Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่1-2

บทที่1-2

Published by Guset User, 2022-01-18 05:12:56

Description: ilovepdf_merged

Search

Read the Text Version

45 1. ความหมายของฮาร์ดแวรค์ อมพวิ เตอร์ ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ (Computer Hardware) หรือเรียกว่าฮาร์ดแวร์ หมายถึง อุปกรณ์ ตา่ ง ๆ ท่ีประกอบเข้าด้วยกันเป็นคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวรเ์ ป็นส่วนประกอบทางกายภาพทม่ี องเห็นและ จับต้องได้ดังภาพที่ 2.1 ได้แก่ แผงวงจรหลัก หน่วยประมวลผลกลาง ฮาร์ดดิสก์ เคส หน่วยจ่าย กำลงั ไฟฟา้ แรม เครอ่ื งขับดสิ กซ์ ีดี/ดีวดี ี การด์ จอ การด์ เสียง จอภาพ เมาส์ และ แปน้ พิมพ์ ภาพท่ี 2.1 : ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ ทม่ี า : http://1.bp.blogspot.com/-7dyKGjABiJ8/T4r7eBbiCGI/AAAAAAAAAgs/ZeMNbiXdBM8/s1600/comforts-com2.jpg 2. แผงวงจรหลัก แผงวงจรหลักหรือเมนบอร์ด (Mainboard) ทำหน้าท่ีเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์ท้ังหมดของคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน เพ่ือให้ฮาร์ดแวร์สามารถทำงานร่วมกัน โดยมีชิปเซต (Chipset) เปน็ ตัวควบคุมการทำงานตา่ ง ๆ 2.1 ประเภทของแผงวงจรหลกั แผงวงจรหลักแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ 2.1.1 แผงวงจรหลกั แบบรวม แผงวงจรหลักแบบรวมหรืออินติเกรดเมนบอร์ด (Integrated Mainboard) เป็น แผงวงจรหลักท่ีติดตั้งการ์ดจอ การ์ดเครือข่าย การ์ดเสียง และช่องทางรับเข้า/ส่งออก รวมไว้บน แผงวงจรหลัก ดังภาพท่ี 2.2 (หมายเลข 1, 2 และ 3) หากต้องการให้คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพ ท่ีสูงขึ้นต้องติดต้ังอุปกรณ์ท่ีมีคุณภาพสูงเพ่ิมเติมคือการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบ (Adapter Card) ผ่านร่องหรือช่องเชื่อมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบหรือเอ็กซ์แพนชั่นสล็อต หรือ บัส สล็อต (Expansion Slot or Bus Slot) (หมายเลข 4) โดยใช้งานในคอมพิวเตอร์ระดับล่างหรือ ระดับกลาง ซงึ่ มรี าคาถกู และไมต่ อ้ งการใชป้ ระสิทธภิ าพของคอมพิวเตอร์สงู มาก

46 ภาพที่ 2.2 : แผงวงจรหลกั แบบรวม 2.1.2 แผงวงจรหลักแบบไมร่ วม แผงวงจรหลักแบบไม่รวมหรือหรือนอน-อินติเกรดเมนบอร์ด (Non-integrated Mainboard) ดังภาพท่ี 2.3 เป็นแผงวงจรหลักที่ติดตั้งช่องทางรับเข้า/ส่งออก สำหรับเชื่อมต่อกับ อุปกรณ์พ้ืนฐานของคอมพิวเตอร์ ได้แก่ ช่องทางพีเอสทู ช่องทางยูเอสบี มาให้เท่าน้ัน สังเกตุได้จาก ตำแหน่งช่องทางรับเข้า/ส่งออกจะไม่มีช่องทางวีจีเอติดต้ังมาด้วย (หมายเลข 1) จะต้องติดตั้งการ์ดจอ เพ่ิมเติมลงในช่องเช่ือมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบ (หมายเลข 2) เพื่อให้คอมพิวเตอร์ ทำงานได้ โดยที่ในบางรุ่นจะติดตั้งการ์ดเครือข่าย (หมายเลข 3) หรือการ์ดเสียง (หมายเลข 4) มาให้ ด้วย ใช้ในคอมพิวเตอร์ท่ีต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น งานตัดต่อวีดีโอ การเล่นเกมส์ 3 มิติ เป็นต้น ข้อดีของแผงวงจรหลักแบบไม่รวมคือ มีช่องเชื่อมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบเพื่อ เพ่ิมเติมอุปกรณห์ ลายช่อง (หมายเลข 5) ภาพท่ี 2.3 : แผงวงจรหลักแบบไมร่ วม 2.2 รปู แบบแผ งวงจรหลัก รูปแบบแผงวงจรหลักหรือฟอร์ม แฟ็คเตอร์ (Form Factor) คือการออกแบบขนาดของ แผงวงจรหลักและการจัดวางตำแหน่งของชิ้นส่วนอุปกรณ์ ได้แก่ เต้ารับหน่วยประมวลผลกลาง ร่อง หรือช่องแรม ช่องเช่ือมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบ ช่องทางรับเข้า/ส่งออก เพ่ือติดต้ัง เข้าไปภายในเคสและการเลือกใช้หน่วยจ่ายกำลังไฟฟ้าให้ตรงประเภท รูปแบบแผงวงจรหลัก ได้แก่

47 เอทีเอ็กซ์ ไมโครเอทีเอ็กซ์ เฟล็กเอทีเอ็กซ์ และบีทีเอ็กซ์ ดังภาพท่ี 2.4 รูปแบบแผงวงจรหลักเป็นตัว บอกประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ได้ด้วย เช่น รูปแบบเอทีเอ็กซ์ สามารถติดตั้งฮาร์ดแวร์คุณภาพสูง เพมิ่ เติมทำให้คอมพิวเตอร์มปี ระสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น เปน็ ตน้ ภาพท่ี 2.4 : รปู แบบแผงวงจรหลกั ทม่ี า : http://www.itemxp.net/webboard/viewtopic.php?t=10496 2.2.1 รูปแบบแผงวงจรหลักเอทีเอ็กซ์ รูปแบบแผงวงจรหลักเอทีเอ็กซ์ (ATX : Advanced Technology Extended) เป็นแผงวงจรหลกั แบบไมร่ วม ขนาด 12x9.6 น้ิว มีช่องเชื่อมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบ ได้แก่ PCI-Express X16 Slot, AGP Slot และ PCI Slot เพ่ือใช้ติดตั้งการ์ดขยายขีดความสามารถ ของระบบเพิ่มเติม 5-6 ช่อง ใชง้ านในคอมพวิ เตอร์ระดับสูงทต่ี อ้ งการใช้งานทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ 2.2.2 รปู แบบแผงวงจรหลกั ไมโครเอทีเอ็กซ์ รูปแบบ แผงวงจรหลักไมโครเอที เอ็กซ์ (Micro ATX : Micro Advanced Technology Extended) เป็นแผงวงจรหลักแบบรวม ขนาด 9.6x9.6 นิ้ว มีช่องเช่ือมต่อการ์ดขยาย ขีดความสามารถของระบบ ได้แก่ PCI Express X16 Slot และ PCI Slot สำหรับติดต้ังการ์ดขยาย ขดี ความสามารถของระบบเพ่ิมเติม 3-4 ช่อง ใช้งานในคอมพิวเตอร์ระดับล่างหรือระดับกลางสำหรับ การใช้งานท่ัวไป 2.2.3 รูปแบบแผงวงจรหลักเฟล็กเอทเี อ็กซ์ รูป แ บ บ แ ผ งว งจ ร ห ลั ก เฟ ล็ ก เอ ที เอ็ ก ซ์ (Flex ATX : Flex Advanced Technology Extended) เป็นแผงวงจรหลักแบบรวม ขนาด 9.0x7.5 นิ้ว มีช่องเชื่อมต่อการ์ดขยาย ขดี ความสามารถของระบบมาให้ 2-3 ช่อง มี ช่องเพื่อตดิ ต้ังฮาร์ดแวรห์ รือการด์ ขยายขีดความสามารถ ของระบบท่จี ำกดั ใชง้ านในคอมพวิ เตอร์ระดบั ลา่ งหรือระดบั กลางสำหรับการใช้งานทวั่ ไป

48 2.2.4 รูปแบบแผงวงจรหลกั บีทเี อ็กซ์ รูปแบบแผงวงจรหลักบีทีเอ็กซ์ (BTX : Balance Technology Extended) เป็น แผงวงจรหลักแบบรวม ขนาด 9.0x7.5 นิ้ว ใช้สำหรับหน่วยประมวลผลกลางค่ายอินเทล รุ่น Prescott ที่ใช้เต้ารับหน่วยประมวลผลกลางแบบที (T Socket) หรือเต้ารับแบบแอลจีเอ 775 (LGA 755) เพ่ือ การระบายความรอ้ นท่ดี ขี ึ้น ข้อสังเกต มาตรฐานของแผงวงจรหลกั ในปัจจุบันจะมีการติดตัง้ ช่องทางรับเข้า/ส่งออกมาด้วย เพื่อเช่อื มตอ่ กบั อปุ กรณพ์ ้นื ฐาน ได้แก่ ชอ่ งทางพีเอสทู ชอ่ งทางยูเอสบี การด์ เครือข่าย การด์ เสยี ง 3. ส่วนประกอบภายในแผงวงจรหลัก แผงวงจรหลักมีส่วนประกอบภายในที่สำคัญดังภาพท่ี 2.5 สำหรับการติดตั้งหรือเช่ือมต่อ ฮารด์ แวร์ในการประกอบเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ ดังนี้ 1) เตา้ รบั หนว่ ยประมวลผลกลาง หรือ ซพี ียซู อ็ กเก็ต (CPU Socket : หมายเลข 1) 2) ชิปเซต (Chipset : หมายเลข 2) 3) ช่องหน่วยความจำ (Memory Slot : หมายเลข 3) 4) ซมี อสและไบออส (CMOS and BIOS : หมายเลข 4) 5) ช่องทางรับเข้า/สง่ ออก (Input/Output Port : หมายเลข 5) 6) ร่องหรือช่องเช่ือมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบหรือเอ็กแพนชั่นสล็อต หรือ บสั สลอ็ ต (Expansion Slot or Bus Slot : หมายเลข 6) 7) จุดเชื่อมต่อสายสัญญาณเครื่องขับฟล็อปป้ดี ิสก์ก์หรือฟล็อปป้ีดิสกค์ อนเน็กเตอร์ (Floppy Disk Connector : หมายเลข 7) 8) จุดเช่ือมต่อสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์และจุดเชื่อมต่อสายสัญญาณเคร่ืองขับดิสก์ซีดี/ดีวีดี หรอื ฮารด์ ดสิ กค์ อนเน็กเตอร์ (Hard Disk, CD/DVD Drive Connector : หมายเลข 8) 9) จุดเช่ือมต่อสายกำลังไฟฟ้าแบบเอทีเอ็กซ์หรือ เอทีเอ็กซ์ เพาเวอร์คอนเน็กเตอร์ (ATX Power Connector : หมายเลข 9) 10) จุดเช่ือมต่อส่ือสารข้อมูลแบบยูเอสบีหรือยูเอสบี คอนเน็กเตอร์ (USB Connector : หมายเลข 10)

49 ภาพท่ี 2.5 : ส่วนประกอบภายในแผงวงจรหลกั 3.1 เต้ารับหน่วยประมวลผลกลาง เต้ารับหน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียูซ็อกเก็ต (CPU Socket) เป็นตำแหน่งติดต้ัง หน่วยประมวลผลกลาง ดังภาพที่ 2.6 เต้ารับจะมีความแตกต่างกันไปตามค่ายและตระกูลของหน่วย ประมวลผลกลาง ภาพท่ี 2.6 : เตา้ รับหน่วยประมวลผลกลาง

50 3.2 ชปิ เซต ชิปเซต (Chipset) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ทั้งหมดที่ติดต้ังอยู่บน แผงวงจรหลัก เป็นตัวบ่งบอกว่าแผงวงจรหลักสามาถใช้ร่วมกับ หน่วยประมวลผลกลาง แรม ค่ายใด ตระกูลใดหรือรุ่นใด เพราะชิปเซตแต่ละรุ่นจะออกแบบมาให้รองรับการทำงานร่วมกันกับหน่วย ประมวลผลกลาง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยชิปเซตแบ่งเป็น 2 แบบ คือ ชิปเซตนอร์ทบริดจ์ ดังภาพที่ 2.7 (หมายเลข 1) และ ชปิ เซตเซาทบ์ รดิ จ์ (หมายเลข 2) ภาพที่ 2.7 : ชิปเซตนอร์ทบริดจ์และชปิ เซตเซาทบ์ รดิ จ์ 3.2.1 ชปิ เซตนอรท์ บริดจ์ ชิปเซตนอร์ทบริดจ์ (Northbridge Chipset) ทำหน้าท่ีควบคุมอุปกรณ์ท่ีมีการ รับ/ส่งข้อมูลท่ีมีความเร็วสูง ดังภาพที่ 2.8 (หมายเลข 1) เช่น หน่วยประมวลผลกลาง แรม การ์ดจอ ช่องเช่ือมต่อส่ือสารแบบพีซีไอ และหน่วยความจำแคช เป็นต้น สื่อสารกับหน่วยประมวลผลกลาง ผา่ นชอ่ งทางส่อื สารข้อมูลเอฟเอสบี (FSB : Front Side Bus) ท่ีเป็นช่องทางสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง รวมทงั้ ทำงานรว่ มกับชิปเซตเซาทบ์ ริดจ์ และเป็นตวั บอกถึงประสิทธภิ าพของแผงวงจรหลัก 3.2.2 ชิปเซตเซาท์บริดจ์ ชิปเซตเซาท์บริดจ์ (Southbridge Chipset) ทำหน้าท่ีควบคุมอุปกรณ์ที่มีการ รับ/ส่งข้อมูลที่มีความเร็วต่ำและควบคุมอุปกรณ์รับเข้า/ส่งออก ดังภาพที่ 2.8 (หมายเลข 2) เช่น ช่องทางยูเอสบี ช่องทางไฟร์ไว ช่องทางพีเอสทู ช่องทางอนุกรม ช่องทางขนาน ช่องทางเครือข่าย ช่องทางเสียง และควบคุมอุปกรณ์ ฮาร์ดดิสก์ เคร่ืองขับดิสก์ซีดี/ดีวีดี เครื่องขับฟล็อปป้ีดิสก์ เป็นต้น ซ่งึ เปน็ การเชอ่ื มตอ่ กับอปุ กรณท์ ีส่ ง่ ผ่านข้อมลู ท่ีมีความเร็วตำ่

51 ภาพท่ี 2.8 : แผนภาพการทำงานของชปิ เซตนอร์ทบริดจ์และเซาทบ์ ริดจ์ ทีม่ า : https://en.wikipedia.org/wiki/Northbridge_(computing)#/media/File:Motherboard_diagram.svg 3.3 ชอ่ งหนว่ ยความจำ ช่องหน่วยความจำ (Memory Slot) ใช้สำหรับติดต้ังแรม โดยช่องหน่วยความจำที่ ติดตั้งอยู่บนแผงวงจรหลัก ดังภาพที่ 2.9 เป็นช่องหน่วยความจำสำหรับติดต้ังแรมแบบ DDR (หมายเลข 1) DDR 2 (หมายเลข 2) DDR3 (หมายเลข 3) และ DDR 4 (หมายเลข 4) ซ่ึงจะต้องใช้ แรมท่ีเป็นชนิดเดียวกันกับช่อง เช่น แรมแบบ DDR3 จะต้องติดต้ังในช่องหน่วยความจำแบบ DDR 3 เท่านั้น จะใช้แรมแบบ DDR2 หรือ DDR4 ติดต้ังลงไปแทนในช่องหน่วยความจำดังกล่าวไม่ได้ เน่ืองจากขนาดและรอ่ งบากช่องหนว่ ยความจำมีขนาดไมเ่ ทา่ กัน

52 ร่องบากช่องหนว่ ยความจำ ภาพท่ี 2.9 : ชอ่ งหนว่ ยความจำ 3.4 ซมี อสและไบออส 3.4.1 ซีมอส ซีมอส (CMOS ย่อมาจาก Complementary Metal Oxide Semiconductor) เปน็ ชปิ หน่วยความจำรอมแบบก่งึ ถาวร (EPROM : Erasable Programmable Read Only Memory) ดังภาพที่ 2.10 (หมายเลข 1) ซึ่งเป็นชิปที่ใช้เก็บข้อมูลท่ีเป็นค่าเฉพาะของแผงวงจรหลักและสามารถ ทำการเปลย่ี นแปลงค่าโดยผูใ้ ช้ได้ เพ่ือให้ไบออสดงึ ขอ้ มูลนั้นไปใช้ เชน่ วันท่ี เวลา ลำดับเริม่ ตน้ การบู๊ต การปรับค่าความเร็วของหน่วยประมวลผลกลาง การปรับค่าความเร็วการอ่านเขียนของแรม เป็นต้น และชิปซีมอสเป็นหน่วยความจำประเภทท่ีต้องการกำลังไฟฟ้าเลี้ยงเพ่ือให้ข้อมูลคงอยู่ จึงต้องติดต้ัง ถา่ นซีมอสหรือซมี อสแบตเตอร่ี (CMOS Battery : หมายเลข 2) โดยใช้แบตเตอรี่แบบลิเธยี ม เพอ่ื จ่าย และสำรองกำลังไฟฟ้าให้แก่ชิปซีมอสและเม่ือกำลังไฟฟ้าของแบตเตอรี่หมดข้อมูลที่ต้ังค่าและจัดเก็บ ไว้ในซีมอสจะหายไป จำเป็นตอ้ งเปลี่ยนซีมอสแบตเตอรก่ี ้อนใหมท่ ดแทนและตง้ั คา่ ต่าง ๆ ใหม่

53 3.4.2 ไบออส ไบออส (BIOS ย่อมาจาก Basic Input/Output System) หมายถึงระบบหน่วย รับเข้า/ส่งออกพ้ืนฐาน เป็นโปรแกรมคำสั่งสำหรับควบคุมการจัดการขั้นพ้ืนฐานในตอนเร่ิมเปิดเครื่อง คอมพิวเตอร์ โดยไบออสจะดึงข้อมูลจากซีมอส เพ่ือทำหน้าท่ีตรวจสอบหรือการทดสอบตัวเองของ ฮาร์ดแวร์เม่ือเริ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เรียกว่า กระบวนการโพสต์ (POST ย่อมาจาก Power On Self-Test) เมื่อทดสอบฮาร์ดแวร์ผ่านจะทำการโหลดระบบปฏิบัติการ (OS Loader) เป็นลำดับถัดไป เพื่อบ๊ตู ระบบ (System Boot) ภาพที่ 2.10 : ชิปซีมอสและซมี อสแบตเตอรี่ 3.5 ช่องทางรับเข้า/ส่งออก ชอ่ งทางรับเข้า/ส่งออก (Input/Output Port) ดังภาพที่ 2.11 ใช้เชอ่ื มต่อเข้ากับอุปกรณ์ นำเข้าข้อมูลและแสดงผลข้อมูลและอุปกรณ์ต่อพ่วงอ่ืน ๆ โดยช่องทางรับเข้า/ส่งออกติดตั้งอยู่บน แผงวงจรหลกั และเมอื่ ติดตั้งแผงวงจรหลักเขา้ กับเคสแลว้ ชอ่ งทางรับเขา้ /ส่งออกจะอยู่ด้านหลังเคส ภาพท่ี 2.11 : ช่องทางรบั เข้า/สง่ ออก ท่มี า : https://i.ytimg.com/vi/qoOHC6QM4bQ/maxresdefault.jpg

54 3.5.1 ช่องทางพีเอสทู ช่องทางพีเอสทูหรือพอร์ตพีเอสทู (PS/2 Port or Mini DIN) (หมายเลข 1) ใช้ สำหรบั เช่อื มตอ่ เขา้ กับแปน้ พมิ พ์ (สมี ่วง) และเมาส์ (สเี ขียว) 3.5.2 ช่องทางวจี เี อ ช่องทางวีจีเอหรือพอร์ตวีจีเอ (VGA Port ย่อมาจาก Video Graphics Array Port) ใช้เชื่อมต่อกับจอภาพทั้งชนิดซีอาร์ที แอลซีดี และแอลอีดี เรียกอีกช่ือว่าช่องทางดีซัพ (D-Sub Port) เพราะมรี ปู รา่ งคลา้ ยกับตัวอักษร D (หมายเลข 2) สง่ ขอ้ มูลเปน็ สญั ญาณอะนาล็อก (Analog) 3.5.3 ช่องทางดีวไี อ ช่องทางดีวีไอหรือพอร์ตดีวีไอ (DVI Port ย่อมาจาก Digital Visual Interface Port) ใช้เชื่อมต่อกับจอภาพชนิดแอลซีดีและแอลอีดี ช่องทางดีวีไอ (หมายเลข 3) จะส่งข้อมูลเป็น สัญญาณแบบดิจติ อล (Digital) ซง่ึ ภาพจะคมชัดกว่าชอ่ งทางวจี เี อ 3.5.4 ช่องทางยูเอสบี 3.0 ชอ่ งทางยเู อสบี 3.0 หรือพอร์ตยเู อสบี 3.0 (USB 3.0 Port ย่อมาจาก Universal Serial Bus Port รุ่น 3.0 คือ พอร์ตหรือช่องทางในการเช่ือมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ท่ีมี ช่องทางสื่อสารแบบยูเอสบี) ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้หลายชนิด ได้แก่ แป้นพิมพ์ เมาส์ ลำโพง เครื่องพิมพ์ โดยที่ช่องทางยูเอสบี 3.0 มีตัวช่องทางเป็นสีฟ้า (หมายเลข 4) มีความเร็วในการถ่ายโอน ขอ้ มลู ที่ 5 พนั ล้านบิตต่อวินาที (Gbps : Gigga bits Per Seconds) 3.5.5 ช่องทางยูเอสบี 2.0 ช่องทางยเู อสบี 2.0 หรือพอรต์ ยูเอสบี 2.0 (Universal Serial Bus 2.0 Port) ใช้ เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้หลายชนิด ได้แก่ แป้นพิมพ์ เมาส์ลำโพง เครื่องพิมพ์ ช่องทางยูเอสบี 2.0 มีตัว ช่องทางเป็นสีดำ (หมายเลข 5) มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลท่ี 480 ล้านบิตต่อวินาที (Mbps : Mega bits Per Seconds) 3.5.6 ช่องทางเอชดเี อ็มไอ ช่องทางเอชดีเอ็มไอหรือพอร์ตเอชดีเอ็มไอ (HDMI Port ย่อมาจาก High- Definition Multimedia Interface Port) ใช้สื่อสารสัญญาณภาพและเสียงในระบบดิจิตอล โดยใช้ สายสัญญาณเพียงเส้นเดียวโดยจะได้รับสัญญาณท้ังภาพและเสียงพร้อมกัน เชื่อมต่อกับกับจอภาพ ชนิดแอลซดี แี ละแอลอีดี เครื่องโปรเจค็ เตอรห์ รอื เครอ่ื งรบั โทรทศั น์ (หมายเลข 6) 3.5.7 ช่องทางเครอื ขา่ ย ช่องทางเครือข่ายหรือพอร์ตแลน หรือช่องทางอาร์เจ 45 หรือพอร์ตอาร์เจ 45 (Lan Port ย่อมาจาก Local Area Network Port or RJ-45 Port) ใช้เชื่อมต่อเข้ากับเต้าเสียบ เครอื ขา่ ยเพอื่ เขา้ ถงึ ระบบเครือขา่ ยทอ้ งถนิ่ หรอื อินเทอรเ์ นต็ (หมายเลข 7)

55 3.5.8 ชอ่ งทางออดิโอ ช่องทางออดิโอหรือพอร์ตออดิโอ (Audio Port) ใช้เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ระบบ เสียง ซึ่งปกติจะมีอยู่ 3 ช่องทางด้วยกัน สังเกตได้จากสีท่ีแตกต่างกัน (หมายเลข 8) และมีการแสดง สญั ลกั ษณ์กำกับไวข้ ้าง ๆ กับช่องทาง เพอ่ื ใหผ้ ูใ้ ชส้ ามารถเชื่อมต่อใชง้ านไดส้ ะดวกย่ิงขนึ้ ดังน้ี 1) สีชมพู (Mic) คือชอ่ งทางเช่อื มต่อเขา้ กับไมโครโฟน 2) สเี ขยี ว (Line Out) คือช่องทางเช่ือมต่อเข้ากบั ลำโพงหรือหูฟัง 3) สฟี า้ (Line In) คือชอ่ งทางเชือ่ มตอ่ เข้ากบั เครื่องเลน่ ออดิโออนื่ ๆ 3.6 ร่องหรือช่องเช่อื มต่อการด์ ขยายขดี ความสามารถของระบบ ชอ่ งเช่ือมต่อการด์ ขยายขีดความสามารถของระบบ หรือเอ็กแพนชัน่ สล็อต หรือบัสสล็อต (Expansion Slot or Bus Slot) ใช้เชื่อมต่อกับการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบ เช่น การ์ดจอ การด์ เสียง การ์ดเครือข่าย เป็นตน้ มอี ย่หู ลายชนดิ ดว้ ยกันดงั ภาพที่ 2.12 ดังน้ี ภาพที่ 2.12 : ช่องเช่อื มต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบ 3.6.1 ชอ่ งเชอ่ื มตอ่ การ์ดขยายขีดความสามารถของระบบแบบพีซีไอ ช่องเช่ือมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบ แบบพีซีไอ (PCI : Peripheral Component Interconnection Slot) (ห ม าย เล ข 1 ) ใช้ ติ ด ต้ั งก าร์ด ข ย าย ขี ด ความสามารถของระบบ เชน่ การด์ จอ การ์ดเครือข่าย การ์ดเสียง เป็นต้น มชี ่องทางการสือ่ สารข้อมูล หรอื บัส (Bus) หรือแบนด์วิดธ์ (Banwidth) คอื ปริมาณการไหลของข้อมูลเข้าหรอื ออกในช่วงเวลาหน่ึง โดยช่องทางการส่ือสารข้อมูล 32 บิต จะสามารถส่งข้อมูลได้ 132 MB/s (เมกกะบิตต่อวินาที) และ บสั 64 บิต จะเรยี กว่า PCI-X จะสามารถสง่ ขอ้ มูลได้ 264 MB/s

56 3.6.2 ชอ่ งเชือ่ มต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบแบบพซี ไี อเอก็ เพรสวนั ช่องเชื่อมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบแบบพีซีไอเอ็กเพรสวัน (Peripheral Component Interconnection Express x1 Slot) มีแบนด์วิดธ์ 500 MB/s ใช้ติดตั้ง การ์ดขยายขดี ความสามารถของระบบ เช่น การ์ดจอ การ์ดเครือขา่ ย การด์ เสียง เป็นตน้ (หมายเลข 2) 3.6.3 ช่องเชอ่ื มตอ่ การด์ ขยายขดี ความสามารถของระบบแบบพีซีไอเอ็กเพรสซกิ ซ์ทีน ช่องเชื่อมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบแบบพีซีไอเอ็กเพรสซิกซ์ทีน (Peripheral Component Interconnection Express x16 Slot) (หมายเลข 3) มีแบนด์วิดธ์ต้ังแต่ 500 MB/s, 1 GB/s, 2 GB/s, 4 GB/s และ 8 GB/S ใช้ติดต้ังการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบ เชน่ การ์ดจอ การ์ดเครือข่าย การด์ เสียง เป็นต้น 3.6.4 ช่องเชอ่ื มต่อการด์ ขยายขดี ความสามารถของระบบแบบเอจีพี ช่องเชื่อมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบแบบเอจีพี (AGP : Accelerated Graphics Port) ดังภาพที่ 2.13 ใช้สำหรับติดตั้งการ์ดจอ มีความเร็วของปริมาณการ ไหลข้อมูลเข้าหรือออกในช่วงเวลาหนึ่งแบบสูงกว่า ช่องเชื่อมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของ ระบบแบบพีซีไอ โดยจะทำงานได้เท่ากับความเร็วระบบบัสของแผงวงจรหลัก เช่น ระบบบัสของ แผงวงจรหลักเป็น 100MHz ช่องเชื่อมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบแบบเอจีพี AGP 8X กจ็ ะมีความเรว็ ไหลข้อมูลเขา้ หรอื ออกท่ี 800MHz ภาพที่ 2.13 : ช่องเชื่อมต่อการด์ ขยายขดี ความสามารถของระบบแบบเอจีพี 3.7 จดุ เช่ือมตอ่ สายสญั ญาณฟลอปปี้ดสิ ก์ จุดเชื่อมต่อสายสัญญาณฟลอปปี้ดิสก์หรือฟลอปปี้ดิสก์คอนเน็กเตอร์ (Floppy Disk Connector) ดังภาพท่ี 2.14 มีจำนวน 34 เข็ม (ไม่มีเข็มที่ 5 เพ่ือป้องกันการเชื่อมต่อผิดด้าน) ใช้ เชื่อมต่อกับเครื่องขับฟล็อปปี้ดิสก์ด้วยสายสัญญาณ โดยในปัจจุบันนี้แผงวงจรหลักบางรุ่นไม่ติดตั้งจุด เชอ่ื มต่อสายสัญญาณฟลอปปด้ี สิ ก์มาเนอื่ งจากไดเ้ ลิกใช้งานไปแล้ว

57 ภาพท่ี 2.14 : จุดเช่อื มต่อสายสัญญาณฟลอปป้ีดิสก์ 3.8 จุดเช่ือมต่อสายสัญญาณฮารด์ ดิสก์และจดุ เช่ือมต่อสายสญั ญาณเคร่ืองขับดิสก์ซดี /ี ดีวดี ี จุดเชื่อมต่อสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์และจุดเชื่อมต่อสายสัญญาณเคร่ืองขับดิสก์ซีดี/ดีวีดี หรือฮาร์ดดิสก์คอนเน็กเตอร์และซีดี/ดีวีดี ไดร์ฟ คอนเน็กเตอร์ (Harddisk Connector & CD/DVD Drive Connector) ใช้เช่ือมต่อระหว่างฮาร์ดดิสก์และเคร่ืองขับดิสก์ซีดี/ดีวีดีเข้ากับแผงวงจรหลัก เพราะมรี ูปแบบการเชอ่ื มต่อแบบเดียวกนั สามารถใช้จุดเชือ่ มตอ่ สายสัญญาณร่วมกันได้ มี 2 แบบ คือ 3.8.1 จุดเช่อื มตอ่ สายสญั ญาณแบบไอดอี ี จุดเชื่อมต่อสายสัญญาณแบบไอดีอีหรือไอดีอีคอนเน็กเตอร์ (IDE ย่อมาจาก Integrated Drive Electronics Connector) หรือเรียกว่าการรับส่งข้อมูลแบบขนาน (PATA ย่อมาจาก Parallel Advanced Technology Attachment) ดังภาพที่ 2.15 (หมายเลข 1) มีลักษณะเป็นเข็ม มีจำนวน 40 เข็ม (ไม่มีเข็มที่ 20 เพื่อป้องกันการเชื่อมต่อผิดด้าน) โดยใช้สายแพเป็นตัวเชื่อมต่อ ระหว่างจุดเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ ซึ่งในสายแพ 1 เส้นจะมีสายสัญญาณภายในท้ังหมดแบบ 40 เส้น และแบบ 80 เส้น และสายแพ 1 เส้นจะใชเ้ ช่ือมตอ่ กบั อปุ กรณไ์ ด้ 2 ตัว 3.8.2 จุดเชือ่ มตอ่ สายสัญญาณแบบซาต้า จุดเชื่อมต่อสายสัญญาณแบบซาต้าหรือซาต้าคอนเน็กเตอร์ (SATA : Serial Advanced Technology Attachment) ดังภาพที่ 2.15 (หมายเลข 2) มีลักษณะเป็นจุดเชื่อมต่อ รูปตัวแอลและมีเคสหุ้ม เช่ือมต่อระหว่างจุดเชื่อมต่อกับอุปกรณ์โดยใช้สายสัญญาณแบบซาต้าในการ เช่อื มตอ่ ซึ่งจุดเช่ือมต่อ 1 จดุ ใช้สายสัญญาณ 1 เสน้ เชอ่ื มต่อได้ 1 ตวั ภาพท่ี 2.15 : จดุ เชื่อมต่อสายสญั ญาณแบบไอดีอีและจดุ เช่อื มตอ่ สายสัญญาณแบบซาต้า

58 3.9 จดุ เชือ่ มตอ่ สายกำลงั ไฟฟา้ แบบเอทเี อก็ ซ์ จุดเช่ือมต่อสายกำลังไฟฟ้าแบบเอทีเอ็กซ์หรือเอทีเอ็กซ์เพาเวอร์คอนเน็กเตอร์ (ATX Power Connector) ทำหน้าท่ีเช่ือมต่อหัวเชื่อมต่อกำลังไฟฟ้าให้กับแผงวงจรหลัก คือ จุดเชื่อมต่อ สายกำลังไฟฟ้าแบบเอทีเอ็กซ์ ชนิด 24 เข็ม (ATX Power Connector 24 Pin) ดังภาพที่ 2.16 (หมายเลข 1) และจดุ เชอ่ื มต่อสายกำลงั ไฟฟา้ แบบเอทเี อ็กซ์ ชนิด 4 เข็ม (ATX Power Connector 4 Pin) (หมายเลข 2) สำหรบั จา่ ยกำลงั ไฟฟา้ ให้กับหน่วยประมวลผลกลาง ภาพที่ 2.16 : จดุ เชื่อมต่อสายกำลงั ไฟฟา้ แบบเอทเี อก็ ซ์ 3.10 จดุ เช่ือมตอ่ ส่ือสารขอ้ มลู แบบยเู อสบี จุดเชื่อมต่อสื่อสารข้อมูลแบบยูเอสบีหรือยูเอสบีคอนเน็กเตอร์ (USB Connector ติดต้ังอยู่บนแผงวงจรหลักดังภาพที่ 2.17 ใช้เพื่อเชื่อมต่อช่องทางยูเอสบีเพ่ิมเติมเข้ากับแผงควบคุม ดา้ นหน้าเคส โดยใชส้ ายสญั ญาณเป็นตวั เชอ่ื มตอ่ เพื่อให้สามารถใช้ชอ่ งทางยูเอสบที ่แี ผงดา้ นหน้าเคส ภาพที่ 2.17 : จดุ เชื่อมต่อส่ือสารข้อมูลแบบยูเอสบี 3.11 จดุ เชอ่ื มต่อแผงควบคมุ ดา้ นหน้าเคส จุดเช่ือมต่อแผงควบคุมด้านหน้าเคส (Front Panel Connector) ติดตั้งอยู่บน แผงวงจรหลัก ดังภาพท่ี 2.18 ใช้เชื่อมต่อกับแผงควบคุมด้านหน้าเคสโดยใช้สายสัญญาณเป็นตัว เชื่อมต่อเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถใช้ สวิตช์รีเซ็ต (Reset SW : Reset Switch) สวิตช์เพาว์เวอร์ หรือสวิตช์เปิดคอมพิวเตอร์ (PWR SW : Power Switch) หลอดไฟแสดงสถานะการทำงานของ คอมพิวเตอร์ (PWR LED : Power LED) หลอดไฟแสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์ (HDD LED : Harddisk LED) และไมใ่ ช้งาน (NC) และไมม่ ีจดุ เชื่อมต่อ (EMPTY)

59 ภาพที่ 2.18 : จุดเช่อื มต่อแผงควบคุมดา้ นหนา้ เคส 4. อุปกรณฮ์ าร์ดแวร์อ่นื ๆ อุปกรณ์ฮารด์ แวร์อืน่ ๆ ทน่ี ำมาประกอบเขา้ ดว้ ยกันเพอ่ื ให้คอมพิวเตอรท์ ำงานได้ ไดแ้ ก่ 4.1 หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ ด้านการคำนวณ วิเคราะห์ข้อมูล และส่ังให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทำงาน ประกอบด้วยหน่วยย่อยภายใน ดังน้ี หนว่ ยควบคุม หน่วยคำนวณและตรรกะ หนว่ ยความจำ ดงั ภาพท่ี 2.19 หนว่ ยประมวลผลกลาง หนว่ ยควบคมุ หน่วยคำนวณและ ดาตา้ บสั ตรรกะ ดา ้ตา หนว่ ยความจำหลัก ภาพที่ 2.19 : หน่วยประมวลผลกลาง

60 4.1.1 หน่วยควบคมุ หน่วยควบคุม (CU ย่อมาจาก Control Unit) ทำหน้าท่ีควบคุมการทำงานของ ทกุ หน่วยย่อยภายในหน่วยประมวลผลกลางและฮาร์ดแวรต์ ่าง ๆ เช่น แปลคำส่งั ท่ปี ้อน ควบคุมหน่วย รับข้อมูลให้รับข้อมูลเข้ามาเพ่ือทำการประมวลผล ตัดสินใจว่าจะให้เก็บข้อมูลไว้ที่ไหน ตรวจสอบ ความถูกต้องของข้อมูล ควบคุมหน่วยคำนวณและตรรกะทำการคำนวณข้อมูลทรี่ ับเขา้ มา และควบคุม การแสดงผลลัพธ์ เป็นต้น 4.1.2 หน่วยคำนวณและตรรกะ หน่วยคำนวณและตรรกะ (ALU ย่อมาจาก Arithmetic and Logic Unit) ทำ หน้าท่ีคำนวณทางคณิตศาสตร์ (Arithmetic Operation) และการคำนวณทางตรรกศาสตร์ (Logical Operation) โดยปฏิบัติการเก่ียวกับการคำนวณได้แก่ การบวก (Addition) ลบ (Subtraction) คูณ (Multiplication) หาร (Division) และการเปรียบเทียบขอ้ มูลตา่ ง ๆ 4.1.3 หน่วยความจำหลกั หน่วยความจำหลัก (Main Memory Unit) ได้แก่ หน่วยความจำ แรม หน่วย จัดเก็บข้อมูลสำรอง หน่วยจัดเก็บข้อมูลภายใน เป็นหน่วยที่ใช้เก็บข้อมูลและคำส่ังเพื่อใช้ในการ ประมวลผล โดยขอ้ มลู และคำส่งั ถกู สง่ มาจากหน่วยควบคุม สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คอื 1) หน่วยความจำสำหรับเก็บคำส่ัง (Program Memory) ใช้เก็บคำส่ังท่ีใช้บ่อย เช่น คำสัง่ เร่ิมต้นการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งยงั คงอยู่ภายในคอมพวิ เตอร์ถึงแมป้ ิดคอมพิวเตอร์แล้ว เป็นข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงน้อย เช่น รอม (ROM ย่อมาจาก Read Only Memory) คือ หน่วยความจำ แบบอ่านได้อย่างเดียว หรือ อีอีพีรอม (EEPROM ย่อมาจาก Electrically Erasable Programmable Read Only Memory) คือ หนว่ ยความจำแบบรอมทีส่ ามารถลบและแก้ไขไดห้ ลายคร้งั เป็นต้น 2) หน่วยความจำสำหรับเก็บข้อมูลและคำสั่ง (Data and Instructions Memory) ได้แก่ แรม เป็นหน่วยความจำที่สามารถเก็บข้อมูลและคำส่ังจากหน่วยนำเข้าข้อมูล แต่ข้อมูลและ คำส่ังจะหายไป เม่ือมีการนำเข้าข้อมูลหรือคำส่งั ใหม่ ปิดคอมพวิ เตอร์ หรอื กระแสไฟฟา้ ขัดข้อง 4.1.4 เสน้ ทางการสอ่ื สารขอ้ มูล เส้นทางการส่ือสารข้อมูลหรือดาต้าบสั (Data Bus) ทำหน้าที่เช่อื มต่อหน่วยต่าง ๆ ภายในหน่วยประมวลผลกลางให้สามารถส่ือสารข้อมูลร่วมกันได้ ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ ภายในหน่วย ประมวลผลกลางจะสือ่ สารและรบั ส่งขอ้ มลู ต่าง ๆ ตามเสน้ ทางการสอ่ื สารข้อมลู หรือเรียกว่า ดาตา้ บสั

61 4.1.5 หนว่ ยความจำแคช หน่วยความจำแคช (Cache Memory) ดังภาพที่ 2.20 คือหน่วยความจำท่ีมี ความเร็วในการเข้าถึงและการถ่ายโอนข้อมูลท่ีสูง มีหน้าที่จัดเก็บข้อมูลหรือคำสั่งที่ใช้งานบ่อย โดยท่ี หน่วยประมวลผลกลางจะค้นหาและดึงข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในหน่วยความจำแคชระดับ 1 แคชระดับ 2 และแคชระดบั 3 กอ่ นจะค้นหาในแรม ฮารด์ ดสิ ก์ หรอื อุปกรณ์จัดเกบ็ ขอ้ มลู มี 2 ประเภท คือ 1) หน่วยความจำแคชภายในหน่วยประมวลผลกลาง จะติดต้ังอยู่ภายในตัว หน่วยประมวลผลกลาง เรียกว่าหนว่ ยความจำแคชระดับ 1 (L1 Cache) หรือ ไพรมารแ่ี คช (Primary Cache) ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ L1 Data และ L1 Instruction และหน่วยความจำแคชระดบั 2 (L2 Cache) หรือเซคันดาร่ีแคช (Secondary Cache) โดยหน่วยความจำแคชระดับ 2 นี้ในหน่วย ประมวลผลกลางบางรุ่นได้ทำการติดต้ังอยู่ภายนอกหน่วยประมวลผลกลางคือติดต้งั บนแผงวงจรหลัก 2) หน่วยความจำแคชภายนอกหน่วยประมวลผลกลาง ติดตั้งอยู่บนแผงวงจรหลัก เหมอื นแรมเรยี กว่าหน่วยความจำแคชระดับ 3 (L3 Cache) ภาพท่ี 2.20 : หนว่ ยความจำแคช https://i1.wp.com/www.quickpconline.com/pc/wp-content/uploads/2018/08/CPU-CACHE-01.jpg

62 4.1.6 ขน้ั ตอนการทำงานของหน่วยประมวลผลกลาง ลักษณะเปน็ วงรอบการทำงานของคำสั่ง (Machine Cycle) ดังภาพที่ 2.21 คอื ขน้ั ตอนที่ 1 เฟทช์ชิ่ง หน่วยควบคมุ ของหน่วยประมวลผลกลางอา่ นรหสั (Fetching) คำสัง่ และขอ้ มลู ทต่ี ้องการประมวลผลจาก หนว่ ยความจำมาเก็บไว้ในรจี ิสเตอร์ ขั้นตอนที่ 2 ดีโคด๊ ดง้ิ หนว่ ยควบคมุ ถอดรหสั คำสัง่ เพื่อให้หน่วย (Decoding) ประมวลผลกลางกระทำกับขอ้ มูล ข้นั ตอนที่ 3 เก็ทดาต้า หนว่ ยคำนวณและตรรกะรับข้อมลู และคำส่งั เขา้ มา (Get Data) ขั้นตอนที่ 4เอก็ เซคคิวช่นั หน่วยคำนวณและตรรกะประมวลผลตามข้อมูล (Execution) และคำสงั่ และจัดเก็บผลลัพธ์ที่ไดไ้ ว้ในหน่วยความจำ การทำงานจะวนเป็นวงรอบการทำงานของคำสั่งไปเร่ือย ๆ และในปัจจุบนั น้ีได้มี การพัฒนาการแบง่ วงรอบการทำงานของคำส่ังออกเป็นวงรอบการทำงานของคำส่ังยอ่ ย โดยในขณะที่ หน่วยประมวลผลกลางทำวงรอบการทำงานของคำสั่งแรกก็จะมีการอ่านรหัสคำส่ังของวงรอบการ ทำงานของคำส่ังที่สองมาประมวลผลไปพร้อมกัน ซึ่งคำสั่งที่สองจะเกิดขึ้นจากการประมวลผลของ คำสั่งแรก เรยี กวิธนี ีว้ า่ เทคนคิ ไปป์ไลน์ (Pipelining) ส่งผลใหห้ นว่ ยประมวลผลกลางทำงานเร็วข้ึน หน่วยควบคมุ หนว่ ยคำนวณและตรรกะ 2. ถอดรหัสคำส่ัง 3. รับคำส่ัง/คำแนะนำ FETCH CYCLE ีร ิจสเตอ ์ร EXECCUTION CYCLE 1. อา่ นรหสั คำส่ัง 4. ประมวลผลตามคำสง่ั หนว่ ยความจำ ภาพท่ี 2.21 : วงรอบการทำงานของคำสัง่

63 4.1.7 ผผู้ ลติ หน่วยประมวลผลกลาง ผผู้ ลิตหน่วยประมวลผลกลางในปัจจุบันมี 3 บริษัท ได้แก่ อินเทล (Intel) เอเอ็มดี (AMD) และเวีย (VIA) ซึ่งหน่วยประมวลผลกลางแต่ละค่ายและตระกูลมีคุณสมบัติท่ีแตกต่างกันไปท้ัง ด้านราคา ประสิทธิภาพ และการนำไปใช้งานในคอมพิวเตอร์ระดับล่าง ระดบั กลางหรอื ระดบั สูง 1) บริษัท อินเทล (Integrated Electronics Coporation) เป็นค่ายผู้ผลิตและ เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตหน่วยประมวลผลกลาง และมีการพัฒนามาอย่างต่อเน่ือง เช่น รุ่น 80800, 80286, 80386, 80486, เพนเทียม (Pentium) เซลเลอรอน (Celeron) เพนเทียม เอ็มเอ็ม เอ็กซ์ (Pentium MMX) เพนเทียมโปร (Pentium Pro) เพนเทียมทู (Pentium II) เพนเทียมทรี (Pentium III) เพนเทียมโฟว์ (Pentium 4) คอร์ ไอทรี (Core i3) คอร์ ไอไฟว์ (Core i5) คอร์ ไอเซเว่น (Core i7) และ คอร์ ไอไนน์ (Core i9) โดยอินเทลมีเว็บไซต์ www.Intel.com สำหรับให้ข้อมูล ข่าวสารเกย่ี วกบั ผลิตภณั ฑ์ 2) บริษัท เอเอ็มดี จำกัด (Advanced Micro Devices, Inc.) เป็นค่ายที่ผลิต หน่วยประมวลผลกลางที่มีประสิทธิภาพสูง และมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เช่น ตระกูล เคไฟว์ (k5) เค ซิกซ์ (k6) เค เซเว่น (k7) แอทลอน (Athlon) ดูรอน (Duron) เอ็กซ์พี (XP) แอทลอน ธันเอร์เบิร์ด (Athlon Thunderbird) เอฟเอ็กซ์ (FX) และ ไรเซน (Ryzen) เป็นต้น โดย เอเอม็ ดีมเี ว็บไซต์ www.amd.com สำหรับใหข้ อ้ มลู ขา่ วสารเกี่ยวกบั ผลติ ภัณฑ์ 3) บริษัท เวยี เทคโนโลยี (VIA Technologies, Inc.) ได้ซื้อกิจการตอ่ จากบริษัท ไซริกส์ (Cyrix : ผู้ผลิตหน่วยประมวลผลกลางยี่ห้อ Cyrix) และบริษัทไอดีที (IDT : ผู้ผลิตหน่วย ประมวลผลกลางย่ีหอ้ Winchip) และพัฒนาต่อเปน็ หน่วยประมวลผลกลางราคาถูก แตม่ ีผ้ใู ช้งานนอ้ ย กว่าหนว่ ยประมวลผลกลางของอนิ เทลและเอเอ็มดี เช่น ตระกลู เวยี ซที รี (VIA C3) เวีย เคเอ็กซ์ (VIA KX) เป็นต้น โดยเวยี มีเว็บไซต์ชื่อ https://www.viatech.com/en/ สำหรับใหข้ อ้ มูลข่าวสารเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์

64 4.1.8 เทคโนโลยีทส่ี ำคัญของหนว่ ยประมวลผลกลาง 1) เทรด (Thread) เป็นเทคโนโลยีที่ผู้ผลิตไดพ้ ัฒนาขึ้นเพ่ือชว่ ยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการทำงานหรือประมวลผลของหน่วยประมวลผลกลาง ด้วยการจำลองการทำงานของหน่วย ประมวลผลกลางทม่ี ีเพียง 1 ตวั ใหท้ ำงานได้ 2 งานไปพร้อมกนั และสามารถทำงานไดห้ ลายอย่างพร้อม กันตามจำนวนเทรดท่ีเพ่ิมขึ้น โดยท่ัวไปหน่วยประมวลผลกลาง 1 แกนจะมี 2 เทรด ดังภาพที่ 2.22 เรียกเทคโนโลยนี ว้ี ่า Simultaneous MultiThreading หรอื SMT ภาพที่ 2.22 : เทคโนโลยเี ทรด 2) หลายแกนหรือมัลติคอร์ (Multicore) เป็นเทคโนโลยีทคี่ ่ายผู้ผลติ ได้พัฒนาข้ึน เพ่ือใช้ประสิทธิภาพหน่วยประมวลผลกลางให้เต็มความสามารถ โดยภายในหน่วยประมวลผลกลาง 1 ตวั จะมี 1 แกน (Single Core) ดังภาพท่ี 2.23 (หมายเลข 1) คา่ ยผู้ผลิตได้คิดค้นเทคโนโลยีหลายแกน คือหน่วยประมวลผลกลาง 1 ตัวมีแกนภายในหน่วยประมวลผลกลางมากกว่า 1 แกน เช่น แกนคู่ (Dual Core หรือ 2 Core) คือหน่วยประมวลผลกลาง 1 ตัวภายในมี 2 แกน (หมายเลข 2) ส่ีแกน (Quad Core หรอื 4 Core) ภายในมี 4 แกน (หมายเลข 3) หกแกน (Hexa Core หรอื 6 Core) และ แปดแกน (Octa Core หรือ 8 Core) ในปัจจุบันมีถึงสิบหกแกน (16 Core) เป็นต้น โดยจะทำงาน ประมวลผลแยกกนั ตามแกนที่มีภายในหน่วยประมวลผลกลางสง่ ผลใหค้ อมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วขน้ึ ภาพที่ 2.23 : เทคโนโลยีหลายแกน ทีม่ า : https://www.extremepc.in.th/wp-content/uploads/2017/12/Turbo_Slide1T.jpg

65 4.1.9 เตา้ รับหนว่ ยประมวลผลกลาง เต้ารบั หน่วยประมวลผลกลางหรอื ซพี ยี ูซ็อกเกต็ (CPU Socket) มีดังนี้ 1) เต้ารับหน่วยประมวลผลกลางแบบพีจีเอ (PGA : Pin Grid Array) ลักษณะ เต้ารบั จะเป็นรูเลก็ ๆ จำนวนมากเพือ่ รองรบั ขาหน่วยประมวลผลกลางทม่ี ลี กั ษณะเป็นเข็ม (Pin) 2) เต้ารับหน่วยประมวลผลกลางแบบแอลจีเอ (LGA : Land Grid Array) ลกั ษณะเต้ารบั จะเป็นจุดสมั ผัสทรงกลมย่นื ออกมาจากฐานรอง ตารางที่ 2.1 เต้ารบั หนว่ ยประมวลผลกลางค่ายอนิ เทล ตระกลู หน่วยประมวลผลกลาง รปู แบบเต้ารับ หน่วยประมวลผลกลาง เต้ารบั พีจเี อ 478 (PGA Socket 478) ติดต้ังหน่วยประมวลผล กลาง คา่ ยอนิ เทล ตระกูล เพนเท่ยี ม, เซเลอรอน, ดูอัลคอร์, คอรท์ ูดูโอ และ คอร์ทเู อก็ ซ์ทรมี เต้ารบั แอลจเี อ 775 (LGA Socket 775) ตดิ ตง้ั หน่วย ประมวลผลกลาง คา่ ยอนิ เทล ตระกูล เพนเที่ยม, เซเลอรอน, ดอู ลั คอร์, คอร์ทดู ูโอ, คอรท์ ู เอ็กซ์ทรมี และซีนอน

ตารางที่ 2.1 (ต่อ) รูปแบบเตา้ รบั 66 ตระกลู หนว่ ยประมวลผลกลาง หนว่ ยประมวลผลกลาง เต้ารบั แอลจีเอ 1155 (LGA Socket 1155) ตดิ ต้ังหน่วย หน่วยประมวลผลกลาง ประมวลผลกลาง ค่ายอนิ เทล ตระกลู คอร์ ไอทรี, คอร์ ไอไฟว,์ คอร์ ไอเซเวน่ ร่นุ ที่ 2 ขนาดการ ผลติ 32 นาโนเมตร และ รนุ่ ท่ี 3 ขนาดการผลติ 22 นาโนเมตร เต้ารับแอลจเี อ 1151 (LGA Socket 1151) ตดิ ตั้งหน่วย ประมวลผลกลาง ค่ายอินเทล ตระกลู คอร์ ไอทรี, คอร์ ไอไฟว,์ คอร์ ไอเซเวน่ รุ่นท่ี 6 และ 7 ขนาดการผลิต 14 นาโนเมตร เตา้ รบั แอลจเี อ 2066 (LGA Socket 2066) ตดิ ต้ังหน่วย ประมวลผลกลาง คา่ ยอนิ เทล ตระกูล คอร์ ไอไฟว,์ คอร์ ไอเซเวน่ , คอร์ ไอไนน์ ขนาดการ ผลติ 14 นาโนเมตร ตารางท่ี 2.2 เต้ารับหน่วยประมวลผลกลางคา่ ยเอเอม็ ดี ตระกูลหน่วยประมวลผลกลาง รูปแบบเตา้ รับ เตา้ รบั พจี ีเอ 7 (PGA Socket 7) ตดิ ตงั้ หนว่ ยประมวลผลกลาง ค่ายเอเอม็ ดี ตระกูล เค ซิกสท์ ู, เค ซกิ ส์ทรี

ตารางที่ 2.2 (ตอ่ ) รปู แบบเต้ารบั 67 ตระกูลหนว่ ยประมวลผลกลาง หน่วยประมวลผลกลาง เต้ารบั พจี ีเอ 462 (PGA Socket 462) ติดต้ังหน่วยประมวลผล กลาง คา่ ยเอเอ็มดี ตระกลู แอทลอน, ดรู อน, แอทลอน เอก็ ส์พ,ี แอทลอน เอ็มพี และ เซมพรอน เต้ารับพีจีเอ 939 (PGA Socket 939) ติดต้ังหนว่ ยประมวลผล กลาง คา่ ยเอเอ็มดี ตระกูล แอทลอน ซกิ ส์ต้ีโฟร,์ แอทลอน ซกิ สต์ ้ีโฟร์ เอฟเอ็กซ์ และ แอทลอน ซิกส์ต้ีโฟร์ เอก็ ซ์ทู เตา้ รับพีจีเอ AM2 (PGA Socket AM2) ติดตั้งหน่วยประมวลผล กลาง คา่ ยเอเอ็มดี ตระกูล แอทลอน ซกิ สต์ โ้ี ฟร์, แอทลอน ซกิ สต์ ้ีโฟร์ เอ็กซท์ ู, แอทลอน ซิกสต์ ีโ้ ฟร์ เซมพรอน และ ฟีนอม เต้ารบั พีจีเอ AM4 (PGA Socket AM4) ติดตัง้ หน่วยประมวลผล กลาง ค่ายเอเอ็มดี ตระกูล ไรเซน ทร,ี ไรเซน ไฟว์ และ ไรเซน เซเว่น เต้ารับแอลจีเอ TR4 (LGA Socket TR4) ติดตัง้ หน่วย ประมวลผล กลาง ค่ายเอเอ็มดี ตระกลู ไรเซน เทรดริปเปอร์ (Ryzen Threadripper)

68 ตารางที่ 2.3 เต้ารับหนว่ ยประมวลผลกลางคา่ ยเวยี ตระกลู หน่วยประมวลผลกลาง รปู แบบเต้ารับ หนว่ ยประมวลผลกลาง เต้ารับพจี เี อ 7 (PGA Socket 7) ตดิ ต้งั หน่วยประมวลผลกลาง คา่ ยเวีย ค่ายไซริก ตระกูล ไซริก เอ็มทู และ ไอดีที วินชพิ ทู เตา้ รบั พจี ีเอ 370 (PGA Socket 370) ติดต้ังหน่วยประมวลผล กลาง ค่ายเวยี ค่ายไซริก ตระกูล ไซริก ทรี และ เวีย ซที รี เต้ารบั x-ball HFCBGA ตดิ ตง้ั รว่ มกบั หน่วยประมวลผลกลาง ค่ายเวยี ตระกลู Zhaoxin KX-6000 หมายเหตุ ปี ค.ศ. 2018 วางขาย ในประเทศจีน 4.1.10 ตวั อย่างคุณลักษณะของหนว่ ยประมวลผลกลางค่ายอินเทลและคา่ ยเอเอม็ ดี 1) Intel Core i3 8100 คอื หน่วยประมวลผลกลางทีม่ สี แ่ี กน แปดเทรด เต้ารับ แอลจีเอ 1151 หน่วยความจำแคช 6MB รูปแบบอินเทลสมาร์ตแคช (Intel SmartCache คือ แคช ภายในหน่วยประมวลผลกลางเก็บชุดคำสั่งได้มากและเข้าถึงได้เร็ว โดยเป็นการใช้พื้นที่ร่วมกันใน L3 Cache ซง่ึ ไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลไปกลับระหว่างแรมกับหน่วยประมวลผลกลาง โดยจะทำงานร่วมกัน และส่งข้อมูลร่วมกันภายในหนว่ ยประมวลผลกลาง) 2) Intel Core i5 8400 คือหน่วยประมวลผลกลางท่ีมหี กแกน หกเทรด เต้ารับ แอลจีเอ 1150 หนว่ ยความจำแคช 9MB รูปแบบอนิ เทลสมารต์ แคช 3) Intel Core i7 7700 คือหน่วยประมวลผลกลางทมี่ ีสแ่ี กน แปดเทรด เตา้ รับ แอลจเี อ 1156 หนว่ ยความจำแคช 8MB รปู แบบอนิ เทลสมารต์ แคช

69 4) AMD Ryzen 3 2200G คอื หน่วยประมวลผลกลางทม่ี ีสีแ่ กน สี่เทรด เต้ารับ พจี เี อ AM4 หนว่ ยความจำแคช L1 Cache 384KB L2 Cache 2MB และ L3 Cache 4MB 5) AMD Ryzen 5 2600 คือหน่วยประมวลผลกลางมี หกแกน สิบสองเทรด เต้ารบั ชนดิ AM4 หน่วยความจำแคช L1 Cache 576KB L2 Cache 3MB และ L3 Cache 16MB 6) AMD Ryzen 7 2700X คอื หนว่ ยประมวลผลกลางมี แปดแกน สิบหกเทรด เตา้ รับชนดิ AM4 หน่วยความจำแคช L1 Cache 768KB L2 Cache 4MB และ L3 Cache 16MB 4.1.11 การระบายความร้อนหน่วยประมวลผลกลาง การระบายความร้อนหน่วยประมวลผลกลาง (CPU Cooling) เพ่ือไม่ให้เกิด ความร้อนสูงเกินกว่าที่หน่วยประมวลผลกลางทนได้หรือโอเวอร์ฮีต (Overheat) ซ่ึงเป็นสาเหตุทำให้ หน่วยประมวลผลกลางไหม้ จงึ ต้องใชร้ ะบบการระบายความร้อนออกจากหนว่ ยประมวลผลกลาง ดงั น้ี 1) ระบายความรอ้ นดว้ ยอากาศ ประกอบดว้ ยแผงระบายความรอ้ นหรอื ฮีตซงิ ค์ (Heat Sink) ดังภาพที่ 2.24 (หมายเลข 1) ทำหน้าท่ีพาความร้อนออกจากหน่วยประมวลผลกลาง ที่เมื่อมีการทำงานและเกิดความร้อนข้ึน และพัดลมระบายความร้อน (Cooling Fan) (หมายเลข 2) ทำหนา้ ที่พัดระบายความรอ้ นออกจากแผงระบายความร้อน ภาพที่ 2.24 : ระบายความร้อนดว้ ยอากาศ 2) ระบายความร้อนด้วยของเหลว ประกอบด้วย หม้อน้ำ สายยาง และปั้มน้ำ ดังภาพท่ี 2.25 ปั้มน้ำติดต้ังรวมกับหน้าสัมผัสทองแดง (หมายเลข 1) ทำหน้าท่ีพาความร้อนออกจาก หน่วยประมวลผลกลางส่งไปทางสายยาง (หมายเลข 2) ไปยังหม้อน้ำเพ่ือให้หม้อน้ำระบายความร้อน ออกไปด้วยพัดลมระบายความร้อนที่ติดตงั้ คู่กับหม้อน้ำ (หมายเลข 3) และทำงานวนเปน็ วงรอบอย่าง ต่อเนอ่ื ง ซึง่ การระบายความร้อนด้วยของเหลวจะมีประสทิ ธิภาพทีด่ กี วา่ ระบายความร้อนด้วยอากาศ

70 ภาพท่ี 2.25 : ระบายความร้อนด้วยของเหลว ทีม่ า : https://notebookspec.com/web/wp-content/uploads/2016/09/6f1ad220_Megahalems_clips_004-Custom.jpg 4.2 หน่วยความจำหลกั หน่วยความจำหลักหรือแรม (RAM ย่อมาจาก Random Access Memory) ทำหน้าท่ี จัดเก็บข้อมูลช่ัวคราวในระหว่างการประมวลผลของหน่วยประมวลผลกลาง ซึ่งข้อมูลท่ีจัดเก็บอยู่ใน แรมจะยังคงอย่เู ม่ือมกี ำลังไฟฟ้าจ่ายไปยังแรมหรือมีการใช้งานคอมพิวเตอร์ เม่ือไม่มีกำลังไฟฟา้ จา่ ยไป ยงั แรมหรอื ปดิ คอมพิวเตอร์ข้อมลู ทจี่ ดั เกบ็ อยภู่ ายในจะหายไป แรมมีคณุ สมบัติที่แตกต่างกนั ได้แก่ 4.2.1 แรมแบบพารติ ี้ แรมแบบพาริตี้ (Parity RAM) เป็นแรมที่มีกลไกการตรวจสอบข้อมูลท่ีจัดเก็บอยู่ ภายในแรม โดยใช้บิตพาริตี้ ในการตรวจสอบข้อผิดพลาดของข้อมูล แต่ไมส่ ามารถแกไ้ ขข้อผิดพลาด ของข้อมูลที่เกิดขึ้นได้ โดยใช้วิธีการตรวจสอบแบบบิตภาวะค่ี (Odd Parity Bit) หรือแบบบิตภาวะคู่ (Even Parity Bit) 4.2.2 แรมแบบนอนพารติ ้ี แรมแบบนอนพาริตี้ (Non Parity RAM) เป็นแรมท่ีไม่มีกลไกการตรวจสอบข้อมูล มรี าคาถกู ใชง้ านในคอมพวิ เตอรท์ ่วั ไป 4.2.3 แรมแบบ ECC แรมแบบ ECC (ECC RAM ย่อมาจาก Error Checking And Correction RAM) เป็นแรมท่ีมีกลไกการตรวจสอบข้อผิดพลาดในข้อมูลและมีความสามารถในการแก้ไขข้อผิดพลาดได้ ดว้ ยแต่แรมชนิดน้ีมีราคาสงู นำไปใช้กบั คอมพิวเตอรเ์ ซิรฟ์ เวอร์

71 4.2.4 แรมแบบ SRAM แรมแบบ SRAM (Static RAM) เป็นแรมแบบสะแตติกคือไม่ต้องการกำลังไฟฟ้า เพอ่ื กระตุน้ ความจำ จดุ เดน่ ของแรมแบบ SRAM คอื มคี วามเร็วสูงนำมาใชเ้ ป็นหน่วยความจำแคช 4.2.5 แรมแบบ DRAM แรมแบบ DRAM (Dynamic Random Access Memory) เป็นไดนามิกแรม ท่ีจะต้องกระตุ้นความจำ (Refresh) อยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ข้อมูลหาย ดังน้ันจึงมีการติดตั้งวงจร รเี ฟรชเพอื่ เติมประจไุ ฟฟ้าเขา้ ไปเพื่อรกั ษาข้อมลู ใหค้ งอยู่ ซง่ึ การรเี ฟรชจะเกิดขนึ้ ทุกช่วงเวลา 4.2.6 แรมแบบ SDRAM แรมแบบ SDRAM (Synchronous Dynamic Random Access Memory) มี ข้อดีคือสามารถทำงานพร้อมกันกับสัญญาณนาฬิกา ทำให้การขนส่งข้อมูลจะมีความเร็วเดียวกันกับ ระบบบัสแต่มีการรับส่งข้อมูลได้เฉพาะขาข้ึนต่อรอบสัญญาณนาฬิกา โดยมีร่องพินของแรมจำนวน 2 ร่อง ดงั ภาพที่ 2.26 (หมายเลข 1) และมขี นาดความจทุ ี่ไม่สูงมากนัก (หมายเลข 2) ความจุ 256 MB ภาพท่ี 2.26 : ร่องพินและขนาดความจุของแรมแบบ SDRAM 4.2.7 แรมแบบ DDR SDRAM แรมแบบ DDR SDRAM (Double Data Rate SDRAM) ได้รับการพัฒนาต่อจาก SDRAM แรมชนิดน้ีทำงานท่ีพร้อมกันกับสัญญาณนาฬิกาท้ังขาขึ้นและขาลงต่อ 1 รอบสัญญาณ นาฬิกา ทำใหร้ บั ส่งข้อมูลเพมิ่ ข้นึ เปน็ 2 เท่า แรมแบบ DDR SDRAM (หมายเลข 1) ได้พฒั นาเปน็ DDR2 SDRAM (Double Data Rate 2 SDRAM) โดยเพมิ่ อตั ราความเร็วในการขนถ่ายข้อมลู สงู ข้นึ เปน็ สองเท่า (หมายเลข 2) พฒั นาเปน็ DDR3 (หมายเลข 3) และ DDR 4 (หมายเลข 4) ซึ่งมปี ระสิทธิภาพที่ดีข้นึ รับสง่ ข้อมลู ได้ เร็ว และมีขนาดความจทุ ่ีสงู ถึง 32 GB ดังภาพที่ 2.20 แรมแบบ DDR DDR2 DDR3 และ DDR4 มีหน้าสัมผัสทองแดงของแรมท่ีใช้ ตดิ ตั้งลงในช่องหน่วยความจำ โดยจะมีร่องพินในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ดังภาพท่ี 2.27 ดังน้ันจะต้อง จบั คใู่ ชง้ านใหต้ รงกบั ช่องหนว่ ยความจำบนแผงวงจรหลักทีต่ รงรุ่นกันเทา่ นน้ั

72 ภาพที่ 2.27 : ร่องพินของแรมแบบ DDR DDR2 DDR3 และ DDR4 4.3 สอ่ื จัดเก็บขอ้ มูล ส่ือจัดเก็บข้อมูลหรือส่ือบันทึกข้อมูล (Storage Media) เป็นหน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage) ใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูล ชุดคำสั่ง และสารสนเทศ โดยเทคโนโลยีของสื่อ จดั เก็บข้อมูลแบง่ เป็นออกเปน็ 3 ชนดิ ดงั นี้ 4.3.1 สอ่ื จดั เก็บขอ้ มลู แบบแมเ่ หลก็ สื่อจัดเก็บข้อมูลแบบแม่เหล็ก (Magnetic Storage) คือ สื่อจัดเก็บข้อมูลท่ีใช้ เทคโนโลยีแมเ่ หล็กในการจดั เกบ็ ข้อมลู เกบ็ ไว้ ประกอบด้วย 1) แผน่ ฟลอปปดี้ ิสกห์ รอื ดสิ กเ์ กต็ (Floppy Disk or Diskette) แผ่นฟลอปปี้ดิสก์หรอื ดิสก์เก็ต เป็นแผ่นดิสก์แบบอ่อนทำจากแผ่นไมลาร์และ เคลือบด้วยสารแม่เหล็กบาง ๆ ทั้งสองด้าน ดังภาพท่ี 2.28 มีขนาด 8 นิ้ว (หมายเลข 1) 5.25 น้ิว มี ความจุข้อมูล 1.2 เมกะไบต์ (หมายเลข 2) และ 3.5 นิ้ว มีความจขุ ้อมลู 1.44 เมกะไบต์ (หมายเลข 3) ปัจจบุ ันยกเลิกการใชง้ านไป เนอ่ื งจากแผน่ ฟลอปป้ีดสิ ก์มขี นาดความจใุ นการจดั เกบ็ ข้อมูลต่ำ

73 ภาพท่ี 2.28 : แผน่ ฟลอปป้ดี ิสก์หรอื ดิสก์เกต็ ท่มี า : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/aa/Floppy_disk_2009_G1.jpg 2) แผน่ ฟลอปปดี้ ิสกค์ วามจุสงู (High-Capacity Floppy Disk) แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ความจุสูง ดังภาพที่ 2.29 เป็นส่ือจัดเก็บข้อมูลที่มีลักษณะ เดียวกับดิสก์เก็ต จัดเก็บข้อมูลได้สูง เช่น ซูเปอร์ ดิสก์ (Super Disk) มีความจุข้อมูล 120 เมกะไบต์ ซิปดิสก์ (Zip Disk) มีความจุข้อมูล 120 เมกะไบต์ และ 250 MB (หมายเลข 1) และ แจซดิสก์ (Jaz Disk) มีความจุข้อมูล 1 กิกะไบต์ (หมายเลข 2) โดยสามารถเช่ือมต่อผ่านช่องทางยูเอสบีหรือช่องทาง ขนาน ปัจจบุ ันยกเลิกการใชง้ านไป ภาพที่ 2.29 : ฟลอปปี้ดิสกค์ วามจสุ ูง ท่มี า : https://larsendigital.com/images/floppy-zip-jaz.jpg?redirect_referrer=www.slidescanning.com 3) ฮาร์ดดสิ ก์ (Hard Disk) ฮาร์ดดิสก์เป็นสอ่ื จัดเก็บข้อมูลชนิดตดิ ตั้งภายในเคสและไม่เคลื่อนย้าย (Non- Removable) ใช้จัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ เช่น โปรแกรมระบบปฏิบัติการ โปรแกรมประยุกต์ โปรแกรม

74 ยูทิลิตี้ โปรแกรมสำหรับติดต้ัง แฟ้มที่เกิดจากการทำงานด้วยโปรแกรม และแฟ้มข้อมูลต่าง ๆ เป็นต้น มีความจุข้อมูลสูง 500 เมกะไบต์ - 10 เทระไบต์ มีขนาด 3.5 นิ้ว และ 2.5 นิ้ว ความเร็วรอบในการ หมุนแผ่นแม่เหล็ก 5400 รอบ/นาที และ 7200 รอบ/นาที และมีบัฟเฟอร์ (Buffer) ภายในฮาร์ดดิสก์ เพื่อเป็นท่ีพักข้อมูลท่ีคาดว่าจะถูกใช้งานต่อไปหรือข้อมูลท่ีใช้งานบ่อย ๆ โดยมีขนาดบัฟเฟอร์ ประมาณ 32-128 เมะไบต์ ซ่ึงบัฟเฟอร์มีขนาดความจุข้อมูลสูงจะทำให้ฮาร์ดดิสก์ทำงานได้เร็วข้ึน สง่ ผลใหค้ อมพวิ เตอรโ์ ดยภาพรวมทำงานเรว็ ขน้ึ มอี ยูห่ ลายชนิดด้วยกัน ดังน้ี 3.1) ฮาร์ดดิสก์แบบไอดีดีหรือฮาร์ดดิสก์แบบขนาน (IDE : Integrate Drive Electronics) เป็นรูปแบบการเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์เข้ากับแผงวงจรหลกั โดยใช้สายแพ (Ribbon Cable) ซึ่งมีตัวนำขนานกันเป็นแผ่นกว้างชนิด 40 เส้น และ 80 เส้น เป็นสายรับ/ส่งข้อมูล มีความเร็วในการ ถ่ายโอนข้อมูลต้ังแต่ 33, 66, 100 และ 133 เมกกะไบต์ต่อวินาที ดังภาพท่ี 2.29 แต่ด้วยข้อจำกัด เรื่องความเร็วในการรับ/สง่ ขอ้ มูลของฮารด์ ดิสกแ์ บบไอดอี ีและความจุขอ้ มูลทจ่ี ำกัด ปจั จุบันฮาร์ดดิสก์ แบบนี้มกี ารใช้งานนอ้ ยลงและมีการใช้งานฮาร์ดดสิ กแ์ บบซาตา้ ทดแทน ภาพที่ 2.30 : ฮาร์ดดสิ ก์แบบไอดีอี 3.2) ฮาร์ดดิสก์แบบซาต้าหรือฮาร์ดดิสก์แบบอนุกรม (SATA : Serial Advanced Technology Attachment) พัฒนาต่อจากแบบไอดีอี การเช่ือมต่อฮาร์ดดิสก์เข้ากับ แผงวงจรหลักใช้สายสัญญาณแบบเส้นเดยี วซ่ึงมีการรับ/ส่งขอ้ มูลแบบอนุกรมซง่ึ มีความรวดเร็ว และมี ความจุในการบันทึกข้อมูลท่ีสูงกว่าฮาร์ดดิสก์แบบไอดีอี ดังภาพที่ 2.30 ปัจจุบันมีใช้งานในรูปแบบ ซาต้าทู มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลท่ี 3 กิกะบิตต่อวินาที (300 เมกะบิตต่อวินาที) และซาต้าทรี มีความเร็วในการรับ/ส่งข้อมูลที่ 6 กิกะบิตต่อวินาที (600 เมกะบิตต่อวินาที) และความจุข้อมูลต้ังแต่ 500 เมกะไบต์ - 10 เทระไบต์ ภาพท่ี 2.31 : ฮาร์ดดิสก์แบบซาต้า

75 3.3) ฮาร์ดดิสก์แบบสกัสซ่ี (SCSI : Small Computer System Interface) ดังภาพที่ 2.31 รูปแบบการเช่ือมต่อฮาร์ดดิสก์เข้ากับแผงวงจรหลักโดยใช้สายแพชนิด 80 เส้น จะมี การ์ดสำหรับควบคุมการทำงานโดยเฉพาะ เรียกว่า การ์ดสกัสซ่ี (SCSI Card) ความเร็วในการรับ/ส่ง ข้อมูลที่ 320 เมกะไบต์/วินาที ความเร็วรอบในการหมุนแผ่นแม่เหล็ก 10,000 รอบ/นาที และ 15,000 รอบ/นาที นำไปใช้งานในคอมพิวเตอรแ์ มข่ า่ ยเท่านน้ั ภาพท่ี 2.32 : ฮาร์ดดิสก์แบบสกสั ซ่ี ทีม่ า : http://www.pcguide.com/ref/hdd/op/z_000481connectors.jpg 3.4) ฮาร์ดดิสกแ์ บบเอสเอสดี (SSD : Solid State Drive) ฮาร์ดดิสก์แบบเอสเอสดีเป็นสื่อจัดเก็บข้อมูลเทคโนโลยีใหม่เพื่อนำมาใช้ งานทดแทนฮาร์ดดิสก์ โดยใช้ชิปวงจรรวมคอื หน่วยความจำแบบแฟลช (Flash Memory) ท่ีประกอบ รวมกันเป็นหน่วยความจำเพ่ือใช้จดั เก็บข้อมูลได้เหมือนฮาร์ดดิสก์ รับ/ส่งข้อมูลได้รวดเรว็ และทนต่อ แรงสะเทอื น ขนาดเลก็ บาง ประหยดั พลงั งาน มหี ลายรปู แบบดังนี้ (1) ฮาร์ดดิสก์เอสเอสดี ซาต้า (SSD SATA) คือมาตรฐานการเชื่อมต่อ การรับ/สง่ ข้อมูลของสื่อจัดเกบ็ ข้อมลู แบบเอสเอสดี ชนดิ ผ่านช่องเช่อื มตอ่ การด์ ขยายขีดความสามารถ ของระบบแบบซาตา้ ความเรว็ ในการรับ/สง่ ข้อมูลท่ี 6 กกิ ะบิต/วนิ าที ดงั ภาพท่ี 2.33 ภาพท่ี 2.33 : ฮารด์ ดิสก์เอสเอสดี ซาต้า ที่มา : https://www.pitsverikurtarma.com.tr/wp-content/uploads/2017/01/ssd-1-1024x538.gif

76 (2) ฮาร์ดดิสก์เอสเอสดี เอ็นวีเอ็มอี (NVMe or NVM Express : Non- Volatile Memory Host Controller Interface Specification) คือมาตรฐานการเชื่อมต่อในการ รับ/ส่งข้อมูลของฮาร์ดดสิ ก์แบบเอสเอสดี ชนดิ ผา่ นชอ่ งเช่ือมต่อการ์ดขยายขดี ความสามารถของระบบ แบบพีซีไอเอ็กเพรส ดังภาพท่ี 2.34 (หมายเลข 1) และช่องเชื่อมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของ ระบบแบบเอ็มดอททู (หมายเลข 2) ความเร็วในการรบั /ส่งข้อมูลท่ี 3,500 เมกะไบต์/วนิ าที ภาพที่ 2.34 : ฮารด์ ดิสก์เอสเอสดี เอ็นวีเอ็มอี ท่มี า : https://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/11/small_Intel-SSD-750-2.jpg (3) ฮาร์ดดิสก์เอสเอสดี เอ็มดอททู (M.2) คือมาตรฐานการเช่ือมต่อใน การรับ/ส่งข้อมูลของฮาร์ดดิสก์แบบเอสเอสดีผ่านช่องเช่ือมต่อการ์ดขยายขีดความสามารถของระบบ แบบเอ็มดอททู (M.2 Port) ความเร็วการรับ/ส่งข้อมูล 32 กิกะไบต์/วินาที มีความยาวหลายขนาด ดงั ภาพที่ 2.35 เช่น 2242 (คือ ยาว 22 มิลลิเมตร กวา้ ง 42 มิลลเิ มตร) 2260 และ 2280 เปน็ ต้น ภาพท่ี 2.35 : ฮารด์ ดสิ กเ์ อสเอสดี เอม็ ดอททู ท่มี า : https://postto.me/1p/in8.jpg

77 (5) ฮาร์ดดสิ ก์แบบเช่ือมต่อภายนอกหรือเอ็กเทอร์นอลฮาร์ดดิสก์ (External Harddisk) คือส่ือจัดเก็บข้อมูลประเภทเชื่อมต่อภายนอก โดยการนำส่ือจัดเก็บ ข้อมูลฮาร์ดดิสก์แบบไอดีอี แบบซาต้า หรือแบบเอสเอสดี ติดตั้งลงไปในเคสซ่ึงมีแผงควบคุมการ ทำงานของฮาร์ดดิสก์ติดต้ังอยู่ มีช่องทางการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านช่องทางยูเอสบี ดังภาพที่ 2.88 ซึ่งสะดวกในการใช้งานและพกพา ขนาดความจุต้ังแต่ 500 กิกะไบต์ - 6 เทราไบต์ ความเร็วใน การรับส่งข้อมูลเป็นไปตามรูปแบบของเคสท่ีติดต้ังฮาร์ดดิสก์ เช่น แบบซาต้า 3 มีขนาด 2.5 นิ้ว ความเรว็ การรบั /สง่ ข้อมลู ที่ 5 กิกะไบต์/วนิ าที เป็นตน้ ดงั ภาพที่ 2.36 ภาพท่ี 2.36 : ฮารด์ ดิสก์แบบเชอ่ื มตอ่ ภายนอกหรือเอ็กเทอรน์ อลฮาร์ดดสิ ก์ ที่มา : https://ae01.alicdn.com/kf/HTB1p5YgjhPI8KJjSspfq6ACFXXa0/2-5-HDD-Enclosure-USB-2-0.jpg_640x640.jpg 4.3.2 สอ่ื จดั เกบ็ ข้อมลู แบบพกพา สื่อจัดเก็บข้อมูลแบบพกพา (Removable Media) เป็นส่ือจัดเก็บข้อมูลที่ใช้ หน่วยความจำแบบแฟลช (Flash Memory) ติดต่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ผ่านช่องทางยูเอสบี รุ่น 1.0 และ รุ่น 1.1 มีความเร็วในการรับ/ส่งข้อมูล 12 เมกกะบิตต่อวินาที รุ่น 2.0 ความเร็วในการรับ/ ส่งข้อมูล 480 เมกกะบิตต่อวินาที รุ่น 3.0 (3.1 Gen 1) ความเร็วในการรับ/ส่งข้อมูล 5 กิกะบิตต่อ วินาที และ รนุ่ 3.1 (3.1 Gen 2) ความเร็วในการรับ/สง่ ขอ้ มูล 10 กกิ ะบิตต่อวนิ าที ไดแ้ ก่ 1) แฟลชไดร์ฟ หรือ ยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ (USB Flash Drive) ดังภาพท่ี 2.37 มี ขนาดเลก็ น้ำหนกั เบา ขนาดความจตุ ้ังแต่ 128 เมกกะไบต์ - 4 เทราไบต์ มีชื่อเรียกตามผ้ผู ลติ ไดแ้ ก่ (1) คยี ์ไดรฟ์ (key drive) (2) จมั ปไ์ ดรฟ์ (jump drive)

78 (3) ดาต้าคีย์ (Data Key) (4) ดาตา้ สตก๊ิ (Data Stick) (5) ทราเวลไดรฟ์ (Travel Drive) (6) ทมั บไ์ ดรฟ์ (ThumbDrive) (7) ทัมบ์คีย์ (Thumb Key) (8) เพนไดรฟ์ (Pen Drive) (9) ฟงิ เกอรไ์ ดรฟ์ (Finger Drive) (10) แฟลชไดรฟ์ (Flash Drive) (11) แฟลชดสิ ก์ (Flash Disk) (12) เมโมรีไดรฟ์ (Memory Drive) (13) ยเู อสบีไดรฟ์ (USB Drive) (14) แฮนดีไดรฟ์ (Handy Drive) (15) คีย์ไดร์ฟ (Key Drive) ภาพที่ 2.37 : แฟลชไดร์ฟ ทมี่ า : https://static.wixstatic.com/media/5d23ce_42b7ad8f15b642189a4b3416a83d3392.jpg/v1/fill/ w_467,h_131,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01/5d23ce_42b7ad8f15b642189a4b3416a83d3392.jpg 2) การ์ดหน่วยความจำ (Memory Card) ดังภาพท่ี 2.38 จัดเก็บข้อมูลไว้ใน ชปิ การ์ดหนว่ ยความจำเรยี กวา่ ชปิ โซลิดสเตท (Solid State Chip) ไดแ้ ก่ (1) เอ็มเอม็ ซกี าร์ หรอื มัลติมเี ดยี การด์ (MMC : MultiMedia Card) (2) เอสดกี าร์ด หรอื ซเี คียวดิจิตลั การด์ (SD Card : Secure Digital Card) (3) เอม็ เอสดกี าร์ด หรือ ไมโครเอสดกี าร์ด (MSD Card : MicroSD Card) (4) ซเี อฟการด์ หรอื คอมแพคแฟลชการด์ (CF Card : CompactFlash Card) (5) เอ็มเอสการ์ด หรือ เมมโมรีสติ้ก (MS Card: Memory Stick Card) (6) เอก็ ดกี าร์ด หรอื เอก็ สด์ พี กิ เจอร์การด์ (XD Card : XD Picture Card)

79 ภาพท่ี 2.38 : การ์ดหน่วยความจำ ท่ีมา : https://s23527.pcdn.co/wp-content/uploads/2017/12/memory_cards.jpg.optimal.jpg 4.3.3 สอ่ื จดั เกบ็ ข้อมลู แบบแสง ส่อื จดั เก็บข้อมูลแบบแสง (Optical Media Storage) มีรูปแบบการจัดเกบ็ ข้อมูล โดยการแบ่งพ้ืนท่ีแผ่นดิสก์เป็นแทร็กและเซกเตอร์มีขนาดเท่ากันทุกเซกเตอร์ เพ่ือให้อัตราความเร็ว ในการอ่านข้อมูลคงท่ีทุกเซกเตอร์ ทั้งที่อยู่รอบนอกและวงใน โดยใช้ลำแสงเลเซอร์ (Laser) ทะลุผ่าน ชนั้ พลาสตกิ และสะทอ้ นกลับโดยช้ันโลหะอะลมู เิ นียมบาง ๆ ทีอ่ ย่ลู กึ ลงไปภายในแผน่ ดสิ ก์ มดี งั น้ี 1) แผน่ ซีด/ี ดวี ีดี (CD/DVD : Compact Disc/Digital Versatile Disc) เป็นส่ือจัดเก็บข้อมูลแบบแสง ได้แก่ แผ่นซีดีอาร์ (CD-R : Compact Disc Recordable) ซีดีอาร์ดับเบิลยู (CD-RW : Compact Disc ReWriteable) ดีวีดีอาร์ (DVD-R : Digital Versatile Disc Recordable) ดีวีดีอาร์ดับเบิลยู (DVD-RW : Digital Versatile Disc ReWriteable) และ บลูเรย์ (Bluray Disc) ดังภาพที่ 2.39 โดยตัวอักษรรหัส R (Recordable) คอื บันทึกได้คร้ังเดียว และรหัส RW (ReWriteable) คือสามารถบันทึกและลบท้ิงข้อมูลเพื่อบันทึกซ้ำได้ โดยใช้เครื่องขับ ดสิ กซ์ ดี ี/ดีวีดี หรือ เคร่ืองขับดิสกบ์ ลูเรย์ในการบันทกึ ข้อมูล ขนาดความจุของแผ่นดงั น้ี (1) แผ่นซดี อี าร์ บันทึกข้อมูลได้ครงั้ เดียว มีความจุ 700 เมกกะไบต์ (2) แผ่นซีดีอาร์ดับเบิลยู ใช้บันทึกข้อมูลและลบท้ิงเพ่ือบันทึกซ้ำได้ประมาณ 1,000 ครั้ง จดั เก็บข้อมลู ได้ 700 เมกกะไบต์ (3) แผ่นดีวีดีอาร์ ใช้บันทึกข้อมูลได้เพียงครั้งเดียวและบันทึกข้อมูลได้หน้า เดยี ว มคี วามจุ 4.7 กิกะไบต์ (4) แผ่นดีวีดีอาร์ดับเบิลยูมี 2 แบบคือ แผ่นดีวีดี-5 (DVD-5) บันทึกข้อมูลหน้า เดียว มีความจุ 4.7 กิกะไบต์ และแผ่นดีวีดี-9 (DVD-9) บันทึกข้อมูลหน้าเดียวแต่มี 2 ชั้น (Double Layer) มีความจุ 8.5 กกิ ะไบต์

80 (5) แผ่นบลูเรย์ใช้บันทึกข้อมูลความละเอียดสูง เช่น ภาพยนตร์ที่มีความ ละเอียดระดับสูง เป็นต้น มี 3 แบบคือ แผ่นบีดีอาร์ เอสแอล (BD-R SL : BlurayDisc Rom Single Layer) บันทึกข้อมูลได้หน้าเดียวมีความจุ 25 กิกะไบต์ แผ่นบีดีอาร์ดีแอล (BD-R DL : Double Layer) บันทึกข้อมูลได้หน้าเดียวแต่มีช้ันข้อมูล 2 ช้ัน มีความจุ 50 กิกะไบต์ และแผ่นบีดีอาร์ทูดีแอล (BD-R 2DL : Double Double Layer) บันทึกข้อมูลไดส้ องหน้า มคี วามจุ 100 กกิ ะไบต์ ภาพท่ี 2.39 : แผ่นซีดี แผน่ ดีวดี ี และแผน่ บลเู รย์ ท่ีมา : https://www.bhphotovideo.com/explora/sites/default/files/main_5.jpg 4.4 เครอ่ื งขับดิสกห์ รอื เครือ่ งขับสอื่ จดั เกบ็ ข้อมูล เครอ่ื งขับดิสกม์ หี น้าที่ใชส้ ำหรบั ขบั แผน่ ดิสก์ซึ่งเป็นสือ่ จดั เกบ็ ข้อมลู มรี ายละเอยี ดดงั น้ี 4.4.1 เคร่ืองขบั ฟลอ็ ปป้ดี สิ ก์ (Floppy Disk Drive) เครื่องขับฟล็อปป้ีดิสก์ (Floppy Disk Drive) ใช้บันทึกและอ่านข้อมูลจาก แผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ดังภาพท่ี 2.41 มีการเชื่อมต่อกับแผงวงจรหลักแบบไอดีอี โดยใช้สายสัญญาณแบบ สายแพ 20 เส้น ตัวเครื่องขับฟล็อปปี้ดิสก์มี 3 ขนาดคือ 8 นิ้ว (หมายเลข 1) 5.25 นิ้ว (หมายเลข 2) และ 3.5 นิ้ว (หมายเลข 3) ภาพท่ี 2.40 : เครือ่ งขับฟล็อปป้ดี สิ ก์ ทีม่ า : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/b/b3/ Floppy_Disk_Drives_8_5_3.jpg/1280px-Floppy_Disk_Drives_8_5_3.jpg

81 4.4.2 เครือ่ งขบั ดสิ ก์ซีดี/ดวี ีดี เคร่ืองขบั ดิสกซ์ ีด/ี ดีวดี ี (CD/DVD ROM Drive) ใชบ้ ันทึกและอา่ นข้อมูลจากแผ่น จัดเก็บข้อมูล ซีดีอาร์ ซีดีอาร์ดับเบิลยู ดีวีดีอาร์ และดีวีดีอาร์ดับเบิลยู เช่ือมต่อกับแผงวงจรหลักโดย ใช้รปู แบบการเชื่อมตอ่ แบบขนานและใช้สาย สัญญาณแบบสายแพ 40 หรือ 80 เสน้ และการเชื่อมต่อ แบบซาตา้ โดยใช้สายสญั ญาณแบบซาตา้ ตวั เครื่องขบั ดิสกม์ ขี นาด 5.25 นวิ้ ดงั ภาพที่ 2.41 ภาพที่ 2.41 : เคร่อื งขบั ดสิ ก์ซดี ี/ดีวดี ี ท่ีมา : http://www.tsstodd.com/files/script/updowndata/spec/20141204140501517_116_118AB_B_front_120112_S7.png 4.4.3 เครื่องขับดิสก์บลเู รย์ เครื่องขบั ดิสก์บลูเรย์ (Bluray Drive) ใช้เพื่อบันทึกและอ่านขอ้ มูลจากแผ่นจัดเก็บ ข้อมูลสำหรับแผ่น ซีดี ซีดีอาร์ ซีดีอาร์ดับเบิลยู ดีวีดี ดีวีดีอาร์ ดีวีดีอาร์ดับเบิลยู และบลูเรย์ทุกชนิด เชอื่ มต่อกับแผงวงจรหลักแบบซาต้าโดยใช้สายสัญญาณซาต้าในการเชือ่ มต่อ ตัวเคร่อื งขับดิสก์มีขนาด 5.25 นวิ้ ดงั ภาพที่ 2.42 ภาพท่ี 2.42 : เครอ่ื งขบั ดิสก์บลเู รย์ ท่ีมา : http://www.cpcmachine.com/images/766446cb071846e4e4e986b6ec44f268.jpg 4.4.4 เคร่อื งขบั ดิสก์ซดี ี/ดีวีดีแบบเชอ่ื มต่อภายนอก เค รื่ อ งขั บ ดิ ส ก์ ซี ดี /ดี วี ดี แ บ บ เชื่ อ ม ต่ อ ภ าย น อ ก ห รื อ เอ็ ก เท อ ร์ น อ ล ซี ดี /ดี วี ดี (External CD/DVD ROM Drive) ใช้เพื่อบันทึกและอ่านข้อมูลจากแผ่นจัดเก็บข้อมูล ซีดีอาร์ ซีดีอาร์ ดบั เบิลยู ดวี ดี อี าร์ และดีวดี ีอาร์ดับเบลิ ยู เช่อื มตอ่ กบั แผงวงจรหลกั ผา่ นชอ่ งทางยูเอสบี ดังภาพที่ 2.43

82 ภาพที่ 2.43 : เครอ่ื งขับดสิ ก์ซีด/ี ดีวีดีแบบเช่ือมต่อภายนอก ทีม่ า : https://images-na.ssl-images-amazon.com/images/I/61nW9Lu-31L._SX466_.jpg 4.5 หนว่ ยจ่ายกำลังไฟฟา้ หน่วยจ่ายกำลังไฟฟ้าหรอื เพาเวอรซ์ ัพพลายยูนิต (PSU ย่อมาจาก Power Supply Unit) ทำหน้าที่แปลงแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับจาก 220 โวลต์ เป็นแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงขนาด 3.3 โวลต์ 5 โวลต์ และ 12 โวลต์ เพื่อจ่ายกำลงั ไฟฟ้าใหก้ บั ฮารด์ แวร์ เช่น แผงวงจรหลัก หน่วยประมวลผลกลาง แรม การ์ดจอ ฮาร์ดดสิ ก์ เคร่ืองขับดสิ กซ์ ดี ี/ดีวดี ี เปน็ ต้น แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 แบบ ดังนี้ 4.5.1 หน่วยจา่ ยกำลังไฟฟ้าแบบเอที หน่วยจ่ายกำลังไฟฟ้าแบบเอที (AT PSU : Advanced Technology) ดังภาพที่ 2.44 ใช้กับคอมพิวเตอร์ในยคุ เร่ิมต้น มีสวิตช์สำหรับเปิด-ปิด คือเม่ือสัง่ ปดิ คอมพิวเตอร์แลว้ จะต้องกด สวิตช์ปิดซ้ำอีกครั้ง ทำให้เกิดปัญหากับฮาร์ดแวร์ท่ีต้องใช้กำลังไฟฟ้าช่ัวขณะหน่ึงก่อนจะเปิด-ปิด คอมพิวเตอร์ มีจุดเช่ือมต่อกับแผงวงจรหลักแบบ 12 เข็ม จ่ายกำลังไฟฟ้าได้สูงสุด 230 วัตต์ และได้ ยกเลกิ การใชง้ านและเลิกผลติ ไปแลว้ ภาพที่ 2.44 : หน่วยจา่ ยกำลังไฟฟ้าแบบเอที ทมี่ า : https://www.bhphotovideo.com/explora/sites/default/files/main_5.jpg

83 4.5.2 หน่วยจา่ ยกำลงั ไฟฟา้ แบบเอทเี อ็กซ์ หน่วยจ่ายกำลังไฟฟ้าแบบเอทีเอ็กซ์ (ATX PSU : Advanced Technology Extended) ดังภาพท่ี 2.45 เป็นหน่วยจ่ายกำลังไฟฟ้าที่ใช้ในปัจจุบัน มีจุดเช่ือมต่อกับแผงวงจรหลัก แบบ 24 เข็มและมีกำลังไฟฟ้าตั้งแต่ 450 วัตต์ขึ้นไป ซึ่งเพียงพอกับฮาร์ดแวร์ที่ใช้และมีกำลังไฟฟ้า เลี้ยงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ก่อนที่จะเปิด-ปิดคอมพิวเตอร์ ทำให้ลดอัตราการเสียหายของฮาร์ดแวร์ โดย เม่ือมีการใช้คำสั่งชัตดาวน์เพื่อปิดคอมพิวเตอร์แล้วหน่วยจ่ายกำลังไฟฟ้าแบบเอทีเอ็กซ์ก็จะหยุดจ่าย กำลงั ไฟฟา้ และคอมพิวเตอร์ก็จะหยุดทำงานโดยอตั โนมัติ ภาพที่ 2.45 : หน่วยจ่ายกำลงั ไฟฟา้ แบบเอทีเอ็กซ์ ท่มี า : https://www.bhphotovideo.com/explora/sites/default/files/main_5.jpg 4.6 เคส เคสหรือกล่อง (Case) ทำหน้าที่สำหรบั ติดต้ังฮาร์ดแวรใ์ หเ้ ปน็ ระเบียบ สะดวกต่อการใช้ งาน ปกปอ้ งความเสียหายท่อี าจจะเกิดขึน้ กับฮารด์ แวร์จากน้ำหรือสัตวต์ ่าง ๆ มีความสะดวกเม่ือมกี าร เคลือ่ นยา้ ย ตอ้ งเลอื กใช้ใหต้ รงกบั รูปแบบแผงวงจรหลักหรือใหม้ คี วามเหมาะสมกับลักษณะการใชง้ าน 4.6.1 ข้อควรพิจารณาในการเลือกเคส 1) เคสจะตอ้ งผลติ จากวัสดุคุณภาพทดี่ ี มีโครงสรา้ งทแ่ี ขง็ แรง 2) เคสจะต้องมีการออกแบบและติดตั้งพัดลมระบายความร้อน ให้สามารถระบาย ความรอ้ นภายในเคสออกไปข้างนอกไดด้ ี 3) สำหรับในกรณีที่ติดต้ังฮาร์ดแวร์ภายในเคสจำนวนหลายช้ิน เช่น การ์ดจอ ฮาร์ดดิสก์ หรือเคร่ืองขับดิสก์ซีดี/ดวี ีดี มากกว่า 2 ตัว เป็นตน้ ควรเลอื กแบบวางตงั้ ทรงสูงขนาดกลาง หรอื แบบวางต้งั ทรงสงู ขนาดใหญ่ เพราะมขี นาดใหญ่และมีช่องเบย์ให้ติดต้งั ฮารด์ แวร์มากกว่า 4) ควรเลอื กเคสจากผ้ผู ลิตที่นา่ เช่อื ถือมมี าตรฐาน

84 4.6.2 รปู แบบและขนาดของเคส มี 2 รูปแบบคือแบบทาวเวอร์ และแบบเดสก์ทอป ดังภาพที่ 2.46 ดงั น้ี 1) เคสแบบทรงสูงขนาดใหญ่หรือฟูลทาวเวอร์ (Full Tower Case) เป็นเคสวาง ตั้งทรงสูงขนาดใหญ่ มีขนาด 22-27 น้ิว ช่องเบย์สำหรับติดต้ังฮาร์ดดิสก์หรือเคร่ืองขับดิสก์ซีดี/ดีวีดี จำนวน 5 ชอ่ ง ออกแบบสำหรับคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ท่ีมรี ูปแบบแผงวงจรหลักแบบอีเอทีเอ็กซ์และแบบ เอทเี อก็ ซ์ มีระบบระบายความร้อนทดี่ ี (หมายเลข 1) 2) เคสแบบทรงสูงขนาดกลางหรือมีเดียมทาวเวอร์ (Medium Tower Case) เป็นเคสวางตั้งทรงสูงขนาดกลางมีขนาด 17-21 นิว้ ช่องเบย์สำหรับติดต้ังฮารด์ ดิสก์หรือเครื่องขับดิสก์ ซีดี/ดีวีดีจำนวน 3-4 ช่อง ออกแบบสำหรับคอมพิวเตอร์ที่มีรูปแบบแผงวงจรหลักแบบเอทีเอ็กซ์ หรือ ไมโครเอทเี อก็ ซ์ (หมายเลข 2) 3) เคสแบบทรงสูงขนาดเล็กหรือมินิทาวเวอร์ (Mini Tower Case) เป็นเคสวาง ต้ังทรงสูงขนาดเล็ก มีขนาด 14-16 น้ิว ช่องเบย์สำหรับติดตั้งฮาร์ดดิสก์หรือเครื่องขับดิสก์ซีดี/ดีวีดี จำนวน 1-2 ชอ่ ง ออกแบบสำหรบั คอมพิวเตอร์ที่มีรปู แบบแผงวงจรหลักไมโครเอทเี อ็กซ์ (หมายเลข 3) 4) เคสแบบขนาดเล็กพิเศษหรือมินิคิวบ์ (Mini Cube Case) เป็นเคสวางต้ังปรับ ขนาดได้ตามรูปแบบแผงวงจรหลกั แบบเฟลก็ เอทีเอ็กซ์หรือฮาร์ดแวร์อืน่ ที่ติดต้ังภายใน (หมายเลข 4) 5) เคสแบบเดสก์ท็อป (Desktop Case) เป็นเคสทรงแนวนอนสามารถวางบน โต๊ะและนำจอภาพวางซ้อนบนเคสได้เพ่ือประหยัดพ้ืนท่ี มีขนาด 14-16 น้ิว มีช่องเบย์สำหรับติดต้ัง ฮารด์ ดิสกห์ รือเครื่องขับดิสก์ซีดี/ดีวีดีจำนวน 1-2 ชอ่ ง (หมายเลข 5) ภาพที่ 2.46 : รปู แบบและขนาดต่าง ๆ ของเคส ทมี่ า : https://www.computercaselab.com/media/posts/21/different-case-sizes.png

85 4.6.3 สว่ นประกอบภายใน ชุดสายสัญญาณแผงควบคุมด้านหน้าเคสใช้เช่ือมต่อเข้ากับจุดเชื่อมต่อแผง ควบคุมด้านหน้าเคสท่ีติดต้ังอยู่บนแผงวงจรหลัก ดังภาพท่ี 2.47 ได้แก่ สวิตช์รีเซ็ต สวิตช์เพาว์เวอร์ หลอดไฟแสดงสถานะการทำงานของคอมพวิ เตอรแ์ ละหลอดไฟแสดงสถานะการทำงานของฮารด์ ดสิ ก์ ภาพท่ี 2.47 : ชุดสายสญั ญาณแผงควบคุมด้านหน้าเคส 1) หัวเช่ือมต่อสวิตช์รีเซ็ตดังภาพท่ี 2.48 เช่ือมต่อโดยไม่ต้องคำนึงถึงขั้วบวกหรือลบ สวิตช์รีเซ็ตทำหน้าที่สำหรับรีเซ็ตคอมพิวเตอร์ในกรณีคอมพิวเตอร์ค้างหรือแฮงค์ เหมือนเริ่มบู๊ต คอมพวิ เตอร์ใหมโ่ ดยอตั โนมัติ ภาพท่ี 2.48 : หัวเชอ่ื มต่อสวิตช์รีเซต็ 2) หัวเช่ือมต่อสวิตช์เพาว์เวอร์ดังภาพที่ 2.49 เชื่อมต่อโดยไม่ต้องคำนึงถึงขั้วบวกหรือ ขว้ั ลบ สวิตช์เพาว์เวอร์ทำหน้าท่ีเป็นสวิตช์เปิดคอมพิวเตอร์ ในกรณีคอมพิวเตอร์คา้ งอาจใช้สำหรบั ปิด คอมพวิ เตอร์แทนคำสั่งชัตดาวน์ โดยการกดปุ่มสวิตช์เพาวเ์ วอร์ค้างไวจ้ นกระทั่งเคร่ืองดับ ภาพท่ี 2.49 : หัวเชอ่ื มตอ่ สวิตช์เพาว์เวอร์

86 3) หัวเช่ือมต่อหลอดไฟแสดงสถานะการทำงานของคอมพิวเตอร์หรือหัวเชื่อมต่อ หลอดไฟเพาว์เวอรแ์ อลอีดีดังภาพที่ 2.50 การเชอื่ มต่อตอ้ งคำนึงถงึ ข้วั บวกหรอื ลบ โดยจะมสี ญั ลกั ษณ์ ติดไว้ท่ีหัวเช่ือมต่อ ใช้แสดงสถานะการทำงานของคอมพิวเตอร์ ซ่ึงหลอดไฟจะติดสว่างตลอดเวลา ท่คี อมพิวเตอร์ทำงาน หลอดไฟแสดงสถานะการทำงานของคอมพิวเตอร์ติดตั้งอยู่ด้านหน้าเคส ภาพท่ี 2.50 : หวั เชอื่ มตอ่ หลอดไฟแสดงสถานะการทำงานของคอมพวิ เตอร์ 4) หัวเชื่อมต่อหลอดไฟแสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์หรือหัวเชื่อมต่อหลอดไฟ ฮาร์ดดิสก์แอลอีดีดังภาพที่ 2.51 การเช่ือมต่อจะต้องคำนึงถึงขั้วบวกหรือลบ โดยมีสัญลักษณ์ติดไว้ท่ี หวั เช่อื มต่อ ใช้แสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์หรือเครื่องขับดิสก์ซีดี/ดีวีดี จะติดสว่างกระพริบ เม่ือมีการเขียนหรืออ่านข้อมูลของอุปกรณ์เท่านั้น หลอดไฟแสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์ ตดิ ตัง้ อยู่ด้านหน้าเคส ภาพที่ 2.51 : หวั เชือ่ มต่อหลอดไฟแสดงสถานะการทำงานของฮารด์ ดสิ กห์ รือเคร่ืองขบั ดิสก์ซีดี/ดีวีดี 5) หัวเช่ือมต่อลำโพง (SPEAKER) ดังภาพท่ี 2.52 การเช่ือมต่อจะต้องคำนึงถึงขั้วบวก หรือลบ โดยมีสัญลักษณ์ติดไว้ที่หัวเชื่อมต่อ เป็นลำโพงขนาดเล็กใช้สำหรับส่งเสียงบ๊ีบโค๊ด (Beep Code) เพื่อบอกสถานะการทดสอบตวั เองของฮารด์ แวร์ตอนเร่ิมเปิดคอมพวิ เตอร์ ภาพที่ 2.52 : หวั เชอ่ื มต่อลำโพง

87 6) หัวเช่อื มต่อสื่อสารข้อมูลแบบยูเอสบี (USB 9-Pin Header) ดังภาพท่ี 2.53 ใช้เช่ือมต่อ ช่องทางยูเอสบดี า้ นหน้าเคสเข้ากบั จดุ เช่ือมต่อสื่อสารขอ้ มลู แบบยูเอสบีบนแผงวงจรหลัก ภาพท่ี 2.53 : หวั เชือ่ มต่อส่ือสารข้อมูลแบบยูเอสบี 5. อุปกรณต์ อ่ พ่วง อุปกรณ์ต่อพ่วง (Peripheral Device) หมายถึง อุปกรณ์ที่เช่ือมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่าน ช่องทางรับเข้าส่งออก เพื่อนำเข้าข้อมูลหรือแสดงผลข้อมูล เช่น เมาส์ แป้นพิมพ์ จอภาพ เคร่ืองพิมพ์ ลำโพง เป็นตน้ 5.1 เมาส์ เมาส์ (Mouse) คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมตัวช้ีบนจอคอมพิวเตอร์ (Pointing Device) เป็นอุปกรณ์นำเขา้ ข้อมลู สู่คอมพิวเตอร์เพ่ือสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามต้องการ ภายในตัว เมาส์จะมีอุปกรณ์สำหรับตรวจจับตำแหน่งการเคล่ือนไหวของอุปกรณ์ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของ แสงแอลอีดีหรือแสงเลเซอร์ที่เป็นแหล่งกำเนิดแสง โดยตัวตรวจจับส่งสัญญาณไปที่คอมพิวเตอร์เพื่อ แสดงผลของตัวชี้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ช่องทางสื่อสารของเมาส์ ได้แก่ ช่องทางพีเอสทู (PS/2 Port) ช่องทางยูเอสบี (USB Port) และชอ่ งทางไร้สาย (Wireless) ดงั ภาพที่ 2.54 ภาพที่ 2.54 : เมาส์

88 5.2 แป้นพิมพ์ แป้นพิมพ์หรือคีย์บอร์ด (Keyboard) เป็นอุปกรณ์นำเข้าข้อมูลที่เป็นอักขระเข้าสู่ คอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยปุ่มตัวอักษร ตัวเลข เคร่ืองหมายวรรคตอน และปุ่มฟังก์ช่ันต่างๆ แป้นพิมพ์ มปี ุ่มมาตรฐาน จำนวน 101 ปุ่ม บางรุ่นอาจมีน้อยหรือมากกว่าน้ี ช่องทางส่ือสารของแปน้ พิมพ์ ไดแ้ ก่ ช่องทางพเี อสทู ช่องทางยูเอสบี และชอ่ งทางไร้สาย ดงั ภาพท่ี 2.55 ภาพที่ 2.55 : แป้นพิมพ์ 5.3 จอภาพ จอภาพหรือมอนิเตอร์ (Monitor) ใชใ้ นการแสดงผลข้อมูลรปู ภาพให้เห็นทางด้านสายตา ไมว่ ่าจะเป็น ภาพ แสง สี ตัวหนังสือ มีรายละเอียดในการพิจารณาการนำไปใช้ดังนี้ 5.3.1 ขนาดจอภาพ ขนาดของจอภาพ (Size) ใชว้ ัดมุมทะแยงมีหนว่ ยเปน็ นิ้ว เช่น 19, 21 น้วิ เปน็ ตน้ 5.3.2 อตั ราส่วนของจอภาพ อตั ราสว่ นของจอภาพ (Aspect Ratio) คืออัตราสว่ นของความกวา้ งและความสูง ของภาพมีหลายขนาด เช่น อัตราส่วน 1:1 ภาพจะมีความกว้าง 1 ส่วนและยาว 1 ส่วน ภาพท่ีได้ จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส อัตราส่วน 4:3 ภาพจะมีความกว้าง 3 ส่วนและยาว 4 ส่วน ภาพจะมี ลักษณะเป็นสี่เหล่ียมผืนผ้า อัตราส่วน 16:9 ภาพจะมีความกว้าง 9 ส่วน และยาว 16 ส่วน ขนาด ภาพเหมือนกับจอภาพยนตร์หรือเรียกวา่ ภาพแบบไวดส์ กรนี (Windscreen) 5.3.3 อัตราการกระพริบของจอภาพ อัตราการกระพริบของจอภาพ (Refresh Rate) คือความนิ่งและความคมชัด ทีจ่ อภาพในการแสดงผลยิง่ มคี ่าสงู ภาพท่ีแสดงจะมคี วามคมชดั เช่น 60 เฮิร์ซ 144 เฮริ ซ์ เป็นตน้

89 5.3.4 ความละเอียดของจอภาพ ความละเอียดของจอภาพ (Display Resolution) หมายถึงจำนวนของเม็ดพิกเซล (Pixel) ที่เรียงชิดกันในแนวนอนและแนวตั้ง เช่น ความละเอียดของจอภาพ 1280 x 1024 หมายถึง จอภาพมจี ำนวนพิกเซลในแนวนอน 1280 จุด และแนวต้งั 1024 จุด ซึ่งเมอื่ นบั จำนวนเม็ดพิกเซลของ จอภาพน้จี ะได้ทั้งหมด 1.3 ล้านจดุ จอภาพจะมีความสามารถในการแสดงผลด้วยความละเอียดท่ีถูกผลิตมาเท่านั้น เรียกว่าความละเอียดแท้จริง (Native Resolution) หากป้อนสัญญาณภาพท่ีมีความละเอียดเท่ากับ ความละเอียดแท้จริงของจอภาพ สัญญาณภาพจะถูกนำมาแสดงได้สวยงามและเต็มแผงจอภาพพอดี แตห่ ากปอ้ นสญั ญาณภาพที่มีความละเอยี ดตำ่ กวา่ ความละเอยี ดแทจ้ ริงเขา้ ไป จะทำให้วงจรขยายภาพ ของจอภาพทำงาน โดยการนำเอาสัญญาณไปประมวลผลเพื่อเพิ่มขนาดของภาพให้เต็มแผงจอภาพ แล้วจึงแสดงผลเรียกว่าการปรับภาพแบบขยาย (Extended Graphics Array) ทำให้ภาพท่ีได้จะไม่ คมชัดและสัดส่วนอาจผิดเพ้ียน เช่น จอภาพมีความละเอียดแท้จริง 1280 x 768 พิกเซล เมื่อป้อน สัญญาณภาพมีความละเอียด 800x600 พิกเซล จะทำให้แผงจอภาพนำภาพไปขยายให้เต็มแผง จอภาพทำให้ไดภ้ าพทม่ี ีสดั สว่ นผิดเพยี้ นและไมค่ มชดั จอภาพมีมาตรฐาน ดงั นี้ 1) VGA (Video Graphics Array) 2) SVGA (SuperVideo Graphics Array) 3) SXGA (Super Extended Graphics Array) 4) UXGA (Ultra Extended Graphics Array) มคี วามละเอยี ดต้ังแต่ 1) VGA คือ ความละเอียดของจอภาพ 640 x 480 พิกเซล (4:3) 2) SVGA คอื ความละเอียดของจอภาพ 800 x 600 พิกเซล (4:3) 3) XGA คือ ความละเอยี ดของจอภาพ 1024 x 768 พกิ เซล (4:3) 4) SXGA คือ ความละเอียดของจอภาพ 1280 x 1024 พิกเซล (4:3) 5) SXGA+ คอื ความละเอยี ดของจอภาพ 1400 x 1050 พกิ เซล (4:3) 6) UXGA คือ ความละเอียดของจอภาพ 1600 x 1200 พิกเซล (4:3) ขนาดความละเอยี ดขน้ึ ตน้ ดว้ ย W เรียกวา่ จอกวา้ ง (Wide Screen) ไดแ้ ก่ 1) WVGA คอื ความละเอยี ดของจอภาพ 840 x 480 พกิ เซล (6:10) 2) WXGA คอื ความละเอยี ดของจอภาพ 1280 x 800 พิกเซล (6:10) 3) WXGA+ คอื ความละเอียดของจอภาพ 1440 x 900 พกิ เซล (16:10) 4) WSXGA คือ ความละเอยี ดของจอภาพ 1680 x 1050 พกิ เซล (16:10) 5) WUXGA คือ ความละเอียดของจอภาพ 1920 x 1200 พิกเซล (16:10)

90 6) WXGA (HD-Ready) คือ ความละเอยี ดของจอภาพ 1366 x 768 พิกเซล (16:9) 7) WSVGA (Full HD) คอื ความละเอยี ดของจอภาพ 1920 x 1080 พกิ เซล (16:9) ประเภทของจอภาพ ดงั ภาพที่ 2.56 มดี ังนี้ 5.3.5 จอภาพแบบซีอาร์ที จอภาพแบบซีอาร์ที (CRT : Cathode Ray Tube Monitor) เป็นจอภาพท่ีรับ สัญญาณภาพแบบอนาล็อก (Analog) โดยพัฒนาจอภาพแบบซีอารท์ ีมาจากจอโทรทัศน์ แต่จากการที่ เทคโนโลยีได้มีการพัฒนาไปมากทำให้จอภาพแบบซีอาร์ท่ีไม่สามารถแสดงภาพได้ตามความต้องการ ของผใู้ ช้ ปัจจุบนั จอภาพแบบซีอารท์ มี ีใชน้ ้อยเน่ืองจากมีจอภาพแบบแอลซีดีและแอลอีดีมาทดแทน 5.3.6 จอภาพแบบแอลซีดี จอภาพแบบแอลซีดี (LCD : Liquid Crystal Display) เป็นจอภาพท่ีพัฒนา ต่อจากจอภาพแบบซีอาร์ที ข้อดีของจอแสดงผลแบบแอลซีดีคือประหยัดพลังงานและแสดงภาพ ไดค้ มชัด ข้อเสียคอื มุมมองสำหรบั การมองเห็นภาพค่อนข้างแคบ 5.3.7 จอภาพแบบแอลอีดี จอภาพแบบแอลอีดี (LED : Light Emitting Diode) เป็นจอภาพที่แสดงสีได้ ชัดเจนกว่าจอภาพแบบอื่น ๆ ซง่ึ จอภาพแบบแอลอดี ีน้ันจะไม่มีขอ้ จำกดั ในเร่ืองของมุมมองและมีอตั รา การตอบสนองของภาพทไ่ี วกวา่ จอภาพแบบแอลซีดีและประหยัดไฟฟา้ กว่าแบบซีอาร์ทแี ละแอลซดี ี ภาพท่ี 2.56 : จอภาพหรือมอนิเตอร์ ทมี่ า : https://images.philips.com/is/image/PhilipsConsumer/271S4LPYSB_00-IMS-th_TH?$jpglarge$&wid=1250 5.4 เครื่องพมิ พ์ เคร่ืองพิมพ์หรือพริ้นเตอร์ (Printer) คืออุปกรณ์ที่แสดงผลลัพธ์จากการประมวลผล ออกมาในรปู แบบกระดาษ ทงั้ รูปภาพและอักษร โดยมลี กั ษะและการใช้งานท่แี ตกตา่ งกัน ดงั นี้

91 5.4.1 เครอ่ื งพิมพแ์ บบดอตแมตรกิ ซ์ เคร่ืองพิมพ์แบบดอตแมตริกซ์ (Dot Matrix Printer) ทำงานโดยใช้การสร้างจุด ลงบนกระดาษ ซ่ึงหัวพิมพ์จะมลี ักษณะเป็นหัวเข็ม เมื่อตอ้ งการพิมพ์รปู ทรงหรอื รปู ภาพใด ๆ หัวเขม็ ท่ี อยู่ในตำแหน่งตามรูปประกอบนั้น ๆ จะยื่นออกมามากกว่าหัวอื่น ๆ และกระแทกกับผ้าหมึกลง กระดาษที่ใช้พิมพ์ จะทำใหเ้ กิดจุดมากมายประกอบกันเป็นรูปภาพหรือตัวอักษร ความคมชัดของภาพ ขนึ้ อยู่กบั จำนวนหัวพิมพ์ เครื่องพิมพ์แบบดอตแมตริกซ์มีหัวพิมพ์แบบ 9 เข็ม แบบ 24 เข็ม และแบบ 32 เข็ม ซง่ึ จำนวนหัวพิมพ์ย่ิงมากภาพทพ่ี ิมพ์ลงบนกระดาษก็ยงิ่ คมชดั มากดงั ภาพท่ี 2.57 ความเร็วใน การพิมพ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที (PPM : Page Per Minute) ขนาดกระดาษท่ีรองรับ เช่น A4 A5 A6 B5 Letter และ Legal เป็นต้น เหมาะ กบั งานที่ใช้กระดาษสำเนาแบบต่อเน่ือง การเชื่อมต่อกบั คอมพิวเตอร์ผา่ นชอ่ งทางขนาน ภาพที่ 2.57 : เครอื่ งพมิ พ์แบบดอตแมตริกซ์ ท่ีมา : http://content.etilize.com/images/900/1044478839.jpg 5.4.2 เคร่ืองพมิ พ์แบบเลเซอร์ เคร่ืองพิมพ์แบบเลเซอร์ (Laser Printer) ใช้เทคโนโลยียิงแสงเลเซอร์สร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ งานพิมพ์มีคุณภาพสูงดังภาพท่ี 2.58 เหมาะกับงานท่ีต้องการความคมชัด และความสวยงาม มีหน่วยวัดความเร็วเป็นจำนวนหน้าต่อนาที คณุ ภาพของการพิมพ์วดั เป็นจุดต่อน้ิว (dpi : Dot Per Inch) เช่น 300 จุดต่อ1 นิ้ว หรือ 600 จุดต่อ 1 นิ้ว ย่ิงมีจุดมากแสดงว่ามีความ ละเอียดมาก ภาพท่ีได้จะคมชัดกว่าภาพท่ีมีจุดน้อยหรือมีความละเอียดน้อย ขนาดกระดาษที่รองรับ เช่น A4 A5 A6 B5 10×15 ซม. (4×6 น้ิว) 13×18 ซม. (5×7 น้ิว) 9×13 ซม. (3.5×5 น้ิว) Letter Legal และ Envelopes เป็นต้น มีท้ังแบบเลเซอร์ขาว-ดำและแบบเลเซอร์สี การเช่ือมต่อกับ คอมพิวเตอรผ์ ่านชอ่ งทางยเู อสบี ชอ่ งทางไร้สาย และช่องทางเครือขา่ ย (Network Printer)

92 ภาพท่ี 2.58 : เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ ทีม่ า : http://www.esssyntech.com/images/Knowledge/3.Laser%20Printer.jpg 5.4.3 เครอื่ งพิมพแ์ บบพ่นหมกึ เครือ่ งพิมพ์แบบพ่นหมึกหรืออิงค์เจ็ตพรน้ิ เตอร์ (Inkjet Printer) ใช้เทคโนโลยีการ หมึกพิมพ์เป็นหยดลงบนกระดาษตรงจุดที่ต้องการดังภาพท่ี 2.59 การใช้งานได้หลากหลายมีทั้งแบบ ขาว-ดำและแบบสีประกอบด้วยระบบสี CMYK คือ สีฟ้า (C : Cyan) สีแดงอมม่วง (M : Magenta) สี เหลือง (Y : Yellow) และสีดำ (K : Key) เหมาะสำหรับงานพิมพ์ เช่น หนังสือ โปสเตอร์ แผ่นพับ หรือ ป้ายประกาศ เป็นต้น มีหน่วยวดั ความเร็วเป็นจำนวนหน้าต่อนาที ขนาดกระดาษท่ีรองรับ เช่น A3 A4 A5 A6 B5 10×15 ซม. (4×6 นิ้ว) 13×18 ซม. (5×7 น้ิว) 9×13 ซม. (3.5×5 นว้ิ ) Letter Legal และ Envelopes เป็นต้น เช่น เคร่ืองพิมพ์ แคนนอน ไอพี2770 (Canon IP2770) ความละเอียดการพิมพ์ ตั้งแต่ 4800 x 1200 จุดต่อน้ิว (ตัวเลขด้านหน้าคือความละเอียดในแนวตั้ง และตัวเลขด้านหลังคือ ความละเอียดในแนวนอน) พิมพ์ขาวดำ 7 แผ่น/นาที พิมพ์สี 4.8 แผ่น/นาที เป็นต้น การเช่ือมต่อกับ คอมพวิ เตอร์ผา่ นช่องทางยูเอสบี ช่องทางไร้สาย และชอ่ งทางเครือขา่ ย ภาพที่ 2.59 : เครื่องพมิ พแ์ บบพน่ หมึก ทีม่ า : https://www.jib.co.th/img_master/product/original/20180731101647_5019_21_1.jpg

93 5.4.4 เครอ่ื งพมิ พแ์ บบมัลตฟิ งั ก์ชนั เคร่ืองพิมพ์แบบมัลติฟังก์ชัน (Multifunction Printer) หรือเครื่องพิมพ์แบบ ออลอินวนั (All In One Printer) มีคุณลักษณะและการทำงานเหมอื นกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก ได้ เพิ่มฟังก์ชันการทำงาน ได้แก่ เครื่องพิมพ์ ถ่ายเอกสาร ส่งแฟกซ์ และเคร่ืองกราดภาพ เข้าไว้ด้วยกัน เพ่ือให้มีความสะดวกในการใช้งาน ดังภาพที่ 2.60 เหมาะใช้กับงานกับกลุ่มธุรกิจ สำนักงาน สถาน ประกอบการต่าง ๆ เนื่องจากมีความหลากหลายในการใช้งาน เช่น เครื่องพิมพ์ เอปสัน เอล210 (Epson L210) ความละเอียดการพิมพ์ต้ังแต่ 5760 x 1440 จุดต่อน้ิว พิมพ์ขาวดำ 27 แผ่น/นาที พิมพ์สี 15 แผ่น/นาที ฟังก์ช่ันการกราดภาพและการถ่ายสำเนาความละเอียด 600 x 1200 จุดต่อนิ้ว เป็นตน้ การเช่อื มตอ่ กบั คอมพวิ เตอรผ์ า่ นชอ่ งทางยูเอสบี ช่องทางไรส้ าย และช่องทางเครือขา่ ย ภาพท่ี 2.60 : เครือ่ งพิมพแ์ บบมลั ติฟังก์ชนั ทมี่ า : https://www.jib.co.th/jib_content/images/content/L210_550x310.png 5.4.5 เครอื่ งพลอ็ ตหรือพล็อตเตอร์ (Plotter) เครื่องพล็อตเป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่าง ๆ ลงบน กระดาษ โดยความเร็วในการทำงานมหี นว่ ยวดั ความเร็วเป็นน้ิวต่อวินาที (Inches Per Second : IPS) ซ่ึงหมายถึงจำนวนนิ้วท่ีเคร่ืองพล็อตสามารถเลื่อนปากกาไปบนกระดาษ เหมาะสำหรับงานพิมพ์งาน เก่ยี วกับแบบทางวิศวกรรม แบบงานตกแต่งภายในและสถาปนิก งานด้านป้ายหรือโฆษณา เหมาะกับ งานท่ีมีขนาดความกว้าง 125 ซม. 165 ซม. หรือกระดาษขนาด A0 A1 หรือ A2 เช่น เคร่ืองพล็อต เอชพี ดีไซน์เจ็ต ที520 รุ่น 36 น้ิว (HP Designjet T520) ดังภาพที่ 2.61 ความละเอียดการพิมพ์ ตั้งแต่ 1200 x 1200 จุดต่อนิ้ว พิมพ์ได้ 2.3 - 25.6 ตารางเมตรต่อชั่วโมง เป็นต้น การเชื่อมต่อกับ คอมพิวเตอร์ผ่านช่องทางยูเอสบี ช่องทางไร้สายและชอ่ งทางเครือข่าย

94 ภาพที่ 2.61 : เครือ่ งพล็อต ที่มา : http://www.itfocusthai.com/images/column_1348635561/hp%20designjet%20t520.jpg 5.5 เครอื่ งกราดภาพ เครื่องกราดภาพหรือสแกนเนอร์ (Scanner) ทำหน้าท่ีแปลงสัญญาณภาพเป็นสัญญาณ ทางไฟฟ้า โดยการกราดรูปภาพหรือตัวอักษรท่ีอยู่ในเอกสารและบันทึกเป็นข้อมูลทางดิจิตอลลงใน อปุ กรณจ์ ดั เก็บข้อมลู แบง่ เปน็ 3 ประเภท ดงั น้ี 5.5.1 เคร่อื งกราดภาพแบบมอื ถอื เคร่ืองกราดภาพแบบมือถือ (Hand-Held Scanner) มีขนาดเล็ก ราคาไม่แพง กราดภาพขนาดเล็กที่ไม่ต้องการความละเอียดมาก เช่น โลโก้ ลายเซ็น เอกสาร เป็นต้น ดังภาพที่ 2.62 มีความละเอียดที่ระดับ 300 จุดต่อนิ้ว 600 จุดต่อนิ้ว และ900 จุดต่อนิ้ว รูปแบบข้อมูลท่ีได้ รูปภาพประเภทเจพีจี (JPG) และเอกสารประเภทพีดีเอฟ (PDF) ขนาดกระดาษ เอ4 (A4 : 216 mm) ภาพท่ี 2.62 : เครอื่ งกราดภาพแบบมือถือ ทีม่ า : http://www.krootom101.com/picture/handScan.jpg


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook