วิชาภาษาไทย ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ โรงเรียนประสารวิทยา อาเภอสีควิ้ จังหวดั นครราชสีมา
นิราศภเู ขาทอง นิราศภูเขาทองเปน็ วรรณคดปี ระเภทนิราศ ไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เป็นนิราศเรื่องที่ดีท่ีสุดของสุนทรภู่ (พ.ศ. 2329 - 2398) ท่าน แต่งนิราศเร่ืองนี้จากการเดินทางไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทอง ท่ีกรุง เกา่ (จังหวดั พระนครศรอี ยุธยาในปัจจบุ ัน) เม่อื เดอื นสิบเอ็ด ปชี วด (พ.ศ. 2371) ขณะบวชเป็นพระภกิ ษุ
ลักษณะคาประพันธ์ นริ าศภูเขาทองแต่งด้วยกลอนนิราศ มคี วามคลา้ ยคลงึ กับ โคลงสภุ าพ แต่เร่มิ ดว้ ยวรรครบั จบดว้ ยวรรคส่ง ลงท้ายด้วย คาวา่ เอย มีความยาวเพียง 89 คากลอนเท่านั้น แต่มีความไพเราะ และ เรียบง่าย ตามแบบฉบับของสุนทรภู่ ใช้ภาษาท่ีเข้าใจง่าย บรรยาย ความรสู้ ึกขณะเดียวกนั กเ็ ลา่ ถึงสภาพของเส้นทางท่กี าลังเดินทางไป ดว้ ย ท่านมักจะเปรียบเทยี บชวี ติ และโชคชะตาของตนกบั ธรรมชาติ รอบข้างท่ีตนได้เดินทางผ่านไป มีหลายบทท่ีเป็นที่รู้จักและท่องจา กนั ได้
การเดนิ ทางในนริ าศ สุนทรภู่เดนิ ทางโดยการล่องเรอื ในแม่น้าเจ้าพระยาจากวดั เลียบผ่านพระบรมมหาราชวัง วัดประโคนปัก โรงเหล้า บางพลู บางพลัด บางโพ บ้านญวน (จงั หวดั กรุงเทพมหานครในปจั จบุ ัน) ผ่านวัดเขมา ตลาดแกว้ ตลาดขวญั จากนน้ั ไปทางบางธรณี เกาะ เกร็ด (จังหวดั นนทบุรีในปัจจุบนั ) เข้าสู่จังหวดั ปทุมธานี บางพูด บา้ นใหม่ บางเด่อื บางหลวง สามโคก บ้านงิว้ เกาะใหญ่ แล้วเขา้ สู่ราชคามเขตอยุธยา จวนเจ้าเมือง วัดพระเมรุ (จังหวัดพระนคร -ศรีอยธุ ยาในปจั จบุ นั ) จอดเรือทีท่ า่ วดั พระเมรุ คา้ ง ๑ คนื แลว้ จึง ไปวดั ภูเขาทองเพ่ือจะไปที่เจดยี ์ภเู ขาทอง
แผนท่กี ารเดนิ ทาง
บทกลอนท่ี ๑ เดอื นสบิ เอด็ เสรจ็ ธรุ ะพระวสา รบั กฐินภญิ โญโมทนา ชุลลี าลงเรอื เหลอื อาลยั ออกจากวดั ทศั นาดูอาวาส เม่ือตรษุ สารทพระพรรษาไดอ้ าศัย สามฤดอู ยดู่ ไี มม่ ีภยั มาจาไกลอารามเม่อื ยามเยน็ โออ้ าวาสราชบรุ ณะพระวหิ าร แตน่ นี้ านนบั ทวิ าจะมาเห็นเหลือ ราลกึ นกึ น่านา้ ตากระเด็น เพราะขกุ เขญ็ คนพาลมารานทาง จะยกหยิบธิบดเี ป็นทต่ี งั้ กใ็ ช้ถงั แทนสัดเหน็ ขดั ขวาง จึง่ อาลาอาวาสนริ าศรา้ ง มาอ้างวา้ งวญิ ญาณใ์ นสาคร
ถอดคาประพนั ธ์บทที่ ๑ ถึงเดือน ๑๑(เดือนตุลาคม) ได้ออกจากการจาพรรษา ซ่ึงเสร็จสิ้น จากการรบั กฐินแล้ว กไ็ ดอ้ อกเดนิ ทางลงเรอื ไปดว้ ยความโศกเศรา้ ตอนออก จากวัดก็มองดูวัดท่เี คยอาศยั ในพรรษาทผ่ี ่านมา ทั้ง ๓ ฤดทู ี่อยู่นัน้ ไม่มีอะไร มากวนใจ วัดราชบูรณะ พระวิหารน้คี งอกี นานกว่าจะไดม้ าเห็น นกึ แล้วรสู้ กึ เศร้าใจย่ิงนัก เป็นเพราะมีคนพาลมารังแกใส่ร้าย คิดจะให้ผู้ใหญ่ช่วยเหลือ ทา่ น ผู้ใหญน่ ั้นกไ็ ม่มคี วามยตุ ธิ รรม จงึ ตอ้ งอาลาวดั มาอา้ งวา้ งอยกู่ ลางสายน้า
บทกลอนที่ ๒ ถึงหน้าวงั ดงั หนง่ึ ใจจะขาด คิดถึงบาทบพติ รอดศิ ร โอ้ผา่ นเกล้าเจา้ ประคณุ ของสุนทร แต่ปางก่อนเคยเฝา้ ทุกเชา้ เย็น พระนพิ พานปานประหนึ่งศีรษะขาด ด้วยไร้ญาตยิ ากแคน้ ถึงแสนเข็ญ ท้งั โรคซ้ากรรมซัดวิบตั ิเป็น ไมเ่ ล็งเหน็ ที่ซ่งึ จะพึง่ พา จงึ สร้างพรตอตส่าห์สง่ สว่ นบญุ ถวาย ประพฤตฝิ า่ ยสมถะท้งั วสา เปน็ สิง่ ของฉลองคุณมลุ กิ า ขอเป็นข้าเคยี งบาททกุ ชาติไป
ถอดคาประพนั ธบ์ ทท่ี ๒ ถงึ หนา้ วังก็เศร้าโศกมาก คดิ ถึงพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหล้านภา -ลัยผู้ซ่งึ มพี ระคณุ กบั สนุ ทรภูอ่ ย่างมาก เมื่อกอ่ นเคยเข้าเฝา้ พระองคอ์ ยา่ งใกล้ ชดิ ทกุ เช้าเยน็ เม่อื พระองคส์ วรรคตก็เหมอื นกบั สนุ ทรภตู่ ายไปดว้ ยเพราะไม่ มญี าตหิ รือคนคอยช่วยเหลือสนบั สนุน ชีวติ จงึ ยากแคน้ แสนเขญ็ อกี ท้งั มีโรค มกี รรมเขา้ มารมุ ลอ้ ม ไม่เหน็ ใครท่ีจะพง่ึ พาได้ จึงได้บวชเพ่ืออุทิศสว่ นกศุ ลให้ แกร่ ัชกาลที่ ๒ ประพฤตติ นอยู่ในศลี ธรรมตลอดเวลา เพ่อื เป็นสง่ิ ทดแทนคณุ พระองค์ แม้เกดิ ชาตใิ ดใดก็ขอใหเ้ ปน็ ขา้ รบั ใชพ้ ระองคต์ ลอดไป
บทกลอนท่ี ๓ ถึงหนา้ แพแลเหน็ เรอื ท่นี ่ัง คดิ ถึงคร้ังก่อนมานา้ ตาไหล เคยหมอบรบั กบั พระจมื่นไวย แล้วลงในเรอื ทน่ี ั่งบลั ลงั ก์ทอง เคยทรงแต่งแปลงบทพจนารถ เคยรบั ราชโองการอา่ นฉลอง จนกฐนิ สนิ้ แมน่ า้ ในลาคลอง มไิ ด้ขอ้ งเคืองขดั หทั ยา เคยหมอบใกลไ้ ด้กลนิ่ สคุ นธ์ตรลบ ละอองอบรสรืน่ ชื่นนาสา ส้นิ แผน่ ดินสนิ้ รสสุคนธา วาสนาเรากส็ น้ิ เหมือนกลน่ิ สุคนธ์
ถอดคาประพนั ธบ์ ทท่ี ๓ เมอื่ ถึงหนา้ แพก็เหน็ เรอื พระทนี่ ่งั คดิ ถงึ เมอ่ื ก่อนรสู้ ึกเศรา้ จนนา้ ตาไหล เคยหมอบกราบรัชกาลท่ี ๒ กับพระจมนื่ ไวยซึ่งเป็นเพ่ือน แล้วก็ลงไปในเรือ บลั ลังก์ทอง เคยแตง่ แปลงบทความ เคยรบั ราชโองการอ่านในงานฉลอง จน เรอื ทมี่ าทอดกฐนิ หมดแลว้ ก็ยงั มิได้ทาใหพ้ ระองค์ขัดใจแต่อยา่ งใด เคยหมอบ กราบใกล้จนไดก้ ลน่ิ หอมจากพระวรกาย กลนิ่ หอมนั้นหอมจนตดิ จมกู แต่เมื่อ พระองค์สวรรคตกส็ ิ้นกลนิ่ หอมไปดว้ ย อีกท้ังยังเหมอื นวาสนาของสุนทรภกู่ ็ สน้ิ ตามกลิ่นไป
บทกลอนที่ ๔ ดใู นวงั ยังเหน็ หอพระอฐั ิ ตั้งสตเิ ติมถวายฝ่ายกศุ ล ทั้งปนิ่ เกลา้ เจา้ พภิ พจบสากล ใหผ้ ่องพน้ ภัยสาราญผา่ นบรุ ินทร์ ถอดคาประพันธบ์ ทที่ ๔ มองไปในวังยังเห็นหอท่ีเก็บพระอัฐิของรัชกาลที่ ๒ ก็ต้ังสติถวาย สว่ นบญุ สว่ นกุศล ทัง้ ส่งส่วนกศุ ลไปใหร้ ชั กาลท่ี ๓ ใหพ้ น้ ภัยในการปกครอง บา้ นเมือง
บทกลอนที่ ๕ ถึงอารามนามวดั ประโคนปกั ไม่เหน็ หลกั ลอื เลา่ วา่ เสาหิน เป็นสาคญั ปนั แดนในแผน่ ดิน มริ ้สู ิ้นสดุ ช่ือทล่ี ือชา ขอเดชะพระพทุ ธคณุ ช่วย แมน้ มอดมว้ ยกลับชาติวาสนา อายยุ ืนหมน่ื เทา่ เสาศิลา อยู่คฟู่ า้ ดนิ ไดด้ งั ใจปอง ไปพน้ วดั ทศั นาริมทา่ น้า แพประจาจอดรายเขาขายของ มีแพรผ้าสารพดั สมี ่วงตอง ทั้งสิง่ ของขาวเหลืองเครื่องสาเภา
ถอดคาประพนั ธบ์ ทที่ ๕ ถึงวัดประโคนปักก็มองไปไม่เห็นเสาหินท่ีลือกัน เป็นเสาท่ีสาคัญใน แผน่ ดิน ถึงจะไม่เหน็ กข็ ออานาจพระพทุ ธคณุ ช่วย ขอใหอ้ ายยุ นื หมื่นๆปีดงั เสาศลิ า อยู่คู่ฟา้ ดนิ ได้ตลอดไป พอเรอื ล่องเลยวัดไปกม็ องดรู มิ ท่าน้า มแี พมา จอดขายของอยู่เรียงราย มีขายท้ังผ้าแพรสีม่วงและสีอ่ืนๆ ทั้งสิ่งของที่มา จากเมืองจนี
บทกลอนที่ ๖ ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควนั โขมง มคี ันโพงผกู สายไวป้ ลายเสา โอ้บาปกรรมนา้ นรกเจียวอกเรา ให้มวั เมาเหมอื นหนง่ึ บา้ เปน็ น่าอาย ทาบญุ บวชกรวดนา้ ขอสาเรจ็ พระสรรเพชญโพธญิ าณประมาณหมาย ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย ไม่ใกล้กรายแกลง้ เมินก็เกินไป ไมเ่ มาเหล้าแลว้ แต่เรายังเมารัก สุดจะหกั ห้ามจติ คดิ ไฉน ถึงเมาเหล้าเชา้ สายก็หายไป แตเ่ มาใจนป้ี ระจาทุกคา่ คนื
ถอดคาประพนั ธ์บทท่ี ๖ ถึงโรงเหล้าก็มีควันออกมาจากเตากลั่นมากมาย มีเคร่อื งตักน้าผกู ไว้ปลายเสา สนุ ทรภู่เคยด่ืมน้าเหล้าจนเมาเหมอื นคนบา้ จึงไดบ้ วชเพอื่ จะได้ พน้ จากอบายมุข ขอใหไ้ ดต้ รสั รู้ดังพระพทุ ธเจา้ แต่เหลา้ เคยทาให้รอดชีวติ ดังนั้นจะเมนิ ไปกเ็ กินไป ถึงจะไม่เมาเหลา้ แต่ยังเมารกั อยู่ หกั ห้ามจติ ใจไม่ให้ รักไม่ได้ การเมาเหลา้ นน้ั พอรุ่งขน้ึ กห็ ายไป แตก่ ารเมารกั นน้ั จะเป็นประจา ทกุ ๆคนื
บทกลอนที่ ๗ ถงึ บางจากจากวดั พลดั พ่ีน้อง มามวั หมองม้วนหนา้ ไมฝ่ า่ ฝืน เพราะรกั ใคร่ใจจืดไมย่ ืดยืน จาต้องขืนใจพรากมาจากเมือง ถอดคาประพันธบ์ ทที่ ๗ ถึงบางจากไม่อยากได้ยินคาว่าจาก เพราะสุนทรภู่จาก หลายๆ อยา่ งมา ตอ้ งมีใจมัวหมอง เพราะรักนั้นไมย่ นื ยาว จงึ ต้อง จากเมอื งมา
บทกลอนท่ี ๘ ถึงบางพลคู ดิ ถงึ ค่เู มอื่ อยู่ครอง เคยใส่ซองส่งให้ลว้ นใบเหลอื ง ถงึ บางพลัดเหมอื นพ่พี ลดั มาขดั เคอื ง ท้ังพลดั เมอื งพลดั สมรมารอ้ นรน ถอดคาประพนั ธ์บทที่ ๘ ถึงบางพลูคิดถึงนางจันเมื่อแต่งงานกัน เคยส่งหมากพลูให้ โดยใส่ ซองหมากพลใู หท้ ง้ั หมด เป็นใบเหลืองซงึ่ อร่อยมาก ถงึ บางพลดั ก็ไมอ่ ยากได้ ยนิ คาวา่ พลดั เพราะไดพ้ ลัดพรากจากนางจนั ทั้งยงั พลดั พรากจากเมอื ง และ พลดั พรากอืน่ ๆ อยา่ งร้อนรน
บทกลอนที่ ๙ ถงึ บางโพโอพ้ ระศรมี หาโพธิ รม่ นโิ รธรุกขมลู ใหพ้ นู ผล ขอเดชะอานภุ าพพระทศพล ใหผ้ อ่ งพ้นภัยสาราญผา่ นบรุ นิ ทร์ ถอดคาประพันธ์บทที่ ๙ ถึงบางโพกค็ ดิ ถึงพระพทุ ธเจา้ ทเี่ ปน็ ดง่ั ตน้ โพธ์ิ ผทู้ ี่ใหธ้ รรมะ คาส่ังสอน เปน็ ร่มเงา ใหค้ วามรม่ เย็น ขอใหอ้ านาจของพระพุทธเจา้ จงชว่ ยใหพ้ น้ ภยั ตลอดไป
บทกลอนท่ี ๑๐ ถึงบา้ นญวนลว้ นแตโ่ รงแลสะพรั่ง มขี ้องขงั กงุ้ ปลาไว้ค้าขาย ตรงหนา้ โรงโพงพางเขาวางราย พวกหญงิ ชายพร้อมเพรยี งมาเมยี งมอง จะเหลยี วกลบั ลบั เขตประเทศสถาน ทรมานหม่นไหม้ฤทยั หมอง ถงึ เขมาอารามอรา่ มทอง พงึ่ ฉลองเลกิ งานเมื่อวานซืน
ถอดคาประพนั ธบ์ ทที่ ๑๐ ถงึ บา้ นญวนเหน็ มีโรงเรือนมากมาย ขา้ งหน้าโรงเรอื นวางขอ้ งใสก่ งุ้ ปลาไว้ขาย มีท้ังผู้หญิงและผู้ชายมาจับจ่ายซ้ือของ มองกลับไปยังประเทศ บา้ นเกดิ ก็ทรมานเหมอื นโดนไฟสุมในใจ จติ ใจกห็ ม่นหมอง ลอ่ งเรือมาจนถึง วัดเขมา กร็ วู้ า่ วัดแห่งนี้เพิ่งจะเลกิ งานฉลองไปเมื่อวานซืน
บทกลอนท่ี ๑๑ โอป้ างหลงั ครง้ั สมเด็จบรมโกศ มาผกู โบสถก์ ็ไดม้ าบชู าชืน่ ชมพระพิมพ์รมิ ผนงั ยงั ย่ังยนื ทงั้ แปดหม่นื สพี่ นั ไดว้ นั ทา โอค้ รง้ั นี้มไิ ด้เหน็ เล่นฉลอง เพราะตัวตอ้ งตกประดาษวาสนา เปน็ บญุ นอ้ ยพลอยนกึ โมทนา พอนาวาตดิ ชลเข้าวนเวียน ดนู ้าวง่ิ กลง้ิ เชย่ี วเป็นเกลยี วกลอก กลบั กระฉอกฉาดฉดั ฉวดั เฉวยี น บา้ งพลุ่งพลุง่ วุง้ วงเหมอื นกงเกวยี น ดเู วยี นเวยี นควา้ งควา้ งเปน็ หวา่ งวน ทั้งหวั ท้ายกรายแจวกระชากจ้วง ครรไลลว่ งเลยทางมากลางหน โอ้เรือพน้ วนมาในสาชล ใจยงั วนหวงั สวาทไมค่ ลาดคลา
ถอดคาประพันธบ์ ทท่ี ๑๑ คิดถงึ เม่อื ครัง้ ท่ีรชั กาลที่ ๒ ไดม้ าตัดหวายลูกนิมติ ได้ชมพระพมิ พ์ ทงั้ ๘๔,๐๐๐ องค์ ซึง่ เท่ากบั จานวนพระธรรมท่ีอยู่ในพระไตรปฎิ กท่ีอยูร่ ิม ผนัง แต่ครั้งน้ีไม่ได้เห็นการเล่นฉลอง เพราะสุนทรภู่ต้องหมดวาสนา เป็น เพราะตนเองบญุ น้อยจงึ นกึ เศรา้ แตแ่ ลว้ เรอื กต็ ดิ น้าวน มองเหน็ น้าว่งิ เช่ยี ว หมนุ เปน็ เกลียว พ่งุ ไปมาตดั กนั บางส่วนกพ็ งุ่ วนเหมือนกงเกวยี น ดเู วยี นๆ เป็นเหมอื นพายวุ น หัวท้ายเรอื ได้รบี แจวเรอื จึงหลุดพน้ จากน้าวนออกมาได้ อนั เรอื นั้นพน้ น้าวนมาแลว้ แตใ่ จสนุ ทรภกู่ ย็ งั ไมพ่ น้ จากวงั วนของความรัก
บทกลอนท่ี ๑๒ ตลาดแก้วแล้วไม่เห็นตลาดตง้ั สองฟากฝัง่ ก็แตล่ ว้ นสวนพฤกษา โอ้รนิ รินกล่นิ ดอกไม้ใกลค้ งคา เหมอื นกล่นิ ผา้ แพรดาร่ามะเกลอื เห็นโศกใหญใ่ กลน้ ้าระกาแฝง ท้ังรกั แซงแซมสวาทประหลาดเหลอื เหมอื นโศกพช่ี า้ ระกาเจอื เพราะรกั เร้อื แรมสวาทมาคลาดคลาย
ถอดคาประพันธบ์ ทที่ ๑๒ ถึงตลาดแก้วแต่ไม่เห็นมีตลาดตั้งขายของ ท้ังสองฝั่งเห็นแต่ต้นไม้ พชื พนั ธต์ุ า่ งๆ ไดก้ ล่นิ ดอกไม้หอมไปตลอดทางและกลนิ่ เหมอื นผ้าแพรที่ย้อม ดว้ ยมะเกลือ เหน็ ตน้ โศกใหญแ่ ละตน้ ระกาเปน็ แผง แตแ่ ปลกที่มตี ้นรกั ขึน้ แซม อยดู่ ้วย เหมอื นความโศกเศรา้ ระกาใจ เพราะความรักแม่จนั
บทกลอนที่ ๑๓ ถงึ แขวงนนทช์ ลมารคตลาดขวญั มพี ว่ งแพแพรพรรณเขาคา้ ขาย ทัง้ ของสวนล้วนเรอื อยเู่ รียงราย พวกหญงิ ชายประชมุ กนั ทกุ วันคนื ถอดคาประพันธ์บทที่ ๑๓ ถึงจงั หวดั นนทบรุ กี ็เหน็ มตี ลาดน้า มีแพคา้ ขายเสื้อผา้ เครอ่ื งนุง่ ห่ม มี ท้ังเรือจอดขายผลไม้จากสวน มีผหู้ ญงิ ผูช้ ายมาซ้อื ของกนั อยทู่ ุกวันทกุ คืน
บทกลอนที่ ๑๔ มาถงึ บางธรณที วโี ศก ยามวโิ ยคยากใจใหส้ ะอน้ื โอส้ ธุ าหนาแนน่ เปน็ แผน่ พ้นื ถงึ สห่ี มนื่ สองแสนทั้งแดนไตร เมอื่ เคราะหร์ า้ ยกายเรากเ็ ทา่ น้ี ไม่มที พี่ สุธาจะอาศยั ลว้ นหนามเหนบ็ เจบ็ แสบคบั แคบใจ เหมอื นนกไรร้ งั เรอ่ ยเู่ อกา
ถอดคาประพันธ์บทท่ี ๑๔ มาถงึ หมู่บา้ นบางธรณีก็รู้สกึ โศกเศร้ามาก ยามลาบากพาใจใหส้ ะอื้น ทงั้ ทแ่ี ผ่นดินหนาแนน่ ตั้งสี่หม่ืน สองแสน แตเ่ มื่อถงึ คราวลาบาก ไม่มีแม้แต่ แผน่ ดินท่ีจะอาศัยอยู่ เหมอื นโดนหนามเสยี ดแทงเจบ็ แสบมาก เหมอื นกับนก ไม่มรี ังที่จะอาศยั ต้องเร่รอ่ นไปเร่อื ยๆ
บทกลอนที่ ๑๕ ถึงเกร็ดยา่ นบา้ นมอญแต่ก่อนเก่า ผูห้ ญงิ เกลา้ มวยงามตามภาษา เด๋ียวน้มี อญถอนไรจกุ เหมือนตุ๊กตา ทง้ั ผัดหน้าจับเขมา่ เหมอื นชาวไทย โอ้สามญั ผันแปรไม่แทเ้ ทย่ี ง เหมือนอยา่ งเยี่ยงชายหญงิ ท้งิ วสิ ัย น่หี รอื จติ คิดหมายมหี ลายใจ ทจ่ี ติ ใครจะเปน็ หนง่ึ อย่างพงึ คิด
ถอดคาประพนั ธ์บทที่ ๑๕ ถงึ ปากเกร็ดซง่ึ เปน็ บรเิ วณทอี่ ย่อู าศัยของชาวมอญอพยพมา ผูห้ ญิง มอญจะเกล้าผมตามธรรมเนียม แต่สมัยน้ีผู้หญิงมอญมาถอนไรผมเหมือน ตุ๊กตา มีการใช้เครื่องสาอาง ใช้แป้งผัดหน้าเหมือนกับชาวไทย ทาให้เห็นได้ วา่ สมยั นที้ กุ ส่ิงทกุ อยา่ งไมม่ คี วามเที่ยงแทเ้ หมอื นดงั ทช่ี าวมอญละทงิ้ ประเพณี วัฒนธรรมของตนเอง แล้วจะนบั ประสาอะไรกบั จิตใจของคน อยา่ คดิ เลยวา่ จะมีแคใ่ จเดยี วตลอด
บทกลอนท่ี ๑๖ ถงึ บางพดู พูดดเี ป็นศรศี ักด์ิ มคี นรกั รสถ้อยอรอ่ ยจิต แม้นพดู ชวั่ ตวั ตายทาลายมิตร จะชอบผิดในมนุษยเ์ พราะพดู จา ถอดคาประพันธบ์ ทท่ี ๑๖ ถึงหมู่บา้ นบางพดู สุนทรภกู่ น็ ึกถึงคาวา่ พดู ดงั วา่ ถา้ ใครพดู ดกี จ็ ะมี คนรัก แต่ถา้ พูดไม่ดีก็อาจจะเป็นภัยต่อตนเองได้ อีกท้ังยังไม่มีใครคบ ไม่มี เพื่อนสนิทมติ รสหาย ทงั้ การจะดูวา่ ใครดีไม่ดนี ั้น ดูไดจ้ ากการพดู
บทกลอนที่ ๑๗ ถึงบา้ นใหมใ่ จจิตกค็ ดิ อา่ น จะหาบา้ นใหมม่ าดเหมือนปรารถนา ขอให้สมคะเนเถิดเทวา จะได้ผาสกุ สวสั ดิก์ าจดั ภัย ถอดคาประพนั ธ์บทที่ ๑๗ ถึงหมู่บ้านบ้านใหม่สุนทรภู่ก็คิดอยากจะได้บ้านสักหลังตามท่ี ต้องการ โดยขอกับเทวดาใหส้ มดงั ปรารถนา เพราะการมีบา้ นใหมจ่ ะได้มี ความสขุ และมีท่ีอยอู่ าศยั อย่างปลอดภยั
บทกลอนท่ี ๑๘ ถึงบางเดอื่ โอม้ ะเด่อื เหลือประหลาด บงั เกดิ ชาติแมลงหว่มี ใี นไส้ เหมอื นคนพาลหวานนอกยอ่ มขมใน อปุ ไมยเหมอื นมะเด่ือเหลือระอา ถอดคาประพันธบ์ ทท่ี ๑๙ ถึงหมู่บ้านบางเดื่อก็คิดถึงลูกมะเดื่อท่ีภายนอกนั้นดูสวยงามน่า รบั ประทาน แตภ่ ายในกลบั มีแมลงมหี นอนชอนไชอยู่ เหมือนกบั คนพาลที่ ภายนอกทาเปน็ ดีแตภ่ ายในใจคดิ ไม่ดี
บทกลอนท่ี ๑๙ ถงึ บางหลวงเชงิ รากเหมอื นจากรกั ส้เู สียศกั ดิ์สังวาสพระศาสนา เปน็ ลว่ งพ้นรนราคราคา ถงึ นางฟ้าจะใหไ้ มใ่ ยดี ถอดคาประพนั ธ์บทท่ี ๑๙ ถงึ บางหลวงเหมอื นจากนางจนั มานานแลว้ เราตอ้ งสละจากยศถา บรรดาศกั ดเ์ิ พอื่ มาบวชเพ่อื จะไดพ้ น้ จากกิเลสทง้ั หลายทงั้ ปวง ถึงจะมีนางฟา้ มายวั่ ก็ไมส่ นใจ
บทกลอนท่ี ๒๐ ถึงสามโคกโศกถวลิ ถึงปนิ่ เกล้า พระพทุ ธเจา้ หลวงบารงุ ซงึ่ กรงุ ศรี ประทานนามสามโคกเปน็ เมอื งตรี ชือ่ ปทมุ ธานีเพราะมบี ัว ถอดคาประพันธ์บทท่ี ๒๐ ถึงสามโคกก็คิดถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยซึ่ง พระองคป์ กครองเมอื ง พระองค์ไดพ้ ระราชทานนามเมืองจากสามโคกซงึ่ เป็น หัวเมอื งชั้นสามเป็นเมอื งปทมุ ธานีเพราะมดี อกบัวมาก
บทกลอนที่ ๒๑ โอ้พระคุณสูญลับไมก่ ลบั หลัง แตช่ ื่อตั้งก็ยังอยเู่ ขารทู้ ั่ว แตเ่ รานที้ ่สี นุ ทรประทานตวั ไม่รอดช่วั เชน่ สามโคกยิ่งโศกใจ ส้ินแผน่ ดินสนิ้ นามตามเสดจ็ ตอ้ งเท่ียวเตรด็ เตรห่ าทอ่ี าศัย แมน้ กาเนิดเกดิ ชาตใิ ดใด ขอให้ได้เปน็ ขา้ ฝา่ ธลุ ี สิน้ แผน่ ดนิ ขอใหส้ ิ้นชีวติ บา้ ง อยา่ รู้รา้ งบงกชบทศรี เหลอื อาลยั ใจตรมระทมทวี ทกุ วนั นก้ี ็ซังตายทรงกายมา
ถอดคาประพนั ธ์บทที่ ๒๑ ถึงพระองค์จะเสด็จสวรรคตไปแล้ว แต่ชื่อปทุมธานคี งอยู่ตลอดไป แตต่ ัวของสนุ ทรภชู่ ือ่ ขุนสนุ ทรโวหารท่ีไดร้ บั พระราชทานนามมา แต่กลบั ไม่ มีชื่อในแผ่นดินหลังจากพระองค์สวรรคตเลย ต้องเร่ร่อนหาท่ีอาศัย แม้เกิด ชาติใดขอได้เป็นข้ารับใช้พระองค์ตลอดไป พอพระองค์สวรรคตก็ขอตาย ตามบา้ ง ทกุ วันนก้ี ็เศรา้ โศกใจทกุ ขร์ ะทมอย่างมาก ตอ้ งเรร่ ่อนไปเร่อื ยๆ ชีวติ ไม่มีจดุ ม่งุ หมาย
บทกลอนที่ ๒๒ ถึงบา้ นง้วิ เหน็ แตง่ ว้ิ ละล่ิวสูง ไมม่ ฝี ูงสตั วส์ ิงกิ่งพฤกษา ด้วยหนามดกรกดาษระดะตา นกึ กน็ ่ากลวั หนามขามขามใจ งิว้ นรกสบิ หกองคลุ แี หลม ดังขวากแซมเส้ยี มแทรกแตกไสว ใครทาชคู้ ่ทู ่านครั้นบรรลัย ก็ตอ้ งไปปนี ต้นน่าขนพอง เราเกดิ มาอายุเพยี งนี้แลว้ ยังคลาดแคล้วครองตวั ไมห่ มอง ทกุ วนั น้วี ปิ รติ ผิดทานอง เจียนจะตอ้ งปนี บ้างหรืออย่างไร
ถอดคาประพันธบ์ ทท่ี ๒๒ ถึงบ้านงิ้วก็เห็นมีแต่ต้นงิ้ว ซึ่งไม่มีนกหรือสัตว์อ่ืนๆ อยู่บนก่ิงเลย เพราะต้นง้ิวมีหนามข้ึนอยู่มากมาย ง้ิวในนรกยาวถึง ๑๖ ข้อนิ้วแหลม เหมือนกับหนามท่แี หลมแทรกอยู่มากมาย ซง่ึ ใครที่มชี ู้เมอื่ ตายไปแล้วก็ต้อง ไปปีนต้นง้ิวในนรกน่าขนลุก เราเกิดมาอายุเท่าน้ีแล้ว แต่ยังครองตัวอยู่ใน ศีลธรรมไม่มีชู้ แต่ทุกวันน้ีผู้คนวิปริตมีชู้กันมาก คงจะต้องไปปีนต้นง้ิวใน นรกกันบา้ ง
บทกลอนท่ี ๒๓ โอค้ ดิ มาสารพดั จะตดั ขาด ตดั สวาทตดั รักมิยักไหว ถวลิ หวงั นัง่ นกึ อนาถใจ ถึงเกาะใหญ่ราชครามพอยามเยน็ ดหู า่ งยา่ นบ้านชอ่ งทั้งสองฝัง่ ระวังท้งั สตั วน์ า้ จะทาเข็ญ เปน็ ทอี่ ยผู่ รู้ า้ ยไม่วายเวน้ เทย่ี วซอ้ นเรน้ ตเี รอื เหลอื ระอา
ถอดคาประพนั ธ์บทที่ ๒๓ ทง้ั หมดทคี่ ดิ มาน้นั สามารถตดั ขาดได้ แตก่ ารตดั ความรกั นนั้ ยากย่ิงนกั นั่งคิดแล้วอนาถใจ เมื่อถึงเกาะใหญ่ ราชคราม ก็เวลาเย็นแล้ว มองไปเห็น บา้ นเรือนต่างๆ อย่หู า่ งจากสองฝงั่ มาก ในที่น้ตี อ้ งระวงั สตั วท์ อี่ ยู่ในนา้ จะมา ทาร้าย และระวงั ผู้รา้ ยท่ีจะมาคอยดกั ตีเรอื คดิ แลว้ นา่ เบอ่ื ยงิ่ นกั
บทกลอนท่ี ๒๔ พระสรุ ิยงลงลบั พยบั ฝน ดูมวั มนมืดมดิ ทกุ ทิศา ถงึ ทางลดั ตดั ทางมากลางนา ทง้ั แฝกคาแขมกกข้ึนรกเรยี้ ว เปน็ เงางา้ น้าเจิง่ ดเู วง้ิ วา้ ง ทงั้ กวา้ งขวางขวญั หายไม่วายเหลยี ว เหน็ ด่มุ ดุม่ หนุ่มสาวเสยี งกราวเกรยี ว ล้วนเรือเพรียวพรอ้ มหน้าพวกปลาเลย เขาถ่อคลองวอ่ งไวไปเป็นยดื เรือเราฝดื เฝอื มานจิ จาเอ๋ย ต้องถอ่ คา้ ร่าไปลว้ นไม่เคย ประเดี๋ยวเสยสวบตรงเขา้ พงรก กลบั ถอยหลังรงั้ รอเฝ้าถอ่ ถอน เรอื ขยอ้ นโยกโยนกระโถนหก เงียบสงัดสตั วป์ า่ คณานก นา้ คา้ งตกพรา่ งพรายพระพายพัด ไม่เหน็ คลองตอ้ งคา้ งอยูก่ ลางทงุ่ พอหยดุ ยุงฉชู่ ุมมารมุ กัด เป็นกลมุ่ กล่มุ กลมุ้ กายเหมือนทรายซดั ตอ้ งนั่งปัดแปะไปมิไดน้ อน
ถอดคาประพนั ธบ์ ทที่ ๒๔ เมื่อพระอาทติ ยต์ กกม็ เี มฆครมึ้ มาจนดูมดื มวั ไปทกุ ทศิ ทกุ ทาง พายเรอื ถงึ ทางลัดซ่ึงเปน็ ทางตดั กลางนากเ็ หน็ มตี น้ หญ้าคา ตน้ แขม ตน้ กก ขนึ้ ปะปน กันอยู่มากมาย เงาของต้นพวกนี้ทอดลงน้าทาให้ดูเว้ิงว้าง ดูกว้างขวาง เหลียวมองทีไรก็รู้สึกขวัญหายทุกที มองเห็นเงาของหญิงชายมีเสียงคุยกัน เกรียวกราว เรอื ของพวกเขาเพรยี วเล็กและมปี ลาอยบู่ นเรอื อกี ดว้ ย พวกเขา ถ่อเรือคล่องแคล่วเดินทางไปอย่างรวดเร็ว แต่เรือของเราไปช้ามาก ถ่อไป บางครงั้ ก็เขา้ พงหญา้ จะถอยหลังก็ถอยยาก บางครง้ั เรอื กโ็ คลงโยกจนกระโถน หก บรรยากาศเงียบสงดั ไมม่ สี ตั ว์เลยสักตวั มีแตน่ า้ ค้างตกเพราะลมพดั เม่ือ มองไปไมเ่ หน็ คลองเลยต้องคา้ งกันอยกู่ ลางทุ่ง แตพ่ อหยดุ เรอื ยงุ ก็มารมุ กดั เจบ็ เหมอื นโดนทรายซดั เลยไมไ่ ดน้ อนเพราะต้องนัง่ ปัดยงุ
บทกลอนท่ี ๒๕ แสนวติ กอกเอ๋ยมาอา้ งวา้ ง ในทงุ่ กว้างเหน็ แต่แขมแซมสลอน จนดึกดาวพราวพร่างกลางอมั พร กระเรียนรอ่ นร้องก้องเมือ่ สองยาม ท้งั กบเขยี ดเกรียดกรีดจังหรีดเรอื่ ย พระพายฉิวฉวิ วะหววิ หวาม วังเวงคดิ จิตคะนึงราพึงความ ถึงเมื่อยามยังอดุ มโสมนัส สารวลกบั เพอ่ื นรักสะพรักพร้อม อยู่แวดล้อมหลายคนปรนนบิ ตั ิ โอย้ ามเขญ็ เห็นอยแู่ ตห่ นูพัด ช่วยนั่งปัดยุงใหไ้ มไ่ กลกาย จนเดือนเดน่ เหน็ เหล่ากระจบั จอก ระดะดอกบัวเผ่อื นเม่ือเดอื นหงาย เห็นร่องน้าลาคลองทง้ั สองฝา่ ย ข้างหนา้ ท้ายถอ่ มาในสาคร
จนแจ่มแจง้ แสงตะวนั เห็นพนั ธผุ์ ัก ดนู ่ารกั บรรจงส่งเกสร เหลา่ บวั เผือ่ นแลสล้างริมทางจร กา้ มกุง้ ซอ้ นเสียดสาหร่ายใตค้ งคา สายตงิ่ แกมแซมสลบั ต้นตบั เต่า เปน็ เหลา่ เหลา่ แลรายทงั้ ซา้ ยขวา กระจบั จอกดอกบัวบานผกา ดาษดาดูขาวดงั ดาวพราย โอ้เช่นนส้ี ีกาได้มาเห็น จะลงเลน่ กลางทงุ่ เหมือนมุ่งหมาย ทมี่ เี รือน้อยน้อยจะลอยพาย เที่ยวถอนสายบวั ผันสนั ตะวา ถึงตัวเราเลา่ ถ้ามีโยมหญิง ไหนจะนิ่งดดู ายอายบุปผา คงจะใชใ้ หศ้ ษิ ยท์ ่ตี ดิ มา อตุ ส่าหห์ าเอาไปฝากตามยากจน นีจ่ นใจไม่มีเท่าขี้เลบ็ ขเี้ กียจเกบ็ เลยทางมากลางหน พอรอนรอนออ่ นแสงพระสุริยน ถึงตาบลกรงุ เก่ายงิ่ เศรา้ ใจ
ถอดคาประพันธ์บทท่ี ๒๕ รสู้ ึกอา้ งวา้ งมาก มองไปในท่งุ กวา้ งเหน็ มแี ตต่ ้นแขมขึ้นอยปู่ ะปนกนั จนดึกก็มีดาวอยู่กลางท้องฟ้า มีนกกระเรียนบินร่อนและร้องก้องเมื่อตอน เท่ยี งคนื มเี สียงกบเขยี ดร้องเรื่อยๆ มลี มพดั เฉอื่ ยๆ รสู้ กึ วงั เวงใจกค็ ดิ ราพึง ถงึ เม่อื ยามมคี วามสขุ ไดห้ ัวเราะเฮฮากบั เพื่อนรกั มีคนคอยปรนนิบตั ริ บั ใช้ แต่ยามลาบากยากเขญ็ เหน็ แต่หนูพัดลกู ชายคอยชว่ ยน่งั ปดั ยงุ อยใู่ กลๆ้ จน พระจันทรข์ น้ึ กเ็ หน็ ตน้ กระจบั จอก เห็นดอกบัวเผ่อื นขน้ึ มากเมอ่ื เดอื นหงาย มองเห็นคลองท้งั สองดา้ น หวั ทา้ ยเรอื จงึ ถอ่ เรอื จนพระอาทติ ย์ขึน้ กเ็ ห็นพนั ธ์ุ ผกั ดนู ่ารกั ส่งเกสรแกก่ ัน มบี วั เผ่ือนอยู่สองขา้ งทางทีเ่ รือพายไป มตี ้นกา้ มกุ้ง ขึน้ อย่กู บั สาหร่ายใต้นา้ มีตน้ สายต่งิ ข้ึนสลับกับตน้ ตับเตา่ เปน็ กลุ่มๆ ทั้งซา้ ย และขวา ตน้ กระจับจอก ดอกบวั บาน อยทู่ วั่ ไป มองไปสขี าวเหมอื นกบั ดาว
บนทอ้ งฟา้ แบบน้ีถ้าผหู้ ญงิ ไดม้ าเห็น ก็คงจะลงเลน่ กลางทงุ่ ที่มีเรือก็คงจะ พายไปเก็บสายบวั ถ้าตัวเรามีโยมผหู้ ญงิ กค็ งไมน่ งิ่ เฉยให้อายดอกไม้ คงจะ ใช้ให้ศิษย์ให้เก็บไปฝากเท่าที่ทาได้ในตอนนี้ แต่น่ีจนใจไม่มีผู้หญิงสักคน ข้เี กยี จเกบ็ จงึ เลยมา พอมแี สงอ่อนๆ ของพระอาทติ ย์ก็ถึงกรงุ ศรีอยุธยา ยง่ิ รู้สึกเศร้าใจ
บทกลอนท่ี ๒๖ มาทางท่าหน้าจวนจอมผู้รั้ง คดิ ถึงครั้งกอ่ นมานา้ ตาไหล จะแวะหาถา้ ทา่ นเหมอื นเม่ือเปน็ ไวย กจ็ ะได้รบั นมิ นต์ขน้ึ บนจวน แต่ยามยากหากวา่ ถา้ ทา่ นแปลก อกมแิ ตกเสียหรอื เราเขาจะสรวล เหมือนเขญ็ ใจใฝส่ งู ไม่สมควร จะตอ้ งม้วนหน้ากลบั อปั ระมาณ
ถอดคาประพนั ธ์บทที่ ๒๖ เมื่อถงึ หน้าจวนของเพ่อื น กค็ ดิ ถงึ เม่อื ก่อนจนน้าตาไหล จะแวะหา ถ้าทา่ นยังเหมอื นเมอื่ กอ่ น ก็คงจะไดร้ บั นิมนต์ข้ึนบนจวน แต่ถา้ หากว่าทา่ น แปลกไปก็คงจะโดนหวั เราะเยาะจะต้องอายมาก รสู้ กึ ไมก่ ลา้ ใฝ่สูงเปน็ เพ่อื น ได้ จึงได้เดนิ ทางต่อไปยงั เจดยี ภ์ ูเขาทอง
บทกลอนท่ี ๒๗ มาจอดทา่ หนา้ วัดพระเมรขุ ้าม ริมอารามเรือเรียงเคยี งขนาน บา้ งข้ึนล่องร้องราเล่นสาราญ ทัง้ เพลงการเกย้ี วแกก้ นั แซเ่ ซ็ง บา้ งฉลองผา้ ปา่ เสภาขบั ระนาดรบั รัวคล้ายกบั นายเส็ง มโี คมรายแลอร่ามเหมือนสามเพ็ง เมอ่ื คราวเคร่งก็มใิ ครจ่ ะไดด้ ู ไอ้ลาหน่งึ คร่งึ ทอ่ นกลอนมันมาก ชา่ งยาวลากเลื้อยเจ้ือยจนเหนื่อยหู ไมจ่ บบทลดเล้ยี วเหมือนเง้ียวงู จนลกู คู่ขอทเุ ลาวา่ หาวนอน ไดฟ้ ังเล่นต่างต่างท่ขี ้างวดั ดกึ สงัดเงยี บหลับลงกบั หมอน ประมาณสามยามคลา้ ในอัมพร อ้ายโจรจรจู่จว้ งเขา้ ลว้ งเรอื
Search