Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 3 สภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรม

หน่วยที่ 3 สภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรม

Published by ps_1394, 2020-09-26 03:04:47

Description: หน่วยที่ 3 สภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรม

Search

Read the Text Version

หน่วยท่ี 3 สภาพแวดลอ้ มทางสังคมและวัฒนธรรม โดย...อ.สทุ ธิมา จินดา

ภาพของการเปลย่ี นแปลงจากอดตี สู่... ปจั จบุ นั

ภาพของการเปลยี่ นแปลงสูอ่ นาคต

การเปลยี่ นแปลงทางสงั คม หมายถงึ - การเปล่ียนแปลงของระบบความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมาชกิ ในสงั คม - การเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างของความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มและระหว่าง ส่วนประกอบของสงั คมนนั้ เช่น ความสัมพันธร์ ะหว่างชาวชนบท ชาวเมอื ง เปน็ ตน้ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมดังกล่าวน้ีย่อมเกิดขึ้นในระดับกลุ่มบุคคลและในระดับ สถาบันทางสังคมไม่ว่าจะเป็นในสถาบันครอบครัว เครือญาติ การสมรส ครองเรือน หรือสถาบันการเมอื งเศรษฐกจิ ฯลฯ ก็ได้ ทม่ี า : สรุ ชิ ัย หวนั แกว้ (2549:155)



วฒั นธรรม  วิถีการดาเนนิ ชีวติ ของมนุษยท์ ีเ่ กิดจากการเรียนรู้ แบบอย่างพฤติกรรมทไ่ี ด้มาทางสงั คมและถ่ายทอดกนั ไปทางสังคมโดยอาศยั สญั ลกั ษณ์ ผลงานที่มนษุ ยส์ รา้ งสรรค์ รวมทงั้ ความรู้ ความคดิ ความเชอื่ ผูท้ ี่บญั ญตั คิ าศัพท์ “วฒั นธรรม” ในภาษาไทย คอื พระเจา้ วรวงศ์เธอ พระองคเ์ จา้ วรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศป์ ระพันธ์ หรอื พระองค์วรรณ

เป็นสิง่ ทีม่ นษุ ยส์ ร้างขึน้  เปน็ สิง่ ท่เี กิดจากการเรยี นรโู้ ดยผา่ นกระบวนการขดั เกลาทางสงั คม เปน็ มรดกทางสงั คม เพราะมีการเรยี นรแู้ ละถ่ายทอดโดยใช้ สัญลกั ษณ์ เป็นเอกลักษณ์แตล่ ะถน่ิ ของสงั คม เพราะเปน็ ผลมาจากการเรียนรู้ และถ่ายทอดพฤติกรรมท่แี ตกตา่ งกนั เปล่ยี นแปลงไดแ้ ละปรบั ตวั ได้ เพราะสังคมไมเ่ คยหยดุ นิ่ง

๑. นามธรรม (วัฒนธรรมทางจติ ใจ) ประกอบด้วย คตธิ รรม = เป็นวัฒนธรรมทางความคิด ในรปู แบบคติสอนใจ ความเชือ่ เช่น ความเมตตากรุณา ความกตัญญูกตเวที เป็นต้น เนติธรรม = เปน็ วฒั นธรรมทางกฎหมาย หรือรปู แบบกฎ ระเบยี บ ข้อตกลงต่างๆ เช่น กฎหมาย ศลี สหธรรม = เปน็ วัฒนธรรมทางสงั คม ในรปู แบบมารยาท และประเพณี เช่น มารยาทตา่ งๆ ในสังคม ๒. วตั ถุธรรม (วัฒนธรรมทีเ่ ปน็ รปู ธรรม) วัตถธุ รรม = เป็นวฒั นธรรมทางวตั ถุ ทส่ี ามารถจบั ตอ้ งสมั ผสั ได้ เช่น บ้านเรือน อาหาร เครื่องแต่งกาย เป็นตน้

๑. วัฒนธรรมหลัก : วัฒนธรรมของคนสว่ นใหญ่ เช่น สถาบัน พระมหากษัตริย์ พทุ ธศาสนา ภาษาไทย ๒. วัฒนธรรมรอง : วัฒนธรรมของคนส่วนนอ้ ย เชน่ ภาษาท้องถ่นิ ประเพณที อ้ งถิน่

 แสดงถึงเอกลกั ษณ์ของสงั คม  ชว่ ยยึดเหนีย่ วให้สมาชิกในสงั คมเปน็ อันหนึง่ อนั เดียวกัน  กาหนดหน้าที่ สถานภาพ บทบาท ของสมาชิกในสังคม  วัฒนธรรมช่วยสรา้ งระเบียบให้กับสังคม  วฒั นธรรมช่วยใหเ้ กิดความสามคั คี  วฒั นธรรมเป็นตวั กาหนดรูปแบบของสถาบัน  วฒั นธรรมเปน็ เครื่องแสดงเอกลักษณ์ของชาติ  วฒั นธรรมช่วยให้ประเทศชาติเจรญิ กา้ วหนา้  วฒั นธรรมเป็นเครือ่ งมอื ในการแก้ไขปัญหา



เคารพเทิดทนู สถาบนั พระมหากษตั ริย์ ใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร วฒั นธรรมไทย การนับถือผอู้ าวโุ ส ยึดถือขนบธรรมเนยี มประเพณี เป็นวฒั นธรรมเกษตรกรรม

พระพทุ ธศาสนา การมีพระมหากษตั รยิ ์ ทรงเปน็ ประมขุ วฒั นธรรม ประจาชาติ อาหารไทย ภาษาไทย และ สมุนไพร อาชีพเกษตรกรรม

วฒั นธรรมดา้ นอาหาร อาหารของภาคเหนอื มลี กั ษณะสาคัญ คือ รสชาติไมจ่ ัด ไมน่ ิยมใสน่ ้าตาลใน น้าพริกหนมุ่ เป็นอาหารพืน้ บ้านล้านนาทรี่ ู้จกั กันทั่วไป ส่วนประกอบสาคญั ได้แก่ พริก กระเทียม ผักสด ตา่ งๆ โดยมกั จะรบั ประทานกบั แคบหมู

วฒั นธรรมดา้ นศาสนาและลทั ธคิ วามเชือ่ วฒั นธรรมของภาคเหนอื เป็นวัฒนธรรมทีม่ ีเอกลักษณเ์ ฉพาะตวั ทย่ี งั คงยึดมน่ั ใน ขนบธรรมเนียมประเพณขี องพระพุทธศาสนา ทีม่ ีการสืบทอดมาเปน็ เวลายาวนาน งานประเพณีสืบชะตา ไดร้ บั อิทธิพลจากพระพุทธศาสนา กระทาขึ้นเพอ่ื ยืดชีวติ ดว้ ยการทาพธิ ี เพ่อื ให้รอดพน้ ความตาย เปน็ ประเพณที ี่คนลา้ นนานยิ มกระทามาจนถึงทกุ วนั นี้

วัฒนธรรมด้านอาหาร อาหารของภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื มลี ักษณะสาคญั คือ มรี สจดั มผี ักเปน็ ส่วนประกอบหลกั อาหารจะมีลักษณะแหง้ ขน้ หรอื มีน้าขลุกขลกิ ไม่นิยมใส่กะทิ สม้ ตา เปน็ อาหารยอดนิยมทีม่ ตี ้นกาเนิดจาก ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื มสี ว่ นประกอบทีส่ าคัญคอื มะละกอดิบ มะเขือเทศ ถ่วั ลิสง พริก และกระเทียม นยิ มรับประทานกับขา้ วเหนยี วและไกย่ า่ ง

วฒั นธรรมด้านศาสนาและลัทธคิ วามเชือ่ วฒั นธรรมของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ มีเอกลักษณ์บนพืน้ ฐานประวตั ิศาสตร์อนั ยาวนาน มีความเกีย่ วขอ้ งกบั แนวคิด ความศรัทธา และความเชื่อที่ปฏบิ ตั สิ บื ต่อกันมา บุญบ้งั ไฟ เป็นประเพณีที่สาคญั ของภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื จัดข้นึ ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมของทกุ ปี โดยชาวนาจะขอฝนจากพญาแถนตามความเชื่อ จึงมีการจัดพธิ ีบูชาพญาแถนทุกปีดว้ ยการทาบง้ั ไฟ

วัฒนธรรมด้านอาหาร อาหารของภาคกลาง มลี กั ษณะสาคญั คือ มคี วามหลากหลายในการปรงุ การตกแต่งอาหาร โดยรสชาติจะมีรส เคม็ เผด็ เปรีย้ ว หวาน เคล้ากันไปตาม ชนิดของอาหาร น้าพริกปลาทู เป็นอาหารทีไ่ ดร้ ับความนยิ ม เน่อื งจากสภาพ ภมู ิศาสตร์ของภาคกลางเป็นที่ราบล่มุ มคี วามอดุ ม สมบรู ณ์ โดยส่วนประกอบที่สาคัญ ได้แก่ ปลาทู พริกขี้หนู หอมแดง กระเทียม มะนาว เป็นตน้

วฒั นธรรมด้านศาสนาและลัทธคิ วามเชื่อ วัฒนธรรมของภาคกลาง เป็นวัฒนธรรมทเ่ี กี่ยวเนือ่ งกับพระพทุ ธศาสนา ทีม่ คี วามเชอ่ื มโยงกับประเพณี พธิ ีกรรม ความเช่อื และการดาเนินชวี ิต ประเพณีรับบวั โยนบัว เปน็ ประเพณปี ระจาทอ้ งถิ่นของชาวอาเภอบางพลี จงั หวัดสมทุ รปราการ ซึ่งจดั ขึ้นเป็นประจาทุกปี ในวันขึน้ 14 ค่า เดือน 11 โดยชาวบา้ นจะพากนั มา คอยนมัสการหลวงพอ่ โสธรอยรู่ ิมคลอง และเด็ด ดอกบัวโยนขึ้นไปบนเรอื ของหลวงพ่อ จนกลายเปน็ ประเพณที ี่สืบทอดมาจนถึงปจั จบุ นั

วัฒนธรรมด้านอาหาร อาหารของภาคใต้ มลี ักษณะที่สาคญั คือ รสจดั จา้ น นิยมใสเ่ ครื่องเทศ เช่น ขม้นิ เนื่องจากชว่ ยดับกลิ่นคาวของอาหาร โดยอาหารภาคใต้จะไม่เน้นรสหวาน ข้าวยา เปน็ อาหารไทยภาคใต้ โดยถอื กนั ว่าเป็นอาหารที่มีโภชนาการครบถ้วน และมีคณุ ลักษณะพเิ ศษแตกตา่ งจากอาหาร จานเดียวทั่วไป ส่วนประกอบสาคัญ ไดแ้ ก่ ข้าวสวย ขา่ ตะไคร้ พริก ถ่วั งอก เปน็ ตน้

วฒั นธรรมดา้ นศาสนาและลัทธคิ วามเชือ่ วัฒนธรรมของภาคใต้ มคี วามเปน็ มาอนั ยาวนาน เปน็ แหลง่ อารยธรรมของ พระพทุ ธศาสนา ซึง่ ไดห้ ลอ่ หลอมกับความเชื่อดงั้ เดมิ ก่อให้เกิดประเพณที สี่ าคัญ ประเพณีชักพระ เป็นประเพณีพืน้ เมอื งของชาวภาคใต้ โดยพุทธศาสนกิ ชนจะพร้อมใจกนั อญั เชิญ พระพุทธรปู จากวดั ขึ้นประดิษฐานบนบษุ บก ทีว่ างอยตู่ รงรา้ นไมแ้ ลว้ ลากหรือแห่ไป ตามถนนหนทาง แมน่ ้าลาคลอง หรือริมฝ่งั ทะเล



ความหมายของวัฒนธรรมสากล วัฒนธรรมที่เป็นที่ยอมรับกันท่ัวไปอย่างกว้างขวาง หรือ เป็นอารยธรรม ที่ได้รับการปฏิบัติตามกันทั่วโลก เช่น การแต่งกายชุดสากล การใช้ ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสาร การปกครองระบอบประชาธิปไตย การค้าเสรี การใช้เครื่องจักรกล ระบบการสื่อสารที่ทันสมัย ความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ มารยาทในการสมาคม เปน็ ตน้

ความสาคญั ของวฒั นธรรมสากล เป็นแนวทางในการปฏบิ ัติรว่ มกนั ของประเทศตา่ งๆ ในโลก เช่น ภาษาสากล ระบอบการเมอื งการปกครอง เป็นต้น เพราะในปจั จบุ นั เป็นยุคแหง่ โลกาภิวัตน์ มนษุ ย์ทั่วโลก มกี ารตดิ ต่อถึงกนั มากขนึ้ การที่ประเทศไทยจะพฒั นาสูค่ วามเปน็ สากลคนไทย จงึ จาเปน็ ต้อง เรียนรูว้ ฒั นธรรมสากล เพ่อื พัฒนาศกั ยภาพตนเองและก้าวทนั ความเปล่ยี นแปลงทเ่ี กิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ระบบเศรษฐกิจ แนวคดิ เรื่อง การปกครองระบอบ แบบทนุ นิยม สิทธมิ นุษยชน ประชาธิปไตย วฒั นธรรมสากลที่สาคัญ ในยคุ ปจั จบุ ัน คอมพิวเตอร์และ การแตง่ กาย อินเทอรเ์ นต็ ภาษาองั กฤษ

ปรัชญากบั ธรรมชาติ วัฒนธรรมไทยเนน้ ปรชั ญา “มนุษย์สอดคล้องกบั ธรรมชาติ” เปน็ อันหนงึ่ อนั เดียว กับธรรมชาติ ดงั น้นั คนไทยจึงนิยมสรา้ งวฒั นธรรมใหก้ ลมกลืนกบั ธรรมชาติ เชน่ การทาขวญั ขา้ ว ประเพณบี ญุ บง้ั ไฟ เปน็ ตน้ วัฒนธรรมสากลเนน้ ปรชั ญา “มนุษยเ์ ปน็ นายธรรมชาติ” สามารถบงั คบั ธรรมชาติ ใหต้ อบสนองความต้องการของมนษุ ยไ์ ด้ท้งั หมด จนนาไปสู่การประดิษฐค์ ิดค้นวัตถุ และเทคโนโลยีที่ทันสมยั เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้แกม่ นุษย์ เช่น เครือ่ งบิน รถยนต์ รถไฟฟ้า โทรศพั ทม์ อื ถือ เปน็ ต้น

โลกทัศน์ วัฒนธรรมไทยมองโลกแบบองคร์ วม ทกุ สิ่งหลอมรวมเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ โดยองคป์ ระกอบท้งั หลายมีความสมดุล ช่วย จรรโลงโลกให้มีความนา่ อยู่ รื่นรมย์ และสงบสขุ วฒั นธรรมสากลมองทกุ สิ่งเป็น 2 สว่ นเสมอ เชน่ ขาว-ดา ทนั สมยั -ล้าสมัย จงึ มคี วามพยายามทีจ่ ะปรบั เปลีย่ นสิ่งทีล่ า้ สมัยใหม้ ีความทนั สมยั อยเู่ สมอ เชน่ การพัฒนาเทคโนโลยี การพฒั นาการคมนาคมขนส่ง เป็นต้น

วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ วฒั นธรรมไทยเน้นความคดิ ความเช่อื ตามหลักธรรมทางศาสนา ยึดมัน่ ในความจรงิ ควบคู่ไปกับแนวคิดทางวทิ ยาศาสตร์ บนพ้นื ฐานความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนษุ ย์ โดยครอบคลุมถึงเร่อื งการดาเนนิ ชวี ิต ทัง้ ที่เปน็ รปู ธรรมและนามธรรม วัฒนธรรมสากลเน้นทฤษฎีและการพิสจู นบ์ นพืน้ ฐานของวิทยาศาสตร์ มีการตัง้ สมมตฐิ าน วิเคราะห์ สังเคราะห์ เพอ่ื ให้ได้ขอ้ สรปุ ที่เปน็ เหตเุ ปน็ ผล นาไปใช้ ในการพฒั นาเทคโนโลยีที่ทนั สมยั เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั เทคโนโลยขี น้ั สูง

แนวทางการอนรุ ักษ์และถา่ ยทอดวฒั นธรรมไทย ส่งเสริมใหช้ นทกุ กลุ่มเหน็ คุณคา่ ขยายขอบเขตการมสี ว่ นรว่ มทางวฒั นธรรม สง่ เสริมการแลกเปลี่ยนศลิ ปวัฒนธรรม สร้างทศั นคติ ความรู้ ความเขา้ ใจ เกี่ยวกบั วฒั นธรรมวา่ เป็นทรัพย์สมบัตขิ องทุกคน สง่ เสริมให้ประชาชนรจู้ กั ใช้สิทธิและหนา้ ที่ สิทธิในการอนรุ กั ษ์ฟืน้ ฟูจารีตประเพณี ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ศิลปวฒั นธรรม จดั ทาระบบเครอื ขา่ ยสารสนเทศทางวฒั นธรรม เพือ่ เป็นศนู ย์กลางในการเผยแพร่ ข้อมูล ประชาสมั พนั ธ์งานตา่ งๆ ที่เกี่ยวกบั วฒั นธรรม

เลือกรับวัฒนธรรมสากล พจิ ารณาข้อดีขอ้ เสยี ทีจ่ าเป็นต่อการดาเนิน ควบคู่กัน ชวี ิตประจาวนั แนวทางการเลือกรบั วัฒนธรรมสากล มกี ารร่วมมอื ค้นควา้ มีการพฒั นาและผสมผสาน เผยแพร่ รวมถงึ การประยกุ ต์ วัฒนธรรมไทยให้เหมาะสม ใชภ้ มู ิปัญญาไทย กับสมยั ปจั จุบัน

การเปลย่ี นแปลงทางวฒั นธรรม หมายถึง การเปลี่ยนแปลงท่เี กดิ ข้ึนกับระเบยี บวธิ กี ารปฏบิ ตั ิในสงั คม ท้ังส่งิ ที่เปน็ วตั ถุ อนั ได้แก่ เทคโนโลยีหรือสงิ่ ประดษิ ฐต์ า่ งๆ และสงิ่ ทไี่ มเ่ ป็นวัตถุ อันได้แก่ จารีต ประเพณี ค่านยิ ม กฎหมาย และศาสนา เป็นตน้ 31

การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม 1. What? การเปลย่ี นแปลงสงั คม หมายถงึ อะไร ? 2. Why? ทาไมจึงเกิดการเปลย่ี นแปลงขน้ึ มา ? 3. How? การเปล่ยี นแปลงนนั้ เกดิ ขึน้ ไดอ้ ยา่ งไร ? 4. Where? การเปล่ียนแปลงเปน็ ไปในทิศทางใด ? 5. When? อตั ราเร็วชา้ ในการเปล่ียนแปลง ? 32

What? การเปล่ยี นแปลงสังคมหมายถงึ อะไร 33

What? การเปล่ยี นแปลงสังคมหมายถึงอะไร 1. การเปลยี่ นแปลงน้ันจะต้องเปน็ ปรากฏการณ์ร่วม หมายความวา่ เกดิ จาก คนส่วนใหญ่ในสังคมและมีผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่ดว้ ย 2. การเปล่ียนแปลงนั้นจะต้องเป็นการเปลย่ี นแปลงถึงระดับโครงสรา้ งสงั คม สถาบันสงั คมหรอื ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสถาบัน 3. การเปลี่ยนแปลงนัน้ จะตอ้ งกินระยะเวลานานพอสมควร มิใช่การ เปลี่ยนแปลงในชวั่ พรบิ ตา 4. ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนน้ั จะต้องกระทบตอ่ ประวตั ิศาสตร์ของ สังคมนนั้ 34

Why? ทาไมจงึ เกดิ การเปลยี่ นแปลง 35

Why? ทาไมจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง 1. ทฤษฎีววิ ัฒนาการ (Evolutionary theory) เปน็ แนวความคดิ ท่ีได้รับอทิ ธิพลจากทฤษฎีวิวฒั นาการทาง ชวี ภาพของ ชารล์ ส์ ดาร์วนิ (Charles Darwin) โดยนกั สงั คมวทิ ยาใน กล่มุ ทฤษฎวี วิ ัฒนาการเสนอวา่ ..... “การเปลย่ี นแปลงของสงั คมเป็นกระบวนการที่มีการเปล่ียนแปลงอย่างเปน็ ขัน้ ตอน ตามลาดับ โดยมีการเปลยี่ นแปลงจากข้ันหนง่ึ ไปสูอ่ ีกขัน้ หนง่ึ ในลักษณะที่มกี ารพฒั นา และกา้ วหน้ากว่าขัน้ ท่ีผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงจากสังคมที่มรี ูปแบบเรียบงา่ ยไปสู่ รปู แบบทส่ี ลบั ซบั ซอ้ นมากข้ึน และมีความเจริญกา้ วหน้าไปเรื่อย ๆ จนเกดิ เป็นสังคมท่มี ี ความสมบรู ณ์” 36

Why? ทาไมจึงเกิดการเปล่ียนแปลง 2. ทฤษฎคี วามขดั แยง้ (Conflict theory) แนวความคิด ของนกั ทฤษฎคี วามขดั แยง้ ท่สี าคญั ไดแ้ ก่ คารล์ มารก์ ซ์ (Karl Marx) ซงึ่ เป็นแนวความคิดทม่ี ีข้อ สมมุติฐานทว่ี า่ พฤตกิ รรมของสงั คมสามารถเข้าใจ ไดจ้ ากความขดั แย้งระหวา่ งกลมุ่ ตา่ ง ๆ และบคุ คลต่าง ๆ เพราะการแข่งขันกนั ในการเปน็ เจา้ ของทรพั ยากรท่ีมคี ่าและหายาก นักสงั คมวทิ ยาใชท้ ฤษฎคี วามขดั แยง้ อธบิ ายการเปล่ยี นแปลงทางสงั คม 37

Why? ทาไมจงึ เกิดการเปลย่ี นแปลง 3. ทฤษฎีโครงสรา้ ง-หนา้ ที่ (Structural-Functional theory)………… แนวความคดิ ในการพฒั นาทฤษฎโี ครงสร้าง-หน้าที่เป็นผลมาจากการนาเอา แนวความคิดทางด้านชีววทิ ยามาใช้ โดยอุปมาวา่ โครงสร้างของสังคมเป็นเสมือน ร่างกายที่ประกอบไปดว้ ยเซลลต์ ่าง ๆ และมองวา่ หน้าท่ีของสังคมก็คือ การทาหนา้ ท่ี ของอวัยวะสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย โดยแตล่ ะส่วนจะชว่ ยเหลอื และเก้ือกลู ซงึ่ กนั และกนั เพอื่ ใหร้ ะบบทัง้ ระบบมชี ีวิตดารงอย่ไู ด้ 38

Why? ทาไมจงึ เกดิ การเปลย่ี นแปลง 4.ทฤษฎจี ติ วิทยา-สังคม (Social-Psychological theory) จากแนวความคดิ ดา้ นจิตวทิ ยา-สังคม เสนอว่า การพฒั นาทางสังคมเกิดจากการทางานของปัจจยั ทางด้านจิตวิทยาทเ่ี ป็นแรงขบั ให้ประชาชนมกี ารกระทา มคี วามกระตอื รือรน้ มี การประดษิ ฐ์ มีการคน้ พบ มีการสรา้ งสรรค์ มีการแยง่ ชงิ มีการก่อสร้าง และ พัฒนาสิ่งตา่ งภายในสังคม นกั สังคมวทิ ยาทีใ่ ชป้ จั จยั ทางดา้ นจติ วิทยาอธบิ ายการ เปล่ยี นแปลงทางสงั คม มดี ังนี้ 39

How? การเปลี่ยนแปลงนน้ั เกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร 40

How? การเปล่ยี นแปลงนนั้ เกิดขึ้นได้อย่างไร นักสังคมให้ความสนใจกบั 3 ปัจจยั คือ 1. ตวั แปรท่ีก่อให้เกิดการเปล่ยี นแปลง : ประชากร เทคโนโลยี วฒั นธรรม 2. เง่ือนไขท่ี เอ้ืออานวยหรอื ขัดขวาง ตอ่ การเปลยี่ นแปลง : สภาพการณ์ท่ี ปัจจัยของการเปล่ยี นแปลงเกดิ ขน้ึ หรือถกู นาเขา้ ไป เชน่ โรงงานมกี ารนา เครือ่ งจักรเข้าไปใช้ เครอื่ งจกั รคอื ตวั แปรของการเปลี่ยนแปลง ส่วน ทัศนคตขิ องคนงานต่อเคร่อื งจักรเป็นเงอ่ื นไข 3. ตัวแทนผเู้ ปลีย่ นแปลง ในบรรดาปัจจัยทั้ง 3 ตวั นี้ อาจจะแบง่ เปน็ ประเภท ใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท คือ 3.1 ปจั จยั ทางดา้ นวตั ถุ เชน่ จานวนประชากร ความเจริญของเทคโนโลยี เศรษฐกจิ ฯลฯ 3.2 ปจั จัยทางวฒั นธรรม เชน่ ค่านิยม ความเชื่อ อดุ มการณ์ ฯลฯ 41

Where? การเปล่ยี นแปลงเปน็ ไปในทิศทางใด 42

Where? การเปล่ยี นแปลงเปน็ ไปในทศิ ทางใด แบ่งเป็น 2 ทฤษฎี 1. ทฤษฎีเส้นตรง (linear theory of social change) : การสะสมการเปล่ยี นแปลงในประวัติศาสตรข์ องมนษุ ยจ์ ะเพ่มิ พนู กา้ วหนา้ ดขี ้ึนไป เรอ่ื ยๆ เหมือนเส้นตรง ดี เส่ือม 43

Where? การเปล่ยี นแปลงเป็นไปในทศิ ทางใด 2. ทฤษฎวี ฏั จักร (cyclical theory) : เมื่อการเปล่ียนแปลงเริ่มต้นทจ่ี ดุ หน่งึ แล้วพฒั นาไปแล้ว ในท้ายท่ีสดุ กจ็ ะย้อน เขา้ มาที่จุดเร่ิมต้นเดิม 44

When? อตั รา เรว็ /ชา้ ในการเปลยี่ นแปลง 45

When? อตั รา เร็ว/ชา้ ในการเปลี่ยนแปลง ในแต่ละสถาบันนั้นจะเกิดขนึ้ ไมเ่ ทา่ กนั โดยปกตกิ ารเปล่ียนแปลงทาง เทคโนโลยี (วฒั นธรรมท่เี ป็นวัตถุ) จะเปลย่ี นแปลงเร็วกว่าการเปลย่ี นแปลงทางวฒั นธรรม ที่ไมใ่ ชว่ ัตถุ เช่น ขนบธรรมเนียมประเพณี การจดั ระเบยี บทางสงั คม อาจเกดิ ความล่าช้าทางวฒั นธรรม อันเน่ืองมาจากการปรับตัวไมท่ ันกันของ วฒั นธรรม 46

วิเคราะหส์ าเหตุที่ทาให้เกิด การเปลีย่ นแปลง 47

วิเคราะหส์ าเหตุทท่ี าให้เกิดการเปลยี่ นแปลง การเปลี่ยนแปลงทางสงั คมสว่ นใหญม่ ีสาเหตุมาจากการตอบสนองความต้องการของ มนษุ ย์เพือ่ ใหม้ ชี ีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขนึ้ แต่ผลท่ีตามมาจะทาให้สงั คมเปล่ียนแปลงไป พอสรุป ไดด้ งั นี้ สาเหตกุ ารเปล่ยี นแปลง 1. ความตอ้ งการปรุงแตง่ วฒั นธรรม สงั คมของตนใหเ้ จริญงอกงามข้ึน มกี ารคิดค้น วัฒนธรรมใหม่ ดดั แปลงให้เหมาะสมกับสงั คมปัจจุบนั จงึ ทาใหเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลงทาง วฒั นธรรม เช่น การแต่งกาย 48

2. การเปลยี่ นแปลงของธรรมชาติ เช่น สภาพดนิ ฟา้ อากาศ ความแห้งแลง้ นา้ ทว่ ม อากาศร้อนจัด หนาวจดั การเสือ่ มสภาพของดนิ การเปลย่ี นแปลงดังกลา่ วทาให้มนุษย์ คิดคน้ สิง่ ประดษิ ฐ์ใหม่ ๆ เพ่อื ควบคุมการเปลีย่ นแปลงไป เชน่ การสร้างเขอ่ื นเพื่อ ปอ้ งกันน้าท่วมแต่เปน็ การทาลายปา่ ไม้และสัตวป์ า่ การดัดแปลงธรรมชาติ เช่น ตู้เย็น แอรค์ อนดชิ น่ั ปล่อยสาร CFC ทา ให้โลกร้อนเกิดสภาวะเรือกระจก ทาใหโ้ ลกเปลยี่ นแปลงไป สภาพ สงั คมวัฒนธรรมกเ็ ปล่ยี นแปลงไป 49

3. การเปล่ียนแปลงตามความตอ้ งการของมนุษย์ โดยมนุษยม์ เี ชาวป์ ญั ญาสงู ทาให้ เกิดการนึกคดิ นาไปส่กู ารเปล่ยี นแปลง มนษุ ยจ์ าเปน็ ตอ้ งแสวงหาสิง่ ตอบแทนสนอง ความตอ้ งการของงานทีเ่ พิ่มข้ึน การคดิ คน้ ส่งิ ใหม่ ๆ และวิธีการใหม่ ๆ ส่งผลทาใหว้ ัฒนธรรม เปลี่ยนแปลงไปการเปลยี่ นแปลงทางเทคโนโลยีสอ่ื สาร ทาใหเ้ ด็กไทยปจั จบุ นั เขียน หนงั สือไมถ่ ูกลายมอื ไมส่ วย เพราะไดร้ บั อิทธิพลมาจากหนงั สอื การ์ตูน ตวั อักษรไทย ผดิ เพ้ียนไปรักความสบายมากขึ้น เด็กปัจจุบนั ใช้โทรศพั ท์ นานมมาก มปี ญั หาต่อการได้ยนิ มปี ัญหา ต่อทางสมอง 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook