ครเู พื่อศษิ ยส์ รา้ งหอ้ งเรยี นกลับทาง วิจารณ์ พานิช
ครเู พ่ือศิษย์สร้างห้องเรยี นกลับทาง : ศ.นพ.วิจารณ์ พานชิ ISBN 978-616-91531-4-6 ผู้เขยี น ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ที่ปรึกษา คณุ ปิยาภรณ์ มณั ฑะจติ ร บรรณาธิการ คณุ รตั นา กติ กิ ร ออกแบบรูปเล่ม ทีมแบ็กอัพ พมิ พ์โดย มูลนิธิสยามกัมมาจล ๑๙ ถนนรัชดาภเิ ษก แขวงจตจุ กั ร เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ : ๐ ๒๙๓๗ ๙๙๐๑-๗ โทรสาร : ๐ ๒๙๓๗ ๙๙๐๐ เว็บไซต์ : www.scbfoundation.com พมิ พ์คร้ังที่ ๒ มถิ นุ ายน ๒๕๕๖ จำ� นวน ๕,๐๐๐ เล่ม พิมพ์ท่ี บรษิ ทั เอส.อาร์.พริ้นต้ิง แมสโปรดักส์ จ�ำกดั
คา� นิยม ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ถาโถมสู่วงการศึกษาไทย ตลอดระยะเวลาเกือบสองทศวรรษท่ีผ่านมา แนวคิดและข้อเขียน ของ ศาสตราจารยน์ ายแพทย์วิจารณ์ พานชิ ไดช้ ว่ ยเปน็ ประภาคาร สอ่ งทางใหเ้ กดิ ความหวงั และทางเลอื กใหมใ่ นการพฒั นาการศกึ ษา ไทยมาโดยตลอด ท่านได้ปลุกจิตส�านึกให้สังคมตระหนักว่า การปฏิรูปการศึกษา ที่แท้จริง คือ การปฏิรูปการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยมีครูเป็นพลัง ทย่ี ง่ิ ใหญใ่ นการขบั เคลอื่ น การปฏริ ปู การศกึ ษาใหเ้ กดิ ขนึ้ ไดจ้ รงิ หากไดร้ บั การส่งเสริมสนับสนุนให้สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนรู้ทั้งใน และนอกห้องเรียนให้มีความหมาย เช่ือมโยงสู่ชีวิตจริงรวมทั้งสามารถ พัฒนาทักษะที่หลากหลายของผู้เรียน มิใช่เพียงเพ่ือสอบ แต่เป็น การเรยี นรเู้ พอ่ื เผชญิ ความเปลยี่ นแปลงอยา่ งรเู้ ทา่ ทนั และการสรา้ งสรรค์ สังคมในศตวรรษท่ี ๒๑ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ครูเห็นคุณค่าและศักยภาพของตน ศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช ได้แสวงหา “ตัวอย่างครูดี” ผู้ทุ่มเทท�างานเพ่ือศิษย์เผยแพร่ประสบการณ์จากชีวิตจริง สนับสนุน ความพยายามของครทู จ่ี ะทดลองนา� สกู่ ารปฏบิ ตั ิ ดว้ ยการสนบั สนนุ งาน วิจยั ในชัน้ เรยี น สร้างเวทแี ละเครอื ข่ายแลกเปล่ยี นเรียนรู้สู่ระบบจัดการ ความรู้ พร้อมทัง้ ตัง้ ค�าถาม เพ่ือผลกั ดันให้มกี ารทบทวนนโยบาย และ หลกั เกณฑ์ทีเ่ อ้อื ต่อกระแสการปฏริ ูปการเรียนรู้ท่ีเกดิ จากครเู พือ่ ศิษย์ ครเู พื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 5
หนงั สือ “ครเู พ่ือศิษย์ สร้างหอ้ งเรยี นกลับทาง” ผลงานล่าสุด ของศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช ที่มูลนิธิสยามกัมมาจล จัดพิมพ์เผยแพร่ นับเป็นก้าวส�ำคัญบนเส้นทางปฏิรูปการศึกษาไทย เพราะไดเ้ นน้ การดแู ลชว่ ยเหลอื กลมุ่ ผเู้ รยี นที่ เรยี นออ่ น เรยี นไมท่ นั เพอ่ื น ซ่ึงมักถูกมองว่าเป็นปัญหาจนถูกทอดทงิ้ ละเลย ซงึ่ บ่อยครงั้ ผลักดนั ให้ พ้นไปจากโรงเรียนด้วยเกรงว่าจะส่งผลต่อการประเมินคุณภาพท่ีเน้น ผลสัมฤทธิ์จากการทดสอบเป็นส�ำคัญ ปัญหานักเรียนลาออกกลางคัน ขาดเรียน หรืออยู่อย่างส้ินหวัง จึงเป็นปัญหาท่ีพบได้ในทุกพื้นที่และ ขยายตัวกว้างขวางขนึ้ ตามล�ำดับ ศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช ได้เชิญชวนให้เรา ได้เรียนรู้จาก Jonathan Bergman และ Aaron Sams ครูชาวอเมริกัน ธรรมดาๆ สองคนที่เช่ือม่ันในศักยภาพของผู้เรียนทุกคนท่ีจะเรียนรู้ ได้ โดยได้ทดลองค้นคว้า จนสามารถปรับเปลี่ยนห้องเรียนเป็นพ้ืนที่ ส�ำหรับการเรยี นรู้ ปรบั เปลย่ี นตวั เองจากผู้สอน เป็น พเี่ ลย้ี ง เพ่ือน และ ผู้เชี่ยวชาญ กระตุ้นให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองด้วยวิธีการ ทห่ี ลากหลาย ยืดหยุ่นให้เหมาะสมกบั ความถนัด ความสนใจ ลลี า และ อตั ราการเรยี นรู้ของผู้เรยี นแต่ละคน ที่ส�ำคัญ หนังสือเล่มนี้ เป็นผลงานเขียนโดย “ครู” เพ่ือ “ครู” เป็นการท�ำงานอย่างผสมผสานอันเป็นการรับช่วงระหว่างนักคิดกับ นกั ปฏบิ ตั ทิ ลี่ งตวั โดยเรมิ่ จากประสบการณ์จรงิ ของนกั ปฏบิ ตั ทิ ไ่ี ดล้ งมอื ท�ำ ลงมือเขียน ด้วยภาษาท่ีเข้าใจง่าย จึงกระจ่างชัด เป็นขั้นตอน เอื้อต่อการประยุกต์ใช้ และได้รับการถอดเป็นบทเรียนที่เชื่อมโยง หลักคิดและวิธีปฏิบัติ กระตุ้นให้เกิดการคิดสร้างสรรค์ต่อยอด อย่างไม่รู้จบ
นับเป็นที่น่าชื่นชมยินดีท่ี มูลนิธิสยามกัมมาจล ท่ีท�ำงาน รว่ มกบั โรงเรียนและครูทั่วประเทศ เพือ่ ปลกู ฝังปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง มีโอกาสได้สัมผัสปัญหาความทุกข์ยากของผู้เรียน จึงได้สนับสนุนการเผยแพร่หนังสืออันมีคุณค่านี้สู่โรงเรียน ท่ัวประเทศ เพ่ือเป็นพลังใจ เป็นต้นแบบให้กับครูรวมท้ัง กระตุ้นเตือนให้สังคมได้ร่วมผลักดันการปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้ เกดิ ประโยชนแ์ ก่เยาวชนอยา่ งแทจ้ ริง คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ครเู พื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 7
ค�านยิ ม การที่จะหาใครสักคนมาช่วยบอกช่วยสอน “ครู” ให้คิด ใหม่ ท�าใหม่นั้น นับเป็นเร่ืองยากมาก เพราะส่ิงท่ีครูท�าอยู่แล้ว มักจะถูกต้องเสมอ เราทุกคนซ่ึงล้วนเป็นศิษย์มีครูก็คิดเช่นน้ัน มิ ฉ ะ น้ั น ค ง จ ะ ไ ม ่ มี เ ร า อ ย ่ า ง ท่ี เ ห็ น แ ล ะ เ ป ็ น อ ยู ่ ใ น ทุ ก วั น น้ี ไ ด ้ แต่กระนั้นก็ตาม เมื่อได้อ่านหนังสือ “ครูเพื่อศิษย์” ทั้งเล่มแรก และ เล่มที่สองท่ีว่าด้วย การสร้างห้องเรียนกลับทางของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิจารณ์ พานิช น้ีแล้ว พบว่าท่านนับเป็น “ครู ของ ครู” ท่ีน่ายกย่องได้อย่างเต็มหัวใจ เพราะสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดี ทที่ ่านพยายามจะชว่ ยเปิดมมุ มอง สร้างแรงบนั ดาลใจให้ครทู งั้ หลายไดม้ ี ก�าลังใจ มีความหวัง มีแนวทางท่ีจะยกระดับการจัดการเรียนการสอน ของตน ใหน้ า่ สนกุ เปดิ มติ กิ ารเรยี นรทู้ แ่ี ทจ้ รงิ ของผเู้ รยี นและสอดคลอ้ งกบั ยคุ สมยั ทเี่ ปลยี่ นแปลงไปอยา่ งรวดเรว็ และแนน่ อน ผเู้ รยี นกเ็ กดิ ผลสมั ฤทธ์ิ ที่น่าพอใจ ครูก็ได้เรียนรู้พัฒนาพลิกผันบทบาทของตนให้อยู่เคียงคู่กับ ศิษย์ในยามท่ีเขาต้องการความช่วยเหลอื และกลายเป็น “ครูในดวงใจ” ของศษิ ย์ทุกๆ คนในช้นั เรียนได้อย่างแท้จรงิ โดยการที่ท่านสามารถถอดบทเรียนขยายมุมมองเข้าถึงคุณค่า หาประโยชน์จากครูต้นแบบ “สร้างห้องเรียนกลับทาง” ทั้งสองท่าน (Jonathan Bergman และ Aaron Sams) ได้อย่างแยบคายประจกั ษ์แจ้งด้วย เหตุด้วยผล ล�าดับขั้นตอนของวิธีการต่างๆ รวมท้ังการอุดช่องว่างอย่าง ระมัดระวังท่ีมาจากประสบการณ์ของท้ังสองท่านดังกล่าว ท่าน ศ.นพ. วิจารณ์ เป็นผู้ที่ใช้ภาษาทีเ่ ป็นกนั เองจนท�าให้เร่ืองทย่ี ากกลับเข้าใจได้ง่าย
และจดั สำ� รบั ชดุ เลก็ ๆ ทแ่ี ยกยอ่ ยแลว้ สงั เคราะหแ์ ลว้ จดั ระบบใหม้ แี บบแผน ชว่ ยใหผ้ ้อู า่ นรบั รอู้ ย่างสบายๆ แต่เกดิ ฉนั ทะและความฮกึ เหมิ ใจ จนพอจะ มีความหวงั และอยากจะน�ำไปลองลงมอื ท�ำด้วยตนเองต่อไป งานของคุณหมอท่านท�ำให้เราเกิดจินตนาการถึงบรรยากาศของ ห้องเรียนที่เปล่ียนไปกลายเป็น “ส�ำนักตักศิลา” หรือท่ีท่านเรียกว่า “Learning Space” ท่คี รูและศษิ ย์ร่วมกระบวนการศกึ ษาปฏิบัติเรยี นรู้ แลกเปลย่ี นกนั อยา่ งผมู้ วี ฒุ ภิ าวะ มสี าระ มปี ระเดน็ มคี ำ� ถาม ทต่ี อ้ งการ คำ� ตอบ โดยผู้เรียนกระตือรือร้นท่ีจะเรยี น (เป็น Active Learners) เห็นความเป็นช้ันคละ คือคละความสามารถ-ความพร้อม ของการเรียนรู้ท่ีแตกต่างกัน แต่ครูสามารถเอาใจใส่ผู้เรียนเป็น รายคนได้ จนน่าจะเรียกว่าห้องเรียนแบบวัดตัวตัด (Tailor-made Classroom) เพราะครูจะท�ำหน้าท่ีผู้ “สอบอารมณ์” ผู้เรียน แต่ละคนและชี้แนะ เติมเต็มให้เขาลุยต่อด้วยตัวเองเป็น โดยครู สอนวิธีเรียนอย่างหลากหลายให้เด็ก ไม่ว่าจะเป็นการเรียนจาก วิดีทัศน์ เปิดและหยุด วิเคราะห์ท�ำความเข้าใจแล้วบันทึกหรือย้อนดู ทบทวน ด้วยการใช้เวลาเพียง ๑๐-๑๕ นาที ตามที่ครูเตรียมวิดีทัศน์ เร่ืองหน่ึงๆ ไว้ให้ จนเด็กสามารถศึกษาวิดีทัศน์ด้วยตนเองเป็นรวมท้ัง การเรยี นรู้โดย Internet หรอื การอ่านตำ� ราก็เช่นกนั นอกจากนคี้ รยู งั ฝกึ ใหเ้ ดก็ ตงั้ คำ� ถาม เตรยี มคำ� ถามมาจากการเหน็ “ความไม่เข้าใจ” การ “ทำ� แบบฝกึ หัดไม่ได”้ “การท�ำแบบทดสอบ ผดิ พลาด” หรอื การทำ� Lab ของตนเอง ตลอดจนการทค่ี รฝู กึ Team Work ในการเรียนรู้แบบช่วยเหลือแลกเปลี่ยนกันของผู้เรียนเอง สอนกันเอง ซ่ึงเป็นสุดยอดแห่งประสิทธิภาพการเรียนรู้ของคนเรา และด้วยทักษะ การเรียนด้วยตนเองเหล่าน้ีแหละ ที่ผู้เรียนจึงพัฒนาไปเป็น “เจ้าของ” ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 9
การเรียน เป็นผู้เลือกวิธีเรียน จนกลายเป็นผู้ท่ีเรียนด้วยตนเอง (Self-Directed Learning) อย่างแท้จรงิ อย่างที่ครทู กุ คนปรารถนาจะเหน็ สุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอกราบขอบพระคุณต่อเสียงสะท้อนซ่ึง ก้องกังวานจากหนังสือเล่มน้ี ท่ีน่าจะโดนใจครูยุคใหม่ทั้งหลายมาก ทส่ี ุดคือ ประโยคทว่ี ่า “มอบอำ� นาจเหนอื การเรยี นใหแ้ กน่ กั เรยี น” โดยมีค�ำอธิบายของครูต้นแบบว่า “ครูต้องไม่มองเด็กเป็นคนท่ี ออ่ นแอ ตอ้ งการใหเ้ ปดิ กะโหลกกรอกวชิ า” อกี ตอ่ ไป แตต่ อ้ งมองวา่ เขาเปน็ มนษุ ยท์ มี่ ศี กั ยภาพในการเรยี นรโู้ ดยทแ่ี ตล่ ะคนมลี กั ษณะจ�ำเพาะ ของตนเอง ทต่ี ้องการการเรียนรู้ทเ่ี หมาะสม และน่ีเองคอื การทคี่ ณุ หมอ ถ่ายทอดให้เรารู้อย่างตรงไปตรงมา แล้วแต่ครูท้ังหลายจะตระหนักได้ จากจิตวิญญาณของครูเอง รองศาสตราจารย์ ประภาภัทร นิยม ๑๑ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๖
ค�านา� มลู นธิ ิ เม่ือโลกก้าวย่างเข้าสู่ศตวรรษท่ี ๒๑ กระแสเรียกร้องให้มีการ ปรับเปล่ียนวิธีคิด-วิธีการพัฒนา “พลเมืองโลก” รุ่นใหม่ ถูก จดุ ประกายขน้ึ และไดร้ บั การขานรบั จากนกั คดิ นกั การศกึ ษาทกุ ภมู ภิ าค ของโลกอย่างกว้างขวาง ภายใต้กรอบคดิ ที่เรยี กว่า 21st Century Skills ซ่ึงเป็นแนวคิดในการพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้มีคุณลักษณะที่พร้อมส�าหรับ การด�ารงชีวิต และรับมือกับความเปล่ียนแปลงท่ีจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะโลกทไี่ รพ้ รมแดนและแคบลง ดว้ ยความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยี และ การสื่อสารตลอดจนนโยบายความร่วมมือระหว่างประเทศ ก่อให้ เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตของผู้คนในสังคมไทย และสังคมโลก ท้ังด้านบวก และด้านลบ สังคมปัจจุบันไม่ได้ต้องการเพียงคนเก่ง หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ ด้าน หากแต่ต้องการผู้ท่ีมีทักษะหลากหลายด้านประกอบกัน ได้แก่ การมีความรู้รอบในศาสตร์พื้นฐานและมีความรู้เกี่ยวกับโลก ทั้ง ด้านเศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม มีทักษะชีวิตและอาชีพ เข้าใจ ความแตกต่างหลากหลายของผู้คนในสังคมของเรา และสามารถอยู่ รว่ มกนั บนความตา่ งนไ้ี ดโ้ ดยมมี มุ มองเชงิ บวกมที กั ษะในการเรยี นรแู้ ละ สามารถสร้างนวตั กรรม เพือ่ พัฒนางานของตนเองได้ เป็นการรู้เท่าทนั ความเปล่ียนแปลงที่สามารถน�ามาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาตัวเอง พฒั นางาน ให้มีประสทิ ธภิ าพ และทส่ี �าคัญมากทีส่ ดุ คอื การมีส�านกึ รับผิดชอบต่อสงั คม ครเู พื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 11
ภายใต้การขับเคล่ือนแนวคิดดังกล่าว หน่วยงาน องค์กร รวมทง้ั บคุ ลากรดา้ นการศกึ ษา โดยเฉพาะ “คร”ู ยอ่ มถกู คาดหวงั ใหเ้ ปน็ ผู้มีบทบาทส�ำคัญในการเป็นหัวขบวนในการสร้างความเปล่ียนแปลง อนั ย่ิงใหญ่นี้ “คร”ู ในศตวรรษท่ี ๒๑ ต้อง “เปล่ียน” ทง้ั บทบาท และ วิธีการสอน ครูต้องสอนให้น้อยลง และสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้มาก ขนึ้ โดยไมเ่ นน้ การสอนสาระวชิ า แตเ่ นน้ สรา้ งแรงบนั ดาลใจ และอำ� นวย ความสะดวกให้นักเรียนได้เรยี นรู้ผ่านการลงมอื ทำ� อย่างไรก็ตาม การแปลงแนวคิดสู่การปฏิบัติในเร่ืองนี้ไม่ใช่เร่ือง ง่ายนกั มลู นิธสิ ยามกัมมาจล เห็นว่า การเรียนรู้จาก Best Practice ผู้ประสบผลส�ำเร็จในการจัดการเรยี นรู้ทีเ่ ป็นรูปธรรม เพ่ือให้คณุ ครู ได้ เรยี นรู้ทัง้ “เบื้องหลงั ความคดิ ” และ “วธิ กี าร” น่าจะเป็นประโยชน์ อย่างย่ิงสำ� หรับช่วงเวลาเปลย่ี นผ่านอนั ส�ำคัญน้ี หนังสือ “ครูเพื่อศิษย์ สร้างห้องเรียนกลับทาง” โดย ศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช ประธานกรรมการมูลนิธิ สยามกัมมาจล เล่มน้ี เป็นการรวบรวมบทบันทึก (Blog) ของท่านท่ี เขียนไว้ในเว็บไซต์ http://www.gotoknow.org จากการอ่านหนังสือ Flip Your Classroom : Reach Every Student in Every Class Every Day โดย Jonathan Bergmann and Aaron Sams ซึ่งเป็นประสบการณ์ ของครูชาวอเมริกันสองคน ที่มีวิธีการสร้างการเรียนรู้ ท่ีท�ำให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้ท่ีมีพลัง และเกิดทักษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ ได้ ซึ่ง มูลนธิ ฯิ เล็งเหน็ ว่าน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำ� หรับ “คร”ู ท่มี ีหัวใจ “เพื่อศิษย์” ด้วยหนังสือเล่มนี้ ไม่เพียงมีตัวอย่างวิธีการจัดการเรียน การสอน “แนวใหม”่ ทชี่ ดั เจนแลว้ เทา่ นนั้ ทา่ นยงั ไดช้ ี้ และเนน้ ยำ�้ ประเดน็ ส�ำคัญถึงแนวคิดเบื้องหลังการออกแบบการเรียนรู้ และผลที่เกิดกับ ผู้เรียน ซ่งึ จะท�ำให้ครเู ข้าใจได้แจ่มชดั มากข้ึน
การพิมพ์ ครั้งที่ ๒ น้ี มีการเพ่ิมเติมเน้ือหา จากประสบการณ์ ของ “ครู” 3 ท่าน คือ ดร.เดชรัต สุขก�ำเนิด คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร,์ ดร.จนั ทวรรณ ปยิ ะวฒั น์ คณะวทิ ยาการ จัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ ดร.สุพิศ ฤทธิ์แก้ว ผู้อ�ำนวยการศูนย์บริการ การศึกษา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ท่ีได้ กลบั ทางหอ้ งเรยี นจนเหน็ ผลการเปลย่ี นแปลงกบั ศษิ ย์ และ “เครอ่ื งมอื ” ท่ีช่วยให้การ “กลับทางห้องเรยี น” เกิดผลสำ� เรจ็ มูลนิธิสยามกัมมาจล จึงหวังเป็นอย่างย่ิงว่า เนื้อหา และ แง่มุมความคิด ของศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช รวมท้ัง ประสบการณ์ตรงของอาจารย์ทั้ง 3 ท่าน ท่ีได้สะท้อนไว้หนังสือเล่มนี้ จะช่วยจุดประกายให้กับคุณครูผู้มีหัวใจเพื่อศิษย์ทุกท่าน ได้น�ำไป ปรับ-ประยกุ ต์ ใช้ให้เหมาะสมกับบรบิ ทของตัวเอง และเกดิ ผลกับศษิ ย์ ผู้เป็นทีร่ ักของทุกท่านต่อไป มลู นธิ ิสยามกัมมาจล ครเู พื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 13
คา� นา� ผูเ้ ขียน หนังสือเล่มน้ี รวบรวมจากบันทกึ ๙ บนั ทกึ ทผ่ี มตคี วามสาระใน หนังสือ Flip Your Classroom : Reach Every Student in Every Class Every Day ซง่ึ เขยี นโดย Jonathan Bergman และ Aaron Sams น�าออก เผยแพร่ในบล็อก Gotoknow.org ช่วงเดือนกันยายน ๒๕๕๕ รวม ๙ บันทึก และมีเพิ่มอีก ๒ บันทึก จากการชม TED Talk เรื่อง Khan Academy โดย Salman Khan และจากการอา่ นบทความในนติ ยสาร The Smithsonian รวมท้ังส้นิ ๑๑ บันทึก ท้ัง ๑๑ ตอน ในหนังสือเล่มน้ี เป็นการตีความจากการอ่านหรือ จากการฟงั ไมไ่ ดม้ าจากประสบการณก์ ารลงมอื ปฏบิ ตั เิ อง จงึ ยอ่ มมคี วาม ไม่ชัดเจนหรือต้ืนเขินเป็นธรรมดาท่านที่สนใจเร่ืองราวจากการปฏิบัติ “กลับทางห้องเรียน” ในบริบทไทยโดยตรงโปรดอ่านที่ http://www. gotoknow.org/posts?tag= ห้องเรยี นกลบั ทาง จะเห็นว่าในประเทศไทยมี ผู้ทดลองใช้วิธีจดั การเรยี นรู้ แบบ “ห้องเรียนกลบั ทาง” อย่างแพร่หลาย รวดเร็วมาก ด้วยการน�าไปเผยแพร่ต่อของ ดร.จันทวรรณ ปิยะวัฒน์ ผู้ดา� เนินการบลอ็ ก Gotoknow มองในมุมหนึ่ง น่ีคือวิธีใช้เวลาเรียนในห้องเรียนให้เกิดคุณค่า สงู สุดแก่ศษิ ย์คือ ใช้ฝึกประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์ต่างๆ เพือ่ ช่วย ให้เกิดการเรียนแบบ “รู้จริง” (Mastery Learning) และเป็นวิธีจัดการ เรียนรู้ท่ียกระดับคุณค่าของความเป็นครู คอื ครู ไม่สอนแบบถ่ายทอด ความรู้ให้แก่ศษิ ย์โดยตรงอีกต่อไป แต่ถ่ายทอดผ่านวดิ ีทศั น์ส้ันๆ ๑๕ - ๒๐ นาที ให้นักเรยี นไปเรยี นสาระความรู้ที่บ้าน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เดก็
ที่เรียนช้า “กรอกลบั ครู” ได้ และจะดซู ้�ำหลายครง้ั ก็ได้ ดแู ล้วไม่เข้าใจ จะชวนพ่อแม่มาดูและช่วยอธบิ ายกไ็ ด้ แล้วในวันรุ่งขึ้น นักเรยี นกไ็ ด้ท�ำ โจทย์หรือกิจกรรมเพ่ือฝึกใช้ความรู้นั้น เกิดกระบวนการ “เรียนรู้โดย ลงมอื ทำ� ” (Learning by Doing) ท่ีจะช่วยให้เด็กรู้ลึกและรู้จริง โดยครู เปลย่ี นไปทำ� หนา้ ท่ี “ครฝู กึ ” หรอื โคช้ ตามรายละเอยี ดในหนงั สอื เลม่ นี้ ผมเชอ่ื ว่า ในไม่ช้าการเรยี นส่วนใหญ่ ในทุกระดับ จะเปลย่ี นไป เป็นการเรยี นแบบ “กลบั ทางหอ้ งเรยี น” นี้ แนวโนม้ นจี้ ะเปน็ ไปทวั่ โลก ผมขอขอบคณุ คณุ ปยิ าภรณ์ มณั ฑะจติ ร และคณุ รตั นา กติ กิ ร แหง่ มลู นธิ สิ ยามกมั มาจล ทเ่ี หน็ คณุ ค่าของการสร้างห้องเรยี นกลบั ทาง และ จดั พมิ พห์ นงั สอื เลม่ เลก็ นอ้ี อกเผยแพร่ เพอ่ื ประโยชนว์ งกวา้ งในสงั คมไทย ในการยกระดับการเรยี นรู้ของเดก็ ไทย สู่สภาพ “รู้จรงิ ” วจิ ารณ์ พานชิ ๒๘ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๖ ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 15
สารบญั เรอื่ ง หน้า ค�านิยม คณุ หญิงกษมา วรวรรณ ณ อยธุ ยา ๕ คา� นยิ ม อาจารย์ประภาภทั ร นยิ ม ๘ คา� นา� มูลนธิ ิ ๑๑ ค�าน�าผู้เขยี น ๑๔ บทท่ี ๑๙ ๑. เรม่ิ จากการท�างานในหน้าทีค่ รสู อน ๒๕ ๒. ห้องเรยี นกลับทางเป็นอย่างไร ๒๙ ๓. ท�าไมจึงควรกลบั ทางห้องเรยี น ๓๕ ๔. วธิ ดี า� เนินการกลบั ทางห้องเรียน ๔๑ ๕. ห้องเรยี นกลับทางและเรียนให้รู้จรงิ ๔๗ ๖. ลักษณะของห้องเรยี นกลบั ทางและเรียนให้รู้จรงิ ๕๕ ๗. วธิ ีดา� เนนิ การ ๖๗ ๘. ค�าถาม – คา� ตอบ ๗๗ ๙. สรุป (จบ)
๑๐.การเรยี นรู้สมยั ใหม่ต้องกลบั ทางการเรียนรู้ : ๘๓ เรยี นทีบ่ ้าน ท�าการบ้านทโี่ รงเรยี น ๘๗ ๑๑.ปฏวิ ัตหิ ้องเรียน ๙๓ การน�าห้องเรยี นกลับทางไปประยกุ ต์ใช้ • เม่ือหอ้ งเรยี นของผมกลับทาง : ๑๐๗ การเรียนรู้จงึ ไมใ่ ช่เรือ่ งทอ่ี ดึ อัดอกี ต่อไป ๑๑๕ ดร.เดชรตั สุขกา� เนิด • หอ้ งเรียนกลับทางในระบบชั้นเรยี นออนไลน์ ของไทย ClassStart.org ดร.จนั ทวรรณ ปิยะวฒั น์ • กลบั ทางห้องเรยี นคณติ ศาสตร์ ดร.สพุ ศิ ฤทธแ์ิ ก้ว ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 17
๑ เริ่มจากการทำางานในหน้าท่ีครูสอน ผเู้ ขยี นทั้ง ๒ ทา่ นนี้ ได้ค้นพบวธิ เี รียนรูแ้ บบกลบั ทาง คือเรยี นวิชาท่บี า้ น ทำาการบา้ นทโี่ รงเรียน หรือรบั ถ่ายทอดความร้ทู บ่ี า้ น แล้วมาสร้างความรู้ ต่อยอดจากวชิ าทีร่ บั ถ่ายทอดมา ใหเ้ ป็นความรู้ท่ีสอดคล้องกบั ชวี ิต ทำาใหเ้ กิดการเรยี นร้ทู ี่มพี ลัง เกิดทักษะ ทีเ่ รยี กว่า ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ ๒๑ ครเู พื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 19
หนงั สอื Flip Your Classroom : Reach Every Student in Every Class Every Day บอกเราว่า ห้องเรยี นกลบั ทางมีกำ� เนิดขน้ึ เมอื่ ประมาณ ๕ ปมี าแลว้ เกดิ ขนึ้ จากจติ วญิ ญาณความเป็นครเู พอ่ื ศษิ ย์ ของครูบ้านนอกในสหรัฐอเมรกิ า ๒ คน คอื Jonathan Bergman และ Aaron Sams ทต่ี อ้ งการชว่ ยนกั เรยี นทม่ี ปี ญั หาตามชน้ั เรยี นไมท่ นั เพราะ ต้องขาดเรยี นไปเล่นกีฬาหรอื ไปทำ� กจิ กรรม หรือเพราะเขาเรยี นรู้ได้ช้า ICT ช่วยให้ครูท�ำวิดีโอสอนวิชาได้โดยง่าย และเอาไปแขวนไว้บน อินเทอร์เน็ตได้ฟรี ให้ศษิ ย์ที่ขาดเรียนเข้าไปเรยี นได้ ศิษย์ทเี่ รยี นช้ากเ็ ข้าไป ทบทวนได้อกี ไม่ต้องพง่ึ การจดผดิ ๆ ถูกๆ ตกๆ หล่นๆ อีกต่อไป ครูกส็ บาย ไม่ต้องสอนซ้�ำแก่เดก็ ทข่ี าดเรยี นไปทำ� กิจกรรม แคค่ ณุ คา่ ของวดิ โี อบทเรยี นทแี่ ขวนไวบ้ นอนิ เทอรเ์ นต็ ไมไ่ ดห้ ยดุ อยู่ แค่นนั้ มันนำ� ไปสู่การกลบั ทางการเรียนรู้ของศิษย์
วิดีโอบทเรียนที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต ช่วยให้นักเรียนไม่จ�ำเป็น ต้องใช้เวลาท่ีโรงเรียนในการเรียนเน้ือวิชา แต่ใช้เวลาให้เกิดคุณค่า ตอ่ ตนเองมากกวา่ นนั้ คอื ใชส้ ำ� หรบั ฝกึ แปลงเนอื้ ความรไู้ ปเปน็ สาระหรอื ความเข้าใจที่เช่ือมโยงกับโลกหรือกับชีวิตจริง ซ่ึงช่วงเวลาฝึกหัดนี้ ต้องการความช่วยเหลอื จากครู เท่ากับผู้เขียนหนังสือทั้ง ๒ ท่านน้ี ได้ค้นพบวิธีเรียนรู้ แบบกลบั ทาง คอื เรยี นวชิ าทบ่ี า้ น ทำ� การบา้ นทโี่ รงเรยี น หรอื รบั ถา่ ยทอด ความรู้ที่บ้าน แล้วมาสร้างความรู้ต่อยอดจากวิชาที่รับถ่ายทอดมา ใหเ้ ปน็ ความรทู้ ส่ี อดคลอ้ งกบั ชวี ติ ทำ� ใหเ้ กดิ การเรยี นรทู้ มี่ พี ลงั เกดิ ทกั ษะ ที่เรยี กว่า ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ ไม่ใช่นกั เรียนเท่านั้นทีเ่ รยี นรู้กลับทาง ครกู ็สอนกลับทางด้วย จรงิ ๆ แลว้ ครเู ปน็ ตวั การของหอ้ งเรยี นกลบั ทางและครกู ต็ อ้ งทำ� งาน แบบกลับทางด้วย คือแทนท่ีจะสอนวิชาหน้าช้ันเรียน กลับสอนหน้า กล้องวิดีทัศน์ แล้วใช้เวลาเรียนท่ีโรงเรียนของศิษย์ ท�ำหน้าท่ีครูฝึก (Coach) ให้นักเรียนฝึกแปลงวชิ าหรอื ประยุกต์ใช้วิชา ซึ่งในกระบวนการ น้ันนักเรียนต้องสร้างความรู้ความเข้าใจของตนข้ึนมาในสมองและใน หวั ใจ กอ่ นจะประยกุ ตใ์ ชค้ วามรใู้ นกจิ กรรมหรอื โจทยแ์ บบฝกึ หดั เปน็ การ ฝึกฝนเรยี นรู้ที่แท้จริง เนอ่ื งจากครผู เู้ ขยี นหนงั สอื นท้ี ง้ั ๒ คนเปน็ ครสู อนวชิ าเคมชี น้ั มธั ยม ในโรงเรยี นเดยี วกนั เขาจึงใช้เวลาที่โรงเรยี นให้นกั เรยี นทำ� Lab ซักถาม ขอ้ สงสยั และทำ� แบบฝกึ หดั หรอื การทดสอบ ครทู งั้ สองพบวา่ ใชท้ ำ� ทงั้ ๓ อย่างแล้วก็ยังมีเวลาเหลอื ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 21
เขาบอกว่า นีค่ อื กระบวนการ Personalization ของการเรยี น คือ ช่วยให้ครูดแู ลศษิ ย์ได้เป็นรายคน ผมมองวา่ ครทู ง้ั สองมวี ญิ ญาณของนกั เรยี นรู้ ไดใ้ ชภ้ ารกจิ การเปน็ ครคู น้ คว้า ทดลอง หาวธิ จี ดั การเรยี นรใู้ หม่ๆ ให้แก่ศษิ ย์ โดยมเี ปา้ หมาย ตามท่ีเขาระบุในตอนต้นของหนงั สอื ว่า What is best for my students in my classroom? กระบวนการทง้ั หมดน้ี ผมเรยี กวา่ การวจิ ยั ในชน้ั เรยี น เป็นการวจิ ัยทเี่ กิดประโยชน์จริงแก่ศิษย์ น่ีคือการวิจยั (และพัฒนา) การ ศกึ ษาทแี่ ท้จรงิ ครทู ด่ี ยี อ่ มมโี จทยท์ ด่ี ใี นชวี ติ และความเปน็ ครเู พอ่ื ศษิ ย์ ยอ่ มทำ� ให้ โจทย์น้นั เป็นโจทย์เพื่อให้ศิษย์ได้รับส่งิ ทด่ี ที สี่ ดุ ในชัน้ เรียน สิ่งที่ดีท่ีสุดที่นักเรียนพึงได้รับจากชั้นเรียนในปัจจุบัน ไม่ใช่ เน้ือวิชา เพราะสิ่งน้ันนักเรียนเรียนรู้เองได้ กระบวนการเรียนรู้ท่ี นกั เรียนต้องพง่ึ ครคู อื การตคี วามวชิ าเข้าสู่ชวี ิตจริง หรอื การประยกุ ต์ใช้ ความรู้ ในกระบวนการนน้ี กั เรยี นตอ้ งฝกึ ฝนลงมอื ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเอง โดย สว่ นใหญท่ ำ� เปน็ ทมี รว่ มกบั เพอื่ นและตอ้ งการครฝู กึ คอยชว่ ยแนะนำ� และ ให้ก�ำลังใจ ผมเพงิ่ อ่านหนังสอื เล่มนจ้ี บบทท่ี ๑ เท่านั้น รู้สกึ ต่นื เต้นทีผ่ ู้เขียน บอกตอนท้ายบทว่า การกลับทางการเรียน ไม่ใช่สูตรส�ำเร็จของวิธี การ แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีคิด (Mindset) เปล่ียนความสนใจ จากท่ีครู มาเป็นที่นักเรียน และที่การเรียนรู้ และครูที่กลับทางการเรียนรู้จัดการ เรยี นรแู้ ตกตา่ งกนั โดยทผ่ี เู้ ขยี นหนงั สอื ทงั้ สองทำ� งานดว้ ยกนั ปรกึ ษากนั แต่ชนั้ เรยี นของครทู งั้ สองก็ยงั แตกต่างกัน
ผมตคี วามวา่ ครทู งั้ สองคน้ พบการท�ำงานและเรยี นรแู้ บบ PLC Pro- fessional Learning Community) โดยไม่รู้ตัว และเกดิ ขึ้นเองโดยอตั โนมัติ เกิดผลของการเรียนรู้และสร้างสรรค์ท่ีมีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ จนทั้งสอง ท่านได้รับรางวัล ได้รบั เชิญไปเป็นวทิ ยากร และเขยี นหนงั สือเล่มน้ี ผมลองคน้ ใน YouTube ด้วยคำ� ว่า Flip Classroom Jona- than Bergman หรือด้วยคำ� ว่า Flip Classroom Aaron Sams ได้วดิ โี อใน YouTube เพ่อื ทำ� ความเข้าใจการกลบั ทางห้องเรียน มากมาย นอกจากนนั้ ยงั มคี ำ� อธบิ ายเรอ่ื ง Flip Teaching ท่ี http:// en.wikipedia.org/wiki/Flip_teaching ตอนนี้เรื่องการกลับทาง หอ้ งเรยี นก�ำลงั เป็นแฟช่นั ผมเคยบันทกึ เร่ืองนไี้ วท้ ่ี http://www. gotoknow.org/blogs/posts/496353 ๒๘ ส.ค. ๕๕ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/500445 ครเู พื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 23
๒ ห้องเรยี นกลบั ทางเป็นอย่างไร ? เวลาของครูจะใช้สำาหรบั มีปฏสิ ัมพันธส์ องทางกบั ศิษย์ ทำาให้เด็กทเี่ รียนชา้ หรอื หัวชา้ ได้รับการเอาใจใส่ ครูจะไมย่ ืนอยหู่ นา้ กระดานดำา ท่ีหน้าช้ันอกี ต่อไป แต่จะเดนิ ไปเดนิ มาในชน้ั เพอ่ื ช่วยเหลือลูกศิษย์ที่มีปญหา ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 25
หนงั สือ Flip Your Classroom : Reach Every Student in Every Class Every Day บทท่ี ๒ เล่าสง่ิ ทเี่ กดิ ข้ึนในห้องเรียนของ ผู้เขียนหนังสือท่านหน่ึงคือ Aaron Sams ในวิชาเคมีส�ำหรับ นกั เรยี น AP (โครงการเรยี นลว่ งหนา้ Advance Placement Program) เขาบอกว่าต้องฝึกวิธีดูวิดีโอท่ีบ้านอย่างได้ผลดีให้แก่เด็ก เร่ิมตั้งแต่แนะน�ำให้ขจัดสิ่งรบกวนสมาธิ ได้แก่ ปิดโทรศัพท์ ไอพ็อด ทีวี และตัวรบกวนอ่ืนๆ แนะน�ำให้เด็กรู้จักหยุดวิดีโอ หรอื ดบู างตอนซำ้� บอกเดก็ วา่ โดยการดวู ดิ โี อ เดก็ สามารถ “หยดุ ” และ “กรอกลบั ” ครไู ด้ แนะนำ� ใหก้ ดปมุ่ หยดุ เพอื่ จดบนั ทกึ ประเดน็ สำ� คญั หรือค�ำถาม แนะนำ� ให้ไปศึกษาวิธจี ดบนั ทกึ แบบ Cornell สำ� หรบั นำ� มาใชต้ อนกลางคนื นกั เรยี นทกุ คนไดด้ วู ดิ ที ศั นส์ าระวชิ า ทจี่ ะเรยี นในวันรุ่งขึ้น พร้อมทง้ั จดประเด็นส�ำคญั จดคำ� ถาม หรือ ส่วนทีไ่ ม่เข้าใจ ช้ันเรยี นในโรงเรยี นนใี้ ห้เวลาคาบละ ๙๕ นาที เริม่ ด้วยการใช้เวลาสัน้ ๆ ทบทวนวิดที ศั น์ และตอบคำ� ถาม ส่ิงท่ไี ม่เข้าใจ หลังดูวิดีทัศน์ ซ่ึงจะช่วยให้ครูได้แก้ไขความเข้าใจ ผิดของนักเรียนบางคนหรือถ้าเด็กท้ังช้ันเข้าใจผิดก็แสดงว่า วิดที ัศน์มขี ้อบกพร่องครูจะได้แก้ไข
หลงั จากนนั้ ครมู อบงานใหท้ �ำ โดยอาจเปน็ Lab, หรอื เปน็ กจิ กรรม ค้นคว้า, โครงงานหรือกิจกรรมแก้ปัญหา, หรือการทดสอบ ตามปกติ จะมเี วลาทำ� หลายกจิ กรรมข้างต้น เขายงั คงใหค้ ะแนนจากการทดสอบ เชน่ เดยี วกบั การสอนแบบเดมิ บทบาทของครูเปลย่ี นไปจากเดมิ อย่างสนิ้ เชงิ คือไม่ใช่ผู้ถ่ายทอด ความรู้ แตท่ ำ� บทบาทไปทางเปน็ ตวิ เตอร์ ซง่ึ ผมเรยี กวา่ เปน็ โคช้ หรอื เปน็ ผู้จุดประกาย โดยการต้ังค�ำถามยุแหย่ให้เด็กคิดสร้างความสนุกสนาน ในการเรยี น และเป็นผู้อำ� นวยความสะดวกในการเรยี น เวลาของครูจะใช้ส�ำหรบั มปี ฏิสมั พนั ธ์สองทางกบั ศิษย์ ท�ำให้เด็ก ที่เรียนช้าหรือหัวช้าได้รับการเอาใจใส่ ครูจะไม่ยืนอยู่หน้ากระดานด�ำ ทีห่ น้าช้ันอีกต่อไป แต่จะเดินไปเดินมาในชั้น เพ่อื ช่วยเหลือลกู ศิษย์ทีม่ ี ปัญหาการเรยี น กิจกรรมและเวลาท่ีใช้ เปรียบเทียบระหว่างห้องเรียน แบบเดิม กบั หอ้ งเรียนกลับทาง แสดงในตารางข้างลา่ ง ห้องเรียนแบบเดมิ ห้องเรียนกลับทาง กิจกรรม Warm-up ๕ นาที กจิ กรรม Warm-up ๕ นาที ทบทวนการบ้านของคนื กอ่ น ๒๐ นาที ถามตอบ เร่ืองวิดที ศั น์ ๑๐ นาที บรรยายเนอ้ื วิชาใหม่ ๓๐ – ๔๕ นาที กหจิรอืกรLรaมbเร๗ีย๕นรนทู้ าี่คทรีูมอบหมาย หรอื นกั เรยี นคิดเอง คกิจิดกเอรงรมหเรรอืยี นLรaทู้ bีค่ ๒รูม๐อ–บ๓ห๕มานยาหทรี ือนกั เรยี น ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 27
ในห้องเรียน ครู Aaron Sams จะเร่ิมเวลา ๗๕ นาที ส�ำหรับ ท�ำกิจกรรมเรียนรู้ด้วยตนเอง ในการแนะน�ำวิธีท�ำแบบฝึกหัด หรือ ท�ำร่วมกนั ๒-๓ ข้อ แล้วปล่อยให้นกั เรยี นท�ำเอง แนะนำ� วธิ ใี ช้คู่มือเฉลย ค�ำตอบแบบฝึกหัด เป็นต้น ครูจะเน้นช่วยให้นักเรียนเข้าใจหลักการ ไมใ่ ชท่ อ่ งจ�ำ หวั ใจคอื ครเู นน้ ท�ำหนา้ ทช่ี ว่ ยแนะน�ำการเรยี นของเดก็ ไมใ่ ช่ ท�ำหน้าท่ถี ่ายทอดความรู้ ครเู ปล่ียนจากบทบาทปฏิสัมพันธ์กบั นกั เรยี น ทง้ั ชนั้ เป็นมีปฏสิ มั พนั ธ์กับนกั เรยี นเป็นรายคน ๑ ก.ย. ๕๕ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/500809
๓ ทำาไมจงึ ควรกลับทางห้องเรียน ครูเพื่อศษิ ย์ต้องทำามากกวา่ การกลบั ทางหอ้ งเรียน ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 29
หนังสือ Flip Your Classroom : Reach Every Student in Every Class Every Day บทที่ ๓ บอกเหตุผลท่ีควรกลบั ทาง หอ้ งเรยี น หรอื อกี นยั หนง่ึ บอกวา่ การกลบั ทางหอ้ งเรยี นมผี ลอะไร บา้ ง พอจะสรุปได้ดงั น้ี • เพ่ือเปลี่ยนวิธีการสอนของครู จากบรรยายหน้าชั้น หรือเป็น ครสู อน ไปเป็นครฝู ึก ฝึกการท�ำแบบฝึกหัดหรือกิจกรรมอน่ื ในช้นั เรยี น ให้แก่ศิษย์เป็นรายคน หรอื อาจเรียกว่า เป็นครตู ิวเตอร์ • เพ่อื ใช้เทคโนโลยีการเรยี นทีเ่ ด็กสมยั ใหม่ชอบ คอื ไอซีที หรือ อาจเรียกว่าเป็นการน�ำโลกของโรงเรียนเข้าสู่โลกของนักเรียน คือ โลกดิจิตัล • ช่วยเด็กท่ีมีงานยุ่ง เด็กสมัยนี้ธุระมาก กิจกรรมมาก บางคน เป็นนกั กีฬาต้องขาดเรียนไปแข่งขนั แทบทุกคนมีงานเทศกาลท่ตี นต้อง เข้าไปช่วยจดั การ มีบทสอนด้วยวดิ ีทัศน์อยู่บนอินเทอร์เนต็ ช่วยให้เดก็ เหล่านเี้ รยี นไวล้ ่วงหน้า หรอื เรยี นตามชน้ั เรยี นไดง้ ่ายขนึ้ รวมทงั้ เป็นการ ฝึกเด็กให้รู้จกั จัดการเวลาของตน
• ช่วยเดก็ เรียนอ่อนท่ขี วนขวาย ในห้องเรยี นปกติ เด็กเหล่าน้ีจะ ถกู ทอดทง้ิ แต่ในห้องเรียนกลบั ทาง เด็กเหล่าน้จี ะได้รับความเอาใจใส่ ของครูมากท่ีสุด คือครูเอาใจใส่เด็กท่ีต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด โดยอัตโนมตั ิ • ช่วยเด็กที่มีความสามารถแตกต่างกันให้ก้าวหน้าในการเรียน ตามความสามารถของตน เพราะเด็กสามารถฟังวิดีทัศน์กี่รอบก็ได้ หยดุ ตรงไหนกไ็ ด้ กรอกลบั กไ็ ด้ ผเู้ ขยี นเลา่ วา่ เดก็ ทหี่ วั ไวมากๆ บางคนดู วดิ ที ศั น์บางบทเรียนด้วย Speed x2 ก็มี • ชว่ ยใหเ้ ดก็ สามารถหยดุ และกรอกลบั ครขู องตนได้ ท�ำใหเ้ ดก็ จดั เวลาเรียนตามที่ตนพอใจ เบอื่ ก็หยดุ พกั ได้ แบ่งเวลาดูวดิ ีทศั น์เป็นช่วงๆ ได้ เล่นสนุกด้วยการดวู ดิ ีทศั น์ความเรว็ x2 ก็ได้ • ช่วยให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับครูเพิ่มข้ึน ตรงกันข้ามกับ สิ่งที่เรียกว่าการเรียนแบบออนไลน์ การกลับทางห้องเรียน ยังคงเป็น การเรียนแบบนักเรียนมาโรงเรียน และนักเรียนสัมผัสครู ห้องเรียน กลับทางเป็นการใช้พลังท้ังของระบบออนไลน์ และระบบพบหน้า ช่วยเปลยี่ นหรอื เพมิ่ บทบาทของครู ให้เป็นทงั้ พี่เล้ยี ง (Mentor), เพ่ือน เพ่อื นบ้าน (Neighbor) และผู้เช่ยี วชาญ (Expert) • ชว่ ยใหค้ รรู จู้ กั นกั เรยี นดขี นึ้ หนา้ ทข่ี องครไู มใ่ ชเ่ พยี งชว่ ยใหศ้ ษิ ย์ ได้วิชาหรือเนื้อหา แต่ต้องกระตุ้นแรงบันดาลใจ (Inspire) ให้กำ� ลังใจ รับฟัง และช่วยส่งเสริมให้เด็กฝันถึงอนาคตของตน น่ันคือมิติของ ความสัมพันธ์ท่ีช่วยส่งเสริมพัฒนาการของศิษย์ ผู้เขียนเล่าว่า ประสบการณ์ของตนบอกว่าหลังกลับทางห้องเรียน ศิษย์ที่มีปัญหา ส่วนตวั กล้าปรกึ ษาครูผ่านทางช่องทางสื่อสารสมัยใหม่มากข้ึน ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 31
• ช่วยเพ่ิมปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพ่ือนนักเรียนกันเอง ข้อเขียนใน หนังสือ ในส่วนหัวข้อย่อยนี้ดีที่สุดส�ำหรับครูเพื่อศิษย์ และผมตีความ ว่า มีผลเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของนักเรียน จากเรียนเพื่อทำ� ตามค�ำสั่ง ครู หรือท�ำงานเพื่อให้เสร็จตามข้อก�ำหนด เป็นเรียนเพื่อตนเอง เพ่ือ การเรียนรู้ของตน ไม่ใช่เพ่ือคนอ่ืน มีผลให้เด็กเอาใจใส่การเรียน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนในห้องเรียน เก่ียวกับการเรียน จะเพิ่มข้ึน โดยอัตโนมัตินักเรียนที่เข้าใจ ท�ำแบบฝึกหัดได้ จะช่วยอธิบาย หรือ ช่วยเหลือเพ่อื น สร้างไมตรจี ติ ระหว่างกัน • ช่วยให้เหน็ คุณค่าของความแตกต่าง ซึ่งโดยธรรมชาติ เดก็ ใน ช้ันเรียนเดียวกันมีความแตกต่างกันมาก มีความถนัดและความชอบท่ี แตกต่างกัน การกลบั ทางชั้นเรยี นช่วยให้ครูเหน็ จุดแข็งและจดุ อ่อนของ นักเรียน แต่ละคน เพ่ือนนักเรียนด้วยกันก็เห็น และช่วยเหลือกันด้วย จดุ แขง็ ของแตล่ ะคน เนอื่ งจากครเู ดนิ ไปเดนิ มาทวั่ หอ้ ง ครจู ะสงั เกตเหน็ เดก็ ทก่ี ำ� ลงั พยายามดนิ้ รนชว่ ยตนเองในการเรยี น และสามารถเขา้ ไปชว่ ย เด็กท่ีไม่ถนัดเรื่องน้ันให้เอาใจใส่ เรียนเฉพาะส่วนที่จำ� เป็น ไม่ต้องท�ำ แบบฝึกหัดทั้งหมด คือไม่ต้องท�ำแบบฝึกหัดส่วนท่ีเป็นความรู้ก้าวหน้า หรอื ทา้ ทายมาก ซง่ึ เหมาะส�ำหรบั เดก็ ทมี่ คี วามสามารถพเิ ศษในวชิ านน้ั เท่าน้นั ช่วยให้นักเรียนทีอ่ ่อนในด้านนั้นไม่รู้สึกมปี มด้อย • เป็นการเปลี่ยนการจัดการห้องเรียน ผู้เขียนเล่าว่า ตนแปลก ใจมากท่ีปัญหาท่ีพบบ่อยในชั้นเรียนหายไปเอง ได้แก่ ปัญหาเด็ก เบื่อเรียน ก่อกวนชั้นเรียน หรือหลบไปน่ังใช้สมาร์ทโฟนแช็ทกับเพื่อน รวมทง้ั สง่ิ ไม่พงึ ประสงค์ในช้นั เรยี นอืน่ ๆ เน่ืองจากในห้องเรยี นกลบั ทาง นกั เรยี นเปน็ ผลู้ งมอื ปฏบิ ตั กิ าร ไมใ่ ชเ่ ปน็ ผรู้ บั ถา่ ยทอดอยา่ งในหอ้ งเรยี น แบบเดิม ไม่มีครูมายืนสอนปาวๆ หน้าช้ันให้น่าเบื่อหน่ายอีกต่อไป
แต่อย่าเข้าใจผิด ว่าเด็กเรียนอ่อนจะหมดไป ครูยังคงมีประเด็นท่ี ส�ำคัญกว่าในการจัดการชั้นเรยี นให้ครูได้ทำ� ซึง่ ผมตคี วามว่า ห้องเรยี น กลับทาง เปิดช่องให้ครูได้ท�ำหน้าท่ีส�ำคัญเชิงสร้างสรรค์ เพื่อ สร้างคุณภาพแก่ช้ันเรียน ให้นักเรียนได้เรียนรู้ดีท่ีสุดแก่ชีวิตในอนาคต การสร้างสรรค์นี้มไี ด้ไม่จ�ำกดั • เปลี่ยนค�ำสนทนากับพ่อแม่เด็ก จากถามว่าเด็กอยู่ในโอวาท ของครหู รอื ไม่ ไปเป็นถามว่าเด็กได้เรยี นรู้หรอื ไม่ หากเดก็ คนไหนไม่ได้ เรียนรู้เท่าทค่ี วร ผู้ปกครองและครจู ะร่วมกันช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างไร • ช่วยให้การศึกษาแก่พ่อแม่และคนในครอบครัว ผู้เขียนพบว่า พ่อแม่เด็กบางคนดูวิดีทัศน์ไปพร้อมกับลูก บางบ้านดูกันท้ังบ้านก็มี ท�ำให้ผู้ใหญ่ก็ได้เรียนวิชาน้ันไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในครอบครัว ทด่ี ้อยโอกาส • ช่วยให้เกิดความโปร่งใสในการจัดการศึกษา ผู้เขียนบอกว่า ในสหรัฐอเมริกามีปัญหา คนไม่ศรัทธาเชื่อมั่นในระบบการศึกษา การกลับทางห้องเรียนเอาค�ำสอนในวิดีทัศน์ไปไว้บนอินเทอร์เน็ต เป็น การเปิดเผยเนื้อหาสาระของการเรียนแก่สาธารณะ ใครๆ ก็เข้าไปดูได้ ผู้เขียนบอกว่าในสหรัฐอเมริกา โรงเรียนต้องแข่งขันกันดึงดูดนักเรียน มาเรียน ก่อนหน้าการกลับทางห้องเรียน โรงเรียนท่ีเขาสอน สูญเสียนักเรียนบางคนให้แก่โรงเรียนในละแวกใกล้เคียง หลงั จากกลับ ทางห้องเรียน นักเรียนเหล่านั้นกลับมา ผมตีความว่า เป็นการสร้าง ความเช่ือมั่นในคุณภาพของการเรียนการสอนให้แก่ผู้ปกครองน�ำไปสู่ การเรียนรู้แบบ Flipped-Mastery Approach ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 33
เหตุผลทผี่ ิด ในการดำ� เนนิ การกลบั ทางห้องเรียน • เพราะมีคนแนะนำ� ให้ท�ำ จงไตร่ตรองเองจนเห็นคุณค่าชัดเจน แล้วจึงทำ� อย่าเชือ่ ใครง่ายๆ • เพราะคิดว่าเป็นการท�ำให้เกิด “ห้องเรยี นแห่งศตวรรษท่ี ๒๑” การสร้างห้องเรียนแห่งศตวรรษที่ ๒๑ นั้น รูปแบบการเรียนรู้ต้องนำ� เทคโนโลยี ไม่ใช่ใช้เทคโนโลยเี ป็นตวั นำ� • เพอื่ แสดงความเปน็ ผนู้ ำ� ทางเทคโนโลยี จรงิ ๆ แลว้ การกลบั ทาง ห้องเรยี นไม่จำ� เป็นต้องใช้เทคโนโลยีน�ำสมยั • คดิ วา่ การกลบั ทางหอ้ งเรยี นเปน็ เครอ่ื งบอกวา่ ตนเปน็ ครทู ดี่ ี การ เป็นครูดีมมี ากกว่าสอนดี • คิดว่าการกลับทางห้องเรียนช่วยให้ชีวิตการเป็นครูง่ายข้ึน การกลบั ทางห้องเรยี นไม่ท�ำให้ชวี ติ ครูง่ายขึ้น สรุปว่าการกลับทางห้องเรียนเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งส�ำหรับ ช่วยใหศ้ ษิ ย์เกิดการเรยี นรู้ที่ดี ย้�ำคำ� ว่า “อยา่ งหนง่ึ ” เพราะการเรียนรู้ ที่ดียังมีปัจจัยอ่ืนๆ อีกหลากหลายประการ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า การเปน็ ครทู ี่ดีต้องท�ำมากกว่าการกลบั ทางหอ้ งเรียน ๒ ก.ย. ๕๕ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/500936
๔ วธิ ดี ำาเนนิ การกลับทางหอ้ งเรยี น ครตู อ้ งไมห่ ลงเขา้ ใจผดิ ว่า สว่ นสาำ คญั ทสี่ ดุ ในการเรียน แบบกลับทางหอ้ งเรียนอยู่ทีว่ ดิ ีทัศน์ ตรงกันข้ามเวลาสาำ คัญทีส่ ุด ของการเรียนแบบนี้ อยู่ทีเ่ วลาเรยี นในห้องเรยี น ครูจะต้องประเมินคุณค่าของเวลาช่วงน้ี และออกแบบแลว้ ปรบั ปรงุ แล้วเพื่อใหเ้ ปน็ เวลา ทีม่ ีคุณค่าต่อการเรยี นรสู้ งู สดุ ของเดก็ คอื เกิดการเรยี นรู้ในมติ ทิ ่ีลึกและเช่อื มโยง มากกว่าการเรียนแบบเดมิ ครเู พื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 35
หนังสือ Flip Your Classroom : Reach Every Student in Every Class Every Day บทท่ี ๔ บอกวิธดี �ำเนินการกลับทางห้องเรียน เร่ิมจากค�ำแนะน�ำว่า ก่อนจะคิดใช้วิดีทัศน์ในการเรียนท่ีบ้าน ของนักเรียน ให้ไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนว่าจะเป็นประโยชน์ อย่ากระโจนเข้าใส่เทคโนโลยีโดยไม่คิดให้รอบคอบ จะกลายเป็นใช้ เทคโนโลยีเพียงเพื่อให้ได้ชอ่ื ว่าเก่งเทคโนโลยี และเมื่อตัดสินใจใช้วิดีทัศน์ ก็ต้องคิดต่อว่าจะใช้ของคนอ่ืนท่ี มีอยู่แล้ว น�ำมาใช้ได้ หรือคิดจะทำ� ขึ้นใช้เอง ทั้ง ๒ แนวทางต่างก็มี ข้อดีข้อเสีย และแม้จะท�ำขึ้นใช้เอง ก็ควรส่งเสริมให้นักเรียนค้นทาง อินเทอร์เน็ต หาบทเรียนของครูคนอ่ืนมาศึกษาประกอบได้ด้วย คือ ไม่ควรห้ามนกั เรียนดวู ิดีทัศน์จากแหล่งอน่ื การท�ำวิดีทัศน์บทเรียนไม่ยากและไม่แพง โดยท่ีในหนังสือมี รายละเอียดทางเทคนิคมากผมจะสรุปมาเพียงย่อๆ ว่ามีซอฟท์แวร์
ส�ำเร็จรูป ทั้งท่ีเป็นฟรีแวร์ และท่ีมีขาย ส�ำหรับท�ำวิดีทัศน์จาก จอคอมพิวเตอร์ เรียกซอฟท์แวร์กลุ่มนี้ว่า Screen Casting Soft- ware โดยที่คอมพิวเตอร์ต้องมีกล้องวิดีโอ (เว็บแคม) และไมโครโฟน เครื่องมือจ�ำเป็นอีกตัวหนึ่งคือ USB Pen Tablet ส�ำหรับเขียนที่ จอคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้ชนิดราคาถูกก็ได้ ราคาประมาณ ๒ พันบาท อาจซื้อไมโครโฟนชนิดมีสายหรือไร้สายมาใช้ก็ได้ มีท้ังชนิดราคาไม่สูง และทค่ี ุณภาพเสียงดีราคาสูง เลอื กใช้ได้ตามความเหมาะสม การท�ำวิดีทัศน์ต้องมีการวางแผนบทเรียน แล้วจึงถ่ายท�ำ ตาม ด้วยการตกแต่งแก้ไข แล้วจึงนำ� วิดีทศั น์ออกเผยแพร่ให้นักเรียนเข้าดูได้ โดยอาจเอาข้ึนเว็บ YouTube หรืออาจต้อง burn DVD แจกนักเรียนท่ี ท่ีบ้านเข้าเน็ตไม่ได้ ในหนังสือบอกรายละเอียดมากมาย ท่ีผมคิดว่า ส�ำคัญทส่ี ดุ คือ วดิ ที ศั น์ต้องไม่ยาว คือควรยาวเพียง ๑๐ - ๑๕ นาที เท่าน้นั สำ� หรบั เดก็ ช้นั ประถมและมธั ยมต้น ผเู้ ขยี นทงั้ สองเตอื นวา่ ครตู ้องไม่หลงเข้าใจผดิ วา่ สว่ นสำ� คญั ทสี่ ดุ ในการเรยี นแบบกลบั ทางหอ้ งเรยี นอยทู่ วี่ ดิ ที ศั น์ ตรงกนั ขา้ ม เวลาส�ำคญั ท่ีสุดของการเรียนแบบนี้อยู่ที่เวลาเรียนในห้องเรียน ครูจะต้องประเมิน คุณค่าของเวลาช่วงนี้ และออกแบบแล้วปรบั ปรุงแล้ว เพอ่ื ให้เป็นเวลา ท่ีมีคุณค่าต่อการเรียนรู้สูงสุดของเด็กคือเกิดการเรียนรู้ในมิติที่ลึกและ เชอ่ื มโยง มากกว่าการเรียนแบบเดมิ เขายกเรอื่ งเลา่ ของครทู เี่ อาวธิ นี ไี้ ปใชส้ อนภาษาตา่ งประเทศ (ภาษา สเปน) โดยท�ำวิดีทัศน์สอนไวยากรณ์ และเริ่มต้นการสนทนา แล้วใช้ เวลาในหอ้ งเรยี นในการสนทนา อา่ นขอ้ เขยี น หรอื เขยี นเรยี งความ โดยท่ี ตลอดเวลาในห้องเรยี น ใช้ภาษาสเปนทง้ั หมด ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 37
ชั้นเรียนคณิตศาสตร์ เรียนทฤษฎีจากวิดีทัศน์ที่บ้าน แล้วเวลา ในชน้ั เรยี น “ทำ� Lab” ด้านวธิ คี ดิ เชงิ คำ� นวณ การตง้ั คำ� ถามเชงิ คำ� นวณ และความเช่ือมโยงระหว่างคณิตศาสตร์ กับ STE คือ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวศิ วกรรมศาสตร์ ซงึ่ ถอื เป็นกลุ่มวชิ าเดียวกันใน STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) หอ้ งเรยี นวทิ ยาศาสตร์ แบบกลับทาง ช่วยส่งเสริมการเรียนแบบ Inquiry-Based หรือเรยี นแบบ ตง้ั ขอ้ สงสยั หรอื ตงั้ คำ� ถาม รวมทง้ั การใชเ้ วลาในหอ้ งเรยี นกบั ภาคปฏบิ ตั ิ หรอื การทดลอง ในวชิ าเคมี เขาแนะน�ำ POGIL (Process Oriented Guided Inquiry Learning) ผู้เขียนบอกว่า หากใช้วิธีของ POGIL นักเรียนอาจ ไม่ต้องดูวิดีโอของครูกไ็ ด้ ห้องเรียนวิชาด้านสงั คมศาสตร์ ภาษา ศลิ ปะ และมนษุ ยศาสตร์ การเรยี นสาระหรอื เนอ้ื หาวชิ าจากวดิ ที ศั นท์ บี่ า้ น เปดิ โอกาสใหไ้ ดใ้ ชเ้ วลา ในห้องเรียนเช่ือมโยงทฤษฎีหรือความรู้เหล่าน้ันเข้ากับสถานการณ์จริง ของโลก หรอื สถานการณ์ในบ้านเมอื งหรอื ในชมุ ชนใกลต้ วั นกั เรยี นอาจ ได้ฝึกโต้วาที กล่าวสนุ ทรพจน์ หรือเขียนเรียงความ วิชาพละศึกษาเป็นวิชาที่ใช้วิธีกลับทางห้องเรียนแล้วครูและ นักเรียนชอบมากท่ีสุด เพราะมีเวลาให้นักเรียนฝึกปฏิบัติมากข้ึน และ ครูกช็ ่วยโค้ชให้นกั เรียนปฏิบตั ิได้ถกู วิธยี งิ่ ขึน้ กลับทางห้องเรียน ช่วยให้การเรียนรู้แบบ PBL (Project-Based Learning) ทำ� ได้สะดวกขน้ึ เพราะสามารถใช้เวลาในชั้นเรียนทำ� โครงงาน และครมู เี วลาช่วยแนะนำ� หรอื ทำ� หน้าที่ “คณุ อ�ำนวย” ได้มากข้ึน
ความก้าวหน้าอย่างหนึ่งของการกลับทางห้องเรียนคือ ใหน้ กั เรยี นนนั่ เองเปน็ ผสู้ รา้ งเนอ้ื หาสำ� หรบั ทำ� วดิ ที ศั น์ หรอื สำ� หรบั เอาไปลงในช่องทางการส่ือเนื้อหาต่างๆ เช่น ในบล็อก Podcast กระบวนการเช่นนีเ้ รียกวา่ Student-Created Content เทา่ กับเปน็ ชอ่ งทางใหน้ กั เรยี นสอนผอู้ นื่ ซงึ่ ถอื เปน็ ชอ่ งทางการเรยี นรทู้ ด่ี ที ส่ี ดุ ตามทร่ี ะบใุ น Learning Pyramid ๒ ก.ย. ๕๕ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/501659 ครเู พื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 39
๕ หอ้ งเรียนกลบั ทางและเรยี นใหร้ ูจ้ รงิ การเรียนแบบรจู้ รงิ ช่วยเพ่ิมผลสัมฤทธิ์ ของเดก็ เพิม่ ความรว่ มมอื ระหว่างนกั เรยี น เพม่ิ ความม่ันใจตนเองของนกั เรียน และชว่ ยใหโ้ อกาสนักเรยี น ไดแ้ กต้ ัวในการเรียนรู้ใหบ้ รรลุผลสัมฤทธิ์ หากพลาดในรอบแรก ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 41
หนงั สือ Flip Your Classroom : Reach Every Student in Every Class Every Day บทท่ี ๕ ช่ือ The Flipped–Mastery Classroom ซึ่งหมายความว่าเป็นห้องเรียนกลับทางที่นักเรียนได้เรียนรู้แบบสร้าง ความรู้ขึ้นในสมองของตน การเรยี นแบบรจู้ รงิ (Mastery Learning) เกดิ ขน้ึ มานานแลว้ คอื ประมาณ ๙๐ ปี แต่ไม่มีคนสนใจ รวมท้ังเป็นภาระแก่ครูมากเกินไป แต่ปัจจุบัน ไอซีที ช่วยให้การเรยี นแบบรู้จรงิ นที้ �ำได้โดยครไู ม่ต้องท�ำงานมากข้ึน มผี ลการวจิ ยั บอกว่า การเรยี นร้แู บบรจู้ รงิ จะช่วยให้เดก็ ประมาณ ร้อยละ ๘๐ สามารถเรยี นเนอ้ื หาสำ� คญั ได้ เทยี บกบั ร้อยละ ๒๐ เม่อื ใช้ วิธสี อนแบบทใี่ ช้กันอยู่ในปัจจุบัน หลักการส�ำคัญของการเรียนแบบรู้จริง คือ ให้นักเรียนได้เรียน รู้ตามวัตถุประสงค์ชุดหนึ่งตามอัตราเร็วของการเรียนรู้ของตน ไม่ใช่ ตอ้ งเรยี นตามอตั ราเรว็ ทค่ี รหู รอื ชน้ั เรยี นกำ� หนด การเรยี นแบบนี้ นกั เรยี น ต้องเรียนวัตถุประสงค์ไล่ตามลำ� ดับพ้ืนความรู้ก่อนหลัง คือต้องเข้าใจ พ้ืนความรู้ชุดที่ ๑ เสียก่อน จึงจะสามารถเรียนรู้และเข้าใจบทเรียน ท่ี ๒ ได้ ลักษณะส�ำคัญของการเรยี นแบบรูจ้ รงิ คอื • นกั เรียนเรียนเป็นกลุ่ม หรอื เดี่ยวๆ ตามอัตราเร็วทีเ่ หมาะสม • ครูคอยประเมินการเรียนรู้ (Formative Assessment) และวัด ความเข้าใจ ของศิษย์
• นกั เรยี นพสิ จู น์ว่าตนเรียนรู้วัตถปุ ระสงค์น้นั เข้าใจอย่างแท้จริง โดยสอบผา่ นขอ้ สอบ (Summative Assessment) นกั เรยี นทย่ี งั สอบไมผ่ า่ น วัตถุประสงค์ข้อใด ได้รับการช่วยเหลอื ผลการวจิ ยั บอกวา่ การเรยี นแบบรจู้ รงิ ชว่ ยเพมิ่ ผลสมั ฤทธขิ์ องเดก็ เพิ่มความร่วมมือระหว่างนักเรียน เพิ่มความม่ันใจตนเองของนักเรียน และช่วยให้โอกาสนักเรียนได้แก้ตัวในการเรียนรู้ให้บรรลุผลสัมฤทธ์ิ หากพลาดในรอบแรก อ่านถงึ ตอนน้ี ผมคดิ ว่า นี่คอื ทีม่ าของหลักการศกึ ษาแบบไม่มีการ สอบตก คือนักเรียนต้องได้รับโอกาสให้เรียนและสอบแก้ตัว จนบรรลุ ผลสมั ฤทธ์จิ ริงๆ เมื่อเรียนแบบรู้จริงในชั้นต้นๆ พ้ืนความรู้ก็แข็งพอที่จะขึ้นไป เรียนช้ันสูงข้ึนไปได้โดยไม่ยากล�ำบาก เพราะมีวิดีทัศน์ให้ดูเองกี่รอบ ก็ได้ หยุดบันทึกช่วยความเข้าใจก็ได้ ถอยหลังกลับไปดูบางตอนใหม่ กไ็ ด้ นกั เรียนจึงสามารถเรียนวชิ าหรือทฤษฎีจนเข้าใจ หากยังไม่เข้าใจ แจม่ แจง้ กย็ งั มชี ว่ั โมงเรยี นในชน้ั เรยี นใหฝ้ กึ ทำ� แบบฝกึ หดั โดยมเี พอ่ื นและ ครูคอยช่วยเหลือ ห้องเรียนแบบกลับทาง จึงช่วยให้การเรียนแบบรู้จริงไม่ใช่ เร่อื งยากอกี ต่อไป เทคโนโลยีคลังข้อสอบ และการสอบโดยใช้ไอซีทีเป็นเคร่ืองมือ ช่วยให้เด็กสามารถทดสอบความเข้าใจของตนเองก่ีคร้ังก็ได้ สอบแตล่ ะครงั้ ขอ้ สอบตา่ งกนั ทง้ั Formative Assessment และ Summative Assessment จงึ ไม่เป็นภาระหนักของนกั เรยี นและครูอีกต่อไป 43 ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง
ห้องเรียนกลับทางและเรียนให้รู้จริง (Flipped-Mastery Classroom) เปน็ อย่างไร เป็นการน�ำเอาวิธีการสองอย่างมาใช้ร่วมกันโดยน�ำเทคโนโลยี สมยั ใหมเ่ ขา้ ชว่ ยสรา้ งบรรยากาศของการเรยี นรทู้ น่ี กั เรยี นรจู้ รงิ มลี กั ษณะ เป็นห้องเรียนทนี่ กั เรียนแต่ละคน (หรอื แต่ละกลุ่ม) เรียนบทเรยี นของตน ที่ไม่ตรงกับของคน (หรือกลุ่ม) อื่น แต่ละคน (กลุ่ม) ง่วนอยู่กับกจิ กรรม ของตน นกั เรียนท�ำกิจกรรม เพ่อื การเรียนรู้ของตน ครูเดนิ ไปรอบๆ ห้อง เพอื่ ตรวจสอบการเรยี นรขู้ องศษิ ยแ์ ตล่ ะคน (กลมุ่ ) และคอยชว่ ยเชยี รห์ รอื ให้ก�ำลงั ใจ หรือช่วยตั้งคำ� ถาม หรอื แนะวิธีช่วยตวั เองให้แก่ศิษย์ นักเรียนจะหาวิธีแสดงให้ครูเห็นว่าตนเข้าใจวัตถุประสงค์ของ การเรยี นรขู้ นั้ ตอนนนั้ โดยอาจไมใ่ ชก่ ารตอบขอ้ สอบทมี่ อี ยใู่ นคอมพวิ เตอรก์ ไ็ ด้ ในขณะท่ีห้องเรียนแบบเดิมจะมีลักษณะเป็นระเบียบเรียบร้อย นกั เรยี นทกุ คนทำ� กจิ กรรมเดยี วกนั ทำ� พร้อมกนั หอ้ งเรยี นแบบกลบั ทาง และเรยี นใหร้ จู้ รงิ มลี กั ษณะไมเ่ ปน็ ระเบยี บ นกั เรยี นท�ำกจิ กรรมทตี่ า่ งกนั เรียนไม่พร้อมกนั แต่ละคนมอี ัตราเร็วของการเรียนตามท่เี หมาะกับตน ครตู ้องรู้เน้อื หาวชิ าอยา่ งรูจ้ ริง หอ้ งเรยี นแบบกลบั ทางและเรยี นแบบรจู้ รงิ นี้ ครตู อ้ งมคี วามสามารถ เปล่ียนสวิตช์สมองจากเร่ืองหน่ึงไปสู่อีกเรื่องหน่ึงได้ทันท่วงที รวมท้ัง ต้องเข้าใจความเชอ่ื มระหว่างสาระวชิ า ครูตอ้ งไม่อายท่จี ะสารภาพกับเด็กวา่ ตนไม่รใู้ นบางเร่ือง นน่ั คอื ครูต้องทำ� ตัวเป็น “ผู้เรียนรู้” มากกว่าเป็น “ผู้รอบรู้”
องคป์ ระกอบของหอ้ งเรยี นกลบั ทางและเรยี นให้ร้จู ริง • ก�ำหนดวตั ถปุ ระสงค์ของการเรียนรู้ให้ชดั เจน • ไตร่ตรองว่าวัตถุประสงค์ส่วนไหนควรเรียนแบบลงมือทำ� หรือ Inquiry • ส่วนไหนควรเรียนแบบรับถ่ายทอด • ให้แน่ใจว่านักเรยี นเข้าถึงวิดีทัศน์เพอื่ เรยี นสาระวิชา • สร้างกิจกรรมให้นกั เรียนลงมือทำ� เพื่อเรยี นรู้ในช้ันเรยี น • สรา้ งวธิ สี อบหลายวธิ เี พอ่ื พสิ จู นว์ า่ นกั เรยี นบรรลผุ ลสมั ฤทธต์ิ าม วัตถุประสงค์ ในแต่ละบทเรยี น ๑๑ ก.ย. ๕๕ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/501941 ครเู พื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 45
๖ ลกั ษณะของหอ้ งเรยี นกลับทางและเรยี นให้รู้จริง ในหอ้ งเรยี นแบบเดิม นักเรยี นนั่งฟง รับคาำ สงั่ และรบั ถา่ ยทอด แลว้ ตอบข้อสอบเพอื่ พิสูจนว์ ่าตนไดเ้ รยี นรู้ สภาพเชน่ น้ไี ดผ้ ลต่อเดก็ สว่ นนอ้ ย เดก็ อกี จำานวนหนึ่งหมดความสนใจ และหลุดไปจากกระบวนการเรยี นรู้ แต่ในห้องเรยี นแบบกลบั ทาง และเรียนให้รจู้ รงิ นักเรียนรับผดิ ชอบ ตอ่ การเรยี นของตนเอง การเรยี นไมใ่ ช่ส่ิงที่กระทำาตอ่ นักเรยี น แต่กลายเป็นสงิ่ ที่นกั เรยี นเปน็ เจา้ ของ เป็นผกู้ ระทาำ และจะเปน็ ทกั ษะท่ีตดิ ตัวตลอดไป ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 47
หนงั สอื Flip Your Classroom : Reach Every Student in Every Class Every Day บทที่ ๖ ช่ือ The Case for the Flipped–Mastery Model เป็นการน�ำมิติของผลต่อนักเรียน หลากหลายด้านมาเสนอ เพื่อให้เห็นว่าห้องเรียนกลับทาง และเรียนให้รู้จริง ได้เปลี่ยนสภาพของห้องเรียนไปโดยส้ินเชิง รวมทง้ั ท�ำใหเ้ ปล่ยี นกระบวนทศั นด์ ้านการศกึ ษาดว้ ย สอนใหน้ กั เรียนรับผดิ ชอบการเรียนของตนเอง เมอ่ื ใชห้ อ้ งเรยี นกลบั ทางและเรยี นใหร้ จู้ รงิ บรรยากาศในหอ้ งเรยี น เปลีย่ นไป ชีวิตครูเปลย่ี นไป และพฤตกิ รรมของเด็กก็เปลยี่ นไป ในหอ้ งเรยี นแบบเดมิ นกั เรยี นนง่ั ฟงั รบั คำ� สงั่ และรบั ถา่ ยทอด แลว้ ตอบขอ้ สอบเพอ่ื พสิ จู นว์ า่ ตนไดเ้ รยี นรู้ สภาพเชน่ นไ้ี ดผ้ ลตอ่ เดก็ สว่ นนอ้ ย เดก็ อีกจ�ำนวนหนง่ึ หมดความสนใจ และหลดุ ไปจากกระบวนการเรียนรู้ แต่ในห้องเรียนแบบกลับทางและเรียนให้รู้จริง นักเรียน รบั ผดิ ชอบต่อการเรยี นของตนเอง การเรยี นไมใ่ ชส่ ง่ิ ทกี่ ระท�ำต่อนกั เรยี น แต่กลายเป็นสิ่งที่นักเรียนเป็นเจ้าของ เป็นผู้กระท�ำ และจะเป็นทักษะ ทีต่ ดิ ตวั ตลอดไป
เมื่อกลับทางห้องเรียนในช่วงแรก เด็กอาจไม่คุ้น และอาจ ตอ่ ตา้ น แตเ่ มอื่ ไประยะหนง่ึ เดก็ จะเหน็ คณุ คา่ และจะเปลย่ี นเปน็ เจา้ ของ การเรียนรู้ของตนอย่างขมีขมนั ท�ำให้หอ้ งเรียนเตม็ ไปดว้ ยกิจกรรมที่หลากหลาย เม่อื ผู้เขยี นทง้ั สองเร่ิมห้องเรยี นกลบั ทางและเรียนให้รู้จริง ทั้งสอง ไมร่ วู้ า่ จะเกดิ อะไรขนึ้ และเมอื่ ดำ� เนนิ การ จงึ พบวา่ เปน็ วธิ ที ำ� ใหก้ ารเรยี น เป็นกิจกรรมเฉพาะตัวของเด็กแต่ละคน ที่มีกิจกรรมเรียนรู้แตกต่างกัน ในห้องเรียนเดียวกันเวลาเดียวกัน และเด็กแต่ละคนเรียนด้วยอัตราเร็ว ทีแ่ ตกต่างกนั และครูกด็ แู ลเดก็ ด้วยมาตรฐานท่แี ตกต่างกนั ได้ การเรยี นรเู้ ปน็ ศนู ย์กลางของหอ้ งเรียน ในหอ้ งเรยี นแบบเกา่ ครเู ปน็ จดุ สนใจของหอ้ งเรยี น แตใ่ นหอ้ งเรยี น กลับทางและเรียนให้รู้จริง จุดสนใจอยู่ที่สิ่งท่ีนักเรียนได้เรียนรู้ หรือยัง ไม่รู้ ในห้องเรียนแบบน้นี ักเรยี นมาเข้าห้องเรียนพร้อมกับเป้าหมายของ การเรียนรู้ ครูเป็นผู้จัดส่ิงของห้องเรียนและส่ิงอ�ำนวยความสะดวก ต่อการเรียน รวมทงั้ ช่วยแนะน�ำให้นกั เรียนวางแผนการเรยี นรู้ของตน ห้องเรียนเปลี่ยนจากท่ีรับถ่ายทอด (ความรู้) มาเป็นท่ีพูดคุย แลกเปลี่ยน เพอื่ การเรียนรู้ และเพอ่ื แสดงว่าตนได้เรียนรู้ตามวตั ถุประสงค์ อย่างรู้จริง นักเรยี นอยู่ในสภาพเป็นเจ้าของกระบวนการเรยี นรู้ ไม่ใช่เพยี ง ผู้รับถ่ายทอดสาระ ผู้เขียนทั้งสองเปลี่ยนชื่อห้องเรียน (Classroom) เป็นพื้นที่ส�ำหรับ การเรยี นรู้ (Learning Space) ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 49
การเรียนรู้แบบกลับทางและเรียนให้รู้จริงให้บริการ Feed- back แกเ่ ด็กในทันทแี ละลดเอกสารที่ครตู อ้ งทำ� การประเมนิ อย่างไม่เป็นทางการ เพื่อ Feedback แก่เด็กในทันที ที่เด็กทำ� กจิ กรรมในห้องเรยี น ช่วยให้เด็กได้รู้ความก้าวหน้าในการเรียน ของตนทนั ที และครูก็ไม่ต้องตรวจการบ้านกองโต นักเรียนจะเอาชิ้นผลงานมาคุยกับครู เก่ียวกับวัตถุประสงค์และ ประเดน็ หลกั ของการเรยี น ครจู ะตรวจสอบความเขา้ ใจ และความเขา้ ใจ ผดิ ของเดก็ ไปพร้อมๆ กัน ครใู ห้คะแนนได้ในชัว่ โมงเรียน และสามารถ ปรึกษาหรือวางแผนการเรียนท่ีจ�ำเป็นขั้นต่อไปเพ่ือช่วยให้เข้าใจชัดข้ึน หรอื เพอ่ื ขจดั ความเข้าใจผิด เดก็ ทเ่ี ข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว และแสดงความ หัวไวในเรื่องน้ัน ครูก็สามารถพูดคุยเพื่อร่วมกันวางแผนการเรียน ขั้นต่อไป เพื่อให้ท้าทายยิ่งขึ้น เข้าใจได้ลึกและมีมุมมองท่ีกว้างและ เช่อื มโยงย่ิงขึน้ มีคอมพิวเตอร์ทดสอบความเข้าใจบทเรียนให้นักเรียนสอบเอง แล้วได้รับคะแนนสอบในทันที นักเรียนกับครูสามารถทบทวนค�ำตอบ ร่วมกันเพ่ือท�ำความเข้าใจ ครูจะเห็นประเด็นท่ีนักเรียนมีความเข้าใจ ผิดซ้�ำๆ กันหลายคน และน�ำมาปรับปรุงบทเรียนของตนได้ และ น�ำมาใช้ออกแบบการเรียนซ่อมได้ จุดส�ำคัญของวิธีการเรียนแบบใหม่ คือ นักเรียนจะมีความรู้เร่ืองน้ันถูกต้องและเพียงพอส�ำหรับเป็นพ้ืน ความรู้สู่บทเรียนต่อไป การเรยี นแบบรจู้ รงิ ช่วยให้นกั เรยี นมีโอกาสไดเ้ รียนเสรมิ ในชั้นเรียนตามปกติ มีนักเรียนบางคนไม่ผ่านการทดสอบใน รอบแรก ซ่ึงหากเป็นชั้นเรียนตามปกติ การสอนก็ด�ำเนินต่อไป และ นกั เรยี นทีเ่ รยี นไม่ทันกจ็ ะค่อยๆ ล้าหลังยิง่ ขนึ้ ๆ จนเบอ่ื เรยี น
แต่ในห้องเรียนแบบรู้จริง นักเรียนจะเรียนเร่ืองเดิมใหม่ จนกว่า จะรู้จริง และครูก็จะรู้ว่าจะต้องช่วยเหลือนักเรียนคนใด ในเร่ืองใด คือครูเอาใจใส่นักเรียนเป็นรายคน เมื่อนักเรียนท่ีเรียนอ่อนเหล่านี้ ได้แก้ความเข้าใจผิดของตน ก็จะสามารถเรียนบทเรียนต่อไปได้ คล่องแคล่วขึ้น การเรียนแบบรู้จริงเปิดช่องให้นักเรียนเรียนรู้สาระด้วย หลากหลายวธิ ี ผู้เขยี นได้ลองใช้ทฤษฎี UDL (Universal Design for Learning) ใน การจัดการเรียนรู้ เพ่ือเปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกเรียนด้วยวิธีที่ตนถนัด ท่ีสุด เช่น บางคนชอบเรียนจากวิดีทัศน์ บางคนชอบเรียนจากต�ำรา เรียน บางคนชอบค้นจากอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ครูก็ส่งเสริม ท�ำให้ เด็กรู้สึกมีอิสระ และรู้สึกว่าการเรียนเป็นเร่ืองของตนเองเป็น ความรบั ผดิ ชอบของตนเอง การเปดิ อสิ ระใหเ้ ดก็ ไดเ้ ลอื กวธิ เี รยี นนี้ ช่วยให้เดก็ ค้นพบวธิ เี รยี นที่ ให้ผลดที ่ีสุดต่อตนเอง คือได้ฝึกทักษะการเรียนรู้น่นั เอง เม่ือเปิดอิสระเช่นน้ี นักเรียนจะทดลองวิธีการต่างๆ หลากหลาย แบบ บางคนชอบเรียนไปก่อนล่วงหน้า บางคนชอบท�ำแบบฝึกหัด บางคนชอบท�ำแลบ กไ็ ด้เรียนตามแบบท่ตี นชอบ การเรียนแบบรู้จริงเปิดช่องให้นักเรียนแสดงภูมิรู้ได้ หลากหลายแบบ การสอบแบบเดิมก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่วิธีการทดสอบภูมิรู้ ท่ีเหมาะต่อนักเรียนทุกคนอย่างเท่าเทียมกนั นักเรียนบางคนอาจแสดง ความรู้ความเข้าใจได้ดีโดยการตอบข้อสอบตามปกติ แต่บางคนอาจ ครเู พื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับทาง 51
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119