Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กิจกรรมลูกเสือวิสามัญ2-08

กิจกรรมลูกเสือวิสามัญ2-08

Published by pond_moku, 2021-12-01 08:32:02

Description: กิจกรรมลูกเสือวิสามัญ2-08

Search

Read the Text Version

หน่วยท่ี 8 ลกู เสือกบั จิตอาสา และสงั คมสงเคราะห์ เพื่อประโยชน์ของ ชมุ ชนและท้องถ่ิน

เคร่อื งหมายวิชาพิเศษ วิชาสงั คมสงเคราะห์ ลกั ษณะเคร่อื งหมาย เป็นรูปไข่ ยาว 4 ซม. กว้าง 3.5 ซม. มเี คร่อื งหมายรูป พระประชาบดสี เี หลอื งทอง ทาดว้ ยผา้ สขี าบขลบิ รมิ สเี หลืองทอง มอี กั ษร ล.ว. อยทู่ ร่ี มิ ดา้ นล่าง ผทู้ ส่ี อบผ่านใหป้ ระดบั เคร่อื งหมาย ตดิ ทอ่ี กเสอ้ื เหนือกระเป๋ าดา้ นขวา

ลกู เสือกบั จิตอาสา จติ อาสา หรอื จติ สาธารณะ (Public Consciousness หรอื Public mind) หมายถงึ จติ สานึกเพอ่ื สว่ นรวม และคาว่า “สาธารณะ” คอื สง่ิ ทม่ี ไิ ดเ้ ป็นของผใู้ ดผหู้ น่ึง จติ สาธารณะ จงึ เป็นความรูส้ กึ ถงึ การเป็นเจา้ ของในสงิ่ ท่เี ป็นสาธารณะในสทิ ธแิ ละหน้าท่ีท่จี ะดูแลและ บารงุ รกั ษารว่ มกนั คาวา่ “จติ อาสา” (Public mind หรอื Volunteer Spirit) หมายถึง ผูท้ ่มี จี ิตใจท่เี ป็นผูใ้ ห้ ซ่งึ เป็นการเสยี สละสง่ิ ท่ตี นมี เพอ่ื สว่ นรวม

ลกู เสอื กบั จติ อาสา ประโยชน์ของการมีจิตอาสา 1. ทาใหเ้ กดิ ความสุขทไ่ี ดเ้ ป็นผใู้ ห้ 2. ทาใหไ้ ดม้ โี อกาสชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื ใหพ้ น้ ทกุ ข์ 3. เป็นการสรา้ งขวญั และใหก้ าลงั ใจแก่ผไู้ ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ น 4. เป็นการสรา้ งความประทบั ใจแก่ผไู้ ดร้ บั การชว่ ยเหลอื 5. ทาใหเ้ กดิ ความสมานฉนั ทแ์ ละความสามคั คี 6. ทาใหเ้ กดิ ความภาคภูมใิ จทไ่ี ดช้ ว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื 7. เป็นการแสดงบทบาทและคณุ คา่ ของตนเอง 8. เป็นการใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ 9. ไดร้ บั การยกยอ่ งเชดิ ชใู นฐานะทเ่ี ป็นพลเมอื งดี

ลกู เสอื กบั จติ อาสา คณุ ธรรมของการเป็นพลเมืองดี พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2554 ให้ความหมายของคาว่า คุณธรรม หมายถงึ สภาพคุณงามความดี การทล่ี ูกเสอื มคี ุณธรรมจงึ หมายถงึ การทล่ี ูกเสือมหี ลกั ของ ความดี ความงาม ความถกู ตอ้ ง 1. ลกู เสอื ควรเหน็ แก่ประโยชน์สว่ นรวมมากกวา่ ประโยชน์ส่วนตน 2. ลกู เสอื ควรรบั ฟังความคดิ เหน็ ของกนั และกนั และเคารพในมตขิ องเสยี งสว่ นมาก 3. ลกู เสอื ตอ้ งมคี วามซ่อื สตั ยส์ จุ รติ

ลกู เสอื กบั จติ อาสา 4. ลกู เสอื ตอ้ งมงุ่ เน้นความสามคั คี 5. ลกู เสอื ควรมคี วามละอายและเกรงกลวั ต่อผลจากการกระทาชวั่ 6. ลกู เสอื ตอ้ งมคี วามกลา้ หาญและเชอ่ื มนั่ ในตนเองตอ่ การกระทาความดี 7. ลกู เสอื ตอ้ งสง่ เสรมิ ใหค้ นดปี กครองบา้ นเมอื ง และควบคมุ คนไมด่ ไี ม่ใหม้ อี านาจ

ลกู เสอื กบั จติ อาสา จริยธรรมของการเป็นพลเมอื งดี พจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ใหค้ านิยามวา่ “จรยิ ธรรม” คอื ธรรมทเ่ี ป็นขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ ศลี ธรรม กฎศลี ธรรม จริยธรรมท่ีส่งเสริมความเป็นพลเมอื งดีของลกู เสือวิสามญั ไดแ้ ก่ 1. ความจงรกั ภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ 2. ความมรี ะเบยี บวนิ ยั 3. มคี วามกลา้ หาญทางจรยิ ธรรม 4. มคี วามรบั ผดิ ชอบ 5. มคี วามเสยี สละ 6. มคี วามตรงต่อเวลา

ความร้เู บอื้ งต้นเก่ียวกบั การสงั คมสงเคราะห์ การสงั คมสงเคราะหเ์ รมิ่ มมี าตงั้ แต่ปลายศตวรรษท่ี 19 ในประเทศองั กฤษ โดยมจี ุดมุง่ หมายทจ่ี ะแกไ้ ขปัญหาสงั คมทม่ี อี ย่ใู นขณะนนั้ สาหรบั ในประเทศไทย เกดิ ขน้ึ มานานแลว้ โดยเป็นการช่วยเหลอื ทงั้ ในระดบั ประชาชนกบั ประชาชน หรอื ความชว่ ยเหลอื ทพ่ี ระมหากษตั รยิ ใ์ หแ้ กป่ ระชาชน ลูกเสอื วสิ ามญั ซง่ึ ถอื กฎว่า การบรกิ ารเป็นหน้าท่ี กจ็ ะตอ้ งมหี น้าทส่ี าคญั อย่างหน่ึงกค็ อื การใหค้ วามช่วยเหลอื ผูอ้ ่นื หรอื การสงเคราะห์ผู้ท่เี ดอื ดรอ้ นหรอื มปี ัญหา จงึ กลา่ วไดว้ า่ การสงั คมสงเคราะหเ์ ป็นงานหลกั ของลกู เสอื ทุกคน

ความหมายและความสาคญั ของการสงั คมสงเคราะห์ การสงั คมสงเคราะห์ หมายถึง การจดั ให้มีมาตรการต่างๆ ท่ีจะ ดาเนินการเพ่อื ป้องกนั และแกไ้ ขช่วยเหลอื ผทู้ ป่ี ระสบความเดือดรอ้ นต่างๆ โดยใช้หลกั ทฤษฎี วธิ ีการ และกระบวนการของการสงั คมสงเคราะห์เป็น แนวปฏิบตั ิ เพ่อื นาเอาทรพั ยากรท่มี อี ยู่มาประยุกต์ใช้ในการช่วยบรรเทา ความเดอื ดรอ้ นของกลุม่ ชน และชมุ ชนใหส้ ามารถชว่ ยเหลอื ตนเองไดต้ ่อไป

ความหมายและความสาคญั ของการสงั คมสงเคราะห์ การสงั คมสงเคราะหม์ คี วามสาคญั ก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์อยา่ งมากมาย ดงั น้ี 1.เป็นการแก้ไขปัญหา (Problem Solving) และบรรเทาปัญหา 2.เป็นการป้องกนั (Prevention) 3.เป็นการบาบดั รกั ษาหรือการบริการ (Treatment or Services) 4.เป็นการส่งเสริมหรือพฒั นา (Promotion or Development)

หลกั การพืน้ ฐานของการสงั คมสงเคราะห์ การทล่ี กู เสอื จะปฏบิ ตั หิ น้าทส่ี งั คมสงเคราะหใ์ หบ้ รรลวุ ตั ถุประสงคก์ จ็ าเป็นจะต้องมหี ลกั ในการปฏบิ ตั ิ ใหถ้ ูกตอ้ ง รกู้ ระบวนการในการปฏบิ ตั งิ านดา้ นสงั คมสงเคราะห์ โดยจะตอ้ งรกู้ ระบวนการดงั ต่อไปน้ี 1 ศกึ ษาวเิ คราะหค์ วามตอ้ งการและปัญหา 4 การดาเนินงานตามแผน 2 การตรวจสอบทรพั ยากร 5 การตดิ ตามและประเมนิ ผล 3 การวางแผนสงั คม

ลกั ษณะและวิธีการสงั คมสงเคราะห์ งานสงั คมสงเคราะหม์ ลี กั ษณะเป็นทงั้ งานสงั คมสงเคราะหอ์ าชพี และเป็นงานสงั คมสงเคราะห์ อาสาสมคั ร ซง่ึ ลกั ษณะงานทงั้ สองอยา่ งมคี วามสมั พนั ธเ์ กย่ี วขอ้ งกนั อยา่ งใกลช้ ดิ ในลกั ษณะของงานสงั คมสงเคราะห์ คอื ใหก้ ารสงเคราะหม์ ที งั้ นักสงั คมสงเคราะห์ อาชพี และนกั สงั คมสงเคราะหอ์ าสาสมคั ร เชน่ ลกู เสอื งานสงั คมสงเคราะหจ์ ะเกดิ ประสทิ ธภิ าพมากทส่ี ุด เม่อื นักสงั คมสงเคราะหร์ ูจ้ กั หลกั การ ทฤษฎี วธิ กี าร และกระบวนการทางสงั คมสงเคราะหโ์ ดยวธิ ี วทิ ยาศาสตรแ์ ละงานสงั คมสงเคราะหก์ จ็ าเป็นตอ้ งพง่ึ พาอาศยั นักสงั คมสงเคราะหท์ ่ีไม่มหี ลกั การ ทฤษฎี วธิ กี าร และกระบวนการทางสงั คมสงเคราะห์โดยวธิ วี ทิ ยาศาสตร์ ทงั้ น้ีเพ่อื ช่วยกนั แบ่งเบา ภาระในการชว่ ยเหลอื สงั คมใหม้ คี วามเป็นปกตสิ ขุ

ลกั ษณะและวธิ กี ารสงั คมสงเคราะห์ วธิ กี ารสงั คมสงเคราะห์ แบง่ ออกไดเ้ ป็น 5 วธิ ี ดงั น้ี 1.การสงั คมสงเคราะหเ์ ฉพาะราย 2.การสงั คมสงเคราะหก์ ล่มุ ชน 3.การจดั ระเบยี บชมุ ชนและการพฒั นาชมุ ชน 4.การวิจยั ทางสงั คมสงเคราะห์ 5.การบริหารงานสวสั ดิการสงั คมหรือการบริหารงานสงั คมสงเคราะห์

ปัญหาในข่ายงานด้านการสงั คมสงเคราะห์ 1. ปัญหาเกย่ี วกบั เดก็ และเยาวชน 2. ปัญหาเรอ่ื งทท่ี ากนิ 3. ปัญหาความไมม่ นั่ คงในชวี ติ 4. ปัญหาโสเภณี ขอทาน 5. ปัญหาชนกลุม่ น้อย

หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกบั การสงั คมสงเคราะห์ 1. การสงเคราะหเ์ ดก็ และวยั รนุ่ ของกระทรวงมหาดไทย 2. การสงเคราะหค์ รอบครวั ของกระทรวงมหาดไทย 3. การสงเคราะหอ์ าชพี ของกระทรวงแรงงาน 4. การสงเคราะหค์ นไรท้ พ่ี ง่ึ ของกระทรวงมหาดไทย 5. การสงเคราะหค์ นชราของกระทรวงมหาดไทย 6. การสงเคราะหห์ ญงิ บางประเภทของกระทรวงมหาดไทย 7. การสงเคราะหค์ นไขโ้ รคจติ ทเุ ลาของกระทรวงสาธารณสขุ

หน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การสงั คมสงเคราะห์ 8. การสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั ของกระทรวงมหาดไทย 9. การสงเคราะหค์ นพกิ ารและทพุ พลภาพของกระทรวงสาธารณสขุ 10. การจดั นิคมสรา้ งตนเองของกระทรวงมหาดไทย 11. การสงเคราะหแ์ ละพฒั นาชาวเขาของกระทรวงมหาดไทย 12. กองการบรกิ ารชุมชนของกระทรวงสาธารณสขุ 13. การเตรยี มงานประกนั สงั คมของกรมประชาสงเคราะห์ 14. งานสง่ เสรมิ องคก์ ารสงั คมสงเคราะหเ์ อกชนของกระทรวงแรงงาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook