หน่วยที่ 7 เรอ่ื ง เคร่อื งรบั วิทยุ FM สเตรโิ อมลั ติเพลกซ์ ผู้สอน ครูปทั มาพร อุทาจนั ทร์
เคร่ืองรับวิทยุ FM สเตริโอมัลติเพลกซ์ 7.1 โครงสรา้ งเครอื่ งรับวทิ ยุ FM สเตรโิ อมัลติเพลกซ์ การส่งวิทยุกระจายเสียงในระบบ FM นิยมส่งวิทยุในระบบ FM สเตริโอมัลติเพลกซ์ (FM. MPX) ทาให้ สัญญาณเสียงที่รบั ได้ทางเครื่องรบั วิทยุ FM สเตริโอมลั ตเิ พลกซ์มีทิศทางของเสียงท่ีไดย้ ินมาจากหลายตาแหน่ง เหมือนกบั ตาแหน่งเกิดเสียงจากตน้ กาเนิดจริงทางเคร่ืองส่ง โดยที่ทางเครื่องรับวิทยุ FM จะตอ้ งเพิม่ ภาคแยกสญั ญาณเสียงใหเ้ ป็นระบบ สเตริโอมลั ตเิ พลกซ์ เครื่องรับวิทยุ FM สเตริโอมลั ตเิ พลกซ์ เป็นเคร่ืองรบั วทิ ยุกระจายเสียงในระบบ FM ทสี่ ามารถรับสญั ญาณเสียงที่ ส่งมาจากเครื่องส่งวิทยุในระบบ FM สเตริโอมัลติเพลกซ์ มาทาการแยกสัญญาณเสียงออกเป็ นระบบสเตริโอได้ โดย สัญญาณเสียงจะถูกแยกออกเป็นสองดา้ น คอื สญั ญาณ เสียงดา้ นซา้ ย (L) และสญั ญาณเสียงดา้ นขวา (R) ส่ิงสาคญั ที่ทาให้เคร่ืองรับวิทยุ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์สามารถรับสัญญาณวิทยุมาแยกสัญญาณเสียงออกเป็ น สเตริโอไดน้ ้ัน จะตอ้ งมีส่วนประกอบเขา้ มาเกี่ยวขอ้ ง 2 ส่วน ไดแ้ ก่ ส่วนแรกเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงในระบบ FM ตอ้ งส่ง กระจายเสียงมาในระบบสเตริโอมลั ตเิ พลกซ์ ส่วนทีส่ องเคร่ืองรบั วิทยุ FM ตอ้ งเพมิ่ ภาคถอดรหสั สัญญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซ์ (Stereo Multiplex Decoder) เขา้ ไปในเคร่ืองรับวิทยุ FM เพ่ือทาการถอดรหัสสัญญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอท่ีทางเครื่องส่งวิทยุใน ระบบ FM สเตริโอมลั ตเิ พลกซ์ส่งมา ใหเ้ หลอื เฉพาะสญั ญาณเสียงดา้ นขวา (R) และสญั ญาณ เสียงดา้ นซ้าย (L) ส่งออกไปทาการ ขยายเสียงให้แรงมากข้ึน บล็อกไดอะแกรมเคร่ืองรับวิทยุ FM ธรรมดา (โมโน) แสดงดงั รูปท่ี 7.1 และบล็อกไดอะแกรม เคร่ืองรบั วิทยุ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ (สเตริโอ) แสดงดงั รูปท่ี 7.2 IF ( ) IF รูปที่ 7.1 บลอ็ กไดอะแกรมเครื่องรับวทิ ยุ FM โมโน IF ( ) R R IF L L รูปท่ี 7.2 บลอ็ กไดอะแกรมเคร่ืองรับวทิ ยุ FM สเตริโอ จากรูปที่ 7.1 และรูปที่ 7.2 แสดงบล็อกไดอะแกรมเครื่องรับวิทยุ FM แบบโมโน และแบบสเตริโอตามลาดบั ความ แตกต่างของเคร่ืองรับวิทยุ FM สเตริโออยู่ท่ีเพ่ิมภาคถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์เขา้ ไป และเพ่ิมภาคขยายเสียงให้
เคร่ืองรับวิทยุ FM เป็น 2 ด้าน คือ ด้านขวา (R) และดา้ นซ้าย (L) โดยสัญญาณเสียงท่ีส่งออกมาจากลาโพงดา้ นขวา (R) และ ลาโพงด้านซ้าย (L) มีความแตกต่างกนั ไป ไดส้ ัญญาณเสียงแพร่กระจายออกไปเหมือนกบั สัญญาณเสียงท่ีส่งมาจากต้น กาเนิดเสียงทางดา้ นเคร่ืองส่งวิทยุ FM ไดร้ บั ฟังสัญญาณเสียงท่เี ป็นธรรมชาติมากข้ึน สถานีวทิ ยุในระบบ FM นิยมส่งวทิ ยุกระจายเสียงในระบบ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ เพราะให้ความไพเราะมากกว่า ไดค้ ุณภาพของสญั ญาณเสียงทร่ี ับฟังไดใ้ กลเ้ คียงธรรมชาตขิ องเสียงมากข้ึน นอกจากน้นั เครื่องรับวิทยุ FM ธรรมดา (โมโน) ก็สามารถรับฟังสถานีวิทยุกระจายเสียงในระบบ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ไดค้ งเดมิ โดยมีคุณภาพเสียงเหมือนเดิม สามารถ ใช้เคร่ืองรับวิทยุ FM เครื่องเดิมท่ีมีอยู่มาใช้งานได้ เพราะเครื่องส่งวิทยุกระจายเสี ยง FM สเตริโอมัลติเพลกซ์ได้ส่ง สญั ญาณเสียงระบบโมโนมาดว้ ย หลกั การรบั สญั ญาณวิทยุ FM จากสถานีส่งวิทยุกระจายเสียงในระบบ FM สเตริโอมลั ตเิ พลกซ์ แสดงดงั รูปที่ 7.3 + FM FM V 38 kHz L-R FM R -(L-R) +(L-R) L + L+R 0 15 19 23 38 53 (kfHz) รูปท่ี 7.3 หลกั การรับสัญญาณวิทยุ FM จากสถานีส่งวิทยกุ ระจายเสียงในระบบ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ จากรูปท่ี 7.3 แสดงหลกั การรับสัญญาณวิทยุ FM จากสถานีส่งวทิ ยุกระจายเสียงในระบบ FM สเตริโอมลั ตเิ พลกซ์ จะ เห็นไดว้ ่าเครื่องรับวิทยุ FM ไม่ว่าจะเป็นแบบโมโนหรือแบบสเตริโอก็ตาม สามารถรับคล่ืนสัญญาณวิทยุ FM ท่ีเครื่องส่ง วิทยุกระจายเสียง FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ส่งมาได้ นนั่ คือเคร่ืองรับวิทยุ FM ทุกเคร่ือง ทุกรุ่น ทุกชนิด ทุกแบบ สามารถรับ สัญญาณสถานีส่งวิทยุกระจายเสียง FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ได้ เพราะสัญญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอที่ส่งมามีส่วนประกอบของ สัญญาณหลกั 3 สัญญาณ ประกอบดว้ ยสัญญาณเสียง L+R (โมโน) สัญญาณความถ่ี 19 kHz (ไพลอต) และสัญญาณ 38 kHz แถบขา้ ง L - R รวมเขา้ ดว้ ยกนั เป็นสัญญาณเดียว สญั ญาณเบด็ เสร็จสเตริโอ คือ สัญญาณขอ้ มลู เสียงท่ที างดา้ นเครื่องรับวทิ ยุ FM รบั เขา้ มาใชง้ าน ในเครื่องรับวิทยุ FM โมโนสัญญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอทรี่ ับเขา้ มาจะถูกนาไปใชง้ านเฉพาะสัญญาณเสียงโมโน L+R เทา่ น้นั สัญญาณส่วนอน่ื ไม่มีผล ต่อการทางานของวงจรเคร่ืองรับ นั่นคือสัญญาณเสียงท่ีถูกนาไปขยายสัญญาณใหแ้ รงมากข้ึนส่งออกลาโพงเป็นสัญญาณเสียง โมโน L+ R ในเครื่องรับวิทยุ FM สเตริโอ สัญญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอที่รับเขา้ มาจะถูกนาไปใช้งานทุกสัญญาณ โดยจะถูกส่ง เขา้ ภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ เพ่ือทาการรวมสัญญาณท้งั 3 สัญญาณเขา้ ดว้ ยกนั ทาให้ได้เป็นสัญญาณเสียง ออกมา 2 ดา้ น คอื ดา้ นขวา (R) และดา้ นซ้าย (L) ส่งต่อไปเขา้ ภาคขยายเสียงดา้ นขวา (R) และดา้ นซ้าย (L) ให้ไดส้ ัญญาณเสียง ออกมามคี วามแรงมากข้ึนส่งออกลาโพงเป็นสัญญาณเสียงสเตริโอ
7.2 หลักการถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ ภาคถอดรหสั สัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซใ์ นเครื่องรับวทิ ยุ FM สเตริโอ เป็นส่วนทถี่ กู เพม่ิ เขา้ ไปในเครื่องรับวิทยุ FM เพ่อื ใหส้ ามารถแยกสัญญาณเสียงออกเป็นสเตริโอ ส่วนประกอบท้งั 3 สัญญาณของสัญญาณเบด็ เสร็จสเตริโอมคี วามสาคญั ต่อการทาให้เคร่ืองรับวทิ ยุ FM สเตริโอสามารถแยกสัญญาณเสียงทีส่ ่งมาจากเครื่องส่งวิทยกุ ระจายเสียง FM สเตริโอ ให้แยก สัญญาณ เสียงออกเป็น 2 ดา้ น คือ ดา้ นขวา (R) และดา้ นซา้ ย (L) ได้ สัญญาณเบด็ เสร็จสเตริโอท้งั 3 สัญญาณทีส่ ่งมามีความสาคัญ ท้งั หมด ถา้ หากขาดสญั ญาณเพียงสัญญาณใดสัญญาณหน่ึงไป เครื่องรับวทิ ยุ FM สเตริโอจะไม่สามารถแยกสัญญาณเสียงที่ส่งมา ออกเป็ นเสียงสเตริโอได้ ทางดา้ นเคร่ืองรับวิทยุ FM สเตริโอ ภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ถือว่าเป็นส่วนสาคญั ของการทา หนา้ ท่ีแยกสัญญาณเสียงท่ีส่งมาจากเคร่ืองส่งวิทยุกระจายเสียง FM สเตริโอ มลั ติเพลกซ์ในรูปสัญญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอ ให้ แยกเสียงทีร่ บั ไดอ้ อกเป็นเสียงดา้ นขวา (R) และเสียงดา้ นซ้าย (L) ตามตน้ แบบเสียงทสี่ ่งมาจากเครื่องส่ง ภาคถอดรหสั สัญญาณ สเตริโอมลั ตเิ พลกซ์ท่ผี ลติ มาใชง้ าน มีระบบการทางานทแี่ ตกตา่ งกนั ไปหลายชนิด เชน่ ชนิดแบนด์พาสเมตริกซ์ (Bandpass Matrix) ชนิดเอนวิโลปดเี ทกชัน (Envelope Detection) ชนิดสวิตชอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Switch) และชนิดเฟสล็อกลูป (Phase Lock Loop ; PLL) เป็นตน้ 7.2.1 ภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมัลตเิ พลกซ์ชนดิ แบนด์พาสเมตริกซ์ ภาคถอดรหัสสัญญาณชนิดแบนด์พาสเมตริกซ์ (Bandpass Matrix Decoder) มีหลกั การทางานในรูป บลอ็ กไดอะแกรม แสดงดงั รูปที่ 7.4 IF FM 20 Hz – 15 kHz +L+R- +L+R- L 2L ( 2R ) (LPF) L-R +L-R (L+R)+(L-R) 38 kHz - = 2L L+R ( ) + L-R 19 kHz ( ) 23 kHz – 53 kHz - 38 kHz L-R L–R R (HPF) 180o (L+R)+(-L+R) = 2R 19 kHz 38 kHz --L+R+ + L+R - (BPF) 19kHz 38kHz 19 kHz รูปท่ี 7.4 บล็อกไดอะแกรมภาคถอดรหัสสญั ญาณสเตริโอมลั ติเพลกซช์ นิดแบนดพ์ าสเมตริกซ์ จากรูปที่ 7.4 แสดงบล็อกไดอะแกรมภาคถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซ์ ชนิดแบนด์พาสเมตริกซ์ หลกั การทางานอธิบายได้ ดงั น้ี
สัญญาณความถี่ IF ผ่านภาค FM ดีเทกเตอร์ออกมา เหลือเฉพาะสัญญาณเบ็ดเสร็จ สเตริโอประกอบด้วย สญั ญาณ L+ R (โมโน), 19 kHz (ไพลอต) และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R ส่งต่อให้ภาคถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ติเพลกซช์ นิดแบนดพ์ าสเมตริกซ์ ส่งไปยงั ภาคกรองผา่ น 3 ภาค ตามความถข่ี องสญั ญาณทปี่ ้อนเขา้ ภาคกรองความถต่ี ่าผ่าน (Low Pass Filter ; LPF) กรองผ่านเฉพาะความถเี่ สียงโมโน L + R ในย่าน 20 Hz - 15 kHz ส่งต่อไปให้ภาคถอดรหสั ดา้ น L และภาคถอดรหสั ดา้ น R ภาคกรองความถ่สี ูงผ่าน (High Pass Filter ; HPF) กรองผา่ นเฉพาะความถส่ี ูง 38 kHz แถบขา้ ง L - R ในย่าน 23 kHz - 53 kHz เป็นความถี่เสียงที่มีคลื่นพาห์ย่อย (Sub Carrier) 38 kHz ผสมอยู่ ส่งต่อไปให้ภาค L - R ซิงโครนสั ดีเทกเตอร์ (Synchronous Detector) ภาคกรองย่านความถี่ผ่าน (Band Pass Filter ; BPF) 19 kHz กรองผ่านเฉพาะความถ่ีสูงสัญญาณไพลอต 19 kHz คา่ เดยี วผา่ น ส่งตอ่ ไปใหภ้ าคทวีคูณความถสี่ องเท่า 38 kHz ภาคทวีคูณความถ่สี องเทา่ 38 kHz รบั ความถี่ 19 kHz เขา้ มาเพิม่ ค่าเป็นความถี่ 38 kHz ส่งต่อไปให้ภาค L - R ซิงโครนสั ดีเทกเตอร์ ภาค L - R ซิงโครนสั ดีเทกเตอร์ รับสัญญาณเขา้ มา 2 สัญญาณ คือ 38 kHz แถบขา้ ง L - R และความถี่ 38 kHz สัญญาณท้งั สองจะเกิดการหักลา้ งกนั เหลือเฉพาะสัญญาณ เสียง L - R ส่งต่อไปให้ภาคกลบั เฟส (Phase Inverter) 180o และภาคถอดรหัสดา้ น L ภาคกลบั เฟส 180o รับสัญญาณเสียง L - R เขา้ มากลบั เฟสไป 180o จาก L - R เป็น - (L - R) = - L + R ส่ง ต่อไปใหภ้ าคถอดรหสั ดา้ น R ภาคถอดรหัสดา้ น L รับสัญญาณเสียงเขา้ มา 2 สัญญาณ คอื L + R และ L - R มารวมกนั ไดเ้ ป็น L + R + L - R = 2L เหลือสัญญาณเสียงดา้ นซา้ ย (L) มีความแรงเป็น 2 เท่าส่งออกไปภาคขยายเสียงดา้ นซ้าย (L) ภาคถอดรหสั ดา้ น R รบั สัญญาณเสียงเขา้ มา 2 สญั ญาณ คือ L + R และ - L + R มารวมกนั ไดเ้ ป็น L + R - L + R = 2R เหลือสญั ญาณเสียงดา้ นขวา (R) มีความแรงเป็น 2 เทา่ ส่งออกไปภาคขยายเสียงดา้ นขวา (R) 7.2.2 ภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมัลติเพลกซ์ชนดิ เอนวิโลปดเี ทกชัน ภาคถอดรหัสสัญญาณชนิดเอนวิโลปดีเทกชนั (Envelope Detection Decoder) มีหลกั การทางานในรูป บล็อกไดอะแกรม แสดงดงั รูปที่ 7.5
19 kHz 19 kHz IF FM ) (BPF) 19kHz 2 38 kHz ( 2L + 38 kHz L+R ( ) 38 kHz (+) (L) 19 kHz ( ) 38 kHz L-R 2L L+R (-) (R) 2R 38 kHz 2R + 38 kHz L-R รูปท่ี 7.5 บลอ็ กไดอะแกรมภาคถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ติเพลกซช์ นิดเอนวิโลปดเี ทกชนั จากรูปท่ี 7.5 แสดงบลอ็ กไดอะแกรมภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ ชนิดเอนวโิ ลปดีเทกชนั หลกั การทางานอธิบายได้ ดงั น้ี สัญญาณความถี่ IF ผ่านภาค FM ดีเทกเตอร์ออกมา เหลือเฉพาะสัญญาณเบ็ดเสร็จ สเตริโอประกอบด้วย สญั ญาณ L + R (โมโน), 19 kHz (ไพลอต) และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R ส่งต่อใหภ้ าคถอดรหสั สัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ช นิดเอนวิโลปดีเทกชนั ส่งไปยงั ภาคกรองผา่ น 2 ภาค ตามความถีข่ องสญั ญาณทปี่ ้อนเขา้ ภาคกรองความถีต่ า่ ผ่าน (LPF) กรองผา่ นเฉพาะความถี่เสียงโมโน L + R ในยา่ น 20 Hz - 15 kHz ส่งต่อไป ใหภ้ าคทวีคณู ความถ่สี องเทา่ 38 kHz ภาคทวีคูณความถ่ีสองเท่า 38 kHz รับความถี่ 19 kHz เข้ามาเพิ่มค่าเป็ นความถ่ี 38 kHz ส่งต่อไปให้ ภาคมิกเซอร์ ภาคมิกเซอร์รับสัญญาณเขา้ มา 2 ทิศทาง ทิศทางแรกรับสัญญาณ L + R และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R อีก ทิศทางหน่ึงรับสัญญาณความถ่ี 38 kHz มาทาการผสมกนั โดยความถี่ 38 kHz ถูกนาไปผสมกบั สัญญาณเสียง L + R ได้ สัญญาณเสียง (L + R) + 38 kHz ออกมา ส่วนสัญญาณ 38 kHz แถบขา้ ง L - R มีความถ่ี 38 kHz ผสมอยู่แลว้ ไม่ถูกผสมกบั ความถี่ 38 kHz อีก ไดส้ ัญญาณ (L + R) + 38 kHz และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R จ่ายต่อไปภาคดีเทกเตอร์ส่วนบวก (+) และดีเทก เตอร์ส่วนลบ (-) ภาคดีเทกเตอร์ส่วนบวก (+) จะรับสัญญาณ (L + R) + 38 kHz กบั 38 kHz แถบขา้ ง L - R โดยสัญญาณ 38 kHz แถบขา้ ง L - R จะถกู ตดั เอาเฉพาะส่วนบวก (+ L - R) + 38 kHz ไปผสมกบั สัญญาณ (L+ R) + 38 kHz ไดส้ ญั ญาณออกมา เป็นสญั ญาณเสียงดา้ นซ้ายทีม่ คี วามถ่ี 38 kHz ผสมอยู่ การผสมสัญญาณหาได้ ดงั น้ี (L + R + L - R) + 38 kHz = 2L + 38 kHz ภาคดีเทกเตอร์ส่วนลบ (-) จะรับสัญญาณ (L + R) + 38 kHz กบั 38 kHz แถบขา้ ง L - R โดยสัญญาณ 38 kHz แถบขา้ ง L - R จะถูกตดั เอาเฉพาะส่วนลบ (- L + R) + 38 kHz ไปผสมกบั สัญญาณ (L+ R) + 38 kHz ได้สัญญาณออกมา เป็นสญั ญาณเสียงดา้ นขวาท่ีมคี วามถ่ี 38 kHz ผสมอยู่ การผสมสญั ญาณหาได้ ดงั น้ี
(L + R - L + R) + 38 kHz = 2R + 38 kHz สัญญาณ 2L + 38 kHz และ 2R + 38 kHz เป็ นสัญญาณเสียงท่ีมีความถ่ี 38 kHz ผสมอยู่ ต้องทาการกาจดั ความถ่ี 38 kHz ทิ้งไปโดยส่งผ่านไปเขา้ ภาคกรองความถี่ดา้ นซา้ ย (Left Frequency Filter) และภาคกรองความถี่ดา้ นขวา (Right Frequency Filter) กรองความถี่ 38 kHz ให้หมดไป ไดส้ ญั ญาณเสียงดา้ นซ้าย (L) แรง 2 เทา่ หรือ 2L และสญั ญาณเสียงดา้ นขวา (R) แรง 2 เทา่ หรือ 2R ออกมา 7.2.3 ภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมัลติเพลกซ์ชนดิ สวิตช์อิเล็กทรอนกิ ส์ ภาคถอดรหัสสัญญาณชนิดสวิตช์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Switch Decoder) มีหลกั การทางานในรูป บลอ็ กไดอะแกรม แสดงดงั รูปท่ี 7.6 IF FM ) 19 kHz 38 kHz 2L + 38 kHz 2L ( 19 kHz 2 38 kHz (L) L+R ( ) (R) 2R 19 kHz ( ) 2R + 38 kHz 38 kHz L-R L+R, 38 kHz L-R รูปท่ี 7.6 บล็อกไดอะแกรมภาคถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ชนิดสวติ ชอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ จากรูปท่ี 7.6 แสดงบล็อกไดอะแกรมภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมัลติเพลกซ์ ชนิดสวิตช์ อิเล็กทรอนิกส์ หลกั การทางานอธิบายได้ ดงั น้ี สัญญาณความถ่ี IF ผ่านภาค FM ดีเทกเตอร์ออกมา เหลือเฉพาะสัญญาณเบ็ดเสร็จ สเตริโอประกอบด้วย สญั ญาณ L+ R (โมโน), 19 kHz (ไพลอต) และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R ส่งต่อให้ภาคถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซช์ นิดสวิตชอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ สัญญาณไพลอตความถี่ 19 kHz ถูกภาคจนู 19 kHz กรองสัญญาณผ่านไปให้ภาคทวคี ณู ความถี่ 2 เท่าเป็น 38 kHz โดยนาความถ่ี 19 kHz มาทวคี ณู ความถี่เพ่ิมข้ึน ไดค้ วามถี่ออกมา 38 kHz ส่งต่อไปเขา้ ภาคสวิตช์อเิ ล็กทรอนิกส์ สัญญาณเสียงโมโน L + R และสัญญาณ 38 kHz แถบขา้ ง L - R ถูกส่งผ่านมาเขา้ ภาคบฟั เฟอร์ทาการ ขยายสัญญาณให้แรงข้นึ ส่งตอ่ ไปเขา้ ภาคสวติ ช์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ภาคสวิตช์อิเล็กทรอนิกส์รับสัญญาณเขา้ มา 3 สัญญาณ คือ ความถี่ 38 kHz, เสียงโมโน L + R, และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R เขา้ มาทาการผสมสัญญาณ ได้สัญญาณส่งออกเอาต์พุต 2 ทาง 2 สัญญาณ คือ สัญญาณเสียงดา้ นซ้ายมี ความถ่ี 38 kHz ผสมอยู่ (2L + 38 kHz) และสัญญาณเสียงดา้ นขวามีความถี่ 38 kHz ผสมอยู่ (2R + 38 kHz) สัญญาณที่ไดจ้ าก ภาคสวติ ช์อเิ ล็กทรอนิกส์หาได้ ดงั น้ี (L + R) + (L - R) + 38 kHz = (L + R + L - R) + 38 kHz = 2L + 38 kHz
(L + R) - (L - R) + 38 kHz = (L + R - L + R) + 38 kHz = 2R + 38 kHz สัญญาณ 2L + 38 kHz และ 2R + 38 kHz เป็นสัญญาณเสียงที่มีความถี่ 38 kHz ผสมอยู่ ตอ้ งทาการกาจดั ความถี่ 38 kHz ท้ิงไปโดยส่งผ่านไปเขา้ ภาคกรองความถี่ด้านซ้าย (L) และภาคกรองความถี่ดา้ นขวา (R) กรองความถ่ี 38 kHz ให้หมดไป ไดส้ ัญญาณเสียงดา้ นซ้าย (L) แรง 2 เท่าหรือ 2L และสัญญาณเสียงดา้ นขวา (R) แรง 2 เท่าหรือ 2R ออกมา 7.2.4 ภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมัลตเิ พลกซ์ชนดิ เฟสล็อกลปู ภาคถอดรหัสสัญญาณชนิดเฟสล็อกลูป ( Phase Lock Loop Decoder) มีหลักการทางานในรู ป บล็อกไดอะแกรม แสดงดงั รูปท่ี 7.7 VCO 19 kHz IF FM 19 kHz LPF DC VCO 2 2 ( ) AF 76kHz 38kHz 19kHz 19 kHz < 90o L+R ( ) 19 kHz 19 kHz ( ) 38 kHz L-R LPF 2 19 kHz < 0o 19kHz L+R, 38 kHz 38 kHz L 2L 2L + 38 kHz R 2R 2R + 38 kHz L-R รูปที่ 7.7 บลอ็ กไดอะแกรมภาคถอดรหัสสญั ญาณสเตริโอมลั ติเพลกซช์ นิดเฟสล็อกลปู จากรูปท่ี 7.7 แสดงบล็อกไดอะแกรมภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ ชนิดเฟสล็อกลูป หลกั การทางานอธิบายได้ ดงั น้ี สัญญาณความถี่ IF ผ่านภาค FM ดีเทกเตอร์ออกมา เหลือเฉพาะสัญญาณเบ็ดเสร็จ สเตริโอประกอบด้วย สัญญาณ L+ R (โมโน), 19 kHz (ไพลอต) และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R ส่งต่อให้ภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซช์ นิดชนิดเฟสล็อกลปู สัญญาณเบ็ดเสร็จเตริโอ ถูกขยายสัญญาณดว้ ยภาคขยาย AF ให้สัญญาณแรงมากข้ึนส่งตอ่ ให้ภาคเฟสดี เทกเตอร์ ภาคแอมปลจิ ดู ดเี ทกเตอร์ และภาคสเตริโอดโี คเดอร์ ภาคเฟสดเี ทกเตอร์ (Phase Detector) กรองผ่านเฉพาะความถ่ี 19 kHz ผา่ นเขา้ มาทาการดเี ทกทางเฟส ส่ง ต่อไปภาค LPF กรองความถ่ตี า่ ผา่ น ทาใหค้ วามถ่ี 19 kHz เรียบเป็นแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ส่งต่อไปเขา้ ภาคขยาย DC ขยายแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ให้ไดร้ ะดบั ที่พอเหมาะ ส่งต่อไปใหภ้ าค VCO 76 kHz จะใหก้ าเนิดความถ่ี 76 kHz ข้นึ มา
จากการควบคุมดว้ ยแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ท่ปี ้อนเขา้ มา ความถที่ กี่ าเนิดข้ึนมาจากภาค VCO 76 kHz จะตอ้ งมีค่าความถี่ 76 kHz พอดี โดยมีขาปรับแต่งความถต่ี อ่ ร่วมดว้ ย ความถ่ี 76 kHz ถกู ส่งต่อให้ภาค ÷ 2 (38 kHz) หารความถล่ี ดลงมาเหลือ 38 kHz ส่งความถี่ 38 kHz ออกไป 2 ทาง คือ ทางแรกส่งให้ภาคสวิตช์สเตอริโอและภาค ÷ 2 (19 kHz) ทางท่ีสองส่งให้ ภาค ÷ 2 (19 kHz) อกี ชุดหน่ึงหารความถี่ลดลงมาเหลอื 19 kHz ส่งออกไปยงั จดุ ทดสอบ 19 kHz และส่งยอ้ นกลบั ความถ่ี 19 kHz มีเฟสนอ้ ยกวา่ 90o(19 kHz < 90o) ไปเขา้ ภาคเฟสดีเทกเตอร์ให้ทางานถกู ตอ้ ง ภาคแอมปลิจูดดีเทกเตอร์ (Amplitude Detector) กรองผ่านเฉพาะความถ่ี 19 kHz เขา้ มาดีเทกทางความแรง ส่งต่อไปภาค LPF กรองความถ่ตี ่าผา่ น กรองความถี่ 19 kHz ให้เรียบเพ่ือใชค้ วบคมุ ภาคทริกเกอร์ใหก้ าเนิดสญั ญาณพลั สข์ ้ึนมา ส่งไปกระตุน้ ภาคสวิทช์สเตริโอให้จ่ายความถี่ 38 kHz ท่ีจ่ายเขา้ มาจ่ายออกเอาต์พุต ส่งไปภาคสเตริโอดีโคเดอร์ (Stereo Decoder) ในส่วนน้ียงั มภี าค 2 (19 kHz) อีกชุดหน่ึง ทาการหารความถ่ี 38 kHz ลดลงเหลือ 19 kHz มีเฟสนอ้ ยกว่า 0o (19 kHz < 0o) ส่งยอ้ นกลบั ไปภาคแอมปลิจดู ดีเทกเตอร์ใหท้ างานถกู ตอ้ ง ภาคสเตริโอดีโคเดอร์ รับสัญญาณเขา้ มา 2 ทาง คือ ทางแรกรับสัญญาณเสียงโมโน L + R และ 38kHz แถบขา้ ง L - R เขา้ มา ทางที่สองรับความถ่ี 38 kHz เขา้ มา นาสัญญาณท้งั หมดมาทาการผสมกัน โดยเป็ นสัญญาณเสียงท่ีมี ความถี่ 38 kHz ผสมอยูม่ ารวมกนั สามารถเขยี นเป็นสมการของสัญญาณเสียงส่งออกเอาตพ์ ุตได้ 2 สมการ คือ (L + R) + (L - R) + 38 kHz = (L + R + L - R) + 38 kHz = 2L + 38 kHz (L + R) - (L - R) + 38 kHz = (L + R - L + R) + 38 kHz = 2R + 38 kHz สัญญาณ 2L + 38 kHz และ 2R + 38 kHz เป็นสัญญาณเสียงท่ีมีความถี่ 38 kHz ผสมอยู่ ตอ้ งทาการกาจัด ความถ่ี 38 kHz ทิ้งไปโดยส่งผ่านไปเขา้ ภาคกรองความถี่ดา้ นซ้าย (L) และภาคกรองความถ่ีดา้ นขวา (R) กรองความถี่ 38 kHz ใหห้ มดไป ไดส้ ญั ญาณเสียงดา้ นซา้ ย (L) แรง 2 เทา่ หรือ 2L และสญั ญาณเสียงดา้ นขวา (R) แรง 2 เท่าหรือ 2R ออกมา 7.3 วงจรถอดรหสั สญั ญาณสเตรโิ อมัลติเพลกซ์แบบใช้สารกง่ึ ตวั นำ วงจรถอดรหสั สัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์แบบใชส้ ารก่ึงตวั นา เป็นวงจรที่ถกู นามาใช้งานต้งั แตส่ มยั เร่ิมแรก โดย ใชอ้ ปุ กรณส์ ารก่ึงตวั นาแต่ละตวั มาประกอบวงจรร่วมกนั วงจรประกอบข้นึ จากอุปกรณ์ R, L, C, ไดโอด และทรานซิสเตอร์ เป็น ตน้ ให้ทาหนา้ ที่ถอดรหัสสัญญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอที่ส่งเขา้ มาให้ออกเป็นสัญญาณเสียงดา้ นซา้ ย (L) และด้านขวา (R) ออกมา วงจรถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซแ์ บบใชส้ ารก่ึงตวั นา แสดงดงั รูปที่ 7.8
19kHz 38 kHz 38kHz D3 R13 2L + 38 kHz T2 C8 A R17 2L T1 D1 R6 38kHz C9 R10 D4 R14 R1 19kHz R4 Q2 C12 C1 Q1 C2 R5 C4 C7 D5 R15 C6 R2 L1 R7 C5 R8 L3 L4 C10 C13 Q3 C11 R18 2R L+R ( ) L2 D2 B 2R + 38 kHz 19 kHz ( ) C3 +VCC 38 kHz L-R R3 L+R, 38 kHz L-R R9 R12 DL6ED1 R16 R11 D7 รูปท่ี 7.8 วงจรถอดรหัสสญั ญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซ์แบบใชส้ ารก่ึงตวั นา จากรูปท่ี 7.8 แสดงวงจรถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์แบบใช้สารก่ึงตวั นา มีส่วนประกอบวงจร และ หนา้ ทก่ี ารทางานของอปุ กรณ์ ดงั น้ี Q1 วงจรขยายสัญญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอและบฟั เฟอร์ จ่ายความถี่ 19 kHz ออกขา C และจ่าย สัญญาณ L + R, 38 kHz แถบขา้ ง L - R ออกขา E Q2 วงจรขยายความถี่ 38 kHz ใหม้ ีความแรงมากข้ึน Q3 วงจรสวิตช์ทรานซิสเตอร์ ควบคุมให้ LED1 ติดและดบั ตามสภาวะการรับสัญญาณ สเตริโอมลั ติเพลกซ์เขา้ มา R1, R2 และ R6, R7 วงจรแบ่งแรงดนั กาหนดแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงท่ีพอเหมาะจ่ายเป็ นไบแอสให้ขา B ของ Q1 และ Q2 ทางาน C2 และ L1 วงจรจูนความถ่ี 19 kHz กาหนดให้ความถีเ่ ฉพาะ 19 kHz ผา่ นไปไดเ้ พียงความถี่เดยี ว L2, R5, D1, และ D2 วงจรทวีคูณความถ่ี 38 kHz โดยรับความถี่ 19 kHz เขา้ มาจากวงจรจนู ความถ่ี 19 kHz มา เพิม่ ความถีส่ องเท่าเป็น 38 kHz ใชห้ ลกั การทางานของวงจรเรียงกระแส (Rectifier Circuit) แบบเตม็ คล่ืน C7 และ L3 วงจรจนู ความถี่ 38 kHz กาหนดใหค้ วามถเ่ี ฉพาะ 38 kHz ผ่านไปไดเ้ พียงความถ่ีเดยี ว L4, D3, D4, D5, D6, วงจรอิเลก็ ทรอนิกส์สวติ ช์ ทาการผสมสัญญาณ 3 สัญญาณ ประกอบดว้ ย ความถ่ี 38 kHz, C8, C9, C10, C11, สัญญาณเสียง L + R,และความถ่ี 38 kHz แถบขา้ ง L - R ให้ได้ออกมาที่จุด A และ B เป็น R13, R14, R15 และ สัญญาณเสียงด้านซ้ายผสมความถ่ี 38 kHz (2L + 38 kHz) และสัญญาณเสียงดา้ นขวาผสม R16 ความถ่ี 38 kHz (2R + 38 kHz) C12, R17 และ C13, วงจรกรองความถี่ ทาการกาจดั ความถ่ี 38 kHz ทตี่ ดิ มากบั สัญญาณเสียงดา้ นซา้ ย (2L + 38 R18 kHz) และสัญญาณเสียงด้านขวา (2R + 38 kHz) ให้เหลือเฉพาะสัญญาณเสียงดา้ นซ้าย 2L และสญั ญาณเสียงดา้ นวา 2R เทา่ น้นั จ่ายออกมา
C6 และ R11 วงจรเช่ือมต่อแบบ RC (RC Coupling) ส่งผ่านความถ่ี 38 kHz ที่มาจากขา C ของ Q2 ไป D7 ใหไ้ ดโอด D7 R3 ไดโอดเรียงกระแสแบบคร่ึงคล่นื ทาการตดั ความถ่ี 38 kHz ทางซีกลบทงิ้ ไป เหลอื เฉพาะ C1, C3 และ C4 ซีกบวกป้อนให้ขา B ของ Q3 เป็นไบแอสตรง ควบคุมให้ Q3 ทางาน C5 และ R8 R4, R9 และ R12 ตวั ต้านทานรักษาระดับแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงให้ขา E ของ Q1 และเป็ นภาระรับ LED1 สัญญาณ L + R และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R ป้อนไปใหข้ ากลางของ L4 เป็นส่วนประกอบ วงจรอิเล็กทรอนิกส์สวิตช์ ตวั เก็บประจเุ ช่ือมตอ่ ส่งผา่ นสัญญาณไฟฟ้ากระแสสลบั ค่าต่างๆ ทป่ี ้อนเขา้ มา และป้องกนั ไฟฟ้ากระแสตรงไม่ใหผ้ ่าน วงจรรักษาระดบั แรงดนั ไฟฟ้าใหข้ า E ของ Q2 ทาใหต้ วั Q2 มอี ตั ราขยายทค่ี งท่ี ตัวต้านทานจากดั แรงดนั ไฟฟ้า ที่ป้อนให้ทรานซิสเตอร์แต่ละตัวพอเหมาะตามความ ตอ้ งการ ตวั ไดโอดเปลง่ แสง จะเปลง่ แสงสว่างออกมาเมื่อเคร่ืองรับวทิ ยุ FM รับสถานีวิทยุในระบบ สเตริโอมลั ตเิ พลกซเ์ ขา้ มา หลกั การทางานของวงจรถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซ์แบบใช้สารก่ึงตวั นา อธิบายไดด้ งั น้ี สัญญาณผ่านภาคดีมอดเู ลเตอร์ส่งมาเขา้ ท่ี C1 เหลอื เฉพาะสญั ญาณเบด็ เสร็จสเตริโอ ประกอบดว้ ย L + R, 19 kHz และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R ส่งไปเขา้ ขา B ของ Q1 ทาการขยายสัญญาณให้แรงข้ึน ส่งออกขา C เป็นความถี่ 19 kHz ส่งออก ขา E เป็นสัญญาณ L + R และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R ผา่ น C3 ส่งไปใหข้ ากลาง L4 ความถี่ 19 kHz จากขา C ของ Q1 ส่งผ่านเขา้ วงจรจูน 19 kHz (L1, C2) ให้ผา่ นเฉพาะความถี่ 19 kHz ส่งตอ่ ไปวงจร ทวีคณู ความถี่ 38 kHz (L2, R5, D1, และ D2) ทาความถ่ี 19 kHz เพิ่มข้ึนเป็นความถ่ี 38 kHz ส่งผ่าน C4 ไปเขา้ ขา B ของ Q2 ทา การขยายความถี่ 38 kHz ให้มีความแรงมากข้ึน ส่งออกขา C ของ Q2 ความถี่ 38 kHz ถกู ส่งแยกเป็น 2 ทาง คือ ทางแรกส่งไป เขา้ วงจรจนู 38 kHz (L3, C7) ส่งตอ่ ความถ่ี 38 kHz ไปให้วงจรอเิ ล็กทรอนิกสส์ วติ ช์ ทางทีส่ องส่งผา่ น R9, R11 และ C6 มาให้ ไดโอด D7 ตดั ความถี่ 38 kHz ซีกลบท้ิงลงกราวด์ เหลือซีกบวกส่งไปให้ขา B ของ Q3 ควบคุมให้ Q3 ทางาน ทาให้หลอด LED1 ติดสว่างข้ึน แสดงสภาวะการรับสัญญาณสถานีวิทยุกระจายเสียง FM เขา้ มาเป็ นสัญญาณเสียงในระบบสเตริโอ มลั ตเิ พล็กซ์ วงจรอิเล็กทรอนิกส์สวิตช์ (L4, D3, D4, D5, D6, C8, C9, C10, C11, R13, R14, R15 และ R16) รับสัญญาณเขา้ มา 2 ทาง 3 สัญญาณ คือ ความถ่ี 38 kHz เขา้ มาจากวงจรจูน 38 kHz (L3, C7) และสัญญาณ L + R, 38 kHz แถบขา้ ง L - R ส่งจากขา E ของ Q1 มาทาการผสมสัญญาณเขา้ ดว้ ยกนั ได้สัญญาณออกท่ีจุด A เป็นสัญญาณเสียง 2L + 38 kHz และไดส้ ัญญาณออกท่ี จุด B เป็ นสัญญาณเสียง 2R + 28 kHz ไปให้วงจรกรองความถี่ (C12, R17 และ C13, R18) กรองความถ่ี 38 kHz ออกไปเหลือ เฉพาะสัญญาณเสียง 2L และ 2R ส่งออกเอาตพ์ ตุ ไป เมื่อสถานีวิทยุ FM ที่รับเขา้ มาเป็นสถานีวิทยุ FM ธรรมดา (โมโน) จะไม่มีความถี่ 19 kHz ส่งมา วงจรจูน 19 kHz วงจรทวีความถ่ี 38 kHz และวงจรจูน 38 kHz ไมท่ างาน สญั ญาณเสียงโมโน (L + R) ถกู ส่งผา่ น Q1 ออกขา E ไปเขา้ ขากลาง ของ L4 จ่ายผา่ นใหว้ งจรอเิ ล็กทรอนิกสส์ วติ ชท์ ้งั จดุ A และจดุ B เหมือนกนั ส่งออกเอาตพ์ ตุ ดา้ นซ้าย (L) และดา้ นขวา (R) มี สญั ญาณ เสียง L + R เหมือนกนั ท้งั สองดา้ น
7.4 วงจรถอดรหัสสญั ญาณสเตรโิ อมลั ตเิ พลกซแ์ บบใช้ IC วงจรถอดรหัสสญั ญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์แบบใช้ IC โดยการสรา้ งวงจรถอดรหสั สัญญาณสเตริโอท้งั หมดรวมไวใ้ น ตวั IC เพยี งตวั เดียว เกิดความสะดวกตอ่ การนาไปใชง้ านมากข้ึน โดยตอ่ เพ่ิมอปุ กรณ์ R, L และ C ไวภ้ ายนอกอกี เล็กนอ้ ย ทา ให้การต่อวงจรใช้งานทาได้ง่ายข้ึน ตัว IC ท่ีผลิตมาใช้งานแบ่งออกได้เป็ น 2 ชนิด คือ ชนิดแรก IC ถอดรหัสสัญญาณ สเตริโอมลั ติเพลกซ์ แบบธรรมดา IC ประเภทน้ียงั ตอ้ งต่อวงจรเรโซแนนซ์ค่าความถ่ีที่ 19 kHz และ 38 kHz ไวภ้ ายนอก ชนิดท่ี สอง IC ถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซแ์ บบเฟสลอ็ กลปู (PLL) ไม่มกี ารต่อวงจร เรโซแนนซ์ความถ่ีใดๆ ไวภ้ ายนอก ความถถ่ี ูกสรา้ งข้นึ ใหมใ่ นตวั IC ชว่ ยลดความซบั ซอ้ นลง 7.4.1 วงจรถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ใช้ IC เบอร์ LM 1304 IC เบอร์ LM 1304 เป็น IC ถอดรหสั สัญญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซช์ นิดธรรมดา ท่วี งจรภายนอกตอ้ งเพิ่ม วงจรเรโซแนนซ์ LC แบบขนานปรับความถ่ีที่ 19 kHz และ 38 kHz ต่อร่วมวงจร เพื่อให้ได้ความถ่ี 19 kHz และ 38 kHz ค่า ถกู ตอ้ งไปใชง้ าน ขอ้ ดีของ IC แบบน้ี คือ แยกเสียงเป็นสเตริโอไดด้ ีท้งั ดา้ นซ้าย (L) และดา้ นขวา (R) มีอตั ราขยายสูง ขอ้ เสียของ IC แบบน้ี คือ ยงั มวี งจรเรโซแนนซ์ทใ่ี ช้ LC ตอ่ อยู่ มีปัญหาในเรื่องการปรับแต่งวงจร ลกั ษณะ วงจร IC ถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์เบอร์ LM 1304 แสดงดงั รูปท่ี 7.9 19kHz 38kHz + 12 V 333 C3 = 2.2 nF R5 C4 LP1 L1 3.9 kW 20 nF L R3 10C2nF R 1.5 kW R4 R6 180 W L3 420 3.9 kW C5 R2 = 20 kW 5 8 42 20 nF R1 = 20 kW 4 C1+= 5 mF 3 2 91 10 13 11 U1 12 LM 1304 14 7 6 L+R ( ) 333 50C6nF R7 + 2Cm8 F 19 kHz ( ) L2 10C7nF 38 kHz L-R 4.7 kW 19kHz รูปท่ี 7.9 วงจร IC ถอดรหัสสญั ญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซเ์ บอร์ LM 1304 จากรูปที่ 7.9 แสดงวงจร IC ถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์เบอร์ LM 1304 เป็น IC ชนิดธรรมดามี 14 ขา ใชอ้ ปุ กรณ์ประกอบร่วมภายนอกท้งั R, L และ C ส่วนประกอบมีหนา้ ทกี่ ารทางานแตกต่างกนั ดงั น้ี U1 ตวั IC ถอดรหสั สัญญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซ์ใชเ้ บอร์ LM 1304
L1, C2 และ L2, C7 วงจรจูนความถ่ี 19 kHz เป็ นวงจรเรโซแนนซ์แบบขนาน โดยกาหนดให้มีค่าความถี่ ตอบสนองที่ 19 kHz พอดี มคี วามถี่ตกคร่อมสูงสุด L3 และ C3 วงจรจูนความถ่ี 38 kHz เป็ นวงจรเรโซแนนซ์แบบขนาน โดยกาหนดให้มีค่าความถี่ ตอบสนองท่ี 38 kHz พอดี มีความถ่ีตกคร่อมสูงสุด R7 และ C8 วงจรรกั ษาระดบั แรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงคงท่ีให้ขา 14 ของ IC C4, R5 และ C5, R6 วงจรกรองความถ่ี ทาการกาจดั ความถี่ 38 kHz ทตี่ ดิ มากบั สัญญาณเสียงดา้ นซ้าย (L + 38 kHz) และสัญญาณเสียงดา้ นขวา (R + 38 kHz) ให้เหลือเฉพาะสัญญาณเสียงด้านซ้าย L และสัญญาณเสียงดา้ นวา R เทา่ น้นั จา่ ยออกมา LP1 หลอดไฟฟ้าแสดงให้ทราบถึงสถานีวิทยุ FM ท่รี บั ไดเ้ ป็นระบบสเตริโอ โดยหลอดไฟฟ้า จะเปลง่ แสงสวา่ งออกมา หลกั การทางานของวงจร IC ถอดรหสั สัญญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซ์เบอร์ LM 1304 อธิบายไดด้ งั น้ี สัญญาณผ่านภาคดีมอดูเลเตอร์ส่งมาเขา้ ท่ี C1 เหลือเฉพาะสัญญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอ ประกอบด้วย L + R, 19 kHz และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R ส่งไปเขา้ ขา 3 ของ U1 ท่ขี า 1 และขา 2 ของ U1 มีวงจเรโซแนนซ์แบบขนานเป็ นชุดจู นความถี่ 19 kHz รวม 2 ชุด คอื L1, C2 และ L2, C7 กาหนดให้ความถ่ี 19 kHz ผ่านไปให้วงจรทวคี วามถี่ 38 kHz ภายในตวั U1 ได้ ความถ่ี 38 kHz ไปตกคร่อมชุดจูนความถ่ี 38 kHz ขา 10 และขา 13 ขา U1 สูงสุด ส่งไปทาการผสมสัญญาณในตวั U1 ได้ สัญญาณเสียงออกมาที่ขา 11 เป็นสัญญาณเสียงดา้ นซ้าย (L) และได้สัญญาณ เสียงออกมาท่ีขา 12 เป็นสัญญาณเสียงดา้ นขวา (R) สญั ญาณเสียงท่ไี ดอ้ อกมายงั มีความถ่ี 38 kHz ผสมอยู่จึงตอ้ งส่งผา่ นไปเขา้ วงจรกรองความถี่ C4, R5 เป็นชุดกรองความถ่ีดา้ นซ้าย (L) และ C5, R6 เป็นชุดกรองความถด่ี ้านขวา (R) ไดส้ ญั ญาณเสียงส่งออกเอาต์พุต ขา 6 ของ U1 ต่อกบั หลอดไฟฟ้า LP1 แสดง สญั ญาณท่รี บั ไดว้ ่าเป็นระบบ FM สเตริโอมลั ตเิ พล็กซ์ ขณะหลอดไฟฟ้า LP1 ติดสวา่ ง แสดงวา่ สถานีวทิ ยุ FM ทร่ี ับไดเ้ ป็น ระบบ FM สเตริโอ และขณะหลอดไฟฟ้า LP1 ดบั แสดงวา่ สถานีวิทยุ FM ที่รับไดเ้ ป็นระบบ FM โมโน ตวั IC ถอดรหัสสญั ญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ นอกจากเบอร์ LM 1304 แลว้ ยงั มี IC เบอร์อ่ืนที่มคี ุณสมบตั ิ คลา้ ยกนั ถกู นาไปใชง้ าน เช่น เบอร์ LM 1305, LM 1307 และ LM 1307E เป็นตน้ 7.4.2 วงจรถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมัลติเพลกซ์ใช้ IC เบอร์ LM 1310 IC เบอร์ LM 1310 เป็ น IC ถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมัลติเพลกซ์ชนิดเฟสล็อกลูป (PLL) ท่ีวงจร ภายนอกไม่ตอ้ งเพ่ิมวงจรเรโซแนนซ์ LC แบบตอนสนองความถี่ที่ 19 kHz และ 38 kHz ต่อร่วมวงจร เพราะใชว้ งจรกาเนิด ความถใี่ หม่ภายในตวั IC ใชเ้ พยี งอุปกรณ์ R และ C ต่อร่วมวงจรภายนอกเพอ่ื ให้วงจรทางานไดส้ มบรู ณ์ ขอ้ ดขี อง IC แบบน้ี คือ แยกเสียงเป็นสเตริโอไดด้ ีท้งั ดา้ นซ้าย (L) และดา้ นขวา (R) มีสัญญาณรบกวนต่า การประกอบวงจร และการใชง้ านไม่ยุ่งยาก ขอ้ เสียของ IC แบบน้ี คอื สัญญาณอนิ พตุ ทร่ี บั เขา้ มาตอ้ งมคี วามแรงมากพอ มิเชน่ น้นั สัญญาณเสียงท่ีได้ จะไม่เป็นสเตริโอ อุปกรณ์ประกอบร่วมวงจร R, C ตอ้ งใชค้ ่าผิดพลาดต่า ลกั ษณะวงจร IC ถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติ เพลกซ์เบอร์ LM 1310 แสดงดงั รูปท่ี 7.10
47C08 pF R5 C7 = 47 nF C6 47C05 nF 19 kHz C4 15 kW R4 220 nF 1 kW 98 VR1 220 nF 4.7 kW 14 13 12 11 10 U1 LM 1310 1 234567 L R LED1 C1+ 22Cn2F R1 R2 22Cn3F R3 2.2 mF 3.9 kW 3.9 kW 1 kW + 12 V รูปที่ 7.10 วงจร IC ถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซ์เบอร์ LM 1310 จากรูปท่ี 7.10แสดงวงจรIC ถอดรหสั สัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์เบอร์ LM 1310 เป็น IC ชนิดเฟสล็อกลูป (PLL) มี 14 ขา ใชอ้ ุปกรณ์ประกอบร่วมภายนอกท้งั R และ C อปุ กรณแ์ ตล่ ะส่วนมีหนา้ ทกี่ ารทางานแตกตา่ งกนั ดงั น้ี U1 ตวั IC ถอดรหสั สัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซใ์ ชเ้ บอร์ LM 1310 C2, R1 และ C3, R2 วงจรกรองความถ่ี ทาการกาจดั ความถี่ 38 kHz ท่ีติดมากบั สัญญาณเสียงดา้ นซ้าย (L + 38 kHz) และสัญญาณเสียงด้านขวา (R + 38 kHz) ให้เหลือเฉพาะสัญญาณเสียงดา้ นซ้าย L และสัญญาณเสียงดา้ นวา R เท่าน้นั จา่ ยออกมา R3 ตวั ตา้ นทานจากดั กระแสไฟฟ้าให้ไหลผ่านตวั LED1 มีค่าทพ่ี อเหมาะ LED1 หลอดไฟฟ้า LED แสดงใหท้ ราบถึงสถานีวิทยุ FM ทรี่ บั ไดเ้ ป็นระบบสเตริโอ โดยหลอดไฟ ฟ้า LED จะเปล่งแสงสว่างออกมา C4 ตวั เกบ็ ประจุ ทาหนา้ ทกี่ รองสัญญาณ C7 ตวั เกบ็ ประจุ ทาหนา้ ท่เี ชื่อมต่อสัญญาณเสียงจากขา 3 ไปเขา้ ขา 11 C5, C6 และ R4 วงจรกรองความถีแ่ บบลปู เพือ่ ทาให้วงจรลปู ดเี ทกเตอร์ทางานถูกตอ้ ง C8, R5 และ VR1 วงจรควบคุมปรับแต่งความถี่ด้วยแรงดนั ไฟฟ้าแบบ VCO เพ่ือทาให้วงจรภายในตวั IC ให้กาเนิดความถี่ 76 kHz ข้นึ มาถูกตอ้ ง หลกั การทางานของวงจร IC ถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซเ์ บอร์ LM 1310 อธิบายไดด้ งั น้ี สัญญาณผ่านภาคดีมอดูเลเตอร์ส่งมาเขา้ ท่ี C1 เหลือเฉพาะสัญญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอ ประกอบดว้ ย L + R, 19 kHz และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R ส่งไปเขา้ ขา 2 ของ U1 ท่ีขา 4 เป็นขาส่งสัญญาณเสียงดา้ ยซ้ายท่ีมีความถี่ 38 kHz ผสม อยู่ออกมา (L + 38 kHz) ถูกวงจรกรองความถี่ C2, R1 กาจดั ความถี่ 38 kHz ทิ้งไปเหลือเฉพาะสัญญาณเสียงด้ายซ้าย (L) อย่างเดียวส่งออกมา ท่ีขา 5 เป็นขาส่งสญั ญาณเสียงด้ายขวาที่มีความถี่ 38 kHz ผสมอยู่ออกมา (R + 38 kHz) ถูกวงจรกรอง
ความถี่ C3, R2 กาจดั ความถ่ี 38 kHz ทิ้งไปเหลือเฉพาะสญั ญาณเสียงดา้ ยขวา (R) อยา่ งเดียวส่งออกมา ทข่ี า 6 มตี วั LED ต่อ อนุกรมกบั R3 รับแรงดนั ไฟฟ้า 12 V ไวแ้ สดงสภาวะสญั ญาณสเตริโอ ถา้ สัญญาณท่ีส่งเขา้ มาเป็นสถานีระบบสเตริโอมลั ติ เพลกซ์ ตวั LED จะติดสว่าง ถา้ สัญญาณทส่ี ่งเขา้ มาเป็นสถานีระบบโมโนตวั LED จะดบั ไม่มีแสงออกมา ทข่ี า 10 เป็นขาจุดทดสอบความถ่ี จะมคี วามถ่ี 19 kHz ส่งออกมา สามารถวดั ทดสอบความถไี่ ด้ คา่ ความถ่ี 19 kHz เปลยี่ นแปลงไปได้ ข้นึ อย่กู บั การปรับแต่งค่าความถีท่ ่ีถูกกาเนิดข้นึ จากภายในตวั IC โดยมขี า 14 ตอ่ C8, R5 และ VR1 ไว้ ตวั VR1 ทาหน้าท่ีปรับเปลี่ยนค่าความถี่ที่กาเนิดข้ึนมาภายใน 76 kHz จากวงจรกาเนิดความถ่ีดว้ ยแรงดนั ไฟฟ้า (VCO) ถกู วงจรหารความถล่ี งมาใหเ้ หลือความถี่ 19 kHz ส่งออกมาท่ีขา 10 การปรับทต่ี วั VR1 ไม่ถกู ตอ้ งคา่ ความถ่ีส่งออกขา 10 ก็ ไม่ถกู ตอ้ ง กรณีที่สญั ญาณรับเขา้ จากขา 2 ตวั IC เป็นสญั ญาณสเตริโอ สัญญาณเสียงทถี่ ูกส่งออกที่ขา 4 และขา 5 จะ แตกตา่ งกนั แสดงออกมาที่หลอดไฟฟ้า LED1 ติดสว่าง แต่ถา้ สัญญาณรับเขา้ จากขา 2 ตวั IC เป็นสญั ญาณโมโน สญั ญาณเสียงท่ี ถูกส่งออกทขี่ า 4 และขา 5 จะเหมือนกนั หลอดไฟฟ้า LED1 ดบั มดื 7.4.3 วงจรถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมัลตเิ พลกซ์ใช้ IC เบอร์ LM 1800 IC เบอร์ LM 1800 เป็น IC ถอดรหัสสญั ญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซช์ นิดเฟสล็อกลูป (PLL) ถูกพฒั นาข้ึน เป็นรุ่นท่สี อง เพ่ือใหม้ ีคณุ ภาพในการทางานมากข้ึน โดยวงจรภายนอกไม่ตอ้ งเพ่มิ วงจรเรโซแนนซ์ LC แบบตอนสนองความถ่ี 19 kHz และ 38 kHz ต่อร่วมวงจรเช่นเดิม เพราะใชว้ งจรกาเนิดความถี่ใหม่ภายในตวั IC ใชเ้ พียงอุปกรณ์ R และ C ต่อร่วม วงจรภายนอกเพ่ือให้วงจรทางานได้สมบูรณ์ ใช้เพียงตวั ต้านทานเกือกม้าปรับค่าความถี่เพียงตวั เดียว ลักษณะวงจร IC ถอดรหัสสญั ญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซ์เบอร์ LM 1800 แสดงดงั รูปที่ 7.11 + 12 V 470Cn6F C5 R4 19 kHz C4 3.3 kW 39C09 pF R5 220 nF 330 nF 22 kW 16 15 14 13 12 11 10 9 VR1 U1 1R3kW 4.7 kW LM 1800 LED1 33Cn7F 12345678 C8 C2 R1 C3 R2 2.2 nF 22 nF 3.9 kW 22 nF 3.9 kW C1+ 2.2 mF LR รูปท่ี 7.11 วงจร IC ถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์เบอร์ LM 1800
จากรูปที่ 7.11แสดงวงจรIC ถอดรหสั สัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์เบอร์ LM 1800 เป็น IC ชนิดเฟสล็อกลูป (PLL) มี 16 ขา ใชอ้ ปุ กรณ์ประกอบร่วมภายนอกท้งั R และ C อุปกรณแ์ ตล่ ะส่วนมหี นา้ ทีก่ ารทางานแตกตา่ งกนั ดงั น้ี U1 ตวั IC ถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซ์ใชเ้ บอร์ LM 1800 C2, R1 และ C3, R2 วงจรกรองความถี่ ทาการกาจดั ความถ่ี 38 kHz ทต่ี ดิ มากบั สญั ญาณเสียงดา้ นซ้าย (L + 38 kHz) และสัญญาณเสียงดา้ นขวา (R + 38 kHz) ให้เหลือเฉพาะสัญญาณเสียงด้านซ้าย L และสญั ญาณเสียงดา้ นวา R เทา่ น้นั จา่ ยออกมา R3 ตวั ตา้ นทานจากดั กระแสไฟฟ้าให้ไหลผ่านตวั LED1 มคี ่าทีพ่ อเหมาะ LED1 หลอดไฟฟ้า LED แสดงให้ทราบถึงสถานีวทิ ยุ FM ท่รี บั ไดเ้ ป็นระบบสเตริโอ โดยหลอดไฟ ฟ้า LED จะเปล่งแสงสว่างออกมา C4 ตวั เกบ็ ประจุ ทาหนา้ ที่กรองสัญญาณ C7 ตวั เก็บประจุ ทาหนา้ ท่ีเชื่อมต่อสญั ญาณเสียงจากขา 2 ไปเขา้ ขา 12 C5, C6 และ R4 วงจรกรองความถ่ีแบบลูป เพ่ือทาให้วงจรลูปดีเทกเตอร์ทางานถูกตอ้ ง C9, R5 และ VR1 วงจรควบคุมปรับแต่งความถี่ดว้ ยแรงดนั ไฟฟ้าแบบ VCO เพ่ือทาให้วงจรภายในตวั IC ใหก้ าเนิดความถ่ี 76 kHz ข้ึนมาถกู ตอ้ ง C8 ตวั เกบ็ ประจุ ทาหนา้ ทกี่ าจดั สญั ญาณที่กบั สญั ญาณเสียงทงิ้ ไป หลกั การทางานของวงจร IC ถอดรหสั สัญญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซ์เบอร์ LM 1800 อธิบายไดด้ งั น้ี สัญญาณผ่านภาคดีมอดเู ลเตอร์ส่งมาเขา้ ที่ C1 เหลือเฉพาะสญั ญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอ ประกอบดว้ ย L + R, 19 kHz และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R ส่งไปเขา้ ขา 1 ของ U1 ทข่ี า 3 มี C2, R1 เป็นวงจรกรองความถ่กี าจดั ความถ่ี 38 kHz ทิ้ง ไปเหลอื เฉพาะสัญญาณเสียงดา้ ยซ้าย (L) อย่างเดียวส่งออกขา 4 ส่วนท่ขี า 6 มี C3, R2 เป็นวงจรกรองความถีก่ าจดั ความถี่ 38 kHz ทิ้งไปเช่นกัน เหลือเฉพาะสัญญาณเสียงด้ายขวา (R) อย่างเดียวส่งออกขา 5 ท่ีขา 7 มีตัว LED ต่ออนุกรมกับ R3 รับ แรงดนั ไฟฟ้า 12 V ไวแ้ สดงสภาวะสัญญาณสเตริโอ ถา้ สัญญาณทีส่ ่งเขา้ มาเป็นสถานีระบบสเตริโอมลั ติเพลกซ์ ตวั LED จะ ตดิ สว่าง ถา้ สัญญาณท่สี ่งเขา้ มาเป็นสถานีระบบโมโนตวั LED จะดบั ไม่มีแสงออกมา ทข่ี า 11 เป็นขาจดุ ทดสอบความถ่ี จะมคี วามถ่ี 19 kHz ส่งออกมา สามารถวดั ทดสอบความถไี่ ด้ คา่ ความถี่ 19 kHz เปลยี่ นแปลงไปได้ ข้ึนอย่กู บั การปรบั แต่งค่าความถ่ีท่ถี กู กาเนิดข้นึ จากภายในตวั IC โดยมีขา 15 ตอ่ C9, R5 และ VR1 ไว้ ตวั VR1 ทาหนา้ ท่ีปรับเปลี่ยนค่าความถี่ที่กาเนิดข้ึนมาภายใน 76 kHz จากวงจรกาเนิดความถี่ด้วยแรงดนั ไฟฟ้า (VCO) ถกู วงจรหารความถีล่ งมาให้เหลือความถี่ 19 kHz ส่งออกมาท่ขี า 11 การปรับท่ตี วั VR1 ไมถ่ กู ตอ้ งคา่ ความถี่ส่งออกขา 11 ก็ ไมถ่ กู ตอ้ ง สภาวะสัญญาณเสียงท่ีไดอ้ อกเอาตพ์ ุต เป็นเสียงระบบไหนดูไดท้ ่ีตวั LED1 ถา้ LED1 ติดสว่าง แสดงให้ ทราบว่าเสียงท่ไี ดเ้ ป็นระบบสเตริโอ แตถ่ า้ LED1 ดบั แสดงใหท้ ราบวา่ เสียงทีไ่ ดเ้ ป็นระบบโมโน 7.4.4 วงจรถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมัลติเพลกซ์ใช้ IC เบอร์ TDA 7040T IC เบอร์ TDA 7040T เป็น IC ถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ชนิดเฟส ล็อกลูป (PLL) อีกชนิด หน่ึง เป็น IC ชนิดมีค่าใชจ้ า่ ยต่า ใชแ้ รงดนั ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าในการทางานต่า มขี าต่อใชง้ านเพียง 8 ขา ใชอ้ ปุ กรณ์ R และ
C ตอ่ ร่วมวงจรภายนอกอีกเพยี งเลก็ นอ้ ย การปรับแต่งวงจร ใชเ้ พียงตวั ตา้ นทานเกือกมา้ ปรับค่าความถเ่ี พยี งตวั เดียว ลกั ษณะ วงจร IC ถอดรหสั สัญญาณสเตริโอมลั ตเิ พลกซ์เบอร์ TDA 7040T แสดงดงั รูปที่ 7.12 LR LED1 100Cn8F 8 220Cn7F C6 22C05 nF 10 nF C4 7 6 5 10 nF R2 R4 U1 82 kW 120 W TDA 7040T Q1 Q2 1C1 2 34 BC549C BC549C VR1 R1 270 kW 100 kW +3V R6 R3 100 nF R5 +2C230 15 W 4.7 kW 22C02 nF 120 kW mF รูปที่ 7.12 วงจร IC ถอดรหสั สัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์เบอร์ TDA 7040T จากรูปท่ี 7.12 แสดงวงจร IC ถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ใชเ้ บอร์ TDA 7040T เป็น IC ชนิด เฟสล็อกลูป (PLL) มี 8 ขา ตวั IC ใชแ้ รงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงอยู่ในชว่ ง 1.8 - 6 V เท่าน้นั ใชอ้ ุปกรณ์ประกอบร่วมภายนอกท้งั R, C, LED และทรานซิสเตอร์ การทางานของวงจร อธิบายไดด้ งั น้ี สัญญาณผ่านภาคดมี อดูเลเตอร์ส่งมาเขา้ ท่ี C8 เหลือเฉพาะสญั ญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอ ประกอบด้วย L + R, 19 kHz และ 38 kHz แถบขา้ ง L - R ส่งไปเขา้ ขา 8 ของ U1 ถูกผสมและหักลา้ งภายในตวั IC แบบเฟสล็อกลูป (PLL) มขี า 1 ต่อลงกราวด์ ขา 2 ประกอบด้วย C1, C2 และ R5 ทางานท่ีความถ่ีต่า ขา 3 ประกอบด้วย R6 และ VR1 เป็ นวงจรควบคุม ปรับแต่งความถี่ท่ีกาเนิดข้ึนมาถูกตอ้ ง ให้ได้ความถ่ีออกมาท่ี 19 kHz และ 38 kHz เพ่ือผสมและหักลา้ งสัญญาณเบ็ดเสร็จ สเตริโอท่รี ับเขา้ มา ขา 4 เป็นขารบั แรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง มีตวั C3 เป็นตวั กรองสัญญาณให้ไดไ้ ฟฟ้ากระแสตรงท่เี รียบไป ใชง้ าน ขา 5 เป็นขาจ่ายสัญญาณเสียงดา้ นขวา (R) ออกมา มี C4 เป็นตวั กรองสัญญาณความถี่สูงทง้ิ ไป เหลือเฉพาะความถี่ เสียงด้านขวา (R) จ่ายผ่าน C5 เช่ือมต่อสัญญาณออกมา ขา 6 เป็นขาจ่ายสัญญาณเสียงดา้ นซ้าย (L) ออกมา มี C6 เป็นตวั กรอง สัญญาณความถ่ีสูงทิ้งไป เหลือเฉพาะความถ่ีเสียงด้านซ้าย (L) จ่ายผ่าน C7 เชื่อมต่อสัญญาณออกมา ขา 7 เป็นขาส่งสัญญาณ ไพลอต 19 kHz ออกมา สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ การปรับแต่งที่ VR1 ที่ขา 3 มีผลต่อสัญญาณที่ออกขา 7 เปล่ียนแปลง นอกจากน้นั ขา 7 ยงั สามารถต่อเขา้ วงจรทรานซิสเตอร์ Q1, Q2 ต่อวงจรขบั LED แสดงคา่ สัญญาณสเตริโอ 7.5 บทสรปุ เครื่องรับวทิ ยุ FM สเตริโอมลั ตเิ พลกซ์ เป็นเครื่องรับวิทยกุ ระจายเสียงในระบบ FM ทสี่ ามารถรับสญั ญาณเสียงท่ี ส่งมาจากเคร่ืองส่งวิทยุในระบบ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ มาทาการแยกสัญญาณเสียงออกเป็ นระบบสเตริโอได้ โดย
สญั ญาณเสียงจะถกู แยกออกเป็นสองดา้ น คอื เสียงดา้ นซ้าย (L) และเสียงดา้ นขวา (R) ส่วนเก่ียวขอ้ งของระบบสเตริโอมลั ติ เพลกซ์มี 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรกเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงในระบบ FM ตอ้ งส่งกระจายเสียงมาในระบบสเตริโอมลั ติเพลกซ์ ส่วนที่สองเคร่ืองรับวิทยุ FM ต้องเพ่ิมภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ เขา้ ไปในเครื่องรับวิทยุ FM เพ่ือถอดรหัส สัญญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอท่ีทางเครื่องส่งวิทยุระบบ FM สเตริโอมลั ติเพลกซ์ส่งมา ให้เหลอื เฉพาะสัญญาณเสียงด้านขวา (R) และ สัญญาณ เสียงดา้ นซ้าย (L) ส่งออกมา สถานีวทิ ยุในระบบ FM นิยมส่งวิทยุกระจายเสียงในระบบ FM สเตริโอมลั ตเิ พลกซ์ เพราะให้ความไพเราะมากกว่า ไดค้ ุณภาพของสัญญาณเสียงที่รับฟังไดใ้ กลเ้ คียงธรรมชาติของเสียงมากข้ึน นอกจากน้นั เครื่องรบั วิทยุ FM ธรรมดา (โมโน) ก็สามารถรับฟังสถานีวิทยุกระจายเสียงในระบบ FM สเตริโอมลั ติเพลกซไ์ ดค้ งเดิม โดยมีคุณภาพเสียงเหมือนเดิม สามารถ ใชเ้ ครื่องรบั วทิ ยุ FM เคร่ืองเดิมทมี่ ีอยมู่ าใช้งานได้ ภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ในเครื่องรบั วิทยุ FM สเตริโอ เป็นส่วนที่ถูกเพ่ิมเขา้ ไปในเครื่องรับวิทยุ FM เพื่อให้สามารถแยกสญั ญาณเสียงออกเป็นสเตริโอ ส่วนประกอบท้งั 3 สัญญาณของสญั ญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอมคี วามสาคญั ต่อการทาใหเ้ คร่ืองรับวทิ ยุ FM สเตริโอสามารถแยกสัญญาณเสียงท่สี ่งมาจากเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียง FM สเตริโอ ให้แยก สัญญาณ เสียงออกเป็น 2 ดา้ น คอื ดา้ นขวา (R) และดา้ นซ้าย (L) ได้ สญั ญาณเบ็ดเสร็จสเตริโอท้งั 3 สญั ญาณท่ีส่งมามีความสาคัญ ท้งั หมด ถา้ ขาดสัญญาณเพียงสัญญาณใดสัญญาณหน่ึงไป เครื่องรับวิทยุ FM สเตริโอจะไม่สามารถแยกสัญญาณเสียงท่ีส่งมา ออกเป็ นเสียงสเตริโอได้ เคร่ืองรับวิทยุ FM สเตริโอ ภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมัลติเพลกซ์ถือเป็ นส่วนสาคัญในการทาหน้าที่แยก สัญญาณเสียงท่ีส่งมาจากเครื่องส่งวทิ ยุกระจายเสียง FM สเตริโอมลั ติเพลกซใ์ นรูปสญั ญาณเบด็ เสร็จสเตริโอ ใหแ้ ยกเสียงท่ีรับ ไดอ้ อกเป็นดา้ นขวา (R) และดา้ นซา้ ย (L) ตามตน้ แบบเสียงทีส่ ่งมาจากเคร่ืองส่ง ภาคถอดรหัสสัญญาณสเตริโอมลั ติเพลกซ์ ท่ีผลิตมาใชง้ าน มีระบบการทางานท่ีแตกต่างกันไปหลายชนิด เช่น ชนิดแบนด์พาสเมตริกซ์ ชนิดเอนวิโลปดีเทกชัน่ ชนิด สวิตชอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ และชนิดเฟสลอ็ กลปู เป็นตน้ วงจรถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ติเพลกซแ์ บบใช้ IC โดยสรา้ งไวใ้ นตวั IC เพยี งตวั เดยี ว ตอ่ เพม่ิ อุปกรณ์ R, L และ C ไวภ้ ายนอกอกี เลก็ นอ้ ย ตวั IC ผลิตมาใชง้ านแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ชนิด คือ ชนิด IC แบบธรรมดา และชนิด IC แบบเฟสลอ็ กลูป (PLL)
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: