Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เศรษฐกิจพอเพียง ทช21001 ม.ต้น

เศรษฐกิจพอเพียง ทช21001 ม.ต้น

Published by gunlayawong, 2018-12-19 02:15:58

Description: เศรษฐกิจพอเพียง ทช21001
ม.ต้น

Search

Read the Text Version

หนงั สือเรียนสาระทกั ษะการดาํ เนินชีวติ รายวชิ า เศรษฐกจิ พอเพยี ง (ทช ) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น (ฉบบั ปรับปรุง 2560) หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั พืนฐาน พทุ ธศกั ราช สาํ นกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั สาํ นกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการห้ามจาํ หน่ายหนงั สือเรียนเลม่ นีจดั พมิ พด์ ว้ ยเงินงบประมาณแผน่ ดินเพอื การศกึ ษาตลอดชีวติ สาํ หรับประชาชนลิขสิทธิเป็นของ สาํ นกั งาน กศน. สาํ นกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการเอกสารทางวชิ าการลาํ ดบั ที 19/2555

หนงั สือเรียนสาระทกั ษะการดาํ เนินชีวิต )รายวชิ า เศรษฐกจิ พอเพยี ง (ทชระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้นฉบับปรับปรุง 2560ลขิ สิทธิเป็นของ สาํ นกั งาน กศน. สาํ นกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ ารเอกสารทางวชิ าการลาํ ดบั ที 9/

คาํ นํา กระทรวงศึกษาธิการไดป้ ระกาศใช้หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั พืนฐานพทุ ธศกั ราช เมอื วนั ที กนั ยายน พ.ศ. แทนหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการจดั การศกึ ษานอกโรงเรียนตามหลกั สูตรการศกึ ษาขนั พืนฐาน พุทธศกั ราช ซึงเป็ นหลกั สูตรทีพฒั นาขึนตามหลกั ปรัชญาและความเชือพืนฐานในการจดั การศึกษานอกโรงเรียนทีมีกลุ่มเป้ าหมายเป็ นผใู้ หญ่มีการเรียนรู้และสงั สมความรู้และประสบการณ์อยา่ งต่อเนือง ในปี งบประมาณ กระทรวงศกึ ษาธิการไดก้ าํ หนดแผนยทุ ธศาสตร์ในการขบั เคลือนนโยบายทางการศึกษาเพือเพมิ ศกั ยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขนั ใหป้ ระชาชนไดม้ อี าชีพทีสามารถสร้างรายได้ทีมงั คงั และมนั คง เป็ นบุคลากรทีมีวินัย เปี ยมไปดว้ ยคุณธรรมและจริยธรรม และมีจิตสาํ นึกรับผดิ ชอบต่อตนเองและผอู้ ืน สาํ นักงาน กศน. จึงไดพ้ ิจารณาทบทวนหลกั การ จุดหมาย มาตรฐาน ผลการเรียนรู้ทีคาดหวงั และเนือหาสาระ ทงั กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ของหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบัการศกึ ษาขนั พืนฐาน พุทธศกั ราช ใหม้ ีความสอดคลอ้ งตอบสนองนโยบายกระทรวงศึกษาธิการซึงส่งผลให้ตอ้ งปรับปรุงหนังสือเรียน โดยการเพิมและสอดแทรกเนือหาสาระเกียวกับอาชีพ คุณธรรมจริยธรรมและการเตรียมพร้อมเพือเขา้ สู่ประชาคมอาเซียน ในรายวิชาทีมีความเกียวขอ้ งสมั พนั ธ์กนั แต่ยงั คงหลกั การและวิธีการเดิมในการพฒั นาหนังสือทีให้ผเู้ รียนศึกษาค้นควา้ ความรู้ดว้ ยตนเอง ปฏิบตั ิกิจกรรม ทาํ แบบฝึ กหัด เพือทดสอบความรู้ความเขา้ ใจ มีการอภิปรายแลกเปลียนเรียนรู้กบั กลุ่ม หรือศกึ ษาเพมิ เติมจากภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ แหลง่ การเรียนรู้และสืออืน การปรับปรุ งหนังสือเรี ยนในครังนี ไดร้ ับความร่วมมืออย่างดียิงจากผูท้ รงคุณวุฒิในแต่ละสาขาวชิ า และผเู้ กียวขอ้ งในการจดั การเรียนการสอนทีศึกษาคน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มลู องคค์ วามรู้จากสือต่าง ๆ มาเรียบเรียงเนือหาใหค้ รบถว้ นสอดคลอ้ งกบั มาตรฐาน ผลการเรียนรู้ทีคาดหวงั ตวั ชีวดั และกรอบเนือหาสาระของรายวชิ า สาํ นกั งาน กศน.ขอขอบคุณผมู้ ีส่วนเกียวขอ้ งทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี และหวงั ว่าหนงั สือเรียนชุดนีจะเป็นประโยชน์แก่ผเู้ รียน ครู ผสู้ อน และผเู้ กียวขอ้ งในทุกระดบั หากมีขอ้ เสนอแนะประการใด สาํ นกั งาน กศน.ขอนอ้ มรับดว้ ยความขอบคุณยงิ

สารบญั หน้าคาํ นาํคาํ แนะนาํ การใชห้ นงั สือเรียนโครงสร้างรายวชิ าเศรษฐกิจพอเพยี ง ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้บทที ความพอเพียง………………………………………………………………..……..บทที การประกอบอาชีพอยา่ งพอเพยี ง.................................................................................บทที การวางแผนประกอบอาชีพแบบพอเพยี ง…………………………………………....19บทที เครือข่ายดาํ เนินชีวติ แบบพอเพยี ง...............................................................................37บรรณานุกรมคณะผจู้ ดั ทาํ

คาํ แนะนําการใช้หนังสือเรียน หนงั สือเรียนสาระทกั ษะการดาํ เนินชีวิต รายวชิ าเศรษฐกิจพอเพียง ทช ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ เป็นแบบเรียนทีจดั ทาํ ขึน สาํ หรับผเู้ รียนทีเป็นนกั ศกึ ษานอกระบบ ในการศึกษาหนงั สือเรียนสาระทกั ษะการดาํ เนินชีวิต รายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ผเู้รียนควรปฏิบตั ิดงั นี 1. ศึกษาโครงสร้างรายวิชาให้เข้าใจในหัวขอ้ และสาระสาํ คญั มาตรฐานการเรียนรู้ ระดบั ผลการเรียนรู้ทีคาดหวงั และขอบข่ายเนือหาของรายวชิ านนั ๆ โดยละเอียด 2. ศึกษารายละเอียดเนือหาของแต่ละบทอย่างละเอียด และทํากิจกรรมตามทีกําหนดแลว้ ตรวจสอบกบั แนวตอบกิจกรรมตามทีกาํ หนด ถา้ ผเู้ รียนตอบผดิ ควรกลบั ไปศึกษาและทาํ ความเขา้ ใจในเนือหานนั ใหมใ่ หเ้ ขา้ ใจ ก่อนทีจะศึกษาเรืองต่อ ๆ ไป 3. ปฏบิ ตั ิกิจกรรมทา้ ยเรืองของแต่ละเรือง เพือเป็นการสรุปความรู้ ความเขา้ ใจของเนือหาในเรืองนันๆ อีกครัง และปฏิบตั ิกิจกรรมของแต่ละเนือหา แต่ละเรือง ผเู้ รียนสามารถนาํ ไปตรวจสอบกบั ครูและเพือนๆ ทีร่วมเรียนในรายวิชาและระดบั เดียวกนั ได้ 4. หนงั สือเรียนเลม่ นีมี บท คือ บทที ความพอเพียง บทที การประกอบอาชีพอยา่ งพอเพยี ง บทที การวางแผนประกอบอาชีพแบบพอเพยี ง บทที เครือข่ายดาํ เนินชีวติ แบบพอเพียง

โครงสร้าง รายวชิ าเศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น (ทช )สาระสําคญั เศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นปรัชญาทีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช (รัชกาลที )ทรงพระราชดาํ รัสชีแนะแนวทางการดาํ รงอยแู่ ละการปฏิบตั ิตนของประชาชนในทุกระดบั ใหด้ าํ เนินชวี ิตไปในทางสายกลางโดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจเพอื ใหก้ า้ วทนั ต่อโลกยคุ โลกาภิวตั น์ ความพอเพยี งหมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถงึ ความจาํ เป็นทีจะตอ้ งมรี ะบบภมู ิคุม้ กนั ในตวั ทีดีพอสมควรต่อผลกระทบใด ๆ อนั เกิดจากการเปลียนแปลงทงั ภายนอกและภายใน ทงั นีจะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบและความระมดั ระวงั อยา่ งยงิ ในการนาํ วิชาการต่าง ๆ มาใชใ้ นการวางแผนและดาํ เนินการทุกขนั ตอน และขณะเดียวกนั จะตอ้ งเสริมสร้างพนื ฐานจิตใจของคนในชาติใหม้ สี าํ นึกในคุณธรรม ความซือสตั ยส์ ุจริตและใหม้ คี วามรอบรู้ทีเหมาะสมดาํ เนินชีวติ ดว้ ยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญาและความรอบคอบ เพอื ใหส้ มดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลยี นแปลงอยา่ งรวดเร็วและกวา้ งขวาง ทงั ดา้ นวตั ถุ สงั คม สิงแวดลอ้ มและวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดีผลการเรียนรู้ทคี าดหวงั 1. อธิบายแนวคิด หลกั การ ความหมาย ความสาํ คญั ของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้ 2. บอกแนวทางในการนาํ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการประกอบอาชีพ 3. เห็นคุณค่าและปฏิบตั ิตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. แนะนาํ ส่งเสริมใหส้ มาชิกในครอบครัวและชุมชนใหเ้ ห็นคุณค่าและนาํ ไปปฏบิ ตั ิใน การดาํ เนินชีวิตขอบข่ายเนือหา บทที ความพอเพยี ง เรืองที ความเป็นมา ความหมาย หลกั การแนวคิดของหลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง เรืองที การแสวงหาความรู้ บทที การประกอบอาชีพอยา่ งพอเพียง เรืองที หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งกบั การจดั การทรัพยากรทีมอี ยขู่ องตนเอง ครอบครัว ชุมชน เรืองที หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกบั การประกอบอาชีพ

บทที การวางแผนประกอบอาชีพแบบพอเพียง เรืองที การวางแผนการประกอบอาชีพ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เรืองที โครงการและแผนงานประกอบอาชีพ ตามหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงบทที เครือข่ายดาํ เนินชีวติ แบบพอเพียง เรืองที การส่งเสริม เผยแพร่ ขยายผลงานการปฏิบตั ติ ามหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียงของบุคคล ชุมชน ทีประสบผลสาํ เร็จ เรืองที การสร้างเครือข่ายการประกอบอาชีพและการดาํ เนินชีวติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เรืองที กระบวนการขบั เคลอื นเศรษฐกิจพอเพียง

1 บททีความพอเพยี งสาระสําคญั เศรษฐกิจพอเพียงเป็ นหลกั คิด หลกั ปฏิบตั ิในการดาํ เนินชีวิตตามแนวทางสายกลางของกลุ่มบุคคลทุกระดบั ตงั แต่ระดบั ครอบครัว ชุมชน และระดบั ประเทศ โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจให้กา้ วทนั ต่อความเปลียนแปลงในยคุ โลกาภิวตั น์ดว้ ยความพอเพียง คือมีความพอประมาณ ความมีเหตุผลมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวทีดีต่อการมีผลกระทบต่างๆ อนั เกิดจากการเปลียนแปลงทังภายนอกและภายในประเทศ โดยจะตอ้ งมคี วามรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั ควบคู่ไปกบั การมีความรู้ทีเหมาะสม มคี วามสาํ นึกในคุณธรรม เพือใหส้ มดุลและพร้อมรองรับการเปลียนแปลงอย่างรวดเร็วและกวา้ งขวางทงั ทางดา้ นวตั ถุ สงั คม สิงแวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดีผลการเรียนทีคาดหวงั อธิบายแนวคิด หลกั การ ความหมาย ความสาํ คญั ของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้ขอบข่ายเนือหา เรืองที ความเป็นมา ความหมาย ของหลกั การแนวคิดของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เรืองที การแสวงหาความรู้

2เรืองที ความเป็ นมา ความหมาย หลักการแนวคดิ ของหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งความเป็ นมาปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี งเป็นปรัชญาทีชีแนวทางการดาํ รงอยแู่ ละปฏิบตั ิตน ทีพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที ) มพี ระราชดาํ รัสแก่พสกนิกรชาวไทยมาตงั แต่ปี พ.ศ.มีใจความวา่ “...การพฒั นาประเทศจาํ เป็นตอ้ งทาํ ตามลาํ ดบั ขนั ตอ้ งสร้างพนื ฐาน คือ ความพอมี พอกินพอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบืองตน้ ก่อนโดยใชว้ ิธกี ารและใชอ้ ุปกรณ์ทีประหยดั แต่ถกู ตอ้ งตามหลกั วิชา เมือไดพ้ นื ฐานมนั คงพร้อมพอควร และปฏิบตั ิไดแ้ ลว้ จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกจิ ขนั ทีสูงขึนโดยลาํ ดบั ต่อไป...” และนบั จากนนั เป็นตน้ มาพระองคไ์ ดท้ รงเนน้ ยาํ ถงึ แนวทางการพฒั นาหลกั แนวคิดพึงตนเองเพือใหเ้ กิดความพอมี พอกิน พอใชข้ องคนส่วนใหญ่ โดยใชห้ ลกัความพอประมาณ การคาํ นึงถึงความมเี หตุผล การสร้างภูมิคุม้ กนั ในตวั ทีดี ตลอดจนทรงเตือนสติปวงชนชาวไทยไมใ่ หป้ ระมาท มคี วามตระหนกั ถงึ การพฒั นาอยา่ งเป็นขนั เป็นตอนทีถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ า และการมีคุณธรรมเป็นกรอบในการปฏิบตั ิและการดาํ รงชวี ติ ในปี พ.ศ. ประเทศไทยประสบกบั ภาวะวกิ ฤติเศรษฐกิจ นบั วา่ เป็นบทเรียนของการพฒั นาทีไม่สมดุลและไมม่ เี สถียรภาพ ซึงส่งผลกระทบต่อความเป็นอยขู่ องประชาชนส่วนใหญ่ ส่วนหนึงเป็นผลมาจากการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมทีไมไ่ ดค้ าํ นึงถงึ ระดบั ความเหมาะสมกบั ศกั ยภาพของประเทศ หรือความพร้อมของคนและระบบและอกี ส่วนหนึงนนั การหวงั พงึ พงิ จากต่างประเทศมากเกินไปทงั ในดา้ นความรู้ เงินลงทุน หรือตลาด โดยไม่ไดเ้ ตรียมสร้างพนื ฐานภายในประเทศใหม้ คี วามมนั คงและเขม้ แขง็หรือสร้างภมู คิ ุม้ กนั ทีดีเพอื ใหส้ ามารถพร้อมรับความเสียงจากความผกผนั เปลียนแปลงของปัจจยั ภายในและภายนอก บทเรียนจากการพฒั นาทีผา่ นมานนั ทาํ ใหป้ ระชาชนคนไทยทุกระดบั ในทุกภาคส่วนของสงั คม ทงั ภาครัฐ เอกชน ประชาสงั คม นกั วิชาการ หนั กลบั มาทบทวนแนวทางการพฒั นาและการดาํ เนินชีวิตของคนในชาติ แลว้ มุง่ ใหค้ วามสาํ คญั กบั พระราชดาํ ริของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช (รัชกาลที ) ในเรืองการพฒั นาและการดาํ เนินชีวติ แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และศกึ ษาคน้ ควา้พฒั นาความรู้ ความเขา้ ใจเกียวกบั แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงทงั ในเชิงกรอบแนวคดิ ทางทฤษฎีและใชเ้ ป็นแนวในการนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาํ วนั มากขึน สาํ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ไดเ้ ชิญผทู้ รงคุณวุฒิจากหน่วยงานต่างๆ มาร่วมกนั พิจารณา กลนั กรอง พระราชดาํ รัสของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช(รัชกาลที ) ทีไดพ้ ระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยในโอกาสต่างๆ ทีเกียวขอ้ งกบั เรืองเศรษฐกิจพอเพียงแลว้ สรุปเป็นนิยามความหมายปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และไดอ้ ญั เชิญเป็นปรัชญานาํ ทางในการจดั ทาํ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ที (พ.ศ. - ) และฉบบั ที

3(พ.ศ. - )เพอื ส่งเสริมใหป้ ระชาชนทุกระดบั และทุกภาคส่วนของสงั คมมคี วามเขา้ ใจในหลกัปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและนาํ ไปเป็นพนื ฐานและแนวทางในการดาํ เนินชีวิตอนั จะนาํ ไปสู่การพฒั นาทีสมดุลและยงั ยนื ประชาชนมคี วามเป็นอยรู่ ่มเยน็ เป็นสุข สงั คมมคี วามเขม้ แขง็ และประเทศชาติมีความมนั คงความหมายปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นปรัชญาทีเป็นแนวคิด หลกั การ และแนวทางปฏิบตั ิตนของแต่ละบุคคลและองคก์ รทุกระดบั ตงั แต่ระดบั ครอบครัว ระดบั ชุมชน และระดบั ประเทศทงั ในการพฒั นาและบริหารประเทศให้ดาํ เนินไปในทางสายกลาง โดยคาํ นึงถึงความพอประมาณกบั ศกั ยภาพตนเองและสภาวะแวดลอ้ ม ความมีเหตุผลและการมีภูมิคุม้ กนั ทีดีในตวั เองโดยใชค้ วามรู้อยา่ งถูกหลกั วิชาการดว้ ยความรอบคอบและระมดั ระวงั ควบคู่ไปกบั การมีคุณธรรม ไมเ่ บียดเบียนกนั แบ่งปัน ช่วยเหลือซึงกนั และกนัและร่วมมือปรองดองกนั ในสังคม ซึงนาํ ไปสู่ความสามคั คี การพฒั นาทีสมดุลและยงั ยนื พร้อมรับต่อการเปลียนแปลงภายใตก้ ระแสโลกาภิวตั น์ได้หลกั แนวคดิ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช (รัชกาลที ) ไดพ้ ฒั นาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเพอื ทีจะใหพ้ สกนิกรชาวไทยไดเ้ ขา้ ถึงทางสายกลางของชีวิตและเพอื คงไวซ้ ึงทฤษฎีของการพฒั นาทียงั ยนื ทฤษฎีนีเป็นพนื ฐานของการดาํ รงชวี ิตซึงอยรู่ ะหวา่ งสงั คมระดบั ทอ้ งถนิ และตลาดระดบั สากล จุดเด่นของแนวปรัชญานีคือแนวทางทีสมดุล โดยใชห้ ลกั ธรรมชาติทีเป็นเหตุเป็นผลอยา่ งเชือมโยง พฒั นาใหท้ นั สมยั และกา้ วสู่ความเป็นสากลได้ โดยปราศจากการต่อตา้ นกระแสโลกาภิวตั น์ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมคี วามสาํ คญั ในช่วงปี พ.ศ. เมอื ปี ทีประเทศไทยตอ้ งการรักษาความมนั คงและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเพือทีจะยืนหยดั ในการพึงตนเองและพฒั นานโยบายทีสาํ คญั เพือการฟื นฟเู ศรษฐกิจของประเทศ โดยการสร้างแนวคิดเศรษฐกิจทีพึงตนเองได้ ซึงคนไทยจะสามารถเลียงชีพโดยอยบู่ นพนื ฐานของความพอเพยี งและการนาํ แนวคิดดงั กล่าวมาใชก้ ไ็ ดผ้ า่ นการทดลองในพระตาํ หนกั สวนจิตรลดารโหฐานและโครงการในภมู ิภาคต่าง ๆ หลายโครงการ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช (รัชกาลที ) มีพระราชดาํ ริวา่ มนั ไมไ่ ดม้ ีความจาํ เป็นทีเราจะกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (NIC) พระองคไ์ ดท้ รงอธิบายวา่ ความพอเพยี งและการพงึ ตนเอง คือ ทางสายกลางทีจะป้ องกนั การเปลยี นแปลงความไม่มนั คงของประเทศได้ และการดาํ เนินชีวติตามหลกั เศรษฐกิจพอเพยี งเชือว่าจะสามารถปรับเปลยี นโครงสร้างทางสงั คมของชุมชนใหด้ ีขึน โดยมีปัจจยั อยา่ ง คือ 1. การผลติ จะตอ้ งมคี วามสมั พนั ธก์ นั ระหว่างปริมาณผลผลติ และการบริโภค 2. ชุมชนจะตอ้ งมคี วามสามารถในการจดั การทรัพยากรของตนเองอยา่ งครบวงจร

4ผลทีเกิดขึน คือ 1. เศรษฐกิจพอเพียงสามารถทีจะคงไวซ้ ึงขนาดของประชากรทีไดส้ ดั ส่วน 2. ใชเ้ ทคโนโลยไี ดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3. รักษาสมดุลของระบบนิเวศ และปราศจากการแทรกแซงจากปัจจยั ภายนอก ปัจจุบนั แนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไดม้ กี ารนาํ ไปใชเ้ ป็นนโยบายของรัฐบาล และปรากฏในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช มาตรา ( ) ว่า “การบริหารราชการแผน่ ดินให้เป็ นไปเพือการพฒั นาสังคม เศรษฐกิจและความมนั คงของประเทศอย่างยงั ยืน โดยต้องส่งเสริ มการดาํ เนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง และคาํ นึงถงึ ผลประโยชน์ของประเทศชาติในภาพรวมเป็นสาํ คญั ” การพฒั นาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพฒั นาทีตงั อยบู่ นพนื ฐานทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคาํ นึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตวั ทีดีตลอดจนใชค้ วามรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรมประกอบการวางแผน การตดั สินใจและการกระทาํ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมหี ลกั การพจิ ารณา ส่วน ดงั นี . กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาทีชีแนะแนวทางการดาํ รงชีวติ และการปฏิบตั ิตนในทางทีควรจะเป็ นโดยมีพืนฐานจากวิถีชีวิตดงั เดิมของสังคมไทยทีนาํ มาประยกุ ต์ใช้ไดต้ ลอดเวลา และเป็ นการมองโลกเชิงระบบทีมีการเปลียนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพน้ จากภยั และวิกฤติเพือความมนั คงและความยงั ยนื ของการพฒั นา . คุณลกั ษณะของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนาํ มาประยุกต์ใชก้ บั การปฏิบตั ิตนได้ในทุกระดบั โดยเนน้ การปฏบิ ตั ิบนทางสายกลางและการพฒั นาอยา่ งเป็นขนั ตอน . คาํ นิยามความพอเพียง ประกอบดว้ ย คุณลกั ษณะ ดงั นี . ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีทีไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผอู้ นื การจะทาํ อะไรตอ้ งมีความพอดี พอเหมาะ พอควร ต่อความจาํ เป็ น เหมาะสมกับฐานะของตนเอง สภาวะสังคมแวดลอ้ ม รวมทังวฒั นธรรมในแต่ละทอ้ งถิน และไม่น้อยเกินไปจนกระทงั ไมเ่ พยี งพอทีจะดาํ เนินการได้ ซึงการตดั สินวา่ ในระดบั พอประมาณนนั จะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ความรอบคอบในการวางแผนและตดั สินใจอย่างมีคุณธรรมดว้ ย เช่น ไม่เบียดเบียนตนเองและผูอ้ ืนไมท่ าํ ใหส้ งั คมเดือดร้อน ไม่ทาํ ลายธรรมชาติและสิงแวดลอ้ ม . ความมเี หตุผล หมายถงึ การตดั สินใจเกียวกบั ระดบั ความพอเพยี งนัน จะตอ้ งเป็ นไปอย่างมีเหตุผล โดยพจิ ารณาจากเหตุปัจจยั ทีเกียวขอ้ ง ตลอดจนคาํ นึงถงึ ผลทีคาดว่าจะเกิดขึนจากการกระทาํ นนัอย่างรอบคอบ ครบวงจรบนพืนฐานของความถูกต้อง ความเป็ นจริง ตามหลกั วิชาการ หลกั กฎหมาย

5หลกั ศีลธรรม จริยธรรม และวฒั นธรรมทีดีงาม ทงั ในระยะยาว ทงั ต่อตนเอง ผอู้ ืน และส่วนรวม การคิดพจิ ารณาแยกแยะใหเ้ ห็นความเชือมโยงของเหตุ ปัจจยั ต่างๆ อยา่ งต่อเนือง อยา่ งเป็นระบบจะทาํ ใหบ้ รรลุเป้ าหมายไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ มีขอ้ ผดิ พลาดนอ้ ย การทีจะวางแผนดาํ เนินการสิงใดอยา่ งสมเหตุสมผลตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ขยนั หมนั เพียร อดทนทีจะจดั เก็บข้อมูลอย่างเป็ นระบบและแสวงหาความรู้ทีถกู ตอ้ งอย่างสมาํ เสมอ มีความรอบคอบในความคิด พิจารณาตัดสินใจ โดยใชส้ ติ ปัญญา อย่างเฉลียวฉลาดในทางทีถกู ทีควร . การมีภูมิคุ้มกนั ในตวั ทีดี หมายถึง การเตรียมตวั ใหพ้ ร้อมรับผลกระทบและการเปลียนดา้ นต่างๆ ทีจะเกิดทงั ในดา้ นเศรษฐกิจสงั คม สิงแวดลอ้ ม และวฒั นธรรม เพือให้สามารถปรับตวั และรับมือไดท้ นั ที หรือกล่าวไดว้ ่าการทีจะทาํ อะไรอย่างไม่เสียงเกินไป ไม่ประมาท คิดถึงแนวโนม้ ความเป็นไปไดข้ องสถานการณ์ต่างๆ ทีอาจจะเกิดขึนได้ แลว้ เตรียมตนเอง เตรียมวิธีการทาํ งานรองรับกบั การเปลยี นแปลงต่างๆ เพือใหก้ ารทาํ งานสามารถดาํ เนินเป็ นไปไดอ้ ยา่ งราบรืนและนาํ มาซึงผลประโยชน์ในระยะยาวและความสุขทียงั ยนื . เงือนไขการตดั สินและการดาํ เนินกิจกรรมต่างๆ ให้อย่ใู นระดบั พอเพียง ตอ้ งอาศยั ทงั ความรู้และคุณธรรมเป็นพืนฐาน ดงั นี . เงือนไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรู้เกียวกบั วชิ าการต่างๆ ทีเกียวขอ้ งอย่างรอบดา้ นความรอบคอบทีจะนําความรู้เหล่านันมาพิจารณาใหเ้ ชือมโยงกนั เพือประกอบการวางแผนและความระมดั ระวงั ในขนั ปฏิบตั ิ . เงือนไขคุณธรรม คุณธรรมทีจะต้องเสริ มสร้างให้เป็ นพืนฐานของคนในชาติประกอบดว้ ย มคี วามตระหนกั ในคุณธรรม มคี วามซือสัตยส์ ุจริต มีความอดทน มีความเพียร รู้ผดิ รู้ชอบใช้สติปัญญาในการดาํ เนินชีวิตอย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม ไม่โลภและไม่ตระหนี รู้จกั แบ่งปันและรับผดิ ชอบในการอยรู่ ่วมกบั ผอู้ นื ในสงั คม . แนวทางการปฏิบัติ/ผลทีคาดว่าจะได้รับจากการนําปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยกุ ตใ์ ช้ คือ การพฒั นาทีสมดุลและยงั ยนื พร้อมกบั การเปลยี นแปลงในทุกดา้ นทงั ดา้ นเศรษฐกิจ สงั คมสิงแวดลอ้ ม ความรู้และเทคโนโลยี

6สรุปปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เงอื นไข ความรู้ นํา ู่ส เงอื นไข คุณธรรม(รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวงั ) (ซือสัตย์ สุจริต ขยนั อดทน แบ่งปัน) แผนภาพแสดงแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ห่วง เงอื นไข ระบบเศรษฐกิจพอเพยี ง มุง่ เนน้ ใหบ้ ุคคลสามารถประกอบอาชีพไดอ้ ย่างยงั ยนื และใชจ้ ่ายเงินทีไดม้ าอยา่ งพอเพียงและประหยดั ตามกาํ ลงั ของเงินของบุคคลนนั โดยหลกี เลียงการกูห้ นียมื สิน และถา้ มีเงินเหลือก็แบ่งเก็บออมไวบ้ างส่วน ช่วยเหลือผอู้ ืนบางส่วน และอาจจะใช้จ่ายมาเพือปัจจยั เสริมอีกบางส่วน (ปัจจยั เสริมในทีนีเช่น ท่องเทียว ความบันเทิง เป็ นตน้ ) สาเหตุทีแนวทางการดาํ รงชีวิตอยา่ งพอเพียง ไดถ้ กู กลา่ วถงึ อยา่ งกวา้ งขวางในขณะนี เพราะสภาพการดาํ รงชีวติ ของสังคมทุนนิยมในปัจจุบนัไดถ้ กู ปลกู ฝัง สร้าง หรือกระตุน้ ใหเ้ กิดการใชจ้ ่ายอยา่ งเกินตวั ในเรืองทีไม่เกียวขอ้ งหรือเกินกว่าปัจจยั ในการดาํ รงชีวติ เช่น การบริโภคเกินตวั ความบนั เทิงหลากหลายรูปแบบ ความสวยความงาม การแต่งตวัตามแฟชนั การพนันหรือเสียงโชค เป็ นต้น จนทําให้ไม่มีเงินเพียงพอเพือตอบสนองความตอ้ งการเหล่านนั ส่งผลใหเ้ กิดการกหู้ นียมื สิน เกิดเป็นวฎั จกั รทีบุคคลหนึงไม่สามารถหลดุ ออกมาได้ ถา้ ไมเ่ ปลียนแนวทางในการดาํ รงชีวิต นักคิดระดับโลกเห็นด้วยกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และมีการนําเสนอบทความบทสมั ภาษณ์เป็นการยนื ขอ้ เสนอแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงใหแ้ ก่โลก เช่น ศ.ดร.วูล์ฟกัง ซัคส์ นักวิชาการดา้ นสิงแวดลอ้ มคนสาํ คญั ของประเทศเยอรมนี สนใจการประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใหเ้ ป็นทีรู้จกั ในเยอรมนี ศ.ดร.อมาตยา เซน ศาสตราจารยช์ าวอินเดีย เจา้ ของรางวลั โนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ปีมองว่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็ นการใชส้ ิงต่าง ๆ ทีจาํ เป็ นต่อการดาํ รงชีพ และใช้โอกาสให้พอเพยี งกบั ชีวิตทีดี ซึงไม่ไดห้ มายถงึ ความไมต่ อ้ งการ แต่ตอ้ งรู้จกั ใชช้ ีวิตใหด้ ีพอ อยา่ ใหค้ วามสาํ คญั กบัเรืองของรายไดแ้ ละความราํ รวยแต่ใหม้ องทีคุณค่าของชีวิตมนุษย์

7 นายจิกมี ทินเลย์ กษตั ริยแ์ ห่งประเทศภูฎานให้ทรรศนะว่า หากประเทศไทยกําหนดเรืองเศรษฐกิจพอเพียงใหเ้ ป็นวาระระดบั ชาติ และดาํ เนินตามแนวทางนีอยา่ งจริงจงั “ผมว่าประเทศไทยสามารถสร้างโลกใบใหมจ่ ากหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งสร้างชีวิตทียงั ยนื และสุดทา้ ยจะไม่หยุดเพยี งแค่ในประเทศ แต่จะเป็นหลกั การและแนวปฏบิ ตั ิของโลก ซึงหากทาํ ไดส้ าํ เร็จไทยกค็ ือผนู้ าํ ” ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งนี ไดร้ ับการเชิดชสู ูงสุดจากองคก์ ารสหประชาชาติ (UN) โดยนายโคฟี อนั นนั ในฐานะเลขาธิการองคก์ ารสหประชาชาติ ไดท้ ลู เกลา้ ฯ ถวายรางวลั The HumanDevelopment Lifetime Achievement Award แก่พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช(รัชกาลที ) เมือวนั ที พฤษภาคม และไดม้ ีปาฐกถาถึงปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงว่า เป็นปรัชญาทีมปี ระโยชนต์ ่อประเทศไทยและนานาประเทศ และสามารถเริมไดจ้ ากการสร้างภูมิคุม้ กนั ในตนเอง สู่หมบู่ า้ น และสู่เศรษฐกิจในวงกวา้ งขึนในทีสุด นาย Hakan Bjorkman รักษาการผอู้ าํ นวยการUNDP ในประเทศไทยกล่าวเชิดชูปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และ UNDP นนั ตระหนกั ถึงวสิ ยั ทศั น์และแนวคิดในการพฒั นาของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช (รัชกาลที )โดยทีองคก์ ารสหประชาชาติไดส้ นบั สนุนใหป้ ระเทศต่าง ๆ ทีเป็นสมาชิก ประเทศยดึ เป็นแนวทางสู่การพฒั นา ประเทศแบบยงั ยนืหลกั การปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที )ทรงพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยในเรืองเศรษฐกจิ พอเพยี งนนั คือการม่งุ เนน้ ใหย้ ดึ วิถีชีวติ ไทย โดยหนั กลบั มายดึ เสน้ ทางสายกลาง (มชั ฌิมาปฏิปทา) ในการดาํ เนินชีวิตใหส้ ามารถพงึ ตนเองได้ โดยใชห้ ลกั การพงึ ตนเอง ประการคือ (สาํ นกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพือประสานงานโครงการอนั เนืองมาจากพระราชดาํ ริ, : - ) . ด้านจติ ใจ ทาํ ตนใหเ้ ป็นทีพงึ ของตนเอง มจี ิตใจทีเขม้ แขง็ มจี ิตสาํ นึกทีดี สร้างสรรคใ์ หต้ นเองและชาติโดยรวม มจี ิตใจเออื อาทร ประนีประนอม ซือสตั ยส์ ุจริต เป็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นทีตงัดงั กระแสพระราชดาํ รัสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช (รัชกาลที ) เกียวกบั การพฒั นาความวา่ “...บคุ คลตอ้ งมรี ากฐานทางจิตใจทีดี คือ ความหนกั แน่นมนั คงในสุจริตธรรมและความมุง่ มนั ทีจะปฏิบตั ิหนา้ ทีใหจ้ นสาํ เร็จ ทงั ตอ้ งมกี ศุ โลบายหรือวธิ ีการอนั แยบยลในการปฏิบตั ิงาน ประกอบพร้อมดว้ ยจึงจะสมั ฤทธิผลทีแน่นอนและบงั เกิดประโยชนอ์ นั ยงั ยนื แก่ตนเองและแผน่ ดิน...” . ด้านสังคม แต่ละชุมชนตอ้ งช่วยเหลือเกือกูลกนั เชือมโยงกนั เป็ นเครือข่ายชุมชนทีแข็งแรงเป็นอสิ ระ ดงั กระแสพระราชดาํ รัสความวา่ “...เพอื ใหง้ านรุดหนา้ ไปพร้อมเพรียงกนั ไมล่ ดหลนั จึงขอให้ทุกคนพยายามทีจะทาํ งานในหน้าทีอย่างเต็มที และให้มีการประชาสมั พนั ธ์กนั ใหด้ ี เพือใหง้ านทงั หมดเป็นงานทีเกือหนุนสนบั สนุนกนั ...” . ด้านทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิงแวดล้อม ใหใ้ ชแ้ ละจดั การอยา่ งฉลาดพร้อมทงั การเพิมมูลค่าโดยใหย้ ดึ หลกั การของความยงั ยนื และเกิดประโยชนส์ ูงสุด ดงั กระแสพระราชดาํ รัสความว่า “...ถา้ รักษา

8สิงแวดลอ้ มใหเ้ หมาะสม นึกวา่ อยไู่ ดอ้ ีกหลายร้อยปี ถึงเวลานันลกู หลานของเรามาก็อาจหาวิธีแกป้ ัญหาต่อไปเป็นเรืองของเขา ไม่ใช่เรืองของเรา แต่เราก็ทาํ ได้ ไดร้ ักษาสิงแวดลอ้ มไวใ้ หพ้ อสมควร...” . ด้านเทคโนโลยี จากสภาพแวดลอ้ มทีเปลยี นแปลงรวดเร็วเทคโนโลยที ีเขา้ มาใหม่ทงั ดีและไมด่ ีจึงตอ้ งแยกแยะบนพนื ฐานของภมู ปิ ัญญาชาวบา้ น และเลือกใชเ้ ฉพาะทีสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของสภาพแวดลอ้ ม ภูมิประเทศ สังคมไทย และควรพฒั นาเทคโนโลยจี ากภูมิปัญญาของเราเอง ดงั กระแสพระราชดาํ รัสความว่า “...การส่งเสริมทีชาวบา้ นชาวชนบทขาดแคลน และความตอ้ งการ คือ ความรู้ในดา้ นเกษตรกรรมโดยใชเ้ ทคโนโลยสี มยั ใหม่เป็นสิงทีเหมาะสม...” “...การใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งใหญ่โตเต็มรูปหรือเต็มขนาดในงานอาชีพหลกั ของประเทศยอ่ มจะมีปัญหา...” . ด้านเศรษฐกจิ แต่เดิมนกั พฒั นามกั ม่งุ ทีจะเพมิ รายไดแ้ ละไมม่ กี ารมุ่งทีการลดรายจ่าย ในเวลาเช่นนีจะตอ้ งปรับทิศทางใหม่ คือ จะตอ้ งมุ่งลดรายจ่ายก่อนเป็ นสาํ คญั และยดึ หลกั พออยู่ พอกิน พอใช้และสามารถอยไู่ ดด้ ว้ ยตนเองในระดบั เบืองตน้ ดงั กระแสพระราชดาํ รัสความว่า “...การทีตอ้ งการใหท้ ุกคนพยายามทีจะหาความรู้และสร้างตนเองใหม้ นั คงนีเพือตนเอง เพือทีจะให้ตวั เองมีความเป็ นอย่ทู ีกา้ วหนา้ทีมีความสุข พอมี พอกิน เป็นขนั หนึงและขนั ต่อไป ก็คือใหม้ ีเกียรติว่ายนื ไดด้ ว้ ยตนเอง...” “...หากพวกเราร่วมมือร่วมใจกนั ทาํ สกั เศษหนึงส่วนสี ประเทศชาติของเรากส็ ามารถรอดพน้ จากวิกฤติได.้ ..”ความสําคญั ของปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมีความสาํ คญั ต่อการพฒั นาประเทศและพฒั นาคน ดงั นี . เศรษฐกิจพอเพยี งเป็นปรัชญาทีมีความสาํ คญั ยงิ สาํ หรับการขจดั ความยากจน และการลดความเสียงทางเศรษฐกิจ . ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นพืนฐานของการสร้างพลงั อาํ นาจของชุมชนและการพฒั นาศกั ยภาพชุมชนใหเ้ ขม้ แขง็ เพอื เป็นรากฐานของการพฒั นาประเทศ . เศรษฐกิจพอเพียงช่วยยกระดบั ความรับผดิ ชอบต่อสังคมของบริษทั ดว้ ยการสร้างขอ้ ปฏิบตั ิในการทาํ ธุรกิจทีเนน้ ผลกาํ ไรระยะยาวในบริบททีมีการแข่งขนั . หลกั การเศรษฐกิจพอเพียงมีความสําคัญเป็ นอย่างยิงต่อการปรับปรุ งมาตรฐานของธรรมาภิบาลในการบริหารงานภาครัฐ . ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสามารถใชเ้ ป็ นแนวทางในการกาํ หนดนโยบายของชาติเพอื สร้างภมู ิคุม้ กนั ต่อสถานการณ์ทีเขา้ มากระทบโดยฉบั พลนั เพือปรับปรุงนโยบายต่างๆ ใหเ้ หมาะสมยงิ ขึน และเพือวางแผนยทุ ธศาสตร์ในการส่งเสริมการเติบโตทีเสมอภาคและยงั ยนื . ในการปลูกฝังจิตสาํ นึกพอเพียงจาํ เป็ นตอ้ งมีการปรับเปลียน ค่านิยม และความคิดของคนเพือใหเ้ ออื ต่อการพฒั นาคน . ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงช่วยให้มนุษยม์ ีความพออยู่ พอกิน พอใช้ พึงตนเองได้ และมีความสุขตามอตั ภาพ

9 . ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งช่วยใหม้ นุษยอ์ ยรู่ ่วมกบั ผอู้ นื ตลอดจนเสรีภาพในสงั คมไดอ้ ยา่ งสนั ติสุข ไมเ่ บียดเบียน ไม่เอารัดเอาเปรียบ แบ่งปัน เอือเฟื อเผอื แผ่ มจี ิตเมตตาและจิตสาธารณะ . ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งช่วยใหม้ นุษยอ์ ยรู่ ่วมกบั ธรรมชาติและสิงแวดลอ้ มไดอ้ ยา่ งยงั ยนืโดยไม่ทาํ ลาย เห็นคุณค่าและมจี ิตสาํ นึกในการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิงแวดลอ้ ม . ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงช่วยให้มนุษยอ์ ยอู่ ย่างมีรากเหง้าทางวฒั นธรรม ประเพณีประวตั ิศาสตร์ ภมู ปิ ัญญา ค่านิยม และเอกลกั ษณ์ของแต่ละบุคคล/สงั คมเรืองที การแสวงหาความรู้ การแสวงหาความรู้ของมนุษยเ์ กิดจากความตอ้ งการของคนทีตอ้ งการพฒั นาชีวิตความเป็ นอยู่ของตนเองใหด้ ีขึน จึงเป็นแรงกระตุน้ ใหม้ คี วามอยากรู้ อยากเห็น อยากเขา้ ใจในปรากฎการณ์ธรรมชาติและสิงแวดลอ้ ม เพอื ใหร้ ู้และเขา้ ใจถงึ ความจริงทีควรเชือและยอมรับในความเป็ นจริงของปรากฎการณ์ต่างๆ เหลา่ นนัวธิ ีการแสวงหาความรู้ของมนุษย์ มีดงั นี. การแสวงหาความรู้จากประสบการณ์ (Experience) เป็ นวิธีการแสวงหาความรู้ของแต่ละบุคคลจากการคน้ พบดว้ ยตนเองหรือเกิดขึนโดยบงั เอิญ (By Chance) เช่น การคน้ พบความรู้ของชาร์ลส์กดู เยียร์ (Charls Goodyear) เกียวกบั ยางพาราดิบเมือถูกความร้อนจะช่วยใหย้ างนันแข็งตวั และมีความทนทานเพิมขึน ซึงนาํ ไปสู่การประดิษฐย์ างรถยนตท์ ีแพร่หลายในปัจจุบนั นี หรือเกิดจากการลองผิดลองถกู (By Trial and Error) เช่น ผเู้ ดินทางไปเทียวในป่ าถกู แมลงกดั ต่อยเกิดเป็ นผืนคนั ไม่มียาทาจึงนาํใบไมช้ นิดใดชนิดหนึงมาทาแลว้ หาย จึงเกิดการเรียนรู้ว่าใบไมช้ นิดนนั สามารถนาํ มาใชแ้ กผ้ นื คนั ได้. การแสวงหาความรู้จากผูร้ ู้ (Authority) เป็ นการแสวงหาความรู้จากคาํ บอกเล่าของผูร้ ู้ผเู้ ชียวชาญ หรือผมู้ ีอาํ นาจหน้าทีเป็ นทียอมรับทวั ไป เช่น นักปราชญ์ ผนู้ าํ นักบวช หรือการเรียนรู้จากประเพณี วฒั นธรรมทีมีผรู้ ู้ หรือผทู้ ีมคี วามเชียวชาญในเรืองนนั ๆ เป็นผบู้ อกหรือถ่ายทอดความรู้โดยการเขียนหนงั สือตาํ รา หรือบอกโดยผา่ นสืออืนๆ. การแสวงหาความรู้โดยอาศัยเหตุผลจากการอนุมาน (Deductive Reasoning) เป็ นการแสวงหาความรู้จากความสัมพนั ธ์เชิงเหตุผลระหว่างขอ้ เท็จจริงใหญ่และขอ้ เท็จจริงยอ่ ยแลว้ นาํ มาสรุปเป็ นความรู้ขอ้ เท็จจริงใหญ่ : เป็นขอ้ ตกลงทีกาํ หนดขึนเป็นขอ้ เทจ็ จริงในวงกวา้ งขอ้ เท็จจริงยอ่ ย : เป็นเหตุเฉพาะกรณีใดๆ เป็นขอ้ เทจ็ จริงในวงแคบทีมีความสมั พนั ธก์ บั ขอ้ เท็จจริงใหญ่ขอ้ สรุป : เป็นขอ้ สรุปจากความสมั พนั ธข์ องขอ้ เท็จจริงใหญ่และขอ้ เท็จจริงยอ่ ย ซึงกล่าวว่าการอนุมานคือการสรุปส่วนใหญ่ไปหาส่วนยอ่ ย

10ตวั อยา่ งเหตุผลจากการอนุมาน ขอ้ เทจ็ จริงใหญ่ : ลกู ชายของลงุ กาํ นนั ทุกคนเรียนเก่ง ขอ้ เท็จจริงยอ่ ย : พงไพรเป็นลกู ชายคนทีสองของลุงกาํ นนั ขอ้ สรุป : พงไพรเป็นคนทีเรียนเก่ง . การแสวงหาความรู้โดยอาศยั เหตุผลจากการอุปมาน (Inductive Reasoning) เป็ นวิธีแสวงหาความรู้ทียอ้ นกลบั กับวิธีอนุมาน เป็ นการค้นหาความรู้จากขอ้ เท็จจริงย่อยๆ โดยพิจารณาจากสิงทีเหมือนกนั ต่างกนั สมั พนั ธก์ นั แลว้ สรุปรวมเป็นขอ้ เทจ็ จริงใหญ่ตวั อยา่ งเหตุผลจากการอปุ มาน ขอ้ เท็จจริงยอ่ ย : คนทีเป็นโรคมะเร็งระยะสุดทา้ ย แต่ละคนไมส่ ามารถรักษาใหห้ ายได้ และ จะตอ้ งตายในทีสุด ดงั นนั : กล่มุ คนทีเป็นโรงมะเร็งระยะสุดทา้ ยตอ้ งตายทุกคน 5. วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Approach) เป็นวธิ ีแสวงหาความรู้ของมนุษยท์ ีชาร์ลส์ ดาร์วิน(Charles Darwin) และจอห์น ดิวอี (John Dewey)ไดพ้ ฒั นาและนาํ แนวคิดเชิงยอ้ นกลบั (ReflectiveThinking) และแนวคิดการแกป้ ัญหา (Problem Solving) มาเป็นพืนฐานในการคิดเป็ นกระบวนการศึกษาขอ้ เท็จจริงและความรู้ต่างๆ โดยผ่านการสงั เกต การดาํ เนินการตามแนวคิดทฤษฎีต่างๆ การทดสอบการคน้ พบ การทบทวน และการทาํ ซาํ ผลิตความรู้ใหม่จากกระบวนการทีมีความสัมพนั ธ์กันและเกียวขอ้ งเป็นวฏั จกั ร โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ คือ การพิจารณาให้ใกลค้ วามจริงมากทีสุด โดยอาศยัการศึกษาขอ้ เท็จจริง ทฤษฎีและการทดสอบเครืองมือ ดงั นนั วิธีการวิทยาศาสตร์ ถือว่าเป็ นวิธีการทีมีหลกั เกณฑแ์ ละเหตุผลทีสามารถอธิบายไดม้ ลี กั ษณะการศกึ ษาทีเป็นระบบ ตรงไปตรงมาปราศจากความลาํ เอยี งและสามารถพิสูจน์ได้ ประกอบดว้ ย 5 ขนั ตอนดว้ ยกนั ซึงเรียกวา่ ขนั ตอนวิธีการทางวิทยาศาสตร์ดงั นี 1. ขนั ปัญหา (Problem) เป็นการระบุและกาํ หนดขอบเขตของปัญหาของสิงทีตอ้ งการศึกษาใหช้ ดั เจน 2. ขันตังสมมติฐาน (Hypotheses) เป็ นการคาดเดาหรือคาดคะเนคาํ ตอบของปัญหาไว้ล่วงหนา้ อยา่ งมเี หตุผล 3. ขันรวบรวมข้อมลู (Collecting data) เป็ นการรวบรวมขอ้ มูลและข้อเท็จจริงต่างๆ ทีเกียวกบั ประเด็นปัญหาทีกาํ หนด

11 4. ขนั วิเคราะห์ขอ้ มลู (Analysis) เป็ นการจดั กระทาํ กบั ขอ้ มลู ทีรวบรวม มาได้ โดยวิธีการตรรกศาสตร์หรือวิธีการทางสถติ ิ เพอื ตรวจสอบสมติฐานทีตงั ไว้ 5. ขนั สรุปผล (Conclusion) เป็นการสรุปจากการวิเคราะห์ขอ้ มลู ว่าขอ้ เท็จจริงของปัญหาทีแทจ้ ริงนนั คืออะไรทกั ษะการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง การแสวงหาความรู้ เป็นทกั ษะทีตอ้ งอาศยั การเรียนรู้และวิธีการฝึกฝนจนเกิดความชาํ นาญทาํ ใหเ้ กิดแนวความคิดความเขา้ ใจทีถูกตอ้ งและกวา้ งขวางยิงขึน เนืองจากผทู้ ีแสวงหาความรู้จะเกิดทักษะในการคน้ ควา้ สิงทีตอ้ งการและสนใจอยากรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ จะทาํ ใหท้ ราบขอ้ เท็จจริง และสามารถเปรียบเทียบขอ้ เท็จจริงทีไดม้ าว่าควรเชือไดห้ รือไม่ ทกั ษะในการสร้างปัญญาเพือนาํ ไปสู่การแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองมี ขนั ตอน ดงั นี (พฒั นาทกั ษะการแสวงหาความรู้ใหก้ บั ตนเอง, : ออนไลน)์ 1. ทกั ษะการสงั เกต คือ การสงั เกตสิงทีเห็น สิงแวดลอ้ ม หรือสิงทีตอ้ งการจะศึกษา โดยสงั เกตเกียวกบั แหล่งทีมา ความเหมือน ความแตกต่าง สาเหตุของความแตกต่าง ประโยชน์ และผลกระทบวิธีฝึกการสงั เกต คือ การฝึกสมาธิ เพือใหม้ ีสติ และทาํ ใหเ้ กิดปัญญา มโี ลกทรรศน์ มวี ิธีคิด 2. ทกั ษะการบนั ทึก คือ การบนั ทึกสิงทีตอ้ งจาํ หรือตอ้ งศกึ ษา มหี ลายวธิ ี ไดแ้ ก่ การทาํ สรุปยอ่การเขียนเคา้ โครงเรือง การขีดเสน้ ใต้ การเขียนแผนภมู ิ การทาํ เป็นแผนภาพ หรือ ทาํ เป็นตาราง เป็นตน้วิธีฝึกการบนั ทึก คือ การบนั ทึกทุกครังทีมกี ารสงั เกต มกี ารฟัง หรือมีการอา่ น เป็นการพฒั นาปัญญา . ทกั ษะการนาํ เสนอ คือ การทาํ ความเขา้ ใจในเรืองทีจะนาํ เสนอให้ผอู้ ืนรับรู้ได้ โดยจดจาํ ในสิงทีจะนาํ เสนอออกมาอยา่ งเป็นระบบ ซึงสามารถทาํ ไดห้ ลายรูปแบบ เช่น การทาํ รายงานเป็นรูปเลม่ การรายงานปากเปลา่ การรายงานดว้ ยเทคโนโลยี เป็นตน้ วิธีฝึกการนาํ เสนอ คือ การฝึกตามหลกั การของการนาํ เสนอในรูปแบบต่าง ๆ ดงั กล่าวอยา่ งสมาํ เสมอ จนสามารถนาํ เสนอไดด้ ี ซึงเป็นการพฒั นาปัญญา . ทกั ษะการฟัง คือ การจบั ประเดน็ สาํ คญั ของผพู้ ดู สามารถตงั คาํ ถามเรืองทีฟังได้ รู้จุดประสงคใ์ นการฟัง แสวงหาความรู้จะตอ้ งคน้ หาเรืองสาํ คญั ในการฟังใหไ้ ด้ วธิ ีฝึกการฟัง คือ การทาํเคา้ โครงเรืองทีฟัง จดบนั ทึกความคิดหลกั หรือถอ้ ยคาํ สาํ คญั ลงในกระดาษบนั ทกึ ทีเตรียมไว้ อาจตงัคาํ ถามในใจเช่น ใคร อะไร ทีไหน เมอื ไร เพราะเหตุใด อยา่ งไร เพราะจะทาํ ใหก้ ารฟัง มคี วามหมายและมีประสิทธิภาพมากขึน 4. ทกั ษะการถาม คือ การถามเรืองสาํ คญั ๆ การตงั คาํ ถามสนั ๆ เพือนาํ คาํ ตอบมา เชือมต่อให้สมั พนั ธก์ บั สิงทีเรารู้แลว้ มาเป็นหลกั ฐานสาํ หรับประเด็นทีกลา่ วถงึ สิงทีทาํ ใหเ้ ราฟัง ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ คือ การถามเกียวกบั ตวั เราเอง การฝึกถาม-ตอบ เป็นการฝึกการใชเ้ หตุผลวิเคราะห์สงั เคราะห์ ทาํ ใหเ้ ขา้ ใจในเรืองนนั ๆ อยา่ งชดั เจน ถา้ เราฟังโดยไม่ถาม-ตอบ ก็จะเขา้ ใจ ในเรืองนนั ๆไมช่ ดั เจน

12 6. ทกั ษะการตงั สมมติฐานและตงั คาํ ถาม คือ การตงั สมมติฐาน และตงั คาํ ถาม สิงทีเรียนรู้ไปแลว้ ไดว้ า่ คืออะไร มปี ระโยชน์อยา่ งไร ทาํ อยา่ งไรจึงจะสาํ เร็จได้ การฝึกตงั คาํ ถาม ทีมีคุณค่าและมีความสาํ คญั ทาํ ใหอ้ ยากไดค้ าํ ตอบ 7. ทกั ษะการคน้ หาคาํ ตอบจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น จากหนงั สือ อนิ เทอร์เน็ต คุยกบัผสู้ ูงอายุ แลว้ แต่ธรรมชาติของคาํ ถาม การคน้ หาคาํ ตอบต่อคาํ ถามทีสาํ คญั จะสนุก และทาํ ใหไ้ ดค้ วามรู้มาก บางคาํ ถามหาคาํ ตอบทุกวิถที างแลว้ ไม่พบ ตอ้ งหาคาํ ตอบต่อไปดว้ ยการวิจยั 8. ทกั ษะการทาํ วิจยั สร้างความรู้ การวิจยั เพือหาคาํ ตอบเป็นส่วนหนึงของ กระบวนการเรียนรู้ทุกระดบั การวจิ ยั จะทาํ ใหค้ น้ พบความรู้ใหม่ ทาํ ใหเ้ กิดความภมู ใิ จ สนุก และมปี ระโยชนม์ าก 9. ทกั ษะการเชือมโยงบูรณาการ คือ การเชือมโยงเรืองทีเรียนรู้มาใหเ้ ห็นภาพรวมทงั หมด มองเห็นความงดงาม มองใหเ้ ห็นตวั เอง ไม่ควรใหค้ วามรู้นนั แยกออกเป็นส่วน ๆ 10. ทกั ษะการเขียนเรียบเรียง คือ การเรียบเรียงความคิดใหป้ ระณีตขึน โดยการคน้ ควา้ หาหลกั ฐานอา้ งอิงความรู้ใหถ้ ีถว้ น แม่นยาํ ขึน การเรียบเรียงทางวชิ าการจึงเป็นการพฒั นาปัญญาอยา่ งสาํ คญั และเป็นประโยชนใ์ นการเรียนรู้ของผอู้ นื ในวงกวา้ งออกไป กลา่ วโดยสรุป การแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองจะเกิดขึนได้ ผแู้ สวงหาความรู้จะตอ้ งฝึกฝนทกั ษะในการสงั เกต การบนั ทึก การนาํ เสนอ การฟัง การถาม การตงั สมมติฐานและตงั คาํ ถาม การคน้ หาคาํ ตอบจากแหลง่ การเรียนรู้ต่างๆ การทาํ วจิ ยั สร้างความรู้ การเชือมโยงบรู ณาการ และการเขียนเรียบเรียงกจิ กรรมที . ใหผ้ เู้ รียนแบ่งกลุ่มๆละ - คน สรุปความเขา้ ใจเรืองความพอเพียงตามหลกั แนวคิดของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งแลว้ นาํ เสนอในการพบกลมุ่ และเสนออาจารยท์ ีปรึกษา . เศรษฐกิจพอเพยี งคืออะไร ใหผ้ เู้ รียนอธิบายพอสงั เขป . ใหผ้ เู้ รียนอธิบายหลกั การของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง . ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมคี วามสาํ คญั ต่อการพฒั นาประเทศและพฒั นาคนอยา่ งไร จงอธิบาย . มนุษยส์ ามารถแสวงหาความรู้ไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง จงอธิบาย

13 บททีการประกอบอาชีพอย่างพอเพยี งสาระสําคญั การประกอบอาชีพอย่างพอเพียงตอ้ งอาศยั หลกั ความพอประมาณ ความมีเหตุผล ความมีภมู คิ ุม้ กนั ในตวั ทีดี ในหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาพิจารณาจดั การทรัพยากรทีมีอยขู่ องตวั เองครอบครัว และชุมชนไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสมกบั อาชีพทีตนเองตดั สินใจเลอื กทาํ แลว้ ใชเ้ งือนไขความรู้เงือนไขคุณธรรมเป็นเครืองมอื กาํ หนดแนวทางปฏิบตั ิทีมปี ระสิทธิภาพใชด้ าํ เนินงานการประกอบอาชีพอยา่ งพอเพยี งผลการเรียนทคี าดหวงั บอกแนวทาง ในการนาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการประกอบอาชีพขอบข่ายเนือหา เรืองที หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกบั การจดั การทรัพยากรทีมีอยขู่ องตนเอง ครอบครัว ชุมชน เรืองที หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกบั การประกอบอาชีพ

14เรืองที หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งกบั การจัดการทรัพยากรทมี อี ยู่ของ ตนเอง ครอบครัว ชุมชน เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเศรษฐกิจทีพอเพียงกบั ตนเองทาํ ใหอ้ ยไู่ ดไ้ ม่ตอ้ งเดือดร้อน มสี ิงจาํ เป็ นทีทาํไดโ้ ดยตวั เองไมต่ อ้ งแข่งขนั กบั ใคร และมเี หลอื เพือช่วยเหลือผทู้ ีไม่มี อนั นาํ ไปสู่การแลกเปลยี นในชุมชนและขยายไปจนสามารถทีจะเป็นสินคา้ ส่งออก เศรษฐกิจพอเพยี งเป็นเศรษฐกิจระบบเปิ ดทีเริมจากตนเองและความร่วมมอื วิธีการเช่นนีจะดึงศกั ยภาพของประชากรออกมาสร้างความเขม้ แข็งของครอบครัว ซึงมีความผกู พนั กบั “จิตวญิ ญาณ” คือ “คุณค่า” มากกวา่ “มลู ค่า” ในระบบเศรษฐกิจพอเพียงจะจดั ลาํ ดบั ความสาํ คญั ของ “คุณค่า” มากกว่า “มลู ค่า” มลู ค่านนั ขาดจิตวิญญาณ เพราะเป็ นเศรษฐกิจภาคการเงินทีเน้นทีจะตอบสนองต่อความตอ้ งการทีไม่จาํ กัดซึงไร้ขอบเขต ถา้ ไม่สามารถควบคุมไดก้ ารใชท้ รัพยากรอยา่ งทาํ ลายลา้ งจะรวดเร็วขึนและปัญหาจะตามมาเป็นการบริโภคทีก่อใหเ้ กิดความทุกขห์ รือพาไปหาความทุกข์ และจะไม่มีโอกาสบรรลุวตั ถุประสงค์ในการบริโภค ทีจะก่อใหเ้ กิดความพอใจและความสุข (Maximization of Satisfaction) ผบู้ ริโภคตอ้ งใชห้ ลกัขาดทุนคือกาํ ไร (Our loss is our gain) อยา่ งนีจะควบคุมความตอ้ งการทีไม่จาํ กดั ได้ และสามารถจะลดความตอ้ งการลงมาได้ ก่อใหเ้ กิดความพอใจและความสุขเท่ากบั ไดต้ ระหนกั ในเรือง “คุณค่า” จะช่วยลดค่าใชจ้ ่ายลงได้ ไม่ตอ้ งไปหาวิธีทาํ ลายทรัพยากรเพือใหเ้ กิดรายไดม้ าจดั สรรสิงทีเป็น “ความอยากทีไม่มีทีสินสุด” และขจดั ความสาํ คญั ของ “เงิน” ในรูปรายไดท้ ีเป็นตวั กาํ หนดการบริโภคลงไดร้ ะดบั หนึง แลว้ ยงัเป็ นตวั แปรทีไปลดภาระของกลไกของตลาดและการพึงพิงกลไกของตลาด ซึงบุคคลโดยทัวไปไม่สามารถจะควบคุมได้ รวมทงั ไดม้ สี ่วนในการป้ องกนั การบริโภคเลียนแบบ (Demonstration Effects) จะไม่ทาํ ใหเ้ กิดการสูญเสีย จะทาํ ใหไ้ มเ่ กิดการบริโภคเกิน(Over Consumption) ซึงก่อใหเ้ กิดสภาพเศรษฐกิจดี สงั คมไม่มีปัญหา การพฒั นายงั ยนื ประเทศไทยอดุ มไปดว้ ยทรัพยากรและยงั มพี อสาํ หรับประชาชนไทยถา้ มีการจดั สรรทีดี โดยยึด\" คุณค่า \" มากกว่า \" มลู ค่า \" ยดึ ความสัมพนั ธ์ของ “บุคคล” กบั “ระบบ” และปรับความตอ้ งการทีไม่จาํ กดั ลงมาใหไ้ ดต้ ามหลกั ขาดทุนเพอื กาํ ไร และอาศยั ความร่วมมือเพือใหเ้ กิดครอบครัวทีเขม้ แข็งอนั เป็ นรากฐานทีสาํ คญั ของระบบสงั คม ในการผลติ นนั จะตอ้ งทาํ ดว้ ยความรอบคอบไม่เห็นแก่ได้ จะตอ้ งคิดถึงปัจจยั ทีมีและประโยชน์ของผเู้ กียวขอ้ ง มิฉะนนั จะเกิดปัญหาอยา่ งเช่นบางคนมีโอกาสทาํ โครงการแต่ไม่ไดค้ าํ นึงว่าปัจจยั ต่าง ๆไม่ครบ ปัจจยั หนึงคือขนาดของโรงงาน หรือเครืองจกั รทีสามารถทีจะปฏิบตั ิได้ แต่ขอ้ สาํ คญั ทีสุด คือวตั ถุดิบ ถา้ ไม่สามารถทีจะใหค้ ่าตอบแทนวตั ถดุ ิบแก่เกษตรกรทีเหมาะสม เกษตรกรก็จะไม่ผลิต ยงิ ถา้ ใช้วตั ถุดิบสาํ หรับใชใ้ นโรงงานนนั เป็นวตั ถดุ ิบทีจะตอ้ งนาํ มาจากระยะไกล หรือนาํ เขา้ กจ็ ะยงิ ยาก เพราะวา่

15วตั ถุดิบทีนาํ เขา้ นนั ราคายงิ แพง บางปี วตั ถุดิบมบี ริบูรณ์ ราคาอาจจะตาํ ลงมา แต่เวลาจะขายสิงของทีผลิตจากโรงงานก็ขายยากเหมือนกนั เพราะมีมากจึงทาํ ใหร้ าคาตก หรือกรณีใชเ้ ทคโนโลยที างการเกษตรเกษตรกรรู้ดีว่าเทคโนโลยที าํ ใหต้ น้ ทุนเพิมขึน และผลผลิตทีเพิมนันจะลน้ ตลาด ขายไดใ้ นราคาทีลดลงทาํ ใหข้ าดทุน ตอ้ งเป็นหนีสิน การนําหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการจดั สรรทรัพยากรทีมีอยู่ของตนเองครอบครัว และชุมชนจะช่วยใหด้ าํ รงชีวติ อยา่ งไม่เดือดร้อน และเกิดความยงั ยนื โดยคาํ นึงถึง . รู้จกั ใชแ้ ละจดั การทรัพยากรทีมอี ยอู่ ยา่ งชาญฉลาดและรอบคอบ โดยเริมตน้ ผลิตหรือบริโภคภายใตข้ อ้ จาํ กดั ของรายไดห้ รือทรัพยากรทีมีอยไู่ ปก่อน คือใชห้ ลกั พึงพาตนเอง โดยมุ่งเนน้ การผลติ พชื ผลใหเ้ พยี งพอกบั ความตอ้ งการบริโภคในครัวเรือนเป็นอนั ดบั แรก เมอื เหลือจากการบริโภคแลว้ จึงคาํ นึงถึงการผลิต เพือการคา้ เป็ นอนั ดบั รองลงมา รู้จกั ประมาณตนโดยใชท้ รัพยากรอย่างประหยดั ไม่ฟ่ ุมเฟื อยในการลงทุนประกอบอาชีพใหเ้ ป็นไปตามกาํ ลงั ทรัพยแ์ ละศกั ยภาพของตนเอง เช่น 1.1 ปลกู ผกั สวนครัวลดค่าใชจ้ ่าย 1.2 นาํ นาํ ทีผา่ นการใชแ้ ลว้ ในครัวเรือนมารดพชื ผกั สวนครัว . นาํ พืชผกั สวนครัวทีเพาะปลกู ไดม้ าบริโภค แบ่งปันเพือนบา้ น บางส่วนนาํ ไปขายทีตลาดส่วนทีเหลือนาํ ไปเลยี งหมู . นาํ เงินจากการขายพืชผกั สวนครัวและหมูไปซือสินคา้ และบริการทีสมาชิกในครัวเรือนตอ้ งการและมคี วามจาํ เป็นในการอปุ โภคบริโภค 1.5 เกบ็ ออมเงินส่วนทีเหลอื จากการบริโภคไวใ้ ชจ้ ่ายในอนาคต . นาํ เงินส่วนหนึงมาลงทุนซือเมลด็ พชื เพอื เพาะปลกู ต่อไป . เลือกใช้ทรัพยากรทีมีอย่ใู ห้เกิดความยงั ยืนสูงสุด โดยการนาํ ทรัพยากรหรือวสั ดุต่างๆ ทีสามารถหาไดง้ ่ายในชุมชนมาใชป้ ระโยชน์ ใชท้ รัพยากรทีมีอยใู่ นชุมชนอยา่ งคุม้ ค่าดว้ ยการหมนุ เวียนทุนธรรมชาติในพืนที เพือเพมิ ขีดความสามารถในการควบคุมการผลิตไดด้ ว้ ยตนเอง ช่วยลดภาระการเสียงดา้ นราคาจากการไมส่ ามารถควบคุมระบบตลาด ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ และใชท้ รัพยากร โดยคาํ นึงทีไม่เป็นภยั กบั สิงแวดลอ้ ม เช่น . การทําไร่ นาสวนผสมและการเกษตรผสมผสานเพือให้มีการหมุนเวียน มีสินค้าหลากหลาย ลดภาวะเสียงดา้ นราคา . การจา้ งแรงงานภายในชุมชน เพอื ส่งเสริมใหต้ นเอง ครอบครัว และชุมชนมรี ายได้ . การทาํ ป๋ ุยหมกั ป๋ ุยคอกและใชว้ สั ดุเหลือใชเ้ ป็ นปัจจยั การผลิต (ป๋ ุย) เพือลดค่าใชจ้ ่ายและบาํ รุงดิน . การเพาะเห็ดฟางจากวสั ดุเหลอื ใชใ้ นไร่นา . การปลกู ไมผ้ ลสวนหลงั บา้ น และไมใ้ ชส้ อยในครัวเรือน . การปลกู พชื สมุนไพร ช่วยส่งเสริมสุขภาพอนามยั

16 . การเลียงปลาในร่องสวน ในนาขา้ วและแหล่งนาํ เพอื เป็นอาหารโปรตีนและรายไดเ้ สริม . การเลยี งไก่พนื เมือง และไก่ไข่ ประมาณ – ตวั ต่อครัวเรือนเพือเป็ นอาหารในครัวเรือนโดยใชเ้ ศษอาหาร ราํ และปลายขา้ วจากผลผลิตการทาํ นา การเลยี งสตั วจ์ ากการปลกู พชื ไร่ เป็นตน้ . การทาํ ก๊าซชีวภาพจากมลู สตั ว์เรืองที หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งกบั การประกอบอาชีพ จากพระราชดาํ รัสของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช (รัชกาลที ): เศรษฐกิจพอเพยี ง มไิ ดจ้ าํ กดั เฉพาะของเกษตรกรหรือชาวไร่ชาวนาเพียงเท่านัน แต่เป็ นเศรษฐกิจของทุกคนทุกอาชีพ ทงั ทีอย่ใู นเมืองและอย่ใู นชนบท เช่น ผทู้ ีได้เป็ นเจา้ ของโรงงานอุตสาหกรรมและบริษทั ในระบบเศรษฐกิจพอเพยี ง ถา้ จะตอ้ งขยายกิจการเพราะความเจริญเติบโตจากเนือของงาน โดยอาศยั การขยายตวั อยา่ งค่อยเป็นค่อยไป หรือหากจะกยู้ มื ก็กระทาํ ตามความเหมาะสม ไมใ่ ช่กมู้ าลงทุนจนเกินตวั จนไม่เหลือทีมนั ให้ยืนอยู่ได้ เมือภาวะของเงินผนั ผวน ประชาชนก็จะต้องไม่ใชจ้ ่ายฟ่ ุมเฟื อยเกินตัว และ (จากการศึกษารายงานการวิจยั ศกึ ษาการประกอบอาชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งของชุมชนบา้ นโงกนาํ ) นาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นกระบวนการประกอบอาชีพของชุมชนบา้ นโงกนาํตาํ บลนาขยาด อาํ เภอควนขนุน จังหวดั พทั ลุง ไดร้ ับการคดั เลือกให้เป็ นหมู่บา้ นเศรษฐกิจชุมชนพงึ ตนเอง ของจงั หวดั พทั ลุง ในปี 2544 และเป็ นหม่บู า้ นตน้ แบบในการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงทงั ในระดบั ครัวเรือน กลมุ่ องคก์ ร และระดบั หมบู่ า้ น ไดย้ ดึ หลกั ทางสายกลาง อนั ไดแ้ ก่ ห่วงยดึ เหนียว และห่วงเงือนไขการปฏิบตั ิ โดยเสนอผลการวคิ ราะหใ์ นแต่ละดา้ นดงั นี ห่วงยดึ เหนยี ว 1. ดา้ นความพอประมาณ ชุมชนรู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติทีมีอยู่อย่างพอเพียง เหมาะสมแบบค่อยเป็ นค่อยไปใชเ้ ทคโนโลยีเท่าทีจาํ เป็ น มีรายไดเ้ สริมจากการปลูกผกั เลียงสุกร เลียงโค เลียงปลาดุก ไวจ้ ุนเจือครอบครัวอกี ทางหนึง สภาพเศรษฐกิจของครอบครัวเหมาะสมตามอตั ภาพของตน 2. ดา้ นความมีเหตุผล ใชท้ รัพยากรทุกชนิดอยา่ งประหยดั และมปี ระสิทธิภาพสูงสุด เนน้ การใชว้ ตั ถุดิบภายในทอ้ งถนิและตอบสนองตลาดในทอ้ งถิน เนน้ การจา้ งงานเป็นหลกั โดยไมน่ าํ เทคโนโลยมี าทดแทนแรงงาน มีขนาดการผลติ ทีสอดคลอ้ งกบั ความสามารถในการบริหารจดั การ เช่น ใชพ้ นื ทีทางการเกษตรทีว่างอยอู่ ยา่ งคุม้ ค่าโดยการปลกู พชื ผกั สวนครัวขา้ งบา้ น พนื ทีสวนขา้ งบา้ น ตามสายรัวบา้ น บางครอบครัว ก็ปลกู พืชผกั และผลไมค้ รบวงจรเพือลดค่าใชจ้ ่าย บางครอบครัวก็เลียงโค เลียงสุกร เลียงปลาดุก กลุ่มอาชีพทาํ ขนม

17เพือเพิมรายไดใ้ ห้แก่ครัวเรือนจากอาชีพเสริม “ชาวบ้านโงกนาํ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอย่ใู นชุมชนไมค่ ่อยไปทาํ งานนอกหมบู่ า้ นและไม่ค่อยมีคนนอกมาคา้ ขายหรือประกอบอาชีพในหมบู่ า้ น . ดา้ นความมภี มู ิคุม้ กนั ในตวั ทีดี เนน้ การกระจายความเสียงจากการมีผลผลิตหลากหลาย ไม่ก่อหนีจนเกินความสามารถในความบริหารจดั การ มีการเปิ ดศนู ยป์ ราชญช์ าวบา้ นขึนทีกลุ่มออมทรัพยบ์ า้ นโงกนาํ ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ใหก้ บั คนในชุมชน และกลมุ่ อาชีพต่างๆ ทงั ทีเป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการอยา่ งต่อเนืองมีการทาํ กลุ่มป๋ ุยชีวภาพอดั เม็ด ซึงทาํ ให้ลดค่าใชจ้ ่ายในการซือป๋ ุยเคมีไดค้ ่อนขา้ งมาก การรวมกลุ่มทาํปลาดุกร้าทาํ ใหเ้ พมิ มลู ค่าของปลาดุก และถนอมอาหารเก็บไวร้ ับประทานไดน้ านขึน นอกจากช่วยในดา้ นการประกอบอาชีพหลกั แลว้ ยงั มีกลมุ่ ทาํ สบ่เู หลว ยาสระผม ซึงก็ให้การสนบั สนุน และมีส่วนร่วมอย่เู สมอในส่วนของขอ้ เสนอแนะนนั ยงั บอกวา่ อยากใหห้ น่วยงานทางราชการเขา้ มาส่งเสริม และให้ความรู้กบักลุ่มต่างๆ อยา่ งสมาํ เสมอ และต่อเนือง และอยากให้มีกลุ่มอาชีพเสริมนีให้ความรู้ดา้ นอาชีพบางอยา่ งเช่น การซ่อมรถ มอเตอร์ไซค์ การเยบ็ ผา้ การเชือมโลหะ ช่างตดั ผม เป็ นตน้ เพราะหลายคนอยากให้หน่วยงานทางราชการเขา้ มาอบรมใหบ้ า้ ง เพือใหส้ ามารถซ่อมแซมของตนเองไดแ้ ละประกอบอาชีพเป็ นธุรกิจ หรือกลมุ่ ของตนเอง เพอื ใหม้ ีรายไดเ้ สริมของครอบครัวดว้ ย ห่วงเงือนไขการปฏิบตั ิ . เงือนไขความรู้ ในการประกอบอาชีพของคนในชุมชนบา้ นโงกนาํ มีความรอบคอบ มีความรู้ และมีความระมดั ระวงั มีการทาํ แผนแม่บท การแบ่งงานความรับผิดชอบในแต่ละกลุ่ม รู้จักการอนุรักษทังสิงแวดลอ้ มและประเพณี รู้จกั การฟื นฟูสิงทีมีคุณค่าทีหายไปแลว้ ใหก้ ลบั มาเป็ นประโยชน์อีกครังหนึงตลอดจนมีการประยกุ ตภ์ ูมิปัญญาของการประกอบอาชีพ แบบดงั เดิม นาํ มาบูรณาการกบั เทคนิคและวธิ ีการของการประกอบอาชีพในสมยั ปัจจุบนั แต่ทงั นีการส่งเสริมการใหค้ วามรู้กต็ อ้ งทาํ อยา่ งเป็ นระบบและต่อเนือง ตลอดจนใหเ้ กิดความทวั ถงึ เพอื ใหบ้ รรลุเป้ าหมายส่วนบุคคลและของแต่ละกลุ่มอาชีพต่างๆตลอดจนให้สอดคลอ้ งกบั กระแสโลกทีมีการเปลียนแปลง และความต้องการของผูร้ ับสินค้าและผรู้ ับบริการใหม้ ากขึน ทา้ ยทีสุดคือ การส่งเสริมให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ไดร้ ับการศึกษาสูงสุดเท่าทีจะทาํได้ เพอื ใหเ้ ขาเหลา่ นนั กลบั มาพฒั นาบา้ นเกิดภายใตป้ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หวั หนา้ ครอบครัวส่วนใหญได้อธิบายให้ทราบว่า การประกอบอาชีพซึงส่วนใหญ่เป็ นอาชีพเกษตรกรรมนัน มีการถ่ายทอดความรู้จากคนรุ่นป่ ูรุ่นพ่อ รุ่นแม่ มายงั รุ่นลกู และหลานไปตลอด ส่วนใหญ่แลว้ เป็นการใหค้ วามรู้จากการไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิร่วมกนั เช่น เมอื ไปปลกู ยางกจ็ ะพาลกู หลานไปดว้ ย ในขณะทีไปช่วยเป็ นการให้เขาไดม้ ีส่วนร่วม โดยการสอน แนะนาํ ใหล้ กู หลานไดเ้ ห็น การเลียงสุกรกเ็ ช่นกนั และอืนๆ ก็เป็ นลกั ษณะนี ถามมาใหท้ างราชการนาํ ความรู้มาใหก้ น็ านๆ มาครัง แต่ก็ตอ้ งเป็นหม่บู า้ น แต่ก็ถือว่าเป็ นหม่บู า้ นทีโชคดีทีมี

18ประชากร ชาวบา้ น ทีเป็ นแหล่งให้ความรู้ไดค้ ่อนขา้ งมาก ถึงแมว้ ่าคนรุ่นใหม่จะไม่เรียนนอกบา้ นมากขึนแต่ท่านกร็ วบรวมความรู้ และวสั ดุอุปกรณ์ในการทาํ มาหากินหรือประกอบอาชีพใหเ้ ห็น . เงือนไขคุณธรรม มคี วามซือสตั ยใ์ นการประกอบการ ไมเ่ อารัดเอาเปรียบผบู้ ริโภคและไมเ่ อารัดเอาเปรียบลกู คา้มคี วามขยนั อดทน การประกอบอาชีพของชุมชนบา้ นโงกนาํ ส่วนใหญ่แลว้ เป็ นคนทีมีความซือสตั ยใ์ นการประกอบอาชีพของตนเอง มีความขยนั อดทน มีการแบ่งปันระหว่างครัวเรือน หวั หนา้ ครอบครัวทีมีอาชีพการทาํ สวนยางพารา มคี วามซือสตั ยต์ ่อตนเองในการขายผลผลิตจากยางพาราทีเป็นนาํ ยางมีคุณภาพไม่มีการใส่นาํ และสิงแปลกปลอม มีความตระหนักในการเพาะปลูก โดยพยายามหลีกเลียงในการใช้สารเคมใี นการกาํ จดั ศตั รูพชื หนั มาใชส้ ารกาํ จดั แมลงในธรรมชาติแทน ป๋ ุยทีใชส้ ่วนใหญ่ก็ใชป้ ๋ ุยนาํ ชีวภาพทีผลติ ขึนมาเอง ใชม้ ลู ป๋ ุยคอก หรือป๋ ุยชีวภาพอดั เมด็ เพือความปลอดภยั ของสมาชิกในครัวเรือนเอง และยงั ผลไปถึงผทู้ ีซือไปบริโภค ส่วนการเลียงสัตวก์ ็ใชอ้ าหารสตั ว์จากธรรมชาติทีมีหรือเพาะปลูกเอง เช่น หญา้ ทีใชเ้ ลียงโคเพาะ อาหารสุกรทีเหลอื จากเศษอาหาร และอาหารจากพืชผกั พืชธรรมชาติทีหาไดเ้ อง หลีกเลียงการใช้สารเร่งเนือแดง เวลาส่วนใหญ่ใชไ้ ปในการทาํ มาหาเลยี งครอบครัว ใหส้ มาชิกไดม้ ีส่วนรวห่างไกลยาเสพติด ถงึ แมว้ า่ หมบู่ า้ นโงกนาํ จะเป็นชุมชนปลอดยาเสพติดก็ตาม ซึงในขณะนีไดท้ าํ งานร่วมกนั และมีการสอนคุณธรรมกบั ครอบครัวดว้ ยกจิ กรรมที แบ่งกลุ่มผเู้ รียนตามความสนใจ กลุม่ ละ คน แลว้ ดาํ เนินการดงั ต่อไปนี . ในแต่ละกลุ่มระดมความคิด ในประเดน็ “การนาํ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใชก้ บั การใช้ทรัพยากรทีมอี ยขู่ องตนเอง ครอบควั ชุมชน” แลว้ เลือกนาํ เสนอเพียงหวั ขอ้ เดียวว่า กลมุ่ ของตนสามารถนาํปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ้ นจดั สรรทรัพยากรอยา่ งไร เช่น การประหยดั ค่าใชจ้ ่าย การพึงตนเองความมเี หตุผล มภี ูมคิ ุม้ กนั ความรู้ และคุณธรรม เป็นตน้ . ให้ผูเ้ รี ยนแต่ละกลุ่มเสนอแนวทางการเผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจาํ วนั หน้าชันเรียน กลุ่มละ – นาที โดยให้ผูเ้ รียนและผสู้ อนร่วมประเมิน แนวทางการเผยแพร่ฯ ว่า เหมาะสมหรือควรแกไ้ ขอย่างไร เช่น การเผยแพร่โดยใชป้ ้ ายโปสเตอร์ แผน่ พบั และการประชาสมั พนั ธท์ าง Internet เป็นตน้ . ผเู้ รียนแต่ละกลุม่ นาํ แนวทางการเผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใชใ้ นการดาํ เนินชีวิตไปเผยแพร่ในสถานศกึ ษาและชุมชนใกลส้ ถานศึกษา

19 บททีการวางแผนประกอบอาชีพแบบพอเพยี งสาระสําคญั การวางแผนการประกอบอาชีพตามแนวทางหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เป็ นการกาํ หนดทิศทาง ขอบเขต วตั ถปุ ระสงค์ เป้ าหมายและวธิ ีการประกอบอาชีพ โดยมีกระบวนการทีชดั เจนอยา่ งเป็ นระบบ เพือใหบ้ รรลุเป้ าหมาย และความตอ้ งการดา้ นอาชีพของตนเอง โดยยดึ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากนีผเู้ รียนจาํ เป็ นตอ้ งมีความรู้ในเรืองการจดั ทาํ โครงการและแผนงานประกอบอาชีพเพือพฒั นาการประกอบอาชีพให้ประสบความสําเร็จ และมีความรู้ ความเข้าใจ การประกอบอาชีพบนฐานความรู้ และมีคุณธรรมในการประกอบอาชีพผลการเรียนทคี าดหวงั 1. ผเู้ รียนสามารถนาํ ความรู้จากการเรียนไปใชใ้ นการวางแผนการประกอบอาชีพ ตามปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพยี ง 2. ผเู้ รียนสามารถจดั ทาํ โครงงานการประกอบอาชีพ ตามแผนงานทีวางไวไ้ ดอ้ ย่างถกู ต้อง เหมาะสม 3. ผเู้ รียนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ การประกอบอาชีพบนฐานความรู้ คู่คุณธรรมขอบข่ายเนือหา เรืองที การวางแผนการประกอบอาชีพ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เรืองที โครงการและแผนงานประกอบอาชีพ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

20เรืองที การวางแผนการประกอบอาชีพ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง การประกอบอาชีพ คือการทาํ มาหากินของมนุษย์ เป็ นการแบ่งหน้าที การทาํ งานของคนในสังคม และทาํ ให้ดาํ รงชีวิตในสังคมได้ บุคคลทีประกอบอาชีพจะไดค้ ่าตอบแทน หรือรายไดท้ ีจะนาํ ไปใช้จ่ายในการดาํ รงชีวิต และสร้างมาตรฐานทีดีให้แก่ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติความจาํ เป็นของการประกอบอาชีพมี ดงั นี . เพอื ตนเอง การประกอบอาชีพทาํ ใหม้ ีรายไดม้ าจบั จ่ายใชส้ อยในชีวติ . เพอื ครอบครัว ทาํ ใหส้ มาชิกของครอบครัวไดร้ ับการเลยี งดูทาํ ใหม้ ีคุณภาพชีวิตทีดีขึน . เพอื ชุมชน ถา้ สมาชิกในชุมชนมีอาชีพและมีรายไดด้ ีจะส่งผลให้สมาชิกมีความเป็ นอย่ดู ีขึนอยดู่ ีกินดี ส่งผลใหช้ ุมชนเขม้ แขง็ ทางเศรษฐกิจและพฒั นาตนเองได้ . เพือประเทศชาติ เพือประชากรของประเทศมีการประกอบอาชีพทีดี มีรายไดด้ ี ทาํ ให้มีรายไดท้ ีเสียภาษีใหก้ บั รัฐบาลมีรายไดไ้ ปใชบ้ ริหารประเทศต่อไป มนุษยไ์ มส่ ามารถผลิตสิงต่างๆมาสนองความตอ้ งการของตนเองไดท้ ุกอยา่ งจาํ ตอ้ งมกี ารแบ่งกนั ทาํและเกิดความชาํ นาญ จึงทาํ ใหเ้ กิดการแบ่งงานและแบ่งอาชีพต่าง ๆ ขึน สาเหตุทีตอ้ งมีการแบ่งอาชีพคือ การทีมนุษยม์ คี วามรู้ความสามารถของแต่ละคนแตกต่างกนั มตี าํ แหน่งทางภมู ศิ าสตร์และภูมิประเทศทีแตกต่างกนั และไดร้ ับมอบหมายใหท้ าํ หนา้ ทีทีแตกต่างกนั การประกอบอาชีพ เป็นเรืองสาํ คญั ในชีวติเรืองหนึง เนืองจากทุกคนตอ้ งมอี าชีพถงึ จะธาํ รงชีวติ อยไู่ ด้ แต่จะเป็นอาชีพแบบใด ทาํ อะไร ทาํ อยา่ งไรใหม้ ชี ีวติ อยไู่ ด้ หรือทาํ อยา่ งไรถึงจะประสบความสาํ เร็จในอาชีพทีทาํ อยู่ กข็ ึนอยกู่ บั การวางแผนการประกอบอาชีพนนั ๆ การประกอบอาชีพใหป้ ระสบความสาํ เร็จตามความตอ้ งการ จาํ เป็นตอ้ งมีการวางแผนการประกอบอาชีพทีชดั เจน เป็นระบบ การวางแผน เป็นเรืองของการกาํ หนดความตอ้ งการ วิธีการดาํ เนินการ และคาดหมาย ผลการดาํ เนินการในอนาคต โดยใชห้ ลกั วิชาการ เหตุผล มีขอ้ มูลตวั เลขประกอบ มีการเสนอปัญหาเพือขจดัอปุ สรรคทีจะมาถึงเป้ าหมายขา้ งหนา้ ได้ ทาํ ใหผ้ ปู้ ฏิบตั ิรู้ไดว้ ่าจะทาํ อะไร ทีไหนเมือใด กบั ใครทาํ อยา่ งไรและทาํ เพอื อะไรไดอ้ ยา่ งชดั เจน ซึงนาํ ไปสู่แนวทางการปฏบิ ตั ิงานทีถกู ตอ้ งและไดผ้ ล ดงั นนั การวางแผนการประกอบอาชีพ จึงเป็ นการกาํ หนดทิศทาง ขอบเขต วตั ถุประสงค์เป้ าหมายและวธิ ีการประกอบอาชีพ โดยมีกระบวนการทีชดั เจนอยา่ งเป็ นระบบ เพือใหบ้ รรลุเป้ าหมายและความตอ้ งการดา้ นอาชีพของตนเอง การประกอบอาชีพมีหลายรูปแบบ หลายวิธีการ หลากหลายแนวทางทีจะทาํ ใหป้ ระสบความสาํ เร็จในอาชีพนนั ๆ การวางแผนการประกอบอาชีพ ก็เหมือนกบั เสาไฟทีให้แสงสว่างตามทอ้ งถนนทีผา่ นไปมาเพือใหเ้ กิดความปลอดภยั ในการเดินทางตลอดเสน้ ทางนัน การวางแผนการประกอบอาชีพจึงเป็ นเรืองที

21สาํ คญั ยงิ การจะประสบความสาํ เร็จในการประกอบอาชีพได้ ก็ขึนอยกู่ บั การวางแผนการประกอบอาชีพทีถกู ตอ้ ง และการทีจะวางแผนการประกอบอาชีพ ควรจะตอ้ งศกึ ษา ดงั นี 1. การรู้จกั ตนเอง การเลือกอาชีพดูเหมือนจะเป็ นการตดั สินใจครังยิงใหญ่ในชีวิตของคนเราเพราะนนั คือตวั กาํ หนดรายไดท้ ีจะเกิดขึน จากความสามารถของเราเอง และไม่น่าเชือว่าหลายคนยอมทนอยู่กบั อาชีพทีตนเองเกลียดได้ หรือไม่ไดใ้ ชค้ วามสามารถทีแทจ้ ริงในการทาํ งานเลย เพราะพวกเขาไม่เคยเกิดความสงสยั วา่ จริงๆแลว้ ตนเองตอ้ งการอะไร “การขาดความเชือมนั ในตนเอง คือสาเหตุหนึงทีทาํ ให้คนบางคนเลือกทาํ งานทีห่างไกลจากความสามารถทีแทจ้ ริงของตนเอง และเป็นสาเหตุใหค้ นยา้ ยตาํ แหน่งงานของตนเอง หรือเป็นสาเหตุทีทาํ ใหค้ นเราเลอื กเปลยี นอาชีพทงั ทีกา้ วไปไดเ้ พียงครึงทางเท่านนั ” การสร้างความเชือมนั ใหต้ นเอง ควรเริมตน้ จากการคน้ หาตนเองว่า “เราเป็ นใคร” “เราอยากทาํอะไร” “เราทาํ อะไรไดด้ ี” “เราทาํ อะไรบ่อยทีสุด” และคาํ ตอบทีไดก้ ลบั มาจะช่วยให้เราทราบว่าตนเองมีทักษะความสามารถ ความสนใจ ค่านิยม ความชอบส่วนตัว และรูปแบบการทาํ งานในด้านใดและในช่วงทีกาํ ลงั สาํ รวจตวั ตนของตนเองนนั อยา่ ลืมบอกเรืองนีใหค้ นในครอบครัว เพอื นสนิทของเราทราบเพราะพวกเขาอาจช่วยให้คุณคน้ พบตวั ตนของตนเองไดเ้ ร็วขึน ซึงคนเหล่านันตอ้ งเป็ นคนทีรู้จกั คุณมาเป็ นเวลาหลายปี จึงจะสามารถบอกไดว้ ่าคุณมีจุดอ่อน-จุดแข็งในดา้ นใดบา้ ง หรือทาํ แบบทดสอบบุคลกิ ภาพหรือความถนดั แลว้ ใชป้ ระโยชนจ์ ากคาํ แนะนาํ ทีไดจ้ ากการทาํ แบบสาํ รวจ “การตอบคาํ ถามทีเกียวกบั การประกอบอาชีพอาจทาํ ใหท้ ราบขอ้ มลู ของตนเอง ซึงเราไมเ่ คยทราบมาก่อน แต่ผเู้ ชียวชาญดา้ นการประกอบอาชีพสามารถช่วยใหม้ องเห็นความสามารถในส่วนนนั ๆได”้ 2. การศึกษาการประกอบอาชีพ ปัจจุบนั นีมีอาชีพต่างๆเกิดขึนหลายพนั อาชีพ หากขาดแผนการทาํ งาน อาจก่อใหเ้ กิดการเลอื กอาชีพทีไม่เหมาะสมกบั ตนเองได้ หากรู้จกั ประเมินความสามารถของตนเองอยา่ งซือสตั ย์ โอกาสทีจะเลือกอาชีพไดอ้ ยา่ งเหมาะสมยอ่ มสูงตามไปดว้ ย ควรเลอื กประกอบอาชีพโดยยดึ จากความรู้สึกภายในเป็ นหลกั เลือกงานทีเหมาะสมกบั ตนเองเท่านัน วิธีทีจะช่วยให้เก็บขอ้ มูลเกียวกบั อาชีพทีเหมาะสมกบั ตนเองไดม้ ี 2-3 วิธี นนั กค็ ือ อา่ นรายละเอียดอาชีพต่างๆในประกาศรับสมคั รงาน หาขอ้ มลู ในอนิ เตอร์เน็ต เพราะอินเตอร์เน็ตเป็ นแหล่งขอ้ มลู ทีสามารถใหข้ อ้ มูลทุกเรืองไดอ้ ยา่ งน่าอศั จรรย์ นอกจากนียงั สามารถหาขอ้ มลู จากประสบการณ์ของผอู้ ืนไดด้ ว้ ย เช่น บทสมั ภาษณ์ของผอู้ ืนทีประกอบอาชีพทีคุณสนใจ หรือสอบถามขอ้ มลู การทาํ งานจากผอู้ นื ซึงขอ้ มลู การสมั ภาษณ์ เหล่านีอาจจะช่วยใหค้ ุณทราบสภาพความเป็นจริงเกียวกบั การทาํ งานนนั ๆ อกี ดว้ ย 3. การตดั สินใจ เป็ นขนั ตอนสาํ คญั หลงั จากไดจ้ บั มือกบั ตนเอง เพือมองหางานทีเหมาะสมกบัตนเองแลว้ ก็มาถึงขนั ตอนสาํ คญั กลยทุ ธ์หนึงทีจะทาํ ใหส้ ามารถตดั สินใจได้ นันก็คือ การร่างความตอ้ งการของตนเองภายใน ระยะเวลาหนึงปี ลงในกระดาษ จากนันก็เพิมเป็ น 5 ปี หรือ 10 ปี ต่อไป อีกวิธีคือ เปรียบเทียบ ขอ้ ดีและขอ้ เสียของการทาํ งาน สาํ หรับสองหรือสามอาชีพทีตนเองสนใจมากทีสุด และเลอื กอาชีพทีตนเองคิดวา่ เหมาะสมทีสุด

22 เมือตดั สินใจเลือกแลว้ ก็ถึงเวลาทดสอบสิงทีเลือกเอาไว้ ตอ้ งคน้ หาโอกาสให้ตนเองอีกครังยอมรับการฝึ กงาน เพือโอกาสทีจะได้งานในอนาคต หรือเลือกเรียนเกียวกบั การทาํ งานนันๆ เพิมเติมรวมทงั หาทางอบรมหรือฝึกปฏิบตั ิงานเกียวกบั อาชีพทีตนเองสนใจนนั ดว้ ย การเตรียมตวั อยา่ งดี ยอ่ มดีกว่าการสละสิทธิโดยไม่ไดล้ องทาํ อะไรเลย การทาํ งานชวั คราว หรืองานอาสาสมคั รเป็นการสงั สมประสบการณ์ในงานทาํ งานอยา่ งชา้ ๆ เป็ นสิงจาํ เป็ น สาํ หรับการทาํ งานทีมีคุณภาพ ซึงจะกลายเป็นทีพอใจของนายจา้ งต่อไป นอกจากนีควรเป็น สมาชิกชุมชุมทีมีกิจกรรมเกียวกบัการทาํ งาน เพราะจะช่วยใหส้ ามารถหาคาํ แนะนาํ ไดจ้ าก สมาชิกท่านอืนๆ ในการคน้ หางาน คาํ แนะนาํรวมทงั เป็นบุคคลอา้ งองิ ใหเ้ ราไดอ้ ีกดว้ ย ก็เหมือนกบั คุณใชน้ ิวจุ่มลงไปในนาํ เพือทดสอบ คุณจะพบว่าตนเองไดป้ ระสบการณ์ต่างๆ มากมายโดยไม่มีขอ้ ผกู มดั ทงั ดา้ นเวลา และความมุ่งมนั หากคุณคน้ พบว่าอาชีพทีคุณเลือก ไม่ไดเ้ ป็ นไปตามทีตนเองคาดหวงั ไว้ ก็สามารถหาตวั เลือกใหม่ได้ จนกว่าจะพบสิงทีตนเองตอ้ งการ แต่การวางแผนการประกอบอาชีพกย็ งั ไมใ่ ช่จุดสินสุดสาํ หรับเรืองนี กิจกรรมต่าง ๆ จะเปลยี นไปเรือย ๆ ตามความเปลียนแปลงในตวั คุณ “คุณตอ้ งรู้จกั การยืดหยุ่น และพร้อมทีจะพฒั นาแผนการของตนเอง เพือคน้ หาสิงใหม่ๆ ให้กบั ตนเอง รวมทงั มองหาโอกาสสร้างความกา้ วหน้าใหต้ นเองอยเู่ สมอ”ในเรืองของการทาํ งาน การวางแผนยอ่ มทาํ ใหก้ ารทาํ งานมปี ระสิทธิภาพมากกว่าการ การนิงเฉย การประกอบอาชีพ สามารถแบ่งออกเป็น ประเภท คือ 1. การประกอบอาชีพอสิ ระ มลี กั ษณะเป็นเจา้ ของกิจการ ดาํ เนินการบริหารจดั การดว้ ยตนเองในรูปของกลุ่มอาชีพ ห้างหุน้ ส่วน บริษทั ฯลฯ การประกอบการหรือเจา้ ของตอ้ งมีความตงั ใจ อดทนทุ่มเท ไม่ยอ่ ทอ้ ต่ออุปสรรค เพอื ใหก้ ิจการดาํ เนินไปจนเกิดความมนั คงประสบความสาํ เร็จ การประกอบอาชีพอสิ ระยงั สามารถแบ่งเป็น 1.1 อาชีพอสิ ระดา้ นการผลติ ผปู้ ระกอบอาชีพตอ้ งมีกระบวนการ หรือขนั ตอนการผลิตหรือการแปรรูปสินคา้ ออกไปจาํ หน่ายในทอ้ งตลาด ในลกั ษณะขายส่งหรือขายปลกี เช่น การทาํ อาหาร การทาํสวนผลไม้ การเลยี งปลา ฯลฯ 1.2 อาชีพอิสระดา้ นการใหบ้ ริการ เป็ นอาชีพทีนิยมกนั อย่างแพร่หลายตามสภาพแวดลอ้ มและวิถีชีวิต ทาํ ให้คนทีมีเวลาว่างน้อยหันมาพึงเทคโนโลยีประกอบกับการประกอบอาชีพงานการใหบ้ ริการมีความเสียงน้อย การลงทุนตาํ การประกอบอาชีพดา้ นนีปัจจุบนั จึงแพร่หลาย เช่น บริการทาํความสะอาด บริการซกั รีดเสือผา้ บริการลา้ งรถยนต์ ซ่อมอปุ กรณ์ไฟฟ้ า การทาํ นายโชคชะตา เป็นตน้ 2. การประกอบอาชีพรับจ้าง เป็ นการประกอบอาชีพโดยไม่ได้เป็ นผปู้ ระกอบการ แต่ตอ้ งทาํ งานตามทีเจา้ นายมอบหมาย ไดร้ ับค่าตอบแทนเป็นเงิน อาหาร ทีพกั อาศยั และสิงจาํ เป็ นอืน ๆ ปัจจุบนัสงั คมไทยส่วนใหญ่นิยมเป็นลกู จา้ ง เนืองจากความรับผดิ ชอบมจี าํ กดั ไม่เสียงกบั ผลกาํ ไรขาดทุน ซึงอาจทาํ งานในสถานประกอบการขนาดใหญ่ หรือขนาดเล็ก หรือเป็ นธุรกิจการผลิตหรือการบริการ เช่นโรงงานพนกั งานขาย พนกั งานบริษทั พนกั งานธนาคาร พนกั งานบญั ชี เป็นตน้

23 การประกอบอาชีพของบุคคลทุกคน ย่อมมุ่งหวงั ใหต้ นเองประสบความสาํ เร็จในอาชีพ หนา้ ทีการงานทงั นัน และแนวทาง วิธีการทีจะนาํ ไปสู่ความสาํ เร็จ สามารถยดึ เป็ นหลกั การ แนวทางในการประกอบอาชีพไดท้ ุกอาชีพ คือหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การประกอบอาชีพตามแนวทางหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ควรยดึ หลกั ในการปฏิบตั ิตนดงั นี . ยดึ ความประหยดั ตดั ทอนค่าใชจ้ ่ายในทุกดา้ น ลดละความฟ่ มุ เฟื อยในการดาํ รงชวี ติ อยา่ งจริงจงั ดงั พระราชดาํ รัสของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที ) วา่ “ความเป็นอยทู่ ีตอ้ งไมฟ่ ้ งุ เฟ้ อ ตอ้ งประหยดั ไปในทางทีถกู ตอ้ ง” ปฏิบตั ิไดด้ ว้ ยวิธีจดบนั ทกึ หรือทาํ บญั ชีครัวเรือน . ยดึ ถอื การประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง สุจริต แมจ้ ะตกอยใู่ นภาวะขาดแคลนในการดาํ รงชีพก็ตาม ดงั พระราชดาํ รัสของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช (รัชกาลที ) ทวี า่ “ความเจริญของคนทงั หลายยอ่ มเกิดมาจากการประพฤติชอบและการหาเลยี งชีพของตนเป็นหลกั สาํ คญั ” . ละเลกิ การแก่งแย่งประโยชน์ และแข่งขนั กนั ในทางการคา้ ขายประกอบอาชีพแบบต่อสู้กนัอยา่ งรุนแรงดงั อดีต ซึงมีพระราชดาํ รัสเรืองนีว่า “ความสุขความเจริญอนั แทจ้ ริงนนั หมายถึง ความสุขความเจริญทีบุคคลแสวงหามาไดด้ ว้ ยความเป็นธรรมทงั ในเจตนา และการกระทาํ ไม่ใช่ไดม้ าดว้ ยความบงั เอญิ หรือดว้ ยการแก่งแยง่ เบียดบงั มาจากผอู้ นื ” . ใฝ่ หาความรู้ ไม่หยุดนิงทีจะหาทางในชีวิตหลุดพน้ จากความทุกข์ยากครังนี โดยต้องขวนขวายใฝ่ หาความรู้ใหเ้ กิดมีรายไดเ้ พิมพนู ขึนจนถึงขันพอเพียงเป็ นเป้ าหมายสาํ คัญ พระราชดาํ รัสตอนหนึงทีใหค้ วามชดั เจนว่า “การทีตอ้ งการใหท้ ุกคนพยายามที จะหาความรู้ และสร้างตนเองใหม้ นั คงนีเพอื ตนเอง เพือทีจะใหต้ วั เองมคี วามเป็นอยทู่ ีกา้ วหนา้ ทีมคี วามสุข พอมพี อกินเป็นขนั หนึง และขนั ต่อไปกค็ ือ ใหม้ เี กียรติวา่ ยนื ไดด้ ว้ ยตวั เอง” . ปฏิบัตติ นในแนวทางทีดี ลดละสิงยวั กิเลสใหห้ มดสินไป ทงั นีดว้ ยสังคมไทยทีล่มสลายลงในครังนี เพราะยงั มีบุคคลจาํ นวนมิใช่น้อยทีดาํ เนินการโดยปราศจากละอายต่อแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระบรมราโชวาทวา่ “พยายามไมก่ ่อความชวั ใหเ้ ป็นเครืองทาํ ลายตวั ทาํ ลายผอู้ นื พยายามลด พยายามละความชวั ทีตวั เองมอี ยู่ พยายามก่อความดีใหแ้ ก่ตวั อยเู่ สมอ พยายามรักษา และเพมิ พนู ความดีทีมอี ยนู่ นั ใหง้ อกงามสมบรู ณ์ขึน” ทรงยาํ เน้นว่าคาํ สาํ คญั ทีสุด คือ คาํ ว่า “พอ” ตอ้ งสร้างความพอทีสมเหตุสมผลใหก้ บั ตวั เองใหไ้ ดแ้ ละเราก็จะพบกบั ความสุข หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง สามารถนาํ มาเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพไดท้ ุกอาชีพเช่น อาชีพเกษตรกรรม อาชีพธุรกิจ ฯลฯ

24 เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั อาชีพเกษตรกรรม อาชีพเกษตรกรรม ถอื วา่ เป็นอาชีพหลกั และเป็นอาชีพสาํ คญั ของประเทศ ประชากรของไทยไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 60 ยงั ประกอบอาชีพนีอยู่ อาชีพเกษตรกรรมเกียวขอ้ งกบั การผลติ และการจดั จาํ หน่ายสินคา้ และบริการทางดา้ นการเกษตร ผลผลติ ทางการเกษตรนอกจากใชใ้ นการบริโภคแลว้ ยงั ใชเ้ ป็นวตั ถดุ ิบในการผลติ ทางอตุ สาหกรรมอีกดว้ ย ไดแ้ ก่ การทาํ นา การทาํ ไร่ ทาํ สวน เลยี งสตั ว์ ฯลฯ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช (รัชกาลที )ไดพ้ ระราชทานพระราชดาํ ริฯ ให้เกษตรกรซึงเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมีความแข็งแรงพอก่อนทีจะไปผลติ เพือการคา้ หรือเชิงพาณิชย์ โดยยดึ หลกั การ “ทฤษฎีใหม”่ 3 ขนั คือ ขนั ที มคี วามพอเพยี ง เลยี งตวั เองไดบ้ นพนื ฐานของความประหยดั และขจดั การใชจ้ ่าย ขันที รวมพลงั กนั ในรูปกลุ่ม เพือการผลิต การตลาด การจัดการ รวมทังด้านสวสั ดิการการศกึ ษา การพฒั นาสงั คม ขนั ที สร้างเครือข่าย กลุ่มอาชีพและขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจทีหลากหลาย โดยประสานความร่วมมอื กบั ภาคธุรกิจ ภาคองคก์ รพฒั นาเอกชน และภาคราชการในดา้ นเงินทุน การตลาด การผลิตการจดั การและข่าวสารขอ้ มลู ทฤษฎีใหม่เป็นแนวพระราชดาํ ริของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช(รัชกาลที ) เกียวกบั การจดั พนื ทีดินเพือการอยอู่ าศยั และมชี ีวติ อยา่ งยงั ยนื โดยมแี บ่งพนื ทีเป็นส่วน ๆไดแ้ ก่ พนื ทนี าํ พนื ทีดินเพอื เป็นทีนาปลกู ขา้ ว พืนทีดินสาํ หรับปลกู พชื ไร่นานาพนั ธุ์ และทีสาํ หรับอยู่อาศยั /เลียงสตั ว์ ในอตั ราส่วน 3 : 3 : 3 : 1 เป็นหลกั การในการบริหารการจดั การทีดินและนาํ เพอืการเกษตรในทดี ินขนาดเลก็ ใหเ้ กิดประสิทธิภาพสูงสุด ดงั นี . มีการบริหารและจดั แบ่งทีดินแปลงเลก็ ออกเป็ นสดั ส่วนทีชดั เจน เพือประโยชน์สูงสุดของเกษตรกร ซึงไม่เคยมีใครคิดมาก่อน . มกี ารคาํ นวณโดยหลกั วิชาการ เกียวกบั ปริมาณนาํ ทีจะกกั เกบ็ ใหพ้ อเพียง ต่อการเพาะปลกู ได้ตลอดปี . มีการวางแผนทีสมบูรณ์แบบ สาํ หรับเกษตรกรรายยอ่ ย ขนั ตอน เพอื ใหพ้ อเพียงสาํ หรับเลียงตนเองและเพอื เป็นรายได้ ขันที ทฤษฎีใหม่ขันต้น สถานะพนื ฐานของเกษตรกร คือ มีพืนทีน้อย ค่อนขา้ งยากจน อย่ใู นเขตเกษตรนาํ ฝนเป็นหลกั โดยในขนั ที นีมวี ตั ถุประสงค์เพือสร้างเสถียรภาพของการผลิต เสถียรภาพดา้ นอาหารประจาํ วัน ความมนั คงของรายได้ ความมนั คงของชีวิต และความมนั คงของชุมชนชนบทเป็ นเศรษฐกิจพึงตนเองมากขึน มีการจดั สรรพืนทีทาํ กินและทีอย่อู าศยั ให้แบ่งพืนที ออกเป็ น ส่วนตามอตั ราส่วน 30 : 30 : 30 : 10 ซึงหมายถึง พนื ทีส่วนทีหนึงประมาณ % ให้ขุดสระเก็บกกั นาํ เพือใชเ้ ก็บกกั นาํ ฝนในฤดูฝนและใชเ้ สริมการปลกู พืชในฤดูแลง้ ตลอดจนการเลยี งสตั วน์ าํ และพืชนาํ ต่าง ๆ (สามารถเลยี งปลา ปลกู พืชนาํ เช่น ผกั บุง้ ผกั กะเฉดฯ ไดด้ ว้ ย) พนื ทีส่วนทีสองประมาณ % ใหป้ ลกู ขา้ วในฤดูฝน

25เพือใชเ้ ป็ นอาหารประจาํ วนั ในครัวเรือนให้เพียงพอตลอดปี เพือตดั ค่าใชจ้ ่ายและสามารถพึงตนเองได้พืนทีส่วนทีสามประมาณ % ให้ปลูกไมผ้ ล ไมย้ ืนตน้ พืชผกั พืชไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ เพือใชเ้ ป็ นอาหารประจาํ วนั หากเหลือบริโภคก็นาํ ไปจาํ หน่าย และพืนทีส่วนทีสีประมาณ % ใชเ้ ป็ นทีอยอู่ าศยัเลยี งสตั ว์ และโรงเรือนอนื ๆ (ถนน คนั ดิน กองฟาง ลานตาก กองป๋ ุยหมกั โรงเรือน โรงเพาะเห็ด คอกสัตว์ไมด้ อกไมป้ ระดบั พชื ผกั สวนครัวหลงั บา้ น เป็นตน้ ) ทฤษฎใี หม่ขันก้าวหน้า เมือเกษตรกรเขา้ ใจในหลกั การและไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิตามขนั ทีหนึงในทีดินของตนเป็นระยะเวลาพอสมควรจนไดผ้ ลแลว้ เกษตรกรก็จะพฒั นาตนเองจากขนั “พออยพู่ อกิน” ไปสู่ขนั“พอมอี นั จะกิน” เพือใหม้ ผี ลสมบูรณ์ยงิ ขึน จึงควรทีจะตอ้ งดาํ เนินการตามขนั ทีสองและขนั ทีสามต่อไปตามลาํ ดบั (มลู นิธิชยั พฒั นา, ) ขันที ทฤษฎีใหม่ขันกลาง เมือเกษตรกรเขา้ ใจในหลกั การและไดป้ ฏิบตั ิในทีดินของตนจนไดผ้ ลแลว้ ก็ตอ้ งเริมขนั ทีสอง คือ ใหเ้ กษตรกรรวมพลงั กนั ในรูปกลุ่ม หรือ สหกรณ์ ร่วมแรง ร่วมใจกนัดาํ เนินการในดา้ น (1) การผลติ เกษตรกรจะตอ้ งร่วมมอื ในการผลิตโดยเริมตงั แต่ ขนั เตรียมดิน การหาพนั ธุพ์ ืช ป๋ ุยการหานาํ และอืน ๆ เพือการเพาะปลกู (2) การตลาด เมือมผี ลผลติ แลว้ จะตอ้ งเตรียมการต่าง ๆ เพือการขายผลผลิตใหไ้ ดป้ ระโยชน์สูงสุด เช่น การเตรียมลานตากขา้ วร่วมกนั การจดั หายงุ้ รวบรวมขา้ ว เตรียมหาเครืองสีขา้ ว ตลอดจนการรวมกนั ขายผลผลติ ใหไ้ ดร้ าคาดี และลดค่าใชจ้ ่ายลงดว้ ย (3) ความเป็นอยู่ ในขณะเดียวกนั เกษตรกรตอ้ งมีความเป็นอยทู่ ีดีพอสมควร โดยมปี ัจจยั พนื ฐานในการดาํ รงชีวิต เช่น อาหารการกินต่าง ๆ กะปิ นาํ ปลา เสือผา้ ทีพอเพียง (4) สวสั ดิการ แต่ละชุมชนควรมีสวสั ดิการและบริการทีจาํ เป็น เช่น มสี ถานีอนามยั เมือยามป่ วยไข้ หรือมกี องทุนไวใ้ หก้ ยู้ มื เพือประโยชน์ในกิจกรรมต่าง ๆ (5) การศึกษา มีโรงเรียนและชุมชนมีบทบาทในการส่งเสริมการศกึ ษา เช่น มกี องทุนเพอืการศกึ ษาเล่าเรียนใหแ้ ก่เยาวชนของชุมชนเอง (6) สงั คมและศาสนา ชุมชนควรเป็นศนู ยก์ ลางในการพฒั นาสงั คมและจิตใจ โดยมีศาสนาเป็นทียดึ เหนียว กิจกรรมทงั หมดดังกล่าวขา้ งตน้ จะต้องไดร้ ับความร่วมมือจากทุกฝ่ ายทีเกียวขอ้ ง ไม่ว่าส่วนราชการ องคก์ รเอกชน ตลอดจนสมาชิกในชุมชนนนั เป็นสาํ คญั ขันที ทฤษฎีใหม่ขันก้าวหน้า เมอื ดาํ เนินการผา่ นพน้ ขนั ทีสองแลว้ เกษตรกรจะมีรายไดด้ ีขึนฐานะมันคงขึน เกษตรกรหรื อกลุ่มเกษตรกรก็ควรพฒั นาก้าวหน้าไปสู่ขันทีสามต่อไป คือ ติดต่อประสานงานเพอื จดั หาทุน หรือแหลง่ เงิน เช่น ธนาคาร หรือบริษทั หา้ งร้านเอกชน มาช่วยในการทาํ ธุรกิจการลงทุนและพฒั นาคุณภาพชีวิต ทงั นี ทงั ฝ่ ายเกษตรกรและฝ่ ายธนาคารกบั บริษทั จะไดร้ ับประโยชน์ร่วมกนั กลา่ วคือ

26 (1) เกษตรกรขายขา้ วไดใ้ นราคาสูง (ไม่ถกู กดราคา) (2) ธนาคารกบั บริษทั สามารถซือขา้ วบริโภคในราคาตาํ (ซือขา้ วเปลือกจากเกษตรกรมาสีเอง) (3) เกษตรกรซือเครื องอุปโภคบริ โภคได้ในราคาตํา เพราะรวมกันซือเป็ นจาํ นวนมาก (เป็ นร้านสหกรณ์ซือในราคาขายส่ง) (4) ธนาคารกบั บริษัทจะสามารถกระจายบุคลากร (เพือไปดาํ เนินการในกิจกรรมต่าง ๆ ให้ เกิดผลดียงิ ขึน) ในปัจจุบนั นีไดม้ ีการนาํ เอาเกษตรทฤษฎีใหมไ่ ปทาํ การทดลองขยายผล ณ ศนู ยศ์ ึกษาการพฒั นาและโครงการอนั เนืองมาจากพระราชดาํ ริ รวมทงั กรมวิชาการเกษตรไดด้ าํ เนินการจดั ทาํ แปลงสาธิตจาํ นวน แห่ง กระจายอยทู่ วั ประเทศ นอกจากนี กรมพฒั นาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กองบญั ชาการทหารสูงสุด กองทพั ภาค กระทรวงกลาโหม และกระทรวงศกึ ษาธิการไดม้ ีการดาํ เนินงานใหม้ กี ารนาํ เอาทฤษฎีใหมน่ ีไปใชอ้ ยา่ งกวา้ งขวางขึนแผนภาพ จาํ ลองการจดั สัดส่วนพนื ทีตามแนวทฤษฎใี หม่ระบบการจดั การพนื ที 1. สระนาํ ขนาดประมาณ ไร่ ไวเ้ กบ็ กกั นาํ และเลยี งปลาไวบ้ ริโภค 2. นาขา้ ว ประมาณ ไร่ ปลกู ขา้ วไวบ้ ริโภค และปลกู พืชผกั หมนุ เวยี นตามฤดกู าล 3. ไมผ้ ลทีเหมาะกบั สภาพดินฟ้ าอากาศ ประมาณ ไร่ ควรเป็นแบบผสมผสาน และพงึ พาอาศยั กนั เป็นชนั ๆ เช่น - ไมผ้ ลหรือไมใ้ ชส้ อยขนาดใหญ่ ตน้ สูง เช่น สะตอ, มงั คุด ฯลฯ - ไมผ้ ลพุ่มขนาดกลาง เช่น มะม่วง ลาํ ไย ขนุน ชมพู่ สม้ โอ ฯลฯ - ไมผ้ ลพ่มุ เตีย เช่น มะนาว สม้ เขียวหวาน สม้ จีด ฯลฯ - ไมผ้ ลและพชื ผกั ขนาดเลก็ เช่น มะเขือ พริก กระเพรา ผกั หวาน ฯลฯ - ผกั สวนครัว เช่น ตะไคร้ และพืชผกั ฯลฯ - ผกั ประเภทเถา เกาะตน้ ไมใ้ หญ่ เช่น ตาํ ลึง, ฟัก, บวบ, ถวั ชนิดต่างๆ, พริกไทย ฯลฯ

27 - ผกั เลอื ยกินหวั เช่น มนั ขิง ข่า 4. ทีอยอู่ าศยั ตามสภาพ คอกปศสุ ตั ว์ และพืชผกั สวนครัวทีตอ้ งการแสงแดด และแปลงป๋ ุยหมกั (หากไม่ใช่มุสลิม แนะนาํ ใหเ้ ลียงหมหู ลุม) ใชเ้ นือทีประมาณ ไร่ จดั ระบบภูมิศาสตร์ และ สิงแวดลอ้ มทีดี 5. แนวรัวควรเป็ นพืชสวนครัวรัวกินได้ เช่น หากมีเสารัวควรปลกู แกว้ มงั กร ระหว่างเสารัว ควรเป็นผกั หวาน, ชะอม, ตน้ แค, มะละกอ ฯลฯ 6. รอบ ๆ ขอบสระนาํ ปลกู พชื ผกั ไดต้ ามสภาพ เช่น กลว้ ย, ออ้ ย, มะรุม, แค ส่วนของสระดา้ นใน ควรปลกู หญา้ แฝกกนั การพงั ทลายของดินลงสระหมายเหตุ การออกแบบวางผงั ควรคาํ นึงถึงสภาพพนื ทีของแต่ละรายตามสภาพจริง เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั อาชีพธุรกจิ ธุรกิจทุกประเภทไมว่ ่าจะเป็ นธุรกิจประเภทการผลิต การคา้ หรือบริการ ลว้ นแต่มีความสาํ คญัอยา่ งยงิ ต่อระบบเศรษฐกิจและสงั คม เนืองจากผลประกอบการทางธุรกิจมอี ทิ ธิพลต่อมลู ค่าทางเศรษฐกิจและความเจริญเติบโตของประเทศ การดาํ เนินธุรกิจในประเทศไทยทีผา่ นมามีเป้ าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจดว้ ยระบบทุนนิยมทีกระตุน้ ใหค้ นบริโภคตลอดเวลาและมากยิงขึน เพือผลตอบแทนสูงสุดโดยไม่คาํ นึงถึงวธิ ีการอนั ชอบธรรมการขยายตวั ของผลผลติ มุง่ การพึงพาอปุ สงค์ เทคโนโลยี และทุนจากต่างประเทศ ทาํ ใหค้ วามสามารถในการพงึ พาตนเองตาํ ลง องคก์ รธุรกิจถกู ครอบงาํ ความคิดจากกระแสโลกาภิวตั นด์ า้ นลบ ส่งผลกระทบต่อค่านิยมและทศั นคติทีเนน้ ความรํารวยและความสะดวกสบายเป็นเป้ าหมาย เห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม และขาดจิตสาํ นึกต่อสาธารณะ องคก์ รธุรกิจตอ้ งเผชิญกบั ความเสียงภายใตเ้ งือนไขในระบบเศรษฐกิจโลกทีมีความสลบั ซบั ซอ้ นและมีการเปลียนแปลงรอบดา้ น ดงั นนั การปรับตวั ต่อกระแสโลกาภิวตั น์ จึงจาํ เป็ นตอ้ งอาศยั การเรียนรู้และการยนื หยดั อยบู่ นพนื ฐานของการพงึ พาตนเองตามแนวปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพือสร้างศกั ยภาพการดาํ เนินธุรกิจเพมิ ขีดความสามารถในการแข่งขนั และสร้างภมู คิ ุม้ กนั ต่อผลกระทบจากสภาพแวดลอ้ มภายนอก ในบริบทของความเชือมนั ต่อการนาํ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใชใ้ นองค์กรจากประเด็นต่างๆ ได้แก่เศรษฐกิจพอเพียงใช้ได้ผลดีเฉพาะในภาคเกษตร เศรษฐกิจพอเพียงคือการประหยดั และไม่เป็ นหนีการแสวงหากาํ ไรขดั กบั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่เหมาะสมกบัธุรกิจในยุคโลกาภิวตั น์ เมือพิจารณาจากแนวคิด หลกั การ และองค์ประกอบต่างๆ ของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง สามารถอธิบายในประเด็นดงั กลา่ ว ดงั นี เนืองจากปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไดน้ าํ ไปประยุกต์ใชก้ บั ภาคเกษตรในระยะแรก เพราะมีความขดั สนสูงกว่าภาคอืนๆ ทาํ ให้เกิดความเขา้ ใจผดิ ว่า เศรษฐกิจพอเพียงใชไ้ ดผ้ ลดีเฉพาะภาคเกษตรเท่านัน ซึง ดร.สุเมธ ตนั ติเวชกุล ( : ) ได้อธิบายว่า “เศรษฐกิจพอเพียงมิไดจ้ าํ กดั เฉพาะของเกษตรกรหรือชาวไร่ชาวนาเพยี งเท่านนั แต่เป็นเศรษฐกิจของทุกคนทุกอาชีพ ทงั ทีอยใู่ นเมืองและอยใู่ น

28ชนบท เช่น ผทู้ ีเป็ นเจา้ ของโรงงานอุตสาหกรรมและบริษทั ในระบบเศรษฐกิจพอเพียง ถา้ จะตอ้ งขยายกิจการเพราะความเจริญเติบโตของเนืองาน โดยอาศยั การขยายตวั อยา่ งค่อยเป็นค่อยไป หรือหากจะกยู้ ืมก็กระทาํ ตามความเหมาะสม ไม่ใช่กมู้ าลงทุนจนเกินตวั จนไม่เหลือทีมนั ให้ยืนอย่ไู ด้ ตอ้ งรู้จกั ใชจ้ ่าย ไม่ฟ่ ุมเฟื อยเกินตัว” อย่างไรก็ตาม เมือพิจารณาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงทังในด้านองค์ประกอบและเงือนไข จะเห็นไดว้ ่า หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนาํ ไปใชไ้ ดใ้ นทุกระดบั และประกอบอาชีพไดใ้ นทุกสาขาไม่จาํ กดั เฉพาะภาคเกษตร การประยกุ ตใ์ ชก้ บั ภาคธุรกิจและภาคเศรษฐกิจอนื ๆ มีความสาํ คญั มาก เนืองจากแนวโนม้ สงั คมไทยเป็นสงั คมเมืองมากขึน และการผลิตของภาคธุรกิจมีสัดส่วนสูงมาก หากภาคธุรกิจไม่ใชป้ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็ นแนวทางแลว้ ยากทีจะเกิดความพอเพียง (ณัฏฐพงศ์ ทองภกั ดี, 2550: 18) ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนาํ ทางการบริหารธุรกิจ โดยไม่ปฏิเสธระบบการตลาดแต่เป็นเครืองชีนาํ การทาํ งานของกลไกตลาดใหม้ เี สถยี รภาพดีขึน และไมข่ ดั กบั หลกั การแสวงหากาํ ไร จึงไมจ่ าํ เป็นตอ้ งลดกาํ ไรหรือลดกาํ ลงั การผลิตลง แต่การไดม้ าซึงกาํ ไรของธุรกิจ ตอ้ งอยบู่ นพนื ฐานของการไมเ่ อารัดเอาเปรียบผอู้ ืน หรือแสวงหาผลกาํ ไรเกินควรจากการเบียดเบียนประโยชนข์ องสงั คม ตลอดจนตอ้ งคาํ นึงถึงการใชท้ รัพยากรในธุรกิจอยา่ ง ประหยดั และมคี ุณภาพ ดงั พระราชดาํ รัสเนืองในวนั เฉลิมพระชนมพรรษาวนั ที 4 ธนั วาคม 2550 ความวา่ (พพิ ฒั น์ ยอดพฤติการ, 2551ก: 2) “ในเรืองเศรษฐกจิ พอเพยี งคืออะไร ไม่ใช่เพยี งพอ ไม่ได้หมายความว่า ให้ทํากําไรเลก็ ๆ น้อยๆเท่านันเอง ทาํ กาํ ไรกท็ ํา ถ้าเราทํากาํ ไรได้ดี มนั กด็ ี แต่ว่าขอให้มนั พอเพยี ง ถ้าท่านเอากาํ ไรหน้าเลอื ดมากเกนิ ไป มนั ไม่ใช่พอเพยี ง นักเศรษฐกจิ เขาว่าพระเจ้าอย่หู วั นคี ดิ อะไรแปลกๆ กแ็ ปลกสิ ขายไม่ให้ได้กาํ ไรซืออะไรไม่ขาดทุน เป็ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง คอื ไม่ต้องหน้าเลอื ด แล้วไม่ใช่จะมกี าํ ไรมากเกนิ ไป หรือน้อยเกนิ ไป ให้พอเพยี ง ไม่ใช่เรืองของการค้าเท่านันเอง เป็ นเรืองของการพอเหมาะพอดี” นอกจากนี ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่ปฏิเสธการเป็ นหนีหรือการกยู้ มื เงินเพือการลงทุนในภาคธุรกิจ โดยยงั คงมุ่งสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดในการผลิต เพือความกา้ วหนา้ ขององคก์ ร แต่เนน้ การบริหารความเสียงตาํ กล่าวคือ การกยู้ มื เงินเพือลงทุนทางธุรกิจ จะตอ้ งมีการวิเคราะห์และประเมนิ ความเสียงทีจะกระทบต่อธุรกิจ โดยคาํ นึงถึงหลกั ความคุม้ ค่าและกาํ หนดมาตรการรองรับความเสียงที จะเกิดขึน (พพิ ฒั น์ ยอดพฤติการ, 2551ข: 1) หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงส่งเสริมใหธ้ ุรกิจสามารถแข่งขนั ไดอ้ ย่างยงั ยนื ในระยะยาวและสร้างความพร้อมสาํ หรับการเปลียนแปลงในอนาคต ธุรกิจทีใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจะแข่งขนั อย่างพอประมาณตามศกั ยภาพของตนเอง โดยทาํ ธุรกิจทีมีความชาํ นาญหรือสร้างความรู้เพอื พฒั นาตนเองใหม้ ีความสามารถในการแข่งขนั ที ดีขึน ดงั นนั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจึงไม่สนับสนุนระบบเศรษฐกิจปิ ดทีไม่เกียวขอ้ งกบัใครไมค่ า้ ขาย ไมส่ ่งออก หรือหนั หลงั ใหก้ บั กระแสโลกาภิวตั น์ แต่เป็นปรัชญาที เนน้ การพฒั นาอยา่ งเป็ น

29ขนั ตอนบนรากฐานทีเขม้ แข็ง โดยองคก์ รธุรกิจตอ้ งรู้เท่าทนั ความสามารถของตนเอง ใชห้ ลกั ตนเป็นทีพึงของตนเองใหไ้ ดก้ ่อน จากนนั จึงพฒั นาตนเอง เพอื ใหธ้ ุรกิจมีคุณภาพและเขม้ แข็งขึน สามารถเป็นทีพึงแก่ผอู้ ืนได้ และนาํ ไปสู่สังคมทีมีการเกือกูลซึงกนั และกนั ไดใ้ นทีสุด (สุทิน ลีปิ ยะชาติ, นริสา พิชยั วรุตมะและอาทิสุดา ณ นคร, 2550: 9) จากการรายงานของโครงการพฒั นาแห่งสหประชาชาติประจาํ ประเทศไทย เรือง “เศรษฐกิจพอเพียงกบั การพฒั นาคน” ในปี 2550 ไดส้ นับสนุน การนาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นภาคธุรกิจวา่ เศรษฐกิจพอเพยี งช่วยยกระดบั ความรับผดิ ชอบต่อสงั คมของบริษทั ดว้ ยการสร้างขอ้ ปฏิบตั ิในการทาํ ธุรกิจทีเน้นผลกาํ ไรระยะยาวในบริบททีมีการแข่งขนั การบริหารธุรกิจให้เกิดกาํ ไรในโลกทุกวนั นี มคี วามซบั ซอ้ นมากกวา่ การคิดถงึ ตน้ ทุนและผลตอบแทน ธุรกิจตอ้ งคาํ นึงถึงผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสียจากทุกกลุ่ม ตงั แต่นายจา้ งไปจนถงึ ลกู คา้ และสงั คมโดยรวม อยา่ งไรกต็ าม ธุรกิจยงั ตอ้ งตระหนกั ถึงความเสียงทีมโี อกาสเกิดขึนไดต้ ลอดเวลาในสภาพแวดลอ้ มทีมีการแข่งขนั สูงและมีการเปลยี นแปลงอยา่ งผนู้ าํธุรกิจกบั การขบั เคลอื นเศรษฐกิจพอเพยี งในองคก์ รรวดเร็ว (สุทิน ลปี ิ ยะชาติ, นริสา พิชยั วรุตมะ และอาทิสุดาณ นคร, 2550 : 8) จะเห็นไดว้ า่ แทจ้ ริงแลว้ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเป็นหลกั การเกียวกบั การพฒั นาตนเอง เพอื เพมิ ความสามารถในการตอบสนองกิจการต่างๆ รอบดา้ น โดยไม่ จาํ กดั เฉพาะภาคเกษตรองคก์ รทีตอ้ งการเติบโตไดอ้ ยา่ งยงั ยนื ท่ามกลางกระแสโลกาภิวตั น์จาํ เป็นตอ้ งนาํ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยกุ ตใ์ ช้ ซึงไมข่ ดั กบั หลกั การแสวงหากาํ ไร โดยอยบู่ นพนื ฐานของการไม่เอารัดเอาเปรียบผอู้ ืนและคาํ นึงถงึ ความเสียงทีจะกระทบต่อธุรกิจเรืองที โครงการและแผนงานประกอบอาชีพ ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง การประกอบอาชีพของคนเรามมี ากมายหลากหลายอาชีพ เช่น เกษตรกรรม การปศุสัตว์ การป่ าไม้การขนส่ง อุตสาหกรรม การคา้ ขาย การแกะสลกั ไม้ การเจียระไนพลอย การทอผา้ ฯลฯ อยา่ งไรก็ตามการทีจะคิดประกอบอาชีพใด ๆ นนั จะตอ้ งผา่ นการศึกษาและวเิ คราะห์ความเป็นไปได้ โดยมีขอ้ มลู ต่าง ๆอยู่มาก เพียงพอทีจะมาใชใ้ นการตดั สินใจประกอบอาชีพนันได้ เมือคิดแลว้ ก็ควรกาํ หนด ให้เป็ นลายลกั ษณ์อกั ษร เพือให้เห็นเป็ นขนั ตอน แสดงถึงความต่อเนือง มองเห็นขอ้ บกพร่องหรือขอ้ มลู ทีขาดไปได้ เพือความสมบรู ณ์ของโครงการและแผนงานการดาํ เนินงาน การจดั ทาํ โครงการและแผนงานประกอบอาชีพ หรือโครงงานการประกอบอาชีพ มีความสาํ คญัและจาํ เป็นต่อการประกอบอาชีพเพราะถือว่าไดม้ กี ารคิดไตร่ตรองไวล้ ว่ งหนา้ แลว้ จึงลงมือปฏิบตั ิ ความผดิ พลาดทงั หลายยอ่ มนอ้ ยลงโดยเฉพาะการวางแผนการดาํ เนินงานนนั จะมคี วามชดั เจนเกียวกบั แผนการผลติ แผนการลงทุน และแผนการตลาด

30ประโยชน์ของโครงงานการประกอบอาชีพ 1. ทาํ ใหก้ ารประกอบอาชีพบรรลผุ ลสาํ เร็จตามเป้ าหมายทีกาํ หนดไว้ มีระบบการทาํ งานและลดการทาํ งานทีซาํ ซอ้ นกนั 2. ช่วยใหก้ ารใชป้ ระโยชนจ์ ากการใชท้ รัพยากรเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ 3. ช่วยให้เจา้ ของกิจการมีความเชือมนั ในการบริหารงาน และเมือเกิดปัญหาขึนเพราะมีการวางแผน และคิดอยา่ งรอบคอบมาแลว้ 4. ช่วยใหเ้ จา้ ของกิจการสามารถตรวจสอบขนั ตอนการดาํ เนินงาน และความสาํ เร็จของเป้ าหมายองค์ประกอบของโครงการการประกอบอาชีพ เมอื ตดั สินใจเลอื กอาชีพ และมีการวเิ คราะห์ความพร้อม และความเป็นไปไดข้ องอาชีพทีตดั สินใจเลือกแลว้ ขนั ตอนต่อไปคือ การเขียนโครงงานการประกอบอาชีพทีตดั สินใจเลอื ก การเขียนโครงงานการประกอบอาชีพ มอี งคป์ ระกอบหรือหวั ขอ้ ทีตอ้ งเขียนดงั นี 1. ชือโครงงาน ควรตงั ชือโครงการทีสือความหมายไดช้ ดั เจน เช่น โครงการเลยี งไก่กระทงโครงงานขายผกั ปลอดสารพิษ โครงการจาํ หน่ายอาหารสาํ เร็จรูป เป็นตน้ 2. เหตผุ ล/แรงจงู ใจในการทาํ โครงงาน ใหเ้ ขียนถึงเหตุผลทีเลอื กทาํ โครงการนนั เช่น เป็นอาชีพทีเป็นความตอ้ งการของตลาด/ชุมชน หรือตวั ผปู้ ระกอบอาชีพมคี วามถนดั ความสนใจ ในอาชีพนนั ๆอยา่ งไร เป็นตน้ 3. วตั ถุประสงค์ ใหเ้ ขียนวตั ถปุ ระสงคใ์ นการทาํ โครงการนนั ๆ ใหช้ ดั เจน เช่น เพอื ใหม้ ีประสบการณ์ในการทาํ อาชีพนนั ๆ หรือเพือศึกษาความเป็นไปไดข้ องตนเองในการประกอบอาชีพนนั ๆ 4. เป้ าหมาย ควรกาํ หนดเป้ าหมายในเชิงปริมาณและคุณภาพใหช้ ดั เจน เช่น การเลียงไก่กระทงจะเลยี ง 5 รุ่น รุ่นละกีตวั 5. ระยะเวลาดาํ เนินโครงการ ตงั แต่เริมตน้ จนสินสุดโครงการ ใชเ้ วลาดาํ เนินการนานแค่ไหนเริมตน้ โครงการเมอื ใด จะสินสุดโครงการหรือขยายกิจการช่วงใด 6. สถานทปี ระกอบการ ตอ้ งระบุทีตงั ของสถานทีทีจะประกอบอาชีพนนั 7. การดําเนินงาน ใหเ้ ขียนแสดงขนั ตอนการดาํ เนินงานอยา่ งละเอยี ดตงั แต่ขนั วางแผนปฏบิ ตั ิการการปฏบิ ตั ิการตามแผน และประเมินปรับปรุง การเขียนแผนการดาํ เนินงานการประกอบอาชีพ ควรมีองคป์ ระกอบหรือหวั ขอ้ ดงั นี .1 แผนการผลิต ใหเ้ สนอรายละเอียดว่าในการผลิต หรือขายสินคา้ หรือบริการ ตามโครงการทีกาํ หนดนนั มขี นั ตอนการผลิตอยา่ งไร และกาํ หนดเวลาตามขนั ตอนนนั ไวอ้ ยา่ งไร 7.2 แผนการลงทุน ใหร้ ะบุว่าทีมาของเงินทุนทีใชใ้ นโครงการประกอบอาชีพนนั ไดม้ าอยา่ งไร เงินทุนออกเอง หรือกยู้ มื มาจากแหล่งเงินทุนต่าง ๆ

31 7.3 แผนการตลาด ใหเ้ สนอรายละเอยี ดว่าสินคา้ หรือบริการในโครงการประกอบ อาชีพนนั ๆมีลกู คา้ ทีคาดหวงั จาํ นวนเท่าใด และจะวางแผนเพอื ขยายตลาดให้ กวา้ งขวางขึน อยา่ งไร ในระยะเวลาใด 8. ปัญหาและแนวทางแก้ไข ใหร้ ะบุปัญหาทีคาดว่าจะเกิดขึนกบั การประกอบอาชีพนนั ๆ 9. ผลทีคาดว่าจะได้รับ แสดงใหเ้ ห็นถึงผลของการดาํ เนินงานในการประกอบอาชีพในดา้ นต่าง ๆเช่น ดา้ นความรู้และประสบการณ์ทีไดร้ ับ ดา้ นกาํ ไร และความพงึ พอใจต่าง ๆ 10. ผ้รู ับผดิ ชอบดําเนินการ ระบุชือผทู้ ีเป็นเจา้ ของกิจการ หรือรับผดิ ชอบโครงการในกรณีทีมีผู้ร่วมโครงการหลาย ๆ คน กใ็ หช้ ือผรู้ ่วมโครงการทงั หมดดว้ ย การกาํ หนดโครงงานการประกอบอาชีพทีตดั สินใจเลอื ก ก่อนการเริมตน้ เขียนโครงงานการประกอบอาชีพทีตดั สินใจเลอื ก มีความจาํ เป็นตอ้ งศึกษา รวบรวมขอ้ มลู ดา้ นต่าง ๆ ในอาชีพนนั ๆ ดงั นี 1. ศึกษาสาํ รวจความตอ้ งการของตลาด โดยการสาํ รวจสภาพ และความตอ้ งการ ของชุมชน ทีจะเป็นแหลง่ ประกอบอาชีพเกียวกบั จาํ นวนประชากร ลกั ษณะเฉพาะของประชากรซึงประกอบดว้ ย เพศอายุ รายได้ อาชีพ ระดบั การศึกษาความตอ้ งการสินคา้ และบริการในอาชีพนนั ๆ จาํ นวนและอปุ นิสยั ในการซือของประชากรในพนื ที สภาพปัญหาและอปุ สรรคต่าง ๆ ทีคาดวา่ จะเกิดขึน เช่น มคี ู่แข่งขนั ขายสินคา้ หรือบริการประเภทเดียวกนั ในพนื ทีนนั เป็นตน้ 2. ทาํ เลทีตงั กิจการ จะตอ้ งพิจารณาว่า ทาํ เลทีตงั กิจการทีจะประกอบอาชีพทีตดั สินใจเลือกนนัมีลกั ษณะทีจาํ เป็นในสิงต่อไปนีหรือไมเ่ พยี งใด การคมนาคม ขนส่งสะดวกหรือไม่ สภาพแวดลอ้ มเหมาะสมหรือไม่ มีคู่แข่งขนั ทีขายสินคา้ บริการ ประเภทเดียวกนั หรือไม่ ถา้ มีจะแกป้ ัญหาอยา่ งไร 3. สาํ รวจความพร้อมของตนเองในทุกดา้ น เช่น ดา้ นความรู้ ความสามารถในอาชีพ ดา้ นปัจจยัการผลติ ต่าง ๆ ว่ามีความพร้อมหรือไม่ อยา่ งไร ถา้ ไม่พร้อมจะแกป้ ัญหาอยา่ งไร 4. ศกึ ษาความเป็นไปไดข้ องอาชีพ จะตอ้ งพิจารณาวา่ อาชีพทีเลือกนนั จะทาํ ใหร้ ายไดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด คุม้ กบั ทุนทีลงไปหรือไม่ จะใชเ้ วลาเท่าใดจึงจะคุม้ ทุน รายไดห้ รือกาํ ไรเพียงพอจะเลยี งชีพหรือไม่ หากรายไดไ้ มเ่ พยี งพอจะแกป้ ัญหาอยา่ งไร เมือไดศ้ ึกษารวบรวมขอ้ มลู ดงั กลา่ วแลว้ และเห็นว่ามีแนวทางจะดาํ เนินโครงการได้ กเ็ ริมลงมอื เขียนโครงการการประกอบอาชีพ ตามหวั ขอ้ ทีกาํ หนดตวั อย่าง การเขียนโครงงานการประกอบอาชีพ . ชือโครงการ โครงการจาํ หน่ายอาหารสาํ เร็จรูป . ชือ ผดู้ าํ เนินโครงการ....................................... . ชือ อาจารยท์ ีปรึกษาโครงการ........................... . หลกั การและเหตุผล อาหารเป็นสิงจาํ เป็นสาํ หรับทุกคน เราตอ้ งรับประทานอาหารทุกวนัคนในหม่บู า้ นของกลมุ่ ผดู้ าํ เนินโครงการส่วนใหญ่ประกอบอาชีพนอกบา้ น มกั ไมม่ ีเวลาประกอบอาหารเองใกลห้ ม่บู า้ นยงั มสี าํ นกั งานของเอกชนซึงมีพนกั งานจาํ นวนมาก แต่ในบริเวณนีมรี ้านจาํ หน่ายอาหารสาํ เร็จรูปนอ้ ยคุณภาพอาหารและการบริการไม่ค่อยดี ไม่มรี ้านจาํ หน่ายอาหารสาํ เร็จรูปทีมีคุณภาพดี และ

32ราคาปานกลาง สมาชิกของกลมุ่ มีความสามารถในการประกอบอาหารไดด้ ี และบริเวณบา้ นของสมาชิกมีสถานทีกวา้ งเหมาะทีจะจดั เป็นร้านจาํ หน่ายอาหาร จึงไดจ้ ดั ทาํ โครงการจาํ หน่ายอาหารสาํ เร็จรูป . วตั ถุประสงค์ . เพือใหม้ ปี ระสบการณ์ในการประกอบอาชีพจาํ หน่ายอาหารสาํ เร็จรูป . เห็นช่องทางและมีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพจาํ หน่ายอาหารสาํ เร็จรูป . สามารถนาํ ความรู้ทีไดจ้ ากการเรียนและประสบการณ์การปฏิบตั ิโครงงานอาชีพไปใช้ประโยชนใ์ นการประกอบอาชีพไดอ้ ยา่ งเหมาะสม . เป้ าหมาย ดา้ นปริมาณ ปรุงและจาํ หน่ายอาหารสาํ เร็จรูปในวนั เสาร์และวนั อาทิตย์ ดา้ นคุณภาพ นกั เรียนทุกคนในกลุม่ เห็นช่องทางในการประกอบอาชีพและพฒั นาการ ประกอบอาชีพไดอ้ ยา่ งเหมาะสม . ระยะเวลาดาํ เนินโครงการตลอดโครงการตงั แต่เปิ ดภาคเรียนจนถึงปิ ดภาคเรียน (20 พฤษภาคม - กนั ยายน และ พฤศจิกายน – มีนาคม ) . สถานทีประกอบอาชีพ บา้ นเลขที.....หมทู่ ี.....ตาํ บล............อาํ เภอ.............จงั หวดั ................ . งบประมาณ . แหล่งเงินทุน เงินสะสมของสมาชิกกลุ่ม คนละ , บาท 9.2 จาํ นวนเงินทุนเริมโครงการ ,000 บาท . ทรัพยส์ ินถาวร โต๊ะ เกา้ อี ถว้ ย ชาม และเครืองครัว ส่วนหนึงยมื ใชช้ วั คราว / จดั ซือ . ทรัพยส์ ินสินเปลอื ง อาหารสด ซือเป็นรายวนั 9.5 เงินทุนขยายกิจการ หากกิจกรรมประสบความสาํ เร็จกจ็ ะนาํ กาํ ไรมาขยายกิจการ . กาํ ไร (คาดการณ์) ในระยะเริมแรกมกี าํ ไรประมาณวนั ละ - บาท . ขนั ตอนการดาํ เนินงาน . การเตรียมการ - ศึกษาสาํ รวจขอ้ มลู - เขียนโครงการ - ขออนุมตั ิโครงการ - เตรียมหาทุน - กาํ หนดรายการอาหารทีจะปรุงจาํ หน่าย - ประชาสมั พนั ธใ์ หล้ กู คา้ เป้ าหมายทราบ 2 การเตรียมสถานที - จดั ตกแต่งสถานที - เตรียมวสั ดุอปุ กรณ์

33 ขนั ตอนการดาํ เนินงานอยา่ งละเอียด - ศึกษาหาความรู้เบืองตน้ เกียวกบั การปฏิบตั ิงานอาชีพ - ศึกษาสาํ รวจขอ้ มลู ต่าง ๆ เพือสาํ รวจความสนใจประกอบการเลือกอาชีพ - วเิ คราะห์ขอ้ มลู - ตดั สินใจเลือกอาชีพ - ศกึ ษาวิธีเขียนโครงงานอาชีพ - ขออนุมตั ิโครงงานอาชีพ - ศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้เพมิ เติม - กาํ หนดรายการอาหารทีจะจาํ หน่าย - ประชาสมั พนั ธบ์ อกกลมุ่ ลกู คา้ เป้ าหมาย - เตรียมอุปกรณ์การปรุงอาหาร ภาชนะต่าง ๆ - ตกแต่งสถานที - ลงมอื ปรุงอาหารจาํ หน่าย โดยสบั เปลียนหมนุ เวยี นการปฏิบตั ิหนา้ ทีดงั นีซืออาหารสด ตกแต่ง / ทาํ ความสะอาดร้าน / ลา้ งภาชนะ บริการลกู คา้ เก็บเงิน – ทาํ บญั ชี - ประเมนิ การปฏบิ ตั ิงานเป็นรายวนั / รายสปั ดาห์ - ประเมนิ สรุปเมือปฏบิ ตั ิงานเสร็จสิน - เสนอแนะแนวทางการพฒั นาอาชีพ . ปัญหาและแนวทางแกไ้ ข . ปัญหา ทีคาดวา่ จะเกิดขึนระหว่างปฏบิ ตั ิงาน 1) ลกู คา้ มไี มเ่ ป็นไปตามเป้ าหมาย ) ประสบการณ์ในการจาํ หน่ายสินคา้ ไม่เพยี งพอ . แนวทางแกไ้ ข ) นาํ อาหารสาํ เร็จรูปใส่ถุงไปจาํ หน่ายตามบา้ น / ชุมชน ) ขอคาํ แนะนาํ จากอาจารยท์ ีปรึกษาเป็นระยะ . ผลทีคาดว่าจะไดร้ ับ . ดา้ นความรู้และประสบการณ์ นกั เรียนทุกคนมีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพเห็นช่องทางในการประกอบอาชีพในอนาคต . ดา้ นผลผลิต ทรัพยส์ ิน กาํ ไร นกั เรียนมรี ายไดร้ ะหว่างเรียน ทาํ ใหเ้ ห็นคุณค่าของการประกอบอาชีพ แบ่งเบาภาระผปู้ กครอง ลงชือผเู้ สนอโครงการ…………………………………..

34โครงการการประกอบอาชีพ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การจดั ทาํ โครงงานการประกอบอาชีพ มคี วามสาํ คญั และจาํ เป็ นต่อการประกอบอาชีพเพราะถือว่าไดม้ ีการวางแผน ก่อนลงมือปฏิบตั ิ ความผิดพลาดทังหลายย่อมน้อยลงโดยเฉพาะการวางแผนการดาํ เนินงานนันจะมีความชัดเจนเกียวกบั แผนการผลิต แผนการลงทุน และแผนการตลาด การจดั ทาํโครงงานการประกอบอาชีพทีดี ยอ่ มทาํ ให้การประกอบอาชีพบรรลุผลสาํ เร็จตามเป้ าหมายทีกาํ หนดไว้มีระบบการทาํ งาน และลดการทาํ งานทีซาํ ซ้อนกนั ทาํ ให้การใชท้ รัพยากรเป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพช่วยใหเ้ จา้ ของกิจการมคี วามเชือมนั ในการบริหารงาน และเมอื เกิดปัญหาขึนก็สามารถแกไ้ ขปัญหาได้อยา่ งดี เพราะมีการวางแผน และคิดอย่างรอบคอบมาแลว้ ช่วยให้เจา้ ของกิจการสามารถตรวจสอบขนั ตอนการดาํ เนินงาน และความสาํ เร็จ ของเป้ าหมายไดอ้ ยา่ งต่อเนือง การจัดทําโครงงานการประกอบอาชีพ สามารนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ต์ใช้ในการวางแผน การดาํ เนินงานได้ โดยจะเห็นไดว้ ่า “เศรษฐกิจพอเพียงจริงๆ คือหลกั การดาํ เนินชีวิตทีจริงแทท้ ีสุด กรอบแนวคิดของหลกั ปรัชญามุ่งเน้นความมนั คงและความยงั ยืนของการพฒั นา อนั มีคุณลกั ษณะทีสาํ คญั คือ สามารถประยกุ ต์ใชใ้ นทุกระดบั ตลอดจนใหค้ วามสาํ คญั กบั คาํ ว่าความพอเพยี ง ทีประกอบดว้ ย ความพอประมาณ ความมีเหตุมผี ล มภี ูมคิ ุม้ กนั ทีดีในตวั ภายใตเ้ งือนไขของการตัดสินใจและการดาํ เนินกิจกรรมทีตอ้ งอาศยั เงือนไขความรู้และเงือนไขคุณธรรม” หรือทีเรียกว่า3 ห่วง และ 2 เงือนไข ดงั นี ความพอประมาณ ไดแ้ ก่ เรียบง่าย ประหยดั การทาํ อะไรทีพอเหมาะพอควร สมดุลกบั อตั ภาพศกั ยภาพของตนและสภาวะแวดลอ้ ม ตามความสามารถของแต่ละคน พอประมาณกับภูมิสังคมสิงแวดลอ้ ม สถานการณ์ การทาํ งานทุกอยา่ งตอ้ งเรียบง่าย ประหยดั อย่าทาํ งานใหย้ ่งุ ทาํ ให้ง่ายต่อการเขา้ ใจ มีกาํ หนดการทาํ งานตามลาํ ดบั ขนั ตอน และมีการปฏิบตั ิชดั เจน เช่น การพฒั นาคุณภาพการศึกษาตอ้ งรู้ว่านักศึกษาต้องการอะไร ผใู้ ชบ้ ณั ฑิตต้องการอะไร เพราะทุกกิจกรรม ทุกงานทีทาํ มีตน้ ทุนอยา่ ทาํ งานทิงๆ ขวา้ ง ๆ การทาํ งานตอ้ งมีประโยชน์ มีผลผลติ ทีเกิดขึน ความมเี หตผุ ล คือ การคิด ฟัง ปฏิบตั ิ การทาํ งานตอ้ งใชห้ ลกั ความรู้ในการทาํ งาน วางแผนงานตอ้ งระมดั ระวงั ตอ้ งใชห้ ลกั วชิ าการช่วยสนบั สนุน อยา่ ใชค้ วามรู้สึกและอารมณ์ในการทาํ งาน ทุกคนมีศกั ยภาพในการทาํ งาน การพฒั นาตวั เองตอ้ งเกิดขึนจากภายในตวั เองของแต่ละคน จึงตอ้ งแสดงศกั ยภาพออกมาใหไ้ ด้ มรี ะบบภูมคิ ้มุ กนั ในตัวทีดี คือ ตอ้ งมีแผนกลยทุ ธ์ เช่น เป็ นอาจารยต์ อ้ งมีแผนการสอน องค์กรตอ้ งมีแผนกลยทุ ธ์ เป็นตน้ การทาํ งานตอ้ งใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด ตอ้ งมองภาพรวม ทุกคนมีส่วนร่วม คือการประสานงาน และการบรู ณาการปรับวธิ ีการทาํ งาน หน่วยงานองค์กรตอ้ งมีธรรมาภิบาลเพือเป็ นการสร้างภมู ิคุน้ กนั ภายในตวั

35 มคี วามรู้ การเรียนรู้เป็นอกี ปัจจยั หนึงทีทุกคนมกั จะมองขา้ มไป เมอื คิดวา่ ตนเองมคี วามรู้เพียงพอแลว้ แต่ในความเป็นจริงแลว้ ทุกอาชีพยอ่ มตอ้ งมีการเรียนรู้อยา่ งต่อเนือง เพือเพิมพูนทกั ษะ เพือแสวงหาความรู้ใหม่ ความรอบรู้เกียวกบั วิชาการต่าง ๆ ทีเกียวขอ้ งอย่างรอบดา้ น ความรอบคอบทีจะนาํ ความรู้เหล่านนั มาพิจารณาใหเ้ ชือมโยงกนั เพือประกอบการวางแผน และความระมดั ระวงั ในขนั ปฏิบตั ิ หรือแมแ้ ต่ใหต้ นเองมีความตระหนกั ทีจะลบั ความรู้ของตนใหแ้ หลมคมอยเู่ สมอ เพือความกา้ วหน้าในหนา้ ทีการงาน มีคุณธรรม การประกอบอาชีพตอ้ งสัมพนั ธ์เกียวขอ้ งกับบุคคล สังคมและสิงแวดลอ้ มอย่างหลีกเลียงไม่ได้ เพือให้การประกอบอาชีพประสบผลสาํ เร็จตามเป้ าหมาย ได้รับการสนับสนุนจากผเู้ กียวขอ้ ง ผรู้ ่วมงาน และลกู คา้ ผปู้ ระกอบอาชีพตอ้ งมีคุณธรรม ดงั นี - ความขยัน อดทน คือความตงั ใจเพียรพยายามทาํ หนา้ ทีการงาน การประกอบอาชีพอยา่ งต่อเนือง สมาํ เสมอ ความขยนั ตอ้ งปฏิบตั ิควบคู่กบั การใชส้ ติปัญญา แกป้ ัญหาจนงานเกิดผลสาํ เร็จผทู้ ีมีความขยนั คือผทู้ ีตงั ใจประกอบอาชีพอย่างจริงจงั ต่อเนือง ในเรืองทีถูกทีควร มีความพยายามเป็ นคนสูง้ าน ไม่ทอ้ ถอย กลา้ เผชิญอปุ สรรค รักงานทีทาํ ตงั ใจทาํ หนา้ ทีอยา่ งจริงจงั - ซือสัตย์ คือการประพฤติตรง ไม่เอนเอยี ง จริงใจไมม่ ีเลห่ เ์ หลียมผทู้ ีมีความซือสตั ย์ คือผทู้ ีประกอบอาชีพตรงไปตรงมา ไมค่ ดโกง ไมเ่ อาเปรียบผบู้ ริโภค ไมใ่ ชว้ ตั ถุทีเป็ นอนั ตราย และคาํ นึงถึงผลกระทบกบั สภาพแวดลอ้ ม - ความอดทน คือ การรักษาสภาวะปกติของตนไวไ้ ม่ว่าจะกระทบกระทังปัญหาอุปสรรคใด ผมู้ ีความอดทน ในการประกอบอาชีพ นอกจากจะอาศยั ปัญญาแลว้ ลว้ นตอ้ งอาศยั ขนั ติ หรือความอดทนในการต่อสูแ้ กไ้ ขปัญหาต่างใหง้ านอาชีพบรรลุความสาํ เร็จดว้ ยกนั ทงั สิน - การแบ่งปัน / การให้ คือการแบ่งปันสิงทีเรามี หรือสิงทีเราสามารถใหแ้ ก่ผอู้ ืนไดแ้ ละเป็นประโยชน์แก่ผทู้ ีรับ การให้ผอู้ ืนทีบริสุทธิใจไม่หวงั สิงตอบแทนจะทาํ ใหผ้ ใู้ ห้ไดร้ ับความสุขทีเป็ นความทรงจาํ ทียาวนาน การประกอบอาชีพโดยรู้จกั การแบ่งปันหรือใหส้ ิงต่าง ๆ ทีสามารถใหไ้ ดแ้ ก่ลูกคา้และชุมชนของเรายอ่ มไดร้ ับการตอบสนองจากลกู คา้ ในดา้ นความเชือถือ โครงงานการประกอบอาชีพ สามารถนาํ หลกั เศรษฐกิจพอเพยี งมาใชใ้ นการบริหารจดั การไดจ้ ริงดงั จะเห็นไดว้ ่า เศรษฐกิจพอเพียงไม่ไดท้ าํ ให้เราอย่รู อดไปวนั ๆ เท่านัน แต่จะทาํ ให้เรามีความสุขอย่างยงั ยนื และยงั พฒั นาตนเองให้รํารวยขึนไดด้ ว้ ย ซึงเป็ นการรํารวยอย่างยงั ยืนแบบพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง คือ การมคี วามพอประมาณ มเี หตุมผี ล และมภี ูมคิ ุม้ กนั ในดา้ นการบริหารธุรกิจ เราก็ตอ้ งดูก่อนว่าเป้ าหมายธุรกิจของเราคืออะไร มีแผนการอย่างไร ในการดาํ เนินตามแผน โดยทีไม่ใช้จ่ายมากเกินความจาํ เป็ น แต่อะไรทีจาํ เป็ นเราก็ควรจะจ่าย อะไรทีไม่จาํ เป็ นเราตอ้ งลดรายจ่ายส่วนนันลง นีก็เป็ นการใชจ้ ่ายเงินดว้ ยความพอประมาณ นอกจากนนั เราก็ตอ้ งมเี หตุผลดว้ ย บริหารธุรกิจอยา่ งมเี หตุผลอะไรทีจาํ เป็นหรือไม่จาํ เป็ นก็ตอ้ งพิจารณาใหด้ ี ไม่ใช่ว่าเห็นคนอืนทาํ อะไรกท็ าํ ตาม คนอนื โปรโมชนั พิเศษอืนๆ ก็ทาํ ตามคนอืนโฆษณาก็

36ทาํ ตาม ซึงนีเป็ นการใช้ความรู้สึกนึกคิดตัดสินปัญหา ไม่ไดใ้ ช้เหตุผลเลยดงั นันเราตอ้ งมีเหตุผลด้วยในการทาํ อะไรสกั อยา่ งก็ตอ้ งพิจารณาใหล้ ะเอยี ดถถี ว้ นดวู า่ เหมาะสมกบั ธุรกิจของเราหรือไม่ สมควรทาํหรือไม่ และถา้ ทาํ เช่นนนั แลว้ จะเป็นอยา่ งไร เมือเรามีความพอประมาณ มีเหตุผล แลว้ ก็ตอ้ งมีภูมิคุ้มกันดว้ ย ธุรกิจของเราจะมีภูมิคุม้ กนั ทีแข็งแรง จึงจะอยรู่ อดไดอ้ ยา่ งยงั ยนื เพราะถา้ เราไม่มีภมู ิคุม้ กนั ในดา้ นต่างๆ เวลาเกิดปัญหาอะไรขึนธุรกิจของเรากจ็ ะออ่ นแอลง กาํ ไรลดลงกระแสเงินสดลดลง ถา้ ถึงขนั ร้ายแรงอาจจะทาํ ให้ธุรกิจจบลงไปเลยก็เป็นได้ ตวั อยา่ งเช่น เรามีแผนธุรกิจและทุกอยา่ งเป็นไปตามแผน แต่เราก็ยงั เตรียมแผนสาํ รองไวด้ ว้ ย เผือเกิดความผิดพลาดหรือบางทีเราเห็นว่าธุรกิจของเรามีกระแสเงินสดทีไหลเวียนดี แต่เราก็ยงั กนั เงินบางส่วนไว้ เผอื เกิดปัญหาดา้ นการเงินซึงเราไม่ไดค้ าดคิด ...ดงั ทีกล่าวมาก็เป็ นการสร้างภูมิคุม้ กนั ใหก้ บัธุรกิจของเราไดเ้ ช่นกนั เศรษฐกิจพอเพียงจึงไม่ใช่เพียงแค่การปลูกพืช เลียงสัตว์ หรือการใช้ชีวิตตามชนบทเท่านันแต่เราสามารถนาํ หลกั เศรษฐกิจพอเพยี งมาบริหารธุรกิจ เพือใหธ้ ุรกิจของเราอยรู่ อดและเติบโตอยา่ งยงั ยนืตลอดไป การทาํ งาน จึงตอ้ งยดึ ความพอเพียง ประกอบดว้ ย ความมีเหตุผล ความพอประมาณ และระบบภมู ิคุม้ กนั ในตวั ทีดี มีกระบวนการพฒั นาทียดึ คุณธรรม ความเพียร ความรอบรู้ ความซือสตั ยส์ ุจริตใหเ้ ขา้จิตใตส้ าํ นึก การทาํ งานกบั มนุษยต์ อ้ งใชห้ ลกั การ หลกั วิชาการใหส้ อดคลอ้ งกบั ภูมิสงั คม คือภูมิประเทศและสิงแวดลอ้ ม ตอ้ งปรับกระบวนการทาํ งาน การบริหารจดั การ ตอ้ งคาํ นึงถึงผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสียการยอมรับจากเพือนร่วมงานในองค์กร เพือขบั เคลือนการทาํ งานให้ไปสู่ความสาํ เร็จ เพือให้บรรลุวตั ถุประสงคท์ ีกาํ หนดไว้ กิจกรรมที . ให้นกั ศึกษารวมกลุ่ม – คน หาขอ้ มูลบุคคลทีประสบความสาํ เร็จในอาชีพทียดึ หลกั ความพอเพียง โดยบุคคลนีอาจอย่ใู นพืนทีหรือบริเวณใกลเ้ คียงก็ได้ จากนันให้นาํ ขอ้ มูลดงั กล่าวมา รายงานแลกเปลยี นกนั ในชนั เรียน . ให้ผูเ้ รียนแต่ละคนพิจารณาความพร้อมในการเลือกอาชีพของตนตามหลกั เศรษฐกิจ พอเพียงพร้อมเขียนออกมาเป็นรายงานนาํ เสนอหนา้ ชนั เรียน จากนนั ใหเ้ พอื นนกั ศึกษาร่วมวจิ ารณ์ และ เกบ็ บนั ทึกนีไวใ้ นแฟ้ มสะสมผลงานของนกั ศกึ ษาเอง

37 บทที เครือข่ายดาํ เนนิ ชีวติ แบบพอเพยี งสาระสําคญั การส่งเสริม เผยแพร่ ขยายผลงานการปฏิบตั ิตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของบุคคลชุมชนทีประสบผลสาํ เร็จสามารถดาํ เนินการไดห้ ลากหลายวิธี เช่น การประชาสมั พนั ธผ์ า่ นสือต่างๆ จดั ตงัเป็นศนู ยศ์ ึกษาเรียนรู้ ศนู ยฝ์ ึกอบรม สร้างเครือข่าย จดั งานมหกรรมประจาํ ปี เป็นตน้ การสร้างเครือข่ายการประกอบอาชีพและการดาํ เนินชีวติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นการสร้างความเป็นอนั หนึงอนั เดียวกนั และร่วมกนั ทาํ งานขององค์กรทางสงั คมทุกฝ่ าย เช่น สถาบนัครอบครัว สือมวลชน องค์กรเอกชน องคก์ รภาครัฐ ฯ ในการขบั เคลือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การประกอบอาชีพและการดาํ เนินชีวติ ไดจ้ ริงอยา่ งเป็นรูปธรรมผลการเรียนรู้ทีคาดหวงั แนะนาํ ส่งเสริมสมาชิกในครอบครัวและชุมชนใหเ้ ห็นคุณค่าและนาํ ไปปฏิบตั ิในการดาํ เนินชีวิตขอบข่ายเนือหา เรืองที การส่งเสริม เผยแพร่ ขยายผลงานการปฏบิ ตั ิตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ของบุคคล ชุมชน ทีประสบผลสาํ เร็จ เรืองที การสร้างเครือข่ายการประกอบอาชีพและการดาํ เนินชีวิต ตามหลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง เรืองที กระบวนการขบั เคลือนเศรษฐกิจพอเพยี ง

38เรืองที การส่งเสริม เผยแพร่ ขยายผลงานการปฏบิ ัติตามหลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งของบุคคล ชุมชน ทปี ระสบผลสําเร็จ การส่งเสริม เผยแพร่ ขยายผลงานการปฏิบตั ิ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงของบุคคลชุมชน ทีประสบผลสาํ เร็จนนั มหี ลายองคก์ ร หลายหน่วยงาน ทงั ภาครัฐ และเอกชน ทดี าํ เนินการส่งเสริม เผยแพร่ ขยายผลงานการปฏบิ ตั ิของบคุ คล ชุมชนทีนอ้ มนาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที ) ไปเป็นแนวทางในการดาํ เนินชีวติและการแกไ้ ขปัญหาของชุมชน อาทิ เช่น 1. สาํ นกั งานทรัพยส์ ินส่วนพระมหากษตั ริย์ 2. สาํ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ 3. สาํ นกั งานคณะกรรมการพเิ ศษ เพอื ประสานงานโครงการอนั เนืองมาจากพระราชดาํ ริ 4. มลู นิธิชยั พฒั นา 5. มลู นิธิประเทศไทยใสสะอาด 6. มลู นิธิสยามกมั มาจล (ธนาคารไทยพาณิชย)์ 7. กระทรวงศกึ ษาธิการ 8. สาํ นกั นายกรัฐมนตรี (ชุมชนพอเพยี ง)ศนู ยเ์ครือข่ายศนู ยเ์รียนรู้เศรษฐกิจพอเพยี งชุมชนฯลฯ นอกจากนียงั มีองคก์ รอสิ ระทีดาํ เนินการส่งเสริม เผยแพร่ ขยายผลงานการปฏิบตั ิ ตามหลกัปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งของบุคคล ชุมชน ทีประสบผลสาํ เร็จ ไดแ้ ก่ สถาบนั เศรษฐกจิ พอเพียง ทีได้ระดมความร่วมมือจากทุกฝ่ ายในการขบั เคลอื น การแกว้ ิกฤตชาติ โดยการนอ้ มนาํ ศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช (รัชกาลที ) มาสู่การปฏิบตั ิ จดั ตงั ขึนจากการประชุมหารือกนั ณ โครงการส่วนพระองคส์ วนจิตรลดาของ 4 องคก์ ร ไดแ้ ก่ โครงการส่วนพระองคส์ วนจิตรลดาโครงการอนุรักษพ์ นั ธุกรรมพืชอนั เนืองมาจากพระราชดาํ ริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี โครงการส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพษิ และมลู นิธิกสิกรรมธรรมชาติ เมือวนั ที 23 ธนั วาคม 2545 การดาํ เนินงานทีผา่ นมา สถาบันฯ ไดเ้ ป็ นศูนยก์ ลางในการสร้างเครือข่ายขยายผลให้มีการเรียนรู้ การฝึกอบรม ไปสู่การปฏิบตั ิและการดาํ รงชีวติ ของประชาชนบนพนื ฐานเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีผลงานดา้ นต่างๆทีผา่ นมาดงั นี • งานจดั ตงั และพฒั นาศนู ยฝ์ ึกอบรม โดยสามารถจดั ตงั ศนู ยฝ์ ึกอบรมภายใตเ้ ครือข่ายเศรษฐกิจพอเพียงไดก้ วา่ 120 ศนู ยฝ์ ึกอบรมทวั ประเทศ • งานฝึกอบรม ณ ศนู ยฝ์ ึกอบรมเครือข่ายเศรษฐกิจพอเพียง และการจดั ทีมวทิ ยากรเพือฝึกอบรมนอกสถานทีใหก้ บั หน่วยงานต่างๆ ทงั ภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนทวั ไป

39 • งานเผยแพร่ ประชาสมั พนั ธ์ หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์อืนๆของพระราชาในการแกว้ กิ ฤตของประเทศ ผา่ นสือต่างๆ อาทิเช่น สือโทรทศั น์ รายการคนหวงแผน่ ดิน รายการจารึกไวใ้ นแผน่ ดิน รายการเวทีชาวบา้ น รายการคนละไมค้ นละมอื รายการ 108 มหศั จรรยพ์ อเพยี ง รายการทาํ ดีให้พ่อดู รายการคนพอเพยี ง รายการคลนิ ิกเถา้ แก่ ละครเรืองหวั ใจแผน่ ดิน และอนื ๆอกี มากมายสือสิงพิมพ์บทความหนงั สือพมิ พค์ มชดั ลึก “พอแลว้ รวย” ทุกวนั เสาร์ หนงั สือ/แผน่ พบั เผยแพร่องคค์ วามรู้และการดาํ เนินงานของเครือข่ายอยา่ งต่อเนือง สืออืนๆ เสือ สติกเกอร์ วีซีดี กระเป๋ า และผลติ ภณั ฑต์ ่างๆ ทีผลิตขึนเองภายในเครือข่าย • กิจกรรมเพือเผยแพร่หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและดึงแนวร่วมการขับเคลือนสู่รูปธรรมการปฏิบตั ิจริงในรูปแบบเบญจภาคี - งานมหกรรมคืนชีวิตใหแ้ ผน่ ดินในเดือน มีนาคม ของทุกปี - งานมหกรรมเศรษฐกิจพอเพยี งในการอนุรักษท์ รัพยากรทีร่วมกบั โครงการอนุรักษพ์ นั ธุกรรมพชือนั เนืองมาจากพระราชดาํ ริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทุกๆ 2 ปี - งานกจิ กรรมฟื นฟลู ุ่มนาํ และทะเลไทย เพือฟื นฟปู ่ าตน้ นาํ กลางนาํ ปลายนาํ และทอ้ งทะเลตามหลกั การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช (รัชกาลที ) ฟื นฟสู มั มาชีพให้เต็มแผน่ ดินตงั แตภ่ ูผาสู่มหานที ใหค้ รอบคลมุ 25 ลมุ่ นาํ ทวั ประเทศ โดยไดด้ าํ เนินงานไปแลว้ ในลมุ่ นาํภาคใต้ ภาคตะวนั ออก และภาคกลาง • การสถาปนามหาวิชชาลยั เพือพ่อ ในการฟื นฟูปฐพีไทยดว้ ยศาสตร์ของพระราชา ดว้ ยความร่วมมือของเบญจภาคี โดยมีการจดั ตงั โพธิวิชชาลยั ณ มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ จ. สระแก้วในปี 2550 และมีเป้ าหมายในการจดั ตัง โพธิวิชชาลยั ณ สถานทีอืนๆทวั ประเทศ เพือเป็ นทีรวมและถ่ายทอด องคค์ วามรู้ศาสตร์ของพระราชา ใหเ้ ต็มแผน่ ดิน และนอกจากนียงั มีเว็บไซต์ ทีส่งเสริม เผยแพร่ ขยายผลงานการปฏิบตั ิตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เช่น . http://www.chaipat.or.th/ 2. http://www.rdpb.go.th/RDPB/front/king.aspx 3. http://longlivetheking.kpmax.com/ 4. http://www.sufficiencyeconomy.org/ 5. http://www.nesdb.go.th/

40กรณตี วั อย่างบุคคล ชุมชน ทีประสบผลสําเร็จและได้รับการเผยแพร่ ผลงานการปฏิบัติตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง . บุคคลทีประสบผลสําเร็จและไดร้ ับการเผยแพร่ ผลงานการปฏิบัติตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งคณุ สมบูรณ์ ศรีสุบัติ หากเอ่ยชือ คุณสมบูรณ์ ศรีสุบตั ิ หลายคนอาจไมร่ ู้จกั แต่ถา้ พดู ถึง\"สวนลุงนิล\" ซึงเป็น \"ศนู ยก์ สิกรรมธรรมชาติพชื คอนโด ๙ชนั \"ชาวบา้ นแห่งบา้ นทอนอมหม่ทู ี ๖ตาํ บล ช่องไมแ้ กว้ อาํ เภอทุ่งตะโก จงั หวดั ชุมพร และเกษตรกรส่วนใหญ่ใน จงั หวดั ชุมพรคงเคยไดย้ นิ ชือบุคคลผนู้ ีทีไดร้ ับการยอมรับจากหลาย หน่วยงานวา่ เป็นเกษตรกรตวั อยา่ ง ทีมชี ีวติ น่าสนใจเป็นอยา่ งมาก เพราะ บุคคลผนู้ ีมคี วามรู้แค่ชนั ประถมปี ที 4 เคยมีอาชีพเป็นช่างตดั เสือ เป็น เจา้ ของร้านอาหาร ๙ แห่ง และเคยเป็นเจา้ ของสวนทุเรียนทปี ระสบ ปัญหาจนมีหนีสินกว่า ๒ ลา้ นบาท แต่เขากส็ ามารถเปลียนชีวติ ของตนดว้ ยการยดึ หลกั เศรษฐกิจพอเพียง และการทาํ เกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดาํ ริของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที ) จนสามารถปลดหนี และกลายเป็นผทู้ ีมีรายไดป้ ี ละนบั ลา้ นบาทเลยทีเดียว จุดเปลียนทีทาํ ใหค้ ุณสมบูรณ์เป็นเกษตรกรผปู้ ระสบความสาํ เร็จและคืนวนั นนั คือวนั ที ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๐ ไดเ้ ปิ ดทีวดี ู พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช (รัชกาลที )มีพระราชดาํ รัสเรืองหลกั เศรษฐกิจพอเพียง และการทาํ เกษตรกรรมทฤษฎีใหม่ ตนฟังแลว้ ถึงกบั นาํ ตาไหลและยกมือไหวท้ ่วมหวั และเหมอื นกบั การจุดประกายใหเ้ กิดความคิดทีจะทาํ ตาม โดยเขียนป้ ายเอาไว้ว่า \"จะขอตามเทา้ พ่อ\" พอตืนเชา้ ก็เริมตน้ สาํ รวจตวั เองแลว้ พบวา่ รูรัวทีใหญ่ทีสุดทีทาํ ใหก้ ารทาํ สวนของตนมีปัญหาคือเงินทีใชซ้ ือป๋ ุยเคมีปี ละหลายแสนบาท เมือรู้เช่นนนั จึงหยดุ การซือป๋ ุยทุกชนิดทนั ที แลว้ หนัมาใช้ EM หรือนาํ จุลินทรียท์ ีเป็ นประโยชน์ต่อพืชแทน ทาํ ให้ประหยดั ค่าใชจ้ ่ายในการซือป๋ ุย พร้อมทงัหนั มาใชว้ ธิ ีปลกู พชื ห่มดินตามแนวทางของในหลวง \"ตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ ทรงแนะวา่ การทาํ สวนอยา่ เปลอื ยดิน ควรปลกู พืชห่มดินเอาไว้ จึงเปลียนความคิดใหม่ จากสวนทีไม่มีหญา้ แมแ้ ต่ตน้ เดียว กลายเป็ นสวนทีปล่อยใหห้ ญา้ ขึนรกไปหมด ตรงไหนเป็ นทีว่างก็เอาใบตองหรือเศษใบไมใ้ บหญา้ ไปปิ ดเอาไวพ้ ร้อมยดึ หลกั ลดรายจ่าย เพมิ รายได้ ขยายโอกาส นนั คือ ปลกู พชื ทีเราชอบกินแซมตามทีว่างระหวา่ งตน้ ทุเรียน เช่น ปลกู ตน้ สม้ จีด ปลกู กระชาย ปลกู กลว้ ยเลบ็ มือนาง พร้อมทงั เลิกการใชส้ ารเคมีทุกชนิด พอผา่ นไปประมาณ ๑ ปี ชีวติ ก็เริมเปลียน มเี งินเหลือจึงนาํ ไปปลดหนี ใชเ้ วลาประมาณ ๖ ปี หนีทีมีอยู่ ๒ ลา้ น

41ก็สามารถใชค้ ืนเขาไดห้ มดแลว้ \" คุณลุงนิล เล่าอยา่ งภาคภูมิใจ หลงั ปลดหนีไดแ้ ลว้ คุณลุงนิลทราบว่าทีชุมพรคาบาน่ารีสอร์ท ตาํ บลสะพลี อาํ เภอปะทิว จงั หวดั ชุมพร มีศนู ยก์ ารศึกษากสิกรรมธรรมชาติตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จึงสนใจและเดินทางไปขอศึกษาดว้ ย หลงั จากจบการอบรมแลว้ คิดว่าตนไดร้ ับความรู้มากกว่าทีคาดเอาไว้ เช่น ได้สูตรในการทาํ นําชีวภาพต่างๆ รู้จักวิธีปลูกพืชห่มดินทีถกู ตอ้ ง วธิ ีการรีไซเคิลขยะกลบั มาใชป้ ระโยชน์ไดอ้ ีก การทาํ ป๋ ุยชีวภาพ ทงั ป๋ ุยหมกั ป๋ ุยนาํ และแนวทางกสิกรรมธรรมชาติอีกมากมาย \"สิงภาคภูมิใจมากในขณะนีกค็ ือ การทาํ พชื คอนโด ๙ ชนั นนั คือ การปลกูพืชเป็นชนั ๙ ชนั โดยชนั ที ๑ คือ การขดุ บ่อเลยี งปลา พร้อมกบั ปลกู พชื นาํ อยา่ งผกั กระเฉด ผกั บุง้ บวัชนั ที ๒ คือ การปลกู พชื จาํ พวกกลอย มนั หอม และพืชตระกลู หวั เช่น ขมิน กระชาย ชนั ที ๓ ปลกู พริกหนา้ ดิน และผกั เหลียง ชนั ที ๔ ปลกู สม้ จีด ชนั ที ๕ ปลกู กลว้ ยเลบ็ มือนาง ชนั ที ๖ ปลกู ทุเรียนพนั ธุ์หมอนทอง ชนั ที ๗ ปลกู สะตอ มงั คุด ลองกอง โดยทุกตน้ จะปลกู พริกไทยดาํ ใหเ้ ลอื ยขึนไปบนตน้ เพอืเป็นรายไดเ้ สริมดว้ ย ชนั ที ๘ เป็นส่วนของธนาคารตน้ ไม้ ทีปลกู ไวก้ ิน ไวใ้ ช้ ไวจ้ าํ หน่ายพนั ธุไ์ มใ้ ห้สมาชิ ก ชันที ๙ ปลูกไม้ยางนา ๓๐ ต้น สู งต้นละประมาณ ๔๐-๕๐ เมตร และเพาะกล้าไว้อีก ๕๐๐ กลา้ ทงั หมดนีลว้ นแลว้ แต่เป็นการเดินตามรอยพ่อทงั สิน\" คุณลุงนิล กลา่ ว คุณลงุ นิล ยงั เปิ ดเผยวา่ นอกจากรายไดจ้ ากการขายทุเรียนทีเป็ นรายไดห้ ลกั แลว้ ยงั มีรายไดจ้ ากพืชต่างๆ ทีปลูกแซมเข้าไปในสวน นันคือ กลอย สามารถขายได้ปี ละประมาณ ๑ แสนบาท ส่วนกระชาย นําไปส่งโรงงานผลิตเครื องแกง ปี ละประมาณ ๔ ตัน พร้อมนําสมุนไพรคุณลุงนิ ลอีก ประมาณ ๕ ตัน ในราคากิโลกรัมละ ๑๒ บาท ส้มจีดทีใช้ใส่อาหารแทนมะนาวมีรายได้วันละประมาณ ๒ พนั บาท กลว้ ยเลบ็ มอื นาง จะตดั สปั ดาหล์ ะครัง ครังละ ๑ ตนั ราคากิโลกรัมละ ๕ บาท โดยมีร้านคา้ แถวศาลพ่อตาหินชา้ ง อาํ เภอท่าแซะ ขบั รถเขา้ มารับซือถึงสวน และพริกไทยดาํ ทีฝากไวต้ ามตน้มงั คุด ตน้ สะตอ ตน้ ลองกอง ก็ขายไดป้ ี ละประมาณ ๓ แสน หลงั ประสบผลสาํ เร็จจากการทาํ การเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจนสามารถปลดหนีไดห้ มดแลว้ โดยลงุ นิลไดด้ าํ เนินการเผยแพร่ แบ่งปัน องคค์ วามรู้ซึงไดม้ าจากการปฏบิ ิติ โดยการจดั ตงั ศนู ยก์ สิกรรมธรรมชาติพชื คอนโด ๙ ชนั ณ บา้ นหมทู่ ี ๖ ตาํ บลช่องไมแ้ กว้ อาํ เภอทุ่งตะโก จงั หวดั ชุมพร ซึงพร้อมทีจะเผยแพร่ความรู้แก่ผสู้ นใจ พร้อมเปิ ดการท่องเทียวเชิงเกษตรในลกั ษณะโฮมสเตยใ์ นพืนที โดยมีการก่อสร้าง \"บา้ นดิน\" ให้ผทู้ ีตอ้ งการเขา้ มาเรียนรู้ไดเ้ ขา้ พกั ดว้ ยนีคือ เรืองราวการต่อสูข้ อง \"คุณลุงนิล\" หรือ คุณสมบรู ณ์ ศรีสุบตั ิ เกษตรกรตวั อยา่ งทีไมย่ อมแพต้ ่อโชคชะตาชวี ิต โดยยดึ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดาํ ริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช (รัชกาลที ) จนสามารถปลดหนีปลดสิน และยนื อยไู่ ดด้ ว้ ยลาํ แขง้ตนเอง และยงั พร้อมแบ่งปันสิงทีตนไดร้ ับจาก\"การเดินตามรอยพ่อ\" ใหห้ ลายคนทีอาจจะยงั มองหาหนทางไม่เจออยใู่ นขณะนีดว้ ย

42นายเลก็ กดุ วงค์แก้ว นายเลก็ กุดวงคแ์ กว้ เป็นบุคคลทีสมควรไดร้ ับการยกยอ่ งในฐานะทีท่านเป็ น “ปราชญ์ชาวบา้ น”และเป็ นผนู้ าํ ตามธรรมชาติของชุมชน ผลงานทีโดดเด่นของนายเล็ก คือ การเผยแพร่ความคิดในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยประยุกต์ภูมิปัญญาท้องถินผสานกับแนวคิดทางพุทธศาสนาแนวความคิดของนายเลก็ สามารถนาํ ไปปฏิบตั ิและก่อให้เกิดผล อีกทงั ยงั สมั พนั ธ์กบั วิถีเศรษฐกิจของชาวบา้ น บนพนื ฐาน ของการใชช้ ีวติ อยา่ งพออยู่ พอกิน ปัจจุบนั นายเลก็ สามารถสร้างเครือข่ายการเรียนรู้เพือการ “พึงพาตนเอง พึงพาธรรมชาติดว้ ยความเคารพ” ในกว่า หม่บู า้ น อาํ เภอ ในจงั หวดั จงั หวดั และเป็นคณะกรรมการและวิทยากรให้หลายหน่วยงาน ทงั ภาครัฐ หน่วยงานเอกชนและองคก์ รชาวบา้ นหลายแห่งทวั ประเทศ นายเลก็ กุดวงศแ์ กว้ นบั เป็นปราชญ์ชาวบา้ นอีสานอีกท่านหนึง ทีไดเ้ ผยแพร่แนวความคิดดา้ นเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรยงั ยนื เศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจวฒั นธรรม โดยมีรูปธรรมการปฏิบตั ิอย่างชดั เจน แนวทางการปฏบิ ตั ิดงั กล่าวเกิดจากกระบวนการเรียนรู้ ทีไมแ่ ยกการศึกษาจากชีวิต เป็นการศึกษาเพือการอย่รู ่วมกับธรรมชาติศึกษา ใหร้ ู้จกั การอย่รู ่วมกันด้วยความเกือกูล ศึกษาเพือสร้างเศรษฐกิจพอเพียง ศึกษาเพอื ลดการเห็นแก่ตวั และเห็นแก่ผอู้ นื มากขึน เครือข่ายกลุ่มอินแปง ทีนายเลก็ เป็นประธานเป็นหนึงในผรู้ ่วมก่อตงั ประกอบดว้ ยชุมชน อาํ เภอรอบเทือกเขาภูพาน เป็ นตวั อย่างของชีวิตทีงดงามเป็นชีวติ ทีถนอมรักธรรมชาติ ถนอมรักคน ถนอมรักการอย่รู ่วมกนั ถนอมรักวฒั นธรรม และมีจิตใจทีเกือกลู กนั อยอู่ ยา่ งไทย พงึ พาตนเอง พงึ พาธรรมชาติดว้ ยเคารพ ชีวิตของนายเลก็ ในระยะตน้ ไม่แตกต่างจากชาวบา้ นบา้ นบวั หรือหมู่บา้ นใกลเ้ คียงทีตงั อยเู่ ชิงเทือกเขาภูพาน ขณะนันป่ าลดความอุดมสมบูรณ์ไปมากจากการทีชาวบา้ นถางป่ า เพือปลูกบ่อตังแต่พ.ศ. และเพอื ปลกู มนั สาํ ปะหลงั ตงั แต่ปี พ.ศ. นายเล็กเองก็ปลูกปอตงั แต่ปี พ.ศ. และเพือปลูกมนั สาํ ปะหลงั ตังแต่ปี พ.ศ. นายเล็กเองก็ปลูกปอเพือขายอยู่ ปี จากนนั เปลียนมาปลูกมนั สาํ ปะหลงั อีก ปี ในระหว่างนันก็เกิดตงั คาํ ถามว่า ทาํ ไมยงิ ปลกู พืชเศรษฐกิจ ยิงจน ยงิ เป็ นหนีสินคาํ ตอบทีนายเลก็ ไดร้ ับมาจากการพดู คุยกบั ผเู้ ฒ่าผแู้ ก่ในหมบู่ า้ นทีใหค้ วามคิดเรือง “เฮ็ดอยู่ เฮ็ดกิน” หรือการใชช้ ีวิตแบบพออยู่ พอกิน เหมอื นในอดีต


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook