คนที่ 3 3)สมาชิกคนท่ี 3 ตรวจสอบคาตอบในข้อ 2 แลว้ เขียนคาตอบในข้อ 3 จากน้ันสง่ ให้สมาชิกคนท่ี 4 4)สมาชกิ คนที่ 4 ตรวจสอบคาตอบในข้อ 3 แล้วเขยี นคาตอบในข้อ 4 สมาชกิ แตล่ ะคนทต่ี รวจสอบ คาตอบ ถา้ เห็นว่าคาตอบยงั ไม่ถูกต้องสมบรู ณ์ก็ใหเ้ ขยี นคาตอบเพ่ิมเตมิ 3.สมาชิกในแตล่ ะกลุ่มจะได้มีโอกาสอ่านและเขยี นคาตอบหมนุ เวียนกนั ไปเรื่อยๆ จนเสร็จ กลา่ วคือ สามารถตอบคาถามได้ชัดเจนครบถ้วนทกุ คาถาม 4.ตัวแทนนักเรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอคาตอบในใบงาน ที่ 1.3 หนา้ ชน้ั เรยี น ครตู รวจสอบความ ถูกต้อง จากนน้ั กล่าวชมเชยตวั แทนกลมุ่ ที่นาเสนอคาตอบไดถ้ ูกต้องทุกข้อ เพอ่ื เสรมิ สร้างกาลงั ใจ ๙.๔ ขน้ั การสรปุ และนาเสนอผลการค้นหาคาตอบ นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายสรปุ องค์ความรเู้ ร่อื ง หลักการอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง และแนวทางในการนา ความรู้ไปใช้ ๑๐. สอื่ อุปกรณแ์ ละแหลง่ เรียนรู้ จานวน สภาพการใชส้ ือ่ รายการส่ือ 1)ใหน้ ักเรยี นศึกษาหลักการอ่านออกเสียงรอ้ ย 1)หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใช้ภาษา ม.๖ 2)ใบงานท่ี 1.3 เร่อื ง หลกั การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง กรอง หลักภาษาและการใชภ้ าษา ม.๖ 2)ให้นักเรียนทาใบงานที่ 1.3 เร่ือง หลักการ อา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง
๑๑. การวดั ผลและประเมนิ ผล เปา้ หมาย ภาระงาน/ชิ้นงาน วธิ วี ดั เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ ารให้ คะแนน คะแนน 5 การอา่ นออกเสยี งบทร้อย อ่านออกเสียงบท ประเมินการอา่ น แบบประเมิน กรองที่ถกู ตอ้ งน้ันตอ้ งมี รอ้ ยกรอง บทรอ้ ยกรอง การอา่ นออก - ความถูกต้อง ความรูเ้ รอ่ื งหลกั การอา่ น เสียงร้อยกรอง ตามหลักการ ออกเสยี ง ๑๒. การบูรณาการตามจดุ เนน้ ของโรงเรียน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ครู ผเู้ รียน 1. พอประมาณ ใหน้ ักเรยี นอ่านหลักการอ่านออก นกั เรยี นอ่านหลักการอ่านออกเสียง บทร้อยกรอง เสยี งบทรอ้ ยกรอง นกั เรียนอธิบายหลักการอ่านออก 2. ความมเี หตุผล ให้นกั เรียนอธบิ ายหลักการอ่าน เสยี งบทร้อยกรองท่ถี ูกต้อง ออกเสียงบทร้อยกรองที่ถกู ต้อง นักเรียนอธิบายหลักการอ่านออก เสียงบทรอ้ ยกรองท่ีถูกต้องได้ 3. มีภูมิคมุ้ กนั ทด่ี ใี นตวั ใหน้ ักเรยี นอธิบายหลักการอา่ น การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองที่ ออกเสียงบทร้อยกรองท่ีถูกต้องได้ ถูกต้องนัน้ ต้องมีความรู้เร่ืองหลกั การ อา่ นออกเสยี ง 4. เงื่อนไขความรู้ การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองที่ - ถูกต้องน้ันต้องมีความร้เู รอ่ื ง ผเู้ รียน หลักการอ่านออกเสยี ง นกั เรียนอ่านบทร้อยกรอง 5. เง่อื นไขคุณธรรม - ผ้เู รียน สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ครู นักเรยี นอา่ นบทร้อยกรอง นกั เรียนอา่ นบทรอ้ ยกรอง ให้นักเรยี นอ่านบทรอ้ ยกรอง สิ่งแวดลอ้ ม ครู นักเรียนอ่านบทร้อยกรอง ใหน้ กั เรยี นอา่ นบทรอ้ ยกรองได้ ถกู ต้อง ลงช่ือ..................................................ผู้สอน (นางสาววรรณภรณ์ ทิพย์สอน)
เกณฑก์ ารประเมนิ การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรอง รายการประเมิน ดมี าก (4) คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ / ระดับคะแนน ปรบั ปรงุ (1) ดี (3) พอใช้ (2) 1. การอ่านออกเสียงบท อา่ นออกเสยี งบท รอ้ ย อา่ นออกเสียงบท อ่านออกเสียงบท อา่ นออกเสียงบท ร้อยแกว้ แก้วประเภทบทบรรยาย ร้อยแก้วประเภทบท ร้อยแก้วประเภทบท ร้อยแก้วประเภทบท ไดถ้ ูกตอ้ งตามอักขรวิธี บรรยายไดถ้ ูกต้องตาม บรรยายได้ถูกต้องตาม บรรยายไดถ้ ูกตอ้ งตาม การเว้น วรรคตอน อกั ขรวธิ ี การเวน้ อักขรวธิ ี การเวน้ อักขรวิธี การเวน้ การสอดแทรกอารมณ์ วรรคตอน การสอดแทรก วรรคตอน การสอดแทรก วรรคตอน แตไ่ ม่ ความรสู้ กึ อารมณค์ วามรสู้ กึ เป็นส่วน อารมณค์ วามรสู้ ึกเป็น สอดแทรกอารมณ์ ใหญ่ บางส่วน ความรสู้ ึก 2. การอา่ นออกเสียงบท อา่ นออกเสยี งบท อา่ นออกเสยี งบท อ่านออกเสียงบท อา่ นออกเสียงบท ร้อยกรองประเภท รอ้ ยกรองประเภทกลอน รอ้ ยกรองประเภทกลอน รอ้ ยกรองประเภทกลอน ร้อยกรองประเภทกลอน กลอน ได้ถกู ตอ้ งตามอกั ขรวิธี ไดถ้ กู ตอ้ งตามอกั ขรวิธี ได้ถูกตอ้ งตามอักขรวธิ ี ไดถ้ กู ตอ้ งตามอักขรวิธี การเวน้ จังหวะ การเวน้ จังหวะ การเวน้ จังหวะ การเว้นจังหวะ ท่วงทานองการอา่ น และ ท่วงทานองการอ่าน และ ท่วงทานองการอา่ น และ ทว่ งทานองการอ่าน การทอดเสยี ง การทอดเสยี ง เปน็ การทอดเสยี ง เป็น แตไ่ ม่ทอดเสยี ง สว่ นใหญ่ บางสว่ น เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ 14 - 16 11 - 13 8 - 10 ต่ากวา่ 8 ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ใบงานท่ี 3 หลักการอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นอธบิ ายหลกั การอ่านตอ่ ไปนี้มาส้นั ๆ พอเขา้ ใจ 1. หลกั การอา่ นกลอนบทละคร 2. หลกั การอ่านกลอนเพลงยาว 3. หลกั การอ่านกลอนนิทาน 4. หลกั การอ่านกาพยห์ อ่ โคลง
แบบสังเกตพฤตกิ รรม การทางานรายบคุ คล ชอ่ื ช้ัน คาช้แี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ ง ท่ีตรงกับระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓๒๑ ๑ การแสดงความคดิ เหน็ ๒ การยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผูอ้ ืน่ รวม ๓ การทางานตามหนา้ ท่ีท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ๔ ความมีน้าใจ ๕ การตรงต่อเวลา ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ ๓ คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ ๑ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ๑๒ - ๑๕ ดี ๘ - ๑๑ พอใช้ ต่ำกว่ำ ๘ ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ ง ท่ีตรง กบั ระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพึงประสงคด์ ้าน ๓๒๑ 1. รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ ๑.๒ เข้าร่วมกิจกรรมทส่ี รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ ตอ่ กษัตริย์ โรงเรยี น ๒. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ ๑.๓ เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถือ ปฏิบตั ิตามหลักศาสนา ๓. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ ๑.๔ เข้าร่วมกจิ กรรมท่เี กย่ี วกบั สถาบันพระมหากษตั ริยต์ ามท่ีโรงเรียนจัดข้ึน ๔. ใฝเ่ รียนรู้ ๒.๑ ใหข้ ้อมลู ที่ถกู ตอ้ ง และเปน็ จรงิ ๒.๒ ปฏิบตั ใิ นส่ิงทถี่ ูกต้อง ๕. อยู่อย่างพอเพียง ๓.๑ ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของครอบครวั 6. มงุ่ ม่ันในการทางาน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชีวติ ประจาวนั ๗. รักความเป็นไทย ๔.๑ รจู้ กั ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบตั ไิ ด้ ๘. มจี ติ สาธารณะ ๔.๒ รู้จักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม ๔.๓ เชอ่ื ฟังคาสงั่ สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง ๔.๔ ตัง้ ใจเรยี น ๕.๑ ใชท้ รพั ยส์ ินและสงิ่ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั ๕.๒ ใช้อุปกรณก์ ารเรยี นอย่างประหยดั และรู้คณุ คา่ ๕.๓ ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงนิ ๖.๑ มีความตง้ั ใจและพยายามในการททาางงาานนท่ีไดร้ ับมอบหมาย ๖.๒ มคี วามอดทนและไมท่ ้อแทต้ ่ออปุ สรรคเพ่ือให้งานสาเร็จ ๗.๑ มีจิตสานึกในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย ๗.๒ เห็นคุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย ๘.๑ รู้จกั ช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครทู างาน ๘.๒ รูจ้ ักการดแู ล รักษาทรัพย์สมบตั แิ ละส่ิงแวดลอ้ มของห้องเรียน โรงเรยี น ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................ เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ ๓ คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ ๑คะแนน ๔๖ - ๖๐ ดี ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ๓๐ - ๔๕ พอใช้ ตา่ กวา่ ๓๐ ปรับปรุง
ผงั มโนทศั น์ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวชิ า ท 33102 ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๒ เรื่อง การอ่านในชวี ิตประจาวัน จานวน ๙ ช่วั โมง : ๑๕ คะแนน การอ่านเพ่ือจบั ใจความสาคัญ จานวน ๓ ชว่ั โมง การอา่ นในชีวติ ประจาวนั จานวน ๙ ชั่วโมง การอา่ นเพื่อวเิ คราะห์ การเขียนผงั ความคดิ จากเรอ่ื งทอ่ี า่ น จานวน ๓ ชวั่ โมง จานวน ๓ ชวั่ โมง
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๒ เรื่องการอา่ นในชวี ติ ประจาวัน แผนการเรียนรทู้ ี่ ๑ เร่ือง การอา่ นเพื่อจบั ใจความสาคญั รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๓๓๑๐๒ ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ ภาคเรียนที่ ๒ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ น้าหนกั เวลาเรยี น ๔๐ ช่วั โมง เวลาเรียน ๓ ช่ัวโมง / สปั ดาห์ เวลาทใี่ ชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๓ ชวั่ โมง ๑. สาระสาคญั (ความเข้าใจที่คงทน) การอา่ นจบั ใจความสาคัญจากสื่อต่างๆ ต้องมีความร้คู วามเข้าใจในเร่อื งหลักการอ่านจับใจความสาคัญ ๒. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้วี ัดช้นั ปี / ผลการเรยี นรู้ / (เปา้ หมายการเรียนรู้) มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคิดเพือ่ นาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปัญหาในการ ดาเนินชีวติ และมีนสิ ยั รักการอ่าน ตวั ช้วี ดั ม.๖/2 จับใจความสาคัญ สรุปความ และอธบิ ายรายละเอียดจากเร่อื งที่อ่าน ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑เน้อื หาสาระหลกั : Knowledge (ผ้เู รียนต้องรู้อะไร) - หลักการอา่ นเพอื่ จบั ใจความสาคญั ๓.๒ทักษะ/กระบวนการ : Process (ผู้เรียนสามารถปฏิบัติอะไรได้) 1)บอกหลกั การอ่านเพ่ือจับใจความสาคัญ 2)จับใจความสาคัญจากบทความ ๓.๓ คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ : Attitude (ผู้เรียนควรแสดงพฤติกรรมการเรยี นอะไรบ้าง) - กระตือรือร้นในการรว่ มกิจกรรม ๔. สมรรถนะสาคัญ ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๕. คณุ ลักษณะของวิชา ๑. ความตั้งใจ ๖. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. ใฝ่เรียนรู้ ๗. ภาระงาน / ช้ินงาน ตามตัวชีว้ ดั 1) บอกหลักการอ่านเพ่ือจับใจความสาคัญได้ 2) จับใจความสาคญั จากบทความได้
๘. ภาระงาน / ชน้ิ งานรวบยอด 1) บอกหลกั การอ่านเพื่อจบั ใจความสาคัญได้ 2) จบั ใจความสาคัญจากบทความได้ ๙. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๙.๑ ขัน้ ตั้งคาถาม ๑.ครสู นทนากบั นกั เรยี นเร่อื งการจบั ใจความสาคญั เพ่อื ทบทวนความรทู้ น่ี กั เรยี นเคยเรยี นมาแลว้ ๒.ครใู หน้ กั เรยี นเลา่ ประสบการณ์เกย่ี วกบั ขอ้ ผดิ พลาดในการอา่ นเพ่อื จบั ใจความสาคญั ๙.๒ขัน้ การเตรยี มการค้นหาคาตอบ ครใู หน้ กั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน โดยเรยี งตามลาดบั เลขท่ี แลว้ ใหน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ ร่วมกนั ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง การ อา่ นเพ่อื จบั ใจความสาคญั จากหนงั สอื เรยี น และแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ ๙.๓ขัน้ การดาเนนิ การคน้ หาคาตอบและตรวจสอบคาถาม 1.สมาชกิ แตล่ ะกลุม่ ร่วมกันอธิบายความรู้ท่ไี ด้ศึกษามาเพ่ือทาความเข้าใจเป็นอนั หนึง่ อันเดียวกัน 2.นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั ทาใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง การอ่านเพือ่ จบั ใจความสาคญั เมื่อทาเสร็จแล้วให้ นาส่งครูตรวจ 3.ครูให้นกั เรียนคน้ ควา้ บทความทน่ี ักเรียนสนใจ คนละ 1 เร่อื ง แลว้ มานาเสนอใหเ้ พ่ือนในกลมุ่ ฟงั โดยให้ เจ้าของบทความชแี้ นะถึงคณุ ประโยชนแ์ ละความนา่ สนใจของบทความทเี่ ลือกมา 4.นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มคดั เลอื กบทความทส่ี มาชกิ นาเสนอเพ่ือนามาประกอบการทาใบงานที่ 2.2 5.นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ทาใบงานที่ 2.2 เร่ือง การอ่าน จบั ใจความสาคัญจากบทความ ๙.๔ ขนั้ การสรุปและนาเสนอผลการค้นหาคาตอบ 1.ครูสมุ่ ตัวแทนนกั เรียนแต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอการจับใจความสาคัญจากบทความในใบงานที่ 2.2 หนา้ ชน้ั เรยี น 2.ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ ง รวมถงึ การให้คาแนะนาในการพัฒนางาน ๑๐. สอื่ อปุ กรณแ์ ละแหล่งเรยี นรู้ รายการส่ือ จานวน สภาพการใช้ส่ือ 1) หนงั สือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ ใหน้ กั เรยี นศึกษาความรหู้ ลักการจบั ใจความ ภาษา ม.๖ ให้นักเรยี นตอบคาถามในใบงาน 2) ใบงานที่ 2.1 เรอื่ ง การอา่ นเพ่ือจบั ใจความสาคัญ 3) ใบงานท่ี 2.2 เร่ือง การอ่านจับใจความสาคญั จาก บทความ
๑๑. การวดั ผลและประเมินผล เป้าหมาย หลักฐานการเรยี นรู้ วิธวี ดั เคร่ืองมอื วัดฯ ประเดน็ / การเรยี นรู้ ชิน้ งาน/ภาระงาน เกณฑก์ ารให้ ตรวจใบงานที่ 2.1 ใบงานท่ี 2.1 สาระสาคญั / 1)บอกหลักการอา่ น ตรวจใบงานท่ี 2.2 ใบงานท่ี 2.2 คะแนน ความคิดรวบยอด เพอื่ จับใจความสาคัญ การอ่านจบั ใจความ ได้ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สาคญั จากส่ือตา่ งๆ 2)จับใจความสาคัญ ตอ้ งมีความรคู้ วาม จากบทความได้ เข้าใจในเรื่อง หลักการอ่านจบั ใจความสาคญั ๑๒. การบรู ณาการตามจดุ เน้นของโรงเรยี น ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ครู ผ้เู รียน 1. พอประมาณ ให้นกั เรยี นอ่านหลักการอา่ นจับ นกั เรียนอ่านหลกั การอ่านจบั ใจความ ใจความสาคญั สาคัญ 2. ความมีเหตุผล ใหน้ ักเรียนอธิบายหลกั การอา่ นจับ นักเรยี นอธิบายหลกั การอ่านจับ ใจความสาคญั ท่ถี ูกตอ้ ง ใจความสาคัญทีถ่ ูกตอ้ ง 3. มภี ูมิคมุ้ กนั ท่ีดีในตวั ให้นักเรยี นจบั ใจความสาคัญจาก ให้นักเรียนจบั ใจความสาคญั จาก บทความ บทความ 4. เง่อื นไขความรู้ การอา่ นจับใจความสาคัญจากสอ่ื การอา่ นจบั ใจความสาคัญจากสอื่ ตา่ งๆ ตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจใน ต่างๆ ตอ้ งมีความรู้ความเข้าใจใน เรื่องหลกั การอา่ นจับใจความ เร่อื งหลกั การอ่านจับใจความสาคญั สาคัญ 5. เง่ือนไขคุณธรรม - - สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ครู ผู้เรยี น นกั เรียนอ่านชอ่ื พรรณไม้ ให้นักเรียนอ่านชื่อพรรณไม้ใน นกั เรียนอ่านชื่อพรรณไม้ในโรงเรยี น โรงเรยี น ส่ิงแวดล้อม ครู ผู้เรยี น อา่ นออกเสยี ง ใหน้ กั เรียนอา่ นข่าวจาก นักเรยี นอ่านขา่ วใหเ้ พื่อนฟังหนา้ หนังสือพิมพใ์ นห้องสมดุ หอ้ งเรียน ลงช่ือ..................................................ผูส้ อน
(นางสาววรรณภรณ์ ทพิ ย์สอน ใบงานที่ 2.1 การอ่านเพอื่ จับใจความสาคญั คาชี้แจง ให้นักเรียนตอบคาถามต่อไปน้ี 1. การอ่านเพ่ือจับใจความสาคญั มีลกั ษณะอย่างไร 2. การอา่ นจับใจความสาคัญ มคี วามสาคญั อย่างไร 3. นักเรียนสามารถนาเร่ืองการอ่านจบั ใจความสาคญั ไปใช้ประโยชนใ์ นการศกึ ษาวิชาต่างๆ ได้อยา่ งไร 4. การอา่ นเพ่ือจับใจความสาคญั มีหลกั การอย่างไร 5. นกั เรยี นคดิ ว่า หลักการอา่ นจับใจความสาคัญมีความสัมพนั ธ์กับการอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี นอยา่ งไร
ใบงานที่ 2.2 การอ่านจับใจความสาคัญจากบทความ คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ คดั เลอื กบทความ 1 เรื่อง นามาติดลงในกรอบ แลว้ จับใจความสาคัญ สาคญั ท่ใี จ เมอื่ ทา่ นย้มิ กับโลก โลกก็ย้มิ กับท่าน (When you smile at the world,the world smiles back.) เคลด็ ลบั ของชีวติ ข้ึนอยู่กบั ใจ ใจเป็นส่ิงสาคัญท่ีสุดในตัวเรา ขนาดของคนขนึ้ อยู่กบั ขนาดของใจ ใจเปน็ สมบตั ิล้า คา่ กวา่ สมบตั ิใดๆ ในโลก สงิ่ อื่นๆ จะสาคญั กว่าใจไม่มี ใจเป็นใหญใ่ จเปน็ ผู้นาในทุกสง่ิ ทุกส่งิ จะสาเร็จได้ด้วยใจ ชวี ิตมนษุ ย์ มีใจกับกาย ใจเป็นนายกายเป็นบ่าวใจเปน็ คนคดิ เปน็ คนต้องการมนุษย์มีใจเป็นจอมบงการจิตใจเป็นบ่อเกิดแหง่ ความดี และความชว่ั ทง้ั มวล สวรรค์อยใู่ นอก นรกอยูใ่ นใจ หากจะดับไฟนรกกต็ ้องดบั ท่ใี จ คดิ ดี ทาดี พดู ดี ชีวติ มีความสุข ใจ คิด ชว่ั พดู ช่ัว ทาช่วั ชีวติ ก็มีความทกุ ข์ใจเปน็ บ่อเกดิ แห่งความทกุ ข์ทัง้ มวล (Joy live in the heart) สุขทกุ ขเ์ กดิ จากใจ หาก พอใจเปน็ สขุ กเ็ ป็น ตัวเราเป็นต้นเหตแุ ห่งความสุขและความทุกข์ของเราเอง (Being happy or sad depends on how you think.) จงมคี วามสุขกับชีวิตทกุ วัน (Enjoy your life everday.) ชวี ติ เกดิ มาต้องหาความสขุ จงสนกุ กับชีวติ (enjoy good life.) เราคดื ผู้สรา้ งความสุข (Happiness Maker) ความสขุ จากการเลน่ กีฬา ความสขุ จากการปลูกต้นไม้ ความสุข จากการพบปะเพ่ือนฝูง เปน็ ต้น ชวี ติ ส้ันนกั อย่ามวั แบกโลก อยา่ ยดึ มั่นถือม่ัน ต้องร้จู ักปลอ่ ยวาง \"สุขกันเถอะเรา\"
จากบทความเรอ่ื ง สรุปใจความสาคัญได้ดังนี้ 1. จับใจความสาคญั ในแตล่ ะย่อหนา้ ย่อหนา้ ท่ี 1 ยอ่ หน้าที่ 2 ยอ่ หนา้ ท่ี 3 ย่อหน้าท่ี 4 2. เขยี นเรยี บเรียงใหม่
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 (ประเมนิ ตามสภาพจริง) ตรวจใบงานที่ 2.1,2.2 ใบงานท่ี 2.1,2.2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์ สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมั่นในการ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน ทางาน เกณฑ์
แบบสังเกตพฤตกิ รรม การทางานรายบคุ คล ชอ่ื ช้ัน คาช้แี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ ง ท่ีตรงกับระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๓๒๑ ๑ การแสดงความคดิ เหน็ ๒ การยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผูอ้ ืน่ รวม ๓ การทางานตามหนา้ ท่ีท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ๔ ความมีน้าใจ ๕ การตรงต่อเวลา ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ ๓ คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ ๑ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ๑๒ - ๑๕ ดี ๘ - ๑๑ พอใช้ ต่ำกว่ำ ๘ ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกลุ่ม คาชี้แจง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ ง ท่ตี รงกบั ระดับคะแนน ลาดับ ชือ่ -สกุล ความ การแสดง การรบั ฟงั ความต้ังใจ การแกไ้ ข รวม ท่ี ของผรู้ บั การประเมิน ร่วมมอื กนั ความคิดเหน็ ความคิดเหน็ ทางาน ปญั หา/หรือ 20 ทากิจกรรม ปรบั ปรงุ คะแนน ผลงานกลุ่ม 4321 4321 432 14321 4321 ลงช่อื .................................................... ผปู้ ระเมิน ................ /................ /................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตา่ กวา่ 10 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คาช้แี จง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ ง ท่ตี รง กับระดบั คะแนน คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ า้ น ๓๒๑ 1.รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ กษัตริย์ ๑.๒ เขา้ ร่วมกิจกรรมทส่ี ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ ต่อ ๒. ซื่อสตั ย์ สุจรติ โรงเรยี น ๓. มวี นิ ยั รับผดิ ชอบ ๑.๓ เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาทตี่ นนบั ถอื ปฏบิ ัติตามหลักศาสนา ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๑.๔ เขา้ ร่วมกจิ กรรมทเ่ี กยี่ วกบั สถาบนั พระมหากษตั ริยต์ ามท่ีโรงเรียนจดั ข้นึ ๒.๑ ให้ขอ้ มูลท่ถี กู ต้อง และเปน็ จริง ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง ๒.๒ ปฏิบตั ิในสง่ิ ทถ่ี ูกตอ้ ง ๓.๑ ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครัว 1. มงุ่ มั่นในการ ทางาน มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชีวติ ประจาวนั ๗. รักความเปน็ ไทย ๔.๑ รู้จักใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏบิ ตั ไิ ด้ ๘. มีจติ สาธารณะ ๔.๒ รจู้ ักจัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม ๔.๓ เช่อื ฟังคาสั่งสอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้ ๔.๔ ต้ังใจเรยี น ๕.๑ ใชท้ รัพยส์ นิ และสิง่ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั ๕.๒ ใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นอย่างประหยดั และรูค้ ณุ ค่า ๕.๓ ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงนิ ๖.๑ มคี วามตั้งใจและพยายามในการทางานทไ่ี ด้รับมอบหมาย ๖.๒ มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรคเพือ่ ให้งานสาเร็จ ๗.๑ มีจิตสานกึ ในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย ๗.๒ เหน็ คุณคา่ และปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรมไทย ๘.๑ รจู้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน ๘.๒ รู้จักการดแู ล รักษาทรัพย์สมบัติและสง่ิ แวดลอ้ มของห้องเรียน โรงเรยี น ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ ๓ คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ให้ ๑คะแนน ๔๖ - ๖๐ ดี ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ๓๐ - ๔๕ พอใช้ ต่ากวา่ ๓๐ ปรบั ปรงุ
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๒ เรือ่ งการอา่ นในชีวติ ประจาวนั แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๒ เรือ่ ง การเขียนผังความคดิ จากเรื่องท่ีอา่ น รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา ท ๓๓๑๐๒ ระดบั ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ ภาคเรยี นท่ี ๒ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ นา้ หนักเวลาเรียน ๔๐ ช่วั โมง เวลาเรียน ๓ ชวั่ โมง / สัปดาห์ เวลาท่ใี ชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ๓ ชวั่ โมง ๑. สาระสาคญั (ความเข้าใจทค่ี งทน) การเขยี นผังความคดิ ต้องจบั ใจความสาคัญ สรปุ ความ และอธิบายรายละเอียดจากเร่ืองที่อ่านได้ต้อง ๒. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้ีวัดชัน้ ปี / ผลการเรยี นรู้ / (เป้าหมายการเรียนร้)ู มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละความคิดเพอื่ นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ญั หาในการ ดาเนนิ ชีวติ และมนี สิ ัยรกั การอ่าน ตวั ช้วี ัด ม.๖/2 จบั ใจความสาคญั สรุปความ และอธบิ ายรายละเอยี ดจากเรื่องท่ีอา่ น ม.๖/3 เขียนผังความคิดเพ่ือแสดงความเข้าใจในบทเรยี นต่างๆ ทีอ่ ่าน ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑เนือ้ หาสาระหลกั : Knowledge (ผเู้ รียนต้องรู้อะไร) - การเขยี นผังความคดิ เพื่อแสดงความเขา้ ใจในเรื่องท่ีอ่าน ๓.๒ทกั ษะ/กระบวนการ : Process (ผเู้ รยี นสามารถปฏบิ ัติอะไรได้) - เขียนผังความคดิ เพื่อแสดงความเขา้ ใจในเรอื่ งทอ่ี ่าน ๓.๓ คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ : Attitude (ผู้เรียนควรแสดงพฤติกรรมการเรยี นอะไรบ้าง) - กระตือรือร้นในการอ่านออกเสียง ๔. สมรรถนะสาคญั ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๕. คุณลกั ษณะของวิชา ๑. ความต้งั ใจ ๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. ใฝ่เรียนรู้ ๗. ภาระงาน / ชิน้ งาน ตามตวั ชี้วัด ๑. เขียนผังความคดิ เพ่อื แสดงความเขา้ ใจในเรื่องท่อี ่าน
๘. ภาระงาน / ชนิ้ งานรวบยอด ๑. เขยี นผงั ความคดิ เพือ่ แสดงความเขา้ ใจในเรือ่ งที่อ่าน ๙. กิจกรรมการเรียนรู้ ๙.๑ ขัน้ ตง้ั คาถาม 1.ครนู าตวั อย่างผงั ความคิดที่นกั เรยี นรนุ่ ก่อนเคยทามาใหน้ ักเรียนดู แล้วให้นกั เรยี นร่วมกันแสดงความ คิดเห็น 2.ครสู นทนากับนกั เรียนถึงประสบการณ์ในการทาผงั ความคิดจากทีเ่ คยเรียนมาแลว้ 3.นักเรียนแต่ละกลุ่ม (กลุม่ เดิมจากแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1) รว่ มกันศกึ ษาความร้เู รื่อง การเขียนผงั ความคดิ จากหนงั สือเรยี น ๙.๒ข้นั การเตรยี มการคน้ หาคาตอบ นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มตั้งคาถามเกยี่ วกับเรอ่ื งที่อ่าน และถามตัวเองดูวา่ ใจความสาคัญทผี่ ู้เขียนกาลังพดู ถึงอยู่ นั้นคืออะไร เพราะเหตุใดจึงสาคญั สาคญั อย่างไร และเก่ียวขอ้ งกับอะไรหรือใครบา้ ง ตอนไหนและเม่อื ไร ๙.๓ขนั้ การดาเนนิ การค้นหาคาตอบและตรวจสอบคาถาม 1.นกั เรยี นแต่ละกลุ่มอา่ นบทเรียนท่ีเลอื กมาซ้าอยา่ งละเอียดและในขณะเดียวกัน ก็คน้ หาคาตอบ สาหรบั คาถามทีไ่ ด้ตั้งไว้ เป็นการอ่านเพื่อจับใจความและจับประเดน็ สาคัญ 2.นกั เรยี นแต่ละกลุ่มจดบนั ทกึ ขอ้ มลู ต่างๆ ทไ่ี ดอ้ ่านจากขนั้ ตอนท่ี 3 บนั ทกึ ในสว่ นทส่ี าคญั และ จาเป็น โดยใชข้ อ้ ความอยา่ งรดั กุม หรอื ยอ่ ๆ ตามความเขา้ ใจของนกั เรยี น 3.นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ เขยี นสรุปใจความสาคัญ โดยพยายามใช้ภาษาของตนเอง ถา้ ยังไมแ่ น่ใจในบทใด หรอื ตอนใดใหก้ ลับไปอ่านซ้าใหม่ ๙.๔ ขั้นการสรปุ และนาเสนอผลการค้นหาคาตอบ นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปสรุปเร่อื งที่อา่ นแล้วจดั ทาผงั ความคดิ ๑๐. สอ่ื อปุ กรณแ์ ละแหล่งเรยี นรู้ รายการสือ่ จานวน สภาพการใชส้ อ่ื 1)หนงั สอื เรียนภาษาไทย:หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.๖ ใหน้ กั เรยี นศึกษาวธิ กี ารเขยี นแผนผงั ความคิด จากเรอ่ื งที่อา่ น 2)แบบวัดและบนั ทกึ ผลการเรียนรู้ ภาษาไทย ม.๖ 3)ตวั อยา่ งผงั ความคดิ
๑๑. การวดั ผลและประเมินผล เป้าหมาย หลกั ฐานการเรยี นรู้ วธิ ีวดั เครอ่ื งมอื วัดฯ ประเดน็ / การเรยี นรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน เกณฑ์การให้ ประเมินการเขยี น แบบประเมินแผนภาพ สาระสาคัญ/ การเขียนผงั ความคดิ แผนผงั ความคดิ ความคดิ คะแนน ความคิดรวบยอด เร่อื งที่อา่ น จากเร่ืองท่อี ่าน ดมี าก 3 การเขียนผงั ความคิด ดี ๒ ต้องจบั ใจความ พอใช้ ๑ สาคัญ สรุปความ ปรบั ปรงุ ๐ และอธิบาย รายละเอยี ดจากเรอื่ ง ที่อา่ นไดต้ อ้ ง ๑๒. การบรู ณาการตามจดุ เน้นของโรงเรยี น ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ครู ผ้เู รียน 1. พอประมาณ ให้นกั เรียนเขยี นผังความคิดเพอื่ นกั เรยี นเขยี นผังความคิดเพ่อื แสดง แสดงความเข้าใจในเร่ืองท่ีอ่าน ความเข้าใจในเร่อื งที่อ่าน 2. ความมีเหตผุ ล ใหน้ กั เรยี นเขยี นผงั ความคดิ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นเขยี นผังความคิดเพ่อื แสดง แสดงความเข้าใจในเรื่องท่ีอา่ น ความเข้าใจในเรื่องท่อี ่าน 3. มภี มู คิ มุ้ กนั ที่ดีในตัว ให้นกั เรียนอธิบายวิธกี ารเขยี นผัง นกั เรียนอธิบายวิธกี ารเขียนผัง ความคดิ เพอ่ื แสดงความเขา้ ใจใน ความคิดเพ่อื แสดงความเข้าใจในเรอื่ ง เรือ่ งที่อ่าน ทอี่ า่ น 4. เงื่อนไขความรู้ การเขยี นผังความคิดต้องจบั การเขยี นผังความคิดต้องจบั ใจความ ใจความสาคัญ สรุปความ และ สาคญั สรุปความ และอธิบาย อธิบายรายละเอียดจากเรื่องที่อา่ น รายละเอียดจากเรือ่ งท่ีอ่านได้ตอ้ ง ไดต้ ้อง 5. เงอื่ นไขคุณธรรม - - สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ครู ผ้เู รียน นกั เรยี นอ่านชอื่ พรรณไม้ ใหน้ ักเรยี นอ่านช่ือพรรณไม้ใน นกั เรยี นอา่ นชื่อพรรณไม้ในโรงเรียน โรงเรียน สิ่งแวดลอ้ ม ครู ผูเ้ รยี น อ่านออกเสยี ง ให้นกั เรยี นอ่านขา่ วจาก นักเรยี นอา่ นขา่ วใหเ้ พ่ือนฟงั หนา้ หนงั สอื พมิ พ์ในห้องสมุด หอ้ งเรยี น
ลงชอื่ ..................................................ผู้สอน (นางสาววรรณภรณ์ ทพิ ย์สอน) แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทางานรายบคุ คล ชอื่ ช้นั คาช้ีแจง : ให้ ผูส้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ๓๒๑ ๑ การแสดงความคดิ เหน็ ๒ การยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผู้อื่น รวม ๓ การทางานตามหนา้ ท่ีที่ไดร้ ับมอบหมาย ๔ ความมนี ้าใจ ๕ การตรงต่อเวลา ลงชอ่ื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ ๓ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ ๑ คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ๑๒ - ๑๕ ดี ๘ - ๑๑ พอใช้ ต่ำกว่ำ ๘ ปรับปรุง
แบบสังเกตพฤติกรรม การทางานกลมุ่ ช่ือกลุ่ม ช้นั คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ ง ท่ตี รงกบั ระดับคะแนน ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 4321 1 การแบง่ หนา้ ที่กันอย่างเหมาะสม 2 ความรว่ มมอื กันทางาน 3 การแสดงความคดิ เหน็ 4 การรับฟังความคดิ เหน็ 5 ความมีน้าใจชว่ ยเหลอื กัน รวม ลงชอื่ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ ง ท่ีตรง กบั ระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพึงประสงคด์ ้าน ๓๒๑ 1. รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ ๑.๒ เข้าร่วมกิจกรรมทส่ี รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ ตอ่ กษัตริย์ โรงเรยี น ๒. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ ๑.๓ เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถือ ปฏิบตั ิตามหลักศาสนา ๓. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ ๑.๔ เข้าร่วมกจิ กรรมท่เี กย่ี วกบั สถาบันพระมหากษตั ริยต์ ามท่ีโรงเรียนจัดข้ึน ๔. ใฝเ่ รียนรู้ ๒.๑ ใหข้ ้อมลู ที่ถกู ตอ้ ง และเปน็ จรงิ ๒.๒ ปฏิบตั ใิ นส่ิงทถี่ ูกต้อง ๕. อยู่อย่างพอเพียง ๓.๑ ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของครอบครวั 6. มงุ่ ม่ันในการทางาน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชีวติ ประจาวนั ๗. รักความเป็นไทย ๔.๑ รจู้ กั ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบตั ไิ ด้ ๘. มจี ติ สาธารณะ ๔.๒ รู้จักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม ๔.๓ เชอ่ื ฟังคาสงั่ สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง ๔.๔ ตัง้ ใจเรยี น ๕.๑ ใชท้ รพั ยส์ ินและสงิ่ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั ๕.๒ ใช้อุปกรณก์ ารเรยี นอย่างประหยดั และรู้คณุ คา่ ๕.๓ ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงนิ ๖.๑ มีความตง้ั ใจและพยายามในการททาางงาานนท่ีไดร้ ับมอบหมาย ๖.๒ มคี วามอดทนและไมท่ ้อแทต้ ่ออปุ สรรคเพ่ือให้งานสาเร็จ ๗.๑ มีจิตสานึกในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย ๗.๒ เห็นคุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย ๘.๑ รู้จกั ช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครทู างาน ๘.๒ รูจ้ ักการดแู ล รักษาทรัพย์สมบตั แิ ละส่ิงแวดลอ้ มของห้องเรียน โรงเรยี น ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................ เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ ๓ คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ ๑คะแนน ๔๖ - ๖๐ ดี ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ๓๐ - ๔๕ พอใช้ ตา่ กวา่ ๓๐ ปรับปรุง
แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๒ เรอื่ งการอ่านในชีวติ ประจาวัน แผนการเรยี นรู้ที่ ๓ เรอื่ ง การอา่ นเพ่ือการวเิ คราะห์ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๓๓๑๐๒ ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ ภาคเรยี นท่ี ๒ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ น้าหนกั เวลาเรยี น ๔๐ ช่วั โมง เวลาเรียน ๓ ชั่วโมง / สปั ดาห์ เวลาท่ใี ชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๓ ชว่ั โมง ๑. สาระสาคัญ (ความเข้าใจท่คี งทน) การอา่ นจบั ใจความจากส่อื ตา่ งๆ ให้อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นและข้อโตแ้ ย้ง วิเคราะหแ์ ละจาแนกขอ้ เท็จจริง ข้อมูลสนบั สนุน และขอ้ คิดเห็น ระบขุ ้อสังเกตการชวนเช่ือ การโนม้ น้าว หรือความสมเหตุสมผลของงานเขียน ๒. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชว้ี ัดช้นั ปี / ผลการเรียนรู้ / (เปา้ หมายการเรียนรู้) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐานท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ัญหาในการ ดาเนนิ ชีวติ และมนี ิสัยรักการอา่ น ตวั ชว้ี ัด ม.๖/4 อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ และข้อโตแ้ ย้งเกย่ี วกับเรื่องทอ่ี า่ น ม.๖/5 วิเคราะห์และจาแนกข้อเท็จจริง ขอ้ มลู สนบั สนนุ และขอ้ คิดเหน็ จากบทความท่ีอ่าน ม.๖/6 ระบุข้อสงั เกตการชวนเช่ือ การโน้มนา้ ว หรอื ความสมเหตสุ มผลของงานเขียน ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑เน้ือหาสาระหลัก : Knowledge (ผเู้ รยี นต้องรู้อะไร) - การวิเคราะหแ์ ละจาแนกขอ้ เท็จจริง ขอ้ มลู สนบั สนนุ และขอ้ คิดเหน็ จากบทความที่อา่ น ๓.๒ทักษะ/กระบวนการ : Process (ผ้เู รยี นสามารถปฏิบัติอะไรได้) - วเิ คราะหแ์ ละจาแนกขอ้ เท็จจรงิ ขอ้ มลู สนบั สนนุ และขอ้ คิดเหน็ จากบทความที่อ่านได้ ๓.๓ คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ : Attitude (ผู้เรียนควรแสดงพฤติกรรมการเรยี นอะไรบา้ ง) - กระตอื รือร้นในการอ่านออกเสยี ง ๔. สมรรถนะสาคญั ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๕. คณุ ลักษณะของวิชา ๑. ความตง้ั ใจ ๖. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. ใฝ่เรยี นรู้ ๗. ภาระงาน / ชิน้ งาน ตามตัวชี้วัด
วเิ คราะหแ์ ละจาแนกขอ้ เท็จจรงิ ข้อมูลสนบั สนนุ และขอ้ คิดเหน็ จากบทความท่ีอ่านได้ ๘. ภาระงาน / ชน้ิ งานรวบยอด ๑. วเิ คราะห์และจาแนกข้อเท็จจรงิ ขอ้ มลู สนับสนนุ และขอ้ คิดเหน็ จากบทความที่อา่ นได้ ๙. กิจกรรมการเรียนรู้ สนทนากบั นักเรียนเรื่อง การอา่ นเพ่ือจบั ใจความสาคัญ เพ่ือทบทวนความรู้เดิม 2.ครแู จง้ ใหน้ ักเรียนทราบว่า นกั เรยี นจะต้องศึกษาเรอ่ื ง การอา่ นเพอ่ื การวเิ คราะห์ เพอ่ื นา ความรไู้ ปวเิ คราะหส์ อ่ื ต่างๆ ๙.๒ขัน้ การเตรียมการค้นหาคาตอบ 1.นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม (กลมุ่ เดิมจากแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1) รว่ มกนั ศึกษาความรเู้ ร่ือง การอา่ นเพื่อ การวเิ คราะห์ จากหนังสอื เรียน 2.ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปรายสรุปหลักการอา่ นเพื่อการวเิ คราะห์ เพ่ือให้นักเรียนไดเ้ ลือกใชใ้ นการ วิเคราะหส์ ื่อตา่ งๆ ๙.๓ขัน้ การดาเนนิ การค้นหาคาตอบและตรวจสอบคาถาม 1.นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปหลักการท่ีจะนามาใช้วิเคราะห์บทความแสดงข้อเท็จจริง 2.นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกันทาใบงานท่ี 2.3 เรอ่ื ง การวเิ คราะห์บทความแสดงข้อเทจ็ จรงิ เมอื่ ทา เสรจ็ แล้วใหร้ ว่ มกนั ตรวจสอบความเรยี บร้อย 3.ครขู ออาสาสมคั รตวั แทนนักเรียน 1-2 กลมุ่ ออกมานาเสนอการวเิ คราะหบ์ ทความแสดงขอ้ เท็จจริงใน ใบงานที่ 2.3หนา้ ชั้นเรียน ๙.๔ ขั้นการสรปุ และนาเสนอผลการค้นหาคาตอบ ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง และแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรุปหลักการวเิ คราะห์บทความแสดงข้อคดิ เหน็ ๙.๔ ข้ันการสรปุ และนาเสนอผลการคน้ หาคาตอบ นักเรียนและครูร่วมกนั สรปุ สรุปเรอื่ งที่อ่านแล้วจดั ทาผังความคดิ ๑๐. สื่อ อุปกรณ์และแหล่งเรียนรู้ จานวน สภาพการใชส้ อ่ื รายการสอ่ื ให้นักเรียนศึกษาวิธกี ารวิเคราะหเ์ รอ่ื งจากการ 1)หนงั สือเรียนภาษาไท :หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.๖ อ่าน 2)บทความแสดงข้อเทจ็ จรงิ
3)ใบงานท่ี 2.3 เรื่อง การวิเคราะหบ์ ทความแสดง ข้อเทจ็ จรงิ ๑๑. การวัดผลและประเมนิ ผล เปา้ หมาย หลักฐานการเรยี นรู้ วธิ ีวัด เครื่องมือวดั ฯ ประเดน็ / การเรยี นรู้ ชน้ิ งาน/ภาระงาน ใบงานท่ี 2.3 เกณฑ์การให้ การอา่ นจบั ใจความ วเิ คราะหแ์ ละจาแนก ตรวจใบงานท่ี คะแนน จากสอื่ ต่างๆ ให้ ขอ้ เทจ็ จริง ขอ้ มลู 2.3 อภปิ รายแสดงความ สนบั สนนุ และ ร้อยละ 60 ผา่ น คิดเหน็ และข้อโตแ้ ยง้ ขอ้ คิดเหน็ จากบทความ เกณฑ์ วเิ คราะห์และจาแนก ท่อี ่านได้ ข้อเท็จจริง ขอ้ มลู สนับสนุน และ ขอ้ คิดเหน็ ระบุ ขอ้ สงั เกตการชวน เชื่อ การโนม้ น้าว หรอื ความ สมเหตสุ มผลของ งานเขียน ๑๒. การบรู ณาการตามจุดเน้นของโรงเรียน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ครู ผ้เู รียน 1. พอประมาณ ให้นักเรียนวเิ คราะห์และจาแนก นกั เรียนวเิ คราะห์และจาแนก ขอ้ เท็จจริง ข้อมลู สนบั สนนุ และ ขอ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ มลู สนับสนนุ และ ข้อคิดเห็นจากบทความท่ีอา่ น ข้อคิดเห็นจากบทความท่ีอ่าน 2. ความมีเหตผุ ล ให้นักเรยี นอธิบายหลกั การการ นักเรยี นอธิบายหลักการวิเคราะห์ วิเคราะหแ์ ละจาแนกขอ้ เทจ็ จรงิ และจาแนกข้อเท็จจริง ข้อมลู ขอ้ มลู สนับสนนุ และขอ้ คิดเห็น สนบั สนนุ และขอ้ คิดเหน็ จาก จากบทความท่ีอ่านที่ถูกต้อง บทความที่อา่ นได้ ทีถ่ ูกต้อง 3. มีภูมิค้มุ กันทีด่ ใี นตวั ให้นักเรียนวเิ คราะห์และจาแนก นกั เรยี นวเิ คราะห์และจาแนก ขอ้ เทจ็ จริง ขอ้ มลู สนบั สนุน และ ขอ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ มูลสนบั สนุน และ ขอ้ คิดเหน็ จากบทความที่อ่านได้ ข้อคิดเหน็ จากบทความที่อ่านได้ 4. เงอื่ นไขความรู้ การอา่ นจับใจความจากสอ่ื ต่างๆ การอ่านจบั ใจความจากสื่อต่างๆ ให้ ให้อภปิ รายแสดงความคิดเห็นและ อภิปรายแสดงความคิดเห็นและข้อ ขอ้ โต้แยง้ วเิ คราะห์และจาแนก โตแ้ ย้ง วิเคราะห์และจาแนก
ข้อเท็จจรงิ ขอ้ มลู สนบั สนนุ และ ขอ้ เท็จจรงิ ขอ้ มลู สนบั สนนุ และ ข้อคิดเหน็ ระบุข้อสังเกตการชวน ข้อคิดเห็น ระบขุ ้อสังเกตการชวนเชื่อ เช่อื การโนม้ น้าว หรอื ความ การโนม้ นา้ ว หรอื ความสมเหตสุ มผล สมเหตุสมผลของงานเขียน ของงานเขียน 5. เงอ่ื นไขคุณธรรม -- สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น นกั เรยี นอา่ นชือ่ พรรณไม้ ครู ผเู้ รียน ส่ิงแวดล้อม ให้นกั เรยี นอ่านชื่อพรรณไม้ใน นักเรยี นอา่ นชอื่ พรรณไม้ในโรงเรียน อา่ นออกเสียง โรงเรยี น ครู ผู้เรียน ให้นกั เรียนอา่ นขา่ วจาก นกั เรียนอา่ นข่าวให้เพื่อนฟงั หนา้ หนงั สือพิมพใ์ นห้องสมุด หอ้ งเรียน ลงชอื่ ..................................................ผ้สู อน (นางสาววรรณภรณ์ ทิพย์สอน)
ใบงานท่ี 2.3 การวเิ คราะห์บทความแสดงข้อเทจ็ จริง คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นเลอื กบทความแสดงขอ้ เทจ็ จริง 1 เรอื่ ง ติดลงในกรอบ แล้ววิเคราะหเ์ ร่ืองตามหลักการวเิ คราะห์ หัวเราะบาบดั โรค ฮา่ ฮา่ ฮา่ .. หัวเราะวนั ละนิดจติ แจ่มใส ไม่ใช่คาโม้ หรือโอ้อวดเกนิ จรงิ แต่อย่างใด เสยี งหัวเราะยังมปี ระโยชนส์ ารพัด จน หลายๆ คนต้องประหลาดใจ!! หัวเราะเป็นยาวิเศษ การได้หวั เราะแตล่ ะครัง้ นอกจากสรา้ งสีสนั ใหบ้ ุคลิก และสรา้ งมนุษยสมั พันธท์ ่ีดีแลว้ ยงั เปน็ ประโยชน์ตอ่ จิตใจ และรา่ งกายควบคู่กันไปดว้ ย เพราะในขณะทเ่ี ราหวั เราะ กล้ามเนื้อบนใบหนา้ และตามรา่ งกาย จะหดยดื และคลายตัว สง่ ผลช่วยคลายความตงึ เครียดได้เปน็ อย่างดี ยง่ิ ไปกวา่ นั้น จากการคน้ ควา้ ของ ARISE (Associates for Research Into the Science of Enjoyment) หรอื องคก์ ารวจิ ัยเพ่ือศาสตร์แห่งความสขุ ซงึ่ เปน็ สถาบนั กลาง ทีร่ วมผลงานการคน้ คว้าโดยผเู้ ชี่ยวชาญทว่ั โลก ยังไดพ้ บ คุณคา่ ของการหัวเราะทีม่ ผี ลต่อสขุ ภาพของคนเราอย่างมากมาย นัน่ คือ \"การหัวเราะ จะช่วยลดระดับฮอรโ์ มน ทก่ี ่อใหเ้ กดิ ความเครียดลง และยังกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารสาคัญ ที่จะช่วยลดความเจ็บปวด และทาให้เรารู้สึกดขี ้นึ เมื่อใดท่หี วั เราะร่างกายยงั จะผลติ เซลล์ ที่ทาหน้าทต่ี ่อสูก้ บั เซลล์มะเรง็ และเซลลท์ ตี่ ดิ เชอ้ื ไวรสั ไดม้ ากขึ้นด้วย ซึ่งเซลล์ทวี่ า่ นี้ จะคงอย่นู านถึงวนั รุ่งข้ึนเลยทเี ดยี ว\"
การวเิ คราะหเ์ ร่ือง 1. รูปแบบของเร่ือง 2. ใจความสาคัญของเรื่อง 3. ข้อเทจ็ จริง 4. ความคิดของผู้เขยี น 5. การเรียงลาดบั เหตุการณ์ 6. การใชส้ านวนภาษา
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ ง ท่ีตรง กบั ระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพึงประสงคด์ ้าน ๓๒๑ 1. รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ ๑.๒ เข้าร่วมกิจกรรมทส่ี รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ ตอ่ กษัตริย์ โรงเรยี น ๒. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ ๑.๓ เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถือ ปฏิบตั ิตามหลักศาสนา ๓. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ ๑.๔ เข้าร่วมกจิ กรรมท่เี กย่ี วกบั สถาบันพระมหากษตั ริยต์ ามท่ีโรงเรียนจัดข้ึน ๔. ใฝเ่ รียนรู้ ๒.๑ ใหข้ ้อมลู ที่ถกู ตอ้ ง และเปน็ จรงิ ๒.๒ ปฏิบตั ใิ นส่ิงทถี่ ูกต้อง ๕. อยู่อย่างพอเพียง ๓.๑ ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของครอบครวั 6. มงุ่ ม่ันในการทางาน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชีวติ ประจาวนั ๗. รักความเป็นไทย ๔.๑ รจู้ กั ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏิบตั ไิ ด้ ๘. มจี ติ สาธารณะ ๔.๒ รู้จักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม ๔.๓ เชอ่ื ฟังคาสงั่ สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง ๔.๔ ตัง้ ใจเรยี น ๕.๑ ใชท้ รพั ยส์ ินและสงิ่ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั ๕.๒ ใช้อุปกรณก์ ารเรยี นอย่างประหยดั และรู้คณุ คา่ ๕.๓ ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงนิ ๖.๑ มีความตง้ั ใจและพยายามในการททาางงาานนท่ีไดร้ ับมอบหมาย ๖.๒ มคี วามอดทนและไมท่ ้อแทต้ ่ออปุ สรรคเพ่ือให้งานสาเร็จ ๗.๑ มีจิตสานึกในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย ๗.๒ เห็นคุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย ๘.๑ รู้จกั ช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครทู างาน ๘.๒ รูจ้ ักการดแู ล รักษาทรัพย์สมบตั แิ ละส่ิงแวดลอ้ มของห้องเรียน โรงเรยี น ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................ เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ ๓ คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ ๑คะแนน ๔๖ - ๖๐ ดี ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ๓๐ - ๔๕ พอใช้ ตา่ กวา่ ๓๐ ปรับปรุง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135