หลักสูตรท้องถน่ิ และสาระการการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรโยีรงนเรบยี ้านนบเ้าขนาเขทายี เทมยีปมา่ ปา่ ม.1 ตาบลเขาทเขอตงพอ้ืนาทเกี่ภาอรเศมึกือษงาปจรังะหถวมดัศกึกษราะกบรี่ ะบ่ี เสขาตนพกั ้ืนงาทน่กี คาณระศกกึ รษรมากปารระกกถารระมศทศึกรึกษวษงาศขาึกนั้กษพราะน้ื ธบฐกิ าี่านร
หลกั สูตรทอ้ งถนิ่ และสาระการการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ปรบั ปรงุ ๒๕๖๐ โรงเรยี นบา้ นเขาเทยี มป่า เขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษากระบ่ี สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
กรอบหลกั สูตรทอ้ งถิน่ ตามตัวชี้วัดและสาระการการเรียนร้แู กนกลาง กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ สาระที่ ๑ วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พันธ์ระหว่างสงิ่ ไม่มีชีวิต กับส่ิงมีชวี ติ และความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสง่ิ มชี ีวิตกบั ส่ิงมีชีวติ ตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศ การถ่ายทอด พลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนเิ วศ ความหมายของประชากร ปญั หา และผลกระทบ ท่ีมีตอ่ ทรพั ยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการแกไ้ ข ปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมท้ังนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ช้นั ตวั ชวี้ ัด - สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่นิ หมายเหตุ ม.๑ - - - สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัตขิ องส่งิ มีชีวิต หน่วยพน้ื ฐานของสิง่ มีชีวิต การลาเลยี งสาร เข้า และออกจากเซลล์ ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ ง และหนา้ ทีข่ องระบบต่าง ๆ ของสตั ว์ และมนษุ ย์ ท่ที างานสัมพนั ธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ขี องอวยั วะต่าง ๆ ของพชื ที่ทางานสมั พันธ์ กนั รวมทง้ั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิน่ หมายเหตุ ม.๑ ๑. เปรยี บเทียบรปู ร่าง • เซลล์เปน็ หนว่ ยพนื้ ฐานของ ๑.กระบ่เี มืองน่าอยู่ ลกั ษณะและโครงสร้าง สิ่งมีชวี ติ สง่ิ มีชวี ติ บางชนิดมเี ซลล์ ๒.ย้อนรอยเมืองกระบี่ ของเซลล์พชื และเซลล์ เพยี งเซลลเ์ ดียว เชน่ อะมีบาพารามี ๓.การปกครองของกระบี่ สัตว์รวมทั้งบรรยาย เซียม ยีสตบ์ างชนดิ มหี ลายเซลล์ ๔.สงั คมกระบบ่ี ้านเรา หนา้ ที่ของผนังเซลล์ เชน่ พชื สตั ว์ ๕.ร่องรอยทางประวัตศิ าสตร์ เยื่อหุ้มเซลล์ • โครงสร้างพน้ื ฐานทพ่ี บท้งั ในเซลล์ ๖.เชิดชถู ิน่ แดนดนิ ประเพณี ไซโทพลาซึม พืชและเซลลส์ ัตวแ์ ละสามารถ ๗. เศรษฐกจิ เนรมิตเมือง นวิ เคลยี ส แวควิ โอล สงั เกตไดด้ ้วยกลอ้ งจุลทรรศน์ใชแ้ สง ๘.วัฒนธรรมนาชีวติ ไมโทคอนเดรีย และ ไดแ้ ก่ ๙.พลเมืองวีรชนและบุคคล คลอโรพลาสต์ เยือ่ หุ้มเซลลไ์ ซโทพลาซมึ และ สาคัญ ๒. ใช้กลอ้ งจุลทรรศน์ นวิ เคลยี ส โครงสร้างทพ่ี บในเซลล์ ๑o.สบื สานงานศิลป์ ใชแ้ สงศกึ ษาเซลล์ พืชแตไ่ มพ่ บในเซลลส์ ตั ว์ ไดแ้ ก่ผนงั ๑๑.มนตเ์ สน่หแ์ ห่งแดนใต้ เซลล์ และคลอโรพลาสต์ ๑๒.งานศลิ ปถ์ น่ิ กระบี่
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ หมายเหตุ และโครงสรา้ งตา่ ง ๆ • โครงสร้างต่างๆของเซลลม์ หี นา้ ท่ี ๑๓.วรรณกรรมท้องถ่ินแดน ภายในเซลล์ แตกต่างกนั ดินเมอื งกระบ่ี - ผนังเซลล์ทาหน้าทใี่ หค้ วาม ๑๔.สบื สานภูมปิ ัญญา แขง็ แรงแก่เซลล์ ๑๕.ทรัพยใ์ นดิน สนิ ในน้า - เยอ่ื หมุ้ เซลลท์ าหนา้ ท่ีห่อห้มุ เซลล์ นามกระบ่ี และควบคุมการลาเลียงสารเข้าและ ๑๖.ชื่อบ้านฉันนามโรงเรียน ออกจากเซลล์ ๑๗.โครงงานอาชพี - นวิ เคลียส ทาหน้าที่ควบคุมการ ๑๘.โรคอุบตั ิใหมใ่ นจังหวัด ทางานของเซลล์ กระบ่ี (COVID-19) - ไซโทพลาซมึ มีออร์แกเนลล์ทีท่ า หนา้ ทแี่ ตกต่างกนั - แวคิวโอลทาหนา้ ท่เี ก็บน้าและสาร ตา่ ง ๆ - ไมโทคอนเดรีย ทาหน้าทเี่ กี่ยวกับ การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้ พลงั งานแกเ่ ซลล์ - คลอโรพลาสต์เปน็ แหลง่ ที่เกิดการ สังเคราะห์ ดว้ ยแสง ๓. อธิบาย • เซลลข์ องสงิ่ มชี ีวติ มีรปู ร่าง ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง ลักษณะท่ีหลากหลายและมีความ รปู รา่ งกับการทา เหมาะสมกับหน้าท่ีของเซลล์นัน้ หนา้ ที่ของเซลล์ เชน่ เซลล์ประสาทส่วนใหญ่ มีเส้น ใยประสาทเป็นแขนงยาว นากระแสประสาทไปยังเซลล์อืน่ ๆ ที่อย่ไู กลออกไป เซลล์ขนราก เป็น เซลล์ผิวของรากที่มผี นังเซลล์ และ เย่อื ห้มุ เซลลย์ น่ื ยาวออกมาลักษณะ คลา้ ยขนเสน้ เล็ก ๆ เพื่อเพมิ่ พ้ืนทผี่ ิว ในการดูดนา้ และธาตอุ าหาร ๔. อธบิ ายการ • พืชและสตั วเ์ ปน็ สิ่งมีชีวิตหลาย จัดระบบของสิ่งมีชวี ติ เซลลม์ ีการจัด โดยเริ่มจากเซลล์ ระบบ โดยเร่มิ จากเซลล์ไปเป็น เน้อื เยอื่ อวยั วะ ระบบ เน้ือเย่ือ อวัยวะ อวัยวะ จนเปน็ ระบบอวยั วะและส่งิ มีชวี ติ ส่ิงมชี วี ิต ตามลาดบั เซลล์หลาย
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิน่ หมายเหตุ เซลล์มารวมกนั เปน็ เน้ือเยอ่ื เน้ือเยอ่ื - - หลายชนิดมา รวมกันและทางานรว่ มกันเปน็ อวยั วะอวัยวะต่างๆ ทางานร่วมกันเป็นระบบอวัยวะ ระบบอวัยวะ ทกุ ระบบทางานรว่ มกันเป็น สิง่ มชี ีวิต ๕. อธิบาย • เซลลม์ กี ารนาสารเข้าสเู่ ซลล์เพ่ือ กระบวนการแพร่และ ใช้ในกระบวนการตา่ ง ๆ ของเซลล์ ออสโมซสิ จาก และมีการขจัดสารบางอย่างที่เซลล์ หลักฐานเชิงประจักษ์ ไม่ต้องการออกนอกเซลล์การนา และยกตวั อย่างการ สารเขา้ และออกจากเซลลม์ หี ลาย แพร่ และออสโมซิสใน วธิ ี เช่น การแพรเ่ ป็นการเคลื่อนท่ี ชวี ติ ประจาวัน ของสารจากบริเวณท่มี ีความเขม้ ข้น ของสารสงู ไปสู่บรเิ วณทีม่ ีความ เข้มข้นของสารต่า ส่วนออสโมซิส เปน็ การแพร่ของน้าผา่ นเยื่อหุ้ม เซลล์จากด้านทีม่ ีความเข้มข้นของ สารละลายต่าไปยงั ด้านทม่ี ีความ เขม้ ข้นของ สารละลายสงู กว่า ๖. ระบปุ ัจจัยทีจ่ าเป็น • กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ในการสงั เคราะห์ด้วย ของพชื ทเี่ กิดขึ้น แสง และผลผลิตท่ี ในคลอโรพลาสต์ จาเปน็ ต้องใช้แสง เกิดขน้ึ จากการ แก๊สคาร์บอนไดออกไซดค์ ลอโรฟลิ ล์ สงั เคราะห์ดว้ ยแสง และน้า ผลผลติ ทไี่ ดจ้ ากการ โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ สังเคราะหด์ ว้ ยแสง ได้แก่ นา้ ตาล ประจักษ์ และแก๊สออกซิเจน ๗. อธบิ ายความสาคัญ • การสังเคราะห์ดว้ ยแสง เปน็ ของการสังเคราะห์ กระบวนการทีส่ าคญั ต่อส่ิงมีชีวติ ด้วยแสงของพชื ต่อ เพราะเป็นกระบวนการเดียว สงิ่ มชี ีวติ และ ทสี่ ามารถนาพลังงานแสงมา สิ่งแวดลอ้ ม เปล่ยี นเป็นพลงั งาน ๘. ตระหนกั ในคณุ คา่ ในรูปสารประกอบอินทรีย์ และเก็บ ของพชื ที่มตี ่อส่งิ มีชีวิต สะสมในรูปแบบต่าง ๆ ใน และสง่ิ แวดลอ้ ม โดย โครงสร้างของพืช พืชจึงเปน็ แหลง่
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิน่ หมายเหตุ การรว่ มกันปลกู และ อาหาร และพลังงานทส่ี าคัญของ ดแู ลรกั ษาตน้ ไมใ้ น ส่ิงมีชวี ติ อื่น โรงเรยี น และชมุ ชน นอกจากน้กี ระบวนการสงั เคราะห์ ดว้ ยแสงยังเป็น กระบวนการหลกั ในการสร้างแกส๊ ออกซิเจนให้กับ บรรยากาศเพือ่ ใหส้ ง่ิ มีชวี ติ อืน่ ใช้ใน กระบวนการ หายใจ ๙. บรรยายลกั ษณะ • พืชมีไซเลม็ และโฟลเอ็ม ซึง่ เป็น และหนา้ ท่ขี องไซเล็ม เนือ้ เยอื่ และโฟลเอ็ม มลี ักษณะคล้ายทอ่ เรยี งตัวกนั เป็น ๑๐. เขียนแผนภาพท่ี กล่มุ เฉพาะท่ี บรรยายทศิ ทางการ โดยไซเลม็ ทาหน้าทล่ี าเลยี งนา้ และ ลาเลียงสารในไซเลม็ ธาตอุ าหาร และโฟลเอ็มของพืช มีทิศทางลาเลยี งจากรากไปสู่ลาต้น ใบ และ ส่วนต่าง ๆ ของพชื เพื่อใชใ้ นการ สงั เคราะห์ด้วยแสงรวมถงึ กระบวนการอ่ืน ๆ ส่วนโฟลเอม็ ทาหนา้ ทลี่ าเลียงอาหารท่ีไดจ้ าก การสงั เคราะหด์ ้วยแสงมีทิศทาง ลาเลยี งจากบริเวณที่มีการ สงั เคราะห์ดว้ ยแสงไปสสู่ ่วนตา่ ง ๆ ของพืช ๑๑. อธิบายการ • พชื ดอกทุกชนิดสามารถสบื พนั ธ์ุ สืบพันธ์แุ บบอาศัยเพศ แบบอาศัยเพศได้ และบางชนิด และไมอ่ าศยั เพศของ สามารถสบื พันธ์ุแบบไม่อาศยั เพศได้ พืชดอก ๑๒. อธิบายลักษณะ • การสืบพันธแุ์ บบอาศัยเพศเปน็ โครงสร้างของดอกท่มี ี การสืบพันธ์ุท่มี ีการผสมกนั ของ สว่ นทาให้เกดิ การถา่ ย สเปริ ์มกบั เซลล์ไข่การสืบพันธุ์ เรณรู วมทงั้ บรรยาย แบบอาศัยเพศของพชื ดอกเกิดข้นึ ที่ การปฏสิ นธขิ องพืช ดอกโดยภายในอบั เรณูของส่วน ดอก การเกดิ ผลและ เกสรเพศผมู้ ีเรณซู ึ่งทาหนา้ ทส่ี รา้ ง เมลด็ การกระจาย สเปิร์ม ภายในออวลุ ของส่วนเกสร
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิน่ หมายเหตุ เมลด็ และการงอก เพศเมยี มถี ุงเอ็มบริโอ ทาหนา้ ท่ี ของเมล็ด สรา้ งเซลล์ไข่ ๑๓. ตระหนักถงึ • การสืบพนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศัยเพศเปน็ ความสาคญั ของสตั ว์ที่ การสืบพันธท์ุ ี่พืชตน้ ใหม่ไม่ไดเ้ กิด ชว่ ยในการถ่ายเรณู จากการปฏิสนธริ ะหว่างสเปริ ์มกับ ของพชื ดอก โดยการ เซลลไ์ ขแ่ ตเ่ กดิ จากส่วนตา่ ง ๆ ของ ไม่ทาลายชีวติ ของสตั ว์ พืช เชน่ ราก ลาต้น ใบ มกี าร ที่ช่วยในการถา่ ยเรณู เจรญิ เติบโตและพฒั นาข้นึ มาเปน็ ต้นใหม่ได้ • การถา่ ยเรณคู ือ การเคลอ่ื นย้าย ของเรณจู าก อบั เรณูไปยงั ยอดเกสรเพศเมีย ซง่ึ เกย่ี วขอ้ งกบั ลกั ษณะและโครงสร้างของดอก เชน่ สีของ กลบี ดอก ตาแหน่งของเกสรเพศผู้ และเกสรเพศ เมีย โดยมีสงิ่ ทชี่ ่วยในการถา่ ยเรณู เชน่ แมลง ลม • การถา่ ยเรณูจะนาไปสู่การปฏสิ นธิ ซึง่ จะเกิดขน้ึ ที่ ถุงเอ็มบรโิ อภายในออวลุ หลังการ ปฏิสนธิจะได้ ไซโกต และเอนโดสเปิรม์ ไซโกตจะ พฒั นาต่อไป เป็นเอ็มบรโิ อ ออวุลพัฒนาไปเปน็ เมลด็ และรังไข่ พฒั นาไปเป็นผล • ผลและเมลด็ มีการกระจายออก จากต้นเดิม โดย วิธีการต่าง ๆ เม่ือเมลด็ ไปตกใน สภาพแวดล้อมที่ เหมาะสมจะเกดิ การงอกของเมลด็ โดยเอม็ บริโอ ภายในเมล็ดจะเจริญออกมา โดย ระยะแรก
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ หมายเหตุ จะอาศัยอาหารที่สะสมภายในเมลด็ - จนกระทัง่ ใบแท้พฒั นา จนสามารถสงั เคราะห์ ดว้ ยแสงได้ เต็มท่ี และสรา้ งอาหารไดเ้ อง ตามปกติ ๑๔. อธิบาย • พชื ต้องการธาตุอาหารที่จาเปน็ ความสาคญั ของธาตุ หลายชนิดในการ อาหารบางชนดิ ท่ีมีผล เจริญเตบิ โตและการดารงชวี ติ ต่อการเจรญิ เติบโต • พชื ตอ้ งการธาตุอาหารบางชนิดใน และการดารงชีวิตของ ปรมิ าณมากได้แก่ ไนโตรเจน พืช ฟอสฟอรสั โพแทสเซียม แคลเซียม ๑๕. เลอื กใช้ปุย๋ ท่มี ี แมกนเี ซียม และกามะถัน ซึ่งในดิน ธาตอุ าหารเหมาะสม อาจมีไม่เพียงพอ สาหรบั การ กับพชื ในสถานการณ์ท่ี เจรญิ เติบโตของพชื จึงตอ้ งมีการให้ กาหนด ธาตุอาหารในรปู ของปยุ๋ กับพืชอย่าง เหมาะสม ๑๖. เลือกวิธกี าร • มนุษย์สามารถนาความรเู้ ร่อื งการ ขยายพนั ธุ์พืชให้ สบื พันธแ์ุ บบอาศัยเพศ และไม่ เหมาะสมกบั ความ อาศัยเพศ มาใชใ้ นการขยายพันธ์ุ ตอ้ งการของมนุษยโ์ ดย เพอ่ื เพมิ่ จานวนพชื เชน่ การใช้ ใช้ความรเู้ กย่ี วกับการ เมล็ด สืบพนั ธุข์ องพชื ทีไ่ ดจ้ ากการสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศ ๑๗. อธิบาย มาเพาะเล้ยี ง ความสาคัญของ วธิ ีการนจ้ี ะได้พชื ในปริมาณมาก แต่ เทคโนโลยกี าร อาจมลี กั ษณะ เพาะเลี้ยงเนือ้ เย่ือพืช ที่แตกต่างไปจากพ่อแม่สว่ นการ ในการใชป้ ระโยชน์ ตอนก่ิง การปกั ชา ดา้ นต่างๆ การตอ่ กิ่ง การติดตา การทาบก่ิง ๑๘. ตระหนกั ถงึ การเพาะเลีย้ ง ประโยชนข์ องการ เนอื้ เยอ่ื เป็นการนาความรู้เรือ่ งการ ขยายพันธพุ์ ืช โดยการ สืบพันธุแ์ บบ นาความรูไ้ ปใช้ใน ไม่อาศัยเพศของพืชมาใช้ในการ ชีวิตประจาวนั ขยายพันธ์ุ เพอื่ ใหไ้ ด้พืชท่ีมลี กั ษณะเหมือนต้น เดิม ซงึ่ การขยายพนั ธ์ุ แต่ละวิธีมี ขนั้ ตอนแตกตา่ งกัน จึงควรเลือกให้
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ เหมาะสมกับความต้องการของ มนษุ ยโ์ ดยต้องคานึงถึงชนิดของพืช และลักษณะการสบื พนั ธ์ขุ องพชื • เทคโนโลยกี ารเพาะเล้ยี งเนื้อเย่อื พชื เปน็ การนา ความรเู้ กี่ยวกบั ปจั จยั ทจ่ี าเป็นต่อ การเจรญิ เติบโต ของพชื มาใชใ้ นการเพ่ิมจานวนพชื และทาให้พชื สามารถเจริญเติบโตไดใ้ นหลอด ทดลอง ซ่ึงจะได้ พืชจานวนมากในระยะเวลาส้ัน และสามารถนา เทคโนโลยกี ารเพาะเลีย้ งเน้ือเยอ่ื มา ประยุกต์ เพ่ือการอนรุ ักษ์พนั ธุกรรมพืช ปรบั ปรุงพนั ธพุ์ ชื ทมี่ ีความสาคญั ทางเศรษฐกจิ การ ผลติ ยาและสารสาคัญในพืช และ อื่น ๆ สาระท่ี ๑ วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๓ เขา้ ใจกระบวนการ และความสาคญั ของการถา่ ยทอดลักษณะ ทางพนั ธุกรรม สารพันธกุ รรม การเปลี่ยนแปลงทางพนั ธกุ รรมท่มี ผี ลตอ่ สง่ิ มีชวี ติ ความหลากหลาย ทางชวี ภาพ และวิวัฒนาการของส่งิ มชี วี ติ รวมท้ังนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ หมายเหตุ ม.๑ - - -- สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัตขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมบัติ ของสสารกับโครงสร้าง และแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนุภาคหลกั และธรรมชาตขิ องการเปล่ียนแปลง สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน หมายเหตุ ม.๑ ๑. อธบิ ายสมบตั ทิ าง • ธาตแุ ต่ละชนดิ มสี มบตั เิ ฉพาะตัวและ ๑.กระบ่ีเมืองนา่ อยู่ กายภาพบางประการ มีสมบัติ ทางกายภาพบางประการ ๒.ยอ้ นรอยเมืองกระบี่ ของธาตุโลหะ อโลหะ เหมอื นกนั และบางประการต่างกัน ๓.การปกครองของ และก่งึ โลหะ โดยใช้ ซงึ่ สามารถนามาจัดกลมุ่ ธาตุ เป็น กระบ่ี หลกั ฐาน เชงิ ประจกั ษ์ โลหะอโลหะ และก่ึงโลหะ ธาตุโลหะมี ๔.สังคมกระบีบ่ า้ นเรา ท่ีได้จากการสงั เกต จุดเดือด จุดหลอมเหลวสงู มีผิวมัน ๕.ร่องรอยทาง และการทดสอบ และ วาว นาความรอ้ น นาไฟฟา้ ดึงเปน็ ประวัติศาสตร์ ใช้สารสนเทศท่ไี ด้จาก เสน้ หรอื ตีเป็นแผ่นบาง ๆ ได้และ มี ๖.เชดิ ชูถิน่ แดนดิน แหล่ง ขอ้ มูลตา่ ง ๆ ความหนาแนน่ ท้ังสงู และตา่ ธาตุ ประเพณี รวมทัง้ จดั กลุม่ ธาตเุ ปน็ อโลหะมจี ุดเดือด จดุ หลอมเหลวตา่ มี ๗. เศรษฐกจิ เนรมติ เมือง โลหะ อโลหะ และกง่ึ ผิวไม่มันวาว ไม่นาความรอ้ น ไมน่ า ๘.วฒั นธรรมนาชวี ิต โลหะ ไฟฟา้ เปราะ แตกหักงา่ ย และมีความ ๙.พลเมืองวรี ชนและ หนาแน่นต่า ธาตกุ ง่ึ โลหะมสี มบตั บิ าง บุคคลสาคัญ ประการเหมือนโลหะ และสมบัตบิ าง ๑o.สบื สานงานศลิ ป์ ประการเหมือนอโลหะ ๑๑.มนตเ์ สน่หแ์ หง่ แดน ใต้ ๑๒.งานศิลปถ์ ิ่นกระบ่ี ๑๓.วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ แดนดนิ เมืองกระบ่ี ๑๔.สืบสานภมู ิปัญญา ๑๕.ทรพั ยใ์ นดนิ สินใน น้านามกระบี่ ๑๖.ชื่อบ้านฉนั นาม โรงเรยี น ๑๗.โครงงานอาชีพ ๑๘.โรคอบุ ัตใิ หม่ใน จังหวัด กระบี่ (COVID- 19) ๒. วิเคราะหผ์ ลจาก • ธาตุโลหะ อโลหะ และกงึ่ โลหะท่ี - การใช้ธาตโุ ลหะ สามารถแผ่รงั สีได้ จัดเปน็ ธาตุ อโลหะ ก่ึงโลหะ และ กัมมันตรังสี ธาตกุ ัมมันตรังสีท่ีมตี ่อ • ธาตมุ ที ้งั ประโยชน์ และโทษ การใช้ ส่ิงมีชีวิต ส่ิงแวดล้อม ธาตโุ ลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ ธาตุ
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถนิ่ หมายเหตุ เศรษฐกจิ และสังคม กมั มันตรังสีควรคานึงถึง ผลกระทบ จากข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ ต่อสง่ิ มชี วี ิต สงิ่ แวดล้อม เศรษฐกิจ ๓. ตระหนกั ถึงคุณคา่ และสงั คม ของการใชธ้ าตโุ ลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ ธาตุ กมั มนั ตรังสี โดยเสนอ แนวทางการใชธ้ าตุ อย่างปลอดภยั คุ้มคา่ ๔. เปรยี บเทยี บจดุ • สารบริสุทธปิ์ ระกอบดว้ ยสารเพียง เดอื ดจดุ หลอมเหลว ชนิดเดียว สว่ นสารผสมประกอบดว้ ย ของสารบรสิ ทุ ธิ์ และ สารตง้ั แต่ ๒ ชนดิ ขน้ึ ไป สาร สารผสม โดยการวัด บรสิ ทุ ธ์แิ ต่ละชนดิ มสี มบตั ิบาง อุณหภมู เิ ขยี นกราฟ ประการ ทเ่ี ปน็ คา่ เฉพาะตัว เชน่ จุด แปลความหมายข้อมลู เดือด และจุดหลอมเหลวคงท่ีแตส่ าร จากกราฟ หรือ ผสมมจี ุดเดือด และจดุ หลอมเหลวไม่ สารสนเทศ คงท่ีข้นึ อย่กู บั ชนิด และสัดส่วนของ สารทผ่ี สมอยู่ด้วยกัน ๕. อธิบายและ • สารบริสุทธ์ิแตล่ ะชนดิ มีความ เปรยี บเทยี บความ หนาแน่น หรอื มวลต่อหน่ึง หนาแนน่ ของ สาร หน่วยปริมาตรคงที่ เป็นค่าเฉพาะ บรสิ ทุ ธแ์ิ ละสารผสม ของสารนัน้ ณ สถานะและอุณหภูมิ ๖. ใชเ้ ครอ่ื งมอื เพ่ือวัด หนึ่ง แตส่ ารผสมมีความหนาแนน่ ไม่ มวล และปรมิ าตรของ คงท่ีขน้ึ อยู่กับชนิด และสดั ส่วนของ สารบริสุทธิ์และสาร สารท่ีผสมอยู่ดว้ ยกัน ผสม ๗. อธิบายเกย่ี วกับ • สารบริสุทธแ์ิ บ่งออกเปน็ ธาตุ และ ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง สารประกอบ ธาตุประกอบด้วย อะตอม ธาตุ และ อนภุ าคที่เล็กที่สดุ ที่ยังแสดง สมบัติ สารประกอบ โดยใช้ ของธาตุนนั้ เรยี กว่า อะตอม ธาตุแต่ แบบจาลอง และ ละชนดิ ประกอบด้วยอะตอมเพียง สารสนเทศ ชนิดเดยี วและไม่ สามารถแยกสลาย เปน็ สารอ่นื ไดด้ ้วยวธิ ที างเคมี ธาตุ เขียนแทนดว้ ยสัญลักษณ์ธาตุ สารประกอบ เกิดจากอะตอมของธาตุ ตงั้ แต่ ๒ ชนิดข้ึนไป รวมตัวกนั ทาง เคมีในอตั ราสว่ นคงท่ี มสี มบตั ิ แตกตา่ งจากธาตุทเ่ี ปน็ องคป์ ระกอบ
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ หมายเหตุ สามารถ แยกเป็นธาตุได้ดว้ ยวธิ ีทาง เคมีธาตุและ สารประกอบสามารถ เขยี นแทนได้ด้วยสตู รเคมี ๘. อธบิ ายโครงสร้าง • อะตอมประกอบด้วยโปรตอน อะตอมทปี่ ระกอบดว้ ย นวิ ตรอน และ อเิ ล็กตรอน โปรตอนมี โปรตอน นวิ ตรอน ประจไุ ฟฟ้าบวก ธาตุชนดิ เดยี วกนั มี และอิเล็กตรอน โดยใช้ จานวนโปรตอนเท่ากนั และเป็นค่า แบบจาลอง เฉพาะของธาตนุ น้ั นวิ ตรอนเป็นกลาง ทางไฟฟ้า สว่ นอเิ ล็กตรอนมปี ระจุ ไฟฟ้าลบ เม่ืออะตอมมีจานวน โปรตอนเทา่ กับจานวนอเิ ล็กตรอน จะ เปน็ กลางทางไฟฟา้ โปรตอน และ นวิ ตรอน รวมกันตรงกลางอะตอม เรยี กว่า นิวเคลียส ส่วนอิเลก็ ตรอน เคล่อื นท่ีอยใู่ นท่วี า่ งรอบนวิ เคลียส ๙. อธิบายและ • สสารทุกชนิดประกอบด้วยอนุภาค - เปรยี บเทียบการ โดยสาร ชนิดเดยี วกนั ท่ีมีสถานะ จัดเรยี งอนุภาค แรงยึด ของแขง็ ของเหลว แกส๊ จะมีการ เหนี่ยวระหว่างอนุภาค จดั เรยี งอนุภาค แรงยดึ เหนย่ี วระหว่าง และการเคล่อื นที่ของ อนุภาคการเคลื่อนทีข่ องอนุภาค อนุภาคของสสารชนิด แตกตา่ งกนั ซ่ึงมผี ลต่อรปู ร่างและ เดยี วกันในสถานะ ปรมิ าตรของสสาร ของแขง็ ของเหลว • อนภุ าคของของแขง็ เรียงชิดกัน มี และแกส๊ โดยใช้ แรงยึดเหนี่ยว ระหวา่ งอนุภาคมาก แบบจาลอง ที่สดุ อนภุ าคส่ันอยู่กับท่ี ทาใหม้ ี รปู ร่างและปรมิ าตรคงที่ • อนุภาคของของเหลวอยู่ใกล้กัน มี แรงยดึ เหนย่ี ว ระหวา่ งอนุภาคน้อย กวา่ ของแข็งแต่มากกวา่ แก๊ส อนภุ าค เคลื่อนท่ีไดแ้ ต่ไม่เปน็ อสิ ระเท่าแกส๊ ทาให้ มีรปู ร่างไมค่ งที่แต่ปริมาตรคงที่ • อนุภาคของแก๊สอยหู่ ่างกนั มาก มี แรงยึดเหนย่ี ว ระหว่างอนภุ าคน้อย ท่สี ุด อนภุ าคเคลื่อนที่ได้ อย่างอิสระ ทกุ ทิศทาง ทาใหม้ ีรูปร่าง และ ปรมิ าตร ไม่คงที่
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิน่ หมายเหตุ ๑๐. อธบิ าย • ความรอ้ นมผี ลตอ่ การเปล่ียนสถานะ ความสัมพันธร์ ะหว่าง ของสสาร เมอื่ ให้ความร้อนแก่ พลงั งานความร้อนกับ ของแขง็ อนุภาคของของแขง็ จะมี การเปลย่ี นสถานะของ พลังงาน และอุณหภมู เิ พ่มิ ขึ้นจนถึง สสาร โดยใช้หลกั ฐาน ระดับหนงึ่ ซงึ่ ของแขง็ จะใชค้ วามรอ้ น เชิงประจักษ์ และ ในการเปลยี่ นสถานะ เปน็ ของเหลว แบบจาลอง เรียกความร้อนทีใ่ ช้ในการเปลี่ยน สถานะจากของแข็งเปน็ ของเหลวว่า ความร้อนแฝง ของการหลอมเหลว และอุณหภูมขิ ณะเปล่ียนสถานะจะ คงท่ี เรียกอุณหภมู นิ ้ีว่า จุด หลอมเหลว • เมอ่ื ใหค้ วามร้อนแกข่ องเหลว อนภุ าคของของเหลวจะมพี ลงั งาน และอุณหภมู เิ พิ่มขึน้ จนถึงระดับหน่ึง ซ่งึ ของเหลวจะใชค้ วามร้อนในการ เปลยี่ นสถานะเป็นแกส๊ เรียกความ ร้อนท่ีใชใ้ นการเปลีย่ นสถานะจาก ของเหลวเปน็ แก๊สวา่ ความร้อนแฝง ของ การกลายเปน็ ไอ และอุณหภมู ิ ขณะเปลยี่ นสถานะจะคงท่ี เรียก อณุ หภมู นิ ว้ี า่ จุดเดือด • เม่ือทาให้อณุ หภูมิของแกส๊ ลดลง จนถึงระดบั หนงึ่ แก๊สจะเปล่ยี น สถานะเปน็ ของเหลว เรยี กอุณหภมู ิ นี้ วา่ จุดควบแนน่ ซึ่งมอี ุณหภูมิเดยี วกับ จุดเดือด ของของเหลวน้ัน • เมือ่ ทาให้อณุ หภมู ิของของเหลว ลดลงจนถึง ระดบั หนึ่ง ของเหลวจะ เปล่ยี นสถานะเปน็ ของแข็ง เรยี ก อุณหภูมนิ ้วี ่า จุดเยอื กแข็ง ซ่ึงมี อณุ หภมู ิ เดยี วกบั จดุ หลอมเหลวของ ของแขง็ น้ัน
สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๒ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ติ ประจาวนั ผลของแรงท่กี ระทาต่อวตั ถุ ลักษณะการเคล่ือนที่แบบตา่ ง ๆ ของวัตถรุ วมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน หมายเหตุ ม.๑ ๑. สรา้ งแบบจาลองท่ี • เมอื่ วัตถุอยู่ในอากาศจะมีแรงท่ี ๑.กระบ่ีเมืองนา่ อยู่ อธิบายความสมั พันธ์ อากาศกระทาต่อ วตั ถใุ นทกุ ๒.ย้อนรอยเมืองกระบี่ ระหว่าง ความดนั อากาศ ทศิ ทางแรงที่อากาศกระทาต่อ ๓.การปกครองของกระบ่ี กับความสงู จากพนื้ โลก วัตถุ ขึ้นอยู่กับขนาดพนื้ ท่ีของ ๔.สงั คมกระบบ่ี ้านเรา วตั ถุน้ันแรงที่อากาศ กระทาตั้ง ๕.รอ่ งรอยทาง ฉากกับผวิ วตั ถุต่อหนง่ึ หนว่ ยพื้นที่ ประวัตศิ าสตร์ เรยี กวา่ ความดันอากาศ ๖.เชดิ ชูถ่ินแดนดนิ • ความดันอากาศมีความสมั พันธ์ ประเพณี กบั ความสูงจากพื้นโลก โดย ๗. เศรษฐกจิ เนรมิตเมือง บรเิ วณท่ีสูงจากพืน้ โลกข้ึนไป ๘.วฒั นธรรมนาชวี ติ อากาศเบาบางลง มวลอากาศ ๙.พลเมอื งวรี ชนและ นอ้ ยลง ความดัน อากาศกจ็ ะ บุคคลสาคัญ ลดลง ๑o.สบื สานงานศิลป์ ๑๑.มนต์เสน่หแ์ ห่งแดนใต้ ๑๒.งานศิลป์ถิน่ กระบ่ี ๑๓.วรรณกรรมทอ้ งถิ่น แดนดินเมืองกระบ่ี ๑๔.สบื สานภมู ปิ ัญญา ๑๕.ทรัพย์ในดนิ สินใน นา้ นามกระบี่ ๑๖.ชือ่ บา้ นฉนั นาม โรงเรียน ๑๗.โครงงานอาชพี ๑๘.โรคอุบัติใหมใ่ น จงั หวดั กระบี่ (COVID- 19)
สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลย่ี นแปลง และการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พนั ธร์ ะหว่าง สสารและพลงั งาน พลงั งานในชีวิตประจาวนั ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่ เกย่ี วข้องกบั เสียง แสง และคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทง้ั นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน หมายเหตุ ม.๑ ๑. วเิ คราะห์แปล • เม่ือสสารได้รับหรอื สูญเสยี ๑.กระบเี่ มืองน่าอยู่ ความหมายข้อมลู และ ความร้อนอาจทาให้ สสาร ๒.ย้อนรอยเมืองกระบี่ คานวณปรมิ าณความร้อนท่ี เปลย่ี นอุณหภมู เิ ปลีย่ นสถานะ ๓.การปกครองของกระบี่ ทาให้สสารเปลีย่ นอุณหภมู ิ หรือเปล่ยี น รปู ร่าง ๔.สงั คมกระบ่บี ้านเรา และเปล่ยี นสถานะ โดยใช้ • ปรมิ าณความร้อนทีท่ าให้ ๕.ร่องรอยทาง สมการ สสารเปลี่ยนอุณหภูมิ ขน้ึ กบั ประวตั ิศาสตร์ ๒. ใชเ้ ทอร์มอมเิ ตอร์ในการ มวล ความรอ้ นจาเพาะ และ ๖.เชดิ ชูถนิ่ แดนดิน วัดอณุ หภมู ิของสสาร อุณหภูมิ ทีเ่ ปลย่ี นไป ประเพณี • ปรมิ าณความร้อนท่ที าให้ ๗. เศรษฐกจิ เนรมิตเมือง สสารเปลย่ี นสถานะ ขนึ้ กับ ๘.วัฒนธรรมนาชวี ติ มวลและความร้อนแฝง ๙.พลเมืองวีรชนและบุคคล จาเพาะ โดยขณะที่ สสาร สาคัญ เปลยี่ นสถานะ อุณหภูมิจะไม่ ๑o.สืบสานงานศิลป์ เปลี่ยนแปลง ๑๑.มนตเ์ สน่หแ์ หง่ แดนใต้ ๑๒.งานศลิ ป์ถ่ินกระบี่ ๑๓.วรรณกรรมท้องถ่นิ แดนดนิ เมืองกระบี่ ๑๔.สืบสานภูมิปัญญา ๑๕.ทรพั ย์ในดนิ สนิ ในน้า นามกระบี่ ๑๖.ช่ือบา้ นฉันนาม โรงเรยี น ๑๗.โครงงานอาชีพ ๑๘.โรคอุบตั ใิ หมใ่ นจังหวดั กระบ่ี (COVID-19) ๓. สรา้ งแบบจาลองท่ี • ความร้อนทาให้สสาร อธิบายการขยายตัว หรอื หด ขยายตัวหรือหดตัวได้ ตัวของสสารเนอ่ื งจากไดร้ บั เนอ่ื งจากเมอ่ื สสารได้รับความ หรือสูญเสยี ความร้อน ร้อนจะทาให้ อนภุ าคเคลอื่ นท่ี เรว็ ขนึ้ ทาให้เกดิ การขยายตัว
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ ๔. ตระหนักถงึ ประโยชน์ แต่เมอื่ สสารคายความร้อนจะ ของความรู้ของการหด และ ทาให้อนุภาค เคล่ือนที่ชา้ ลง ขยายตัวของสสารเนือ่ งจาก ทาให้เกิดการหดตวั ความร้อน โดยวเิ คราะห์ • ความรู้เรือ่ งการหดและ สถานการณป์ ัญหา และ ขยายตวั ของสสาร เนอื่ งจาก เสนอแนะ วธิ กี ารนาความรู้ ความร้อนนาไปใชป้ ระโยชน์ได้ มาแกป้ ัญหาใน ดา้ น ตา่ ง ๆ เช่น การสรา้ ง ชวี ิตประจาวนั ถนน การสรา้ งรางรถไฟ การ ทาเทอร์มอมิ เตอร์ ๕. วเิ คราะห์สถานการณ์การ • ความร้อนถ่ายโอนจากสสาร ถ่ายโอนความร้อน และ ท่มี อี ุณหภูมสิ ูงกวา่ ไปยังสสาร คานวณปริมาณความร้อนท่ี ที่มีอุณหภูมติ า่ กวา่ จนกระท่ัง ถา่ ยโอน ระหว่างสสารจน อณุ หภูมิ ของสสารทั้งสอง เกิดสมดุลความร้อนโดยใช้ เท่ากนั สภาพท่ีสสารท้ังสอง สมการ Qสูญเสยี = Qได้รับ มีอณุ หภูมเิ ท่ากนั เรยี กว่า สมดุลความรอ้ น • เมอื่ มกี ารถ่ายโอนความรอ้ น จากสสารท่ีมี อุณหภมู ติ า่ งกัน จนเกดิ สมดลุ ความร้อน ความ ร้อนท่เี พม่ิ ขึน้ ของสสารหนงึ่ จะ เท่ากบั ความรอ้ นที่ลดลงของ อกี สสารหนง่ึ ซึ่งเปน็ ไป ตาม กฎการอนุรักษ์พลังงาน ๖. สร้างแบบจาลองท่ี • การถา่ ยโอนความร้อนมี ๓ อธบิ ายการถ่ายโอนความ แบบ คือ การนาความร้อน รอ้ น โดยการนาความร้อน การพาความรอ้ น และ การแผ่ การพาความร้อน การแผ่ รังสคี วามรอ้ น การนาความ รังสคี วามรอ้ น รอ้ นเป็นการถ่ายโอน ความ ๗. ออกแบบ เลือกใช้และ ร้อนทีอ่ าศัยตวั กลาง โดยที่ สรา้ งอปุ กรณ์ เพ่ือแกป้ ัญหา ตวั กลางไม่เคลือ่ น ท่ีการพา ในชวี ติ ประจาวันโดยใช้ ความร้อนเป็นการถ่ายโอน ความรูเ้ กยี่ วกับ การถ่ายโอน ความร้อนท่ีอาศัยตวั กลาง ความรอ้ น โดยทต่ี ัวกลาง เคล่อื นทไ่ี ปดว้ ย สว่ นการแผร่ ังสีความรอ้ น เป็น การถา่ ยโอนความรอ้ นทไ่ี ม่ ต้องอาศัยตวั กลาง
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ • ความรเู้ กย่ี วกับการถา่ ยโอน ความรอ้ นสามารถ นาไปใช้ ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวันได้ เช่น การเลือกใชว้ สั ดุเพื่อ นามาทาภาชนะบรรจุอาหาร เพอ่ื เกบ็ ความร้อน หรือการ ออกแบบระบบ ระบายความ ร้อนในอาคาร สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมท้งั ปฏิสมั พันธ์ภายในระบบสรุ ิยะทสี่ ง่ ผลต่อส่งิ มีชีวติ และ การประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ ช้ัน ตวั ชีว้ ดั - สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ หมายเหตุ ม.๑ - -- สาระท่ี ๓ วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบ และความสมั พันธข์ องระบบโลก กระบวนการ เปลยี่ นแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณพี บิ ัตภิ ัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทง้ั ผลตอ่ สิง่ มชี ีวติ และส่ิงแวดล้อม ชน้ั ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่ หมายเหตุ ม.๑ ๑. สรา้ งแบบจาลองท่ีอธบิ าย • โลกมีบรรยากาศห่อหุ้ม ๑.ย้อนรอยเมืองกระบ่ี การแบ่งชน้ั บรรยากาศ และ นกั วิทยาศาสตรใ์ ชส้ มบตั ิ ๒.การปกครองของ เปรยี บเทียบประโยชนข์ อง และองค์ประกอบของ กระบี่ บรรยากาศ แตล่ ะชน้ั บรรยากาศในการแบง่ ๓.สงั คมกระบบี่ า้ นเรา บรรยากาศ ของโลกออกเป็น ๔.รอ่ งรอยทาง ชัน้ ซ่ึงแบง่ ได้หลายรูปแบบ ประวัตศิ าสตร์ ตามเกณฑท์ ่ีแตกต่างกัน ๕.เชิดชถู ่ินแดนดนิ โดยท่ัวไปนักวทิ ยาศาสตร์ ใช้ ประเพณี เกณฑ์การเปลย่ี นแปลง ๖. เศรษฐกิจเนรมิตเมือง อณุ หภูมิตามความสูง แบ่ง ๗.วฒั นธรรมนาชวี ติ
ช้นั ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ หมายเหตุ บรรยากาศไดเ้ ปน็ ๕ ชัน้ ๘.พลเมืองวีรชนและ ได้แก่ชั้นโทรโพสเฟียร์ ชัน้ สต บคุ คลสาคัญ ราโตสเฟียร์ชัน้ มีโซสเฟียรช์ น้ั ๙.สบื สานงานศิลป์ เทอร์โมสเฟยี ร์ และช้นั เอก ๑o.มนต์เสน่หแ์ ห่งแดน โซสเฟียร์ ใต้ • บรรยากาศแตล่ ะชน้ั มี ๑๑.งานศลิ ป์ถน่ิ กระบี่ ประโยชนต์ อ่ สง่ิ มีชีวติ ๑๒.วรรณกรรมท้องถ่ิน แตกตา่ งกนั โดยชัน้ โทรโพส แดนดนิ เมืองกระบี่ เฟยี ร์มปี รากฏการณ์ ลมฟา้ ๑๓.สบื สานภูมิปัญญา อากาศทีส่ าคัญต่อการ ๑๔.ทรัพยใ์ นดิน สนิ ใน ดารงชีวติ ของสิ่งมชี ีวิต ชน้ั นา้ นามกระบ่ี สตราโตสเฟยี รช์ ่วยดูดกลืน ๑๕.ชื่อบา้ นฉันนาม รังสีอลั ตราไวโอเลต จากดวง โรงเรียน อาทติ ย์ไมใ่ ห้มายังโลกมาก ๑๖.โครงงานอาชพี เกนิ ไป ชน้ั มีโซสเฟียรช์ ่วย ๑๗.โรคอุบัตใิ หมใ่ น ชะลอวตั ถนุ อกโลกที่ผา่ นเข้า จงั หวดั กระบ่ี (COVID- มา ให้เกดิ การเผาไหม้ 19) กลายเปน็ วตั ถขุ นาดเล็ก ลด โอกาสทีจ่ ะทาความเสยี หาย แกส่ ิ่งมีชวี ิตบนโลก ชน้ั เทอร์ โมสเฟียรส์ ามารถสะท้อน คล่นื วทิ ยุ และชั้นเอกโซส เฟียร์เหมาะสาหรบั การโคจร ของ ดาวเทยี มรอบโลกใน ระดับตา่ ๒. อธบิ ายปัจจยั ทม่ี ีผลตอ่ การ • ลมฟ้าอากาศเปน็ สภาวะ เปลี่ยนแปลง องค์ประกอบ ของอากาศในเวลาหน่งึ ของ ของลมฟา้ อากาศ จากข้อมลู ที่ พน้ื ทห่ี นงึ่ ที่มกี าร รวบรวมได้ เปล่ยี นแปลงตลอดเวลา ขึน้ อยู่กับองค์ประกอบลมฟา้ อากาศ ได้แก่ อณุ หภมู ิ อากาศ ความกดอากาศ ลม ความช้นื เมฆ และหยาดนา้ ฟ้า โดยหยาดนา้ ฟา้ ทพ่ี บ บอ่ ย ในประเทศไทยไดแ้ กฝ่ น องคป์ ระกอบ ลมฟ้าอากาศ เปลยี่ นแปลงตลอดเวลา
ช้นั ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ หมายเหตุ ข้นึ อยู่กับปัจจยั ตา่ ง ๆ เชน่ ปริมาณรังสจี ากดวงอาทิตย์ และ ลกั ษณะพน้ื ผวิ โลกสง่ ผล ต่ออุณหภูมิอากาศ อณุ หภมู ิ อากาศและปริมาณไอน้า ส่งผลตอ่ ความชื้น ความกด อากาศสง่ ผลต่อลม ความช้ืน และลมสง่ ผลต่อเมฆ ๓. เปรียบเทียบกระบวนการ • พายฝุ นฟา้ คะนอง เกดิ จาก เกดิ พายุฝนฟา้ คะนอง และ การท่ีอากาศทม่ี ี อณุ หภมู ิ พายหุ มุนเขตรอ้ น และผลทีม่ ี และความชน้ื สูงเคลื่อนท่ีขนึ้ สู่ ตอ่ สงิ่ มีชวี ิต และสิง่ แวดล้อม ระดับ ความสูง ท่ีมีอุณหภูมิ รวมทง้ั นาเสนอแนวทางการ ตา่ ลง จนกระทั่งไอนา้ ใน ปฏบิ ัติตนใหเ้ หมาะสมและ อากาศเกดิ การควบแนน่ เปน็ ปลอดภยั ละอองนา้ และ เกดิ ต่อเนอ่ื ง เปน็ เมฆขนาดใหญ่ พายุฝน ฟ้าคะนอง ทาให้เกดิ ฝนตก หนัก ลมกรรโชกแรง ฟา้ แลบ ฟ้าผ่า ซง่ึ อาจก่อให้เกิด อนั ตรายต่อชีวติ และ ทรพั ย์สิน • พายหุ มุนเขตร้อนเกดิ เหนอื มหาสมทุ รหรอื ทะเล ท่ีน้ามี อณุ หภูมิสงู ต้ังแต่ ๒๖-๒๗ องศาเซลเซียส ข้นึ ไป ทาให้ อากาศทมี่ ีอณุ หภมู ิและ ความชื้นสูง บรเิ วณนน้ั เคลอ่ื นท่ีสงู ขน้ึ อย่างรวดเรว็ เป็น บรเิ วณกว้าง อากาศ จากบริเวณอ่ืนเคลอ่ื นเข้ามา แทนท่ีและพัดเวยี นเข้าหา ศูนย์กลางของพายุ ย่ิงใกล้ ศูนยก์ ลาง อากาศจะ เคลอ่ื นที่พัดเวียน เกือบเป็น วงกลมและมีอตั ราเรว็ สูงท่สี ุด พายหุ มุน เขตร้อนทาใหเ้ กดิ คล่ืนพายุซดั ฝ่ัง ฝนตกหนัก
ช้นั ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ ้องถนิ่ หมายเหตุ ซ่ึงอาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อ ชีวิตและทรัพย์สนิ จึงควรปฏิ ตนให้ปลอดภยั โดยติดตาม ขา่ วสาร การพยากรณ์อากาศ และไม่เขา้ ไปอยู่ในพ้ืนท่ี ท่ี เส่ียงภัย ๔. อธบิ ายการพยากรณ์อากาศ • การพยากรณอ์ ากาศเปน็ และพยากรณ์ อากาศอย่างงา่ ย การคาดการณ์ลมฟา้ อากาศ จากข้อมูลทร่ี วบรวมได้ ที่จะเกิดขึน้ ในอนาคต โดยมี การตรวจวดั องคป์ ระกอบ ลมฟา้ อากาศการส่ือสาร แลกเปลีย่ น ข้อมูล องคป์ ระกอบลมฟา้ อากาศ ระหวา่ งพ้นื ที่ การวิเคราะห์ ขอ้ มลู และสรา้ งคาพยากรณ์ อากาศ ๕. ตระหนักถึงคุณคา่ ของการ • การพยากรณ์อากาศ - พยากรณ์อากาศ โดยนาเสนอ สามารถนามาใช้ประโยชน์ แนวทางการปฏบิ ตั ติ นและการ ดา้ นต่างๆเช่น การใช้ ใช้ ประโยชน์จากคาพยากรณ์ ชวี ิตประจาวัน การคมนาคม อากาศ การเกษตร การป้องกัน และ เฝา้ ระวงั ภยั พบิ ตั ทิ าง ธรรมชาติ ๖. อธิบายสถานการณแ์ ละ • ภมู อิ ากาศโลกเกดิ การ - ผลกระทบการเปลี่ยนแปลง เปล่ียนแปลงอยา่ งต่อเน่ือง ภมู ิอากาศโลกจากข้อมลู โดยปจั จยั ทางธรรมชาตแิ ต่ ที่รวบรวมได้ ปจั จุบนั การเปล่ยี นแปลง ภมู ิอากาศเกดิ ข้นึ อย่าง รวดเรว็ เนอื่ งจากกิจกรรม ของมนุษยใ์ นการปลดปล่อย แกส๊ เรือนกระจกสู่ บรรยากาศ แก๊สเรือนกระจก ท่ถี กู ปลดปล่อย มากทสี่ ุด ได้แก่ แก๊สคารบ์ อนได ออกไซด์ ซง่ึ หมนุ เวียนอยู่ ในวัฏจักรคาร์บอน
ชัน้ ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถนิ่ หมายเหตุ ๗. ตระหนักถึงผลกระทบของ • การเปลยี่ นแปลงภมู อิ ากาศ - การเปล่ียนแปลง ภมู อิ ากาศ โลกก่อใหเ้ กดิ ผล กระทบตอ่ โลก โดยนาเสนอแนวทางการ ส่ิงมีชีวติ และสิง่ แวดล้อม เชน่ ปฏบิ ตั ิตน ภายใต้การ การหลอมเหลวของน้าแขง็ เปลยี่ นแปลงภูมอิ ากาศโลก ขัว้ โลก การเพิม่ ข้ึน ของ ระดับทะเล การ เปล่ยี นแปลงวัฏจกั รน้า การเกดิ โรคอบุ ตั ใิ หม่และ อบุ ัติซา้ และการเกิด ภยั พบิ ตั ิทางธรรมชาติท่ีรนุ แรง ข้นึ มนษุ ย์จงึ ควร เรียนรู้ แนวทางการปฏิบัติตนภายใต้ สถานการณ์ ดังกลา่ ว ทง้ั แนวทางการปฏิบัติตนให้ เหมาะสม และแนว ทางการ ลดกิจกรรมท่ีส่งผลต่อการ เปลีย่ นแปลงภูมอิ ากาศโลก สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พื่อการดารงชีวิตในสงั คมท่ีมีการ เปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเร็ว ใช้ความรแู้ ละทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อนื่ ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพฒั นางานอย่างมีความคดิ สรา้ งสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมโดยคานงึ ถึงผลกระทบต่อชีวติ สงั คม และสง่ิ แวดล้อม ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ ม.๑ ๑. อธิบายแนวคดิ หลักของ • เทคโนโลยีเปน็ ส่ิงทมี่ นษุ ย์ เทคโนโลยใี นชีวติ ประจาวัน สร้างหรอื พฒั นาขนึ้ ซึ่งอาจ และวิเคราะห์สาเหตุหรือปจั จัย เปน็ ไดท้ ้ังช้ินงานหรือวิธีการ ท่สี ง่ ผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงของ เพ่อื ใช้แกป้ ัญหา สนองความ เทคโนโลยี ตอ้ งการ หรือเพ่ิม ความสามารถ ในการ ทางานของมนุษย์ • ระบบทางเทคโนโลยเี ปน็ กลุ่มของส่วนตา่ ง ๆ ตั้งแตส่ อง สว่ นข้นึ ไปประกอบเข้าด้วยกัน และ ทางานรว่ มกนั เพื่อให้
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ ๒. ระบุปญั หาหรือความ บรรลวุ ัตถุประสงคโ์ ดย ตอ้ งการในชวี ติ ประจาวนั ในการทางานของระบบทาง รวบรวม วเิ คราะห์ขอ้ มูลและ เทคโนโลยีจะประกอบ ไปดว้ ย แนวคดิ ที่เกีย่ วข้อง กบั ปญั หา ตวั ป้อน (input) กระบวนการ (process) และผลผลติ ๓. ออกแบบวธิ กี ารแก้ปัญหา (output) ท่ีสัมพันธ์กัน โดยวิเคราะห์ เปรยี บเทยี บ นอกจากน้ี ระบบทาง และตัดสนิ ใจเลอื กข้อมูลที่ เทคโนโลยีอาจมขี ้อมลู ยอ้ นกลบั (feedback) เพือ่ ใช้ ปรับปรุงการทางานได้ตาม วตั ถุประสงค์ซ่ึงการวเิ คราะห์ ระบบทาง เทคโนโลยีช่วยให้ เข้าใจองคป์ ระกอบและ การ ทางานของเทคโนโลยีรวมถึง สามารถ ปรับปรงุ ให้ เทคโนโลยีทางานได้ตาม ต้องการ • เทคโนโลยมี ีการ เปลีย่ นแปลงตลอดเวลาตัง้ แต่ อดีต จนถึงปจั จบุ ัน ซ่งึ มี สาเหตุหรือปัจจัยมาจาก หลายด้าน เช่น ปัญหาความ ตอ้ งการความก้าวหน้าของ ศาสตร์ต่าง ๆ เศรษฐกิจ สังคม • ปญั หาหรือความต้องการใน ชีวิตประจาวัน พบได้จาก หลายบรบิ ทขึน้ กบั สถานการณ์ ที่ประสบ เชน่ การเกษตร การ อาหาร • การแกป้ ัญหาจาเป็นต้อง สบื คน้ รวบรวมข้อมลู ความรู้ จากศาสตร์ตา่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วข้อง เพอ่ื นาไปสู่ การออกแบบแนว ทางการแก้ปญั หา • การวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บ และตัดสนิ ใจเลอื กข้อมลู ที่ จาเปน็ โดยคานงึ ถึงเง่ือนไข
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ หมายเหตุ จาเปน็ นาเสนอแนวทางการ และทรัพยากรท่ีมีอยูช่ ว่ ยใหไ้ ด้ แกป้ ญั หาใหผ้ ู้อนื่ เขา้ ใจ วางแผน แนวทางการแก้ปัญหาท่ี และดาเนนิ การแก้ปัญหา เหมาะสม • การออกแบบแนวทางการ แก้ปัญหาทาได้ หลากหลายวธิ ี เช่น การร่างภาพ การเขยี น แผนภาพ การเขียนผงั งาน • การกาหนดขน้ั ตอนและ ระยะเวลาในการทางาน ก่อน ดาเนนิ การแก้ปญั หาจะชว่ ยให้ ทางานสาเรจ็ ได้ตามเป้าหมาย และลดข้อผิดพลาด ของการ ทางานท่ีอาจเกิดขนึ้ ๔. ทดสอบ ประเมนิ ผล และ • การทดสอบ และประเมินผล ระบุข้อบกพรอ่ งทีเ่ กิดขน้ึ พร้อม เปน็ การตรวจสอบ ช้นิ งาน ท้ังหาแนวทางการปรบั ปรุงแก้ไข หรอื วิธกี ารว่าสามารถ และนาเสนอผลการแก้ปัญหา แก้ปัญหาไดต้ าม วัตถุประสงค์ ภายใต้กรอบของปญั หา เพื่อ หา ข้อบกพร่อง และ ดาเนนิ การปรับปรุง โดยอาจ ทดสอบซา้ เพ่ือใหส้ ามารถ แก้ปญั หาได้ • การนาเสนอผลงานเปน็ การ ถา่ ยทอดแนวคิด เพอื่ ใหผ้ ู้อ่ืน เข้าใจเก่ียวกับกระบวนการ ทางาน และชนิ้ งานหรอื วธิ กี าร ทไี่ ดซ้ ่งึ สามารถทาได้ หลายวธิ ี เช่น การเขยี นรายงาน การทา แผน่ นาเสนอ ผลงาน การจดั นิทรรศการ การนาเสนอผ่าน สือ่ ออนไลน์ ๕. ใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะเก่ียวกับ • วัสดุแตล่ ะประเภทมสี มบัติ - วสั ดุอุปกรณ์ เครอ่ื งมือ กลไก แตกตา่ งกัน เชน่ ไม้ โลหะ ไฟฟา้ หรอื อิเลก็ ทรอนิกส์ พลาสติก จงึ ต้องมีการ เพ่ือแกป้ ัญหาได้อยา่ งถูกต้อง วิเคราะหส์ มบัติ เพือ่ เลือกใช้ เหมาะสม และปลอดภัย ใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะของ งาน
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน หมายเหตุ • การสรา้ งช้นิ งานอาจใช้ ความรเู้ ร่ืองกลไก ไฟฟ้า อเิ ล็กทรอนกิ ส์เชน่ LED บัซ เซอร์มอเตอร์ วงจรไฟฟ้า • อุปกรณแ์ ละเครื่องมือในการ สร้างชิน้ งานหรือ พฒั นา วิธีการมหี ลายประเภท ตอ้ ง เลอื กใช้ ใหถ้ ูกต้อง เหมาะสม และปลอดภยั รวมท้งั รู้จักเก็บ รกั ษา สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจ และใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ญั หาท่ีพบในชีวติ จริง อยา่ งเป็นขน้ั ตอน และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารในการเรยี นรู้การทางาน และการแกป้ ญั หาได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ รู้เทา่ ทัน และมีจรยิ ธรรม ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ ม.๑ ๑. ออกแบบอลั กอริทมึ ทใี่ ช้ • แนวคิดเชงิ นามธรรม เปน็ การ ๑.กระบ่ีเมืองนา่ อยู่ แนวคดิ เชิงนามธรรมเพ่ือ ประเมนิ ความสาคัญของ ๒.ย้อนรอยเมือง แกป้ ญั หาหรืออธบิ ายการทางาน รายละเอยี ดของปญั หา กระบี่ ท่ีพบในชวี ติ จริง แยกแยะสว่ นทเี่ ปน็ สาระสาคัญ ๓.การปกครองของ ออกจากสว่ นที่ไม่ใชส่ าระสาคัญ กระบ่ี • ตัวอยา่ งปญั หา เช่น ต้องการ ๔.สงั คมกระบ่บี ้าน ปูหญา้ ในสนาม ตามพ้ืนท่ีที่ เรา กาหนด โดยหญา้ หน่งึ ผืนมี ๕.ร่องรอยทาง ความกว้าง ๕๐ เซนติเมตร ยาว ประวัติศาสตร์ ๕๐ เซนติเมตรจะใช้หญ้า ๖.เชิดชูถิ่นแดนดิน ทั้งหมดก่ผี นื ประเพณี ๗. เศรษฐกิจเนรมติ เมือง ๘.วัฒนธรรมนาชวี ติ ๙.พลเมืองวีรชนและ บคุ คลสาคญั ๑o.สืบสานงานศลิ ป์
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ หมายเหตุ ๑๑.มนต์เสนห่ แ์ ห่ง แดนใต้ ๑๒.งานศิลปถ์ ่นิ กระบ่ี ๑๓.วรรณกรรม ทอ้ งถิน่ แดนดินเมือง กระบ่ี ๑๔.สืบสานภมู ิ ปัญญา ๑๕.ทรัพย์ในดนิ สิน ในนา้ นามกระบ่ี ๑๖.ชอื่ บ้านฉนั นาม โรงเรยี น ๑๗.โครงงานอาชีพ ๑๘.โรคอุบัตใิ หม่ใน จังหวัด กระบ่ี (COVID-19) ๒. ออกแบบและเขียนโปรแกรม • การออกแบบและเขยี น อย่างง่าย เพ่ือแกป้ ัญหาทาง โปรแกรมท่ีมีการใช้ตวั แปร คณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ เงื่อนไขวนซ้า • การออกแบบอัลกอรทิ มึ เพื่อ แก้ปญั หาทางคณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์อย่างง่าย อาจใช้ แนวคดิ เชิงนามธรรมในการ ออกแบบ เพอ่ื ให้ การ แก้ปัญหามีประสทิ ธิภาพ • การแก้ปญั หาอย่างเปน็ ขั้นตอนจะชว่ ยใหแ้ ก้ปัญหา ได้ อย่างมีประสิทธภิ าพ • ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใชใ้ นการเขยี น โปรแกรม เช่น Scratch, python, java, c • ตวั อย่างโปรแกรม เชน่ โปรแกรมสมการ การเคล่ือนท่ี โปรแกรม คานวณหาพ้ืนที่ โปรแกรม คานวณดชั นมี วลกาย
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ ๓. รวบรวมขอ้ มูลปฐมภูมิ • การรวบรวมข้อมลู จาก ประมวลผล ประเมินผล แหล่งขอ้ มลู ปฐมภูมิ นาเสนอข้อมูล และสารสนเทศ ประมวลผล สร้างทางเลอื ก ตามวัตถปุ ระสงค์ โดยใช้ ประเมนิ ผล จะทาให้ ได้ ซอฟต์แวร์หรือบริการบน สารสนเทศเพื่อใช้ในการ อนิ เทอรเ์ น็ต ท่หี ลากหลาย แกป้ ญั หาหรือการ ตัดสินใจได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ • การประมวลผลเปน็ การ กระทากับข้อมลู เพื่อให้ ได้ ผลลัพธท์ ี่มคี วามหมายและมี ประโยชน์ตอ่ การนาไปใช้ งาน สามารถทาได้หลายวิธเี ช่น คานวณอตั ราส่วน คานวณ คา่ เฉลี่ย • การใชซ้ อฟต์แวร์หรอื บริการ บนอนิ เทอรเ์ นต็ ที่หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล นาเสนอ จะช่วยให้ แกป้ ญั หาได้อย่างรวดเรว็ ถูกต้อง และแม่นยา • ตัวอย่างปัญหา เน้นการบูร ณาการกับวชิ าอน่ื เช่น ตม้ ไข่ให้ ตรงกบั พฤติกรรมการบริโภคค่า ดชั นี มวลกายของคนในท้องถ่ิน การสร้างกราฟ ผลการทดลอง และวิเคราะห์แนวโนม้ ๔. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ • ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง อยา่ งปลอดภัย ใช้สื่อและ ปลอดภัย เชน่ การปกปอ้ ง แหลง่ ข้อมลู ตามข้อกาหนดและ ความเปน็ ส่วนตวั และอตั ลักษณ์ ขอ้ ตกลง • การจัดการอัตลักษณเ์ ชน่ การ ตงั้ รหสั ผ่าน การปกปอ้ งขอ้ มูล สว่ นตวั • การพิจารณาความเหมาะสม ของเนื้อหา เชน่ ละเมดิ ความเป็นสว่ นตวั ผอู้ ่นื อนาจาร วิจารณ์ ผอู้ ื่นอย่างหยาบคาย
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ หมายเหตุ • ข้อตกลง ข้อกาหนดในการใช้ ส่ือหรอื แหลง่ ข้อมูล ต่าง ๆ เช่น Creative commons
กรอบหลกั สูตรทอ้ งถน่ิ ตามตัวช้วี ดั และสาระการการเรียนรแู้ กนกลาง กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ สาระท่ี ๑ วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิต กับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอด พลังงาน การเปล่ียนแปลงแทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหา และผลกระทบ ที่มตี ่อทรพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ ม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไข ปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมทัง้ นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิน่ หมายเหตุ ม.๒ - - - - สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสาร เข้า และออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์ และมนุษย์ ทท่ี างานสมั พนั ธ์กัน ความสัมพันธข์ องโครงสร้าง และหนา้ ทขี่ องอวยั วะต่าง ๆ ของพชื ที่ทางานสมั พันธ์ กนั รวมทั้งนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถนิ่ หมายเหตุ ม.๒ ๑. ระบอุ วยั วะและบรรยาย • ระบบหายใจมีอวัยวะต่าง ๆ ๑.กระบีเ่ มืองน่าอยู่ หน้าท่ขี องอวยั วะทเ่ี กี่ยวข้องใน ที่เก่ียวข้อง ได้แก่ ๒.ย้อนรอยเมืองกระบี่ ระบบหายใจ จมกู ทอ่ ลม ปอด กะบงั ลม ๓.การปกครองของ ๒. อธิบายกลไกการหายใจเข้า และกระดกู ซ่ีโครง กระบี่ และออก โดยใช้แบบจาลอง • มนษุ ยห์ ายใจเข้า เพื่อนา ๔.สังคมกระบ่ีบ้านเรา รวมท้ังอธบิ ายกระบวนการ แก๊สออกซิเจนเข้าส่รู ่างกาย ๕.ร่องรอยทาง แลกเปล่ยี นแกส๊ เพื่อนาไปใช้ในเซลล์ และ ประวตั ิศาสตร์ ๓. ตระหนักถงึ ความสาคญั ของ หายใจออกเพือ่ กาจัดแกส๊ ๖.เชดิ ชูถนิ่ แดนดิน ระบบหายใจ โดยการบอก คารบ์ อนไดออกไซด์ออกจาก ประเพณี แนวทางในการดแู ลรักษาอวยั วะ รา่ งกาย ๗. เศรษฐกิจเนรมติ ในระบบหายใจให้ทางานเปน็ • อากาศเคล่อื นท่ีเขา้ และ เมอื ง ปกติ ออกจากปอดได้ ๘.วฒั นธรรมนาชวี ติ
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน หมายเหตุ เน่อื งจากการเปลย่ี นแปลง ๙.พลเมอื งวรี ชนและ ปริมาตร และความดัน บคุ คลสาคัญ ของอากาศภายในชอ่ งอกซ่งึ ๑o.สืบสานงานศลิ ป์ เกี่ยวข้องกบั การทางานของ ๑๑.มนตเ์ สน่หแ์ หง่ แดน กะบงั ลม และกระดูกซี่โครง ใต้ • การแลกเปลย่ี นแก๊ส ๑๒.งานศลิ ป์ถ่ินกระบี่ ออกซิเจนกับแก๊ส ๑๓.วรรณกรรมท้องถน่ิ คารบ์ อนไดออกไซด์ในรา่ งกาย แดนดินเมืองกระบี่ เกิดขึ้นบรเิ วณถุงลมในปอดกับ ๑๔.สบื สานภูมิปัญญา หลอดเลือดฝอยท่ีถงุ ลม และ ๑๕.ทรพั ยใ์ นดิน สนิ ใน ระหวา่ งหลอดเลือดฝอยกับ นา้ นามกระบี่ เน้อื เย่ือ ๑๖.ชื่อบา้ นฉันนาม • การสูบบุหรก่ี ารสูดอากาศที่ โรงเรยี น มสี ารปนเป้ือน และ ๑๗.โครงงานอาชพี การเปน็ โรคเกย่ี วกบั ระบบ ๑๘.โรคอบุ ัตใิ หมใ่ น หายใจบางโรคอาจทาให้เกดิ จงั หวดั กระบี่ (COVID- โรคถุงลมโปง่ พอง ซึ่งมีผลให้ 19) ความจุอากาศของปอดลดลง ดังนน้ั จึงควรดูแลรกั ษาระบบ หายใจ ใหท้ าหน้าที่เป็นปกติ ๔. ระบุอวัยวะและบรรยาย • ระบบขบั ถ่ายมีอวัยวะท่ี - หน้าทข่ี องอวยั วะในระบบ เกยี่ วข้อง คือ ไต ท่อไต ขับถ่ายในการกาจัดของเสียทาง กระเพาะปัสสาวะ และท่อ ไต ปัสสาวะ โดยมีไต ทาหน้าท่ี ๕. ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของ กาจัดของเสยี เช่น ยูเรยี ระบบขบั ถา่ ยในการกาจดั ของ แอมโมเนีย เสียทางไต โดยการบอกแนวทาง กรดยูริก รวมท้งั สารทรี่ ่างกาย ในการปฏิบัตติ นท่ชี ว่ ยให้ระบบ ไมต่ ้องการออกจาก ขับถา่ ยทาหน้าทไ่ี ด้อยา่ งปกติ เลือด และควบคมุ สารท่ีมมี าก หรอื นอ้ ยเกินไป เชน่ น้า โดยขับออกมาในรปู ของ ปัสสาวะ • การเลือกรบั ประทานอาหาร ท่ีเหมาะสม เชน่ รับประทานอาหารที่ไม่มรี ส เคม็ จัด การด่ืมน้า
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ สะอาดใหเ้ พียงพอ เป็น แนวทางหนงึ่ ทช่ี ่วยให้ ระบบขับถา่ ยทาหน้าที่ได้ อยา่ งปกติ ๖. บรรยายโครงสร้างและหน้าที่ ระบบหมนุ เวียนเลือด - ของหวั ใจหลอดเลือด และเลอื ด ประกอบด้วย หัวใจ ๗. อธบิ ายการทางานของระบบ หลอดเลอื ด และเลอื ด หมุนเวียนเลือด โดยใช้ • หัวใจของมนุษย์แบง่ เปน็ ๔ แบบจาลอง ห้อง ได้แก่ หัวใจ หอ้ งบน ๒ หอ้ ง และห้องล่าง ๒ ห้อง ระหวา่ ง หวั ใจหอ้ งบน และหวั ใจหอ้ ง ลา่ งมลี ิ้นหัวใจก้ัน • หลอดเลือด แบง่ เป็น หลอด เลือดอาร์เตอรี หลอดเลอื ด เวน หลอดเลอื ดฝอย ซ่ึงมี โครงสรา้ ง ตา่ งกัน • เลือด ประกอบดว้ ย เซลล์ เม็ดเลอื ด เพลตเลต และพลาสมา • การบีบ และคลายตวั ของ หวั ใจทาใหเ้ ลือดหมุนเวียน และลาเลียงสารอาหาร แกส๊ ของเสยี และสารอน่ื ๆ ไปยัง อวยั วะ และเซลลต์ ่าง ๆ ท่ัว รา่ งกาย • เลือดท่ีมปี รมิ าณแก๊ส ออกซิเจนสงู จะออกจากหัวใจ ไปยังเซลล์ตา่ ง ๆ ท่ัวรา่ งกาย ขณะเดยี วกนั
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิน่ หมายเหตุ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดจ์ าก เซลลจ์ ะแพร่เข้าสเู่ ลอื ด และ ลาเลียงกลับเขา้ สหู่ ัวใจและถกู สง่ ไป แลกเปลยี่ นแก๊สท่ปี อด ๘. ออกแบบการทดลอง และ • ชีพจรบอกถึงจังหวะการเต้น ทดลอง ในการเปรียบเทยี บ ของหัวใจ ซึ่งอตั ราการเต้น อัตราการเต้นของหัวใจ ขณะ ของหวั ใจในขณะปกติ และ ปกติ และหลังทากจิ กรรม หลงั จากทากจิ กรรมต่าง ๆ จะ ๙. ตระหนักถึงความสาคญั ของ แตกต่างกนั ส่วนความดนั ระบบหมุนเวียนเลอื ด โดยการ เลือด ระบบหมนุ เวียนเลือด บอกแนวทางในการดูแลรักษา เกิดจากการทางานของหวั ใจ อวัยวะในระบบหมนุ เวียนเลอื ด และหลอดเลือด ใหท้ างานเปน็ ปกติ • อตั ราการเตน้ ของหวั ใจมี ความแตกต่างกันใน แต่ละบคุ คล คนทเ่ี ปน็ โรคหัวใจ และหลอดเลอื ด จะสง่ ผลทาให้หวั ใจสูบฉีด เลือดไม่เป็นปกติ • การออกกาลงั กาย การเลือก รับประทานอาหาร การพักผ่อน และการรกั ษา ภาวะอารมณ์ให้เปน็ ปกตจิ งึ เป็นทางเลอื กหนงึ่ ใน การดูแลรักษาระบบ หมนุ เวยี นเลือดให้เปน็ ปกติ
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ ๑๐. ระบุอวัยวะ และบรรยาย • ระบบประสาทสว่ นกลาง หน้าทข่ี องอวัยวะในระบบ ประกอบด้วยสมอง ประสาทสว่ นกลางในการ และไขสันหลงั จะทาหนา้ ที่ ควบคุมการทางานต่าง ๆ ของ รว่ มกบั เสน้ ประสาท รา่ งกาย ซ่งึ เป็นระบบประสาทรอบ ๑๑. ตระหนักถึงความสาคัญ นอก ในการควบคุม การ ของระบบประสาท โดยการ ทางานของอวัยวะต่าง ๆ บอกแนวทางในการดแู ลรักษา รวมถึงการแสดงพฤตกิ รรม รวมถึง เพอ่ื การตอบสนองต่อสงิ่ เร้า การป้องกนั กากระทบกระเทือน • เม่อื มสี ง่ิ เรา้ มากระตนุ้ หนว่ ย และอันตรายต่อสมอง และไข รับความรูส้ กึ จะเกิด สันหลงั กระแสประสาทสง่ ไปตาม เซลล์ประสาทรับความรู้สึกไป ยงั ระบบประสาทสว่ นกลาง แลว้ สง่ กระแสประสาทมาตามเซลล์ ประสาทส่งั การ ไปยงั หน่วยปฏบิ ตั ิงาน เชน่ กลา้ มเนือ้ • ระบบประสาทเป็นระบบที่มี ความซบั ซ้อน และมี ความสัมพนั ธก์ ับทกุ ระบบใน รา่ งกาย ดงั นน้ั จึงควรปอ้ งกันการเกิด อุบัตเิ หตุท่ีกระทบกระเทือน ต่อสมอง หลีกเลี่ยงการใชส้ าร เสพตดิ หลกี เลย่ี ง ภาวะเครยี ด และรับประทาน อาหารทมี่ ปี ระโยชน์ เพ่ือดูแลรกั ษาระบบประสาท ให้ทางานเป็นปกติ ๑๒. ระบุอวยั วะและบรรยาย • มนุษยม์ รี ะบบสบื พนั ธ์ทุ ่ี หน้าทีข่ องอวัยวะในระบบ ประกอบดว้ ยอวัยวะ สืบพันธุ์ของเพศชาย และเพศ ตา่ ง ๆ ท่ีทาหนา้ ทีเ่ ฉพาะ โดย หญงิ โดยใช้แบบจาลอง รังไข่ในเพศหญงิ ๑๓. อธิบายผลของฮอร์โมนเพศ จะทาหนา้ ทีผ่ ลิตเซลล์ไข่ส่วน ชาย และเพศหญิงทค่ี วบคุมการ อณั ฑะในเพศชาย
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ หมายเหตุ เปลย่ี นแปลงของรา่ งกาย เมอื่ จะทาหนา้ ทีส่ ร้างเซลลอ์ สุจิ เข้าส่วู ยั หนุ่มสาว • ฮอรโ์ มนเพศทาหน้าท่ี ๑๔. ตระหนักถึงกาเปลีย่ นแปลง ควบคมุ การแสดงออกของ ของร่างกายเมื่อเข้าสูว่ ัยหนมุ่ ลักษณะทางเพศทีแ่ ตกตา่ งกนั สาว โดยการดูแลรักษารา่ งกาย เมือ่ เข้าสูว่ ัยหน่มุ สาวจะมีการ และจติ ใจของตนเองในช่วงที่มี สรา้ งเซลลไ์ ข่ และเซลล์อสจุ ิ การเปลยี่ นแปลง การตกไข่ การมรี อบเดอื น และถ้ามกี าร ปฏิสนธิของเซลล์ไข่ และเซลลอ์ สุจิจะทาให้เกิดการ ต้ังครรภ ๑๕. อธิบายการตกไขก่ ารมี • การมปี ระจาเดือน มี ประจาเดือน การปฏสิ นธิ และ ความสัมพนั ธก์ ับการตกไข่ การพัฒนาของไซโกต จนคลอด โดยเป็นผลจากการ เปน็ ทารก เปลีย่ นแปลงของระดบั ๑๖. เลือกวธิ ีการคุมกาเนิดที่ ฮอร์โมน เพศหญงิ เหมาะสมกับ สถานการณ์ที่ • เม่อื เพศหญิงมีการตกไข่ กาหนด และเซลลไ์ ข่ได้รับ การ ๑๗. ตระหนักถึงผลกระทบของ ปฏสิ นธกิ ับเซลล์อสจุ จิ ะทาให้ การต้งั ครรภ์ กอ่ นวัยอนั ควร ไดไ้ ซโกต ไซโกตจะเจรญิ เป็น โดยการประพฤตติ นให้ เอ็มบริโอ และฟตี สั จนกระท่ัง เหมาะสม คลอดเป็นทารก แต่ถ้าไมม่ ี การปฏิสนธิ เซลลไ์ ขจ่ ะ สลายตัว ผนังดา้ นในมดลูก รวมทง้ั หลอดเลอื ดจะ สลายตวั และหลุดลอกออก เรยี กวา่ ประจาเดือน • การคมุ กาเนดิ เปน็ วิธปี อ้ งกัน ไมใ่ หเ้ กิดการตั้งครรภ์ โดย ป้องกันไมใ่ ห้เกิดการปฏสิ นธิ หรือไม่ให้มกี าร ฝงั ตัวของ เอม็ บริโอ ซง่ึ มหี ลายวิธีเชน่ การใช้ ถงุ ยางอนามัย การกิน ยาคุมกาเนดิ
สาระท่ี ๑ วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการ และความสาคญั ของการถ่ายทอดลักษณะ ทางพนั ธุกรรม สารพันธกุ รรม การเปลย่ี นแปลงทางพันธุกรรมทมี่ ผี ลต่อสิ่งมชี ีวติ ความหลากหลาย ทางชวี ภาพ และวิวัฒนาการของส่งิ มชี ีวติ รวมทั้งนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตวั ชีว้ ดั - สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ หมายเหตุ ม.๒ - - - สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ิ ของสสารกับโครงสร้าง และแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนภุ าคหลัก และธรรมชาติของการเปล่ียนแปลง สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ หมายเหตุ ม.๒ ๑. อธบิ ายการแยกสารผสมโดย • การแยกสารผสมให้เป็น ๑.กระบ่เี มืองนา่ อยู่ การระเหยแหง้ การตกผลึก สารบรสิ ทุ ธ์ิทาได้หลายวธิ ี ๒.ยอ้ นรอยเมืองกระบี่ การกลั่นอย่างงา่ ย โครมาโทก ข้ึนอยกู่ ับสมบตั ิของสารน้ัน ๆ ๓.การปกครองของ ราฟีแบบกระดาษ การสกัดดว้ ย การระเหยแหง้ ใช้ แยก กระบ่ี ตวั ทาละลาย โดยใชห้ ลกั ฐาน สารละลายซงึ่ ประกอบดว้ ย ๔.สังคมกระบี่บ้านเรา เชงิ ประจกั ษ์ ตัวละลายท่เี ป็นของแขง็ ในตวั ๕.รอ่ งรอยทาง ๒. แยกสารโดยการระเหยแห้ง ทาละลายท่เี ปน็ ของเหลว ประวัติศาสตร์ การตกผลกึ การกลน่ั อย่างง่าย โดยใช้ ความร้อนระเหยตวั ๖.เชดิ ชถู ิน่ แดนดิน โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ ทาละลายออกไปจนหมด ประเพณี การสกดั ดว้ ยตัวทาละลาย เหลอื แต่ตัวละลาย การตก ๗. เศรษฐกจิ เนรมติ ผลกึ ใชแ้ ยกสารละลาย ที่ เมอื ง ประกอบดว้ ยตวั ละลายท่เี ป็น ๘.วัฒนธรรมนาชวี ติ ของแข็งใน ตัวทา ๙.พลเมอื งวรี ชนและ ละลายทเ่ี ปน็ ของเหลวโดยทา บคุ คลสาคัญ ให้สารละลายอม่ิ ตัว แลว้ ๑o.สบื สานงานศลิ ป์ ปลอ่ ยใหต้ วั ทาละลายระเหย ๑๑.มนตเ์ สน่ห์แห่งแดน ออกไปบางส่วน ตวั ละลายจะ ใต้ ตกผลึกแยกออกมา การ ๑๒.งานศิลป์ถ่ินกระบี่ กลนั่ อยา่ งง่ายใช้แยก ๑๓.วรรณกรรมทอ้ งถิ่น สารละลายทป่ี ระกอบด้วยตวั แดนดนิ เมืองกระบี่ ละลาย และตวั ทาละลายที่ ๑๔.สืบสานภมู ปิ ัญญา เป็นของเหลวทม่ี ี จดุ เดือด
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถนิ่ หมายเหตุ ต่างกนั มาก วิธนี ี้จะแยก ๑๕.ทรพั ย์ในดนิ สนิ ใน ของเหลวบริสุทธ์ิ ออกจาก นา้ นามกระบ่ี สารละลายโดยใหค้ วามรอ้ น ๑๖.ชื่อบ้านฉนั นาม กับสารละลายของเหลวจะ โรงเรียน เดอื ด และกลายเป็นไอแยก ๑๗.โครงงานอาชีพ จาก สารละลายแล้ว ๑๘.โรคอบุ ตั ใิ หม่ใน ควบแน่นกลบั เปน็ ของเหลว จังหวัด กระบ่ี (COVID- อีกครั้ง ขณะท่ีของเหลวเดือด 19) อณุ หภูมขิ องไอจะคงท่โี คร มาโทกราฟีแบบกระดาษเปน็ วธิ ีการแยก สารผสมทมี่ ี ปริมาณน้อยโดยใชแ้ ยกสารท่ี มีสมบัติ การละลายในตวั ทา ละลาย และการถูกดูดซบั ด้วยตัวดูดซบั แตกต่างกัน ทา ให้สารแตล่ ะชนิด เคลื่อนท่ไี ป บนตวั ดดู ซับไดต้ ่างกัน สารจงึ แยก ออกจากกันได้ อตั ราส่วนระหว่างระยะทางที่ สาร องค์ประกอบแตล่ ะชนดิ เคลอ่ื นท่ีไดบ้ นตวั ดดู ซบั กบั ระยะทางทตี่ ัวทาละลาย เคลือ่ นที่ได้เป็น ค่าเฉพาะตวั ของสารแต่ละชนิดในตวั ทา ละลาย และตัวดูดซบั หน่งึ ๆ การสกัดด้วยตวั ทาละลาย เป็นวธิ กี ารแยกสารผสมท่ีมี สมบตั กิ ารละลายใน ตวั ทา ละลายทตี่ า่ งกัน โดยชนิดของ ตวั ทาละลายมผี ลตอ่ ชนดิ และปรมิ าณของสารทีส่ กดั ได้ การสกดั โดยการกลน่ั ดว้ ยไอ น้า ใช้แยกสารที่ระเหยงา่ ย ไมล่ ะลายนา้ และไม่ทา ปฏิกริ ิยากับนา้ ออกจากสารที่ ระเหยยาก โดยใช้ไอน้าเปน็ ตวั พา
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ ๓. นาวธิ กี ารแยกสารไปใช้ • ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ แก้ปญั หาในชีวติ ประจาวนั โดย เก่ียวกบั การแยกสาร บรู ณา บูรณาการวทิ ยาศาสตร์ การกับคณติ ศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี เทคโนโลยีโดยใช้ และวศิ วกรรมศาสตร์ กระบวนการทางวิศวกรรม สามารถนาไปใช้ แกป้ ญั หา ในชีวิตประจาวันหรอื ปัญหา ที่พบใน ชุมชนหรือสรา้ ง นวตั กรรม โดยมขี น้ั ตอน ดงั น้ี - ระบปุ ัญหาใน ชีวิตประจาวันทเ่ี ก่ียวกบั การ แยกสารโดยใช้สมบัตทิ าง กายภาพ หรือนวตั กรรม ทตี่ อ้ งการพัฒนา โดยใช้ หลักการดงั กลา่ ว - รวบรวมขอ้ มูลและแนวคิด เกี่ยวกบั การแยกสาร โดยใช้ สมบัตทิ างกายภาพที่ สอดคล้องกับปัญหา ท่ีระบุ หรอื นาไปสกู่ ารพฒั นา นวัตกรรมน้ัน - ออกแบบวธิ ีการแก้ปัญหา หรอื พฒั นานวัตกรรม ท่ี เกี่ยวกับการแยกสารในสาร ผสม โดยใชส้ มบตั ิ ทาง กายภาพ โดยเชือ่ มโยง ความรดู้ า้ น วิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์เทคโนโลยแี ละ กระบวน การทางวิศวกรรม รวมทง้ั กาหนดและ ควบคุม ตัวแปรอย่างเหมาะสม ครอบคลุม - วางแผนและดาเนนิ การ แก้ปญั หา หรอื พัฒนา นวตั กรรม รวบรวมขอ้ มูล จัด กระทาขอ้ มูล และเลือก
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ หมายเหตุ ๔. ออกแบบการทดลอง และ วธิ กี ารสอื่ ความหมายที่ ทดลองในการอธบิ าย ผลของ เหมาะสม ในการนาเสนอผล ชนดิ ตวั ละลาย ชนดิ ตวั ทา - ทดสอบ ประเมนิ ผล ละลาย อุณหภูมิท่ีมีต่อสภาพ ปรับปรงุ วิธกี ารแกป้ ญั หา ละลายได้ของสาร รวมทง้ั หรอื นวตั กรรมท่ีพัฒนาขน้ึ อธิบายผลของความดันที่มีตอ่ โดยใช้หลักฐาน เชงิ สภาพละลายได้ของสาร โดยใช้ ประจกั ษ์ทีร่ วบรวมได้ สารสนเทศ - นาเสนอวธิ ีการแก้ปัญหา หรอื ผลของนวตั กรรม ท่ี พฒั นาข้ึน และผลท่ีไดโ้ ดยใช้ วธิ ีการส่ือสารท่เี หมาะสม และน่าสนใจ • สารละลายอาจมสี ถานะ เปน็ ของแข็ง ของเหลว และ แกส๊ สารละลาย ประกอบดว้ ยตัวทาละลาย และตัวละลาย กรณี สารละลายเกดิ จากสารที่มี สถานะเดียวกนั สารที่มี ปริมาณมากทสี่ ดุ จัดเปน็ ตวั ทาละลาย กรณสี ารละลาย เกิดจากสารที่มี สถานะ ตา่ งกัน สารทีม่ สี ถานะ เดยี วกนั กบั สารละลาย จัดเป็นตัวทาละลาย • สารละลายทต่ี ัวละลายไม่ สามารถละลายในตัว ทา ละลายได้อกี ที่อณุ หภมู หิ นึ่ง ๆ เรียกวา่ สารละลายอม่ิ ตัว • สภาพละลายได้ของสารใน ตัวทาละลาย เป็นค่าที่ บอก ปริมาณของสารทลี่ ะลายได้ ในตัวทาละลาย ๑๐๐ กรัม จนได้สารละลายอิ่มตวั ณ อุณหภมู ิ และความดนั หนึ่ง ๆ สภาพละลายได้ของสาร บง่ บอกความสามารถในการ
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ ๕. ระบปุ รมิ าณตวั ละลายใน ละลายได้ของตวั ละลาย ใน สารละลาย ในหน่วยความ ตวั ทาละลาย ซงึ่ เข้มข้นเปน็ ร้อยละ ปริมาตรต่อ ความสามารถในการละลาย ปริมาตร มวลต่อมวล และมวล ของสารขึน้ อยู่กบั ชนิดของตวั ตอ่ ปริมาตร ทาละลายและ ตัวละลาย ๖. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของ อณุ หภมู ิและความดนั การนาความรเู้ ร่ือง ความ • สารชนดิ หนึ่ง ๆ มสี ภาพ เข้มข้นของสารไปใช้โดย ละลายได้แตกต่างกันใน ตวั ทาละลายทแ่ี ตกตา่ งกนั และ สารตา่ งชนิดกนั มสี ภาพ ละลายไดใ้ นตวั ทาละลาย หนึง่ ๆไม่เท่ากนั • เม่อื อุณหภมู สิ ูงข้ึน สาร ส่วนมาก สภาพละลายได้ ของสารจะเพิ่มข้ึน ยกเว้น แก๊สเมื่ออุณหภมู สิ ูงข้ึน สภาพการละลายไดจ้ ะลดลง ส่วนความดนั มผี ล ต่อแก๊ส โดยเมือ่ ความดันเพม่ิ ขึ้น สภาพละลายได้ จะสูงขึน้ • ความรู้เกยี่ วกับสภาพ ละลายได้ของสาร เม่ือ เปลีย่ นแปลงชนิดตัวละลาย ตัวทาละลาย และ อุณหภูมิ สามารถนาไปใช้ประโยชน์ใน ชวี ติ ประจาวนั เช่น การทา นา้ เช่อื มเข้มข้น การสกัดสาร ออกจากสมุนไพรให้ได้ ปริมาณมากทีส่ ดุ • ความเขม้ ข้นของ สารละลาย เป็นการระบุ ปรมิ าณ ตัวละลายใน สารละลาย หนว่ ยความ เข้มขน้ มหี ลายหน่วย ทนี่ ยิ ม ระบเุ ป็นหน่วยเป็นร้อยละ ปริมาตรต่อปริมาตร มวลต่อ มวล และมวล ตอ่ ปรมิ าตร
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ ยกตวั อย่างการใช้สารละลายใน • รอ้ ยละโดยปริมาตรต่อ ชีวติ ประจาวนั อย่างถกู ตอ้ ง ปรมิ าตร เปน็ การระบุ และปลอดภัย ปริมาตรตวั ละลายใน สารละลาย ๑๐๐ หน่วย ปริมาตรเดยี วกัน นยิ มใชก้ ับ สารละลายที่เปน็ ของเหลว หรอื แก๊ส • ร้อยละโดยมวลตอ่ มวล เปน็ การระบุมวล ตวั ละลาย ในสารละลาย ๑๐๐ หนว่ ย มวลเดียวกัน นยิ มใช้กับ สารละลายทีม่ ีสถานะเป็น ของแขง็ • รอ้ ยละโดยมวลต่อปรมิ าตร เปน็ การระบุมวล ตวั ละลาย ในสารละลาย ๑๐๐ หน่วย ปริมาตร นิยมใชก้ ับ สารละลายท่ีมตี วั ละลายเปน็ ของแขง็ ในตวั ทาละลายที่ เปน็ ของเหลว • การใชส้ ารละลาย ใน ชวี ติ ประจาวนั ควรพจิ ารณา จากความเขม้ ข้นของ สารละลาย ข้นึ อยู่กับ จุดประสงคข์ องการใชง้ าน และผลกระทบต่อ สิ่งชวี ิต และส่ิงแวดล้อม สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจาวนั ผลของแรงทีก่ ระทาต่อวตั ถุ ลกั ษณะการเคลื่อนที่แบบตา่ ง ๆ ของวัตถรุ วมท้ังนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ หมายเหตุ ม.๒ ๑. พยากรณ์การเคล่อื นทข่ี อง • แรงเปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ ๑.กระบเี่ มืองนา่ อยู่ วตั ถทุ เ่ี ปน็ ผลของ แรงลัพธ์ที่ เม่อื มีแรงหลาย ๆ แรง ๒.ย้อนรอยเมืองกระบ่ี เกดิ จากแรงหลายแรงที่กระทา กระทาต่อวัตถุแล้วแรง ๓.การปกครองของกระบี่ ตอ่ วัตถุในแนวเดยี วกันจาก ลัพธท์ ก่ี ระทาต่อวตั ถุมีคา่ ๔.สงั คมกระบ่ีบ้านเรา หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ เป็นศูนย์วตั ถจุ ะไม่ ๕.ร่องรอยทาง ๒. เขยี นแผนภาพแสดงแรง เปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ี ประวัติศาสตร์ และแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรง แต่ถา้ แรงลัพธท์ ่ีกระทาต่อ ๖.เชดิ ชูถ่นิ แดนดิน หลายแรงที่กระทาต่อวัตถใุ น วัตถุมีคา่ ไม่เปน็ ศูนย์ วตั ถุ ประเพณี แนวเดียวกนั จะเปลย่ี นแปลงการ ๗. เศรษฐกจิ เนรมติ เมือง เคล่ือนที่ ๘.วฒั นธรรมนาชวี ติ ๙.พลเมอื งวรี ชนและ บคุ คลสาคญั ๑o.สบื สานงานศิลป์ ๑๑.มนตเ์ สน่หแ์ ห่งแดนใต้ ๑๒.งานศิลป์ถน่ิ กระบ่ี ๑๓.วรรณกรรมท้องถ่นิ แดนดนิ เมืองกระบี่ ๑๔.สบื สานภมู ปิ ัญญา ๑๕.ทรัพย์ในดนิ สินใน น้านามกระบ่ี ๑๖.ช่ือบ้านฉันนาม โรงเรยี น ๑๗.โครงงานอาชีพ ๑๘.โรคอุบตั ิใหม่ใน จงั หวดั กระบ่ี (COVID- 19) ๓. ออกแบบการทดลองและ • เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลว ทดลองด้วยวธิ ีทเี่ หมาะสมใน จะมแี รงท่ีของเหลว การอธบิ ายปจั จยั ท่ีมีผลต่อ กระทาตอ่ วตั ถุในทุก ความดันของของเหลว ทิศทาง โดยแรงที่ของเหลว กระทาตง้ั ฉากกบั ผิววตั ถุ ตอ่ หนึ่งหนว่ ยพ้นื ท่ี เรยี กวา่ ความดันของ ของเหลว • ความดนั ของของเหลวมี ความสัมพนั ธ์กับความลึก จากระดบั ผิวหน้าของ
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ หมายเหตุ ๔. วเิ คราะห์แรงพยงุ และการ ของเหลว โดยบรเิ วณท่ี ลึก - จม การลอยของวัตถุใน ลงไปจากระดับผิวหนา้ ของ ของเหลวจากหลักฐานเชิง ของเหลวมากขึน้ ความดนั ประจกั ษ์ ของของเหลวจะเพมิ่ ข้นึ ๕. เขยี นแผนภาพแสดงแรงท่ี เน่อื งจาก ของเหลวท่ีอยู่ กระทาต่อวัตถุ ในของเหลว ลกึ กว่า จะมนี ้าหนักของ ของเหลว ด้านบนกระทา ๖. อธบิ ายแรงเสียดทานสถิต มากกว่า และแรงเสยี ดทานจลน์ จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ • เมอ่ื วตั ถุอยู่ในของเหลว จะมแี รงพยงุ เน่ืองจาก ของเหลวกระทาต่อวัตถุ โดยมที ศิ ข้ึนในแนวดง่ิ การ จมหรอื การลอยของวัตถุ ขึน้ กบั นา้ หนกั ของ วตั ถุ และแรงพยงุ ถ้าน้าหนัก ของวัตถุและแรงพยุง ของ ของเหลวมีค่าเทา่ กัน วัตถุ จะลอยนง่ิ อย่ใู น ของเหลว แตถ่ ้านา้ หนักของวตั ถุมีค่า มากกวา่ แรงพยุงของ ของเหลววตั ถุจะจม • แรงเสยี ดทานเปน็ แรงท่ี เกดิ ขนึ้ ระหวา่ งผิวสัมผสั ของวัตถุ เพอ่ื ตา้ นการ เคลอื่ นที่ของวัตถุนัน้ โดย ถ้าออกแรงกระทาต่อวตั ถุ ทอี่ ย่นู ิ่งบนพ้นื ผิว ให้เคล่ือนท่ีแรงเสียดทานก็ จะตา้ นการเคลื่อนท่ี ของ วตั ถแุ รงเสยี ดทานที่เกดิ ข้ึน ในขณะทีว่ ัตถุยัง ไม่ เคล่ือนทเ่ี รียก แรงเสยี ด ทานสถิต แตถ่ ้าวตั ถุ กาลงั เคลอื่ นทีแ่ รงเสยี ดทานกจ็ ะ ทาให้วัตถุนน้ั เคล่ือนทช่ี า้ ลงหรือหยดุ นง่ิ เรียกแรง เสยี ดทานจลน์
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ ๗. ออกแบบการทดลองและ • ขนาดของแรงเสยี ดทาน ทดลองดว้ ยวิธที ี่ เหมาะสมใน ระหว่างผวิ สัมผัสของวัตถุ การอธิบายปจั จยั ท่ีมผี ลตอ่ ขน้ึ กับลักษณะผิวสัมผัส ขนาด ของแรงเสยี ดทาน และขนาดของ แรง ๘. เขยี นแผนภาพแสดงแรง ปฏิกริ ิยาตั้งฉากระหวา่ ง เสยี ดทานและแรงอ่ืน ๆ ผิวสัมผสั ทก่ี ระทาต่อวตั ถุ • กิจกรรมใน ๙. ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ของ ชีวติ ประจาวันบางกิจกรรม ความรเู้ รอื่ งแรงเสียดทาน โดย ตอ้ งการ แรงเสยี ดทาน วเิ คราะหส์ ถานการณ์ปัญหา เชน่ การเปดิ ฝาเกลยี วขวด และเสนอแนะ วิธกี ารลดหรือ นา้ การใช้แผ่นกันลื่นใน เพมิ่ แรงเสียดทานทเี่ ป็น หอ้ งน้าบางกจิ กรรม ประโยชน์ ตอ่ การทากิจกรรม ไม่ต้องการแรงเสียดทาน ในชวี ติ ประจาวนั เช่น การลากวัตถุบนพน้ื การใช้นา้ มันหล่อล่ืนใน ๑๐. ออกแบบการทดลองและ เครือ่ งยนต์ ทดลองด้วยวิธี ทเี่ หมาะสมใน • ความรูเ้ ร่อื งแรงเสียดทาน การอธิบายโมเมนตข์ องแรง สามารถนาไปใช้ ประโยชน์ เมอื่ วัตถุอยู่ในสภาพสมดุลตอ่ ในชีวิตประจาวันได้ การหมนุ และคานวณโดยใช้ สมการ M = Fl • เม่ือมแี รงทีก่ ระทาต่อ วตั ถโุ ดยไมผ่ า่ นศนู ย์กลาง มวลของวัตถจุ ะเกดิ โมเมนตข์ องแรง ทาให้วัตถุ หมนุ รอบศูนย์กลางมวล ของวัตถุน้นั • โมเมนตข์ องแรงเปน็ ผล คณู ของแรงทก่ี ระทาต่อ วตั ถกุ บั ระยะทางจากจุด หมนุ ไปตงั้ ฉากกบั แนวแรง เมื่อผลรวมของ โมเมนตข์ องแรงมีคา่ เปน็ ศนู ย์ วตั ถจุ ะอยู่ในสภาพ สมดลุ ตอ่ การหมุน โดยโมเมนตข์ องแรงในทิศ ทวนเข็มนาฬิกาจะมขี นาด เท่ากบั โมเมนต์ของแรงใน ทิศตามเขม็ นาฬิกา
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ หมายเหตุ • ของเล่นหลายชนดิ ประกอบด้วยอุปกรณ์ หลาย ส่วนทใ่ี ชห้ ลักการ โมเมนตข์ องแรง ความรู้ เรือ่ ง โมเมนต์ของแรง สามารถนาไปใช้ออกแบบ และ ประดิษฐ์ของเลน่ ได้ ๑๑. เปรียบเทยี บแหลง่ ของ วัตถทุ ีม่ ีมวลจะมสี นามโนม้ สนามแมเ่ หลก็ สนามไฟฟา้ ถว่ งอยโู่ ดยรอบ แรง และสนามโนม้ ถ่วง และทิศทาง โนม้ ถ่วงท่ีกระทาต่อวตั ถทุ ่ี ของแรงทกี่ ระทาตอ่ วตั ถุท่อี ยู่ใน อยู่ในสนามโน้มถ่วง จะมี แตล่ ะสนาม จากข้อมลู ท่ี ทิศพุ่งเข้าหาวัตถุทเ่ี ปน็ รวบรวมได้ แหล่งของสนามโนม้ ถว่ ง ๑๒. เขยี นแผนภาพแสดงแรง • วตั ถทุ ีม่ ปี ระจุไฟฟ้าจะมี แมเ่ หลก็ แรงไฟฟา้ และแรง สนามไฟฟ้าอย่โู ดยรอบ โน้มถว่ งท่ีกระทาต่อวตั ถุ แรงไฟฟ้าที่กระทาต่อวตั ถุ ทมี่ ีประจุจะมที ิศพุ่ง เขา้ หาหรอื ออกจากวัตถทุ ่ีมี ประจทุ เ่ี ป็นแหล่งของ สนามไฟฟา้ • วตั ถุที่เป็นแม่เหลก็ จะมี สนามแม่เหลก็ อยูโ่ ดยรอบ แรงแม่เหลก็ ที่กระทาต่อ ขั้วแมเ่ หลก็ จะมีทิศ พงุ่ เข้า หาหรอื ออกจาก ขั้วแม่เหลก็ ทเี่ ปน็ แหล่ง ของสนามแม่เหล็ก ๑๓. วเิ คราะหค์ วามสัมพันธ์ • ขนาดของแรงโน้มถ่วง ระหว่างขนาดของแรง แม่เหล็ก แรงไฟฟ้า และแรง แรงไฟฟา้ และแรงโนม้ ถ่วงท่ี แมเ่ หลก็ ท่ีกระทาตอ่ วัตถทุ ี่ กระทาต่อวัตถุที่อยู่ในสนาม อยใู่ นสนามนั้น ๆ จะมีคา่ น้ัน ๆ กบั ระยะห่างจาก แหลง่ ลดลง เมือ่ วัตถุอย่หู า่ งจาก ของสนามถึงวตั ถจุ ากข้อมลู ท่ี แหลง่ ของสนาม น้นั ๆ รวบรวมได้ มากขึน้ ๑๔. อธบิ ายและคานวณ • การเคลือ่ นที่ของวตั ถเุ ป็น อตั ราเร็วและความเรว็ ของ การเปลย่ี นตาแหน่ง ของ วัตถุเทียบกบั ตาแหนง่
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ การเคลื่อนทขี่ องวตั ถโุ ดยใช้ อ้างอิง โดยมปี รมิ าณ ท่ี สมการ v = s/ t และ v = s/ t เกย่ี วข้องกบั การเคลือ่ นที่ จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ซ่ึงมที ้ังปริมาณ สเกลาร์ ๑๕. เขยี นแผนภาพแสดงการ และปริมาณเวกเตอร์ เชน่ กระจดั และความเร็ว ระยะทาง อตั ราเร็ว การ กระจัด ความเร็ว ปริมาณสเกลาร์ เป็น ปรมิ าณท่ีมีขนาด เชน่ ระยะทาง อตั ราเร็ว ปริมาณเวกเตอร์เป็น ปริมาณที่มที ง้ั ขนาด และทิศทาง เช่น การ กระจดั ความเรว็ • เขียนแผนภาพแทน ปริมาณเวกเตอร์ได้ดว้ ย ลกู ศร โดยความยาวของ ลกู ศรแสดงขนาดและหัว ลูกศร แสดงทิศทางของ เวกเตอร์นั้น ๆ • ระยะทางเปน็ ปริมาณส เกลาร์โดยระยะทาง เปน็ ความยาวของเส้นทาง ที่เคลื่อนทีไ่ ด้ • การกระจดั เป็นปริมาณ เวกเตอรโ์ ดยการกระจดั มี ทิศชจ้ี ากตาแหน่งเร่ิมต้นไป ยงั ตาแหน่งสุดทา้ ย และมี ขนาดเทา่ กบั ระยะที่สั้น ท่ีสุดระหว่างสอง ตาแหนง่ นัน้ • อัตราเร็วเปน็ ปรมิ าณส เกลาร์ โดยอตั ราเร็วเปน็ อตั ราส่วนของระยะทางต่อ เวลา • ความเร็วปรมิ าณ เวกเตอร์มีทิศเดยี วกับทิศ ของ การกระจดั โดย
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถนิ่ หมายเหตุ ความเรว็ เป็นอตั ราส่วน ของ การกระจัดต่อเวลา สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลง และการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏิสมั พันธร์ ะหวา่ ง สสารและพลังงาน พลังงานในชวี ติ ประจาวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณท์ ี่ เกี่ยวขอ้ งกบั เสียง แสง และคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ หมายเหตุ ม.๒ ๑. วเิ คราะหส์ ถานการณ์และ • เม่อื ออกแรงกระทาต่อ ๑.กระบเ่ี มืองน่าอยู่ คานวณเก่ียวกับงาน และกาลัง วัตถแุ ล้วทาให้วตั ถุ ๒.ย้อนรอยเมืองกระบี่ ท่เี กดิ จากแรงที่กระทาต่อวัตถุ เคล่อื นท่ี โดยแรงอย่ใู น ๓.การปกครองของกระบี่ โดยใช้สมการ W = Fs และ P แนวเดียวกบั การเคล่ือนที่ ๔.สังคมกระบบ่ี ้านเรา = จากข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ จะเกิดงาน งานจะมคี า่ ๕.รอ่ งรอยทาง ๒. วิเคราะหห์ ลักการทางาน มาก หรอื น้อยข้ึนกับขนาด ประวตั ศิ าสตร์ ของเคร่ืองกลอยา่ งงา่ ย จาก ของแรง และระยะทางใน ๖.เชิดชถู ่ินแดนดิน ข้อมลู ทรี่ วบรวมได้ แนวเดยี วกบั แรง ประเพณี ๓. ตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ อง • งานที่ทาในหนงึ่ หนว่ ย ๗. เศรษฐกจิ เนรมิตเมือง ความรขู้ อง เครอ่ื งกลอยา่ งงา่ ย เวลาเรียกว่า กาลัง ๘.วฒั นธรรมนาชวี ติ โดยบอกประโยชน์ และการ หลักการ ของงานนาไป ๙.พลเมืองวรี ชนและ ประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน อธิบายการทางานของ บุคคลสาคัญ เครอื่ งกลอย่างงา่ ยได้แก่ ๑o.สบื สานงานศิลป์ คาน พืน้ เอยี งรอกเดยี่ วลิ่ม ๑๑.มนตเ์ สน่หแ์ หง่ แดนใต้ สกรูล้อและเพลา ซ่งึ ๑๒.งานศลิ ปถ์ น่ิ กระบ่ี นาไปใชป้ ระโยชนด์ า้ น ๑๓.วรรณกรรมท้องถิน่ ตา่ งๆ ในชวี ิตประจาวัน แดนดนิ เมืองกระบี่ ๑๔.สืบสานภูมปิ ัญญา ๑๕.ทรัพยใ์ นดนิ สนิ ใน นา้ นามกระบี่
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ ๑๖.ชื่อบ้านฉันนาม โรงเรียน ๑๗.โครงงานอาชีพ ๑๘.โรคอบุ ัตใิ หมใ่ น จังหวัด กระบี่ (COVID- 19) ๔. ออกแบบและทดลองด้วยวิธี • พลังงานจลนเ์ ป็น ทเ่ี หมาะสม ในการอธิบายปจั จัย พลังงานของวตั ถุที่ ท่ีมีผลต่อพลังงานจลน์ และ เคล่ือนที่ พลงั งานจลน์จะมี พลังงานศักยโ์ นม้ ถ่วง คา่ มากหรือน้อยขนึ้ กับมวล และอัตราเร็ว สว่ นพลงั งาน ศกั ย์โน้มถ่วงเก่ียวขอ้ ง กับ ตาแหนง่ ของวตั ถุจะมีค่า มากหรอื น้อยขึน้ กบั มวลและตาแหนง่ ของวัตถุ เม่อื วตั ถุอยใู่ น สนามโน้ม ถ่วง วัตถจุ ะมีพลังงานศกั ย์ โน้มถ่วง พลังงานจลนแ์ ละ พลังงานศักยโ์ น้มถ่วงเปน็ พลังงานกล ๕. แปลความหมายข้อมูลและ ผลรวมของพลังงานศักย์ - อธิบายการเปลี่ยนพลังงาน โนม้ ถ่วงและพลังงานจลน์ ระหว่างพลังงานศักย์โน้มถ่วง เปน็ พลงั งานกล พลงั งาน และพลังงานจลน์ของวัตถุโดย ศักยโ์ นม้ ถ่วงและ พลงั งาน พลังงานกลของวัตถุ มีค่าคงตัว จลน์ของวตั ถุหน่งึ ๆ จากขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ สามารถเปล่ียน กลบั ไปมา ไดโ้ ดยผลรวมของพลังงาน ศักย์โน้มถ่วง และพลงั งาน จลนม์ ีคา่ คงตวั น่นั คือ พลงั งานกล ของวตั ถุมีค่า คงตวั ๖. วิเคราะห์สถานการณ์และ พลงั งานรวมของระบบมีค่า อธิบายการเปลี่ยน และการถ่าย คงตัวซง่ึ อาจเปลี่ยน จาก โอนพลังงานโดยใช้กฎการ พลงั งานหน่ึงเป็นอกี อนรุ กั ษพ์ ลงั งาน พลังงานหนงึ่ เชน่ พลงั งาน กลเปลีย่ นเปน็ พลงั งาน
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ ไฟฟ้า พลังงานจลน์ เปลีย่ นเป็นพลังงานความ ร้อน พลังงานเสยี ง พลงั งานแสง เน่ืองมาจาก แรงเสยี ดทาน พลงั งานเคมี ในอาหารเปล่ียนเปน็ พลงั งานที่ไปใช้ในการ ทางานของสิง่ มีชีวติ • นอกจากนี้พลงั งานยัง สามารถถ่ายโอนไปยังอีก ระบบหน่งึ หรอื ไดร้ บั พลังงานจากระบบอ่ืนได้ เช่น การถา่ ยโอนความ ร้อนระหว่างสสาร การถ่าย โอนพลงั งานของการสั่น ของแหล่งกาเนดิ เสียง ไป ยงั ผ้ฟู ัง ทั้งการเปล่ยี น พลงั งานและการถา่ ยโอน พลงั งาน พลังงานรวม ทั้งหมดมีคา่ เทา่ เดมิ ตาม กฎการอนรุ ักษ์พลังงาน สาระที่ ๓ วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมท้ังปฏิสมั พนั ธ์ภายในระบบสุรยิ ะที่สง่ ผลต่อสงิ่ มีชวี ติ และการ ประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ หมายเหตุ ม.2 - - -- สาระที่ ๓ วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการ เปล่ียนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศ และภูมิอากาศโลก รวมท้ังผลตอ่ สิ่งมีชวี ติ และสง่ิ แวดล้อม ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน หมายเหตุ ม.๒ ๑. เปรียบเทียบ • เชอ้ื เพลงิ ซากดกึ ดาบรรพ์ ๑.ยอ้ นรอยเมืองกระบ่ี กระบวนการเกิดสมบัติ เกดิ จากการเปล่ยี นแปลง ๒.การปกครองของกระบ่ี และการใช้ประโยชนร์ วมทั้ง สภาพของซากสิ่งมชี วี ิตใน ๓.สังคมกระบ่บี า้ นเรา อธิบายผลกระทบจากการ อดตี โดยกระบวนการ ทาง ๔.รอ่ งรอยทางประวตั ิศาสตร์ ใช้ เชื้อเพลิงซากดกึ ดา เคมแี ละธรณีวิทยา เชื้อเพลงิ ๕.เชิดชูถ่ินแดนดนิ ประเพณี บรรพ์จากข้อมูลท่ีรวบรวม ซากดกึ ดาบรรพ์ ไดแ้ ก่ถา่ น ๖. เศรษฐกจิ เนรมติ เมือง ได้ หนิ หนิ นา้ มนั และ ๗.วัฒนธรรมนาชวี ติ ปิโตรเลียม ซง่ึ เกดิ จากวัตถุ ๘.พลเมืองวีรชนและบุคคล ต้นกาเนิด และ สาคญั สภาพแวดลอ้ ม การเกิดท่ี ๙.สืบสานงานศลิ ป์ แตกต่างกนั ทาให้ไดช้ นดิ ของ ๑o.มนต์เสนห่ แ์ หง่ แดนใต้ เช้อื เพลิง ซากดกึ ดาบรรพ์ที่มี ๑๑.งานศิลปถ์ ิน่ กระบ่ี ลกั ษณะ สมบัติและการนาไป ๑๒.วรรณกรรมท้องถิ่นแดน ใชป้ ระโยชนแ์ ตกตา่ งกนั ดินเมอื งกระบ่ี สาหรับปิโตรเลยี ม จะตอ้ งมี ๑๓.สืบสานภูมปิ ญํ ญา การผ่านการกลั่นลาดับส่วน ๑๔.ทรพั ย์ในดิน สนิ ในน้า ก่อนการใช้งาน เพอ่ื ให้ได้ นามกระบี่ ผลติ ภัณฑ์ทีเ่ หมาะสมต่อการ ๑๕.ช่ือบ้านฉันนามโรงเรยี น ใชป้ ระโยชน์ เชอื้ เพลิงซาก ๑๖.โครงงานอาชีพ ดึกดาบรรพเ์ ป็นทรพั ยากรที่ ๑๗.โรคอบุ ตั ิใหมใ่ นจงั หวดั ใชแ้ ล้ว หมดไป เนื่องจาก กระบี่ (COVID-19) ต้องใชเ้ วลานานหลายล้านปี จงึ จะเกดิ ขึ้นใหม่ได้ ๒. แสดงความตระหนักถึง • การเผาไหม้เชื้อเพลิงซาก ผลจากการใช้เชื้อเพลงิ ซาก ดึกดาบรรพ์ในกิจกรรม ตา่ ง ดึกดาบรรพ์โดยนาเสนอ ๆ ของมนษุ ยจ์ ะทาให้เกดิ แนวทาง การใช้เช้ือเพลิง มลพษิ ทางอากาศ ซง่ึ สง่ ผล ซากดึกดาบรรพ์ กระทบตอ่ ส่ิงมชี วี ติ และ
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิน่ หมายเหตุ สง่ิ แวดล้อม นอกจากน้ีแกส๊ - บางชนิดทีเ่ กิดจากการเผา ไหม้ เชื้อเพลิงซากดึกดา บรรพ์เช่น แก๊สคาร์บอนได ออกไซด์ และไนตรัสออกไซด์ ยงั เปน็ แกส๊ เรอื นกระจก ซง่ึ ส่งผลใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลง ภูมอิ ากาศ ของโลกรุนแรงขึ้น ดงั นั้นจึงควรใช้เชื้อเพลงิ ซากดกึ ดาบรรพ์โดยคานงึ ถงึ ผลท่ีเกิดขึ้นต่อ สง่ิ มชี วี ิตและ สิ่งแวดลอ้ ม เช่น เลือกใช้ พลงั งาน ทดแทน หรือ เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีที่ลดการ ใช้ เชอื้ เพลิงซากดกึ ดาบรรพ์ ๓. เปรียบเทียบข้อดีและ • เชื้อเพลิงซากดกึ ดาบรรพ์ ข้ อ จ า กั ด ข อ ง พ ลั ง ง า น เป็นแหล่งพลังงาน ท่ี ทดแทนแต่ละประเภทจาก สาคัญในกจิ กรรมตา่ ง ๆ ของ การรวบรวมข้อมูล และ มนุษยเ์ นอื่ งจาก เชอื้ เพลงิ นาเสนอแนวทางการใช้ ซากดกึ ดาบรรพ์มีปริมาณ พ ลั ง ง า น ท ด แ ท น ที่ จากดั และ มกั เพ่ิมมลภาวะ เหมาะสมในท้องถน่ิ ในบรรยากาศมากขึ้น จงึ มี การใช้ พลังงานทดแทนมาก ขน้ึ เช่น พลงั งานแสงอาทิตย์ พลงั งานลม พลังงานนา้ พลงั งานชวี มวล พลงั งาน คลนื่ พลังงานความร้อนใต้ พภิ พ พลงั งานไฮโดรเจน ซ่งึ พลงั งานทดแทนแตล่ ะชนดิ จะมีข้อดี และข้อจากดั ที่ แตกต่างกนั ๔. สร้างแบบจาลองที่ • โครงสร้างภายในโลกแบ่ง อธิบายโครงสรา้ งภายใน ออกเป็นช้ันตาม โลกตามองค์ประกอบทาง องค์ประกอบทางเคมีได้แก่ เคมจี ากขอ้ มูลท่รี วบรวมได้ เปลอื กโลก ซ่งึ อยู่ นอกสุด ประกอบดว้ ยสารประกอบ ของซลิ ิกอน และอะลูมเิ นียม
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น หมายเหตุ เปน็ หลกั เนื้อโลกคือสว่ นท่ี อยู่ ใต้เปลอื กโลกลงไป จนถึงแก่นโลก มี องค์ประกอบ หลักเปน็ สารประกอบของซิลิกอน แมกนเี ซียม และเหล็ก และ แก่นโลกคือส่วนท่ีอยู่ใจกลาง ของโลกมีองคป์ ระกอบหลัก เปน็ เหล็ก และนกิ เกลิ ซง่ึ แต่ละชน้ั มีลกั ษณะแตกต่าง กนั ๕. อธิบายกระบวนการผพุ ัง • การผุพังอยู่กับท่ีการกร่อน อยกู่ บั ท่ีการกร่อน และการ และการสะสมตัว ของ สะสมตัวของตะกอนจาก ตะกอน เป็นกระบวนการ แบบจาลอง รวมทั้ง เปลยี่ นแปลงทาง ธรณีวทิ ยา ยกตวั อย่างผลของ ทที่ าใหผ้ วิ โลกเกิดการ กระบวนการดังกล่าว ทท่ี า เปลยี่ นแปลง เปน็ ภูมิลักษณ์ ให้ผิวโลกเกดิ การ แบบตา่ ง ๆ โดยมปี ัจจัย เปลย่ี นแปลง สาคัญ คือ น้า ลม ธาร น้าแข็ง แรงโนม้ ถว่ งของโลก สง่ิ มีชวี ติ สภาพอากาศ และ ปฏกิ ริ ิยาเคมี • การผุพงั อยู่กับที่คือ การที่ หินผพุ ังทาลายลง ด้วย กระบวนการต่าง ๆ ได้แก่ลม ฟา้ อากาศกบั นา้ ฝน และ รวมทั้งการกระทาของตน้ ไม้ กับ แบคทเี รีย ตลอดจนการ แตกตวั ทางกลศาสตร์ ซึง่ มี การเพ่ิมและลดอณุ หภูมิ สลบั กัน เป็นต้น • การกร่อน คือ กระบวนการ หนงึ่ หรอื หลาย กระบวนการ ท่ที าให้สารเปลือกโลกหลดุ ไป ละลายไปหรือกร่อนไป โดยมีตวั นาพาธรรมชาติ คอื ลม นา้ และธารน้าแขง็
Search