Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สามัคคีเภทคำฉันท์

สามัคคีเภทคำฉันท์

Published by phawineertyuiop2521, 2021-06-16 13:13:54

Description: สามัคคีเภทคำฉันท์

Search

Read the Text Version

เรอ่ื ง สามคั คเี ภทคาฉนั ท์ ผจู้ ดั ทา ๑.นาย รชั ชานนท์ นิสะพันธ์ ม.๖.๘ เลขที่ ๑๔ ๒.นางสาว ณภัทร นามตะ ม.๖.๘ เลขที่ ๒๔ ๓.นางสาว ปรียาภรณ์ โพธถ์ิ นอม ม.๖.๘ เลขท่ี ๒๖ ๔.นางสาว ภาวณิ ี รตั นแกว้ ธรรม ม.๖.๘ เลขที่ ๒๗ ๕.นางสาว มุกมณี สมศรี ม.๖.๘ เลขที่ ๒๘ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ๖่ี หอ้ ง๘ เสนอ คณุ ครู ณฐั ยา อาจมงั กร รายงานทเี่ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของ การเรยี นวชิ า ภาษาไทย ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ โรงเรยี นมธั ยมวดั หนองแขม

เรอื่ ง สามคั คเี ภทคาฉนั ท์ ผจู้ ดั ทา ๑. นาย รัชชานนท์ นิสะพนั ธ์ ม.๖.๘ เลขที่ ๑๔ ๒. นางสาว ณภทั ร นามตะ ม.๖.๘ เลขท่ี ๒๔ ๓.นางสาว ปรยี าภรณ์ โพธถ์ิ นอม ม.๖.๘ เลขที่ ๒๖ ๔. นางสาว ภาวณิ ี รัตนแกว้ ธรรม ม.๖.๘ เลขที่ ๒๗ ๕.นางสาว มกุ มณี สมศรี ม.๖.๘ เลขท่ี ๒๘ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ๖่ี หอ้ ง๘ เสนอ คณุ ครู ณฐั ยา อาจมงั กร รายงานทเ่ี ปน็ สว่ นหนงึ่ ของ การเรยี นวชิ า ภาษาไทย ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ โรงเรยี นมธั ยมวดั หนองแขม

คานา รายงานน้เี ปน็ สว่ นหนึง่ ของวิชา ภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ โดยมีจุดประสงค์ เพ่ือให้ศึกษาความรแู้ ละ วิเคราะหว์ รรณคดีไทยเร่ืองสามคั คเี ภทคาฉันท์ ท้งั ด้านการพิจารณา เน้อื หาและกลวธิ ใี นการ แตง่ การใชภ้ าษา ตลอดจนประโยชนห์ รือ คุณค่าในวรรณคดีและวรรณกรรม และไดศ้ ึกษาอย่างเข้าใจเพ่อื เป็น ประโยชนต์ ่อการเรยี น คณะผจู้ ดั ทาหวังว่าหนงั สือเล่มน้จี ะมปี ระโยชนต์ ่อผ้อู า่ นหรือ นกั เรียนนักศึกษาทห่ี าข้อมลู ในเรอ่ื งนหี้ ากมีขอ้ แนะนาหรือ ขอ้ ผิดพลาดประการใดคณะผู้จัดทาขอน้อมรบั และขออภัยไว้ ณ ที่นีด้ ว้ ย คณะผู้จดั ทา ๑๖ มถิ นุ ายน ๒๕๖๔

สารบญั หนา้ เรอ่ื ง ๑ ๒ - ประวตั ผิ แู้ ตง่ ๓ - ผลงานของผแู้ ตง่ ๔-๕ - จดุ ประสงคใ์ นการแตง่ ๖ - ทม่ี าของเรอื่ ง ๗ - ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ๘-๙ - อนิ ทรวเิ ชยี รฉ์ นั ท๑์ ๑ ๑๐ - วชิ ชมุ มาลาฉนั ท์ ๑๑ - แผนผงั โคลง ๑๒-๑๗ - เรอื่ งยอ่ กอ่ นเรยี น ๑๘-๕๕ - เรอื่ งยอ่ ของวสั สการพราหมณ์ ๕๖-๕๙ - ถอดคาประพนั ธ์ ๖๐-๖๑ -อธบิ ายคาศพั ทย์ าก ๖๒-๖๓ -คณุ คา่ ทางวรรณคดี -บรรณานกุ รม

๑ ประวตั ผิ แู้ ตง่ นายชติ บรุ ทตั เขา้ ศกึ ษาเบื้องต้นที่โรงเรียนวัดราชบพธิ และเขา้ ศกึ ษาจนจบชั้นมธั ยมบรบิ รู ณ์ ที่โรงเรียนวัดสุทัศน์ เม่อื อายุได้ ๑๕ ปี บิดาจึงใหบ้ วชเปน็ สามเณร ณ วดั ราชบพิธสถติ มหาสีมา ราม โดยมีพระเจา้ วรวงศเ์ ธอ กรมหลวงชินวรสิริวฒั น์ สมเด็จ พระสังฆราชในเวลาน้นั ทรงเป็นอปุ ชั ฌาจารย์ บวชไดไ้ มน่ านก็ลา สิกขานายชิตมีความสนใจการอ่านเขยี น และมคี วามเชี่ยวชาญใน ภาษาไทย มีความรภู้ าษาบาลี และยังฝกึ ฝนภาษาองั กฤษอยู่ใน เกณฑใ์ ช้ได้ และเรมิ่ การประพนั ธเ์ มอื่ อายุได้ ๑๘ ปี

๒ ผลงานของผแู้ ตง่ ประเภทสดดุ สี รรเสรญิ พระคเณศร, มหานครปเวศคาฉนั ท์, ฉนั ทร์ าชสดดุ ี และอนสุ าวรยี ก ถา, กาพย์เฉลมิ พระเกียรติงานพระเมรุทองท้องสนามหลวง, ฉันท์ เฉลิมพระเกียรติงานพระเมรทุ องทอ้ งสนามหลวง,ปรีดปิ รารมภ์ ฯ ประเภทคตคิ าสอน ต้ทู องของปราชญ,์ กันก่อนแก้, ทาลายงา่ ยกว่าสร้าง, สญั ชาตอิ กี า, เลิกความคิดชนิดเขลาหลงเสีย, หน้าทีส่ ามประการของเรา, คนช่ัว อกตญั ญู, คตขิ องพวกเราชาวไทย, ตาโป๋คาฉนั ท์, เสียงสงิ คาล ฯ ประเภทชาดก สามัคคเี ภทคาฉันท,์ ลลิ ิตสุภาพจลุ ธนคุ คหะบณั ฑิต, ลลิ ติ สุภาพพาโล ทกชาดกในทกุ นบิ าต, อลิ ลสิ ชาดกในเอกนบิ าต, เวทพั พชาดกคา ฉันท์, กกุฎวานชิ คาโคลง ฯ ประเภทชมธรรมชาติ อุปมาธรรมชาต,ิ วารวสิ าขะมาส, วัสสานฤดู, เหมนั ตฤดู, เหมอื น พระจันทรข์ ้างแรม,ภาพทหี่ ลบั ตาเหน็ , เอกเขนกขอบสระ, ดรุณจตุ ราภริ มย์, นริ าศนครราชสีมา, นิราศแมวคราว ฯ ประเภทเบด็ เตลด็ ความรู้, สหลักษณ,์ กวีสี่, กาเนดิ แหง่ สตรีคาโคลง, สละกนั เพราะ แต่งงาน, เราจน, บุญตามาพบ, หนาวอะไร, ความรักของแม,่ ผดิ กนั ฯ

๓ จดุ ประสงคใ์ นการแตง่ เพ่ือมงุ่ ชค้ี วามสาคัญของการรวมเปน็ หมคู่ ณะ เป็นนา้ หนึ่งใจ เดยี วกนั เพือ่ ปอ้ งกนั รักษาบ้านเมืองใหม้ คี วามเปน็ ปกึ แผ่น สามคั คี เภทคาฉันท์ เป็นกวนี ทิ านสุภาษติ วา่ ดว้ ย “โทษแหง่ การแตกสามคั ค”ี ภายหลงั ไดร้ ับการยกย่องเปน็ ตาราเรียนวรรณกรรมไทยที่สาคัญ เลม่ หนงึ่ ทั้งในอดีตและปจั จบุ ัน

๔ ทม่ี าของเรอื่ ง ในสมัยรชั กาลท่ี6 เกิดเหตุการณต์ ่างๆ เชน่ สงครามโลกคร้ังท่ี1กบฏ ร.ศ.130 ทาให้เกดิ ความตน่ื ตัวทางความคดิ มีความเหน็ เก่ียวกบั การ ดาเนินการบา้ นเมอื งแตกต่างกนั เปน็ หลายฝ่าย จงึ ทาให้ส่งผล กระทบต่อความไมม่ ่ันคงของบ้านเมอื ง ในภาวะดังกลา่ วจึงมกี าร แตง่ วรรณคดีปลุกใจให้มกี ารรกั ษาขนึ้ โดยเรอ่ื งสามัคคีเภทแตง่ ขน้ึ ในปี พ.ศ ๒๔๗๕ โดยมงุ่ เนน้ ความสาคัญของความสามคั คีเพื่อ รักษาบ้านเมอื งสามัคคีเภทคาฉนั ท์ เป็นกวนี ิทานสุภาษิต ว่าด้วย “โทษแห่งการแตกสามัคคี” ภายหลังไดร้ บั การยกยอ่ งเปน็ ตารา เรยี นวรรณกรรมไทยทส่ี าคัญเลม่ หนง่ึ ทง้ั ในอดตี และปจั จบุ ันสามคั คี เภทคาฉนั ท์ดาเนนิ เร่ืองโดยองิ ประวตั ศิ าสตร์ครงั้ พทุ ธกาล ว่าด้วย การใชเ้ ลห่ อ์ ุบายทาลายความสามคั คีของเหล่ากษัตรยิ ล์ จิ ฉวี กรงุ เว สาลี แหง่ แคว้นวัชชี เน้อื ความนี้มีปรากฏในมหาปรนิ ิพพานสูตร แหง่ พระไตรปฎิ ก และอรรถกถาสมุ ังคลวสิ าสนิ ี โดยเล่าถงึ กษัตรยิ ์ใน สมัยโบราณ ทรงพระนามว่า พระเจา้ อชาตศัตรู แห่งแควน้ มคธ ทรง มีอามาตยค์ นสนทิ ช่อื วสั สการพราหมณ์ ทรงมีดารจิ ะปราบแคว้น วัชชี ซ่ึงมกี ษัตริยล์ จิ ฉวีครอบครอง แต่แควน้ วชั ชมี คี วามเปน็ ปกึ แผน่ และปกครองกันดว้ ยความสามัคคีพระเจา้ อชาตศตั รปู รึกษา กบั วสั สการพราหมณ์เพือ่ หาอบุ ายทาลายความสามัคคีของเหลา่ กษตั รยิ ์ลิจฉวี โดยการแสร้งเนรเทศวัสสการพราหมณอ์ อกจาก แคว้นมคธ เดนิ ทางไปยงั เมืองเวสาลี แล้วทาอุบายจนได้เขา้ เฝ้า กษัตริยล์ จิ ฉวี และในทสี่ ุดไดเ้ ป็นครูสอนภาษาและศิลปวทิ ยาแก่ราช กุมารท้ังหลาย ครัน้ ได้โอกาส กท็ าอุบายให้

๕ ศิษยแ์ ตกร้าวกนั จากความแตกรา้ วของเหล่ากมุ าร จงึ มกี ารไป ฟอ้ งรอ้ งบดิ าของตนซึ่งเป็นกษตั ริย์ จงึ เกดิ การแตกร้าวระหว่าง กษตั ริย์ไปดว้ ย จนเกิดการวิวาท และเป็นเหตุให้ความสามัคคใี นหมู่ กษตั ริย์ลจิ ฉวถี กู ทาลายลง เมื่อนั้น พระเจ้าอชาตศตั รจู ึงไดก้ รีธาทพั สเู่ มืองเวสาลี สามารถปราบแคว้นวัชชลี งได้อย่างงา่ ยดาย โดยวัส สการพราหมณเ์ ปน็ ผู้มาเปิดประตเู มอื งใหแ้ ก่พระเจ้าอชาตศัตรู

๖ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ คาประพนั ธ์ ที่ใชแ้ ตง่ สามัคคเี ภทคาฉันทน์ ้นั ใชฉ้ นั ท์และกาพย์ สลับกัน จึงเรียกว่า คาฉนั ท์ โดยมฉี ันท์ถงึ ๒๐ ชนิดด้วยกนั นับวา่ เป็นวรรณคดีคาฉันทเ์ ล่มหนงึ่ ท่อี นชุ นรุ่นหลังยกยอ่ งและนับถือเป็น แบบเรือ่ ยมา โดยเน้นจงั หวะลหุ คอื เสยี งเบาอยา่ งเคร่งครดั กาหนด เปน็ สระเสียงสน้ั ไมม่ ตี วั สะกด เสมอ ชนดิ ของฉนั ทท์ ใี่ ชแ้ ตง่ กมลฉนั ท,์ กาพยฉ์ บัง,จติ รปทาฉันท์, อินทรวิเชยี รฉันท์,โตฏฉนั ท์,ภชุ งคประยาตฉนั ท์, มาณวกฉันท์, มาลนิ ี ฉันท์, วสนั ตดลิ กฉันท์, วังสฏั ฐฉันท,์ วิชชุมมาลาฉนั ท์, สัททุลวกิ กฬี ติ ฉันท์, สทั ธราฉันท์, สาลนิ ีฉันท์, สุรางคนางค์ฉันท์, อินทรวิเชียรฉนั ท์, อนิ ทรวงศ์ฉนั ท์, อที สิ ังฉันท์, อุปชาตฉิ นั ท์, อุปัฏฐติ าฉันท์ และอเุ ปนท รวเิ ชียรฉนั ท์อน่งึ แม้จะใช้กาพย์ฉบงั แตก่ ็ยงั จัดในหมวดของฉนั ทไ์ ด้ ทั้งน้ีกาพย์ฉบงั ที่ใช้ในเรอื่ ง กาหนดเป็นคาครทุ ้งั หมด

๗ อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ท์ ๑๑ อนิ ทรวเิ ชยี ร แปลว่า เพชรพระอินทร์ หรอื สายฟ้าจากพระอนิ ทร์ หมายถงึ ฉันท์ทม่ี ีลีลาประดจุ เพชรของพระอนิ ทร์ หรอื สายฟ้า จากพระอนิ ทร์ คณะและพยางค์ อนิ ทรวเิ ชียรฉันท์ จานวน ๑ บท มี ๒ บาท ๑ บาท มี ๒ วรรค ได้แก่ วรรคหนา้ หรอื วรรคต้นมี ๕ คา (พยางค)์ ส่วนวรรคหลังหรือวรรคท้ายมี ๖ คา (พยางค์) อินทรวเิ ชียรฉันท์ ๑ บาท มีจานวนคา (พยางค์) ๑๑ คา (พยางค)์ ดงั น้ัน จึงกาหนดเลข ๑๑ ไว้ทา้ ยช่อื ฉนั ท์ โดยยดึ ตาม บาทของฉันท์ สมั ผัส ให้นกั เรยี นสังเกตสัมผัสบงั คับ (สัมผสั นอก) และบงั คบั คร-ุ ลหุ คาครุ สญั ลกั ษณ์แทนดว้ ย ั คาลหุ สญั ลักษณแ์ ทนด้วย ุ

๘ วชิ ชมุ มาลาฉนั ท์ วิชชุมมาลาฉนั ท์ มีความหมายวา่ “ฉนั ทท์ ี่มที ว่ งทานองลลี าดุจ สายฟ้าแลบ” คณะและพยางค์ วิชชุมมาลาฉันท์ ๑ บท ประกอบดว้ ยคณะและพยางค์ ดังน้ี มี ๔ บาท บาทละ ๒ วรรค วรรคละ ๔ คา ๑ บาท นับจานวนคาได้ ๘ คา/พยางค์ ดงั นนั้ จึงเขยี นเลข ๘ หลังชอ่ื วิชชมุ มาลาฉนั ทน์ ี่เอง ทั้งบทมีจานวนคาท้งั สนิ้ ๓๒ คา สัมผัส พบวา่ สัมผัสวชิ ชมุ มาลาฉนั ท์ มีสมั ผัสนอก (ท่เี ปน็ สัมผสั ภายใน บท) บท จานวน ๕ แหง่ ไดแ้ ก่ ๑. คาสดุ ท้ายของวรรคท่ี ๑ สง่ สัมผัสกบั คาท่ี ๒ ของวรรคที่ ๒ ๒. คาสดุ ทา้ ยของวรรคที่ ๒ ส่งสัมผสั กบั คาสุดท้าย ของวรรคท่ี ๓ ๓. คาสดุ ทา้ ยของวรรคท่ี ๔ สง่ สัมผัสกับคาสดุ ท้าย ของวรรคที่ ๖ ๔. คาสดุ ท้ายของวรรคที่ ๕ ส่งสัมผัสกบั คาที่ ๒ ของวรรคท่ี ๖ ๕. คาสุดทา้ ยของวรรคท่ี ๖ สง่ สัมผัสกบั คาสุดทา้ ย ของวรรคที่ ๗

๙ สมั ผัสระหวา่ งบท พบว่า คาสุดท้ายของบท ส่งสมั ผสั กับคา สดุ ท้ายของวรรค วรรคที่ ๔ ในบทตอ่ ไปคาครุ ลหุ วชิ ชุมมาลา ฉนั ท์ ๑ บท มคี าครทุ ั้งหมด ๓๒ คา ปราศจากการใชค้ าลหุ (สัมผสั นอก) และบังคบั ครุ-ลหุ คาครุ สัญลักษณ์แทนด้วย ั คาลหุ สญั ลกั ษณ์แทนด้วย ุ (ซงึ่ ในฉันทป์ ระเภทน้ไี ม่ใชค้ าลห)ุ

๑๐ แผนผงั อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ท์ แผนผงั วชิ ชมุ มาลาฉนั ท์

๑๑ เรอ่ื งยอ่ (กอ่ นบทเรยี น) พระเจา้ อชาตศัตรแู หง่ กรงุ ราชคฤห์ แคว้นมคธ ทรงมีวสั สการ พราหมณผ์ ฉู้ ลาดและรอบรศู้ ลิ ปศาสตรเ์ ปน็ ท่ปี รึกษา มีพระ ประสงคจ์ ะขยายอาณาจกั รไปยงั แคว้นวชั ชขี องเหลา่ กษตั ริยล์ ิจฉวี ซ่งึ ปกครองแคว้นโดยยึดมัน่ ในอปริหานยิ ธรรม (ธรรมอันไมเ่ ปน็ ท่ีต้งั แหง่ ความเสอื่ ม) เนน้ สามัคคธี รรมเป็นหลกั การโจมตแี ควน้ นใี้ หไ้ ด้ จะตอ้ งทาลายความสามคั คีนี้ให้ได้เสียกอ่ น วัสสการพราหมณ์ ปุโรหติ ท่ปี รกึ ษา จงึ อาสาเปน็ ไส้ศกึ ไปยแุ หยใ่ หก้ ษตั ริยล์ ิจฉวแี ตก ความสามคั คี โดยทาเป็นอบุ ายกราบทลู ทัดทานการไปตีแควน้ วชั ชี พระเจ้าอชาตศัตรแู สร้งกริ้ว รบั ส่งั ลงโทษให้เฆ่ียนวัสสการ พราหมณ์ อยา่ งรนุ แรงแลว้ เนรเทศไปข่าวของวสั สการพราหมณไ์ ป ถงึ นครเวสารี เมอื งหลวงของแควน้ วัชชี กษตั รยิ ล์ ิจฉวรี บั สั่งให้วัส สการพราหมณ์เขา้ รับราชการกับกษัตริย์ลจิ ฉวี ดว้ ยเหตุท่เี ป็นผมู้ ี สตปิ ญั ญา มีวาทศิลปด์ ี มคี วามรอบรู้ในศิลปะวิทยาการ ทาให้ กษตั ริย์ลิจฉวีรับไวใ้ นพระราชสานกั ใหพ้ ิจารณาคดคี วามและสอน หนังสือพระโอรส วสั สการพราหมณ์ไดท้ าหนา้ ทีอ่ ยา่ งเตม็ ความรู้ ความสามารถ จนกษตั รยิ ล์ จิ ฉวไี ว้วางพระทยั กด็ าเนินอบุ ายขัน้ ต่อไป คอื สร้างความคลางแคลงใจในหม่พู ระโอรส แลส้ ลุกลามไปถึง พระบดิ า ซง่ึ ต่างกเ็ ชอ่ื พระโอรส ทาใหข้ ุ่นเคอื งกนั ไปท่ัว เวลาผ่านไป ๓ ปี เหล่ากษัตรยิ ล์ จิ ฉวีกแ็ ตกความสามัคคกี ันหมด แม้วัสสการ พราหมณ์ตกี ลองนัดประชมุ กไ็ มม่ พี ระองคใ์ ดมารว่ มประชุม วัสสกา รพราหมณ์จงึ ลอบสง่ ขา่ วไปยังพระเจ้าอชาตศัตรู ให้ทรงยกทัพมาตี แควน้ วัชชีไดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย

๑๒ สามคั คเี ภทคาฉนั ท์ เรอ่ื งของวสั สการพราหมณ์ พระเจ้าอชาตศัตรขู ้ึนครองราชย์ โดยการทรมานพระราชบิดา พระ เจ้าพิมพิสาร จนสวรรคตในครง้ั พุทธกาลแควน้ มคธมกี รงุ ราชคฤห์ เป็นเมอื งหลวง เป็นมหาอาณาจกั รบนลมุ่ แมน่ ้าคงคา พระเจา้ พมิ พิสารทรงเปน็ พระมหากษัตรยิ ป์ กครองโดยระบอบสมบูรณาญา สิทธิราช มพี ระราชโอรสองค์ใหญ่ทรงพระนามว่า อชาตศตั รู เจา้ ชายอชาตศตั รนู นี้ บั ถอื ศาสนาเชน มไิ ดน้ ับถือพทุ ธศาสนา เหมือนพระราชบดิ า จงึ ถกู พระเทวทตั ยใุ หก้ บฏชงิ ราชสมบตั ิ อยู่มา วันหนงึ่ เจ้าชายเหนบ็ กรชิ ลอบเขา้ ไปหมายจะสงั หารพระราชบดิ า เมอื่ ถกู จับได้ก็สารภาพวา่ จะสงั หารเพ่อื ให้ได้ราชสมบตั ิ พระเจ้าพมิ พสิ ารไดพ้ ระราชทานอภัยโทษและยกราชสมบัติใหพ้ ระราชโอรส เมือ่ ก่อนพทุ ธปรินพิ พาน ๘ ปี หรอื ก่อน พ.ศ. ๙ ปี แต่ทว่าพระเจ้า อชาตศัตรูหวาดระแวงวา่ พระราชบดิ าจะเปลยี่ นพระทัย จึงส่ังให้ อามาตย์จบั พระราชบิดาไปขงั ไว้บนภูเขาคิชฌกฎู และทรมานจน สวรรคตพระเจา้ อชาตศัตรูต้องการปราบแควน้ วัชชี ทมี่ ี \"อปริหานยิ ธรรม\"แควน้ วชั ชีเปน็ สหพันธรฐั ต้ังอย่บู นฝ่ังแม่น้าคนั ธกะ แควหน่งึ แห่งแม่นา้ คงคา มีกรงุ เวสาลีเป็นเมอื งหลวง และมพี รมแดนตดิ ตอ่ กบั แควน้ มคธ ในสมัยนนั้ ทแ่ี คว้นวชั ชีนม้ี กี ารปกครองดว้ ยระบบ กษัตรยิ ์เหมือนกบั แคว้นอืน่ ๆ แตพ่ เิ ศษกวา่ กค็ ือมีการแบ่งเขต ปกครองกันออกเป็น ๖ เมืองด้วยกนั แตล่ ะเมอื งเปน็ อิสระต่อกันไม่ ขน้ึ ตรงตอ่ เมอื งใดเมืองหนึง่ มคี วามสามัคคกี ลมเกยี วปรองดองกันดี ชว่ ยเหลือกันอยตู่ ลอด ยากท่ีข้าศึกศตั รูจะรุกรานได้ เพราะกษัตรยิ ์ ลิจฉวีผลดั เปลยี่ นกันปกครองโดยระบอบสามัคคธี รรม มรี ฐั สภา

๑๓ เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดนิ และมีวัฒนธรรมประจาชาตซิ ่ึงยึดถือ ปฏิบตั ิอยา่ งมน่ั คง ๗ ประการ เรยี กวา่ อปริหานยิ ธรรม ฉะน้นั แมแ้ ควน้ วชั ชีจะเลก็ กวา่ แคว้นมคธ ก็มีความเจริญรุ่งเรอื งและ สามัคคีกนั ไม่น้อยกว่าแคว้นมคธอปรหิ านิยธรรม หมายถึง ธรรมไม่ เป็นท่ตี ้ังแห่งความเสอ่ื ม แต่เปน็ ธรรมเพือ่ ความเจรญิ กลา่ วคือ ถา้ บุคคล ปฏบิ ตั ติ ามอปริหานิยธรรม บคุ คลนั้น จะมีแตค่ วามเจริญ ความกา้ วหน้าในชีวิต ไม่มคี วามเส่ือม ความเสียหาย อนั เปน็ อปุ การะมากสาหรับผูป้ ฏบิ ัติ ผ้บู รหิ าร หม่ชู น และคนในสงั คม อปรหิ านิยธรรม หมายถงึ ธรรมไมเ่ ปน็ ทีต่ ้งั แห่งความเสือ่ ม แตเ่ ปน็ ธรรมเพือ่ ความเจรญิ กลา่ วคือ ถา้ บคุ คล ปฏิบตั ติ ามอปริหานิย ธรรม บุคคลน้ัน จะมีแต่ความเจริญความกา้ วหนา้ ในชีวติ ไมม่ คี วาม เสอ่ื ม ความเสียหาย อนั เปน็ อุปการะมากสาหรับผูป้ ฏบิ ตั ิ ผูบ้ รหิ าร หมชู่ น และคนในสงั คม แบง่ เปน็ ๒ ลักษณะ คอื ๑. อปรหิ านิยธรรมสาหรบั คฤหัสถ์ ๒. อปรหิ านิยธรรมสาหรับพระสงฆ์ อปรหิ านยิ ธรรมสาหรบั คหสั ถ์ (วชั ชอี ปรหิ านยิ ธรรม) ๗ประการ อปรหิ านิยธรรมสาหรับคหสั ถ์ ๗ ประการ แสดงธรรมโดยพระพุทธ องค์ แก่เจา้ ลจิ ฉวเี พ่ือใหป้ ฏบิ ตั ิตาม เมอ่ื ครั้นประทับ ณ สารันทเจดยี ์ ใกลก้ รุงเวสาลี แควน้ วชั ชี ประกอบด้วยธรรม ๗ ประการ คอื ๑. จัดประชุม และหารือกนั เพ่อื แลกเปลยี่ นความรเู้ ปน็ นิตย์ ๒. การประชุมตอ้ งให้หมคู่ ณะมเี พรยี งกัน รวมถงึ การเลิกประชมุ และการทากิจอนั สมควรให้พร้อมเพรยี ง

๑๔ ๓. บัญญัติหรือมีมตใิ นสิง่ ในเรือ่ งใหม่ และข้อบัญญตั ิไมข่ ดั หรือตดั รอนบญั ญัติก่อน พรอ้ มยอมรับ และศกึ ษาในธรรมะของชาววัชชที ี่ ไดบ้ ญั ญัตกิ ่อน ๔. ใหเ้ คารพนับถือคากล่าวของผูอ้ าวุโส ๕. ไมล่ ่วงละเมดิ ทางใจ และกายในสตรที ่มี ีสามีหรือสตรีสาวในชาว วัชชี ๖. ใหค้ วามเคารพ และสักการะ รวมถงึ การบูรณะเจดยี ห์ รือพทุ ธ สถานที่ปลูกสรา้ งไว้ ๗. ใหก้ ารสงเคราะห์ และอปุ การะแกส่ งฆ์ทั้งหลาย อปรหิ านิยธรรมสาหรับพระภกิ ษุ (ภกิ ขอุ ปริหานิยธรรม) ๗ ประการ หลังจาก ไดแ้ สดงอปริหานยิ ธรรม ๗ ประการ แกว่ ัสสการพ ราหมณแ์ ลว้ ตอ่ มาจึงตรัสเรียกประชมุ สงฆ์ท้ังหมดทอ่ี ย่ใู นกรงุ รา ชคฤห์ พร้อมกับแสดงธรรมอปริหานิยธรรมทงั้ 7 ประการ ดงั นี้ ๑. ใหห้ มัน่ ประชมุ และหา เพอื่ แลกเปลีย่ นธรรมกันเปน็ นติ ย์ ๒. การประชุมให้เกิดความพรอ้ มเพรียงท้งั ในหมูคณะ การเลิก ประชมุ และการทากจิ อันสมควร ๓. ไมพ่ งึ บัญญัติในสง่ิ ทีพ่ ระพทุ ธองคไ์ ม่เคยบัญญัติ และไมเ่ พกิ ถอน ทสี่ งิ่ ทีพ่ ระพทุ ธองคไ์ ดบ้ ญั ญัติไว้ รวมถงึ ข้อบัญญัติใหมไ่ มพ่ งึ ขดั หรือ ตัดรอนกับบัญญัติทพี่ ระพุทธองคไ์ ดท้ รงบัญญตั ิไว้ ๔. พึงเชอ่ื และเคารพในภิกษทุ ี่อาวโุ ส

๑๕ ๕. พงึ ละเวน้ และไมล่ ุในความอยากท้ังหลาย ๖. พงึ ยินดีในสถานทีพ่ กั ของตน ๗. พงึ ต้งั ความปรารถนาดใี นทางธรรมตอ่ พระภิกษุหรอื สามเณรผู้ ทจ่ี ะเขา้ มาอยรู่ ่วม พระเจ้าอชาตศตั รมู ีกรณีพิพาทเปน็ ประจากบั กษัตริยล์ จิ ฉวี เร่ือง แย่งเครือ่ งเทศอันมคี า่ ที่เชงิ ภเู ขา พรมแดนห่างจากแม่นา้ คงคา ประมาณ ๘ โยชน์ พระองคจ์ งึ ทรงวางแผนสงครามโดยใช้ให้มหา อามาตย์สุนธิ ะ กับปโุ รหิตผู้เฉลยี วฉลาดนามวา่ วสั สการพราหมณ์ ใหไ้ ปสร้างบา้ นปาฏลิคามขนึ้ เป็นเมือง ณ ริมฝงั่ แม่นา้ คงคาใกล้ ปากนา้ คันธกะ ทางเขา้ สู่แควน้ วชั ชี เมอื งนีเ้ พียบพรอ้ มด้วยค่ายคู ประตูหอรบ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ฐานทพั เข้าโจมตีแควน้ วชั ชี แตถ่ ึงอย่างไรก็ ดีพระเจา้ อชาตศัตรกู ็ยงั ไมก่ ลา้ จะหักหาญ เพราะเกรงอิทธิพลของ กษัตริยล์ จิ ฉวอี ยเู่ มอ่ื พระเจ้าอชาตศตั รเู สวยราชยไ์ ด้ ๗ ปี หรอื ก่อนพุทธปรนิ ิพพาน ๑ ปี ทรงใชว้ สั สการพราหมณ์ใหไ้ ปเฝ้า พระพุทธเจา้ แทนพระองคบ์ นเขาคชิ ฌกฎู ให้ทูลถามถงึ ความทกุ ข์ สุขก่อน แลว้ ให้กราบทูลถงึ พระราชดารขิ องพระองค์ทีจ่ ะโจมตี แคว้นวชั ชี และเม่อื พระพุทธองค์รับสั่งอย่างไร กใ็ หจ้ ามากราบทูล อยา่ งน้ันวัสสการพราหมณ์ ผนู้ เี้ ป็นบคุ คลทม่ี ปี ญั ญาเฉลียวฉลาด มาก ๆ เปน็ นักการเมือง เปน็ มหาอามาตย์ของพระเจา้ อชาตศัตรู พระเจ้าอชาตศัตรใู หว้ สั สการพราหมณไ์ ปเฝ้ากราบทลู ถาม พระพทุ ธเจา้ ถึงวธิ ีปราบแคว้นวัชชวี ัสสการพราหมณ์ไปเฝา้ กราบ ทลู ตามพระราชบญั ชา พระพุทธเจ้าจึงตรัสถามพระอานนท์วา่ \"ชาว

๑๖ วชั ชียังประพฤติวฒั นธรรม (อปริหานิยธรรม) ๗ ประการอยู่หรือ ?พระอานนทก์ ็กราบทลู วา่ \"ไดย้ ินวา่ เขายังประพฤติกนั อยู่\"พระ พุทธองค์จงึ ตรสั ต่อไปวา่ \"ได้ทรงแสดงธรรมท้ัง ๗ น้ีแก่กษตั ริยล์ จิ ฉวีครงั้ หนง่ึ เมือ่ เสดจ็ ไปประทบั ทสี่ ารันทเจดยี ์ กรงุ เวสาลี ว่าเป็น ความเจริญฝ่ายเดยี ว ไม่มคี วามเส่อื ม\" วสั สการพราหมณไ์ ด้ฟงั ดังนัน้ จึงกราบทูลว่า \"แม้เพยี งขอ้ เดยี วเทา่ นั้นกม็ ีความเจริญฝา่ ย เดยี วไมม่ ีความเสื่อมเลย ไมต่ อ้ งกลา่ วถึง ๗ ขอ้ เพราะฉะนนั้ พระ เจา้ อชาตศัตรจู งึ ไม่ควรทาการรบกบั พวกวัชชี นอกเสยี จากการ รอมชอม หรอื การทาลายสามคั คีของกษัตริย์ลจิ ฉวเี สียก่อน\"เมอ่ื กราบทูลความคิดเหน็ อยา่ งนีแ้ ล้วกท็ ูลลากลับไปเมือ่ วสั สการพรา หมณ์กลับไปแล้ว พระพุทธองค์จงึ ทรงเรียกประชมุ สงฆแ์ สดงภกิ ขุ อปรหิ านยิ ธรรมสตู ร ซึ่งมลี กั ษณะคลา้ ยวชั ชอี ปรหิ านยิ ธรรมสูตร เม่อื ประทับอยู่ทภี่ ูเขาคชิ ฌกูฎเปน็ เวลาพอสมควรแล้ว จึงเสด็จผา่ น บ้านปาฏลิคามทส่ี ร้างข้ึนเปน็ เมืองปาฏลีบุตรแลว้ รอนแรมไปโดย ลาดับจนถึงกรงุ เวสาลี ประทบั จาพรรษาสดุ ท้ายที่น่ัน ต่อจากนน้ั ก็ เสดจ็ ไปปรนิ พิ พานที่อทุ ยานสาลวนั แขวงกรุงกุสนิ ารา แคว้น มลั ละวางแผนขบั ไลว่ สั สการพราหมณ์ ให้ไปทาลายอปรหิ านยิ ธรรม สตู รของแควน้ วชั ชีพระเจา้ อชาตศัตรไู ด้ทรงทราบดงั น้ันจึงไม่กล้า โจมตแี คว้นวชั ชี แต่ทรงปรึกษากบั วัสสการพราหมณ์ออกอบุ าย ทาลายความสามัคคขี องกษตั รยิ ์ลิจฉวี โดยแกลง้ ลงโทษวสั สการพ ราหมณ์แลว้ เนรเทศให้ไปอย่แู ควน้ วัชชี วสั สการพราหมณ์ผ้ซู อ่ื สัตย์ กอ็ อกอบุ าย \"ยอมเจบ็ แลกเมอื ง\" ใหพ้ ระเจา้ อาชาตศตั รูสัง่ ใหท้ หาร เฆย่ี นตีจนหลงั ลายปางตาย แล้วทาทีเปน็ เนรเทศออกนอกเมือง

๑๗ แล้วไปของพง่ึ พงิ อาศยั อยูก่ ับชาววัชชีเพือ่ ตบตาขา้ ศกึ ดว้ ยเหตุทีร่ ูไ้ ม่ ทันแผนชักศกึ เข้าบา้ นหรือม้าโทรจนั เมอื งทรอย และกิตศิ พั ทด์ า้ น ความรคู้ วามสามารถของวัสสการพราหมณว์ า่ เปน็ ผู้ฉลาดพวกเจา้ วัชชีกอ็ ยากเอาไว้ใชง้ าน จงึ ใหเ้ ปน็ อาจารยส์ อนหนังสอื ศิลปะ วชิ าการต่างๆ ใหก้ บั ราชกุมารของราชวงศใ์ นแควน้ วัชชีเปน็ การชกั ศึกเข้าบา้ นโดยไมร่ ้ตู ัวเพราะวัสสการพราหมณเ์ ป็นไส้ศกึ ที่พระเจา้ อาชาตศตั รสู ง่ มานัน่ เองในชว่ งทสี่ อนหนงั สอื ใหก้ ับเหล่าราชกุมาร เหลา่ น้ันก็คอยยแุ หย่ เสี้ยมสอนใหพ้ วกกมุ ารเหลา่ นน้ั ทะเลาะกัน แตกแยกมีปากมเี สียงกันอยบู่ ่อยๆ จนเปน็ เร่ืองเป็นราวทะเลาะเบาะ แว้งกัน จากเรื่องทะเลาะกนั ระหว่างเดก็ ๆ กข็ ยายวงออกไปสพู่ ่อแม่ ผู้ใหญ่ ในทสี่ ดุ ก็ทาใหเ้ จา้ วัชชที ง้ั 6 แตกสามคั คกี นั จนได้เมอ่ื ไดเ้ วลา เหมาะเจาะแล้ว วสั สการพราหมณ์กแ็ อบสง่ ขา่ วใหพ้ ระเจ้าอาชาต ศตั รยู กทพั มาถลม่ แควน้ วชั ชี และเอาชนะพวกเจา้ วชั ชไี ดอ้ ยา่ ง ง่ายดายพระเจ้าอชาตศตั รูได้ทรงทราบแล้วกก็ รธี าทัพเขา้ ไปยึด ครองแควน้ วัชชโี ดยไมม่ กี ารสรู้ บ ภายหลังพุทธปรนิ ิพพาน ๒ ปี หรอื ก่อน พ.ศ. ๓ แคว้นวชั ชีกต็ กอยู่ภายใตก้ ารปกครองของพระ เจ้าอชาตศตั รู

๑๘ ถอดคาประพนั ธ์ ภชุ งคประยาต ฉนั ท์ ๑๒ บทประพนั ธ์ ทชิ งคช์ าติฉลาดยล คะเนกลคะนึงการ กษตั ริย์ลิจฉวีวาร ระวังเหือดระแวงหาย เหมาะแก่การณจ์ ะเสกสรร ปวัตนว์ ัญจโนบาย มลา้ งเหตุพเิ ฉทสาย สมัครสนธส์ิ โมสร ถอดความไดว้ า่ พราหมณผ์ ฉู้ ลาดคาดคะเนว่ากษัตริย์ลิจฉวีวางใจคลายความ หวาดระแวง เปน็ โอกาสเหมาะที่จะเร่มิ ดาเนินการตามกลอบุ าย ทาลายความสามัคคี บทประพนั ธ์ ณวันหน่งึ ลุถึงกา ลศกึ ษาพิชากร กุมารลจิ ฉววี ร เสดจ็ พรอ้ มประชุมกนั ตระบดั วัสสการมา สถานราชเรยี นพลนั ธแกล้งเชญิ กุมารฉัน สนทิ หน่ึงพระองคไ์ ป ถอดความไดว้ า่ วันหน่งึ เม่ือถึงโอกาสทจ่ี ะสอนวิชา กมุ ารลิจฉวีก็เสด็จมาโดยพร้อม เพรียงกนั ทันใดวัสสการพราหมณก์ ม็ าถงึ และแกลง้ เชญิ พระกุมาร พระองค์ที่สนิทสนมเข้าไปพบ

๑๙ บทประพนั ธ์ ลุหอ้ งหบั รโหฐาน กถ็ ามการณ์ ณ ทนั ใด มลิ ้ีลับอะไรใน กถาเชน่ ธ ปจุ ฉา จะถูกผดิ กระไรอยู่ มนุษยผ์ กู้ ระทานา และคโู่ คกจ็ ูงมา ประเทยี บไถมใิ ชห่ รือ ถอดความไดว้ า่ เมือ่ เขา้ ไปในห้องส่วนตวั แลว้ กท็ ูลถามเร่ืองทไี่ มใ่ ช่ความลับแต่ ประการใด ดงั เชน่ ถามว่า ชาวนาจงู โคมาค่หู นง่ึ เพ่ือเทียมไถใช่ หรอื ไม่ บทประพนั ธ์ กุมารลจิ ฉวีขตั ติย์ ก็รบั อรรถออออื กสกิ เขากระทาคือ ประดุจคาพระอาจารย์ กเ็ ท่านน้ั ธ เชิญให้ นิวตั ในมชิ ้านาน ประสทิ ธ์ศิ ลิ ปป์ ระศาสนส์ าร สมยั เลิกลเุ วลา ถอดความไดว้ า่ พระกมุ ารลจิ ฉวีก็รับส่ังเห็นด้วยวา่ ชาวนาก็คงจะกระทาดังคาของ พระอาจารย์ ถามเพยี งเทา่ น้นั พราหมณ์ก็เชิญใหเ้ สดจ็ กลับออกไป ครั้นถงึ เวลาเลิกเรียน

๒๐ บทประพนั ธ์ อุรสลิจฉวีสรร พชวนกนั เสด็จมา และตา่ งซกั กมุ ารรา ชองคน์ นั้ จะเอาความ พระอาจารยส์ เิ รยี กไป ณข้างในธไตถ่ าม อะไรเธอเสนอตาม วจีสัตย์กะส่าเรา ถอดความไดว้ า่ เหลา่ โอรสลิจฉวกี ็พากนั มาซกั ไซ้พระกุมารวา่ พระอาจารย์เรียกเข้า ไปขา้ งใน ไดไ้ ต่ถามอะไรบา้ ง ขอใหบ้ อกมาตามความจริง บทประพนั ธ์ กมุ ารนน้ั สนองสา รวากย์วาทตามเลา เฉลยพจน์กะครูเสา วภาพโดยคดมี า กุมารอน่ื ก็สงสยั มเิ ช่อื ในพระวาจา สหายราช ธ พรรณนา และตา่ งองคก์ พ็ าที ถอดความไดว้ า่ พระกมุ ารพระองคน์ นั้ ก็เล่าเร่อื งราวทีพ่ ระอาจารยเ์ รียกไปถาม แต่ เหล่ากมุ ารสงสยั ไมเ่ ชอ่ื คาพดู ของพระสหาย ตา่ งองค์กว็ จิ ารณ์

๒๑ บทประพนั ธ์ ไฉนเลยพระครูเรา จะพดู เปล่าประโยชนม์ ี เลอะเหลวนักละลว้ นนี รผลเหน็ บเปน็ ไป เถอะถงึ ถ้าจะจริงแม้ ธ พดู แท้ก็ทาไม แนะชวนเขา้ ณข้างใน จะถามนอกบยากเยน็ ถอดความไดว้ า่ วิจารณว์ ่าพระอาจารยจ์ ะพูดเรือ่ งเหลวไหลไรส้ าระเชน่ น้เี ป็นไปไม่ได้ และหากว่าจะพดู จรงิ เหตใุ ดจะตอ้ งเรียกเขา้ ไปถามข้างในหอ้ ง ถาม ข้างนอกห้องกไ็ ด้ บทประพนั ธ์ ชะรอยว่าทิชาจารย์ ธ คดิ อา่ นกะทา่ นเป็น รหสั เหตุประเภทเห็น ละแน่ชัดถนดั ความ และทา่ นมามสุ าวาท มกิ ล้าอาจจะบอกตา พจีจริงพยายาม ไถลแสร้งแถลงสาร ถอดความไดว้ า่ สงสัยว่าท่านอาจารยก์ บั พระกมุ ารตอ้ งมคี วามลับอยา่ งแนน่ อนแลว้ ก็มาพดู โกหก ไมก่ ลา้ บอกตามความเป็นจริง แกลง้ พดู ไปตา่ ง ๆ นานา

๒๒ บทประพนั ธ์ กมุ ารราชมิตรผอง กส็ อดคล้องและแคลง ดาล พโิ รธกาจววิ าทการณ์ อบุ ัติขนึ้ เพราะขนุ่ เคือง พพิ ธิ พนั ธไมตรี ประดามีนริ นั ดร์เนอื ง กะองคน์ ัน้ ก็พลันเปลอื ง มลายปลาตพินาศปลง ถอดความไดว้ า่ กมุ ารลจิ ฉวที ัง้ หลายเห็นสอดคลอ้ งกนั ก็เกิดความโกรธเคอื ง การ ทะเลาะววิ าทกเ็ กดิ ขน้ึ เพราะความขนุ่ เคืองใจ ความสมั พนั ธ์อนั ดที ่ี เคยมมี าตลอดกถ็ กู ทาลายยอ่ ยยบั ลง มาณวกฉนั ท์ ๘ บทประพนั ธ์ ลว่ งลปุ ระมาณ กาลอนุกรม หนึง่ ณนยิ ม ทา่ นทวิชงค์ เมือ่ จะประสิทธ์ิ วิทยะยง เชญิ วรองค์ เอกกุมาร ถอดความไดว้ า่ เวลาผ่านไปตามลาดับ เมอ่ื ถึงคราวท่ีจะสอนวิชาก็จะเชญิ พระกุมาร พระองค์หนงึ่

๒๓ บทประพนั ธ์ เธอจรตาม พราหมณไป โดยเฉพาะใน หอ้ งรหุฐาน จง่ึ พฤฒถิ าม ความพิสดา ขอธประทาน โทษะและไข ถอดความไดว้ า่ พระกมุ ารก็ตามพราหมณ์เข้าไปในหอ้ งเฉพาะ พราหมณจ์ ึงถาม เน้อื ความแปลก ๆ วา่ ขออภัย ช่วยตอบด้วย บทประพนั ธ์ อยา่ ติและหลู่ ครจู ะเฉลย เธอน่ะเสวย ภัตกะอะไร ในทนิ นี่ ดี ฤ ไฉน พอหฤทยั ยง่ิ ละกระมงั ถอดความไดว้ า่ อย่าหาวา่ ตาหนิหรือลบหลู่ ครขู อถามวา่ วนั นพ้ี ระกมุ ารเสวยพระ กระยาหารอะไร รสชาติดีหรือไม่ พอพระทัยมากหรือไม่

๒๔ บทประพนั ธ์ ราช ธ ก็เลา่ เคา้ ณ ประโยค ตนบริโภค แลว้ ขณะหลงั วาทะประเทอื ง เรอื่ งสิประทงั อาคมยงั สิกขสภา ถอดความไดว้ า่ พระกมุ ารก็เลา่ เรอ่ื งเกยี่ วกบั พระกระยาหารท่เี สวย หลังจากน้นั ก็ สนทนาเร่อื งท่วั ไป แล้วก็เสด็จกลับออกมายังห้องเรียน บทประพนั ธ์ เสรจ็ อนุศาสน์ ราชอรุ ส ลิจฉวหิ มด ต่าง ธ ก็มา ถามนยมาน ทา่ นพฤฒอิ า จารยปรา รภกระไร ถอดความไดว้ า่ แลว้ ก็เสดจ็ กลับออกมายังห้องเรยี น เมอ่ื เสร็จสิน้ การสอนราช กมุ ารลิจฉวที ั้งหมดกม็ าถามเรอ่ื งราวทมี่ ีมาวา่ ทา่ นอาจารย์ไดพ้ ูด เร่อื งอะไรบา้ ง

๒๕ บทประพนั ธ์ เธอก็แถลง แจ้งระบมุ วล ความเฉพาะลว้ น จริงหฤทัย ตา่ ง บ มิเชอ่ื เมอ่ื ตริไฉน จึง่ ผลใน เหตุ บ มสิ ม ถอดความไดว้ า่ พระกุมารก็ตอบตามความจริง แต่เหลา่ กุมารตา่ งไมเ่ ชื่อ เพราะคดิ แลว้ ไมส่ มเหตุสมผล บทประพนั ธ์ ขุ่นมนเคือง เรอื่ งนฤสาร เช่นกะกมุ าร ก่อนกร็ ะดม เลกิ สละแยก แตกคณะกล เกลยี ว บ นยิ ม คบดจุ เดมิ ถอดความไดว้ า่ ตา่ งขุ่นเคืองใจดว้ ยเร่ืองไรส้ าระเช่นเดยี วกบั พระกุมารพระองคก์ อ่ น และเกดิ ความแตกแยกไมค่ บกันอยา่ งกลมเกลยี วเหมือนเดิม

๒๖ อเุ ปนทรวเิ ชยี ร ฉนั ท๑์ ๑ บทประพนั ธ์ ทชิ งคเ์ จาะจงเจตน์ กลห์เหตยุ ยุ งเสรมิ กระหนา่ และซ้าเติม นฤพัทธก่อการณ์ ละครง้ั ระหวา่ งครา ทินวารนานนาน เหมาะทา่ ทิชาจารย์ ธ ก็เชิญเสดจ็ ไป ถอดความไดว้ า่ พราหมณเ์ จตนาหาเหตุยุแหย่ซ้าเตมิ อยู่เสมอ ๆ แต่ละครง้ั แตล่ ะวัน นานนานครัง้ เห็นโอกาสเหมาะก็จะเชญิ พระกมุ ารเสด็จไป บทประพนั ธ์ บ ห่อนจะมสี า รฤหาประโยชน์ไร กระนัน้ เสมอนัย เสาะแสดง ธ แสร้งถาม และบ้างกพ็ ูดว่า นะ่ แนะ่ ข้าสดับตาม ยบุ ลระบลิ ความ พจแจง้ กระจายมา ถอดความไดว้ า่ ไมม่ ีสารประโยชนอ์ นั ใด แลว้ ก็แกลง้ ทลู ถาม บางคร้งั กพ็ ดู วา่ น่ี แนะ่ ข้าพระองคไ์ ดย้ นิ ขา่ วเล่าลอื กนั ทว่ั ไป

๒๗ บทประพนั ธ์ ละเมดิ ติเตยี นท่าน ก็เพราะทา่ นสแิ สนสา รพัดทลทิ ภา วและสดุ จะขัดสน จะแนม่ แิ น่เหลอื พิเคราะห์เช่ือเพราะยาก ยล ณ ที่ บ มีคน ธ กค็ วรขยายความ ถอดความไดว้ า่ เขานินทาพระกุมารว่าพระองคแ์ สนจะยากจนและขดั สน จะเป็น เช่นน้นั แนห่ รอื พเิ คราะห์แล้วไมน่ า่ เชอื่ ณ ทนี่ ี้ไมม่ ีผู้ใด ขอให้ทรง เลา่ มาเถดิ บทประพนั ธ์ และบ้างกก็ ล่าวว่า น่ะแนะ่ ข้าจะขอถาม เพราะทราบคดีตาม วจลอื ระบอื มา ตฉิ ินเยาะหมน่ิ ทา่ น กเ็ พราะท่านสแิ สนสา รพนั พิกลกา ยพิลึกประหลาดเปน็ ถอดความไดว้ า่ บางครั้งกพ็ ูดวา่ ขา้ พระองคข์ อทลู ถามพระกมุ าร เพราะได้ยินเขา เล่าลือกันทั่วไปเยาะเย้ยดหู มิน่ ท่าน วา่ ท่านนีม้ ีร่างกายผดิ ประหลาดต่าง ๆ นานาจะเปน็ จริงหรอื ไม่

๒๘ บทประพนั ธ์ จะจริงมิจริงเหลือ มนเชือ่ เพราะไปเ่ หน็ ผิขอ้ บ ลาเคญ็ ธ กค็ วรขยายความ กุมารองค์เสา วนเค้าคดีตาม กระทูพ้ ระครถู าม นยสดุ จะสงสัย ถอดความไดว้ า่ ใจไม่อยากเช่อื เลยเพราะไมเ่ ห็น ถา้ หากมีสงิ่ ใดที่ลาบากยากแค้นก็ ตรัสมาเถิด พระกุมารได้ทรงฟงั เรอื่ งท่พี ระอาจารยถ์ ามกต็ รสั ถาม กลับวา่ สงสยั เหลือเกนิ บทประพนั ธ์ ก็คามคิ วรการณ์ คุรุทา่ นจะถามไย ธ ซักเสาะสืบใคร ระบุแจง้ กะอาจารย์ ทวชิ แถลงวา่ พระกมุ ารโนน้ ขาน ยบุ ลกะตูกาล เฉพาะอยกู่ ะกันสอง ถอดความไดว้ า่ เรอื่ งไม่สมควรเช่นนีท้ า่ นอาจารยจ์ ะถามทาไม แลว้ กซ็ ักไซ้ว่าใคร เป็นผมู้ าบอกกับอาจารย์ พราหมณก์ ต็ อบวา่ พระกมุ ารพระองคโ์ น้น ตรัสบอกเม่ืออยกู่ ันเพยี งสองตอ่ สอง

๒๙ บทประพนั ธ์ กุมารพระองคน์ น้ั ธ มทิ นั จะไตร่ตรอง กเ็ ชอ่ื ณ คาของ พฤฒคิ รูและว่วู าม พโิ รธกุมารองค์ เหมาะเจาะจง พยายาม ยุครูเพราะเอาความ บ มิดปี ระเดตน ถอดความไดว้ า่ กุมารพระองค์นั้นไมท่ ันได้ไตรต่ รอง กท็ รงเช่ือในคาพดู ของอาจารย์ ดว้ ยความวู่วามก็กร้วิ พระกุมารทีย่ ุพระอาจารยใ์ ส่ความตน บทประพนั ธ์ กพ็ อ้ และตอ่ พษิ ทุรทิฐิมานจน ลุโทสะสบื สน ธิพพิ าทเสมอมา และฝ่ายกมุ ารผู้ ทิชครูมเิ รียกหา ก็แหนงประดารา ชกุมารทชิ งค์เชญิ ถอดความไดว้ า่ จึงตัดพอ้ ต่อวา่ กนั ขึ้น เกิดความโกรธเคืองทะเลาะวิวาทกันอยเู่ สมอ ฝ่ายพระกมุ ารทพ่ี ราหมณ์ไม่เคยเรยี กเขา้ ไปหากไ็ มพ่ อพระทัยพระ กมุ ารที่พราหมณ์เชิญไปพบ

๓๐ บทประพนั ธ์ พระราชบตุ รลจิ ฉวมิ ิตรจิตเมิน ณ กนั และกันเหนิ คณะหา่ งก็ต่างถอื ทะนงชนกตน พลลน้ เถลงิ ลอื กห็ าญกระเหิมฮอื มนฮึก บ นกึ ขาม ถอดความไดว้ า่ พระกมุ ารลจิ ฉวีหมางใจและเหินหา่ งกัน ตา่ งองค์ทะนงว่าพระบดิ า ของตนมีอานาจลน้ เหลือ จึงมีใจกาเรบิ ไมเ่ กรงกลัวกนั สทั ธราฉนั ท์ ๒๑ บทประพนั ธ์ ลาดบั นั้นวัสสการพราหมณ์ ธ กย็ ศุ ษิ ยตาม แต่งอบุ ายงาม ฉงนงา ปวงโอรสลิจฉวีดา ริณวริ ุธกส็ า คัญประดจุ คา ธ เสกสรร ถอดความไดว้ า่ ในขณะนัน้ วสั สการพราหมณก์ ค็ อยยุลูกศิษย์ แต่งกลอบุ ายให้เกดิ ความแคลงใจ พระโอรสกษัตริยล์ ิจฉวที ้งั หลายไตร่ตรองในอาการ น่าสงสยั ก็เขา้ ใจวา่ เปน็ จรงิ ดงั ถอ้ ยคาท่ีอาจารย์ปัน้ เรือ่ งข้นึ

๓๑ บทประพนั ธ์ ไป่เหลือเลยสกั พระองค์อัน มิละปยิ ะสหฉันท์ ขาดสมคั รพันธ์ กอ็ าดูร ต่างองคน์ าความมิงามทูล พระชนกอดศิ ูร แห่ง ธ โดยมลู ปวตั ตคิ์ วาม ถอดความไดว้ า่ ไมม่ เี หลือเลยสักพระองค์เดียวทีจ่ ะมคี วามรักใคร่กลมเกลยี ว ต่าง ขาดความสมั พนั ธ์ เกิดความเดือดร้อนใจ แตล่ ะองคน์ าเรอื่ งไมด่ ีท่ี เกิดขึน้ ไปทลู พระบดิ าของตน บทประพนั ธ์ แตกรา้ วกา้ วร้ายกป็ ้ายปาม ลุวรบิดรลาม ทลี ะนอ้ ยตาม ณ เหตผุ ล ฟนั่ เฝอื เช่ือนัยดนยั ตน นฤวเิ คราะหเสาะสน สืบจะหมองมล เพราะหมายใด ถอดความไดว้ า่ ความแตกแยกก็ค่อย ๆ ลกุ ลามไปสพู่ ระบิดา เนอ่ื งจากความ หลงเชือ่ โอรสของตน ปราศจากการใคร่ครวญเกดิ ความผิดพอ้ ง หมองใจกันข้นึ

๓๒ บทประพนั ธ์ แทท้ ่านวสั สการใน กษณะตรเิ หมาะไฉน เสริมเสมอไป สะดวกดาย หลายอย่างต่างกล ธ ขวนขวาย พจนยุปรยิ าย วัญจโนบาย บ เวน้ ครา ถอดความไดว้ า่ ฝา่ ยวัสสการพราหมณ์ครนั้ เห็นโอกาสเหมาะสมกค็ อยยแุ หยอ่ ยา่ ง งา่ ยดาย ทากลอุบายตา่ ง ๆ พูดยยุ งตามกลอบุ ายตลอดเวลา บทประพนั ธ์ คร้นั ล่วงสามปีประมาณมา สหกรณประดา ลิจฉวรี า ชทัง้ หลาย สามัคคธี รรมทาลาย มิตรภิทนะกระจาย สรรพเสอ่ื มหายน์ กเ็ ป็นไป ถอดความไดว้ า่ เวลาผา่ นไปประมาณ ๓ ปี ความร่วมมอื กันระหว่างกษตั ริย์ลจิ ฉวี ทงั้ หลายและความสามัคคถี กู ทาลายลงสน้ิ ความเปน็ มติ รแตกแยก ความเสือ่ ม ความหายนะก็บังเกิดขนึ้

๓๓ บทประพนั ธ์ ตา่ งองคท์ รงแคลงระแวงใน พระราชหฤทยวสิ ยั ผพู้ ิโรธใจ ระวงั กัน ถอดความไดว้ า่ กษัตริย์ตา่ งองค์ระแวงแคลงใจ มคี วามข่นุ เคอื งใจซึง่ กนั และกัน สาลนิ ฉี นั ท์ ๑๑ บทประพนั ธ์ พราหมณค์ รรู ู้สังเกต ตระหนักเหตถุ นดั ครนั ราชาวัชชีสรร พจักสู่พินาศสม ยนิ ดบี ัดนกี้ จิ จะสัมฤทธม์ิ นารมณ์ เร่ิมมาดว้ ยปรากรม และอุตสาหแห่งตน ถอดความไดว้ า่ พราหมณ์ผเู้ ปน็ ครสู งั เกตเห็นดังนั้น ก็รู้ว่าเหลา่ กษัตรยิ ล์ ิจฉวกี าลงั จะประสบความพนิ าศ จึงยนิ ดีมากที่ภารกิจประสบผลสาเร็จสมดงั ใจ หลังจากเรมิ่ ตน้ ด้วยความบากบนั่ และความอดทนของตน

๓๔ บทประพนั ธ์ ใหล้ องตีกลองนัด ประชมุ ขตั ตยิ ์มณฑล เชิญซ่ึงส่าสากล กษัตริยส์ ่สู ภาคาร วชั ชภี ูมีผอง สดับกลองกระหึมขาน ทกุ ไทไ้ ป่เอาภาร ณ กจิ เพอ่ื เสด็จไป ถอดความไดว้ า่ จึงใหล้ องตีกลองนัดประชมุ กษัตริยฉ์ วี เชิญทกุ พระองค์เสดจ็ มายัง ทป่ี ระชุม ฝ่ายกษตั ริย์วชั ชที ัง้ หลายทรงสดบั เสียงกลองดงั กกึ ก้อง ทกุ พระองคไ์ มท่ รงเป็นธรุ ะในการเสดจ็ ไป บทประพนั ธ์ ตา่ งทรงรับสง่ั วา่ จะเรียกหาประชุมไย เราใชเ่ ป็นใหญ่ใจ กข็ ลาดกลวั บกลา้ หาญ ทา่ นใดที่เป็นใหญ่ และกล้าใครมเิ ปรยี บปาน พอใจใครใ่ นการ ประชุมชอบกเ็ ชิญเขา ถอดความไดว้ า่ ต่างองคร์ บั สงั่ วา่ จะเรียกประชุมดว้ ยเหตใุ ด เราไม่ได้เปน็ ใหญ่ ใจก็ ขลาด ไม่กล้าหาญ ผูใ้ ดเปน็ ใหญ่ มคี วามกลา้ หาญไม่มผี ูใ้ ดเปรียบได้ พอใจจะเสด็จไปรว่ มประชุมก็เชิญเขาเถดิ

๓๕ บทประพนั ธ์ ปรกึ ษาหารอื กัน ไฉนนั้นกท็ าเนา จกั เรียกประชุมเรา บ แลเห็นประโยชน์เลย รับสงั่ ผลักไสสง่ และทุกองค์ ธ เพิกเฉย ไป่ไดไ้ ปดัง่ เคย สมัครเข้าสมาคม ถอดความไดว้ า่ จะปรึกษาหารือกันประการใดกช็ า่ งเถิด จะเรยี กเราไปประชมุ มอง ไมเ่ ห็นประโยชนป์ ระการใดเลยรบั ส่ังใหพ้ ้นตัวไป และทกุ พระองคก์ ็ ทรงเพิกเฉยไมเ่ สด็จไปเข้ารว่ มการประชุมเหมือนเคย อปุ ฏั ฐติ าฉนั ท์ ๑๑ บทประพนั ธ์ เห็นเชิงพเิ คราะหช์ ่อง ชนะคลอ่ งประสบสม พราหมณ์เวทอุดม ธ กล็ อบแถลงการณ์ ใหว้ ลั ลภชน คมดลประเทศฐาน กราบทลู นฤบาล ภิเผ้ามคธไกร ถอดความไดว้ า่ เมื่อพิจารณาเหน็ ชอ่ งทางท่ีจะได้ชัยชนะอย่างง่ายดาย พราหมณผ์ ู้ รอบรู้พระเวทก็ลอบสง่ ขา่ ว ให้คนสนทิ เดนิ ทางกลับไปยงั บา้ นเมือง กราบทูลกษัตริย์แห่งแคว้นมคธอันยิ่งใหญ่

๓๖ บทประพนั ธ์ แจง้ ลักษณสา สนว่ากษัตริยใ์ น วชั ชีบุรไกร วลหลา้ ตลอดกัน บดั นี้สิกแ็ ตก คณะแผกและแยกพรรค์ ไป่เป็นสหฉนั ทเสมือนเสมอมา ถอดความไดว้ า่ ยงิ่ ใหญ่ ในสาสน์แจง้ วา่ กษตั รยิ ์วชั ชที ุกพระองคข์ ณะน้ีเกดิ ความ แตกแยก แบง่ พรรคแบง่ พวก ไม่สามัคคีกนั เหมือนแตเ่ ดมิ บทประพนั ธ์ โอกาสเหมาะสมยั ขณะไหนประหน่งึ ครา น้หี ากผจิ ะหา ก็ บ ได้สะดวกดี ขอเชญิ วรบาท พยหุ ์ยาตรเสด็จกรี ธาทพั พลพี รยิ ยุทธโดยไว ถอดความไดว้ า่ จะหาโอกาสอันเหมาะสมครงั้ ใดเหมอื นดงั ครั้งนี้คงจะไม่มีอีกแล้วขอ ทูลเชิญพระองค์ยกกองทัพอันย่งิ ใหญม่ าทาสงครามโดยเร็วเถิด

๓๗ วชิ ชมุ มาลาฉนั ท์ ๘ บทประพนั ธ์ ข่าวเศกิ เอกิ อึง ทราบถึงบัดดล ในหมผู่ ู้คน ชาวเวสาลี แทบทุกถิ่นหมด ชนบทบรู ี อกส่ันขวญั หนี หวาดกลัวทั่วไป ถอดความไดว้ า่ ข่าวศกึ แพร่ไปจนรู้ถึงชาวเมอื งเวสาลี แทบทกุ คนในเมอื งตา่ งตกใจ และหวาดกลวั กันไปทว่ั บทประพนั ธ์ ตืน่ ตาหน้าเผอื ด หมดเลือดส่นั กาย หลบลี้หนตี าย วนุ่ หวั่นพร่นั ใจ ซกุ ครอกซอกครวั ซ่อนตัวแตกภยั เข้าดงพงไพร ท้งิ ย่านบา้ นตน ถอดความไดว้ า่ หน้าตาต่ืน หน้าซีดไมม่ สี เี ลอื ด ตัวส่ัน พากันหนีตายวุ่นวาย พากนั อพยพครอบครวั หนภี ัย ท้ิงบ้านเรือนไปซุม่ ซอ่ นตวั เสยี ในป่า

๓๘ บทประพนั ธ์ เหลอื จกั หา้ มปราม ชาวคามลา่ ลาด พันหวั หนา้ ราษฎร์ ขนุ ด่านตาบล หารอื แก่กนั คดิ ผนั ผ่อนปรน จกั ไม่ใหพ้ ล มาคธขา้ มมา ถอดความไดว้ า่ ไมส่ ามารถหา้ มปรามชาวบา้ นได้ หัวหนา้ ราษฎรและนายด่านตาบล ตา่ ง ๆ ปรึกษากนั คดิ จะยับย้ังไมใ่ ห้กองทัพมคธขา้ มมาได้ บทประพนั ธ์ จึ่งใหต้ ีกลอง ปา่ วร้องทนั ที แจ้งข่าวไพรี รุกเบยี นบฑี า เพ่ือหม่ภู มู ี วัชชีอาณา ชมุ นมุ บัญชา ปอ้ งกนั ฉนั ใด ถอดความไดว้ า่ จงึ ตีกลองปา่ วรอ้ งแจ้งขา่ วข้าศึกเขา้ รุกราน เพ่อื ใหเ้ หลา่ กษตั ริย์ แหง่ วชั ชเี สดจ็ มาประชมุ หาหนทางปอ้ งกันประการใด

๓๙ บทประพนั ธ์ ราชาลิจฉวี ไปม่ สี กั องค์ อันนึกจานง เพื่อจกั เสด็จไป ต่างองค์ดารัส เรียกนดั ทาไม ใครเป็นใหญ่ใคร กลา้ หาญเห็นดี ถอดความไดว้ า่ ไม่มกี ษตั ริย์ลจิ ฉวแี ม้แต่พระองคเ์ ดยี วคิดจะเสดจ็ ไป แตล่ ะพระองค์ ทรงดารสั ว่าจะเรียกประชมุ ด้วยเหตุใด ผู้ใดเป็นใหญ่ ผ้ใู ดกลา้ หาญ บทประพนั ธ์ เชญิ เทอญท่านตอ้ ง ขดั ขอ้ งข้อไหน ปรึกษาปราศรัย ตามเร่ืองตามที ส่วนเราเลา่ ใช่ เป็นใหญ่ยังมี ใจอยา่ งผภู้ ี รุกปราศอาจหาญ ถอดความไดว้ า่ เหน็ ดีประการใดกเ็ ชญิ เถดิ จะปรกึ ษาหารอื อย่างไรก็ตามแต่ใจ ตัว ของเรานนั้ ไม่ได้มอี านาจยงิ่ ใหญ่ จิตใจกข็ ีข้ ลาด ไมอ่ งอาจกลา้ หาญ

๔๐ บทประพนั ธ์ ต่างทรงสาแดง ความแขงอานาจ สามัคคขี าด แก่งแยง่ โดยมาน ภมู ิศลจิ ฉวี วัชชรี ฐั บาล บ่ ชมุ นุมสมาน แมแ้ ตส่ กั องค์ ถอดความไดว้ า่ แต่ละพระองคต์ ่างแสดงอาการเพกิ เฉย ปราศจากความสามคั คี ปรองดองในจิตใจ กษตั รยิ ์ลจิ ฉวีแหง่ วัชชีไม่เสดจ็ มาประชุมกนั แมแ้ ต่พระองคเ์ ดยี ว อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ท์ ๑๑ บทประพนั ธ์ ปนิ่ เขตมคธขตั ติยรัชธารง ยัง้ ทพั ประทบั ตรง นคเรศวสิ าลี ภูธร ธ สงั เกต พเิ คราะหเ์ หตณุ ธานี แห่งราชวชั ชี ขณะเศิกประชดิ แดน ถอดความไดว้ า่ จอมกษัตริย์แหง่ แคว้นมคธหยดุ ทัพตรงหนา้ เมอื งเวสาลี พระองค์ ทรงสังเกตวิเคราะห์เหตกุ ารณ์ทางเมอื งวชั ชีในขณะทข่ี ้าศกึ มา ประชิดเมอื ง

๔๑ บทประพนั ธ์ เฉยดู บ รูส้ ึก และมนิ กึ จะเกรงแกลน ฤๅคิดจะตอบแทน รณทพั ระงบั ภยั นง่ิ เงียบสงบงา บ มทิ าประการใด ปรากฏประหนงึ่ ใน บรุ วา่ งและร้างคน ถอดความไดว้ า่ ดนู ่ิงเฉยไมร่ ูส้ กึ เกรงกลัว หรอื คดิ จะทาสิ่งใดโต้ตอบระงับเหตรุ ้าย กลบั อยูอ่ ยา่ งสงบเงยี บไมท่ าการสงิ่ ใด มองดรู าวกับเป็นเมืองรา้ ง ปราศจากผ้คู น บทประพนั ธ์ แนโ่ ดยมพิ ักสง สยคงกระทบกล ทา่ นวัสสการจน ลกุ ระนี้ถนัดตา ภินทพ์ ัทธสามัค คยิ พรรคพระราชา ชาวลิจฉวีวา รจะพอ้ งอนัตถภ์ ัย ถอดความไดว้ า่ แนน่ อนไมต่ ้องสงสัยเลยว่าคงจะถกู กลอุบายของวัสสการพราหมณ์ จนเปน็ เช่นนี้ ความสามคั คผี ูกพันแห่งกษัตรยิ ์ลจิ ฉวีถกู ทาลายลง และจะประสบกบั ภัยพิบัติ

๔๒ บทประพนั ธ์ ลูกข่างประดาทา รกกาลขวา้ งไป หมนุ เลน่ สนุกไฉน ดุจกันฉะนนั้ หนอ ครูวสั สการแส่ กลแหยย่ ดุ พี อ ป่นั ปว่ นบเหลือหลอ จะมริ ้าวมริ านกนั ถอดความไดว้ า่ ลูกข่างทีเ่ ด็กขว้างเล่นไดส้ นุกฉนั ใด วสั สการพราหมณก์ ็สามารถยุ แหยใ่ ห้เหลา่ กษัตริยล์ จิ ฉวแี ตกความสามคั คีได้ตามใจชอบและคดิ ที่ จะสนกุ ฉันนน้ั บทประพนั ธ์ คร้นั ทรงพระปรารภ ธุระจบ ธ จง่ึ บัญ ชานายนกิ ายสรร พทแกลว้ ทหารหาญ เรง่ ทาอุฬุมปเ์ ว ฬุคะเนกะเกณฑ์การ เพ่ือขา้ มนทีธาร จรเขา้ นครบร ถอดความไดว้ า่ ครั้นทรงคดิ ได้ดังน้นั จึงมพี ระราชบญั ชาแก่เหลา่ ทหารหาญให้รบี สรา้ งแพไมไ้ ผเ่ พื่อข้ามแม่น้าจะเขา้ เมืองของฝา่ ยศตั รู พวกทหารรับ ราชโองการแลว้ กป็ ฏิบัตภิ ารกิจทีไ่ ด้รับ

๔๓ บทประพนั ธ์ เขารับพระบัณฑรู อดศิ รู บดีศร ภาโรปกรณ์ตอน ทิวรุง่ สฤษฎ์พลนั จอมนาถพระยาตรา พยุหาธทิ พั ขันธ์ โดยแพและพว่ งปัน พลขา้ มณคงคา ถอดความไดว้ า่ ในตอนเช้างานนน้ั ก็เสร็จทนั ที จอมกษัตริย์เคลือ่ นกองทัพอนั มี กาลังพลมากมายลงในแพที่ตดิ กัน นากาลงั ข้ามแม่น้า บทประพนั ธ์ จนหมดพหลเนอ่ื ง พิศเนืองขนัดคลา ขึ้นฝ่งั ลุเวสา ลบิ เุ รศสะดวกดาย ถอดความไดว้ า่ จนกองทพั หมดสน้ิ มองดูแน่นขนัด ขึน้ ฝ่ังเมอื งเวสาลอี ย่าง สะดวกสบาย

๔๔ จติ รปทาฉนั ท์ ๘ บทประพนั ธ์ นาครธา นิวิสาลี เห็นริปุมี พลมากมาย ขา้ มตริ ชล กล็ พุ น้ หมาย มงุ่ จะทลาย พระนครตน ถอดความไดว้ า่ ฝ่ายเมืองเวสาลมี องเห็นข้าศกึ จานวนมากขา้ มแม่นา้ มาเพ่ือจะ ทาลายล้างบ้านเมอื งของตน บทประพนั ธ์ ต่างก็ตระหนก มนอกเต้น ตื่น บ มิเวน้ ตะละผคู้ น ทั่วบุรคา มจลาจล เสียงอลวน อลเวงไป ถอดความไดว้ า่ ตา่ งก็ตระหนกตกใจกนั ถว้ นหน้า ในเมืองเกิดจลาจลวนุ่ วายไปท่ัว เมือง

๔๕ บทประพนั ธ์ สรรพสกล มุขมนตรี ตรอมมนภี รกุ เภทภัย บางคณะอา ทรปราศรยั ยังมกิ ระไร ขณะนี้หนอ ถอดความไดว้ า่ ข้าราชการชนั้ ผ้ใู หญ่ตา่ งหวาดกลัวภยั บางพวกก็พดู วา่ ขณะนย้ี ังไม่ เป็นไรหรอก บทประพนั ธ์ ควรบริบาล พระทวารม่นั ตา้ นปะทะกัน อรกิ ่อนพอ ขัตติยรา ชสภารอ ดาริจะขอ วรโองการ ถอดความไดว้ า่ ควรจะป้องกันประตูเมืองเอาไว้ให้มน่ั คง ตา้ นทานขา้ ศึกเอาไวก้ อ่ น รอใหท้ ่ีประชุมเหลา่ กษัตรยิ ม์ คี วามเหน็ ว่าจะทรงทาประการใด

๔๖ บทประพนั ธ์ ทรงตรไิ ฉน ก็จะได้ทา โดยนยดา รัสภูบาล เสวกผอง ก็เคาะกลองขาน อาณตั ิปาน ดจุ กลองพัง ถอดความไดว้ า่ กจ็ ะไดด้ าเนนิ การตามพระบญั ชาของพระองคเ์ หลา่ ขา้ ราชการ ทง้ั หลายก็ตกี ลองสญั ญาณขึน้ ราวกับกลองจะพงั บทประพนั ธ์ ศพั ทอุโฆษ ประลุโสตท้าว ลิจฉวีดา้ ว ขณะทรงฟัง ตา่ ง ธ ก็เฉย และละเลยดัง ไท้มิอนิ งั ธุระกับใคร ถอดความไดว้ า่ เสียงดังกกึ กอ้ งไปถึงพระกรรณกษัตรยิ ์ลจิ ฉวีต่างองค์ทรงเพิกเฉย ราวกบั ไม่เอาใจใส่ในเรือ่ งราวของผใู้ ด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook