ตอนแรก ๆ ทัง้ ๆ ท่รี ู้ แต่ใจกย็ งั เศรา้ หมองตาม เหมือนขับรถ เม่อื เบรกแล้วจะยงั ไมห่ ยุดทันที ความเฉ่อื ยยงั มีอยู่ ใจก็เชน่ กนั ยงั มคี วามเฉือ่ ยหลงค้างอยู่ในใจ ทำ�ให้ใจเศร้าหมอง “รทู้ ันเสยี เพียงครึง่ รู้ไมถ่ งึ เสยี ท้งั หมด” ตอนแรก ๆ กต็ ้องฝึก ซึง่ อาจจะมีใจไปตามมนั บ้าง แตต่ อ่ ไปจะสามารถตัดใจไม่คดิ ได้เลยทงั้ หมด พอรูว้ า่ สง่ิ นไี้ มด่ ี ก็ไมค่ ดิ ตดั ฉบั ได้ทนั ที ท้ังนกี้ ็ขน้ึ อย่กู ับการฝกึ ฝน ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ 151 www.kalyanamitra.org
๔๘ ทุกภารกจิ ฝกึ จติ ได้ https://dhamma01.blogspot.com/2016/09/blog-post_77.html การทำ�สมาธิ เราสามารถทำ�ไดท้ กุ อริ ยิ าบถ ทุกภารกิจเราสามารถ ฝกึ ใจได้ ให้สังเกตดูใจตัวเราเอง สังเกตดูการกระทำ� การพูด การคิด ทุกอยา่ งทีเ่ ราทำ�วา่ “พอด”ี แลว้ หรอื ยัง ไมว่ ่าจะกวาดบ้าน จะลา้ งถ้วย ลา้ งชาม จะหนั่ ผกั งานตา่ ง ๆ เหลา่ นี้ เปน็ กจิ กรรมสว่ นหนง่ึ ในชวี ติ ประจำ�วนั ซึ่งเราต้องทำ� ถ้าเราสามารถทำ�งานเหล่านี้ให้พอดีได้แล้ว เราก็สามารถ ฝึกใจให้พอดไี ด้ น่ันคอื เราจะรูจ้ ักคำ�วา่ “วางใจใหถ้ ูกส่วน” แล้วธรรมะก็จะเกิด เปน็ ความสวา่ งขนึ้ ในใจ ดคู ณุ ยายอาจารยฯ์ เปน็ ตวั อยา่ ง ทา่ นทำ�งานหยาบ* ได้พอดที ุกอยา่ ง งานละเอียด* ท่านจึงสามารถทำ�ไดด้ ี ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๔ 152 www.kalyanamitra.org
*งานหยาบ หมายถึง ภารกจิ หรือกิจกรรมตา่ ง ๆ ที่ต้องทำ� *งานละเอยี ด หมายถึง การปฏบิ ัตธิ รรม ฝึกใจให้หยดุ นง่ิ ภายใน 153 www.kalyanamitra.org
๔๙ ภารกิจกบั จติ ใจไปด้วยกนั https://dhamma01.blogspot.com/2016/05/blog-post_21.html ตอ้ งบรหิ ารเวลาให้เปน็ จัดสรรเวลาของเราให้ลงตัว ใหม้ เี วลาว่างส�ำ หรบั แสวงหา หนทางพระนพิ พานของตนเองให้ได้ อยา่ งน้อยวนั ละชัว่ โมง หรือสองช่ัวโมงก็ยงั ดี 154 www.kalyanamitra.org
ส่วนเวลาอื่นท่ีเรามีภารกิจประจำ�วันท่ีต้องทำ� ก็พยายามฝึกฝน ทำ�ควบคู่กับภารกิจนั้นไป เพราะภารกิจกับจิตใจต้องไปด้วยกัน ใครทำ� สองอยา่ งนี้ไปพรอ้ ม ๆ กนั ได้ ถงึ จะเรยี กวา่ บรหิ ารเวลาเป็น มีความตง้ั ใจ ท่จี ะทำ�ความปรารถนาของเราใหส้ มหวงั ยอ่ มได้ช่ือว่า เป็นผไู้ มป่ ระมาท ในชวี ิต ภารกิจกบั จิตใจควรจะไปด้วยกนั ไม่ควรเป็นส่ิงทแ่ี ยง้ กนั หรือเป็น ข้ออ้างว่า เราต้องทำ�ธุรกิจการงาน จะต้องเรียนหนังสือ เลยทำ�ให้ไม่มี เวลา หรอื บางคนอา้ งวา่ สขุ ภาพไมแ่ ขง็ แรง ยงั เจบ็ ปว่ ยไข้ คอยใหห้ ายปว่ ย แลว้ คอ่ ยแสวงหาหนทางพระนพิ พานทำ�อยา่ งนไี้ มถ่ กู นะ เพราะเรามเี วลา ของชีวติ ที่จำ�กัดเหลือเกนิ และความตายก็ไมม่ ีนิมิตหมาย ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ 155 www.kalyanamitra.org
๕๐ “สมั มาอะระหัง” กลน่ั ใจได้ https://dhamma01.blogspot.com/2016/09/blog-post_20.html ให้มคี ำ�ภาวนา สมั มาอะระหงั ในใจ ควบคู่กนั ไปกบั ภารกิจ ภาวนา ไปเร่ือย ๆ ในทุกอิริยาบถ ทุกกิจกรรม ภาวนาอย่างเป็นสุขใจ สบายใจ เพราะเรากำ�ลงั ทำ�ความดี การภาวนา สมั มาอะระหงั สามารถทำ�ได้ตลอดเวลา แมย้ ามโกรธ เราก็ภาวนา สัมมาอะระหงั ในใจได้ ความโกรธน้ันก็จะมลายหายไป 156 www.kalyanamitra.org
ความทกุ ข์อะไรเกิดขนึ้ เรากภ็ าวนาได้ ความทกุ ขน์ ั้นกจ็ ะหายไป แม้มีความสขุ เกิดขน้ึ มา เราภาวนา กจ็ ะเพ่ิมเติมความสขุ ใหม้ ากข้นึ จะเหน็ ไดว้ า่ การภาวนา สมั มาอะระหงั ไมไ่ ดข้ ดั กบั การทำ�มาหากนิ เลย เหมอื นเราขบั รถไปดว้ ย คยุ ไปดว้ ย ใชท้ ง้ั มอื ทง้ั ขา ทง้ั ตา ทงั้ หู ทงั้ ปาก พดู ไปดว้ ย เรายังทำ�ได้ การภาวนากเ็ ชน่ เดยี วกนั เป็นงานทางใจ เพราะฉะนั้น จะทำ�มาหากินหรือจะทำ�อะไร ก็ทำ�ไปเถอะ แต่ ในขณะเดียวกนั เรากภ็ าวนา สมั มาอะระหงั ไปด้วย ทำ�ด้วยใจท่ีเบิกบาน มีความสขุ ๖ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๑ 157 www.kalyanamitra.org
๕๑ ทางรอดของมนษุ ย์ https://dhamma01.blogspot.com/2016/05/blog-post_12.html ตอนน้ีท่วั โลกตา่ งกม็ ีสุขมที กุ ขก์ ันไป บางประเทศกส็ ขุ มาก ทุกข์น้อย บางประเทศกท็ ุกข์น้อย สุขมาก หรอื ทกุ ขม์ ากสขุ น้อยสลบั กนั ไป ซงึ่ เปน็ เรื่องปกตธิ รรมดา... 158 www.kalyanamitra.org
ทางรอดของมวลมนษุ ยชาติ มที างเดยี วเทา่ นนั้ คือ ต้องมองกลบั เข้าไปสภู่ ายใน หยุดใจใหไ้ ด้ แลว้ ให้เข้าไปถงึ พระรตั นตรัยในตัว อยา่ มัวทะเลาะ หรือขดั แย้งกนั มองผ่านความแตกตา่ ง เข้าไปถึงความเหมือนกนั ภายใน นน่ั แหละ เปน็ ทางรอดของมวลมนษุ ยชาติ ถา้ ทุกคนท�ำ อย่างน้.ี .. โลกก็จะเกิดสนั ติสุขที่แทจ้ ริง เพราะฉะนั้น...ถงึ เวลาแล้ว ทเ่ี ราควรจะเลกิ ทะเลาะกนั แล้วก็หยุดใจเขา้ สูภ่ ายใน ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ 159 www.kalyanamitra.org
11600 www.kalyanamitra.org
วิธีฝึกสมาธเิ บ้ืองต้น สมาธิ คือ ความสงบ สบาย และความรู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่ง ทม่ี นษุ ยส์ ามารถสรา้ งขนึ้ ไดด้ ว้ ยตนเอง เปน็ สง่ิ ทพี่ ระพทุ ธศาสนากำ� หนด เอาไว้เป็นข้อควรปฏิบัติ เพื่อการด�ำรงชีวิตประจ�ำวันอย่างเป็นสุข ไม่ประมาท เต็มไปด้วยสติ สัมปชัญญะ และปัญญา อันเป็นเรื่องไม่ เหลอื วสิ ยั ทกุ คนสามารถปฏบิ ตั ไิ ดง้ า่ ย ๆ ดงั วธิ ปี ฏบิ ตั ทิ พ่ี ระเดชพระคณุ พระมงคลเทพมนุ ี (สด จนทฺ สโร) หลวงปู่วดั ปากน้�ำ ภาษเี จรญิ ไดเ้ มตตา สงั่ สอนไวด้ ังนี้ ๑. กราบบชู าพระรตั นตรยั เปน็ การเตรยี มตวั เตรยี มใจใหน้ มุ่ นวล ไว้เป็นเบื้องต้น แล้วสมาทานศีล ๕ หรือศีล ๘ เพ่ือย�้ำความม่ันคงใน คุณธรรมของตนเอง ๒. คุกเข่าหรือน่ังพับเพียบสบาย ๆ ระลึกถึงความดีที่ได้กระท�ำ แล้วในวันนี้ ในอดีต และที่ต้ังใจจะท�ำต่อไปในอนาคต จนราวกับว่า ร่างกายทงั้ หมดประกอบขึ้นดว้ ยธาตุแหง่ คณุ งามความดลี ้วน ๆ ๓. น่ังขดั สมาธิ ขาขวาทบั ขาซ้าย มอื ขวาทบั มือซ้าย น้ิวชี้ของมือ ข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย นั่งให้อยู่ในท่าท่ีพอดี ไม่ฝืนร่างกาย มากจนเกินไป ไม่ถึงกับเกร็ง แต่อย่าให้หลังโค้งงอ หลับตาพอสบาย 11611 www.kalyanamitra.org
คล้ายกับก�ำลังพักผ่อน ไม่บีบกล้ามเนื้อตา หรือขมวดค้ิว แล้วต้ังใจมั่น วางอารมณ์สบาย สร้างความรู้สึกให้พร้อมทั้งกายและใจว่า ก�ำลังจะ เขา้ ไปสู่ภาวะแหง่ ความสงบสบายอย่างยิง่ ๔. นึกกำ� หนดนิมติ เปน็ “ดวงแก้วกลมใส” ขนาดเท่าแกว้ ตาดำ� ใสบรสิ ทุ ธิ์ ปราศจากรอยตำ� หนใิ ด ๆ ขาวใส เยน็ ตาเยน็ ใจ ดงั ประกายของ ดวงดาว ดวงแก้วกลมใสน้ี เรียกวา่ บริกรรมนมิ ติ นกึ สบาย ๆ นกึ เหมอื น ดวงแกว้ นนั้ มานงิ่ สนทิ อยู่ ณ ศูนยก์ ลางกายฐานท่ี ๗ นกึ ไป ภาวนาไป อย่างนมุ่ นวล เป็นพุทธานสุ ตวิ ่า “สมั มาอะระหงั ” หรือคอ่ ย ๆ น้อมนกึ ดวงแก้วกลมใสให้ค่อย ๆ เคล่ือนเข้าสู่ศูนย์กลางกายตามแนวฐาน โดยเริ่มต้นต้ังแต่ฐานที่ ๑ เป็นต้นไป น้อมนึกอย่างสบาย ๆ ใจเย็น ๆ ไปพรอ้ ม ๆ กบั คำ� ภาวนา อนึ่ง เมื่อนมิ ิตดวงแกว้ กลมใสปรากฏแล้ว ณ กลางกาย ใหว้ าง อารมณส์ บาย ๆ กบั นมิ ติ นน้ั จนเหมอื นกบั วา่ ดวงนมิ ติ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของ อารมณ์ หากดวงนมิ ิตนัน้ อนั ตรธานหายไป ก็ไมต่ อ้ งนึกเสยี ดาย ให้วาง อารมณส์ บาย แล้วนึกนิมิตนน้ั ขน้ึ มาใหมแ่ ทนดวงเก่า หรอื เมอ่ื นิมิตนนั้ ไปปรากฏท่ีอ่ืน ท่ีมิใช่ศูนย์กลางกายให้ค่อย ๆ น้อมนิมิตเข้ามาอย่าง คอ่ ยเปน็ คอ่ ยไปไมม่ กี ารบงั คบั และเมอ่ื นมิ ติ มาหยดุ สนทิ ณศนู ยก์ ลางกาย 11622 www.kalyanamitra.org
11633 www.kalyanamitra.org
ให้วางสติลงไปยังจุดศูนย์กลางของดวงนิมิต ด้วยความรู้สึกคล้าย มีดวงดาวดวงเล็ก ๆ อีกดวงหนึ่ง ซ้อนอยู่ตรงกลางดวงนิมิตดวงเดิม แล้วสนใจ เอาใจใส่แต่ดวงเล็ก ๆ ตรงกลางน้ันไปเรื่อย ๆ ใจจะปรับ จนหยดุ ไดถ้ กู สว่ น เกดิ การตกศนู ย์ และเกดิ ดวงสวา่ งขน้ึ มาแทนท่ี ดวงน้ี เรียกว่า “ดวงธรรม” หรือ “ดวงปฐมมรรค” อันเป็นประตูเบ้ืองต้น ทจี่ ะเปดิ ไปสหู่ นทางแห่งมรรคผลนพิ พาน การระลึกนึกถึงนิมิตสามารถท�ำได้ในทุกแห่งทุกที่ทุกอิริยาบถ ไมว่ า่ จะน่ัง นอน ยืน เดิน หรอื ขณะท�ำภารกจิ ใด ๆ ขอ้ แนะนำ� คอื ตอ้ งทำ� ใหส้ มำ�่ เสมอเปน็ ประจำ� ทำ� เรอ่ื ย ๆ ทำ� อยา่ ง สบาย ๆ ไมเ่ ร่ง ไม่บังคบั ทำ� ได้แคไ่ หน ให้พอใจแค่น้นั ซ่ึงจะเปน็ การ ป้องกันมิให้เกิดความอยากจนเกินไป จนถึงกับท�ำให้ใจต้องสูญเสีย ความเปน็ กลาง และเม่ือการฝึกสมาธิบังเกิดผลจนได้ “ดวงปฐมมรรค” ท่ีใสเกนิ ใส สวยเกินสวย ตดิ สนิทม่นั คงอยูท่ ี่ศนู ยก์ ลางกายแล้ว ใหห้ ม่ัน ตรึกระลกึ นกึ ถงึ อยเู่ สมอ อย่างน้ีแล้ว ผลแห่งสมาธิจะท�ำให้ชีวิตด�ำรงอยู่บนเส้นทาง แห่งความสุข ความส�ำเร็จ และความไม่ประมาทได้ตลอดไป ทั้งยังจะ ท�ำให้สมาธลิ ะเอยี ดลุ่มลึกไปตามล�ำดบั อีกดว้ ย 11644 www.kalyanamitra.org
ขอ้ ควรระวงั ๑. อยา่ ใชก้ ำ� ลงั คอื ไมใ่ ชก้ ำ� ลงั ใด ๆ ทง้ั สนิ้ เชน่ ไมบ่ บี กลา้ มเนอื้ ตา เพอ่ื จะใหเ้ หน็ นมิ ติ เรว็ ๆไมเ่ กรง็ แขนไมเ่ กรง็ กลา้ มเนอ้ื หนา้ ทอ้ งไมเ่ กรง็ ตวั ฯลฯ เพราะการใช้กำ� ลังตรงส่วนใดของร่างกายกต็ าม จะท�ำใหจ้ ติ เคล่ือนจาก ศูนยก์ ลางกายไปสจู่ ดุ นน้ั ๒. อย่าอยากเห็น คือ ท�ำใจใหเ้ ปน็ กลาง ประคองสติ มิใหเ้ ผลอ จากบริกรรมภาวนาและบริกรรมนิมิต ส่วนจะเห็นนิมิตเมื่อใดนั้นอย่า กังวล ถ้าถึงเวลาแล้วย่อมเห็นเอง การบังเกิดของดวงนิมิตนั้น อุปมา เสมือนการขึน้ และตกของดวงอาทิตย์ เราไม่อาจจะเร่งเวลาได้ ๓. อยา่ กงั วลถงึ การกำ� หนดลมหายใจเขา้ ออก เพราะการฝกึ สมาธิ เพ่ือให้เขา้ ถงึ พระธรรมกายภายใน อาศัยการนึกถงึ “อาโลกกสณิ ” คือ กสณิ ความสวา่ งเปน็ บทเบอื้ งตน้ เมอื่ ฝกึ สมาธจิ นเขา้ ถงึ ดวงปฐมมรรคแลว้ ฝกึ สมาธติ อ่ ไป ผา่ นกายมนษุ ยล์ ะเอยี ด กายทพิ ย์ กายรปู พรหม กายอรปู - พรหม จนกระท่ังเข้าถงึ พระธรรมกายแล้ว จึงเจริญวปิ ัสสนาในภายหลัง ดงั นน้ั จงึ ไม่มีความจ�ำเป็นต้องกำ� หนดลมหายใจเข้าออกแต่ประการใด 11655 www.kalyanamitra.org
๔. เมื่อเลิกจากนั่งสมาธิแล้ว ให้ต้ังใจไว้ที่ศูนย์กลางกายท่ีเดียว ไม่ว่าจะอยูใ่ นอริ ิยาบถใดกต็ าม เช่น ยืน เดิน นอน หรอื นง่ั อย่ายา้ ยฐาน ท่ีตั้งจิตไปไว้ที่อ่ืนเป็นอันขาด ให้ต้ังใจบริกรรมภาวนา พร้อมกับนึกถึง บริกรรมนิมิตเปน็ ดวงแก้วใสควบคู่กันตลอดไป ๕. นิมิตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จะต้องน้อมไปตั้งไว้ท่ีศูนย์กลางกาย ท้งั หมด ถ้านิมติ เกดิ ขนึ้ แล้วหายไป กไ็ ม่ต้องตามหา ให้ภาวนาประคอง ใจตอ่ ไปตามปกติ ในที่สุดเม่ือจติ สงบ นมิ ติ ย่อมปรากฏขน้ึ ใหม่อีก การฝึกสมาธิเบื้องต้นเท่าท่ีกล่าวมาท้ังหมดน้ี ย่อมเป็นปัจจัย ใหเ้ กิดความสขุ ได้ เมือ่ ซกั ซอ้ มปฏบิ ตั อิ ยเู่ สมอ ๆ ไม่ทอดทง้ิ จนไดด้ วง ปฐมมรรคแล้ว ก็ให้หมั่นประคองรักษาดวงปฐมมรรคน้ันไว้ตลอดชีวิต ดำ� รงตนอยใู่ นศลี ธรรมอนั ดี ยอ่ มเปน็ หลกั ประกนั ไดว้ า่ ไดท้ พี่ ง่ึ ของชวี ติ ท่ี ถูกต้องดงี าม ท่จี ะสง่ ผลใหเ้ ปน็ ผู้มคี วามสขุ ความเจรญิ ท้งั ในภพชาตินี้ และภพชาตหิ นา้ เดก็ เคารพผใู้ หญ่ ผใู้ หญเ่ มตตาเดก็ ทกุ คนมคี วามรกั ใคร่ สามคั คเี ปน็ นำ�้ หนงึ่ ใจเดยี วกนั หากสามารถแนะนำ� ตอ่ ๆ กนั ไป ขยายไป ยังเหล่ามนษุ ยชาติอย่างไม่จ�ำกดั เชื้อชาติ ศาสนา และเผา่ พันธุ์ สันตสิ ุข อนั ไพบูลยท์ ่ีทกุ คนใฝ่ฝันก็ยอ่ มบงั เกิดขน้ึ อยา่ งแนน่ อน 11666 www.kalyanamitra.org
ประโยชน์ของการฝกึ สมาธิ ๑. ผลตอ่ ตนเอง ๑.๑ ด้านสุขภาพจิต • ส่งเสริมให้คณุ ภาพของใจดีข้นึ คอื ทำ� ใหจ้ ิตใจผอ่ งใส สะอาด บรสิ ุทธ์ิ สงบ เยือกเยน็ ปลอดโปรง่ โล่ง เบา สบาย มคี วามจ�ำ และสตปิ ญั ญาดขี น้ึ • ส่งเสริมสมรรถภาพทางใจ ทำ� ให้คิดอะไรได้รวดเร็ว ถกู ต้อง และเลือกคดิ แตใ่ นสง่ิ ทดี่ เี ท่านั้น ๑.๒ ดา้ นพัฒนาบคุ ลิกภาพ • ท�ำให้เปน็ ผ้มู ีบคุ ลกิ ภาพดี กระฉับกระเฉง กระปร้กี ระเปร่า มคี วามองอาจสงา่ ผา่ เผย มผี วิ พรรณผ่องใส • มีความมั่นคงทางอารมณ์ หนกั แนน่ เยอื กเยน็ และเชื่อมัน่ ในตนเอง 11677 www.kalyanamitra.org
• มมี นุษยสมั พนั ธด์ ี วางตวั ไดเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะ เปน็ ผ้มู ี เสนห่ ์ เพราะไมม่ ักโกรธ มคี วามเมตตากรณุ าต่อบคุ คลท่ัวไป ๑.๓ ด้านชวี ติ ประจำ� วนั • ช่วยใหค้ ลายเครียด เปน็ เครื่องเสริมประสิทธภิ าพในการ ท�ำงาน และการศึกษาเล่าเรยี น • ชว่ ยเสริมให้มสี ขุ ภาพรา่ งกายแขง็ แรง เพราะร่างกายกบั จติ ใจ ยอ่ มมอี ิทธิพลต่อกัน ถา้ จิตใจเข้มแขง็ ย่อมเปน็ ภมู ิตา้ นทานโรค ไปในตวั ๑.๔ ดา้ นศีลธรรมจรรยา • ท�ำใหเ้ ปน็ ผ้มู ีสมั มาทิฐิ เช่ือกฎแห่งกรรม สามารถคุ้มครองตน ใหพ้ ้นจากความช่วั ทงั้ หลายได้ และเน่ืองจากจติ ใจดี จึงทำ� ให้ความประพฤตทิ างกาย และวาจา ดตี ามไปด้วย • ท�ำให้เปน็ ผู้มีความมักนอ้ ย สันโดษ รกั สงบ และมีขันติเป็นเลศิ • ท�ำให้เป็นผูม้ คี วามเอือ้ เฟอื้ เผ่ือแผ่ เหน็ ประโยชน์สว่ นรวม มากกวา่ ประโยชน์ส่วนตัว เป็นผมู้ สี มั มาคารวะ และมคี วามออ่ นนอ้ มถอ่ มตน 11688 www.kalyanamitra.org
๒. ผลต่อครอบครวั ๒.๑ ทำ� ให้ครอบครัวมคี วามสงบสขุ เพราะสมาชิกในครอบครัว เหน็ ประโยชนข์ องการประพฤตธิ รรม ทกุ คนตงั้ มนั่ อยใู่ นศลี ปกครองกนั ดว้ ยธรรม เดก็ เคารพผใู้ หญ่ ผใู้ หญเ่ มตตาเดก็ ทกุ คนมคี วามรกั ใครส่ ามคั คี เปน็ น้�ำหนึง่ ใจเดยี วกัน ๒.๒ ท�ำให้ครอบครัวมีความเจริญก้าวหน้า เพราะสมาชิกต่าง ก็ท�ำหน้าที่ของตนโดยไม่บกพร่อง เป็นผู้มีใจคอหนักแน่น เมื่อมีปัญหา ครอบครัว หรอื มีอุปสรรคอันใด ยอ่ มร่วมใจกันแกไ้ ขปัญหานั้นให้ลลุ ่วง ไปได้ ๓. ผลตอ่ สังคมและประเทศชาติ ๓.๑ ท�ำให้สังคมสงบสขุ ปราศจากปัญหาอาชญากรรม รวมถึง ตลอดจนปัญหาสังคมอื่น ๆ เพราะปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ว่า จะเปน็ ปัญหาการฆา่ การขม่ ขืน โจรผู้รา้ ย การทุจรติ คอรัปชน่ั ล้วนเกดิ ขนึ้ มาจากคนทข่ี าดคุณธรรม เปน็ ผู้ท่มี ีจิตใจออ่ นแอ หวั่นไหวตอ่ อ�ำนาจ สิง่ ยั่วยวนหรือกเิ ลสไดง้ า่ ย ผู้ท่ฝี ึกสมาธยิ ่อมมีจิตใจเขม้ แขง็ มีคณุ ธรรม 11699 www.kalyanamitra.org
ในใจสูง ถ้าแต่ละคนในสังคมต่างฝึกฝนอบรมใจของตนให้หนักแน่น มน่ั คง ปญั หาเหล่านกี้ ็จะไมเ่ กิดขน้ึ สง่ ผลใหส้ งั คมสงบสขุ ได้ ๓.๒ ทำ� ใหเ้ กดิ ความมรี ะเบยี บวนิ ยั และเกดิ ความประหยดั ซงึ่ ผทู้ ่ี ฝกึ ใจใหด้ งี ามดว้ ยการทำ� สมาธอิ ยเู่ สมอ ยอ่ มเปน็ ผรู้ กั ความมรี ะเบยี บวนิ ยั รักความสะอาด มีความเคารพกฎหมายของบ้านเมือง ท�ำให้บ้านเมือง ของเราสะอาดนา่ อยู่ ไมม่ คี นมกั ง่ายทง้ิ ขยะลงบนพ้นื ถนน จะขา้ มถนน ก็เฉพาะตรงทางข้าม เป็นต้น เป็นเหตุให้ประเทศชาติไม่ต้องส้ินเปลือง งบประมาณ เวลา และกำ� ลงั เจา้ หนา้ ที่ ทจี่ ะไปใชส้ ำ� หรบั แกป้ ญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ จากความไมม่ ีระเบยี บวินยั ของประชาชน ๓.๓ ท�ำให้สังคมเจริญก้าวหน้า เม่ือสมาชิกในสังคมมีสุขภาพ จิตดี รักความเจริญก้าวหน้า มีประสิทธิภาพในการท�ำงานสูง ย่อมส่ง ผลให้สังคมเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย และเมื่อมีกิจกรรมของส่วนรวม สมาชกิ ในสงั คมกย็ อ่ มพรอ้ มทจ่ี ะสละความสขุ สว่ นตน ใหค้ วามรว่ มมอื กบั สว่ นรวมอยา่ งเตม็ ที่ แมม้ ผี ไู้ มป่ ระสงคด์ ตี อ่ สงั คม จะมายแุ หยใ่ หเ้ กดิ ความ แตกแยก ก็จะไมเ่ ป็นผลส�ำเร็จ เพราะสมาชิกในสงั คมเป็นผมู้ ีจติ ใจหนัก แน่น มเี หตุผล และเป็นผู้รกั สงบ 11700 www.kalyanamitra.org
๔. ผลต่อศาสนา ๔.๑ ท�ำให้เข้าใจพระพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้อง และรู้ซึ้งถึง คณุ คา่ ของพระพทุ ธศาสนา รวมทงั้ รเู้ หน็ ดว้ ยตวั เองวา่ การฝกึ สมาธไิ มใ่ ช่ เรอื่ งเหลวไหล หากแตเ่ ปน็ วธิ เี ดียวทจ่ี ะทำ� ใหพ้ น้ ทุกขเ์ ขา้ สนู่ พิ พานได้ ๔.๒ ทำ� ใหเ้ กดิ ศรทั ธาตง้ั มน่ั ในพระรตั นตรยั พรอ้ มทจี่ ะเปน็ ทนาย แก้ต่างให้กับพระพุทธศาสนา อันจะเป็นก�ำลังส�ำคัญในการเผยแผ่การ ปฏบิ ตั ธิ รรมทีถ่ ูกต้องใหแ้ พร่หลายไปอย่างกวา้ งขวาง ๔.๓ เป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองตลอดไป เพราะตราบใดที่พุทธศาสนิกชนยังต้ังใจปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาอยู่ พระพทุ ธศาสนาก็จะเจรญิ รงุ่ เรอื งอยู่ตราบน้นั ๔.๔ จะเปน็ กำ� ลงั สง่ เสรมิ ทำ� นบุ ำ� รงุ พระพทุ ธศาสนา เพราะเมอ่ื เข้าใจซาบซึ้งถึงประโยชน์ของการปฏิบัติธรรมด้วยตนเองแล้ว ย่อมจะ ชักชวนผอู้ ืน่ ให้ท�ำทาน รกั ษาศลี และเจริญภาวนาตามไปด้วย เมอื่ ใดท่ีทุกคนในสงั คมตงั้ ใจปฏิบัตธิ รรม ทำ�ทาน รักษาศลี และ เจรญิ ภาวนา เมอ่ื นนั้ ยอ่ มเปน็ ทหี่ วงั ไดว้ า่ สนั ตสิ ขุ ทแ่ี ทจ้ รงิ กจ็ ะบงั เกดิ ขนึ้ อยา่ งแน่นอน 11711 www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171