ผู้ท่ีเป็นพ่อตา แม่ยายในสมัยนี้ น่าจะทดสอบหนุ่มที่มา ติดพันลูกสาวหลานสาวของตนบ้างโดยวิธีใดวิธีหน่ึงเพื่อได้คนดีม ี ศีลสัตย์มาเป็นบุตรเขย หรือลูกสะใภ้ ดังเช่นเศรษฐีทดสอบหญิงท่ี จะมาเป็นลกู สะใภใ้ นอนาคตของตน โดยต้ังปญั หาว่า “มีปลาอยูต่ วั หนึง่ ทำ� อยา่ งไรจงึ จะใหก้ นิ ไดต้ ลอดป?ี ” บางคนตอบว่าให้ท�ำเป็นปลาเค็มไว้เป็นต้น มีสตรีคนหนึ่ง เป็นผู้ฉลาดตอบว่า เม่ือแกงปลาตัวน้ันแล้วควรแบ่งให้เพ่ือนบ้าน บ้างตามสมควร เมื่อเราให้เขา เมื่อเขามีอะไรก็นึกถึงเรา เอามาให้ เราบา้ ง ถอ้ ยทถี อ้ ยอาศยั กนั เออ้ื เฟอ้ื เผอื่ แผก่ นั เปน็ ทางสมานไมตรี ตอ่ กนั เพราะปลาตวั เดยี วเปน็ เครอ่ื งเชอ่ื มโยงนนั้ ทำ� ใหม้ สี ายสมั พนั ธ์ กันไปไมส่ ิ้นสุด อาจปี ๒ ปี ๓ ปี หรอื ตลอดชีวิตกไ็ ด้ เศรษฐีพอใจในค�ำตอบของเธอ จึงสู่ขอมาเป็นลูกสะใภ ้ ของตน สว่ นสตรีอ่ืนๆ สอบตกหมด ขอกลา่ วไวใ้ นทนี่ ดี้ ว้ ยวา่ การนำ� คนเขา้ สสู่ กลุ และการเขา้ ไป สู่สกุล เนื่องด้วยการแต่งงานนั้น มีความส�ำคัญอย่างยิ่งยวด เขยหรือสะใภ้ที่เข้ามาใหม่ท�ำให้พ่ีน้องพ่อแม่แตกกันมามากต่อมาก แลว้ บางรายเขยหรอื สะใภไ้ มด่ ี บางรายเขยสะใภด้ ี แตพ่ อ่ แมพ่ นี่ อ้ ง 100 ก า ร เ ลื อ ก ค น เ ข้ า สู่ ส กุ ล
ของสกุลน้ันไม่ดี ก็คงเข้ากันไม่ได้อยู่นั่นเอง ต้องทนอยู่กันไปอย่าง ผะอืดผะอม เหมือนลงไปในทะเลคว้าเอาคองูเข้า จะกอดไว้ต่อไป ก็สะอิดสะเอียน จะปล่อยก็กลัวมันกัด บางรายที่มีความอดทน น้อย ไม่สามารถออมปากออมค�ำไว้ได้ ต้องทะเลาะลุกลามใหญ่โต ออกไปถึงกับตัดญาติขาดมิตร และเลิกร้างกันไปก็มี เดือดร้อนท่ี คนกลางจะถือข้างญาติก็เสียสามีหรือภรรยา จะถือข้างสามีหรือ ภรรยา กต็ ้องเสยี ญาต ิ แต่ในทีส่ ดุ กต็ ้องเลือกเอาข้างใดข้างหนึ่ง ผู้ชายท่ีจะแต่งงานใช่ว่าได้หญิงคู่ครองดีแล้วจะมีความสุข ก็หาไม ่ ถ้าญาตๆิ ของภรรยาไม่ดี และมีความจ�ำเปน็ ตอ้ งไปอยรู่ ่วม กันหรือใกล้กันไม่ได้ ก็ต้องมีเรื่องเดือดร้อนอยู่เอง ยิ่งผู้หญิงเข้าสู่ สกุลผู้ชาย ถ้าเข้ากันไม่ได้กับญาติๆ ของฝ่ายชายเพราะเหตุใดเหตุ หนึ่งก็ยง่ิ เดอื ดร้อนหนัก คนโบราณท่านรู้เร่ืองน้ี ท่านรอบคอบ ท่านจึงพยายาม สอบสวนทวนต้นชนปลายเรื่องตระกูลของฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง ก่อนทจ่ี ะใหล้ ูกแตง่ งาน อน่ึง มนุษย์เรา (ใครจะเชื่อหรือไม่เช่ือก็ตาม) มีเร่ือง ประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง คือมีท้ังธาตุที่เข้ากันไม่ได้และเข้ากันได ้ ถ้าธาตุเข้ากันได้ก็นิยมชมชอบกันได้อย่างรวดเร็วดื่มด�่ำในอัธยาศัย อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 101
ของกันและกัน ท�ำอะไรพูดอะไรก็ถูกอกถูกใจ แต่คนที่ธาตุเข้ากัน ไมไ่ ด้ มันใหร้ สู้ กึ ขวางหขู วางตาไปหมด ทำ� อะไรก็ไมถ่ ูกใจ พูดอะไรก็ ไม่ถูกหู ท�ำความดีให้ก็ร�ำคาญ ถ้าอย่างนี้ ขืนอยู่ร่วมกันต่อไปก็รัง แตจ่ ะสรา้ งเวรให้แก่กนั แมไ้ ม่ทางกาย ทางวาจา กท็ างใจ เดินทางผิด พอรู้ตัวก็กลับเดินให้ถูกได้ ปลูกเรือนผิดคิด ดดั แปลงแกไ้ ขได ้ แตก่ ารเขา้ สสู่ กลุ ผดิ ทำ� ใหต้ อ้ งเสยี อนาคตไปทงั้ ชวี ติ ทีเดยี ว การแตง่ งานมที ง้ั คณุ และโทษ บางคนแตง่ งานสรา้ งอนาคต บางคนแตง่ งานทำ� ลายอนาคต แตก่ ารแตง่ งานจะเปน็ อยา่ งไรกต็ าม คนที่ยังไม่เคยแต่งงานก็อยากแต่งงานแทบทุกคน คนที่แต่งแล้ว อยากเลิก แต่เลิกได้จริงหรือ? พอเลิกไปสักพักหน่ึงก็อยากแต่งอีก นึกว่าคราวน้ีจะเลือกให้ดีที่สุด แต่ส่วนมากมักจะไม่ได้อย่างใจนึก เร่ืองคนในอยากออกคนนอกอยากเขา้ มีอย่เู สมอไมห่ มดส้นิ ไปได้ 102 ก า ร เ ลื อ ก ค น เ ข้ า สู่ ส กุ ล
ย้อนกล่าวถึงเร่ืองอาจารย์ทิศาปาโมกข์ทดสอบหาลูกเขย เลือกที่มีศีลธรรมมาเป็นลูกเขยแล้ว ท�ำให้คิดต่อไปว่ารัฐบาลจะรับ คนเข้าท�ำงานราชการ น่าจะคิดวิธีทดสอบความซื่อสัตย์กันบ้างไม่ เพยี งแต่สอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์ในทางวิชาการอย่างเดียว ถ้า เราได้คนที่ซ่ือสัตย์เข้าไปท�ำงานมากๆ ประเทศชาติคงจะเจริญไปได้ มากกวา่ ทเ่ี ปน็ อยใู่ นเวลาน ี้ (ถา้ เขา้ ไปสจุ รติ จะไปหดั โกงเอาภายหลงั เมอื่ เหน็ ตัวอยา่ งร่นุ พๆี่ เขาโกงกนั ก็จนใจ) อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 103
ความผิดข้นั มูลฐานของสงั คม
ในสงั คมทย่ี ุ่งเหยิงเดือดร้อน ประชาชนว้าเหว่ไร้ที่พง่ึ โครงสรา้ งแห่งสงั คมสัน่ คลอนด้วยแรงอธรรม นา่ จะมอี ะไรสกั อย่างหนง่ึ เปน็ ความผดิ ข้ันมูลฐานของสงั คมนั้น
เพราะมวั เมาจงึ เกดิ ความประมาท เพราะประมาทจงึ เสอ่ื ม ส้ิน เพราะเสื่อมส้ินจึงเกิดโทษ ท่านผู้มีหน้าทึ่ครองแคว้นจึงไม่ควร มวั เมา “เคยมกี ษตั รยิ เ์ ปน็ อนั มาก เมอื่ ประมาทแลว้ กเ็ สอ่ื มประโยชน์ ของแวน่ แควน้ ชาวบา้ นประมาทเส่ือมประโยชน์ของบ้าน บรรพชิต ประมาทเสอ่ื มจากประโยชน์ของอนาคาริยวิสัย เมอ่ื กษตั รยิ ป์ ระมาท โภคสมบตั ทิ ง้ั มวลในแวน่ แควน้ ยอ่ ม พนิ าศไป น่ันเป็นความทุกขข์ องพระราชา เมื่อพระราชาประมาทเกินไป โจรย่อมก�ำจัดรุกรานชนบท ของพระราชานน้ั เงนิ ทองทรพั ยส์ มบตั ขิ องพระราชานน้ั ยอ่ มเสอื่ ม สน้ิ ไป พระราชาผสู้ นิ้ โภคะแลว้ ญาตมิ ติ รสหายยอ่ มไมน่ บั ถอื ความคดิ ของพระราชาน้นั พลช้าง พลม้า พลรถ พลราบ ย่อมไม่นับถือในความคิด ของพระราชานนั้ ” “ม่ิงขวัญ ของพระราชาเช่นน้ันย่อมปลาสนาการไป ส่วน พระราชาผู้มีลกั ษณะตรงกนั ขา้ มย่อมเจรญิ รุง่ เรอื ง” ผู้หวงั ดไี ด้ใหโ้ อวาทพระราชาดงั พรรณนามาน้ี 106 ค ว า ม ผิ ด ข้ั น มู ล ฐ า น ข อ ง สั ง ค ม
พระราชาทรงเช่อื ต้องการปฏิบัติตาม วนั หนึ่ง พรอ้ มดว้ ย ราชปโุ รหติ เสดจ็ ไปตรวจเยยี่ มชนบท ดว้ ยการปลอมพระองคอ์ อกจาก พระนครแต่เช้าตร่ ู เสด็จดำ� เนินไปได้ส้นิ ระยะทางประมาณ ๑ โยชน์ ณ สถานที่น้ัน ชายแก่คนหนึ่งน�ำก่ิงหนามมาจากดงล้อมปิดประตู บ้านไว้ พาบุตรภรรยาเข้าป่าไป เม่ือตกเย็นรู้ว่าพวกราชบุรุษกลับ แลว้ กก็ ลบั มาเรอื น* ถกู หนามยอกเทา้ ทป่ี ระตบู า้ นนน้ั เอง จงึ ลงนงั่ บง่ หนามพลางดา่ พระราชาไปพลางว่า “ขอพระเจา้ ปญั จาลราช จงถกู ลกู ศรเสยี บในสงครามเสวย ทกุ ขเวทนา เหมือนเราทถ่ี กู หนามยอกเจ็บปวดอยบู่ ัดนี”้ พระราชาและราชปุโรหิตยืนอยู่ใกล้ๆ ในเคร่ืองแต่งกายท่ี ชายนน้ั ไมร่ ูจ้ ัก ได้ฟังคำ� ด่าของชายแก่นนั้ จึงกลา่ วข้ึนว่า “แกเปน็ คนแก ่ จกั ษมุ ดื มวั มองอะไรไมถ่ นดั หนามจงึ ยอก เอา พระราชามีความผิดอะไรด้วยในเรื่องนี้ เป็นความผิดของท่าน เองทซ่ี มุ่ ซา่ ม พระราชามหี นา้ ทตี่ รวจตราหนาม แลว้ บอกใหแ้ กทราบ ดว้ ยหรือ?” ชายชราเงยหนา้ ขึ้นมองคนพูด แล้วกล่าวว่า * “ครงั้ นั้นในปญั จาลนคร พระราชาไมด่ �ำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม พวกอำ� มาตย์ราชบุรษุ ของพระองค์ก็ ประพฤติแต่ทุจริตผดิ ธรรม เบียดเบยี นบบี ค้นั ชาวบา้ น จนชาวบา้ นหนีเขา้ ปา่ ในเวลากลางวนั กลางคนื กม็ ี โจรปลน้ บ้านโน้น บ้านนี้ ไมเ่ วน้ แตล่ ะคนื อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 107
“ทา่ นเอย๋ ! เรอ่ื งนเี้ ปน็ ความผดิ ของพระราชาอยา่ งแนน่ อน พระราชาผดิ มาก ชาวชนบทมไิ ดร้ บั ความคมุ้ ครองอะไรเลย ยงั จะถกู พวกราชบรุ ษุ กดขข่ี ม่ เหงนานาประการ เกบ็ ภาษไี มเ่ ปน็ ธรรม ราษฏร ต้องเสียภาษีมากมาย แต่ไม่ได้รับความคุ้มครอง ราชบุรุษรีดไถ ประชาชน กลางวันราษฏรต้องหนีข้าราชการ กลางคืนต้องหนีโจร ราชบรุ ษุ ไมป่ ราบโจร แตม่ งุ่ มองแตอ่ ามสิ จากประชาราษฎรอยา่ งเดยี ว “เพราะภยั อยา่ งน ้ี ประชาชนจงึ ตอ้ งถงึ กบั เอาหนามมาปดิ ประตูบ้านไว้ ท้ิงเรือนพาลูกเมียเข้าป่าไป ประชาชนถูกเบียดเบียน ทั้งจากโจรท้ังจากราชบุรุษ เดือดร้อนมาก นี่เป็นความผิดของผู้ ปกครองท่ปี กครองไม่ด”ี พระราชาทรงสดบั ดงั นน้ั จงึ ตรสั กบั ปโุ รหติ วา่ ชายชราพดู ถกู กลบั กนั เถดิ เราจะครองราชยโ์ ดยธรรม ราชปโุ รหติ ทลู วา่ ขอใหเ้ สดจ็ ไปตรวจดขู า้ งหนา้ อกี สกั หนอ่ ยเถดิ พระราชากอ็ นโุ ลมตาม ไปตรวจ ดบู า้ นอนื่ อกี ไปพบหญงิ ชราคนหนง่ึ ในระหวา่ งทาง นางตกตน้ ไมล้ ง มา ก�ำลังด่าพระราชาอยู่ว่า ในแว่นแคว้นของพระราชา หญิงสาว หาผวั ไม่ไดจ้ นแก ่ เมื่อไรหนอพระราชาจะตายเสียที ทราบว่าหญิงแก่นั้นมีลูกสาว ๒ คน พิทักษ์รักษาลูกสาว ของตนซง่ึ กำ� ลงั เปน็ สาว ไมย่ อมใหล้ กู สาวไปทำ� งานนอกบา้ น นางเอง ไปปา่ เกบ็ ผักหกั ฟืน บำ� รงุ เลยี้ งลูกสาวทง้ั สอง วันน้นั แกเก็บยอดไม้ จากตน้ ไมต้ น้ หนงึ่ บงั เอญิ พลดั ตกลงมา แกจงึ ดา่ พระราชาดงั กลา่ วแลว้ 108 ค ว า ม ผิ ด ข้ั น มู ล ฐ า น ข อ ง สั ง ค ม
ราชปุโรหิตไดฟ้ ังดังนัน้ จงึ คัดค้านออกไปว่า “หญิงช่ัว พูดไม่ดีเลย ไม่มีเหตุผล ตนตกต้นไม้เพราะไม่ ระวังเอง เหตุไฉนจึงด่าพระราชา อนึ่ง มีพระราชาท่ีไหนบ้างหาผัว ใหห้ ญงิ ชาวบ้าน” หญงิ ชราจงึ โตต้ อบวา่ “ขา้ มไิ ดพ้ ดู ชว่ั เลย ขา้ รเู้ หตผุ ล ชาวชนบทมไิ ดร้ บั การคมุ้ ครอง ราษฎรถูกกดขดี่ ว้ ยภาษีอากรอนั ไมเ่ ปน็ ธรรม “ทา่ นเอย๋ ทา่ นอาจไมร่ ดู้ อกวา่ พวกเราอยกู่ นั อยา่ งไร กลาง คืนพวกโจรปล้น กลางวันพวกราชบุรุษฉ้อฉล ในแว่นแคว้นของ พระราชาโกง มีคนอธรรมมากมาย การครองชีพล�ำบาก เม่ือการ ครองชีพล�ำบาก การเลี้ยงดูลูกเมียก็ล�ำบาก หญิงสาวจักมีผัวได้ อยา่ งไร” พระราชาและปโุ รหติ ยอมรบั วา่ หญงิ นนั้ พดู ถกู เสดจ็ ตอ่ ไป อีก ทรงสดบั เสียงชาวนาคนหน่ึงกำ� ลงั ด่าพระราชาอยูว่ ่า “ขอให้พระเจ้าปัญจาละถูกหอกแทงนอนกลิ้งในสงคราม เหมอื นโคสาลิยะของเราถูกผาลแทงนอนอยู่ดุจกำ� พรา้ ฉะน้นั ” อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 109
ทราบวา่ ขณะทข่ี าวนาคนนนั้ กำ� ลงั ไถนา โคของเขาถกู ผาล ไถบาดเอาทเี่ ทา้ เขาจงึ ด่าพระราชาดังกล่าวแลว้ พราหมณป์ โุ รหิตไดฟ้ ังดังน้ันจึงคา้ นวา่ “วัวของแกถูกผาลไถ เรื่องอะไรจึงไปกล่าวโทษพระราชา เล่า แกพูดไม่มีเหตุผล แกมันคนชาติช่ัว แกท�ำร้ายโคของแกเอง เพราะความประมาทเลินเล่อ” ชาวนาจงึ กลา่ วตอบทำ� นองเดยี วกบั ทช่ี ายชราและหญงิ ชรา กลา่ วตอบมาแลว้ พเิ ศษออกไปเฉพาะกรณีวา่ “เราพูดมเี หตผุ ลแน่นอน ผาลไถบาดเท้าโคของเราคราวนี้ เพราะพระราชาครองราชย์ไม่เป็นธรรม พราหมณ์เอย! เราคิดว่า หญิงแม่ครัวน�ำข้าวมาส่งเรา หุงข้าวแล้วน�ำมาส่งเราแต่เช้าตรู่ แต่ ถูกพวกทาสของพระราชา พวกกนิ ราชพลโี ดยอธรรม เกาะกมุ ตัวไว้ ต้องเล้ียงดูพวกมัน แล้วจึงหุงข้าวเพ่ือเราใหม่ แม่ครัวจึงน�ำข้าวมา ส่งเราในเวลาสาย วันนี้ เขาน�ำมาสายนักเราถูกความหิวบีบคั้น แลดูทางมาของคนส่งข้าวเอาปฏักแทงโคไม่เป็นท่ี โคสาลิยะมันจึง ยกเทา้ ขนึ้ ถบี ผาลจงึ ถกู ผาลบาดเอา เพราะฉะนน้ั ขา้ พเจา้ จงึ กลา่ ววา่ พระราชานั่นแหละประหารเทา้ โคของเรา” 110 ค ว า ม ผิ ด ข้ั น มู ล ฐ า น ข อ ง สั ง ค ม
พระราชากบั ราชปโุ รหติ เดนิ ทางตอ่ ไป พกั อยทู่ บ่ี า้ นแหง่ หนง่ึ ตอนเชา้ ตรแู่ มโ่ คนมตวั หนงึ่ เอาเทา้ ดดี คนรดี นมใหล้ ม้ ลง นมสดหก กระจาย คนรีดนมโคจึงด่าพระราชาว่า “ขอพระราชาจงถกู ประหารดว้ ยดาบ เดอื ดรอ้ นเหมอื นเรา ถูกโคนมดดี จนนมสดของเราหกไปฉะนัน้ ” ราชปุโรหิตได้ฟังดังน้ัน จึงกล่าวว่า “ในเรื่องนี้พระราชามี ความผดิ อย่างไรเลา่ ?” คนรีดนมโคโต้ตอบว่า “พระราชามไิ ดค้ มุ้ ครองราษฎรชาวชนบท ราษฎรถกู บบี คนั้ ในเรอ่ื งราชพลอี นั ไมเ่ ปน็ ธรรม แมโ่ คทดี่ รุ า้ ยปราดเปรยี ว พวกเราไม่ เคยรดี นมมนั วนั นพ้ี วกราชบรุ ษุ ตอ้ งการนมสด รดี นาทาเรน้ เราจงึ จำ� ตอ้ งรดี นมแม่โคท่ีดุร้าย มนั จึงถีบเอา” พระราชา และราชปุโรหิตยอมรับว่าคนรีดนมโคน้ันพูดถูก จงึ รบี ออกจากบา้ นนน้ั มงุ่ หนา้ กลบั พระราชวงั มาถงึ บา้ นแหง่ หนงึ่ พวกนายอากร (พวกเก็บภาษีอากร) ฆ่าลูกโคอ่อนตัวหน่ึงต้องการ เอาหนังท�ำฝักดาบ แม่ของลูกโค เศร้าโศกถึงลูก ไม่ยอมกินหญ้า ไมย่ อมดมื่ นำ้� เทยี่ วรำ�่ รอ้ งหาลกู อย ู่ เดก็ ๆ ชาวบา้ นเหน็ ดงั นนั้ จงึ พา กันด่าพระราชาวา่ อ. ว ศิ น อิ น ท ส ร ะ 111
“ขอพระเจ้าปัญจาละจงพลัดพรากจากบุตรวิ่งคร่�ำครวญ เหมือนแม่โคพรากจากบุตรรำ่� ร้องอยฉู่ ะนน้ั ” ราชปโุ รหติ ถามวา่ “ในเรอ่ื งน ้ี พระราชามคี วามผดิ อยา่ งไรเลา่ ?” พวกเดก็ ตอบวา่ “ความผิดต้องตกเป็นของพระราชาอย่างแน่นอน ในแว่น แควน้ ของพระราชาโกงมคี นอธรรมมาก กลางคนื พวกโจรปลน้ กลาง วันพวกราชบุรุษบีบคั้น ลูกโคยังดื่มนมอยู่แท้ๆ ถูกฆ่า เพราะเขา ตอ้ งการเอาหนงั ไปทำ� ฝกั ดาบ คนทมี่ าฆา่ โคนน้ั เปน็ คนของพระราชา เพราะฉะนน้ั ความผดิ ต้องเปน็ ของพระราชา” พระราชาทรงสดบั เรอ่ื งทง้ั ปวงแลว้ ทรงดำ� รวิ า่ คนทงั้ ปวง พากันด่าเราว่า ไม่ตั้งอยู่ในธรรม ไม่ประพฤติธรรม เราควรต้องต้ัง อยใู่ นธรรม ประพฤตธิ รรม ดงั นแี้ ลว้ เสดจ็ กลบั สพู่ ระนคร ทรงดำ� รง อยู่ในทศพิธราชธรรม สร้างบุญกุศลมีประการต่างๆ อ�ำมาตย์ราช ปุโรหิตก็ชวนกันประพฤติธรรม ผู้ปกครองมีธรรม ชาวเมืองชาว ชนบทไดร้ บั การคมุ้ ครองโดยธรรม สนั ตสิ ขุ กแ็ ผไ่ ปทวั่ พระราชอาณาเขต สาเหตุข้ันมูลฐานของความสุขหรือความทุกข์ของประชาชน จึงอยู่ ทกี่ ารประพฤติธรรม หรือไม่ประพฤตธิ รรม ดงั พรรณนามาฉะนี้ 112 ค ว า ม ผิ ด ขั้ น มู ล ฐ า น ข อ ง สั ง ค ม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114