Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 8

หน่วยที่ 8

Published by pond_moku, 2021-07-16 05:57:13

Description: หน่วยที่ 8

Search

Read the Text Version

หนว่ ยที่ 8 ตัวตา้ นทาน 8.1 ความต้านทานในวตั ถุ สิงตา่ งๆ ทุกชนิดทีกาํ เนิดขึนบนโลก ไม่วา่ เป็นของแขง็ ของเหลว วตั ถุ ธาตุ รวมถึงสิง มีชีวติ ทงั หมดจะ มีคา่ ความตา้ นทาน (Resistance) ประกอบร่วมอยดู่ ว้ ยเสมอ ความหมายของคาํ วา่ ความตา้ นทาน คอื แรงตา้ นจาก วตั ถุตา่ งๆ ทาํ หนา้ ทีตา้ นการไหลของกระแสใหผ้ า่ นไปไดม้ ากหรือนอ้ ย ความตา้ นทานนีมีผลต่อการทาํ งานของ อปุ กรณ์ไฟฟ้า เครืองใชไ้ ฟฟ้า และระบบการทาํ งานของวงจรทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ทงั หมด ช่วยทาํ ให้ ระบบการทาํ งานต่างๆ มคี วามถูกตอ้ งสมบูรณ์ตามตอ้ งการ ในวตั ถตุ ่างชนิดกนั ค่าความตา้ นทานทีเกิดขึนภายในวตั ถุเหล่านนั จะแตกต่างกนั ไป วตั ถุบางชนิดมีความ ตา้ นทานตาํ มกั ถูกเรียกวา่ ตวั นาํ (Conductor) วตั ถุบางชนิดมีความตา้ นทานสูงมกั ถูกเรียกว่า ฉนวน (Insulator) เมือนาํ วตั ถุต่างชนิดกนั มาเปรียบเทียบค่าความตา้ นทานกนั จะพบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมาก แสดงไดด้ ัง ตารางที . ตารางท่ี 8.1 เปรียบเทียบคา่ ความตา้ นทานของวตั ถุตา่ งชนิดกนั ช่อื วัตถุ ความตา้ นทาน (โอหม์ – เซนติเมตร ท่ี 20C) เงิน ทองแดง 1.6 x 10-6 อะลูมเิ นียม 1.7 x 10-6 คาร์บอน 2.8 x 10-6 เจอร์เมเนียม 4 x 10-3 ซิลิคอน 65 แกว้ 55 x 103 ยาง 17 x 1012 1018 จากการทีความตา้ นทานมีความสําคญั และมีบทบาทต่อการทาํ งานในวงจรไฟฟ้า และอิเลก็ ทรอนิกส์ ทาํ ให้มีการผลิตตวั ตา้ นทาน (Resistor) ขึนมาใชง้ านอยา่ งแพร่หลาย ตวั ตา้ นทานทีผลิตขึนมานีมีค่าความตา้ นทาน ทีแตกต่างกนั หลากหลายค่าใช้งาน ช่วยอาํ นวยความสะดวกต่อการนาํ ไปใช้งาน หนา้ ทีของตวั ตา้ นทานใน วงจรไฟฟ้าและวงจรอิเลก็ ทรอนิกส์ คือ จาํ กดั การไหลของกระแสในวงจร กาํ หนดระดบั แรงดนั ทีตอ้ งการใชง้ าน

ในวงจร และทาํ ให้เกิดกาํ ลงั ไฟฟ้าขึนมาตามตอ้ งการ รูปร่างลกั ษณะของตวั ตา้ นทานแบบต่างๆ แสดงดงั รูปที 8.1 (ก) แบบคา่ คงที (ข) แบบปรบั คา่ ได้ รูปที่ 8.1 รูปร่างลกั ษณะของตวั ตา้ นทานแบบต่างๆ 8.2 ตัวต้านทานตามประเภทวสั ดุทใี่ ช้ ตวั ตา้ นทานทีผลิตมาใช้งานมีมากมายหลายประเภท หลายชนิด หลายรูปแบบ และหลายโครงสร้าง เพือ ความสะดวกและเกิดความเหมาะสมกบั การนาํ ไปใชง้ าน เมือแบ่งตามวสั ดุทีใช้ในการผลิตมี ประเภท คือ ประเภทโลหะ (Metallic Type) และประเภทอโลหะ (Non - Metallic Type) 8.2.1 ตัวตา้ นทานประเภทโลหะ โลหะทีนํามาใช้ในการผลิตตวั ตา้ นทานมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น นิกเกิล สังกะสี แคดเมียม ทองแดง โครเมียม และแมงกานีส เป็นตน้ หรือจากส่วนผสมของโลหะเหล่านี สร้างขนึ มาในรูปเสน้ ลวด (Wire) และแถบลวด (Ribbon) นําไปพนั รอบแกนเซรามิก (Ceramic Core) ต่อปลายลวดทงั สองเขา้ กับขาโลหะตัว ตา้ นทาน ลกั ษณะการผลิตตวั ตา้ นทานประเภทโลหะ แบ่งออกไดห้ ลายชนิด ดงั นี ตวั ตา้ นทานชนิดลวดพนั หรือ ตวั ตา้ นทานชนิดไวร์วาวด์ (Wire Wound Resistor) ตัวตา้ นทานชนิดฟิ ล์มโลหะ (Metal Film Resistor) และตัว ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ สนิมโลหะ (Metal Oxide Film Resistor) 1. ตัวต้านทานชนิดลวดพัน เป็ นตวั ตา้ นทานทีใชล้ วดโลหะผสมพนั บนแกนเซรามิก ผิวดา้ น นอกเคลือบดว้ ยฉนวนอีกชนั หนึง อาจผลิตขึนมาเป็นแท่งทรงกระบอกยาว หรือเป็นแบบท่อนกลม การต่อขา ออกมาใชง้ านมีตงั แต่ ขาขึนไป ลกั ษณะตวั ตา้ นทานแบบลวดพนั แสดงดงั รูปที .

(ก) แบบทรงกระบอก (ข) แบบท่อนกลม รปู ท่ี 8.2 ตวั ตา้ นทานแบบลวดพนั ค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานแบบลวดพนั นี ขึนอยกู่ บั ขนาดของเสน้ ลวดทีใช้พนั ไว้ ถา้ ใช้ เส้นลวดเส้นใหญ่ความตา้ นทานมีค่าตาํ ถา้ ใชล้ วดเส้นเล็กความตา้ นทานมีค่าสูงขึน และขึนอยกู่ บั ความยาวของ เส้นลวดทีพนั ไว้ ถา้ ลวดมีความยาวน้อยความตา้ นทานมีค่าตาํ ถา้ ลวดมีความยาวมากขึนความตา้ นทานมีค่า สูงขึน ขอ้ ดีของตวั ตา้ นทานชนิดนี คือ สามารถสร้างให้มีค่าทนกาํ ลงั ไฟฟ้า (วตั ต์) ไดส้ ูงมากขึนจนถึง เป็นพนั วตั ตข์ นึ ไป ค่าความตา้ นทานมีความคงทีดีต่ออณุ หภมู ิทีเปลียนแปลง และเกิดความคลาดเคลือนตาํ 2. ตัวต้านทานชนิดฟิล์มโลหะ เป็นตวั ตา้ นทานประเภทโลหะอีกชนิดหนึงทีปัจจุบนั นิยมผลิต ขึนมาใช้งาน เป็ นตวั ตา้ นทานทีมีขนาดการทนกาํ ลงั ไฟฟ้าตาํ โครงสร้างของตวั ตา้ นทานชนิดนีประกอบดว้ ย แกนเซรามิกทรงกระบอกขนาดต่างๆ ใชโ้ ลหะจาํ พวกพวกนิกเกิล (Nickel) หรือโครเมียม (Chromium) แผ่นบางๆ ในรูปของฟิ ลม์ โลหะเคลือบทีผิวเซรามิก โดยทาํ การเคลือบในสุญญากาศ และส่งไปผา่ นความร้อนสูงทาํ ให้เกิด การยึดเกาะแน่น นําไปตดั ให้เป็ นเกลียวพนั รอบแกนแบบต่อเนืองจากปลายดา้ นหนึงไปยงั ปลายอีกดา้ นหนึง และมีฝาครอบโลหะครอบฟิ ลม์ โลหะทีปลายทงั สองดา้ นต่อออกมาเป็ นขาตวั ตา้ นทาน ลกั ษณะตวั ตา้ นทานชนิด ฟิ ลม์ โลหะ แสดงดงั รูปที . รูปที่ 8.3 ตวั ตา้ นทานชนิดฟิลม์ โลหะ รูปที่ 8.4 ตวั ตา้ นทานชนิดฟิลม์ สนิมโลหะ

3. ตวั ต้านทานชนดิ ฟลิ ม์ สนมิ โลหะ เป็นตวั ตา้ นทานประเภทโลหะ ทีใชส้ นิมโลหะมาผลิตเป็น ตัวต้านทานแทนโลหะ ปัจจุบันนิยมผลิตขึนมาใช้งานเป็ นประเภทตัวต้านทานขนาดทนกาํ ลังไฟฟ้าตํา โครงสร้างของตวั ตา้ นทานชนิดนีประกอบด้วยแกนเซรามิกทรงกระบอกขนาดต่างๆ ใช้ดีบุกคลอไรด์ (Tin Chloride) พ่นเคลือบทีผิวเซรามิกโดยรอบในรูปของฟิ ลม์ ในสุญญากาศ และส่งไปผา่ นความร้อนสูง จะไดฟ้ ิ ลม์ สนิมดีบุก (Tin Oxide Film) ออกมา นาํ ไปตดั ให้เป็นเกลียวพนั รอบแกนแบบต่อเนืองจากปลายดา้ นหนึงไปยงั ปลายอีกดา้ นหนึง และมีฝาครอบโลหะครอบฟิ ลม์ สนิมโลหะทีปลายทงั สองด้านต่อออกมาเป็นขาตวั ตา้ นทาน ลกั ษณะตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ สนิมโลหะ แสดงดงั รูปที . 8.2.2 ตวั ต้านทานประเภทอโลหะ ตวั ตา้ นทานประเภทอโลหะ เป็นตวั ตา้ นทานทีผลิตขึนมาจากวสั ดุทีไม่ใช่โลหะ วสั ดุอโลหะที นิยมนาํ มาใชผ้ ลิตตวั ตา้ นทาน ไดแ้ ก่ คาร์บอน (Carbon) โดยอยใู่ นรูปผงคาร์บอน เมือตอ้ งการผลิตตวั ตา้ นทานก็ นาํ ไปผสมรวมกบั วสั ดุฉนวนกบั กาวอดั ให้แน่น ลกั ษณะการผลิตตวั ตา้ นทานประเภทอโลหะ แบง่ ออกได้ 2 ชนิด ดงั นี ตวั ตา้ นทานชนิดคาร์บอน (Carbon Resistor) และตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ คาร์บอน (Carbon Film Resistor) 1. ตัวต้านทานชนิดคาร์บอน เป็ นตวั ตา้ นทานทีผลิตขึนมาใชง้ านในสมยั เริม แรก และถูกใช้ งานเรือยมา ในปัจจุบนั ตวั ตา้ นทานชนิดนีมีการผลิตมาใชง้ านลดลง การผลิตโดยนาํ ผงคาร์บอนผสมกบั กาวและ วสั ดุพวกฉนวน อัดรวมกันให้แน่นเป็ นทรงกระบอก ต่อขาตัวนําออกทีปลายทังสองด้านของคาร์บอน ทรงกระบอก และเคลือบปิ ดผิวดา้ นนอกดว้ ยฉนวนอีกชนั หนึง ค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานชนิดนี ขึนอยู่กบั ความหนาแน่นของผงคาร์บอนทีอดั ขึนรูป ความหนาแน่นเปลียนแปลงทาํ ให้ความต้านทานเปลียนแปลงตามไปด้วย ถ้าความหนาแน่นน้อยค่าความ ตา้ นทานตาํ และความหนาแน่นมากค่าความตา้ นทานสูง ขอ้ เสียของตวั ตา้ นทานชนิดนี คือมีค่าความผดิ พลาด ของความตา้ นทานสูง อุณหภูมิมีผลต่อความตา้ นทานมาก และนาํ ไปใชง้ านไดใ้ นยา่ นความถีตาํ เท่านนั ลกั ษณะตวั ตา้ นทานชนิดคาร์บอน แสดงดงั รูปที . รปู ท่ี 8.5 ตวั ตา้ นทานชนิดคาร์บอน รูปท่ี 8.6 ตวั ตา้ นทานชนิดฟิลม์ คาร์บอน

2. ตัวต้านทานชนิดฟิล์มคาร์บอน เป็ นตวั ตา้ นทานชนิดคาร์บอนอีกแบบหนึงเป็ นชนิดทีผลิต ขึนมาใชง้ านอยา่ งแพร่หลายในปัจจุบนั มากกวา่ ชนิดคาร์บอนแบบเดิม การผลิตทาํ ไดโ้ ดยนาํ ผงคาร์บอนผสมกบั กาวไปเคลือบหุม้ แกนเซรามิกทรงกระบอกขนาดต่างๆ นาํ ไปตดั ใหเ้ ป็นเกลียวพนั รอบแกนแบบต่อเนืองจากปลาย ดา้ นหนึงไปยงั ปลายอีกดา้ นหนึง และมีฝาครอบโลหะครอบฟิ ลม์ คาร์บอนทีปลายทงั สองดา้ นต่อออกมาเป็ นขาตวั ตา้ นทาน เคลือบผิวนอกสุดดว้ ยฉนวนอีกชนั หนึง ขอ้ เสียของตวั ตา้ นทานชนิดฟิ ลม์ คาร์บอน คอื มีค่าความตา้ นทานทีผิดพลาดสูง อุณหภูมิมีผลต่อ ความตา้ นทานมาก และนาํ ไปใชง้ านไดใ้ นย่านความถีตาํ ขอ้ ดีของตวั ตา้ นทานชนิดนีคือใชง้ านไดด้ ีกบั งานทาง ไฟฟ้าและงานทางอิเลก็ ทรอนิกส์ทวั ไป และมีราคาถูก ลกั ษณะตวั ตา้ นทานชนิดฟิลม์ คาร์บอน แสดงดงั รูปที . 8.3 ตัวตา้ นทานตามรปู แบบผลิต ตวั ตา้ นทานถูกนาํ ไปใชง้ านอย่างกวา้ งขวางและหลากหลายหน้าที ดงั นันเพือให้การใชง้ านเกิดความ สะดวก และสามารถเลือกลักษณะตวั ตา้ นทานไปใช้งานได้เหมาะสม บริษทั ผูผ้ ลิตตวั ตา้ นทานจึงไดผ้ ลิตตวั ตา้ นทานขึนมาในหลายรูปแบบ และหลายโครงสร้าง ช่วยอาํ นวยความสะดวกในการใชง้ านมากขึน สามารถ เลือกรูปแบบตวั ตา้ นทานทีเหมาะสมกบั งานมากขึน วสั ดุทีนาํ มาใช้ในการผลิตตวั ตา้ นทานตามรูปแบบผลิตนี ใชไ้ ดท้ งั วสั ดุประเภทโลหะและประเภทอโลหะ รูปแบบทีผลิตขนึ มาใชง้ านแบ่งออกไดด้ งั นี . ตวั ตา้ นทานชนิดคา่ คงที . ตวั ตา้ นทานชนิดแบง่ ค่า . ตวั ตา้ นทานชนิดเปลียนเลือกค่า . ตวั ตา้ นทานชนิดปรับเปลียนค่า . ตวั ตา้ นทานชนิดพิเศษ 8.3.1 ตวั ตา้ นทานชนิดค่าคงท่ี ตวั ตา้ นทานชนิดค่าคงที (Fixed Resistor) เป็ นตวั ตา้ นทานทีผลิตขึนมาใช้งานแต่ละตวั มีค่าความ ตา้ นทานคงทีตายตวั ผลิตค่าออกมาใช้งานมีความหลากหลาย ตงั แต่ค่าความตา้ นทานตาํ ๆ เป็ นเศษส่วนของ โอห์ม จนถึงค่าความตา้ นทานสูงๆ เป็ นเมกะโอห์มขึนไป ผลิตด้วยวสั ดุทงั โลหะและอโลหะ โดยเรียกชือตัว

ตา้ นทานชนิดคงทีตามวสั ดุทีใชผ้ ลิต เช่น ชนิดลวดพนั ชนิดฟิลม์ โลหะ ชนิดสนิมโลหะ ชนิดคาร์บอน และชนิด ฟิ ลม์ คาร์บอน เป็นตน้ มีคา่ ทนกาํ ลงั ไฟฟ้าตงั แต่ค่าตาํ นอ้ ยกว่าหนึงวตั ต์ จนถึงค่าสูงเป็ นพนั วตั ต์ขึนไป รูปร่าง และสัญลกั ษณต์ วั ตา้ นทานชนิดคา่ คงที แสดงดงั รูปที . (ก) ชนิดลวดพนั (ข) ชนิดฟิ ลม์ โลหะ (ค) ชนิดสนิมโลหะ (ง) ชนิดคาร์บอน (จ) ชนิดฟิ ลม์ คาร์บอน (ฉ) สัญลกั ษณ์ รปู ท่ี 8.7 ตวั ตา้ นทานชนิดคา่ คงที ในปัจจุบนั อปุ กรณ์ เครืองมอื เครืองใชท้ างไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์มีขนาดเลก็ ลง ทาํ ใหต้ วั ตา้ นทานชนิด คา่ คงทีถูกปรับเปลียนรูปแบบให้มีขนาดเล็กลงตามไปดว้ ย เพือให้เหมาะสม เกิดความสะดวกต่อการนาํ ไปใชง้ าน และทนั กบั เทคโนโลยสี มยั ใหม่ ตวั ตา้ นทานชนิดค่าคงทีจึงถกู พฒั นารูปแบบให้มีลกั ษณะแตกต่างไปเพิมมาก ขึน เช่น แบบจดั กล่มุ ขาเรียงดา้ นเดียว หรือ SIL (Single in Line) แบบจดั กลุ่มขาเรียงสองดา้ น หรือ DIL (Dual in Line) และแบบแปะติด SMD (Surface Mounted Devices) เป็นตน้ ตวั ตา้ นทานชนิดค่าคงทีแบบใหม่ แสดงดงั รูปที . (ก) แบบจดั กลุ่ม SIL (ข) แบบจดั กลมุ่ DIL (ค) แบบแปะติด SMD รูปท่ี 8.8 ตวั ตา้ นทานชนิดค่าคงทีแบบใหม่ 8.3.2 ตัวต้านทานชนิดแบ่งค่า ตวั ตา้ นทานชนิดแบง่ ค่า (Tapped Resistor) เป็นตวั ตา้ นทานทีผลิตขึนมาใชง้ านแตล่ ะตวั มีค่าคงที ตายตวั เช่นเดียวกบั ตวั ตา้ นทานชนิดคงที แต่แยกจาํ นวนขาคงทีออกมาจากตวั ตา้ นทานเพมิ ขึนมากกวา่ ขาขนึ ไป เช่น ขา ขา และ ขา เป็นตน้ ความตา้ นทานทีต่อแยกออกมา ต่อแบบอนุกรมเรียงกนั ไป ตามค่าทีกาํ หนดไว้

ตวั ตา้ นทานชนิดนีเป็ นชนิดลวดพนั ผลิตดว้ ยโลหะหลายชนิด หรือโลหะหลายชนิดผสมรวมกนั เช่น นิกเกิล สังกะสี แคดเมียม ทองแดง โครเมียม และแมงกานีส เป็ นตน้ จะใชโ้ ลหะชนิดใดผสมกนั ขึนอยกู่ บั จุดประสงค์ ของการใชง้ าน เช่น ทนความรอ้ นสูง ทนกระแสสูง หรือทนแรงดนั สูง เป็นตน้ ผลิตมาใชง้ านมีความตา้ นทาน หลากหลายค่า ตงั แต่ค่าตาํ นอ้ ยกว่าโอห์มจนถึงค่าสูงเป็นเมกะโอห์มขึนไป และผลิตให้มีค่าทนกาํ ลงั ไฟฟ้าสูง จากเป็นวตั ต์ จนถึงเป็นพนั วตั ตข์ ึนไป รูปร่างและสัญลกั ษณ์ตวั ตา้ นทานชนิดแบ่งคา่ แสดงดงั รูปที . (ก) รูปร่าง (ข) สัญลกั ษณ์ รูปที่ 8.9 ตวั ตา้ นทานชนิดแบง่ คา่ 8.3.3 ตัวตา้ นทานชนิดเปล่ยี นเลอื กค่า ตวั ตา้ นทานชนิดเปลียนเลือกค่า (Adjustable Resistor) เป็นตวั ตา้ นทานทีผลิตขึนมาแต่ละตวั มี ค่าคงทีตายตวั คล้ายกบั ตวั ตา้ นทานชนิดแบ่งค่า ขาทีสามทีเพิมเขา้ มาสามารถเปลียนตาํ แหน่งเลือกค่าความ ตา้ นทานใหม่ไดต้ ามตอ้ งการ ตวั ตา้ นทานชนิดนีเป็ นชนิดลวดพนั โดยพนั เส้นลวดโลหะรอบแกนเซรามิกรูป ทรงกระบอก มีส่วนหนึงของเสน้ ลวดไม่ไดห้ ุม้ ฉนวน ขาทีสามเป็นปลอกโลหะสวมลอ้ มรอบ มีส่วนหนึงสัมผสั กบั เส้นลวดไม่ไดห้ ุ้มฉนวนบนตวั ตา้ นทาน สามารถปรับเลือนไปมาไดต้ ามตอ้ งการ มีสกรูขนั ยึดปลอกโลหะให้ สัมผสั แน่นกบั เส้นลวดทีตวั ตา้ นทาน เพือป้องกนั การเลือนเปลียนตาํ แหน่ง ตวั ตา้ นทานชนิดนีผลิตมาใชง้ านมี ความตา้ นทานหลากหลายค่า ตงั แต่ค่าตาํ น้อยกว่าโอห์มจนถึงค่าสูงเป็นเมกะโอห์มขึนไปเช่นเดียวกนั มีค่าทน กาํ ลงั ไฟฟ้าวตั ตส์ ูงเป็น วตั ต์ จนถึงเป็นพนั วตั ตข์ ึนไป รูปร่างและสัญลกั ษณ์ตวั ตา้ นทานชนิดเปลียนเลือกค่า แสดงดงั รูปที . (ก) รูปร่าง (ข) สญั ลกั ษณ์ รูปที่ 8.10 ตวั ตา้ นทานชนิดเปลียนเลือกค่า

8.3.4 ตวั ต้านทานชนิดปรับเปล่ยี นคา่ ตวั ตา้ นทานชนิดปรับเปลียนค่า (Variable Resistor) เป็ นตวั ตา้ นทานทีผลิตขึน มาแต่ละตวั มี ค่าคงทีตายตวั คลา้ ยกับตัวตา้ นทานชนิดเปลียนเลือกค่า โดยมีขาทีสามเพิมเข้ามา เพือปรับเปลียนค่าความ ตา้ นทานใหม่ไดอ้ ย่างอิสระ ตงั แต่ค่าความตา้ นทานตาํ สุด ไปจนถึงค่าความตา้ นทานสูงสุดอยา่ งต่อเนืองทกุ เวลา ตามความตอ้ งการ วสั ดุทีนาํ มาใช้ผลิตมีทงั ประเภทอโลหะและประเภทโลหะ ประเภทอโลหะผลิตจากวสั ดุ จาํ พวกคาร์บอน มีคา่ การทนกาํ ลงั ไฟฟ้าตาํ ส่วนประเภทโลหะเป็ นชนิดลวดพนั ผลิตจากลวดนิกเกิลและแคดเมียม แบบนีผลิตให้ทนกาํ ลงั ไฟฟ้าสูงๆ ได้ โครงสร้างมี แบบ คือแบบวงกลมทรงกระบอก (ใชป้ รับหมุนรอบตัว) และแบบแท่งสีเหลียมผืนผา้ ยาว (ใช้ปรับเลือนไปมา) มีขาต่อออกมาใช้งาน ขา ขากลางเป็ นขาสามารถ ปรับเปลียนค่าได้ รูปร่างและสญั ลกั ษณต์ วั ตา้ นทานชนิดปรับเปลียนค่า แสดงดงั รูปที . (ก) ปรับหมนุ คาร์บอน (ข) ปรับหมนุ ลวดพนั (ค) ปรับเลือนคาร์บอน (ง) สัญลกั ษณ์ รูปท่ี 8.11 ตวั ตา้ นทานชนิดปรับเปลียนคา่ 8.3.5 ตวั ตา้ นทานชนดิ พิเศษ ตวั ตา้ นทานชนิดพิเศษ (Special Resistor) เป็นตวั ตา้ นทานทีสร้างขึนมาใชง้ านในหน้าทีเฉพาะ อยา่ ง ตามคณุ สมบตั ิทีตอ้ งการ ใชว้ สั ดุในการผลิตแตกต่างกนั ออกไป มีชือเรียกตวั ตา้ นทานทีแตกต่างกนั ตามการ ทาํ งาน และตามค่าของพลังงานทีใช้ในการควบคุมการทาํ งานของตัวต้านทานชนิดนัน ส่งผลให้ค่าความ ตา้ นทานเปลียนแปลงไป มีดว้ ยกนั หลายชนิด เช่น เทอร์มิสเตอร์ (Thermistor) วาริสเตอร์ (Varistor) และตวั ตา้ นทานเปลียนคา่ ตามแสง (Light Dependent Resistor ; LDR) เป็นตน้ 1. เทอร์มิสเตอร์ เป็ นตัวต้านทานชนิดพิเศษทีค่าความต้านทานภายในตัวเอง สามารถ เปลียนแปลงไดต้ ามค่าอุณหภมู ิทีไดร้ ับ ค่าความตา้ นทานทีเปลียนแปลงไปแตกต่างกนั ตามชนิดของวสั ดุทีใชผ้ ลิต วสั ดุทีใชผ้ ลิตมีทงั โลหะและสนิมโลหะ รูปร่างทีสร้างมาใชง้ านมีความแตกตา่ งกนั ไปหลายแบบ ขึนอยกู่ บั ความ เหมาะสมในการใชง้ าน เทอร์มิสเตอร์แบง่ ได้ ชนิด คอื ชนิดสมั ประสิทธิอณุ หภมู เิ ป็นบวก (Positive Temperature

Coefficients ; PTC) ค่าความต้านทานเพิมขึน เมืออุณหภูมิเพิมขึน วสั ดุทีใชผ้ ลิต เช่น แบเรียม สตรอนเทียม และ ตะกวั ไททาเนต เป็นตน้ อีกชนิดคือ ชนิดสมั ประสิทธิอณุ หภูมิเป็นลบ (Negative Temperature Coefficients ; NTC) ค่าความตา้ นทานเพิมขึน เมืออุณหภูมิลดลง วสั ดุทีใชผ้ ลิต เช่น ทองแดง นิกเกิล แมงกานีส เหลก็ และโคบอลต์ เป็นตน้ รูปร่างและสัญลกั ษณข์ องเทอร์มิสเตอร์ แสดงดงั รูปที .12 +to PTC -to NTC (ก) รูปร่างชนิด PTC (ข) รูปร่างชนิด NTC (ค) สัญลกั ษณ์ รปู ที่ 8.12 เทอร์มิสเตอร์ 2. วาริสเตอร์ หรือตัวต้านทานเปลี่ยนค่าตามแรงดัน (Voltage Dependent Resistor ; VDR) เป็นตวั ตา้ นทานทีคา่ ความตา้ นทานสามารถเปลียนแปลงได้ ตามคา่ แรงดนั ทีป้อนเขา้ มา วาริสเตอร์มาจากคาํ เตม็ วา่ ตวั ตา้ นทานปรับเปลียนค่า (Variable Resistor = Varistor) คณุ สมบตั ิของวาริสเตอร์ทาํ งานตรงขา้ มกบั แรงดนั ดงั นี ความตา้ นทานของวาริสเตอร์จะลดลงเมือแรงดนั เพิมขึน ในกรณีทีแรงดนั เพิมขึนอยา่ งต่อเนือง ค่าความตา้ นทาน ของวาริสเตอร์จะลดลงรวดเร็ว จากคุณสมบตั ิดงั กล่าววาริสเตอร์เหมาะสมกบั การใชง้ านเป็นตวั ป้องกนั แรงดนั กระโชก นิยมนาํ ไปใชง้ านเป็นอุปกรณ์ป้องกนั ฟ้าผา่ และช่วยคายประจุของไฟฟ้าสถิต เป็นตน้ วสั ดุทีนาํ มา ใชผ้ ลิต วาริสเตอร์ มีทงั ชนิดสนิมโลหะ ถูกเรียกวา่ วาริสเตอร์ชนิดสนิมโลหะ (Metal Oxide Varistor ; MOV) วสั ดุทีใชไ้ ดแ้ ก่ สนิมสังกะสี (Zinc Oxide ; ZnO) และวาริสเตอร์ชนิดสารกึงตวั นํา (Semi conductor) วสั ดุทีใช้ได้แก่ ซิลิคอน คาร์บอน (Silicon Carbon ; SiC) รูปร่างและสัญลกั ษณข์ องวาริสเตอร์ แสดงดงั รูปที .13

V (ก) รูปร่างชนิดขา (ข) รูปร่างชนิดแปะติด SMD (ค) สญั ลกั ษณ์ รปู ท่ี 8.13 วาริสเตอร์ 3. ตัวต้านทานเปลี่ยนค่าตามแสง (LDR) เป็ นตัวต้านทานทีค่าความต้านทานสามารถ เปลียนแปลงค่าไดต้ ามแสงสว่างทีมาตกกระทบ แสงสว่างตกกระทบน้อย LDR มีความตา้ นทานสูง และแสง สวา่ งตกกระทบมาก LDR มีความตา้ นทานตาํ วสั ดุทีใชผ้ ลิตตวั LDR ทาํ มาจากสารกึงตวั นาํ หลายชนิดผสมกนั เช่น แคดเมียมซัลไฟล์ (Cadmium Sulfide ; CdS) และแคดเมียมซีลีไนด์ (Cadmium Selenide ; CdSe) เป็ นตน้ รูปร่างและสญั ลกั ษณข์ องตวั ตา้ นทานเปลียนค่าตามแสง แสดงดงั รูปที . (ก) รูปร่าง (ข) สัญลกั ษณ์ รปู ที่ 8.14 ตวั ตา้ นทานเปลียนค่าตามแสง (LDR) 8.4 การอา่ นความต้านทานจากรหัสตวั เลขตัวอกั ษร ตวั ตา้ นทานทีผลิตขึนมาใชง้ านทกุ ตวั จะตอ้ งมีค่าความตา้ นทานบอกไว้ เพือให้ทราบค่าความตา้ นทาน ของตวั ตา้ นทานตวั นนั สามารถเลือกค่าไปใชง้ านไดง้ ่ายและถูกตอ้ ง การบอกค่าความตา้ นทานบอกไดห้ ลายวิธี

วธิ ีหนึงทีนิยมใชง้ านไดแ้ ก่ บอกคา่ ความตา้ นทานไวเ้ ป็นตวั เลขและตวั อกั ษร แบง่ ไดเ้ ป็น แบบ คอื แบบบอกค่า ความตา้ นทานออกมาโดยตรง แบบบอกค่าความตา้ นทานเป็นรหสั ตวั เลขตวั อกั ษร และแบบใชร้ หัส EIA96 การ อา่ นคา่ ความตา้ นทานในแต่ละแบบจะแตกตา่ งกนั ไป 8.4.1 บอกคา่ ความต้านทานออกมาโดยตรง ตวั ตา้ นทานทีบอกค่าออกมาโดยตรง จะพิมพ์ค่าความต้านทานลงบนตวั ตา้ นทานตามค่าความ ต้านทานของตัวต้านทานตัวนัน พร้อมทังแสดงหน่วยกํากับไวเ้ ป็ น , k หรือ M บางครังมีค่าการทน กาํ ลงั ไฟฟ้า และค่าเปอร์เซ็นตค์ วามผิดพลาดกาํ กบั ไวด้ ว้ ยกไ็ ด้ ตวั ตา้ นทานบางแบบอาจใชต้ วั อกั ษรกาํ กบั ไวบ้ อก ค่าเปอร์เซ็นตค์ วามผิดพลาดแทนตวั เลข มีตวั อกั ษรภาษา องั กฤษทีใชบ้ อกค่า ตวั ไดแ้ ก่ A, B, C, D, F, G, J, K และ M มีความหมายความผิดพลาด แสดงดงั ตารางที . ตารางท่ี 8.2 ค่าเปอร์เซน็ ตค์ วามผดิ พลาดแสดงดว้ ยตวั อกั ษรภาษาองั กฤษ ตวั อกั ษร คา่ ความผิดพลาด (%) A  0.05% B  0.1% C  0.25% D  0.5% F  1% G  2% J  5% K  10% M  20% วิธีบอกค่าความตา้ นทานบนตวั ตา้ นทานดว้ ยวธิ ีนีมีความแตกต่างกนั ไป การอ่านค่าความตา้ นทานที กาํ กบั ไว้ จะตอ้ งพิจารณาถึงค่าทีบอกไว้ วา่ ส่วนใดเป็นค่าความตา้ นทาน ส่วนใดเป็ นค่ากาํ ลงั ไฟฟ้า และส่วนใด เป็ นค่าความผิดพลาด ค่าทีกาํ กบั ไวบ้ างแบบบอกครบทุกค่า บางแบบบอกไวเ้ พยี งบางส่วน การอ่านค่าจะตอ้ ง พจิ ารณาจากตวั ตา้ นทานแตล่ ะตวั ไป แสดงไวด้ งั ตวั อย่างที . และตวั อยา่ งที . ตวั อยา่ งท่ี 8.1 จงอา่ นค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานทีบอกคา่ ไวโ้ ดยตรงต่อไปนี 470 k = ความตา้ นทาน 0 k 2 M K = ความตา้ นทาน 2 M ค่าผิดพลาด  10%

10W 200 J = ทนกาํ ลงั ไฟฟ้าได้ 10 W ความตา้ นทาน 200  คา่ ผิดพลาด  5% 20W 390 K K = ทนกาํ ลงั ไฟฟ้าได้ 20 W ความตา้ นทาน 390 k ค่าผิดพลาด  10% = ความตา้ นทาน 10  คา่ ผิดพลาด  5% ทนกาํ ลงั ไฟฟ้าได้ 2 W = ทนกาํ ลงั ไฟฟ้าได้ 6 W ความตา้ นทาน 0.1  คา่ ผดิ พลาด  5% = ทนกาํ ลงั ไฟฟ้าได้ W ความตา้ นทาน 0.33  ค่าผิดพลาด  5% ตอบ การบอกค่าความตา้ นทานบางแบบจะใช้ตวั อกั ษรเขา้ ร่วมแสดงการบอกค่าดว้ ย นอกจากใช้ บอกค่าเปอร์เซ็นต์ความผิดพลาดแลว้ ยงั แสดงค่าไวใ้ นรูปจุดทศนิยมของเลขฐานสิบ พร้อมทงั บอกหน่วยความ ตา้ นทานในรูปตวั คูณร่วมดว้ ย ตวั อกั ษรทีนิยมใช้ คือ R, K, M และ E ตวั อกั ษรเหล่านีเมืออย่หู นา้ อยู่กลาง หรือ อยหู่ ลงั ตวั อกั ษรแสดงค่าเป็นจุดทศนิยม นอกจากนนั ยงั แสดงค่าเป็นตวั คูณ (จาํ นวนค่าเลขศูนยท์ ีเติมเขา้ ไป) ดว้ ย ตวั อกั ษรแต่ละตวั มีความหมายดงั นี ตวั อกั ษร R มคี า่ เป็นตวั คณู = x1 ตวั อกั ษร K มีคา่ เป็ นตวั คูณ = x103 ตวั อกั ษร M มีคา่ เป็นตวั คณู = x106 ตวั อกั ษร E แทนเครืองหมาย =  ตวั อย่างที่ 8.2 จงอา่ นคา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานทีบอกคา่ ไวโ้ ดยตรงต่อไปนี 1M0 = ความตา้ นทาน 1 M 4R7 K = ความตา้ นทาน 4.7  ค่าผิดพลาด  10% 2W 2K2 E = ทนกาํ ลงั ไฟฟ้า W ความตา้ นทาน 2.2 k 430E 3W J = ความตา้ นทาน 430  ทนกาํ ลงั ไฟฟ้าได้ 3 W ค่าผิดพลาด  5% 0E25 10W J = ความตา้ นทาน 0.25  ทนกาํ ลงั ไฟฟ้าได้ 10 W ค่าผิดพลาด  5% = ทนกาํ ลงั ไฟฟ้าได้ 5 W ความตา้ นทาน 50  ค่าผดิ พลาด  5% = ทนกาํ ลงั ไฟฟ้าได้ 2 W ความตา้ นทาน 2.7 k คา่ ผิดพลาด  10% ตอบ 8.4.2 บอกค่าเป็นรหสั ตวั เลขตัวอกั ษร ตวั ตา้ นทานบางแบบตวั เลขและตวั อกั ษรทีกาํ กบั ไวบ้ นตวั ตา้ นทานเหล่านัน ไม่ไดบ้ อกค่าความ ตา้ นทานออกมาโดยตรง เพราะค่าทีแสดงไวบ้ นตวั ตา้ นทานบอกค่าออกมาในรูปรหัส ตอ้ งนํามาแปลงรหัสให้

กลบั มาเป็นคา่ ความตา้ นทานก่อนทีจะอ่านค่าออกมา การอา่ นค่ามีหลายวิธีแตกตา่ งกนั ไป รหสั ค่าความตา้ นทาน มกั ถูกแสดงไวใ้ นรูปตวั เลข และตวั อกั ษรเขียนเรียงกนั หรือ ตวั การอ่านค่าแต่ละแบบทาํ ไดด้ งั นี 1. แบบตัวเลข 3 ตัว และอาจเพิ่มตัวอกั ษร 1 ตัว การอา่ นค่า ให้อ่านตวั เลขจากซ้ายมือไปขวามือ ตวั เลข ตวั แรกด้านซ้ายมืออ่านค่าออกมาไดโ้ ดยตรง ตวั เลขตวั ที แสดงจาํ นวนเลขศูนย์ ( ) ทีตอ้ งเติมเขา้ ไป อ่านค่าออกมามีหน่วยเป็ นโอห์ม () ส่วนตวั อกั ษรมกั จะแสดงค่าไวใ้ นส่วนของค่าเปอร์เซ็นต์ความผิดพลาด วธิ ีการอ่านค่าแสดงดงั รูปที . (ก) ตวั ตา้ นทานทวั ไป (ข) ตวั ตา้ นทานแบบ SIL (ค) ตวั ตา้ นทานแบบแปะติด SMD รูปที่ 8.15 การอา่ นคา่ รหสั ตวั ตา้ นทานแบบตวั เลข ตวั กรณีทีตวั ตา้ นทานมีค่าตาํ กวา่ โอห์มลงมา จะใชต้ วั อกั ษร R วางไวเ้ ป็ นตวั แรกหรือตวั ทีสองแทน ตวั เลข เพือแสดงคา่ เป็นจุดทศนิยม () ส่วนตวั เลขทงั สองตวั ทีแสดงคา่ ไว้ อ่านคา่ ออกมาไดโ้ ดยตรง ตวั อยา่ งที่ 8.3 จงอา่ นคา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานทีบอกค่าไวด้ ว้ ยรหสั ตอ่ ไปนี R18 = ความตา้ นทาน .  7R5 33R หรือ 330 = ความตา้ นทาน .  222 470F = ความตา้ นทาน 33  825D = ความตา้ นทาน x 100 = 2,200  หรือ 2.2 k = ความตา้ นทาน 47  ค่าผิดพลาด 1% = ความตา้ นทาน x 100,000 = 8,200,000  หรือ 8.2 M คา่ ผดิ พลาด  0.5%

2. แบบตัวเลข 4 ตัว นิยมใชก้ บั ตวั ตา้ นทานแบบแปะติด SMD การอ่านค่าให้อ่านตวั เลขจาก ซา้ ยมือไปขวามือ ตวั เลข ตวั แรกจากซา้ ยมืออา่ นค่าไดโ้ ดยตรง ตวั เลขตวั ที แสดงจาํ นวนเลขศูนย์ ( ) ทีตอ้ ง เติมเขา้ ไป กรณีทีตวั ตา้ นทานมคี ่าตาํ กว่า โอหม์ ลงมา ใหใ้ ชต้ วั อกั ษร R วางไวเ้ ป็นตวั ทีสองหรือตวั ทีสามแทน ตวั เลข เพือแสดงค่าเป็ นจุดทศนิยม () ส่วนตวั เลขสองตวั แรกอ่านค่าออกมาโดยตรง ตวั เลขตวั สุดทา้ ยเป็ น จาํ นวนเลขศูนย์ ( ) ทีตอ้ งเติมเขา้ ไปเช่นเดิม ค่าทีอ่านออกมาไดม้ ีหน่วยเป็ นโอห์ม () ค่าความผิดพลาดของตวั ตา้ นทานแบบ ตวั เลข มีค่าประมาณ  % หรือนอ้ ยกวา่ ตัวอยา่ งที่ 8.4 จงอา่ นคา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานทีบอกคา่ ไวด้ ว้ ยรหสั ต่อไปนี = ความตา้ นทาน .  = ความตา้ นทาน  = ความตา้ นทาน x 1  = 330  16R9 = ความตา้ นทาน 16.9  7322 = ความตา้ นทาน x 102  = 73,200  = 73.2 k 4123 = ความตา้ นทาน 412 x 103  = 412,000  = 412 k 4304 = ความตา้ นทาน 430 x 104  = 4,300,000  = 4.3 M ตอบ 3. แบบใช้รหัส EIA96 หรือรหัส E – 96 เพราะในปัจจุบนั ตวั ตา้ นทานชนิดแปะติด SMD ที พฒั นามาใช้งานมีขนาดยงิ เลก็ ลงเพิมขึน เป็นผลมาจากการพฒั นาเทคโนโลยใี นการผลิตอปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทาํ ให้หลายบริษทั ผลิตตวั ตา้ นทานชนิดแปะติด SMD ออกมาใชง้ าน ไดค้ ิดคน้ รหัสบอกค่าความตา้ นทานใหม่ๆ ออกมา เพือให้มีความกะทดั รัดมากขึน พิมพข์ นาดตวั อกั ษรไดข้ นาดใหญข่ ึน รหสั แบบใหม่ทีนาํ มาใชง้ าน ไดแ้ ก่ รหสั EIA96 ตวั ตา้ นทานทีใช้รหสั ชนิดนีจะบอกค่าเป็ นตวั เลข ตวั แรก และตวั อกั ษร ตวั หลงั มคี วามผดิ พลาด ไมเ่ กิน % หรือนอ้ ยกว่า การอ่านค่าความตา้ นทานตอ้ งนาํ รหัสทีบอกไวไ้ ปเปิ ดตารางเทียบค่า รหัสตวั เลข ตวั แรกบอกคา่ ความตา้ นทาน และตวั อกั ษร ตวั หลงั บอกค่าตวั คูณ (จาํ นวนศูนยท์ ีเติม) ค่าทีอ่านออก มาไดม้ ีหน่วย เป็นโอห์ม () ตารางเทียบค่า แสดงดงั ตารางที . และตารางที . วธิ ีการอา่ นคา่ แสดงดงั รูปที .

ตารางท่ี 8.3 ตารางคา่ ความตา้ นทานแสดงในรูปรหสั ตวั เลขของรหสั EIA96 รหสั ค่า รหสั ค่า รหสั คา่ รหสั คา่ รหสั คา่ 01 100 21 162 41 261 61 422 81 681 02 102 22 165 42 267 62 432 82 698 03 105 23 169 43 274 63 442 83 715 04 107 24 174 44 280 64 453 84 732 05 110 25 178 45 287 65 464 85 750 06 113 26 182 46 294 66 475 86 768 07 115 27 187 47 301 67 487 87 787 08 118 28 191 48 309 68 499 88 806 09 121 29 196 49 316 69 511 89 825 10 124 30 200 50 324 70 523 90 845 11 127 31 205 51 332 71 536 91 866 12 130 32 210 52 340 72 549 92 887 13 133 33 215 53 348 73 562 93 909 14 137 34 221 54 357 74 576 94 931 15 140 35 226 55 365 75 590 95 953 16 143 36 232 56 374 76 604 96 976 17 147 37 237 57 383 77 619 18 150 38 243 58 392 78 634 19 154 39 249 59 402 79 649 20 158 40 255 60 412 80 665

ตารางท่ี 8.4 ตารางตวั คูณทีตอ้ งเติมค่าลงไปแสดงในรูปตวั อกั ษรของรหัส EIA96 ตวั อกั ษร ตวั คูณ Z 0.001 0.01 Y หรือ R 0.1 X หรือ S 1 A 10 B หรือ H 100 1,000 C 10,000 D 100,000 E F รูปที่ 8.16 การอ่านค่าความตา้ นทานแบบใชร้ หสั EIA96 ตัวอยา่ งท่ี 8.5 จงอา่ นค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานทีบอกคา่ ไวด้ ว้ ยรหสั ต่อไปนี 01X = ความตา้ นทาน 100 x 0.1  = 10  44A = ความตา้ นทาน 280 x 1  = 280  55B = ความตา้ นทาน 365 x 10  = 3,650  = 3.65 k 10C = ความตา้ นทาน 124 x 100  = 12,400  = 12.4 k 91D = ความตา้ นทาน 866 x 1,000  = 866,000  = 866 k ตอบ 8.5 การอ่านความต้านทานจากรหสั สี ตวั ตา้ นทานบางแบบแสดงค่าความตา้ นทานดว้ ยแถบสี โดยใช้สีทีกาํ หนดไวร้ ะบายเป็ นเส้นรอบตวั ตา้ นทานเรียงตามลาํ ดบั แทนตวั เลขและตวั อกั ษร ใชแ้ ทนทงั ค่าความตา้ นทานและค่าผิดพลาด แถบสีทีใชแ้ บง่ ได้ เป็น แบบ คือ แบบ แถบสี และแบบ แถบสี การอา่ นคา่ ความตา้ นทานออกมามรี ายละเอยี ดแตกตา่ งกนั ค่ารหสั สีทีระบายไวบ้ อกทงั ค่าความตา้ นทานและค่าผดิ พลาด จะตอ้ งแปลงรหัสสีทีกาํ กบั ไวก้ ลบั มาเป็ น ตวั เลขทงั หมด รหสั สีทีบอกไวส้ ามารถนาํ มาแทนเป็ นตวั เลขไดท้ งั ค่าตวั ตงั ค่าตวั คูณ และค่าผิดพลาด นาํ ตวั เลข

มาแทนลงไปใหถ้ ูกตอ้ งตามค่าสีทีกาํ หนด พร้อมทงั จดั ค่าและจดั หน่วยให้เหมาะสม จะไดค้ ่าความตา้ นทาน และ ค่าผดิ พลาดของตวั ตา้ นทานตวั นนั ออกมา 8.5.1 แบบรหัส 4 แถบสี ตวั ตา้ นทานแบบรหัส แถบสี มีแถบสีทีแสดงไวท้ งั หมด แถบ การอ่านค่าให้อา่ นแถบสีทีอยู่ ชิดกนั แถบก่อน โดยให้แถบสีแรกทีชิดขาตวั ตา้ นทานเป็ นแถบสีที อยูท่ างซา้ ย มือ แถบสีต่อมาเป็ นแถบสีที ทงั แถบสีที และแถบสีที แทนค่าเป็ นตวั เลขลงไป และอา่ นคา่ ตวั เลขนนั ออกมาโดยตรง ส่วนแถบสีตอ่ มาเป็ น แถบสีที เป็ นแถบสีตวั คูณหรือจาํ นวนเลขศูนย์ ( ) ทีตอ้ งเติมเขา้ ไป และแถบสีสุดทา้ ยเป็นแถบสีที ซึงอาจอยู่ ติดกนั หรืออยู่ห่างออกมาเล็กนอ้ ย เป็ นแถบสีแสดงคา่ ผิดพลาด ตวั ตา้ นทานแบบ แถบสี และตารางแสดงค่าสี แสดงดงั รูปที . สี แถบสที ี่ 1 แถบสที ่ี 2 แถบสที ่ี 3 แถบสีที่ 4 ค่าตวั เลข คา่ ตวั เลข คา่ ตัวคูณ (เติมจำนวนศูนย์) ค่าผดิ พลาด อกั ษร 0 1 ดาํ 0 1 10 2 100 นาํ ตาล 1 3 1,000  1% F 4 10,000  2% G แดง 2 5 100,000 6 1,000,000 ส้ม 3 7 10,000,000 8 เหลือง 4 9 0.1 0.01 เขยี ว 5  0.5% D  0.25% C นาํ เงิน 6  0.1% B  0.05% A ม่วง 7  5% J เทา 8  10% K  20% M ขาว 9 ทอง เงิน ไมม่ สี ี รปู ท่ี 8.17 ตารางแสดงคา่ แถบสีตวั ตา้ นทานแบบรหสั แถบสี

การสงั เกตหาแถบสีแถบที พิจารณาดงั นี . แถบสีทีอยชู่ ิดขาตวั ตา้ นทานมากกวา่ เป็นแถบสีที . แถบสี แถบอยชู่ ิดกนั แถบสีแรกทีอยชู่ ิดขาตวั ตา้ นทานเป็นแถบสีที . แถบสีที เส้นแถบสีจะเล็กกว่าปกติ . สีเงิน หรือสีทอง ไม่สามารถเป็นแถบสีที ได้ ตัวอย่างท่ี 8.6 จงอา่ นคา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานแบบรหัส แถบสี ตามคา่ ทีกาํ หนด 1. แถบสที ่ี 1 2 3 4 สแี สดง แดง ดาํ ดาํ เงิน คา่ ตวั เลข 2 0 1  10% ค่าอา่ นได้ 20  1 = 20  ค่าผดิ พลาด  10% 2. แถบสที ่ี 1 2 3 4 สแี สดง แดง มว่ ง แดง ทอง คา่ ตัวเลข 2 7 100  5% ค่าอา่ นได้ 27  100 = 2,700  = 2.7 k ค่าผดิ พลาด  5% 3. แถบสที ่ี 1 2 3 4 สีแสดง ส้ม นาํ เงิน เขยี ว ทอง ค่าตัวเลข 3 6 100,000  5% คา่ อา่ นได้ 36  100,000 = 3,600,000  = 3.6 M คา่ ผดิ พลาด  5%

8.5.2 แบบรหสั 5 แถบสี ตวั ตา้ นทานแบบรหสั แถบสี มีแถบสีทีแสดงไวท้ งั หมด แถบ การอา่ นคา่ ให้อา่ นแถบสีทีอยู่ ชิดกนั แถบก่อน โดยใหแ้ ถบสีแรกทีชิดขาตวั ตา้ นทานเป็นแถบสีที อยทู่ างซา้ ยมือ แถบสีตอ่ มาเป็นแถบสีที และ ตามลาํ ดบั แถบสีที , และ แทนค่าเป็นตวั เลขลงไป และอา่ นค่าตวั เลขนันออกมาโดยตรง ส่วนแถบสี ต่อมาเป็นแถบสีที เป็นแถบสีตวั คูณ หรือจาํ นวนเลขศนู ย์ ( ) ทีตอ้ งเติมเขา้ ไป และแถบสีสุดทา้ ยแถบสีที ซึง อาจอยู่ติดกนั หรืออยู่ห่างออกมาเล็กนอ้ ย เป็ นแถบสีแสดงค่าผิดพลาด ตวั ตา้ นทานแบบ แถบสี และตาราง แสดงคา่ สี แสดงดงั รูปที . สี แถบสที ่ี 1 แถบสที ี่ 2 แถบสที ่ี 3 แถบสีท่ี 4 แถบสีท่ี 5 คา่ ตวั เลข ค่าตวั เลข คา่ ตัวเลข คา่ ตัวคูณ (เติมจำนวนศนู ย)์ คา่ ผดิ พลาด อักษร 0 0 1 ดาํ 0 1 1 10 2 2 100 นาํ ตาล 1 3 3 1,000  1% F 4 4 10,000  2% G แดง 2 5 5 100,000 6 6 1,000,000 ส้ม 3 7 7 10,000,000 8 8 เหลือง 4 9 9 0.1 0.01 เขยี ว 5  0.5% D  0.25% C นาํ เงิน 6  0.1% B  0.05% A มว่ ง 7  5% J เทา 8  10% K ขาว 9 ทอง เงิน รูปท่ี 8.18 ตารางแสดงค่าแถบสีตวั ตา้ นทานแบบรหสั 5 แถบสี การสังเกตหาแถบสีแถบที พิจารณาดงั นี . แถบสีทีอยชู่ ิดขาตวั ตา้ นทานมากกวา่ เป็นแถบสีที . แถบสี แถบ หรือ แถบทีอยตู่ ิดกนั แถบสีแรกทีอยชู่ ิดขาตวั ตา้ นทานเป็ นแถบสีที . สีเงิน หรือสีทอง ไมส่ ามารถเป็นแถบสีที หรือแถบสีที ได้ . แถบสีค่าเปอร์เซ็นตผ์ ิดพลาดจะอยหู่ ่างออกมา หรือทาํ ใหม้ ขี นาดแถบเลก็ หรือใหญก่ วา่ แถบสีอืนๆ

ตัวอยา่ งที่ 8.7 จงอา่ นคา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานแบบรหสั แถบสี ตามคา่ ทีบอกไว้ 5 แดง 1. แถบสีที่ 1 2 3 4  2% สีแสดง แดง ดาํ ดาํ ทอง ค่าตัวเลข 2 0 0 0.1 ค่าอ่านได้ 200  0.1 = 20  ค่าผดิ พลาด  2% 2. แถบสที ี่ 1 2 3 4 5 สีแสดง เขยี ว ม่วง นาํ เงิน แดง นาํ ตาล ค่าตวั เลข 5 7 6 100  1% ค่าอา่ นได้ 576  100 = 57,600  = 57.6 k คา่ ผดิ พลาด  1% 3. แถบสีที่ 1 2 3 4 5 สแี สดง สม้ ดาํ เขียว ส้ม เขยี ว ค่าตัวเลข 3 0 5 1,000  0.5% คา่ อา่ นได้ 305  1,000 = 305,000  = 305 k ค่าผดิ พลาด  0.5% 8.6 การตอ่ ตวั ต้านทาน การต่อตวั ตา้ นทาน คือ การนาํ ตวั ตา้ นทานมาต่อวงจรรวมกนั เพือปรับเปลียนค่าความตา้ นทานให้ได้ ตามตอ้ งการ การตอ่ ตวั ตา้ นทานแบ่งออกไดเ้ ป็น แบบ คือ ต่อแบบอนุกรม ต่อแบบขนาน และตอ่ แบบผสม การ ต่อตวั ตา้ นทานแตล่ ะแบบมีผลทาํ ใหค้ ่าความตา้ นทานรวมทีไดอ้ อกมาเปลียนแปลงไป 8.6.1 การต่อตัวตา้ นทานแบบอนุกรม การต่อตัวต้านทานแบบอนุกรม (Series Resistor) เป็ นการต่อตัวต้านทานเข้าด้วยกันแบบ เรียงลาํ ดบั ต่อเนืองกนั ไป ในลกั ษณะทา้ ยของตัวตา้ นทานตวั แรกต่อเขา้ หัวตวั ตา้ นทานตวั ทีสอง และทา้ ยของตวั

ตา้ นทานตวั ทีสองต่อเขา้ หวั ตวั ตา้ นทานตวั ทีสาม ต่อเช่นนีเรือยไป การตอ่ วงจรตวั ตา้ นทานแบบอนุกรม แสดงดงั รูปที . (ก) รูปวงจร (ข) สัญลกั ษณ์วงจร รปู ที่ 8.19 การตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบอนุกรม การต่อตวั ตา้ นทานแบบนี ทาํ ให้ค่าความตา้ นทานรวมของวงจรเพิมขึนตามจาํ นวนตวั ตา้ นทานที นาํ มาต่อเพิม การหาคา่ ความตา้ นทานรวมในวงจรแบบอนุกรม สามารถเขียนเป็นสมการไดด้ งั นี RT = R1 + R2 + R3 + R4 + .... .....(8-1) เมือ RT = ความตา้ นทานรวมของวงจร หน่วย  R1, R2, R3, R4 = ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทาน , 2, และ ตามลาํ ดบั หน่วย  ตัวอย่างท่ี 8.8 จงหาค่าความตา้ นทานรวมของวงจรอนุกรมตามรูปที .20 วิธที ำ จากสูตร RT = R1 + R2 + R3 รปู ที่ 8.20 วงจรตวั ตา้ นทานแบบอนุกรม แทนคา่ RT = 220  + 470  + 100   RT = 790  ตอบ 8.6.2 การต่อตวั ตา้ นทานแบบขนาน การต่อตวั ตา้ นทานแบบขนาน (Parallel Resistor) เป็นการต่อตวั ตา้ นทานแตล่ ะตวั ในลกั ษณะ คร่อมขนานร่วมกนั ทุกตวั มีจุดต่อร่วมกนั จุด คือจุดรวมขาแตล่ ะดา้ นของตวั ตา้ นทานแตล่ ะตวั ลกั ษณะการต่อ วงจรตวั ตา้ นทานแบบขนาน แสดงดงั รูปที .

(ก) รูปวงจร (ข) สญั ลกั ษณ์วงจร รปู ท่ี 8.21 การตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบขนาน การต่อตวั ตา้ นทานแบบนี ทาํ ใหค้ ่าความตา้ นทานรวมของวงจรลดลง ไดค้ า่ ผล รวมของความ ตา้ นทานในวงจร นอ้ ยกว่าคา่ ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานตวั ทีมีค่านอ้ ยทีสุดในวงจร การหาค่าความตา้ นทาน รวมในวงจรแบบขนาน สามารถเขยี นสมการไดด้ งั นี 1 = 1 + 1 + 1 + 1 + .... .....(8-2) RT R1 R2 R3 R4 เมือ RT = ความตา้ นทานรวมของวงจร หน่วย  R1, R2, R3, R4 = ความตา้ นทานของตวั ตา้ นทาน , 2, และ ตามลาํ ดบั หน่วย  ตัวอยา่ งที่ 8.9 จงหาคา่ ความตา้ นทานรวมของวงจรตามรูปที . วธิ ที ำ 1 1 1 1 1 จากสูตร RT = R1 + R2 + R3 + R4 แทนค่า 1 = 1 + 1 + 1 + 1 RT 10 24 20 12 1 12  5  6 10 33 RT = 120 = 120 รปู ท่ี 8.22 วงจรตวั ตา้ นทานแบบขนาน  RT = 120 = 3.64  ตอบ 33

8.6.3 การต่อตัวตา้ นทานแบบผสม การต่อตวั ตา้ นทานแบบผสม (Compound Resistor) เป็นการต่อตวั ตา้ นทานผสมรวมกัน ระหว่าง การต่อแบบอนุกรมและการต่อแบบขนานอยู่ในวงจรเดียวกัน การต่อตวั ต้านทานแบบผสมไม่มีวงจรตายตวั สามารถเปลียนแปลงไปตามลกั ษณะการต่อวงจรทีตอ้ งการ การหาค่าความตา้ นทานรวมของวงจร ใหใ้ ช้วิธีหา แบบอนุกรมและวิธีหาแบบขนานร่วมกนั โดยพิจารณาการต่อทีละส่วน ลกั ษณะการต่อวงจรตวั ตา้ นทานแบบ ผสมลกั ษณะหนึง แสดงดงั รูปที . (ก) รูปวงจร (ข) สัญลกั ษณ์วงจร รูปที่ 8.23 การตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบผสมลกั ษณะหนึง ตวั อยา่ งที่ 8.10 จงหาค่าความตา้ นทานรวมของวงจรตามรูปที . วิธที ำ สูตรอนุกรม R123 = R1 + R2 + R3 = 10  + 24  + 20  แทนคา่ R123 = 54  รปู ท่ี 8.24 วงจรตวั ตา้ นทานแบบผสม  R123 สูตรอนุกรม R45 = R4 + R5 แทนค่า R45 = 56  + 22   R45 = 78  สูตรขนาน 1 = 1 + 1 RT R123 R45 R123  R45 หรือใชส้ ูตร RT = R123  R45 แทนค่า RT = 54  78  RT 54  78 = 31.91  ตอบ

8.7 บทสรุป วตั ถุทุกชนิดบนโลกมีความตา้ นทานเป็ นส่วนประกอบรวมอยู่ดว้ ยเสมอ ในขนาดค่าความตา้ นทานที แตกต่างกนั บางชนิดมีค่าตาํ บางชนิดมีค่าสูง สามารถนาํ วตั ถุเหล่านนั นาํ มาผลิตเป็ นตวั ตา้ นทานได้ ทาํ ใหเ้ กิด ความสะดวกต่อการใชง้ าน หนา้ ทีตวั ตา้ นทานคือจาํ กดั การไหลของกระแส และกาํ หนดคา่ แรงดนั ตกคร่อม ชนิดของตวั ตา้ นทานแบ่งออกไดต้ ามวสั ดุทีใช้ผลิต คือ วสั ดุประเภทโลหะทาํ มาจากโลหะผสมของ นิกเกิล แคดเมียม ทองแดง แมงกานีส และโครเมียม เป็นตน้ ส่วนวสั ดปุ ระเภทอโลหะ ทาํ มาจากผงคาร์บอนอดั หรือฟิ ลม์ คาร์บอน และแบ่งออกไดต้ ามรูปแบบทีผลิต ได้แก่ ชนิดคงที ชนิดแบ่งค่า ชนิดเปลียนเลือกค่า ชนิด ปรับเปลียนค่า และชนิดพิเศษ แต่ละชนิดของตวั ตา้ นทานทีผลิตขึนมาสามารถใชว้ สั ดุไดท้ งั ประเภทโลหะและ ประเภทอโลหะ ตวั ตา้ นทานชนิดพเิ ศษ เป็ นตวั ตา้ นทานทีผลิตขึนมาใชใ้ นแต่ละงานโดยเฉพาะ ค่าความตา้ นทานของตวั ตา้ นทานชนิดนีสามารถเปลียนแปลงค่าไดต้ ามการควบคุมของขนาดพลงั งานทีใชง้ าน เช่น เทอร์มีสเตอร์ใช้ อุณหภูมิควบคุมความตา้ นทาน วาริสเตอร์ใช้แรงดนั ไฟฟ้าควบคุมความตา้ นทาน และแอลดีอาร์ (LDR) ใชแ้ สง ควบคุมความตา้ นทาน การอ่านค่าความตา้ นทานทีแสดงไวบ้ นตวั ตา้ นทานอา่ นไดห้ ลายแบบ เช่น แบบแสดงค่าออกมาโดยตรง จะพิมพค์ ่าความตา้ นทานบอกไวส้ ามารถอา่ นค่าออกมาไดโ้ ดยตรง แบบแสดงค่าเป็นรหัส จะตอ้ งทาํ การแปลง รหัสออกก่อนจึงสามารถอ่านค่าความตา้ นทานออกมาได้ และแบบแสดงค่าเป็ นแถบสี จะตอ้ งแปลงแถบสีให้ เป็นตวั เลขก่อน จึงสามารถอ่านค่าความตา้ นทานออกมาได้ แถบสีทีบอกไวม้ ที งั แบบ แถบสี และแบบ แถบสี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook