คุรนุ พิ นธ์ Individual Development Plan: ID Plan ธญั พิชชา วงษแ์ พทย์ Thanphitcha wongpaet 62128101013 คุรนุ ิพนธฉ์ บบั นเี้ ป็นสว่ นหนงึ่ ของการศกึ ษาตามหลกั สูตรปริญญาครุศาสตรบัณฑติ สาขาวชิ าภาษาไทย คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ ปีการศึกษา 2565
คุรนุ พิ นธ์ Individual Development Plan: ID Plan ธญั พิชชา วงษแ์ พทย์ Thanphitcha wongpaet 62128101013 คุรนุ ิพนธฉ์ บบั นเี้ ป็นสว่ นหนงึ่ ของการศกึ ษาตามหลกั สูตรปริญญาครุศาสตรบัณฑติ สาขาวชิ าภาษาไทย คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ ปีการศึกษา 2565
ก บทสรุปผลการพฒั นาคณุ ลกั ษณะความเปน็ ครู การที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ในรั้วมหาวิทยาลัยตั้งปี 2562 – 2565 ตลอดระยะเวลา 4 ปี ใน มหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ข้าพเจ้าได้ศึกษาหาความรู้ต่าง ๆ มากมาย เพื่อนำไปพัฒนาตนเองในการเป็นครูที่ดีในอนาคต จุดเริ่มต้นของการพัฒนาตนเองคือการได้ไปสังเกต การสอนในสถานศกึ ษา จากน้ันเริ่มสังเกตและวิเคราะหเ์ ดก็ สังเกตวธิ ีการสอนและการควบคุมชัน้ เรียน จากครูในหมวดภาษาไทย รวมไปถึงการใช้สื่อการสอนและกิจกรรมในชั้นเรียน เพื่อนำมาปรับใช้ให้ เป็นแนวทางในการฝึกสอนในสถานศึกษา ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ทุกด้าน รวมถึงเมื่อปฏิบัตกิ ารสอน ข้าพเจ้าพร้อมพัฒนาตนเองและเตรียมความ พร้อมในการ สอนทุกครั้ง เพื่อพัฒนานักเรียนอย่างแท้จริง และปฏิบัติตามคุณลักษณะความเป็นครู 5 ด้าน ไดแ้ ก่ ครูผ้สู รา้ งสรรคก์ ารเรียนรู้ของตนเอง ทำใหท้ ราบและไดร้ บั แนวทาง ในการเป็นครนู อกจากครู จะเป็น ผู้สอนในห้องเรียนอย่างเดียวคงจะไม่สามารถทำให้นักเรียนได้รับความรู้อย่างเต็มที่ ครูผู้สอน จะต้อง เป็นครูสร้างสรรค์การเรียนรู้ในยุคปัจจุบันในการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 ครู จะต้องเน้น ให้ผู้เรียนสร้างความรู้ใหม่ และสิ่งประดิษฐ์ใหม่โดยการใช้กระบวนการทางปัญญา และส่ิง ที่ได้รับในการไปฝึกสอนคือได้ปรับประสบการณ์ดี ๆ ที่ครูในหมวดได้มอบให้ ไม่ว่าจะเป็นการได้เป็น พิธีกร การได้เป็นครูที่ปรึกษา การได้ประจำชั้นร่วมอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้รับนั้น สามารถ นำไปเป็นแนวทางในการดำเนนิ ชวี ิตเปน็ ครใู นอนาคตขา้ งหน้าไดอ้ ย่างดแี ละมปี ระสทิ ธภิ าพ ครูนักวิจัยข้าพเจ้าได้สร้างวิจัยในชั้นเรียนขึ้น เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน อีกทั้ง ข้าพเจ้าต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันอีกทั้งข้าพเจ้าควรศึกษา ข้อมลู ในงานวิจยั ตา่ ง ๆ เพ่มิ เตมิ ไม่ว่าจะเปน็ งานวิจัยในประเทศและตา่ งประเทศ เพื่อให้ได้แนวคดิ ใหม่ ๆ ในการนำมาพัฒนาการเรียนการสอนและนำมาปรับใช้จัดการเรียนการสอนอีกทั้งยังต้องแสวงหา ความรู้ให้การนำความรู้มาพัฒนาสื่อนวัตกรรมการสอน ให้นักเรียนนั้นได้เรียนรู้ได้อย่างเต็มที่และมี ประสิทธิภาพ ครูนักพัฒนาชุมชน การพัฒนาชุมชนนั้นข้าพเจ้าต้องศึกษาความรู้เกี่ยวกับการนำการศึกษา นั้นไปเชื่อมโยงกับชุมชน นเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจบริบทของชุมชน และจะจัดท าเนื้อหาสาระ บทเรียน และหลักสูตรเพื่อใช้สอนนักเรียน ในการเอาชุมชนเข้ามาอยู่ในห้องเรียน เสริมสร้างกิจกรรม
ข เสริมหลักสูตรโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น จริยธรรมประเพณี และวัฒนธรรมของชุมชนนั้น ๆ มาเรียนรู้ หรือจัดทำแหลง่ การเรยี นรขู้ องชุมชน ครูดี ข้าพเจ้าได้เห็นแนวทางในการนำไปปรับใช้และพฒั นาตนเองก็คือ ครูที่ดีควรรับฟังความ คิดเห็นของนักเรียนอย่างจริงใจ เพื่อให้นักเรียนรู้สึกปลอดภัยที่จะพูดความรู้สึกของตัวเอง ใน ขณะเดียวกันก็เป็นการสอนให้เด็กๆ รู้จักฟังความเห็นของคนอื่นด้วย ครูเช่นนี้จะสร้างบรรยากาศน่า เรยี นรู้ใหก้ บั ห้องเรยี น ครูทีด่ จี ะเปดิ กวา้ งกบั ทุกคน ไม่ว่าจะเปน็ นกั เรียนหรอื เพือ่ นร่วมงาน ครูเช่นน้ีจะ เป็นคนที่นักเรียนรู้ว่าสามารถมาหาได้เมื่อพวกเขามีปัญหา หรือแม้แต่จะมาเล่าเรื่องตลกให้ฟังเฉยๆ ก็ ตาม พวกเขาจะเป็นผู้ฟงั ทีด่ ี และสามารถสละเวลาอันยุ่งเหยงิ มาให้คนที่กำลังเดือดร้อนได้เสมอ ถ้าครู มีปัญหาส่วนตัว นักเรียนจะดูไม่ออกเลย เพราะครูเหล่านี้จะเก็บปัญหาส่วนตัวไว้นอกโรงเรียนเสมอ นอกจากรักที่จะเรียนรู้แล้ว ยังนำความรักในการศึกษารวมเข้ากับสื่อการสอน มาสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับนักเรียน ครูจะต้องเป็นนักเดินทางสายอาชีพนี้ ที่คอยแสวงหาความรู้ใหม่ๆ และเสาะหาสิ่งที่ดี ที่สุดให้กับนักเรียนเสมอ ครูคนนี้จะต้องกล้าที่จะเรียนรู้เทคนิคการสอนใหม่ๆ หรือนำเทคโนโลยีท่ี ทนั สมยั มาใช้ในห้องเรียน และเป็นผู้แบง่ ปันความร้ใู หมๆ่ ใหก้ บั เพ่ือนร่วมงานเสมอ ครูผู้หมั่นเพียรเรียนรู้พัฒนา การพัฒนาตนเองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับครู และการเป็น แบบอย่างที่ดีนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเรียน ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นครูจะต้องมีควบคู่กันไป ต้องหม่ัน ฝึกฝนตนเองบ่อยๆ หมั่นทำหมั่นคิดหมั่นเขียนหมั่นนำเสนอและอย่าขี้เกียจ อย่ากลัวความผิดพลาด และจงกล้าแสดงออกซึ่งความรบั ผิดชอบต่อความล้มเหลวของตัวเอง อย่าท้อต่องานหนักและงานมาก ใหค้ ิดวา่ ทำมากรูม้ ากเก่งมากข้นึ อยา่ บน่ ว่าไม่มเี วลาเพราะเวลามีเท่ากนั ทกุ คน จากท้งั หมดทก่ี ลา่ วมานั้น ข้าพเจ้าเพยี รพยายามในตลอดระยะเวลา 4 ปี เพือ่ ตนเองจะได้เปน็ ครูที่ดี เป็นต้นแบบที่ดีแก่นักเรียน อีกทั้งยังต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาสื่อการสอน สร้างสรรค์สื่อการสอนที่ดี ในการเรียนในครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยองกรณ์ในพระบรม ราชูปถัมภ์ และได้ฝึกสอนในสถานศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาลเมืองปทุมธานีนั้น ส่งผลให้ ข้าพเจ้ามีความรับผิดชอบตนเองมากขึ้น ทำงานที่ได้รับมอบหมายของตนเองอย่างเต็มที่ตลอด 4 ปี การศึกษาปีที่ได้รับ และข้าพเจ้าเชื่อว่าในอนาคตข้าพเจ้าจะได้เป็นครูที่ดี เป็นครูที่พัฒนาตนเองแล้ว เพ่อื ใหเ้ กดิ ประโยชน์ในอนาคตในภายหน้า
ค กิตตกิ รรมประกาศ ครุนิพนธ์ฉบับน้ีสำเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณา และความช่วยเหลือเป็นอย่างดี จากผู้ช่วย ศาสตราจารย์ชยพล ใจสูงเนิน อาจารย์ที่ปรึกษาการจัดทำครุนิพนธ์ ซึ่งได้ให้คำแนะนำ และแนวทาง ในการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ในงานครุนิพนธ์ด้วยความเอาใจใส่อย่างดียิ่งมาโดยตลอด ผูจ้ ดั ทำขอกราบ ขอบพระคณุ ท่านอาจารยเ์ ปน็ อยา่ งสงู ไว้ ณ ทน่ี ขอขอบพระคุณคณาจารย์ในสาขาวิชาภาษาไทย ที่คอยให้คำแนะนำ ถ่ายทอดวิชาความรู้ ให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อนำความรู้ไปปรับใช้และพัฒนาตนเอง คอยชี้แนะแนวทางการศึกษา รวมถึงการ ปฏิบัติตนใหเ้ หมาะสมในสถานศึกษา ขอขอบพระคุณ นางมาลัย พิมพ์อ่อน ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาลเมือง ปทมุ ธานี ที่คอยใหค้ ำแนะนำ และแนวทางในการปฏบิ ัติตนในสถานศกึ ษาเปน็ อย่างดี ขอขอบพระคุณนายธิตินันท์ ประสงค์เจริญและนายอาทิตย์รุ้งรุ่งเรือง ครูพี่เลี้ยงและครูร่วมท่ี ปรึกษาในการฝึกประสบการณ์การสอนในสถานศึกษา ที่ให้คำแนะนำ และคอยชี้แนะแนวทางใน การศกึ ษา อีกทง้ั ดแู ลตลอดการฝึกสอนให้สามารถปฏบิ ตั ิการสอนได้สำเร็จลลุ ว่ งไปได้ด้วยดี ขอขอบพระคุณบิดา มารดา สำหรบั กำลงั ใจและความหวังดที ่มี ีตอ่ ข้าพเจ้าเสมอมา คุณค่าและประโยชน์อันเกิดจากครุนิพนธ์ฉบับนี้ ขอมอบแด่บิดา มารดา ครู อาจารย์ ตลอดจนผูม้ ีพระคุณทุกท่านทีม่ ีสว่ นสนบั สนนุ ทำให้ครุนิพนธ์ฉบับน้ีสำเรจ็ ไดด้ ว้ ยดี นางสาวธัญพิชชา วงษ์แพทย์ 9 มนี าคม 2566
ง สารบญั หนา้ บทสรปุ ผลการพัฒนาคุณลกั ษณะความเป็นครู................................................................................. (ก) กติ ติกรรมประกาศ............................................................................................................................ (ค) สารบญั .............................................................................................................................................. (ง) สารบัญภาพ...................................................................................................................................... (ฉ) บทนำ................................................................................................................................................ (ซ) บทท่ี 1 ครูผู้สร้างสรรค์การเรยี นรู.้ .................................................................................................... 1 1.1 ความสำคญั ของการเป็นครผู ูส้ ร้างสรรคก์ ารเรยี นรู้....................................................... 1 1.2 แนวคิดท่เี กย่ี วขอ้ ง........................................................................................................ 1 1.3 ผลการสะทอ้ นคดิ ท่เี กดิ ขน้ึ .......................................................................................... 6 1.4 บทสรปุ ......................................................................................................................... 14 1.5 แนวทางในการพัฒนาปรบั ปรุงการเป็นครผู ูส้ รา้ งสรรค์การเรยี นร้ขู องตนเอง............... 14 1.6 การนำไปใชใ้ นการประกอบอาชีพในอนาคต................................................................. 14 1.7 ข้อเสนอแนะแกผ่ ทู้ ่ีสนใจ............................................................................................... 15 บทที่ 2 ครนู ักวิจยั ............................................................................................................................. 16 2.1 ความสำคัญของการเป็นครูนกั วิจัย............................................................................... 16 2.2 แนวคิดท่ีเกีย่ วข้อง........................................................................................................ 18 2.3 ผลการสะท้อนคดิ ทเ่ี กิดขน้ึ ............................................................................................ 22 2.4 บทสรุป......................................................................................................................... 25 2.5 แนวทางในการพัฒนาปรับปรุงการเปน็ ครผู นู้ กั วิจัยของตนเอง..................................... 26 2.6 การนำไปใชใ้ นการประกอบอาชพี ในอนาคต................................................................. 26 2.7 ขอ้ เสนอแนะแกผ่ ทู้ ีส่ นใจ............................................................................................... 26 บทที่ 3 ครนู กั พัฒนาชุมชน .............................................................................................................. 27 3.1 ความสำคญั ของการเป็นครูนกั พัฒนาชมุ ชน ................................................................ 27 3.2 แนวคิดทเ่ี ก่ียวขอ้ ง........................................................................................................ 28 3.3 ผลการสะทอ้ นคิดทเี่ กดิ ข้นึ .......................................................................................... 32 3.4 บทสรุป......................................................................................................................... 36 3.5 แนวทางในการพัฒนาปรบั ปรุงการเป็นครูนักพฒั นาชุมชน............................................36 3.6 การนำไปใช้ในการประกอบอาชพี ในอนาคต................................................................. 37 3.7 ข้อเสนอแนะแกผ่ ้ทู ส่ี นใจ............................................................................................... 37
จ สารบญั (ต่อ) หนา้ บทท่ี 4 ครดู ี...................................................................................................................................... 38 4.1 ความสำคัญของการเป็นครูทด่ี ี...................................................................................... 38 4.2 แนวคดิ ท่ีเกี่ยวข้อง........................................................................................................ 39 4.3 ผลการสะทอ้ นคดิ ที่เกดิ ข้นึ .......................................................................................... 44 4.4 บทสรปุ ......................................................................................................................... 48 4.5 แนวทางในการพัฒนาปรบั ปรุงการเปน็ ครูท่ีดี............................................................... 48 4.6 การนำไปใช้ในการประกอบอาชพี ในอนาคต................................................................. 48 4.7 ข้อเสนอแนะแก่ผูท้ ่สี นใจ............................................................................................... 49 บทที่ 5 ครผู ูห้ มน่ั เพยี รเรียนรพู้ ฒั นาตนเอง....................................................................................... 50 5.1 ความสำคัญของการเป็นครูผหู้ มนั่ เพยี รเรียนรพู้ ัฒนาตนเอง......................................... 50 5.2 แนวคดิ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง........................................................................................................ 50 5.3 ผลการสะท้อนคดิ ทีเ่ กดิ ข้นึ .......................................................................................... 57 5.4 บทสรปุ ......................................................................................................................... 60 5.5 แนวทางในการพฒั นาปรบั ปรงุ การเป็นครผู ู้หมั่นเพยี รเรยี นรู้พัฒนาตนเอง ................. 60 5.6 การนำไปใช้ในการประกอบอาชพี ในอนาคต................................................................. 61 5.7 ข้อเสนอแนะแกผ่ ู้ท่ีสนใจ............................................................................................... 61 บรรณานุกรม..................................................................................................................................... 62 ประวัตผิ เู้ ขียน.................................................................................................................................... 65
ฉ สารบญั ภาพ ภาพท่ี หน้า 1. ภาพที่ 1.1 เกม Wordwall เร่ืองใจความสำคัญ…………………………..……………………………. 7 2. ภาพท่ี 1.2 กจิ กรรมแตง่ กายตามตวั ละครในวรรณคดี…………………………..……………………. 7 3. ภาพท่ี 1.3 สื่อการสอน บงิ โกมาตราตวั สะกด………………………….…….………….………………. 8 4. ภาพที่ 1.4 การวดั และประเมินผล…………………………...…………………………….………….……. 9 5. ภาพท่ี 1.5 โครงงาน คำทับศพั ทใ์ นหมวดโซเชยี ลมีเดยี ท่ีมักเขียนผดิ ……………………………. 10 6. ภาพที่ 1.6 กิจกรรมตามหาสมาชิก………………………………………………………...…………….…. 11 7. ภาพท่ี 1.7 แผนการจัดการเรียนรู้……………………………………..…………………...…………….…. 12 8. ภาพที่ 1.8 สื่อการเรียนรูก้ าพย์พระไชยสุริยา ………………………….…...………….……..….……. 13 9. ภาพท่ี 1.9 การดำเนนิ การสอน…………………………………….………………………...………………. 13 10. ภาพที่ 2.1 กิจกรรม wordwall ………………………………….………………………...………………. 24 11. ภาพที่ 2.2 ชดุ การสอนทักษะการเขียนเรยี งความ………………………….…...………….……..…. 25 12. ภาพที่ 2.3 บทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน เรอื่ งนริ าศภเู ขาทอง……………………………..……. 25 13. ภาพท่ี 3.1 กจิ กรรมแห่เทียนเข้าพรรษา………………………………….………….…...………………. 32 14. ภาพที่ 3.2 กิจกรรมตกั บาตรข้าวสารอาหารแห้ง ………………………….…....………….……..…. 33 15. ภาพที่ 3.3 กจิ กรรมมทุ ติ าจิต…………………………...…………………………….………..……….……. 33 16. ภาพที่ 3.4 อบรมให้ความรู้ตน้ ภัยยาเสพติดกับนกั เรยี น………………….…....………….……..…. 34 17. ภาพที่ 3.5 สอนการแปรงฟนั ทถ่ี กู วธิ ี………………………………….…………………...………………. 34 18. ภาพที่ 3.6 ท่ีปรึกษาในการทำโครงงาน.………….………………….…………………...………………. 35 19. ภาพท่ี 3.7 ทำความสะอาดหอ้ งเรยี น………….………………….…………..…………...………………. 36 20. ภาพที่ 4.1 กจิ กรรมมทุ ติ าจติ ………….………………….…………..……………………...………………. 45 21. ภาพท่ี 4.2 ฝกึ นักเรยี นเขยี นการเล่าเร่ือง………….………………….…………..……...………………. 46 22. ภาพที่ 4.3 กิจกรรมวันไหว้ครู………….…………..…….…………..……………………...………………. 46 23. ภาพท่ี 4.4 กิจกรรมโฮมรมู ชนั้ เรียน ………….………………….…………..…………...………………. 47 24. ภาพที่ 4.5 ทป่ี รกึ ษาการแข่งขันโครงงานระดับวชิ าการ………………….…....………….……..…. 47 25. ภาพท่ี 5.1 ทดสอบความรปู้ ระจำวนั ภาษาไทยแห่งชาต…ิ ……………….…....………….……..…. 57 26. ภาพท่ี 5.2 เข้าอบรมแนวทางการจัดการเรียนการสอน………………….…....………….……..…. 58 27. ภาพที่ 5.3 เขา้ ร่วมอบรมโครงการพัฒนาหลักสตู รและกระบวนการผลติ ครู……….……..…. 59
ช สารบญั ภาพ (ตอ่ ) หน้า 28. ภาพท่ี 5.4 ฝึกซอ้ มการแสดงในวนั ภาษาไทย……………………………………………………………...59 29. ภาพที่ 5.5 พิธกี รดำเนินงานวันภาษาไทยแหง่ ชาติ ประจำปี 2565………………………………..59 30. ภาพที่ 5.6 พิธกี รดำเนนิ งานวันสุนทรภู่ประจำปี 2565………………………………………………..60
ซ บทนำ การเป็นครูนั้นสำคัญเพียงใดต่อคนหนึ่งคน เรื่องราวของนักศึกษาคนหนึ่งที่ได้หมั่นเพียร พยายามในการเป็นครู ในชว่ งจบระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ข้าพเจา้ มีใจมงุ่ ม่ันในการเป็นครู จึงได้เดน ทางมาสอบสัมภาษณ์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ซึ่งเป็นข่าวที่น่ายินดี เนื่องจากสอบติดสัมภาษณ์และได้รับโอกาสในการได้เข้ารับการศึกษาในสาขาวิชาภาษาไทย และนี่ก็ คือจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในการเปน็ ครขู องข้าพเจา้ ในชว่ งการศึกษาเลา่ เรียนในร้วั มหาวทิ ยาลัยนนั้ ข้าพเจา้ ได้ศึกษาเล่าเรียน รวมทั้งทำกิจกรรมเพ่ือพัฒนาศักยภาพของตนเองไปด้วย ในช่วงของการเป็น นักศึกษาปีที่ 1 นั้น ข้าพเจ้าพบกับความใหม่ในการเรียนการสอน เป็นการเรียนที่แตกต่างจากระดับ มัธยม ทำให้ข้าพเจ้านั้นปรับตัวยาก อีกทั้งยังมีการทำกิจกรรมเจ้ามาแทรกด้วย เป็นปีแรกที่ข้าพเจ้า ได้รับโอกาสไปสังเกตการสอนในสถานศึกษาครั้งแรก ข้าพเจ้าได้ศึกษาวิธีการสอน และการควบคุม ของครูในหมวด เพื่อนำไปปรับใช้ในการฝึกสอนในสถานศึกษา แต่ทั้งนี้ก็ทำให้ข้าพเจ้านั้นได้รับความรู้ อะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยได้ นั้นก็คือการทำงานให้ดีและมีคุณภาพนั้นเอง ในการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ข้าพเจ้ามีความรู้เพิ่มขึ้น มุ่งที่จะพัฒนาตนเอง ซึ่งกิจกรรมที่ได้ทำนั้น ส่งเสริมศักยภาพของข้าพเจ้า อย่างดี ทำให้ข้าพเจ้าได้กล้าแสดงออกมาขึ้นนั้นเอง ในช่วงของการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 เป็น ชว่ งเวลาท่ียากลำบากสำหรับใครหลาย ๆ คนเนอื่ งจากมสี ถานการณ์ Covid-19 สง่ ผลใหก้ ารเรียนการ สอนในช่วงนั้นต้องอยู่ในรูปแบบออนไลน์ เป็นการเรียนรูปแบบใหม่ ซึ่งการเรียนในช่วงออนไลน์ในนน้ั ทำให้ขา้ พเจ้าได้พบเทคนิคการสอนแบบใหม่ ๆ กิจกรรมเกมออนไลน์แบบใหม่ ๆ ทำข้าพเจ้าได้พัฒนา ตนเองไปอกี ขนั้ และในช่วงของการฝกึ สอนในสถานศึกษาช้นั ปที ี่ 4 นน้ั เป็นจดุ เร่มิ ต้นเล็ก ๆ ท่ขี า้ พเจ้า จะนำความรู้ความสามารถต่าง ๆ มาปรับใช้ในการเรียนการสอน ข้าพเจ้าได้สอนในระดับช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 1 เด็กในวัยนี้นั้นเป็นเด็กที่มีความซน อยากรู้อยากลองสิ่งใหม่ ๆ การที่ข้าพเจ้านำ กิจกรรมหรือส่ือใหม่ ๆ มาปรบั ใช้ในการสอนนั้น ทำใหบ้ รรยากาศในหอ้ งเรียนสนกุ ซ่งึ ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ข้าพเจ้าได้ร่ำเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยนั้น ส่งผลให้ข้าพเจ้าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบในหน้าที่สูง ข้าพเจ้าเชื่อว่า ข้าพเจ้าได้ ปฏิบัติตนตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของความเป็นครูอย่างเรียบร้อย เป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียน และข้าพเจ้าเชื่อว่าความรู้ที่ข้าพเจ้าได้รับจากมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลย อลงกรณ์ฯ และประสบการณ์ที่ได้รับจากโรงเรยี นมัธยมศกึ ษาเทศบาลเมืองปทุมธานี ข้าพเจ้าจะไม่ลมื และจะนำไปปรบั ใช้ในอนาคตให้เกดิ ประโยชน์สงู สดุ คุรุนิพนธ์ของ นางสาวธัญพิชชา วงษ์แพทย์ ฉบับนี้ได้เขียนบันทึกคุณลักษณะของความเป็น ครขู อง ข้าพเจา้ การดำเนนิ งานตั้งแต่ปีการศกึ ษา 2562 จนกระท้ังจบปีการศกึ ษา 256
1 บทท่ี 1 ครผู ู้สร้างสรรค์การเรยี นรู้ วัยเด็กเป็นวัยที่สำคัญต่อการสรรหาสิ่งดี ๆ มามอบให้แก่พวกเขา เนื่องจากเป็นวัยที่มีการ พัฒนาการท้ังรา่ งกายและจติ ใจ การจดั การเรยี นรู้ในวัยน้จี งึ เปน็ ส่ิงท่สี ำคัญ โดยครจู ำเป็นตอ้ งออกแบบ การเรยี นการสอนใหเ้ หมาะสมและสอดคล้องกบั ชว่ งวัย รวมไปถึงตอ้ งคำนงึ ถึงมาตรฐานการศึกษาของ ชาติ เพ่อื ใหเ้ กิดประสิทธภิ าพในการเรียนการสอนอย่างดแี ละมปี ระสทิ ธิภาพ การสรา้ งสรรคบ์ ทเรียนที่ ดี จงึ จำเป็นอย่างยงิ่ ตอ่ พฒั นาการของเดก็ นัน้ เอง 1.1 ความสำคญั ของการเปน็ ครผู สู้ รา้ งสรรค์การเรยี นรู้ ครู คือปัจจัยสำคัญในการจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพ สามารถพัฒนาศักยภาพผู้เรียน ให้เติบโตขึ้นเป็นคนที่สมบูรณ์ มีความรู้และทักษะที่ทำให้เด็ก ๆ สามารถพึ่งพาตนเองได้ และสามารถ สรา้ งสรรค์สงั คมใหด้ ขี ึน้ ดว้ ย 1.2 แนวคดิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ความเปน็ ครู จากการสืบค้นแนวคิดในหัวข้อ ความเป็นครู พบผู้ใหค้ วามหมายไว้ดังนี้ ยนต์(2550 : 35) เราควรทำความเข้าใจในเบื้องต้นว่า “ทุกคนเกิดมาต้องมีครู” และ “ทุกคนต้องเป็นครู” ครูคน แรกของทุกคน คือ บิดา มารดา ในกรณีที่บุคคลใดเกิดมาแล้วไม่ได้พบหน้าบิดา มารดา ก็ให้ถือว่าผู้ อุปการะเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดนั้นเป็นครูคนแรกของตน ส่วนที่กล่าวว่า “ทุกคนต้องเป็นครู” นั้น เพราะ ทุกคนสามารถสามารถสอนตนเองได้ทุกขณะที่มีสติสัมปชัญญะ เช่น เตือนให้ตัวเองระมัดระวังขณะ เดินทางไปทำงานหรือไปศึกษาเล่าเรียน เตือนให้ตนเองรู้จักประหยัดในการใช้จ่ายเงิน หรือการให้คะ แนะนำบุคคลอื่นในการกระทำบางสิ่งบางอย่าง เป็นต้น เมื่อนักศึกษาเข้าใจแล้วว่า “ทุกคคนเกิดมา ต้องมีครู และทุกคนต้องเป็นครู” ดังนั้นต่อจากนี้ไปผู้เขียนจะได้อธิบายความหมายของคำว่า “ครู” เป็นพื้นฐานเพื่อให้เกิดความเข้าใจยิ่งขึ้นของผู้ประกอบวิชาชีพครูและที่กำลังจะเข้าสู่วิชาชีพครูใน โอกาสต่อไป จากแนวคิดดังกล่าวสามารถสรุปได้วา่ แนวคดิ เรื่อง ความเป็นครู หมายถึง ใครที่สอนเรา ไดน้ ้นั เขาเสมือนครขู องเรานัน้ เอง คณุ ลกั ษณะทีด่ ีของครู เครื่องหมายหรือสิ่งที่ชี้ให้เห็นความดี หรือลักษณะที่ดีของครูและเป็นลักษณะที่ ต้องการของสังคม ลักษณะครู ที่ดี ควรมีความรักและความเมตตาต่อศิษย์ มีความเสียสละ หมั่นเพียร ศึกษา ปรับปรุงวิธีการสอน เพื่อพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ต้องมีความเข้าใจและเอาใจใส่ตัวศิษย์ทุกคน
2 เป็นกำลังใจและช่วยสร้างแรงบัลดาลใจให้กับศิษย์เพื่อให้เขาเป็นคนใฝ่เรียนรู้ เป็นแบบอย่างที่ดีมี จรรยาบรรณในวิชาชีพครูมีจิตวิญญาณของความเป็นครู สามารถถ่ายทอดความรู้ได้เป็นอย่างดี มี วิธีการสอนที่หลากหลาย มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความยุติธรรม ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน รวมถึงยอมรบั และเขา้ ใจความแตกตา่ งของเดก็ แตล่ ะคนด้วย ความคิดสรา้ งสรรค์ ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก ความเจริญรุ่งเรือง และสิ่งแปลกใหม่ ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ ล้วนเกิดจากความคิดที่แตกต่างจากผู้คนทั่วไป เกิดจากฝันและจินตนาการของผู้ กล้าที่ไม่กลัวความต่าง ด้วยความสำคัญดังกล่าวความคิดสร้างสรรค์จึงถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรตั้งแต่ อดีตจนถงึ ปจั จบุ นั และถกู บรรจุในหลักสตู รของทุกระดบั การปลุกความคิดสร้างสรรค์ของครูเปน็ ส่ิงที่ มีความสำคัญมาก สิ่งแปลกใหมท่ ่ีเกิดขึน้ ในโลกใบนี้ ล้วนเกิดจากความคิดสร้างสรรค์และแตกตา่ งจาก ผู้คนทั่วไป เกิดจากฝันและจินตนาการของผู้กล้าที่ไม่กลัวความต่าง ด้วยความสำคัญดังกล่าวความคิด สร้างสรรคจ์ ึงถกู บรรจุไว้ในหลักสตู รตงั้ แตอ่ ดตี จนถงึ ปัจจุบัน และถกู บรรจใุ นหลักสูตรของทุกระดบั จากการสบื แนวคิดเร่ือง ความคิดสร้างสรรค์ จากงานวจิ ยั ทเ่ี กี่ยวข้องกับความคดิ สรา้ งสรรค์ พบว่า มี ผเู้ ช่ียวชาญ ใหค้ วามหมายของความคดิ สรา้ งสรรค์ ที่แตกต่างกนั และคล้ายคลงึ กัน จำนวน มาก ดงั น้ี ทวีป อภิสิทธิ์(2559: 5)ได้ให้ความหมายของความคิดสร้างสรรค์ ว่าความคิดสร้างสรรค์เป็น พฤติกรรมทางการคิดและการกระทำ ของมนุษย์ ที่มีสิ่งเร้า กระตุ้นเร้าให้เกิดความคิดที่หลากหลาย มองเห็นความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ และหรือ สามารถคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ หรือดัดแปลงใหม่เกิดวิธีการ ใหมๆ่ ผลผลิตใหมๆ่ เกดิ ขน้ึ ซ่งึ สิง่ ที่เกดิ นน้ั เกี่ยวขอ้ งกบั ความคดิ ใหมๆ่ ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ (2556: 207) ได้ให้ความหมาย ของความคิดสร้างสรรค์ว่าเป็น ความสามารถ ที่จะรวบรวมความรู้ ความคดิ ท่มี อี ย่เู ดมิ เกดิ เป็นความร้ใู หม่ สรา้ งขึ้นมาเปน็ ความรคู้ ิดของตนเอง พาสนา จุลรัตน์(2548 : 51) ได้ให้ความหมายของความคิดสร้างสรรค์ว่า ความคิดสร้างสรรค์ เป็นความสามารถทางสมอง ในการที่จะ คิดตอบสนองต่อเหตุการณ์หรือปัญหา ได้หลายทิศทาง คิด ใหม่ ไม่ซ้ำแบบเดิม ตลอดจนสามารถมองเห็น ความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ที่เป็นแนวทางไปสู่การ คน้ พบทฤษฎี และส่ิงประดิษฐ์ ใหม่ๆ ทมี่ คี ุณค่าท้ังต่อตนเอง และประเทศชาติ ไพฑูรย์ สินลารัตน์ และคณะ (2558: 95 )ให้ความหมายของความคิดสร้างสรรค์ว่า ความคิด สร้างสรรค์ เป็นความสามารถของบคุ คลในการคดิ โดยมีองค์ประกอบการคดิ ทีเ่ กย่ี วขอ้ งหลายด้าน คือ
3 การคิดคล่อง การคิดยืดหยุ่น การคิดหลายแง่มุมและความคิดที่เหมาะสม ผลผลิตเป็นสิ่งใหม่ ที่มี ประโยชน์ อาจเป็นรายบคุ คลและประโยชน์ของส่วนรวม ลักขณา สริวัฒน์(2549) ได้ให้ความหมายความคิดสร้างสรรค์ ว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็น ความสามารถทางสมองของบุคคล ประกอบด้วย ความคิดคล่องแคล่ว ความคิดยืดหนุ่น ความคิด ละเอยี ลออ และความคดิ รเิ รมิ่ รวมกนั จนเกดิ ความคิดหลายทิศทาง หรือเรยี กวา่ อเนกนัย วนิช สุธารัตน์(2547: 164) ได้ให้ความหมายความคิดสร้างสรรค์ว่า เป็นความคิดที่เกิดข้ึน ต่อเนื่องจากจินตนาการ โดยมีลักษณะที่แตกต่างไปจากความคิดของบุคคลอื่น ความคิดสร้างสรรค์ อาศัประสบการณ์จากความรู้เดิม คือ ความรู้ ข้อมูลข่าวสาร การศึกษาเหตุผลและการใช้ปัญญา ใน การจัดสร้ารูปแบบ ของความคิด อาจแสดงเป็นรูปธรรมหรือนามธรรมเป็นพื้นฐาน ให้มีความคิด เชื่อมโยง จนเกดิ การค้นพบสิ่งใหม่ๆ เกดิ เปน็ งานทางศิลปะ ดนตรี และวทิ ยาการตา่ งๆ วิชัย วงษ์ใหญ่ (2523: 4) ได้ให้ความหมายของความคิดสร้างสรรค์ว่า เป็นความสามารถของ บุคคลในการแก้ปัญหา ที่ลึกไปกว่า การคิดแบบปกติ เป็นลักษณะภายใน ของบุคคลในการคิดหลาย แง่มมุ ผสมผสานกนั จนเกดิ สิง่ ใหม่ วีระ สุดสังข์(2550: 49) ให้ความหมายของความคิดสร้างสรรค์ว่า เป็นความคิด จินตนาการ ว่าค้นพบสิ่งใหม่ ทั้งที่เป็นความคิด ปรัชญา หลักการ อันเป็นนวัตกรรมที่นำไปสู่การผลิตหรือสร้างส่ิง ใหม่ๆออกมา และกอ่ ให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ มนุษยเ์ องและสังคม ประเทศชาต จากแนวคดิ ดังกลา่ วสามารถสรุปไดว้ ่า ความคิดสร้างสรรค์ เป็นกระบวนการของสมองของ มนุษย์ ทม่ี กี ารคิดหลากหลาย หลายมุมหลายทศิ ทาง นำไปสูก่ ารคิดส่งิ ใหมๆ่ ทไ่ี ม่เคยมใี ครคดิ ทำมา กอ่ นที่เปน็ ท่ียอมรับและมคี ณุ ค่าในสังคม จากการประมวลแนวคิดท่แี ตกตา่ งกนั และคล้ายคลึงกันของ นกั จติ วทิ ยาและนักการศึกษา พบว่า คณุ สมบัตทิ ี่สอดคลอ้ งกันของความคดิ สรา้ งสรรคค์ ือ เปน็ ความ แปลกใหมท่ ่ีแตกตา่ งไปจากเดิม ดังนั้น การเป็นครุผู้สร้างสรรค์จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนเปน็ สำคญั ครูต้องสรรค์สร้างกระบวนการจดั การเรียนการสอน ตลอดสภาพแวดล้อมสำหรับการเรยี นการสอนให้ เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ได้มากที่สุด ดังนั้นบทบาทของครูท่ีต้องรู้คือ รู้จักความคิด สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่จะพัฒนาให้เกิดขึ้น โดยครูจะต้องรู้จักความคิดสร้างสรรค์อย่าง สนิทสนมคุ้นเคยและลึกซึ้งมากพอ ทั้งรู้ว่าความคิดสร้างสรรค์คืออะไร เกิดได้อย่างไร รู้ว่าเกิดหรือไม่ เกดิ ในปริมาณมากนอ้ ยเพียงไรและทำอยา่ งไรจึงจะเกิดข้ึนและอกี สิ่งหน่งึ ทคี่ รจู ำเป็นตอ้ งรู้คือการ รู้จัก เด็ก โดยเฉพาะรู้จักจริต ความชอบ บุคลิกความถนดั ตลอดจนรู้ระดับความคิดสร้างสรรค์ทีม่ อี ยู่การท่ี ครูรู้จักจริต ความชอบ บุคลิก ความถนัดของเด็ก ก็จะทำให้สามารถเลือกสรรกิจกรรมที่เหมาะกับจริต
4 ของเด็ก เนื่องด้วยความคิดสร้างสรรค์สร้างได้ ผ่านกิจกรรมต่างๆ มากมาย (มิใช่เพียงการวาดภาพ เท่านั้น) เด็กคนใดที่มีจริต ความชอบแบบใดก็เลือกสรรกิจกรรมให้เหมาะสมในการที่ครูจะรู้ระดับ ความคิดสร้างสรรคท์ มี่ อี ย่ขู องเด็กอาจจะทำไดห้ ลายลกั ษณะ จากประสบการณ์การฝึกปฏิบัติในสถานศึกษา ปี 2565 โรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาลเมือง ปทมุ ธานี เปน็ เวลา 1 ภาคการศึกษา โดย ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารสอนในระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ขา้ พเจ้าได้ มีส่วนรว่ มในการสร้างสรรค์การจดั การเรยี นการสอนใหแ้ กผ่ ูเ้ รยี นดงั น้ี 1) วิจัยในชั้นเรียน หรือวิจัย สิ่งที่ข้าพเจ้าค้นพบใหม่และใช้การได้กับผู้เรียนคือการพัฒนา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ชุดการสอนทักษะการเขียนความเรียง ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยมี เนื้อหาใหม่ดังนี้มี สร้างแบบฝึกการเขียนเรียงความตามชุดการ สอน เพิ่มระดับจากง่ายไปยาก โดยมีกิจกรรมแทรกเพื่อให้นักเรียนรู้สึกสนุกกับการเรียน การสอน ครูจะเป็นผู้ดูแลระหว่างนักเรียนทำแบบฝึกทักษะ ซึ่งนักเรียนจะเป็นเขียนเอง ใชค้ วามคิดของตนเองโดยมีครเู ปน็ ผใู้ หค้ ำปรกึ ษา 2) จัดทำสื่อการสอน จัดทำบิงโกมาตราตัวสะกด ในเรื่องกาพย์พระไชยสุริยา เนื่องจาก กาพย์พระไชยสุริยา เป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับวรรณคดี อาจะทำให้ผู้เรียนรู้สึกเบื่อหนาย ครู จึงสรรค์สร้างสื่อการสอนที่มีความสนุก กระตุ้นความสนใจของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนเกิด ความอยากเรยี นนน้ั เอง 3) จัดทำโครงการแต่งกายตามตัวละครในวรรณคดี โครงการนี้เป็นครูในหมวดภาษาไทย ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อให้นักเรียนนั้นได้ให้ความสนใจกับวรรณคดีไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลตอบ รับนั้นเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก นักเรียนให้ความสนใจต่อการทำกิจกรรมในวัน ภาษาไทยมากยงิ่ ข้นึ การเรียนรู้ การเรียนรู้ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอันเนื่องมาจากประสบการณ์เดิม ทำให้คนเผชิญกับสถานการณ์เดิมต่างไปจากเดิม เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมท้ังภายนอกและ ภายในลักษณะการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอาจเป็นได้ 4 ลักษณะ ได้แก่ การทำพฤติกรรมใหม่ การ เลิกทำการเพิ่มพฤติกรรมที่เคยทา และการลดพฤติกรรมที่เคยทำ พฤติกรรมใดที่ไม่เปลี่ยนแปลงจึงไม่ เรียกว่าเกิดการเรียนรู้ผลของการเรียนรู้จะก่อให้เกิดความรู้ (knowledge) ทักษะ (Skill) และเจตคติ (Attitude)
5 เป้าหมายของการเรียนรู้ เป้าหมายของการเรียนรู้ในการเรียนรู้ หมายถึง การกำหนดจุดหมายปลายทางของผู้เรียนว่า จะต้องบรรลุถึงจุดหมายปลายทาง ซ่ึงตามหลกัสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ป.1- ป.6 และ ม.1 – ม. 6) มีเปา้ หมาย 3 ดา้ น คอื 1. ความรู้ (Knowledge) ไดแ้ ก่ 1.1 ความรู้เชงิ กระบวนการ เช่น อธบิ ายกระบวนการที่เก่ยี วข้องได้ 1.2 ความรู้เชิงประจัก เช่น วิเคราะหถ์ ึงเรอื่ งทีเ่ กย่ี วข้องได้ 1.3 ความรเู้ ชงิ เนอ้ื หา เช่น อธบิ ายสาระสำคญั ของเนอื้ หาที่เกยี่ วข้องได้ 2. ทักษะ (Skill) ได้แก่ 2.1 ทกั ษะพน้ื ฐาน เช่น มีทกั ษะดา้ นวฒั นธรรมไทย 2.2 ทักษะการคิด เชน่ มที ักษะการคดิ อย่างสร้างสรรค์ได้ 2.3 ทักษะการสือ่ สาร เช่น พดู ฟงั อ่าน และเขยี นอยา่ งมีประสิทธิภาพ 2.4 ทกั ษะส่วนบคุ คล เชน่ มีสุขภาพและบคุ ลกิ ภาพดี 2.5 ทกั ษะการจัดการ เชน่ มีทักษะการจัดการในงานอาชพี สุจรติ ได้ 2.6 ทักษะในงานอาชพี เชน่ มีทักษะในงานคอมพวิ เตอร์ 3. เจตคติ (Attitude) ได้แก่ 3.1 คณุ ธรรม เช่น ยดึ มั่น ความจริง ความดีและความงาม 3.2 จริยธรรม เช่น มีความรบั ผิดชอบในหนา้ ท่ีและปฏบิ ัตติ ามสญั ญา 3.3 คา่ นิยม เช่น มคี ่านิยมทางวิชาการและทางการเมือง นักเรยี นเปน็ ศูนย์กลาง การจัดการเรยี นการสอนท่เี น้นผู้เรยี นเป็นสำคญั เปน็ ความคิดเชิงปรชั ญาท่ีกำหนดไว้ ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มีความหมายเดียวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง คือ ยึดผู้เรียนเป็นหลัก ซึ่งได้พัฒนาเป็นเวลานานมากกว่า 80 ปี มีแนวทางในการจัดท่ี หลากหลาย ในการลงมอื ปฏบิ ัติครูผู้สอนจำเปน็ ต้องเลือกจดั ให้เหมาะสมกับผู้เรยี น ธรรมชาติของวชิ า และบริบทของสังคมและวัฒนธรรม การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนสำคัญที่สุดเป็นหลักการจัดการ เรียนรู้ที่พัฒนา มาจากพ้ืนฐานของทฤษฎีหลากหลายทฤษฎี เช่น พุทธปรัชญา จิตวิทยาสาขามนุษย์ นยิ มทฤษฎกี ารเรียนรจู้ ากประสบการณ์ (คณะอนุกรรมการปฏริ ปู การเรียนรู้, 2543, หน้า 4)
6 ชาตรี เกิดธรรม (2542, หน้า 7) กล่าวว่า การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นการสอนที่จัดเนื้อหาและกิจกรรมที่สอดคล้องกับการดำรงชีวิตที่เหมาะสมกับความสามารถ และ ความสนใจของผู้เรียนเป็นการที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง ตั้งแต่ค้นคว้าหาความรู้ และลงมือปฏิบัติจริงทุกขั้นตอนจนเรียนรู้ได้ด้วยตนเองเป็นการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการหา ความรู้ ไสว ฬกขาว (2542, หน้า 4) กล่าวไว้ว่า การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็น สำคัญ คือการจัดโดยให้ผู้เรียนใช้กระบวนการสร้างความรู้ด้วยตนเอง และฝึกฝนให้เกิดกระบวนการ อย่างชำนาญนั่นคือมีทกั ษะกระบวนการ จากแนวคิดดังกล่าวสรุปได้ว่า การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญคือการจัด เนื้อหาและกิจกรรมให้สอดคล้องกับการดำรงชีวิตของผู้เรียน และให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเอง ครู เป็นผู้ดูแลควบคมุ น้ันเอง 1.3 ผลการสะทอ้ นคดิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากแนวคดิ ตา่ งๆ และการฝกึ ประสบการณ์การฝกึ ปฏิบตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษา ของนางสาว ธัญพิชชา วงษ์แพทย์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาลเมืองปทุมธานี ฝึกสอนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 4 ห้องเรียน ข้าพเจ้าจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ซงึ่ เปน็ กระบวนการจัดการเรยี นการสอนทใี่ ห้ผเู้ รียนมีปฏสิ มั พนั ธ์ รวมไปถงึ การออกแบบส่ือ การสอนที่มีความสนุกทันสมัยเข้ากับช่วงวัยของผู้เรียนและเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน คือ ผเู้ รียนนนั้ ให้ความสนใจกบั เทคโนโลยี การสร้างสอ่ื จกาเทคโนโลยแี ละสร้างกิจกรรมจากเกมออนไลน์ก็ เป็นสง่ิ ทจี่ ะช่วยกระตนุ้ ผเู้ รียนได้เปน็ อย่างดี อกี ท้ังยังการวางแผนการเรยี นการสอนในชั้นเรยี นและการ วางแผนการเลือกใชก้ ิจกรรมตา่ ง ๆ มาใช้ประกอบการเรียนการสอนทีค่ าดว่าน่าจะบรรลุผลสำเร็จตาม วัตถุประสงค์ของรายวิชานั้น ๆ เช่น การออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ การออกแบบสื่อการ เรียนรู้ ขา้ พเจ้าไดม้ สี ่วนรว่ มในการสรา้ งสรรคก์ ารจัดการเรียนการสอนใหแ้ กผ่ ู้เรยี น ดงั น้ี 1. ใช้เทคโนโลยีดิจทิ ลั ในการเรียนการสอน ในการเรียนการสอนมีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การใช้โปรเจคเตอร์ (Projector) เป็นการแสดงส่ือการสอน สื่อวิดีโอให้นักเรียนให้เห็นภาพไปพร้อม ๆ กัน และในบางคร้งั อาจมีการเลน่ เกมผ่านเครือ่ งมอื สื่อสารของผู้เรียน เชน่ Kahoot, Vonder go, Wordwall เปน็ ตน้
7 ภาพที่ 1.1 เกม Wordwall เรือ่ งใจความสำคญั ทมี่ า : ถ่ายโดย นางสาวธญั พชิ ชา วงษแ์ พทย์ 2. จดั กจิ กรรมเสริมทักษะบรู ณาการสอน วรรณคดีและศิลปะเป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กัน เนื่องจากการสร้างงาน ศิลปะบางครั้งก็มีที่มาจากวรรณคดีในขณะเดียวกันวรรณคดีหลาย ๆ เรื่องก็สะท้อนศิลปวัฒนธรรม และทั้งวรรณคดีและศิลปะต่างก็จัดเป็นงานประณีตศลิ ป์ที่มพี ันธกิจในการเป็นสื่อกลางที่แสดงออกซง่ึ ความคิดของมนุษย์ทั้งสิ้น ดังนั้น การจัดการเรียนรู้วรรณคดีและศิลปะจึงควรบูรณาการกัน เพื่อให้ นกั เรียนเห็นความสมั พันธร์ ะหวา่ งศาสตร์ ซงึ่ สอดคลอ้ งกับความเป็นจริงของมนุษย์ที่ต้องดำรงชีวิตโดย ใช้ศาสตร์หลายแขนง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยได้จัดการบูรณาการกับกลุ่มวิชาศิลปะในการจัด งานวันภาษาไทย โดยให้นักเรียนแต่งกายตามตัวละครในวรรณคดี ซึ่งเป็นการบูรณาการให้นักเรียนได้ มีศิลปะในการแต่งกายและได้ออกแบบการแต่งกายตามตัวละครที่นักเรียนชอบ เพื่อให้เกิดความคิด สร้างสรรคท์ ่ดี ี ภาพท่ี 1.2 กิจกรรมแต่งกายตามตวั ละครในวรรณคดี ถา่ ยโดย : นักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6
8 3. พัฒนาส่ือการเรียนการสอน สื่อการเรียนการสอนในยุคสมัยนี้คงไม่พ้นการนำเทคโนโลยีมาดัดแปลงให้ เข้ากับบริบทของโรงเรียน นักเรียนหลาย ๆ คน โดยสื่อ Power Point เป็นอีกสื่อหนึ่งทีค่ รนู ิยมใช้เปน็ ส่วนมาก เนื่องจากครูสามารถสร้างสื่อที่ดึงดูดความสนใจเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ กิจกรรมที่ ใช้นการเรียนการสอน ครูส่วนมากมักใช้เกมที่เกี่ยวกับการเรียนการสอนมาเป็นแบบทดสอบเพื่อให้ นักเรียนมีความสนใจในการตอบความถามและความรว่ มมือเป็นอย่างดี สำหรับส่ือทำมือ เป็นสื่อที่ให้ เด็กได้เรียนรู้ผา่ นของจรงิ เกดิ การสัมผสั เกิดความสมจรงิ โดยการเรียนรู้ที่เดก็ ไดจ้ บั ต้องส่ือจริงๆ ก็จะ ทำให้พัฒนาการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ช่วยในเรื่องความจำ เป็นต้น ซึ่งสื่อทำมือนี้อาจทำมาจากวัสดุ เหลือใช้ที่มีอยู่ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ของครูผู้สอนด้วย โดยข้อดีของสื่อทำมือนี้ ไม่ว่า เราจะไปสอนที่โรงเรียนใดก็ตาม เราก็สามารถใช้สื่อได้ทันที ไม่ต้องกังวลว่าโรงเรียนมีเครื่องฉายสไลด์ มีอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์หรือไม่อย่างเช่น การพัฒนาสื่อการสอน วรรณคดีเรื่องการกาพย์พระไชย สุริยา ในเนื้อหาเรื่องกาพย์พระไชยสุริยานั้น ใช้มาตราตัวสะกดในการดำเนินเนื้อเร่ือง ผู้สอนจึงพัฒนา สื่อทำมือ บิงโกมาตราตัวสะกด ขึ้นมา เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เรีน ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหรือ บทเรียน ภาพท่ี 1.3 สอ่ื การสอน บิงโกมาตราตัวสะกด ท่มี า : นางสาวธัญพิชชา วงษแ์ พทย์
9 จากการใช้สื่อเกม “บิงโกมาตราตัวสะกด” พบว่าผู้เรียนให้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ มากข้นึ มคี วามสนใจในการเรยี นการสอนย่ิงขึ้น สนกุ นานไปกับการเรียน ทำใหบ้ รรยากาศในห้องเรียน นา่ เรียนมากยิง่ ขึ้น 4. วดั ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การวัดผล หมายถึง กระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งตัวเลข หรือสัญลักษณ์ ที่มี ความหมายแทนคุณลักษณะ หรอื คุณภาพของสิ่งทีว่ ดั โดยใช้เครอ่ื งมอื ที่มปี ระสิทธภิ าพหารายละเอยี ด ส่งิ ที่วัดวา่ มีจำนวนหรือปรมิ าณเท่าใด การประเมินผล หมายถึงกระบวนการที่กระทำต่อจากการวัดผล แล้ววินิจฉัยตัดสิน ลงสรุปคณุ ค่าทีไ่ ด้จากการวัดผลอยา่ งมีกฎเกณฑ์ และมีคุณธรรม เพื่อพิจารณาตดั สินใจวา่ ส่ิงน้ันดหี รือ เลว เก่งหรอื ออ่ น ไดห้ รอื ตก ดังนั้น การวัดผลและการประเมินผลมีความสัมพันธ์กัน กล่าวคือ การวัดผลจะทำให้ ได้ตวั เลข ปริมาณ หรอื รายละเอยี ดของคุณลกั ษณะหรือพฤติกรรมของบุคคล จากน้นั จะนำเอาผลการ วัดนีไ้ ปพจิ ารณาเปรยี บเทยี บกับเกณฑ์ท่กี ำหนดไวเ้ พือ่ ตัดสนิ หรือลงสรุปเกย่ี วกับสิง่ นนั้ ซึ่งเรียกวา่ การ ประเมินผลในการวัดและประเมินมีการใช้หลักการประเมินตามสภาพจริง โดยใช้วิธีการประเมินที่ หลากหลาย เช่น การประเมินจากชิ้นงาน/ใบงาน การนำไปใช้ การสื่อสาร การนำเสนอ และการ ประเมนิ ความพยายาม เป็นตน้ ในการจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลจึงเปน็ ส่ิงที่สำคัญในการ นำขอ้ มูลไปพฒั นาการเรยี นการสอนให้ดยี ิ่งขึ้น เน่ืองจากเราจะนำผลไปปรับปรงุ แกไ้ ข้ให้ดยี ิ่งข้ึน ภาพที่ 1.4 การวดั และประเมินผล ถา่ ยโดย : นางสาวธญั พิชชา วงษแ์ พทย์
10 จากรูปเป็นการวัดและประเมินผลวรรณคดีเรื่องกาพย์พระไชยสุริยา โดยประเมินมาตรฐาน การเรยี นรู้ 3 ดา้ นได้แก ดา้ นพทุ ธิพสิ ัย ดา้ นทักษะพิสัย และดา้ นจติ พิสยั 5. ร่วมเปน็ ที่ปรึกษาในการพาเด็กนักเรยี นแขง่ ขนั โครงงานวิชาภาษาไทย เป็นที่ปรึกษาในการพานักเรียนไปแข่งขันโครงงานวิชาภาษาไทย โดยผลงงานนี้เป็น อีกหนึ่งโอกาสดี ๆ ที่ได้รับจากครูในหมวดภาษาไทย ให้ร่วมเป็นที่ปรึกษาในการพาเด็ก ไปแข่งขันโครงงานภาษาไทย ซึ่งทำให้ได้เห็นถึงความพยายามของเด็กนักเรียน ที่มีความ ตั้งใจอยากได้ไปแข่งขัน และเรายังได้ใช้ความรู้ที่เรียนมา ให้นักเรียนได้นำไปใช้ในการ แขง่ ขนั อีกดว้ ย ภาพท่ี 1.5 โครงงาน คำทบั ศพั ท์ในหมวดโซเชยี ลมเี ดยี ทีม่ กั เขียนผดิ ท่ีมา : นางสาวธัญพิชชา วงษ์แพทย์ จากการฝึกประสบการณ์จัดการเรียนการสอนสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบของครู ผู้ สร้างสรรค์การเรียนรู้ตามโมเดลครรู าชภัฏไดด้ ังต่อไปนี้ 6. จดั ทำโครงการ รกั ษน์ ำ้ ใหแ้ กช่ ุมชน โครงการรักษ์น้ำ จัดทำขึ้นร่วมกับนักศึกษาฝึกประสบการณ์ชั้นปีที่ 4 สาขา วิทยาศาสตร์ มีจุมุ่งหมายให้นักเรียน สนใจในสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในชุมชน ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ ทด่ี รี ะหวา่ งชมุ ชนกบั โรงเรียนอีกดว้ ย 7. จดั ทำวจิ ัยในชน้ั เรียน การจัดทำวิจัยในชั้นเรียนเป็นการช่วยให้ผู้สอนมีการจัดเตรียมการเรียนการสอน และเป็นประโยชน์สำหรับครูที่จะนำชุดการสอนที่สร้างขึ้นไปใช้ประโยชน์เพราะชุดการสอนได้มีการ
11 ปรับปรุงให้เหมาะสมกับเด็กในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และมีการจัดสรรเวลาในการสอนท่ี เหมาะสมซึ่งสะดวกต่อการนำไปใช้ ผู้วิจัยจึงเลือกที่จะพัฒนาชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทยเรื่องหารเขียนย่อความชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลักสูตรการศึกษาขั้น พื้นฐานพุทธศกัราช 2551 เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาทักษะการ เขียนความเรียงรวมทั้งเป็นทางเลือกให้ครูผู้สอนท่านอื่น ๆ สามารถนำ ชุดการสอนนี้ได้นำ ไปใช้หรือ เป็นแนวทางการผลิตชดุ การสอนในรายวิชาภาษาไทยหรอื วิชาต่าง ๆ ต่อไป 8. กิจกรรมท่เี น้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญ กระบวนการจัดการเรียนการสอนต้องเน้นให้ผู้เรียนสามารถแสวงหาความรู้ และ พัฒนาความรู้ได้ตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพของตนเอง รวมทั้งสนับสนุนให้มีการฝึกและ ปฏิบัติในสภาพจริงของการทำงาน มีการเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนกับสังคมและการประยุกต์ใช้ มีการจัด กิจกรรมและกระบวนการให้ผู้เรียนไดค้ ดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินและสร้างสรรคส์ ิ่งต่างๆ โดยไม่ เน้นไปท่กี ารท่องจำเพยี งเน้ือหา ซ่งึ จากการฝึกการสอนได้ให้นกั เรยี นทำกิจกรรมดงั นี้ - กิจกรรมระดมสมอง โดยให้เพื่อเลือกตัวแทนมา 5 คน จากนั้นให้ตัวแทนสร้างกลุ่ม สรา้ งกลมุ่ และใหต้ ัวแทนเดนิ หาสมาชิกของตนเอง เพื่อเข้ากล่มุ รว่ มกนั ทำกิจกรรม ภาพที่ 1.6 กจิ กรรมตามหาสมาชกิ ท่ีมา นางสาวธัญพชิ ชา วงษ์แพทย์
12 1. รว่ มออกแบบและพัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษา จากการฝึกปฏิบัติการสอนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 4 ห้องเรียน ข้าพเจ้าได้ เรียนรู้และได้โอกาสในการออกแบบและพัฒนาหลักสูตรเพื่อให้สอดคล้องกับกับวัยของนักเรียนในแต่ ละชั้น เพื่อนำไปพัฒนาแรวทางการสอนในแต่ละดับชั้นอีกด้วย โดยการออกแบบนี้ร่วมกบั ครใู นหมวด วิชาภาษาไทย ซึ่งทำให้เป็นแนวทางในการนำไปสู่เป้าหมายของการเรียนรู้สำหรับผู้เรยี น อีกทัง้ ยังเปน็ แนวทางสำหรับผ้สู อนในการดำเนนิ การจัดการเรยี นการสอนให้ผู้เรยี นบรรลุเป้าหมายทง้ั ในดา้ นความรู้ และทกั ษะน้นั เอง 2. ออกแบบและบรหิ ารจดั การช้นั เรยี น การจัดการชั้นเรียนการจัดการชั้นเรยี นในความหมายโดยทัว่ ไปคือ การจัดสภาพของ ห้องเรียน ที่ส่วนใหญ่เข้าใจกันว่า เป็นการจัดตกแต่งห้องเรียนทางวัตถุหรือทางกายภาพ ให้มี บรรยากาศ น่าเรยี นเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนเท่าน้ัน การจัดการช้ันเรียน เป็นพฤติกรรมการ สอนที่ครสู ร้างและคงสภาพเง่อื นไขของการเรียนรเู้ พือ่ ชว่ ยใหก้ ารเรยี นการสอนมีประสิทธิภาพและเกิด ประสิทธิผลขึ้นในชั้นเรียนซึ่งถือเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ ข้าพเจ้าจึงออกแบบและบริหารจัดการช้ัน เรยี นดังน้ี 2.1 การออกแบบแผนการสอน ให้เหมาะสมแก่วัยของผู้เรียนและเพื่อเป็นแนวทางในการ สอนตลอดภาคการศกึ ษา เพือ่ ให้การเรยี นการสอนนั้นเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ การวางแผนการเรียนการสอนในชั้นเรียนและการวางแผนการเลือกใช้กิจกรรมต่าง ๆ มาใช้ ประกอบการเรียนการสอนที่คาดว่าน่าจะบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของรายวิชานั้น ๆ เช่น การออกแบบแผนการจัดการเรยี นรู้ การออกแบบสอ่ื การเรยี นรู้ ภาพที่ 1.7 แผนการจดั การเรียนรู้ ท่มี า : ถา่ ยโดยนางสาวธัญพิชชา วงษแ์ พทย์
13 ภาพท่ี 1.8 สอื่ การเรยี นรู้กาพย์พระไชยสรุ ิยา ท่ีมา : ถ่ายโดยนางสาวธัญพชิ ชา วงษแ์ พทย์ 2.การดำเนนิ การเรียนการสอน ให้เปน็ ไปตามกระบวนการที่ได้กำหนดไว้มวี ัตถปุ ะสงค์เพ่อื ผู้เรียนได้มีความรู้ ความสามรถตามสมรรถนะของรายวชิ าพร้อมทงั้ มปี ฏกิ ิรยิ าร่วมระหวา่ งผู้สอนกับ ผูเ้ รียนเพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนได้รบั ประโยชนส์ ูงสุดตอ่ การดำเนินการ ภาพท่ี 1.9 การดำเนนิ การสอน ทม่ี า : ถา่ ยโดยนางสาวนดา รื่นเรณู
14 1.4 บทสรปุ จากแนวคิดต่างๆ โมเดลครูราชภัฏและการฝึกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ของนางสาว ธัญพิชชา วงษ์แพทย์ ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565 โรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาลเมืองปทุมธานี ทำให้ทราบและได้รับแนวทาง ในการเป็นครูนอกจากครูจะเป็น ผู้สอนในห้องเรียนอย่างเดียวคงจะไม่ สามารถทำให้นักเรียนได้รับความรู้อย่างเต็มที่ ครูผู้สอนจะต้อง เป็นครูสร้างสรรค์การเรียนรู้ในยุค ปัจจุบันในการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 ครูจะต้องเน้น ให้ผู้เรียนสร้างความรู้ใหม่ และ สิ่งประดิษฐ์ใหม่โดยการใช้กระบวนการทางปัญญา และสิ่งที่ได้รับในการไปฝึกสอนคือได้ปรับ ประสบการณ์ดี ๆ ทค่ี รใู นหมวดไดม้ อบให้ ไม่วา่ จะเปน็ การได้เป็นพธิ กี ร การไดเ้ ปน็ ครทู ี่ปรึกษา การได้ ประจำชั้นร่วมอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้รับนั้น สามารถนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตเป็น ครใู นอนาคตข้างหนา้ ไดอ้ ยา่ งดแี ละมีประสทิ ธิภาพ 1.5 แนวทางในการพัฒนาปรบั ปรุงการเปน็ ครผู ูส้ ร้างสรรค์การเรียนรขู้ องตนเอง ครเู ป็นวชิ าชีพทีต่ อ้ งมกี ารพฒั นาอยา่ งต่อเนื่อง ครูจงึ ตอ้ งเปน็ ผเู้ รียนอยตู่ ลอดเวลาเนอื่ งจาก การเปลยี่ นแปลงของสภาพสังคมเศรษฐกจิ โลก ความเจรญิ กา้ วหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งผลให้เกิดวทิ ยาการใหม่ ๆ ข้นึ มากมาย ครจู งึ จำเป็นตอ้ งเรียนรแู้ ละปรบั ตัวให้กา้ วทนั ความ เปลย่ี นแปลงดงั กลา่ ว เพือ่ ให้เปน็ ผู้ทีม่ ีความรคู้ วามสามารถ ร้เู ท่าทนั สภาพการณต์ า่ ง ๆ และ พัฒนาการปฏิบตั ิงานในหน้าที่ของตนเองได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ การเป็นครูผู้สร้างสรรค์ได้นั้นต้องเกิดจากการปลุกความคิดสร้างสรรค์ของครู สิ่งแปลกใหม่ท่ี เกิดขึ้นในโลกใบนี้ ล้วนเกิดจากความคิดสร้างสรรค์และแตกต่างจากผู้คนทั่วไปเกิดจากฝันและ จินตนาการของผู้กล้าที่ไม่กลัวความต่าง ด้วยความสำคัญดังกล่าวความคิดสร้างสรรค์จึงถูบรรจุไว้ใน หลกั สตู รตัง้ แต่อดีตจนถงึ ปจั จุบนั และถกู บรรจใุ นหลักสตู รของทกุ ระดับ ในปัจจุบันมีความคิดใหม่ ๆ ทรอดแทรกเข้ามา ครูจำเป็นต้องพัฒนาการเรียนการสอนให้ สอดคล้องกบั บริบทในชว่ งน้ัน ๆ ซงึ่ ต้องอาศยั ความคิดสร้างสรรค์เปน็ อย่างมากในการพัฒนาการเรียน การสอน สื่อต่าง ๆ ให้เกิดคุณภาพและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แนวทางในการเป็นครูผู้สร้างสรรค์ นั้นคือต้องรู้จักศึกษาค้นคว้าและคิดพัฒนาสื่ออยู่เสมอ ในด้านของการสอนครูจะต้องทำอย่างมี ประสิทธิภาพมกี ารพัฒนาการสอนใหส้ อดคล้องกบั ความสามารถและความสนใจของนักเรียนอีกดว้ ย 1.6 การนำไปใชใ้ นการประกอบอาชพี ในอนาคต ในอนาคตจะทำสงิ่ ท่ไี ด้เรยี นรูม้ าไปปรับใช้ในการเรียนการสอนในอนาคตไม่วา่ จะเปน็ หลักสูตร วิชาชีพครูที่มุ่งเน้นสอนเร่ืองในเร่ืองการพัฒนาตนเองและนำไปใช้ในอนาคต อาทิ จิตวิทยา ที่สอนให้รู้ เกี่ยวกับการใช้จิตวิทยาการเรียนรู้ในการควบคุมจัดการห้องเรียน การเสริมแรงให้แก่นักเรียน เป็นต้น
15 ตลอดจนการได้ฝึกประสบการณใ์ นสถานศึกษา ทที่ ำใหไ้ ด้เรียนร้เู กยี่ วกับการเป็นครูในสถานศึกษาจริง ๆ รู้หลักการทำงาน ได้ฝึกสอนนักเรียนจริง ๆ การได้เรียนรู้ข้อมูลตรงนี้จะช่วยให้นักความรู้ทั้งหมดไป ปรับใช้ในอนาคตได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวครูผู้สอนเองและจะเป็น ประโยชน์ทางออ้ มต่อนกั เรยี นเน่ืองจากครทู ่ีมีการสอนท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพจะทำให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่าง มีประสิทธภิ าพดว้ ยเช่นกัน 1.7 ข้อเสนอแนะแก่ผทู้ ่สี นใจ การได้ไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพในโรงเรียนนั้นเป็นโอกาสสำคัญในการเก็บเกี่ยว ประสบการณ์เพื่อนำประสบการณ์ที่ได้ไปปรับใช้ในอนาคต ดังนี้ ช่วยสร้างแรงบัลดาลใจให้กับศิษย์ เพื่อให้เขาเป็นคนใฝ่เรียนรู้ เป็นแบบอย่างที่ดีมีจรรยาบรรณในวิชาชีพครูมีจิตวิญญาณของความเป็น ครู สามารถถ่ายทอดความรู้ได้เป็นอย่างดี มีวิธีการสอนที่หลากหลาย มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความ ยุตธิ รรม ซึง่ ผู้ทีไ่ ดไ้ ปฝึกนนั้ ควรทำงานให้เตม็ ท่ี สรา้ งสรรคผ์ ลงานที่ดีและสอดคลอ้ งกบั ผ้เู รยี น
16 บทท่ี 2 ครนู ักวจิ ัย การวิจัย คือ กระบวนการในการแสวงหาความรู้ ความจริงของปรากฏการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ วธิ ีการท่เี ป็นวิทยาศาสตรซ์ งึ่ เป็นศาสตร์ท่ีได้รับการยอมรบั ว่าเป็นการจัดองค์ความรู้ท่ีเป็นระบบมีเหตุมี ผลและน่าเชื่อถือ นักวิชาการในศาสตร์สาขาต่าง ๆ จึงพยายามนำวิธีทางวิทยาศาสตร์มาใช้ใน การศึกษาศาสตร์ของตน รวมทั้งในสังคมศาสตร์ด้วยเพทาอให้สามารถเข้าใจปรากฏการณ์ที่ศึกษาได้ดี ทสี่ ดุ ครูนักวิจัยเป็นผู้มีความรู้และเป็นครูมืออาชีพมากขึ้นตามประสบการณ์ของการเป็นครู ผู้บริหารอาจสร้างบรรยากาศส่งเสริมให้เกิดครูนักวิจัยในสถานศึกษาอย่างจริงจัง เช่น ทักทายครูว่า “วันนี้ครูเรียนรู้อะไร” แทนที่ “วันนี้ครูสอนอะไร” นอกจากนี้ ครูอาจร่วมกันสร้างบรรยากาศ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคนิคการสอน การติดตามประเมินนักเรียนจากการทดลองปฏิบัติ นั่นแสดงว่า ความเป็นนักวจิ ยั ได้ซมึ ลกึ เข้าไปในจิตวิญญาณของครู 2.1 ความสำคญั ของการเปน็ ครนู กั วจิ ยั การวิจัยหมายถึง การศกึ ษาค้นคว้า วิเคราะห์ หรือทดลองอยา่ งมรี ะบบ โดยอาศัยอุปกรณ์ หรือวธิ ีการ เพอื่ ให้พบขอ้ เทจ็ จริง หรอื หลกั การไปใชใ้ นการตัง้ กฎ ทฤษฎี หรือแนวทางในการปฏบิ ัติ วิชาชีพครูถือว่าเป็นวิชาชีพชั้นสูง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องมีมาตรฐานวิชาชีพกำกับเพราะ ผู้ประกอบวิชาชีพครูนั้นย่อมต้องมีความรับผิดชอบสูงตามมา เนื่องจากเป็นวิชาชีพที่มีผลกระทบต่อ ผู้รับบริการและสังคมต้องประกอบวิชาชีพด้วยวิธีการแห่งปัญญา ได้รับการศึกษามาอย่างเพียงพอ มี อิสระในการใช้วิชาชีพตามมาตรฐานวิชาชีพ (Pilanthananon, 2007) นอกจากนี้มาตรฐานความรู้ การประกอบวิชาชีพครูข้อหนึ่งที่จําเป็น คือ ครูจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการวิจัยทาง การศกึ ษา มกี ารค้นควา้ ศึกษางานวจิ ยั ในการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้เปน็ บคุ คลแหงการเรียน รูปและเป็นผู้นําทางวิชาการจากมาตรฐานวชิ าชีพทางการศึกษาทีก่ ล่าวมา คุณลกั ษณะบัณฑิตทส่ี ำเรจ็ ไปเป็นครูวิชาชีพจำเป็นต้องมีความรอบรูปในการเรียนการสอน สามารถใช้การวิจัยเพื่อพัฒนาการ เรียนการสอนควบคกู่ นั ไป มีคุณลกั ษณะเปน็ ผู้แสวงหาความรปู ดว้ ยตนเองอยา่ งสม่ำเสมอ ดังนั้น หากครูผู้สอนสามารถใช้การวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับ สภาพความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียนแล้วย่อมเป็นแนวทางในการไปสู่ความสำเร็จของผู้เรียน ในอนาคต จากที่ได้กล่าวมาแสดงให้เห็นว่าการวิจัยจึงเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพ การจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง ครูมีหน้าที่พัฒนาผู้เรียนให้มีลักษณะที่พึงประสงค์ ซึ่งถ้าครูมี
17 ความรู้ในการวิจัยตลอดจนมีความสามารถในการนําความรู้การทำวิจัยไปใช้ให้เหมาะสมกับสภาพ ปัญหาท่เี กิดขึน้ ยอ่ มส่งผลตอ่ คณุ ภาพของผู้เรียนในอนาคตเชน่ กนั ขั้นตอนการทำวิจยั เพื่อพฒั นาการเรยี นการสอนของครนู ักวิจัย ขัน้ ตอนของการดำเนนิ การวิจยั เพอื่ พฒั นาการเรยี นการสอนของครู มขี น้ั ตอนทส่ี ำคญั ดงั นี้ 1. ครูนักวิจัยทำการสำรวจประเด็นที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาที่เก่ียวข้องกับการจัดการเรียนการ สอนของตนเองที่ยังไม่บรรลุเป้าหมายตามจุดประสงค์หรือประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการเรียนรู้ของ ผู้เรยี น จากนน้ั กำหนดคำถามหลกั การวิจัยเพอื่ พฒั นาการเรียนการสอนทไี่ ม่บรรลเุ ป้าหมายนนั้ 2. ครูนักวิจัยทำการวิเคราะห์ของสาเหตุปัญหาว่าเป็นปัญหาอย่างไร สาเหตุของปัญหาที่ เกิดขึ้น เกิดจากอะไร ปัญหาต่างๆ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ปัญหาใดเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดที่ควร เร่งแกไ้ ขปัญหาอันดับแรก และมวี ิธีการหรอื แนวทางในการแกไ้ ขปัญหานั้นอยา่ งไร 3. ครูนักวิจัยทำการตรวจสอบปรัชญา แนวคิด หลักการ และทฤษฎีต่างๆ ว่ามีผู้เคยนำมาใช้ หรือไม่ ครูเลือกแนวทางที่เป็นไปได้ในการแก้ปัญหา จากนั้นครูดำเนินเขียนแผนการสอน ซ่ึง ประกอบด้วย วัตถุประสงค์การเรียนรู้เนื้อหาสาระการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ กิจกรรมการเรียน การสอน วิธีการจัดการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ อุปกรณ์การเรียนการสอน รวมถึงวิธีการวัดและ ประเมนิ ผล 4. ครูนักวิจัยทำการออกแบบการวิจัยและเลือกแนวคิดที่จะนำมาแก้ไขปัญหานั้น พร้อมทั้ง ระบุเหตุผลและหลักฐานวา่ แนวคิด หลกั การ หรือทฤษฎนี ั้นสามารถแกไ้ ขปัญหาทีเ่ กิดขึ้นในการจัดการ เรียนการสอนได้จริงและมปี ระสิทธิภาพ 5. ครูนักวิจัยดำเนินกระบวนการวิจัยโดยนำมาทดลองกับผู้เรียนในสถานการณ์จริงในชั้น เรียนในกล่มุ ของนักเรยี นทค่ี รูกำลังพฒั นา 6. ครูนักวิจัยดำเนินการวางแผนในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการทำวิจัยครั้งนี้ โดยทำการ วางแผนและออกแบบว่าจะเลือกใช้เครื่องมือประเภทใด เช่น แบบทดสอบ แบบวัดผลสัมฤทธิ์ แบบ สังเกต แบบสัมภาษณ์ การหาคุณภาพเครื่องมือและจะมีวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างไร พร้อมทั้ง บอกแนวทางในการรวบรวมข้อมลู ในคร้ังน้ี 7. ครูนักวิจัยดำเนินการสรุปผลการวิจัยจากข้อมูลที่ได้ทำการเก็บรวบรวมไว้แล้ว โดยการ แปลผล วเิ คราะห์ผลและสรุปและอภปิ รายผลการวจิ ัยต่อไป1 1 สืบคน้ จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/journalcim/article/download/258058/174053 เม่อื วนั ท่ี 8 มีนาคม 2566
18 การนำผลการวิจัยไปใช้เพอื่ พฒั นาการเรยี นการสอน การนำผลการวิจยั ไปใช้เพือ่ พัฒนาการเรยี นการสอน ซึ่งสามารถใชไ้ ดใ้ นลกั ษณะดังนี้ 1. นำผลการวิจัยไปใช้ในการแก้ปญั หาการเรียนการสอนในช้ันเรียนซึ่งครูนักวิจัยหรือผู้ปฏบิ ัติ โดยตรง เช่นผู้เรียนเรียนไม่เข้าใจจึงส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ ครูผู้สอนนำผลไปใช้ในการ ปรับกิจกรรมการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียนและมีประสิทธิภาพยิ่งข้ึน หรืออาจจะใช้ผลการ ประเมนิ เป็นข้อมลู ย้อนกลับในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนได้ 2.นำผลการวจิ ัยใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาการสอนของครูนักวิจัย เช่น ครูได้ทำการออกแบบ รูปแบบการสอน และค้นพบรูปแบบการสอนหรือกระบวนการเรียนการสอนแบบใหม่ที่เหมาะสมกับ ผู้เรียนของเทคนิค วิธีการสอน รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมกระบวนการจัดการเรียนการสอน ในชัน้ เรียนใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพสงู สุด 3. การทำวิจัยสามารถพัฒนาครูให้เป็นครูและเป็นนักวิจัยในขณะเดียวกัน ยังช่วยให้ครูวาง แผนการทำงานของตนเองอย่างเป็นระบบระเบียบ ทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มีความคิดริเร่ิม สรา้ งสรรค์ มที กั ษะการคดิ วิเคราะหร์ วมถงึ มีทกั ษะในการแก้ไขปญั หาตา่ งๆ ทเี่ กดิ ข้ึนกบั ผู้เรยี น 2.2 แนวคดิ ทเี่ กี่ยวข้อง ครู ในสังคมไทยและตามประเพณีไทยให้เกียรติยกย่องสำหรับผู้ที่ทำหน้าที่ของ “ครู” ว่าเป็น “พ่อพมิ พ์ แม่พมิ พข์ องชาต”ิ เปน็ ปชู นียบุคคล เป็นผู้นำในชุมชน เพราะฉะน้ันผู้ท่ีจะเป็นครูจะต้อง ตระหนักในความเป็นครูและประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับที่ได้ชื่อว่า “ครู” ในทุกสถานการณ์ท่ี ดำรงอยู่ โดยที่ครูมีหน้าที่ถ่ายทอดวิชาการต่าง ๆ บทบาทของครูอีกมุมหนึ่งถือว่าเป็นผู้จุดประทีป แห่งปัญญาไว้ในดวงจติ ของศิษย์ทุกคน เป็นประทีปแห่งปัญญาทีส่ ่องสว่างไม่มีวนั จบสิน้ แสงประทปี นั้น ก็คือ ปัญญาที่บังเกิดแก่ศิษย์ เพื่อนำความรู้ไปปฏิบัติถ่ายทอดต่อไป เป็นรุ่นต่อรุ่นอย่างไม่มีที่ สิ้นสุดหรอื เรยี กว่าเปน็ มรดกทางปญั ญาท่ีไขความมืดให้สว่างไสว ผู้ที่ทำหน้าที่ของการเป็น “ครู” พึ่งตระหนักในวิชาชีพครูประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ ศิษย์และบุคคลทั่วไป ซึ่งปรากฏในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช มหาราช ในโอกาสที่นายบุญถิ่น อัตถากร ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นำครูและนักเรียนใน โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามจากภาคใต้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลี พระบาท เมื่อวันจันทร์ ที่ 21 กุมภาพนั ธ์ 2515 ดังได้อญั เชิญมา ณ ทน่ี ้ี
19 “ ความเป็นครูเป็นของมีค่า ความเป็นครู หมายถึง การมีความรู้ดี ประกอบด้วยหลักวิชา ที่ถูกต้องแน่นเฟ้นและแจ่มแจ้งแก่ใจ กอปรทั้งคุณงามความดี และความเอื้ออารีปรารถนาดีที่จะ ถา่ ยทอดเผ่อื แผ่ให้แกค่ นอนื่ ได้มคี วามรู้ความเข้าใจทด่ี ดี ว้ ย….” 2.2.1 ความหมายของครู ความหมายของคำว่า “ครู” ความจริงมีความหมายตามนัยของศัพท์มีความลึกซึ้งตาม ลักษณะของวิชาชีพ “ครู” มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลี คือ “ครุ – คุรุ และในภาษาสันสกฤต คอื “คุรุ” ในความหมายที่เป็นคำนาม แปลว่า ผู้สั่งสอนศิษย์หรือผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ ส่วน ความหมายที่เป็นคำวิเศษณ์ในภาษาบาลี แปลว่า หนัก สูง ส่วนในภาษาสันสกฤต แปลว่า ใหญ่ หรือ หนกั และ ครูหมายถึง “ผู้รับภาระอันหนัก คือ การอบรมสั่งสอนศิษย์ผู้ควรเคารพหรือผู้เป็นที่พ่ึง ของศษิ ย์” มนี ักการศกึ ษาได้ใหค้ วามหมายของ “ครู” ไวห้ ลาย ๆ ท่านและแตกต่างกัน เช่น ยนต์ ชุ่มจติ กล่าวไว้ในหนงั สอื Dictionary of Education ครู หรือ Teacher ดงั น้ี 1. ครู คือ บุคคลที่ทางราชการจ้างไว้ เพื่อทำหน้าที่ให้คำแนะนำหรืออำนวยในการจัดการ เรยี นการสอนและจดั ประสบการณก์ ารเรียนสำหรบั นักเรยี นหรือนักศึกษาในสถานศกึ ษา ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐหรอื เอกชนทว่ั ไป 2. ครู คือ บุคคลที่มีประสบการณ์หรือมีการศึกษามาก ดีเลิศเป็นพิเศษหรือมีทั้ง ประสบการณ์และการศึกษาดีเป็นพิเศษในสาขาใดสาขาหนึ่งที่สามารถช่วยให้บุคคลอื่น ๆ เกิด ประสบการณ์ มีความเจรญิ งอกงามและมพี ฒั นาการกา้ วหน้าได้ 3. ครู คือ บุคคลที่สำเร็จหลักสูตรวิชาชีพจากสถาบันที่มีการเรียนหลักสูตรครูและการรับ การฝึกอบรมที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องเป็นทางการ โดยมการมอบวุฒิบัตรและประกาศนียบัตร ทางการสอนซ่งึ มกี ารระบไุ ว้อยา่ งชดั เจนใหบ้ ุคคลนัน้ ๆ 4. ครู คือ บุคคลทอ่ี บรมสัง่ สอนให้ผู้อืน่ มคี วามเจริญ ทางปญั ญาสามารถประกอบอาชีพได้ ครู หมายถึง บุคคลที่อบรมสั่งสอน ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่ศิษย์เป็นผู้ที่มีความหนักแน่นควรแก่ การเคารพบูชาของศิษย์ และ ครู หมายถึง ผู้ประกอบวิชาชีพอย่างหนึ่งและทำหน้าที่สอนคนและ มักจะใช้กับผูท้ ส่ี อนต่ำกวา่ ระดับมหาวทิ ยาลัยและสถาบันอุดมศึกษา บทบาทครู การวิจัย คือ กระบวนการค้นคว้าหาองค์ความรู้อย่างเป็นระบบแบบแผน มีความน่าเชื่อถือ และมีวตั ถุประสงค์ทีช่ ดั เจนแนน่ อน เพอ่ื ให้ไดร้ ับความรู้ความจรงิ ที่น่าเชอ่ื ถือ ถกู ตอ้ ง
20 ประเภทของการวิจัย มีการจำแนกตามวธิ กี ารศกึ ษา ดังนี้ 1. การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) เน้นการเก็บข้อมูลตัวเลขเป็น หลักฐานและใช้วิธีการทางสถติ ใิ นการวิเคราะห์ข้อมลู 2. การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เน้นการเก็บข้อมูลตามสภาพจริง ตามธรรมชาติ ใชก้ ารสงั เกต การจดบนั ทกึ เปน็ ต้น ม่งุ วเิ คราะห์เชงิ เหตผุ ลมากกวา่ ตัวเลข 2.2.2 การวิจยั มนี ักวชิ าการให้ความหมายการวจิ ัยไวห้ ลายทา่ นดงั น้ี เบสท์ (Best 1977: 8) ได้ให้ความหมายของการวิจัย หมายถึง วิธีที่มีระบบ มีการวิเคราะห์ท่ี เป็นปรนัย และมีการจดบันทึกการสังเกตที่ได้รับการควบคุม ซึ่งน าไปสู่ผลสรุป หลักการ กฎเกณฑ์ ทฤษฎีต่าง ๆ เพื่อน าไปใช้ในการท านายควบคุมเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาหรือควบคุมสาเหตุของ กจิ กรรมเฉพาะอยา่ ง บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์(2543: 1) ได้ให้ความหมายของการวิจัย หมายถึง กระบวนการ ค้นคว้าหาข้อเท็จจริง หรือปรากฏการณ์ตามธรรมชาติอย่างมีระบบระเบียบ และมีจุดมุ่งหมายที่ แน่นอนเพ่ือให้ไดค้ วามรทู้ ่ีเชอ่ื ถอื ได้ ศุภกิจ วงศ์วิวัฒนนุกิจ (2550: 237) ได้ให้ความหมายของการวิจัย หมายถึง กระบวนการ แสวงหาองคค์ วามรหู้ รือขอ้ เท็จจริงทเ่ี ปน็ ค าตอบของปญั หาหรอื ค าถามการวจิ ยั ท่ีสนใจ โดยใชว้ ธิ กี าร ทางวทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งเป็นระบบระเบยี บ มแี บบแผน มีจดุ มงุ่ หมายเพื่อให้ได้องค์ความร้ใู หมห่ รือขอ้ ค้นพบใหม่ที่ถูกตอ้ งเช่ือถือได้ พิสณุ ฟองศรี(2551: 4) ได้ให้ความหมายของการวิจัย หมายถึง กระบวนการค้นคว้าหา ความรอู้ ย่างเปน็ ระบบด้วยวิธกี ารทเี่ ชือ่ ถือไดห้ รอื วิธีการทางวิทยาศาสตร์ สุวิมล ติรกานันท์(2551: 6) ได้ให้ความหมายของการวิจัย หมายถึง กระบวนการแสวงหา ความรู้ ข้อเท็จจริงด้วยวิธีการที่เป็นระบบ มีแบบแผนตามแนวทางของวิธีการทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ ได้ความรู้ หรอื ขอ้ เทจ็ จรงิ ทเี่ ปน็ คำตอบทีถ่ ูกตอ้ งของประเดน็ ปญั หาท่ีต้องการศกึ ษา บญุ ชม ศรสี ะอาด (2556: 2) ได้ใหค้ วามหมายของการวจิ ัย หมายถึง การใชป้ ัญญาของมนุษย์ ในการศกึ ษาคน้ คว้าเพื่อให้ได้ความรคู้ วามจริง เกิดความเข้าใจ ช่วยในการแก้ไขปัญหา ปรับปรุงพัฒนา งานบุคคลหรือกลุ่มบุคคล โดยมีลักษณะดังนี้ (1) เป็นกระบวนการที่มีระบบ แบบแผน (2) มี จุดมุ่งหมายที่แน่นอนและชัดเจน (3) ดำเนินการศึกษาค้นคว้าอย่างรอบคอบ ไม่ลำเอียง (4) มีหลัก เหตุผล (5) บนั ทึกและรายงานออกมาอยา่ งระมดั ระวงั
21 จากความหมายของการวิจัยที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า การวิจัย หมายถึง กระบวนการหรือวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งค าตอบในประเด็นที่นักวิจัยก าหนด โดยมีวิธีการที่เป็นระบบ แบบแผน มีจดุ มงุ่ หมายที่ชัดเจนเพอื่ ใหไ้ ด้องคค์ วามรูท้ น่ี ่าเช่ือถือตามศาสตร์สาขาวชิ าตา่ ง ๆ และ นำไปสู่การพฒั นาหรือแกไ้ ขปญั หา นกั เรียนเปน็ ศนู ย์กลาง การจดั การเรียนการสอนทีเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ มีนักวิชาการหลายทา่ นให้ความหมายไว้ ซึ่ง แตกตา่ งทัศนะของวชิ าการแต่ละทา่ น โดยใหค้ วามหมายไว้ดังน้ี วันเพ็ญ จันทร์เจริญ (2542, หน้า 129) กล่าวว่า การจัดการเรียนการสอนที่เนั้นผู้เรียนเป็น สำคัญ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนด้วยวิธีการหรือเทคนิคการสอนใดๆ ที่เน้นให้ผู้เรียนมี บทบาทในการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ โดยครูเป็นผู้วางแผน เตรียมการ ในเรื่องเนื้อหาที่จะ เรียนกิจกรรมการเรียนการสอน สื่อการเรียน และการวัดประเมินผลการเรียน รวมทั้งช่วยเหลือดูแล แนะนำ อำนวยความสะดวกตา่ งๆ ในระหวา่ งจัดประสบการณก์ ารเรยี นการสอน เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนเกดิ การ เรียนร้ตู ามจดุ ประสงค์ทตี่ งั้ ไว้ วาณี ภูเสตว์ (2542, หน้า 92) กล่าวว่า การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็น สำคัญนั้น ผู้สอนจะเป็นผู้กำกับดูแล ประสานงาน ส่งเสริมให้ผู้เรียนคำเนินกิจกรรมตามเป้าหมายซ่ึง อาจจดั เปน็ รายบคุ คล หรือรายกลุ่มก็ได้ โดยผเู้ รยี นสามารถใช้ยทุ ธศาสตร์การเรยี นรไู้ ดเ้ ปน็ อยา่ ง ประเวศ วะสี (2541, หน้า ก) กล่าวว่า การเรียนรูท้ ่ีผู้เรียนสำคัญที่สุด หมายถึง การเรียนรู้ใน สถานการณ์จริง สถานการณ์จริงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงต้องเอาผู้เรียนแต่ละคนเป็นตัวตั้งรู้จัด ใหน้ ักเรยี นได้เรยี นรู้ จากประสบการณ์ กจิ กรรม และการทำงาน อันนำไปสู่การพัฒนาครบทกุ ค้าน ท้ัง ทางกาย ทางจติ หรอื อารมณ์ ทางสังคม และทางสตปิ ัญญา ซึ่งรวมถึงพัฒนาการทางจติ วญิ ญาณด้วย จากความหมายดังกล่าว สรุปได้ว่า การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญหมายถึง วิธีการสำคัญที่สามารถสร้างและพัฒนาผู้เรียน ให้เกิดคุณลักษณะต่างๆ ที่ต้องการส่งเสริมให้ผู้เรียน รู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง เรียนในเรื่องที่สอดคล้องกับความสามารถและความต้องการของตนเอง มุ่งเน้น ให้ผู้เรียนรู้จักคิดเป็น ทำเป็นและแก้ปัญหาเป็น โดยการพัฒนาความรู้ความสามารถเต็มตามศักยภาพ ด้วยตนเองเป็นสำคัญ ทั้งทางค้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม โดยมีครูเป็นผู้ซี้แนะและ ช่วยเหลอื ใหก้ ารจดั การเรียนการสอนประสบผลสำเรจ็ ดงั จดุ ประสงคท์ ่ีตัง้ ไว้
22 2.3 ผลการสะทอ้ นคิดท่ีเกดิ ขึ้น จากการทำวิจัย หัวข้อ “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ประโยคในภาษาไทย ด้วย บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน” ระหวา่ งการฝึกประสบการณส์ อนในสถานศึกษา สามารถวิเคราะห์ผล สะทอ้ นทเ่ี กิดขนึ้ ตามองคป์ ระกอบของครูนักวิจยั ตามโมเดลราชภัฏ ได้ดงั น้ี 1. ครูนกั วจิ ยั ในฐานะผทู้ ำวจิ ยั และสร้างนวัตกรรม คดิ วิเคราะห์ และสรา้ งสรรค์ การพัฒนาครูให้เป็นผู้สร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้มีความสำคัญต่อความสำเร็จของทั้ง ครูและนกั เรียน ส่ิงนส้ี ามารถบรรลผุ ลได้ดว้ ยการพฒั นาทางวชิ าชีพ การทำงานรว่ มกันและการแบง่ ปัน ความคิด การเข้าถึงทรัพยากรและการสนับสนุน การส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม และการจัดหา ทักษะ ความรู้ และความสามารถที่จำเป็นสำหรับคในอนาคตเพื่อจัดการกระบนการเรียนรู้ในรูปแบบ ดิจิทัลและนวตั กรรม ด้วยการลงทุนในการพฒั นาครใู นฐานะผู้ริเริ่มการจัดการเรียนรู้ โรงเรียนและเขต การศึกษาสามารถรับประกันได้ว่าครูของพวกเขาพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป ของนกั เรยี นใน ปจั จบุ นั และเพื่อเตรยี มความพรอ้ มสำหรับอนาคต จากการที่ได้ฝึกประสบการณ์ในสถานศึกษาข้าพเจ้าได้ทำวิจัยเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนโดยใช้ชุดการสอนทักษะการเขียนความเรียง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยเป็น วิจัยที่สร้างขึ้นเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนร่วมกับการใช้สื่อการสอน ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ข้าพเจ้า จัดทำขน้ึ โดยวิจัยนี้สรา้ งขน้ึ เพอื่ ใหน้ กั เรยี นนัน้ มคี วามรู้ในเร่อื งน้ัน ๆ เพิ่มข้ึน ซึ่งการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การ เขียนความเรียง ก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนมัธยมศึกษา เทศบาลเมอื งปทุมธานี 2) เพอ่ื สรา้ งชุดการสอนทักษะการเขียนความเรียง ของนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 โรงเรยี นมัธยมศึกษาเทศบาลเมืองปทมุ ธานี ให้มปี ระสิทธิภาพเกณฑ์ตามท่กี ำหนด 80/80 ประชากรที่ใช้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาลเมืองปทุมธานี อำเภอ เมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 148 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนมัธยมศกึ ษาเทศบาลเมอื ง ปทุมธานี อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี จำนวน 1 ห้องเรียน คือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 จำนวน 27 คน เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวิจยั การวจิ ยั ในครัง้ น้ี ผวู้ จิ ยั ได้ใช้เคร่ืองมือตามลำดับดังนี้ 1. ชุดการสอนการเขียนย่อความ สาระการเรียนรู้หลักภาษาไทยตามหลักสูตรแกนกลางขั้น พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 แบง่ ออกเป็น 3 ชุด ชุดที่ 1 ชุดการสอน ความรู้เบือ้ งตน้ /พ้ืนฐานการเขยี น
23 ชดุ ท่ี 2 ชุดการสอน การเขยี นบรรยาย ชุดที่ 3 ชุดการสอน การเขียนพรรณนา 2. แผนการจัดการเรียน การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้ชุดการสอนการเขียนความ เรียงของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 จำนวน 3 แผนการจัดการเรียน รวม 3 ช่ัวโมง ประกอบดว้ ย แผนการจดั การเรียนท่ี 1 ความรูเ้ บอ้ื งตน้ /พนื้ ฐานการเขียน แผนการจัดการเรียนที่ 2 การเขียนบรรยาย แผนการจดั การเรยี นที่ 3 การเขยี นพรรณนา 3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดการสอนการเขียน ความเรียง สาระการเรียนรู้ภาษาไทยตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนมัธยมเทศบาลเมืองปทุมธานี อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เป็นข้อสอบ ปรนัย ชนดิ เลอื กตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ขอ้ 2. นวัตกรรมท่ใี ช้ นวัตกรรมที่ใช้ได้แก่ วิธีการสอนผ่านเกม Game-based Learning (GBL) และ บทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน CAI Game-based Learning (GBL) คือวิธีการสอนผ่านเกม เพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนโดย ผสมผสานระหว่างเกมกับเนื้อหาอย่างลงตัว การใช้ GBL ในการสอนออนไลน์จะช่วยกระตุ้นให้ นักเรียนตื่นตัวระหว่างการเรียนในคาบเรียน รวมถึงช่วยสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนในคาบเรียน ผ่านคำถาม ที่จะใช้เล่นในเกม เพื่อให้นักเรียนได้ทบทวนเนื้อหาทั้งหมดก่อนเลิกเรียน การใช้ GBL ยังช่วยให้ นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์บ้างผ่านการพูดคุยกันภายในกลุ่ม เพื่อกระตุ้นให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ด้วย ตวั เองอีกด้วย ข้าพเจ้าจึงสร้างสรรคก์ ารจัดการเรยี นรู้เวบ็ ไซต์ Wordwall เป็นเวบ็ ไซตท์ ีค่ ุณครูสามารถใช้ใน การสรา้ งสอื่ การเรยี นการสอนประเภทเกมออนไลน์ ซ่งึ เปน็ การสร้างบทเรยี นรูปแบบใหมท่ ี่มคี วาม สะดวก และใชง้ านงา่ ย เหมาะส าหรับการเรียนการสอนในยคุ ปจั จุบนั โดยการสรา้ งเป็นรูปแบบเกม การศึกษา จากการจัดการเรยี นรปู แบบท่ขี ้าพเจา้ ไดก้ ลา่ วมา จะช่วยสง่ เสรมิ ผเู้ รียน ต่อการคิดอย่างมี วิจารณญาณเปน็ ทักษะทพี่ ัฒนานกั เรยี นได้ โดยการเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นไดค้ ิดอย่างมีเหตมุ ีผล หรือมี การจดั ลำดบั ความคดิ หลกี เล่ยี งการใช้อารมณ์กบั ความรู้สกึ ในการจดั การปัญหา
24 ภาพที่ 2.1 กจิ กรรม wordwall ท่ีมา : ถ่ายโดยนางสาวธัญพิชชา วงษแ์ พทย์ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน CAI บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนคือการนำเสนอบทเรียน โดยอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ตามความต้องการของผู้เรียน เองหรือเรียนจนเกิดความเข้าใจในบทเรียน โดยผู้สอนที่จะสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะต้อง ทำการระดมสมองเกี่ยวกับเนื้อหาบทเรียนก่อน โดยให้ผู้สอนในวิชาเดียวกันมาช่วย เพื่อเพิ่มมุมมอง ให้มคี วามหลากหลาย จากนัน้ นำแผนภมู ริ ะดมสมองที่ไดม้ าจัดกล่มุ ทเี่ รยี กว่า แผนภมู ิความคดิ รวบ ยอด จากนัน้ นำแผนภมู ิความคดิ รวบยอดท่ีไดไ้ ปดวู ่า บทเรยี นนคี้ วรมีการเรียนร้แู บบลำดบั (Linear) หรือแบบขนาน (Parallel) เรียกว่าแผนภูมิโครงข่ายเนื้อหา แล้วลงมือสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน ที่มีลักษณะการนำเสนอเป็นกรอบ(Frame) เรียงลำดับไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถ โต้ตอบกับคอมพิวเตอร์บทเรียนได้ สำหรับการตอบสนองต่อการตอบคำถามจะใช้เสียง คำบรรยาย หรือภาพกราฟิก เพื่อสร้างแรงจูงใจ ความมั่นใจในการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนตอบผิดไม่ควรข้ามเนื้อหา โดยไมเ่ ฉลย ควรให้ผเู้ รียนมอี ิสระในการเรียน ไมจ่ ำกัดเวลาและได้เรยี นตามความต้องการของตนเอง
25 ภาพที่ 2.2 ชดุ การสอนทักษะการเขยี นเรียงความ ท่ีมา : ถ่ายโดยนางสาวธัญพิชชา วงษ์แพทย์ ภาพท่ี 2.3 บทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน เร่ืองนริ าศภเู ขาทอง ที่มา : ถา่ ยโดยนางสาวธญั พิชชา วงษ์แพทย์ 2.4 บทสรปุ จากแนวคิดต่างๆ โมเดลครูราชภัฏและการฝึกประสบการณ์ในสถานศึกษา ข้าพเจ้าพบว่า ครูผู้สอนสามารถใช้การวจิ ัยเพื่อพัฒนากระบวนการเรยี นการสอนให้เหมาะสมกับสภาพความแตกต่าง ระหว่างบุคคลของผู้เรียนแล้วย่อมเป็นแนวทางในการไปสู่ความสำเร็จของผู้เรียนในอนาคต จากที่ได้ กล่าวมาแสดงให้เห็นว่าการวิจัยจึงเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการ สอนอย่างต่อเนื่อง ครูมีหน้าที่พัฒนาผู้เรียนให้มีลักษณะที่พึงประสงค์ ซึ่งถ้าครูมีความรู้ในการวิจัย
26 ตลอดจนมีความสามารถในการนําความรู้การทำวิจัยไปใช้ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ย่อม ส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียนในอนาคตเช่นกัน จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ข้าเพเจ้าได้สร้างสื่อนวัตกรรม และสร้างวิจยั ขน้ึ มาเพือ่ พฒั นานักเรียนให้นกั เรยี นได้เรยี นรูอ้ ย่างดแี ละมปี ระสทิ ธภิ าพ ซ่งึ สอดคล้องกับ การจัดการเรียนรู้เป็นสำคัญที่ครูผู้สอนนัน้ เป็นผู้ดูแลและให้คำปรึกษา และนักเรียนได้ลงมือปฏิบัติเอง ซงึ่ ส่ือนวัตกรรมและวิจัยทีไ่ ด้สร้างขึ้นมานที้ ำให้นกั เรียนนน้ั มีผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนท่ีดแี ละพัฒนาขึ้น อยา่ งเหน็ ได้ชดั น้ันเอง 2.5 แนวทางในการพัฒนาปรับปรุงการเปน็ ครนู ักวิจัย จากการได้ศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นครูนักวิจัยและครูผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมแล้วนั้น ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าได้พบว่าต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันอีกทั้งข้าพเจ้าควร ศึกษาข้อมูลในงานวิจัยต่าง ๆ เพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ได้ แนวคิดใหม่ ๆ ในการนำมาพัฒนาการเรียนการสอนและนำมาปรับใช้จัดการเรียนการสอนอีกทั้งยัง ต้องแสวงหาความรู้ให้การนำความรู้มาพัฒนาสื่อนวัตกรรมการสอน ให้นักเรียนนั้นได้เรียนรู้ได้อย่าง เตม็ ท่ีและมปี ระสทิ ธภิ าพ 2.6 การนำไปใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคต การเป็นครูนักวิจัยในการนำไปใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคต คือ จะนำความรู้ที่ได้เรียน มานั้นไปพัฒนาใหส้ อดคล้องกับแนวคิดในการเปน็ ครูนักวิจัยและครูผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม ซึ่งข้าพเจา้ นั้นจะศึกษาหาความรู้ไว้ เพื่อนำไปพัฒนาสื่อการสอนในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังต้องแสวงหาความ รูอ้ ย่ตู ลอดเวลา เพอื่ นำสอื่ การสอนมาปรบั ใช้ให้เหมาะแก่บริบทและสถานการณข์ องสังคมในช่วงน้นั ๆ เพื่อให้เด็กนักเรยี นมีความสนใจในการเรียนมากยิง่ ขึ้น 2.7 ข้อเสนอแนะแก่ผทู้ ีส่ นใจ การเป็นครูนักวิจัยนั้นจำเป็นต้องแสวงหาความรู้อยู่เสมอ ไม่ใช่เพียงแค่นั้นยังต้องแสวงหาส่ิง ใหม่ ๆ มาพัฒนาการเรียนการสอน หากผู้ที่สนใจจะศึกษาการเป็นครูนักวิจัยเพิ่มเติม ควรศึกษาวิจัยที่ เกี่ยวข้องของสถานศึกษาอื่น ๆทั้งในและต่างประเทศ และสืบค้นแนวคิด เทคนิคต่าง ๆ ที่สามารถ แก้ไขปัญหาและพัฒนาผู้เรียนของตนเองได้ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาที่พบเจอและ ชว่ งวยั ของผเู้ รียน
27 บทที่ 3 ครูนกั พัฒนาชุมชน \"การพัฒนา\" คือ การทำให้เจริญ แต่เมื่อมาใช้เป็นคำแปลของ (Development) ใน ภาษาองั กฤษจะมคี วามหมายกนิ ความลึกไปถึงการทำใหด้ ีข้ึนจากท่ีเป็นอยู่ โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือการนำวิชาการแปลกใหม่เข้ามาใช้ การพัฒนามีความหมายถึงการ พัฒนาวัตถุและการพัฒนาบคุ คลท้ังในด้านจติ ใจและความคิดดว้ ย 3.1 ความสำคญั ของการเปน็ ครูนกั พัฒนาชุมชน \"ชุมชน\" เป็นสถานที่รวมของกลุ่มประชาชนที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กนั มีการติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถกล่อมเกลาให้คนในชุมชนมีความเชื่อ อุดมการณ์และยึดถือในจริยธรรมอย่างเดียวกัน คนในชุมชนจึงมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน และมี เอกลักษณ์ของตนเองลกั ษณะและเอกลกั ษณเ์ หล่านี้แสดงออกให้เห็นได้จากความเชื่อ ทัศนะ และการ ประพฤติปฏิบัติของคนในชุมชนนั้น ชุมชนจะสื่อสารถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์และลักษณะต่างๆ ผ่านคตนิ ิยม นทิ าน จารดี และขนบธรรมเนยี มประเพณี ครูนักพัฒนาชุมชน เป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน มีการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยน ข้อมูลวัฒธรรม ผ่านชุมชน ครูจะต้องปลูกฝัง เอกลักษณ์เหล่านี้แสดงออกให้เห็นได้จากความเช่ือ ทศั นะ และการประพฤติปฏิบตั ขิ องคนในชุมชนนั้น ชุมชนจะส่อื สารถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์และ ลักษณะต่าง ๆ ผ่านคตินิยม นิทาน จารีดและขนบธรรมเนียมประเพณี โดยถ่ายทอดจากคนหนึ่งไปยัง อีกคนหนึ่ง คนหนึ่งไปยังกลุ่มคน เป็นจัดการศึกษาผ่านบทบาทของสถาบันทางสังคม เป็นการจัด การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ที่สถาบันทางสังคมได้จัดขึ้นเพื่อกล่อมเกลาสมาชิก ของสังคมอยู่แล้ว สถาบันทางสังคมประกอบด้วย ครอบครัว วัด องค์กรชุมชนต่าง ๆ ครูก็เป็นกำลัง หลักของการศึกษา ที่จะต้องพัฒนานักเรียนควบคู่ไปกับชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการนำชุมชนมาอยู่ใน หอ้ งเรียน หรอื แมแ้ ตน่ าหอ้ งเรยี นไปอยู่ในชุมชน กลา่ วได้วา่ โรงเรยี นเป็นแหล่งการจัดการเรียนรู้เป็น การให้โรงเรียนนำสาระการเรียนรู้ของชุมชนไปถ่ายทอดให้กับนักเรียนได้เรียนรู้และเข้าใจชุมชน ซึ่ง จัดทำได้โดยการจัดบริหารโรงเรียนทั้งโรงเรียนเพื่อแก้ไขปัญหาของชุมชน จัดบทเรียน หลักสูตร สถานศึกษา กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ และการเข้าไปมีส่วนร่วมการพัฒนาชุมชน โรงเรียนมีหน้าที่ จะต้องสร้างพลเมืองใหม่ให้มีคุณสมบัติตามที่สังคมต้องการ โดยถ่ายทอดคุณค่า ความรู้ที่มีอยู่ของ ชมุ ชน สรา้ งคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ฝกึ ฝนทกั ษะ เตรยี มตัวผู้เรียนเพือ่ ในอนาคต
28 3.2 แนวคิดทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง ความหมายของชุมชน ปัจจุบันค าว่า “ชุมชน” เป็นศัพท์ที่บัญญัติมาจากภาษาอังกฤษ คือค าว่า “Community”โดยมีรากศัพท์เดิมที่มาจาก Indo-European คือค าว่า “Mei” ซึ่งแปลว่าการ เปลี่ยนแปลง (Change) หรือการแลกเปลี่ยน (Exchange) และเมื่อนำมาสนธิกับคำว่า “Kom” ซ่ึง หมายถึง ด้วยกับ (With)จะได้คำว่า “kommein” ซึ่งหมายถึง แบ่งปันโดยทั้งหมด (Share by All) (Seage. Peter M. อ้างในอนุชาติ พวงสำลี และวีรบูรณ์ วิสารทสกุล, 2541: 9) สำหรับในประเทศ ไทยค าว่า ชุมชนได้ถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการในปีพ.ศ.2505 เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หน่วยราชการที่มีการแยกส่วนพัฒนาการท้องถิ่นออกจากกรมมหาดไทยแลว้ จัดตั้งเป็นกรมการพัฒนา ชุมชน สังกัดกระทรวงมหาดไทย คำว่า ชุมชนที่นำมาใช้นั้นมีความหมายซ้อนทับกับคำว่า “บ้านหรือ หมูบ่ า้ น” เป็นหนว่ ยการปกครองพ้ืนฐานในสังคมไทยมาแต่ด้ังเดิมดว้ ย (ดำรงศักด์ิ แกว้ เพง็ , 2556 : 4) จากนั้นชุมชนจึงถูกนำมาใช้ในความหมายของลักษณะต่าง ๆ มากมาย อาทิ ความหมายที่เป็นรูปแบบ ของหน่วยทางสังคมและสถาบันการปกครอง เช่น ด้านการปกครอง ด้านการพัฒนา ด้านวัฒนธรรม และด้านวิชาการ เป็นต้น ตลอดจนลักษณะของชุมชนที่มีความสัมพนั ธ์ในเชิงกระบวนการ เช่น ชุมชน ชนบท ชุมชนเมืองและชุมชนแออัด เป็นต้น ประกอบกับแนวคิดอื่นที่หลากหลาย เช่น องค์กรชุมชน ป่าชุมชน ผู้นำชุมชน พัฒนาชุมชน วัฒนธรรมชุมชน สิทธิชุมชนและอ านาจชุมชน เป็นต้น ดังนั้นคำ ว่าชุมชนจึงเป็นความหมายที่มีขอบเขตกว้างมาก ซึ่งนักวิชาการส่วนใหญ่ให้ความหมายที่ใกล้เคียงกัน ดงั น้ี ราชบัณฑิตยสถาน (2524 : 368) ได้ให้ความหมายของชุมชนไว้ว่า ชุมชน คือหมู่ชน กลุ่มคน ท่ีอยู่รวมกันเป็นสังคมขนาดเลก็ อาศัยอย่ใู นอาณาบรเิ วณเดียวกนั และมผี ลประโยชนร์ ว่ มกัน ปราสาท หลักศิลา (2519 : 2) กล่าวว่าชุมชน หมายถึง กลุ่มคนพวกหนึ่งซึ่งครอบครอง บริเวณท่ีมีอาณาเขตแน่นอน โดยถือว่าตนมีความผูกพันอยู่กับอาณาบริเวณแห่งนั้นและมีความยึด เหน่ยี วกนั เปน็ ปกึ แผน่ มัน่ คง สัญญา สัญญาวิวัฒน์ (2525 : 6) ได้ให้ความหมายว่า ชุมชน หมายถึง องค์การทางสังคม อย่างหนึ่งที่มีอาณาเขตครอบคลุมท้องถิ่นหนึ่งและปวงสมาชิกสามารถบรรลุถึงควา มต้องการพื้นฐาน สว่ นใหญ่ได้และสามารถแกไ้ ขปญั หาส่วนใหญ่ในชมุ ชนของตนเองได้ จิตติ มงคลชัยอรัญญา (2540 : 3) กล่าวว่า ชุมชนประกอบไปด้วย ระบบความสัมพันธ์ของ คน ความเชื่อ ศาสนา ประเพณีวัฒนธรรม ระบบเศรษฐกิจ อาชีพ ระบบการเมือง ระบบการปกครอง และโครงสรา้ งอ านาจ รวมถึงระบบนเิ วศวิทยา สิง่ แวดลอ้ มและเทคโนโลยีด้านตา่ ง ๆ ซ่ึงระบบเหล่าน้ี
29 มีความสัมพันธ์ต่อกันและระหว่างกัน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ามีความเชื่อมโยงกันชนิดที่ไม่สามารถ แยกจากกันได้ ประเวศ วะสี (2541 : 13) ให้ความหมายว่า ชุมชน หมายถึง การที่คนจำนวนหนึ่งมี วตั ถุประสงคร์ ่วมกัน มคี วามเอ้อื อาทรตอ่ กัน มีความพยายามทีจ่ ะท าอะไรรว่ มกนั มกี ารเรยี นรูร้ ว่ มกนั ในการกระทำ ซ่งึ รวมถงึ การสอ่ื สารกนั ปาริชาติ วลัยเสถียร และคณะ (2546 : 35) อธิบายว่า คำว่า “Community” มีความหมาย ในภาษาไทยว่า “ชุมชน” ซึ่งบางครั้งให้เข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับ “การรวมตัวของคน” ถ้าพิจารณาจาก ภาษาอังกฤษคำว่า “Com” มคี วามหมายที่ลกึ ซ้ึงโดยหมายถงึ “Together” คอื การ (เดินทาง)ร่วมกัน และจะเห็นว่ามคี าทเี่ กย่ี วขอ้ งใกล้เคียงอกี หลายคำ เช่น Communal หมายถงึ ของชุมชน, เพ่อื ชุมชน Common หมายถงึ รว่ มเป็นสมาชกิ อยู่ดว้ ย Commune หมายถึง ความรูส้ กึ ผูกพนั ใกลช้ ดิ สนธยา พลศรี (2547 : 22) ได้สรุปความหมายของคำว่า ชุมชนจากความหมายโดยสามัญ สำนึก ความหมายโดยรูปศัพท์และความหมายทางวิชาการไว้ว่า ชุมชน หมายถึง กลุ่มทางสังคมที่อยู่ อาศัยร่วมกันในอาณาบริเวณเดียวกัน เช่น ครอบครัว ละแวกบ้าน หมู่บ้าน ตำบล หรือเรียกเป็นอย่าง อื่นมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน มีการติดต่อสื่อสารและเรียนรู้ร่วมกัน มีความผูกพัน เอื้ออาทรกัน ภายใต้บรรทัดฐานและวัฒนธรรมเดียวกัน ร่วมมือและพึ่งพาอาศัยกัน เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์และ เปา้ หมายร่วมกัน ในขณะทกี่ าญจนา แก้วเทพ (อ้างถึงใน อมรวชิ ช์ นาครทรรพ, 2548 : 14) ได้ใหค้ วามหมายที่ แตกต่างไปว่า ชุมชนมิได้หมายถึงหมู่บ้านที่มีอาณาเขตพื้นที่แน่นอนตายตัวอีกต่อไป หากแต่หมายถึง หน่วยทางสังคมที่สมาชิกมีการติดต่อสื่อสาร เสริมสร้างและสืบสานสัมพันธ์ทางสังคมที่มีทั้งความ เคลื่อนไหว ปรับตัว ความขัดแย้งและการผสมผสานกลมกลืน ความสืบเนื่องและการเปลี่ยนแปลงที่ สำคัญ คือชุมชนมิได้เป็นหน่วยทางสังคมที่เป็นอิสระหรืออยู่โดดเดี่ยวแยกตัวออกจากหน่วยทางสังคม อื่น ๆ ในทางตรงกันข้าม ชุมชนในรูปแบบใหม่ ๆ ด ารงอยู่ในความสัมพันธ์กับชุมชนอื่น ๆ และ ความสัมพันธ์กับรัฐและตลาด ชุมชนรูปแบบใหม่เร่ิมมีขอบเขตครอบคลุมเครือขา่ ยกว้างขวางเชื่อมโยง พ้นื ทใ่ี นชนบทกบั เมอื ง ปรบั ตวั และเปล่ยี นแปลง ขัดแย้งและเกิดใหมอ่ ย่างรวดเรว็ ปรีชา วงศ์ทิพย์ (2555 : 8) กล่าวว่าชุมชน หมายถึง ถิ่นฐานอันเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ที่มี ความเกี่ยวพันกับสภาพทางภูมิศาสตร์และระบบความสัมพันธ์ในสังคม ซึ่งอิงอาศัยความเอื้ออาทร ความผกู พันและการมีปฏสิ ัมพันธร์ ะหวา่ งกันเปน็ เคร่อื งมอื ด าเนนิ การเพอื่ ใหม้ ชี ีวิตท่ดี ีรว่ มกนั
30 การอธิบายความหมายของคำว่าชุมชนดังที่กล่าวมาข้างต้น พบว่าความหมายส่วนใหญ่มี ลักษณะใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะประเด็นกลุ่มคนที่อยู่รวมกัน กลุ่มคนที่มีความสัมพันธ์กันทั้งความเชื่อ ศาสนา ประเพณีและวัฒนธรรม และมีความรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน รวมทั้งประเด็นอาณาบริเวณพื้นที่ หนึง่ ๆ ซ่งึ ผคู้ นพดู ภาษาเดียวกัน มีจารตี ประเพณีอยา่ งเดยี วกัน ความสำคญั ของชมุ ชน ชูชาติ พว่ งสมจิตร์ (2554:56) ได้ประมวลสรุปความสำคัญของชมุ ชนไว้ 6 ประการ ดังนี้ 1. ชุมชนเป็นศูนย์กลางที่ยึดเหนี่ยวทุกคนทุกครอบครัวให้มารวมกัน สังเกตได้จากชุมชนใน ชนบทหลายแห่งที่มีวัดหรือสุเหร่าเป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นแหล่งให้ประชาชนมาชุมนุมร่วมพิธี หรอื รว่ มกจิ กรรมกนั อย่างพร้อมเพรยี ง 2. ชุมชนเป็นสถาบันระดับพื้นฐานที่ช่วยสร้างระบบในการจัดการตนเองให้เหมาะสมกับ สภาพของชุมชน ตัวอย่างเช่น ชุมชนบ้านคีรีวง ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นองค์กรชุมชนที่เข้มแข็งและสามารถจัดการกับตนเองได้อย่างเหมาะสม โดยหมู่บ้านแห่งนี้เคย ประสบอุทกภัยอย่างหนักมาแล้ว 3 ครั้ง คือ เมื่อปี 2505 ปี 2518 และครั้งล่าสุดเมื่อปี 2531 ได้เกิด ภูเขาถล่มและน้ำป่าพัดพาบ้านเรือนเสียหายเหตุร้ายนี้ทำให้ชาวบ้านรู้และตระหนักถึงผลเสียของการ ตัดไม้ทำลายป่า หลังจากนั้นชาวบ้านได้ช่วยกันอนุรักษ์ป่าไม้และก่อตั้งกองทุน “เติมสีเขียวใส่เขา หลวง” รวมทั้งร่วมมือกับจัดการกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของหมู่บ้านโดยจัดตั้งชมรมการ ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ขึ้น จนหมู่บ้านนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหมู่บ้านที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศไทย นอกจากนช้ี าวบา้ นยังประพฤติตนอยใู่ นศีลสัตยไ์ ม่ มวั เมาอบายมขุ มีความรกั ใคร่กลมเกลยี วช่วยเหลือ กัน ทำให้ชาวบ้านมีอยู่มีกินไม่ยากไร้และมีเงินออมของหมู่บ้านมากกว่า 50 ล้านบาท การแก้ปัญหา และจัดการกับตนเองของชาวบ้านคีรีวงทำให้หมู่บ้านฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับหมู่บ้านอื่นท่ี ประสบภัยเช่นเดียวกัน 3. เป็นศูนย์กลางในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ของประชาชน ตัวอย่างที่เห็นชดั เจนในระยะ ที่ผ่านมา คือโครงการกองทนุ หมู่บา้ น ที่รัฐบาลยุคหน่ึงได้จัดสรรเงินลงไปยังหมูบ่ ้าน ๆ ละ 1 ล้านบาท โดยให้หมู่บ้านแต่ละแห่งบริหารจัดการกับเงินกองทุนเพื่อประโยชน์ของคนในหมู่บ้าน ซึ่งโครงการ ดังกล่าวอาจประสบความสำเร็จหรอื ไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม แต่การดำเนินการดังกล่าวได้กระตุน้ ให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ขึ้นภายในชุมชนช่วยให้ชาวบ้านรู้จักการวิเคราะห์ปัญหา วินิจฉัยปัญหา วิเคราะหท์ างเลอื ก และตดั สินใจเลือกทางเลือกของตนเองส่งผลให้หม่บู า้ นมคี วามเข้มแขง็ พึง่ พาตนเอง ได้
31 4. เป็นแหล่งสรา้ งและอนุรกั ษ์รากฐานทางวัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ สำหรับประโยชน์ ข้อนี้คงเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า ชุมชนแต่ละแห่งคือผู้สร้างและอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาติ ทำให้ ประเทศชาติมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม 5. เปน็ องคก์ รสังคมทีช่ ว่ ยถว่ งดุลไม่ใหเ้ กิดการเปลย่ี นแปลงท่ีรวดเร็วเกนิ ไป สืบเน่ืองจากการ แพร่กระจายของข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วในปัจจุบันท าให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ความรู้ และความคิดไปทั่วโลก แต่ความเป็นชุมชนที่มีลักษณะเฉพาะตนนี้เองที่คอยถ่วงดุลไม่ให้เกิดการ เปลย่ี นแปลงทร่ี วดเรว็ เกนิ ไป 6. เป็นองค์กรท้องถิ่นที่ช่วยจัดระบบความสัมพันธ์ของคนในชุมชนให้เกิดความเหมาะสม รวมท้ังชว่ ยสรา้ งแบบแผนการมีปฏสิ มั พันธใ์ ห้กบั คนในชมุ ชน ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพหรือ PLC คือ การรวมตัว รวมใจ รวมพลัง ร่วมมือกันของครู ผู้บริหารและนักการศึกษา ในโรงเรียน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสำคัญ ดังที่ Sergiovanni (1994) ได้กล่าวว่า PLC เป็นสถานที่สำหรับ “ปฏิสัมพันธ์” ลด “ความโดดเดี่ยว” ของมวลสมาชิก วชิ าชพี ครูของโรงเรียน ในการทำงาน เพอ่ื ปรับปรุงผลการเรียนของนกั เรียน หรอื งานวิชาการ โรงเรียน ซึ่ง มองในมุมมองเดียวกัน โดยมองการ รวมตัวกันดังกล่าว มีนัยยะแสดงถึงการเป็นผู้น าร่วมกันของ ครู หรือเปิดโอกาสใหค้ รูเป็น “ประธาน” ในการเปลยี่ นแปลง (วิจารณ์ พานชิ , 2555) การมคี ณุ ค่ารว่ ม และวิสัยทัศน์ร่วมกัน ไปถึงการเรียนรู้ร่วมกันและการน าสิ่งที่เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ อย่างสร้างสรรค์ ร่วมกัน การรวมตัวในรูปแบบนี้เป็นเหมือน แรงผลักดัน โดยอาศัยความต้องการและความสนใจของ สมาชิกใน PLC เพอื่ การเรียนรู้และพัฒนาวชิ าชีพ สู่มาตรฐานการเรียนรู้ของนกั เรยี นเป็นหลกั (Senge, 1990) การพัฒนา วิชาชีพใหเป็น “ครูเพื่อศิษย์” (วิจารณ์ พานิช, 2555) โดยมองว่า เป็น “ศิษย์ของ เรา” มากกว่ามองว่า “ศิษย์ของฉันและการเปลี่ยนแปลงคุณภาพการจัดการเรียนรู้ที่เริ่มจาก “การ เรียนรู้ ของครู” เป็นตัวตั้งต้น เรียนรู้ที่จมองเห็นการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนาการจัดการเรียนรู้ ของตนเอง เพอ่ื ผ้เู รียน เป็นสำคัญ กล่าวโดยสรปุ PLC หมายถึง การรวมตัว ร่วมใจร่วมพลัง ร่วมท า และร่วมเรียนรู้รว่ มกันของ ครูผู้บริหาร และนักการศึกษา บนพนื้ ฐานวัฒนธรรมความสัมพนั ธ์แบบกลั ยาณมิตร มีวิสัยทัศน์ คุณค่า เป้าหมายและภารกิจร่วมกัน โดยท างานร่วมกันแบบทีม เรียนรู้ที่ครูเป็นผู้น าร่วมกัน และผู้บริ หาร แบบผู้ดแู ลสนับสนุน สู่การเรยี นรู้และพัฒนาวิชาชีพเปลีย่ นแปลงคณุ ภาพตนเอง สู่คุณภาพการจัดการ เรยี นรทู้ เ่ี นน้ ความสำเรจ็ หรอื ประสิทธผิ ลของผู้เรยี นเป็นสำคญั และความสุขของการท างานร่วมกันของ สมาชิกในชมุ ชนการเรียนรู้
32 3.3 ผลการสะทอ้ นคดิ ทเ่ี กิดขน้ึ จากแนวคดิ การพฒั นาชุมชน บทบาทของครูในการพัฒนาชุมชน และประสบการณ์ ใน สถานศกึ ษา เม่ือพิจารณาประกอบกบั ครูนักพฒั นาชุมชนตามโมเดลราชภฏั เหน็ ไดด้ ังน้ี 1. สมั พนั ธก์ บั ชมุ ชน ในชว่ งตลอด 1 ภาคเรยี นนัน้ ได้พบว่าทางโรงเรยี นนัน้ มีโครงการมากมายท่ีสรา้ งความสมั พนั ธ์ กบั ชมุ ชน ใหน้ กั เรยี นไดเ้ รียนร้กู บั แหล่งเรียนรู้ในชุมชน โดยมกี ิจกรรมการลอกคลองชุมชนคลองพกิ ลุ โดยเปน็ ชุมชนทอี่ ยูบ่ ริเวรดา้ นหลงั โรงเรนี เป็นโครงการทใ่ี ห้นกั เรียนตระหนกั ถึงความสำคัญของแหลง่ น้ำกับชุมชน และยงั มีกจิ กรรมอีกมากมายทโี่ รงเรียนนั้นจดั ขึ้นเพือ่ สร้างสัมพนั ธ์กับชมุ ชน นนั้ เอง ซ่ึงมี กจิ กรรมดงั ตอ่ ไปนี้ กจิ กรรมแหเ่ ทยี นเข้าพรรษา ประจำปีการศึกษา 2565 โรงเรียนมธั ยมศกึ ษาเทศบาลเมือง ปทุมธานี เนือ่ งในโอกาสวันเข้าพรรษา โดยกจิ กรรมนเ้ี ปน็ กจิ กรรมทใี่ หน้ กั เรยี นได้มสี ่วนรว่ มในการนำ ขบวนเทยี นเข้าพรรษา แห่ไปยังวัดหงส์ปทุมวาส ระหวา่ งทางนักเรียนไดเ้ ร่ียรายเงินทำบญุ จากคนใน ชมุ ชน ซ่งึ กจิ กรรมนีเ้ ปน็ กจิ กรรมทเ่ี ดก็ นักเรยี นได้ตระหนกั ถงึ ความสำคัญของวันสำคัญทางพุทธ ศาสนา และยังเป็นการสร้างความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งนักเรียนกับชุมชนอกี ด้วย ภาพท่ี 3.1 กิจกรรมแหเ่ ทยี นเข้าพรรษา ท่ีมา : ถ่ายโดยนางสาวธัญพิชชา วงษแ์ พทย์ ต่อมาเป็นกจิ กรรม ตกั บาตรขา้ วสารอาหารแหง้ เนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ในวนั ที่ 28 กรกฎาคม 2565 รว่ มพิธที ำบญุ ตกั บาตรถวายเป็นพระราช กุศลรว่ มพธิ ถี วาย เครอื่ งราชสกั การะและถวายพานพ่มุ และพิธีจดุ เทยี นถวายพระพรชัยมงคล
33 ภาพที่ 3.2 กจิ กรรมตักบาตรขา้ วสารอาหารแห้ง ทีม่ า : ถา่ ยโดยนางสาวธญั พิชชา วงษ์แพทย์ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 โรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาลเมืองปทุมธานี ได้จัดโครงการวัน รวมใจสายสัมพันธ์ ม.ท.ป. เนื่องในวันคล้ายวันก่อตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาลเมืองปทุมธานี และ กิจกรรมมุทิตาจิต แก่ครูผู้เกษียณอายุราชการ ในปี พ.ศ. 2565 ได้แก่ คุณครูปรียา ฉันทะ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ทั้งนี้มีกิจกรรมทำบุญถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุ การมอบโล่ พร้อมเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ และการรดน้ำเพื่อแสดงมุทิตาจิต การแสดงจากคณะครูและนักเรียนท้ัง 6 ระดับชั้น โดยมี พล.ต.ต.พงษ์สวัสดิ์ หาญสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองปทุมธานี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยรองนายกเทศมนตรี ผู้บริหารเทศบาล ผู้บริหารโรงเรียน คณะครู บุคลากร นักเรียน และ แขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน ภาพที่ 3.3 กิจกรรมมุทติ าจติ ทีม่ า : ถา่ ยโดยนกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 วันพุธที่ 7 กันยายน 2565 สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดปทุมธานี ได้จัด อบรมให้ความรู้กับนักเรียน โรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาลเมืองปทุมธานี ในโครงการส่งเสริมและ สนับสนุนสถานศึกษา ร่วมกับโรงเรียนในเครือข่ายในการป้องกันปัญหาพฤติกรรม และการกระทำผิด
34 ของเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืน ทั้งนี้โดยมีนางมาลัย พิมพ์อ่อน รองผู้อำนวยการสถานศึกษา รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะครู และตัวแทนนักเรียน ระดบั ชัน้ มธั ยมสึกษาตอนต้น เขา้ รว่ มการอบรมดงั กลา่ ว ภาพท่ี 3.4 อบรมให้ความรตู้ น้ ภยั ยาเสพตดิ กับนกั เรยี น ท่มี า : ถ่ายโดยนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม 2565 ทันตแพทย์ และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลปทุมธานี เข้า ตรวจสภาพฟัน และสอนการแปรงฟันที่ถูกวิธีให้กับนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตาม กิจกรรม “ฟันสะอาด เหงอื กแข็งแรง” เพ่อื ถวายเปน็ พระราชกุศลแดส่ มเด็จพระศรีนครินทราบรมราช ชนนี ภาพท่ี 3.5 สอนการแปรงฟนั ที่ถกู วธิ ี ที่มา : ถ่ายโดยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 กิจกรรมทั้งหมดที่กล่าวมานี้ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับชุมชน และสิ่งแวดล้อม ดยเป็น การเสริมสร้างความเข้มแข็งของประเพณีวัฒนธรรมและวันสำคัญต่าง ๆ ของประเทศไทย เพื่อให้ ผู้บริหาร ครูและนักเรียนมีส่วนร่วมและเรียนรู้เกี่ยวกับวันสำคัญเพื่อให้นักเรียนมีความเคารพ เชิดชู
35 สถาบันพระมหากษัตรยิ ์และเพอ่ื เสรมิ สรา้ งความรกั และภาคภูมใิ จในสถาบันพระมหากษตั ริย์ของไทย 2. มจี ิตอาสา ในระหว่างการฝึกปฎิบัติการสอน ข้าพเจ้าได้เสริมสร้างจิตสาธารณะสำหรับข้าพเจ้าในฐานะ บุคลากรทาการศึกษา ข้าพเจ้าเน้นการพัฒนาด้านจิตพิสัยและทักษะพิสัยเป็นสำคัญการปลูกฝังจิต สาธารณะใช้เวลาทั้งในและนอกห้องเรียน มกี ารปฏิบัติอย่างต่อเน่ืองจนเป็นนิสยั อนั จะนำข้าพเจ้าไปสู่ การเสริมสร้างจิตสาธารณะสำหรับนักศึกษาครูที่จะเป็นทรัพยากรบุคคลสำคัญของประเทศในอนาคต ใหม้ ีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกอ่ เกิดประโยชนแ์ ก่สังคมโดยรวมรว่ มกบั ชุมชนดังตอ่ ไปนี้ 2.1 ทำงานเป็นทมี /มีภาวะผนู้ ำ ในการทำกิจกรรมของหมวด แต่ละคนก็จะมีบทบาทหน้าที่ที่แตกต่างกันไป ซึ่งทุก คนนั้นมีภาวการเป็นผู้นำ และการจะทำงานหนึ่งสำเร็จนั้นทุกคนต่างต้องเสียสละเวลามาร่วมกันทำ ดังนั้น การมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ตระหนักรู้กฎระเบียบ คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับ ส่วนรวม โรงเรียนจัดกิจกรรมวันพ่อแห่งชาติ กิจกรรมดังกล่าวเป็นการเสริมสร้างความรักและ ภาคภูมิใจในสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ในกิจกรรมดังกล่าวมีการแบ่งงาน แบ่งความผิดชอบ ออกเป็นภาคส่วนต่าง ๆ ข้าพเจ้ามีส่วนร่วมในด้านการจัดสถานที่งานวันภาษาไทย โดยมีคณะครู ช่วยกันจัดเตรียมสถานท่ตี งั้ แตเ่ ตรียมงาน จนกระทง่ั สนิ้ สดุ งาน การเป็นครูท่ีปรกึ ษาในการพาเด็กนักเรียนไปแข่งโครงงาน เปน็ เสมอื นที่ปรึกษานั้นไม่เพียงแค่ มคี วามรู้แตต่ ้องอาศยั ทักษะการทำงานเป็นทมี กับเพ่ือนรว่ มงาน ในการช้นี ำแนวทางให้แก่เด็กนักเรียน จนพานกั เรยี นไปส่คู วามสำเรจ็ ภาพที่ 3.6 ทปี่ รึกษาในการทำโครงงาน ถ่ายโดย : คณุ ครูในหมวดวิชาภาษาไทย
36 2.2 ดแู ละความเรียบร้อยหอ้ งเรยี น การจัดการเรยี นการสอนจะมปี ระสทิ ธภิ าพมาย่งิ ขนึ้ เม่อื สภาพแวดล้อมในห้องเรยี น นน้ั สะอาดและเรียบร้อย ซ่งึ การทำความสะอาดหรอื รับผิดชอบความสะอาดหอ้ งเรยี น หรอื จัด หอ้ งเรยี นให้ดนี ัน้ เป็นอกี สงิ่ หนงึ่ ทคี่ รตู ้องดูแล และรับผิดชอบ ภาพที่ 3.7 ทำความสะอาดห้องเรยี น ทีม่ า : ถา่ ยโดย นางสาวนดา รนื่ เรณู 3.4 บทสรุป จากแนวคิดต่างๆ โมเดลครูราชภัฏและประสบการณ์ในสถานศึกษา สรุปได้ว่า การเป็นครู นักพัฒนาชุมชน สามารถจัดกิจกรรมระหว่างโรงเรียน วัด ชุมชน เพื่อจัดกระบวนการเรียนรู้ในชุมชน สามารถทำได้โดยดำเนนิ การจัดทำโครงการรณรงคแ์ ก้ไขปัญหาของชุมชน เนื่องจากการเปล่ียนแปลง ทางสังคม สถานการณ์สิ่งแวดล้อม สภาพความเป็นอยู่และปัจจัยอื่น ๆที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของ นักเรียน ส่งผลให้ครูจะต้องเป็นครูนักพัฒนาชุมชน ในการเป็นครูนักพัฒนาชุมชนครูจะต้องมีความรู้ ความสามารถในการออกแบบกิจกรรมที่ทำร่วมกับชุมชน เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนเห็นค่านิยมที่ดีที่ควร ปฏิบัติตาม ครูจะต้องมีภาวการณ์เป็นผู้นำ และต้องส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน การสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ดีต่อกันระหว่างโรงเรียนกับชุมชน จะเป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมใน การพัฒนาโรงเรียน เพื่อให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนของชุมชนอย่างแท้จริงและสิ่งสำคัญ ครูสามารถจัด กิจกรรมเสริมหลักสูตรโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น จริยธรรม ประเพณี และวัฒนธรรมของชุมชนมา เรยี นร 3.5 แนวทางในการพฒั นาปรบั ปรุงการเปน็ ครผู สุ้ ร้างสรรค์การเรียนรขู้ องตนเอง แนวทางในการพัฒนานั้นข้าพเจ้าต้องศึกษาความรู้เกี่ยวกับการนำการศึกษานั้นไปเชื่อมโยง กับชุมชน นเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจบริบทของชุมชน และจะจัดท าเนื้อหาสาระ บทเรียน และ
37 หลักสูตรเพื่อใช้สอนนักเรียน ในการเอาชุมชนเข้ามาอยู่ในห้องเรียน เสริมสร้างกิจกรรมเสริมหลักสูตร โดยใชภ้ ูมปิ ญั ญาท้องถ่ิน จริยธรรมประเพณี และวัฒนธรรมของชุมชนน้ัน ๆ มาเรียนรู้หรือจัดทำแหล่ง การเรียนรขู้ องชมุ ชน 3.6 การนำไปใชใ้ นการประกอบอาชีพในอนาคต จากการได้ฝกึ ประสบการณ์พบว่าชุมชนกับโรงเรียนนั้นมคี วามสมั พันธก์ นั เป็นอย่างมาก ตอ้ ง พงึ พาอาศัยกัน ดงั นัน้ ครจู ะตอ้ งพฒั นากิจกรรมใหเ้ หมาะแกบ่ ริบทของชมุ ชนในอนาคตได้ อีกท้งั การ ติดตามข้อมูลข่าวสาร การสังเกตชมุ ชน ดว้ ยข้อมลู ทที่ ันสมัย กจ็ ะทำให้สามารถปรบั ปรุงและออกแบบ กจิ กรรมการพฒั นาชมุ ชนได้อย่างเหมาะสมยิง่ ขึน้ 3.7 ข้อเสนอแนะแกผ่ ู้ที่สนใจ การเปน็ ครนู กั พัฒนาชุมชนนั้นตอ้ งเปน็ ผ้ทู คี่ วามรแู้ ละจิตอาสาในเวลาเดยี วกัน เนือ่ งจากบาง ชุมชนน้ันตอ้ งการนกั พัฒนาไปพัฒนาโดยอาจจะอาศยั โรงเรียน ซงึ่ ครูเป็นสว่ นสำคญั ในการที่ชมุ ชนจะ สัมพนั ธ์กบั โรงเรียน ซ่งึ จะสง่ ผลถึงการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ นักเรยี นและพัฒนาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น ของผเู้ รยี นอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพต่อไป และ ควรมกี ารน าแนวทางการพฒั นาชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ทาง วชิ าชพี ในสถานศึกษา ที่ไดจ้ ากการวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ัตกิ ารหรอื วจิ ัยเชงิ ปฏบิ ตั ิการแบบมสี ่วนร่วมไปปฏิบตั ิ เพอื่ จะได้ทราบผลการนำแนวทางไปใช้
38 บทท่ี 4 ครูดี ครูที่ดีสิ่งแรกเลยก็คือการมีความรู้ทางวิชาการที่เป็นเลิศ คือ มีความรู้ดี ทำให้สามารถสอน นักเรียนได้ และต่อมาเลยก็คือมีการถ่ายทอดความรู้ที่ดี ในเมื่อมีความรู้ดีแล้ว ก็ต้องสามารถถ่ายทอด ความรู้ที่มีนั้นให้แก่นักเรียนได้ ใช้วิธีการสอนที่เมาะสมกับเด็ก และสภาพแวดล้อมของเด็ก เพราะว่า เด็กแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน ต่อมาก็คือเป็นผู้ที่มีการปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก็คือทันโลกทัน เหตุการณ์ เสมอเป็นผู้ที่ ทันสมัยและที่สำคัญมากๆเลยก็คือเป็นผู้ที่มีความอดทนอดกลั้น ทั้งในหน้าที่ การงาน นิสัยของเด็ก ครูดว้ ยกนั รวมไปถงึ เหลา่ ผปู้ กครองเปน็ ผ้ทู ีส่ ามารถทำตนเปน็ แบบอย่างท่ีดีงาม ให้แก่นักเรียนได้ เช่น การแต่งกายดีสุภาพเรียบร้อย ถูกกาลเทศะ มีนิสัยสุภาพออ่อนน้อม มีมนุษย สัมพันธท์ ดี่ ี 4.1 ความสำคญั ของการเปน็ ครดู ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ครูอาวุโส เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2522 มีข้อความที่เกี่ยวกับลักษณะครูที่ดี 3 ประการ คือ\"ความเป็นครูน้ัน ประกอบขึ้นด้วยสิ่งที่มีคุณค่าสูงหลายอย่าง อย่างหนึ่งได้แก่ปัญญา คือความรู้ที่ดีที่ประกอบด้วยหลัก วิชาอันถูกตอ้ ง ที่แน่นแฟนั กระจา่ งแจง้ ในใจรวมทั้งความฉลาดท่ีจะพิจารณาเรือ่ งต่าง ๆ ตลอดจนกจิ ที่ จะทำ คำที่จะพูดทุกอย่างได้โดยถูกต้อง ด้วยเหตุผลอย่างหนึ่งได้แก่ ความดี คือ ความสุจริต ความ เมตตากรุณา เห็นใจและปรารถนาดีต่อผู้อื่นโดยเสมฮหน้า อีกอย่างหนึ่งได้แก่ ความสามารถ ที่จะเผื่อ แผ่และถ่ายทอดความรู้ความดีของตนเองไปยังผู้อื่นอย่างได้ผล ความเป็นครูมีอยู่แล้วฉายออกให้ผู้อื่น ได้รับประโยชน์ด้วยผู้ที่มีความเป็นครูสมบูรณ์ในตัว นอกจากจะย่อมมีความดีด้วยตนเองแล้ว ยังจะ ชว่ ยให้ทุกคนทีม่ ีโอกาสเข้ามาสมั พนั ธ์เกี่ยวข้องบรรลถุ งึ ความดคี วามเจรญิ ไปด้วย\" ครูมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า และก่อนที่จะพัฒนา บ้านเมืองให้เจริญได้นั้น จะต้องพัฒนานักเรียนอันเป็นกำลังหลักของชาติให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ เพราะครูเป็นผู้ให้ความรู้ให้ปัญญาแก่เยาวชน การพัฒนานักเรียนจะดีหรือไม่ดีจะต้องเริ่มต้นจากตัว ของคณุ ครผู สู้ อน ครูทด่ี ีจะตอ้ งเป็นผพู้ ัฒนาตนเองใหม้ ีความรู้ความสามารถ ดา้ นตา่ ง ๆ ท่ีเก่ียวกับการ จัดการเรียนการสอน วางตัวเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรมจริยธรรมและปฏิบัติตาม จรรยาบรรณแห่ง วิชาชีพ และมีความสุข ความภาคภูมิใจในการเป็นครู รวมถึงการปฏิบัติตนที่เราเรียกว่า จรรยาบรรณ วิชาชีพครู (Code of Ethics of Teaching Profession) ครูจะต้องเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติตนเป็น แบบอย่างที่ดี ทั้งทางกายวาจา และจิตใจ ต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย
39 สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์ และผู้รับบริการ และต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเอง ด้านวิชาชีพอยู่สม่ำเสมอ บุคลิกภาพทางกาย ครูหน้าตายิ้มแย้ม แต่งกายสุภาพ ดูงามตา รูปร่างดี ก่อให้เกิดความสนใจอันดับแรกให้กับผู้เรียน ถ้าครูมีคุณสมบัติอื่น ๆ เช่นเทคนิคการถ่ายทอด การใช้ ทกั ษะตา่ ง 1 ย่งิ ทำให้กระบวนการเรยี นการสอนราบรื่นยง่ิ ขน้ึ ครูที่ดี ควรเป็นบุคคลที่กระทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีเป็นพิเศษ เพราะเด็กและเยาวชน ต้องการแบบอย่าง การกระทำที่ถูกต้องดีงาม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของตน ปัจจุบัน แบบกระสวนพฤติกรรมต่างๆ ของ เด็กจำนวนมากมักจะได้มาจากแบบอย่างที่มาจากโทรทัศน์ ภาพยนตร์ แบบอย่างบางประการ ที่ได้มาจากสื่อแต่ก็มีพฤติกรรมบางอย่างที่ ลอกเลียนมาเป็นไป ในทางลบ เยาวชนที่ขาดความรักความอบอุ่น จากบิดามารดา ปู่ย่า ตายาก และไม่ได้แบบอย่างที่ดี งาม ครูอาจารย์ มกั จะปฏบิ ัตติ ัวไปในทาง เสือ่ มเสียตามท่ีตนเองไดต้ ัดสนิ ใจ 4.2 แนวคิดทเ่ี กี่ยวขอ้ ง 4.2.1 แนวคิดตามพระพุทธศาสนา คำสอนในพระพุทธศาสนากล่าวถึง ครูหรือภาระหน้าที่ของครู การสอนของครูและลักษณะ ครูไว้หลายหมวด ส่วนที่กล่าวถงึ ลักษณะของครทู ีด่ ี คือ ดำสอนเรื่องกัลยาณมิตตธรรม 7 ซึ่งถือว่าเปน็ หลกั ธรรมพืน้ ฐานสำหรบั ความเปน็ ครู หลักธรรมนนั้ มี 7 ประการ2 คือ 1. ปียะ หรือ ปีโย แปลว่า น่ารัก หมายถึง ครูต้องทำตนให้เป็นคนน่ารักของลูกศิษย์ คือ ต้อง เป็นผู้มีเมตตา รักเด็กมากกว่ารักตนเอง มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ให้ความสนิทสนมแก่ศิษย์เพื่อให้ลูก ศิษย์มีความสบายใจ และกล้าที่จะเข้าไปปรึกษาหารือเรื่องต่าง ๆ พูดจาอ่อนหวาน เอาใจใส่อบรมส่ัง สอนให้ศิษยเ์ กิดความรู้และเป็นเพ่ือนร่วมทกุ ขร์ ว่ มสขุ กบั เด็กไดต้ ลอดเวลา 2. ครุ แปลว่า น่าเคารพ หมายถึง ครูจะต้องดูแลและปกครองศิษย์ให้ศิษย์มีความรู้สึกอบอุ่น ใจ เป็นที่พึ่งได้และรู้สึกปลอดภัย ครูต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างแก่เด็ก มีเหตุผลและเป็นคนใจ คอหนักแนน่ ไม่เจา้ อารมณ์ เปน็ คนเสมอต้นเสมอปลายในทุก ๆ เร่ือง 3. ภาวนีโย แปลว่า น่าเจริญใจ น่ายกย่องในฐานะผู้ทรงคุณ หมายถึง ครูจะต้องเป็นผู้ที่มี ความรู้และภูมิปัญญาแท้จริง สนใจหาความรูเ้ พิ่มเติม ทั้งเป็นผู้ทีฝ่ กึ อบรมและปรบั ปรุงตนเองอย่เู สมอ ครูจะต้องฝกึ ตนให้เชย่ี วชาญในวชิ าการและให้มสี มรรถภาพในการทำงานอยู่เสมอ 2 สืบคน้ จาก https://kroobannok.com/blog/21656 สืบคน้ เม่อื วนั ท่ี 9 มนี าคม 2566
40 4. วัตตา แปลวา่ รู้จกั พดู ให้ไดผ้ ล ร้จู ักชแี้ จงให้เข้าใจ หมายถึง ครจู ะต้องร้จู ักพูดให้ศิษย์เข้าใจ ได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ สอนในสิ่งที่ถูกต้องไม่บิดเบือน และครูจะต้องรู้จักสอนด้วยความ สนกุ สนานเหมาะสมกบั วยั ของผูเ้ รยี นดว้ ย 5. วจนักขโม แปลว่า อดทนต่อถ้อยคำ หมายถึง ครูต้องพร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษาการ ซักถาม คำเสนอแนะและดำวิพากษว์ จิ ารณไ์ ด้ โดยไมฉ่ นุ เฉียว และลามารถควบคมุ อารมณ์ได้ ปกตเิ ดก็ ยอ่ มมีความซุกซน น่ารำคาญ ครจู ะรำคาญไมไ่ ด้ ต้องอดทนต่อส่ิงทีม่ ากระทบ 6. คัมภีร์รัญจะ กถัง กัตตา แปลว่า แถลงเรื่องลึกล้ำได้ หมายถึง ครูต้องสามารถอธิบายเรื่อง ยุ่งยากซับซ้อนให้เข้าใจได้ด้วย และช่วยให้ศิษย์เรียนรู้ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นด้วย รวมทั้งการอธิบาย สาระสำคัญตา่ ง ๆ ของวิชาได้ถกู ตอ้ งแม่นยำ 7. โน จักฐาเน นิโยชเย แปลว่า ไม่ชักนำในเรื่องเหลวไหล หมายถึง ครูไม่ชักจูงศิษย์ไปในทาง ที่เสื่อมเสีย ดรูไม่ประพฤติชั่ว ควรละเว้นอบายมุขทั้ง 6 อย่าง ได้แก่ การติดสุราและของมึนเมา เที่ยว กลางคนื เที่ยวดกู ารละเลน่ ตดิ การพนนั คบคนชว่ั และเกยี จคร้านในการงาน 4.2.2 แนวคดิ ท่เี ก่ียวขอ้ งกับความเปน็ ครูที่ดี ประกอบด้วย 1. แนวคิดเกยี่ วกับ อินทรยี ์ 5 และ พละ 5 3 อินทรยี ์ 5 กบั พละ 5 น้ี มีลักษณะที่แตกต่างกนั ดงั นี้ 1) สัทธินทรีย์มีการน้อมใจเชื่อเป็นลักษณะ สัทธาพละมีการไม่หวั่นไหวในอารมณ์เป็นที่ตั้ง แห่งความไม่เชื่อเป็นลักษณะ ศรัทธานั้น เป็นใหญ่เหนือความไม่เชื่อ เป็นกำลังที่ปราบปรามความไม่ เชือ่ ลงได้กำจดั ความไมเ่ ช่ือได้ 2) วิริยินทรีย์มีการประคองเป็นลักษณะ วีริยพละมีการไม่หวั่นไหวในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่ง ความเกียจคร้านเป็นลักษณะ วิริยะความเพียร เป็นใหญ่เหนือความเกียจคร้าน เป็นพลังเป็นกำลัง สำหรบั ปราบปรามความเกยี จคร้าน 3) สตินทรีย์มีการบำรงเป็นลักษณะ สติพละมีการไม่หวั่นไหวในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความมี สตฟิ ั่นเฟือนเป็นลกั ษณะ สติเปน็ ใหญเ่ หนือความหลงลืมสตคิ วามเผลอสติ เปน็ เคร่อื งปราบปรามความ หลงลมื สติ 4) สมาธินทรีย์มีความไม่ฟุ้งซ่านเป็นลักษณะ สมาธิพละมีการไม่หวั่นไหวในอารมณ์เป็นที่ตั้ง แห่งความฟุ้งช่านเป็นลักษณะ สมาธิเป็นใหญ่เหนือความฟุ้งซ่านแห่งจิต เป็นเครื่องปราบปรามความ ฟุง้ ซา่ นแหง่ จิต 3 สืบคน้ จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Palisueksabuddhaghosa/article/view/240835 สบื คน้ เม่อื วนั ท่ี 10 มีนาคม 2566
Search