1 วิสัยทศั น์โรงเรยี นศึกษาสงเคราะหแ์ มฮ่ ่องสอน เป็นโรงเรียนมาตรฐานสากล ผ้เู รยี นเปน็ ผนู้ าในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมทอ้ งถิ่นและมีทกั ษะการเรียนรู้ แห่งศตวรรษท่ี 21 พนั ธกิจ 1. พัฒนาศกั ยภาพผเู้ รียนใหม้ ีคณุ ภาพตามเป้าหมายโรงเรยี นมาตรฐานสากล 2. สง่ เสริมผู้เรยี นให้เปน็ ผนู้ าในการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นโดยความรว่ มมอื ของผ้ปู กครอง ชุมชน และหนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง 3. พัฒนาศักยภาพผ้เู รียนใหเ้ ป็นบุคคลแห่งศตวรรษท่ี 21 4. สง่ เสรมิ ครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีสมรรถนะทางวิชาชพี 5. พฒั นาระบบบริหารจดั การตามเกณฑ์มาตรฐานสากล เปา้ ประสงค์ 1. ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายโรงเรยี นมาตรฐานสากล 2. ผู้เรยี นเปน็ ผู้นาในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ 3. ผู้เรยี นเปน็ บุคคลแหง่ ศตวรรษท่ี 21 4. ครแู ละบุคลากรทางการศึกษามีสมรรถนะทางวชิ าชพี 5. โรงเรียนมรี ะบบบริหารจัดการตามเกณฑ์มาตรฐานสากล วสิ ยั ทศั นก์ ล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาษาไทยเป็นเครื่องมือการสื่อสารของคนทั้งชาติ ใช้ทาความเข้าใจและใช้ภาษาประกอบกิจการงานท้ัง ส่วนตน ครอบครัว และกิจกรรมในสังคมและประเทศชาติ ภาษาไทยยังเป็นเคร่ืองมือการเรียนรู้ การบันทึก เรื่องราวจากอดีตจนถึงปัจจุบันและยังเป็นวัฒนธรรมของชาติ ดังน้ันการจัด การเรียนการสอนภาษาไทย จึงต้อง สอนภาษาไทยเพ่ือการส่ือสาร การสอนภาษาไทยให้คนรักการอ่าน การเขียน ท่ีจะแสวงหาความรู้และ ประสบการณ์ บันทึกความรู้และข้อมูลข่าวสาร ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องในฐานะเป็นวัฒนธรรมทางภาษา ให้ ผู้เรียนเกิดความชื่นชมซาบซ้ึงและภูมิใจในภาษาไทย เห็นคุณค่าของวรรณคดี และวรรณกรรม ตลอดจนภูมิ ปัญญาทางภาษาของบรรพบรุ ุษท่ีได้สร้างสรรค์ผลงาน ซึ่งเป็นส่วนสร้างเสริมความงดงามในชวี ติ ภาษาเป็นสื่อของความคิด ผู้เรียนมีภาษาใช้กว้างขวาง มีประมวลคาในการใช้พูด ฟัง อ่าน เขียนมาก ผู้เรียนจะคิดได้กว้างขวางลึกซ้ึงและสร้างเสริมความชาญฉลาด สามารถคิดสร้างสรรค์ คิดวิพากษ์วิจารณ์ คิดตัดสินใจแก้ปัญหาและวินิจฉัยอย่างมีเหตุผล ขณะเดียวกันการใช้ภาษาไทยอย่างสละสลวยย่อมเกิดสร้าง บุคลิกภาพของผู้ใช้ให้เกิดความน่าเช่ือถือ ภาษาไทยเป็นวิชาทักษะ ท่ีต้องฝึกฝนจนเกิดความชานาญในการใช้ ภาษาเพ่ือการสื่อสาร การอ่านและการฟังเป็นทักษะ ในการรับสาร ส่วนการพูดและการเขียนเป็นทักษะในการส่ง สาร ดังนั้นการเรียนภาษาไทย ต้องเรียนเพื่อการส่ือสารให้สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างพินิจพิเคราะห์
2 สามารถเลือกใช้คา เรียบเรียงความคิดความรู้ และใช้ภาษาได้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ ตรงความหมาย ถูกต้องตาม กาลเทศะบุคคลและมีประสิทธภิ าพ หลกั การของหลกั สูตรโรงเรยี นศึกษาสงเคราะหแ์ ม่ฮอ่ งสอน หลักสูตรโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์แม่ฮ่องสอน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีหลักการที่สาคัญ ดงั นี้ 1. เป็นหลักสูตรการศึกษา เพ่ือความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดมุ่งหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เปน็ เป้าหมายสาหรบั พัฒนาเดก็ และเยาวชนให้มคี วามรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคณุ ธรรม บนพนื้ ฐานของความเป็นไทยควบค่กู ับความเป็นสากล 2. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพ่ือปวงชน ท่ีประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค และมคี ณุ ภาพ 3. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้ สอดคลอ้ งกับสภาพและความตอ้ งการของท้องถ่ิน 4. เป็นหลักสตู รการศกึ ษาท่ีมีโครงสรา้ งยดื หยนุ่ ท้ังดา้ นสาระการเรียนรู้ และการจดั การเรยี นรู้ 5. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่เี นน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั 6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุก กลุ่มเปา้ หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์ หลักการกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหลกั การทสี่ าคัญ ดงั นี้ 1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐาน การเรียนรู้เป็น เป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติและคุณธรรม บนพื้นฐานของความเป็นไทย ควบคู่กับความเป็นสากล 2. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพ่ือปวงชนท่ีประชาชนทุกคน มีโอกาสได้รับการศึกษา อย่างเสมอภาคและ มี คุณภาพ 3. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีสนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้ สอดคลอ้ งกับสภาพและความต้องการของท้องถ่ิน 4. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่มี ีโครงสร้างยืดหย่นุ ท้งั ด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัดการเรียนรู้ 5. เปน็ หลกั สูตรการศึกษาทีเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสาคัญ 6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุก กลมุ่ เป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้และประสบการณ์
3 จดุ มุ่งหมายหลกั สูตรโรงเรยี นศึกษาสงเคราะห์แม่ฮอ่ งสอน หลักสตู รโรงเรยี นศึกษาสงเคราะห์แม่ฮ่องสอน ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็น คนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกาหนดเป็นจุดหมาย เพื่อให้ เกดิ กับผเู้ รยี นเม่ือจบการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน ดงั นี้ 1. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาทต่ี นนบั ถือ ยดึ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2. มีความรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการส่ือสาร การคิด การแก้ปัญหาการใช้เทคโนโลยี และมที ักษะชวี ิต 3. มสี ขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ ที่ดี มีสุขนสิ ัย และรกั การออกกาลงั กาย 4. มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิต และการ ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข 5. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิต สาธารณะ ทีม่ ุ่งมน่ั ทาประโยชนแ์ ละสรา้ งสง่ิ ท่ีดีงามในสังคม และอย่รู ่วมกันในสังคมอย่างมีความสขุ จดุ มุ่งหมายกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ จึงกาหนดเป็นจุดหมายเพ่ือให้เกิดกับผู้เรียน เมื่อจบการศึกษาข้ัน พื้นฐานดงั น้ี 1. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาท่ีตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. มีความรู้ ความสามารถในการส่ือสาร การคิด การแก้ปญั หา การใชเ้ ทคโนโลยีและมีทักษะชวี ติ 3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตท่ีดี มีสุขนิสยั และรักการออกกาลังกาย 4. มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลเมืองโลกยึดมั่นในวิถีชีวิต และการ ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข 5. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อม มีจิต สาธารณะทีม่ ุ่งทาประโยชน์และสร้างสิ่งทดี่ ีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน หลักสูตรโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์แม่ฮ่องสอนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มุ่งให้ผู้เรียนเกิด สมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ดงั น้ี 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมใน การใช้ ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร และประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคมรวมท้ังการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและ
4 ลดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใชว้ ธิ กี ารสือ่ สารทม่ี ีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบทีม่ ีต่อตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ การคิดสงั เคราะห์ การคิดอยา่ ง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้าง องค์ความรู้หรือ สารสนเทศเพอ่ื การตัดสนิ ใจเกี่ยวกับตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา เปน็ ความสามารถในการแก้ปญั หาและอปุ สรรคตา่ ง ๆ ทเ่ี ผชญิ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมบนพื้นฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและข้อมลู สารสนเทศ เขา้ ใจความสัมพันธแ์ ละ การเปลย่ี นแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกนั และ แกไ้ ขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มปี ระสทิ ธภิ าพโดยคานึงถึงผลกระทบทีเ่ กดิ ข้นึ ต่อตนเอง สังคมและ ส่งิ แวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่างๆ ไปใช้ในการ ดาเนินชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทางาน และการอยู่ร่วมกันใน สังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่าง เหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเล่ียง พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ทส่ี ่งผลกระทบต่อตนเองและผ้อู น่ื 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพฒั นาตนเองและสังคม ในด้านการเรยี นรู้ การส่ือสาร การ ทางาน การแก้ปัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และมีคณุ ธรรม คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ หลักสูตรโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์แม่ฮ่องสอนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มี คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพ่ือให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมือง ไทยและพลโลก ดังนี้ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซือ่ สัตย์สจุ ริต 3. มีวินยั 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยอู่ ย่างพอเพยี ง 6. มุง่ ม่นั ในการทางาน 7. รกั ความเปน็ ไทย 8. มจี ติ สาธารณะ นอกจากนี้ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์แม่ฮ่องสอนยังกาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมให้ สอดคล้องกับบริบทและจุดเน้นของสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษและโรงเรียนในแต่ละปีการศึกษาอีก ดว้ ย
5 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ความสาคัญ ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ประจาชาติ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ และ เสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้าง ความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทาให้สามารถประกอบกิจธุระ การงานและการดารงชีวิตร่วมกัน ในสังคมประชาธิปไตยได้อย่างสันติสุข และเป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูล สารสนเทศต่าง ๆ เพื่อพัฒนาความรู้ ความคิดวิเคราะห์วิจารณ์ และสร้างสรรค์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทาง สังคม และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ตลอดจนนาไปใช้ ในการพัฒนาอาชีพให้มีความม่ันคง ทางสังคมและเศรษฐกิจ นอกจากน้ียังเป็นส่ือที่แสดงภูมิปัญญา ของบรรพบุรุษด้านวัฒนธรรม ประเพณี ชีว ทศั น์ โลกทัศน์และสุนทรยี ภาพ โดยบันทึกไว้เป็นวรรณคดีและวรรณกรรมอันล้าค่า ภาษาไทยจึงเป็นสมบัติของ ชาติท่ีควรค่าแก่การเรียนรู้ เพื่ออนุรักษ์และสืบสานให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยจะ ให้ความรู้แก่ผู้เรียนในเนื้อหาสาระเกี่ยวกับหลักภาษา การเรียนรู้สระต่าง ๆ การอ่านจับใจความ ฝึกเขียนคา การประสมคา ประโยค และข้อความสั้น ๆ ตามขอบเขตที่กาหนดไว้ในแต่ละระดับช้ัน โดยการจัดการเรียนรู้ ใน ลกั ษณะการบูรณาการ หรือ สหวิทยาการ ดา้ นทักษะและกระบวนการ ในการเรียนภาษาไทยน้ัน ผู้เรียนควรจะได้พัฒนากระบวนการต่าง ๆ จนเกิดทักษะและกระบวนการ ดังน้ี ทักษะการคดิ ทักษะการแกป้ ญั หา ทักษะการเรียนรู้ ทกั ษะกระบวนการกลุ่ม กระบวนการเขยี น กระบวนการคิด กระบวนการอา่ น ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เมื่อกาหนดงานให้นักเรียนทา นักเรียนมีความรับผิดชอบ ตั้งใจเรียน มีความขยัน ในการทางาน ตรงต่อ เวลา และมคี วามซ่ือสัตยต์ ่องานท่ีได้รับมอบหมาย ธรรมชาติ/ลักษณะเฉพาะ ภาษาไทยเป็นเครื่องมือใช้สื่อสาร เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันและตรงตามจุดมุ่งหมาย ไม่ว่า จะเป็นการแสดงความคิด ความต้องการและความรู้สึก คาในภาษาไทยย่อมประกอบด้วยเสียง รูปพยัญชนะ
6 สระ วรรณยุกต์และความหมาย ส่วนประโยคเป็นการเรยี งคาตามหลักเกณฑ์ของภาษา และหลายประโยคเรียงกัน เป็นข้อความ นอกจากน้ันคาในภาษาไทยยังมีเสียงหนักเบา มีระดับ ของภาษา ซ่ึงต้องใช้ให้เหมาะสมแก่ กาลเทศะและบุคคล ภาษาย่อมมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาตามสภาพวัฒนธรรมของกลุ่มคน ตามสภาพของ สังคมและเศรษฐกิจ การใช้ภาษาไทยเป็นทักษะที่ผู้ใช้ต้องฝึกฝนให้เกิดความชานาญไม่ว่าจะเป็นการอ่าน การ เขียน การพูด การฟังและการดูส่ือต่าง ๆ รวมทั้งต้องใช้ให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางภาษา เพ่ือส่ือสารให้เกิด ประสทิ ธภิ าพ และใช้อยา่ งคล่องแคลว่ มวี ิจารณญาณและมีคณุ ธรรม ทาไมต้องเรยี นภาษาไทย ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ของชาติ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรม อันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ และเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเคร่ืองมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้าง ความเข้าใจและสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทาให้สามารถประกอบกิจธุระ การงาน และการดารงชีวิตร่วมกัน ในสังคม ประชาธิปไตยได้อย่างสันติสุข และเป็นเครื่องมือ ในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ ต่าง ๆ เพื่อพัฒนาความรู้ พัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์และสร้างสรรค์ ให้ทันต่อการเปล่ียนแปลง ทางสังคม และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนนาไปใช้ในการพัฒนาอาชีพให้มีความม่ันคง ทางเศรษฐกิจ นอกจากน้ียังเป็นสื่อแสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษด้านวัฒนธรรม ประเพณี และสุนทรียภาพ เป็นสมบัติลา้ ค่าควรแก่การเรียนรู้ อนุรักษ์และสืบสานให้คงอยู่คูช่ าติไทยตลอดไป เรียนรู้อะไรในภาษาไทย ภาษาไทยเป็นทักษะทต่ี ้องฝึกฝนจนเกิดความชานาญในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร การเรยี นรอู้ ย่างมี ประสิทธภิ าพ และเพ่ือนาไปใช้ในชวี ติ จริง • การอ่าน การอ่านออกเสียงคา ประโยค การอ่านบทร้อยแก้ว คาประพันธ์ชนิดต่าง ๆ การอ่าน ในใจ เพือ่ สรา้ งความเข้าใจ และการคิดวิเคราะห์ สังเคราะหค์ วามรจู้ ากสิ่งทอ่ี ่านเพื่อนาไปปรับใชใ้ นชวี ิตประจาวัน • การเขียน การเขียนสะกดตามอักขรวิธี การเขียนสื่อสาร โดยใช้ถ้อยคาและรูปแบบต่าง ๆ ของการ เขียน ซึ่งรวมถึงการเขียนเรียงความ ย่อความ รายงานชนิดต่าง ๆ การเขียนตามจินตนาการ วิเคราะห์วิจารณ์ และเขยี นเชงิ สร้างสรรค์ • การฟัง การดู และการพูด การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเห็นความรู้สึก พูดลาดับเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเป็นเหตุผล การพูดในโอกาสต่าง ๆ ท้ังเป็นทางการและไม่เป็นทางการ และการ พดู เพ่ือโน้มนา้ วใจ • หลักการใชภ้ าษาไทย ธรรมชาตแิ ละกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมาะสมกับ โอกาสและบุคคล การแตง่ บทประพันธป์ ระเภทต่าง ๆและอิทธพิ ลของภาษาต่างประเทศในภาษาไทย • วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรม เพื่อศึกษาข้อมูลแนวความคิดคุณค่า ของงานประพันธ์และความเพลิดเพลนิ การเรียนรู้และทาความเข้าใจบทเห่ บทร้องเล่นของเด็ก เพลงพื้นบ้านท่ี เป็นภูมิปัญญาท่ีมีคุณค่าของไทย ซึ่งได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ค่านิยมขนบธรรมเนียมประเพณี เร่ืองราว
7 ของสังคมในอดีต และความงดงามของภาษา เพื่อให้เกิดความซาบซึ้งและภูมิใจในบรรพบุรุษท่ีสั่งสมสืบทอดมา จนถึงปจั จุบัน นโยบายการจดั การศกึ ษา ในปัจจุบันมีเด็กด้อยโอกาสอีกเป็นจานวนมากและยังขาดโอกาสที่จะได้รับการศึกษา เป็นผลให้ การบริการการศึกษาข้ันพืน้ ฐานยังไม่ครอบคลุมและท่ัวถึง แม้ว่าจะมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและ องค์การเอกชนได้พยายามจัดบริการการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ แต่การให้บริการยังไม่เป็นธรรมและไม่เอ้ือ ประโยชนแ์ กผ่ ูด้ อ้ ยโอกาสอย่างแทจ้ ริง (สานักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา, 2548) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กาหนดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันใน การรบั การศกึ ษาข้นั พ้ืนฐานอย่างท่ัวถงึ และมีคุณภาพ เพ่อื ให้เด็กด้อยโอกาสไดร้ ับโอกาสทางการศกึ ษาอยา่ ง เท่าเทียมกับเด็กทั่วไป มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ท่ีดี สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมี ความสุข มีอาชีพเล้ียงตนเองและเป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาประเทศ จึงมีความจาเป็นอย่างยิ่งท่ีต้อง กาหนดให้มนี โยบายการจัดการศึกษาสาหรับเด็กดอ้ ยโอกาสเพ่ือนาไปสู่การปฏบิ ัตอิ ยา่ งเป็นรูปธรรมและเกิด มรรคผลอย่างจริงจงั (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2551) โรงเรียนศกึ ษาสงเคราะห์แม่ฮ่องสอน ไดก้ าหนดนโยบายการจัดการศกึ ษาสาหรบั เด็กดอ้ ยโอกาสไว้ ดังนี้ 1. บริการการศึกษาอย่างเสมอภาคและท่ัวถงึ ให้เด็กด้อยโอกาสทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษา อย่างเหมาะสมและหลากหลายรูปแบบ โดยคานึงถึงหลักการสิทธิเด็ก สิทธิมนุษยชน และศักด์ิศรีของ ความเป็นมนษุ ย์ 2. จัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพเน้นการเรียนรู้เพ่ือชีวิตท่ีเหมาะสมกับเด็กด้อยโอกาสโดยต้อง บูรณาการท้ังด้านวิชาการ ด้านศีลธรรม จริยธรรม และด้านทักษะการดารงชีวิตในสัดส่วนท่ีเหมาะสม และมีมาตรฐานคุณภาพเทา่ เทียมกับการศึกษาในระบบปกติ 3. ส่งเสริมสนบั สนุนให้มกี ารจดั สรรทรพั ยากรเพ่ือการศึกษาและปัจจัยพื้นฐานอ่ืนๆ สอดคล้อง กบั สภาพความเปน็ จรงิ ของเดก็ ด้อยโอกาสแตล่ ะประเภท เพ่อื ให้เปน็ ไปตามวัตถปุ ระสงค์ 4. จัดระบบบริหารจัดการ ให้เอ้ือต่อการจัดการศึกษาสาหรับเด็กด้อยโอกาสอย่างมีคุณภาพ และมปี ระสทิ ธภิ าพ 5. สร้างและพัฒนาเครือข่ายการจัดการศึกษาสาหรับเด็กด้อยโอกาสให้มีศักยภาพและ ความ พรอ้ มในการจัดการศึกษาและสามารถให้ความช่วยเหลอื เด็กดอ้ ยโอกาสอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและทนั การณ์ (นายอดศิ ร แดงเรอื น) ( นายปญั ญา จนี าคา ) ผู้อานวยการโรงเรยี นศึกษาสงเคราะหแ์ ม่ฮ่องสอน ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พื้นฐาน
8 คุณภาพผู้เรียน จบชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองเป็นทานองเสนาะได้ถูกต้องและเข้าใจ ตีความ แปลความ และขยายความเรอ่ื งท่ีอา่ นได้ วิเคราะห์วิจารณ์เร่ืองทอ่ี ่าน แสดงความคิดเห็นโต้แย้งและเสนอ ความคิดใหม่จากการอ่านอย่างมีเหตุผล คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองที่อ่าน เขียนกรอบแนวคิด ผัง ความคดิ บันทึก ยอ่ ความ และเขียนรายงานจากส่ิงท่อี ่าน สังเคราะห์ ประเมินค่า และนาความรูค้ วามคิด จากการอ่านมาพัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรู้ทางอาชีพ และนาความรู้ความคิดไป ประยุกตใ์ ช้แก้ปญั หาในการดาเนนิ ชีวติ มมี ารยาทและมนี สิ ยั รักการอ่าน เขียนส่ือสารในรปู แบบต่างๆ โดยใช้ภาษาได้ถกู ต้องตรงตามวตั ถุประสงค์ ยอ่ ความจากสื่อที่มี รูปแบบและเน้ือหาท่ีหลากหลาย เรียงความแสดงแนวคิดเชิงสร้างสรรค์โดยใช้โวหารต่างๆ เขียนบันทึก รายงานการศึกษาค้นควา้ ตามหลักการเขียนทางวิชาการ ใชข้ ้อมลู สารสนเทศในการอ้างอิง ผลติ ผลงานของ ตนเองในรูปแบบต่างๆ ทั้งสารคดีและบันเทิงคดี รวมทั้งประเมินงานเขียนของผู้อื่นและนามาพัฒนางาน เขยี นของตนเอง ตง้ั คาถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรอ่ื งที่ฟังและดู มีวิจารณญาณในการเลือกเรื่องที่ฟัง และดู วิเคราะห์วัตถุประสงค์ แนวคิด การใช้ภาษา ความน่าเช่ือถือของเร่ืองที่ฟังและดู ประเมินสิ่งที่ฟัง และดูแล้วนาไปประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิต มีทักษะการพูดในโอกาสต่างๆ ทั้งท่ีเป็นทางการและไม่เป็น ทางการโดยใช้ภาษาที่ถูกต้อง พูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าว และเสนอแนวคิดใหม่อย่างมีเหตุผล รวมทั้งมีมารยาทในการฟงั ดู และพูด เข้าใจธรรมชาติของภาษา อิทธิพลของภาษา และลักษณะของภาษาไทย ใช้คาและกลุ่มคา สร้างประโยคได้ตรงตามวัตถุประสงค์ แต่งคาประพันธ์ประเภท กาพย์ โคลง ร่ายและฉันท์ ใช้ภาษาได้ เหมาะสมกับกาลเทศะและใช้คาราชาศัพท์และคาสุภาพได้อย่างถูกต้อง วิเคราะห์หลักการ สร้างคาใน ภาษาไทย อิทธิพลของภาษาต่างประเทศในภาษาไทยและภาษาถ่ิน วิเคราะหแ์ ละประเมนิ การใชภ้ าษาจาก ส่อื สิ่งพิมพ์และสือ่ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ วิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการวิจารณ์วรรณคดีเบื้องต้น รู้และเข้าใจ ลักษณะเด่นของวรรณคดี ภูมิปัญญาทางภาษาและวรรณกรรมพื้นบ้าน เชื่อมโยงกับการเรียนรู้ทาง ประวัติศาสตร์และวิถีไทย ประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ และนาข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมไป ประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ
9 คุณภาพผ้เู รียน จบชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองเป็นทานองเสนาะได้ถูกต้องและเข้าใจ ตีความ แปลความ และขยายความเรอ่ื งท่ีอา่ นได้ วิเคราะห์วิจารณ์เร่ืองท่ีอ่าน แสดงความคิดเห็นโต้แย้งและเสนอ ความคิดใหม่จากการอ่านอย่างมีเหตุผล คาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องท่ีอ่าน เขียนกรอบแนวคิด ผัง ความคิด บนั ทึก ยอ่ ความ และเขียนรายงานจากสิ่งที่อ่าน สังเคราะห์ ประเมินค่า และนาความร้คู วามคิด จากการอ่านมาพัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรู้ทางอาชีพ และนาความรู้ความคิดไป ประยุกตใ์ ช้แก้ปัญหาในการดาเนนิ ชีวิต มีมารยาทและมีนิสยั รักการอา่ น เขียนสื่อสารในรปู แบบต่างๆ โดยใช้ภาษาได้ถกู ตอ้ งตรงตามวัตถุประสงค์ ย่อความจากสือ่ ท่ีมี รูปแบบและเน้ือหาท่ีหลากหลาย เรียงความแสดงแนวคิดเชิงสร้างสรรค์โดยใช้โวหารต่างๆ เขียนบันทึก รายงานการศึกษาค้นควา้ ตามหลกั การเขียนทางวิชาการ ใช้ข้อมูลสารสนเทศในการอ้างอิง ผลติ ผลงานของ ตนเองในรูปแบบต่างๆ ทั้งสารคดีและบันเทิงคดี รวมทั้งประเมินงานเขียนของผู้อื่นและนามาพัฒนางาน เขียนของตนเอง ตั้งคาถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรอ่ื งท่ีฟังและดู มีวิจารณญาณในการเลือกเร่ืองที่ฟัง และดู วิเคราะห์วัตถุประสงค์ แนวคิด การใช้ภาษา ความน่าเชื่อถือของเรื่องท่ีฟังและดู ประเมินส่ิงท่ีฟัง และดูแล้วนาไปประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิต มีทักษะการพูดในโอกาสต่างๆ ท้ังที่เป็นทางการและไม่เป็น ทางการโดยใช้ภาษาที่ถูกต้อง พูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าว และเสนอแนวคิดใหม่อย่างมีเหตุผล รวมทง้ั มีมารยาทในการฟัง ดู และพดู เข้าใจธรรมชาติของภาษา อิทธิพลของภาษา และลักษณะของภาษาไทย ใช้คาและกลุ่มคา สร้างประโยคได้ตรงตามวัตถุประสงค์ แต่งคาประพันธ์ประเภท กาพย์ โคลง ร่ายและฉันท์ ใช้ภาษาได้ เหมาะสมกับกาลเทศะและใช้คาราชาศัพท์และคาสุภาพได้อย่างถูกต้อง วิเคราะห์หลักการ สร้างคาใน ภาษาไทย อทิ ธิพลของภาษาต่างประเทศในภาษาไทยและภาษาถ่ิน วิเคราะหแ์ ละประเมนิ การใชภ้ าษาจาก สอ่ื สงิ่ พิมพ์และสื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ วิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการวิจารณ์วรรณคดีเบื้องต้น รู้และเข้าใจ ลักษณะเด่นของวรรณคดี ภูมิปัญญาทางภาษาและวรรณกรรมพื้นบ้าน เช่ือมโยงกับการเรียนรู้ทาง ประวัติศาสตร์และวิถีไทย ประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ และนาข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมไป ประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตจริง
10 มาตรฐาน/ตัวชว้ี ดั การเรยี นรู้ สาระที่ 1 การอ่าน มาตรฐาน ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือนาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปัญหาใน การดาเนนิ ชีวติ และมีนสิ ยั รักการอา่ น ชนั้ ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.4-ม.6 1. อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและ • การอา่ นออกเสียง ประกอบดว้ ย บ ท ร้ อ ย ก รอ งได้ อ ย่ างถู ก ต้ อ ง - บทร้อยแก้วประเภทต่างๆ เช่น บทความ ไพเราะ และเหมาะสมกับเร่ืองที่ นวนิยาย และความเรียง อ่าน - บทร้อยกรอง เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน รา่ ย และลิลติ 2. ตีความ แปลความ และขยายความ • การอ่านจับใจความจากส่อื ต่างๆ เช่น เร่ืองท่ีอ่าน - ข่าวสารจากส่ือส่ิงพิมพ์ ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ 3. วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่อ่าน และแหลง่ เรียนรตู้ า่ ง ๆ ในชมุ ชน ในทุกๆ ด้านอย่างมเี หตผุ ล - บทความ 4. คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองท่ีอ่าน - นิทาน และป ระเมิน ค่าเพ่ื อน าความ รู้ - เรือ่ งสัน้ ความคิดไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหาใน - นวนิยาย การดาเนินชีวิต - วรรณกรรมพ้นื บา้ น 5. วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความ - วรรณคดีในบทเรยี น คิดเห็นโต้แย้งกับเร่ืองที่อ่าน และ - บทโฆษณา เสนอความคดิ ใหม่อย่างมีเหตผุ ล - สารคดี 6. ตอบคาถามจากการอ่านประเภท - บันเทิงคดี ตา่ งๆ ภายในเวลาทก่ี าหนด - ปาฐกถา 7. อ่านเรื่องต่างๆ แล้วเขียนกรอบ - พระบรมราโชวาท แนวคิดผังความคิด บันทึก ย่อความ - เทศนา และรายงาน - คาบรรยาย 8. สังเคราะห์ความรู้จากการอ่าน - คาสอน ส่ือส่ิงพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์และ - บทรอ้ ยกรองร่วมสมยั แหล่งเรียนรู้ต่างๆ มาพัฒนาตน - บทเพลง พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรู้ - บทอาเศยี รวาท ทางอาชีพ - คาขวญั 9. มมี ารยาทในการอ่าน • มารยาทในการอ่าน
11 สาระที่ 2 การเขยี น มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมี ประสิทธภิ าพ ชน้ั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ม.4-ม.6 1. เขียนสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ได้ • การเขยี นส่ือสารในรปู แบบต่างๆ เช่น ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ภาษา - อธบิ าย เรียบเรียงถูกต้อง มีข้อมูล และ - บรรยาย สาระสาคญั ชัดเจน - พรรณนา - แสดงทรรศนะ - โต้แยง้ - โนม้ น้าว - เชญิ ชวน - ประกาศ - จดหมายกจิ ธุระ - โครงการและรายงานการดาเนินโครงการ - รายงานการประชมุ - การกรอกแบบรายการต่างๆ 2. เขียนเรียงความ • การเขยี นเรียงความ 3. เขียนย่อความจากสื่อที่มีรูปแบบ • การเขยี นย่อความจากสื่อต่างๆ เช่น และเนื้อหาหลากหลาย - กวนี พิ นธ์ และวรรณคดี - เร่ืองส้ัน สารคดี นวนิยาย บทความทาง วชิ าการ และวรรณกรรมพืน้ บ้าน 4. ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบ • การเขยี นในรูปแบบตา่ งๆ เช่น ต่างๆ - สารคดี - บนั เทงิ คดี 5. ประเมินงานเขียนของผู้อ่ืน แล้ว • การประเมนิ คุณค่างานเขียนในด้านตา่ งๆ เชน่ นามาพัฒนางานเขียนของตนเอง - แนวคดิ ของผเู้ ขียน - การใชถ้ ้อยคา - การเรียบเรียง - สานวนโวหาร - กลวิธใี นการเขียน 6. เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า • การเขียนรายงานเชิงวิชาการ เรื่องที่สนใจตามหลักการเขียนเชิง • การเขยี นอ้างอิงข้อมลู สารสนเทศ วิชาการ และใช้ข้อมูลสารสนเทศ
12 ชัน้ ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง อา้ งองิ อยา่ งถูกต้อง 7. บันทึกการศึกษาค้นคว้าเพ่ือนาไป • การเขียนบันทึกความรู้จากแหล่งเรียนรู้ท่ี พฒั นาตนเองอยา่ งสมา่ เสมอ หลากหลาย 8. มมี ารยาทในการเขยี น • มารยาทในการเขยี น สาระที่ 3 การฟัง การดู และการพูด มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึกใน โอกาสตา่ งๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ชัน้ ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.4-ม.6 1. สรุปแนวคิด และแสดงความคิดเห็น • การพูดสรุปแนวคิด และการแสดงความ จากเรอ่ื งท่ฟี งั และดู คดิ เหน็ จากเร่ืองทีฟ่ ังและดู 2. วเิ คราะห์ แนวคิด การใช้ภาษา และ • การวิเคราะห์แนวคิด การใช้ภาษา และความ ความนา่ เชอ่ื ถอื จากเรอื่ งที่ฟงั และดู น่าเชือ่ ถือจากเรื่องท่ีฟงั และดู อย่างมเี หตผุ ล • การเลอื กเร่ืองท่ีฟังและดอู ย่างมีวจิ ารณญาณ 3. ประเมินเร่อื งทฟ่ี งั และดู แล้วกาหนด • การประเมินเรื่องที่ฟังและดูเพื่อกาหนด แนวทางนาไปประยกุ ต์ใชใ้ น แนวทางนาไปประยุกตใ์ ช้ การดาเนินชีวติ 4. มีวิจารณญาณในการเลือกเรื่องที่ฟัง และดู 5. พูดในโอกาสต่างๆ พูดแสดงทรรศนะ • การพูดในโอกาสต่างๆ เช่น โต้แย้ง โน้มน้าวใจ และเสนอแนวคิด - การพูดตอ่ ทีป่ ระชมุ ชน ใหม่ด้วยภาษาถกู ต้องเหมาะสม - การพูดอภิปราย - การพูดแสดงทรรศนะ - การพูดโนม้ นา้ วใจ 6. มีมารยาทในการฟงั การดู และ • มารยาทในการฟัง การดู และการพูด การพดู
13 สาระท่ี 4 หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ ชัน้ ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.4-ม.6 1. อธิบายธรรมชาติของภาษา พลังของ • ธรรมชาติของภาษา ภาษา และลักษณะของภาษา • พลังของภาษา • ลักษณะของภาษา - เสยี งในภาษา - ส่วนประกอบของภาษา - องค์ประกอบของพยางคแ์ ละคา 2. ใช้คาและกลุ่มคาสร้างประโยคตรง • การใช้คาและกลุม่ คาสร้างประโยค ตามวตั ถุประสงค์ - คาและสานวน - การร้อยเรยี งประโยค - การเพมิ่ คา - การใชค้ า - การเขยี นสะกดคา 3 . ใช้ ภ า ษ า เห ม า ะ ส ม แ ก่ โอ ก า ส • ระดับของภาษา กาลเทศะ และบุคคล รวมท้ังคาราชา • คาราชาศพั ท์ ศพั ท์อยา่ งเหมาะสม 4. แต่งบทรอ้ ยกรอง • กาพย์ โคลง รา่ ย และฉันท์ 5. วิเคราะห์อทิ ธิพลของ • อทิ ธพิ ลของภาษาต่างประเทศและภาษาถน่ิ ภาษาต่างประเทศและภาษาถ่ิน 6. อธิบายและวิเคราะห์หลักการสร้างคา • หลกั การสร้างคาในภาษาไทย ในภาษาไทย 7. วิเคราะห์และประเมินการใช้ภาษา • การประเมินการใช้ภาษาจากส่ือสิ่งพิมพ์และ จากสอ่ื สิง่ พิมพ์และส่อื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์
14 สาระท่ี 5 วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท 5.1 เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและ นามาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง ชนั้ ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ม.4-ม.6 1. วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและ • หลักการวิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและ วรรณกรรมตามหลักการวิจารณ์ วรรณกรรมเบ้อื งตน้ เบื้องตน้ - จุ ด มุ่ งห ม า ย ก าร แ ต่ งว ร ร ณ ค ดี แ ล ะ วรรณกรรม - การพิจารณารูปแบบของวรรณคดีและ วรรณกรรม - การพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดี และวรรณกรรม - การวิเคราะห์และการวิจารณ์วรรณคดีและ วรรณกรรม 2. วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดี • การวิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีและ เชื่ อ ม โย งกั บ ก า ร เรี ย น รู้ ท า ง วรรณกรรมเก่ียวกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของสังคม และวถิ ีชีวิตของสังคมในอดตี ในอดตี 3. วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้าน • การวิเคราะห์และประเมินคุณค่าวรรณคดีและ ว รรณ ศิ ล ป์ ข อ งว รรณ ค ดี แ ล ะ วรรณกรรม วรรณกรรมในฐานะท่ีเป็นมรดกทาง - ดา้ นวรรณศลิ ป์ วัฒนธรรมของชาติ - ดา้ นสงั คมและวัฒนธรรม 4. สังเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและ • การสงั เคราะห์วรรณคดแี ละวรรณกรรม วรรณกรรมเพ่ือนาไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตจรงิ 5. รวบรวมวรรณกรรมพื้นบ้านและ • วรรณกรรมพ้ืนบา้ นท่ีแสดงถงึ อธบิ ายภมู ิปัญญาทางภาษา - ภาษากบั วฒั นธรรม - ภาษาถ่นิ 6. ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยาน • บทอาขยานและบทร้อยกรองทมี่ ีคุณค่า ตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองท่ีมี - บทอาขยานตามทกี่ าหนด คุณค่าตามความสนใจและนาไปใช้ - บทร้อยกรองตามความสนใจ อา้ งอิง
15 โครงสรา้ งเวลาเรยี นกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย โครงสรา้ งหลักสูตรภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาตอนปลาย ม.4-6 (6 หน่วยกติ ) รายวชิ าพ้นื ฐาน จานวน 40 ชั่วโมง/ภาค 1.0 หน่วยกติ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 จานวน 40 ชั่วโมง/ภาค 1.0 หน่วยกติ ท 31101 วชิ าภาษาไทย ท 31102 วิชาภาษาไทย จานวน 40 ช่วั โมง/ภาค 1.0 หนว่ ยกติ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 จานวน 40 ชั่วโมง/ภาค 1.0 หนว่ ยกติ ท 32101 วชิ าภาษาไทย ท 32102 วิชาภาษาไทย จานวน 40 ชว่ั โมง/ภาค 1.0 หนว่ ยกติ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 จานวน 40 ชวั่ โมง/ภาค 1.0 หน่วยกติ ท 33101 วิชาภาษาไทย ท 33102 วชิ าภาษาไทย รายวชิ าเพม่ิ เติม จานวน 40 ชั่วโมง/ภาค 1.0 หนว่ ยกิต ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 จานวน 40 ชว่ั โมง/ภาค 1.0 หนว่ ยกิต ท 31201 วิชาภาษาไทยเพื่อการสอื่ สาร 1 ท 31202 วชิ าภาษาไทยเพื่อการสอื่ สาร 2 จานวน 40 ชวั่ โมง/ภาค 1.0 หนว่ ยกิต ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 จานวน 40 ชั่วโมง/ภาค 1.0 หน่วยกิต ท 32201 วชิ าการเขียน 1 ท 32202 วิชาการเขียน 2 จานวน 40 ชั่วโมง/ภาค 1.0 หน่วยกติ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 6 จานวน 40 ช่วั โมง/ภาค 1.0 หนว่ ยกิต ท 33201 วชิ าการพดู ท 33202 วิชาการพดู ต่อหน้าประชมุ ชน
16 คาอธิบายรายวิชาพนื้ ฐาน รหสั วชิ า ท31101 วชิ าภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หนว่ ยกิต ศกึ ษาการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว บทร้อยกรองเป็นทานองเสนาะ อ่านงานเขียนประเภทต่าง ๆ สรปุ เรือ่ งที่อา่ นวิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินคา่ อย่างมีเหตผุ ล แสดงความคิดเห็นโตแ้ ยง้ นาเสนอแนวคิดใหม่ สังเคราะห์ความรู้ ความคิดจากการอ่านมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง มีมารยาทในการอ่านรักการอ่าน ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อความในรูปแบบต่าง ๆ เรียงความ ย่อความ บันทึก รายงานการค้นคว้าใช้ ข้อมูลสารสนเทศอ้างอิง เขียนสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีมารยาทในการเขียน ทักษะการฟัง ดู มีวิจารณญาณในการเลือกฟัง ดู วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโต้แย้ง นาเสนอแนวคิดใหม่ ประเมินค่ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ทักษะการพูด พูดในโอกาสต่าง ๆ ท้ังที่เป็นทางการและไม่เป็น ทางการ พูดอภิปรายแสดงความคิดเห็น เสนอแนวคิด โดยใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม มีมารยาทในการฟัง ดู พดู โดยให้เข้าใจธรรมชาติของภาษา พลังของภาษา ลักษณะภาษาไทย หลักภาษาไทย ความรู้เรื่อง การออกเสียงการสะกดคา แต่งบทร้อยกรองประเภทต่าง ๆ กลอน ฉันท์ ได้ถูกต้อง เห็นคุณค่าของ ภาษาไทย รักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ เพ่ือรู้และเข้าใจวรรณคดีและวรรณกรรมไทย วิเคราะห์ วิจารณ์ เช่ือมโยงเหตุการณ์ทาง ประวัตศิ าสตร์และวถิ ชี ีวิตสังคมไทยในอดีต ประเมินค่า สงั เคราะหข์ ้อคดิ มาประยุกต์ในชีวิตจรงิ เห็นคณุ ค่า ของวรรณคดีและวรรณกรรมไทยเป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชาติ ทอ่ งจาบทอาขยายและบทรอ้ ยกรองท่ีมี คณุ ค่านาไปใช้อา้ งองิ รหัสตวั ชี้วดั ท 1.1 ม.4 – 4/1 – ม.4 – 4/9 ท 2.1 ม. 4 – 4/1 – ม.4 – 4/3 , ม. 4 – 4/6 , ม. 4 –4/8 ท 3.1 ม.4 – 4/1 – ม.4 –4/6 ท 4.1 ม.4 – 4/1 , ม.4 –4/2 , ม.4 – 4/4 ท 5.1 ม.4 – 4/1 – ม.4 –4/4 , ม.4 –4/6 รวมทงั้ หมด 14 ตัวชว้ี ัด
17 คาอธิบายรายวชิ าพนื้ ฐาน รหสั วชิ า ท31102 วชิ าภาษาไทย กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ศกึ ษาการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว บทร้อยกรองเป็นทานองเสนาะ อ่านงานเขยี นประเภทต่าง ๆ สรุปเร่ืองท่ีอา่ นวิเคราะห์ วจิ ารณ์ ประเมนิ ค่าอย่างมีเหตุผล แสดงความคิดเห็นโต้แย้ง นาเสนอแนวคดิ ใหม่ สังเคราะห์ความรู้ ความคิดจากการอ่านมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง มีมารยาทในการอ่านรักการอ่าน ใช้กระบวนการเขียนเขียนสอ่ื ความในรปู แบบตา่ ง ๆ เขยี นจดหมาย เรียงความ บนั ทึก รายงานการคน้ คว้า ใช้ข้อมูลสารสนเทศอ้างอิง เขียนสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีมารยาทในการเขียน ทักษะการฟัง ดู มีวิจารณญาณในการเลือกฟัง ดู วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโต้แย้ง นาเสนอแนวคิดใหม่ ประเมินค่ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ทักษะการพูด พูดในโอกาสต่าง ๆ ท้ังท่ีเป็นทางการและไม่เป็น ทางการ พูดต่อท่ีประชุมชน พูดอภิปรายแสดงความคิดเห็น เสนอแนวคิด โดยใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม มีมารยาทในการฟังดู พดู โดยใช้หลักภาษาไทย มีความรู้เร่ืองการใช้คาและกลุ่มคาสร้างประโยคสื่อสารได้ตรงตาม วัตถุประสงค์ มีความรู้เรื่องการเพ่ิมคา สร้างคา แต่งบทร้อยกรองประเภทต่าง ๆ กลอน ฉันท์ได้ถูกต้อง เห็นคุณคา่ ของภาษาไทย รกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัติของชาติ เพื่อรู้และเข้าใจวรรณคดีและวรรณกรรมไทย วิเคราะห์ วิจารณ์ เช่ือมโยงเหตุการณ์ทาง ประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตสังคมไทยในอดีต ประเมินค่า สังเคราะห์ข้อคิดมาประยุกต์ในชีวิตจริง เห็น คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ท่องจาบทอาขยายและบทร้อย กรองทมี่ คี ณุ ค่านาไปใชอ้ า้ งอิง รหัสตัวช้ีวดั ท 1.1 ม.4 – 4/1 – ม.4 – 4/9 ท 2.1 ม. 4 – 4/1 – ม.4 – 4/3 , ม. 4 – 4/6 , ม. 4 –4/8 ท 3.1 ม.4 – 4/1 – ม.4 –4/6 ท 4.1 ม.4 – 4/1 , ม.4 –4/2 , ม.4 – 4/4 ท 5.1 ม.4 – 4/1 – ม.4 –4/4 , ม.4 –4/6 รวมทัง้ หมด 14 ตวั ช้ีวัด
18 คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเติม รหัสวชิ า ท31201 วิชา ภาษาไทยเพอื่ การส่ือสาร 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หน่วยกติ คาอธบิ ายรายวชิ า อ่านออกเสียงได้อย่างถูกต้อง จับใจความสาคัญ วิเคราะห์วิจารณ์ และตอบคาถามจากเร่ืองที่ อ่านอย่างมีเหตุผล เขียนกรอบแนวคิด ผังความคิดจากเรื่องที่อ่าน เขียนบันทึก ย่อความ เรียงความ สังเคราะห์ความรู้จากสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เขียนส่ือสาร เขียนบรรยาย อธิบาย ได้ถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ มีข้อมูลและสาระสาคัญ รวมถึงมีมารยาทในการเขียน วิเคราะห์แนวคิด การใช้ภาษาและความน่าเช่ือถือจากเรื่องท่ีฟัง ดู และพูด อธิบาย มีมารยาทในการอ่าน การฟัง การดู การพูดและการเขียน ใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการคิด ทักษะการใช้ภาษา ทักษะการสื่อสาร การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ หลักการ อ่านออกเสยี งรอ้ ยแก้ว ร้อยกรอง พัฒนาทักษะการคิด วเิ คราะหว์ ิจารณ์ ประเมินค่า สงั เคราะหค์ วามรู้ จากการอ่านข่าวสารจากส่ือสิง่ พิมพ์ส่ืออิเล็กทรอนกิ ส์และแหล่งเรียนรู้ต่างๆในชุมชน บทความ เขียนสรุป ความเขียนบันทึก ย่อความ เรียงความ จากสื่อส่ิงพิมพ์ ส่ืออิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เขียน ส่ือสาร เขียนบรรยาย อธิบาย ย่อความ ฝึกฝนทักษะการฟัง การพูด การเล่าเรื่อง และการแสดง ความคดิ เหน็ ตามเจตนารมณ์ที่ต้องการส่ือสาร สามารถนาความรู้ทีไ่ ดร้ ับไปส่ือสารได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ รหัสตวั ชี้วัด ท 1.1 ม. 4/1 , ม.4/3 , ม.4/7, ม.4/9 ท 2.1 ม. 4/1 , ม.4/4, ม.4/5, ม.4/7, ม.4/8 ท 3.1 ม. 4/1, ม.4/2, ม.4/3, ม.4/4, ม.4/5, ม.4/6 ท 4.1 ม.4/1, ม.4/4, ม.4/7 รวมท้งั หมด 18 ตัวชวี้ ัด
19 คาอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเติม รหสั วชิ า ท31202 วิชา ภาษาไทยเพ่อื การส่ือสาร 2 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หน่วยกติ คาอธบิ ายรายวิชา อ่านออกเสียง ได้อย่างถูกตอ้ ง จบั ใจความสาคัญ วิเคราะห์วจิ ารณ์ และตอบคาถามจากเรื่องที่ อ่านอย่างมีเหตุผล เขียนกรอบแนวคิด ผังความคิดจากเรื่องที่อ่าน เขียนบันทึก ย่อความ เรียงความ สังเคราะห์ความรู้จากสื่อส่ิงพิมพ์ ส่ืออิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เขียนสื่อสาร เขียนบรรยาย อธิบายมีความรู้ความเข้าใจหลักการแต่งคาประพันธ์ ได้ถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ มีข้อมูลและ สาระสาคัญ รวมถงึ มมี ารยาทในการเขียน วิเคราะห์แนวคิด การใช้ภาษาและความน่าเชือ่ ถอื จากเร่ืองท่ีฟัง ดู และพูด อธบิ าย มีมารยาทในการอ่าน การฟงั การดู การพดู และการเขยี น ใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการคิด ทักษะการใช้ภาษา ทักษะการสื่อสาร การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ หลักการ อ่านออกเสยี งร้อยแก้ว ร้อยกรอง พัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์วจิ ารณ์ ประเมินค่า สังเคราะหค์ วามรู้ จากการอ่านข่าวสารจากส่ือสง่ิ พิมพ์ส่ืออิเล็กทรอนกิ ส์และแหล่งเรียนรู้ต่างๆในชุมชน บทความ เขียนสรุป ความ เรียงความ จากสื่อส่ิงพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เขียนส่ือสาร เขียนบรรยาย อธิบาย ฝึกฝนทักษะการฟัง การพูด การเล่าเร่ือง และการแสดงความคิดเห็นตามเจตนารมณ์ท่ี ต้องการสื่อสาร สามารถนาความร้ทู ี่ได้รบั ไปสอื่ สารได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รหสั ตัวช้ีวัด ท 1.1 ม. 4/1, ม.4/3 , ม.4/7, ม.4/9 ท 2.1 ม. 4/1, ม.4/4, ม.4/5, ม.4/7, ม.4/8 ท 3.1 ม. 4/1, ม.4/2, ม.4/3, ม.4/4, ม.4/5, ม.4/6 ท 4.1 ม.4/1, ม.4/4, ม.4/7 รวมท้งั หมด 18 ตัวชวี้ ัด
20 คาอธิบายรายวิชาพน้ื ฐาน รหัสวชิ า ท32101 วชิ าภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หน่วยกติ ศึกษาการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกับเรอ่ื ง ท่ีอ่าน ตีความ แปลความ และขยายความเร่ืองท่ีอ่าน วิเคราะห์และวิจารณ์เร่ืองที่อ่านในทุก ๆ ด้าน อย่างมีเหตุผล คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองที่อ่าน และประเมินค่าเพ่ือนาความรู้ ความคิด ไปตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชีวิต วิเคราะห์ วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นโต้แย้งเก่ียวกับเร่ืองที่อ่าน และ เสนอความคิดใหม่อย่างมีเหตุผล ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบต่าง ๆ ประเมินงานเขียนของผู้อ่ืน แล้วนามาพัฒนางานเขียนของตนเอง เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเร่ืองท่ีสนใจตามหลักการเขียนเชิง วิชาการ และใช้ข้อมูลสารสนเทศอ้างอิงอย่างถูกต้อง บันทึกการศึกษาค้นคว้าเพื่อนาไปพัฒนาตนเอง อย่างเป็นสม่าเสมอ มีมารยาทในการเขียน วิเคราะห์แนวคิด การใช้ภาษา และความน่าเชื่อถื อจาก เรื่องท่ีฟังและดูอย่างมีเหตุผล ประเมินเร่ืองที่ฟังและดู แล้วกาหนดแนวทางไปประยุกต์ใช้ในการดาเนิน ชีวิต มีวิจารณญาณในการเลือกเร่ืองท่ีฟังและดู พูดในโอกาสต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม มีมารยาทใน การฟัง การดู และการพูด ใช้คาและกลุ่มคาสร้างประโยคตรงตามวัตถุประสงค์ ใช้ภาษาเหมาะสมแก่ โอกาส กาลเทศะ และบุคคล รวมทั้งคาราชาศัพท์อย่างเหมาะสม แต่งบทร้อยกรอง วิเคราะห์และ วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการเบื้องต้น วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดี เชื่อมโยงกับ การเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตทางสังคมในอดีต วิเคราะห์และประเมินค่าด้านวรรณศิลป์ของ วรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชาติ โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ อธิบาย นาเสนอความคิด และมีส่วนร่วมเพ่ือให้ เห็นคุณค่า มีความตระหนัก สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิต มีคุณธรรม จริยธรรม มีจิตสานึกและ คา่ นิยมท่ีดงี าม เพ่ือนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง รวบรวมวรรณกรรมพ้ืนบ้านและอธิบายภูมิปัญญาทางภาษา ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามท่ีกาหนด และบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ และนาไปใช้ อา้ งองิ รหสั ตัวช้ีวดั ท 1.1 ม.5 - 5/1 - ม.5 -5/9 ท 2.1 ม.5 -5/2 - ม.5 - 5/8 ท 3.1 ม.5 - 5/1 - ม.5 - 5/5 ท 4.1 ม.5 - 5/1 , ม.5 - 5/2 , ม.5 -5/4 - ม.5 - 5/7 ท 5.1 ม.5 - 5/1 - ม.5 - 5/6 รวมทง้ั หมด 12 ตวั ชว้ี ัด
21 คาอธิบายรายวิชาพน้ื ฐาน รหัสวชิ า ท32102 วชิ าภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ศกึ ษาการอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะ วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์เรือ่ ง ที่อ่านอย่างมีเหตุผล ตอบคาถาม แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด สังเคราะห์ความรู้จากการอ่าน ส่ิงตีพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ มาพัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรู้ทาง อาชพี ยอ่ ความและรายงาน ประเมินค่าเพ่อื นาความรู้ความคิดไปตดั สินใจแกป้ ญั หาในการดาเนินชวี ิต และมี มารยาทในการอ่าน เขียนเรียงความ เขียนสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ และเรยี บเรยี ง ภาษาได้ถูกต้อง มีข้อมูลและสาระสาคัญชัดเจน เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเร่ืองท่ีสนใจตามหลักการ เขียนเชิงวิชาการ และใช้ข้อมูลสารสนเทศอ้างอิงอย่างถูกต้อง บันทึกการศึกษาค้นคว้าเพ่ือนาไปพัฒนา ตนเองอย่างเป็นสม่าเสมอ มีมารยาทในการเขียน สรปุ วิเคราะห์แนวคิด การใช้ภาษา และความน่าเชือ่ ถือ จากเรือ่ งท่ีฟังและดูอย่างมีเหตุผล ประเมินเรื่องท่ีฟังและดู แล้วกาหนดแนวทางไปประยุกต์ใช้ในการดาเนิน ชีวิต มีวิจารณญาณในการฟังและดู พูดในโอกาสต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม มีมารยาทในการฟัง การดู อธิบายและวิเคราะห์หลักการสร้างคาในภาษาไทย ใช้คาและกลุ่มคาสร้างประโยคตรงตามวัตถุประสงค์ วเิ คราะห์อิทธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษาถิ่น วเิ คราะห์และประเมินการใช้ภาษาจากสอื่ ส่ิงพิมพ์และ ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ วิเคราะห์ วิจารณ์ สังเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและ วรรณกรรมในฐานะทเี่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ เพื่อนาไปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ จริง รวบรวมวรรณกรรม พน้ื บ้านและอธิบายภูมปิ ญั ญาทางภาษา ท่องจาและบอกคุณคา่ บทอาขยานตามที่กาหนด และบทรอ้ ยกรอง ทม่ี คี ณุ ค่าตามความสนใจ และนาไปใช้อ้างองิ ได้ โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ อธิบาย นาเสนอความคิด และมีส่วนร่วมเพื่อให้ เห็นคุณค่า มีความตระหนัก สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิต มีคุณธรรม จริยธรรม มีจิตสานึกและ ค่านยิ มท่ดี ีงาม เพ่ือนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง รวบรวมวรรณกรรมพ้ืนบ้านและอธิบายภูมิปัญญาทางภาษา ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามที่กาหนด และบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ และนาไปใช้ อา้ งอิง รหัสตัวช้ีวัด ท 1.1 ม.5 - 5/1 - ม.5 -5/9 ท 2.1 ม.5 -5/2 - ม.5 - 5/8 ท 3.1 ม.5 - 5/1 - ม.5 - 5/5 ท 4.1 ม.5 - 5/1 , ม.5 - 5/2 , ม.5 -5/4 - ม.5 - 5/7 ท 5.1 ม.5 - 5/1 - ม.5 - 5/6 รวมทง้ั หมด 12 ตัวช้ีวัด
22 คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม รหสั วิชา ท 32201 วชิ า การเขียน 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษา การเขียนส่ือสารในรูปแบบประกาศ จดหมายกิจธุระ เรียงความ ย่อความ การเขียน รายงาน เขียนโครงงาน และเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า โดยใช้คาและประโยคที่ถูกต้องเหมาะสมตาม หลักภาษา และระดับภาษา แต่งคาประพันธ์ประเภทกาพย์ กลอน คาขวัญถูกต้องตามฉันทลักษณ์ ใช้ ถ้อยคาภาษาที่มีเสียงและความหมายไพเราะงดงาม มีมารยาทในการเขียน ตลอดจนมีความรักและ ภาคภมู ิใจในภาษาไทย อันเป็นภาษาของชาติ รหัสตัวช้ีวัด ท 2.1 ม.5/1, ม.5/2, ม.5/3, ม. 5/6, ม. 5/7, ม.5/8 รวมท้งั หมด 6 ตัวชี้วดั
23 คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม รหัสวิชา ท 32202 วิชา การเขยี น 2 กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษา การเขียนสื่อสารในรูปแบบ บันทึกการประชุม บทความ สารคดี บันเทิงคดีประเภทเรื่อง สัน้ โดยใช้คาและประโยคท่ีถูกต้องเหมาะสมตามหลักภาษา และระดับภาษา แต่งคาประพันธ์ประเภทโคลง โคลงกระทู้ ฉันท์ ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ ใช้ถ้อยคาภาษาท่ีมีเสียงและความหมายไพเราะงดงาม มี มารยาทในการเขยี น ตลอดจนมคี วามรักและภาคภมู ใิ จในภาษาไทย อันเป็นภาษาของชาติ รหสั ตวั ชี้วดั ท 2.1 ม.5/1, ม.5/2, ม.5/3, ม.5/6, ม.5/7, ม.5/8 รวมท้งั หมด 6 ตัวช้ีวัด
24 คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน รหัสวิชา ท33101 วิชาภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษาการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว ร้อยกรอง อ่านงานเขียนประเภทต่าง ๆ อ่านตีความ แปล ความ ขยายความ วิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินค่า แสดงความคิดเห็นโต้แย้ง เขียนกรอบแนวคิด ผังความคดิ เขียนสอ่ื ความในรูปแบบตา่ ง ๆ การอธบิ าย บรรยาย พรรณนา การประเมนิ คณุ ค่างานเขียน รายงานการค้นคว้า ใช้ข้อมูลสารสนเทศอ้างอิง เลือกฟังและดู อย่างมีวิจารณญาณ พูดแสดงทรรศนะ โน้มน้าวใจ ธรรมชาติของภาษา ลักษณะภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา ระดับภาษา ราชาศัพท์ อทิ ธิพลภาษาต่างประเทศ หลักการวิเคราะห์ วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย เช่อื มโยงเหตุการณ์ทาง ประวตั ิศาสตรแ์ ละวิถชี วี ติ สังคมไทยในอดตี ประเมินค่าดา้ นวรรณศลิ ป์ โดยใช้กระบวนการอ่าน การเขียน ทักษะการฟังและดู การพูด และกระบวนการคิด ในการอ่าน ออกเสียงร้อยแก้ว ร้อยกรอง ตีความ แปลความ ขยายความ วิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินค่า แสดงความ คิดเห็นโต้แย้ง มีมารยาทในการส่ือสาร เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด สามารถสื่อสารด้วยภาษาที่ถูกต้อง เหมาะสม นาไปประยุกต์ใช้ในการดาเนนิ ชวี ิต เพื่อให้เห็นคุณค่าและรักษาภาษาไทย วรรณคดี วรรณกรรมไทย ไว้เป็นสมบัติและมรดกทาง วัฒนธรรม นาความรู้ หลักการปฏิบตั ติ ามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจาวนั รหัสตัวชี้วดั ท 1.1 ม.6 - 6/1 – ม.6 - 6/9 ท 2.1 ม.6 - 6/1 , ม.6 - 6/5, ม.6 - 6/6 , ม.6 - 6/8 ท 3.1 ม.6 - 6/1 – ม.6 - 6/6 ท 4.1 ม.6 - 6/1 , ม.6 - 6/3 – ม.6 - 6/5 ท 5.1 ม.6 - 6/1 – ม.6 - 6/4 , ม.6 - 6/6 รวมทง้ั หมด 14 ตวั ช้ีวดั
25 คาอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน รหสั วชิ า ท33102 วิชาภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ศกึ ษาการอ่านออกเสยี งร้อยแก้ว ร้อยกรอง อ่านงานเขยี นประเภทต่าง ๆ อ่านตีความ แปลความ ขยายความ วิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินค่า แสดงความคิดเห็นโต้แย้ง เขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด เขียนสื่อความในรปู แบบตา่ ง ๆ การแสดงทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าวใจ เชญิ ชวน ประเมนิ คุณค่างานเขียน การเขียนรายงานจากการค้นคว้า ใช้ข้อมูลสารสนเทศอ้างอิง การเขยี นบันทึกความรู้ เลือกฟังและดู อย่าง มีวิจารณญาณ พลังของภาษา การแต่งบทร้อยกรองประเมินการใช้ภาษาจากสื่อส่ิงพิมพ์และส่ือ อเิ ล็กทรอนิกส์ ลกั ษณะเด่น ขอ้ คิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมไทย ประเมินคา่ ด้านวรรณศิลป์และสังคม บทอาขยาน บทรอ้ ยกรอง โดยใช้กระบวนการอ่าน การเขียน ทักษะการฟังและดู การพูด และกระบวนการคิด ในการอ่าน ออกเสียงร้อยแก้ว ร้อยกรอง ตีความ แปลความ ขยายความ วิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินค่า แสดงความ คิดเห็นโต้แย้ง มีมารยาทในการสื่อสาร เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด สามารถส่ือสารด้วยภาษาที่ถูกต้อง เหมาะสม เพ่ือให้เห็นคุณค่าและรักษาภาษาไทย วรรณคดี วรรณกรรมไทย ไว้เป็นสมบัติและมรดกทาง วฒั นธรรม นาความรู้ หลกั การปฏบิ ัตติ ามปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวนั รหัสตวั ชี้วดั ท 1.1 ม.6 - 6/1 – ม.6 - 6/9 ท 2.1 ม.6 - 6/1 , ม.6 - 6/5, ม.6 - 6/6 , ม.6 - 6/8 ท 3.1 ม.6 - 6/1 – ม.6 - 6/6 ท 4.1 ม.6 - 6/1 , ม.6 - 6/3 – ม.6 - 6/5 ท 5.1 ม.6 - 6/1 – ม.6 - 6/4 , ม.6 - 6/6 รวมทั้งหมด 14 ตัวชี้วัด
26 คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเตมิ รหัสวิชา ท33201 วิชา การพดู กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หนว่ ยกติ คาอธิบายรายวิชา ศกึ ษาวิเคราะห์และฝึกทักษะ หลักการ วธิ ีการพูด ฝึกพูดในรูปแบบของการสนทนา การสัมภาษณ์ การอภิปรายในกลุ่มและในที่ประชุม การพูดในโอกาสต่างๆ การอ่านบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองในที่ ประชุม เพ่อื พัฒนาสมรรถภาพในการพูดของตนเองใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การและวิธีการ โดยใช้กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ และการเสริมสรา้ งคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ เพ่ือให้เกิด ความรู้ความเข้าใจ มีทักษะและสามารถพัฒนาสมรรถภาพในการพูดของตนให้ถูกต้อง ตามหลกั การและวธิ กี ารพดู วสามารถนาไปใช้ในชีวติ ประจาวันได้ รหัสตวั ช้ีวดั ท 3.1 ม.6/5, ม.6/6 รวมท้ังหมด 2 ตัวช้วี ัด
27 คาอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเตมิ รหัสวชิ า ท33202 วิชา การพูดตอ่ หน้าประชมุ ชน กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 คาบ จานวน 1.0 หนว่ ยกิต คาอธบิ ายรายวิชา ศึกษา วิเคราะห์ และฝึกทักษะเกี่ยวกับหลักการพูดต่อหน้าประชุมชน ประเภทบรรยาย พรรณนา โน้มน้าวใจ อภิปราย สัมภาษณ์ โต้วาที การทาหน้าท่ีพิธีกรหรือโฆษก ท้ังน้ีเน้นการใช้ถ้อยคา น้าเสียง และท่าทางท่ีเหมาะสม เพื่อให้พูดได้อย่างมีเน้ือหาสาระน่าสนใจ ทาให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจ พอใจ หรือคล้อยตาม โดยใช้กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการเสริมสร้างคุณลักษณะท่ี พึงประสงค์ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะและสามารถพัฒนาสมรรถภาพในการพูดของตนให้ถูกต้อง ตามหลักการและวิธีการพูด สามารถนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ รหสั ตวั ชี้วดั ท 3.1 ม.6/5, ม.6/6 รวมท้งั หมด 2 ตวั ชี้วัด
28 โครงสรา้ งรายวชิ ากลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 รายวชิ าภาษาไทยพนื้ ฐาน รหัสวชิ า ท31101 จานวน 1.0 หนว่ ยกิต จานวนเวลา 40 ชัว่ โมง หนว่ ยการ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้/ มาตรฐาน / ตัวช้ีวดั จานวน นา้ หนัก ช่วั โมง คะแนน เรียนรู้ หน่วยย่อยการเรยี นรู้ 1 ศกึ ษาหลักการอ่าน ท 1.1 ม.4 – 4/1 – ม.4 8 10 – 4/9 8 10 2 ฝึกทักษะการเขยี น ท 2.1 ม. 4 – 4/1 – ม. 4 – 4/3 , ม. 4 – 4/6 , 5 8 3 ฝึกการฟัง ดู พดู ม. 4 –4/8 5 10 ท 3.1 ม.4 – 4/1 – ม.4 10 12 4 รู้หลักภาษาไทย –4/6 2 20 ท 4.1 ม.4 – 4/1 , ม.4 2 30 5 ใส่ใจศกึ ษาวรรณคดีและ –4/2 , ม.4 – 4/4 40 100 วรรณกรรม ท 5.1 ม.4 – 4/1 – ม.4 สอบกลางภาค –4/4 , ม.4 –4/6 สอบปลายภาค รวม
29 โครงสรา้ งรายวิชากลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทยชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 รายวชิ าภาษาไทยพ้ืนฐาน รหัสวิชา ท31102 จานวน 1.0 หน่วยกติ จานวนเวลา 40 ชว่ั โมง หนว่ ยการ ช่ือหน่วยการเรียนร้/ู มาตรฐาน / ตวั ช้ีวดั จานวน น้าหนัก เรียนรู้ หน่วยย่อยการเรยี นรู้ ช่วั โมง คะแนน 1 ศึกษาหลักการอา่ น ท 1.1 ม.4 – 4/1 – 8 10 ม.4 – 4/9 2 ฝกึ ทกั ษะการเขียน ท 2.1 ม. 4 – 4/1 – 8 10 ม.4 – 4/3 , ม. 4 – 4/6 , ม. 4 –4/8 3 ฝึกการฟัง ดู พดู ท 3.1 ม.4 – 4/1 – 58 4 รหู้ ลกั ภาษาไทย ม.4 –4/6 5 ใสใ่ จศกึ ษาวรรณคดแี ละ ท 4.1 ม.4 – 4/1 , 5 10 วรรณกรรม สอบกลางภาค ม.4 –4/2 , ม.4 – 4/4 สอบปลายภาค รวม ท 5.1 ม.4 – 4/1 – 10 12 ม.4 –4/4 , ม.4 –4/6 2 20 2 30 40 100
30 โครงสรา้ งรายวชิ าเพมิ่ เติม กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทยช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 รายวชิ าภาษาไทยเพ่ือการส่ือสาร 1 รหสั วิชา ท31201 จานวนเวลา 40 ชว่ั โมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ลาดบั ท่ี ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั 1 พฒั นาการอา่ น (ชั่วโมง) คะแนน / ตัวช้วี ัด 8 25 ท 1.1 ม. 4/1, - การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ม.4/3, ม.4/9 - วิเคราะห์วิจารณ์ และตอบคาถาม จากเร่อื งทอ่ี า่ นอยา่ งมเี หตุผล - การอ่านตีความ - แปลความ - ขยายความ - การอา่ นแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมี เหตผุ ล - สารคดี - บันเทิงคดี - การสงั เคราะห์ความรู้จากการ อ่านส่อื สิ่งพมิ พ์ สอ่ื อิเล็กทรอนกิ ส์ เพ่อื พัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพฒั นาความรู้ทางอาชีพ - มารยาทการอา่ น 2 การเขียนสือ่ สาร ท 2.1 ม. 4/1 , - การพัฒนาการเขียน 8 25 ม.4/4, ม.4/6, ม. - การเขยี นรายงาน 4/7, ม.4/8 - การเขยี นจดหมายกิจธุระ - การกรอกแบบรายการ - มีมารยาทการเขียน 3 พจิ ารณ์ฟงั ดู พูด ท 3.1 ม.4/2, ม. - วิเคราะห์แนวการใช้ภาษาและ 10 25 4/3, ม.4/4, ม. ความนา่ เชอื่ ถือจากเร่ืองทฟ่ี ัง ดู 4/6 และพดู
31 - วิจารณญาณในการฟัง ดู พูด - การพดู ต่อท่ปี ระชุมชน - มารยาทการฟัง การดู และการพดู ลาดบั ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั 4 เรียนรู้หลกั ภาษา (ชวั่ โมง) คะแนน / ตัวชวี้ ัด วัดผลระหว่างภาค 10 25 วดั ผลปลายภาค ท 4.1 ม.4/1, ม. - การศึกษาวเิ คราะห์วจิ ารณเ์ สยี งใน 2 100 4/3, ม.4/4, ภาษา สว่ นประกอบในภาษา 2 40 ม.4/7 องค์ประกอบของพยางค์และคา - มีมารยาทในการใช้ภาษาไทย รวมตลอดภาค
32 โครงสรา้ งรายวิชาเพ่ิมเติม กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทยชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 รายวชิ าภาษาไทยเพ่ือการส่ือสาร 2 รหัสวิชา ท31202 จานวนเวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ลาดับท่ี ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั 1 การอ่านพัฒนาชวี ิต (ช่วั โมง) คะแนน / ตัวชี้วัด 8 25 ท 1.1 ม.4/1, - การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ม.4/3, ม.4/9 - วเิ คราะห์วจิ ารณ์ และตอบ คาถามจากเรื่องท่ีอา่ นอย่างมี เหตผุ ล - การอ่านตีความ - แปลความ - ขยายความ - การอ่านแสดงความคดิ เห็นอย่าง มเี หตผุ ล - สารคดี - บนั เทิงคดี - การสงั เคราะห์ความรู้จากการ อา่ นส่อื สิ่งพิมพ์ ส่อื อเิ ล็กทรอนิกส์ เพอ่ื พัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรู้ทางอาชีพ - มารยาทการอา่ น 2 สร้างสรรคง์ านเขยี น ท 2.1 ม. 4/1 , - การพัฒนาการเขยี น 8 25 ม.4/4, ม.4/6, ม. - การเขยี นเชงิ สร้างสรรค์ 4/7, ม.4/8 - มีมารยาทการเขียน 3 เรยี นรกู้ ารใช้ภาษาไทย ท 3.1 ม.4/2, ม. - วเิ คราะห์แนวการใช้ภาษาและ 8 25 4/3, ม.4/4, ม. ความนา่ เช่ือถือจากเร่อื งทฟ่ี ัง ดู 4/6 และพูด - วิจารณญาณในการฟงั ดู พดู
33 - การพูดอภิปราย - มารยาทการฟงั การดู และการ พูด ลาดับที่ ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั (ชวั่ โมง) คะแนน / ตวั ชวี้ ัด 12 25 4 หลักภาษาไทยน่ารู้ ท 4.1 ม.4/1, ม. - การศกึ ษาหลักภาษาไทย 4/3, ม.4/4, หลกั การใช้ภาษา ระดบั ภาษา ม.4/7 - มคี วามรูค้ วามเข้าใจ หลักการ แตง่ คาประพนั ธ์ - กาพย์ กลอน วดั ผลระหวา่ งภาค 2 2 วดั ผลปลายภาค 40 100 รวมตลอดภาค
34 โครงสรา้ งรายวชิ าพ้นื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทยชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 รายวชิ าภาษาไทยพ้นื ฐาน รหสั วชิ า ท32101 จานวน 1.0 หนว่ ยกติ จานวนเวลา 40 ชั่วโมง หน่วยการ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้/ มาตรฐาน / ตัวชี้วัด จานวน น้าหนัก ช่วั โมง คะแนน เรียนรู้ หนว่ ยยอ่ ยการเรยี นรู้ ท 1.1 ม.5 - 5/1 – ม.5 -5/9 8 10 1 ศึกษาหลักการอา่ น ท 2.1 ม.5 -5/2 - ม.5 - 5/8 8 10 2 ฝึกทกั ษะการเขยี น ท 3.1 ม.5 - 5/1 – ม.5 - 5/5 58 3 ฝึกการฟัง ดู พูด ท 4.1 ม.5 - 5/1 , ม.5 - 5/2 , ม.5 -5/4 - 5 10 4 รูห้ ลักภาษาไทย ม.5 - 5/7 ท 5.1 ม.5 - 5/1 – 10 12 5 ใส่ใจศึกษาวรรณคดีและ ม.5 - 5/6 วรรณกรรม 2 20 สอบกลางภาค 2 30 สอบปลายภาค 40 100 รวม
35 โครงสร้างรายวิชาพ้ืนฐาน กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทยชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2 กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5 รายวชิ าภาษาไทยพื้นฐาน รหสั วชิ า ท32102 จานวน 1.0 หนว่ ยกิต จานวนเวลา 40 ชั่วโมง หนว่ ยการ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้/ มาตรฐาน / ตัวช้ีวัด จานวน น้าหนัก ช่ัวโมง คะแนน เรียนรู้ หนว่ ยย่อยการเรียนรู้ ท 1.1 ม.5 - 5/1 – ม.5 -5/9 8 10 1 ศึกษาหลักการอา่ น ท 2.1 ม.5 -5/2 - ม.5 - 5/8 8 10 2 ฝกึ ทกั ษะการเขียน ท 3.1 ม.5 - 5/1 – ม.5 - 5/5 58 3 ฝกึ การฟัง ดู พดู 4 รู้หลักภาษาไทย ท 4.1 ม.5 - 5/1 , 5 10 ม.5 - 5/2 , ม.5 -5/4 - ม.5 - 5/7 5 ใส่ใจศกึ ษาวรรณคดแี ละ ท 5.1 ม.5 - 5/1 – 10 12 วรรณกรรม ม.5 - 5/6 สอบกลางภาค 2 20 สอบปลายภาค 2 30 รวม 40 100
36 โครงสร้างรายวิชาเพมิ่ เติมกลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทยชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 รายวชิ าการเขยี น 1 รหสั วชิ า ท 32201 จานวนเวลา 40 ชว่ั โมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ลาดบั ที่ ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั 1. งานเขยี นเชงิ กจิ ธุระ ช่วั โมง คะแนน ตวั ชว้ี ดั 10 25 ท 2.1 ม.5/1, ม.5/3, ม. การเขียนประกาศจดหมายกิจ 5/6, ม.5/7, ม.5/8 ธุระ เรยี งความ ยอ่ ความ การ เขยี นรายงาน 2. การเขยี นโครงการ การเขยี นโครงการ การเขียน 10 25 และสรุปรายงาน รายงานสรุป 3. การเขยี นรายงานจาก สว่ นประกอบของรายงาน 10 25 การค้นควา้ คานา สารบัญ เนือ้ เร่อื ง เชงิ อรรถ บรรณานุกรม ภาคผนวก 4. การแตง่ คาประพนั ธ์ กาพยย์ านี 11 กาพย์ฉบงั 16 10 25 กลอนส่ี กลอนสุภาพ กลอนดอกสร้อย
37 โครงสรา้ งรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทยชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 รายวชิ าการเขยี น 2 รหัสวิชา ท 32202 จานวนเวลา 40 ชว่ั โมง จานวน 1.0 หน่วยกติ ลาดับที่ ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก ตวั ชวี้ ัด ช่ัวโมง คะแนน 1 การเขยี นบันเทิงคดี ท 2.1 ม.5/1, การเขียนบทความ การเขียน 10 25 ม.5/3, ม.5/4, เร่ืองส้ัน ม. 5/5, ม.5/8 2 บนั ทกึ การประชุม การเขียนบันทึกการประชุม 10 25 3 การเขยี นสารคดี การเขยี นสารคดี 10 25 4 การแตง่ คาประพนั ธ์ โคลงสีส่ ภุ าพ โคลงกระทู้ 10 25 อนิ ทรวิเชียรฉันท์11
38 โครงสร้างรายวชิ าพื้นฐาน กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 รายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน รหสั วชิ า ท33101 จานวน 1.0 หน่วยกติ จานวนเวลา 40 ชัว่ โมง หน่วยการ ชอ่ื หน่วยการเรยี นร/ู้ มาตรฐาน / ตัวชี้วดั จานวน น้าหนัก เรยี นรู้ หนว่ ยย่อยการเรียนรู้ ชัว่ โมง คะแนน 1 ศึกษาหลักการอ่าน 2 ท 1.1 ม.6 - 6/1 – 8 10 ฝึกทกั ษะการเขยี น ม.6 - 6/9 8 10 3 ท 2.1 ม.6 - 6/1 , ม.6 - 4 ฝกึ การฟัง ดู พูด 6/5, ม.6 - 6/6 , ม.6 - 5 8 5 6/8 5 10 รหู้ ลักภาษาไทย ท 3.1 ม.6 - 6/1 – 10 12 ม.6 - 6/6 2 20 ใส่ใจศึกษาวรรณคดแี ละ ท 4.1 ม.6 - 6/1 , 2 30 วรรณกรรม ม.6 - 6/3 – ม.6 - 6/5 40 100 สอบกลางภาค ท 5.1 ม.6 - 6/1 – สอบปลายภาค ม.6 - 6/4 , ม.6 - 6/6 รวม
39 โครงสรา้ งรายวิชาพ้นื ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 2 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาภาษาไทยพืน้ ฐาน รหสั วิชา ท33101 จานวน 1.0 หนว่ ยกิต จานวนเวลา 40 ชว่ั โมง หน่วยการ ช่อื หน่วยการเรยี นร/ู้ มาตรฐาน / ตวั ช้ีวดั จานวน น้าหนัก เรยี นรู้ หน่วยย่อยการเรยี นรู้ ชวั่ โมง คะแนน 1 ศึกษาหลักการอา่ น 2 ท 1.1 ม.6 - 6/1 – 8 10 ฝึกทักษะการเขยี น ม.6 - 6/9 8 10 3 ท 2.1 ม.6 - 6/1 , 4 ฝกึ การฟัง ดู พูด ม.6 - 6/5, ม.6 - 6/6, ม. 5 8 5 6 - 6/8 5 10 รหู้ ลักภาษาไทย ท 3.1 ม.6 - 6/1 – 10 12 ม.6 - 6/6 2 20 ใส่ใจศกึ ษาวรรณคดีและ ท 4.1 ม.6 - 6/1 , 2 30 วรรณกรรม ม.6 - 6/3 – ม.6 - 6/5 40 100 สอบกลางภาค ท 5.1 ม.6 - 6/1 – สอบปลายภาค ม.6 - 6/4 , ม.6 - 6/6 รวม
40 โครงสร้างรายวิชาเพม่ิ เติมกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6 รายวชิ าการพดู รหสั วิชา ท 33201 จานวนเวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกิต ลาดับที่ ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั 1 ความรู้ทั่วไปเกีย่ วกบั การพดู 2. การเตรียมตวั ในการพดู การเรียนรู้/ ชวั่ โมง คะแนน 3. การสนทนา ตัวช้ีวดั 4. การสัมภาษณ์ ท 3.1 - ความหมายของการพูด 4 10 ม.6/5, - ความสาคัญของการพดู ม.6/6 - องคป์ ระกอบของการพดู - ปจั จยั ทช่ี ่วยให้การพดู สัมฤทธผิ ล - การต้ังวตั ถุประสงค์ 4 10 - การวิเคราะหผ์ ฟู้ งั - การเลือกเรือ่ งท่ีจะพดู - การรวบรวมเน้อื หา - การวางโครงเรอื่ ง - การใช้ถ้อยคาภาษา - การฝกึ พูด - ความหมายของการสนทนา 6 15 - การเรมิ่ การสนทนา - การแนะนาคสู่ นทนา - เรือ่ งในการสนทนา - ศลิ ปะในการสนทนาที่ดี - การจบการสนทนา - ขอ้ ผิดพลาดในการสนทนา - ความหมายของการ 8 20 สัมภาษณ์ - รปู แบบการสมั ภาษณ์ - คณุ สมบัตขิ องผู้สัมภาษณ์ และผูใ้ ช้สัมภาษณ์
41 - การเตรียมตวั ในการ สมั ภาษณ์ - การเรม่ิ การสมั ภาษณ์การ สิ้นสุดการสมั ภาษณ์ ลาดับท่ี ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก 5 การอภปิ ราย ชั่วโมง คะแนน การเรียนร้/ู 6 การพดู ในโอกาสต่างๆ 8 20 ตวั ชว้ี ดั 10 25 - ความหมายของการอภิปราย - ความมงุ่ หมายของการ อภปิ ราย - ประเภทของการอภิปราย คุณสมบัตแิ ละหน้าท่ีของผู้ ดาเนนิ รายการ - คุณสมบตั แิ ละหนา้ ท่ีของผู้ รว่ มอภิปราย - การกล่าวคาแนะนา - การกล่าวให้เกียรติหรือมอบ รางวัล - การกล่าวตอบรับ - การกล่าวตอ้ นรบั - การกลา่ วตอบการตอ้ นรับ - การกลา่ วในการเข้ารบั ตาแหน่ง - การกล่าวอวยพร - การกลา่ วตอบคาอวยพร - การกล่าวไวอ้ าลัย - การกล่าวอาลา
42 โครงสร้างรายวิชาเพ่ิมเติม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 2 กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 รายวชิ าการพดู ตอ่ หน้าประชุมชน รหสั วชิ า ท 33202 จานวนเวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ลาดับที่ ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก เรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ัด ช่ัวโมง คะแนน 1 การพูดบรรยาย ท 3.1 - ความหมายของการพูด 4 10 ม.6/5, บรรยาย ม.6/6 - จดุ ประสงค์ของการพูด 5 10 บรรยาย 5 2 การพูดพรรณนา - ประเภทของการพูดบรรยาย 7 10 - หลักการเตรียมตวั ก่อนการพูด 20 3 การพดู ชกั ชวน บรรยาย 4 การอภิปราย - ความหมายของการพรรณนา - จดุ ประสงคข์ องการพรรณนา - ประเภทของพรรณนา - หลกั การเตรียมตัวก่อนการพูด พรรณนา - ความหมายของการพูดชกั ชวน - จุดประสงคข์ องการพดู ชกั ชวน - หลกั การพูดชกั ชวน - ขอ้ ปฏบิ ตั ิในการพูดชักชวน - ความหมายของการอภปิ ราย - จุดประสงค์ของการอภิปราย - ประเภทของการอภปิ ราย- - การเตรียมการอภิปราย - ข้ันตอนการอภิปราย - คณุ สมบตั ิและหน้าท่ขี องผู้ ดาเนนิ รายการ - คณุ สมบตั แิ ละหนา้ ท่ีของผ้รู ่วม อภิปราย
43 ลาดับท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั 5 การโต้วาที การเรยี นรู้/ ชัว่ โมง คะแนน 6 การสัมภาษณ์ ตวั ช้ีวดั 7 พิธกี ร ท 3.1 - ความหมายของการโต้วาที 8 20 ม.6/5, - จุดประสงค์ของการโตว้ าที ม.6/6 - ส่วนประกอบในการโต้วาที - การเตรยี มการโตว้ าที - ขน้ั ตอนการโต้วาที - การตัดสนิ การโตว้ าที - ประโยชนข์ องการโตว้ าที - ความหมายของการ 5 15 สมั ภาษณ์ - จุดประสงคข์ องการ สมั ภาษณ์ - วธิ ีดาเนินการสมั ภาษณ์ - ขอ้ ควรปฏิบัติละมารยาทใน การสมั ภาษณ์ - ความหมายของพิธกี ร 6 15 - หนา้ ท่ีของพิธกี ร - คุณสมบัตขิ องพธิ ีกร - โอกาสในการปฏิบตั ิหน้าท่ี พิธกี ร
44 การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ตามรายกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ผู้สอนทาการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ผู้เรียนตามตัวชี้วัดที่กาหนดในหน่วยการเรียนรู้ด้วย วิธีการท่ีหลากหลาย ให้ได้ผลการประเมินตามความสามารถท่ีแท้จริงของผู้เรียนโดยทาการวัดและ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ไปพรอ้ มกับการจดั การเรียนการสอน ได้แก่ การสังเกตพฒั นาการ และความประพฤติ ของผู้เรียน การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรมและการทดสอบ ซ่ึงผู้สอนต้องนานวัตกรรม การวดั และการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ที่หลากหลาย เช่นการประเมินสภาพจริง การประเมิน การปฏิบัติงาน การประเมินจากโครงงานและการประเมินจากแฟ้มสะสมงาน ไปใช้ในการประเมนิ ผลการเรียนรคู้ วบคู่ไปกับ การใช้แบบทดสอบแบบต่างๆ และต้องให้ความสาคัญกับการประเมินระหว่างปี/ภาคมากกว่าการประเมิน ปลายปี / ภาค 1. การประเมนิ ผลการเรียน 1.1 การประเมินผลกอ่ นเรียน การประเมินผลก่อนเรียน กาหนดให้ครูผู้สอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ประเมินผลก่อนเรียน เพื่อหาสารสนเทศของผู้เรียนในเบ้ืองต้น สาหรับนาไปจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับพ้ืนฐานของ ผู้เรียน ตามแนวทางการจัดกระบวนการเรยี นรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ แต่จะไม่นาผลการประเมินน้ีไปใช้ใน การพจิ ารณาตัดสินผลการเรยี น การประเมนิ ผลก่อนเรียนประกอบดว้ ยการประเมนิ ดงั ต่อไปน้ี 1.1.1 การประเมินความพรอ้ มและพนื้ ฐานของผ้เู รียน เป็นการตรวจสอบความรู้ ทักษะ และความพร้อมต่าง ๆ ของผู้เรียนท่ีเป็นพื้นฐานของเรื่อง ใหม่ ๆ ท่ีผู้เรียนต้องเรียนโดยใช้วิธีการท่ีเหมาะสม เพ่ือจะได้ทราบว่าผู้เรียนมีความพร้อมและพ้ืนฐานท่ีจะ เรียนทกุ คนหรือไม่ แล้วนาผลการประเมนิ มาปรบั ปรุง ซอ่ มเสรมิ หรือตระเตรียมผู้เรียนใหม้ ีความพร้อมและ พื้นฐานพอเพียงทุกคน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนประสบความสาเร็จในการเรียนได้เป็นอย่างดี การประเมิน พ้ืนฐานและความพร้อมของผู้เรียนก่อนเรียน จึงมีความสาคัญและจาเป็นที่ผู้สอนทุกคนจะต้องดาเนินการ เพื่อเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมในการเรียนทุกครั้งจะทาให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถคาดหวงั ความสาเร็จไดอ้ ย่างแน่นอน การประเมินความพรอ้ มและพน้ื ฐานของผู้เรียนกอ่ นเรยี นมี แนวปฏิบตั ิดังนี้ 1) วเิ คราะห์ความรแู้ ละทักษะที่เป็นพน้ื ฐานก่อนเรียน 2) เลอื กวธิ ีการและจดั ทาเครอื่ งมือสาหรับประเมินความรู้ และทกั ษะพ้ืนฐาน อย่างเหมาะสมและมีประสิทธภิ าพ 3) ดาเนินการประเมนิ ความรแู้ ละทักษะพ้ืนฐานของผ้เู รยี น 4) นาผลการประเมนิ ไปดาเนินการปรบั ปรงุ ผู้เรียนให้มีความรู้และทักษะ พน้ื ฐานอยา่ งพอเพียงกอ่ นดาเนินการสอน 5) จัดการเรียนการสอนในเร่อื งที่จดั เตรียมไว้
45 1.1.2 การประเมินความรอบรู้ในเรื่องที่จะเรียนก่อนการเรียน เป็นการประเมินผู้เรียนใน เรื่องท่ีจะทาการสอน เพ่ือตรวจสอบว่าผู้เรียนมีความรู้และทักษะในเรื่องที่จะเรียนนั้นมากน้อยเพียงไร เพื่อนาไปเป็นขอ้ มูลเบื้องต้นของผู้เรียนแต่ละคนวา่ เริม่ ต้นเรียนเร่ืองนั้น ๆ โดยมคี วามรู้เดิมอยู่เท่าไรเพื่อจะ ได้นาไปเปรียบเทียบกับผลการเรียนภายหลัง การเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนตามแผนการเรียนรแู้ ล้ว ว่าเกิด พัฒนาการหรือเกิดการเรียนรู้เพิ่มข้ึนหรือไม่เพียงไร ซึ่งจะทาให้ทราบถึงศักยภาพในการเรียนรู้ของผู้เรียน และประสิทธิภาพในการจัดกิจกรรมการเรียน ซ่ึงจะใช้เป็นประโยชน์ในการสนองตอบการเรียนรู้ของผู้เรียน แตล่ ะคนแตล่ ะกลุ่มตอ่ ไป แต่ประโยชนท์ ่เี กิดขนึ้ ในเบ้ืองต้นของการประเมนิ ผลก่อนเรยี น ก็คือผสู้ อนสามารถ นาผลการประเมินไปใช้เป็นข้อมูลในการจัดเตรียม วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนให้สอดคล้องกับความรู้เดิม ของผู้เรียนว่าจะต้องจัดอย่างเข้มข้นหรือมากน้อยเพียงไร จึงจะทาให้แผนการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ สามารถทาให้ผ้เู รยี นเกิดการเรียนรู้และพฒั นาการต่าง ๆ ตามผลการเรยี นที่คาดหวังด้วยกันทุกคน ในขณะ ท่ีไม่ทาให้ผู้เรียนมีพ้ืนความรู้เดิมอยู่แล้วเกิดความรู้สึกเบ่ือหน่าย และเสียเวลาเรียนในส่ิงที่ตนรู้แล้ว การประเมินความรอบรู้ก่อนเรียนมีขั้นตอนการปฏิบัติเหมือนกับการประเมินความพร้อมและพ้ืนฐานของ ผเู้ รยี น ตา่ งกนั เฉพาะความรู้ ทักษะทจี่ ะประเมนิ เทา่ น้นั 1.2 การประเมนิ ระหว่างเรียน การประเมินระหว่างเรียนเป็นการประเมินที่มุ่งตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรียนว่าบรรลุ จุดประสงค์การเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีครูได้วางแผนไว้หรือไม่ เพ่ือนาสารสนเทศที่ได้จากการ ประเมนิ ไปส่กู ารปรับปรงุ แกไ้ ขขอ้ บกพร่องของผู้เรียน และสง่ เสริมผเู้ รยี นให้มคี วามรูค้ วาม สามารถและเกิดพัฒนาการสูงสุดตามศักยภาพ การประเมินผลระหว่างเรียนมีแนวทางในการปฏิบัติตาม ขัน้ ตอน ดังนี้ 1.2.1 วางแผนการเรียนรู้และการประเมินผลระหว่างเรียน ผู้สอนจัดทาแผนการเรียนรู้ กาหนดแนวทางการประเมินผลให้สอดคล้องกับมาตรฐานและตัวชี้วัด ซึ่งในแผนการเรยี นรู้จะระบุภาระงาน ทีจ่ ะทาให้ผ้เู รียนบรรลุตามตัวช้วี ดั อย่างเหมาะสม 1.2.2 เลือกวิธีการประเมินท่ีสอดคล้องกับภาระงานหรือกิจกรรมหลักที่กาหนดให้ผู้เรียน ปฏิบัติ ทั้งน้ีวิธีการประเมินที่เหมาะสมอย่างยิ่งสาหรับการประเมินระหว่างเรียน ได้แก่การประเมินจากสิ่งท่ี ผู้เรียนได้แสดงให้เห็นว่ามีความรู้ ทักษะ และความสามารถ ตลอดจนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์อันเป็นผล จากการเรียนรู้ ตามที่ผู้สอนได้จัดกระบวนการเรียนรู้ให้วิธีการประเมินที่ผู้สอนสามารถเลือกใช้ใน การประเมินระหว่างเรยี น มดี ังน้ี 1) การประเมนิ ดว้ ยการส่อื สารส่วนบคุ คล ได้แก่ - การถามตอบระหว่างทากิจกรรมการเรียน - การพบปะสนทนาพูดคยุ กบั ผเู้ รยี น - การพบปะสนทนาพดู คยุ กับผ้เู ก่ียวข้องกบั ผู้เรียน - การสอบปากเปล่าเพอื่ ประเมินความรู้ ความเขา้ ใจ และทศั นคติ - การอ่านบนั ทกึ เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ ของผ้เู รยี น - การตรวจแบบฝกึ หดั และการบา้ น พรอ้ มใหข้ อ้ มลู ป้อนกลับ
46 2) การประเมินจากการปฏิบัติ (Performance Assessment) เป็นวิธีการประเมิน งานหรอื กิจกรรมที่ผ้สู อนมอบหมายใหผ้ ู้เรยี นปฏบิ ตั เิ พือ่ ให้ได้ข้อมลู สารสนเทศว่า ผู้เรียนเกดิ การเรยี นร้มู ากนอ้ ยเพียงใด การประเมินการปฏิบัตผิ ้สู อนต้องเตรียมการในสิ่งสาคัญ 2 ประการ คอื - ภาระงานหรอื กิจกรรมที่จะให้ผ้เู รยี นปฏิบัติ (Tasks) - เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (Rubrics) วธิ กี ารประเมินการปฏบิ ัตจิ ะเป็นไปตามลักษณะงาน ดงั น้ี - ภาระงานหรือกิจกรรมที่ผู้สอนกาหนดให้ผู้เรียนทาเป็นรายบุคคล /กลุ่ม จะประเมินวิธีการทางานตามขน้ั ตอนและผลงานของผู้เรยี น - ภาระงานหรือกิจกรรมท่ีผู้เรียนปฏิบัติเป็นปกติในชีวิตประจาวันจะประเมินด้วย วธิ ีการสังเกต จดบนั ทึกเหตกุ ารณเ์ กยี่ วกบั ผเู้ รยี น - การสาธิต ได้แก่ การให้ผู้เรียนแสดงหรือปฏิบัติกิจกรรมตามที่กาหนด เช่น การใช้เคร่ืองมือปฏิบัติงาน การทากายบริหาร การเล่นดนตรี จะประเมินวิธีการและข้ันตอนในการสาธิต ของผเู้ รียนดว้ ยวิธกี ารสงั เกต - การทาโครงงาน การจดั การเรยี นรู้ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กาหนดให้ ผู้สอนต้องมอบหมายให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติโครงงานอย่างน้อย 1 โครงงาน ในทุกช่วงช้ัน ดังนั้นผู้สอนจึงต้อง กาหนดภาระงานในลกั ษณะของโครงงานให้ผู้เรียนปฏบิ ตั ิในรูปแบบใดรูปแบบหนึง่ ใน4 รปู แบบต่อไปน้ี 1. โครงงานสารวจ 2. โครงงานสิ่งประดษิ ฐ์ 3. โครงงานแก้ปญั หาหรือการทดลองศึกษาค้นควา้ 4. โครงงานอาชพี วธิ ีการประเมินผลโครงงาน ใช้การประเมนิ 3 ระยะ คือ 1. ระยะก่อนทาโครงงาน โดยประเมินความพร้อมด้านการเตรียมการ และความ เป็นไปไดใ้ นการปฏิบัตงิ าน 2. ระยะทาโครงงาน โดยประเมินการปฏิบัติจริงตามแผน วิธีการและขั้นตอน กาหนดไว้ และการปรับปรุงงานระหวา่ งปฏบิ ัติ 3. ระยะสิ้นสุดการทาโครงงาน โดยประเมินผลงานและวิธีการนาเสนอผลการ ดาเนินโครงงานการกาหนดใหผ้ ู้เรียนทาโครงงาน สามารถทาได้ 3 แบบ คอื 3.1ขนาดใหญ่และซับซ้อนต้องให้ผู้เรียนท่ีมีความสามารถต่างกันหลายด้าน ช่วยกันทา การประเมินโครงงานควรเน้นการประเมนิ กระบวนการกลุม่ 3.3 โครงงานผสมระหว่างรายบุคคลกับกลุ่ม เปน็ โครงงานที่ผู้เรียนทารว่ มกัน แต่เมื่อเสร็จงานแล้วใหแ้ ต่ละคนรายงานผลด้วยตนเอง โดยไม่ต้องไดร้ ับการช่วยเหลือจากสมาชกิ ในกลุ่มใน การประเมินการปฏิบัติงานดังกล่าวมาข้างต้น ผู้สอนจาเป็นต้องสร้างเคร่ืองมือเพื่อใช้ประกอบการประเมิน การปฏิบัติ เชน่
47 - แบบวดั ภาคปฏิบัติ เป็นตน้ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - แบบตรวจสอบรายการ - เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (Rubrics) 1.2.3 การประเมินสภาพจริง (Authentic Assessment) การประเมินสภาพจริง เป็น การประเมินจากการปฏิบัติงานหรือกิจกรรมอย่างใดอย่างหน่ึง โดยงานหรือกิจกรรมที่มอบหมายให้ผู้เรยี น ปฏิบัติจะเป็นงาน หรือสถานการณ์ท่ีเป็นจริง (Real life) หรือใกล้เคียงกับชีวิตจริง จึงเป็นงานท่ีมี สถานการณ์ซับซ้อน (Complexity) และเป็นองค์รวม (Holistic) มากกว่างานปฏิบัติในกิจกรรมการเรียน ท่วั ไป วิธีการประเมินสภาพจริงไม่มีความแตกต่างจากการปฏิบัติ(Performance Assessment) เพียงแต่อาจมีความยุ่งยากในการประเมินมากกว่า เน่ืองจากเป็นสถานการณ์จริง หรือต้องจัดสถานการณ์ ให้ใกล้จริง แต่จะเกิดประโยชน์กับผู้เรียนมากเพราะจะ ทาให้ทราบความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียนว่า มจี ุดเด่นและข้อบกพร่องในเรื่องใด อนั จะนาไปสู่การแกไ้ ขทีต่ รงประเดน็ 1.2.4 การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน (Portfolio Assessment) การประเมินด้วยแฟ้ม สะสมงาน เปน็ วิธีการประเมินท่ีชว่ ยส่งเสริมใหก้ ารประเมินตามสภาพจรงิ มีความสมบูรณ์สะท้อนศกั ยภาพท่ี แท้จริงของผู้เรียนมากขึ้น โดยการให้ผู้เรียนได้เก็บรวบรวม (Collect) ผลงานจากการปฏิบัติจริงท้ังในชั้น เรียนหรือในชีวิตจริงที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ตามสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ มาจัดแสดงอย่างเป็นระบบ (Organized)โดยมีจุดประสงค์เพ่ือสะท้อนให้เห็น (Reflect) ความพยายาม เจตคติ แรงจูงใจ พัฒนาการ และความสัมฤทธ์ิผล (Achievement) ของการเรียนรู้ของผู้เรียน การวางแผนดาเนินงาน การประเมิน ด้วยแฟ้มผลงานที่สมบูรณ์จะช่วยให้ผู้สอนให้สามารถประเมินจากแฟ้มสะสมงานแทนการประเมินจาก การปฏิบัติจริง การประเมนิ ดว้ ยแฟม้ สะสมงานมแี นวทางในการดาเนนิ งานดังนี้ 1) กาหนดโครงสร้างของแฟ้มสะสมงานจากวัตถุประสงค์ของแฟ้มสะสมงานว่า ตอ้ งการสะท้อนสิ่งใดเกี่ยวกบั ความสามารถและพัฒนาการของผู้เรยี น ทัง้ นอ้ี าจพิจารณาจากผลการเรียนรู้ที่ คาดหวังตามสาระการเรยี นร้ทู ีส่ ะทอ้ นไดจ้ ากการใหผ้ เู้ รียนจดั ทาแฟม้ สะสมงาน 2) กาหนดวิธีการเก็บรวบรวมผลงานให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแฟ้มสะสมงาน เพือ่ ใหผ้ ้เู รียนได้ทาแฟ้มสะสมงาน 3) กาหนดให้วิธีการประเมินงานเพ่ือพัฒนาช้ินงาน ซ่ึงส่งผลถึงการพัฒนาผู้เรียนให้มี ความสามารถสูงสุด ทั้งนี้ครูควรจัดทาเกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) สาหรับให้ผู้เรียนนาไปใช้เป็นข้อชี้นา ในการพฒั นางาน 4) ส่งเสริมให้เกิดความรว่ มมือในการพัฒนางาน โดยมีส่วนรว่ มในการประเมินจากทุก ฝา่ ย แล้วนาขอ้ มูลท่สี อดคล้องกันไปเป็นสารสนเทศหลกั ในการให้ข้อมลู ปอ้ นกลับ (Feedback) สาหรับให้ ผูเ้ รยี นใช้ในการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพรอ่ งจัดใหม้ ีการนาเสนอผลงานทีไ่ ด้สะสมไว้ โดยใช้วิธกี ารที่เหมาะสม
48 ซ่ึงผู้สอนและผู้เรียนควรวางแผนร่วมกันในการคัดเลือกช้ินงานที่ดีท่ีสุด ทั้งน้ีการนาเสนอชิ้นงานแต่ละช้ิน ควรมีหลกั ฐานการพัฒนางานและการประเมินผลงานด้วยตนเอง เกณฑ์การประเมินผลงานประกอบไวด้ ้วย ในการใช้วิธีการประเมินโดยแฟ้มสะสมงาน ผู้สอนควรคานึงด้วยว่าแฟ้มสะสมงานมีหลายประเภท การเลือกใช้แฟ้มสะสมงานประเภทใด ควรคานึงถึงรูปแบบ และแนวทางในการพัฒนาแฟ้มสะสมงานให้ เหมาะสม เพื่อให้แฟ้มสะสมงานช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียนด้วยกาหนดสัดส่วนการประเมิน ระหว่างเรียนกับการประเมินผลปลายภาคเรียนหรือปลายปี การประเมินระหว่างเรียนมีวัตถุประสงค์สาคัญ เพอ่ื มุ่งนาสารสนเทศ มาพฒั นาผเู้ รียนและปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนของผ้เู รียน การประเมินระหวา่ ง เรียนที่ดาเนินการอย่างถูกต้อง เข้มงวด และจริงจัง จะให้ผลการประเมินที่สะท้อนภาพความสาเร็จ และ ศกั ยภาพของ ผู้เรียนได้ถูกต้อง สมบูรณ์ และน่าเชื่อถือ ดังน้ัน ควรให้น้าหนักความสาคัญของการประเมิน ระหว่างเรยี นในสัดส่วนทม่ี ากกว่าการประเมินตอนปลายภาคเรียนหรือปลายปี ท้ังนี้โดยคานึงถึงธรรมชาติ ของรายวิชาและผลการเรียนรู้ที่คาดหวังเป็นสาคัญ แต่อย่างไรก็ตามในการประเมินเพื่อตัดสินผลการเรยี น รายวชิ าปลายภาคเรียนหรือปลายปี ต้องนาผลการประเมนิ ระหว่างเรียนไปใช้ในการตัดสินผลการเรียนด้วย ทงั้ นใี้ ห้เปน็ ไปตามสัดสว่ นและแนวดาเนินการในระเบียบทสี่ ถานศึกษาผกู้ าหนด จัดทาเอกสารบันทึกข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียน ผู้สอนต้องจัดทาเอกสารบันทึกข้อมูล สารสนเทศเก่ียวกับการประเมินผลระหว่างเรียนอย่างเป็นระบบชัดเจน เพ่ือใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการ ปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริมผู้เรียน ใช้เป็นหลักฐานสาหรบั การสอ่ื สารกับผู้เก่ียวขอ้ ง และใช้เป็นหลักฐานสาหรับ ตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้สอน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและความยุติธรรมในการประเมิน ท้ังนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบท่ีสถานศึกษากาหนด ข้อมูลหลักฐานการประเมินระหว่างที่พึงแสดง ได้แก่วิธีการ และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลข้อมูลเก่ียวกับความสามารถของผู้เรียนตามวิธีการประเมิน เช่นบันทึก การสังเกตพฤติกรรม บันทึกคะแนนจากผลการประเมินชิ้นงาน บันทึกคะแนนการประเมินโครงงาน บันทึกเก่ียวกับการประเมนิ แฟม้ สะสมงาน เปน็ ตน้ 1.3 การประเมินเพอ่ื สรปุ ผลการเรียน การประเมินเพ่ือสรุปผลการเรียนเป็นการประเมิน เพื่อมุ่งตรวจสอบความสาเร็จของผู้เรียนเม่ือ ผ่านการเรยี นรูใ้ นชว่ งเวลาหนึง่ หรอื สน้ิ สุดการเรยี นรายวิชาปลายปี/ปลายภาค ประกอบด้วย การประเมินหลังเรียน เป็นการประเมินผู้เรียนในเร่ืองท่ีได้เรียนจบแล้ว เพ่ือตรวจสอบว่า ผูเ้ รียนเกิดการเรียนรู้ตามผลการเรียนท่ีคาดหวังหรือไม่ เม่ือนาไปเปรียบเทียบกับผลการประเมินก่อนเรียน ว่า ผู้เรียนเกิดพัฒนาการข้ึนมากน้อยเพียงไร ทาให้สามารถประเมินได้ว่าผู้เรียนมีศักยภาพในการเรียนรู้ เพียงไร และกิจกรรมการเรียนที่จัดขึ้นมีประสิทธิภาพในการพัฒนาผู้เรียนอย่างไร ข้อมูลจากการประเมิน ภายหลงั การเรียน สามารถนาไปใช้ประโยชนไ์ ด้มากมาย ไดแ้ ก่ 1. ปรับปรุงแกไ้ ขซ่อมเสริมผ้เู รียนใหบ้ รรลผุ ลการเรียนรู้ที่คาดหวัง หรอื จดุ ประสงค์ของการ เรียน 2. ปรบั ปรุงแกไ้ ขวิธีเรยี นของผู้เรยี นให้มปี ระสิทธิภาพย่งิ ข้นึ 3. ปรบั ปรงุ แก้ไขและพฒั นาการจัดกิจกรรมการเรียน
49 การประเมินหลังเรียนนี้ ถ้าจะให้สอดคล้องกับการประเมินก่อนเรียน เพ่ือการเปรยี บเทียบพัฒนาการของ ผเู้ รียนสาหรบั การวิจยั ในช้ันเรียน ควรใช้วธิ ีการและเคร่อื งมือประเมินชุดเดียวกนั หรือค่ขู นานกนั 2. การกาหนดสัดส่วนระหว่างเรียนกับการประเมินปลายภาค / ปลายปี ให้กลุ่มสาระ การเรยี นร้แู ต่ละกลมุ่ รว่ มกันกาหนดตามหลักการทคี่ ณะกรรมการการบริหารหลกั สูตรและวชิ าการดังน้ี 2.1 การประเมินผลระหว่างเรียน ให้มีการประเมินผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของ การประเมนิ ผลทง้ั หมด 2.2 การประเมินผลระหว่างเรียนและการประเมินผลปลายภาค / ปลายปี ให้มีการประเมิน ทงั้ ดา้ นความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคุณลกั ษณะ 2.3 ในรายวิชาเดียวกันให้มีการกาหนดสัดส่วนระหว่างเรียนกับปลายภาค / ปลายปีและ วางแผนประเมนิ ผลตลอดภาคเรยี น / ตลอดปี ร่วมกัน 2.4 ในกรณีที่มีการประเมินผลด้วยแบบทดสอบ ให้มีการประเมินโดยใช้วิธีการให้ผู้เรียน ตอบแบบทดสอบอัตนัย โดยมีการให้คะแนนคิดเป็นร้อยละ 60 ของการทดสอบคร้ังน้ัน สัดส่วนคะแนน การประเมนิ ผลระหว่างภาค : ปลายภาค = 70 : 30 2. การประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขยี น การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน เป็นการประเมินศักยภาพของผู้เรียนในการอ่าน การฟัง การดูและการรับรู้ จากหนังสือเอกสารและส่ือต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง แล้วนามาคิดวิเคราะห์เนื้อหา สาระที่นาไปสู่การแสดงความคิดเห็น การสังเคราะห์สร้างสรรค์ในเรื่องต่างๆ และถ่ายทอดความคิดน้ัน ด้วยการเขยี นซง่ึ สะท้อนถงึ สตปิ ัญญา ความรู้ ความเขา้ ใจ ความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาและสร้างสรรค์จินตนาการอย่างเหมาะสมแลหะมีคุณค่าแก่ตนเอง สังคมและ ประเทศชาติ พร้อมด้วยประสบการณ์และทักษะในการเขียนที่มีสานวนภาษาถูกต้อง มีเหตุผลและลาดับ ขั้นตอนในการนาเสนอ สามารถสร้างความเข้าใจแก่ผู้อ่านได้อย่างชัดเจนตามระดับความสามารถในแต่ละ ระดับชั้น การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน สรุปผลรายปี/รายภาค เพ่ือวินิจฉัยและใช้เป็น ข้อมลู เพอื่ ประเมนิ การเลื่อนช้นั เรยี นและการจบการศึกษาระดับตา่ งๆ 1. การประเมินอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน ดีเยย่ี ม หมายถึง สามารถจบั ใจความสาคัญได้ครบถ้วน เขียนวพิ ากษว์ จิ ารณ์ เขียนสรา้ งสรรค์ แสดงความคดิ เห็นประกอบอย่างมีเหตุผล ได้ถูกต้อง และสมบรู ณ์ ใช้ภาษาสภุ าพและเรยี บเรยี งไดส้ ละสลวย ดี หมายถึง สามารถจับใจความสาคัญได้ เขยี นวิพากษ์วจิ ารณแ์ ละเขยี น สรา้ งสรรคไ์ ด้ โดยใช้ภาษาสุภาพ ผา่ น หมายถึง สามารถจบั ใจความสาคัญและเขียนวพิ ากษว์ ิจารณ์ได้บ้าง
50 2. ประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ดีเยย่ี ม หมายถงึ ผ้เู รียนมีคณุ ลักษณะในการปฏบิ ัตจิ นเป็นนสิ ยั และนาไปใช้ใน ชวี ิตประจาวนั เพ่อื ประโยชนส์ ุขของตนเองและสังคม ดี หมายถงึ ผเู้ รยี นมีคณุ ลกั ษณะในการปฏิบตั ิตามกเกณฑเ์ พ่ือใหเ้ ปน็ ทยี่ อมรบั ของสังคม ผ่าน หมายถึง ผ้เู รยี นรบั รู้และปฏิบตั ติ ามกฎเกณฑ์และเงอื่ นไขท่สี ถานศึกษากาหนด 3. การประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตาหลักสูตรแกนกลางข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช - 2551 และตามท่ีสถานศึกษากาหนดเพิ่มเติม เป็นการประเมินรายคุณลักษณะแล้วรวบรวมผลการประเมินจาก ผ้ปู ระเมินทุกฝ่ายนามาพิจารณาสรปุ ผลเป็นรายปี/ รายภาค เพื่อใช้เป็นข้อมลู ประเมนิ การเล่อื นชั้นเรยี นและ การจบการศกึ ษาระดับตา่ งๆ ดงั น้ี 3. 1 รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 3. 2 ซ่ือสัตย์ สุจรติ 3. 3 มวี นิ ยั 3. 4 ใฝเ่ รียนรู้ 3.5 อยู่อย่างพอเพียง 3.6 มุ่งมน่ั ในการทางาน 3.7 รักความเปน็ ไทย 3.8 มจี ิตสาธารณะ เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดหลักเกณฑ์การวัดและ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เพอื่ ตดั สนิ ผลการเรียนของผ้เู รียน ดงั นี้ 1. ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นทง้ั หมดในรายวิชานัน้ ๆ 2. ผู้เรียนต้องไดร้ ับการประเมนิ ทกุ ตวั ช้วี ดั และผ่านตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด 3. ผูเ้ รยี นตอ้ งไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรยี นทุกรายวิชา 4. ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนดใน การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน เพ่ือให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพผู้สอนต้องตรวจสอบความรู้ความสามารถท่ีแสดง พฒั นาการของผู้เรยี นอย่างสม่าเสมอและต่อเน่ือง อกี ท้ังต้องสร้างใหผ้ ู้เรียนรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนด้วย การตรวจสอบ ความก้าวห น้าในการเรียนของตนเองอย่างสม่าเสม อเช่นกันตัวชี้วัดซ่ึงมีความสาคัญ ใน การนามาใช้ออกแบบหน่วยการเรียนรู้นั้นยังเป็นแนวทางสาหรับผู้สอนและผู้เรียนใช้ในการตรวจสอบ ย้อนกลับว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้หรือยังการประเมินในช้ันเรียนซึ่งต้องอาศัยทั้งการประเมินเพ่ือการพัฒนา
Search