Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิทานชาดก อันดับที่ 6

นิทานชาดก อันดับที่ 6

Published by Sarapee District Public Library, 2020-11-26 18:14:35

Description: นิทานชาดก อันดับที่ 6

Keywords: นิทานชาดก

Search

Read the Text Version

Y, เ^^'^ /ety(^9 y?tf^

นิทานยาดก เล่ม ๖ พระธรรมเทศนาของ พระกาวนาวิรยคุณ (เผด็จ ทตฺตนิโว) รองเจ่าอาวาสวัดน)ระธรรมกาย จ.!jทุมธานี ขอมอบเป็นธรรมบรรณาการ

นิทานซาดก เล่ม ๖ พระธรรมเทศนาของ พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จ,ปทุมธานี จัดพิมพ์และพิมพ์โดย ๑0(1:/๑๙-๒๑ ถนนนเรศ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ๑๐๕๐๐ โทร.๒๓๓๐๓๐๒-(ร: โทรสาร ๒๓๙(ร:๙(ฮ(ร: จัดจำหน่ายโดย บริบท UIOUIGI Ulrlcl จำ กัด ๙๖ ถนนสี่พระยา แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ๑๐๕๐๐ โทร.๒๓(&๐๓๙๐-๑ โทรสาร ๒๓๙(ร:๐๙(ร: ธนาณัติสั่งจ่าย \"บริษัท ปีเอ็นเค ป็คส์ จำ ทัด\"ป.ณ.กลาง ลิขสิทธิ้เป็นของมูลนิธิธรรมกาย ISBN 974-89321-6-8 ราคา c/o บาท 009-2-0142-3000



คำ ปรารภ คนในโลกนี้อยากทำดี อยากเป็นคนดีทุกคน แต่เพราะเหตุ ที่ไม่มีต้นแบบดีๆ เป็นแบบอย่าง จึงต่างคิดหามาตรฐานทำความดี ต่างๆ กันไป ที่พอมี{โญญาก็ทำดีถูกวิธีไต้สร้างลมความดีเป็นบารมี เพิ่มพูนติดตัวไป ไม่เลียทีที่ไต้เกิดมาเป็นคน แต่ที่มีป'ญญาน้อย เห็นผิดเป็นชอบก็หลงทาง ขาดทุนไปชาติหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เราจึงควรศึกษาต้นแบบการทำความดีจาก \"ชาดก\" แม้ว่ามีบางเรื่องที่เป็นนิทานพื้นน้านปนเปเข้ามา แต่กระนั้นก็ดีเรา ก็น่าจะศึกษาชาดกไนต้านที่เป็นวัฒนธรรมชาวพุทธ แทนที่จะตั้งข้อ กังขาไนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เมื่อเดีอนมิถุนายน พ.ศ. ๒&๒๙ ระหว่างที่เดินทางไปยุโรป และประเทศอังกฤษ อาตมภาพไต้มีโอกาลพบปะ ลนทนากับ อาจารย์ทางปรัชญาไนมหาวิทยาลัยออกชฟอร์ด และเคมบริดจ์ หลายทำนศาลตราจารย์ทำนหนึ่งไดีไห้ข้อคิดว่า ทำ นไต้ทราบข่าวว่าขณะนี้พระภิกษุไทยและพุทธศาลนิก-ชน ชาวไทยไม่ลนไจชาดก เนึ่องจากเพราะไต้พบว่า บางเรื่องมีนิทาน พื้นบ้านมาปะปนอยู่ต้วย เดี๋ยวนี้Iครพูดถึงชาดกทำไห้รูลีกว่าเป็น เรื่องครรครึ งมงาย ดังนั้นท่านจึงขอฝากเตือนใจว่า คนที่คิดอย่างนี้นั้นแหละ งมงาย เพราะถ้าเราเรียนแต่ทฤษฎีล้วนๆ เราก็ได้แต่ท่องจำเป็น เพียงความรู้ดิบ ความรู้เกิดจากการจำนั้นไม่สามารถนำมาใช้งาน

อย่าว่าแต่จะไปสอนลูกหลานเลย แม้แต่จะนำมาสอนตัวเองก็ไม่ได้ ความรู้ทางทฤษฏีเช่นนี ผู้เป็นครูบาอาจารย์ ด้องสองแล้วสองอีก กว่าจะได้ความรู้สุกๆ ขึน้ มา ก็ฝานการลองชนิดผิดๆ ถูกๆ มาเลีย มากต่อมาก แต่ล้ามีเรื่องราวประกอบ ก็จะมองเห็นวิธีการนำ ทฤษฏีมาใช้เปลี่ยนจากนามธรรมเป็นรูปธรรม ได้ชัดเจนขึ้น ฟานศาสตราจารย่ได้ยกตัวอย่างถึงนิทานอีสป ซึ่งเป็นเรื่อง ไม่จริง ก็ยังเอามาสอนคนได้ ส่วนนิทานชาดกเป็นวัฒนธรรมขาว พุทธเป็นแบบแผนในการทำความดี เป็นเครื่องยืนยัน การเวียนว่าย ตายเกิด ชาวพุทธเองยังเมินไม่เอาใจใสไยดี เป็นการดูถูกคำสอน ของพระสัมมาส้มพุทธเด้า แสะดูถูกตัวเอง ดังนั้นอาตมภาพจึงใคร่ขอให้เราลองพิจารณาความหมาย และคุณค่าของนิทานชาดก ซึ่งเป็นลมบัติทางป๋'ญญาอันลํ้าค่าของ ชาวพุทธ ใหภี่ถ้วนและรอบคอบ นิทาน แปลว่า เหตุเป็นเครื่องมอบให้ซึ่งผล, มูลเค้า, เรื่อง เดิม, ลมุฎฐาน ชาดก แปลว่า ประวัติการทำความดีของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ที่มีมาในชาติก่อนๆ นิทานชาดก มิใช่เรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อสอนคุณธรรม แต่นิทาน ชาดก คือ เรื่องในอดีตชาติของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ที่พระองค์ ทรงแสดงแก่พระภิกษุในโอกาลต่าง ๆ บางครั้งก็เพื่อแสดงภูมิหสัง ของผู้ที่พระองค์ต้องการแสดงธรรมให้พิง บางครั้งก็เพื่ออธิบาย เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เมื่ออ่านนิทานชาดก นอกจากจะใต้ทราบเหตุการณ์ต่าง ๆ

แล้วเรายังได้ทราบอุปนิสัยใจคอของบุคคล ในแง่มุมที่เราอาจนึกไม' ถึงว่าจะมีหรือเป็นไปได้อีกด้วย ไม่เพียงแต่เท่านี้ เรายังทราบอีกว่า ทำ ไมเขาจึงเป็นเช่นนั้น และพระพุทธองค็ได้ทรงช่วยเหลือเขา อย่างไรบ้าง ในวัฏสงสารอันยาวนานนับภพนับชาติไม่ถ้วนนี้ พระพุทธ- องค์ เมื่อครั้งดำรงพระชนม์เป็นพระโพธิสัตว์ ได้เวียนว่ายตาย เกิดเป็นมนุษย์บ้าง พลาดพลั้งไปเป็นสัตว์เดียรัจฉานบ้าง แต่ก็ ได้ประกอบคุณงามความดีมาทุกภพทุกชาติ จนกระทั่งได้มาเป็น พระสัมมาสัมพุทธเล้าในพระชาติสุดท้าย ผู้ที่อ่านหรือฟังนิทานชาดก จึงควรอ่านหรือฟังด้วยความ พิจารณา และในที่สุด นำ หสักธรรมที่ไดํไปใช้เป็นคุณประโยชน์แก่ ตนเองและผู้อึ่น จึงจะถึอว่าถูกด้อง ส่วนความสนุกสนานเพลิดเพลิน นั้น ใหถึอว่าเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น จึงจะนับว่าได้ประโยชน์ จากนิทานชาดกที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไวีให้แล้วอย่างแท้จริง ๑ มโ!ราคม ๒๕๓๑

คำ น่า ในระหว่างปีพุทธศักราช ๒(รr๒๗ ถึงต้นปี ๒(รr๒๗ หลวงพ่อ ทัตตชีโว ไต้นำ นิทานชาดก มาแสดงพระธรรมเทศนาทุกบ่าย วันอาทิตย์ ติดต่อกันเป็นเวลากว่า ๑ ปี การเล่านิทานชาดกของ หลวงพ่อมิไต้เป็นเพียงการเล่าเรื่องลู่กันฟังอย่างเดียวเท่านั้น แต่ ท่านไต้อธิบายสรุบ่ และวิเคราะห์ชาดกเรื่องนั้นๆ ทั้งยังไห้ข้อคิด จากชาดกอันเป็นบ่ระโยชน์ต่อผู้ฟังอย่างยิ่ง ทำ ไห้การฟังพระธรรม เทศนาเป็นเรื่องที่ต้องติดตามฟัง ติดต่อกันทุกสับ่ดาห์ ผู้ฟังต่าง จดบันทึกเอาไว้เพื่อจะไต้อ่านอีกไนภายหลัง อาทิตย์ไดที่มิไดีไบ่วัด ทำ ไห้ต้องพลาดเรื่องชาดกก็จะต้องติดตามขออ่านจากบันทึก ของ กัลยาณมิตรที่ไต้บันทึกไว้ กาลเวลาผ่านไบ่ ผู้ที่เคยฟังนิทานชาดก ยังคงระลึกถึงเรื่องราว ที่สนุกสนานของชาดก แม้จะไต้มีการนำนิทานชาดกหลายเรื่องมา เรียบเรียงไหม่ สำ หรับนักอ่านรุ่นเยาว์ แต่หลายคนยังศงระลึกถึง ต้นเรื่อง ที่หลวงพ่อไต้แสดงพระธรรมเทศนาไว้ นิทานชาดก ที่บริษัท กราพีคอาร์ต 28 จำ กัด ไดีรับอนุญาต ไห้นำมาจัดพีมพํไนครั้งนี้ เป็นการรวมหัวข้อนิทานชาดก ที่หลวงพ่อ เทศน์ทั้งหมด เรียงสำดับไนอรรถกถา จากวรรศ ๑ ถึงวรรค ๗ และ เพื่อความเหมาะสมไนการจัดพิมพ์ จึงไต้แยกพิมพ์เป็น ๗ เล่ม บริษัท กราพิศอาร์ต 28 จำ กัด ขอกราบขอบพระคุณหสวงพ่อ ทัตตชีโว ที่ไต้อนุญาตไห้จัดพิมพ์หนังลือเล่มนี้ขึ้น



นิทานชาดก เล่ม ^ มหาสิลาชาดก ปณณปาดิกชาดก ผลชาดก บญจาวุธชาดก กาญจนักฃันสชาดก วานรินทชาดก ตโยธัมมชาดก เภริวาทชาดก ลงฃธมนชาดก วิธีtเกสมาธิ

มหาสีลวชาดก ชาดกว่าด้วยการปรารภความเพียร สคๆนที่ดรัสซๆดก เซตวันมหาวิหาร นครลาวัตถี ร}ๆเหตุที่ดรสซๆดก ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับ ณ เซตวันมหาวิหาร ได้ทรงทราบว่าในเวลานั้น มีพระภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งเมื่อระยะแรกบวซ ก็ตงใจปฎิปติธรรมอย่างลมํ่าเลมอ และยัง เคร่งครัดต่อพระวินัยอย่างน่าลรรเลริญอีกด้วย

นิทานชาดกเล่มหก ๑๑ แม้ว่าพระภิกษุรูปนี้ จะตงใจปฎิปติธรรมอย่างดี แต่ก็ยัง ไมม้มรรคผลใด ๆปรากฏให้เห็น จึงบังเภิดความท้อถอย เบื่อหน่าย คลายความเพียร ประพฤติปฎิปติธรรมย่อหย่อน ครองเพศสมณะ ไปวัน ๆ หนึ่งอย่างแกน ๆ เหมือนคนสิ้นหวังในชีวิต พระพุทธองค์ทรงมืพระมหากรุณาธิคุณสุดที'จะประมาณ ปรารถนาจะประทานกำลังใจในการปฎิปติธรรม จึงตรัสเรียก พระภิกษุรูปนี้นมาซักถาม แล้วทรงให้สติว่า \"เมื่อมีโอกาสได้มาบรรพชาในพระพุทธคาสนา อันเป็น คาสนาเดียวในโลกที'เปียมไปด้วยสาระประโยชน์ สามารถนำ สรรพส้ตว์ทั้งหลายออกจากกองทุกข์ได้ จึงไม่ควรเลยที'เธอจะ ย่อหย่อน คลายความเพียรเสียเช่นนี้ บัณฑิตในกาลก่อนโน้น แม้จะสิ้นสูญราชสมปติแล้ว ก็ยังทั้งมั่นอยู่ในความเพียร ไม่ท้อถอย จนกระทั้งภายหลังสามารถกลับไปครองราชสมปติได้อีก\" จากนี้นพระพุทธองค์ทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติ ณาณ นำ มหาสีลวชาดก มาตรัสเล่า ดังนี้ เนอหาซาดก ในอดีตกาล ณ กรุงพาราณสี พระเจ้าพรหมทัตพระองค์หนึ่ง ทรงมืพระนามว่า หระมหาสิดวราช พระองค์ทรงมืพระปรีชา สามารถมาก ทรงสำแจศิลปศาสตร์ทุกแขนง เมื่อมืพระซันษาเพียง ๑๖ พรรษา

๑๒ นิทานชาดกเล่มหก พระองค์ทรงมีนํ้าพระทัยที่เปียมไปด้วยพระเมตตากรุณา ตงแต่ยังทรงเป็นพระกุมาร ครั้นเมื่อได้ครองราชลมปติแล้ว ก็ทรง ปกครองไพร่ฟัาข้าแผ่นดินโดยธรรม ทรงเป็นพระธรรมราชาของ พสกนิกรทํ้งปวง พระองค์ทรงโปรดการทำทานยิ่งนัก ทรงให้สร้าง โรงทานไวถึง ๖ แห่ง คือที่ประตูเมืองทั้ง cr ด้าน ที่กลางพระนครและ ที่ประตูพระราชวัง เพื่อเป็นทานแก่คนยากจนไร้ที่พึ่ง คนกำพร้า และคนเดินทาง ซึ่งเหน็ดเหนื่อย หิวโหยผ่านมา จะได้มืข้าวปลา อาหารรับประทาน ในครั้งนน มือำ มาตย์ชั่วคนหนื่ง เห็นพระราชามืนํ้าพระราช- หฤทัยเปียมด้วยพระเมตตากรุณา พระราชอัธยาศัยก็อ่อนโยน ไม่โปรดการรบราฆ่าฟัน จึงคิดเหิมเกริมถึงขนาดบังอาจลักลอบ เข้าไปในเขตพระราชฐานชั่นในหลายครั้งหลายครา จนมืผู้มา กราบทูลฟัองร้อง และพระองค์ก็ทรงทราบด้วยพระองค์เอง ถึงแม้ว่า การกระทำเช่นนี้มืความผิดถึงขนประหารชีวิต แต่พระองค์ทรงมื นํ้าพระทัยกรุณา ใม'ทรงประสงค์จะฆ่าลัตว์ตัดชีวิต จึงเพียงทรง ว่ากล่าว แล้วขับไล่ใปเลียจากพระนคร เมื่ออำมาตย์ชั่วผู้ทั้นถูกขับไล่ออกจากเมือง ก็โกรธแค้น พระเจ้ามหาลีลวราชยิ่งนัก เขาขนทรัพย์สินและพาลูกเมืยเดินทาง ออกจากกรุงพาราณลี ไปพึ่งบารมืพระราชาแห่งแคว้นโกศล โดยที่อำมาตย์ผู้นี้เป็นคนมืผิมืออย่แล้ว และยังหมั่นเพียร ทำ การงานเต็มความสามารถ แสดงความจงรักภักดีอย่างออก นอกหน้า ในไม'ข้าก็เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของพระเจ้าโกศล

นิทานชาดกเล่มหก ๑๓ วันหนึ่ง ขณะที'อำมาตย์ทงหลายเข้าเฝัาประชุมปเกษาเรื่อง ราชการงานเมืองอยู่นั้น อำ มาตย์ชั่วเห็นเป็นโอกาสเหมาะ จึง กราบทูลพระเจ้าโกศลว่า \"พระพุทธเจ้าข้า กษัตริย์เมืองพาราณสีอ่อนแอราวอิสตรี ถึงแม้ราชสมษัติในเมืองจะมืมากมาย แต่ก็เปรียบเสมือนรวงผึง ทีป' ราศจากตัวผึ้ง หากพระองค์มืพระราชประสงค์เมืองพาราณสี แจ้วไซร้ เพียงยกกำลังทหารไปเล็กน้อย ก็อาจยึดเมืองไดโดยง่าย พระเจ้าข้า\" พระเจ้าโกศลทรงสดับฟังแล้ว ก็ไม่ทรงเชื่อสนิทนัก เพราะ ทรงเห็นว่าอำมาตย์ผู้นี้ เคยรับราชการในเมืองพาราณสีมาก่อน จึงตรัสสำทับว่า \"ที'เจ้าพูดอย่างปี เจ้าจะเข้ามาสอดแนมเมืองโกศลหรีอ อย่างไร...?\" \"หามิได้พระเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้ากราบทูลด้วยความ จริงใจ หากพระองค์ไม'ทรงเชื่อ ก็ทรงทดสองส่งทหารที่ไว้วางพระทัย ปลอมเป็นโจรไปปจ้นหมู่ม้านชายแดนเมืองพาราณสีดูลักครั้ง เมื่อ ทหารปลอมพวกนี้ถูกจับตัวไปเด้าพระเจ้ามหาสีลวราชแจ้ว ทรง มั่นพระทัยได้เลยว่า แท่นที่จะได้รับโทษ กลับจะได้รับพระราชทาน ทรัพย์สินส่วนพระองค์แจ้วปส่อยตัวกลับมาอีกด้วย เพราะพระเด้า- มหาสีลวราชทรงขลาดกลัว เกรงว่าพวกพ้องของโจรที่ถูกจับตัวไว้ จะตามมาแก้แค้น จึงมักด้องเอาใจโจรเสมอ พระเจ้าข้า\" อำ มาตย์ ชัวกราบทูล

๑(T นิทานชาดกเล่มหก พระเจ้าโกศลไม่ทรงเชื่อนัก แต่ทรงเห็นอำมาตย์กราบพูล อย่างแข็งขัน ก็ทรงคิดว่าจะทดลองดู จึงล่งทหารกลุ่มหนึ่งปลอม เป็นโจรไปปล้นหมู่บ้านชายแดนเมืองพาราณลี เหตุการณ์ก็เป็นจริงอย่างที่อำมาตย์ชั่วกราบพูล เพราะ เมื่อโจรปลอมของพระเจ้าโกศลถกจับตัวไปถวายพระเจ้ามหาลีลวราช ,1 rrirz,แล้ว พระองคํทรงซกถามคนเหล้านันว่า \"เหตุใดพวกเจ้าจึงพากันมาปล้นทรัพย์สินของชาวบ้าน ทำไมไมคดที่จะทำมาหากินโดยสุจริตเล่า...?\" \"พวกข้าพระพุทธเจ้ายากจน ไมมที่ดิน ไม่ปีทรัพย์สิน เงินทองจะลงทุนทำมาล้าขายอะไร จึงต้องปล้นเขากินอย่างนี้\" พวกโจรปลอมกราบพูล \"เอาเถอะ ถ้าพวกเจ้ายากจนไม่ปีจะกินจริงๆ เราจะให้ เงินทองพวกเจ้าไปทำทุนสร้างเนี้อสร้างตัว ประกอบอาชีพสุจริต จะไดไม่ต้องเป็นโจรอีกต่อไป การเป็นโจรเที่ยวปล้นฆ่าเขานั้น เป็นบาป นอกจากจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นแล้วตัวของ พวกเจ้าเองก็จะเดือดร้อนล้วย ต้องหสบซ่อน เกรงกล้วอาญาแผ่นดิน เมื่อยังปีชีวิตอยู่ แบ้ตายแล้วก็ปีทุคติเป็นที่ไป\" เมื่อพระเจ้ามหาสีลวราชพระราชทานโอวาทแล้ว ก็ พระราชทานพระราชทรัพย์ล่วนพระองคิให้แก่คนเหล่านั้น แล้วทรง ปล่อยไป

นิทานชาดกเล่มหก ๑(ร: พวกโจรปลอมจึงกลับไปกราบทูลเรื่องราวทั้งหมด ให้ พระเจ้าโกศลทรงทราบโดยละเอียด พระเจ้าโกศลก็มีพระทัยสอด คล้องตามคำยุยงของอำมาตย์ชั่วว่า พระเจ้ามหาลีลวราชเป็นกษัตริย์ ที่อ่อนแอ แตกยังไม่ทรงแน่พระทัยนัก จึงส่งทหารไปทดลองใหม่ อีกครั้ง คราวนี้ให้ไปดักปล้นในหมู่บ้านซานเมืองใกล้พระนคร เหตุการณ์ก็คงเป็นไปอย่างคราวแรกอีก คือพระเจ้า- มหาสีลวราชได้พระราชทานทfพย์ให้ แล้วปส่อยโจรไป แม้พระเจ้ามหาสืลวราชจะทรงปส่อยโจรถึงลองครั้งแล้ว พระเจ้าโกคลก็ยังไม่ทรงแน่พระทัยว่า พระเจ้ามหาสีลวราชจะไม' ทรงต่อสู้ หากถูกแย่งชิงราชสมปติ จึงทรงให้ทหารปลอมเป็นโจร เข้าไปปล้นอีกเป็นครั้งที่สาม คราวนี้ทรงให้ไปปล้นชาวบ้านถึง ในเมืองเลยทีเดียว เหตุการณ์ก็คงเป็นเซ่นเดิมอีก พระเจ้าโกศลทรงดำริว่า \"...พระเจ้ามหาสีลวราชนํ้าพระทัยดีจริง ๆ แต่ถึงอย่างไร การได้เมืองพาราณสีนั้นเป็นยอดปรารถนาของเรา ถ้าพาราณสี อยู่ในกำมือเราเมื่อไร เมืองไหน ๆก็ด้องเกรงกลัวเรา ชื่อของเรา ก็จะปรากฏไปทั่วนั้งปฐพีนี้....\" จากนน พระเจ้าโกคลจึงทรงกรีฑาทัพมุ่งสู่กรุงพาราณสี ด้วยความมั่นพระทัย

๑b นิทานชาดกเล่มหก กรุงพาราณสีในครั้งนั้น มีอำ มาตย์นักรบผู้เกรียงไกรอยู่ หนึ่งพันนาย ความสามารถ.ขฺองนักรบเหล่านี้อาจกล่าวได้ว่า ไม่มี ไครไนโลกนี้อาจหาญลูได้ อย่าว่าแต่มนุษย์ด้วยกันเลย แม้แต่จะ ไห้ด้กับช้างตกมันก็ไม่คิดหวาดหวั่น ดังนั้น เมื่อพระเจ้าโกศลยกกองทัพมาประชิดชายแดน อำ มาตย์นักรบเหล่านีจึงกราบพูลพระเจ้ามหาสีลวราช ขออาสา ออกไปต่อผู้เพื่อจับตัวพระเจ้าโกศลมาลงโทษไห้จงได้ แต่พระเจ้ามหาสีลวราชไม่ทรงอนุญาต พระองค์ตรัสว่า \"การทำศึกสงครามนนเป็นการล้างผลาญชีวิตกัน เป็นการ ก่อบาปก่อเวรไมสนสุด อย่าเลย.... เมือพระเจ้าใกคลต้องการ ราชบัลลังก์ของเรา ก็ให้เขามาเอาเถิด\" ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าโกศลก็เคลื่อนทัพเช้ามาประชิดเมืองหลวง โดยไม่มีการต่อผู้ขัดขวาง แม้บรรดาอำมาตย์นักรบของพระเจ้า- มหาลีลวราชอยากจะออกรบนักหนา แต่ก็ผู้อดไจไว้ เพราะความ เคารพไนคำสั่งขององค์พระประมุขของตน อันเป็นคุณธรรมที่ ยอดเยี่ยมของทหารหาญ เมื่อพระเจ้าโกศลยกทัพย่างล่วงเลยมาได้!ดยง่ายเช่นนั้น ก็ทรงลังเลพระทัย เกรงว่าอาจจะมีอุบายซ่อนเร้นอยู่ก็เป็นได้ จึง ล่งพระราชสาสนัเช้ามาพูลถามว่า จะยกราชสมปติไห้หรีอจะรบ พระเจ้ามหาสีลวราชจึงทรงตอบพระราชสาส์นกลับไปว่า

นิทานชาดกเล่มหก ๑๗ \"มหาบพิตร เราไม่รบหรอก หากท่านปรารถนาราชสมบ้ติ ก็จงเข้ามารับไปเถิด เรายินดีมอบไห'' จากนั้น พระเจ้ามหาสฺลวราชทรงมีร้บสั่งให้เปิดประตูเมือง ทุกด้าน แล้วพระองค์เสด็จขึ้นประทับเหนือพระราชบัลลังก์ พร้อม ด้วยนักรบทั้งพันนายเข้าเฝัาแวดล้อมอยู่โดยสงบ เมื่อพระเจ้าโกศลเข้ายึดเมืองได้ ทรงจับพระเจ้ามหาสีลวราช พร้อมด้วยนักรบทั้งพันนายมัดไว้ แล้วมืรับสั่งว่า \"เรายึดพาราณสีไดีโดยไม่ต้องออกแรงเลยสักนิด บัดนี้ พระเต้ามหาสีลวราชอยู่ในกำมึอของเราแล้ว พระองคไม่โปรด การรบราฆ่าฟัน เราก็จะไม่ประหารพระองค์\" มิไช่ว่าพระเจ้าโกศลจะทรงพระเมตตา หากพระองค์กลับ มืรับสั่งไห้จับพระเจ้ามหาสีลวราช กับอำมาตย์ทหารทั้งพันคนไปฝัง ทั้งเป็นไนป่าข้าผีดิบ ซึ่งเป็นที่ทิ้งชากศพไนสมัยนั้น โดยไห้ขุดหลุม ลึกฝังลำตัวไว้ แล้วโผล่ศีรษะขึ้นมาแค่ศอ เพื่อรอไห้ฝูงสุนัขและลัตว์ ร้ายมากัดทิ้งกินเป็นอาหาร พระเจ้ามหาสีลวราชถูกเหยียบยํ่าทำร้ายถึงปานนั้น ก็ยัง มิได้ทรงถึอโกรธ ทั้งมั่นประพฤติธรรมอย่างแน่วแน่มั่นคง ทรงลำรวม พระทัยแผ่เมตตาไห้แก่ตัตรู พร้อมกับยังทรงพระราชทานโอวาท ปลอบไจเตือนสติเหล่านักรบของพระองค์ ซึ่งถูกฝังแวดล้อมอยู่

(5)^ นิทานชาดกเล่มหก รอบข้าง ให้ตัดใจอโหสิกรรมแก่ข้าศึก และให้ทำใจเป็นกุศลแผ่เมตตา แก่เขาทังหลาย เพือให้ใจบริลุทธิ แม้ตายก็จะไดไปดี ยังดกว่ามซวต' อยู่เพื่อการสร้างบาปกรรม อำ มาตย์นักรบเหล่านั้นล้วนแต่มีนำใจมันคง จงร้กภักดีต่อ พระเจ้ามหาลีลวราชอย่างนำสรรเสริญยิ่งนัก ถึงแม้ถูกเหยียดหยาม ภายในใจจะร้อนระอุ คุกรุ่นไปด้วยความกระหายทีจะรบ แต่ด้วย ความมีวินัยอันไดีถึเกปรือมาอย่างดีเยียม และความศรัทธาเชือม้น ที่มีต่อพระราชาซองตน จึงทำให้ทุกศนยอมเซือฟังและกล้าสละชีวิต ทนข่มใจยอมให้ข้าศึกม้ดลากมาฝังดิน เผชิญความตายแต่โดยดี ทง ๆ ที่มิใช่ผู้อ่อนแอไรยีมือ ครั้นเวลาคํ่าคืนมาถึง ฝูงสุนัขจิงจอกทีเคยมากัดกินซากศพ มนุษย์ในป้าข้านั้นเป็นประจำ ก็เข้ามาหาชากศพกินตามเคย เมื่อ พวกมันเห็นศีรษะคนโผล่เกลื่อนอยู่เต็มป้าข้าเซ่นนั้น ก็เข้าใจว่า เป็นซากศพจำนวนมหาศาล จึงต่างวิงกรูกันเข้ามาด้วยความดีใจ และกระหายหิว พระเจ้ามหาสีลวราชทรงคาดคะเนถึงภัย ทีจะเกิดขึนใน ป้าข้านี้มาก่อนแล้ว จึงทรงนัดแนะอุบายเอาตัวรอดให้แก่นักรบ ของพระองค็ไว้ล่วงหน้า ครันฝูงสุนัขจิงจอกพากันวิงตรงรีเข้ามา ก็ทรงทำสัญญาณให้เปล่งเลียงตวาดขืนพร้อม ๆ กัน เลียงนั้นตัง กึกก้องไปทั้งป้าข้า ฝูงสุนัขได้ยินก็ตกใจเผ่นหนีเตลิดไป แต่ครัน เมื่อมันเหลียวหสังกสับมาดู ไม่เห็นมีใครไล่ตาม จึงพากันย้อนกสับ มาใหม่

นิทานชาดกเล่มหก ๑๙ พระราชาและหมู่อำมาตย์ทหาร ก็ตะเพิดมันด้วยวิธีนั้นอีก มันก็เตลิดไปอีก เป็นอยู่อย่างนี้ถึง ๓ ครั้ง ฝูงสุนัขเริ่มรู้แล้วว่าศีรษะ คนเหล่านี้นทำเสียงได้อย่างเดียวแต่เข้ามาทำร้ายมันไม'ได้ และก็คง หนีมันไปไม'ได้เช่นกัน พวกสุนัขจึงเดินเข้ามาหา แม้จะทำเสียงเอะอะ อย่างไร ๆ มันก็ไม'ยอมหนีไปอีก เจ้าตัวจ่าฝูงตรงรี่เข้ามาหาพระเด้า- มหาสีลวราช ล่วนตัวอื่นๆยังไม'แน่ใจ ก็รี ๆรอๆ ตงทำจะรี่เข้าใส่ พวกอำมาตย์ทงพันนายด้วย พระเจ้ามหาสีลวราชนี้น แม้พระวรกายของพระองค์จะทรง ถูกฝังอยู่ในดิน มิอาจทรงขยับเขยือนต่อ่เได้ก็ตาม แต่ก็คงมีพระสติ มั่นคง และทรงมีพระปัญญาเป็นเลิศ ทรงฉลาดในอุบาย เมีอสุนัข จิ้งจอกแยกเขี้ยวขาวตรงรี่เข้ามา ก็ทรงเงยพระศอยืดขึนสุดช่วง สุนัขจ่าฝูงเห็นช่องทางสะดวกก็เอียงศอหมายจะงับพระศอให้ถนัดถนี แต่ยังไม'พันที่มันจะงับได้ พระเจ้ามหาสีลวราชก็ทรงกดพระหน, ลงหนีบส่วนคอของมันไว้แน่นราวกับกำลังของหีบยนต์ เมื่อสุนัขจิ้งจอกถูกหนีบคอตรึงแน่นอยู่อย่างนี้น มันตกใจ สุดขีด ทงเจ็บ ทงกลัวตาย จึงแผดเสียงร้องโหยหวนกึกก้องไปมั่วป่า ตาเหลือกลาน ดิ้นสะบัดอยู่ไปมา สุนัขบริวารได้ยินเสียงหัวหน้าร้องโหยหวนก็ตกใจ พากัน คิดว่านายของมันคงถูกคนที่เห็นแค'คอ จับตัวได้แล้ว ต่างไม'กล้า เข้าใกล้พวกอำมาตย์ พากันเผ่นหนีเอาตัวรอดไปจนหมด

๒๐ นิทานชาดกเล่มหก สุนัขจิ้งจอกจ่าฝูงพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดจนสุดกำลัง เท้าทงลี่ของมันตะกุยดินร่วน ๆ ที่ฝังกลบพระราชาไว้จนกระทั่ง กระจัดกระจายออกเป็นวงกว้าง แต่ถึงมันจะดิ้นละบัดอย่างไร ก็มิอาจหสุดออกจากการกดด้วยพระหนุของพระเจ้ามหาลีลวราช ไปได้ มันดิ้นรนละบัดตัวไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยพละกำลังตังช้างลารของพระเจ้ามหาลีลวราช ที่ทรง กดคอสุนัขจิ้งจอกไว้ ประกอบกับร่างกายอันใหญ่โตลํ่าลันของสุนัข จิ้งจอกจ่าฝูง ที่ดิ้นรนไปมา ทำ ไหดินปากหลุมที่กลบพระวรกาย ของพระองค์หลวมขึ้นพอจะขยับพระองค็ได้แล้ว จึงทรงเงยพระหนุ ขึ้น ปล่อยสุนัขจิ้งจอกไหวิ่งหนีไป แล้วทรงโคลงพระวรกายไปมา จนปากหลุมหลวม แล้วทรงยกพระหัตถ์ทั่งลองพ้นจากดิน ทรงเหนี่ยว ปากหลุมยันพระวรกายขึ้นมาได้ แล้วทรงเปล่งพระสุรเสียงพระราช- ทานกำลังไจแก่บรรดาอำมาตย์ทั่งหลายไหัมีขวัญดี คณั้แล้ว ทรงฉุดอำมาตย์ทั่งหลายไหขึ้นจากหลุม เมึ่อทุกคน ขึ้นมาได้แล้ว จึงพากันพักผ่อนไห้หายอ่อนเพลียอยู่ไนป่าช้าผีดิบ นนเอง ไนป่าช้าแห่งนี้เป็นที่หากินของยักษ์ ๒ ตน ยักษ์ทั่งลองนี้ กินซากศพมนุษย์เป็นอาหาร ทั่งลองได้ตกลงแปงเขตแดนออกเป็น ๒ เขต หากซากศพถูกทิ้งไว้ไนเขตของไคร ก็เป็นสิทธของผูนน แต่ไนคืนนนเอง มีซากศพมนุษย์ศพหนี่งถูกนำมาทิ้งไว้ตรง เล้นแปงเขตแดนพอดี ยักษ์ทั่งลองไม่ลามารถตกลงแบ'งกันไดจึง เกิดทํมเถียงกันอยู่นาน



๒๒ นิทานชาดกเล่มหก ในที่สุดยักษ์ทั้งสองซึ่งเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพระราชา และเหล่าอำมาตย็โดยตลอด และเห็นว่าพระเจ้ามหาสีลวราชทรงมี พระสติปัญญาหลักแหลม ทั้งยังทรงตงอยู่ในทศพิธราชธรรมปราศจาก อคติทั้งปวง เห็นพอที่จะอาศัยเป็นที่พึ่งให้แบ'งชากศพนี้ได้Iดยยุติธรรม จึงช่วยกันลากศพนนมาเฝ็าพระราชา ทูลขอให้พระองค์ทรงจัดการ แบ'งให้ด้วย พระเจ้ามหาลีลวราชตรัสตอบว่า \"เราจะช่วยแบ่งซากคพให'เจ้าก็ได้ แต่เวลานเนื้อตัวของเรา เลอะเทอะ ขะมุกขะมอม ต้องขออาบนื้าก่อน\" ยักษ์ทั้งสองจึงรีบไปนำนำที่อบไว่ในห้องสรงนํ้า พร้อมทั้ง เครีองทรงเศรื่องหอม และเครื่องประดับที่เตรียมไว้ลำหรับพระเจ้า- โกศลมาถวาย แล้วยังเข้าไปในห้องพระเครื่อง นำ พระกระยาหาร รสเลิศมาถวายให้เสวยจนทรงอิมหนำลำราญแล้ว จึงกราบทูลถามว่า ยังมีพระประสงค์สิ่งใดอีก พระเจ้ามหาสีลวราชจึงมีรับสั่งว่า \"เจ้าจงไปนำพระขรรค์ของเรา ขึงวางไว้เหนือพระแท่น บรรทมมา\" ยักษ์ทั้งสองก็บุกเข้าไปถึงห้องพระบรรทม หยิบพระขรรค์ ซึงวางอยู่ใกล้พระเศียรของพระเจ้าโกศล มาถวายพระเจ้ามหา สลวราช เมื่อพระองคใด้พระขรรค์คู'พระหัตถ์ก็ทรงจับศพทั้นตํ้งขึ้น แล้วผ่าศพ ออกเป็น ๒ ซีกตงแต่หัวลงมา พระราชทานแก่ยักษ์ทั้งสอง โดยเท่ากัน

นิทานชาดกเล่มหก ๒๓ ยักษ์ได้กินเนื้อมนุษย์สมใจแล้ว ก็สำ นึกในพระกรุณา จึงกราบทูลอาสาจะสนองพระราชประสงค์ต่อไป พระราชาจึงตรัสว่า \"ถาเช่นนั้น เจ้าจงพาเราไปยังห้องบรรทม และพาอำมาตย์ นักรบทงพันนายไปส่งให้ถึงบ้านของแต่ละคนด้วย\" ยักษ์ทั้งสองได้'ปฎิปติตามรับสั่งจนเสเจสิ้นเรียบร้อยแล้ว จึงกราบทูลกลับไป เมื่อพระเจ้ามหาสีลวราชเสด็จเข้าไปยังห้องบรรทม ได้ทอด พระเนตรเห็นพระเจ้าโกศลบรรทมหลับสนิทบน พระยี่ภู่ จึงทรง วางพระขรรค์ลงบนอุทรของพระเจ้าโกศล พระเจ้าโกศลรูลึกพระองค์ ทรงตกพระทัยผวาตื่นขึ้นมาทันที ครั้นทอดพระเนตรเห็นพระเจ้ามหาลีลวราชประทับยืนอยู่ใกล้พระที่ ก็ทรงสะดุ้งหวาดกลัว เหมือนเห็นพญามัจจุราชมายืนอยู่ตรงหน้า พระเสโทเม็ดโน้ง ๆ ผุดขึ้นเต็มพระพักตร์อันซีดเผือด เมื่อพระเจ้าโกศลทรงสำรวมพระสติได้แล้ว จึงตรัสถาม ด้วยพระสุรเสียงที่สั่นเครีอ ถึงเหตุที่พระเจ้ามหาสีลวราชทรงรอดชีวิต และกลับเข้ามาถึงห้องพระบรรทมได้ พระเจ้าสีลวราชทรงปลอบ ให้หายหวาดกลัว แล้วตรัสเล่าเรื่องทั้งหมดให้พัง ทั้งยังทรงยํ้าว่า มิได้ทรงถือโทษแต่อย่างใด พระเจ้าโกศลได้สติแล้ว ทรงนึกละอายพระทัยยิ่งนัก จึง ลดพระองค์ลงกราบถวายบังคมแทบพระยุศลบาท พลางทูลสารภาพ ด้วยพระสรเสียงอันสั่นเครีอ นํ้าพระเนตรคลอว่า

๒(ร: นิทานชาดกเล่มหก \"ขาแต่มหาราชา หม่อมฉันไดชื่อว่าเป็นมนุษย์ แต่กลับ มิได้ขาบซึ้งถึงพระคุณสมบ้ติของพระองค์เลย นับว่าเลวทรามตํ่าช้า ยิ่งนัก แม้แต่พวกยักษ์ซึ่งมีปกติชอบกินเลือดกินเนื้อ^น ไดชื่อว่า หยาบคายร้ายกาจ แต่ยังรูถึงพระคุณสมบ้ติอันเลิศของพระองค์\" ตรัสพลางก็ทรงน้อมพระเศียรลง ยกพระหัตถ์จับพระขรรค์ ที่พระเจ้ามหาสีลวราชทรงถืออยู่ ขึ้นจรดเสมอเศียรพร้อมกับตรัสว่า \"หม่อมฉันสำนึกถึงความผิดและได้ขาบซึ้งในพระคุณของ พระองค์แล้ว หม่อมฉันขอกระทำลัตย์สาบานว่า จะไม่ประทุษร้าย ต่อพระองค์อีก และจะขอเป็นผู้ถวายการอารักขาพระองค์ ตลอดจน ประชาชนพลเมีองมิไหได้รับอันตรายจากโจรmายใด ๆเลย\" เมื่อพระเจ้าโกศลทรงกราบขอขมาแล้ว จึงพูลเชิญพระเจ้า- มหาสีลวราชให้เสด็จขึ้นบรรทมบนพระยี่ภู' ส่วนพระองค์บรรทม ในที่ที่ตํ่ากว่า จนกระทั่งรุ่งเช้า จึงมีรับทั่งให้บรรดาเสนา อำ มาตย์ และประชาชนชาวเมืองมาประชุมพร้อมกันที่หน้าประตูเมีอง ครั้นแล้ว พระเจ้าโกศลก็เสด็จออกท่ามกลางมหาชน ตรัส สรรเสริญพระเกียรติคุณของพระเจ้ามหาสีลวราชเป็นอเนกประการ ทรงกระทำการขอขมาอีกครั้งหนึ่งต่อหน้ามหาชน แล้วประกาค ถวายราชสมปติทั่งหมดคืนพระเจ้ามหาสีลวราช เมื่อเสเจลิ้นภารกิจแล้ว พระเจ้าโกศลก็ทรงยกกองทัพกลับ ทรงมีรับทั่งให้ลงอาญาแก่อำมาตย์ชั่ว ที่ยุแหย่ให้พระองค์กระทำ ความผิด แล้วจึงนำทหารของพระองค์กลับบ้านเมือง

นิทานชาดกเล่มหก ๒๕: ฝ่ายพระเจ้ามหาสีลวราช เมื่อได้รับราชสมบติอันแวดล้อม ด้วยเครื่องราชอิสริยยศกลับคืนตามเดิมแล้ว ก็ทรงรำพึงถึงอานุภาพ แห่งความเพียรว่า \"เพราะความเพียรแท'7 ที่ทำ ใหได้ยศศักดิ้ที่เสึ่อมไปแล้ว กลับคืนมา ทัง้ยังช่วยใหอำมาตย์นักรบทั้งพันคนรอดชีวิตกลับมา ไดอีกด้วย เราปรารถนาอย่างใด ก็ได้อย่างทั้น ธรรมดาผลแห่ง ความเพียรของผูที่สมบูรณ์ด้วยคืล ย่อมสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ จริง ๆ\" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พระเจ้ามหาสีลวราชก็ยิ่งทรงทำบุญ ทำ ทาน ทรงรักษาศีล และทรงเจริญภาวนามากยิ่งขึ้นโดยลำดับ ด้วยศรัทธาอันเปียมล้น ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ 'ประซุมซๆดก พระลัมมาลัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนา และอริยลัจสี่ โดยอเนกปริยาย พระภิกษุผู้มีความเพียรย่อหย่อน ก็กลับมีกำลังใจ เ'ฃ้มแข็ง บังเกิดปีติสามารถประคองจิตเ'ข้าถึงธรรมกายอรหัต สามารถ ปราบกิเลสได้ตั้งหมด สำ เร็จเป็นพระอรหันPTไนบัดนั้นเอง จากนั้นทรงประ'ชุมชาดกว่า ได้มาเป็นพระเทวทัต อำ มาตย์ชั่ว ในครงนั้น ได้มาเป็นพุทธบริษัท อำ มาตย์\"นักรบ'ตั้ง'พนงพัน ได้มาเป็นพระองค์เอง 'พระเจ้ามหาสืตวราช

๒๖ นิทานชาดกเล่มหก ฃ้อคิดจๆกซๆดก ๑. เมื่อเรารักษาศีล ประพฤติธรรมจนเป็นที่รู้กันทั่วไปแล้ว เราต้องยอมรับว่า ต่อไปภายหน้าอาจจะเกิดมีคนพาลพวกหนึ่ง คอยฉวยโอกาสจากการรักษาศีลของเรา บางคนอาจร้ายกาจถึงขั้น รังแกกลนแกล้ง บีบคนเราต่าง ๆ นานา หรือคิดกำจัดเราให้พ้นไป จากเล้นทางของเขา เพราะการรักษาศีลของเราอาจจะเป็นการ ขัดขวางผลประโยชน์ในทางชั่วของเขา เนึ่องจากคนพวกนี้รู้ว่า เราจะไม่ก่อเวร ไม'ทำร้ายใคร จึงคอยรังแกอยู่รํ่าไป ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาท และให้สามารถทำความเพียร ไต้สำเร็จ จึงต้องหาทางบีองกัน โดยยึดหลักว่า ศีลก็ต้องรักษา ให้ครบถ้วน ระเบียบวินัยก็ต้องรักษาให้เคร่งครัด ใครทำผิดก็ต้อง ลงโทษ และต้องไม่กระทำการอันเป็นการเปิดโอกาสให้คนพาลทำชั่ว ๒. เมื่อมีปัญหา อย่าดัดสินปัญหาง่าย ๆ ด้วยวิธีการแบบ รุนแรง มิฉะนั้นเรื่อง่ร้ายจะยึดเยึอไม่รู้จบเพราะความอาฆาตจองเวร เซ่น การฆ่าล้างแค้นระหว่างคนเพียงคู'หนึ่ง อาจกลายเป็นการฆ่า ล้างโคตรไต้ในภายหลัง ให้ดูน่าพระทํยของพระเจ้ามหาสืลวราชเป็นตัวอย่าง พระองค์ ทรงยอมสละราชสมปติ เอาชีวิตเข้าแลกเป็นเดิมพัน จนสามารถ ชนะใจศัตรูไต้

นิทานชาดกเล่มหก ๒๗ แต่ความลำแจไม'ได้เกิดจากความกล้าตายของพระองค์เท่านั้น ความสำแจเกิดจากการที่พระองค์ เป็นผู้รักษาศีล ประพฤติธรรม อยู่เป็นนิจ จนกิตติศัพท์เลื่องลือ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของคนทั้งหลาย แม้อำมาตย์ตงพันยังพร้อมใจกันพลืชีวิต เพื่อสนับสนุนให้พระองค์ ทำ ความเพียร รักษาศีลได้ตลอดรอดฝัง ดังนั้น คนที่ไม'รักษาศีลอยู่เป็นนิจ จะใชีวิธีการอย่างเดียว กับพระองค์ย่อมไม'สำแจ ฒูปัญญาทั้งหลาย เมื่อดัดสินใจแก้ปัญหา อะไร ให้ถือเอาธรรมะเป็นพื้นฐาน ส^นเข้าวัด จิตใจย่อมผ่องใสดีงาม มีเมตตา แต่ให้ระวัง ว่าความเมตตาที่ขาดอุเบกขา(ความยุติธรรม) กำ กับ จะก่อให้เกิด ความยุ่งยากใดีในภายหลัง เช่น เมตตาโจร เหมีอนพระเจ้ามหาสีสา- ราชทรงเมตตาอำมาตย์ชั่ว ทำ ผิดแล้วกลับไม'ลงโทษตามระเบียบ เพราะทรงคิดว่าเขาจะเ'คุณ สำ นึกผิด กว่าจะรู้ว่าเมตตาคนลันดานชัว ไม'มีประโยชน์ ก็สายเกินแก่ไปเสียแล้ว ดังนั้น คนชั่วทำความผิด ที่สมควรกักขังก็ต้องขังไว้อบรม ดัดลันดานเสียก่อน อย่าปล่อยไหไปทำความเดีอดร้อน <r. การบังเกิดของพระลัมมาลัมพุทธเจ้านั้น ยากเย็น แสนเข็ญ เพราะการรักษาศีลให้ปริสุทธึ๋ครบถ้วน จนเป็นพระลัมมา- ลัมพทธเจ้าได้นั้น ต้องเอาชีวิตเข้าแสกเป็นเดิมพันทีเดียว

๒ นิทานชาดกเล่มหก อรบายฟัฬท์ (มหาสีลวชาดก อ่านว่า มะ-หา-สี-ละ-วะ-ชา-ดก) ทุคต สถานที่ไปเกิดอันชั่ว ได้แก่ นรก,ดิรัจฉาน, พระนท่นบธธทม เปรต, อสุรกาย ที่นอน ฬระแภู่ ที่นอน อุทธ ท้อง <ฬ§ะคาอๆ'ประจำยๆดก อาลีสเลว ปุริโส น นิพฺพินุเทยย ปณฺฑิโต ปลฺสามิ ใวหํ อตุตานํ ยถา อิจฺฉึ ตถา อหุ บุรุษผู้เป็นบัณฑิต ย่อมมีความหวัง ไม่พึงเบื่อหน่าย เราเห็นตนเองเป็นตัวอย่างอยู่ว่า เราปรารถนาอย่างใด ก็ได้เป็นอย่างนนแล้ว

ณณปาตกชาดก ชาดกว่าด้วยความฉลาดทันคน สคๆนทีดรสชๆดก เซตวันมหาวิหาร นครสาวัตถี สๆเทดุทีดรสซาดก ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล ณ นครสาวัตถี มีนักเลงขี้เหล้า กลุ่มหนึ่ง นั่งล้อมวงดื่มเหล้าเมารํ่าเป็นอาจิณ ไมคิดทำการงานใด ๆ ได้แต่เบียดเบียนเงินทองจากครอบครัว หรือไม่ก็หลอกลวงชาวบ้าน บางครั้งก็ตัดซ่องย่องเบาเขา หาเงินมาดื่มเหล้ากัน

๓๐ นิทานชาดกเล่มหก วันหนึ่ง เงินที่มีไว้ชื้อเหล้าใกล้จะหมดลง พวกขี้เหล้าจึง หันหน้าเข้าปรับทุกข์กันว่าควรจะทำอย่างไรดี ขี้เหล้าหัวโจกคนหนึ่ง ก็เสนอแผนร้ายขึ้นมาว่า ให้หาอุบายมอมเหล้าอนาถบิณฑิกเศรษฐี เมื่อท่านหมดสติแล้ว จึงปสดเครื่องแต่งตัวของท่านไปขายเอาเงิน มาขี้อเหล้าดื่มกัน เข้าวันรุ่งขึ้น พวกขี้เหล้าก็นำยาเบื่อผสมสงในไหเหล้าแล้ว ตั้งไว้ พร้อมกับนั่งล้อมวงท่าทีเป็นดื่มเหล้ากันตามปกติ รอท่า อนาถบิณฑิกเศรษฐีเดินผ่านมา ศนพวกนี้ถึงแม้จะพบเห็นท่านเศรษฐีปอย ๆ ก็ไม่เศยเว่า ท่านเป็นพระใสดาบันแล้ว ย่อมมีศีส ๕ นั่นคง ไมดื่มสุราทุกประเภท แม้จะไข้ผสมยาก็ตาม ยิ่งกว่านั่น ท่านยังมีศรัทธานั่นคงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หมดความถึอตัว แต่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน อย่เป็นนิจ ไม'นานนักหลังจากท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กลับจากเฝัา พระเจ้าแผ่นดินได้เดินผ่านมา ขีเหล้าคนหนึ่งรีบกระวีกระวาด ออกไปต้อนรับ พสางกล่าวเชิญชวนท่านด้วยอาการพินอบพิเทา ไห้ท่านร่วมวงดื่มเหล้าด้วย ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นพระโสดาบันแล้ว ย่อมมีศีส นั่นคง ไมดื่มสุรายาเมาทุกชนิด แต่เมื่อถูกชวน ท่านก็นึกเฉลียวไจว่า ต้องมีอะไรแอบแผ่งซ่อนเร้นอยู่เป็นแน่ เพราะคนพวกนึถึงแม้จะเห็น ท่านปอยๆ ก็ไม่เคยทักทายปราศรัย หรือเอ่ยปากชักชวนไห็ดื่มเหล้า

นิทานขาดทเล่มหก ๓๑ ด้วยเลยลักครั้ง ท่านอนาถบิณฑิกเศรษ่ฐีจึงคิดว่าเจ้าขี้เหล้าพวกนี้ มีความคิดไม่ชอบมาพากล เห็นทีจะปล่อยไว่ไม'ได้เลียแล้ว จึงทำที เดินเข้าไปใกล้ๆวงเหล้า ชำ เลืองดูกิริยาอาการของขี้เหล้าพวกนี้ แล้วตะคอกขี้นทันทีว่า \"เจ้าพวกขีเหล้า เจ้าเอายาเบือผสมเหล้า หมายจะมาหลอก ให้เราดื่ม ล้าเราสลบไป พวกเจ้าก็จะไห้ปลดเอาทรัพย์เราเสีย ไช'ไหม....? ชะ..ชะ..ชะ ทำ เป็นตงวงเหล้า คุยอวดว่าเหล้าของตัวดี อย่างนั้นอย่างน ล้าดีจริง ทำ ไมพวกเจ้าไม่ยกขี้นดื่มล'ะ...? เจ้า พวกนั้คิดกำเริบนัก เห็นทีจะห้องไห้ถูกลงโทษเสียบ้างแล้วล่ะ\" เมื่อพวกขี้เหล้าเห็นว่า ท่านอนาถบิณฑิกเศรษเจะรู้ทันอุบาย ของตน ทํ้งยังคิดจะลงโทษอีกด้วย ก็ตกใจเป็นทวีคูณ ทุกคนหน้าซีด เผือด มีอไม้สั่น รีบเผ่นหนีไปคนละทิศละทางทันที เมื่อท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีไล่พวกขี้เหล้าอันธพาลไปแล้ว ก็คิดว่าน่าจะนำเรื่องนี้ไปกราบทุลพระลัมมาลัมพุทธเจ้าให้ทรงทราบ เพื่อขอพระพุทธองค์ทรงวินิจฉัยต่อไป ครั้นพระบรมศาสดาทรงทราบเรื่องแล้ว ก็ทรงระลึกชาติ ด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วตรัสว่า \"มิใช่แต่บ้ดนี้เท่านั้นหรอก ที่คนพวกนี้คิดหลอกลวงทำร้าย ท่านเศรษฐี แม้เมื่อชาติก่อนก็เคยสมคบกันหลอกลวงบ้ณฑิต ทงหลาย ห้วยวิธีนี้มาแล้วเช่นกัน\" แล้วทรงนำ บุณผบๆดิกซๆดก มาตรัสเล่าดังนี้

๓๒ นิทานชาดกเล่มหก เนื้อฬๆซๆดก ในอดีตกาล สมัยเมื่อพระเจ้าพรหมทัดครองราชลมป้ติ ณ กรุงพาราณลี ในครงนั้น ท่านเศรษฐีเมืองพาราณลีกำลังเดินไป เข้าเฝัาพระราชาตามปกติ นักเลงขี้เหล้ากลุ่มหนึ่งวางแผนจะปลด ทรัพย์ท่านเศรษฐี จึงส่งพรรคพวกคนหนึ่งเข้าไปทักทาย แล้วชวน ไปดื่มเหล้าที่พวกตนผสมยาพิษเอาไว้ \"สวัสดีจ๊ะ...นาย พวกข้าได้เหล้ารสดีมาไหหนึ่ง เชิญนาย มาร่วมดื่มด้วยกันกับพวกข้าด้วยเถิด\" ท่านเศรษฐีนั้น ความจริงก็ไม่อยากสุงสิงกับพวกขี้เหล้า แต่ไจหนึ่งก็อยากรู้ว่าพวกนี้จะมืเล่ห์เหลี่ยมอะไร จึงคิดหาทางดัด ลันดานไห้เข็ดหลาบ เลิกประพฤติชั่วเช่นนั้นอีก ท่านจึงแสร้งทำ อาการยินดี เดินตามขี้เหล้าคนนั้นไป เมื่อถึงที่ที่พวกนักเลงเหล้า กลุ่มนี้ตั้งวงดื่มกัน ท่านชำเลืองดูไหเหล้า แล้วกล่าวว่า \"แหม...!เหล้าไหนึ่น่าดื่มจริงๆ เสียดาย...ข้ากำลังจะไป เข้าเด้าในหลวง จะดื่มเหล้าแล้วเข้าเด้าจะเป็นการไม่สมควร เอาไว้ ตอนขากลับเถอะนะ ข้าจะมาร่วมก๊งกับพวกเจ้าด้วย\" พวกนักเลงสุราคิดว่าท่านเศรษฐีหลงกลพวกตนแน่แล้ว ก็ตระเตรียมจัดสุรา และกับแกล้มไว้รอต้อนรับอย่างเต็มที่ ครั้นท่าน เศรษฐีกลับจากเฝัาพระราชาผ่านมาถึง ก็กุลืกุจอต้อนรับขับสู้อย่าง แข็งขัน ฉุดไม้ฉุดมือไห้ลงนึ่งร่วมวงกับพวกตน



€ท(ร: นิทานชาดกเล่มหก ท่านเศรษฐีนั่งลงแล้ว ก็ชะโงกหน้ามองลงในไหเหล้าแล้ว พูดยิ้ม ๆ ว่า \"สหาย.... เราไปตั้งนานแล้ว เหล้าในไหของท่านยังไม่พร่อง ไปเลย พวกท่านคุยว่าเหล้านีรสเลิศนัก ทำ ไมจึงใจแข็งไม่ยอมดืม กันเลย ใจคอจะเก็บไว้สำหรับข้าเพียงคนเดียวเชียวหรือ\" ว่าแล้วก็ผุดลุกฃึ๋น ตวาดว่า \"พวกเจ้าเอายาพิษใส่ลงไปด้วย ใช่ไหมfill\" พวกนักเลงสุราถึงกับสะดุ้ง ตกตะลึงเพราะคิดไม่ถึงว่าท่าน เศรษฐีจะรู้ท้นพวกตน จึงต่างหลบตาไม่กล้าล้หน้า ท่านเศรษฐีรู้ว่า เป็นความจริงแล้ว จึงกล่าวว่า I \"ไหเหล้ายังเต็มอยู่นั่นเอง พว}ไเจ้ากล่าวหลอกลวง เรารู้ทัน ว่าเหล้านี้ไม่ดีแน่นอน\" \\ พลางดู่สำท้บฃึนอีกว่ว \\ \"พวกเจ้ากำเริบถึงกับดีดฆ่าข้าเชียว}รอะ..f ข้าจะไป กราบทูลพระราชา ให้ล่งทหารมาจับพวกเจ้าไปลงโทษเสียให้หมด\" พวกนักเลงสุราต่างตกตะลึง ตาค้าง บางคนก็ละลํ่าละลัก กล่าวกับท่านเศรษฐีว่า \"ได้โปรดเถิดท่านเศรษฐี พวกข้าโง่เขลา ดีดแต่จะหาเงิน ซื้อเหล้าดื่มเท่านัน ไมใดดีดฆ่าท่านเศรษฐีเสย โปรดยกโทษไหข้า ด้วยเถิด\"

นิทานชาดกํเล่มหก ๓๕ \"ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว\" \"ฮ่ะ..ฮ่ะ..ฮ่ะ..! คนยังกินเหล้าอยู่ กินแล้วก็ขาดสติ เมื่อ ขาดสติแล้วก็ลืมคำสัญญา ข้าไม่เชึ่อ..!!! ข้าจะไปกราบทูลพระราชา\" \"โอ๊ย...อย่า..อย่า ข้ายังไม่อยากตาย...\" \"ล้าอย่างนี้นพวกเจ้าจะต้องเลิกดึ่มเหล้า ตงแต่บัดนี้\" ท่าน เศรษฐียื่นคำขาด \"จ๊ะ..จ๊ะ ฉันจะเลิกเหล้าตงแต่วันนี้\" นักเลงสุราต่างรับปาก ท่านเศรษฐีก็พูดสั่งสอนใ'เ^ดชอบชั่วดี พร้อม'สั่งคาดโทษ ไว้อย่างหนัก แล้วจึงปล่อยตัวไป บระชุมซๆดก เมื่อพระบรมศาสดาทรงแสดง 'ปุณผมๆดัซๆดก จบแล้ว ทรงประ'ชุมชาดกว่า iMQn'uni.aงชุรๆ ได้มาเป็นนักเลงสุราไนครั้งนี้ 'ฬ่ๆนเดธษฐี ได้มาเป็นพระองค์เอง ฟ้อคิดจากซๆดก ๑. ถึงแม้เราจะไม่ต้องการก่อเวรกับคนพาลเลย แต่คนพาล ก็มักจ้องหาเรื่องก่อกวนเราอยู่เรื่อย ๆ อย่าคิดว่าเมื่อเป็นคนดีมี ศีลธรรมแล้ว คนพาลจะไม่รบกวน โบราณจึงกล่าวเตือนไว้ว่า \"เวรยังรู'หมด_ แต่มารนี้นไม่รูสิ้น\"

6nb นิทานชาดกเล่มหก ทุกคนจึงควรระวังตัวไวใม่ประมาท โดยทำตังนี้ 0. ระน,วซภัยหึ่น่าระแวง โดยหมั่นสังเกตเหตุการณ์ รอบ ๆ ตัว ที๋แทไม่ชอบมาพากล to. ระจังฟ้องกันภัซนน ก่อนที่ภัยจะมาถึง โดยนึกถึง ภาษิตที่ว่า \"กันไวดีกว่าแก้ ถ้าแย่แล้วจะแก้IjJทัน\" ๒. คนที่สามารถจะระวังปัองกันภัยไว้ล่วงหน้าได้ ด้อง เปีนคนช่างสังเกต ฉลาดในการจับพิรุธคน ซึ่งความสามารถอย่างนี้ พอถึเกกันได้ เพราะโบราณกล่าวไว่อีกเหมือนกันว่า \"ก่อนฝนจะตกต้องปีเค้า คนที่จะทำชั่วต้องปีพิรุธ\" โดยมั่วไป คนที่สามารถมองพิรุธคนซํ่'วออก หรือ รู้ทัน เล่ห์เหลี่ยมโจร มือยู' ๒ ประเภท คือ ๑. คนที่เป็นโจรเหมือนกัน ๒. คนที่ฝืกตัวเองให้เป็นคนจิตใจผ่องใสเป็นประจำ ๓. คนที่ถูกหลอกลวงได้ง่าย ล่วนมากมืพื้นนิสัยเป็นคน มักโลภ มักโกรธ มักหลง คนtอภ มักอยากได้ของคนอื่นไนทางไม่ชอบ เห็น แก่ได้ ตังเช่นปลาติดเบ็ดเพราะเห็นแก่เหยื่อ คนถูกหลอกลวงด้มตุ๋น เพราะอยากได้ ของที่เขาเอามาล่อ

นิทานชาดกเล่มหก ๓๗ ฅนเจๆโ^ะ พอถูกยั่วให้Iกรธ ก็ขาดสติพิจารณา ถูก หลอกให้ทำร้ายกันเอง เหมือนนกถูกต่อ ก็เพราะเจ้าโทสะ เข้าไปตีกับนกที่เขาเอา มาล่อ จึงติดกับดัก คนมักหรเอ ติดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส มักขาด เหตุผล งมงาย โบราณจึงเตีอนว่า \"จะเชื่อก็เชื่อเถิด แต่อย่าเพิ่งไวใจ จะร้กก็รักเถิด แต่อย่าถึงกับหลงใหล\" อรบๆฃมัฬท์ (ปุณณปาติกชาดก อ่านว่า ปุน-นะ-ปา-ติ-กะ-ชา-ดก) ปุณณ'ชาติ ภาชนะที่เต็ม พระคาดาบระจำชาดก ตเถว ปุณฺณปาติโย อณุฌายํ วตตเต กถา อาการเกน ชานามิ เนวายํ ภททกา สุรา ไหเหล้ายังคงเต็มอยู่นั่นเอง พวกเจ้ากล่าวหลอกลวง เรารู้ทันว่าเหล้านี้ไม่ตีแน่นอน

ผลชาดก ชาดกว่าด้วยความสามารถในการดุ.ผลไม้ สดๆนทีดรร}ซาดก เซตวันมหาวิหาร นครสาวัตถี สาเทดุทีดรสซๆดก ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล เจ้าของสวนผลไเงซึ่งมีฐานะดี คนหนึ่ง ได้กราบพูลอาราธนาพระสัมมาส้มพุทธเจ้า พร้อมด้วย พระภิกษุสงฆ์จำนวนมาก ให้เสด็จไปฉันภัตตาหารที่บ้านสวน ของเขา

นิทานชาดกเล่มหก ๓๙ พระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์แล้ว จึงเสด็จนำ พระภิกษุสงฆ์หมู'ใหญ่ไปยังบ้านของซาวสวนผู้นั้น เมื่อไปถึงแล้ว เจ้าของบ้านได้จัดพุทธอาส'นไห้พระพุทธองค์ประทับฉันภายไนเรือน ของตน ส่วนพระภิกษุที่ตามเสด็จ ได้แยกจัดอาสนะไว้ภายไนสวน ผลไม้อันร่มรื่นด้านหนึ่ง พร้อมทงสั่งคนสวนว่า เมื่อพระภิกษุ ฉันภัตตาหารเรียบร้อยแล้ว ไห้นำท่านเดินชมสวนไห้ทั่วและเก็บ ผลไม้งาม ๆ ถวายพระภิกษุตามสมควรด้วย ดังนั้น เมื่อพระภิกษุทงหลายฉันภัตตาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนสวนจึงนิมนต์พระภิกษุทั่งหมดไห้ออกเดินชมสวน ซึ่งอุดมด้วย ไม้ผลนานาชนิด บางพวกก็ออกผลดกระย้าไปทั่งต้นนำรับประทาน บางพวกก็มีผลดกห้อยย้อยเรี่ยดิน บางพวกก็กำลังแตกกิ่งก้าน ดอกไบงามสะพรั่งนำชมยิ่งนัก พระภิกษุสงฆ์ทั่งหลายเสึกตื่นตา ตื่นไจ ออกปากชมและชักไซไต่ถามถึงไม้พันฟ้นัน พันธุนี้อยู่ไม่ขาด คนสวนผู้นี้ นอกจากจะมีความสามารถไนการทำสวนแล้ว ยังมีความชำนาญเป็นเลิศไนการดูผลไม้ ขึ้นชื่อว่าผลไม้ ไม่ว่า จะเป็นมะม่วง มะพร้าว ขนุน หรือผลไม้ชนิดได ไม่ว่าจะอยู่ไกล้ แค'มีอเอื้อมถึง หรืออยู่บนยอดสูงจนแหงนมองคอทั่งปา เพียงยืน มองดูห่าง ๆ เขาก็สามารถบอกได้ว่า ผลไดแก่พอดีเก็บกินได้ ผลได ห่าม ผลไดเนี้อบาง เนี้อหนา รสชาติเอร็ดอร่อยพิเศษอย่างไร เมื่อ เก็บลงมาปอก ผ่าถวายไห้พระภิกษุขบฉัน ผลไม้นั้นก็เป็นอย่างที่ เขากล่าวทกประการ

(to นิทานชาดกเล่มหก พระภิกษุทั้งหลายต่างอัศจรรย์ในความลามารถของคนสวน คนนี้มาก พากันกล่าวชมไม่ขาดปาก กระทั่งเมื่อกลับไปยังเขตวัน- มหาวิหารแล้วก็ยังอดพูดถึงไม่ได้ ทังยังกราบพูลไห้พระลัมมา- ลัมพูทธเจ้าทรงทราบอีกด้วย พระพุทธองค์จึงทรงระลึกชาติแต่ หนหลังด้วยบุพเพนิวาสาษุสติญาณ แล้วตรัสว่า \"ในอm ก็มีคนที่ดูผลไม้ที่สามารถเหมือนก้น เก่งถึงขนาด นำ ชีวิตของคนจำนวนมากให้รอดพ้นความดายมาได้ทีเดีย'ง\" แล้วทรงนำ 619ฃๆดก มาตรัสเล่า มีเนี้อความดังนี้ เนอหๆชๆดก ไนอดีตกาล สมัยพระเจ้าพรหมทัตครองกเงพาราณลึ มี พ่อค้าหนุ่มคนหนึง คุมกองเกวียน (too เล่ม บรรทุกสินค้าไปขาย ยังต่างถิ่นเมืองไกลเป็นประจำ ไนการเดินทางครั้งหนึ่ง ระหว่างทาง จะต้องผ่านดงไ3Jมีพิษ พ่อค้าหนุ่มจึงเรียกประชุมลูกน้องแล้วกล่าว เตือนว่า \"เพื่อนทังหลาย จากที่นไปอีกไม่นาน เราก็จะเดินทางเข้าสู่ ดงไม้ปีพิษก้นแล้ว ทัว่าเป็นดงไม้ปีพิษก็เพราะว่า ในปานี้ต้นไม้ บางชนิดปีพิษที่ใบ ล้าถูกใบมันบาดก็อาจจะลุกลามเป็นแผล เหวอะหวะรักษายาก บางชนิดยางของมันจะกัดผิวให้เป็นแผล

นิทานขาดกเล่มหก (T® ถ้าถูกตา ตาจะบอด บางชนิดปีพิษที่ดอก เห็นสวยๆหอม ๆ นั่นแหละ พอเด็ดมาดมละถ้อ ลลบเหปีอดเลย บางอย่างปีพิษที่ผล กินเข้าไปเมึ่อไรเป็นชักตาตงเมื่อนั่น บางชนิดถ่ายท้องแรงยิ่งกว่า ลลอดอีก บางอย่างเมื่อดิบๆก็ยังไม่ปีอันตราย พอสุกเมื่อไรเป็นได้ เรื่องทันที แต่ปีบางชนิดที่ร้ายยิ่งไปกว่านั่นอีก เรียกว่าลารพัดพิษ เลย คือ ตงแต่ยอดถึงรากปีพิษไปหมด ขอให้พวกเราจงระมัดระวังกันให็ดี ของทุกอย่างในดงไม้ พิษนั่อย่าได้เก็บกิน หรีอเด็ดดมเป็นอันขาด พยายามเดินให้ห่าง ๆ ไว้เป็นดี ไมว่ามันจะสุก มันจะสวย มันจะส่งกลิ่นหอมยั่วยวน ขนาดไหน ก็อย่าไปลนใจ นอกจากนั่น ไม้พิษบางอย่างก็ปีลักษณะคล้ายด้นไม้ ทีเรา เคยพบเคยเห็นที่ว ๆ ไป จนแทบจะดูไม่ออกเลย ดังนั่น เพี่อความ ปลอดภัยของพวกเราทุก ๆ.คนตงแต่บัดนั่ไป ขอให็กินเฉพาะอาหาร และนั่าที่บรรทุกเกวียนมาเท่าบัน ของอื่นอย่าไปแตะด้องเด็ดขาด หากปีอะไรลงลัยไม่แน่ใจ ให้มาถาม อย่าตัดสินใจเอง\" บรรดาลูกน้องทั้งหลาย ต่างรับคำและปฎิบ้ติตามอย่าง เคร่งครัด จนกระทั้งขบวนเกวียนได้ผ่านดงไม้พิษน้นออกไปถึงเขต หมู่น้านหนึ่ง มองไปที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน จะเห็นด้นมะม่วง มากมายออกผล ดกระย้าน่าเก็บกิน

๙๒ นิทานชาดกเล่มหก \"เอ๊ะ..!เป็นต้นมะม่วงนี่ ใอ๊โฮ... ดกจังเลย\"ลูกเกวียนคนหนึง ร้องขึ้นด้วยความดีใจ \"เฮ'ย....อย่าไปสนใจดีกว่า อาจเป็นต้นไม้พิษก็ไต้' อีก คนหนึ่งท้วง \"แต่เราม่านดงไม่มพิษมาแล้วนี่ คงไม่มีอะไรหรอกน่า ถ้ามีพิษ เขาคงโค่นทิ้งไปนานแล้ว เรื่องอะไรจะมาปล่อยให้มันอยู่ หน้าหมู่ม้านอย่างนล่ะ \"เออ....จริงซีนะ แต่อย่างไรรอถามนายสักหน่อยดีกว่ามง\" \"โธ่เอ๊ย ทำ ปอดไปไต้' ลูกเกวียนบางคนถกเถียงกัน บ้างก็กลัว บ้างก็กล้า บ้างก็ ไม่สนใจ คนไหนที่กลัว ๆ กล้า ๆ ก็ได้แต่เด็ดลูกมะม่วงมาถือไว้ เผื่อถามนาย มีคนหนึ่งใจร้อนวู่วาม ก็เด็ดมะม่วงมากัดกินทันที \"เป็นไง ใช่มะม่วงจริงหรือเปล่า...?\" \"อ๋อ..แน่นอน แหม..! อร่อยกว่าพิมเสนมันซะอีกนะเนี่ย อีม...ลองดูหน่อยซิ เอ๊ะ....โอ๊ย....ช่วยต้วย ช่วย...ต้...ว...ย...\" เมื่อมะม่วงตกถึงท้อง เจ้าคนนั้นก็หน้าเขียว ปากเบี้ยว ตาเหลือก เอามีอกุมท้อง ตัวงอบิดไปมา \"เอ้ย...พวกเรา ทำ ไงดี มันกินมะม่วงพิษเข้าให้แล้ว\" \"ตายละวา....ไปตามนายมาดดีกว่า อ้อ...นายมาพอดี''



(Tcsr นิทานชาดกเล่มหก เพื่อนของคนที่กินมะม่วงพิษต่างตกอกตกใจ แต่พ่อค้าหนุ่ม ได้เดินมาพร้อมกับถือยาถอนพิษมาด้วย จึงใ•พ้กินยาไค้ทันท'วงที \"เป็นไง เกือบไ^ปเป็'ๆยมบาลแล้วมั้ยล่ะ เล้า...อาเจียน ออกมาให้หมด เดี๋ยวกิน'นาหวานนี่ฃะหน่อย จะได้หาย\" พ่อค้าหนุ่มพูดพร้อมกับยื่นนํ้าหวานชนิดหนึ่งไห้ อีกมือ ก็ลูบหลังลูกน้องขึ้นเพื่อไห้อาเจึยนออกมาไห้หมด \"ขอบพระคุณมากครับ ถ้านายมาไม่ทัน ผมคงตายแน่... \"เอาละ ไม่ด้อง'พูดอะไรหรอก เดี๋ยวไปนอนพักซะ นี่ก็เย็น มากแล้ว\" คํ่าคืนนั้นผ่านไปอย่างปกติสุข จนกระทั่งอรุณรุ่งของวันไหม' ขณะที่ลูกเกวียนทั่งหลายกำลังลุกขึ้นจากที่นอน บางคนกำลังทำ ธุระส่วนตัว ก็ไดิยินเลียงคนกลุ่มไหญ่ พูดคุยกันอย่างชัดเจน \"วันนี้ พวกเราโชคดีจริง ๆ กองเกวียนขบวนใหญ่อย่างนี้ คงบรร'ทุกของมาเพียบ\" \"นั่นซี ครั้งที'แล้ว เป็นแค'ขบวนเล็กๆแบ่งกันไม่จุใจเลย ไม่ด้มค่าเหนื่อยว'ะ\" \"เหนื่อยอะไรของแกวะ ไม'ด้องออกเหงื่อซักกะนิด ไม'ด้อง ฆ่า ไม'ด้องบ่ล้น บ่ลดทรัพย์อย่างเดียว ง่ายดีจะตาย ไล้พวกนี้

นิทานชาดกเล่มหก (srd: ซะอีกที่มันเหนื่อยกวาอุตสาห์เก็บมะม่วงกินจนตายสมนํ้าหน้ามันนิ มันอยากกินเอง...ตายเอง นี่หว่า\" \"นั่นน่ะลิ แต่พวกเราก็เหนื่อยตอนที่ลากคพพวกมันไปทิง ไงล่ะ ยิ่งไอ้คนไหนซัดเข้าไปมากล่ะก้อ ตัวงีเขียวจนดำ ตาเหลือก ถลน มือไม้หงิกเป็นมะเหงก ดูแล้วทุเรศจริง ๆ\" ครนเมื่อชาวบานเหล่านั้นเดินเข้ามาใกล้กอฺงเกวียน ไม่เห็น มีใครตาย ก็ตกใจถึงกับพูดอะไรไม่ออก มีอยู่กลุ่มหนึ่งใจกล้า กว่าเพื่อน ได้ร้องถามว่า \"พวกท่านมาพักกันตงแต่เมื่อไหรนื่ แล้วไม่มืใครลนใจ เก็บมะม่วงแถวนี้กินบ้างเลยหรือ....?\" \"มะม่วงมืพิษนั่นน่ะหรือ ขีนกินเข้าไปก็ตายซี!!\" ลูกเกวียน คนหนึ่งตอบ \"ท่านflต้อย่างไรว่ามะม่วงนี้นมืพิษ...?\" \"ฉันไม่รู้หรอก แต่นายฉันน่ะรู้ก้าอยากรู้ก็ไปถามดูเองซิ\" ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาท่างานของตนเองต่อไปเหมือนไม่มือะไร เกิดขึน ซาวบ้านกลุ่มนั้น แม้จะรู้ว่ามีคนรู้ทันความใจร้ายใจดำ ของตน แต่ก็ทนความอยากรู้อยากเห็นไม'ไหว จึงเดินไปถามพ่อค้า หนุ่ม พ่อค้าหนุ่มจึงกล่าวว่า

cr๖ - นิทานชาดกเล่มหก \"พวกท่านช่างใจดำอำมหิตนัก ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น แดํเรานะรู้ทัน จึงไม่เก็บมะม่วงปีพิษนั้พิน\" \"ท่านรู้ได้อย่างไรว่ามะม่วงใfนปีพิษ มันมีอะไรแตกต่าง จากมะม่วงทั่ว ๆ ไปอย่างงนหรือ..?\" ซาวบ้านกลุ่มนั้นชักต่อ \"แม้ว่า มันจะไม่แตกต่างจากมะม่วงทั่ว ๆ ไป แต่ถ้ามันเป็น มะม่วงไม่ปีพิษแล้ว ด้นสูงแค'เอื้อมอย่างนี้ ใคร ๆ ก็คงมาเก็บ ไปหมดแล้ว ไม่ปล่อยให้ลูกดกเต็มด้นอย่างนี้หรอก แล้วอีกอย่าง หนึ่ง มะม่วงพวกนี้ขนอยู่ใกล้ปากทางเข้าหมู่ม้าน ปีคนเดินผ่าน เข้าออกทั่งวัน แต่ไม่ยักปีใครเก็บกินเลย แสดงว่าด้องปีพิษแน่ ใช่ไหมล่ะ..? พวกท่านไม่ควรหากินกันด้วยวิธีนี้เลย ควรคิดถึงชีวิตของ คนอื่นเขาม้าง ลองคิดดูซิว่า ถ้าพวกเราไม่เห็นแก'ชีวิตท่าน ทัง่ ๆ ที'ท่านต้องการให้เราตาย ต้องการฉกชิงทรัพย์ที'เราหามาด้วยความ เหนื่อยยาก ปานนี้เราคงฆ่าพวกท่านไปแล้ว พวกท่านทำอย่างนี้ เอื้ยงตัวไปไม'ได้ตลอดหรอก แด'จะปีบาปดิดใจไปตลอด คนอย่าง เรานี้น ถ้าไม'แน่จริง คงคุมเกวียนเอาตัวรอดจนถึงปานนีไม่ได้ แต่เราก็ยังเห็นแก'มนุษยธรรมไม'ท่าร้ายพวกท่าน ด้วยหวังว่า พวกท่านจะปีมนุษยธรรม ปีเมตตาต่อผู้เดินทางอื่น ๆทีผ่านมาบ้าง\" หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของพ่อค้าหนุ่มแล้ว ชาวบ้านจำนวน มาก ก็รูสีกสำนึกตัว รับปากว่าจะตั้งใจทำมาหากินด้วยความสุจริต ต่อไป ส่วนพ่อค้าหนุ่มก็ออกเดินทางไปค้าขายของตนต่อไป

นิทานชาดกเล่มหก <r๗ 'ประชุมซาดก เมื่อพระสัมมาส้มพุทธเจ้าตรัส ผลชาดก จบแล้ว ทรง ประ'ชุมซาดกว่า ลูกเกวียน'ฬํ้งหลาย ได้มาเป็นพุทธบริษัท'แง <£ ในชาตินี้ พ่อคาหนุ่ม ได้มาเป็นพระองค์เอง ข้อคิดจากซาตก X ๑. คนที่ฝืกตนเองจนมีจิตใจผ่องใสเป็นประจำ ไม่ว่าจะมี เหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น มักจะมีลางสังหรณ์จนจับจุดสังเกตได้ เพราะ ธรรมชาติของคนที่มีจิตใจผ่องใส'นน จะมีความละเอียดอ่อนอยู่ใน อารมณ์เป็นนิจ เมื่อกระทบสิ่ง'ชั่วร้ายที่เป็นความหยาบย่อมเได้ทันที แต่ถ้ามีจิตใจไม่ผ่องใส มีความหยาบเป็นปกติ เมื่อไปกระทบความ ชั่วร้ายที่เป็นความหยาบด้วยกัน จึงแยกไม่ออก แม้อันตรายอยู่ ตรงหน้าก็ไม่รู้ การขัดเกลาจิตใจให้ผ่องใสเป็นนิจ'นน ทำ ไดโดยการตั้งใจ อีเกสมาธิอย่างแน่วแน่ ต่อเนื่อง ไม่ท้อถอย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คนที่ไดชี่อว่าใจใสจริง ๆในระด้บชาวบ้าน'นน ท่านว่าให้เอา คุณธรรม ๒ ประการ เป็นเครื่องวัด คือ ๑. เมื่อถูกด่าแล้ว ไม่โกรธตอบ ๒. เมื่อได้รับคำชมแล้ว ไม่ยิ้ม กล้บตรองตามความ เป็นจริงด้วยใจสงบ \\

(T นิทานชาดกเล่มหก ๒. สุภาษิตที่ว่า \"ตนเตือนตนของตนให้พนผิด ตนเตือนจิตตนไดใครจะเหมือน ตนเตือนตนไม่ไดใครจะเตือน ตนแชเชือนใครจะช่วยให้ม่วยการ\" นั้นเป็นหลักธรรมที่มีคุณค่ายิ่ง แต่คนบางคนสภาพจิตยัง อ่อนแอ ยังต้องอาศัยกัลยาณมิตรช่วยตักเตือนบ้าง ยอดกัลยาณมิตร ของทุกคนคือ ๑. พระลัมมาลัมพุทธเจ้า ในที่นี้หมายถึงคำลอนของ พระพุทธองค์ ๒. พ่อแม่ที่ประพฤติตนดี ๓. ครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณธรรม อรบๆยสัฬท์ (ผลชาดก อ่านว่า ผะ-ละ-ชา-ดก) 61อ ผลไม้, ลูกไม้ ««ระคๆดๆ'ประจํๆซๆดก นายํ รุกโข ทุรารุให นปิ คามโต อารกา อาการเกน ชานามิ นายํ ลาธุผโล ทุโม ต้นไม้นี้คนขึ้นไม่ยาก ทงอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน เป็นการบอกไห้เรารู้ว่า ต้นไม้นี้ มิไซ'ต้นไม่ดี

ปัญจาวุธชาดก ชาดกว่าด้วยการทำความเพียร สดๆนทีดรฟิซๆดก เซตวันมหาวิหาร นครลาวัตถี สาเฬดุทีดรสซๆดก ในลมัยพุทธกาล ขณะเมื่อพระบรมศาสดาประทับ ณ เซตวันมหาวิหาร ทรงทราบว่า ในเวลา'นนมีภิกษุรูปหนึ่ง มีนิสัย เกียจคร้านในการศึกษาและปฎิบ้ติธรรมครองเพศสมณะอยู่ไป วันหนึ่ง ๆ เท่า•นน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook