Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชาดก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

ชาดก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

Published by Sarapee District Public Library, 2020-11-04 04:48:15

Description: ชาดก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
โดย สิริปุณฺโณ

Keywords: ชาดก,ธรรมะ

Search

Read the Text Version

www.webkal.org

ชาดก รูป เสียง กลน่ิ รส สัมผัส ISBN : 978-616-8103-09-8 ผคู้ น้ ควา้ และเรยี บเรียง : สิริปุณฺโณ ภาพประกอบ : www.dmc.tv และ เวบไซตอ์ ื่นๆ ออกแบบปก : จริ พัฒน์ ยังโป้ย รปู เล่ม/จดั อารต์ : สุกัญญา บุญทนั พิมพ์คร้ังท่ี ๑ : พ.ศ. ๒๕๖๑ ลขิ สทิ ธ์ิและจัดพมิ พโ์ ดย : สม าคมสมาธเิ พอ่ื การพฒั นาศีลธรรมโลก โทร. ๐๓๘-๔๒๐๐๔๓ พมิ พท์ ่ี : บรษิ ทั พิมพ์ดี จำ� กดั โทร. ๐-๒๔๐๑-๙๔๐๑ ขอ้ มลู ทางบรรณานุกรมของสำ� นกั หอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloguing in Publication Data สิริ ปุณฺ โณ. ชาดก รูป เสียง กล่ิน รส สมั ผสั .-- นนทบุรี : สมาคมสมาธิเพื่อการ พฒั นาศีลธรรมโลก, 2561. 120 หนา้ 1. ชาดกยอ่ . 2. กามคุณ ๕ I. สิริปุณฺโณ ผคู้ น้ ควา้ และเรียบเรียง. II. ชื่อเร่ือง. 294.3184 www.webkal.org

หนงั สอื เลม่ นีร้ วบรวมและเรยี บเรยี งชาดก ในอีกแง่มมุ หนง่ึ เมอื่ ไดอ้ า่ นเจอเรอื่ งราวของปญั จปาปี ในกลุ าณชาดก ซง่ึ มลี กั ษณะ นิทานซ้อนนิทานอีกเร่ืองหนึ่ง คล้ายเร่ือง ปทกุศลมาณวชาดก ในเล่ม ‘ชาดกเร่อื งโปรด’ ที่เคยนำ� เสนอมาก่อนหนา้ นี้ ตอ่ มาไดอ้ ่านเจอ กุสชาดก ซ่ึงเป็นเรอื่ งแรกท่ีพระโพธสิ ัตว์ บังเกิดเป็นพระราชามีพระพักตร์อัปลักษณ์ เพราะวิบากกรรม ในชาตอิ ดตี เม่ือน�ำมาประกอบกับชาดกเร่ืองอื่นๆ ท่ีเคยประสบพบมา จงึ เรียบเรียงเป็น ชาดก รูป เสยี ง กลิ่น รส สมั ผัส เลม่ นี้ ชาดกเล่มนี้ น�ำเสนอตัวอย่างเรื่องราวของพระโพธิสัตว์ ในอดีตที่ทรงเคยประสบเรื่องราวกามคุณ ๕ ด้วยพระองค์เอง มาแลว้ ทั้งสนิ้ หวงั วา่ ทา่ นผอู้ า่ นจะไดร้ บั ความรู้ มมุ มอง ความเชอ่ื มโยงใน เนื้อหา และสาระจากชาดกเรอื่ งทเ่ี รียบเรียงข้ึนท้ังหมดในเลม่ นี้ เจริญสุข สวสั ดี สิรปิ ณุ ฺโณ ธนั วาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ไลนไ์ อดี Line ID : Siripunno แฟนเพจ Facebook: Siripunno อีเมล์ E-mail : [email protected] www.webkal.org

สารบญั ชาดกเรอ่ื งหลงในรูป ๑. กสุ ชาดก ว่าด้วย พระเจ้ากสุ ราช ลมุ่ หลงรปู โฉม ของนางประภาวดี ๗ ชาดกเรื่องหลงในเสยี ง ๒. โมรชาดก ว่าดว้ ยนกยูงเจรญิ พระปริตต์ ๓๓ ชาดกเรอ่ื งหลงในกล่นิ ๓. อุปสงิ ฆปุปผกชาดก ว่าด้วย คนดีไมค่ วรท�ำชั่วแม้นดิ หนอ่ ย ๔๓ www.webkal.org

ชาดกเรอ่ื งติดในรส ๔. กงิ ฉันทชาดก ว่าดว้ ย โทษทีฉ่ กฉวยเอาประโยชน์ของคนอื่น ๔๙ ชาดกเรอ่ื งตดิ ในสมั ผัส ๕. กณุ าลชาดก วา่ ด้วย นางนกดเุ หว่า ๖๙ บทสรปุ ๑๑๑ แนะน�ำหนังสอื ของสมาคมฯ ๑๑๗ รายชอื่ เจ้าภาพ ๑๒๐ www.webkal.org

6 www.webkal.org

ชาดกเร่ืองหลงในรปู ๑. กุสชาดก๑ วา่ ดว้ ย พระเจ้ากสุ ราช ลมุ่ หลงรูปโฉม ของนางประภาวดี. สถานทต่ี รสั พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภ ภิกษผุ ไู้ มย่ ินดีในพระธรรมวินยั มีใจคดิ จะสึกรปู หน่งึ . สาเหตุที่ตรัส ได้ยินว่า กุลบุตรชาวกรุงสาวัตถีคนหน่ึงได้ถวาย ชีวติ ในพระศาสนา บรรพชาแล้ว. วันหน่ึง เธอเท่ียวไปบิณฑบาตในกรุงสาวัตถี เห็น สตรีนางหนึ่งซ่ึงแต่งกายงดงาม มองดูด้วยอ�ำนาจถือเอา นิมิตอันงาม ถูกกิเลสเข้าครอบง�ำจนหมดความยินดีย่ิง อยแู่ ล้ว. เธอมผี มและเลบ็ งอกยาวขน้ึ มจี วี รเศรา้ หมอง มีตัว ผอมเหลืองเกิดแล้ว มีกายอันสะพร่ังไปด้วยเส้นเอ็น. ๑ ตน้ ฉบบั ชาตกัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย สตั ตตนิ บิ าตชาดก, ล.๖๒, น.๒๐๘, มมร. 7 www.webkal.org

หลงในรปู มีอุปมาเหมือนอย่าง บุพนิมิต ๕ ประการที่ปรากฏแก่ เทวบตุ รทง้ั หลาย ผมู้ อี นั จะตอ้ งจตุ เิ ปน็ ธรรมดาในเทวโลก คอื พวงมาลยั ยอ่ มเหย่ี วแห้ง ๑ ผา้ นุ่งหม่ เศร้าหมอง ๑ ผวิ กายอนั เศรา้ หมอง ยอ่ มกา้ วลงในสรรี ะ ๑ เหงอ่ื ไหลออก จากรักแร้ทัง้ สองข้าง ๑ เทวดาไมร่ น่ื รมย์ในทพิ ยอาสน์ ๑ ฉนั ใด บุพนิมติ ๕ ประการ กย็ ่อมปรากฏแกภ่ ิกษุผไู้ ม่ยินดี ในพระธรรมวนิ ยั มใี จคดิ จะสกึ ผจู้ ะตอ้ งเคลอื่ นจากศาสนา เป็นธรรมดา ไดแ้ ก่ ดอกไม้ คอื ศรทั ธายอ่ มเหยี่ วแหง้ ไป ๑ ผา้ คอื ศลี ยอ่ ม เศรา้ หมอง ๑ ผิวพรรณอนั เศร้าหมอง ยอ่ มก้าวลงในสรีระ ดว้ ยความเปน็ ผเู้ กอ้ เขนิ และดว้ ยอำ� นาจแหง่ ความไมม่ ยี ศ ๑ เหง่ือ คอื กเิ ลสท้งั หลายย่อมไหลออก ๑ ภิกษุน้ันย่อมไม่ยินดีในป่า ท่ีโคนต้นไม้ ในเรือน อนั วา่ งเปลา่ ฉนั นน้ั กเ็ หมอื นกนั . นมิ ติ ทงั้ หลายปรากฏแลว้ แกภ่ ิกษนุ ัน้ . ล�ำดับนนั้ ภกิ ษทุ ัง้ หลายจงึ ได้นำ� เธอเข้าไปในสำ� นัก ของพระศาสดาแล้ว แสดงให้ทรงทราบว่า ‘ภิกษุรูปน้ี คดิ ต้องการ จะสึก พระเจ้าขา้ ’. 8 www.webkal.org

กุส พระศาสดาตรสั ถามวา่ “ดกู อ่ นภกิ ษไุ ดย้ นิ วา่ เธอคดิ จะสึกจรงิ หรอื ?” เมื่อภิกษุรูปน้ันกราบทูลตามความเป็นจริงแล้ว จงึ ตรัสวา่ “ดกู ่อนภิกษุ เธออย่าตกอยูใ่ นอำ� นาจแหง่ กิเลส เลย. ธรรมดาว่า มาตุคามน้ีเป็นข้าศึก (ต่อการประพฤติ พรหมจรรย์) เธอจงหักห้ามจิตท่ีคิดรักใคร่เย่ือใยใน มาตคุ ามนน้ั เสยี จงยนิ ดใี นพระศาสนาเถดิ . จรงิ อยู่ บณั ฑติ คร้ังโบราณทั้งหลาย แม้จะเป็นผู้มีเดช ย่อมต้องเสื่อม ไปได้ เพราะเป็น ผู้มีจิตคิดรักใคร่ในมาตุคาม และเป็น ผหู้ มดเดช ถงึ ความพนิ าศยอ่ ยยบั เพราะมาตคุ าม.” ดงั นแี้ ลว้ ได้ทรงน่ิงเฉยอยู่ ได้รับการอาราธนาจากภิกษุเหล่าน้ัน จึงทรงนำ� อดีตนิทานมาตรัส เนอื้ หาชาดก ในอดีตกาลพระนางพิมพา ได้เกิดเป็นสตรีผู้เป็น พส่ี ะใภ้ สว่ นพระโพธสิ ตั วเ์ กดิ เปน็ นอ้ งสามี ทงั้ สองอยรู่ ว่ ม บ้านกนั เน่ืองจากพระโพธสิ ตั ว์นั้นยังไม่มภี ริยา วันหน่ึงพ่ีสะใภ้ได้ทอดขนมท่ีมีรสชาติอร่อยย่ิงนัก และแจกบริโภคกันจนหมด โดยแบ่งส่วนหน่ึงเก็บไว้ให้ นอ้ งสามีที่ไปปา่ 9 www.webkal.org

หลงในรูป ขณะน้ันมพี ระปจั เจกพุทธเจา้ มาบิณฑบาต พส่ี ะใภ้ จึงน�ำขนมทเี่ กบ็ ไว้มาถวายพระปจั เจกพทุ ธเจา้ เสยี คดิ ว่า ‘เดย๋ี วคอ่ ยท�ำให้ใหม’่ แต่ขณะท่ียังไม่ได้ท�ำ น้องสามีก็กลับมาจากป่า นางบอกกบั น้องสามีว่า “นอ้ งชายเอ๋ย จงทำ� จติ ใจให้ผอ่ งใสเถิด ขนมอันเปน็ สว่ นของน้อง พ่ีไดถ้ วายแดพ่ ระปจั เจกพทุ ธเจ้าแล้ว” ฝา่ ยน้องสามกี ลบั โกรธว่า “เจา้ กนิ ขนมอนั เปน็ สว่ นของเจา้ หมดแลว้ กลบั มาเอา ขนมอันเป็นส่วนของข้าไปถวายพระ ชิชะแล้วข้าจักกิน อะไรเล่า ?” แล้วเขาก็รีบตามพระปัจเจกพุทธเจ้าไปทวง ขนมในบาตรกลบั คืนมา ฝ่ายพ่ีสะใภ้ก็รีบไปยังเรือนมารดา ไปเอาเนยใส ท่ียังใหม่และใสสะอาด มีสีคล้ายดอกจ�ำปามาใส่บาตร พระปัจเจกพุทธเจ้าแทนจนเต็มบาตร และเม่ือได้เห็น เนยใสแผเ่ ปน็ รัศมอี อกไป นางจึงตงั้ ความปรารถนาว่า “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ในท่ีท่ีดิฉันจะเกิดแล้วข้างหน้า ขอใหร้ า่ งกายของดฉิ นั จงเกดิ มรี ศั มเี ปลง่ ปลง่ั และมรี ปู รา่ ง สดสวยงดงามเปน็ อย่างยงิ่ เถดิ 10 www.webkal.org

กสุ อนึง่ ขออยา่ ให้ดฉิ ันได้อยรู่ ่วมในทแ่ี ห่งเดยี วกนั กับ คนทีเ่ ปน็ อสัตบรุ ษุ ดงั นอ้ งผัวของดฉิ นั คนนีเ้ ลย” ฝ่ายน้องสามีเห็นดังน้ัน จึงเอาขนมของตนใส่ลงใน บาตรทเ่ี ตม็ ดว้ ยเนยใส แล้วตัง้ ความปรารถนาว่า “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พี่สะใภ้ของข้าพเจ้าคนนี้ แม้จะ อยู่ในที่ไกลแสนไกลต้ังร้อยโยชน์ก็ตาม ขอให้ข้าพเจ้า พงึ มคี วามสามารถไปนำ� มาเปน็ บาทบรจิ ารกิ าของขา้ พเจา้ ใหจ้ งไดเ้ ถดิ ” เมอื่ ละอตั ภาพจากชาตนิ นั้ แลว้ พสี่ ะใภแ้ ละนอ้ งสามี ตา่ งก็ไปตามกรรมอย่นู านแสนนาน พี่สะใภ้มาเกิดเป็นพระนางประภาวดี เป็นธิดาของ กษตั รยิ ท์ มี่ รี ปู รา่ งหนา้ ตางดงามมากๆ มแี สงสวา่ งออกจาก กายเรอื งรองอนั เปน็ ผลของการถวายเนยใสแดพ่ ระปจั เจก พทุ ธเจา้ ส่วนน้องสามีมาเกิดเป็นพระเจ้ากุสราชที่มีหน้าตา ขเี้ หรม่ ากๆ เนอื่ งจากผลของการถวายทานใหพ้ ระปจั เจก พุทธเจา้ ด้วยอารมณท์ ่บี ดู บึง้ หนา้ ตาง�้ำงอ 11 www.webkal.org

หลงในรปู กาลเวลาล่วงมาถงึ สมยั หนึง่ ณ นครกสุ าวดี แควน้ มัลละ มีพระราชาปกครองทรงพระนามว่า “พระเจ้า- โอกกากราช” มพี ระอัครมเหสที รงพระนามวา่ “สลี วดี” และมสี นมนางในแวดล้อมอีก ๑๖,๐๐๐ นาง พระนางสลี วดกี บั พระสนมทง้ั หมด ไมม่ ผี ใู้ ดเลยทใ่ี ห้ กำ� เนิดราชโอรสหรือราชธิดาแก่พระราชา ชาวเมืองทั้งหลายจึงพาร้องเรียนพระราชา ขอให้ พระองค์ทรงปล่อยพระสนมท้ังหมดไปเป็นนางฟ้อน โดยธรรม ๗ วัน เผือ่ วา่ พระสนมจะได้มีบุตร ซง่ึ พระราชา ก็ทรงยอมกระทำ� ตามคำ� ของชาวเมือง แต่ก็ไมม่ พี ระสนม คนใดให้บตุ รแก่พระองค์ ชาวเมอื งจงึ กราบทลู วา่ “เพราะนางเหลา่ นนั้ ไมม่ บี ญุ จึงไม่มีบุตร แต่พระอัครมเหสีสีลวดีนั้นทรงสมบูรณ์ด้วย ศีล ขอให้พระราชาปล่อยพระนางไปเป็นนางฟ้อน คงจะ ไดพ้ ระโอรสเป็นแนแ่ ท้” พระราชาจึงรับสงั่ ให้ตกี ลองรอ้ งป่าวประกาศวา่ ‘พระราชาจะทรงปล่อยพระนางเจ้าสีลวดีให้เป็น นางฟ้อนโดยธรรมเพ่อื ใหไ้ ดบ้ ุตร’ บรรดาผู้ชายทั้งหลายจึงมาประชุมกันเนืองแน่น ด้วยเดชะแห่งศีลของพระนางสีลวดี พิภพของท้าวสักก- 12 www.webkal.org

กุส เทวราชก็แสดงอาการเร่าร้อน ท้าวสักกะทรงทราบเหตุ จึงแปลงกายเปน็ พราหมณแ์ กไ่ ปรอรบั พระนางสีลวดดี ้วย เม่ือพระนางสีลวดีเสด็จออกมายังหน้าประตูเมือง ท้าวสักกะก็ใช้อานุภาพไปอยู่ข้างหน้า บดบังชายอ่ืนเสีย หมดส้ิน แลว้ จงู มอื พระนางสีลวดไี ป ฝา่ ยพระราชาและชาวเมอื งเหน็ พระนางสลี วดไี ปกบั พราหมณ์แก่ ก็เสียใจว่า ‘พราหมณ์น้ันไม่สมควรแก่ พระนางเลย’ ทา้ วสกั กะทรงพาพระนางสลี วดไี ปยงั วมิ านในเทวโลก แลว้ ตรสั ให้พรพระนางขอ้ หน่ึงตามแตจ่ ะขอ พระนางสลี วดจี ึงทูล “ขอพระโอรส ๑ องค์”. ท้าวสักกะตรัสว่า “จะให้ ๒ องค์ โดยองค์หนึ่ง มีปัญญาแต่รูปไม่งาม กับอีกองค์หนึ่งรูปงามแต่ปัญญา นอ้ ยกวา่ พระนางจะเลอื กองคไ์ หนใหไ้ ปประสูตกิ ่อน ?” พระนางสลี วดกี เ็ ลอื กโอรสทมี่ ปี ญั ญากอ่ น ทา้ วสกั กะ ตรสั ใหพ้ รนน้ั แลว้ ทรงประทานสง่ิ ของ ๕ อยา่ งแกพ่ ระนาง คือ หญ้าคา ผา้ ทิพย์ จนั ทนท์ พิ ย์ ดอกปารฉิ ัตรทพิ ย์ และ พิณ แล้วทรงพาพระนางเหาะกลับไปคืนในห้องบรรทม พระราชา แล้วทรงลบู ท้องพระนางใหบ้ งั เกดิ บุตร 13 www.webkal.org

หลงในรปู ฝา่ ยพระราชาทรงตน่ื จากพระบรรทม ทอดพระเนตร เห็นพระอคั รชายา จึงตรัสถามความเปน็ มา พระอัครชายาก็กราบทูลตามความเป็นจริงพร้อม แสดงของ ๕ อยา่ งนนั้ พระราชาจงึ ทรงเชอื่ ตอ่ มาพระนางสีลวดีก็ประสตู ิพระราชโอรส ๒ องค์ องคโ์ ตมนี ามวา่ “กุสติณ” ส่วนองค์เล็กมนี ามว่า “ชยัมบดี” กุสติณราชกุมารน้นั เมอื่ เจริญวยั ขึน้ กม็ ปี ญั ญามาก ทรงส�ำเร็จในศิลปศาสตร์ท้ังหมดได้ด้วยพระปัญญาของ พระองคเ์ อง แตพ่ ระองคน์ นั้ รปู ไมง่ าม ดว้ ยอกศุ ลกรรมจาก ชาตทิ ไ่ี ปทวงขนมคนื จากในบาตรของพระปจั เจกพทุ ธเจา้ เมื่อกุสติณราชกุมารอายุได้ ๑๖ ชันษา พระราชา จะมอบราชสมบัติ พร้อมจดั หาพระชายาและพระสนมให้ แตก่ สุ ติณกมุ ารทรงคดิ ว่า ‘ตนเองรปู รา่ งไม่สวยงาม แมไ้ ดพ้ ระธดิ าทสี่ วยไปดว้ ยรปู มาอยกู่ บั ตน นางกค็ งจะหนไี ป’ พระองค์จึงตอบปฏิเสธพระราชบิดาและพระราช- มารดาไปถึง ๓ ครงั้ ตอ่ มาครงั้ ท่ี ๔ พระโอรสคดิ วา่ ‘ไมส่ มควรทจ่ี ะปฏเิ สธ โดย ไม่มีเหตุผล’ พระองค์จึงได้น�ำทองค�ำมาปั้นเป็นรูป หญงิ สาว ดว้ ยอำ� นาจบารมแี หง่ พระโพธสิ ตั ว์ ทองนนั้ กเ็ ปน็ 14 www.webkal.org

กุส รูปหญงิ สาวสวยงามปานเทพธดิ า และเปล่งปล่ังดง่ั มชี วี ิต จริง จนแม้แต่ช่างทองยังเข้าใจผดิ วา่ เปน็ เทพธดิ าจรงิ ๆ กุสติณราชกุมารให้ช่างทองน�ำรูปทองไปถวาย พระราชา และทูลว่า “พระองค์จะครองเรือนและรับ ราชสมบัติ หากไดอ้ ภิเษกกบั หญงิ งามเสมอรูปป้นั น”้ี พระราชาจึงให้อ�ำมาตย์น�ำรูปทองแห่ไปตามเมือง ตา่ ง ๆ เพอ่ื เสาะหาหญิงสาวที่งามเสมอรูปทองนั้น อำ� มาตยพ์ รอ้ มขบวนบรวิ ารจงึ นำ� รปู ปน้ั ทองขนึ้ ตง้ั ไว้ บนยาน แล้วเที่ยวเสาะหาไปท่ัวชมพูทวีป โดยเม่ือขบวน มาถึงที่ที่มหาชนชุมนุมกัน ก็จะปล่อยยานน้ันไว้ และ คอยฟงั มหาชนว่าเขาจะพูดอยา่ งไรเก่ียวกับรูปปั้นนนั้ ฝ่ายมหาชนท้ังหลาย คร้ันมองดูรูปทองนั้น คิดว่า ‘เป็นหญิงจริง ๆ’ จงึ พากันชมเชยวา่ “หญงิ นแ้ี ม้เปน็ เพยี ง หญงิ มนษุ ย์ กย็ งั สวยงามอยา่ งทส่ี ดุ เปรยี บประดจุ นางเทพ อัปสร นางมาจากไหนกัน ? ท�ำไม จึงมายืนอยู่ในท่ีน้ี ? หญงิ งามปานนใ้ี นเมอื งเราไมเ่ คยมเี ลย” เม่ือได้ยินว่าเมืองน้ีไม่มีหญิงใดงามเท่ารูปทอง อำ� มาตยก์ จ็ ะเคลอื่ นขบวนไปเมอื งอน่ื จนกระทงั่ ไปถงึ เมอื ง สาคละ แควน้ มทั ทะ 15 www.webkal.org

หลงในรูป ในครงั้ นนั้ พระนางพมิ พา ไดม้ าเกดิ เปน็ พระราชธดิ า องค์โตในจ�ำนวนธิดา ๘ พระองค์ของพระเจ้ามัททราช มนี ามว่า “เจ้าหญงิ ประภาวด”ี พระราชธิดาของพระเจ้ามัททราชน้ัน แต่ละองค์ มรี ปู โฉมงดงามเปรยี บประดจุ นางฟา้ แตพ่ ระธดิ าประภาวดี นน้ั ทรงมคี วามงามเลศิ กวา่ พระธดิ าองคใ์ ด เพราะพระนาง มพี ระรศั มแี ผซ่ า่ นออกจากพระสรรี ะคลา้ ยแสงดวงอาทติ ย์ อ่อน ด้วยกุศลกรรมจากการใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้า ดว้ ยเนยใส วันหน่ึงพระนางประภาวดีตรัสสั่งให้ทาสี ๘ คน ไปตักน้�ำมาส�ำหรับสรงสนาน พระพี่เล้ียงคนหนึ่งท่ีเป็น หญิงค่อม กอ็ อกมาดทู ที่ ่านำ้� คร้ันมองไปเห็นรปู ทองคำ� ทต่ี งั้ ไว้ข้างรมิ ทาง เขา้ ใจ ว่า ‘เป็นพระนางประภาวดี’ จึงเข้าไปหา กราบทูลว่า “พระนางใช้ให้มาตักน�้ำ แล้วเหตุใดจึงมายืนดักอยู่ท่ีน้ี ? ถ้าพระราชาทรงทราบพวกนางจะเดอื ดรอ้ น” พูดแล้วก็เอามือแตะรูปน้ันจึงได้รู้ว่าเป็นทอง ไม่ใช่ พระราชธดิ า 16 www.webkal.org

กสุ ฝ่ายอ�ำมาตย์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ เข้ามาสอบถาม นางพเ่ี ลย้ี งคอ่ มจนรคู้ วาม จงึ นำ� รปู ทองนนั้ และเครอื่ งราชย์ ท้งั หลายเขา้ ไปถวายพระเจ้ามัททราช กราบทลู วา่ “พระเจ้าโอกกากราชประสงค์จะสู่ขอพระนาง- ประภาวดีให้แก่พระโอรสองค์โต และจะมอบราชสมบัติ ใหพ้ ระโอรสนั้น” พระเจ้ามัททราชก็ทรงรับด้วยความยินดี พระเจ้า โอกกากราชและพระนางสีลวดีจึงเสด็จมารับพระนาง ประภาวดีกลับนครกสุ าวดีด้วยพระองค์เอง พระนางสีลวดีนั้น เห็นว่า ‘ลูกสะใภ้ของตนมี ความงามปานเทพธิดา หากได้แลเห็นพระโอรสกุสติณ เต็มตาก็คงรังเกียจ และหนีไป’ พระนางจึงออกอุบาย หลอกพระนางประภาวดีว่า “ตามธรรมเนียมราชวงศ์ ห้ามพระชายาพบหน้า พระสวามีในเวลากลางวันอย่างเด็ดขาด จนกว่าจะต้ัง พระครรภเ์ สียก่อน.” พระนางประภาวดีไม่รู้ก็ทรงรับอุบายนั้นไว้ แล้ว พระเจ้าโอกกากราชก็ทรงแต่งต้ังให้เจ้าชายกุสติณข้ึน ครองราชสมบัติสืบแทน และตั้งพระนางประภาวดีเป็น 17 www.webkal.org

หลงในรูป พระมเหสี โดยทั้งสองต่างยังไม่เคยเห็นหน้ากันในเวลา กลางวนั เลย เมอ่ื อยรู่ ว่ มกนั ในเวลากลางคนื นน้ั รศั มแี หง่ พระนาง ประภาวดกี ไ็ มม่ ากพอจะทำ� ใหเ้ หน็ พระพกั ตรพ์ ระสวามไี ด้ ผ่านไป ๒-๓ วัน พระเจ้ากุสราชก็อ้อนวอนพระมารดา อยากดูหน้าชายาของตน พระมารดาก็บอกใหร้ อไปกอ่ น แต่อ้อนวอนหนักเข้า พระมารดาจึงออกอุบายให้ พระเจ้ากุสราชไปรอท่ีโรงช้าง ท�ำตัวเหมือนคนเล้ียงช้าง แล้วพระนางจะพาพระนางประภาวดีเสด็จไป ระหว่าง เสด็จดโู รงชา้ ง พระกุสราชก็หยิบมูลช้างก้อนหนึ่งขว้างไปที่หลัง พระนางประภาวดเี พอ่ื จะไดใ้ หน้ างหนั มา พระนางประภาวดี ทรงกร้ิวเป็นอย่างมาก ทูลพระมารดาให้ลงโทษ ฝ่าย พระมารดาก็ทรงปลอบประโลมใหห้ ายกริว้ ต่อมาพระเจ้ากุสราชอยากเห็นหน้าพระชายาอีก พระมารดาจงึ พาพระนางประภาวดีเสด็จดโู รงม้า พระเจ้ากุสราชก็เอามูลม้าขว้างไปเหมือนเดิม พระนางประภาวดีก็ทรงกร้ิวใหญ่ แต่พระมารดาก็ทรง ปลอบประโลมเหมือนเดมิ 18 www.webkal.org

กุส วันต่อมา พระนางประภาวดีทรงใคร่จะได้เห็นหน้า พระสวามีบ้าง จึงทูลบอกแก่พระมารดา แต่พระมารดา ก็บอกให้รอไปก่อน พระนางรบเรา้ หนกั เข้า พระมารดาจงึ บอกวา่ “พรงุ่ นพ้ี ระเจา้ กุสราชจะเสด็จ เลียบพระนคร ให้พระนางประภาวดีไปแอบดูเอาเอง” วันรงุ่ ขึน้ พระมารดาก็สงั่ ให้ พระชยมั บดีอนุชา ทรง เครื่องต้นอย่างกษัตริย์ ประทับนั่งบนหลังช้าง แล้วให้ พระเจ้ากุสราชประทับน่ังบนอาสนะข้างหลัง แล้วทรงพา พระนางประภาวดไี ปประทับยืนดทู ่ีสหี บญั ชร เมื่อพระนางประภาวดีเห็น ก็ส�ำคัญผิดว่า ‘เราได้ พระสวามีท่ีมีความงามสมควรกันแล้ว’ ก็ทรงมีพระทัย โสมนสั ฝ่ายพระเจ้ากุสราช เมื่อทรงทอดพระเนตรข้ึนมา เห็นพระนางประภาวดี พระองค์ก็แสดงอาการย่ัวเย้า พระนางประภาวดไี มพ่ อพระทัย ทูลพระมารดาใหล้ งโทษ แต่พระมารดาก็แก้ต่างให้ พระนางประภาวดีจึงเริ่มสงสัยว่า ‘นายควาญช้าง คนนี้ คงจะเป็นพระเจ้ากุสราชเปน็ แน่ แต่เพราะพระองค์ มหี นา้ ตาน่าเกลยี ด จึงไม่ยอมแสดงองค์’ 19 www.webkal.org

หลงในรูป พระนางประภาวดีจึงทรงกระซิบสั่งนางค่อมพ่ีเลี้ยง ให้ไปคอยดูว่า ‘องค์ไหนคือ พระเจ้ากุสราช โดยหาก เป็นพระเจ้ากุสราช พระองค์จะต้องเสด็จลงจากหลังช้าง ก่อน’ นางค่อมก็ตามไปแอบดู ได้รู้ว่าพระเจ้ากุสราชนั้น คอื คนท่นี ั่งขา้ งหลัง ฝา่ ยพระเจา้ กสุ ราช เมอ่ื ลงจากหลงั ชา้ ง มองมาเหน็ นางคอ่ มกร็ วู้ า่ ‘นางมาแอบด’ู จงึ รบั สง่ั ใหเ้ รยี กนางคอ่ มมา แลว้ ตรสั กำ� ชบั “หา้ มนางบอกเรอ่ื งนแ้ี กพ่ ระนางประภาวดี อย่างเด็ดขาด.” นางคอ่ มน้นั จงึ กลบั ไปทลู พระนางประภาวดีวา่ “พระเจา้ กสุ ราชผเู้ สดจ็ ประทบั อยบู่ นอาสนะขา้ งหนา้ เสด็จลงกอ่ น” พระนางประภาวดกี ท็ รงเชอ่ื ถอ้ ยคำ� ของนางคอ่ มนน้ั วันต่อมา พระเจ้ากุสราช ประสงค์จะได้ทอด พระเนตรเห็นหน้าพระชายา จึงทรงทูลอ้อนวอนพระราช มารดา พระมารดาจึงพาพระนางประภาวดีเสด็จไปยัง วนอุทยาน พระเจ้ากุสราชลงไปแอบอยู่ในสระบัว และ เอาใบบัวก�ำบงั ไว้ 20 www.webkal.org

กสุ เมอื่ พระนางประภาวดเี หน็ สระโบกขรณอี นั ดารดาษ ไปดว้ ยดอกบวั จงึ เสดจ็ ลงสรงนำ�้ พรอ้ มดว้ ยนางบรจิ ารกิ า ท้ังหลาย ครั้นพอทอดพระเนตรเห็นดอกบัวท่ีพระเจ้า กสุ ราชถอื ซอ่ นอยกู่ อ็ ยากได้ จงึ ทรงเออ้ื มพระหตั ถอ์ อกไป ลำ� ดบั นน้ั พระเจา้ กสุ ราช จงึ ทรงเปดิ ใบบวั ออก แลว้ คว้าพระนางดว้ ยพระหตั ถพ์ ลางร้องว่า “เราคอื พระเจา้ กุสราช” พระนางพอได้ทอดพระเนตรเห็นพระพักตร์ของ พระสวามีเตม็ ตากต็ กใจ ทรงร้องขนึ้ ดว้ ยส�ำคญั วา่ ‘ยักษ์จับเราแล้ว’ ทรงถึงวิสัญญีภาพ ส้ินพระสติ สมฤดอี ย่ใู นทต่ี รงนน้ั เอง คร้ันพอพระนางประภาวดีรู้สึกพระองค์ก็ทรงเสีย พระทัยว่า ‘คนอัปลักษณ์ที่เอามูลช้างขว้างเราท่ีโรงช้าง คือ พระเจ้ากุสราช คนอัปลักษณ์ท่ีเอามูลม้าขว้างเรา ที่โรงม้าคือพระเจ้ากุสราช คนอัปลักษณ์ที่หยอกล้อเรา บนหลังช้างคือ พระเจ้ากุสราช คนอัปลักษณ์ที่จับมือเรา ในกอบวั คอื พระเจ้ากุสราช เราไม่ประสงคพ์ ระเจา้ กุสราช ทมี่ ีพกั ตรอ์ ปั ลักษณเ์ ช่นนี้ เราจะทง้ิ พระองคไ์ ป’ 21 www.webkal.org

หลงในรูป 22 www.webkal.org

กุส ด�ำริดังนั้นแล้วจึงตรัสสั่งอ�ำมาตย์ท่ีตามเสด็จมากับ พระนางให้จัดเตรียมพาหนะ เสด็จกลับสาคละนคร อ�ำมาตย์เหล่านั้นจึงไปกราบทูลให้พระเจ้ากุสราชทรง ทราบ พระเจา้ กสุ ราชทรงมดี ำ� รวิ า่ ‘หากพระนางไมไ่ ดก้ ลบั ดวงหทัยของพระนางคงจะแตกเป็นแน่ จึงควรปล่อยให้ พระนางกลับไปก่อน แล้วค่อยไปน�ำพระนางกลับคืนมา ภายหลงั ’ พอทรงดำ� ริดงั นี้แลว้ จึงทรงอนญุ าตให้พระนาง ประภาวดีเสด็จกลบั ไปได้ เมื่อพระนางประภาวดีเสด็จจากไปแล้ว พระเจ้า กุสราชก็ทรงเศร้าโศกเสียพระทัย เฝ้าแต่ร�ำพึงคิดถึง พระชายา พระองคไ์ มไ่ ดส้ นพระทยั พระสนมนางอน่ื แมแ้ ตเ่ พยี ง นางเดียว พระราชนิเวศน์ของพระองค์จึงเงียบสงัดวังเวง คลา้ ยไมม่ ใี ครอยู่ พระเจ้ากุสราชทรงร�ำพงึ วา่ ‘บดั น้ี พระนางประภา- วดี คงไปถงึ เมอื งสาคละแลว้ ’ จงึ เสด็จไปเฝา้ พระมารดา กราบทลู วา่ “พระองคจ์ ะ ไปตามพระนางประภาวดีทรี่ ักคนื มา” 23 www.webkal.org

หลงในรปู กราบทูลแล้ว พระเจ้ากุสราชก็ทรงเหน็บพระแสง อาวุธ ๕ อย่าง กหาปณะพันหน่ึง พร้อมทั้งภาชนะ พระกระยาหาร และทรงถือพิณเสด็จออกจากพระนคร ด้วยพละก�ำลังของพระองค์ เพียง ๒ วันก็เสด็จถึงเมือง สาคละ พระเจ้ากุสราชได้ถือพิณไปบรรเลงที่โรงช้างทรง พระนางประภาวดีได้ยินเสียงพิณก็รู้ว่า ‘พระเจ้ากุสราช เสดจ็ มาตาม’ แต่พระนางก็ไม่ยอมพบหน้า พระเจ้ากุสราชคิดว่า ‘วิธีน้ีคงไม่ได้ผล’ พระองค์ จงึ เอาพณิ ไปเก็บ วันรุ่งข้ึน พระเจ้ากุสราชได้ไปยังบ้านนายช่างหม้อ ขอฝากตัวเป็นศิษย์ และเพียงวันเดียวเท่าน้ัน ก็ทรงขน เอาดนิ มาจนเตม็ เรอื น และทรงปน้ั ภาชนะเลก็ บา้ ง ใหญบ่ า้ ง หลายชนิดหลากสี สำ� หรบั สว่ นทป่ี น้ั ใหพ้ ระนางประภาวดโี ดยเฉพาะนน้ั ได้ทรงกระท�ำใหม้ ลี วดลายเป็นรูปตา่ ง ๆ ท่ที ำ� ใหพ้ ระนาง ประภาวดมี องเห็นได้แต่เพยี งองค์เดยี วเท่าน้นั เมื่อเผาภาชนะนั้นแล้ว นายช่างหม้อก็น�ำไปยัง ราชตระกูล 24 www.webkal.org

กสุ พระเจา้ มัททราชทอดพระเนตรเห็นจงึ ตรัสถามว่า “ใครท�ำ ?” นายช่างหมอ้ กราบทูลวา่ “ศษิ ย์ของข้าพระองค์ทำ� ” พระราชาจงึ ตรสั วา่ “ผนู้ นั้ ไมส่ มควรเปน็ ศษิ ยข์ องเจา้ ผู้นั้นจงเป็นอาจารย์ และเจ้าจงศึกษาศิลปะในส�ำนักของ เขาเถิด” แล้วพระเจ้ามัททราชก็ให้ช่างหม้อน�ำภาชนะ เลก็ ๆ ไปถวายพระธิดา เมอื่ พระนางประภาวดที รงรบั ภาชนะทพี่ ระเจา้ กสุ ราช ท�ำขึ้นโดยเฉพาะ พระนางก็เห็นรูปพระเจ้ากุสราช บน ภาชนะ จึงไดข้ ว้างภาชนะนนั้ ทงิ้ ลงบนพื้น พระเจา้ กสุ ราช ทรงดำ� รวิ า่ ‘หากพระองคย์ งั อยเู่ รอื น ชา่ งปนั้ หมอ้ ก็จะไม่มีโอกาสพบหนา้ พระชายา’ พระองค์จึงเสด็จไปขอเป็นศิษย์นายช่างสาน แล้ว น�ำใบตาลมาประดิษฐ์เป็นของใช้ให้พระนางประภาวดี พระนางประภาวดีกเ็ ห็นรปู พระเจา้ กุสราชอีก จึงทรงกริ้ว และขว้างลงบนพืน้ รบั ส่ังว่า “ใครอยากได้ก็จงเอาไปเถิด” พระเจา้ กสุ ราช จงึ ไปยงั สำ� นกั ของนายชา่ งรอ้ ยดอกไม้ ทรงร้อยพวงมาลาแปลก ๆ ถวายพระนางประภาวดี กถ็ ูก พระนางประภาวดีจับขว้างลงพื้นอกี 25 www.webkal.org

หลงในรปู พระเจ้ากุสราชจึงไปขอท�ำงานในห้องต้นเครื่อง พระราชา พระราชาตดิ ใจรสชาตอิ าหารจงึ รบั สง่ั ใหพ้ ระองค์ เป็นพอ่ ครวั ท�ำเครอ่ื งเสวยแก่พระราชาและพระธิดา วนั รงุ่ ขน้ึ พระเจา้ กสุ ราชจดั แจงเครอื่ งเสวยเสรจ็ แลว้ ก็จัดเคร่ืองเสวยใส่หาบเสด็จไปยังปราสาทของพระนาง ประภาวดี พระนางประภาวดไี มย่ อมเปดิ ทวารรบั ทรงตรสั วา่ “นางไมป่ รารถนาผมู้ ผี วิ พรรณชว่ั เชน่ พระเจา้ กสุ ราช ขอให้พระองค์เสด็จกลับกุสาวดี และไปหานางยักษ์ที่มี รปู ชว่ั เสมอกันมาเปน็ มเหสเี ถิด” อาหารทพ่ี ระเจา้ กสุ ราชทำ� มาใหน้ นั้ พระนางประภา- วดีไม่ยอมแตะต้องเลย พระนางได้ขอแลกกับอาหาร ผกั ต้มของนางค่อม แลว้ ก�ำชับไม่ใหน้ างบอกใครว่า “พระเจา้ กุสราช ตดิ ตามมา” หลายวนั ผา่ นไป พระเจา้ กสุ ราชทรงอยากร้วู า่ ‘พระนางประภาวดี ยงั มคี วามเสนห่ าอาลยั ในพระองค์ บ้างหรือไม่ ?’ วันหนึ่งเม่ือหาบเครื่องเสวยผ่านหน้าปราสาทของ พระนาง พระองคจ์ ึงแกลง้ กระทบื บาทเสยี งดงั แล้วลม้ ลง ทำ� ทเี ป็นสลบอยูท่ ห่ี นา้ ทวารน้ันเอง 26 www.webkal.org

กสุ พระนางประภาวดีได้ยินเสียง เปิดทวารออกมาดู เห็นพระเจ้ากุสราชส้ินสติอยู่ จึงได้เข้าไปช้อนพระเศียร ตรวจดูลมหายใจ พระเจ้ากุสราชได้ที จึงถ่มน�้ำลาย ถกู ตวั นาง พระนางประภาวดียิ่งโกรธพระเจ้ากุสราชมาก ยิ่งขึ้น ทรงด่าว่าพระองค์อย่างรุนแรง แล้วเสด็จกลับ เข้าพระต�ำหนัก แม้พระเจ้ากุสราชจะง้องอนอย่างไร พระนาง กไ็ ม่หายโกรธ ฝ่ายนางค่อมก็ช่วยเกล้ียกล่อมพระนางประภาวดี กราบทลู ใหพ้ ระนางมองความงามทคี่ วามดแี ละพระปรชี า สามารถของพระเจ้ากุสราช อย่ามองที่พระรูปโฉมเพียง อยา่ งเดยี ว แต่กไ็ มเ่ ป็นผลสำ� เรจ็ เวลาผ่านไป ๗ เดือน พระเจ้ากุสราชก็ทรงเบ่ือท่ี ไม่ได้เห็นหน้าพระชายาของตนเลย จึงคิดจะเสด็จกลับ กุสาวดี ขณะนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงทราบว่า ‘พระเจ้า กุสราชทรงเบ่ือระอาพระทัย’ จึงด�ำริว่า ‘จะต้องช่วยให้ พระองคส์ มประสงค’์ 27 www.webkal.org

หลงในรปู จงึ เนรมิตทูต ๗ คน สง่ ข่าวไปยงั กษตั รยิ ์ ๗ นครว่า ‘พระนางประภาวดที รงละทงิ้ พระเจ้ากสุ ราชกลบั มา แล้ว ถ้าพระราชาองค์ใดมีพระประสงค์ในพระนาง ก็จง เสด็จมารบั เอาพระนางประภาวดไี ปเถิด’ พระราชาทั้ง ๗ นครน้นั จงึ น�ำขบวนมารับพระนาง ประภาวดี เม่ือมาถึงสาคละ ขบวนของพระราชาทั้ง ๗ นครก็ได้มาพบกนั ต่างองคต์ ่างโกรธ เข้าใจว่า ‘พระเจา้ มทั ทราชดถู กู ทย่ี กราชธดิ าองคเ์ ดยี วใหก้ บั กษัตริยถ์ งึ ๗ องค’์ พระราชา ๗ นครจงึ พรอ้ มใจกนั ยกพลลอ้ มพระนคร ส่งสาส์นไปว่า ‘จะออกรบ หรือจะส่งพระนางประภาวดี ออกมา’ พระเจ้ามัททราชเมื่อได้รับสาส์นก็ทรงกร้ิวพระธิดา ว่า ‘นางมีพระสวามีเป็นผู้เลิศในชมพูทวีปแล้วยังละทิ้ง พระองค์มา ด้วยรังเกียจว่าพระสวามีมีหน้าตาอัปลักษณ์ บัดน้สี มควรแลว้ ท่ีจะตัดร่างพระธดิ าเปน็ ๗ ท่อน แล้วสง่ ไปให้พระราชาทัง้ ๗ นคร’ พระนางประภาวดที รงสดบั แลว้ กต็ กใจกลวั เสดจ็ ไป หาพระมารดาร้องไห้คร่�ำครวญอยู่ พระมารดาจึงเสด็จ ไปหาพระเจา้ มทั ทราช 28 www.webkal.org

กสุ แต่พระเจ้ามทั ทราชก็แจง้ โทษพระธดิ าวา่ ‘เพราะพระธิดาไม่ท�ำตามค�ำของพ่อแม่ ละทิ้งพระ สวามีมา ท�ำให้มีศึกมาติดพระนครเช่นนี้ บัดนี้พระธิดา ไดท้ �ำให้ตระกูลเสยี หายแลว้ ’ พระมารดาหมดทางชว่ ยจงึ กลบั มาหาพระธดิ า บอก ว่า “หากนางไม่หลงมัวเมาในรูปโฉม จนละทิ้งพระเจ้า กุสราชมา วันน้ีพระเจ้ากุสราชก็คงจะประทับอยู่ที่นี้และ ช่วยขบั ไลท่ พั ของกษตั ริย์ ๗ นครน้ไี ปได้” พระนางประภาวดจี ึงกราบทลู ความจรงิ วา่ “พระเจา้ กสุ ราชนน้ั ประทบั อยใู่ นนครนแี้ ลว้ ถงึ ๗ เดอื น” พระมารดาไม่เช่ือ พระนางประภาวดีจึงเปิดบาน พระแกล ช้ใี ห้พระมารดาดูว่า “พระเจ้ากุสราชนั้นปลอมพระองค์เป็นพนักงานต้น เครอื่ ง ทีบ่ ดั นีก้ �ำลงั ก้มพระองคท์ �ำงานลา้ งหม้ออยู่” พระมารดาจงึ รบี ไปกราบทลู พระเจา้ มทั ทราชใหท้ รง ทราบ พระเจ้ามัททราชจึงรีบไปเฝ้าพระเจ้ากุสราช และ รบั ส่งั ใหพ้ ระธิดามาขอขมา พระเจา้ กสุ ราชนนั้ มพี ระประสงคจ์ ะทำ� ลายมานะของ พระชายา จงึ ไดร้ าดนำ�้ บนพน้ื รอบตวั จนเปน็ โคลนไปหมด 29 www.webkal.org

หลงในรูป เมื่อพระนางประภาวดีเสด็จมาถึง พระนางก็กราบ ขอขมาโทษบนพน้ื โคลนทแี่ ทบพระบาทพระเจา้ กสุ ราชนนั้ กราบทูลวิงวอนให้พระองค์ทรงช่วย และพระนางจะ ไม่ชงิ ชังพระองค์อกี แลว้ พระเจ้ากุสราช ทรงตรสั กบั พระนางวา่ “พ่ีติดตามน้องมา ก็เพราะความรักในตัวน้อง พี่นี้ มอี �ำนาจ มกี ำ� ลังทจี่ ะท�ำลายสาคละนครน้ี แล้วยดึ นอ้ งไป โดยพลการก็ได้ แต่พ่ีน้ีไม่ได้ท�ำเช่นน้ัน ก็เพราะพี่รัก พระน้องนาง พี่ให้สัญญาแก่น้อง ๒ ข้อคือ พี่จะไม่ โกรธเคืองนอ้ งไมว่ า่ เร่ืองใด และจะไมเ่ กลยี ดชงั น้องอยา่ ง เด็ดขาด ไม่ว่าเวลาใด” แล้วพระเจ้ากุสราชก็ตรัสสั่งให้ทหารจัดแจงเตรียม รถพระองค์จะเสด็จออกไปจับกษัตริย์ท้ัง ๗ นครน้ัน มาให้ได้ พระองค์จะไม่ยอมให้ใครมาย�่ำยีชายาของ พระองค์ พระเจ้ากุสราชทรงช�ำระล้างองค์และทรงฉลอง พระองค์เสียใหม่ และให้พระเจ้ามัททราชเสด็จดูพระองค์ ออกศกึ อยู่บนพระราชวงั พระเจ้ากุสราชทรงยกทัพออกจากพระนคร ทรง เปลง่ พระสรุ เสียงประกาศดงั กอ้ งไปทั้งชมพทู วปี ว่า 30 www.webkal.org

กุส “เราคอื พระเจา้ กสุ ราช ใครรกั ชวี ติ กจ็ งยอมออ่ นนอ้ ม กบั เราเสียเถิด” กษัตริย์ ๗ นคร ได้ยินเสียงประกาศของพระเจ้า กุสราช ก็ตกใจกลัว กองทัพแตกกระจายเหมือนฝูงเนื้อ แตกหนรี าชสหี ์ พระเจ้ากุสราชจึงทรงยึดได้แก้วมณี และจับตัว กษัตรยิ ์ ๗ นครมาถวายพระเจ้ามัททราชให้ทรงลงโทษ แต่พระเจ้ามทั ทราชบอกว่า “กษตั รยิ ท์ ง้ั ๗ นี้ ไมไ่ ดเ้ ปน็ ศตั รขู องพระองค์ แตเ่ ปน็ ศัตรูของพระเจ้ากุสราชโดยตรง จึงขอให้พระเจ้ากุสราช ตดั สินพระทัยเอง.” พระเจา้ กสุ ราชจงึ กราบทลู ขอพระราชธดิ าอกี ๗ องค์ ของพระเจ้ามัททราชให้แก่กษัตริย์เหล่าน้ัน ซ่ึงพระเจ้า- มัททราชก็ตกลงพระราชทานให้ แล้วพระเจ้ากุสราชก็พาพระนางประภาวดีเสด็จ กลับกุสาวดี โดยประทับน่ังไปบนราชรถเดียวกัน และ ด้วยอานุภาพของแก้วมณี (ที่ท้าวสักกะพระราชทานให้ เมื่อพระเจ้ากุสราช ทรงชนะสงคราม) พระรูปโฉมของ พระเจ้ากุสราชก็หายอัปลักษณ์ แต่กลับงดงามสมด้วย พระรูปโฉมของพระนางประภาวดผี เู้ ปน็ พระชายา 31 www.webkal.org

หลงในรปู ในกาลน้ัน พระเจ้ากุสราชและพระนางประภาวดี ก็ทรงสมัครสมานกัน ได้ทรงปกครองราชอาณาจักร กสุ าวดี ให้ร่งุ เรอื งตลอดมา. พระศาสดา ครั้นทรงน�ำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จงึ ทรงประกาศสจั จะท้ังหลาย ในเวลาจบสจั จะ ภกิ ษผุ เู้ บอ่ื หนา่ ยในธรรมวนิ ยั รปู นนั้ ก็บรรลโุ สดาปตั ติผล ประชุมชาดก พระชนนี และพระชนก คือ ราชตระกูลมหาราช ในบัดน้ี ชยมั บดีอนชุ า มาเกดิ เปน็ พระอานนท์ นางคอ่ ม มาเกดิ เปน็ นางขชุ ชตุ ตราอบุ าสกิ า พระนางประภาวดี มาเกิดเปน็ พระนางพิมพา พระเจ้ากสุ ราช มาเกิดเป็น เราตถาคต 32 www.webkal.org

ชาดกเรื่องหลงในเสียง ๒. โมรชาดก๒ วา่ ดว้ ยนกยูงเจริญพระปรติ ต์ สถานท่ีตรสั พระเชตวนั มหาวิหาร ทรงปรารภ ภิกษผุ ู้กระสนั สาเหตุท่ตี รสั ภิกษุทั้งหลายได้น�ำภิกษุนั้น ไปเฝ้าพระศาสดา เม่ือพระองค์ ตรัสถามว่า “เธอกระสันจริงหรือ ?” ภิกษุกราบทูลว่า “จรงิ พระเจ้าข้า” เม่ือตรสั ถามวา่ “เธอเห็นอะไรจงึ กระสัน ?” กราบทลู วา่ “เหน็ มาตคุ ามคนหนง่ึ ซง่ึ ประดบั ตกแตง่ กาย.” พระศาสดารับสัง่ กับภิกษุนน้ั วา่ “ดกู อ่ นภกิ ษุ ขน้ึ ชอ่ื วา่ ‘มาตคุ าม’ ทำ� ไมจกั ไมร่ บกวน ๒ ตนฉบบั ปรมตั ถทปี นี อรรถกถาชาดก ทุกนบิ าต, ล.๕๗, น.๖๑, มมร. 33 www.webkal.org

หลงในเสยี ง 34 www.webkal.org

โมร จติ คนเชน่ เธอ แมบ้ ณั ฑติ แตก่ ่อน พอไดย้ ินเสยี งมาตุคาม กเิ ลสทีส่ งบมาเจด็ รอ้ ยปีได้โอกาสยังกำ� เรบิ ได้ทันที สัตว์ทั้งหลายแมบ้ ริสทุ ธิ์ ยังเศรา้ หมองได้ แมส้ ตั ว์ ผ้เู ป่ียมดว้ ยยศสงู ยงั ถงึ ความพินาศได้ จะกลา่ วไปท�ำไม ถงึ สัตวผ์ ู้ไมบ่ ริสุทธ”์ิ แลว้ ทรงน�ำเร่ืองในอดตี มาตรสั เล่า เนือ้ หาชาดก ในอดีตกาล คร้ังพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ในกรงุ พาราณสี พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในก�ำเนิดนกยูง ในเวลา เปน็ ฟอง มกี ระเปาะฟองคลา้ ยสดี อกกรรณกิ ารต์ มู ครนั้ เจาะ กระเปาะฟองออกมาแลว้ มสี ีดจุ ทองคำ� น่าดู นา่ เลื่อมใส มีสายแดงพาดในระหว่างปีก. นกยูงนั้นคอยระวังชีวิตของตน อาศัยอยู่ ณ พ้ืนที่ เขาทัณฑกหิรัญ๓ แห่งหนึ่ง ใกล้แนวเขาท่ีส่ีเลยแนวเขา ที่สามไป. ๓ ทัณฑะ แปลว่า น. มาตราโบราณสําหรบั วัดความยาว ๑ ทัณฑะ เท่ากับ ๒ ศอก. หริ ญั แปลวา่ น. เงนิ , บางแหง วา ทอง กม็ ี แตโ ดยทวั่ ไปหมายถงึ เงนิ . 35 www.webkal.org

หลงในเสียง ตอนสว่าง นกยูงทองจับอยู่บนยอดเขา มองดู พระอาทติ ยก์ ำ� ลงั ขนึ้ เมอ่ื จะผกู มนตอ์ นั ประเสรฐิ เพอื่ รกั ษา ปอ้ งกันตัว ณ ภูมภิ าคท่หี าอาหาร จงึ กล่าวคาถา (แสดง ความนอบนอ้ มต่อดวงอาทติ ย)์ ครั้นนอบน้อมพระอาทิตย์ด้วยคาถานี้ อย่างน้ีแล้ว จงึ นมสั การพระพทุ ธเจา้ ซง่ึ เสดจ็ ปรนิ พิ พานไปแลว้ ในอดตี และพระคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยคาถาที่สอง (ดังท่ี ปรากฎในโมรชาดก) นกยูงนั้น ครั้นเจริญพระปริตร คือ การป้องกันนี้แล้ว จึงพักอยู่ ณ ท่ีอยู่น้ัน. ด้วยอานุภาพ แห่งพระปริตรน้ี นกยูงมิได้มีความกลัว ความสยดสยอง ตลอดคืนตลอดวนั ลำ� ดบั นนั้ พรานชาวบา้ นเนสาทะ๔ คนหนง่ึ อยไู่ มไ่ กล เมอื งพาราณสี ทอ่ งเทย่ี วไปในหมิ วนั ตประเทศ เหน็ นกยงู โพธสิ ตั วจ์ บั อยบู่ นยอดเขาทณั ฑกหริ ญั จงึ กลบั มาบอกลกู . อยู่มาวันหนึ่ง พระนางเขมาพระเทวีของพระเจ้า กรงุ พาราณสี ทรงสุบนิ เห็นนกยูงสที องแสดงธรรม ขณะตน่ื พระบรรทมไดก้ ราบทลู สบุ นิ แกพ่ ระราชาวา่ “ขอเดชะขา้ แตพ่ ระองค์ หมอ่ มฉนั ประสงคจ์ ะฟงั ธรรม ของนกยูงสีทองเพคะ”. ๔ พราน, ชาวประมง, โจร 36 www.webkal.org

โมร พระราชาจึงมีพระด�ำรสั ถามพวกอำ� มาตย์. พวกอ�ำมาตย์กราบทลู วา่ “พวกพราหมณค์ งจะทราบพะ่ ย่ะค่ะ” พราหมณท์ ง้ั หลายสดบั พระราชปจุ ฉาแลว้ จงึ พากนั กราบทูลวา่ “ขอเดชะนกยูงสีทองมอี ยแู่ น่ พระเจ้าข้า” พระราชาตรสั ถามวา่ “นกยงู ทองมอี ยูท่ ่ีไหนเล่า ?” พราหมณจ์ ึงไดก้ ราบทูลว่า “พวกพรานจกั ทราบพระเจา้ ขา้ ”. พระราชารบั ส่งั ให้ประชมุ พวกพรานแลว้ ตรสั ถาม. บุตรพรานคนนนั้ ก็กราบทลู วา่ “ขอเดชะ มหาราช นกยูงสีทองมีอยู่จริง อาศัยอยู่ ณ ทัณฑกบรรพต พระเจ้าขา้ ”. พระราชารบั สั่งวา่ “ถ้าเชน่ นั้น เจา้ จงไปจบั นกยงู ทองมา อยา่ ใหต้ าย”. พรานจึงเอาบ่วงไปดักไว้ที่ ณ ท่ีนกยูงหาอาหาร ในสถานที่ทนี่ กยงู เหยียบ นกยูงทองก็ไม่ติดบ่วง. พรานไม่สามารถจับนกยูงได้ พยายามอยู่ถึงเจ็ดปี ไดถ้ งึ แกก่ รรมลง ณ ที่นัน้ เอง. พระนางเขมาราชเทวี เม่ือไม่ได้สมพระประสงค์ ก็สิน้ พระชนม.์ 37 www.webkal.org

หลงในเสียง พระราชาทรงกร้ิวว่า ‘พระเทวีได้ส้ินพระชนม์ลง เพราะอาศัยนกยูง’ จึงใหจ้ ารกึ อักษรไว้ในแผ่นทองวา่ ‘ในหมิ วนั ตประเทศ มภี เู ขาลกู หนง่ึ ชอ่ื ทณั ฑกบรรพต นกยูงสีทองตวั หนง่ึ อาศัยอยู่ ณ ท่นี นั้ ผไู้ ดก้ นิ เนอื้ ของมัน ผู้น้ันจะไม่แก่ไม่ตาย จะมีอายุยืน’ แล้วเก็บแผ่นทองไว้ ในหีบทอง. เม่ือพระราชาสวรรคตแล้ว พระราชาองค์อ่ืนครอง ราชสมบตั .ิ ทรงอา่ นขอ้ ความในสพุ รรณบฏั ๕ มพี ระประสงค์ จะไม่แก่ไม่ตาย จึงทรงส่งนายพรานคนอ่ืนไป ให้เท่ียว แสวงหานกยูงทอง. นายพรานไปถงึ ทภ่ี เู ขาทณั ฑกหริ ญั แลว้ กไ็ มส่ ามารถ จะจบั พระโพธสิ ตั ว์ได้ ตายไปในท่ีนัน้ เอง. เป็นเช่นนี้ พระราชาสวรรคตไปหกชั่วพระองค์ ถึง องคท์ เี่ จด็ ครองราชยส์ มบตั จิ งึ ทรงสง่ นายพรานคนหนงึ่ ไป. นายพรานไปถึงแล้วก็รู้ว่า ‘นกยูงทองไม่ติดบ่วง ในท่ีท่ีนกยูงทองเหยียบ และท่ีนกยูงทองเจริญพระปริตร ป้องกันตนกอ่ นแลว้ จึงบินไปหาอาหาร’ ๕ น. แผนทองซึ่งจารึก พระนามาภิไธยพระมหากษัตริย เจานาย เจาพระยาบางคน หรอื พระราชสาสน. 38 www.webkal.org

โมร จงึ ไปปัจจนั ตชนบท จบั นางนกยงู ไดต้ ัวหนงึ่ ฝึกให้ รู้จักฟ้อนด้วยเสียงดีดนิ้วมือ และให้รู้จักขันด้วยเสียง ดีดนิ้วมอื . เมื่อฝึกนางนกยูงจนช�ำนาญดีแล้ว จึงพานางนกยูง ไปภูเขาทัณฑกหิรัญ ในเวลาท่ีนกยูงทองยังไม่ได้เจริญ พระปริตร ปักหลักดักบ่วงไว้ในเวลาเช้า ท�ำสัญญาณให้ นางนกยงู ขัน. นกยูงทองได้ยินเสียงนางนกยูงสาว ซ่ึงเป็นข้าศึก ต่อการประพฤติพรหมจรรย์แล้ว ก็เร่าร้อนด้วยกิเลส ไมอ่ าจเจรญิ พระปรติ รได้ จงึ บินโผไปติดบว่ ง. พรานจึงจับนกยงู ทองไปถวายพระเจา้ พาราณส.ี พระราชาทอดพระเนตรเหน็ รปู สมบตั ขิ องนกยงู ทอง กท็ รงพอพระทัย พระราชทานทใ่ี ห้นกยงู ทองจับ. นกยงู ทองโพธสิ ตั วจ์ บั อยเู่ หนอื คอน๖ทเ่ี ขาจดั แตง่ ให้ จงึ ทลู ถามพระราชาวา่ “มหาราช เพราะเหตไุ รจงึ มรี บั สงั่ ใหจ้ บั ขา้ พระองค์ ?”. พระราชาตรสั ว่า “ข่าวว่า ‘ผู้ใดกินเนื้อเจ้า ผู้น้ันจะไม่แก่ไม่ตาย’ เราตอ้ งการกนิ เนอ้ื เจา้ จะไมแ่ กไ่ มต่ ายบา้ ง จงึ ใหจ้ บั เจา้ มา”. ๖ น. ไมท้ ีท่ ำ� ไวใ้ หน้ ก หรอื ไกเ่ กาะ 39 www.webkal.org

หลงในเสียง นกยูงทองทูลวา่ “มหาราช คนทั้งหลายกินเน้ือข้าพระองค์ จะไม่แก่ ไม่ตายเว้นไว้ก่อน แต่ขา้ พระองคต์ ้องตายหรอื ?”. พระราชรบั สั่งวา่ “จริงเจา้ ต้องตาย”. นกยูงทองกราบทลู วา่ “มหาราช เม่ือข้าพระองค์ต้องตาย ผู้ที่กินเน้ือของ ข้าพระองคแ์ ลว้ ทำ� อย่างไรจงึ ไม่ตายเล่า ?”. พระราชรับสง่ั ว่า “เจ้ามีตัวเป็นสีทอง เพราะฉะน้ัน มีข่าวว่า ‘ผู้ท่ีกิน เน้อื เจา้ แลว้ จักไม่แกไ่ มต่ าย’ ”. นกยูงทองกราบทลู วา่ “มหาราช ขา้ พระองค์มีสที องเพราะมเี หตุ เม่อื กอ่ น ขา้ พระองค์เป็นพระเจา้ จกั รพรรดิในนครนี้ ตนเองกร็ ักษา ศีลห้า ชนท้ังหลายทั่วจักรวาลกใ็ ห้รักษาศลี ข้าพระองคส์ นิ้ ชพี แล้ว ก็ไปเกิดในภพดาวดึงสด์ ำ� รง อยู่ในภพดาวดึงส์จนตลอดอายุ จุติจากภพดาวดึงส์แล้ว มาเกิดในก�ำเนิดนกยูง เพราะผลแห่งอกุศลกรรมอ่ืน แต่ตัวมีสีทอง ก็ด้วยอานุภาพศีลห้าท่ีรักษาอยู่ก่อน”. (ผลของการรกั ษาศีล ทำ� ให้รปู สวย กิรยิ ามรรยาทงาม) 40 www.webkal.org

โมร พระราชรับสงั่ ถามว่า “เจา้ พูดว่า ‘เจ้าเปน็ เจา้ จกั รพรรดิรักษาศลี ห้า ตวั มสี ี เป็นทองเพราะผลของศีล’ ข้อน้ีเราจะเช่ือได้อย่างไร ? มีใครเป็นพยาน ?”. นกยงู ทองกราบทลู วา่ “มหาราช มพี ยานพระเจา้ ขา้ ”. พระราชรบั สงั่ ถามวา่ “ใครเล่าเป็นพยาน ?”. นกยูงทองกราบทูลว่า “มหาราช เมอ่ื ครงั้ ทขี่ า้ พระองคเ์ ปน็ พระเจา้ จกั รพรรดิ ข้าพระองค์นั่งรถท�ำด้วยแก้วเจ็ดประการ เที่ยวไปใน อากาศ รถของข้าพระองค์จมอยู่ภายใตภ้ าคพื้นสระมงคล โบกขรณี โปรดใหย้ กรถนน้ั ขนึ้ จากสระมงคลโบกขรณเี ถดิ รถน้ันจะเปน็ พยานของข้าพระองค.์ ” พระราชารบั ส่ังว่า “ดีละ.” แล้วให้วิดน�้ำออกจากสระโบกขรณี ยกรถข้ึนได้ จึงทรงเช่ือค�ำของพระโพธสิ ัตว.์ พระโพธสิ ัตว์แสดงธรรมถวายพระราชาวา่ “มหาราช ธรรมที่ปรุงแต่งท้ังหมด เว้นอมตมหา- นิพพานแล้ว ชื่อว่า ‘ไม่เท่ียง’ มีความส้ินและความเสื่อม เป็นธรรมดา เพราะมีแล้วกลับไม่ม”ี ใหพ้ ระราชารกั ษาศีลหา้ . 41 www.webkal.org

หลงในเสยี ง พระราชาทรงเลอื่ มใสบชู าพระโพธสิ ตั วด์ ว้ ยราชสมบตั ิ ทรงกระท�ำสกั การะเป็นอันมาก. นกยูงทองถวายราชสมบัติคืนแก่พระราชา พักอยู่ ๒-๓ วนั จงึ ถวายโอวาทว่า “มหาราช ขอพระองคจ์ งทรงไมป่ ระมาทเถดิ ” แลว้ บนิ ขึน้ อากาศไปสู่ภเู ขาทณั ฑกหริ ญั . พระราชาด�ำรงอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์แล้ว ทรงบำ� เพญ็ บญุ มีทานเปน็ ต้นเสดจ็ ไปตามยถากรรม. พระศาสดาทรงน�ำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรง ประกาศ สจั ธรรม เมอ่ื จบสัจธรรม ภิกษุผู้ต้องการจะลาสิกขา ต้งั อยู่ใน พระอรหตั . ประชมุ ชาดก พระราชาในครง้ั น้ัน ไดเ้ ปน็ อานนท์ในบดั น้.ี สว่ นนกยงู ทอง ไดเ้ ปน็ เราตถาคต 42 www.webkal.org

ชาดกเรอ่ื งหลงในกลิ่น ๓. อปุ สิงฆบปุ ผกชาดก๗ ว่าด้วย คนดีไมค่ วรทำ� ชัว่ แมน้ ดิ หน่อย สถานท่ตี รัส พระวิหารเชตวนั ทรงปรารภ ภิกษุรปู ใดรูปหน่งึ สาเหตทุ ่ีตรัส ไดย้ นิ ว่า ภกิ ษุรปู น้นั เม่อื ออกจากพระวหิ ารเชตวนั ไปอาศัยอยูป่ ่าแห่งใดแหง่ หนึ่ง ในโกศลรฐั วนั หนง่ึ ลงไปสสู่ ระบวั เหน็ ดอกบวั บานงาม จงึ ไปยนื ดมดอกไม้อยูใ่ ตล้ ม. ล�ำดับน้ัน เทวดาผู้สิงอยู่ท่ีไพรสณฑ์นั้น จึงให้ท่าน สลดใจวา่ “ข้าแต่ท่านผู้เช่นกับด้วยเรา ท่านช่ือว่าเป็น ผขู้ โมยกลน่ิ ความคดิ วา่ ‘สงิ่ นเ้ี ปน็ สงิ่ ประเสรฐิ ’ เปน็ องค์ ๑ ของการขโมย.” ๗ ต้นฉบบั ชาตกัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนกิ าย ฉกั กนิบาตชาดก, ล.๕๙, น.๑๘๑, มมร. 43 www.webkal.org

หลงในกล่นิ 44 www.webkal.org

อปุ สิงฆบปุ ผก เธอเปน็ ผทู้ เ่ี ทวดานนั้ ใหส้ ลดใจแลว้ จงึ มาทพ่ี ระเชต- วันอกี ถวายบังคมพระศาสดา แล้วนั่งอยู่ ถกู พระศาสดา ตรัสถามว่า “ดกู ่อนภิกษเุ ธออยู่ทีไ่ หน ?” ทลู วา่ “อยทู่ ไ่ี พรสณฑช์ อื่ โนน้ เทวดาทไี่ พรสณฑน์ นั้ น่ันเอง ให้ข้าพระองคส์ ลดใจอย่างนี.้ ” ครง้ั นนั้ พระศาสดาตรัสกะภกิ ษุนน้ั ว่า “ดูก่อนภิกษุ ไม่ใช่แต่เธอเท่าน้ันที่ดมดอกไม้อยู่ ถกู เทวดาใหส้ ลดใจ แมบ้ ณั ฑติ ในกาลกอ่ นทงั้ หลาย เทวดา ก็เคยให้สลดใจมาแลว้ เหมอื นกนั ” ภกิ ษุน้ันทลู อ้อนวอนแลว้ จึงทรงน�ำเอาเรื่องในอดตี มาสาธกดังต่อไปนี้ :- เนื้อหาชาดก ในอดีตกาล เม่ือพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติ อย่ใู นนครพาราณสี พระโพธิสัตวเ์ กิดในตระกลู พราหมณ์ ที่หมู่บ้านในแคว้นกาสี ต�ำบลหนึ่ง เติบโตแล้วได้เรียน ศลิ ปะ ในเมืองตักกสิลา ตอ่ มาไดบ้ วชเปน็ ฤๅษี เขา้ ไปอาศยั สระบวั แหง่ หนงึ่ อยู่ วันหนึง่ ลงไปสระน้ัน ไดย้ ืนดมดอกบัวท่บี านงดงาม. 45 www.webkal.org

หลงในกล่ิน ครง้ั น้นั เทพธิดาตนหนึ่งสถติ อยู่ท่ีล�ำต้นตน้ ไม้ เมอื่ จะใหท้ า่ นสลดใจ จงึ กล่าวคาถาท่ี ๑ วา่ :- “ดูก่อนท่านผู้เช่นกับด้วยเรา ท่านดมดอกไม้ท่ีเกิด ในนำ้� ดอกบวั ทเี่ ขาไมไ่ ดใ้ หน้ ใ้ี ด การดมนน้ี น้ั เปน็ องคๆ์ หนง่ึ ของการขโมย ท่านเป็นผู้ขโมยกลิ่น.” ล�ำดับนัน้ พระโพธิสัตว์ จึงกลา่ วคาถาที่ ๒ ว่า :- “เราไมล่ ัก เราไมเ่ ดด็ ดอกบวั แต่เรายืนดมอยูไ่ กลๆ เมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุไรหนอ ? จึงกล่าวหาว่าเราเป็น ผู้ขโมยกล่นิ .” ขณะนนั้ ชายคนหนง่ึ ขดุ เหงา้ บวั และเดด็ ดอกบณุ ฑรกิ ในสระนั้น พระโพธิสัตว์เห็นเขาแล้ว เมื่อจะเจรจากับ เทพธิดานัน้ วา่ “ท่านกล่าวหาเราผู้ยืนดมอยู่แต่ไกลว่า ‘เป็นโจร’ แตเ่ หตุไร จึงไมว่ ่าชายคนน้นั ?” จึงกลา่ วคาถาที่ ๓ วา่ :- ชายคนนไ้ี ดข้ ดุ เหงา้ บวั เดด็ ดอกบณุ ฑรกิ ชายคนนน้ี น้ั ผมู้ กี ารงานเลอะเทอะอยา่ งน้ี แตเ่ หตไุ รจงึ ไมม่ ใี ครวา่ ? 46 www.webkal.org

อุปสงิ ฆบุปผก ล�ำดับน้ัน เทวดา เมื่อจะบอกเหตุแห่งการพูดแก่ พระโพธิสตั ว์นน้ั จงึ กลา่ วคาถาที่ ๔ ท่ี ๕ ว่า :- ชายผู้มีกรรมหยาบดาดดื่นแล้ว เปรอะเปื้อนบาป เหมอื นผา้ ออ้ ม ขา้ พเจา้ จงึ ไมม่ คี ำ� พดู อะไรในเรอื่ งนนั้ แลว้ ขา้ พเจา้ ควรเพือ่ จะวา่ กล่าวเขาได้ ส�ำหรับคนผู้ไม่มีกิเลสดุจเนิน มีปกติแสวงหาความ สะอาดเปน็ นจิ บาปประมาณเทา่ ปลายขนทราย จะปรากฏ แก่เขาประมาณเท่ากลบี เมฆทเี ดยี ว. สว่ นพระโพธิสตั วผ์ ู้ถูกเทวดาให้สลดใจ ได้ถึงความ สงั เวชแล้ว จงึ กล่าวคาถาที่ ๖ วา่ :- ขา้ แต่ทา่ นผูค้ วรบชู ายักษ์ ท่านร้จู ักข้าพเจา้ แนน่ อน และท่านอนุเคราะห์ข้าพเจ้า ข้าแต่ท่านผู้ควรบูชายักษ์ ท่านจงต�ำหนอิ ีก เมอ่ื ทา่ นเหน็ โทษชนดิ น้ขี องเรา. ล�ำดับน้นั เทพธดิ าจึงกลา่ วคาถาที่ ๗ แก่ พระโพธิ- สตั ว์วา่ :- ข้าพเจ้าไม่ได้อาศัยสิ่งน้ันเลี้ยงชีพเลย ทั้งเราไม่ได้ เปน็ ลกู จา้ งทา่ น ขา้ แตภ่ กิ ษุ ตวั ทา่ นเองควรรกู้ รรมทเ่ี ปน็ เหตุ ให้ไปสคุ ต.ิ 47 www.webkal.org

หลงในกลิน่ เทวดา ครั้นให้โอวาทแก่พระโพธิสัตว์อย่างน้ีแล้ว ก็กลับเขา้ สวู่ ิมานของตน. ฝ่ายพระโพธิสัตว์ยังฌานให้เกิด แล้วได้เป็นผู้ มีพรหมโลกเปน็ ทไี่ ปในเบอื้ งหนา้ . พระศาสดา คร้ันทรงน�ำพระธรรมเทศนาน้ีมาแล้ว ทรงประกาศสัจธรรมท้ังหลาย แล้วทรงประชุมชาดกไว้ ในทสี่ ดุ แหง่ สจั ธรรม ภกิ ษนุ น้ั ดำ� รงอยแู่ ลว้ ในโสดาปตั ตผิ ล. ประชุมชาดก เทพธิดาในครั้งนั้น ได้แก่ พระอุบลวรรณาเถรี ในบดั นี้ ส่วนดาบส ได้แก่ เราตถาคต 48 www.webkal.org

ชาดกเร่ืองตดิ ในรส ๔. กงิ ฉนั ทชาดก๘ ว่าดว้ ย โทษที่ฉกฉวยเอาประโยชน์ของคนอ่นื สถานท่ีตรสั พระเชตวนั มหาวหิ าร ทรงปรารภ อุโบสถกรรม สาเหตทุ ี่ตรสั ความย่อว่า วันหนึ่ง พระศาสดาตรัสถามอุบาสก- อุบาสิกาเป็นอันมากผู้รักษาอุโบสถ ผู้มาน่ังเพ่ือจะฟัง พระธรรมเทศนาอยู่ที่โรงธรรมสภาวา่ “ดูก่อนอุบาสกอุบาสิกาท้ังหลาย พวกท่านรักษา อโุ บสถหรือ ?” เม่ือเขากราบทลู ใหท้ รงทราบแล้ว ตรสั วา่ “ท่านท้ังหลายท�ำการรักษาอุโบสถ จัดว่าได้ท�ำ ความดี โบราณกบัณฑิตท้ังหลายได้รับยศอันย่ิงใหญ่ กเ็ พราะผลแหง่ อโุ บสถกรรมกงึ่ หน่ึง” ๘ ต้นฉบับ ชาตกฏั ฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย ติงสตินิบาตชาดก, ล.๖๑, น.๓๐๑, มมร. 49 www.webkal.org

ติดในรส อันพวกอุบาสกอุบาสิกากราบทูลอาราธนา จึงทรง นำ� อดีตนิทานมาตรสั ดงั ต่อไปนี้ เนื้อหาชาดก ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ อยู่ในพระนครพาราณสีโดยธรรม ทรงเป็นผู้มีศรัทธา ปสาทะ๙ ไม่ประมาทในทานศีลและอโุ บสถกรรม. ท้าวเธอมีตรัสสั่งแม้กะชนที่เหลือมีอ�ำมาตย์เป็นต้น ให้ตง้ั ม่นั ในกศุ ลจรยิ า มที านเป็นต้น. แตป่ โุ รหติ ของพระองค์ มปี กตริ ดี เลอื ดเนอ้ื ประชาชน กินสนิ บน วนิ ิจฉัยอรรถคดโี ดยอยตุ ิธรรม. ในวนั อุโบสถตรสั สงั่ ให้ประชาชน มีอำ� มาตยเ์ ป็นต้น มาเฝ้า แล้วตรสั สง่ั วา่ “พวกท่านท้ังหลายจงมารกั ษาอุโบสถ.” ปโุ รหิตก็ไม่ยอมสมาทานอโุ บสถ คราวนน้ั เมอื่ พระราชากำ� ลงั ทรงซกั ถามพวกอำ� มาตย์ ว่า “ทา่ นท้งั หลายสมาทานอโุ บสถละหรือ ?” ๙ ความผอ่ งใส ซึ่ง ปสาทะ กเ็ ปน็ ลักษณะหนึ่งของศรัทธา 50 www.webkal.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook