Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore sssssss

sssssss

Description: sssujuccldcoepmopdkepojlahfufjnsjmdjjf32jjwo

Search

Read the Text Version

รายงาน เร่ือง ดอกไม้ในเพลง มบี ้างไหมในราไพ โดย นางสาว ชนิภรณ์ เพชรมณี 6214891004 สาขา เคมี นางสาว อญั ริน สุขสะอาด 6214891019 สาขา เคมี เสนอ อาจารย์ ณนมรัก คาฉัตร

เน้ือเพลงอุทยานดอกไม้ ศิลปิ น อรวี สจั จานนท์ ศิลปิ น : อรวี สจั จานนท์ ชมผกา จาปา จาปี กหุ ลาบ ราตรี พะยอม องั กาบ ท้งั กรรณิการ์.. ลาดวน นมแมว ซ่อนกล่ิน ยโี่ ถ ชงโค มณฑา สายหยดุ เฟ่ื องฟ้า ชบา และสร้อยทอง.. บานบุรี ยสี่ ุ่น ขจร ประดู่ พดุ ซอ้ น พลบั พลึง หงอนไก่ พิกลุ ควรปอง.. งามทานตะวนั รักเร่ กาหลง ประยงค์ พวงทอง บานชื่นสุขสอง พทุ ธชาดสะอาดแซม… **พิศ พวงชมพู กระดงั งาเล้ือยเคียงคู่ ดูสดสวยแฉลม้ รสสุคนธ์ บุญนาค นางแยม้ สารภีท่ีถูกใจ… งามอุบลปน จนั ทร์กะพอ้ ผเี ส้ือแตกกอ พร้อมเลบ็ มือนาง พุดตาน กลว้ ยไม…้ ดาวเรือง อญั ชนั ยห่ี ุบ มะลิวลั ยแ์ ลวิไล ชูช่อไสว เร้าใจในอุทยาน

1. ผกากรอง ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Lantana camara L. ลกั ษณะวงศ:์ เป็นวงศข์ องพืชมีดอก มีท้งั ไมย้ นื ตน้ ไมพ้ ุม่ และไมล้ ม้ ลุก มีดอกช่อ ดอกยอ่ ย ขนาดเล็ก มีกลิ่น สถานที่ที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Verbenaceae

2.จาปา ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Michelia champaca L. ลกั ษณะดอก:ดอกเด่ียวสีเหลืองอมส้ม ออกตามซอกใบใกลป้ ลายก่ิง ดอกต้งั ข้ึน ดอกตูมรูป กระสวย มีแผน่ สีเขียวคลุมอยู่ และจะหลุดไปเมื่อดอกบาน กลีบเล้ียงและกลีบดอกมีลกั ษณะ เหมือนกนั มีจานวน 12-15 กลีบ แตล่ ะกลีบรูปยาวรีแกมรูปหอกกวา้ ง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 4-4.5 เซนติเมตร กล่ินหอมแรง ดอกเร่ิมแยม้ และส่งกลิ่นหอมยามพลบค่า ในเชา้ วนั ต่อมากลีบดอกจะกาง ออกจากกนั และร่วงหล่นลงมาในช่วงเวลาเยน็ ออกดอกเกือบตลอดปี แต่จะมีมากในช่วงตน้ ฤดูฝน สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Magnoliaceae

3.จาปี ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Michelia alba DC ลกั ษณะดอก:กา้ นดอกยอ่ ย ยาว 0-2 เซนติเมตร ดอกมีจานวนมาก สีขาว มีกลิ่นหอม กลีบ รวม มี12 กลีบ (อาจพบมี 8 กลีบ) รูปขอบขนาน ปลายแหลมขนาดใกลเ้ คียงกนั ยาว 3-3.5 เซนติเมตร เกสรเพศผู้ มีจานวนมาก 20-32 อนั เกสรเพศเมีย กา้ นชูเกสร ยาว 0.5 เซนติเมตร รังไขม่ ี 10-13 อนั (อาจมี 4 อนั ) แยกกนั ผวิ เกล้ียงหรือมีขนสีน้าตาล ไม่ติดผล สถานที่ท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Magnoliaceae

4.กหุ ลาบ ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Rosa hybrid ลกั ษณะดอก:กหุ ลาบจดั เป็นไมด้ อกประเภทพมุ่ -พลดั ใบ มีลาตน้ ต้งั ตรงหรือเล้ือย แขง็ แรงมี ใบยอ่ ย 3-5 ใบ ใบมีสีเขียวเขม้ เป็นมนั และมีรอยยน่ เลก็ นอ้ ย ดอกมี 2 เพศในดอกเดียวกนั มี เกสรตวั ผูแ้ ละตวั เมียเป็นจานวนมาก มีท้งั ดอกช้นั เดียวและดอกซอ้ น การจาแนกตามลกั ษณะสีของดอก สถานที่ท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ์ : Rosaceae

5.ราตรี ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Cestrum nocturnum L. ลกั ษณะดอก:ออกดอกเป็ นช่อ ตามซอกใบและปลายยอด ดอกสีขาวอมเขียวหรือดอกสี เหลืองอ่อน กลีบดอกเชื่อมติดกนั เป็นหลอด ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ปลายแยกเป็น 5 แฉก เกสรเพศผู้ 5 เกสร ดอกมีกลิ่นหอมเวลากลางคืน ออกดอกตลอดปี สถานที่ท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Solanaceae

6. พะยอม ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Shorea obtuse ลกั ษณะดอก:ออกเป็นช่อใหญต่ ามปลายก่ิง หรือเหนือรอยแผลใบ สีขาว กลิ่นหอมจดั กลีบ รองกลีบดอกเกล้ียง สีข่นุ มี 5 กลีบ เรียงบิดเวยี น เกสรผมู้ ี 15 อนั รังไขม่ ี 3 ช่อง แตล่ ะช่องมี ไขอ่ อ่ น 2 ผล กา้ นดอกยาว 1.5 ซม. สถานท่ีที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Dipterocarpaceae

7. องั กาบ ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Barleria cristata L. ลกั ษณะดอก:ดอกออกเป็ นกระจุก ดอกมีลกั ษณะเป็นรูปทรงกรวย หรือรูปแตร มีหลายสี เช่น สีม่วง สีม่วงอมชมพู สีม่วงอ่อนสลบั ม่วงแก่ สีขาว และสีเหลือง สถานที่ที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Acanthaceae

8. กรรณกิ าร์ ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Nyctanthes arbor-tristis ลกั ษณะดอก:ดอกออกตามง่ามใบ แตล่ ะช่อมี 3-7 ดอก กลิ่นหอม บานตอนเยน็ และจะร่วง ในเชา้ วนั รุ่งข้ึน ดอกตูมมีกลีบดอกเรียงซอ้ นกนั และบิดเป็ นเกลียว กลีบดอกโคนติดกนั เป็น หลอดสีแสด ปลายหลอดแยกเป็นกลีบสีขาว 5-8 กลีบ เกสรเพศผู้ 2 อนั ติดอยภู่ ายในหลอด กลีบดอก รังไขอ่ ยเู่ หนือวงกลีบ กลม ผลรูปไขห่ รือกลม คอ่ นขา้ งแบน สถานที่ที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Oleaceae

9.ลาดวน ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Melodorum fruticosum Lour. ลกั ษณะดอก:ดอกมีสีนวลกลิ่นหอม ออกเด่ียวตามซอกใบที่ปลายก่ิง กลีบดอกหนาและแขง็ กลีบดอก ช้นั นอก 3 กลีบแผอ่ อก ช้นั ใน 3 กลีบ หุบเขา้ หากนั เมื่อบานเส้นผา่ ศูนยก์ ลาง ประมาณ 2 เซนติเมตร สถานท่ีที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Annonaceae

10 ดอกนมแมว ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Melodorum siamense (Scheff) Ban ลกั ษณะดอก:ดอกเด่ียว ออกที่ซอกใบใกลป้ ลายยอด กลีบดอกหนา มี 6 กลีบ เรียงเป็นสอง ช้นั สีเหลืองนวล มีกลิ่นหอมเยน็ ช่ืนใจ เส้นผา่ ศูนยก์ ลาง 1.5 เซนติเมตร กลีบเล้ียง 3 กลีบ รูปสามเหลี่ยม สีเขียว รูปไข่ สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Annonaceae

11ซ่อนกลนิ่ ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Polianthes tuberosa ลกั ษณะดอก:ออกดอกเป็ นช่อแบบช่อกระจะ จากกลางกอของลาตน้ ดอกสีขาว เรียงกนั เป็นแนวตามกา้ นดอก ช่อดอกแต่ละช่อมี 40-90 ดอก กลีบดอกมีหลายกลีบ แต่ละกลีบยาว ไม่เท่ากนั มีกล่ินหอม โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ออกดอกตลอดปี สถานท่ีที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Agavaceae

12 ยโี่ ถ ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Nerium oleander L. ลกั ษณะดอก:ดอกมีสีชมพู ขาว ออกตามปลายของยอดลาตน้ เป็ นกระจุกหรือช่อ รูปร่าง คลา้ ยกรวยหรือปากแตร เวลาบานกลีบจะมีกล่ินหอม ดอกยโ่ี ถสามารถออกดอกไดท้ ้งั ปี สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Apocynaceae

13. ชงโค ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Bauhinia purpurea L. ลกั ษณะดอก:ดอกสีชมพอู มม่วง, สีมว่ งสดคลา้ ยกลว้ ยไม้ และสีขาว มีกลิ่นหอมออ่ น ๆ ตลอดวนั ดอกบานเตม็ ท่ีขนาด 6-8 ซม. ช่อดอกออกตามซอกใบและปลายกิ่ง มีจานวนดอก นอ้ ย เกสรตวั ผู้ 3 อนั ขนาดไม่เทา่ กนั ออกดอกเกือบตลอดปี ออกดอกมากในฤดูหนาว สถานท่ีที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Fabaceae

14.มณฑา ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Magnolia liliifera ลกั ษณะดอก:ดอกออกตามซอกใบ มีกลีบเล้ียงหนาสีเขียวอมเหลือง 3 กลีบ กลีบดอกสี เหลืองอ่อน 6 กลีบ เรียงเป็นช้นั ช้นั ละ 3 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปไข่กลบั ดอกมีกลิ่นหอมแรง ในตอนเชา้ ออกดอกตลอดปี สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Magnoliaceae.

14. สายหยุด ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Desmos chinensis ลกั ษณะดอก:ดอกสีเขียวอมเหลือง คลา้ ยกบั ดอก Cananga odorata หรืออีลางอีลาง บางคร้ัง จึงเรียกอีลางอีลางแคระ ดอกเม่ือแก่จดั จะกลายเป็นสีเหลือง มีกล่ินหอมแรงโดยเฉพาะตอน เชา้ พอถึงยามสายก็หมดกล่ิน สถานที่ท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Annonaceae

15. เฟ่ื องฟ้า ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Bougainvillea ลกั ษณะดอก:ออกเป็นช่อ ตามซอก ใบหรือปลายก่ิง แตล่ ะช่อมี 3 ดอก เป็นหลอดยาว 1-2 ซม. สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Nyctaginaceae

16.ชบา ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Hibiscus rosa-sinensis ลกั ษณะดอก:ดอกชบา มีท้งั กลีบช้นั เดียวและหลายช้นั หากเป็นช้นั เดียวปกติจะมีกลีบดอก 5 กลีบ มีกา้ นเกสรอยตู่ รงกลางดอกหน่ึงกา้ น ลกั ษณะของกลีบดอกชบาจะมีขนาดใหญ่ มีหลายสีไมว่ า่ จะเป็น ขาว แดง แสด เหลือง ม่วง ชมพู และสีอื่น ๆ โดยดอกชบาแบ่ง ออกเป็ น 3 ลกั ษณะคือ ดอกบานเป็นรูปถว้ ย, ดอกบานเป็นรูปแผแ่ บน, กลีบดอกบานแบบ แผโ่ คง้ สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Malvaceae

17.สร้อยทอง ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Solidago canadensis L. ลกั ษณะดอก:ดอกเป็ นช่อแบบช่อกระจุกแน่น ที่ปลายก่ิง ดอกสีเหลือง กลีบดอก 2 ช้นั ช้นั นอก 13-15 กลีบ รูปแถบ ปลายเวา้ ช้นั ในโคนกลีบเช่ือมติดกนั เป็นหลอดอดั แน่นอยตู่ รงกลาง ออก ดอกช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Compositae

18บานบุรี ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Allamanda cathartica ลกั ษณะดอก:ช่อดอกยาว 5-11 ซม. มีขนส้ันนุ่ม กา้ นดอกยาว 3-6 มม.ดอกสีเหลือง หลอดกลีบ ดอกยาวประมาณ 4 ซม. ช่วงโคนส้นั กวา่ ช่วงกวา้ ง กลีบรูปรีกวา้ ง ยาว 1-1.6 ซม. มีขนส้นั นุ่ม รอบ ๆ เกสรเพศผู้ สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Compositae

19.ยสี่ ุ่น ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Rosa damascene ลกั ษณะดอก:ดอกออกที่ปลายก่ิงเป็นดอกช่อ กลีบดอกสีชมพู กลิ่นหอม สถานที่ท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Rosaceae

20.ขจร ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Telosma minor Craib ลกั ษณะดอก:ช่อดอกสีเหลืองอมชมพู อ่อน ออก เป็นช่อแบบซี่ร่ม ดอกยอ่ ยมีกลีบเล้ียง เชื่อมติดกนั ส่วนปลายแยก 5 แฉกกลีบดอกเช่ือมติดกนั เป็ นหลอดส้ันๆ ปลายกลีบ แยก เป็น 5 แฉก ดอกบานไมพ่ ร้อมกนั ดอกอ่อนสีเขียว เม่ือบานเร่ิมหอมต้งั แตช่ ่วงบา่ ย ดอกออกมาก ต้งั แต่ตน้ ฤดูหนาว สถานท่ีที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Asclepiadaceae

21.ประดู่ ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Pterocarpus macrocarpus ลกั ษณะดอก:ดอกมีสีเหลือง กล่ินหอม มีกล่ินคลา้ ยดอกซ่อนกลิ่น ออกเป็นช่อยาว 10-20 เซนติเมตร ตามง่ามใบ ดอกจะออกช่วงมีนาคม-พฤษภาคม ช่อดอกมีขนาดใหญ่ แตไ่ ม่แตก กิ่งกา้ นแขนงมากอยา่ งประดู่บา้ น สถานที่ที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Leguminosae

22.พดุ ซ้อน ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Gardenia jasminoides ลกั ษณะดอก: มีท้งั ชนิดดอกลา คือกลีบดอกช้นั เดียว และชนิดดอกซอ้ น มีกลีบดอกจานวน มากเรียงซอ้ นกนั เม่ือดอกบานมีเส้นผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 7-8 เซนติเมตร กล่ินหอมแรง ออกดอกตลอดปี สถานท่ีที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Rubiaceae

23.พลบั พลงึ ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Crinum asiaticum ลกั ษณะดอก: ดอกจะออกเป็ นช่อ ตรงปลายจะเป็นกระจุกมีประมาณ 12-40 ดอก ตอนดอก ยงั ออ่ นอยจู่ ะมีกาบเป็นสีเขียวอ่อน ๆ หุม้ อยู่ 2 กาบ กา้ นช่อดอกจะมีความยาวประมาณ 90 ซม. ดอกมีความยาวประมาณ 15 ซม. กลีบดอกจะเป็นสีขาว และมีกล่ินหอม เกสรตวั ผจู้ ะมี อยู่ 6 อนั ติดอยทู่ ่ีหลอดดอกตอนโคน ตรงปลายเกสรมีลกั ษณะเรียวแหลมยาวเป็ นสีแดง โคนเป็ นสีขาว ส่วนอบั เรณูน้นั จะเป็นสีน้าตาล สถานที่ที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Amaryllidaceae

24.หงอนไก่ ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Celosia argentea ลกั ษณะดอก: ดอกออกเป็ นช่อแบบช่อเชิงลด สีขาว หรือสีชมพู กวา้ ง 1-2 ซม. ยาว 2-10 ซม. หรือยาวกวา่ ดอกยอ่ ยจานวนมาก และหนาแน่น สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Amaranthaceae

25.พกิ ลุ ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Mimusops elengi ลกั ษณะดอก: ดอกเด่ียวอยรู่ วมกนั เป็นกระจุกท่ีปลายก่ิงหรือท่ีซอกใบ กลีบเล้ียง 8 กลีบ เรียงซอ้ นกนั 2 ช้นั กลีบดอกประมาณ 24 กลีบ เรียงซอ้ นกนั โคนกลีบดอกเช่ือมติดกนั เล็กนอ้ ย ดอกสีขาว เม่ือใกลโ้ รยสีเหลืองอมน้าตาล ดอกบานวนั เดียวแลว้ ร่วง มีกล่ินหอม ออกดอกตลอดปี สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Sapotaceae

26.ทานตะวนั ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Helianthus annuus ลกั ษณะดอก: ดอกมีขนาดใหญ่ ดอกบานเตม็ ที่โตประมาณ 5-10 นิ้ว มีสีเหลืองสด ตรง กลางดอกมีเกสรเป็นวงเกือบเทา่ ตวั ดอก กลีบดอกบานแผเ่ ป็นวงกลมทาใหเ้ กสรดอก เด่นชดั ข้ึน สถานที่ท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Asteraceae

27.รักเร่ ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Dahlia ลกั ษณะดอกดอกเป็นแบบเดียวกบั เบญจมาศ กา้ นดอกยาวแขง็ แรง กลีบดอก แบง่ ออกเป็น 2 ตอน กลีบดอกช้นั นอกน้ีแผก่ วา้ งออก หรืออาจจะห่อเป็ นหลอดกไ็ ดแ้ ลว้ แตช่ นิดของดอก มีเกสรตวั ผูแ้ ละตวั เมียอยใู่ นดอกเดียวกนั กลีบรองดอก ดา้ นในเป็นแผน่ บาง ๆ เรียงกนั เป็น ระเบียบติดอยกู่ บั ฐานของดอก ส่วนกลีบรองดอกดา้ นนอบเลก็ กวา่ ดา้ นใน เมล็ดมีลกั ษณะ เป็นรูปไข่ ดอกมีหลายสี เช่น ชมพู น้าเงิน ขาว แดง แสด ส้ม ม่วง และเหลือง เป็นตน้ สถานที่ท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Asteraceae

28.กาหลง ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Bauhinia acuminate L. ลกั ษณะดอก: ดอกสีขาว มีลกั ษณะเป็นช่อดอกส้นั ๆ ออกตรงขา้ มกบั ใบท่ีอยตู่ อนปลายก่ิง มี 3-10 ดอก ฝักแบน คลา้ ยรูปขอบขนาน ปลายและโคนฝักสอบแหลม ปลายฝักมีต่ิงแหลม ขอบฝักเป็นสันหนา มี 5-10 เมลด็ เมลด็ เล็กคลา้ ยรูปขอบขนาน สถานที่ท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Fabaceae

29.ประยงค์ ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Aglaia odorata. ลกั ษณะดอก: ดอกเป็ นช่อ ดอกขนาดเลก็ รูปร่างเป็นเม็ดกลม ๆ มี 20-30 ดอกต่อช่อ ดอกมีสี เหลือง สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Meliaceae

30.พวงทอง ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Thryallis glauca ลกั ษณะดอก: ดอกออกเป็ นช่อเดียวที่โคนกา้ นใบ ขนาดอก 1 ซม. มีกลีบ 5 กลีบ สีเหลือง สด เกสรตวั ผู้ 10 อนั อยเู่ ป็นกระจุกกลางดอก ออกดอกตลอดปี สถานที่ท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Malpighiaceae

31.บานชื่น ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Zinnia elegans ลกั ษณะดอก: ดอกฤดูเดียวลาตน้ สูงประมาณ 2 ฟุต ลกั ษณะลาตน้ มีขน ปลายใบแหลม ขอบ ใบเรียบ ใบติดกบั ลาตน้ ดอกมีหลายสี เช่น แดง ชมพู ขาว ส้ม เหลือง มว่ งและ แสด แลว้ แตช่ นิดของพนั ธุ์ แตไ่ ม่มีกล่ิน สถานที่ท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Compositae

32.พทุ ธชาด ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Jasminum auriculatum ลกั ษณะดอก: ดอกช่อ ออกเป็นช่อตรงส่วนยอดของก่ิง สีขาวและดกมาก ช่อหน่ึงมีหลาย ดอกและทยอยผลิบานทุกวนั ดอกติดกนั เป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5- 8 แฉก ดอกบานเตม็ ท่ี ประมาณ 1 ซม. กลิ่นหอมแรง ออกดอกตลอดปี สถานที่ท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Oleaceae

33.พวงชมพู ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Antigonon leptopus ลกั ษณะดอก: ช่อดอกแบบช่อกระจะแยกแขนง ออกตามซอกใบ ซอกก่ิง และท่ีปลายยอด ดอกสีขาวหรือดอกสีชมพู ขนาดเล็ก กลีบดอก 5 กลีบ ช้นั นอกรูปไข่ 2-3 กลีบ กลีบในรูป ขอบขนาน สถานที่ที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Polygonaceae

34. กระดงั งา ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Cananga odorata ลกั ษณะดอก: ดอกช่อออกเป็ นกระจุก ท่ีซอกใบ กระจุกละ 4-6 ดอก กลีบดอกสีเหลืองหรือ เหลืองอมเขียว มีกล่ินหอม ผลเป็นกลุ่มผล ดอกมีกล่ินหอมอ่อน ๆ ตอนเชา้ และเยน็ โดยเร่ิม ออกดอกเม่ือ ปลูกไดป้ ระมาณ 3 ปี สูง 7 - 8 เมตร จึงจะออกดอก สถานที่ที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Annonaceae

35.รสสุคนธ์ ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Tetracera loureiri ลกั ษณะดอก: ดอกขนาดเล็กทรงกลม เส้นผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 0.8 ซม., มีเกสรตวั ผเู้ ป็น พูฝ่ อย คลา้ ยเส้นดา้ ยสีขาวละเอียดรอบดอก ดอกบานวนั เดียวแลว้ โรย ออกดอกเป็นระยะ ตลอดปี . มีกล่ินหอมแรงมากในเวลากลางวนั และหอมอ่อนๆ ในเวลากลางคืน สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Dilleniaceae

36.บุญนาค ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Mesua ferrea ลกั ษณะดอก: ดอกสีขาวหอมเยน็ ออก เป็นกระจุก 2-1 ดอก กลีบดอกรูปไขก่ ลบั ปลายกลีบ ยน่ เล็กนอ้ ย มีเกสรเพศผยู้ าวประมาณ 1.5 ซม.กลีบเล้ียงกลมโคง้ ขนาด 1.5 ซ.ม. สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Clusiaceae

37.นางแย้ม ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Clerodendrum chinense (Osbeck) Mabb. ลกั ษณะดอก: ออกดอกเป็ นช่อตามยอดและปลายก่ิง ดอกจะเบียดเสียดติดกนั แน่นในช่อ หน่ึง ช่อดอกจะกวา้ งประมาณ 10-12 เซนติเมตร ดอกยอ่ ยมีลกั ษณะคลา้ ยดอกมะลิซอ้ น คือมีดอกเป็น พวงเล็ก ๆ หลาย ๆ ดอกเรียงรายซอ้ นกนั อยู่ แตล่ ะดอกเมื่อบานเตม็ ที่จะกวา้ งประมาณ 2-3 เซนติเมตร กลีบดอกมีสีขาว เมื่อบานแลว้ จะค่อย ๆ เปล่ียนสีเป็นสีชมพู สีม่วงแดงสลบั ขาว ดอกยอ่ ยมีกลีบเล้ียงสีมว่ งแดงเป็นหลอดส้ัน ๆ ปลายแยกเป็น 5-6 แฉก กลีบเล้ียงมีสีม่วงแดง ดอกยอ่ ยจะบานไมพ่ ร้อมกนั ดอกดา้ นบนจะบานก่อนดอกดา้ นล่าง แตถ่ า้ บานจะบานอยูน่ าน หลายวนั ดอกมีเกสรตวั ผู้ 4 กา้ น ส่วนเกสรตวั เมียมี 1 กา้ น เมื่อผลแก่จะแตกออกเป็น 4 กา้ น ดอกนางแยม้ มีกล่ินหอมมากท้งั ในเวลาวนั และกลางคืน และสามารถออกดอกไดต้ ลอดท้งั ปี สถานท่ีที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Verbenaceae

38. สารภี ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Mammea siamensis T. Anders. ลกั ษณะดอก: ดอกสีขาวอมเหลือง ออกดอกเป็ นกระจุกตามก่ิง สีขาว กล่ินหอม ร่วงง่าย มี เกสรเพศผสู้ ีเหลือง สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Verbenaceae

39.อบุ ล ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Nelumbo nucifera ลกั ษณะดอก: ดอกเป็ นดอกเด่ียวมีสีขาวและสีชมพชู ูเหนือน้า กลีบดอกจานวนมาก เรียง ซอ้ นกนั หลายช้นั ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เม่ือดอกบานเตม็ ท่ีมีเส้นผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 15-25 ซม. ดอกมีหลายรูปทรงและมีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู แลว้ แตพ่ นั ธุ์ สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ NELUMBONACEAE

40.จนั ทร์ระพ้อ ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Vatica diospyroides Symington ลกั ษณะดอก: สีเหลืองอ่อนหรือเหลืองนวล ขนาดเล็ก กล่ินหอมแรง ออกเป็นช่อแบบช่อ กระจะตามซอกใบบริเวณกิ่งและปลายก่ิง กลีบเล้ียงเช่ือมติดกนั เป็ นรูปถว้ ย มีขนสีน้าตาล ปกคลุม ปลายแยกออกเป็น 5 แฉก กลีบดอกมี 5 กลีบ เวยี นเรียงกนั เป็นรูปกงั หนั กวา้ ง 0.3 - 0.4 เซนติเมตร ยาว 1 - 2 เซนติเมตร ดอกบานเตม็ ท่ีกวา้ ง 2.0 - 2.5 เซนติเมตร ออก ดอกเดือนกมุ ภาพนั ธ์ – มีนาคม สถานที่ที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ DIPTEROCARPACEAE

41.ผเี สื้อ ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Dianthus chinensis ลกั ษณะดอก: ดอกมีท้งั ชนิดดอกซอ้ นและดอกช้นั เดียว ปลายกลีบดอกจะมีลกั ษณะจกั ๆ คลา้ ยฟันปลาหรือ ฟันเลื่อย กลีบหุม้ ดอก มีลกั ษณะรวมติดกนั เป็นกรวยหุม้ กลีบดอกไว้ ดอกมีขนาดต้งั แต่ 2.5-3 นิ้ว สีของดอกมีหลายสี คือ ขาว ชมพู แดง แดงอมม่วง และอาจมี สองสีในดอกเดียวกนั ก็ได้ สถานที่ท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Caryophyllaceae

42.พดุ ตาน ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Hibiscus mutabilis ลกั ษณะดอก: ดอกออกเป็ นดอกเด่ียว หรือเป็นช่อ 1 - 3 ดอก ออกบริเวณซอกใบและปลาย ก่ิง มีริ้วประดบั 7-10 อนั ดอกมีกลีบเกล้ียง 5 แฉก มีขนทวั่ ดอก มีกลีบดอกต้งั แต่ 5 กลีบไป จนถึง 10 กลีบ ตามแต่สายพนั ธุ์ ดอกมีขนาดใหญ่ ดอกมียอดเกสรตวั เมียสีเหลือง เม่ือดอก บานเตม็ ที่จะมีขนาดกวา้ งประมาณ 8-12 เซนติเมตร ลกั ษณะคลา้ ยดอกชบาซอ้ น โดยดอก จะบานในตอนเชา้ ช่วง 7 - 8 นาฬิกา โดยเมื่อดอกแรกบานจะ \"เป็นสีขาว\" ทว่ั ท้งั ดอก เม่ือ สายดอกจะค่อยๆ เปลี่ยนสี \"เป็นสีชมพูและเป็นสีชมพูเขม้ \" โดยมีสีชมพูปนขาว จนชมพู ทว่ั ท้งั ดอก ใน \"ตอนบ่าย\" และดอกจะเปลี่ยน \"เป็นสีแดงและสีแดงเขม้ \" โดยมีสีแดงปน ชมพู ใน \"ตอนเยน็ \" จนกลายเป็นสีแดงเขม้ ทวั่ ท้งั ดอก แลว้ ร่วงโรยในท่ีสุด พดุ ตานออก ดอกดกตลอดท้งั ปี จึงเหมาะสาหรับปลูกไวเ้ ป็นไมป้ ระดบั ที่ควรมีปลูกไว้ สถานที่ที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Malvaceae

43.กล้วยไม้ ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Orchidaceae ลกั ษณะดอก: พชื ดอกที่มีความหลากหลายมากท่ีสุดกลุ่มหน่ึง โดยมีประมาณ 899 สกุล และมีประมาณ 27,000 ชนิดท่ีมีการยอมรับคิดเป็น 6–11% ของพชื มีเมล็ด มีการคน้ พบราว ๆ 800 ชนิดทุก ๆ ปี มีสกุลใหญ่ ๆ คือ Bulbophyllum (2,000 ชนิด), Epidendrum (1,500 ชนิด), Dendrobium (1,400 ชนิด) และ En:Pleurothallis (1,000 ชนิด) สายพนั ธุ์ของ กลว้ ยไมท้ ี่ข้ึนและเติบโตในป่ าเรียกวา่ กลว้ ยไมป้ ่ า สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Orchidaceae; Juss.

44.ดาวเรือง ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Tagetes erecta L. ลกั ษณะดอก: ดอกเป็ นช่อกระจุกเด่ียวที่ปลายยอด ดอกวงนอกกลีบดอกเป็ นรูปรางน้า โคนเป็ น หลอดเล็ก ปลายแผด่ อกวงใน กลีบดอกเป็นหลอด มีหลายสี เช่น สีส้ม เหลืองทอง ขาว และสองสี ในดอกเดียวกนั และมีท้งั ดอกช้นั เดียวและดอกซอ้ น สถานที่ที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Compositae

45.อญั ชัน ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Clitoria ternatea L. ลกั ษณะดอก: ดอกสีขาว ฟ้า และม่วง ดอกออกเดี่ยว ๆ รูปทรงคลา้ ยฝาหอยเชลลอ์ อกเป็ นคู่ ตามซอกใบ กลีบดอก 5 กลีบ ดอกบานเตม็ ท่ียาว 2.5-3.5 เซนติเมตรกลีบคลุมรูปกลม ปลาย เวา้ เป็นแอง่ ตรงกลางมีสีเหลือง มีท้งั ดอกซอ้ นและดอกลา ดอกช้นั เดียวกลีบข้นั นอกมี ขนาดใหญก่ ลางกลีบสีเหลือง ส่วนกลีบช้นั ในขนาดเล็กแต่ดอกซอ้ นกลีบดอกมีขนาด เทา่ กนั ซอ้ นเวยี นเป็นเกลียวออกดอกเกือบตลอดปี สถานท่ีที่พบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Fabaceae

46.ยหี่ ุบ ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Magnolia coco (Lour.) DC. ลกั ษณะดอก: ดอกเป็ นดอกเดี่ยวหรือบางคร้ังออกเป็นช่อส้นั ๆ ช่อละประมาณ 5-8 ดอก โดยจะออกตามซอกใบใกลก้ บั ปลายก่ิง ดอกเป็นสีขาวนวลหรือสีเหลืองอ่อนนวล กา้ นดอก ยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร กลีบดอกมีขนาดใหญ่ ลกั ษณะงองุม้ และแขง็ หนา ดอกตูมโคง้ ลงเลก็ นอ้ ย ส่วนดอกบานจะมีลกั ษณะคลา้ ยโดม มีกลีบดอกประมาณ 6-12 กลีบ ลกั ษณะ ของกลีบดอกเป็นรูปไขก่ ลบั เรียงซอ้ นเป็นช้นั ประมาณ 2-4 ช้นั ช้นั ละ 3 กลีบ แต่ละกลีบ ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร กลีบดอกหนาและอวบน้า มกั หลุดร่วงไดง้ ่าย และมีกาบหุ้ม หรือกลีบรองดอกสีขาวนวลหรือสีเขียวนวล 3 กลีบ หนาและแขง็ เวลาบานเตม็ ที่จะคลา้ ย กลีบดอกช้นั นอก รูปทรงของดอกเป็นรูปทรงกลมเหมือนผอบ ดอกยาวประมาณ 3 เซนติเมตร และเมื่อดอกบานจะมีขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 4-5 เซนติเมตร ดอกมี เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมียจานวนมาก[สถานท่ีท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ MAGNOLIACEAE

47.มะลวิ ลั ย์ ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Jasminum adenophyllum Wall. ลกั ษณะดอก: สีขาว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบ ช่อละ 2-5 ดอก กา้ นดอกสีเขียวอ่อน มีสีน้าตาลเร่ือ กลีบเล้ียงสีเขียวโคนเช่ือมติดกนั ปลายแยก 5-6 แฉก ปลายเรียวแหลม ดอกรูปเช็ม โคนกลีบดอก เช่ือมติดกนั เป็ นหลอดแคบ ปลายแยก 8-9 แฉก รูปแถบเรียวยาว ดอกบานเต็มท่ีกวา้ ง 2.5-3 เซนติเมตร สถานที่ท่ีพบในมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ราไพพรรณี: วงศ:์ Oleaceae


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook