Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนยุทธศาสตร์สุขภาพวิถีชีวิตไทย พ.ศ.2554 – 2563

แผนยุทธศาสตร์สุขภาพวิถีชีวิตไทย พ.ศ.2554 – 2563

Published by nurse4thai, 2021-01-19 18:48:10

Description: แผนยุทธศาสตร์สุขภาพวิถีชีวิตไทย พ.ศ.2554 – 2563
แผนยุทธศาสตร์สุขภาพวิถีชีวิตไทย พ.ศ.2554 – 2563

Keywords: แผนยุทธศาสตร์สุขภาพวิถีชีวิตไทย พ.ศ.2554 – 2563

Search

Read the Text Version

คาํ นํา จากการเผชญิ กบั กระแสโลกาภวิ ตั นร์ ะบบทนุ นยิ มทใ่ี หค้ วามสําคญั กับการพฒั นาทางวัตถุ เอาเงนิ เปน็ ตวั ตั้ง กอ่ ให้เกดิ ความเสือ่ มถอยและล่มสลายของสถาบนั ครอบครวั สถาบนั ทางสงั คม การดาํ เนนิ ธรุ กิจที่ขาด ความรบั ผดิ ชอบ เกดิ คา่ นิยม วฒั นธรรม วิถกี ารดาํ เนินชวี ติ ทไี่ มเ่ พียงพอและขาดความสมดลุ สภาพแวดล้อมไม่ ปลอดภัย ขาดการใสใ่ จดูแลควบคมุ ป้องกันปัจจัยเสีย่ งทส่ี ่งผลกระทบตอ่ สุขภาพ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ จากพฤติกรรม การบริโภคทไี่ มเ่ หมาะสม ขาดการออกกาํ ลงั กาย เกิดความเครียดหาทางออกโดยการกนิ อาหาร สูบบหุ รี่ ดื่มสุรา ทาํ ให้มภี าวะนาํ้ หนกั เกนิ และอว้ น เปน็ สาเหตหุ ลกั สาํ คญั ทาํ ใหเ้ กิดโรคไมต่ ิดตอ่ เรือ้ รังหรือเรียกวา่ โรควถิ ชี วี ติ แพร่ระบาดไปทวั่ โลก และมแี นวโนม้ รนุ แรงมากขนึ้ หากไมส่ ามารถสกดั ก้ันหรอื หยุดยง้ั ปญั หาไดจ้ ะทาํ ใหเ้ กดิ การ เจ็บปว่ ย พิการ เสียชวี ติ มีภาระคา่ ใช้จา่ ยทางด้านสุขภาพและการสญู เสียทางเศรษฐกิจตามมาอยา่ งมหาศาล ประเทศไทยกก็ ําลังเผชญิ กบั ปญั หาทวี่ ิกฤตเชน่ กนั ต้องประสบกบั แนวโนม้ ปญั หาทเ่ี พม่ิ ข้นึ มาโดยตลอดจากโรคที่ ป้องกันไดท้ ส่ี ําคญั ไดแ้ ก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหติ สงู โรคหวั ใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง และโรคมะเร็ง ซึ่งไดก้ าํ หนดเปน็ เปา้ หมายหลกั การพฒั นาในแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 10 และแผนพฒั นา สุขภาพแห่งชาติ ฉบบั ที่ 10 และต้องสานต่อเจตนารมณใ์ นช่วงแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 11 และแผนพัฒนาระยะยาวอยา่ งจริงจงั และตอ่ เนื่อง สํานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสขุ และสถาบนั โภชนาการ มหาวทิ ยาลยั มหิดล ไดเ้ ล็งเหน็ ตระหนกั ถงึ ความสาํ คญั ทีจ่ าํ เปน็ ตอ้ ง สร้างการมสี ่วนรว่ มของภาคเี ครอื ข่ายทุกภาคสว่ น และระดมพลังทงั้ สงั คมเพอ่ื ปอ้ งกนั แก้ไขและขจัดปญั หาดงั กล่าว ผ่านกระบวนการจัดทําแผนยทุ ธศาสตรส์ ขุ ภาพดวี ิถีชวี ิตไทย พ.ศ. 2554–2563 ขึ้น ซ่ึงเปน็ แผนยทุ ธศาสตร์ ระดบั ชาติ เพ่ือใชเ้ ปน็ กรอบช้ีทศิ ทางการขับเคลอ่ื นสกู่ ารปฏบิ ตั กิ ารอย่างบรู ณาการเปน็ เอกภาพทกุ ระดบั ในการ ปรับเปลี่ยนวิถชี วี ิตใหมเ่ ป็นวถิ ีชวี ติ ทลี่ ดเสี่ยง ลดโรค ลดภาวะแทรกซ้อน ลดการพกิ าร ลดการตาย และลดภาระ คา่ ใช้จา่ ยทั้งระดบั บคุ คล ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศ ใหก้ า้ วสู่วถิ ชี ีวิตพอเพยี ง สุขภาพพอเพยี ง ระบบ สุขภาพพอเพยี ง และสังคมสขุ ภาวะ ภายใตส้ ังคมอย่เู ยน็ เปน็ สขุ รว่ มกนั เป็นสงั คมทอ่ี ยรู่ ่วมกนั อยา่ งมคี วามสุข สํานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลยั มหดิ ล

สารบญั หนา้ คํานาํ ก-ข สรปุ สาระสาํ คญั แผนยุทธศาสตร์สขุ ภาพดวี ถิ ชี ีวติ ไทย พ.ศ. 2554-2563 1 บทนาํ 3 ภาคท่ี 1 สถานการณป์ ัญหาสขุ ภาพและโรคไมต่ ดิ ต่อเรอื้ รงั จากวิถีชวี ติ ท่เี ปล่ยี นแปลงไป 3 สว่ นท่ี 1 บรบิ ทใหม่ทางเศรษฐกจิ สงั คม และสิง่ แวดล้อมทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ วถิ ีชวี ติ และ 7 สขุ ภาพ 14 21 สว่ นที่ 2 แบบแผนการบริโภคและการดาํ รงชวี ติ ทีเ่ ป็นภยั คุกคามสขุ ภาพ 23 สว่ นท่ี 3 สถานการณค์ วามรนุ แรงของโรควถิ ีชวี ติ 23 สว่ นที่ 4 สถานการณ์ปญั หาและแนวโนม้ การป้องกนั และแกไ้ ขปญั หาโรควถิ ีชวี ิต 26 ภาคที่ 2 ปรัชญา แนวคิด และยุทธศาสตร์สขุ ภาพดีวถิ ชี วี ิตไทย 27 สว่ นท่ี 1 ปรัชญาและแนวคิดหลกั ในการพัฒนา 27 สว่ นที่ 2 วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ เปา้ ประสงค์สงู สดุ และเป้าหมายหลกั ในการพฒั นา 35 สว่ นท่ี 3 เสน้ ทางและยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นา 35 สว่ นที่ 4 กรอบแผนงานภายใต้ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นา 36 ภาคท่ี 3 แนวทางการขบั เคลื่อนยุทธศาสตร์สขุ ภาพดีวิถีชวี ิตไทย 37 สว่ นที่ 1 แนวทางการบรหิ ารจดั การสคู่ วามสาํ เรจ็ 38 สว่ นที่ 2 กลไกการขบั เคล่อื นยุทธศาสตรส์ ุขภาพดวี ถิ ชี ีวติ ไทย 39 ภาคผนวก 1. กรอบขนั้ ตอนการจัดทําแผนยทุ ธศาสตรส์ ุขภาพดวี ิถชี วี ิตไทย พ.ศ. 2554–2563 41 2. ความสมั พนั ธข์ องเปา้ หมายและยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาในแผนยุทธศาสตรส์ ขุ ภาพดี วิถีชวี ติ ไทย พ.ศ. 2554–2563 กบั แผนพฒั นาสขุ ภาพแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 10 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 10 พ.ศ. 2550–2554 และ ทิศทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 11 พ.ศ. 2555-2559 3. คณะกรรมการอํานวยการยทุ ธศาสตรส์ ุขภาพดวี ถิ ชี ีวติ ไทย และคณะกรรมการบริหาร ยทุ ธศาสตรส์ ุขภาพดวี ถิ ชี ีวติ ไทย

ก สรุปสาระสาํ คัญแผนยทุ ธศาสตรส ขุ ภาพดีวิถชี ีวติ ไทย พ.ศ. 2554-2563 แผนยุทธศาสตรส์ ุขภาพดวี ถิ ชี วี ิตไทย ได้จัดทําขน้ึ ใหส้ อดคลอ้ งกบั สถานการณ์ปญั หาโรคไมต่ ดิ ตอ่ เร้ือรงั ท่ีสามารถปอ้ งกนั ได้ หรือเรยี กวา่ โรควถิ ชี วี ติ ซงึ่ เปน็ ปญั หาสขุ ภาพสาํ คัญลาํ ดับตน้ ๆ ท่ีระบาดอยู่ในปจั จุบนั และ ในอนาคตทคี่ าดวา่ จะมีแนวโน้มทวคี วามรนุ แรงมากยง่ิ ขน้ึ หากปล่อยใหส้ ถานการณ์ดาํ เนนิ ไปโดยมไิ ด้ดาํ เนนิ การ สกดั กนั้ ปญั หาอยา่ งจรงิ จงั และได้กาํ หนดไว้เปน็ เปา้ หมายและทศิ ทางการพฒั นาคณุ ภาพคน สงั คม และสขุ ภาพ ในแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ และแผนพัฒนาสขุ ภาพแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 10 และทศิ ทางของแผนพฒั นา เศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 11 แผนนไ้ี ด้ต่อยอดความคดิ เชงิ ลกึ ในแตล่ ะประเดน็ ปญั หา สานตอ่ แนวคิด สขุ ภาพพอเพยี งตามแนวปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ทย่ี ดึ คนเปน็ ศูนยก์ ลางของการพฒั นา สรา้ งสมดลุ การพฒั นา ในทกุ มติ แิ ละสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ทเี่ ขม้ แขง็ ให้กบั คนไทยและประเทศ ผ่านมุมมองแบบบรู ณาการเปน็ องค์รวมในบรบิ ท แวดล้อมที่กว้างขวาง การสร้างกระบวนการการมสี ว่ นรว่ มของทกุ ภาคสว่ นในสงั คม และการมีสว่ นรว่ มในการ ตัดสนิ ใจของประชาชน ทีม่ คี วามชดั เจนของเปา้ หมายการพฒั นาท่ีมงุ่ สร้างวิถีชวี ติ ที่พอเพียงเพือ่ การมสี ุขภาพทดี่ ี ของคนไทยดว้ ยการขับเคลื่อนยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาแบบมสี ่วนร่วมของทกุ ภาคสว่ นในทุกระดบั ท้ังในระดบั บคุ คล ครอบครวั ชุมชน สงั คม และประเทศ ให้ก้าวไปสูร่ ะบบสุขภาพพอเพียง และสงั คมอยเู่ ยน็ เปน็ สขุ และอยรู่ ว่ มกนั อย่างมคี วามสขุ สรุปสาระสําคญั ของแผนยุทธศาสตรส์ ุขภาพดวี ิถชี วี ิตไทยไดด้ ังนี้ 1. สถานการณข์ อบเขตของปญั หา ไดว้ ิเคราะหป์ จั จยั เสยี่ งพน้ื ฐานทเี่ ปน็ ภยั คกุ คามสขุ ภาพจาก พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารและเคร่ืองดมื่ ที่มรี สหวาน มนั เคม็ มากเกนิ ไป กนิ ผกั และผลไมน้ อ้ ย ขาดการออก กาํ ลงั กาย ไมส่ ามารถจัดการกบั อารมณแ์ ละความเครียด สบู บหุ รี่และดม่ื สรุ าหรอื เครือ่ งดื่มทม่ี แี อลกอฮอล์ ภาวะ น้ําหนักเกนิ หรือโรคอ้วน ท่ีส่งผลกระทบต่อโรควิถีชีวิตท่ีเป็นปัญหาสาํ คัญของประเทศ ท่ีมีปัจจัยเส่ียงร่วมกัน และมคี วามสัมพนั ธ์ซง่ึ กนั และกนั ใน 5 โรค ไดแ้ ก่ โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ สงู โรคหวั ใจ โรคหลอดเลอื ด สมอง และโรคมะเรง็ 2. แนวคดิ หลกั ในการพัฒนาสขุ ภาพดวี ิถชี ีวิตไทย ไดย้ ึดแนวคดิ การสรา้ งวถิ ชี วี ิตไทยทพี่ อเพยี ง เพอ่ื การมสี ขุ ภาพดี ตามแนวคิดสขุ ภาพพอเพียงและปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และมุมมองการบูรณาการเปน็ องคร์ วมในระบบสุขภาพ บรบิ ทแวดล้อมและการมสี ว่ นรว่ มของทง้ั สงั คม และความสมั พนั ธข์ ององค์ประกอบท่ี เชอ่ื มโยงปจั จัยทเี่ ก่ยี วข้องกบั โรควถิ ชี วี ิต 3. วิสัยทัศน์ พนั ธกจิ เปา้ ประสงคส์ งู สุด และเปา้ หมายหลักในการพฒั นา ได้กาํ หนดไว้ ตามแนวคดิ หลกั ดงั กลา่ วข้างตน้ ดังนี้ วิสัยทัศน์ : ประชาชนมศี กั ยภาพในการจดั การปัจจยั เสยี่ งและสภาพแวดลอ้ มทสี่ ่งผลกระทบตอ่ โรค วถิ ชี วี ติ ดว้ ยการรวมพลังขับเคลอื่ นจากทกุ ภาคสว่ นอย่างบูรณาการ สมดลุ ยง่ั ยืน และเปน็ สุข บนพน้ื ฐานปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพยี ง

ข พนั ธกิจ : สร้างชมุ ชน ท้องถนิ่ สงั คม ทตี่ ระหนกั ลดปจั จยั เสีย่ ง เสรมิ ปัจจัยเออ้ื และมสี ว่ นรว่ ม อย่างเข้มแขง็ ในการผลกั ดนั นโยบายสู่การปฏิบัตกิ ารค้นหา เฝา้ ระวงั ปอ้ งกันควบคุม จดั การปญั หา และพัฒนา ของทกุ ภาคสว่ นอยา่ งเปน็ ระบบ องคร์ วม ครอบคลมุ มีประสทิ ธิภาพ เปา้ ประสงคส์ ูงสุด : ประชาชน ชุมชน สงั คม และประเทศ มีภมู คิ ้มุ กันและศกั ยภาพในการสกดั กน้ั ภยั คกุ คามสขุ ภาพจากโรควถิ ีชีวติ ทส่ี าํ คญั ได้ เป้าหมายหลกั ในการพฒั นา : ลดปัญหาโรควิถชี ีวิตทสี่ ําคญั 5 โรค (เบาหวาน ความดนั โลหิตสงู หวั ใจ หลอดเลอื ดสมอง มะเรง็ ) ใน 5 ด้าน (การเกดิ โรค ภาวะแทรกซ้อน การพกิ าร การตาย ภาระคา่ ใชจ้ ่าย) ดว้ ยการเพมิ่ วถิ ชี วี ิตพอเพยี งใน 3 ด้าน (การบรโิ ภคทเ่ี หมาะสม การออกกาํ ลงั กายทเ่ี พยี งพอ การจดั การอารมณ์ ได้เหมาะสม) โดยมีตวั ชวี้ ดั หลกั ในการพฒั นา 18 ตวั ชว้ี ดั ใน 3 ระยะ (ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว) เส้นทางการพฒั นา : ไดก้ ําหนดไว้เปน็ 3 ระยะ 1) ระยะสน้ั : บรู ณาการความคดิ สรา้ งความ เช่ือมนั่ และการมสี ว่ นรว่ มขบั เคลือ่ นของภาคเี ครือขา่ ยรว่ ม 2) ระยะกลาง : ปฏิบัตกิ ารเชงิ รุกสกู่ ารวางรากฐานที่ ม่ันคงเชงิ โครงสร้างและระบบ 3) ระยะยาว : สรา้ งความเข้มแขง็ เชงิ โครงสร้างและระบบในการป้องกนั และแกไ้ ข ปญั หาอยา่ งยง่ั ยนื 4. ยทุ ธศาสตร์ เป้าหมายเชงิ ยทุ ธศาสตร์ ยุทธวิธี และแผนงานในการพฒั นา ทสี่ อดคลอ้ ง กบั วิสัยทัศน์ พันธกิจ เปา้ หมายการพฒั นาในแตล่ ะชว่ งของเสน้ ทางการพฒั นาไว้ 5 ยทุ ธศาสตร์ (14 เปา้ หมายเชงิ ยุทธศาสตร์ 3 ยทุ ธวธิ รี ่วม 11 ยทุ ธวธิ รี ายยทุ ธศาสตร์ 29 แผนงาน) คอื 1) นโยบายสาธารณะสร้างสุข (4 เปา้ หมาย 3 ยุทธวธิ ี 11 แผนงาน) 2) การขับเคลอื่ นทางสงั คมและสอ่ื สารสาธารณะ (2 เปา้ หมาย 2 ยุทธวธิ ี 4 แผนงาน) 3) การพฒั นาศกั ยภาพชุมชน (1 เป้าหมาย 2 ยทุ ธวิธี 3 แผนงาน) 4) การพฒั นาระบบเฝ้าระวงั และการจดั การ โรค (3 เป้าหมาย 3 ยุทธวธิ ี 7 แผนงาน) 5) การสร้างความเข้มแขง็ ของระบบสนบั สนุนยุทธศาสตร์ (4 เปา้ หมาย 1 ยุทธวธิ ี 4 แผนงาน) 5. แนวทางและกลไกการขบั เคลือ่ นยทุ ธศาสตร์สขุ ภาพดวี ถิ ีชีวติ ไทย ไดก้ าํ หนดกรอบแนวทาง ในการผลกั ดนั สกู่ ารปฏบิ ตั กิ าร ภายใตก้ ลไกระดบั ชาตใิ นการขบั เคลอื่ นระดับนโยบาย : คณะกรรมการอาํ นวยการ ยุทธศาสตรส์ ุขภาพดวี ถิ ีชวี ติ ไทย ระดับบรหิ าร : คณะกรรมการบรหิ ารยทุ ธศาสตรส์ ขุ ภาพดวี ิถชี ีวติ ไทย เพอื่ ให้ บรรลวุ สิ ัยทศั นแ์ ละเป้าหมายทก่ี าํ หนดไว้

บทนํา จากการตระหนักถึงความสําคัญของปัญหาสุขภาพที่เป็นผลจากบริบททางด้านเศรษฐกิจและสังคมท่ี เปล่ียนแปลงไปภายใตก้ ระแสโลกาภวิ ตั น์ ระบบทนุ นยิ ม และเทคโนโลยกี ารสอ่ื สารไรพ้ รมแดน สง่ ผลใหค้ นไทย เปลี่ยนวิถกี ารดาํ เนนิ ชวี ติ อยา่ งไมพ่ อเพยี ง ทา่ มกลางคา่ นิยม วฒั นธรรมและสงั คมแวดลอ้ มทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยความเส่ียง และเป็นภยั คกุ คามสขุ ภาพ เกดิ การระบาดของโรคไม่ติดตอ่ เร้อื รงั หรอื โรควถิ ชี วี ติ ทส่ี ามารถปอ้ งกนั ไดท้ ีม่ แี นวโน้ม ทวคี วามรุนแรงมากขนึ้ จึงไดก้ าํ หนดเปน็ เป้าหมายสาํ คญั ของการพฒั นาคุณภาพชีวิตและสขุ ภาพของคนไทยไวใ้ น แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาตฉิ บบั ท่ี 10 และแผนพัฒนาสุขภาพแหง่ ชาติฉบบั ท่ี 10 พ.ศ. 2550–2554 และถกู หยบิ ยกมาเป็นประเด็นในการวเิ คราะห์ แจกแจงใหเ้ หน็ แกน่ แท้ของสาเหตตุ น้ ตอของปญั หา สถานการณ์ ความรนุ แรงท่แี ท้จริง กําหนดเปา้ หมายและทศิ ทางการพฒั นาทช่ี ดั เจน ตรงประเดน็ และครอบคลมุ อยา่ งรอบดา้ น โดยผ่านกระบวนการร่วมคดิ รว่ มทาํ และยอมรบั ร่วมกันของภาคีเครือข่ายการพฒั นาทกุ ภาคส่วนไวใ้ นแผนยทุ ธศาสตร์ สุขภาพดวี ิถีชวี ติ ไทย ถงึ แม้วา่ ในช่วงทผี่ า่ นมาได้มีการขับเคล่อื นยุทธศาสตรส์ ุขภาพดีวถิ ชี วี ิตไทยส่กู ารปฏบิ ตั กิ าร ทกุ ภาคส่วนตา่ ง ๆ มาโดยตลอด แตก่ ็ยังคงปญั หาการเจบ็ ปว่ ย ตาย พกิ าร มีภาระคา่ ใชจ้ ่าย และเกดิ การสญู เสีย ทางเศรษฐกิจและสขุ ภาพทสี่ าํ คญั ในอนั ดบั ตน้ จึงจาํ เปน็ ตอ้ งสรา้ งความเข้มแขง็ และต่อเนอื่ งของการขบั เคลอ่ื น ยทุ ธศาสตรส์ ุขภาพดวี ถิ ชี ีวติ ไทยในชว่ งของแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 11 พ.ศ. 2555–2559 และในระยะยาวต่อไป ซง่ึ เป็นแผนยทุ ธศาสตรเ์ พอื่ ชีน้ าํ ทศิ ทางการพฒั นาวิถชี วี ติ ไทยเพอื่ การมีสขุ ภาพดี (ดูภาคผนวก ท่ี 1 และ 2) โดยไดน้ าํ เสนอสาระสําคญั ของแผนยุทธศาสตรส์ ขุ ภาพดวี ถิ ชี ีวติ ไทย พ.ศ. 2554–2563 ไว้ ดงั น้ี ภาคท่ี 1 สถานการณป์ ญั หาสขุ ภาพและโรคไม่ติดตอ่ เรอ้ื รงั จากวิถชี วี ติ ท่เี ปลยี่ นแปลงไป ได้ทบทวน วเิ คราะหส์ ถานการณท์ เ่ี ปลยี่ นไปภายใตบ้ รบิ ททางดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม วถิ กี ารดาํ เนนิ ชีวิต แบบแผนการบริโภคท่ี สัมพันธ์เช่ือมโยงกับปัจจัยเส่ียง พฤติกรรมสุขภาพ โรคภัยไขเ้ จบ็ ความรนุ แรงของปญั หา ขอ้ จาํ กดั ของการ พัฒนาทผ่ี ่านมา เพอ่ื ให้มองเหน็ ทศิ ทางการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหาได้อยา่ งชดั เจนมากยิง่ ข้ึน ภาคท่ี 2 ปรัชญา แนวคดิ และยทุ ธศาสตร์การพฒั นาสขุ ภาพดวี ถิ ชี วี ติ ไทย ได้ยึดหลักของปรชั ญา เศรษฐกิจพอพียง ผา่ นมมุ มองของการบรู ณาการแบบองค์รวมภายใตบ้ รบิ ทแวดลอ้ มและวถิ ีชีวติ ทเ่ี ปน็ พน้ื ฐานของ ปจั จัยเสย่ี งและภยั คกุ คามสขุ ภาพอย่างรอบดา้ น บนเสน้ ทางการพัฒนาทม่ี ีจงั หวะกา้ วเปน็ ขัน้ ตอน ไมก่ ้าวกระโดด และไม่สดุ โต่ง ที่เน้นคนเปน็ ศนู ยก์ ลาง การมสี ว่ นรว่ มของทง้ั สงั คม จงึ ได้กาํ หนดวสิ ัยทศั น์ พนั ธกจิ เปา้ ประสงค์ สูงสดุ เป้าหมายหลักในการพฒั นา ดว้ ยการขับเคลอ่ื นยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นา ยทุ ธวธิ ี และแผนงานรองรบั ท่ี สอดคลอ้ งกนั ในการสรา้ งวถิ ชี วี ิตไทยท่ีพอเพียงเพ่ือการมีสุขภาพดี นาํ ไปสู่วิถีชีวิตพอเพียง สุขภาพพอเพียง สังคมอยู่เย็นเป็นสุขและสังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขท่ีย่งั ยนื

2 ภาคที่ 3 แนวทางและกลไกการขับเคลอื่ นยุทธศาสตร์สขุ ภาพดีวถิ ชี วี ติ ไทย เพอื่ ใหก้ รอบแผนยทุ ธศาสตร์ สุขภาพดีวิถีชีวิตไทยสามารถแปลงไปสู่การปฏิบัติของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนอยา่ งจรงิ จงั จงึ ไดก้ ําหนดใหม้ ี แนวทางการดาํ เนนิ งานเพอื่ ใชเ้ ป็นกรอบในการผลกั ดนั สกู่ ารปฏิบตั กิ าร และการจดั ตง้ั องค์กรในรูปคณะกรรมการนโยบาย และบรหิ ารระดบั ชาติรว่ มรับผดิ ชอบ เพอ่ื เปน็ แกนขับเคลอ่ื นยทุ ธศาสตรใ์ หบ้ รรลเุ ปา้ หมายและเกดิ สัมฤทธ์ิผลได้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและยงั่ ยนื

ภาคท่ี 1 สถานการณป ญหาสุขภาพและโรคไมต ดิ ตอเรื้อรงั จากวิถชี ีวติ ท่เี ปลี่ยนแปลงไป ส่วนท่ี 1 บรบิ ทใหม่ทางเศรษฐกิจ สังคม และส่งิ แวดล้อมท่สี ่งผลกระทบต่อวถิ ีชีวิตและสขุ ภาพ การพฒั นาทางดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คมท่ีขาดความสมดลุ ของทว่ั โลกและของประเทศไทยภายใตก้ ระแส โลกาภวิ ตั น์ ที่มงุ่ เนน้ การพัฒนาทางวัตถโุ ดยเอาเศรษฐกจิ หรอื เอาเงนิ เป็นตัวตง้ั แบบทุนนยิ ม ทด่ี ําเนนิ ธุรกจิ การคา้ และบรกิ ารทถ่ี กู ครอบงําดว้ ยกลไกตลาดทม่ี ่งุ แสวงหากําไรเปน็ สําคญั และการเติบโตทางเศรษฐกจิ ในอตั ราทส่ี ูง แต่กม็ คี วามผันผวนตลอดเวลาจากปจั จัยแวดล้อมภายนอก ทําใหเ้ ศรษฐกจิ เกดิ ความเหลอื่ มลํา้ สงั คมเปลยี่ นไปสู่ การเสือ่ มสลาย จากสงั คมตะวนั ออกเปน็ สงั คมตะวนั ตก สังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอตุ สาหกรรม สังคมชนบท กลายเปน็ สังคมเมอื งมากขนึ้ ทาํ ให้แบบแผนในการดาํ รงชวี ติ และแบบแผนการบรโิ ภคเปลีย่ นไป เกดิ กระแสวตั ถุ นิยม บริโภคนยิ ม ที่มคี ่านยิ มเลยี นแบบการบริโภคตามตา่ งชาติ ละเลยไม่เหน็ คณุ ค่าความเปน็ ไทย เกดิ ความ ฟุง้ เฟอ้ ฟุม่ เฟอื ย ไมเ่ พียงพอ มีการใช้เทคโนโลยีเกินความจาํ เปน็ และไมเ่ หมาะสม สถาบนั ทางสงั คมออ่ นแอ กลายเปน็ สังคมท่พี ร่องทางดา้ นคณุ ธรรม ศลี ธรรม จริยธรรม มกี ารใชช้ วี ิตอยา่ งเรง่ รีบ แกง่ แยง่ แขง่ ขนั เอารัดเอา เปรยี บ แสวงหารายไดเ้ พอ่ื เลี้ยงดตู นเอง ครอบครวั และการเตบิ โตของธรุ กิจ ทาํ ให้ขาดความเออ้ื อาทรใสใ่ จซึง่ กนั และกนั ขาดการเอาใจใสด่ แู ลสขุ ภาพ รบั ผดิ ชอบต่อผลกระทบทางดา้ นสุขภาพและสังคม โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เรอ่ื ง ของการผลติ ผลติ ภณั ฑท์ ไี่ รค้ ณุ ค่าทางโภชนาการ และพฤตกิ รรมการบรโิ ภคทไ่ี ม่เหมาะสม ไม่ไดส้ ัดส่วน ขาด ความสมดลุ ละเลย หรอื มองขา้ มคุณคา่ ทางโภชนาการ ไมค่ าํ นงึ ถึงผลกระทบทางสขุ ภาพทน่ี าํ ไปส่ภู าระโรค ตา่ ง ๆ ทาํ ใหอ้ าหารท่ีนยิ มและเข้าถงึ งา่ ยทเี่ กดิ จากการขบั เคล่อื นโดยอตุ สาหกรรมอาหารและการเกษตรข้ามชาติ และในประเทศ จากการสง่ เสริมการตลาดเพอื่ ชว่ งชิงผลประโยชนท์ างการค้า อาหารฟาสตฟ์ ูด อาหารจานดว่ น อาหารสาํ เร็จรูป กง่ึ สําเร็จรปู ท่ีหาไดง้ า่ ย สะดวก ไมส่ ้นิ เปลอื งเวลามาก ซึง่ สว่ นมากมกั เป็นอาหารประเภทผดั ทอด ยา่ งหรือปง้ิ อาหารประเภทเนือ้ ทม่ี ีโปรตนี และเป็นอาหารท่มี ีไขมนั สงู เปน็ อาหารทเ่ี ขม้ ขน้ ดว้ ยพลงั งานมาก ขน้ึ ทางเลือกในการกนิ ค่อย ๆ ลดนอ้ ยลง นยิ มอาหารรสจัดที่มคี วามเคม็ มเี กลือโซเดียมสงู และหวานมากเกนิ ไป กนิ ผกั และผลไมน้ ้อย ขาดการออกกาํ ลงั กาย เน่ืองจากวถิ ชี วี ิตทถ่ี กู ขดั ขวางดว้ ยโครงสรา้ งผังเมอื งทไ่ี รท้ ศิ ทาง ระบบขนสง่ จราจรท่ผี กู ขาดโดยรถยนตส์ ว่ นบคุ คล เกดิ ภาวะคบั คงั่ ชะงกั งนั สญู เสียเวลาในการเดนิ ทางและยงั คุกคามตอ่ สวสั ดภิ าพของคนเดินเทา้ หรอื ขี่จักรยาน สิ่งแวดล้อมท่ไี ม่ปลอดภัยมมี ลพษิ ทาํ ใหว้ ิถีการเดินทางทเี่ อื้อ ตอ่ สขุ ภาพไม่เกดิ ข้ึนกบั คนสว่ นใหญ่ นอกจากนีย้ งั เกดิ ความเครียดสะสม ในบางรายไมส่ ามารถหาทางออกได้ตอ้ ง หนั ไปพ่ึงการกนิ อาหาร สบู บหุ รแ่ี ละดืม่ สรุ า ซง่ึ มกี ลไกการตลาดทเี่ ขม้ แขง็ ต้องมีการควบคมุ ไดอ้ ยา่ งเท่าทนั ดว้ ย เหตดุ งั กล่าวข้างต้น ทาํ ให้ปญั หาทางดา้ นสุขภาพเปลยี่ นแปลงไป โดยมแี บบแผนการเจบ็ ปว่ ยและตายเปลย่ี น จากภาวะทพุ โภชนาการเปน็ ภาวะโภชนาการเกนิ และโรคอ้วนมากขน้ึ จากโรคติดเชอ้ื หรอื โรคตดิ ตอ่ ทว่ั ไป เปน็ โรคไม่ตดิ ตอ่ เรอ้ื รงั ท่ีสามารถปอ้ งกันได้ ทเี่ กดิ จากปัจจัยเสี่ยงภายใต้วถิ ชี วี ติ และสภาพแวดล้อมทเ่ี ปล่ียนไป ซง่ึ

4 องค์การอนามยั โลก (World Health Organization – WHO) ไดค้ าดประมาณวา่ ในปี 2548 จาํ นวนการตายของ ประชากรโลกทง้ั หมดประมาณ 58 ล้านคน มีประมาณ 35 ล้านคน (รอ้ ยละ 60) มสี าเหตหุ ลกั จากโรคเรอื้ รัง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ โรคไมต่ ิดตอ่ เรอ้ื รงั หรอื โรคไรเ้ ช้ือเรื้อรังจากโรคหวั ใจและหลอดเลอื ด (Cardiovascular Disease) เป็นปญั หาอันดับตน้ ๆ ของทวั่ โลก มกี ารตายประมาณ 17.5 ลา้ นคน (ร้อยละ 29) และมแี นวโนม้ รุนแรงขึน้ โดยคาดวา่ ในปี 2565 ทวั่ โลกจะมผี ู้เสยี ชวี ติ ประมาณ 25 ล้านคน โดยมปี ระชากรประมาณ 19 ลา้ น คน หรือร้อยละ 80 จะเกดิ ขน้ึ ในกลุม่ ประเทศกาํ ลงั พฒั นาและยากจน และเปน็ สาเหตกุ ารตายทสี่ าํ คญั ของกล่มุ ประชากรวยั แรงงาน ซงึ่ จะเปน็ เหตุใหเ้ กดิ ความสญู เสยี ทางเศรษฐกิจของครอบครวั สงั คมและประเทศชาติ และ ความสญู เสียปสี ขุ ภาวะหรอื ภาระทางสขุ ภาพ (Disability Adjusted Life Year : DALY) จากโรคเรอื้ รัง 6 ใน 10 อนั ดับแรก และมากกวา่ เกอื บ 2 เท่า เมือ่ เทยี บกับโรคติดเชอ้ื จากการศกึ ษาภาระโรคและภาวะจากปจั จยั เส่ยี งทางสุขภาพของประชาชนไทย ในปี 2547 มคี วาม สญู เสียทางสขุ ภาพจากโรคไมต่ ดิ ต่อ คิดเปน็ ร้อยละ 65 ของความสญู เสียทงั้ หมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลมุ่ โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด และโรคมะเรง็ นอกจากนย้ี งั พบว่าภาระโรคใน 10 อนั ดบั แรก เกดิ จากปจั จัยเสยี่ งจาก การดาํ เนนิ วิถชี วี ติ ท่ไี มถ่ ูกต้องเหมาะสมทส่ี ําคญั ตามลาํ ดบั คอื การบริโภคสุราหรอื เครือ่ งดม่ื ทมี่ แี อลกอฮอล์ บุหรี่ ความดันโลหิต ภาวะอว้ น คอเรสเตอรอล การบริโภคผกั และผลไม้ กจิ กรรมทางกายหรอื การออกกาํ ลงั กายไม่ เพียงพอ (ดูแผนภมู ทิ ่ี 1.1 และ 1.2) โดยสถานการณ์อตั ราการเจบ็ ปว่ ยเขา้ รบั การรกั ษาเปน็ ผปู้ ่วยในดว้ ยโรคท่ีมี ความสาํ คญั ในอนั ดับต้น ๆ ใน 5 โรค มแี นวโนม้ เพม่ิ ขนึ้ จากปี 2548 - 2551 ประมาณ 1.2 – 1.6 เท่า สาํ หรบั ใน ปี 2551 พบวา่ มีอตั ราผปู้ ว่ ยในด้วยโรคความดนั โลหิตสงู โรคเบาหวาน โรคหวั ใจ โรคมะเรง็ และโรคหลอดเลอื ด สมอง คดิ เปน็ 1,149, 845, 684, 505 และ 257 ต่อประชากรแสนคน และมอี ตั ราผ้ปู ว่ ยนอก คดิ เปน็ 14,328, 9,702, 2,565, 1,023 และ 980 ตอ่ ประชากรแสนคน ตามลาํ ดบั (ดูแผนภมู ิที่ 1.3) และสาเหตกุ ารเสยี ชีวติ ของ คนไทยทส่ี ําคญั 10 อนั ดับแรก ในปี 2552 มาจากโรคมะเร็ง รองลงมาคือ โรคหวั ใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหติ สงู ในอตั รา 88.3, 29.0, 21.0, 11.1 และ 3.6 ต่อประชากรแสนคน ตามลาํ ดบั จากโครงสร้างประชากรไทยทเ่ี ปล่ยี นไปสสู่ งั คมผสู้ งู อายุ ทาํ ให้ประชากรวัยสงู อายเุ พม่ิ ขนึ้ ประชากรวยั เดก็ และวยั แรงงานลดลง ภาวะอนามยั เจรญิ พนั ธ์รุ วมอยตู่ า่ํ กว่าระดับทดแทน มสี ดั สว่ นประชากรเดก็ : แรงงาน : ผสู้ ูงอายุ รอ้ ยละ 20.5 : 67.6 : 11.9 ในปี 2553 เปน็ ร้อยละ 18.3 : 66.9 : 14.8 ในปี 2559 ในขณะทีอ่ ายขุ ัย เฉลย่ี ของคนไทยเพมิ่ ขนึ้ เปน็ 75.6 ปี (เพ่ิมจากปี 2549 ชาย 68 ปี หญงิ 75 ปี แตย่ งั ต่าํ กว่าเปา้ หมายทกี่ าํ หนดไว้ 80 ป)ี แตม่ ปี ญั หาการเจ็บป่วยด้วยโรคไมต่ ิดตอ่ เร้ือรังเพม่ิ ขนึ้ เชน่ กนั โดยเฉพาะกลมุ่ ผสู้ งู อายมุ ีอตั รามารับบริการ ผู้ปว่ ยในในอตั ราค่อนขา้ งสูงมาก ในปี 2551 ดว้ ยโรคความดันโลหติ สงู มากทส่ี ุดในอตั รา 7,213 ตอ่ ประชากรแสน คน รองลงมาคอื เบาหวาน ไขมันในเลือดสงู หวั ใจขาดเลือด อมั พฤกษ์อมั พาต ในอตั รา 4,656, 1,909, 1,857 และ 995 ตอ่ ประชากรแสนคน ทําใหส้ ง่ ผลกระทบตอ่ ภาระคา่ ใช้จ่ายรักษาพยาบาลของภาครัฐในปจั จบุ นั และ อนาคตอย่างมากมาย

5 แผนภมู ทิ ี่ 1.1 แบบแผนการสญู เสยี ปสี ขุ ภาวะของประชากรไทย พ.ศ.2547 ทมี่ า : รายงานการศกึ ษาภาระโรคและการบาดเจบ็ ของประชากรไทย พ.ศ.2547 แผนภมู ทิ ่ี 1.2 รอ้ ยละของภาระโรคทเ่ี กิดจากปจั จยั เสยี่ งท่ีศกึ ษาเมอื่ เปรียบเทยี บกบั ภาระโรครวมทัง้ หมด พ.ศ.2547 Unsafe sex 9.4% Alcohol 8.1% Tobacco 5.8% Blood pressure 5.5% Not wearing helmet 4.4% Obesity 3.9% Cholesterol Fruit & vegies 2.4% Physical inactivity 1.8% Illicit drugs 1.3% Air pollution Water & sanitation 0.9% Malnutrition - int standard 0.9% Not wearing seatbelt 0.5% Malnutrition - Thai standard 0.3% 0.3% 0.2% 0.0% 1.0% 2.0% 3.0% 4.0% 5.0% 6.0% 7.0% 8.0% 9.0% 10.0% % of total burden ทม่ี า : รายงานการศกึ ษาภาระโรคและการบาดเจบ็ ของประชากรไทย พ.ศ.2547

6 แผนภูมิที่ 1.3 อตั ราของผ้ปู ว่ ยในต่อประชากรแสนคนดว้ ยโรคไม่ติดตอ่ เร้อื รงั ท่สี าํ คญั พ.ศ.2548 - 2551 1400 อัตรา ต่อ 100,000 ประชากร 1200 851 1,024 1,149 689 795 1000 646 845 568 684 800 726 443 485 505 600 611 223 247 257 518 400 421 200 211 0 พ.ศ. 2548 2549 2550 2551 มะเรง็ เบาหวาน ความดนั โลหติ โรคหวั ใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง ทม่ี า : ข้อมลู ผปู้ ว่ ยในรายบคุ คล หลกั ประกนั สขุ ภาพถว้ นหนา้ ประกนั สงั คม และสวสั ดิการรักษาพยาบาล ขา้ ราชการและครอบครวั สํานักนโยบายและยทุ ธศาสตร์ สาํ นกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ หมายเหตุ : นบั การวนิ ิจฉยั โรคหลกั และการวนิ จิ ฉยั โรครองแรกทพ่ี บและมคี ่าใชจ้ ่าย

7 สว่ นท่ี 2 แบบแผนการบรโิ ภคและการดํารงชีวิตท่ีเปน็ ภัยคกุ คามสุขภาพ จากแบบแผนการบริโภคและการดาํ รงชวี ติ ที่เปลย่ี นแปลงไป เป็นปัจจยั เสย่ี งหลักทส่ี าํ คญั ท่เี ปน็ ภยั คกุ คามสุขภาพ ทาํ ให้ปญั หาสขุ ภาพจากโรคไมต่ ดิ ต่อเรื้อรงั หรือเรียกวา่ โรควถิ ชี วี ิตทสี่ ามารถปอ้ งกนั ได้ ไดแ้ ก่ โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ สงู โรคหวั ใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง และโรคมะเรง็ มแี นวโนม้ เพ่ิมขน้ึ โดยตลอด หากไมส่ ามารถหยดุ ยง้ั พฤตกิ รรมเสย่ี งไดก้ ็จะทาํ ใหท้ วคี วามรุนแรงมากย่ิงข้นึ ในอนาคต 1. พฤติกรรมการบริโภคไมเ่ หมาะสม • การบริโภคผักและผลไม้นอ้ ย องคก์ ารอนามยั โลกคาดวา่ การบริโภคผกั และผลไม้ท่ตี ่าํ กวา่ มาตรฐานทก่ี าํ หนดไว้ 400 – 600 กรมั /คน/วนั (5 – 7.5 คนไทยประมาณร้อยละ 76 บริโภคผกั และผลไมต้ ํา่ กว่า ถว้ ยมาตรฐาน) ในประเทศกําลงั พฒั นา ทาํ ให้ประชากร เกณฑ์มาตรฐาน ถา้ บริโภคผกั และผลไมไ้ ด้ตามเกณฑ์ เสยี ชวี ติ มากกว่า 2.5 ลา้ นคนต่อปี และสมั พนั ธก์ บั การเกิด มาตรฐาน จะลดโรคหัวใจขาดเลอื ด และโรคเส้นเลอื ด โรคหัวใจขาดเลอื ด โรคเสน้ เลือดในสมองตบี และโรคมะเรง็ ในสมองตีบไดป้ ระมาณร้อยละ 31 และ 19 ตามลําดับ จากการสาํ รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ลดการเจ็บป่วยและตายจากโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ของสาํ นักงานสาํ รวจสขุ ภาพประชาชนไทย พบวา่ คนไทย ร้อยละ 19 มะเร็งหลอดอาหารร้อยละ 20 มะเร็งปอด อายุ 15 ปขี น้ึ ไป มแี นวโนม้ บริโภคผักและผลไมล้ ดลง โดย ร้อยละ 12 และมะเรง็ ลําไส้รอ้ ยละ 2 มคี วามชกุ ของการกินผักและผลไม้ ปรมิ าณตอ่ วนั เพยี งพอตามขอ้ แนะนํา (รวม ≥ 5 สว่ นมาตรฐานตอ่ วนั ) ลดลง จากรอ้ ยละ 21.7 ในปี 2546 - 2547 เปน็ รอ้ ยละ 17.7 (9 ลา้ นคน) ในปี 2551 – 2552 โดยกนิ ผกั และผลไม้ เฉลี่ยเพียงวันละ 3 ส่วนมาตรฐานเท่าน้ัน สาํ หรับในเด็กอายุ 1 – 5 ปี จากการสาํ รวจของกองโภชนาการ กรมอนามัย ในปี 2546 พบเพยี ง 1 ใน 3 กินผักและผลไม้ทกุ วัน สว่ นเยาวชนทงั้ ชายและหญงิ อายุ 15 – 29 ปี กนิ ผกั และผลไมเ้ ฉลี่ย 285 และ 320 กรัม/คน/วนั สาํ หรับในปี 2551 – 2552 พบเดก็ ไทยอายุ 2 – 14 ปี กนิ ผกั และผลไมเ้ ฉลีย่ 0.7 และ 1.3 สว่ นมาตรฐานต่อวัน ตามลําดับ และมเี พยี งรอ้ ยละ 6.3 ท่ีกนิ ผักและผลไม้รวมกนั ได้ 5 สว่ นมาตรฐานขึน้ ไปตอ่ วัน อย่างไรกต็ าม สงิ่ ทตี่ ้องใหค้ วามสําคญั คอื ความปลอดภยั จากการบรโิ ภคผกั และผลไม้ และ สามารถหาซอ้ื ไดง้ ่ายในราคาทเี่ หมาะสม ซึ่งยงั เปน็ ปญั หาของประเทศไทยทีย่ ังคงพบสารพษิ ตกคา้ งทงั้ ในผักและ ผลไมส้ ด และอาหารสดเกนิ มาตรฐาน โดยผกั และผลไม้ทบ่ี ริโภคในประเทศและทสี่ ง่ ออกไปตา่ งประเทศ ในปี 2546 – 2549 มสี ารพษิ ตกคา้ งเกินมาตรฐาน ร้อยละ 4.0 – 8.2 และจากการนาํ เข้าจากตา่ งประเทศพบรอ้ ยละ 2.9 (ศนู ยป์ ฏิบตั ิการความปลอดภัยดา้ นอาหาร กระทรวงสาธารณสขุ และกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตร และสหกรณ)์ นอกจากนใ้ี นปี 2553 พบสารเคมกี าํ จดั ศัตรพู ชื ทนี่ อกเหนอื จากประกาศ อย. ใน 4 กลมุ่ ไดแ้ ก่ กลมุ่ ออร์กาโนคลอรนี กลุ่มออรก์ าโนฟอสฟอรสั กลมุ่ คาร์บาเนต และกลมุ่ สารสงั เคราะหไ์ พรที รอยด์ในผกั และผลไม้ สด ทีน่ าํ เขา้ จากตา่ งประเทศถึงรอ้ ยละ 16.7 (สาํ นักคณุ ภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตรก์ ารแพทย์) ในขณะทผ่ี กั และผลไมป้ ลอดสารพิษกม็ รี าคาแพงมากขนึ้ โดยคณะกรรมการอาหารแหง่ ชาตไิ ดบ้ ่งชวี้ ่า มกี ารใช้ สารเคมปี อ้ งกนั กําจัดศตั รพู ชื ทนี่ าํ เข้าในปี 2552 มากถงึ 126,577 ตนั คดิ เปน็ มลู ค่า 16,168 ล้านบาท เป็นต้นทนุ

8 ที่มีมูลคา่ สงู มากกวา่ 1/3 ของต้นทนุ การปลกู พชื ทง้ั หมดของเกษตรกร และยงั มคี วามหลากหลายน้อยมากของ พชื ผกั สาํ คญั ของตลาดในประเทศที่มีเพยี ง 8 ชนดิ ไดแ้ ก่ ผกั บงุ้ คะน้า กะหลา่ํ ปลี กะหล่าํ ดอก ผักกาดขาว กวางตงุ้ พรกิ ขห้ี นู และแตงกวา ซงึ่ แสดงถงึ การละเลยพืชพน้ื บา้ นที่มคี วามสาํ คญั ตอ่ วิถีชวี ิตและโภชนาการ • การบรโิ ภคหวาน เคม็ มนั มากเกนิ ไป จากพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารที่เปลย่ี นไปนยิ ม อาหารฟาสต์ฟดู อาหารสาํ เรจ็ รปู ขนมขบเคยี้ ว ขนมกรุบกรอบ ชอ็ คโกแลต็ ลกู อม นา้ํ อดั ลมและเครือ่ งด่มื รส หวาน ทหี่ าซอื้ ไดง้ า่ ย สะดวก มกี ารแขง่ ขันทางการตลาด มกี ารลงทนุ โฆษณาสงู มาก ที่มสี ว่ นประกอบหลกั ดว้ ย แปง้ น้าํ ตาล นาํ้ มัน ไขมัน ผงชูรส และเกลอื มากขึ้น แต่มสี ารอาหารทีจ่ ําเปน็ ต่อการเติบโตของร่างกายและ คนไทยบริโภคนาํ้ ตาลและโซเดียมเพิ่มขึน้ เกินกวา่ เกณฑ์ สตปิ ญั ญาอยใู่ นปริมาณน้อยมาก โดยทผ่ี ผู้ ลติ ไมไ่ ด้ให้ มาตรฐาน 3.4 – 5.6 เท่า และ 1.4 – 2.3 เทา่ ส่วนใหญม่ า ข้อมลู เก่ียวกับสว่ นประกอบและคณุ คา่ ทางโภชนาการ จากการบริโภคเคร่ืองดมื่ ประเภทน้าํ อัดลม อาหารและขนม แตเ่ พม่ิ รสชาดหวาน มนั เคม็ ในปริมาณมากขนึ้ เสยี่ ง ผลิตภณั ฑน์ มปรุงแตง่ รสหวาน และมาจากผลติ ภณั ฑ์ ต่อการเกดิ โรคอว้ น เบาหวาน ไต หวั ใจ เส้นเลอื ดอุด เคร่อื งปรุงรส นํ้าปลา ซอี ิ๊ว เกลอื กะปิ ซอสหอยนางรม ตัน ความดันโลหติ สงู และมะเรง็ สว่ นการทาํ อาหารท่ี ตามลาํ ดับ บ้าน และการปลกู ผกั กนิ เองมลี ดน้อยลงไปเรอ่ื ย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนใน กทม. และปรมิ ณฑล ในปี 2552 สว่ นใหญ่รอ้ ยละ 80.1 รบั ประทานอาหารนอก บา้ นตามแผงลอยหรอื รถเข็น มปี ญั หาภาชนะใสอ่ าหารไมส่ ะอาด มสี ง่ิ แปลกปลอมในอาหาร และอาหารไม่ สดมากกวา่ ร้อยละ 60 (ศูนยว์ จิ ยั ความสุขชุมชน มหาวิทยาลยั อสั สัมชญั ) ทาํ ใหม้ กี ารบริโภคเครอ่ื งดมื่ และอาหาร ท่ีมีรสหวานเพมิ่ มากขนึ้ ตามมา จากการรายงานของสํานักงานคณะกรรมการอ้อยและนาํ้ ตาล พบว่า ในชว่ ง 2 ทศวรรษทผ่ี า่ นมาคนไทยบรโิ ภคนาํ้ ตาลเพมิ่ สงู ขนึ้ เกอื บ 3 เทา่ จาก 12.7 กิโลกรมั /คน/ปี ในปี 2526 เป็น 36.4 กโิ ลกรัม/คน/ปี ในปี 2550 ซึ่งเกินกวา่ เกณฑม์ าตรฐานขององคก์ ารอนามัยโลกกําหนดใหบ้ รโิ ภคนาํ้ ตาลไดน้ อ้ ย กวา่ 15 – 20 กโิ ลกรมั /คน/ปี หรอื 24 กรัม/คน/วัน (6 ชอ้ นชา) โดยในปี 2546 เดก็ ไทยอายตุ าํ่ กว่า 5 ปี เกอื บ 2 ใน 3 บริโภคน้ําตาลเฉลย่ี วันละ 30.4 กรมั (8 ช้อนชา) และ 1 ใน 4 ทบี่ รโิ ภคนาํ้ ตาลมากกว่าวันละ 40 กรมั (10 ช้อนชา) สว่ นในปี 2552 พบคนไทยอายุ 6 ปีข้ึนไป รอ้ ยละ 31.3 ดมื่ นา้ํ อดั ลมและเครอื่ งดื่มทม่ี รี สหวาน โดย ด่ืมทกุ วันถึงรอ้ ยละ 25.3 (การสาํ รวจอนามัยสวสั ดกิ ารและพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของประชาชน สาํ นกั งาน สถติ ิแห่งชาต)ิ ในขณะทเ่ี ดก็ วยั รนุ่ อายุ 13 – 22 ปี ใน กทม. มพี ฤติกรรมบั่นทอนสขุ ภาพ ร้อยละ 51.3 ชอบกนิ อาหารฟาสต์ฟดู (ศูนยว์ จิ ยั มหาวทิ ยาลยั กรงุ เทพ – กรุงเทพโพลล)์ นอกจากนเี้ ดก็ ประถมศกึ ษากินขนมกรบุ กรอบ เป็นประจําเพ่มิ ขนึ้ จากร้อยละ 26.7 ในปี 2547 เป็นรอ้ ยละ 38.1 ในปี 2551 (โครงการ Child Watch) โดยมี มูลคา่ การโฆษณานาํ้ อดั ลมและขนมขบเคย้ี ว (ขนมปงั กรอบ ลกู กวาด ชอ็ คโกแลต/เวเฟอร)์ ในปี 2551 สงู ถึง 4,506 ลา้ นบาท คิดเปน็ รอ้ ยละ 27.4 ของมลู ค่าการโฆษณาอาหารทง้ั หมด (Media Data Resources – MDR) และทาง สํานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ไดป้ ระมาณการว่าเด็กและเยาวชนใชจ้ า่ ยเงนิ ซ้อื ขนมขบเคย้ี วคนละ 9,800 บาทตอ่ ปี รวมทง้ั สนิ้ ประมาณ 170,000 ล้านบาทตอ่ ปี จากอทิ ธพิ ลของสอ่ื ที่เปน็ อันตรายและสือ่ ยวั่ ยุตา่ ง ๆ มากมาย จนกลายเปน็ พืน้ ทเี่ สย่ี งทเ่ี ดก็ ใชเ้ วลากับส่อื ประเภทตา่ ง ๆ สูงมาก มีขอ้ มลู

9 เชิงประจกั ษว์ า่ เด็กประถมถงึ อดุ มศกึ ษา ในปี 2550 – 2551 ใชเ้ วลาวันละ 6 – 7 ชว่ั โมง โดยหมดไปกบั โทรทศั น์ ราว 3 ชว่ั โมง อินเทอรเ์ นต็ กวา่ 2 ชัว่ โมง และโทรศพั ทอ์ ีก 1 ช่ัวโมงครงึ่ หรอื เท่ากบั ครึง่ ชวี ิตยามตน่ื ของเดก็ (สถาบนั รามจติ ติ โครงการ Child Watch) นอกจากนี้ คนไทยโดยเฉลย่ี บริโภคเกลือหรือโซเดียมคลอไรดเ์ พมิ่ ขนึ้ 3 เท่าตัว จากนสิ ัยชอบกนิ ผลไมจ้ ิม้ เกลือ พรกิ นาํ้ ปลา การใชเ้ กลือแกงที่มสี ารอนั ตรายอยา่ งโซเดยี มหรอื โซเดยี ม คลอไรด์ในการถนอมอาหารและปรุงอาหาร ในปี 2550 คนไทยได้รับเกลอื หรอื โซเดยี มคลอไรดจ์ ากอาหารแหลง่ ตา่ ง ๆ โดยเฉลี่ย 10,879 + 2,604 มลิ ลกิ รัม/คน/วนั (มโี ซเดยี มประมาณ 8,275–13,483 มลิ ลกิ รัม/คน/วัน การ บรโิ ภคไมค่ วรเกนิ 2,400 มลิ ลิกรัม/คน/วนั ) โดยมีผลิตภัณฑเ์ ครือ่ งปรงุ รสทค่ี รวั เรอื นใช้ในปริมาณเฉลยี่ มากใน 5 ดันดบั แรก ไดแ้ ก่ นาํ้ ปลา ซอี ิ๊ว เกลือ กะปิ และซอสหอยนางรม ซึง่ โดยหลกั แลว้ ไมค่ วรบริโภคเกลือเกิน 1–1.5 ชอ้ นชาตอ่ วนั นา้ํ ปลาไมค่ วรเกนิ 2–3 ชอ้ นโตะ๊ ตอ่ วนั รวมทงั้ โมโนโซเดยี มกลตู าเมทในผงชูรส (การสาํ รวจปรมิ าณ การบริโภคโซเดยี มคลอไรดข์ องประชากรไทย กองโภชนาการ กรมอนามยั และองค์การยนู ิเซฟ) • การสบู บุหรแ่ี ละด่ืมสรุ าหรือเครอื่ งดมื่ ในปี 2551 – 2552 คนไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป สบู บุหรี่ ที่มแี อลกอฮอล์ องค์การอนามัยโลกชค้ี วนั บหุ รเี่ ป็น 12 ล้านคน ด่ืมสรุ า 23 ล้านคน และในชว่ งทศวรรษท่ี คอ็ กเทลพษิ รวมของสารพิษตา่ ง ๆ กวา่ 400 ชนิด มผี สู้ บู ผ่านมา ครัวเรอื นไทยบริโภคสินคา้ เครอ่ื งด่ืมท่ีมี บหุ รป่ี ระมาณ 1,100 ลา้ นคน กวา่ รอ้ ยละ 50 อยใู่ นเอเชยี แอลกอฮอลแ์ ละยาสูบ ทเ่ี ป็นอันตรายต่อสขุ ภาพ ผสู้ ูบกวา่ รอ้ ยละ 50 จะตอ้ งเสียชีวิตก่อนถงึ วัยชรา และตอ่ เพิ่มข้ึน 2 เทา่ มมี ูลคา่ ถึง 63,915 ล้านบาท น้อยกว่า วันจะมวี ัยรนุ่ กลายเปน็ นกั สบู หนา้ ใหมเ่ พม่ิ ขน้ึ 80,000 – การจา่ ยเงินเพื่อสขุ ภาพที่มีเพียง 60,861 ล้านบาท ใน 100,000 คนทวั่ โลก โดยมผี เู้ สยี ชวี ติ จากบหุ รีป่ ลี ะ 5 ลา้ นคน ปี 2550 ในปี 2563 จะเสยี ชวี ติ เพมิ่ ขน้ึ เป็น 2 เท่า หรอื ประมาณ 10 ลา้ นคน เฉลีย่ นาทลี ะ 19 คน โดยร้อยละ 70 อยู่ใน ประเทศกําลังพฒั นา และจะเพม่ิ ขึน้ ปลี ะ 1 พนั ล้านคนในปี 2642 เฉลยี่ วนิ าทลี ะ 32 คน มคี นสบู วันละ 15,000 ลา้ นมวน มีประชาชนกว่า 5,000 ล้านคน ท่ไี มส่ บู บุหรไ่ี ดร้ บั ควนั บุหรม่ี อื สอง จากการสาํ รวจสขุ ภาพของประชาชนไทย อายุ 15 ปีข้ึนไป มคี วามชกุ ของการสบู บุหรี่รอ้ ยละ 23.7 (12 ล้านคน) ผทู้ ่ีสบู บุหรเ่ี ป็นประจาํ รอ้ ยละ 19.9 (10 ลา้ นคน) ลดลงจากปี 2546 – 2547 ทม่ี คี วามชกุ ถงึ รอ้ ยละ 25.3 โดยมแี นวโนม้ การเริม่ สบู บหุ รเ่ี ม่อื อายนุ ้อยลง อายเุ ฉลย่ี 18.6 ปี ในชายอายเุ ฉลย่ี 17.7 ปี หญงิ อายุ เฉล่ีย 26.6 ปี และผไู้ มส่ ูบบหุ รไ่ี ด้รับควนั บหุ รี่มอื สองรอ้ ยละ 78 ได้รบั บ่อยทส่ี ุดคอื ทบ่ี า้ น รอ้ ยละ 55 รองลงมาคอื ในทสี่ าธารณะ รอ้ ยละ 46 และในทที่ ํางานรอ้ ยละ 30.6 ในขณะทีภ่ าษีสรรพสามติ จากบหุ รเี่ พม่ิ ขน้ึ มากกว่าเท่าตวั จาก 26,708 ล้านบาท ในปี 2542 เป็น 41,528 ลา้ นบาท ในปี 2550 (กรมสรรพสามติ กระทรวงการคลัง) เปน็ สาเหตทุ าํ ให้เกดิ โรคภยั ทส่ี ําคญั คอื โรคมะเร็งปอด กล่องเสยี ง และหลอดอาหาร ทวั่ โลกมกี ารบรโิ ภคเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอลห์ รือดืม่ สุราประมาณ 2,000 ล้านคน ก่อปญั หาตอ่ สขุ ภาพ ทาํ ใหเ้ กดิ โรคภัยกว่า 60 ชนิด และครา่ ชวี ิตประชากรโลกถงึ 2.3 ลา้ นคน ในปี 2547 โดยมีความชุกของ การด่ืมเคร่อื งดืม่ แอลกอฮอลข์ องคนไทยอายุ 15 ปีขนึ้ ไป ในปี 2551 – 2552 ร้อยละ 45.3 (23 ล้านคน) ดม่ื ตง้ั แต่ระดบั เสยี่ งปานกลางขน้ึ ไป (ไดร้ ับแอลกอฮอล์ ≥ 41 กรมั ตอ่ วนั ในผูช้ าย และ ≥ 21 กรมั ต่อวันในผหู้ ญิง)

10 ร้อยละ 7.3 (3.7 ลา้ นคน) และดม่ื อยา่ งหนักร้อยละ 17.6 (8.9 ลา้ นคน) ลดลงจากปี 2546–2547 ท่มี คี วามชุกถงึ ร้อยละ 9.2 และ 44.6 ตามลาํ ดบั โดยเร่มิ ด่ืมเมอื่ อายุเฉล่ีย 21.5 ปี (ชาย อายเุ ฉลย่ี 19.1 ปี หญงิ อายเุ ฉลยี่ 26.3 ปี) (สาํ นกั งานสาํ รวจสขุ ภาพประชากรไทย, 2551 – 2552) ทงั้ นส้ี ามารถเข้าถงึ แหลง่ จําหนา่ ยไดง้ ่ายมากขนึ้ ในปี 2547 มีร้านขายสรุ าทไ่ี ด้รบั อนญุ าตจาํ หนา่ ยเครื่องดืม่ แอลกอฮอล์ถงึ 585,700 ร้าน หรอื ประมาณ 1 ร้านตอ่ ประชากรไทย 110 คน โดยผบู้ ริโภคใช้เวลาเฉลย่ี เพยี ง 7.5 นาที ในการหาซอื้ และมผี ูบ้ รโิ ภคเพียงรอ้ ยละ 3 ท่ี รายงานวา่ มคี วามยงุ่ ยากในการซอื้ และในปี 2552 มรี า้ นจาํ หนา่ ยเครื่องดื่มแอลกอฮอลใ์ นรศั มี 500 เมตร รอบ มหาวิทยาลัยใน กทม. เฉลยี่ 57 ร้านตอ่ ตารางกโิ ลเมตร โดยมปี ริมาณการบรโิ ภคเคร่ืองดืม่ แอลกอฮอลเ์ ฉลี่ยของ ประชากรไทยเพมิ่ ข้ึนอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ในผู้ใหญเ่ พมิ่ จาก 7.28 ลติ รของแอลกอฮอลบ์ รสิ ทุ ธ์ติ อ่ คนในปี 2550 เปน็ 7.71 ลิตร (แผนยุทธศาสตรน์ โยบายแอลกอฮอลร์ ะดบั ชาติ มตสิ มชั ชาสขุ ภาพแห่งชาติ ครัง้ ท่ี 2 พ.ศ.2552 และ ภัทรพร พลพนาธรรม, 2552) นอกจากนี้ จากการประเมินตน้ ทุนหรือความสญู เสยี ทางเศรษฐกจิ จากการดมื่ แอลกอฮอลข์ องคนไทย ในปี 2549 มมี ลู ค่าสูงถงึ 150,677 ล้านบาท คดิ เป็นรอ้ ยละ 1.92 ของผลติ ภณั ฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (Gross Domestic Product – GDP) คิดเปน็ 2,398 บาทตอ่ หวั ประชากร (กระทรวงสาธารณสขุ มหาวิทยาลยั มหดิ ล และศนู ยว์ จิ ยั ปัญหาสรุ า, 2550) ในชว่ ง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ปี 2524 – 2550 ครัวเรือนไทยบรโิ ภคสินคา้ ที่เปน็ อันตรายตอ่ สุขภาพ (เคร่อื งด่ืมที่มแี อลกอฮอลแ์ ละยาสูบ) ในมลู คา่ คงท่ี ปี 2550 เพมิ่ ขน้ึ 2 เทา่ จาก 32,910 ล้านบาท ในปี 2524 เปน็ 63,915 ลา้ นบาท ในปี 2550 โดยมีอตั ราเพม่ิ ขึ้นเฉล่ียร้อยละ 5.7 ในมลู ค่าจรงิ ในขณะทคี่ รวั เรอื น จ่ายเงนิ เพ่ือสขุ ภาพ (การรกั ษาพยาบาล) นอ้ ยกวา่ เพียง 60,861 ล้านบาท ในปี 2550 หรอื เพมิ่ ขึ้น 2 เทา่ ใน อตั ราเพิ่มเฉลี่ยรอ้ ยละ 5.8 ในมลู คา่ จริง (สาํ นกั งานสถิตแิ หง่ ชาติ การสาํ รวจภาวะเศรษฐกจิ และสังคมของ ครวั เรือน, 2550) 2. การออกกําลงั กายไม่เพยี งพอ องค์การ คนไทยมีกิจกรรมทางกายเพียงพอและออกกําลังกายเพิ่มข้ึน เปน็ ร้อยละ 81.5 ในปี 2551 – 2552 และร้อยละ 37.5 อนามัยโลกได้ประมาณวา่ การไมม่ กี ิจกรรมทางกาย ในปี 2550 ตามลําดับ การออกกาํ ลังกายอย่างสมํ่าเสมอ เพียงพอเปน็ สาเหตุของโรคหวั ใจและหลอดเลือด ร้อยละ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองถงึ ร้อยละ 22 – 23 โรคมะเรง็ ลําไส้ใหญ่ รอ้ ยละ 16 – 17 เบาหวาน 25 โรคหลอดเลือดหวั ใจรอ้ ยละ 28 โรคหวั ใจ รอ้ ยละ รอ้ ยละ 15 หลอดเลอื ดสมอง รอ้ ยละ 12–13 ในประเทศ 40 และมะเร็งเต้านมได้รอ้ ยละ 40 และการไม่มีกจิ กรรม ไทยการขาดกิจกรรมทางกายเพยี งพอเป็นสาเหตขุ องภาระ ทางกายเพียงพอเปน็ สาเหตุของโรคหัวใจร้อยละ 22 – 23 โรคลาํ ดบั ท่ี 9 ทําใหส้ ญู เสียรอ้ ยละ 1.3 ของ DALY และ มะเร็งลําไส้ รอ้ ยละ 16 – 17 เบาหวานรอ้ ยละ 15 หลอด สาํ นักงานสถิตแิ ห่งชาตไิ ด้รายงานวา่ ในปี 2550 คนไทย เลือดสมอง ร้อยละ 12 - 13 อายุ 11 ปขี น้ึ ไป ที่มีอาการปว่ ยในรอบ 1 เดือนทผี่ า่ นมา รอ้ ยละ 16.7 ในจํานวนนเ้ี ปน็ ผู้ท่ไี ม่ออกกาํ ลงั กายรอ้ ยละ 68.5 และผู้ท่เี ขา้ พกั รกั ษาในสถานพยาบาลระหวา่ ง 12 เดอื นทผี่ า่ นมา ร้อยละ 6.1 เปน็ ผูท้ ไ่ี มอ่ อกกาํ ลงั กายถงึ รอ้ ยละ 74.2 อยา่ งไรก็ตาม จากการสาํ รวจสขุ ภาพของคนไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป มกี ิจกรรมทางกายเพยี งพอเพมิ่ ขนึ้ จากร้อยละ 77.5 ในปี 2546 – 2547 เปน็ ร้อยละ 81.5 (41.2 ลา้ นคน) ในปี 2551 – 2552 ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั การ

11 สาํ รวจพฤตกิ รรมเสี่ยงโรคไมต่ ดิ ตอ่ และการบาดเจ็บของสาํ นกั โรคไม่ตดิ ตอ่ กรมควบคมุ โรค พบคนไทยอายุ 15 – 74 ปี ออกกําลงั กายในระดบั ปานกลางและระดบั หนกั ครั้งละนานกวา่ 30 นาที อยา่ งน้อย 3 คร้งั ตอ่ สัปดาห์ เพมิ่ ขนึ้ จากร้อยละ 30.9 ในปี 2548 เปน็ ร้อยละ 37.5 (16.3 ล้านคน) ในปี 2550 3. ปัญหาสุขภาพจติ (อารมณ์) จากการรายงานของบรษิ ทั เซเรบอส แปซฟิ ิก จาํ กดั ไดส้ าํ รวจ พฤติกรรมทางดา้ นสขุ ภาพของประชาชนอายุ 15 – 60 ปี ในภมู ิภาคเอเชยี 6 ประเทศ ไดแ้ ก่ จนี ฮ่องกง มาเลเซยี สงิ คโปร์ ไตห้ วนั และประเทศไทย พบวา่ มปี ญั หาทางดา้ นความเครยี ดเปน็ อนั ดับหนึง่ โดยมสี าเหตมุ า จากปญั หาเศรษฐกิจ รองลงมาเปน็ ความรบั ผดิ ชอบตอ่ ครอบครวั และปญั หาเรอ่ื งงาน ทง้ั นจ้ี ากการสาํ รวจของ สํานกั งานสถิตแิ หง่ ชาติ ในปี 2551 พบวา่ คนไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป ประมาณ 1 ใน 5 มสี ขุ ภาพจติ ต่ํากวา่ คนทวั่ ไป หญงิ มสี ัดสว่ นของผ้มู สี ุขภาพจติ ต่าํ กวา่ คนทัว่ ไปมากกวา่ ชาย รอ้ ยละ 18.43 และ 17.06 ตามลําดบั นอกจากนี้ จากการสาํ รวจของศนู ยว์ ิจยั มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพ ปี 2552 มวี ยั รุ่นอายุ 13–22 ปี ใน กทม. มพี ฤติกรรมบนั่ ทอน สุขภาพโดยประมาณ 2 ใน 3 มพี ฤติกรรมนอนดกึ และพกั ผอ่ นนอ้ ย และ 1 ใน 4 มีปญั หาความเครยี ด 4. ภาวะนา้ํ หนกั เกนิ และอว้ น จากพฤติกรรมการบริโภคเกนิ จําเปน็ ขาดความสมดลุ ของพลงั งานเขา้ และออก ไมส่ ามารถควบคมุ นา้ํ หนกั ทีเ่ หมาะสมได้ ทาํ ใหเ้ กดิ แนวโนม้ ความชกุ ของภาวะนา้ํ หนักเกินและอ้วนของคน ภาวะโภชนาการเกนิ มภี าวะนาํ้ หนกั เกินมาตรฐาน หรือเปน็ ไทย เพม่ิ ขนึ้ กว่าร้อยละ 20 ในช่วง 6 ปีท่ีผา่ นมา ในปี 2551 – 2552 พบในเดก็ 1.6 ล้านคน ผู้ใหญ่ 17.6 ลา้ น โรคอว้ นอันมสี าเหตุจากความนยิ มบริโภคทีเ่ นน้ ความอรอ่ ย คน และมีอ้วนลงพุง 16.2 ลา้ นคน โดยมกี ารใช้ยาลด ตามใจชอบมากกว่าคณุ ภาพและคณุ ค่าทางโภชนาการ กนิ ความอ้วนเพิ่มข้นึ 5.5 เท่า เสี่ยงตอ่ การเกิดโรควิถีชวี ิต • เอวที่เพิ่มข้นึ ทกุ ๆ 5 เซนติเมตร จะเพิ่มโอกาสเกดิ แบบอิม่ เกนิ เพราะความเสยี ดายอาหารทตี่ ้องทงิ้ และกนิ ให้ โรคเบาหวาน 3 – 5 เท่า โรคเบาหวานในผู้หญิง คุ้มค่าจากการขยายตัวของการตลาดเชิงรุกจากการจําหน่าย อ้วนมีมากกว่าคนปกติ 8 – 10 เท่า และชาย 2 เท่า อาหารแบบบฟุ เฟ่ย์ ลดแลกแจกแถมเป็นกรณพี เิ ศษและ • คนทม่ี นี ํ้าหนักเกินตั้งแต่ 13 กโิ ลกรัมขน้ึ ไป มีถึง รอ้ ยละ 30 ที่มีปัญหาความดนั โลหติ สูง เปน็ ประจาํ กนิ อาหารไมห่ ลากหลาย กินผักและผลไม้นอ้ ย • คนอว้ นจะเปน็ อมั พาต อมั พฤกษ์ และโรคหวั ใจได้ กินขนมบรรเทาความหวิ หรอื รองทอ้ ง เป็นอาหารวา่ งหลงั มากกว่าคนปกติถงึ 2 – 4 เทา่ • ผู้หญิงอ้วนมีอัตราเส่ียงเป็นมะเร็งเตา้ นม มดลกู รังไข่ อาหารมื้อหลกั หรอื แทนอาหารมอ้ื หลักบางมอ้ื กินอาหาร เพ่ิมขน้ึ 3 เท่า จากคนปกติ ผู้ชายอ้วนมีโอกาสเกิด เพราะอารมณท์ ก่ี ระตนุ้ ใหเ้ กดิ ความหวิ หรอื เปน็ เพียงความ โรคมะเร็งลําไส้ใหญ่ ตอ่ มลกู หมากเพิ่มขึน้ อยาก หรอื กินตามโฆษณาชวนเชอ่ื เทา่ นน้ั รวมทัง้ การกนิ ที่ • คนอ้วนรอ้ ยละ 30 – 40 มีอาการข้อกระดูกเสอ่ื ม เรว็ กว่าปกติ และเส่ยี งต่อการเปน็ โรคเก๊าท์ เพลิดเพลนิ รว่ มกบั การดูโทรทศั นเ์ ลน่ เกมสแ์ ละคอมพวิ เตอร์ • ถา้ ลดนา้ํ หนกั ลงไดเ้ พียงแคร่ ้อยละ 5 – 10 ของ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ อาหารขยะหรอื จ๊งั คฟ์ ดู้ (Junk Food) นา้ํ หนักตวั จะสามารถลดความเส่ยี งที่เป็นโรคต่าง ๆ ได้ถงึ ร้อยละ 20 (โรคมะเร็ง ร้อยละ 37 โรคหลอด ท่ีอุดมไปดว้ ยสารอาหารทใ่ี หพ้ ลงั งานเป็นสว่ นใหญ่ เชน่ เลือดหัวใจ รอ้ ยละ 9) ลดอตั ราการเสียชวี ิตลงได้ถึง น้ําตาล แปง้ ไขมนั แต่มสี ่วนประกอบของโปรตนี วิตามนิ ร้อยละ 44 เกลือแรน่ ้อยมาก ไดแ้ ก่ ขนมกรุบกรอบ ลกู อมหมากฝรงั่ ขนมหวาน อาหารขบเค้ียว อาหารทอด อาหารจานดว่ น นํ้าอัดลม นา้ํ หวาน ซึง่ ได้รบั ความนิยมมากขน้ึ เรือ่ ย ๆ ได้ ก่อใหเ้ กดิ ปญั หาภาวะนํ้าหนกั เกนิ และโรคอว้ นเพมิ่ ขน้ึ เปน็ ปจั จัยเส่ียงตอ่ การเกดิ โรคร้ายแรงอน่ื ๆ ตามมามากมาย

12 องค์การอนามยั โลกรายงานในปี 2548 วา่ ประชากรโลกอายุ 15 ปขี นึ้ ไปนาํ้ หนกั เกนิ มาตรฐาน ประมาณ 1,600 ลา้ นคน และมผี ใู้ หญ่อว้ นมากถึง 400 ล้านคน สว่ นในเดก็ อายุต่ํากวา่ 5 ปี มีนํ้าหนกั ตวั เกนิ มาตรฐานประมาณ 20 ล้านคน โดยในปี 2558 ท่ัวโลกจะมผี ู้ใหญ่น้าํ หนักเกนิ มาตรฐานประมาณ 2,300 ลา้ นคน และมคี นอ้วนประมาณ 700 ลา้ นคน โดยมขี ้อมลู การศกึ ษาทน่ี า่ สนใจว่า หลงั จากพน้ วยั ทารกแลว้ เดก็ ผหู้ ญงิ จะ อว้ นมากกว่าเด็กผ้ชู าย เด็กที่อว้ นเมอ่ื อายุ 6 ขวบขนึ้ ไป จะมีโอกาสเป็นผู้ใหญอ่ ว้ นรอ้ ยละ 25 หากเด็กอว้ นเมอ่ื อายุ 12 ขวบ เมอื่ เตบิ โตเปน็ ผใู้ หญ่ก็จะมีโอกาสอว้ นได้มากถงึ รอ้ ยละ 75 นอกจากนี้จากการศึกษาติดตามเดก็ อว้ น ในระยะยาวพบวา่ 1 ใน 3 ของเด็กทอ่ี ้วนในวยั ก่อนเรยี น และครง่ึ หนงึ่ ของเดก็ ที่อว้ นในวยั เรยี น จะยังคงอว้ นเมอื่ เปน็ ผ้ใู หญ่ หากยังอว้ นเมอ่ื เปน็ วยั รุ่น โอกาสทจ่ี ะเปน็ ผใู้ หญอ่ ว้ นจะยง่ิ สงู มากขน้ึ ความอว้ นทาํ ใหม้ คี วามเส่ยี งสงู ตอ่ การเกดิ ปญั หาเร่อื งความดนั โลหติ ไขมันในเลือดสงู โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด โรคมะเรง็ ไตวายเร้ือรงั นว่ิ ใน ถุงนาํ้ ดี โรคเกา๊ ท์ กระดกู และขอ้ เส่อื ม ทําให้ขาออ่ นแอโก่งโคง้ และทําใหบ้ รเิ วณขอ้ เข่าอกั เสบ โรคเบาหวานชนดิ ที่ 2 หากอ้วนรนุ แรงมผี ลกระทบต่อโรคทางเดนิ หายใจอดุ กน้ั และหยุดหายใจขณะหลับ การหลงั่ ของฮอรโ์ มน ผิดปกติ รวมทัง้ ปญั หาดา้ นจติ ใจและสงั คม สําหรบั ประเทศไทย แนวโน้มคนไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป มภี าวะนาํ้ หนกั เกนิ และอว้ น (ดชั นมี วลกาย หรอื Body Mass Index - BMI ≥ 25 กิโลกรมั ตอ่ ตารางเมตร) เพิ่มขน้ึ จากรอ้ ยละ 28.6 ในปี 2546 – 2547 เปน็ รอ้ ยละ 34.7 (17.6 ลา้ นคน ชายร้อยละ 28.4 หญงิ ร้อยละ 40.7) ในปี 2551 – 2552 และมภี าวะอว้ นลงพงุ (รอบเอว ≥ 90 เซนตเิ มตร ในชาย และ ≥ 80 เซนตเิ มตร ในหญิง) เพ่มิ ขน้ึ เชน่ กันจากรอ้ ยละ 26.0 เปน็ รอ้ ยละ 32.1 (16.2 ล้านคน ชายรอ้ ยละ 18.6 หญงิ ร้อยละ 45) โดยมกี ารใช้ยาลดความอว้ นเพ่มิ ข้นึ 5.5 เท่า จากรอ้ ยละ 0.2 เปน็ รอ้ ยละ 1.1 โดยกล่มุ วยั รุ่นหญิงอายุ 15 – 29 ปี ใช้ยาลดความอว้ นมากท่ีสุด และเพมิ่ สงู ขน้ึ ถงึ 16.3 เท่า จากร้อยละ 0.1 เปน็ รอ้ ยละ 4.9 ในช่วงเวลาเดยี วกนั และใชย้ าลดลงในกลุ่มอายทุ มี่ ากขึ้น ทงั้ นจ้ี ากการสาํ รวจ ของสาํ นักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ในปี 2550 พบวา่ คา่ ใช้จา่ ยในการลดนาํ้ หนกั อยู่ ระหว่าง 900 – 2,600 บาทตอ่ เดอื น ขนึ้ อยกู่ ับวิธกี ารที่ใช้ โดยสว่ นใหญ่ใชว้ ธิ ไี ปรบั บรกิ ารที่โรงพยาบาลหรือ สถานพยาบาลลดนา้ํ หนกั มคี ่าใชจ้ ่ายเฉลย่ี 2,555 บาทตอ่ เดือน รองลงมาคือ ซื้ออาหารหรือยาลดนา้ํ หนกั มากนิ เอง มคี ่าใช้จา่ ยเฉลย่ี ประมาณ 1,200 บาทตอ่ เดอื น โดยมมี ลู คา่ การโฆษณาผลิตภัณฑเ์ สรมิ อาหารผ่านสอ่ื ต่าง ๆ เพม่ิ ข้นึ จาก 890.6 ลา้ นบาท ในปี 2545 เปน็ 2,112.1 ลา้ นบาท ในปี 2552 หรอื เพม่ิ ขน้ึ 2.3 เทา่ ในชว่ ง 7 ปที ี่ ผา่ นมา เปน็ การโฆษณาผลติ ภณั ฑอ์ าหารเสรมิ บํารุงรา่ งกายมากที่สดุ 1,120.1 ลา้ นบาท รองลงมาเปน็ วิตามนิ เสรมิ อาหาร 877.6 ลา้ นบาท และอาหารลดนาํ้ หนกั 114.5 ล้านบาท (บรษิ ทั Media Spending, 2552) นอกจากน้จี ากการศกึ ษาหลายแหง่ บง่ ชไ้ี ดว้ ่าปญั หาภาวะโภชนาการเกินในเด็กไทย มีแนวโน้มเพ่ิมขนึ้ เชน่ กนั โดย พบวา่ เดก็ ไทยอยู่ในภาวะโภชนาการเกนิ เพม่ิ ข้นึ ปีละ 5 หม่นื คน เดก็ อายตุ าํ่ กวา่ 5 ปี อว้ นเพ่มิ ขนึ้ เปน็ 3 เทา่ ใน ระยะเวลาเพยี ง 6 ปี ในปี 2551 – 2552 มีเดก็ อายุ 1 – 5 ปี และเดก็ อายุ 6 – 9 ปี ร้อยละ 11 – 12 มนี า้ํ หนกั ตัวอยใู่ นเกณฑ์ทว้ มถงึ อว้ น และสดั สว่ นน้ีเป็นร้อยละ 14.9 เมอ่ื อายุ 10–14 ปี รวมทง้ั สนิ้ ประมาณ 1.6 ลา้ นคน พบใน กทม. และภาคกลางสงู กวา่ ภาคอน่ื ๆ และในเขตเทศบาลมากกวา่ นอกเขตเทศบาล จากความนิยมในการ

13 บรโิ ภคเครอ่ื งดืม่ นมหวาน นํ้าอดั ลม ขนม ลูกอมทม่ี รี สหวาน ซง่ึ เดก็ จะไดร้ บั อิทธพิ ลของสอื่ โฆษณา โดยเฉพาะ อยา่ งยง่ิ จากการดโู ฆษณาในโทรทัศน์จากการวางแผนการตลาดท่ดี ี การกําหนดรปู ลกั ษณ์ใหช้ วนกิน ใช้กลยุทธ์ ด้านราคา การวางขายแบบกระจายทว่ั หาซอ้ื งา่ ย การมีของแถมของเลน่ ทมี่ ากบั ขนมและเครอ่ื งดื่มเพอ่ื จงู ใจ ในขณะทีย่ งั ประสบกบั ปญั หาการควบคมุ ใหม้ ฉี ลากโภชนาการบนซองขนมเดก็ ไดไ้ มถ่ งึ ร้อยละ 30 ของขนมเดก็ ท้ังหมด รวมทงั้ สญั ลกั ษณ์ ขนาดตวั อักษร เนื้อหา ภาษาของฉลากโภชนาการที่มอี ยู่ กย็ งั ไมส่ ามารถสร้างความ เขา้ ใจทถี่ กู ต้องและครบถว้ นเพื่อประกอบการตดั สินใจเลอื กซอ้ื และบริโภคได้อย่างเหมาะสม ในขณะที่ยังมี โรงเรียนท่ีไมม่ นี า้ํ ด่ืมใหเ้ ดก็ ฟรี และยงั มีนา้ํ อัดลมขายในโรงเรยี น ถึงแมว้ า่ จะมมี าตรการห้ามขายน้ําอดั ลม โดย โรงเรยี นทําการขายเอง และให้บรษิ ทั มาประมลู ขายผกู ขาดเพยี งเจา้ เดยี ว มขี นมกรบุ กรอบ ขนมซองขายใน โรงเรยี นและหนา้ โรงเรยี น ทําใหม้ ีโอกาสเกิดภาวะนํ้าหนกั เกินและอว้ นในเดก็ มากขน้ึ ทง้ั นจี้ ากการศกึ ษาใน สหรฐั อเมรกิ าบง่ ชี้วา่ เดก็ ดโู ทรทศั น์วนั ละ 2 – 4 ชัว่ โมง จะอว้ นเกินปกติ เส่ยี งทจ่ี ะเปน็ โรคความดันโลหติ สูง อนั ทําใหก้ ลายเป็นโรคหวั ใจและอมั พาตตอ่ ไปไดส้ งู กว่าปกติ 2.5 เท่า หากมากกวา่ วันละ 4 ชัว่ โมง จะยงิ่ เสี่ยงสงู ขึ้น เปน็ 3.3 เท่า สาํ หรับเดก็ ไทยใชเ้ วลานอกเหนือจากการเรยี นและกจิ วตั รประจาํ วนั 1 ใน 5 ไปกบั การดโู ทรทศั น์ โดยรายการการ์ตูนเปน็ ทนี่ ยิ มของเดก็ ในเช้าวนั เสาร์ – อาทติ ย์ ใช้เวลา 1 ใน 4 เปน็ การโฆษณา และ 2 ใน 3 เปน็ การโฆษณาขนมเด็ก หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 15 ซงึ่ เปน็ กลุม่ ขนมขบเคย้ี ว มนั ฝรง่ั ขา้ วเกรียบ ขนมปงั อบกรอบ มคี วามถใี่ นการโฆษณาสงู ทส่ี ดุ รวมทั้งการใชเ้ วลาไปกับการเล่มเกมสค์ อมพวิ เตอร์ และใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ซงึ่ มี ความสมั พนั ธก์ บั พฤตกิ รรมการบรโิ ภคขนมทอ่ี ดุ มด้วยแปง้ และไขมนั และไม่เคลอื่ นไหวออกกําลงั กาย ทาํ ใหเ้ ดก็ ยิง่ ก้าวเขา้ ไปใกลภ้ าวะโภชนาการขาดสมดลุ มากขึน้ เรอื่ ย ๆ

14 สว่ นท่ี 3 สถานการณ์ความรนุ แรงของโรควิถีชีวิต 1. โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) สมาพนั ธเ์ บาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation) คาดการณว์ า่ มีผปู้ ่วยเบาหวานทมี่ ีอายุระหวา่ ง 20 – 79 ปี ท่วั โลก 285 ลา้ นคน ในปี 2553 และ จะเพ่มิ ขนึ้ เป็น 438 ล้านคน ในอีก 20 ปขี า้ งหน้า ในจาํ นวนน้ี 4 ใน 5 เปน็ ชาวเอเชีย เฉพาะภูมภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้คาดวา่ จะเพิม่ จาก 58.7 ลา้ นคน เปน็ 101 ลา้ นคนในปี 2573 นอกจากน้ี มเี ดก็ อายตุ ํ่ากวา่ 14 ปี จาํ นวน 4.4 แสนคนจากทว่ั โลกปว่ ยเปน็ เบาหวานชนดิ ท่ี 1 (เบาหวานชนิดทตี่ ้องพงึ่ อินซลู นิ มกั พบในเดก็ ตอ้ ง รกั ษาดว้ ยการฉดี อินซลู นิ ทกุ วนั ) และแตล่ ะปมี เี ดก็ มากกวา่ 70,000 คน กําลังพฒั นาสูก่ ารเปน็ เบาหวานชนิดนี้ โดยพบในกลมุ่ ประเทศเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตม้ ากทส่ี ดุ และเดก็ ที่เป็นเบาหวานจะมอี ายสุ นั้ ลงอกี 10–20 ปี สําหรับประเทศไทย ในช่วงปี 2546–2547 และปี 2551–2552 แนวโนม้ ความชุกของ โรคเบาหวาน คงเดมิ รอ้ ยละ 6.9 (3.5 ลา้ นคน) ความชกุ ในผหู้ ญงิ สงู กวา่ ผชู้ าย (รอ้ ยละ 7.7 และ 6) แตม่ ผี ูป้ ว่ ย ในปี 2551 – 2552 คนไทยป่วยเป็นโรคเบาหวาน 3.5 ล้านคน ไดร้ บั การวินิจฉยั เพมิ่ ข้ึนจากร้อยละ 44.3 เปน็ ร้อยละ แต่มถี ึง 1.1 ลา้ นคนไม่ทราบว่าตนเองปว่ ย และไม่สามารถ 68.8 และในสว่ นของการรกั ษาสามารถควบคุมได้ ควบคุมได้ 1.7 ลา้ นคน ผู้ป่วยเบาหวานเสย่ี งตอ่ การเกดิ โรค เพมิ่ ข้ึนจากรอ้ ยละ 12.2 เปน็ รอ้ ยละ 28.5 ตามลาํ ดบั หลอดเลือดหัวใจและสมองสูงถึง 2 - 4 เท่า มากกว่าครึ่งพบ และจากการตรวจคดั กรองคนไทยอายุ 35 ปีขน้ึ ไป ใน ความผดิ ปกตขิ องระบบประสาท และเสื่อมสมรรถภาพทาง ปี 2552 จํานวน 21 ลา้ นคน พบผู้ปว่ ยเบาหวาน 1.4 เพศในผู้ชาย เกดิ ภาวะแทรกซ้อนทางตา เทา้ และไต ล้านคน (รอ้ ยละ 6.8) และกลมุ่ เส่ยี ง 1.7 ลา้ นคน (รอ้ ยละ 8.2) กล่มุ ผปู้ ว่ ยมภี าวะแทรกซอ้ น 107,225 คน (รอ้ ยละ 10) ทง้ั ทางตา ร้อยละ 38.5 เทา้ รอ้ ยละ 31.6 และไต รอ้ ยละ 21.5 และคาดประมาณวา่ ในปี 2568 จะพบผู้ปว่ ยถงึ 4.7 ลา้ นคน เสียชวี ติ เฉลยี่ ปีละ 52,800 คน ภาวะแทรกซ้อนทางตาทาํ ให้มสี ายตาเลอื นลางและอาจตาบอดในทสี่ ดุ ประมาณรอ้ ยละ 2 หากเปน็ มานาน กวา่ 15 ปี ในวัยทํางาน ถา้ มกี ารตรวจรักษาตาในระยะที่เหมาะสมสามารถลดโอกาสตาบอดไดถ้ งึ รอ้ ยละ 50 และทาํ ใหเ้ ปน็ แผลเรื้อรงั บรเิ วณเทา้ ต้องตดั เทา้ หรอื ขา ผปู้ ว่ ยเบาหวานมคี วามเสีย่ งตอ่ โรคหลอดเลอื ดหวั ใจและ สมองสูงเปน็ 2–4 เทา่ เม่ือเทียบกบั คนปกติ และมากกวา่ คร่ึงของผปู้ ว่ ยเบาหวานพบความผดิ ปกติของปลาย ระบบประสาท ผ้ชู ายเกนิ กว่าครง่ึ เส่ือมสมรรถภาพทางเพศมสี าเหตจุ ากโรคเบาหวาน ดงั นน้ั หากสามารถปอ้ งกนั ควบคมุ การเกิดของปัจจยั เสยี่ งรว่ ม กจ็ ะสามารถลดโรคไดอ้ กี หลายโรค โดยการปรับเปลยี่ นวถิ ีชีวติ ทส่ี ําคญั คอื การลดนาํ้ หนกั ให้อยใู่ นระดับดชั นมี วลกายตามเกณฑ์ปกติ และออกกาํ ลงั กายสมํา่ เสมอทาํ ใหค้ วามเสยี่ งจากการเกดิ โรคเบาหวานลดลงถงึ รอ้ ยละ 58 และถา้ ใชย้ า (Metformin) จะมคี วาม เสี่ยงลดลงร้อยละ 31 ดังนั้น การปรบั วถิ ชี ีวติ โดยเฉพาะพฤตกิ รรมการบริโภคอาหาร ออกกาํ ลงั กาย การคัดกรอง กลมุ่ เส่ยี งและการคดั กรองภาวะแทรกซ้อนของกลุ่มปว่ ย จงึ เปน็ ส่ิงทท่ี กุ ฝ่ายตอ้ งใหค้ วามสําคญั เพ่อื สกดั กน้ั ปญั หา ดงั กลา่ ว

15 2. โรคความดันโลหติ สงู (Hypertension) ความดนั โลหิตสงู เปน็ ปญั หาที่กําลังขยายตัวอย่าง รวดเร็วในประเทศเศรษฐกจิ เกดิ ใหม่ ท่ีใช้ระบบเศรษฐกิจแบบตะวันตก องคก์ ารอนามัยโลกคาดการณ์วา่ ผูป้ ว่ ยมี ความดนั โลหติ สงู ประมาณ 1,000 ล้านคนทว่ั โลก ขณะทเ่ี ครือขา่ ยความดันโลหติ สงู โลก (World Hypertension League) พบว่า 1 ใน 4 ของพลโลกทง้ั ชายและหญิงมีภาวะความดนั โลหิตสงู มีสว่ นทาํ ใหค้ นทวั่ โลกเสยี ชีวติ ปลี ะ 7.1 ลา้ นคน มผี ลกระทบไมเ่ ฉพาะแตค่ นสงู อายุ แตไ่ ด้รกุ เขา้ สวู่ ัยทํางานมากขนึ้ โดยมแี นวโนม้ สงู ข้นึ ตามอายทุ ่ี มากขน้ึ และเปน็ หนง่ึ ในปัจจยั เสยี่ งทส่ี ําคญั ของโรคหวั ใจและหลอดเลือดหวั ใจ และโรคหลอดเลอื ดสมอง เปน็ ตัวการสําคญั ต่อการปว่ ยเป็นอมั พฤกษ์ อัมพาตในคนไทยและคนจนี ซง่ึ จะกลายจากผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและ สรา้ งรายไดห้ ลกั เปน็ ผูร้ ับสวสั ดกิ ารสงั คมในระยะยาวแทน โดยความดันโลหติ ในทกุ ๆ 10 มลิ ลิเมตรปรอทที่ เพม่ิ ขน้ึ ทาํ ใหค้ วามเสยี่ งในกลมุ่ คนไทยและจนี จะเพมิ่ สงู ประมาณร้อยละ 35 ในขณะที่กลุ่มชาวตะวนั ออกจะ ในช่วงปี 2551 – 2552 คนไทยอายุ 15 ปขี น้ึ ไปมคี วามชกุ เพม่ิ ข้ึนเพียงรอ้ ยละ 25 เท่านน้ั นอกจากนี้ยงั ทําให้ ของโรคความดันโลหติ สูง รอ้ ยละ 21.4 หรือ 10.8 ล้าน ความเสย่ี งตอ่ โรคหลอดเลือดสมองเพิม่ ข้ึน รอ้ ยละ 40 คน โดยมีถึง 5.4 ลา้ นคน ไม่ทราบวา่ ป่วย และผูท้ ่ีป่วย และโรคหลอดเลอื ดหวั ใจเพม่ิ ข้ึนรอ้ ยละ 25 เมือ่ นาํ มา สามารถควบคุมได้เพียง 1.1 ลา้ นคน ผทู้ ี่มคี วามดันโลหิต ประเมนิ ภาระโรค พบว่าประมาณครง่ึ หนึ่งของผูป้ ว่ ย สงู มกั มีคอเรสเตอรอลสูงกว่าคนปกติประมาณ 6 – 7 เท่า โรคหลอดเลอื ดหวั ใจ และ 2 ใน 3 ของผปู้ ว่ ยโรค เส่ียงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและโรคหลอดเลือด หลอดเลอื ดสมองทวั่ โลกเกดิ จากความดนั โลหติ ที่มากกวา่ หัวใจเพิม่ ขนึ้ ร้อยละ 40 และ 25 ตามลาํ ดับ และมโี อกาส 115 มิลลเิ มตรปรอท ท้ังนผี้ ูท้ ม่ี คี วามดันโลหติ สูงมกั มี เสียชีวิตจากหัวใจวายถึงร้อยละ 60 – 75 หลอดเลือด คอเรสเตอรอลสงู กวา่ ผทู้ ม่ี คี วามดนั โลหติ ปกติประมาณ สมองแตกหรืออุดตนั รอ้ ยละ 20 – 30 ไตวาย ร้อยละ 5 - 6–7 เทา่ และเมอื่ ผปู้ ่วยท่มี ปี ญั หาทงั้ สองชนดิ รวมกนั 10 ทําให้เป็นอัมพาตและเสียชวี ิตมากกวา่ คนปกติถึง 5 เท่า และ 2 – 4 เท่า ตามลาํ ดับ กเ็ สย่ี งทีจ่ ะพัฒนาให้เป็นโรคหวั ใจมากขน้ึ กว่า 2 เท่า โดยผ้ทู มี่ คี วามเสย่ี งท่ีจะพฒั นาไปสกู่ ารเปน็ โรคหวั ใจแล้ว ยงั มโี อกาสมากกวา่ รอ้ ยละ 18 – 50 ในการพฒั นาไปสู่ โรคเบาหวานด้วย เม่ือเทยี บกบั ผทู้ ม่ี ปี ญั หาหรอื ความเสีย่ งเพยี งอย่างเดียว ผู้ทมี่ ีความดันโลหติ สงู จะเสยี ชีวติ เพ่ิมขึน้ เป็น 2 – 4 เทา่ ของผู้ท่มี คี วามดันโลหิตปกติ จากการสาํ รวจสภาวะสขุ ภาพคนไทยอายุ 15 ปีขน้ึ ไป พบมคี วามชกุ ของโรคความดนั โลหิตสงู ลดลงเล็กน้อย จากรอ้ ยละ 22 ในปี 2546 – 2547 เป็นรอ้ ยละ 21.4 (10.8 ล้านคน) ในปี 2551 – 2552 ผู้ชาย และผูห้ ญงิ มีภาวะความชุกใกลเ้ คยี งกนั โดยมีผปู้ ว่ ยทีไ่ ด้รบั การวินจิ ฉยั เพ่มิ ขึ้น จากรอ้ ยละ 28.6 เป็นรอ้ ยละ 49.7 ท้ังในสว่ นของการรกั ษาและสามารถควบคมุ ได้ เพ่ิมขึ้นจากร้อยละ 8.6 เป็นรอ้ ยละ 20.9 ตามลาํ ดับ นอกจากน้ี จากการตรวจคดั กรองสขุ ภาพคนไทยอายุ 35 ปขี ้ึนไป ทว่ั ประเทศในปี 2552 ทง้ั สิ้น 21.2 ล้านคน พบผูป้ ว่ ยโรค ความดนั โลหติ สงู 2.2 ลา้ นคน (รอ้ ยละ 10.2) และกลมุ่ เส่ียง 2.4 ล้านคน (ร้อยละ 11.4) กลมุ่ ผู้ปว่ ยความดัน โลหติ สูงมภี าวะแทรกซอ้ น 93,144 คน (รอ้ ยละ 6.2) ทัง้ ทางหวั ใจ รอ้ ยละ 26.8 สมอง ร้อยละ 23 ไต รอ้ ยละ 21.8 และตา ร้อยละ 17.5

16 สมาคมแพทย์โรคหวั ใจของอเมริกาไดแ้ นะนําใหล้ ดพฤตกิ รรมเสย่ี งทสี่ ําคัญคือ ลดการบรโิ ภคอาหาร ทมี่ รี สเคม็ มากเกนิ ไป ออกกาํ ลังกายพอประมาณ หลีกเล่ียงอาหารประเภทไขมนั อมิ่ ตัว คอเรสเตอรอลสงู รบั ประทานอาหารที่มกี ากไยอาหารสงู มแี รธ่ าตสุ ารอาหารทจี่ ําเปน็ โดยเฉพาะโปแตสเซยี มและแมกนเี ซยี ม พักผอ่ นเพียงพอ ลดเครยี ด ลดนา้ํ หนกั ลดการดมื่ เคร่อื งดืม่ ทม่ี แี อลกอฮอลแ์ ละหยุดสบู บหุ ร่ี 3. โรคหัวใจ (Heart Diseases) ปจั จัยเสย่ี งของโรคหัวใจมหี ลายสาเหตุทงั้ ทางพนั ธกุ รรม ความเส่ือม หรอื ความบกพร่องของร่างกายตามเพศ อายุ การสบู บหุ รี่ ไขมนั คอเลสเตอรอล ความอว้ น เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง และความเครยี ด หากมปี จั จัยเสย่ี งมากกย็ งิ่ มโี อกาสเกดิ โรคมากเปน็ ทวคี ณู โดยเฉพาะในกล่มุ เส่ียงเป็น กลมุ่ คนวยั ทํางานและคนวยั 40 ปี ขึน้ ไป องคก์ ารอนามัยโลกกําหนดใหโ้ รคหวั ใจเปน็ ภัยรา้ ยแรงครา่ ชีวติ มนุษย์ ท่วั โลก 792 คนตอ่ วนั หรอื ชวั่ โมงละ 33 คน ในขณะท่ใี นปี 2551–2552 คนไทยเสยี ชวี ิตเฉล่ยี 50 คนตอ่ วนั หรอื ชว่ั โมงละ 2 คน และเจบ็ ป่วยเขา้ รบั การรกั ษาเปน็ ผปู้ ่วยใน เฉล่ยี 1,185 รายตอ่ วัน และจากการสํารวจสขุ ภาพ พบคนไทยอายุ 15 ปขี ้ึนไป มคี วามชกุ ของปจั จัยเสยี่ งโรคระบบหวั ใจและหลอดเลือด 3 ปจั จัยขน้ึ ไป ไดแ้ ก่ ในชว่ งปี 2548 – 2552 คนไทยป่วยเป็นโรคหวั ใจต้องนอน โรคเบาหวาน ความดนั โลหิตสงู อว้ น สูบบหุ ร่ี และ รกั ษาตวั ในโรงพยาบาลเพ่ิมขึน้ 1.3 เท่า เฉล่ีย 1,185 ราย คอเลสเตอรอลรวมสูง เพม่ิ ขึ้นจากรอ้ ยละ 7.6 ในปี ต่อวนั ในจํานวนน้ีปญั หาท่ีสาํ คัญคือ โรคหวั ใจขาดเลือด 2546–2547 เปน็ รอ้ ยละ 8.4 (4.3 ลา้ นคน) ในปี เพ่ิมขน้ึ เช่นกัน เฉล่ีย 470 รายต่อวัน เสียชีวิตดว้ ยโรคหัวใจ 2551–2552 โดยมคี วามชกุ ของโรคหลอดเลือดหวั ใจ เฉลี่ยช่วั โมงละ 2 คน โดยมีความชุกของโรคหลอดเลือด หรอื กลา้ มเนอ้ื หวั ใจตาย ร้อยละ 1.4 และรอ้ ยละ 1.9 หัวใจในคนไทยอายุ 15 ปีขึน้ ไป ร้อยละ 1.4 และกลุ่มเส่ียง ของคนทีม่ ีอายุ 35 ปขี นึ้ ไป ผชู้ ายและหญิงมคี วามชุก 4.3 ลา้ นคน ใกลเ้ คยี งกัน ความชกุ เพมิ่ ขนึ้ เมอ่ื อายุเพ่ิมขน้ึ ความชุก สูงสดุ ในกลุ่มอายุ 80 ปขี นึ้ ไป ซ่ึงมรี อ้ ยละ 5.8 นอกจากนี้ จากการสํารวจพฤตกิ รรมเส่ยี งโรคไม่ตดิ ตอ่ และโรค เร้อื รังของกรมควบคุมโรค ปี 2548–2550 คนไทยอายุ 15–74 ปี พบความชุกของโรคหวั ใจขาดเลอื ดเพิม่ ขึน้ จาก รอ้ ยละ 1.1 (0.5 ลา้ นคน) เปน็ ร้อยละ 1.5 (0.7 ลา้ นคน) ท้งั นผ้ี ลการสํารวจพฤตกิ รรมคนไทยลา่ สุดพบวา่ มี ความเสย่ี งปว่ ยโรคหวั ใจสงู รอ้ ยละ 86 นิยมรับประทานอาหารไขมันสงู ทําใหม้ ีไขมนั สะสมในเส้นเลือดแดง ทาํ ให้ เกิดโรคหวั ใจและเส้นเลอื ดตบี และเสยี ชีวติ กอ่ นวันอนั ควร โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ โรคหัวใจขาดเลอื ดที่เกดิ จากหลอด เลือดตบี จากภาวะคอเลสเตอรอลหรอื ไขมันในเลอื ดสงู การสร้างค่านยิ มลดความเสี่ยง จากปจั จยั ด้านอาหาร ออกกาํ ลงั กาย อารมณ์ บุหรแี่ ละสุรา ดว้ ยการ กนิ ดี ไร้พงุ งดอาหารท่ีมรี สมนั อาหารไขมนั สงู การคุมระดบั ไขมนั คอเลสเตอรอลในเลอื ด อาหารหวานจัด น้าํ ตาล นํ้าอดั ลม และเคม็ เกนิ ไป เพมิ่ การกินผกั ผลไมท้ ม่ี รี สหวานไม่มาก ลด ละ เลกิ การสบู บหุ รแี่ ละดม่ื สรุ า ออกกําลังกายสมา่ํ เสมอ ควบคมุ อารมณ์ ไมเ่ ครยี ด ไม่โกรธ ฉุนเฉียวงา่ ย ทาํ จิตใจใหส้ งบ แจ่มใส มองโลกในแง่ดี ทาํ สมาธิ ทําชวี ติ ให้มคี วามสขุ การปรบั พฤติกรรมดังกลา่ วสมั พนั ธก์ บั การ ควบคุมเบาหวาน ระดับนา้ํ ตาลในเลอื ดและความดนั โลหติ สูงให้อยู่ในภาวะที่ปกติจะช่วยชะลอการเปน็ โรคหวั ใจ ขาดเลือด อมั พาต ไตวายได้

17 4. โรคหลอดเลอื ดสมอง (Cerebrovascular Disease) หรือโรคอมั พาต อมั พฤกษ์ (Stroke) องค์การอนามัยโลกไดป้ ระมาณการวา่ ทกุ ปจี ะมผี ปู้ ่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองกวา่ 15 ลา้ นคนทั่วโลก โดยมี ผ้ปู ว่ ยประมาณ 5 ลา้ นคน พกิ ารถาวร และอีกกว่า 5 ลา้ นคน เสียชวี ิต ซง่ึ 2 ใน 3 ของผ้เู สียชวี ิตอยใู่ นประเทศ กําลงั พฒั นา และมแี นวโน้มเพม่ิ ขนึ้ ทุกปี ในปี 2563 ทว่ั โลกจะมีผปู้ ว่ ยเพม่ิ ขนึ้ อกี 2 เท่า สําหรบั ประเทศไทยได้ คาดการณว์ ่ามผี ปู้ ่วยรายใหมใ่ นแตล่ ะปไี ม่ตา่ํ กวา่ 150,000 ราย และในปี 2548–2550 พบคนไทยอายุ 15–74 ปี มีความชกุ ของโรคหลอดเลือดสมอง อมั พฤกษ์ อมั พาต เพม่ิ ขน้ึ จากร้อยละ 0.9 (0.4 ลา้ นคน) เปน็ รอ้ ยละ 1.1 (0.5 ลา้ นคน) จากการศกึ ษาภาระโรคในปี 2547 พบว่า โรคหลอดเลอื ดสมองทาํ ใหส้ ญู เสยี ปสี ขุ ภาวะ หรือ เปน็ ภาระทางสขุ ภาพอนั ดบั หนง่ึ ในหญิงไทยและเป็นอนั ดบั คนไทย อายุ 15 – 74 ปี ปว่ ยดว้ ยโรคหลอดเลือดสมอง 3 ของชายไทย มีอบุ ตั กิ ารณ์เพิม่ ขึน้ มาตลอดในปี 2551 มี อัมพฤกษ์ อัมพาต เพิ่มข้นึ เปน็ 5 แสนคน ในปี 2550 การเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยในด้วยโรคหลอด คาดวา่ มีผปู้ ่วยรายใหม่ในแตล่ ะปีไม่ตํ่ากว่า 150,000 เลือดสมองใหญ่ เฉล่ีย 446 รายตอ่ วนั ผทู้ ่มี ีโรคความดนั ราย เข้ารับการรกั ษาเปน็ ผู้ปว่ ยใน เฉลย่ี 446 รายต่อวัน เสี่ยงทจ่ี ะเปน็ ประมาณ 10 ล้านคน เกิดความสูญเสียปี โลหิตสูงมคี วามเสยี่ งเพิ่ม 3–17 เท่าตวั ผ้ทู ่ีเป็น สขุ ภาวะในหญิงเป็นอันดบั 1 ในชายเปน็ อนั ดับ 3 สว่ น โรคเบาหวานเสยี่ งเพมิ่ 3 เท่าตวั การสูบบุหรเ่ี สย่ี งเพิ่ม 2 หน่งึ เสียชวี ติ ทนั ที ถ้ารอดชีวิตสว่ นใหญ่มีความพกิ าร เทา่ ไขมนั คอเรสเตอรอลในเลอื ดสงู เสี่ยงเพ่มิ 1.5 เท่า และ ผูท้ ี่มปี จั จยั เสี่ยงมากกว่า 1 ปัจจยั จะมคี วามเส่ียงต่อการเกดิ โรคหลอดเลอื ดสมองเพิม่ ขน้ึ เปน็ แบบทวคี ณู และเปน็ ปจั จัยเสยี่ งร่วมของการเกดิ โรคอนื่ ๆ ไดแ้ ก่ หวั ใจขาดเลอื ด โรคสมองเส่อื ม โรคหลอดลมอดุ ตนั เรื้อรัง และมะเรง็ เป็นตน้ โดยผ้ปู ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมอง ได้รบั การรกั ษาภายใน 3 ชว่ั โมง เพียงร้อยละ 1.96 เทา่ นน้ั ร้อยละ 10 – 20 เปน็ การเสียชวี ติ แบบเฉยี บพลนั ทนั ที ที่เหลอื เสยี ชวี ติ จากภาวะแทรกซอ้ นหลงั จากมอี าการโรค อีก 1 – 2 เดอื น ถ้ารอดชวี ติ กม็ กั จะมคี วามพกิ ารหลงเหลอื อยู่ ทําใหอ้ ัตราการเสียชวี ติ และความพกิ ารมสี งู มาก แมว้ า่ โรคนี้ จะเปน็ ปญั หาทใ่ี หญม่ าก แต่การรกั ษาในปจั จบุ นั กลบั ไม่มวี ธิ ีการรักษาทไ่ี ดผ้ ลดี การปอ้ งกันไมใ่ หเ้ กดิ โรคจงึ เปน็ วธิ กี ารทดี่ ีทส่ี ดุ ในปจั จบุ นั โดยลดปัจจยั เส่ียงทสี่ าํ คญั คือ ความดนั โลหติ สงู เบาหวาน ไขมันในเลอื ด ความเครยี ด การสบู บหุ ร่ี ดม่ื เครื่องดม่ื แอลกอฮอล์ 5. โรคมะเรง็ (Cancer) โรคมะเร็งเปน็ สาเหตุการเสยี ชวี ิตร้อยละ 13 ของคนเสียชวี ิตทวั่ โลก มผี ปู้ ว่ ย มะเรง็ มากกวา่ 18 ล้านคน และมผี ูป้ ว่ ยรายใหมป่ ระมาณ 9 ล้านคนในทกุ ๆ ปี ทกุ ๆ 6 วนิ าที จะมีผเู้ สยี ชวี ิตดว้ ย โรคมะเรง็ 1 คน และองค์การอนามยั โลกไดค้ าดว่าในปี 2563 ทวั่ โลกจะมคี นเสยี ชวี ิตด้วยโรคมะเรง็ มากกว่า 11 ลา้ นคน และจะเกิดข้นึ ในประเทศกาํ ลงั พฒั นามากกว่า 7 ลา้ นคน โรคมะเร็งทพี่ บบ่อย 6 อันดบั แรกของโลกคอื มะเรง็ ปอด กระเพาะอาหาร เต้านม ลําไสใ้ หญ่ ตบั และมดลูก ตามลาํ ดบั จากสถิตกิ ารเข้ารบั การรกั ษาเปน็ ผปู้ ่วยในด้วยโรคมะเรง็ ปี 2548–2551 มอี ัตราเพิ่มขนึ้ ถงึ 1.2 เทา่ ในปี 2551 ในอตั รา 505 ตอ่ ประชากรแสนคน หรือเฉล่ยี 874 รายตอ่ วัน และอัตราตายเพิม่ ขนึ้ 1.1 เท่า เปน็ 88 ตอ่ ประชากรแสนคน หรือเฉล่ีย 154 คนต่อวนั ในปี 2552 นอกจากนี้ การคาดการณ์ของสถาบนั มะเรง็ แหง่ ชาติ ในปี 2551 ประเทศไทยจะมผี ปู้ ว่ ยมะเรง็ รายใหม่ 120,000 ราย และประมาณการวา่ จะเพ่ิมขึ้นถงึ รอ้ ยละ 50

18 ในชว่ ง 10 ปี โดยมะเร็งท่พี บบ่อย 5 อนั ดบั แรก คือ มะเรง็ ตบั มะเร็งปอด มะเร็งปากมดลกู มะเรง็ เตา้ นม มะเร็ง ลําไสใ้ หญแ่ ละทวารหนกั ท้งั นีป้ จั จบุ ันพบผหู้ ญงิ เปน็ มะเร็งเตา้ นมและมะเรง็ ปากมดลกู เพิ่มขึน้ มาโดยตลอด เริ่มพบ คนไทยปว่ ยและเสียชวี ิตด้วยโรคมะเร็งในช่วง 4 – 5 ปีท่ี มากในสตรีอายุ 35 ปขี นึ้ ไป และพบสงู สดุ ในอายุ 45 ผ่านมาเพ่ิมขึน้ ถึง 1.2 เท่า และ 1.1 เทา่ เฉล่ีย 874 รายตอ่ ปี โดยเกอื บรอ้ ยละ 50 อยู่ในระยะทม่ี ีการกระจายใน วัน และ 154 คนต่อวัน ตามลําดับ คาดวา่ จะมีผู้ป่วยมะเรง็ ต่อมนาํ้ เหลืองแลว้ อยา่ งไรก็ตาม ในชว่ งปี 2546– รายใหม่ 120,000 ราย และจะเพิ่มข้ึนร้อยละ 50 ในชว่ ง 10 2547 และ 2551–2552 สตรอี ายุ 15–59 ปี ไดร้ ับ ปี ยงั มีพฤตกิ รรมเสี่ยงสูงจากพฤติกรรมการบริโภคไม่เหมาะสม การตรวจคัดกรองมะเรง็ ปากมดลูกในชว่ ง 2 ปที ่ผี ่าน การสูบบุหร่ี ด่ืมสุรา และยังไม่สามารถตรวจคดั กรองและ มา เพมิ่ ข้นึ จากรอ้ ยละ 32.4 เปน็ รอ้ ยละ 42.5 และมี รักษามะเร็งต่างๆ ไดค้ รอบคลุมและทันการณ์ การตรวจมะเรง็ เต้านมดว้ ยตนเองเพม่ิ ขน้ึ จากรอ้ ยละ 48.7 เป็นรอ้ ยละ 60.7 นอกจากนี้ การตรวจแบบโมแกรมในสตรอี ายุ 40–59 ปี ในชว่ ง 1 ปที ผี่ ่านมาเพม่ิ ข้ึนจาก รอ้ ยละ 1.7 เป็นรอ้ ยละ 3.9 ตามลําดับ โรคนส้ี ามารถป้องกันได้โดยการปรบั เปล่ยี นวถิ ีชวี ติ ไม่ให้เสีย่ ง และ สามารถรักษาใหห้ ายไดห้ ากตรวจพบต้งั แตร่ ะยะก่อนเปน็ มะเร็ง หรือในระยะเร่ิมแรก แต่รอ้ ยละ 80 ของผปู้ ว่ ยมกั มาพบแพทยใ์ นระยะลุกลามแลว้ ทัง้ น้ี สาเหตแุ ละปัจจัยเสยี่ งของการเกดิ โรคมะเรง็ ทสี่ าํ คัญ สว่ นมากเกิดจาก ส่ิงแวดลอ้ มภายนอกรา่ งกาย จากสารกอ่ มะเรง็ ทปี่ นเปือ้ นในอาหาร อาหารไขมันสงู เค็มจดั หวานจดั อาหารปง้ิ ยา่ งเผาเกรียม สารเคมีในผกั และผลไมแ้ ละทใี่ ชใ้ นการถนอมอาหาร อาหารทีม่ สี ารเจอื ปนผสมสสี งั เคราะห์ มี สารอะฟาทอกซนิ บหุ ร่ี เคร่อื งดมื่ ทีม่ แี อลกอฮอล์ เชอื้ ไวรสั พยาธิใบไมต้ ับ เป็นตน้ และเกิดจากความผดิ ปกติใน รา่ งกายเพียงสว่ นนอ้ ยเทา่ น้นั หากพจิ ารณาถึงปจั จัยเสี่ยงร่วมของโรควิถชี วี ิตทมี่ ีความสมั พนั ธ์กนั พบว่าคนไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป มคี วามชกุ ของภาวะไขมันในเลอื ดสงู (ภาวะไขมนั คอเลสเตอรอลรวม ≥ 240 มลิ ลิกรัมต่อเดซลิ ติ ร) เพม่ิ ข้นึ จาก ร้อยละ 15.5 ในปี 2546–2547 เปน็ รอ้ ยละ 19.4 (9.8 ล้านคน) ในปี 2551–2552 ความชกุ ในผู้หญงิ สูงกวา่ ผู้ชาย (ร้อยละ 21.4 และ 16.7) และเพิ่มขนึ้ ตามอายุทเ่ี พมิ่ ข้ึนแตท่ ราบว่าปว่ ยเพมิ่ ขนึ้ จากรอ้ ยละ 12.9 เปน็ รอ้ ยละ 27.3 และสามารถควบคุมไดเ้ พมิ่ ขนึ้ จากรอ้ ยละ 6.2 เป็นร้อยละ 14.8 ตามลาํ ดับ ตลอดจนภาวะเมตา บอลกิ ซินโดรม (Metabolic Syndrome) ทีม่ ีภาวะ 3 ใน 5 ของภาวะอว้ นลงพุง ความดันโลหิตสงู เบาหวาน ไขมนั ไตรกลีเซอไรดส์ งู (Triglyceride) และไขมนั HDL-C ต่ํา (High Density Lipopotien – Cholesterol) ที่ พบความชกุ ในปี 2551–2552 รอ้ ยละ 21.1 (10.7 ล้านคน) พบในหญงิ มากกวา่ ชาย (ผหู้ ญงิ ร้อยละ 23.9 และ ผ้ชู ายรอ้ ยละ 18.1) ดว้ ยข้อเทจ็ จรงิ เชิงประจกั ษด์ งั กลา่ วข้างตน้ สามารถกล่าวไดว้ ่าโรคไมต่ ิดตอ่ เร้ือรงั ท่ีสามารถป้องกนั ได้ หรอื โรควถิ ชี วี ติ ไดแ้ ก่ เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง หวั ใจ หลอดเลอื ดสมอง มะเร็ง ยงั คงเปน็ ปญั หาทางด้าน สุขภาพทสี่ าํ คญั ในอนั ดบั แรกของประเทศและมแี นวโน้มทสี่ งู ขนึ้ บ่นั ทอนสขุ ภาพและคณุ ภาพชวี ติ และสรา้ งความ สญู เสียทางดา้ นเศรษฐกจิ อยา่ งมากมาย ทเ่ี กิดจากปัจจัยเสยี่ งทางด้านสขุ ภาพทสี่ ง่ ผลกระทบทสี่ าํ คญั จากการ บรโิ ภคทไ่ี มเ่ หมาะสม ท้ังทางดา้ นอาหาร เครื่องดม่ื บหุ ร่ี สรุ า ขาดการออกกําลังกาย/กิจกรรมทางกายทเ่ี พยี งพอ และไม่สามารถจดั การกับอารมณแ์ ละความเครยี ดไดอ้ ยา่ งเหมาะสม หากยงั ขาดความตระหนกั ความเขา้ ใจ

19 เข้าถงึ แกน่ แทข้ องปญั หา และการพฒั นาทีม่ ที ศิ ทางอย่างถกู ตอ้ งเหมาะสมและเข้มแขง็ จะกอ่ ใหเ้ กดิ การสญู เสีย สุขภาพ ชวี ติ และมภี าระคา่ ใชจ้ ่ายตามมาอยา่ งมหาศาล ท้งั น้ี หากประมาณการคนไทยปว่ ยดว้ ยโรควถิ ีชวี ติ ทง้ั 5 โรค รวม 18.25 ลา้ นคนต่อปี มารบั บรกิ ารท่สี ถานพยาบาลจะตอ้ งเสยี คา่ รกั ษาพยาบาลทั้งสิ้นประมาณ 335,359 ลา้ นบาทต่อปี คิดเปน็ รอ้ ยละ 2.94 ของผลิตภณั ฑ์มวลรวมภายในประเทศ การสกดั กั้นปัญหาขา้ งตน้ จะตอ้ งสรา้ งวิถีชวี ิตทพ่ี อเพยี ง มภี มู ิคมุ้ กนั ทั้งทางดา้ นวตั ถุ สงั คม วฒั นธรรม และสิง่ แวดล้อม สกู่ ารมสี ุขภาพดขี อง ทุกคน และสุขภาวะของทัง้ สงั คม บนพน้ื ฐานปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และสุขภาพพอเพียงด้วยการมสี ว่ นรว่ ม ของทกุ ภาคสว่ นอย่างจรงิ จัง (ดสู รุปภาพรวมกรอบสถานการณ์และแนวโน้มปญั หาโรควถิ ชี วี ติ ในแผนภูมทิ ่ี 1.4)

• -การWบรHิโOภคคผากั ดแวลา่ ะกผาลรไบมร้นิโภอ้ คยผกั และผมไมท้ ่ตี า่ํ กวา่ เกณฑม์ าตรฐานในประเทศกําลงั พัฒนา ทาํ ใหป้ ระชากรเสียชวี ติ มากกวา่ 2.5 ล้านคนต่อปี และสัมพนั ธ์ • -โรคสเบมาาหพวนั าธนเ์ บา กับก-ารเใกนิดปโี ร2ค5ห4วั 6ใจเดขก็ าไดทเลยืออดายโุ ร1ค–เส5น้ เปลีือเดพใียนงส1มอในงต3ีบ และโรคมะเรง็ รายใหมเ่ พมิ่ ขนึ้ 2 ค กนิ ผักและผลไม้ทุกวนั ส่วนเยาวชนไทยอายุ 15 – 29 ปี ท้ังหญงิ และชายกนิ ผกั และผลไม้เฉล่ีย 285 จําน-วนนคนี้ปไรทะยมอาณายุ4 และ 320 กรมั /คน/วัน ตาํ่ กวา่ มาตรฐานท่ี WHO กาํ หนด 400 – 600 กรมั /คน/วัน (5-7.5 ถ้วยมาตรฐาน) ในปี 2551 – 2 เดก็ ไทยอายุ 2 – 14 ปี กินผักและ ผลไ-มเ้ ฉคลน่ียไท0.ย7อแาลยะุ 151.3ปีขสึน้ ว่ ไนปมากตนิ รผฐักาแนล/วะันผลตไามม้นลอ้ ํายดลับง มีเพยี งร้อยละ 6.3 ของเด็กทก่ี นิ ผักและผลไมร้ วมกันได้ 5 สว่ นมาตรฐานขึ้นไปต่อวัน ร้อย-ละ 68.8 และส เฉลี่ยเพยี งวันละ 3 ส่วนมาตรฐาน มีความชกุ ของการกินผกั และผลไมป้ ริมาณตอ่ วนั เพียงพอตาม การตรวจคดั ขอ้ แ-นะผนักาํ แ(ลรวะมผล≥ไม5ท้ สี่บ่วรนโิ ภมคาตในรปฐารนะเตท่อศวแันล)ะลทดี่สล่งงอจอากกไรปอ้ ตยา่ ลงะปร2ะ1เ.ท7ศในใปนีป2ี 5245646– 7 เป็นรอ้ ยละ 17.7 (9 ล้านคน) ในปี 2551 –2 0.1-ลา้ นผคูป้ น่วยทเบง้ั ทาหางว – 9 พบสารพิษตกค้างเกนิ มาตรฐานรอ้ ยละ 4.0 – 8.2 แตป่ ี 2553 พบ 11.1 ต่อแสนประช สารเคมกี ําจัดแมลงทีน่ อกเหนอื จากประกาศ อย. ในผกั และผลไม้สดท่นี าํ เข้าจากตา่ งประเทศถงึ รอ้ ยละ 16.7 (1•150---ก–ชา้อ2รใเค0นบดนนชรก็กชไาโิ กไ่วทภ)ท.งย/เคยกคอ2หอนินาวาทกย/ยาปศวุ นุต6า่วี าํ่ เรปเกกรคขีณวษ็มา้ึน่ ทฑไม5ีผ่ม์ปันา่าปนปมตี มรารปะฐกาีามเ2คกนา5นินณแ4ไไน6ทป2ะยเนใกบนาํ อื รบ2โิ 3ภ42คดกน่มื ใรนนาํ้ มั ต้าํ /3าอคลดั บนเลพร/มวโิ ิ่มภนัแสคลงู(นะ6ขเํ้าน้ึ คชตเรอ้ ากื่อนลอื งเชบดฉาม่ืล3)ท่ียเวี่มทนั รี า่ ลสเะหปว3็นา0น3.46โด.ก4ยรกดัมก่มื (.ท8/คุกชนวอ้ ัน/นปถชีึงใารน)อ้ ปแยีลล2ะะ551205ใ.นเ3ก4ินเดเบกก็ รณวิโัยฑภรค์ม่นุ นาอตา้ํ าตรยฐาุ า1ลน3ม–โาภ2กช2กนวปา่าีใกวนานั รลกขะทอม4ง.0W1กHใรนOมั 2 แสนประชากร (1,4 ชอบกินอาหารฟาสทฟ์ ดู้ (ปี 2552) เดก็ ประถมศึกษากินขนมกรุบกรอบเปน็ ประจาํ เพม่ิ ข้นึ เป็นร้อยละ 38.1 (ปี 2551) โดยมกี ารโฆษณาน้ําอดั ลมและขนมขบ คา่ รักษาประมาณ 4 โเขคทนี้ยรม--วศขใพั นบทคเปเดค์อนี ก็ ี้ย2ีกไปท5ว1รค5ยะ1นไชถดลมมมร้ ะ.ลูบัถคค9งึโรซอ,า่ึง่ 8เถุดด0หงึม0ยี รศ4มอื บกึ,คเ5าทษล0ทา่าอ6ตกไปบัล่อรี ดปา้ค2น์รี 5ปหบ่งึ 5ีชรา02ือวีท5ิต–51มย071าสี 0มเดัใ,ฉชต0สล้เ0นื่ว่ วีย่ 0นขลอถ1าลกง0ึงา้ เเ,บันดก8สบ7ือก็ อื่ 9บาปท+1รตะ่อ2ใเนป,ภ6ี ท034ตข่ามองกงๆม./ูลคสคนงู า่ม/กวาานักรถโ(งึมฆวีโษนัซณเลดาะียอ6มาปห–ราะ7รทมชาง้ั มหณ.มโ8ดท,2รป7ทร5ัศะ-นม1ร์3าาณ,4วก83า3รชมวมา่ก.เ.ด/อคก็ ินนแเ/ทลวะอนั เรยเ์ไานมวต็ ่คชกวนวรไ่าบทร2ยิโใภชชคมจ้ เ.า่ กยแินเลงะ2ิน,ซ4อ้ื00 มส่ิงกแ.-/ปคลนกป/ปวระันลช)อามมชใผี นนลอิตกาภทหณั มา.รฑแแเ์ ลคละระ่อือปงารปหมิ ราณุงรรฑไมสลท่สด่คี ปมรี วัา2เก5รก5ือว2นา่ ใรรชอ้อ้ ใ้ ยยนลลปะะรมิ 86า00ณ.1เฉรลบั ีย่ ปมราะกทใานนอ5าลหําาดรับนแอรกกบา้ ไนดต้แากม่ แนผาํ้ ปงลลอายซหอี ริ๊วอื ขราถวเขเ็นกลมอื ปี กญั ะหปาิ ภแาลชะนซะอทสใี่หสออ่ ยานหาางรรไมม่สะอาด มี • --โรคWคคนวHไาOทมยดแอนั ลาโะยลเุ คห • ก-ารทสวั่ บู โบลกหุ มรี่ีคดน่ืมสสบู รุ บาหุ รี่ 1,100 ล้านคน ประเทศไทย ปี 2551 – 2 มคี วามชุกของการสบู บหุ ร่ขี องคนไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป รอ้ ยละ 23.7 (12 ล้านคน) สบู ทรา-บวา่กปาวร่ ตยเรพวมิ่จคขดัน้ึ บุหรเ่ี ป็นประจาํ รอ้ ยละ 19.9 (10 ล้านคน) (ลดลงจากปี 2546 – 7 ทม่ี ีความชกุ ถึงร้อยละ 25.3) มแี นวโน้มการเรมิ่ สบู บุหรเ่ี มื่ออายุนอ้ ยลง อายเุ ฉลี่ย 18.6 ปี ภาว-ะแทผรูท้ ก่ีมซีคอ้ วนาม0ด.0นั และผู้ไม่สบู บหุ ร่ไี ด้รบั ควนั บหุ ร่ีมือสอง ร้อยละ 78 ในขณะท่ปี ี 2542 – 50 ภาษสี รรพสามติ จากบหุ รเ่ี พม่ิ ขน้ึ มากกวา่ เทา่ ตวั เป็น 41,528 ลา้ นบาท และตน้ ทนุ เท่า ปี 2552 คนไท การ-รกั ษทาั่วพโลยกาบมีคาลนเดพื่ม่มิ สขรุ น้ึ าเปกรอื ะบมเาทณา่ ต2ัว,0เป00น็ 53,674 ล้านบาท ในปี 2550 ต่อราย ผปู้ ว่ ยใน 1,1 ลา้ นคน ประเทศไทย ปี 2551 – 2 ความชุกของการด่ืมเคร่อื งดมื่ แอลกอฮอล์ ร้อยละ 45.3 (23 ล้านคน) ดืม่ ตง้ั แต่ โ•ลห--โติ รสคงูWห1ัวH0ใOจลใา้ หน้โครนค ระดบั เสย่ี งปานกลางขึ้นไป รอ้ ยละ 7.3 (3.7 ล้านคน) และดมื่ อยา่ งหนกั รอ้ ยละ 17.6 (8.9 ล้านคน) (ลดลงจากปี 2546 – 7 ทีม่ ีความชกุ ถงึ ร้อยละ 9.2 และ แสนประชากร คา่ รัก ประชาชน 44.6 ตามลําดบั ) เร่มิ ดืม่ อายุเฉลย่ี 21.5 ปี โดยสามารถเขา้ ถงึ แหล่งจาํ หนา่ ยได้งา่ ยมากข้นึ ในปี 2547 จํานวนรา้ นขายสุราท่ีได้รบั อนุญาต 585,700 ร้าน หรือ ลา้ น-บาทคนต่อไทปยี อาหยาุ ก ชุมชน 7 รอ้ ยละ 7.6) เฉพ ทองถิ่น บาทต่อราย ผปู้ ว่ ยใน ประชาสังคม ประมาณ 1 รา้ นต่อประชากรไทย 110 คน โดยผบู้ ริโภคใชเ้ วลาเฉลีย่ เพยี ง 7.5 นาที ในการหาซือ้ และปี 2552 มรี ้านจาํ หนา่ ยเครอื่ งดื่มแอลกอฮอล์ในรศั มี • โ-รคWหลHอOดเปลรอื ะดมส เอกชน 500-เมใตนรชรว่ องบ2มทหศาววทิรรยษาลทัย่ีผใา่ นนมกาทม(ป. ี เฉล่ยี 57 รา้ นตอ่ ตร.กม. ปี 2-563คนจะไทเพยิม่อขาย้ึนุเ รฐั 2524 –50) ครวั เรอื นไทยบริโภคสนิ คา้ ทเี่ ปน็ อนั ตรายต่อสขุ ภาพ (เครอ่ื งดืม่ ทม่ี ีแอลกอฮอลแ์ ละยาสบู ) ในมูลคา่ คงทปี่ ี ตอ่ แสนประชากร ค 2550 เพ่มิ ขึ้น 2 เท่า เปน็ 63,915 ล้านบาท โดยมอี ตั ราเพิ่มขน้ึ เฉลย่ี รอ้ ยละ 5.7 ในมลู คา่ จรงิ ในขณะทค่ี รวั เรือนจ่ายเงนิ เพอ่ื สขุ ภาพ (การรกั ษาพยาบาล) น้อย ล้านบาทต่อปี หาก กวา่ เพียง 60,861 ลา้ นบาท หรอื เพิม่ ขนึ้ 2 เทา่ ในอัตราเพม่ิ เฉล่ยี ร้อยละ 5.8 ในมลู ค่าจรงิ ต้นทนุ หรอื ความสูญเสียทางเศรษฐกจิ จากการดม่ื แอลกอฮอลข์ องคน ไทยปี 2549 มมี ูลค่ารวมท้งั ส้ินถึง 150,677 ล้านบาท (ร้อยละ 1.92 ของ GDP) เทา่ กบั 2,398 บาทตอ่ หัวประชากร วถิ ีชีวิต โรควิถีชีวิต • ก-ารWออHกOกําปลรงั ะกมาายณไมวา่่เพกาียรงไพมอ่มีกิจกรรมทางกายเพียงพอเปน็ สาเหตขุ องโรคหวั ใจและหลอดเลอื ด โรคมะเร็งลาํ ไส้ใหญ่ เบาหวาน หลอดเลอื ดสมอง ใน • โ-รคWมะHเรO็ง รายงา ประ--เทศคคไนนทไไยททกยยาออราาขยยาุุ ด11ก55จิ ป–กขีร7รึ้น4มไปทปาี มองกีกอจิากยกกเรําพรลียมงั งกทพาาอยงกเใปนาน็รยะเสพดาียบัเหงปพตาขุอนอเกพงลภม่ิ าขางรน้ึ แะจลโาะรกครระลอ้ดาํ ยบัดลบัหะทน่ี7กั 97ค.ทร5้ังําลใในหะปนส้ ีาูญ2นเ5กส4ียว6า่ -ร23อ้ 50ย4ลน7ะาเทป1ี.น็ 3อรยขอ้ า่ อยงงลนะอ้DยA8L13Y.5คร(4งั้ 1ต.่อ2สลปั ้าดนาคหน์ เ)พใมิ่นขปึ้นี 2จ5า5ก1ร้อ–ยล2ะ 30.9 ล้าน-คนคเนปไน็ ทปยรปะ่วเทยดศ ในป-ี 25ค4น8ไทเปย็นอรา้อยยุ 1ล1ะ 37.5 (16.3 ล้านคน) ในปี 2550 ราย/วนั ) ค่ารกั ษาเฉ ปีข้นึ ไป ปี 2550 ทีป่ ่วยในรอบ 1 เดอื นท่ผี ่านมา รอ้ ยละ 16.7 ในจาํ นวนนเ้ี ป็นผ้ทู ไี่ ม่ออกกาํ ลังกายรอ้ ยละ 68.5 และผูท้ ี่เขา้ พกั รักษาใน ในช่วง 10 ปี มะเร็ง สถานพยาบาลระหวา่ ง 12 เดือนท่ผี า่ นมา รอ้ ยละ 6.1 เป็นผทู้ ่ีไมอ่ อกกาํ ลังกายถงึ ร้อยละ 74.2 คา่ รักษาประมาณ 3 • -ป- ัญควหัยนารไสนุ่ทุขอยภาอายาพุย1จุ 31ิต5–(ปอ2ขีา2รน้ึ ปมไปณี 2์ป)ใีน2535ข1อปงรกะทมมาณ. ป1ี 2ใ5น525 มสี ุขภาพจิตตาํ่ กวา่ คนทว่ั ไป หญงิ มสี ดั สว่ นของผู้มสี ุขภาพจติ ตํา่ กวา่ คนทว่ั ไปมากกวา่ ชาย - ภาพรวม มพี ฤติกรรมบนั่ ทอนสขุ ภาพ นอนดึกและพักผอ่ นนอ้ ย และ 1 ใน 4 มีปญั หาความเครยี ด WHO คาดประ พ- ัฒพนฤาแตลิกะรยรมากเสจย่ี นง โรคเส้นเลือดในสม • -ภาวWะนH้ําOหรนากั ยเงกาินนแปลี ะ2อ5้ว4น8แปลระะปชัจากจรยั โเลสกี่ยองรา่ยวมุ 15 ปีขนึ้ ไป นาํ้ หนักตัวเกนิ มาตรฐาน 1,600 ล้านคน ผใู้ หญอ่ ว้ น 400 ล้านคน เด็กอายตุ ํา่ กว่า 5 ปี นํ้าหนกั ตัว -มะเปร็งี เ2ต5า้ 5น4มปไรดะร้ มอ้ เกนิ มาตรฐาน 20 ล้านคน ในปี 2558 ทว่ั โลกจะมีผ้ใู หญ่นาํ้ หนกั ตัวเกนิ มาตรฐาน 2,300 ล้านคน และมคี นอ้วน 700 ล้านคน รอบเอวทเ่ี พ่มิ ขึ้นทกุ ๆ 5 ซม. เพ่ิม ผปู้ ว่ ยนอก 1.84 % โอก-าสเคสน่ยี งไทเปย็นอเาบยาุ ห1ว5าปนีข3้ึนไ–ป5ปเี ท2า่551 – 2 มีความชุกภาวะนํ้าหนักเกนิ และอ้วน (BMI ≥ 25 กก./ตร.ม) รอ้ ยละ 34.7 (17.6 ลา้ นคน) อว้ นลงพงุ (รอบเอว -127โคบรางทส/รค้านงป/ประี ช ≥ 90 ซม. ในชาย และ ≥ 80 ซม. ในหญิง) ร้อยละ 32.1 (16.2 ล้านคน) และใช้ยาลดความอ้วนเพิ่มขน้ึ 5.5 เทา่ เปน็ รอ้ ยละ 1.1 (เพิม่ จากปี 2546 – 7 ร้อยละ ประชากรเดก็ : แร 28.6-, 26.0 และ 0.2 ตามลําดับ) พบในหญงิ มากกว่าชายและใช้ยาลดลงในกลมุ่ อายุที่มากขึ้น เ-รื้อรปังระปเจั ทจศุบไทันยคนปไ มลู คา่ การโฆษณาผลติ ภณั ฑ์เสรมิ อาหารผา่ นสื่อตา่ ง ๆ เพม่ิ ขนึ้ ถงึ 2.3 เท่า ในช่วง 7 ปีทีผ่ า่ นมา เปน็ 2,112 ล้านบาท ในปี 2552 ในจํานวนนเี้ ปน็ การ โฆษ-ณาคอ่าาใหชาจ้ รา่ ลยดในนาํ้กหารนลกั ด1น1ํ้า5หนลัก้านปบี า2ท550 อย่รู ะหวา่ ง 900 – 2,600 บาทต่อเดอื น ถ้าไปรับบรกิ ารทโ่ี รงพยาบาลหรอื สถานบรกิ ารลดนาํ้ หนกั เฉลยี่ 2,555 คอเรสเตอรอล การ ปี 2552 สาเหตกุ า บาท-ต่อคเดนือไทนยซอ้อื าอยาุ 1ห5ารปหีขรึ้นอื ไยปาลปดี น25า้ํ ห51นัก–ม2ากมนิ คี เวอางมเชฉกุ ลภยี่ า1ว,ะ2เ0ม0แทบบาทอลติกอ่ ซเดินอื โนดรม 10.7 ลา้ นคน (รอ้ ยละ 21.1) และมีภาวะไขมนั คอเลสเตอรอลในเลอื ดสงู ต่อแสนประชากร ต อตั ราผปู้ ว่ ยนอก 1 (≥ 240 มก./ดล.) เพมิ่ ขน้ึ เป็น 9.8 ล้านคน (ร้อยละ 19.4) พบในหญิงมากกว่าชาย และเพิม่ ข้นึ ตามอายุทีเ่ พิ่มขึน้ แต่ทราบว่าปว่ ยและสามารถควบคุมได้เพิม่ ขน้ึ หนา้ ประกันสังคม กวา่ 2 เท่า เปน็ รอ้ ยละ 27.3 และ 14.8 ตามลําดบั สถานพยาบาล จะ แผนภมู ิที่ 1.4 กรอบสถานการณ์และแนวโนม้ ปญั หาโรค

าหวานนานาชาติ รายงานปี 2550 วา่ มผี ้เู สียชวี ติ จากโรคเบาหวานทัว่ โลกปลี ะ 3.8 ลา้ นคน มีผู้ปว่ ย 246 ล้านคน โดยในทกุ ๆ 10 วินาที จะมผี ปู้ ่วย 2200 คน หรอื ปีละ 7 ลา้ นคน ในปี 2553 คาดการณ์ผปู้ ว่ ยเบาหวานอายุ 20 – 79 ปที ัว่ โลกมี 285 ลา้ นคน ในปี 2573 จะเพมิ่ ขนึ้ เปน็ 438 ลา้ นคน ใน 4 ใน 5 เปน็ คนเอเชยี เฉพาะภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้เพิม่ จาก 58.7 ลา้ นคน เปน็ 101 ลา้ นคน อาหาร ออกกําลังกาย 15 ปขี น้ึ ไป ปี 2551 – 2 เป็นเบาหวาน 3.5 ล้านคน (รอ้ ยละ 6.9) ความชุกคงเดมิ พบในหญงิ มากกวา่ ชาย แต่ทราบว่าปว่ ยเพ่มิ ข้ึน 1.5 เทา่ เป็น อารมณ สามารถควบคุมไดเ้ พ่มิ ขึ้นกว่า 2 เทา่ เปน็ ร้อยละ 28.5 (ปี 2546 – 7 รอ้ ยละ 6.9, 43.4 และ 12.2 ตามลําดับ) ดกรองสขุ ภาพคนไทยอายุ 35 ปขี ึ้นไป ปี 2552 พบผปู้ ่วยเบาหวาน 1.4 ล้านคน (ร้อยละ 6.8) กลุม่ เส่ยี ง 1.7 ลา้ นคน กลมุ่ ปว่ ยมภี าวะแทรกซอ้ น งตา เทา้ และไต วานเสี่ยงต่อโรคหลอดเลอื ดหวั ใจและสมอง 2 – 4 เทา่ มากกว่าครึง่ พบผดิ ปกตขิ องระบบประสาท ปี 2552 คนไทยเสียชวี ติ ดว้ ยโรคเบาหวาน ชากร (19 คน/วัน) ปี 2551 ผู้ปว่ ยเบาหวานมารบั บริการผปู้ ว่ ยนอก 9,702 ตอ่ แสนประชากร ค่ารักษาเฉลีย่ 1,172 บาทตอ่ ราย ผ้ปู ว่ ยใน 845 ตอ่ 463 ราย/วัน) คา่ รกั ษาเฉลย่ี 10,217 บาทตอ่ ราย คา่ รกั ษาทัง้ ส้นิ 3,984 ลา้ นบาทตอ่ ปี หากประมาณการผปู้ ว่ ยเบาหวาน 3 ลา้ นคน จะตอ้ งเสีย 47,596 ลา้ นบาทตอ่ ปี หิตสงู ครอื ขา่ ยความดนั โลหติ สูงโลก คาดการณ์ผู้ปว่ ยความดันโลหติ สูงท่วั โลกประมาณ 1,000 ล้านคน และ 1 ใน 4 ของพลโลกมภี าวะความดนั โลหติ สงู 15 ปขี ึน้ ไป ปี 2551 – 2 เปน็ โรคความดนั โลหติ สงู 10.8 ลา้ นคน (ร้อยละ 21.4) ความชุกลดลงเลก็ นอ้ ย ผู้ชายและหญงิ มคี วามชุกใกลเ้ คยี งกัน แต่ นเกือบ 1 เทา่ เป็นร้อยละ 49.7 และสามารถควบคุมไดเ้ พิ่มขน้ึ กวา่ 2 เทา่ เปน็ รอ้ ยละ 20.9 (ปี 2546 – 7 รอ้ ยละ 22, 28.6 และ 8.6 ตามลําดบั ) ดกรองสขุ ภาพคนไทยอายุ 35 ปีขึ้นไป ปี 2552 พบผปู้ ่วยความดันโลหติ สูง 2.2 ลา้ นคน (รอ้ ยละ 10.2) กลมุ่ เสยี่ ง 2.4 ลา้ นคน กลุ่มปว่ ยมี 09 ล้านคน ทั้งทางหวั ใจ สมอง ไต และตา นโลหติ สงู มกั มคี ลอเรสเตอรอลสูงกวา่ คนปกติ 6 – 7 เทา่ เสยี่ งตอ่ การเกิดโรคหลอดเลอื ดสมอง หัวใจและหลอดเลือด ทาํ ให้เสยี ชวี ิตเพิม่ ขน้ึ 2 – 5 ทยเสยี ชีวติ ดว้ ยโรคความดันโลหติ สงู 3.6 ตอ่ แสนประชากร (6 คน/วัน) ปี 2551 ผปู้ ่วยนอก 14,328 ต่อแสนประชากร คา่ รกั ษาเฉลี่ย 831 บาท 149 ต่อแสนประชากร (1,989 ราย/วัน) คา่ รกั ษาเฉลยี่ 4,586 บาทตอ่ ราย ค่ารักษาท้ังส้ิน 2,465 ล้านบาทตอ่ ปี หากประมาณการผปู้ ่วยความดนั น จะต้องเสยี คา่ รกั ษาประมาณ 79,263 ล้านบาทต่อปี คหวั ใจเปน็ ภยั รา้ ยคร่าชวี ติ คนทว่ั โลก 792 คน/วัน ปี 2552 คนไทยเสียชีวติ 29 ตอ่ แสนประชากร (50 คน/วัน) ปี 2551 ผู้ป่วยนอก 2,565 ตอ่ เบาหวาน ความดันโลหติ สูง หวั ใจ บริโภคท่ีเหมาะสม – ออกกาํ ลังกายเพียงพอ – จดั การอารมณไดเหมาะสม วถิ ีชีวิตพอเพียง ภูมิคุม กัน ภูมิคุมกัน ภมู ิคมุ กัน ภูมิคุม กัน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง & สุขภาพพอเพียง สุขภาพ/สขุ ภาวะ กษาเฉลีย่ 1,109 บาทตอ่ ราย ผู้ปว่ ยใน 684 ต่อแสนประชากร (1,185 ราย/วัน) ค่ารักษาเฉลี่ย 28,633 บาทตอ่ ราย คา่ รกั ษาทง้ั สิน้ 6,906 หลอดเลอื ดสมอง มะเรง็ ดานวัตถุ ดา นสงั คม ดานวัฒนธรรม ดานส่งิ แวดลอม Health For All กประมาณการผู้ปว่ ยโรคหวั ใจ 4 ลา้ นคน จะต้องเสยี ค่ารกั ษาประมาณ 154,876 ลา้ นบาทต่อปี All For Health 15 ปขี ้ึนไป มีความชุกของปัจจัยเส่ียงโรคระบบหวั ใจและหลอดเลือด 3 ปจั จัยขน้ึ ไปเพมิ่ ขนึ้ ปี 2551 – 2 4.3 ล้านคน (รอ้ ยละ 8.4) (ปี 2546 – พาะคนไทยอายุ 15 – 74 ปี ป2ี 548 – 50 มีความชกุ โรคหวั ใจขาดเลือดเพมิ่ ขึน้ เปน็ 0.7 ล้านคน (ร้อยละ 1.5) ค่ารกั ษาผปู้ ่วยนอกเฉลย่ี 1,410 นเฉลย่ี 40,892 บาทตอ่ ราย คา่ รกั ษาทงั้ สิ้น 2,748 ลา้ นบาทต่อปี สมอง มาณวา่ ทกุ ปีมผี ปู้ ่วยโรคหลอดเลือดสมองกวา่ 15 ลา้ นคนทว่ั โลก 5 ล้านคน พิการถาวร 5 ลา้ นคนเสียชวี ิต และ 2 ใน 3 อยใู่ นประเทศกาํ ลังพฒั นา เปน็ 2 เท่า ประเทศไทยคาดวา่ มผี ปู้ ว่ ยรายใหมใ่ นแต่ละปีไม่ตาํ่ กวา่ 150,000 ราย ปี 2552 เสยี ชีวติ 21 ตอ่ แสนประชากร (37 คน/วนั ) 15 – 74 ปี ปี 2548 – 50 พบความชุกโรคหลอดเลอื ดสมอง อัมพฤกษอ์ ัมพาต เพม่ิ ขน้ึ เปน็ 0.5 ลา้ นคน (รอ้ ยละ 1.1) ปี 2551 ผ้ปู ว่ ยนอก 980 คา่ รกั ษาเฉล่ีย 1,629 บาทตอ่ ราย ผปู้ ว่ ยใน 257 ตอ่ แสนประชากร (446 ราย/วนั ) คา่ รกั ษาเฉลยี่ 29,571 บาทต่อราย คา่ รกั ษาทง้ั สนิ้ 2,973 กประมาณการผู้ปว่ ยโรคหลอดเลือดสมอง 0.5 ลา้ นคน จะตอ้ งเสยี ค่ารักษาประมาณ 20,632 ล้านบาทตอ่ ปี ภาระคาใชจาย อายุขัยเฉลี่ย านวา่ ทวั่ โลกมีผปู้ ่วยมะเรง็ 18 ลา้ นคน มผี ้ปู ่วยรายใหม่ 9 ลา้ นคนในทกุ ๆ ปี ทกุ ๆ 6 วินาที จะเสียชวี ติ 1 คน ปี 2563 จะเสียชีวติ มากกว่า 11 ศกาํ ลังพัฒนา 7 ลา้ นคน ปี 2552 คนไทยเสยี ชวี ิต 88 ต่อแสนประชากร (154 คน/วนั ) ดว้ ยโรคมะเรง็ เพม่ิ ขน้ึ ปี 2551 ผปู้ ่วยนอก 1,023 ต่อแสนประชากร ค่ารกั ษาเฉล่ีย 2,486 บาทตอ่ ราย ผปู้ ว่ ยใน 505 ต่อแสนประชากร (874 ฉลี่ย 29,940 บาทต่อราย ค่ารกั ษาทั้งส้ิน 8,897 ลา้ นบาทต่อปี และคาดวา่ จะมีผ้ปู ว่ ยมะเรง็ รายใหม่ 1.2 แสนราย และจะเพ่ิมขน้ึ ถึงร้อยละ 50 งทพี่ บบอ่ ย 5 อันดับแรก คอื ตบั ปอด ปากมดลูก เตา้ นม ลําไส้ใหญ่ และทวารหนัก หากประมาณการผปู้ ่วยโรคมะเร็ง 0.75 ลา้ นคน จะตอ้ งเสยี 32,991 ล้านบาทตอ่ ปี ะมาณ ปี 2548 ประชากรทว่ั โลกเสียชีวติ 58 ลา้ นคน สาเหตุมาจากโรคไมต่ ิดต่อเรอื้ รงั 35 ลา้ นคน (รอ้ ยละ 60) และ 4 ใน 5 อยใู่ นประเทศกาํ ลงั บุหรี่ น สรุ า งทีม่ ีความสัมพันธ์กบั โรควถิ ีชวี ติ ท่สี าํ คัญ ได้แก่ การบรโิ ภคผกั และผลไมต้ ามเกณฑ์มาตรฐานจะลดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร โรคหวั ใจขาดเลือด และ มองตบี ได้รอ้ ยละ 19 – 31, การออกกาํ ลังกายอยา่ งสมา่ํ เสมอชว่ ยลดความเสยี่ งตอ่ การเกิดโรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลอื ดหวั ใจ โรคหวั ใจ และ อยละ 25 – 40, คนอ้วนมีอตั ราเสี่ยงเปน็ อมั พาต อมั พฤกษ์ โรคหวั ใจ โรคมะเรง็ เบาหวาน ความดันโลหิตสงู ได้มากกวา่ คนปกติ 2 – 10 เทา่ มาณการรายจา่ ยสขุ ภาพของประเทศไทย 454,444 ลา้ นบาท เป็น 3.99 % GDP เปน็ รายจา่ ยเพื่อสง่ เสรมิ สขุ ภาพเพยี ง 0.22 % GDP เปน็ คา่ รักษา % GDPและผูป้ ่วยใน 1.58 % GDP ในช่วงปี 2546 - 52 ค่าใช้จา่ ยผูร้ บั บรกิ ารส่งเสริมสขุ ภาพลดลงเกอื บครึ่งหนึ่ง เปน็ รอ้ ยละ 3 ในปี 2552 หรอื ชากรไทยมสี ดั สว่ นประชากรวยั สงู อายุเพิ่มขึ้น เดก็ และวัยแรงงานลดลง ภาวะอนามยั เจรญิ พนั ธรุ์ วมอยูต่ าํ่ กวา่ ระดบั ทดแทน ในปี 2553 มีสดั ส่วน รงงาน : ผูส้ งู อายุ รอ้ ยละ 20.5 : 67.6 : 11.9 และผสู้ งู อายจุ ะเพมิ่ ขึ้นเป็นร้อยละ 14.8 ในปี 2559 ผู้สูงอายมุ ีความเสี่ยงสงู ต่อการเปน็ โรคไม่ตดิ ตอ่ ไทยมอี ายุขยั เฉล่ยี เพ่มิ ขนึ้ เปน็ 75.6 ปี ยงั ตาํ่ กวา่ เปา้ หมายที่กําหนดไว้ 80 ปี ปี 2547 มีภาระโรคไม่ตดิ ตอ่ เร้อื รัง คิดเป็นร้อยละ 65 ของความสูญเสยี ทางสขุ ภาพทงั้ หมด การบริโภคแอลกอฮอล์ บหุ ร่ี ความดนั โลหติ ภาวะอ้วน รบรโิ ภคผักและผลไม้ กจิ กรรมทางกายไมเ่ พียงพอ เปน็ ภาระโรคใน 10 อนั ดับแรก ารเสียชวี ติ ของคนไทยทส่ี ําคัญ 10 อนั ดบั แรกมาจากโรคมะเรง็ หวั ใจ หลอดเลือดสมอง เบาหวาน ความดนั โลหิตสูง 88.3, 29.0, 21.0, 11.1 และ 3.6 ตามลาํ ดับ ในชว่ งปี 2548 – 51 ผู้ปว่ ยในเพิ่มข้นึ 1.2 – 1.6 เทา่ เป็น 505, 684, 257, 845 และ 1,149 ตอ่ แสนประชากร ตามลาํ ดบั ปี 2551 มี 1,023, 2,565, 980, 9,702, 14,328 ต่อแสนประชากรตามลาํ ดบั ทาํ ใหส้ ญู เสยี คา่ รักษาทั้งส้นิ 25,225 ล้านบาทตอ่ ปี ภายใตห้ ลักประกันสขุ ภาพถว้ น ม และสวัสดกิ ารรักษาพยาบาลข้าราชการและครอบครวั หากประมาณการคนไทยปว่ ยจาก 5 โรค รวม 18.25 ลา้ นคนต่อปี มารบั บริการท่ี ะตอ้ งเสยี ค่ารกั ษาประมาณ 335,359 ล้านบาทต่อปี คดิ เปน็ 2.94% GDP ควถิ ีชีวิตสกู่ ารพฒั นายทุ ธศาสตรส์ ขุ ภาพดวี ิถีชีวิตไทย

21 สว่ นที่ 4 สถานการณ์ปัญหาและแนวโน้มการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรควิถชี ีวิต จากสถานการณป์ จั จยั เสยี่ งต่อการเกดิ โรควถิ ีชวี ติ ทเี่ ปน็ ปญั หาสาํ คญั ของทวั่ โลกและของประเทศไทย จากประสบการณ์ทด่ี าํ เนนิ การทงั้ ทป่ี ระสบความสําเร็จและยงั มขี อ้ จํากัดเกิดปญั หาอปุ สรรค ซงึ่ ทกุ ฝ่ายตอ้ งตระหนัก ใหค้ วามสาํ คญั และเรง่ รดั แสวงหาทางออกเพอื่ กาํ หนดแนวทางและมาตรการในการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หาอยา่ ง จริงจงั และบงั เกดิ ผลสาํ เรจ็ เพอ่ื สกดั กนั้ ปญั หาไมใ่ หล้ ุกลามรุนแรงต่อไป โดยมปี ระเดน็ สําคญั ทตี่ ้องเรง่ รดั ปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หาดังน้ี 1. การขาดความตระหนกั รถู้ งึ ภัยคุกคามสุขภาพ นับว่าประชาชนทงั้ ในกลุ่มคนทว่ั ไป กลมุ่ เสยี่ ง และกลมุ่ ปว่ ย ยงั ขาดความรคู้ วามเข้าใจตระหนกั และละเลยถึงโทษพษิ ภยั ความรนุ แรงของปญั หาโรควิถชี วี ติ ตลอดจนความรแู้ ละแนวปฏบิ ตั ใิ นการปรบั เปลย่ี นวถิ ีชีวติ ให้เหมาะสมและถูกต้อง จากข้อจาํ กดั ในการสอื่ สารสู่ สาธารณะทส่ี ือ่ และชอ่ งทางสื่อสารยงั ขาดประสทิ ธิภาพ ขาดการรวมพลงั เครือขา่ ยสือ่ สารทกุ ภาคสว่ นในทกุ ระดับ ในการหนนุ เสริมการทํางานไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ ทาํ ให้ไมส่ ามารถเข้าถงึ กลมุ่ เปา้ หมายเฉพาะทม่ี คี วาม แตกต่างจากกลมุ่ เปา้ หมายทัว่ ไป ไมต่ รงประเดน็ และขาดความน่าเชอ่ื ถือ สร้างความสับสน ไมเ่ หมาะสมกับ บรบิ ทและภูมสิ ังคมไทย ทําใหไ้ มส่ ามารถสรา้ งกระแสการเปล่ียนแปลงความตระหนกั ของสงั คมและจิตสาํ นึก สุขภาพใหเ้ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของวฒั นธรรมและวถิ ชี วี ติ ของสงั คมไทยได้ 2. นโยบายระดบั ชาตแิ ละระดบั พ้นื ท่ีขาดความเป็นเอกภาพ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ นโยบาย สาธารณะในระดับชาตทิ ั้งนโยบายทางเศรษฐกิจ การค้า การเกษตร อตุ สาหกรรม เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม ท่ีมี ความขดั แย้ง บนั่ ทอนและไมห่ นนุ เสรมิ การปรับเปลี่ยนค่านยิ ม วฒั นธรรม และสภาพแวดลอ้ มทเี่ อื้อตอ่ วถิ ีชวี ติ ทด่ี ี ตอ่ สขุ ภาพ ในขณะทก่ี ารสร้างนโยบายสาธารณะในกลุม่ เปา้ หมายและพนื้ ที่เฉพาะก็ยงั มขี อ้ จํากดั ในการขยายผล สู่ระดบั ประชากรในวงกว้าง ซงึ่ จาํ เปน็ ตอ้ งมคี วามชัดเจนของทศิ ทางนโยบาย แผน และแนวปฏบิ ัติ ในการลด ปจั จัยเส่ียงและโอกาสเสยี่ งต่อการเป็นโรคตา่ ง ๆ โดยใชม้ าตรการทเ่ี นน้ การปอ้ งกนั ระดับปฐมภมู ทิ ่ีมปี ระสิทธผิ ล และประสทิ ธิภาพทั้งทางดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มและดา้ นประชากร เป็นมาตรการทั้งที่เชื่อมโยงในทุกมติ ขิ องสังคม โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การใหข้ อ้ มลู ข่าวสาร การศกึ ษา การใชม้ าตรการทางกฎหมาย ภาษี การเงินการคลงั และ มาตรการทางสงั คม การสร้างเสรมิ สนบั สนนุ เกยี่ วกบั อาหารและโภชนาการท่ีมคี ณุ คา่ คณุ ภาพ เขา้ ถงึ ง่าย ราคา เหมาะสม การสรา้ งสภาพแวดล้อมทางกายภาพและเทคโนโลยที ีเ่ อ้ือตอ่ กจิ กรรมทางกายและการออกกาํ ลงั กายท่ี เพยี งพอ ลดการสูบบหุ ร่ี ดมื่ เครอื่ งด่มื ทม่ี แี อลกอฮอล์ จัดการกับอารมณแ์ ละความเครยี ด ตลอดจนการควบคมุ นํ้าหนักทเี่ หมาะสม ลดเส่ียงและจดั การไดด้ ว้ ยตนเองทง้ั ในระดบั บคุ คล ครอบครวั ชมุ ชน สงั คมและประเทศ โดยมีมาตรการจดั การโรคเปน็ มาตรการเสรมิ และสนบั สนุน 3. ระบบเฝา้ ระวัง คัดกรอง คน้ หากลมุ่ เสีย่ งและกลุ่มปว่ ยออ่ นแอ เนือ่ งจากยงั มลี กั ษณะ ต่างคนตา่ งทาํ ขาดการบูรณาการและการจดั วางระบบงาน การพัฒนาระบบขอ้ มูลการเฝา้ ระวงั ติดตามควบคุม ป้องกนั และการใชป้ ระโยชนใ์ นลกั ษณะเครอื ข่ายเช่ือมโยงในระดบั ชาติ ขาดความรู้ ทกั ษะและความพรอ้ มของ

22 บุคลากรและเครอ่ื งมอื อปุ กรณ์ท่ีจาํ เปน็ ในการตรวจวดั คัดกรองทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพเพยี งพอ โดยสว่ นใหญก่ ารคัดกรอง เป็นเพียงเพอื่ หาผปู้ ว่ ยมใิ ช่เพื่อการหากลมุ่ เสยี่ งและเตรยี มการปอ้ งกนั ตงั้ แตเ่ รมิ่ ตน้ และการดาํ เนนิ การกับกลมุ่ เส่ยี งหรือกลุ่มปกติ มกั เปน็ การแนะนาํ ให้ตรวจซ้าํ แต่การใหค้ ําแนะนาํ เพอ่ื ป้องกนั ยงั ไมเ่ ปน็ รปู ธรรมที่ชดั เจนและ ขาดความเขม้ แขง็ จริงจงั 4. ระบบบริการสขุ ภาพมศี ักยภาพไมเ่ พียงพอ ระบบงานในการดูแลรักษาพยาบาลและการ จัดการโรควิถีชวี ติ สว่ นใหญ่ดาํ เนนิ การในลักษณะต้งั รับในสถานพยาบาล และขาดการบูรณาการเปน็ องค์รวม ตลอดจนมีขอ้ จาํ กดั ของศักยภาพในการสรา้ งโอกาสการเขา้ ถงึ บรกิ ารสขุ ภาพในกลุม่ เป้าหมายเฉพาะ ทต่ี ้องดแู ล ไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน พิการ และเสียชวี ิตก่อนวัยอนั ควร รวมทงั้ การดําเนินการเชงิ รกุ สกู่ ลมุ่ เป้าหมายใน ระดับชมุ ชน จดั การกบั พฤตกิ รรมเสย่ี งไดไ้ มม่ าก ระบบการตดิ ตามภาวะแทรกซอ้ นยงั จัดการไม่ต่อเนื่อง ยังมี ขอ้ จํากดั ในการส่งเสรมิ บทบาทการมสี ว่ นรว่ มและพงึ่ ตนเองในการดแู ลสขุ ภาพระดบั บคุ คล ครอบครวั และการ สรา้ งความเข้มแข็งของชมุ ชนทอ้ งถ่ินในการลดเสยี่ ง ลดโรคและจดั การโรคไดด้ ้วยตนเอง 5. การบริหารจัดการความรูย้ ังขาดประสิทธิภาพ เนอ่ื งจากองคค์ วามรู้ทม่ี อี ยกู่ ระจัดกระจาย เฉพาะจุด เฉพาะพนื้ ท่ี ขาดความจาํ เพาะ จําเปน็ ตอ้ งพฒั นากระบวนการรวบรวม สงั เคราะห์ วจิ ัยพฒั นา และ การประยกุ ตใ์ ชป้ ระโยชน์จากองคค์ วามรู้ในการกาํ หนดนโยบายสาธารณะ ยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนา การบรหิ าร จดั การแผนงานโครงการ ระบบงาน การบรหิ ารจดั การทรพั ยากร การพฒั นาระบบขอ้ มลู และระบบบรกิ ารสขุ ภาพ ทง้ั ในดา้ นการสง่ เสริมสขุ ภาพ การเฝา้ ระวังป้องกนั ควบคมุ โรค ดแู ลรกั ษาและฟนื้ ฟสู ภาพ ตลอดจนการตดิ ตาม ประเมนิ ผล ท่ีลดความซา้ํ ซ้อนมคี วามเช่อื มโยงในภาพรวมแบบบูรณาการครบวงจรทเี่ หมาะสมสอดคลอ้ งกบั บริบทแวดลอ้ มของสังคมไทย และมีประสทิ ธิภาพท้ังในระยะส้นั และระยะยาว

ภาคที่ 2 ปรชั ญา แนวคดิ และยทุ ธศาสตรส ขุ ภาพดวี ิถีชีวติ ไทย จากสถานการณก์ ารเปลย่ี นแปลงทัง้ ทางดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม และสง่ิ แวดลอ้ ม ทําใหว้ ถิ ีการดํารงชวี ติ ของคนไทยภายใต้บริบทแวดลอ้ มท่ีเตม็ ไปดว้ ยความเส่ยี งตอ่ สุขภาพ ซงึ่ ในทีน่ ไ้ี ดใ้ หค้ วามสําคญั กบั ปจั จยั เสีย่ งจาก พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารและเครอ่ื งดม่ื ไม่มคี ณุ คา่ ทางโภชนาการ บหุ ร่ี สรุ า การออกกําลังกายทไี่ มส่ มดลุ เพียงพอ รวมทง้ั อารมณแ์ ละความเครยี ดทเ่ี ปน็ ปจั จยั เสริมหนนุ ก่อใหเ้ กดิ ปญั หาสุขภาพจากโรควิถีชวี ิตทสี่ าํ คญั สัมพนั ธเ์ กยี่ วโยงซง่ึ กนั และกนั ใน 5 โรค ไดแ้ ก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหติ สงู โรคหวั ใจ โรคหลอดเลอื ด สมอง และโรคมะเรง็ รวมทงั้ ภาระทางดา้ นสขุ ภาพ เศรษฐกจิ สังคม และประเทศตามมามากมาย หากไม่ สามารถสกดั กน้ั ปัญหาตงั้ แตต่ น้ เหตุจนถึงปลายเหตอุ ยา่ งเปน็ ระบบครบวงจร ก็จะทําใหแ้ นวโนม้ สถานการณ์ ปญั หาทวคี วามรนุ แรงมากขึน้ อยา่ งแนน่ อน ดว้ ยเหตปุ ัจจยั ดงั กลา่ วแผนน้ีจงึ จาํ เปน็ ตอ้ งให้ทุกองคาพยพเขา้ มามี สว่ นรว่ มผลกั ดนั ใหเ้ กดิ แนวทางการพฒั นาทเ่ี ปน็ รปู ธรรมและยง่ั ยนื บนพนื้ ฐานปรชั ญา แนวคิด และยุทธศาสตร์ การพฒั นาทสี่ อดคลอ้ งรองรบั กบั แนวนโยบายแหง่ รฐั แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ และแผนพัฒนา สขุ ภาพแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 10 และทศิ ทางของแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 11 ที่เน้นคนเปน็ ศนู ยก์ ลางการพฒั นาตามแนวปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งที่ผกู โยงกบั ปัจจยั พื้นฐาน ภมู สิ งั คม และบรบิ ทของสงั คมไทย ส่วนท่ี 1 ปรชั ญาและแนวคิดหลกั ในการพัฒนา ปรชั ญาและแนวคิดหลักในการพฒั นาวิถีชวี ติ ไทยให้หา่ งไกลและปราศจากปัจจยั เสยี่ ง มีปัจจยั เสริมที่ เออ้ื ต่อการปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมสุขภาพทด่ี ี สรา้ งภมู คิ ้มุ กันและสขุ ภาวะของทงั้ สงั คม สามารถลดโรคและภยั คุกคามสขุ ภาพภายใตป้ รัชญาและแนวคิดการบรู ณาการระบบสขุ ภาพของทงั้ สังคม การมองถงึ บริบทแวดล้อม และวิถชี วี ติ ไทยที่เออื้ ตอ่ การมสี ขุ ภาพดีตามแนวปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. มุมมองการบรู ณาการระบบสขุ ภาพของทง้ั สังคม การพฒั นาแผนยทุ ธศาสตรส์ ุขภาพดวี ถิ ีชวี ติ ไทย ซง่ึ เป็นสว่ นหนง่ึ ของแผนพฒั นาสุขภาพแหง่ ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ไดจ้ ัดทาํ ขนึ้ บนพน้ื ฐานการคาํ นงึ ถึงการสรา้ งสขุ ภาพหรอื สขุ ภาวะทง้ั ทางกาย ทางใจ ทางสงั คม ทางปญั ญา/จติ วญิ ญาณ อนั เปน็ สทิ ธิขน้ั พน้ื ฐานของมนษุ ยชนท่ีเกย่ี วโยงกบั ปจั จยั กาํ หนดสุขภาพในระดบั ปจั เจกบคุ คล สภาพแวดล้อม และระบบบริการสขุ ภาพภายใตบ้ รบิ ทของการสรา้ งทนุ ทางเศรษฐกิจ ทนุ ทางสงั คม และทนุ ทางทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ด้วยวธิ คี ดิ และวธิ ปี ฏบิ ตั ิทบ่ี รู ณา การเปน็ องคร์ วมของทกุ ภาคสว่ นในทกุ ระดบั เพอื่ สรา้ งสงั คมดที ี่เปน็ สงั คมทีอ่ ยเู่ ยน็ เป็นสุขรว่ มกนั สังคมอยรู่ ว่ มกนั อย่างมคี วามสขุ ดว้ ยความเสมอภาค เปน็ ธรรม และมีภมู คิ ้มุ กนั ตอ่ การเปลยี่ นแปลงอย่างยั่งยนื และสรา้ งระบบ สขุ ภาพพอเพยี งเพ่อื การมสี ขุ ภาพท่ีดขี องคนทั้งมวลท่นี าํ สสู่ งั คมสขุ ภาวะ (ดูแผนภมู ิท่ี 2.1)

24 แผนภมู ทิ ่ี 2.1 มมุ มองการบูรณาการระบบสขุ ภาพของทง้ั สังคม ทุนเศรษฐกิจ ปัจเจกบุคคล ทางใจ ทางกาย สภาพแวดล้อม สังคมอยูเ่ ย็นเป็นสขุ ร่วมกัน สังคมอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งมคี วามสขุ สุขภาพ/สขุ ภาวะ ทางสังคม ระบบสขุ ภาพ ทางปัญญา/ พอเพยี ง จติ วญิ ญาณ ทนุ สงั คม แลทุะสิ่นงทแัรวพดย ลาอกมรธรรมชาติ ระบบบริการสุขภาพ Health for All บุคคล ครอบครวั ชุมชน สังคม ประเทศ All for Health สถาบัน องค์กร ประชาสงั คม บรหิ าร บรกิ าร วิชาการ 2. บรบิ ทแวดล้อมและวิถชี ีวิตทล่ี ดเสีย่ ง ลดโรค และภยั คกุ คามสขุ ภาพ จากมมุ มองการบรู ณาการในภาพกวา้ งส่บู ริบทแวดล้อมและวิถีชวี ติ ทลี่ ดเส่ียง ลดโรค และภัยคุกคาม สุขภาพ ซ่ึงเปน็ ปัญหาสุขภาพทส่ี าํ คญั ในระดับชาตแิ ละทวคี วามรนุ แรงมาโดยตลอด แผนนจ้ี งึ ไดใ้ หค้ วามสําคัญกบั ปัจจัยเสย่ี งพน้ื ฐานหลกั ท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารและเครอื่ งดื่ม ผกั และผลไม้ บหุ ร่ี สุรา การออก กําลงั กาย และการควบคุมอารมณ์ ทก่ี ่อให้เกิดภาวะโภชนาการเกิน ภาวะน้าํ หนกั เกินและอว้ น และโรควิถีชวี ติ ภายใตป้ ัจจยั แวดลอ้ มทง้ั โครงสรา้ งทางเศรษฐกิจ สงั คม เทคโนโลยี และผา่ นกลไกทางดา้ นอปุ สงคแ์ ละอปุ ทาน ภายในประเทศและระหว่างประเทศ (ดแู ผนภมู ิท่ี 2.2) แผนภมู ทิ ่ี 2.2 บรบิ ทแวดลอ้ มและวิถชี วี ิตทล่ี ดเสย่ี ง ลดโรค และภยั คุกคามสุขภาพ กลไกการตลาด การสอ่ื สารประชาสมั พนั ธ์ การควบคมุ กํากับ การ ้คาระหว่างประเทศ อุปสงค์ อปุ ทาน (การเขา้ ถงึ ) ปัจจัยแวดล้อม การ ํนาเข้า/ ่สงออก - ผลผลิตการเกษตร (ผักและ - ปรมิ าณ/คุณภาพ - โครงสร้างทางสงั คม ความ - พฤติกรรมบรโิ ภค ผลไม)้ เป็นเมือง สงั คมผู้สูงอายุ - สถานประกอบการ (อาหาร - เทคโนโลยี - โครงสรา้ งเศรษฐกจิ และเครื่องดื่ม บุหรี่ สุรา) ภาวะทุพโภชนาการของ ภาวะน้ําหนักเกินและอว้ น - การออกกําลังกาย แมแ่ ละเดก็ โรคไม่ติดต่อเร้ือรังหรือ - การจดั การอารมณ์ โรควิถชี ีวิต ไม่เพียงพอ ไม่สมดลุ ผลกระทบเชงิ สุขภาวะและเศรษฐกจิ

25 3. กรอบแนวคิดสุขภาพดีวถิ ชี วี ติ ไทยตามแนวปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดํารัสช้ีแนะ ใหเ้ ป็นรากฐานในการดําเนนิ ชวี ติ การบริหาร และการพฒั นาในทกุ ระดบั ทง้ั ในระดับบคุ คล ครอบครวั ชุมชน สังคม และประเทศ และได้เปน็ ปรชั ญานําทางในการสร้างสงั คมอยเู่ ย็นเปน็ สุขรว่ มกัน สงั คมอยู่รว่ มกันอยา่ งมี ความสขุ ระบบสขุ ภาพพอเพียง และนําไปสกู่ ารสรา้ งสขุ ภาพดีวถิ ีชวี ติ ไทยท่ียึดหลักทางสายกลางและความพอเพยี ง ประกอบดว้ ย 3 องคป์ ระกอบหลกั คือ ความพอประมาณ มเี หตผุ ล และมีภมู ิคมุ้ กันท่ดี ี ภายใตเ้ งือ่ นไขคณุ ธรรม- จรยิ ธรรม เงื่อนไขความร-ู้ หลกั วชิ า และเงอื่ นไขชวี ติ ในการสรา้ งวถิ ชี วี ิตทเี่ หมาะสม หรือวิถีชวี ติ พอเพยี ง จาก การมพี ฤติกรรมการบรโิ ภคทเี่ หมาะสม ออกกาํ ลงั กายทเ่ี พียงพอ จัดการอารมณไ์ ดเ้ หมาะสม มพี ลงั งานและ นํ้าหนกั ทส่ี มดลุ เพอื่ ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายการลดการเกดิ โรค ลดภาวะแทรกซ้อน ลดการพิการ ลดการตาย และลด ภาระค่าใชจ้ า่ ยจากโรควถิ ชี วี ิตทส่ี าํ คญั ใน 5 โรค (ดแู ผนภมู ิท่ี 2.3) แผนภูมิท่ี 2.3 กรอบแนวคดิ สขุ ภาพดีวถิ ชี วี ติ ไทยตามแนวปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ทางสายกลาง & ความพอเพยี ง ปัจจัยเอื้อต่อการมีสุขภาพดีท่ีเพียงพอ เขา้ ถงึ ได้ ราคาเหมาะสม มคี ุณภาพมาตรฐาน ปลอดภยั และ ปจั จัยเส่ียงลดลง “อาหารและเครอื่ งด่ืมที่มีคุณค่าทางโภชนาการ บุหร่ี สุรา โครงสร้างทางเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อมทาง กายภาพและสังคม ระบบบริการสุขภาพ” พอประมาณ การดาํ รงชวี ิต การดําเนนิ ธุรกิจ การค้า การสร้าง ขดี ความสามารถในการลดเส่ียง ลดโรค และ นโยบายสาธารณะอยู่บนพน้ื ฐานทางวชิ าการ ภยั คุกคามสุขภาพได้ด้วยตนเองอย่างรูเ้ ทา่ ทัน อยา่ งรอบคอบ ประหยดั และคุ้มค่า มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันท่ีดี รอบด้านและยง่ั ยนื ท้ังดา้ นวัตถุ สงั คม “การคํานงึ ถึงประสิทธผิ ล ประสิทธิภาพ ผลกระทบต่อสุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม” วัฒนธรรม และสงิ่ แวดล้อม “การประเมินตนเอง ระบบเฝ้าระวัง ตระหนักรู้ ถึงภาวะเส่ียง การประเมินและบริหารจัดการ ความเส่ียงและภาวะวิกฤต” เง่ือนไขคุณธรรม-จริยธรรม เงื่อนไขความรู้-หลักวิชา เงื่อนไขชีวิต - ความเช่ือถอื ศรทั ธาไว้วางใจ (เปิดเผย - การบรหิ ารจดั การขอ้ มลู และความรู้ - พฤตกิ รรมสขุ ภาพ วิถีชีวิต คา่ นิยม โปรง่ ใส ซ่ือสตั ย์ รับผิดชอบ) - คูม่ อื การปฏิบัติและแบบอย่างที่ดี วฒั นธรรมท่ีเหมาะสมกบั ภมู สิ ังคมไทย - การสอื่ สาร แลกเปล่ียนเรียนรแู้ ละแบง่ ปนั และภมู ปิ ัญญาไทย - เอ้ืออาทร เก้ือกลู กัน ไมท่ อดท้ิง มีคณุ ค่า - การพฒั นาศักยภาพการวางแผน ตดิ ตาม และศักดศ์ิ รีความเป็นมนษุ ย์ - การมสี ่วนรว่ มในการดูแลสขุ ภาพ ประเมินผล วิจัยพัฒนาและบรหิ ารจดั การเชิง ตนเองและสขุ ภาวะของชมุ ชนและ - ขอ้ ตกลงและพันธสัญญาร่วม โครงสร้างและระบบอย่างบรู ณาการและย่งั ยนื สังคม - ขอ้ พงึ ปฏิบัติ ข้อบังคับ ระเบียบและ กฎหมาย วิถีชีวิตพอเพยี ง : บริโภคทีเ่ หมาะสม – ออกกําลงั กายที่เพียงพอ – จัดการอารมณ์ไดเ้ หมาะสม ลดการเกิดโรค ลดภาวะแทรกซ้อน ลดการพกิ าร ลดการตาย ลดภาระค่าใช้จา่ ย เบาหวาน ความดันโลหิตสงู หวั ใจ หลอดเลือดสมอง มะเร็ง

26 ส่วนท่ี 2 วิสัยทัศน์ พันธกิจ เปา้ ประสงค์สูงสุด และเป้าหมายหลักในการพัฒนา 1. วสิ ัยทศั น์ ประชาชนมีศักยภาพในการจัดการปัจจัยเส่ียงและสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อโรควิถีชีวิต ดว้ ยการรวมพลงั ขับเคลอื่ นจากทุกภาคสว่ นอย่างบรู ณาการ สมดลุ ยั่งยืน และเปน็ สขุ บนพนื้ ฐานปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง 2. พันธกจิ สรา้ งชุมชน ท้องถ่ิน สงั คม ทต่ี ระหนกั ลดปจั จัยเสย่ี ง เสริมปัจจยั เออ้ื และมสี ว่ นรว่ มอยา่ งเขม้ แขง็ ในการผลักดันนโยบายสกู่ ารปฏบิ ตั กิ ารคน้ หา เฝา้ ระวงั ป้องกันควบคมุ จดั การปญั หา และพฒั นาของทกุ ภาคสว่ น อยา่ งเปน็ ระบบ องคร์ วม ครอบคลุม มีประสิทธิภาพ 3. เปา้ ประสงค์สงู สุด ประชาชน ชมุ ชน สงั คม และประเทศ มีภูมคิ ุ้มกนั และศักยภาพในการสกดั กนั้ ภยั คุกคามสขุ ภาพ จากโรควถิ ชี วี ติ ทสี่ ําคญั ได้ 4. เปา้ หมายหลกั ในการพฒั นา ลดปญั หาโรควิถชี วี ิตทสี่ าํ คญั 5 โรค คือ 1) โรคเบาหวาน 2) โรคความดนั โลหติ สงู 3) โรคหวั ใจ 4) โรคหลอดเลอื ดสมอง 5) โรคมะเรง็ ใน 5 ดา้ น คอื 1) ลดการเกิดโรค 2) ลดภาวะแทรกซ้อน 3) ลดการพิการ 4) ลดการตาย 5) ลดภาระคา่ ใชจ้ า่ ย ดว้ ยการเพมิ่ วถิ ชี วี ติ พอเพียงใน 3 ดา้ น คือ 1) การบรโิ ภคทเี่ หมาะสม 2) การ ออกกาํ ลงั กายทเี่ พียงพอ 3) การจัดการอารมณไ์ ด้เหมาะสม ประกอบดว้ ยตวั ชวี้ ดั หลกั ในการพฒั นาใน 3 ระยะ ในชว่ งเวลา 10 ปี (พ.ศ. 2554 – 2563) จาํ นวน 18 ตัวชว้ี ดั ดงั นี้ ระยะส้ัน 1-3 ปี 1) ผูน้ าํ เชงิ ยทุ ธศาสตรข์ องทกุ ภาคสว่ น ทง้ั ระดบั ส่วนกลาง เขต และจังหวดั ร่วมผลกั ดันนโยบาย อาหาร การออกกาํ ลงั กาย การดํารงชีวติ และสภาพแวดล้อมทเ่ี อ้ือตอ่ สุขภาพสกู่ ารปฏิบตั คิ รอบคลุมทุก กลมุ่ เปา้ หมาย “เพม่ิ ขึ้น” 2) ประชาชนกลมุ่ เปา้ หมายพึงพอใจต่อนโยบาย รบั รู้ เขา้ ใจ ตระหนกั ถงึ ภาวะเส่ียง แนวทาง สรา้ งเสรมิ สุขภาพ และมีภมู ิคมุ้ กนั สามารถปรบั พฤติกรรมควบคมุ ป้องกันปัจจัยเสย่ี งและโรควิถชี วี ิตได้ “เพม่ิ ขึ้น” 3) ชุมชน ทอ้ งถ่นิ องคก์ รทุกภาคสว่ นทกุ ระดบั สถาบนั ครอบครวั และเครอื ขา่ ยทางสังคม ท่ี สามารถดแู ลและจดั การเกย่ี วกับการลดโรคและภาระโรควถิ ชี วี ติ ได้ดว้ ยตนเอง “เพิ่มขน้ึ ” 4) สถานพยาบาลทกุ ระดบั ท้ังภาครัฐและเอกชน มีนโยบาย กระบวนทศั น์ของผนู้ ําและทมี ปฏิบตั งิ าน และศกั ยภาพในการจดั การระบบเฝา้ ระวงั ควบคมุ ปอ้ งกนั สง่ เสรมิ สขุ ภาพ และระบบบรกิ ารโรควถิ ี ชีวติ “เพม่ิ ข้นึ ” 5) การบรโิ ภคผักและผลไม้ “เพมิ่ ขนึ้ ” 6) การบริโภคอาหารทีม่ ีรสหวาน เค็ม มัน ปนเปือ้ นสารเคมี และบหุ รี่ สรุ า “ลดลง” ระยะกลาง 5 ปี 7) เด็กอายตุ า่ํ กวา่ 15 ปี มีภาวะอว้ น “ลดลง” 8) ประชาชนอายุ 15 ปขี ้ึนไป มภี าวะอว้ น “ลดลง”

27 9) ประชาชนอายุ 15 ปีข้นึ ไป มภี าวะอว้ นลงพงุ “ลดลง” 10) ประชาชนอายุ 15 ปขี ึ้นไป ออกกาํ ลงั กายและกิจกรรมทางกายเพยี งพอ “เพิม่ ขนึ้ ” 11) ประชาชนอายุ 15 ปขี นึ้ ไป มภี าวะไขมนั คอเรสเตอรอลรวม “ลดลง” 12) ประชาชนอายุ 15 ปีขน้ึ ไป มภี าวะเมแทบอลกิ ซนิ โดรม “ลดลง” 13) ประชาชนอายุ 15 ปขี ้นึ ไป มที กั ษะในการจดั การความเครยี ดอยา่ งเหมาะสม “เพมิ่ ข้ึน” 14) อัตราการเกดิ ภาวะแทรกซอ้ นในผ้ปู ว่ ยโรควถิ ชี วี ติ “ลดลง” ระยะยาว 10 ปี 15) อายขุ ัยเฉลีย่ ของคนไทยทป่ี ราศจากโรคและภาวะแทรกซอ้ นจากโรควิถชี วี ติ “เพิ่มขน้ึ ” 16) อัตราตายดว้ ยโรควิถีชวี ติ “ลดลง” 17) ความชกุ ของโรควิถชี วี ติ “ไม่เพม่ิ ขึน้ ” 18) ค่าใช้จา่ ยด้านการรักษาพยาบาลโดยรวมดว้ ยโรควิถีชวี ติ “ลดลง” ส่วนที่ 3 เส้นทางและยุทธศาสตร์การพัฒนา แผนนไ้ี ดก้ ําหนดเสน้ ทางการพฒั นาและเปา้ หมายการพัฒนาอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอน ไมก่ า้ วกระโดดและไม่ สุดโตง่ โดยการขับเคลอ่ื นยุทธศาสตรก์ ารพฒั นา 5 ยุทธศาสตร์ ใน 3 ระยะ ดงั นี้ 1. เส้นทางการพฒั นา แบง่ ออกเป็น 3 ระยะ ระยะส้นั 1-3 ปี : บูรณาการความคดิ สรา้ งความเช่ือมนั่ และการมสี ว่ นรว่ มขบั เคลอ่ื นของ (พ.ศ. 2554-2556) ภาคเี ครอื ข่ายรว่ ม ระยะกลาง 5 ปี : ปฏบิ ตั กิ ารเชงิ รกุ สกู่ ารวางรากฐานทมี่ นั่ คงเชิงโครงสรา้ งและระบบ (พ.ศ. 2554-2558) ระยะยาว 10 ปี : สรา้ งความเข้มแข็งเชงิ โครงสรา้ งและระบบในการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หา (พ.ศ. 2554-2563) อยา่ งยง่ั ยนื 2. ยุทธศาสตรก์ ารพัฒนา ประกอบดว้ ย 5 ยุทธศาสตร์ 14 เปา้ หมายเชงิ ยุทธศาสตร์ 3 ยุทธวธิ ี ร่วม และ 11 ยทุ ธวธิ ยี อ่ ยรายยุทธศาสตร์ (ดแู ผนภมู ิท่ี 2.4 และตารางที่ 2.1) ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 1 : นโยบายสาธารณะสร้างสุข (Healthy Public Policy) ยุทธศาสตร์ที่ 2 : การขับเคลื่อนทางสังคมและส่อื สารสาธารณะ (Social Mobilization & Public Communication) ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การพฒั นาศักยภาพชมุ ชน (Community Building) ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 4 : การพฒั นาระบบเฝา้ ระวงั และการจดั การโรค (Surveillance & Care System) ยทุ ธศาสตร์ท่ี 5 : การสร้างความเขม้ แขง็ ของระบบสนบั สนุนยทุ ธศาสตร์ (Capacity Building) สว่ นท่ี 4 กรอบแผนงานภายใต้ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นา จากเป้าหมายเชงิ ยทุ ธศาสตร์ไดก้ าํ หนดกรอบแผนงานการพัฒนาภายใต้ยทุ ธศาสตรส์ ขุ ภาพดวี ถิ ีชวี ิตไทย ไว้ 29 แผนงาน (ดตู ารางท่ี 2.2)

28 แผนภูมทิ ี่ 2.4 กรอบยุทธศาสตรสุขภาพดีวิถีชีวิตไทย (Thailand Healthy Lifestyle Strategy) พ.ศ. 2554–2563 วิสยั ทศั น “ประชาชนมศี ักยภาพในการจัดการปจจยั เส่ยี งและสภาพแวดลอมท่ีสงผลกระทบตอโรควิถชี วี ิต ภาคประชาชน ดว ยการรวมพลังขับเคล่ือนจากทุกภาคสว นอยางบรู ณาการ สมดลุ ยัง่ ยนื และเปนสุข บนพื้นฐานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง” พันธกจิ สรางชุมชน ทองถิ่น สังคม ทต่ี ระหนัก ลดปจ จัยเส่ยี ง เสริมปจจัยเอ้ือ และมสี วนรว มอยางเขมแข็ง ในการผลักดันนโยบายสูการปฏิบัตกิ าร เปา ประสงค คน หา เฝาระวงั ปองกนั ควบคุม จัดการปญหา และพัฒนาของทกุ ภาคสว น อยางเปนระบบ องครวม ครอบคลมุ มีประสทิ ธิภาพ สูงสุด ประชาชน ชุมชน สงั คม และประเทศ มีภูมิคมุ กันและศกั ยภาพในการสกดั กั้นภยั คุกคามสุขภาพจากโรควถิ ชี วี ติ ท่สี าํ คัญได เปา หมายหลัก ในการพฒั นา ลดปญหาโรควถิ ีชีวติ ทีส่ าํ คัญ 5 โรค คอื 1) โรคเบาหวาน 2) โรคความดันโลหติ สูง 3) โรคหวั ใจ 4) โรคหลอดเลอื ดสมอง 5) โรคมะเร็ง ใน 5 ดา น คือ 1) ลดการเกิดโรค 2) ลดภาวะแทรกซอน 3) ลดการพกิ าร 4) ลดการตาย 5) ลดภาระคาใชจา ย ตัวช้ีวดั หลัก ในการพัฒนา เพิ่มวิถีชวี ิตพอเพยี ง ใน 3 ดาน คือ 1) การบรโิ ภคท่ีเหมาะสม 2) การออกกําลงั กายทเ่ี พยี งพอ 3) การจัดการอารมณไดเ หมาะสม ระยะส้นั 1 – 3 ป ระยะกลาง 5 ป 1) ผนู ําเชิงยุทธศาสตรของทุกภาคสวน ท้งั ระดับสวนกลาง เขต และจังหวดั รว มผลักดันนโยบายอาหาร การ 7) เดก็ อายตุ ํา่ กวา 15 ป มภี าวะอว น “ลดลง” ออกกาํ ลงั กาย การดาํ รงชีวติ และสภาพแวดลอมทเี่ อื้อตอ สุขภาพสูการปฏิบัติครอบคลุมทกุ กลุมเปา หมาย 8) ประชาชนอายุ 15 ปข ึ้นไป มีภาวะอว น “ลดลง” “เพิ่มขึน้ ” 9) ประชาชนอายุ 15 ปขน้ึ ไป มีภาวะอวนลงพงุ “ลดลง” 2) ประชาชนกลุมเปา หมายพึงพอใจตอนโยบาย รับรู เขา ใจ ตระหนักถงึ ภาวะเส่ยี ง แนวทางสรา งเสริมสุขภาพ 10) ประชาชนอายุ 15 ปข ึ้นไป ออกกําลังกายและกจิ กรรมทางกายเพยี งพอ “เพมิ่ ขนึ้ ” และมีภูมคิ ุมกัน สามารถปรับพฤติกรรมควบคุมปองกันปจ จัยเสย่ี งและโรควิถีชวี ติ ได “เพม่ิ ข้ึน” 11) ประชาชนอายุ 15 ปขึน้ ไป มีภาวะไขมันคอเลสเตอรอลรวม “ลดลง” 3) ชุมชน ทองถ่ิน องคก รทกุ ภาคสวนทกุ ระดับ สถาบันครอบครวั และเครือขายทางสังคม ที่สามารถดูแล 12) ประชาชนอายุ 15 ปข ึ้นไป มีภาวะเมแทบอลกิ ซินโดรม “ลดลง” และจัดการเกยี่ วกับการลดโรคและภาระโรควิถีชวี ิตไดด วยตนเอง “เพม่ิ ขนึ้ ” 13) ประชาชนอายุ 15 ปข น้ึ ไป มที ักษะในการจัดการความเครียดอยางเหมาะสม “เพ่ิมขึน้ ” 4) สถานพยาบาลทุกระดับทงั้ ภาครัฐและเอกชน มีนโยบาย กระบวนทัศนของผูนําและทีมปฏิบตั ิงาน และ 14) อัตราการเกิดภาวะแทรกซอ นในผูป ว ยโรควิถชี ีวิต “ลดลง” ศกั ยภาพในการจัดการระบบเฝาระวงั ควบคุมปองกัน สง เสริมสขุ ภาพ และระบบบริการโรควิถีชีวิต “เพ่ิมข้นึ ” 5) การบรโิ ภคผักและผลไม “เพ่ิมขน้ึ ” 6) การบริโภคอาหารท่มี ีรสหวาน เค็ม มัน ปนเปอนสารเคมี และบุหรี่ สุรา “ลดลง” ระยะยาว 10 ป 15) อายขุ ัยเฉล่ยี ของคนไทยท่ปี ราศจากโรคและภาวะแทรกซอนจากโรควิถีชีวิต “เพม่ิ ขน้ึ ” 16) อตั ราตายดวยโรควิถีชีวิต “ลดลง” 17) ความชุกของ โรควิถชี ีวิต “ไมเ พ่ิมขึ้น” 18) คาใชจายดานการรักษาพยาบาลโดยรวมดว ยโรควิถีชวี ิต “ลดลง” ระยะส้นั 1 - 3 ป (พ.ศ. 2554-2556) ระยะกลาง 5 ป (พ.ศ. 2554-2558) ระยะยาว 10 ป (พ.ศ. 2554-2563) การขับเคลือ่ นยุทธศาสตร บูรณาการความคดิ สรางความเชื่อม่ัน ปฏิบัติการเชงิ รุกสูการวางรากฐานที่มั่นคง สรางความเขม แขง็ เชงิ โครงสรางและระบบ เปาหมายเชงิ ยทุ ธศาสตร และการมสี วนรวมขับเคล่ือนของภาคีเครือขายรวม เชิงโครงสรา งและระบบ ในการปองกนั และแกไ ขปญหาอยางยงั่ ยืน 1. ประชาชนกลมุ เปาหมายไดร ับรูขอ มลู ความรู เกิด 1. นโยบายการคา การตลาด การเกษตร การศกึ ษา อุตสาหกรรม 1. โครงสรางทางเศรษฐกจิ สงั คม ศึกษา สิ่งแวดลอม ผูรบั ผิดชอบหลัก และบรกิ ารเอื้อตอ การปรับพฤติกรรมสุขภาพที่ดี และระบบสุขภาพ สามารถปรบั ตวั รองรบั ไดอ ยางมี และผสู นับสนนุ ความตระหนัก ปรับทัศนคตแิ ละพฤตกิ รรมสขุ ภาพได ประสทิ ธภิ าพสูงขึน้ อยา งถกู ตอ ง เหมาะสม ทันการณ 2. ระบบการเฝาระวงั ปองกันควบคมุ ปจจยั เสย่ี ง และดูแล 2. ภาคเี ครอื ขายทุกภาคสว นเปน แนวรว มกระบวนการ 2. ประชาชน ประชาสงั คม ชุมชน ทองถนิ่ มีศักยภาพ เพยี งพอ ชว ยเหลือผทู ม่ี ีปญหาไดอยา งครอบคลุมเปน องครวม ในการบรหิ ารและจัดการไดดวยตนเองมากข้ึน วางแผน ปฏบิ ตั ิการและแลกเปลีย่ นเรียนรอู ยาง บรู ณาการตอ เน่อื งและจริงจงั 3. ประชาชนมีสขุ ภาวะท่ดี ีข้นึ ยุทธศาสตรท่ี 1 1.1 มีนโยบายสาธารณะในการ การบงั คบั ใชก ฎหมายใหไ ดผลอยางจริงจงั การวิจยั และพฒั นามาตรการทางกฎหมายใหม เพื่อควบคุมการ การปรบั ปรงุ การประกาศใช และการบังคบั ใชกฎหมายทีม่ ี สาํ นกั นายก รมต. ควบคมุ การบริโภคอาหาร เครอ่ื งดมื่ “ฉลากโภชนาการ การโฆษณา การผลิตและจาํ หนาย (สศช. สคบ. สสส.) นโยบายสาธารณะสรางสุข ยา และผลติ ภัณฑท ่สี งผลเสียตอสขุ ภาพ อาหารและเครือ่ งดื่มท่ีสง ผลเสยี ตอสุขภาพ การควบคุม บริโภคและการผลิตสนิ คา ทีส่ งผลเสียตอสขุ ภาพ และสง เสรมิ ประสิทธิภาพ และมาตรการเพิ่มโอกาสและทางเลือกการเขาถงึ สช. ก.สาธารณสุข (Healthy Public Policy) การบรโิ ภคบุหรี่ สุรา ลดการใชยา” สนบั สนุนสนิ คา ท่ีสง ผลดีตอ สุขภาพ สนิ คาทส่ี ง ผลดีตอ สขุ ภาพ เปน มิตรตอสิ่งแวดลอม ในราคาที่ ก.การคลัง ก.เกษตรฯ “ภาษี ราคา การโฆษณา ขนาดบรรจุภณั ฑข องอาหาร เหมาะสม มีความรับผดิ ชอบ และสง เสริมภมู ิปญ ญาไทยและ ก.อตุ สาหกรรม ก.พาณิชย 1.2 มีนโยบายสาธารณะทส่ี งเสริมการ เครือ่ งดม่ื ผลิตภณั ฑส ขุ ภาพ บุหรี่ สรุ า” ก.คมนาคม ก.ทรัพยากรฯ ผลติ และบรโิ ภคอาหาร เครื่องดื่ม และ สมุนไพรไทย ก.การทองเท่ียวฯ ก.ศึกษาธกิ าร ผลิตภัณฑสขุ ภาพที่สง ผลดตี อสขุ ภาพ “ผกั ผลไมปลอดสารพษิ เมนูสุขภาพ ลด หวาน เคม็ มนั เครื่องดม่ื ก.มหาดไทย กทม. สขุ ภาพ ปลอดบหุ รี่ สุรา ในโรงแรม ภตั ตาคาร รา นอาหาร องคกรปกครองสว นทองถ่นิ หางสรรพสนิ คา รา นสะดวกซ้อื ตลาด แผงลอย สถานพยาบาล ก.วทิ ยาศาสตรฯ ก.วัฒนธรรม สถานศกึ ษา ที่ทํางาน บา น วัด ชมุ ชน ทอ งถนิ่ ” ก.การพฒั นาสังคมฯ ก.แรงงาน ก.การตา งประเทศ 1.3 มีนโยบายสงเสรมิ การออก หนว ยงานภาครฐั รัฐวิสาหกิจ และเอกชนมีนโยบายสงเสรมิ ทอ งถ่นิ มนี โยบายสรางสภาพแวดลอ มท่เี อื้อตอการออกกําลังกาย ภาครัฐ ทองถิ่นและเอกชนมีนโยบายสงเสริมการออก หนวยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ กาํ ลงั กายและกิจกรรมทางกายและ การออกกําลังกายและกิจกรรมทางกายและใจ สถาบนั วิชาชพี ภาคเอกชน “สรา งสภาพแวดลอม มาตรการจูงใจ สนบั สนนุ ใหอ อก และกิจกรรมทางกายและใจ กาํ ลังกายและกจิ กรรมทางกายและใจท่ีใกลบา น ใกลทที่ าํ งาน ส่ือมวลชน ภาคประชาสังคม ใจ กําลังกายและกิจกรรมทางกายและใจ” “สวนสาธารณะ ถนน ทางเดินเทา ทางจักรยาน ฟต เนสเซน็ เตอร ภาคประชาชน ใกลช ุมชน ไดอ ยา งปลอดภยั พ้นื ท่ีสีขาว” “พื้นที่สาธารณะ ระบบขนสง มวลชน การกอ สรา งอาคาร สภาพแวดลอม สิ่งอาํ นวยความสะดวก และครอบครัวออก กาํ ลงั กายและมีกิจกรรมทางกายและใจทเี่ หมาะสมเพยี งพอ” 1.4 มีนโยบายการจัดการนาํ้ หนกั สาํ หรบั การสรางความรู ความเขาใจ การยอมรับ และขอตกลงรว ม การขยายความครอบคลุมนโยบายและกจิ กรรมการจัดการ เดก็ ขาราชการ พนกั งานรัฐวสิ าหกิจ ธุรกิจเอกชน แรงงาน สามารถ กลมุ เปา หมายเฉพาะ ในการกําหนดนโยบายการจัดการน้ําหนัก นาํ้ หนักในกลุมเปาหมายเฉพาะ ดแู ลและจัดการน้าํ หนกั ตนเองไดมากขึน้ “ศูนยเด็กเล็ก ศูนยพัฒนาเด็ก สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน “การเล้ยี งลกู ดว ยนมแม เมนูอาหารสุขภาพ กินผักผลไม “ประชาชนกลมุ เปา หมายเฉพาะ สามารถจดั การนํา้ หนกั ตนเอง โรงเรียน สถานทรี่ าชการ รัฐวิสาหกจิ ธรุ กิจเอกชน และ ปลอดเครอื่ งดม่ื รสหวาน ขนมกรุบกรอบ ออกกาํ ลงั กาย กนิ ดไี ม ได” สถานประกอบการ” มีพุง” ยุทธศาสตรที่ 2 2.1 ประชาชนและสังคมรบั รู เขาใจ สื่อและระบบการส่ือสารแบบบรู ณาการทีม่ คี ุณภาพ เหมาะสม ประชาชน สถาบนั ทางสังคม รบั รู เขาใจ ตระหนักถงึ ภาวะเสีย่ ง สื่อมวลชน/แมบาน/ผปู ระกอบการ-ผูป รุงอาหารจาํ หนาย/ ก.การพฒั นาสงั คมฯ การขับเคล่ือนทางสังคม แรงงาน/นกั เรียน/ประชาชนกลุมเปา หมายเฉพาะและสังคม มีสวน สํานกั นายก รมต. (กปส. อสมท. ตระหนกั ถงึ ภาวะเสยี่ ง การปองกนั โรค กับกลุมเปา หมาย และมปี ระสทิ ธภิ าพ โรควถิ ีชีวิตปอ งกนั ได มีสวนรวมเปนเครือขายปรับเปลี่ยน สคบ. สสส.) ก.วัฒนธรรม และสื่อสารสาธารณะ แนวทางการสรางเสริมสุขภาพ และมี “สือ่ สรางสรรคท ีเ่ หมาะสมกับภมู สิ ังคมสกู ลุมเปาหมาย” รวมสรางพฤตกิ รรมสุขภาพความเช่ือคานิยม ประเพณวี ฒั นธรรม ก.เทคโนโลยฯี (Social Mobilization & ภมู คิ มุ กนั เพื่อลดปจจยั เสยี่ งเชงิ พฤติกรรมสขุ ภาพที่ถกู ตอง เหมาะสมและจัดการปญหาไดด วย เกีย่ วกบั การผลิตและบริโภคท่ีเนนคณุ คาทางโภชนาการ ความ ก.มหาดไทย ก.สาธารณสุข สปสช. Public Communication) ปลอดภยั และอนรุ กั ษความเปนไทย การออกกําลงั กายและ ก.ศกึ ษาธิการ ก.แรงงาน พฤตกิ รรมท่ีมผี ลกระทบตอ โรควิถีชวี ิต ตนเองอยางมปี ระสิทธิภาพ ก.ทรพั ยากรฯ “ประชาชน สงั คมมีความตระหนกั รู ปรบั พฤตกิ รรมสขุ ภาพและ กจิ กรรมทางกายท่ีเหมาะสมกับบรบิ ทแวดลอ ม การจัดการ ก.การทองเทยี่ วฯ กทม. จดั การปญ หาไดอ ยา งแทจริง” อารมณ และดูแลสุขภาพไดอยางถกู ตอง เหมาะสมและยงั่ ยืน องคก รปกครองสวนทองถิ่น “ประชาชน สังคม มสี วนรว มสรางพฤตกิ รรมสุขภาพท่ีดี มี สถาบันวชิ าชพี ภาคเอกชน 2.2 สถาบันภาครฐั ภาคเอกชน ภาค ภมู ิคมุ กนั เพียงพอทงั้ ดานวัตถุ สงั คม วฒั นธรรม ส่ิงแวดลอม ส่ือมวลชน ภาคประชาสังคม และสามารถสรางคุณคาการดํารงวถิ ีชีวติ ไทย” ภาคประชาชน ประชาสังคม และภาคประชาชน มสี วน รวมและเปน เครือขายในการสรางวิถี ก.มหาดไทย กทม. องคกรปกครองสว นทอ งถิ่น ชวี ติ เพ่อื การมสี ุขภาพดไี ดอ ยา งมี ก.การพฒั นาสังคมฯ ประสิทธิภาพ ก.วัฒนธรรม ก.แรงงาน ก.เกษตรฯ ก.สาธารณสขุ ยุทธศาสตรท่ี 3 3.1 ชมุ ชน ทองถ่นิ และองคกร รับรู บุคลากร ผูนาํ ภาครฐั เอกชน ชมุ ชนและประชาชน ชุมชน ทอ งถิน่ องคก ร มีศักยภาพในการจัดการลดเส่ยี งลดโรค ชมุ ชน ทอ งถิน่ และองคกรสามารถพ่งึ พาตนเองในการ สปสช. สช. สสส. พศ. ปรบั เปลยี่ นทศั นคติและกระบวนทศั นใ หม ไดดวยตนเอง โดยใชคนเปน ศนู ยกลางการพัฒนา ยดึ ชมุ ชนเปน จัดการลดเลย่ี งลดโรคและภาระโรควิถีชีวิตไดอ ยา งจรงิ จงั สถาบันวชิ าชพี ภาคเอกชน การพัฒนาศกั ยภาพชมุ ชน เขาใจ ตระหนกั สามารถดแู ลและจัดการ “กระบวนทัศนใ หมข องชุมชนรวมกบั สถานบรกิ ารดานหนา “ชุมชน ทองถิ่น องคก ร จดั การไดด วยตนเองอยา งย่งั ยืน” สือ่ มวลชน ภาคประชาสงั คม (Community Building) เก่ียวกบั สุขภาพดีวิถชี ีวิตไทย และ และบริการระดับปฐมภมู สิ กู ารดแู ลและจัดการสขุ ภาพดว ย ฐาน และบรู ณาการรว มของชุมชน ทอ งถ่นิ ภาคเอกชน ภาค ภาคประชาชน สขุ ภาวะ ตนเอง” ประชาสงั คม และภาคประชาชน “ชมุ ชนเขม แขง็ จัดการไดดวยตนเองในวงกวางมากขึ้น” ยุทธศาสตรท่ี 4 4.1 มีระบบเฝาระวงั ปจ จยั เสย่ี งและ ภาคีเครือขา ยมีความเขาใจ ยอมรับและมีขอ ตกลงรว มกัน ระบบขอมูลสุขภาพ ระบบรายงานและบุคลากรไดรับการพฒั นา ระบบการบริหารจัดการเพ่อื การเฝาระวังโรคและวถิ ีชีวิต ก.สาธารณสขุ สปสช. สสส. การพฒั นาระบบเฝาระวัง โรควถิ ชี ีวิตท่มี คี ุณภาพมาตรฐาน ในการพัฒนาระบบขอมูลสขุ ภาพ เพอ่ื การเฝา ระวังโรควถิ ี อยา งตอ เนือ่ ง เพอ่ื สนบั สนนุ ใหเ กิดการเฝาระวังโรควิถีชีวติ ที่มี ของประเทศไทยที่เปนมาตรฐานสากล สพฉ. สวรส. ก.ศกึ ษาธกิ าร “ระบบเฝาระวังโรคและวิถีชีวิตทไ่ี ดรับการยอมรับและมี ก.กลาโหม ตช. ก.แรงงาน และการจัดการโรค โดยการมีสวนรวมจากทกุ ภาคสว น ชวี ิตท่มี ีคณุ ภาพมาตรฐาน คุณภาพมาตรฐาน มาตรฐานสากลระดับชาติ” (สปส.) ก.มหาดไทย กทม. (Surveillance & Care “ระบบภาคเี ครอื ขา ยเฝาระวังโรควถิ ีชีวติ ทค่ี รอบคลุมเปน “ระบบสนบั สนุนการเฝา ระวงั โรควถิ ีชีวติ ท่ีเขม แข็ง” องคกรปกครองสวนทองถนิ่ เอกภาพ” ประชาชนกลมุ เส่ยี ง กลมุ ผูปว ยไดรับการคดั กรองและ ดแู ลใหสามารถ สศช. สช. พศ. สสช. System) จดั การไดด วยตนเอง โดยสรางความรวมมือของสถาบนั วชิ าชีพ แหลง สถานพยาบาลภาครฐั และเอกชน ทุนภาครฐั และเอกชน ในการจัดระบบบรกิ ารไดอยา งครอบคลุมและมี สถาบันวชิ าชีพ ภาคเอกชน 4.2 กลุมเส่ยี งไดร ับการคดั กรองทีม่ ี บคุ ลากรสาธารณสุขปรบั เปลย่ี นกระบวนทัศนและศักยภาพ ระบบการคดั กรอง ระบบและมาตรฐานการจัดการโรคและ คุณภาพมาตรฐานมากขึน้ สอ่ื มวลชน ภาคประชาสังคม ภาวะแทรกซอน คณุ ภาพระบบบรกิ าร และมาตรฐานเทคโนโลยี “ประชาชนทกุ กลุม เปาหมายเขาถงึ ระบบบริการท่มี คี ุณภาพ ภาคประชาชน ทางการแพทยไดรบั การพัฒนา มาตรฐานแบบบรู ณาการเปนองครวม” คุณภาพ ครอบคลมุ และสามารถจดั การ บรกิ ารใหม “ระบบบรกิ ารแบบผสมผสานมีศกั ยภาพเพียงพอ” “กระบวนทัศนและศักยภาพใหมของแวดวงสาธารณสขุ ” ไดดว ยตนเอง 4.3 กลมุ ผูปว ยมรี ะบบและมาตรฐาน การจัดการโรคและภาวะแทรกซอ น และการดแู ลสงตอ ผปู วยโรควิถชี ีวิต แบบบรู ณาการเปน องคร วม ยทุ ธศาสตรที่ 5 5.1 ผูนาํ และบคุ ลากรมีศกั ยภาพในการ การพฒั นาศกั ยภาพผูน ํา บุคลากร และระบบการบรหิ าร การวิจยั พฒั นาและจัดการความรูเ ก่ยี วกับนโยบายและ ผนู าํ บคุ ลากร องคค วามรู ผลการประเมินและการบรหิ าร ก.เทคโนโลยฯี ก.ศกึ ษาธกิ าร บริหารจัดการและสนับสนนุ การ จัดการ การดําเนินงาน ระบบคุณภาพ และการประเมินผล ยทุ ธศาสตร การบรหิ ารจดั การเชิงยุทธศาสตร และการบรหิ าร ก.สาธารณสขุ สปสช. การสรางความเขมแข็งของ ดาํ เนินงานตามยทุ ธศาสตรในทุกระดับ “การบรหิ ารจดั การยทุ ธศาสตรแ นวใหมอ ยางบรู ณาการและเปน จดั การ มศี กั ยภาพเพยี งพอในการพัฒนานโยบายและ ก.แรงงาน (สปส.) ระบบสนับสนุนยทุ ธศาสตร 5.2 มีองคความรทู สี ามารถนําไปใชใน เอกภาพ” ความเสี่ยง ยทุ ธศาสตร การบริหารจัดการใหมไ ดอยางเหมาะสม ทันการณ ก.มหาดไทย กทม. การกาํ หนดนโยบายสาธารณะและการ “การบรหิ ารจดั การความรู ระบบขอ มูลสารสนเทศและการ “ระบบบรหิ ารจัดการอยูบนพื้นฐานเหตุผลทางวชิ าการ ความ องคก รปกครองสว นทองถิน่ (Capacity Building) บรหิ ารจดั การยทุ ธศาสตรไ ดอยา ง สื่อสาร รองรบั การวิจยั พฒั นาตอ ยอด ขยายผลการพฒั นา พอประมาณ และพึ่งตนเองไดอยา งยงั่ ยืน” วช. สวรส. สสช. เหมาะสม ทางดา นบรหิ ารจัดการ บริการ วิชาการ และ สรา งเครือขาย สสส. สช. พศ. 5.3 มรี ะบบบริหารจัดการและ แลกเปลีย่ นเรียนรูท ม่ี ปี ระสิทธภิ าพ” ก.วฒั นธรรม กลไกการขับเคล่อื นยุทธศาสตรทม่ี ี ก.การพฒั นาสงั คมฯ ประสทิ ธิภาพ สงป. ก.พ. ก.พ.ร. สถาบนั วชิ าชีพ ภาคเอกชน 5.4 มรี ะบบคณุ ภาพและการ ส่ือมวลชน ภาคประชาสงั คม ประเมนิ ผลภาพรวมอยา งบูรณาการ ภาคประชาชน

ตารางท่ี 2.1 ยทุ ธวธิ ีภายใต้กรอบยุทธศาสตร์สขุ ภาพดีวิถชี ีวติ ไทย พ.ศ. 2554–2563 ยุทธศาสตร์ เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ 1.1 มีนโยบายสาธารณะในการควบคุมการบรโิ ภคอาหาร เคร่ืองดื่ม ยา 1-1 สร้า และผลิตภัณฑ์ท่ีส่งผลเสียต่อสุขภาพ ภา ยุทธศาสตร์ 1 1.2 มีนโยบายสาธารณะที่ส่งเสริมการผลิตและบรโิ ภคอาหาร เครื่องด่ืม นโยบายสาธารณะสรา้ งสุข และผลิตภัณฑ์สุขภาพท่ีส่งผลดีต่อสุขภาพ 1-2 สร้า (Healthy Public Policy) 1.3 มีนโยบายส่งเสริมการออกกําลังกายและกิจกรรมทางกายและใจ คว 1.4 มีนโยบายการจัดการนํ้าหนักสําหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ 1-3 สร้า ยุทธศาสตร์ 2 2.1 ประชาชนและสังคม รับรู้ เข้าใจ ตระหนักถึงภาวะเส่ียง การป้องกัน พฤ การขบั เคล่ือนทางสังคมและสื่อสาร โรค แนวทางการสร้างเสริมสุขภาพ และมีภูมคิ ุ้มกัน เพื่อลดปัจจัย นม เสี่ยงเชงิ พฤติกรรมท่ีมีผลกระทบต่อโรควิถีชีวิต สาธารณะ 2-1 รณร (Social Mobilization & 2.2 สถาบันภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน มี Ma Public Communication) ส่วนร่วมและเป็นเครือข่ายในการสร้างวถิ ีชีวิตเพื่อการมีสุขภาพดีได้ เกิด อย่างมีประสิทธิภาพ มีภ ยุทธศาสตร์ 3 การพัฒนาศักยภาพชุมชน 3.1 ชุมชน ท้องถ่ิน และองค์กร รับรู้ เข้าใจ ตระหนัก สามารถดูแลและ 2-2 การ (Community Building) จัดการเก่ียวกับสขุ ภาพดีวิถีชีวิตไทยและสุขภาวะ บูร ยุทธศาสตร์ 4 4.1 มีระบบเฝ้าระวังปัจจัยเส่ียงและโรควถิ ีชวี ิตท่ีมีคุณภาพมาตรฐาน โดย 3-1 เปิด การพัฒนาระบบเฝ้าระวัง การมีส่วนร่วมจากทุกภาคสว่ น ปร ปร และการจัดการโรค 4.2 กลุ่มเสี่ยงได้รับการคัดกรองท่ีมีคุณภาพ ครอบคลุม และสามารถ (Surveillance & Care System) จัดการได้ด้วยตนเอง 3-2 สร้า เจ้า 4.3 กลุ่มผู้ปว่ ยมีระบบและมาตรฐานการจัดการโรคและภาวะแทรกซ้อน และการดูแลส่งต่อผู้ป่วยโรควิถีชีวิตแบบบูรณาการเป็นองค์รวม 4-1 พัฒ โรค ยุทธศาสตร์ 5 5.1 ผู้นําและบคุ ลากรมศี ักยภาพในการบริหารจัดการและสนับสนุนการ การสร้างความเขม้ แขง็ ของระบบ ดําเนินงานตามยุทธศาสตรใ์ นทุกระดับ 4-2 สร้า ใหม สนับสนุนยุทธศาสตร์ 5.2 มีองค์ความรู้ที่สามารถนําไปใชใ้ นการกําหนดนโยบายสาธารณะและ ทุก (Capacity Building) การบรหิ ารจัดการยุทธศาสตร์ได้อย่างเหมาะสม 4-3 เพ่ิม 5.3 มรี ะบบบริหารจัดการและกลไกการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ท่ีมี รว่ ม ประสิทธิภาพ มีค 5.4 มีระบบคุณภาพและการประเมินผลภาพรวมอย่างบูรณาการ 5-1 สร้า จัด

ยุทธวธิ ีรายยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีรว่ ม างความเข้มแข็งของมาตรการบังคับใช้กฎหมาย มาตรการทางการเงินการคลัง I สร้างกระบวนการบูรณาการ แนวคิด าษี การผลิต การตลาด การบริโภค ที่ร่วมรบั ผิดชอบ และส่งเสริมภูมิปญั ญาไทย แนวนโยบาย และแนวปฏิบัติ ด้วยการ างทางเลือกของนโยบายสาธารณะระดับชาติ บนพื้นฐานสิทธิ หน้าท่ี และ ปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์และการมีสว่ น วามเห็นร่วมระดับประชาสังคม ร่วมของผู้นําและภาคีเครือข่ายในทุกระดับ างนโยบายสาธารณะระดับสถาบัน องค์กร ท่ีสร้างสภาพแวดล้อมสําหรบั ปรับ ตั้งแต่เริ่มต้นจนครบวงจร ฤติกรรมในกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้อย่างเพียงพอ และส่งเสริมการเล้ียงลูกด้วย II สร้างนโยบาย กลไก มาตรการ การ มแม่ บริหารจัดการเชงิ ยุทธศาสตร์และระบบ รงค์สร้างกระแสสังคม สื่อสารสาธารณะ และการตลาดเชิงสังคม (Social อย่างเชื่อมโยงเสริมแรงกันบนพ้ืนฐานภูมิ arketing) ประเด็นการสร้างเสริมสขุ ภาพและลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรควิถีชีวิต เพื่อให้ สังคมและภูมิปญั ญาที่เข้มแข็ง ดความรู้ ความเช่ือ ค่านิยม ประเพณี วัฒนธรรม การดํารงชีวิตท่ีดีงามแบบไทย III สร้างนวัตกรรม นโยบาย รูปแบบการ ภูมคิ ุ้มกันอย่างรอบด้านและเกิดพลังร่วมทางสังคมอย่างต่อเน่ือง พัฒนา และแบบอย่างปฏิบัติท่ีดีที่มีอิทธิพล รจัดการความรู้ สร้างหุ้นส่วนภาคเี ครือข่ายและช่องทางการสื่อสารเชิงรุกแบบ ต่อการขยายผลให้เกิดการพ่ึงพาตนเองและ รณาการ เพ่ือเตือนภัย เรียนรู้ และจัดการความเส่ียงได้อย่างทันการณ์ พัฒนาอย่างย่ังยืนในระดับชุมชน ท้องถ่ิน ดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบและเรง่ รัดการ สังคม และประเทศ รับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรม และค่านิยมใหม่ของผู้นํา เจ้าหน้าท่ีและ ระชาชน างความร่วมมือ ขยายเครือข่าย พัฒนารูปแบบเพิ่มคุณภาพและสร้างความเป็น าของให้จัดการปัจจัยเส่ียงเพื่อการมีวถิ ีชีวิตสุขภาพที่ดี ฒนาศักยภาพระบบเฝ้าระวังโรคท่ีมคี ุณภาพมาตรฐาน เพ่ือการป้องกันควบคมุ คและภัยสุขภาพ างผู้นําการเปล่ียนแปลง ต้นแบบของผู้มีกระบวนทัศนแ์ ละศักยภาพบริการ ม่ และกระบวนการเรียนรู้สู่กระแสการเปล่ียนแปลงแบบเช่ือมโยงเป็นระบบใน กระดับ มโอกาสการเข้าถึงกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ โดยใช้ชุมชนและเครือข่าย มภาครัฐ-เอกชน-วิชาการ เป็นกลไกนําเข้าสู่ระบบการจัดการได้ดว้ ยตนเองอย่าง คุณภาพมาตรฐาน างวัฒนธรรมท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้วิทยาการแนวใหม่ เพ่ิมศักยภาพระบบบริหาร ดการทรัพยากร และสร้างระบบพัฒนางานเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง 29

ตารางท่ี 2.2 กรอบแผนงานภายใต้ยุทธศาสตร์สขุ ภาพดีวถิ ีชีวิตไทย พ.ศ. 2554–2563 ยุทธศาสตร์ 1 นโยบายสาธารณะส เปา้ หมายเชงิ ยุทธศาสตร์ กรอบแผ 1.1 มีนโยบายสาธารณะในการควบคุมการ 1.1.1 การบังคับมาตรการทางกฎหมาย (ฉลากโภชนาการและข้อมูลแสดงป บริโภคอาหาร เคร่ืองด่ืม ยา และ พร้อมปรุง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และกฎหมายอ่ืนที่เกี่ยวข้อง ก ผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ 1.1.2 การศึกษาวจิ ัยและพัฒนานโยบาย กฎหมาย และมาตรการบังคับ/ส่ง ธุรกิจท่ีมีความรับผิดชอบต่อสังคม เสริมสร้างกลไกคุ้มครองผู้บรโิ ภค การล จาํ หน่าย โฆษณา ขนาดบรรจุภัณฑ์ของอาหาร เครื่องด่ืมที่มีรสหวาน และผ ควบคุมการโฆษณาอาหารท่ีส่งผลเสียต่อสุขภาพ ยาและอาหารเสริมลดความ สร้างกระแสสังคมเกี่ยวกับวิถีชีวิตที่ถูกต้องเหมาะสม, พรบ.อาหาร เป็นต้น) 1.2 มีนโยบายสาธารณะท่ีส่งเสริมการผลิต 1.2.1 การศึกษาวิจัยและพัฒนามาตรการสนับสนุนการผลิตและการบริโภคอ และบรโิ ภคอาหาร เคร่ืองด่ืม และ และส่งเสรมิ การใช้ภูมิปัญญาไทยและสมุนไพรไทย (การสร้างแนวทางมาตรฐา ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ (Food Safety, Food Security, Food Education), อาหารลดหวาน ม อาหารหลักและอาหารว่างเพ่ือสุขภาพ, อาหารขจัดความเครียด, ขนมขบเคี้ย นํ้าผลไม้ไม่ใส่นํ้าตาล, นํ้าดื่มสะอาด, โรงเรียนและสถาบันการศึกษาปลอดนํ้าอัด 1.2.2 การพัฒนาระบบเฝ้าระวงั ควบคุมคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยอย อาหาร ส่งเสริมการผลิตและบรโิ ภคผักและผลไม้ไทย และอาหารเกษตรปลอด 1.2.3 การเพ่ิมการเข้าถึงวัตถุดิบ อาหาร เคร่ืองด่ืม ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ปลอดภัย มีคุณภาพและความรับผิดชอบ 1.2.4 การยกระดับมาตรฐานโรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร ผู้ผลิตอาหาร แ ปริมาณพลังงาน เกลือ นํ้าตาล, มีการใชว้ ัตถุดิบท่ีมคี ุณค่าทางโภชนาการ) 1.3 มีนโยบายส่งเสริมการออกกําลังกายและ 1.3.1 ท้องถ่ินมีสถานที่ออกกําลังกายและเล่นกีฬาในพ้ืนที่ (สวนสาธารณะ ถ กิจกรรมทางกายและใจ และเล่นกีฬา, ฟิตเนสเซนเตอร์, ส่งเสริมการจัดกิจกรรมและสิ่งอํานวยความส 1.3.2 การส่งเสริมครอบครัวออกกําลังกาย เด็กและเยาวชนเล่นกีฬาและออ และชว่ งวัย (การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน การเพ่ิมศักยภาพการเรีย สําหรับเด็กและเยาวชน, ส่งเสริมธุรกิจการออกกําลังกาย, การลดหย่อนภ ไดร้ ับประโยชนจ์ ากการออกกําลังกาย, มาตรการสร้างภาพลักษณ์กติกาเชิงบัง 1.3.3 นโยบายการวางผังเมือง การสร้างพ้ืนท่ีสาธารณะ พื้นที่สีเขียว ระบ สะดวก ท่ีเอ้ือต่อการออกกําลังกาย ใกล้บ้าน ใกล้ที่ทํางาน ใกล้ชุมชน ได้อย่าง 1.4 มีนโยบายการจัดการน้ําหนักสําหรับ 1.4.1 ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็ก สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน โรงเรียน และส กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ กินผักและผลไม้, ปลอดเคร่ืองด่ืมรสหวาน, ปลอดขนมกรุบกรอบ, ออกกําลัง 1.4.2 ขา้ ราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ธุรกจิ เอกชน และแรงงานในสถานป ผลิตภัณฑ์สุขภาพท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการและถูกสุขอนามัย, สถานท่ีออกก สุขภาพ, เมนูอาหารสุขภาพ, มาตรการส่งเสริมและสนับสนุนอื่น ๆ : มาตรกา

สรา้ งสุข (Healthy Public Policy) ผู้รับผิดชอบหลักและผู้สนบั สนุน สํานักนายกรัฐมนตรี ผนงาน (สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ ปริมาณพลังงาน ทั้งอาหารสําเรจ็ รูป ก่ึงสําเร็จรูป อาหารปรุงสําเร็จและ สังคมแห่งชาติ การป้องกันและควบคุมการบริโภคบุหร่ี สุราหรือเครื่องด่ืนที่มีแอลกอฮอล์) สํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บรโิ ภค งเสริม (นโยบายสาธารณะท่ีเอ้ือต่อสุขภาพอย่างมีส่วนร่วม ส่งเสรมิ องค์กร สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) ลดความซ้ําซ้อน/ขดั แย้งของกฎหมาย กลไกภาษแี ละราคา ควบคุมการ สํานักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ซองน้ําตาลขนาดพอดีกับ 1 ช้อนชา, กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง มอ้วน บุหร่ี สุรา, ควบคุมการโฆษณาที่มีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนและ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม อาหาร เคร่ืองด่ืม และผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ปลอดภัย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม านอาหารแห่งชาติ : Food National Guideline from Farm to Table กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม มัน เค็ม(นํ้าตาล ไขมัน โซเดียมคลอไรด์), ขนมและอาหารไทยเพื่อสุขภาพ, กระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา กระทรวงศึกษาธิการ ยวและอาหารจุบจิบท่ีส่งเสริมสุขภาพ : Healthy Snack ; Smart Snack, กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร ดลมและขนมคบเคี้ยว บุหร่ี สุรา, ส่งเสริมให้มีตราสัญลักษณ์ ธงโภชนาการ) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ย่างครบวงจรของสินค้าเกษตร การผลิตอาหาร และสร้างความม่ันคงทาง กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดสารพิษหรือเกษตรอินทรีย์ สมุนไพรและอาหารท้องถ่ินเพื่อสุขภาพ กระทรวงวฒั นธรรม กระทรวงการพฒั นาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ผักผลไม้และอาหารเกษตรปลอดสารพิษ ในราคาที่เหมาะสม หาซื้อง่าย กระทรวงแรงงาน กระทรวงการตา่ งประเทศ, และผู้จําหน่าย (จัดให้มเี มนูอาหารม้ือหลักและอาหารว่างสุขภาพ, ให้แสดง หนว่ ยงานราชการ รฐั วิสาหกิจ ถนน ทางเดินเท้า ทางจักรยาน สถานท่ีและอปุ กรณ์ในการออกกําลังกาย สถาบนั วชิ าชพี ภาคเอกชน ส่อื มวลชน สะดวกอย่างต่อเนื่อง) ภาคประชาสงั คม ภาคประชาชน อกกําลังกายเป็นวิถีชีวิต การมีกจิ กรรมทางกายและใจท่ีเหมาะสมกับอาชีพ ยนการสอนวิชาพละศึกษาและกจิ กรรมเสริมหลักสูตร, การสร้างพ้ืนที่สีขาว ภาษีสําหรับอุปกรณ์การเล่นกีฬาและออกกําลังกาย, มาตรการส่งเสริมการ งคับทางสังคม) บบขนส่งมวลชน การก่อสร้างอาคาร สภาพแวดล้อม และส่ิงอํานวยความ งปลอดภัย สถาบันการศึกษา มีนโยบายส่งเสริมจัดการนํ้าหนัก (จัดเมนูอาหารสุขภาพ, งกายและสันทนาการ และส่งเสรมิ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่) ประกอบการ “กินดี ไม่มีพุง” (จัดสถานที่จําหน่ายเคร่ืองดื่ม อาหาร และ กําลังกาย, การผ่อนคลายความเครียด, อาหารหลักและอาหารว่างเพ่ือ ารทางภาษี; การเงินการคลัง; สวัสดิการ) 30

ตารางท่ี 2.2 กรอบแผนงานภายใต้กรอบยุทธศาสตร์สขุ ภาพดวี ิถีชวี ติ ไทย พ.ศ. 2554–2563 (ตอ่ ) ยทุ ธศาสตร์ 2 การขับเคลือ่ นทางสังคมและสือ่ สารสาธารณ เป้าหมายเชงิ ยุทธศาสตร์ กรอบแผ 2.1 ประชาชนและสังคม รับรู้ เข้าใจ ตระหนักถึง 2-1 การรณรงค์และประชาสัมพันธ์การขับเคลื่อนสังคมและการสื่อสารสาธารณ ภาวะเส่ียง การป้องกันโรค แนวทางการ (การสร้างกระแสสังคม รณรงค์ส่ือสารประเด็นนโยบายสาธารณะและประเ สร้างเสริมสุขภาพ และมีภูมคิ ุ้มกัน เพ่ือ Healthy Lifestyle) เช่น โรควิถีชีวิตป้องกันได้, กินดี ไม่มีพุง, การผลิต ก ลดปัจจัยเสี่ยงเชิงพฤติกรรมที่มีผลกระทบ วัฒนธรรม การบริโภคขนมและอาหารไทย เคร่ืองดืม่ สมุนไพรไทย ที่ลดหวาน ต่อโรควิถีชีวิต ที่เหมาะสมในการดํารงชวี ิตประจําวัน, ความเครียดทําให้ความดันโลหิตสูง, ความเครียด, การดูแลสุขภาพตนเอง, การคัดกรองกลุ่มเส่ียง, การพัฒนาค 2.2 สถาบันภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม บริการเพ่ือลดปัญหาหัวใจ สมอง เท้า ตาบอด ไตวายจากเบาหวาน และความ และภาคประชาชน มีส่วนร่วมและเป็น เครือข่ายในการสร้างวถิ ีชวี ิตเพื่อการมี 2-2 การสร้างและพัฒนาเครือข่ายการส่ือสารแบบมีสว่ นร่วม (การสร้างและ สุขภาพดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ แบบมีส่วนร่วมของชุมชน ท้องถ่ิน ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาค 2-3 การจัดการความร้ใู นการขับเคลื่อนสังคมและการส่ือสารสาธารณะ (การ เช่น ศึกษาวิจัย, แลกเปลี่ยนเรียนรู้, ศูนยข์ ้อมูลข่าวสารด้านปจั จัยเสี่ยงฯ, ก วัฒนธรรมและสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต, การสร้างภูมิคุ้มกันระดับปัจ ดําเนินวิถีชีวิตพอเพียงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสขุ ภาพพอ 2-4 การควบคุมสื่อสาธารณะท่ีสร้างวิถีชีวิตที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ (การควบ วิทยุชมุ ชน อินเทอร์เน็ต ส่ือส่ิงพิมพ์ ท่ีสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติและ

ณะ (Social Mobilization & Public Communication) ผูร้ ับผิดชอบหลักและผู้สนับสนุน ผนงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณะผ่านช่องทางการส่ือสารท่ีหลากหลาย มีประสิทธิภาพอย่างท่ัวถึงต่อเน่ือง สํานักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์ เด็นเฉพาะ และการตลาดเพื่อสร้างสุขภาพดีวิถีชีวิตไทย (Marketing องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย การตลาด และการบรโิ ภคอาหารทถ่ี ูกหลักโภชนาการ, คา่ นิยม ประเพณี สํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค น มัน เคม็ และเพิ่มผักและผลไม้, การออกกําลังกายและกิจกรรมทางกาย สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) , ความโกรธทําให้เป็นโรคหวั ใจ, การจัดการความเสี่ยง อารมณแ์ ละ กระทรวงวัฒนธรรม คุณภาพระบบบริการ เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้เป็นโรค : คุณภาพ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร มดันโลหิตสูง เป็นต้น) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สํานกั งานหลักประกันสขุ ภาพแห่งชาติ ะพัฒนาความร่วมมือด้านการสื่อสารเพ่ือสังคม และเครือข่ายการสื่อสาร กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงแรงงาน คประชาชน และส่ือมวลชน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม กระทรวงการท่องเทยี่ วและกีฬา รจัดการความรู้และพัฒนาช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย กรงุ เทพมหานคร องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ การพัฒนาคุณภาพส่ือและเทคโนโลยีการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์, การสร้าง สถาบนั วิชาชีพ ภาคเอกชน ส่อื มวลชน จเจก, การเลือกบรโิ ภคสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, การ ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน อเพียง เป็นต้น) บคุมส่ือสาธารณะผ่านช่องทางการสื่อสารท่ีหลากหลาย ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ ะค่านิยมในการดําเนินวิถีชีวิตท่ีส่งผลเสียต่อสุขภาพ) 31

ตารางท่ี 2.2 กรอบแผนงานภายใต้กรอบยทุ ธศาสตร์สุขภาพดีวิถีชีวิตไทย พ.ศ. 2554–2563 (ต่อ) ยุทธศาสตร์ 3 การพัฒนาศกั ยภาพ เปา้ หมายเชิงยุทธศาสตร์ กรอบแผ 3.1 ชมุ ชน ท้องถิ่น และองค์กร รับรู้ เขา้ ใจ 3.1.1 การสรา้ งความตระหนักและเสริมสร้างพลังความเขม้ แข็งชุมชนในการจัดก ตระหนัก สามารถดูแลและจัดการเก่ียวกับ (การปรับกระบวนทัศน์ของบุคลากร ผู้นําภาครัฐ เอกชน ชุมชน และประ สุขภาพดีวิถีชีวิตไทยและสุขภาวะ แลกเปล่ียนเรียนรู้ในลักษณะเครือข่ายและการจัดการสนับสนุนรูปแบบนวัตก ทรัพยากร สภาพแวดล้อมของเครือข่ายในระดับชุมชนร่วมกับภาครัฐ ส่วน ประชาชน, การขบั เคลื่อนนโยบาย แผนงาน โครงการ กิจกรรม รวมท้ังการ การสร้างความร่วมมือสนับสนุนกระบวนการแบบบูรณาการในการสร้างสุขภาพ ชุมชน ระบบสวัสดิการชุมชน ระบบทุนชุมชน ระบบธุรกิจชุมชน ระบบอุตส รับผิดชอบต่อสังคม) 3.1.2 บูรณาการบริหารจัดการข้อมูลและข่าวสารชุมชน หมู่บ้าน (การสนับ ชุมชนเพ่ือชุมชน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชุมชนและเครือข่าย) 3.1.3 การพัฒนาและขยายรูปแบบชุมชน ท้องถ่ิน และองค์กร ที่มศี ักยภาพใน เช่น ชุมชนต้นแบบสุขภาพดีวิถีชีวิตไทย ชุมชนต้นกล้าลดเส่ียง การทําบัญชีพ ถนนชุมชนสุขภาพ ต่อยอดชุมชนเกษตรทฤษฎีใหม่/เศรษฐกจิ พอเพียง ควา เป็นต้น การพัฒนากลไกการทํางานและสนับสนุนบูรณาการทรัพยากรแบบ กลุ่มเป้าหมายในแต่ละระดับ สนับสนุนให้มีการกําหนดและใช้มาตรการทางส

พชุมชน (Community Building) ผ้รู ับผิดชอบหลักและผูส้ นบั สนุน กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร ผนงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การปญั หาทางด้านกาย ใจ สังคม ปัญญา/จิตวิญญาณได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ะชาชน, การสนับสนุนกิจกรรมนําร่องเสริมสร้างสุขภาพชุมชน โดยจัดเวที กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงแรงงาน กรรมการลดเสี่ยงลดโรคในชุมชน, การบูรณาการนโยบาย แผน การจัดการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสขุ นกลาง ส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาค สํานกั งานหลกั ประกนั สุขภาพแหง่ ชาติ รพัฒนาโครงสร้าง เครื่องมือ และระบบการนิเทศติดตามประเมินผลที่เน้น สาํ นกั งานคณะกรรมการสขุ ภาพแห่งชาติ พวิถีชีวิตไทยภายในชุมชน การสร้างระบบเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงและสุขภาพ สํานักงานกองทนุ สนับสนุนการสร้างเสริมสขุ ภาพ สาหกรรมชุมชนที่เอ้ือต่อการดําเนินวิถีชวี ิตและธุรกจิ สุขภาพที่พอเพียงและ สํานกั งานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ สถาบนั วิชาชพี ภาคเอกชน ส่ือมวลชน บสนุนข้อมูลและข่าวสารอย่างบูรณาการ, การบูรณาการข้อมูลข่าวสารโดย ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน นการจัดการลดเส่ียงลดโรค (การพัฒนาและขยายรูปแบบในลักษณะต่าง ๆ พลังงาน (Energy Accounting) ชุมชนอ่อนหวาน ชุมชนปลอดความโกรธ ามร่วมมือกับผู้ประกอบการในชุมชน การคัดกรองความเส่ียงระดบั หมู่บ้าน บเครือขา่ ย สนับสนุนการจัดการความรแู้ บบบูรณาการของเครือข่ายและ สังคมและกฎหมายท่ีลดเสี่ยงและสร้างสขุ ภาพ) 32

ตารางที่ 2.2 กรอบแผนงานภายใตก้ รอบยุทธศาสตรส์ ุขภาพดีวิถชี ีวิตไทย พ.ศ. 2554–2563 (ต่อ) ยทุ ธศาสตร์ 4 การพัฒนาระบบเฝ้าระวังและการ เปา้ หมายเชิงยุทธศาสตร์ กรอบแผ 4.1 มีระบบเฝ้าระวังปัจจัยเส่ียงและโรควิถี 4.1.1 การพัฒนาศักยภาพระบบเฝ้าระวังปจั จัยเสี่ยงและโรควิถีชีวิตที่มคี ุณภา ชีวิตที่มีคุณภาพมาตรฐาน โดยการมีส่วน ระบบเครือข่ายการเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงและโรควถิ ีชวี ิตที่มีคุณภาพมาตรฐาน รว่ มจากทุกภาคสว่ น ระบบทะเบียนข้อมูลสุขภาพของโรคเป้าหมาย; ระบบสถิติชีพ; ระบบ Nation รายงานการเฝ้าระวังโรควถิ ีชีวิตที่มีคุณภาพมาตรฐาน : ระบบการส่ือสารแ การเพิ่มศักยภาพบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องให้สามารถเฝ้าระวังโรควิถีชีวิต; การจัดต 4.2 กลุ่มเสี่ยงได้รับการคัดกรองท่ีมีคุณภาพ 4.2.1 การพัฒนาการคดั กรองกลุ่มเสี่ยง (Comprehensive/Composite/T ครอบคลุม และสามารถจัดการได้ด้วย โลหิตสูง ภาวะน้ําตาลและอินซูลินผิดปกติ ความเครียด และอื่น ๆ ท่ีเป็นพฤ ตนเอง ตรวจสอบเบ้ืองต้นอย่างง่าย ทั้งปจั จัยเสี่ยงและโรควถิ ีชวี ิต และเพ่ิมขีดความส 4.2.2 การบริการลดเส่ียงต่อเนื่อง (การพัฒนาแนวคิดและระบบบริการคัดกรอ และสนับสนุนให้กลุ่มเส่ียงสามารถจัดการดูแลลดเส่ียงได้ด้วยตนเอง) 4.3 กลุ่มผู้ป่วยมีระบบและมาตรฐานการ 4.3.1 การพัฒนากระบวนทัศน์และศักยภาพใหม่ของบคุ ลากรสาธารณสุข ( บรหิ ารจัดการโรคและภาวะแทรกซ้อน ต้นแบบดแู ลสุขภาพเรื้อรัง (Chronic Care Model)) และการดแู ลส่งต่อผู้ป่วยโรควิถีชีวิตแบบ 4.3.2 การพัฒนาระบบเฝ้าระวังและดูแลภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วย (เช่น เ บูรณาการเป็นองค์รวม 4.3.3 การพัฒนามาตรฐาน ระบบ และความเข้มแข็งของการจัดการด้านการด แผนไทย การแพทย์ทางเลือก และการแพทย์แผนปจั จุบัน (คู่มือการดแู ลผู้ป (เสริมความเขม้ แข็งจากระบบเดิม), การจัดต้ัง Assessment Center การติด และธํารงรักษาศักยภาพของบุคลากรสุขภาพและเครือข่ายสุขภาพในการคัดก การพัฒนามาตรฐานเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับบริการลดเส่ียงลดโรค 4.3.4 การประสานความร่วมมือในการจัดทําแผนระบบบริการท่ีมีคุณภาพร่วม แบบบูรณาการอย่างครบวงจร, การจัดการผู้ป่วย (Disease Management)

รจัดการโรค (Surveillance & Care System) ผูร้ ับผิดชอบหลักและผสู้ นบั สนุน ผนงาน กระทรวงสาธารณสุข าพมาตรฐานเพ่ือป้องกัน ควบคุมโรค และภัยคุกคามสุขภาพ (การสร้าง สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ : การพัฒนากลไกระบบเครือข่าย; ระบบการสํารวจสุขภาพประชากร; สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ nal Electronic Surveillance System ท่ีมีมาตรฐาน, การพัฒนาระบบ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และรายงานการเฝ้าระวังโรคท่ีเป็นปัจจุบันและมีมาตรฐานสู่กลุ่มเป้าหมาย; กระทรวงกลาโหม สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ต้ัง National Health and Lifestyle Surveillance System Center) กระทรวงแรงงาน (สํานักงานประกันสังคม) Target Screening) (การคัดกรองภาวะนํ้าหนักเกิน/อ้วน ภาวะความดัน กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร ฤติกรรมเส่ียง, การสนับสนุนให้มีการตรวจสขุ ภาพประจําป,ี การพัฒนาชุด องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน สามารถและความครอบคลุมในการคัดกรองกลุ่มเส่ียง) สาํ นกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และ องและลดเส่ียงให้บูรณาการกับระบบบริการสุขภาพท่ีมีอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ สงั คมแหง่ ชาติ สาํ นักงานคณะกรรมการสขุ ภาพ แห่งชาติ สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (แนวคิดการใหค้ วามรแู้ บบบูรณาการ, แนวคิดการจัดการตนเอง, แนวคิด สาํ นักงานสถิตแิ หง่ ชาติ สถานพยาบาลภาครฐั และเอกชน เบาหวาน มีการคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางตา ไต เท้า และอ่ืน ๆ) สถาบนั วชิ าชพี ภาคเอกชน สือ่ มวลชน ดูแลรักษากลุ่มโรควิถีชวี ิตในระดับชาติ โดยผสมผสานภูมิปัญญาการแพทย์ ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ป่วยกลุ่มโรควถิ ีชวี ิตในระดับชาติ, พัฒนาระบบทะเบียนและรายงานโรค ดตามและประเมินผล (Clinical Audit / Clinical Indicator), การพัฒนา กรองภาวะแทรกซ้อนและดูแลรักษาของกลุ่มโรควิถีชีวิตแบบบูรณาการ, ค, การกําหนดมาตรฐานค่าใชจ้ ่ายในการรักษาผู้ป่วยกลุ่มโรควิถีชวี ิต) มกัน (การบูรณาการระบบการจัดการตนเองและระบบการดูแลส่งต่อผู้ป่วย แบบบูรณาการต้ังแต่ระดับชุมชน จงั หวัด จนถึงระดับชาติ) 33

ตารางท่ี 2.2 กรอบแผนงานภายใต้กรอบยุทธศาสตร์สขุ ภาพดีวิถีชวี ติ ไทย พ.ศ. 2554–2563 (ตอ่ ) ยทุ ธศาสตร์ 5 การสร้างความเข้มแข็งของระบ เป้าหมายเชงิ ยุทธศาสตร์ กรอบแผ 5.1 ผู้นําและบคุ ลากรมศี ักยภาพในการบริหาร 5.1.1 การเพ่ิมขีดความสามารถของผู้นําและบุคลากร (การเสริมสร้างศักยภา จดั การและสนับสนุนการดําเนินงานตาม ส่วนภูมิภาค ระดับจังหวัด ระดับพ้ืนท่ี/ท้องถิ่น ระดับองค์กร ระดับบุคคล ยุทธศาสตร์ในทุกระดับ สาธารณสุข เพ่ือรองรับการพัฒนาอย่างเพียงพอ เหมาะสม และเป็นระบ รว่ มกับชุมชน) 5.2 มีองค์ความรู้ที่สามารถนําไปใชใ้ นการ 5.2.1 การจัดการความรแู้ ละวจิ ัยแบบบูรณาการในทุกระดับ (การพัฒนาระ กําหนดนโยบายสาธารณะและการบริหาร ความรู้และวจิ ัยด้านสุขภาพดีวถิ ีชีวิตไทยที่นําไปใชไ้ ด้, การศึกษาวจิ ัยนโยบาย จัดการยุทธศาสตรไ์ ด้อย่างเหมาะสม ผลกระทบทางด้านสุขภาพที่มีนโยบายระดับชาติมาเกี่ยวข้อง, การแลกเปลี่ยน 5.3 มีระบบบริหารจัดการและกลไกการ 5.3.1 การสร้างระบบบริหารจัดการและกลไกการดําเนินงานวิธีใหม่ (การจัด ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ (Work System Model), การพัฒนาระบบบรหิ ารจัดการข้อมูลข่าวสาร (M ยุทธศาสตร์, การสร้างแรงจูงใจให้เกิดผลผลิตตามตวั ช้ีวัดท่ีกําหนดไว้) 5.4 มรี ะบบคุณภาพและการประเมินผล 5.4.1 การพัฒนาระบบเฝ้าระวัง ประเมินผล และพัฒนาคุณภาพอย่างบูรณาก ภาพรวมอย่างบูรณาการ ตามยุทธศาสตร์ร่วม, การพัฒนาระบบข้อมูลและการใช้ประโยชน์ข้อมูลในก พัฒนาระบบคุณภาพเพ่ือการบริหารจัดการอย่างบูรณาการและต่อเนื่อง)

บบสนับสนนุ ยทุ ธศาสตร์ (Capacity Building) ผู้รับผิดชอบหลักและผสู้ นบั สนุน ผนงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร าพผู้นําระดับบริหารและแกนนําระดับปฏิบัติการ : ระดับนโยบายส่วนกลาง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข ล, การพัฒนาหลักสูตร บคุ ลากรสาธารณสุข และการธํารงรักษาบคุ ลากร สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ บบ, การพัฒนาศูนย์ประสานและจัดการความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพองค์กร กระทรวงแรงงาน (สํานักงานประกันสังคม) กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร ะบบต้นแบบดํารงชีวิตไทยเพ่ือการมีสุขภาพดี, การพัฒนาระบบการจัดการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยและยุทธศาสตร์ การบริหารทรัพยากร การบริหารความเส่ียง, การศึกษา สํานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ นความรู้ระหว่างชุมชน ท้องถิ่น ประเทศ) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสขุ ดต้ังศูนย์และสร้างต้นแบบการทํางานร่วมกันอย่างเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ สํานักงานสถิติแห่งชาติ Management Information System), รูปแบบและกลไกการขับเคลื่อน สาํ นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสร้างเสรมิ สุขภาพ สํานักงานคณะกรรมการสขุ ภาพแห่งชาติ การ (การพัฒนากรอบการวางแผนร่วมกันของการประเมินผลการดําเนินงาน สาํ นักงานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ การเฝ้าระวังเชงิ บริหารและการประเมินผลนโยบายและยุทธศาสตร์, การ กระทรวงวฒั นธรรม กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมัน่ คงของมนษุ ย์ สาํ นกั งบประมาณ สาํ นกั งานคณะกรรมการข้าราชการพลเรอื น สาํ นกั งานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สถาบนั วชิ าชีพ ภาคเอกชน ส่อื มวลชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน 34

ภาคท่ี 3 แนวทางการขับเคลอื่ นยุทธศาสตรสุขภาพดวี ิถชี ีวิตไทย จากกรอบยุทธศาสตรส์ ขุ ภาพดวี ถิ ชี วี ติ ไทย จําเปน็ ตอ้ งมีการผลกั ดนั ขบั เคล่ือนสกู่ ารปฏบิ ตั กิ ารใหบ้ งั เกิด ผลสมั ฤทธิ์ตามทไ่ี ดก้ าํ หนดไว้ ผา่ นกระบวนการบรหิ ารจดั การเชงิ ยทุ ธศาสตรแ์ ละกลไกการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ ดว้ ยการมสี ว่ นรว่ มของภาคเี ครือขา่ ยทกุ ภาคสว่ นอยา่ งเปน็ เอกภาพและจรงิ จงั ส่วนที่ 1 แนวทางการบริหารจดั การสู่ความสําเร็จ 1. สร้างเจตจาํ นงคท์ างการเมอื ง ใหก้ ลไกทางการเมอื งทกุ ฝ่ายทกุ ระดบั ตอ้ งใหค้ วามสาํ คญั และความ ร่วมมือในการกําหนดนโยบายและสนบั สนนุ การดาํ เนนิ งาน 2. สร้างจิตสํานึก คา่ นิยม อดุ มการณ์ ความรกั และภาคภมู ใิ จในความเปน็ ไทย ดํารงไว้ซ่ึง ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วฒั นธรรมอนั ดงี ามและภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่นท้ังในระดับบคุ คล ครอบครวั สถาบัน องคก์ ร ทอ้ งถนิ่ ชมุ ชน สงั คม และประเทศ 3. ม่งุ เนน้ ป้องกนั ส่งเสริม ขจดั ปญั หา สร้างศกั ยภาพของประชาชนและชุมชนในระดบั รากหญ้าให้ เขม้ แขง็ มภี มู ิค้มุ กนั สามารถพึ่งตนเองได้อยา่ งยง่ั ยืนบนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งเพื่อสรา้ งวถิ ชี วี ติ พอเพียงทที่ าํ ใหม้ สี ุขภาพดีอยา่ งพอเพยี ง ยกระดบั คณุ ภาพชวี ิต สรา้ งสงั คมทเ่ี ข้มแขง็ สังคมคณุ ธรรม สงั คมที่ เกือ้ กลู ต่อกันและสร้างความมน่ั คงทางเศรษฐกจิ ของประเทศ 4. แสวงหาความรว่ มมอื และเสรมิ สร้างบทบาทการมีสว่ นรว่ มของภาคเี ครอื ขา่ ยทกุ ภาคสว่ นทง้ั ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสงั คมและภาคประชาชนผา่ นกระบวนการบรู ณาการแผนในทกุ รปู แบบและทกุ ระดับสู่การ ปฏบิ ัตกิ ารในลกั ษณะหนุ้ สว่ นและพนั ธมติ รทางดา้ นยุทธศาสตรแ์ ละการพฒั นาในทกุ ประเดน็ และทุกขน้ั ตอนอย่าง เป็นเอกภาพ เขม้ แขง็ และยง่ั ยืน 5. จดั โครงสร้างองค์กร/กลไกการขบั เคลอ่ื นในทกุ ระดับต้งั แตร่ ะดับชาติ จังหวัด อาํ เภอ/ก่ิงอําเภอ ตาํ บล หมู่บ้าน/ชมุ ชน เพื่อเปน็ แกนนาํ รบั ผดิ ชอบดําเนนิ การในลกั ษณะการบูรณาการทง้ั แนวคดิ แนวนโยบาย แผนงาน งบประมาณ ทรัพยากร การปฏิบตั ิการและกําหนดเปน็ ตวั ชว้ี ดั ในการพัฒนาและการตดิ ตามประเมนิ ผล เพือ่ ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายรว่ มกนั 6. ให้ทุกสว่ นราชการ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ รฐั วสิ าหกิจทุกระดบั ต้องใหค้ วามสาํ คญั มสี ว่ น ร่วมรับผดิ ชอบจดั ให้มรี ะบบบรหิ ารจัดการสนับสนุนดาํ เนินการทมี่ งุ่ ผลสมั ฤทธ์ิอยา่ งจรงิ จงั และตอ่ เนอื่ ง เพ่ือให้ บงั เกดิ ผลในทางปฏิบตั ิทเ่ี ปน็ รปู ธรรม ตอบสนองต่อนโยบายและยุทธศาสตร์ทไี่ ดก้ ําหนดไว้

36 สว่ นท่ี 2 กลไกการขบั เคล่ือนยุทธศาสตร์สุขภาพดีวถิ ีชวี ิตไทย ได้กาํ หนดกลไกการขับเคลื่อนระดบั นโยบายและระดบั บริหารในระดบั ชาติ ประกอบดว้ ย คณะกรรมการ 2 คณะ คือ 1. คณะกรรมการอาํ นวยการยทุ ธศาสตรส์ ุขภาพดวี ถิ ีชีวติ ไทย มีองคป์ ระกอบดงั น้ี ประธาน : นายกรฐั มนตรี รองประธาน : รองนายกรฐั มนตรี ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย กรรมการ : ผ้บู รหิ ารภาครฐั องคก์ รอสิ ระ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ องคก์ รระหวา่ ง ประเทศ สถาบนั วิชาชพี ภาคเอกชน ส่อื มวลชน ภาคประชาสงั คม เลขานกุ าร : ปลดั กระทรวงสาธารณสุข เลขาธิการคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ อธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลัยมหดิ ล 2. คณะกรรมการบรหิ ารยทุ ธศาสตรส์ ุขภาพดวี ิถีชวี ิตไทย มีองค์ประกอบดงั น้ี ทป่ี รึกษา : ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ประธาน : รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงสาธารณสขุ รองประธาน : รัฐมนตรีชว่ ยวา่ การกระทรวงสาธารณสุข ปลดั กระทรวงสาธารณสขุ กรรมการ : ผบู้ รหิ ารภาครฐั รฐั วสิ าหกจิ องคก์ รอสิ ระ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ สถาบนั วิชาชพี ภาคเอกชน ส่ือมวลชน ภาคประชาสงั คม ภาคประชาชน เลขานกุ าร : รองปลัดกระทรวงสาธารณสขุ ทไี่ ด้รับมอบหมาย รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ที่ได้รับมอบหมาย ผ้อู ํานวยการสถาบนั โภชนาการ มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล ทงั้ น้ี คณะกรรมการดงั กลา่ วข้างตน้ ทง้ั 2 คณะ มีบทบาทในการขบั เคลือ่ นยุทธศาสตรส์ ุขภาพดวี ิถีชวี ติ ไทยสู่การปฏบิ ตั กิ ารในระดับชาติ ให้บงั เกิดผลสัมฤทธอิ์ ยา่ งจรงิ จงั และยงั่ ยนื (ดูรายละเอียดภาคผนวก 3)

ภาคผนวก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook