Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1597992544

1597992544

Published by kansiri2329, 2022-01-09 07:21:19

Description: 1597992544

Search

Read the Text Version

หนังสอื เรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวชิ าเลอื ก วรี บรุ ษุ /วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ รหสั สค 12006 หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบ ระดับการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สาํ หรบั คนไทยในต่างประเทศ ระดบั ประถมศึกษา ศนู ย์ศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยกลุ่มเป้าหมายพิเศษ สํานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั สาํ นักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ เอกสารทางวชิ าการลาํ ดับท่ี 44/2554

ช่ือหนงั สือ หนงั สือเรยี นสาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าเลือก วรี บุรษุ /วีรสตรีไทยในประวัตศิ าสตร์ รหัส สค 12006 หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 สําหรบั คนไทยในตา่ งประเทศ ISBN : พมิ พ์คร้ังท่ี : 1/2554 ปที พ่ี มิ พ์ : 2554 จาํ นวนพิมพ์ : 100 เลม่ เอกสารทางวชิ าการลาํ ดับที่ 44/2554 จัดพิมพแ์ ละเผยแพร่ : ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยกลมุ่ เป้าหมายพิเศษ สํานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั สํานกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร โทร. 0 2281 7217 - 8, 0 2628 5329, 0 26285331 โทรสาร 0 2628 5330 เว็ปไซต์ : http:/www.nfe.go.th/0101-v3/frontend/ : http://mesupa.blogspot.com/2008/11/barcode.html หนงั สอื แบบเรียนสาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ าเลือก วีรบรุ ุษ/วรี สตรไี ทยในประวัตศิ าสตร์ ( สค 12006 ) ระดับประถมศกึ ษา

คํานาํ ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั กล่มุ เป้าหมายพิเศษ ไดด้ ําเนินการจัดทํา หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวิชาเลือก รหัส สค 12006 วีรบุรุษ/วีรสตรีไทยในประวัติศาสตร์ ขน้ึ เพ่ือใช้ในการเรียนการสอน ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สําหรับ คนไทยในต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความเข้าใจ ตระหนกั ถึงความสําคญั เกีย่ วกบั ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื ง การปกครอง สามารถนาํ มาปรับใช้ ในการดํารงชีวิต อยู่ในครอบครัว ชุมชน สังคมได้อย่างมีความสุข โดยผู้เรียนสามารถศึกษาค้นคว้าด้วย ตนเอง และปฏิบัติเพ่ือทดสอบความรู้ความเข้าใจในสาระเน้ือหานี้ รวมทั้งหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้หรือ ส่อื อื่น ๆ เพม่ิ เตมิ ได้ ในการดําเนินการจัดทําหนังสือเรียนเล่มนี้ ได้รับความร่วมมือที่ดีจากผู้ทรงคุณวุฒิและ ผู้เกี่ยวข้อง ท่ีร่วมค้นคว้าและเรียบเรียงเน้ือหาสาระจากสื่อต่างๆ เพ่ือให้ได้ส่ือท่ีสอดคล้องกับหลักสูตร และเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนที่อยู่นอกระบบอย่างแท้จริง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยกลุ่มเป้าหมายพิเศษ ขอขอบคุณคณะท่ีปรึกษา คณะผู้เรียบเรียง ตลอดจนคณะผู้จัดทําทุกท่าน ท่ีให้ความร่วมมือด้วยดี ไว้ ณ โอกาสน้ี ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั กลุ่มเป้าหมายพเิ ศษ หวงั ว่าหนงั สอื เรียน เล่มน้ีจะเปน็ ประโยชนต์ ่อผเู้ รียนและการจัดการเรียนการสอน หากมีข้อเสนอแนะประการใดจะขอน้อมรับ ไวด้ ้วยความขอบคุณยิง่ ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยกลมุ่ เปา้ หมายพิเศษ 2554

สารบญั หนา้ คํานาํ 1 สารบัญ 2 คาํ แนะนําการใช้หนงั สือเรียน 9 คาํ อธบิ ายรายวิชา 12 โครงสรา้ งรายวชิ าเลอื กวรี บรุ ษุ /วีรสตรไี ทยในประวัตศิ าสตร์ ( สค 12006 ) 17 บทที่ 1 ประวตั คิ วามเป็นมาของวีรบรุ ุษ วีรสตรไี ทย 19 25 เร่อื งท่ี 1 พระนางจามเทวี 31 เรอ่ื งที่ 2 ท้าวเทพกระษัตรี ทา้ วศรีสนุ ทร 38 เรือ่ งที่ 3 พอ่ ขนุ รามคาํ แหงมหาราช 41 เร่ืองที่ 4 สมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั 47 เร่ืองที่ 5 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช 52 เรื่องที่ 6 สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราช 54 เร่ืองท่ี 7 สมเดจ็ พระปยิ มหาราช บทที่ 2 คุณประโยชนข์ องวรี บรุ ษุ และวีรสตรีไทย ในประวัตศิ าสตร์ แบบทดสอบหลังเรียน แนวเฉลยกจิ กรรมทา้ ยบท บรรณานกุ รม คณะผจู้ ดั ทาํ

คําแนะนาํ การใชห้ นงั สือเรียน หนังสือเรียนสาระวิชาการพัฒนาสังคม รายวิชาเลือก วีรบุรุษ/วีรสตรีไทยในประวัติศาสตร์ รหัส สค 12006 (1 หน่วยกิต) ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 สําหรับคนไทยในต่างประเทศ ประกอบดว้ ยสาระสําคญั ดงั นี้ สว่ นท่ี 1 คาํ ชแี้ จงกอ่ นเรยี นรูร้ ายวิชา ส่วนที่ 2 เน้อื หาสาระและกจิ กรรมท้ายบท/เร่อื ง สว่ นท่ี 3 แนวตอบกิจกรรมทา้ ยบท/เรือ่ ง และหรอื แบบทดสอบยอ่ ยทา้ ยบท สว่ นท่ี 1 คาํ ช้แี จงก่อนเรียนร้รู ายวิชา ผ้เู รียนต้องศึกษารายละเอียดในคํานําและคําแนะนําการใช้หนังสือแบบเรียนเพ่ือสร้างความเข้าใจ และเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ของรายวิชา ซึ่งการเรียนรู้เน้ือหาและการปฏิบัติกิจกรรมท้าย บท ควรปฏิบตั ดิ งั นี้ 1. หารอื ครูประจํากลมุ่ / ครูผู้สอน เพ่อื ร่วมกนั วางแผนการเรียน (ใชเ้ วลาเรยี น 40 ชั่วโมง) 2. ศึกษาเน้ือหาจากหนังสอื เรียน หากมีขอ้ สงสัยเรือ่ งใดสามารถศึกษาค้นคว้าเพ่ิมเติมได้จากสื่อ ต่างๆ หรือหารอื ครปู ระจาํ กล่มุ / ครผู ู้สอน เพ่อื ขอคําอธิบายเพิม่ เติม 3. ทาํ กิจกรรมทา้ ยบทเรียนตามทก่ี าํ หนด 4. เข้าสอบวดั ผลการเรียนรูป้ ลายภาคเรียน 5. สร้างความเข้าใจเก่ียวกับการประเมินผลรายวิชา ซง่ึ มคี ะแนนเตม็ 100 คะแนน โดยแบ่งสดั ส่วนคะแนนเปน็ ระหวา่ งภาคเรียน 60 คะแนน และปลายภาคเรยี น 40 คะแนน ดงั น้ี 5.1 คะแนนระหวา่ งภาคเรยี น 60 คะแนน แบง่ สว่ นคะแนนตามกิจกรรมได้แก่ 1) ทาํ กิจกรรมท้ายบทเรียน 20 คะแนน โดยทํากิจกรรม ท้ายบทใหค้ รบถ้วน 2) ทําบันทึกการเรียนรู้ 20 คะแนน โดยสรุปเน้ือหาหรือวิเคราะห์เน้ือหาจาก การศึกษา หนังสือเรียนรายวิชาน้ี เพ่ือแสดงให้เห็นกระบวนการเรียนรู้ และนําความรู้ไปใช้ โดยทํา ตามทค่ี รูกําหนดและจัดทาํ เป็นรูปแบบเอกสารความรู้ดังนี้ - ส่วนบันทึกการเรียนรู้ ( เน้ือหาประกอบด้วย : ชื่อ – นามสกุล รหัสประจําตัว ระดับการศึกษา ศกร.กศน. ของผู้เรียนและศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาศัย กล่มุ เป้าหมายพเิ ศษ) - ส่วนการบันทึกการเรียนรู้ ( เน้ือหาประกอบด้วย : หัวข้อ/เรื่องท่ีศึกษา และ จดุ ประสงค์ท่ศี ึกษาและขน้ั ตอนโดยระบวุ า่ มวี ิธรี วบรวมอยา่ งไร นาํ ข้อมูลมาใชอ้ อยา่ งไร ) - สว่ นสรปุ เนื้อหา ( สรุปสาระความรู้สาํ คญั ตามเนอ้ื หาทไ่ี ดบ้ นั ทึกการเรยี นรู้

- ประโยชนท์ ่เี กิดกบั กบั ผ้เู รยี น ( บอกความรูท้ ่รี ับและนาํ มาพัฒนาตนเอง / การ นาํ ไปประยกุ ต์ใหใ้ นรายวิชาอนื่ ๆ หรือในซีวิวติ ประจาํ วนั ) 3) ทาํ รายงานหรือโครงงาน คดิ สัดส่วน 20 คะแนน โดยจดั ทําเนอ้ื หรือโครงงาน ตามท่ีครูกําหนด รูปแบบเอกสารรายงานหรือโครงงานดังนี้ 3.1) การทํารายงานหรอื โครงงานตามท่คี รูมอบหมาย ใหด้ าํ เนินตามรูปแบบ กระบวนการทาํ การรายงานหรอื โครงงาน ตามรปู แบบเอกสารดังน้ี - ปก ( เรื่องท่ีรายงาน รายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้เรียน : ชื่อ – นามสกุล รหัส ประจําตัว ระดับการศึกษา ศกร.กศน. ของผู้เรียนและศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศยั กลมุ่ เปา้ หมายพิเศษ ) - คํานํา - สารบัญ - สว่ นเนื้อหา ( หัวขอ้ หลกั หวั ข้อย่อย ) - สว่ นเอกสารอ้างองิ 3.2) การทําโครงงาน ตามที่ครูมอบหมาย และดําเนินการตามกระบวนการทํา รายงาน โดยจดั ทําตามรูปแบบเอกสารดังน้ี - ปก ( ช่ือโครงงาน รายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้เรียน : ช่ือ-นามสกุล รหัส ประจําตัว ระดับการศึกษา ศกร.กศน. ของผู้เรียน และศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยกลุ่มเป้าหมายพิเศษ ) - หลักการและเหตผุ ล - วัตถุประสงค์ - เปา้ หมาย - ขอบเขตของการศกึ ษา - วธิ กี ารดาํ เนินงานและรายละเอียดของแผน - ระยะเวลาดาํ เนนิ งาน - งบประมาณ - ผลท่ีคาดวา่ จะได้รับ 5.2 คะแนนปลายภาคเรยี น 40 คะแนน ผู้เรยี นต้องเข้าสอบวัดความรู้ปลายภาคเรียนโดย ใชเ้ ครือ่ งมอื ( ข้อสอบแบบปรนยั หรือ อัตนยั ) ของศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กลุม่ เป้าหมาย

สว่ นที่ 2 เนอ้ื หาสาระและกจิ กรรมทา้ ยบท ผ้เู รยี นต้องวางแผนการเรยี น ให้สอดคลอ้ งกบั ระยะเวลาของรายวชิ า และตอ้ งศึกษาเนื้อหาสาระ ตามที่กําหนดในรายวิชาให้ละเอียดครบถ้วน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการเรียนรู้ของรายวิชา ซึ่งใน รายวชิ าน้ีไดแ้ บ่งเนื้อหาออกเป็น 2 บท ดังน้ี บทท่ี 1 ประวตั ิความเปน็ มาของวรี บรุ ษุ วรี สตรไี ทย บทที่ 2 คณุ ประโยชนข์ องวีรบรุ ษุ และวรี สตรีไทย ในประวตั ิศาสตร์ ส่วนกิจกรรมท้ายบท เม่ือผู้เรยี นไดศ้ กึ ษาเนือ้ หาแต่ละบท/ตอนแล้ว ตอ้ งทํากิจกรรมท้ายบทเรียน หรอื แบบฝึกหดั ตามทีก่ ําหนดใหค้ รบถ้วน เพ่อื สะสมเปน็ คะแนนระหว่างเรียน ( 20 คะแนน ) ส่วนที่ 3 แนวตอบกจิ กรรมท้ายบทเรียนหรอื แบบฝกึ หดั และหรือเฉลยย่อย แนวตอบกิจกรรมท้ายบทเรียนหรือแบบฝึกหัดและหรือเฉลยแบบทดสอบย่อย จัดทําแยกในบท เรียงลําดับ

คาํ อธิบายรายวิชา สค 12006 วรี บรุ ุษ/วีรสตรไี ทยในประวัตศิ าสตร์ สาระการพัฒนาสังคม ระดับประถมศึกษา จาํ นวน 1 หนว่ ยกติ (40 ชั่วโมง) มาตรฐานที่ 5.1 มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจตระหนักถึงความสําคญั เกี่ยวกบั ภมู ิศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื ง การปกครอง สามารถนาํ มาปรับใช้ในการดํารงชีวิต ศึกษาและฝึกทักษะเกยี่ วกับเร่อื งต่อไปนี้ 1. ประวตั ิวรี บุรษุ วรี สตรีไทยในประวัตศิ าสตร์ 2. คณุ ประโยชนข์ องวรี บรุ ษุ วรี สตรี ทมี่ คี า่ ต่อประเทศ 3. แนวทางการทําความดขี องวีรบุรษุ วรี สตรี ในประวัติศาสตรม์ าปรบั ใชใ้ นชมุ ชน/สังคม การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ จัดกิจกรรมด้านการศึกษาหาความรู้จากส่ือเอกสาร สื่อเทคโนโลยี แหล่งการเรียนรู้ สถานที่ ทางประวัติศาสตร์ ค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ ผู้รู้ การจัดกลุ่มอภิปรายในประเด็น “แนวทางการนําความดี ของวีรบุรุษ วีรสตรี ในประวัติศาสตร์ มาปรับใช้ในชุมชน/สังคม ได้อย่างไร เพราะเหตุใด” ศึกษาดู ผลงานวีรบรุ ษุ วรี สตรีไทย พร้อมสรุปผลการเรยี นรแู้ ละนําเสนอในรูปแบบต่างๆ การวัดและประเมนิ ผล การอภปิ รายกลมุ่ การมสี ่วนรว่ มกจิ กรรม การนาํ เสนอ สงั เกตจากการทาํ กิจกรรม กลมุ่ ยอ่ ย การทดสอบ

โครงสร้างรายวชิ าเลอื ก วรี บุรษุ /วีรสตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา สาระสาํ คญั 1. ประวัติวีรบุรษุ วีรสตรีไทยในประวตั ิศาสตร์ 2. คุณประโยชนข์ องวีรบุรุษ วรี สตรไี ทย ทีม่ ีคา่ ตอ่ ประเทศ 3. แนวทางการทําความดขี องวีรบุรษุ วรี สตรไี ทยในประวตั ศิ าสตร์ มาปรบั ใชใ้ นชุมชน/ สงั คม ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวัง 1. มคี วามรู้เรอื่ งประวตั ิวรี บุรษุ วีรสตรไี ทยในประวัตศิ าสตร์ได้ ได้แก่ พอ่ ขนุ รามคําแหงมหาราช พระนเรศวรมหาราช พระเจ้าตากสินมหาราช รัชกาลที่ 5 สมเดจ็ พระศรีสรุ ิโยทัย 2. บอกคณุ ประโยชนข์ องวรี บรุ ุษ วรี สตรไี ทยในประวตั ศิ าสตร์ได้ 3. บอกวธิ นี าํ แนวทางการทําความดขี องวรี บรุ ุษ วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์มาปรบั ใช้ใน ชวี ติ ประจําวันได้ ขอบขา่ ยเน้อื หา บทท่ี 1 ประวตั ิความเป็นมาของวรี บรุ ุษ วีรสตรีไทย เรื่องท่ี 1 พระนางจามเทวี เรอ่ื งที่ 2 ท้าวเทพกระษตั รี ท้าวศรสี ุนทร เรือ่ งที่ 3 พอ่ ขุนรามคําแหงมหาราช เรือ่ งท่ี 4 สมเด็จพระสรุ ิโยทยั เรอ่ื งท่ี 5 สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช เรอื่ งที่ 6 สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราช เร่อื งที่ 7 สมเด็จพระปิยมหาราช บทที่ 2 คณุ ประโยชนข์ องวีรบุรษุ และวรี สตรีไทย ในประวัติศาสตร์

บทท่ี 1 ประวัตคิ วามเป็นมาของวรี บุรุษ วรี สตรไี ทย ในประวตั ิศาสตร์ สาระสาํ คญั ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ก่อต้ังประเทศมาก่อนหลายประเทศ ในอดีตมีบุคคล สาํ คญั ทไ่ี ด้รับการยกยอ่ งว่าเป็นวรี บรุ ุษ วีรสตรไี ทย ทช่ี ว่ ยรักษาเอกราชของชาตไิ ทย และพฒั นาประเทศให้ เจริญก้าวหน้าจนถึงปจั จุบันหลายท่าน เยาวชนไทยรุ่นหลังควรศึกษาประวัติของท่านไว้เป็นแบบอย่างและ สรา้ งความภูมิใจในบรรพบุรุษของไทย ผลการเรยี นรู้ท่คี าดหวงั 1. อธบิ ายประวัติ ความเปน็ มาของวีรบุรุษ วรี สตรไี ทยในประวัติศาสตร์ 2. บอกคณุ ประโยชนข์ องทา่ นทีม่ ีต่อประเทศไทย ขอบขา่ ยเน้อื หา เร่ืองที่ 1 พระนางจามเทวี เร่อื งที่ 2 ท้าวเทพกระษตั รี ทา้ วศรีสนุ ทร เรอ่ื งที่ 3 พ่อขนุ รามคําแหงมหาราช เร่ืองท่ี 4 สมเดจ็ พระสรุ ิโยทัย เร่อื งท่ี 5 สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช เรอ่ื งท่ี 6 สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช เร่อื งท่ี 7 สมเดจ็ พระปิยมหาราช

เรือ่ งท่ี 1 พระนางจามเทวี พระนางจามเทวี เป็นชาวหริภุญไชย เป็นบุตรีของคหบดี นามว่า อินตา ส่วนมารดาไม่ทราบช่ือ ทั้งสองเป็นชาวเมงคบุตร ท่านสุเทวฤๅษี รับเป็นบุตรบุญธรรมอาศัยอยู่ในพ้ืนที่ท่ีปัจจุบันเป็นหมู่บ้าน หนองดู่ อ.ปา่ ซาง จ.ลําพนู ประสูติ วันพฤหัสบดี ขึน้ 15 คาํ่ เดือน 5 ปีมะโรง พ.ศ. 1176 พระนางจามเทวไี ปสู่ราชสํานักละโว้ เมือ่ พระนางจามเทวีเจรญิ พระชนมายุได้ 13 พรรษา ไดส้ ําเร็จซึ่งวิชาการท้งั หลายเป็นการบริบูรณ์ ท่านสุเทวฤๅษี จึงได้ผูกดวงและตรวจสอบชะตา ทราบว่าบุตรบุญธรรมจะมีวาสนาเป็นถึงจอมกษัตริย์ ปกครองบ้านเมืองอันใหญ่โต ซ่ึงจะรุ่งเรืองไปในภายภาคหน้า จึงตกลงใจว่าจะต้องส่งเด็กหญิงไปสู่ ราชสาํ นักเพื่อรับการอภิเษกขึ้นเป็นเชื้อพระวงศ์ให้สมควรแก่การท่ีจะได้เป็นใหญ่ต่อไป และที่เหมาะสมใน สายตาท่านฤๅษีคือราชสํานักแห่งกรุงละโว้ ซึ่งเป็นราชสํานักที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งในสุวรรณภูมิ เวลานั้น ท่านสุเทวฤๅษีจึงได้เนรมิตแพให้กุมารีน้อยล่องไปตามน้ําจากเมืองเหนือ พร้อมพญากากะวานร และบริวารจํานวนหน่ึง ทั้งฝากหนังสือไปเพื่อกราบทูลพระเจ้ากรุงลวปุระว่ากุมารีน้อยนี้จะไปช่วยละโว้ ประหารศัตรู แพล่องตามลํานํ้าไปเป็นเวลานานหลายเดือนจึงเข้าสู่เขตกรุงลวปุระ เมื่อถึงท่าน้ําวัดชัย มงคล แพเนรมิตก็มิได้ล่องตามนํ้าต่อไป กลับลอยวนเวียนอยู่บริเวณนั้น ชาวบ้านเห็นด้วยความอัศจรรย์ ต่างพากันชน่ื ชมเด็กหญงิ ซึ่งมีผิวพรรณผุดผอ่ งน่ารักน่าเอ็นดู ความทราบถึงบรรดาขุนนาง จงึ ได้ไปตรวจดูที่ ฝั่งน้ํา เห็นความจริงประจักษ์แก่ตาจึงรีบกลับเข้าพระราชวังกราบบังคมทูล พระเจ้าจักวัติ ผู้ครองกรุง ลวปุระให้ทรงทราบทันที 2 หนงั สือเรียนสาระการพฒั นาสังคม รายวิชาวรี บรุ ษุ /วรี สตรไี ทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา

พระเจ้าแผ่นดินกรุงลวปุระได้เสด็จไปยังท่าน้ําวัดชัยมงคลพร้อมด้วยมเหสี เมื่อได้ทอดพระเนตร เห็นความเป็นไปท้ังหมด พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ทหารท่ีตามเสด็จนําแพเข้าสู่ฝั่ง แต่เหตุการณ์อันไม่มีใคร คาดคิดก็บังเกิดขึ้น กําลังของเหล่าทหารแห่งกรุงลวปุระไม่อาจชักลากแพเข้าสู่ท่านํ้าได้ ไม่ว่ากษัตริย์จะมี พระบัญชาให้เพิ่มจํานวนทหารมากขึ้นสักเท่าใดก็ตาม พระองค์จึงเสด็จจากที่ประทับพร้อมด้วยพระมเหสี และทรงยึดเชือกท่ีผูกแพนั้นไว้ด้วยพระหัตถ์ของท้ังสองพระองค์ เพียงแต่ทรงชักเชือกนั้นด้วยแรงเฉพาะ สองพระองค์ แพก็ลอยเข้าสู่ท่าน้ําได้โดยง่าย ประชาชนท้ังสองฝั่งลําน้ําได้เห็นต่างก็พากันชื่นชมพระบารมี ของท้ังสองพระองค์ พระธิดาแหง่ กรุงละโว้ กษัตรยิ ์และพระมเหสี มพี ระราชดํารัสให้พระราชครูพยากรณ์ดวงชะตาของเด็กหญิง พระราชครู ถวายคําพยากรณ์วา่ “ขอเดชะ กุมารีน้อยผู้น้ีเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งบุญญานุภาพและพระบารมีอันยิ่งใหญ่ ต่อไปภายหน้า จักได้เป็นถึงจักรพรรดินีครองแว่นแคว้น ปรากฏพระเกียรติยศเกริกไกรไปท่ัว แม้ว่าพระราชาและ เจา้ ชายพระองค์ใดไดเ้ สกสมรสดว้ ยก็จักเปน็ ผ้ถู ึงพรอ้ มดว้ ยรตั นะทงั้ 7 ประการอย่างแนน่ อน” จึงทรงมีพระราชโองการให้จัดพระราชพิธีอภิเษกกุมารีข้ึนดํารงพระยศเป็นพระธิดาแห่งกรุงละโว้ และได้ทรงเฉลิมพระนามใหม่ประกาศไว้ในพระสุพรรณบัฏว่า เจ้าหญิงจามเทวี ศรีสุริยวงศ์ บรมราชขัต ติยนารี รัตนกัญญา ลวะปุรีราเมศวร โดยมีเจ้าหญิงปทุมวดี และ เจ้าหญิงเกษวดี เป็นพระพ่ีเล้ียงคอย ถวายการดแู ลพระธดิ าพระองคใ์ หม่ รวมทงั้ เป็นผถู้ วายการสอนวชิ าศิลปศาสตรแ์ ขนงต่างๆ ศกึ ชงิ พระนางจามเทวี เม่ือพระนางจามเทวีมีพระชนมายุได้ 20 พรรษา พระเจ้ากรุงละโว้จึงได้กระทําพิธีหม้ันหมาย พระนางจามเทวีไว้กับเจ้าชายรามราชแห่งเมืองรามบุรี ทว่าด้วยกิตติศัพท์ความงดงามของพระนางนั้นเป็น ท่ีเล่ืองลือ เจ้าชายแห่งเมืองโกสัมพี จึงได้ส่งบรรณาการมาสู่ขอพระนางจามเทวี แต่ได้รับการปฏิเสธ เจ้าชายแห่งเมืองโกสัมพีรู้สึกแค้นพระทัย จึงทรงรวบรวมกองทัพท่ีเป็นพันธมิตร ยกเข้าโจมตีนครรามบุรี เป็นอันดับแรก อาจเป็นเพราะความแค้นหรือนครนั้นอยู่ในเส้นทางการเดินทัพก่อนจะถึงละโว้ก็เป็นได้ ทางละโว้เม่ือทราบข่าวก็จัดประชุมกันโดยทันที บรรดา แม่ทัพนายกองได้ถวายความเห็นแก่พระเจ้ากรุง ละโว้ว่า ไม่น่าจะทําศึกกับกองทัพโกสัมพีเพราะว่าเป็นกองทัพขนาดใหญ่มาก เสนาบดีต่างๆ ก็กราบบังคม ทลู วา่ เห็นทีคราวนี้จะตอ้ งรบั ไมตรจี ากเจา้ ชายแห่ง โกสมั พี แตใ่ นทา่ มกลางความอกสั่นขวัญแขวนของทุก คนในท่ีประชุม เจ้าหญิงจามเทวีซ่ึงประทับอยู่ในท่ีน้ันด้วยได้ทรงมีพระดํารัสว่า “น่าจะต้องเข้าร่วม สงคราม” โดยพระนางจะเป็นผู้นําทัพเอง เมื่อพระเจ้ากรุงละโว้ผู้เป็นพระราชบิดาทรงอนุญาตแล้ว พระ นางจึงจัดทัพหน้าเป็นหญิง 500 คน ชาย 1,000 คน และกําลังจากเมืองพันธมิตรอื่นๆ เม่ือท้องฟ้าแจ่มใส เป็นศุภมิตรอันดีแล้ว พระเจ้ากรุงละโว้จึงพระราชทานพระแสงอาญาสิทธ์ิแก่พระองค์เจ้าหญิงจามเทวี หนงั สือเรียนสาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าวรี บุรุษ/วรี สตรีไทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา 3

พระองค์ทรงนําไพร่พลเดินทางออกจากละโว้ทันที เม่ือเดินทัพไปถึงเขตนครเขื่อนขัณฑ์ จึงส่งม้าเร็วเชิญ พระอักษรไปกราบทลู พระคู่หมั้นว่าพระนางกําลังนําทัพไปช่วยแล้ว ขอให้ทรงทิ้งเมืองเสีย อพยพชาวเมือง ออกไปแล้วแกล้งทําเป็นล่าถอยทัพไปเรื่อยๆ ไปทางเทือกเขาสุวรรณบรรพต ซึ่งเป็นท่ีแคบแล้วพระนางจึง ตีกระหนาบ กระทั่งเม่ือกองทัพท้ังสองฝ่ายต่างเสียหายอย่างหนัก พระนางจึงตัดสินพระทัยให้นายทัพของ แต่ละฝ่ายเข้าดวลอาวุธกันตัวต่อตัว ตัวพระนางเองดวลอาวุธกับเจ้าชายแห่งโกสัมพีจนได้รับชัยชนะ เจ้าชายจงึ เชอื ดพระศอพระองค์เองดว้ ยขัตติยะมานะ กองทพั ฝ่ายโกสัมพีทเี่ สยี จอมทพั จงึ ยอมแพ้ ชัยชนะของพระนางเป็นที่ยกย่องสรรเสริญของชาวละโว้อย่างย่ิง แต่พระนางเองมิได้ยินดีในชัย ชนะน้ัน กลับรู้สึกสลดพระทัยท่ีต้องมีคนตายในสงครามน้ีมากมาย พระนางจึงตรัสส่ังให้สร้างวัดข้ึนใน บริเวณสมรภูมิขึ้นวัดหน่ึงเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ท่ีตายในการรบ พร้อมทั้งทรงจัดการพระศพของบรรดา เจา้ นายเมืองตา่ งๆ ทง้ั สองฝ่าย ทสี่ ้นิ ชีวิตในการรบอยา่ งสมเกียรติ การปกครองเมอื งหริภญุ ชยั ประมาณปี พ.ศ. 1202 สุกทนั ตฤๅษี ซ่งึ เปน็ สหายกบั สุเทวฤๅษี ไดเ้ ดนิ พร้อมกบั นายควิยะผู้เป็นทูต ของสเุ ทวฤๅษี มายังกรงุ ละโว้ เพ่ือทูลขอพระนางจามเทวีจากพระเจ้ากรุงละโว้ เพ่ือไปเป็นกษัตริย์ปกครอง เมืองใหม่ที่สุกทันตฤๅษีกับสุเทวฤๅษีสร้างขึ้น ซ่ึงก็คือเมืองหริภุญไชยหรือเมืองลําพูนในปัจจุบันน้ี เม่ือ พระนางจามเทวีปรึกษากับพระราชบิดากับพระสวามีแล้ว ทั้งพระสวามีกับพระราชบิดาต่างก็อนุญาต พระนางจึงได้เดินทางออกจากเมืองละโว้ตามคําทูลเชิญของพระฤๅษี แต่ในตํานานจามเทวีวงศ์ได้กล่าว ความต่างไปอีกอย่าง คือ ในเวลาน้ันเจ้าชายรามราชได้ออกบวชเสียแล้ว พระนางจึงทรงอยู่ในฐานะไร้ พระสวามี ทางลําพูนจึงได้ส่งสาส์นมาทูลขอดังกล่าว ตํานานพ้ืนบ้านว่าเจ้าหญิงจามเทวีทรงรับที่จะครอง เมืองลาํ พูนเพราะว่าเมอื งลําพนู เวลาน้ันราษฎรเดือดร้อนด้วยขาดผู้นํา และพระนางก็ระลึกถึงพระคุณท่าน สเุ ทวฤๅษที ีเ่ คยชบุ เลี้ยงมาแต่ก่อน 4 หนงั สือเรยี นสาระการพัฒนาสังคม รายวชิ าวีรบรุ ษุ /วรี สตรไี ทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา

ในการเดนิ ทางจากละโวไ้ ปสเู่ มืองลําพูนน้นั พระนางได้เชิญพระเถระ 500 รูป หมู่ปะขาวท้ังหลาย ท่ีตั้งอยู่ในเบญจศีล 500 คน บัณฑิต 500 คน หมู่ช่างแกะสลัก 500 คน ช่างแก้วแหวน 500 คน พ่อเลี้ยง 500 คน แม่เลี้ยง 500 คน หมู่หมอโหรา 500 คน หมอยา 500 คน ช่างเงิน 500 คน ช่างทอง 500 คน ช่างเหล็ก 500 คน ช่างเขียน 500 คน หมู่ช่างทั้งหลายต่างๆอีก 500 คน และช่างโยธา 500 คน ให้ร่วม เดินทางกับพระนางเพ่ือไปสร้างบ้านแปงเมืองแห่งใหม่ให้มั่นคงย่ิงข้ึน โดยเดินทางด้วยการล่องเรือไปตาม แม่น้ําปิง กินระยะเวลานาน 7 เดือน พร้อมกันน้ีพระนางยังได้เชิญพระพุทธรูปสําคัญมาด้วย 2 องค์ คือ พระแก้วขาว ซึ่งว่ากันว่าเป็นองค์เดียวกับท่ีประดิษฐาน ณ วัดเชียงม่ัน จังหวัดเชียงใหม่ ในปัจจุบัน และ พระรอดหลวง ซ่ึงประดษิ ฐานที่วัดมหาวนั จังหวัดลาํ พนู เม่ือพระนางเดินทางมาถึงเมืองหริภุญชัยแล้ว สุเทวฤๅษีและสุกทันตฤๅษีจึงกระทําพิธีราชาภิเษก พระนางข้ึนเป็นกษัตริย์แห่งหริภุญชัย ทรงพระนามว่า \"พระนางเจ้าจามเทวี บรมราชนารี ศรีสุริยวงศ์ องค์บดินทร์ ปิ่นธานีหริภุญชัย\" หลังจากวันราชาภิเษกไปแล้ว 7 วัน พระนางจึงประสูติพระราชโอรสซึ่ง ติดมาในพระครรภ์ต้ังแต่ยังทรงอยู่เมืองละโว้ 2 พระองค์ พระโอรสองค์โตมีพระนามว่าพระมหันตยศหรือ พระมหายศ ส่วนองคร์ องมีพระนามว่าพระอนันตยศหรอื พระอนิ ทวร ในรัชกาลของพระองค์นั้น นครหริภุญชัยมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างย่ิง ประชาราษฎรต่างอยู่ รว่ มกนั ด้วยความร่มเยน็ เปน็ สุข พระพุทธศาสนาได้รบั การทํานุบํารงุ อย่างดีย่ิง ตามตํานานได้กล่าวว่า พสก นิกรต่างมีใจศรัทธาสร้างวัดขึ้นเป็นจํานวนถึง 2,000 แห่ง และกาลต่อมาวัดท้ัง 2,000 แห่ง ก็มีภิกษุจํา พรรษาทุกแห่ง อนึ่ง ในเวลาต่อมา ภายหลังสงครามขุนวิลังคะชาวลัวะได้ผ่านไปแล้ว พระนางจามเทวียัง ไดส้ รา้ งวัดประจําเมอื งข้ึน 4 วัดเพอ่ื เป็นพุทธปราการ ได้แก่ วดั อรญั ญกิ กรมั มการาม ตง้ั อยูท่ างทิศตะวนั ออกเฉยี งใตข้ องพระนคร วัดอาพทั ธาราม ตัง้ อยู่ทางทิศเหนอื ของพระนคร วัดมหาวนาราม ต้งั อยทู่ างทิศตะวันตกของพระนคร วดั มหารัดาราม ต้ังอยูท่ างทศิ ใต้ของพระนคร นอกจากน้ีในด้านการป้องกันเมือง พระนางจามเทวีได้จัดให้มีด่านชายแดนอาณาจักรไว้ที่ เวียงนอกและเวียงสามเส้ียว (ปัจจุบันบริเวณหมู่บ้านกอกและทุ่งสามเสี้ยว เขตอําเภอสันป่าตอง จังหวัด เชียงใหม่) และโปรดฯ ให้มีการซ้อมรบเพ่ือการเตรียมความพร้อมของกองทัพ โดยทรงออกอุบายให้ด่านท่ี เวียงนอกและเวียงสามเส้ียวแกล้งต้ังตัวเป็นกบฏและทรงมีรับส่ังให้จัดทัพไปปราบ ปรากฏว่าฝ่ายพระนคร ชนะศึก ทว่าในการซ้อมรบดังกล่าวก็มีผู้เสียชีวิตจํานวนมากเพราะต่างฝ่ายต่างไม่รู้กัน พระนางจึงทรงปูน บําเหน็จความชอบให้แก่ผู้รอดชีวิต และทรงอุปถัมภ์ครอบครัวของทหารที่ตายในการสู้รบคร้ังนี้ให้เป็นสุข ตอ่ ไป หนังสอื เรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวิชาวีรบุรุษ/วรี สตรไี ทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา 5

อนึ่ง ในตํานานยังกล่าวว่า พระนางจามเทวีได้ทรงทําพิธีบวงสรวงเทวดาขอช้างศึกประจําพระ นคร ด้วยทรงมีพระดําริว่า พระโอรสทั้งสอง ก็ยังเยาว์พระชันษาอยู่ ถ้ามีข้าศึกมาเบียดเบียนจะเป็นการ ลําบาก ช้างศึกดังกล่าวนั้นคือ \"ช้างภู่กํ่างาเขียว\" ซึ่งกล่าวกันว่ามีอานุภาพย่ิง เพราะหากใครไปยืนเบื้อง หนา้ ช้างในยามใกล้เท่ียง ก็จะเกิดมีอันเป็นไปต่างๆ ถ้าไม่บวงสรวงด้วยข้าวตอกดอกไม้เสียแล้วก็อาจถึงแก่ ชวี ติ เลยทีเดยี ว ชา้ งดงั กล่าวน้นี บั เปน็ กาํ ลังสาํ คญั ของพระองคใ์ นการรบกับชาวลัวะในกาลตอ่ มาดว้ ย สงครามขุนวลิ ังคะ ด้วยพระนางจามเทวีทรงเป็นจอมกษัตริย์ผู้ทรงปกครองนครหริภุญชัยท่ีรุ่งเรือง ทั้งพระนางเองก็ ทรงมีพระรปู เลอโฉม พระปรีชาญาณหลักแหลม เป็นท่ีสรรเสริญแก่บรรดาประเทศใหญ่น้อยทั่วไป บรรดา เจา้ ครองนครหลายองคจ์ งึ ใครจ่ ะไดพ้ ระนางไปเป็นพระมเหสี โดยเฉพาะ ขุนวิลังคะ ผู้นําชาวลัวะ ซ่ึงส่งทูต พร้อมเคร่ืองบรรณาการถึง 500 สาแหรก มาถวายสาส์นทูลเชิญพระนางเสด็จไปเป็นพระมเหสีแห่ง ระมงิ ค์นคร เม่ือพระนางทรงมรี บั สั่งใหเ้ ขา้ เฝา้ ทตู ลัวะกก็ ราบบงั คมทลู อยา่ งวางอาํ นาจว่า “ขา้ แตม่ หาราชเทวีเป็นเจา้ ขุนแห่งข้าพเจ้ามีนามว่าวิลังคราชอยู่ทิศดอยละวะโพ้น เป็นใหญ่ กว่าลัวะท้ังหลาย ใช้ให้ข้าพเจ้าท้ังหลายนําเคร่ืองบรรณาการมาถวายพระนางบัดน้ี โดยเหตุท่ีขุนวิลัง คราชมคี วามรักใคร่ในพระเทวเี ป็นเจ้า จกั เชิญพระแม่เจา้ ไปเป็นอคั รมเหส”ี พระนางจามเทวีตรัสถามว่า “ดูกรท่านอํามาตย์ เรายังไม่เคยได้เห็นขุนผู้นั้นแม้สักหนเดียวเลย ขนุ ผู้นั้นหนา้ ตาเป็นอยา่ งใดเลา่ ” ทตู ลัวะทลู ตอบวา่ “ขุนแหง่ ขา้ พเจา้ นน้ั รปู รา่ งหน้าตากเ็ หมอื นดังตวั ข้าพเจ้าน้แี หละ” พระนางจึงทรงมีรับส่ังว่า “ผิว่าขุนแห่งท่านมีหน้าตาเหมือนดังท่านแล้ว อย่าว่าแต่มาเป็นผัว เราเลย แมแ้ ตม่ ือเรากไ็ ม่จกั ใหถ้ ูกตอ้ ง ทา่ นจงรบี ไปเสียให้พ้นจากเรอื นเราเดี๋ยวนี้” แล้วทรงขับไล่ทูตลัวะออกไปเสียจากพระนคร ขุนวิลังคะได้ทราบเช่นนั้นก็บังเกิดความโกรธอย่าง รุนแรง แต่ก็ส่งสาส์นเกลี้ยกล่อมอีกครั้งหนึ่ง ก็ได้รับคําตอบว่า พระนางยังไม่ตัดสินพระทัยเสด็จไปยัง ระมิงค์นครเพราะพระนางเพิ่งมีพระประสูติกาลพระโอรส พระวรกายยังไม่บริสุทธ์ิพอจะทรงรับการ อภิเษกเป็นพระมเหสีแห่งชาวลัวะได้ ขอให้รอไปก่อน ขณะเดียวกันภายในเมืองหริภุญชัยพระนางจามเทวี ก็โปรดฯ ให้สั่งสมเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ไว้อย่างเต็มท่ี รวมทั้งเตรียมกําลังทหารให้พร้อมรบที่สุด ทางฝ่ายขุนวิลังคะได้รับคําตอบเช่นนั้นก็เบาใจและร้ังรออยู่อย่างน้ัน บางตํานานว่าหลงกลรอต่อไปเป็น เวลานานถงึ 7 ปี 6 หนงั สอื เรียนสาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าวีรบุรษุ /วรี สตรไี ทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา

ในที่สุดขุนวิลังคะก็นําทัพเข้าล้อมเมืองด้วยทหารจํานวนถึง 80,000 คน พระนางจามเทวีทรงมี พระราชโองการให้พระโอรสทั้งสองซ่ึงเจริญพระชมมายุได้ 7 พรรษาแล้วขึ้นประทับเหนือช้างผู้ก่ํางาเขียว นําทัพออกศึก โดยพระมหันตยศประทับคอช้าง พระอนันตยศประทับกลางช้าง กองทัพของหริภุญชัยมี จํานวนเพียง 3,000 คน แต่เมื่อกองทัพของท้ังสองฝ่ายประจันหน้ากัน พลรบชาวลัวะก็ให้บังเกิดอาการ หนา้ มืดตามวั หมดกําลงั เพราะเผชิญหน้ากับช้างภู่กํ่างาเขียวในเวลาเที่ยงวันพอดี จนในที่สุดไม่มีผู้ใดทนได้ ก็พากันแตกทัพอลหม่านโดยไม่ทนั ไดส้ ูร้ บทิ้งอาวธุ และสิ่งของไว้เป็นอนั มาก พระนางจามเทวีจึงทรงมีรับสั่ง ใหช้ าวพระนครพรากับออกไปรวบรวมสงิ่ ของเหล่านั้นไปเป็นของตนเองเสีย ทําเลท่ีทหารลัวะท้ิงของไว้นั้น จึงมีชอ่ื ว่า ลวั ะวาง ในกาลตอ่ มา กําเนิดเขลางค์นคร ในตํานานมูลศาสนาและจามเทวีวงศ์กล่าวว่า หลังส้ินสงครามชาวลัวะแล้ว พระนางจามเทวีก็ได้ ทรงอภิเษกพระมหันตยศซึ่งมีพระชนม์มายุ 7 พรรษาขึ้นเป็นกษัตริย์ครองหริภุญชัยแทนพระนาง และ อภิเษกพระอนันตยศข้ึนเป็นพระอุปราช รวมเวลาท่ีพระนางทรงเสวยราชย์ในกรุงหริภุญชัยได้ 7 ปี เมื่อ พระมหันตยศได้เสวยราชย์แล้ว ทรงดําเนินตามรอยเบ้ืองพระยุคลบาทแห่งพระมารดาทุกประการ นครหริภุญชัยจึงยิ่งเจริญรุ่งเรืองและร่มเย็นเป็นสุข ทว่าฝ่ายพระอุปราชอนันตยศหามีความพอพระทัยไม่ ด้วยทรงมีพระดําริว่าพระเชษฐาธิราชประสูติมาพร้อมกัน เมื่อพระเชษฐาธิราชได้เสวยราชสมบัติแล้ว พระองค์ก็น่าจะได้ครองเมืองบ้าง จึงกราบทูลพระนางจามเทวีตามพระดํารินั้น เมื่อพระนางจามเทวีได้ ทราบดังนนั้ จงึ ใหบ้ ัณฑติ ผหู้ น่ึงพาพระอนันนตยศไปปรึกษากับสุเทวฤๅษีเรื่องการสรา้ งเมืองใหมก่ ่อน เมอื่ สเุ ทวฤๅษที ราบเร่ืองดังกล่าวแล้ว จึงถวายคําแนะนําแก่พระอนันตยศให้ไปไหว้ฤๅษีพุทธชฏิลท่ี ดอยโชติบรรพต ไปหาพรานเขลางค์ที่ดอยลุทธบรรพต และไปกราบท่านสุพรหมฤๅษี ที่ดอยเขางามริม แม่น้ําวังกะนที เพื่อขอให้ช่วยสร้างพระนครแห่งใหม่ พระอนันตยศทรงดําเนินการตามนั้นทุกอย่าง จึงได้ ท่านสุพรหมฤๅษีและพรานเขลางค์ไปช่วยกันสร้างเมือง ท่านสุพรหมฤๅษีได้ตรวจดูทําเลอันเหมาะสมแล้ว จึงใช้อํานาจเนรมิตเมืองใหญ่ข้ึนแห่งหน่ึง แล้วเอาช่ือพรานเขลางค์มาต้ัง เรียกว่าเมืองเขลางค์นคร (ปัจจุบันคือเมืองลําปาง) จากน้ันสุพรหมฤๅษีก็ถวายการราชาภิเษกพระเจ้าอนันตยศข้ึนเสวยราชสมบัติใน พระนครแห่งใหม่ พระนางจามเทวีจึงเสด็จมายังเมืองเขลางค์นครตามคําทูลเชิญของพระโอรส พระองค์ ได้กระทําพิธีราชาภิเษกพระราชโอรสอีกคร้ังอย่างมโหฬาร และได้ประทับอยู่ท่ีเมืองนี้ต่ออีก 6 เดือน ตาม คําทูลขอของพระอนันตยศ แต่ในจามเทวีวงศ์ว่าต้องทรงอยู่ถึง 6 ปี จึงได้เสด็จกลับเมืองหริภุญชัย โดย ระหวา่ งนัน้ พระนางยงั ได้สร้างเมืองอาลัมพางคน์ ครขนึ้ อีกเมืองหน่ึง หนงั สอื เรียนสาระการพัฒนาสงั คม รายวิชาวรี บรุ ุษ/วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา 7

บน้ั ปลายพระชนมช์ พี สุวรรณจังโกฏเิ จดยี ์ ภาพจาก Google.co.th ครั้นบ้านเมืองสงบสุขภายใต้การปกครองของพระเจ้ามหันตยศแล้ว ในปี พ.ศ. 1236 พระนาง จามเทวีซึ่งทรงมีพระชนมายุได้ 60 พรรษาแล้ว จึงทรงละจากการกํากับดูแลราชการแผ่นดินท้ังปวง และ ทรงสละเพศฆราวาสฉลองพระองค์ขาวเสด็จไปประทับทรงศีลที่วัดจามเทวี และทรงเอาพระทัยใส่ต่อการ ทํานุบํารุงพระศาสนาย่ิงข้ึนอีกมากมาย กระทั่งถึง พ.ศ. 1294 จึงเสด็จสวรรคต รวมพระชันษาได้ 98 พรรษา หลังจากนั้น พระเจ้ามหันตยศจึงโปรดฯ ให้จัดพิธีบูชาสักการะพระศพเป็นการใหญ่ 7 วัน แล้วจึง ก่อพระเมรุมาศสําหรับถวายพระเพลิง จัดให้มีการสมโภชพระศพเป็นการใหญ่ 7 วัน แล้วจึงถวาย พระเพลิง หลังเสร็จการถวายพระเพลิงพระศพแล้วจึงได้เชิญพระอัฐิไปบรรจุไว้ในสุวรรณจังโกฏิเจดีย์ (ปจั จบุ นั เรยี กกนั เปน็ สามัญวา่ เจดียก์ ่กู ดุ ) ภายในวัดจามเทวี อาํ เภอเมอื งลําพูน จังหวัดลาํ พูนในปัจจุบนั กิจกรรมท้ายเรื่อง 1. ให้ผเู้ รยี นศึกษาเรอ่ื งพระนางจามเทวีเพมิ่ เตมิ จากหอ้ งสมดุ หรือ เว็บไซต์ 2. ให้ผเู้ รยี นเขียนประวัตขิ องพระนางจามเทวี 3. ให้ผ้เู รยี นบอกคุณประโยชนข์ องพระนางจามเทวีที่มตี อ่ ชาติไทย 8 หนังสอื เรียนสาระการพัฒนาสงั คม รายวิชาวรี บุรษุ /วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา

เรอ่ื งที่ 2 ท้าวเทพกระษตั รี ท้าวศรสี นุ ทร ประวตั ิ คุณจัน (ท้าวเทพกระษัตรี) เป็นบุตรีคนแรกของจอมร้างบ้านเคียน (“จอม” หมายถึงยอดหรือ หัวหน้า “ร้าง” หมายถึง ร้ังหรือครองตําแหน่ง) ซ่ึงเกิดจากนางหม้าเสี้ย มีพ่ีน้อง 5 คน เมื่ออายุสมควรจะ มีเรือน บิดามารดาก็ได้จัดการแต่งงานให้กับหม่อมภักดีภูธร (สามีคนแรก) มีธิดา 1 คน คือแม่ปราง และ บุตร 1 คน คือนายเทียน (ต้นสกุล ประทีป ณ ถลาง) หลังจากคลอดนายเทียน หม่อมภักดีภูธรเสียชีวิตลง คุณจันอยู่เป็นหม้ายจนกระท่ังแต่งงานครั้งท่ีสองกับพระยาพิมลอัยา (ขัน) ภายหลังเป็นพระยาสุรินทราชา พิมลอัยา (ขัน) มีบุตรธิดาอีก 2 คน คุณจันเป็นผู้ประกอบด้วยความงาม มีอัธยาศัยสุภาพอ่อนโยน และมี ความกล้าหาญเดด็ เดีย่ วสมกับเป็นบุตรของจอมร้างบ้านเคียน จึงเป็นที่รักใคร่ของบิดามารดาและวงศ์ญาติ ท้ังหลาย เมื่อบิดามารดาแก่เฒ่า คุณจันก็ได้รับภาระปกครองผู้คนบ่าวไพร่ และดูแลการงานภายใน ครอบครวั แทนบดิ ามารดา คุณมุก (ท้าวศรีสุนทร) เป็นบุตรคนที่ 2 ของจอมร้างบ้านเคียน ซึ่งเกิดจากนางหม้าเส้ีย มีกิริยา สุภาพอ่อนโยน ทั้งมีสติปัญญาและความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวไม่ย่อหย่อนกว่าคุณจันผู้พี่ เป็นที่สนิทเสน่หา ของบิดามารดา และวงศ์ญาตเิ ช่นกนั แต่งงานกบั พระอาจฯ ทา่ นมกุ ไมม่ บี ุตรสืบตระกูล เมื่อจอมร้างบ้านเคียนถึงแก่กรรมลง พระถลางอาดบุตรชายและน้องชายท่านผู้หญิงจันได้ครอง เมืองถลาง ครองได้ไม่นานก็ถูกผู้ร้ายยิงตาย หลังสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีปราบก๊กพระยานครได้ประมาณ 7 ปี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุรินทราชาพิมลอัยา (ขัน) เป็นเจ้าเมืองถลาง ท่านผู้หญิงจัน เปน็ แม่เมอื งปกครองเมืองถลางดว้ ยความสงบสขุ สบื มา คร้นั เม่ือพระยาสุรนิ ทราชาพิมลอัยา (ขัน) เจ้าเมือง เสียชีวิต กองทหารจากเมืองหลวงที่ยึดค่ายปากพระได้เข้าจับกุมท่านผู้หญิงจันเป็นเชลยศึกไปที่ค่าย ปากพระ ในข้อกลา่ วหาอ้างว่าสามีเปน็ หนี้แผ่นดิน หนังสือเรยี นสาระการพฒั นาสังคม รายวิชาวีรบุรุษ/วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา 9

ส่วนแผ่นดินพม่ามีพระเจ้าปดุงครองราชสมบัติใต้ฟ้าแผ่นดินอังวะ ล่วงเข้าปี พ.ศ. 2328 พม่าได้ เตรียมกองทัพใหญ่ดว้ ยพระประสงคท์ ี่จะขยายอาณาเขต ด้วยกองทัพท่ียิ่งใหญ่แกร่งกล้าในการรบสามารถ ปราบรามัญ ไทใหญ่ มณีปุระ ยะไข่ รวบรวมไพร่พลได้ถึง 144,000 คน จัดเป็นทัพใหญ่หมายโจมตีสยาม ประเทศ เป็นท่ีรู้จักกันดีในนามสงครามเก้าทัพ พม่ายกทัพเข้าบุกตีค่ายปากพระ ซึ่งทหารของรัชกาลท่ี 1 เป็นผู้บัญชาการค่าย พญาพิพิธโภไคยหนีไปเมืองพังงา ท่านผู้หญิงจันในขณะน้ันยังถือว่าเป็นเชลยศึก ได้ หนขี า้ มชอ่ งปากพระ เข้ามายงั เมืองถลาง ผ่านบ้านไมข้ าว บ้านสาคู และบ้านเคยี น อันเป็นท่ีต้งั เมืองถลาง แม่ทัพใหญ่ยี่หวุ่นคุมกําลัง 3,000 คน เข้าตีหัวเมืองทางชายฝั่งทะเลตะวันตก ตั้งแต่เมือง กระ ตะกั่วป่า ตะก่ัวทุ่ง ค่ายปากพระ โดยมีเป้าหมายสุดท้ายที่เมืองถลางขุมคลังของสยาม ข่าวทัพเรือ พม่าบุกโจมตี กอปรกับเจ้าเมืองถลางเสียชีวิตเป็นข่าวร้ายท่ีทําร้ายจิตใจชาวเมืองถลางให้อยู่ในความ หวาดกลัว ไม่มีทีพ่ ่ึงหมดหวงั แต่พลงั ใจทั้งมวลกลบั ต้ังมั่นด้วยจิตใจท่ีเข็มแข็งของท่านผู้หญิงจันและคุณมุก น้องสาว โดยไดน้ ํากําลังจากบา้ นสาคู บ้านในยาง บ้านดอน บ้านไมข้ าว บา้ นแขนน บา้ นลพิ อน บา้ นเหรียง มาเตรียมการรบ ณ คา่ ยข้างวัดพระนางสรา้ ง ฝา่ ยพม่ายกทพั เขา้ มาเร่งก่อสร้างค่ายบริเวณทุ่งนา (โคกชนะ พม่า) เพื่อเตรียมโจมตีเมืองถลาง ส่วนท่านผู้หญิงจัน คุณมุกและคณะกรมการเมืองวางแผนตั้งค่ายประชิด ค่ายข้าศึก เตรียมปืนใหญ่ตรึงไว้ดึงเวลาได้หลายวันเป็นผลให้เสบียงอาหารของพม่าลดน้อยลง และ วางแผนให้กลุ่มผู้หญิงแต่งตัวคล้ายทหารไทย เอาไม้ทองหลางเคลือบดีบุกมาถือแทนอาวุธ ทําทียกขบวน เข้าเมืองถลางในช่วงดึกลวงพม่าว่าเมืองถลางมีกําลังมาเสริมทุกคืน ทําให้พม่าคาดการณ์กองกําลังเมือง ถลางผิดพลาด การศึกครั้งนี้กินเวลายาวนานถึง 1 เดือนเศษ กําลังพม่าทั้งอ่อนล้าและขาดเสบียงอาหาร เมื่อพม่าต้ังพลเข้าโจมตีถูกฝ่ายเมืองถลางระดมยิงปืนเล็กปืนใหญ่ นําเอาดินประสิวไปโปรยในกองทัพพม่า ยิงคบเพลิงเข้าไปผสมตามยุทธวิธีพระพิรุณสังหาร ครั้นเม่ือชาวเมืองถลางยิงปืนใหญ่แม่นางกลางเมืองถูก ต้นทองหลางหน้าค่ายพม่าหักลง กองทัพพม่าระส่ําระสายเสียขวัญ และแตกทัพไปเมื่อวันท่ี 13 มีนาคม พ.ศ. 2328 เปน็ วนั ถลางชนะศกึ เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลพี ระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงมีพระบรมราช โองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมบําเหน็จผู้ทําคุณแก่แผ่นดิน ให้ท่านผู้หญิงจันเป็น ท้าวเทพกระษัตรี คุณมุกนอ้ งสาวเป็น ทา้ วศรสี ุนทร โดยท่ัวไปคนส่วนใหญ่ จะร้จู กั ท่านจากวีรกรรมในศึกคร้ังน้ันเพียงด้าน เดียว แต่ความเป็นจริงแล้ว ยังมีเกียรติประวัติ และวีรกรรมด้านอื่น ๆ ท่ีสะท้อนให้เห็นถึงความรักชาติ ความเสียสละ กล้าหาญ ความเฉลียวฉลาด และรักเกียรติ ของท่านอีกมาก ซึ่งปรากฏในเอกสารหลักฐาน ต่าง ๆ หลายแง่มุม สมควรที่จะรวบรวมนํามาสดุดี เพ่ือให้คนรุ่นหลังได้รําลึกถึงคุณงามความดีของท่านที่ ไดก้ ระทาํ ไว้ใหล้ ูกหลานชาวเมือง ถลาง และประเทศชาติ 10 หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสงั คม รายวิชาวีรบรุ ษุ /วรี สตรไี ทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา

อนสุ าวรยี ท์ า้ วเทพกระษัตรี ทา้ วศรีสนุ ทร ภาพจาก http://th.wikipedia.org/wiki อนุสาวรีย์ของท้ังสองท่านต้ังอยู่ท่ีวงเวียนสี่แยกท่าเรือ ตําบลศรีสุนทร อําเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต สร้างขึ่นในปี พ.ศ. 2509 จากหลักฐานสําคัญในจดหมายเหตุเมืองถลาง 6 ฉบับ เพื่อเป็นการเสริมและ สนองพระราชดําริในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในคราวเสด็จเปิดถนนสายถลาง ท่ีได้ พระราชทานนามว่า ถนนเทพกระษัตรี และได้มีการตั้งช่ือตําบลในภูเก็ต 2 ตําบลตามท้าวเทพกระษัตรี ทา้ วศรสี นุ ทร คอื ตําบลเทพกษตั รยี ์ และตาํ บลศรีสุนทรโดยจะมีการจัดงานราํ ลึกถงึ ท่านทกุ ปี กจิ กรรมท้ายเรือ่ ง 1. ใหผ้ เู้ รียนศกึ ษาเพิม่ เตมิ เร่ืองท้าวเทพกระษตั รี ท้าวศรีสุนทร จากหนงั สอื หรอื เว็บไซต์ 2. ให้ผูเ้ รียนบอกคุณประโยชน์ของทา้ วเทพกระษัตรี ทา้ วศรสี ุนทร ที่มีต่อชาตไิ ทย หนงั สอื เรยี นสาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าวีรบรุ ุษ/วรี สตรีไทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา 11

เร่อื งท่ี 3 พ่อขนุ รามคําแหงมหาราช พ่อขุนรามคําแหงมหาราช เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ท่ี 3 ในราชวงศ์พระร่วงแห่งราชอาณาจักร สุโขทัย ครองราชย์ประมาณ พ.ศ. 1822 ถึงประมาณ พ.ศ. 1841 ทรงรวมอาณาจักรไทยจนเป็นปึกแผ่น กวา้ งขวาง ทรงประดษิ ฐต์ ัวอกั ษรไทย สบื ทอดกนั มากว่าเจด็ รอ้ ยปี เนื่องจากไม่มีหลักฐานอ้างอิง จึงสันนิษฐานว่า พระองค์ พระราชสมภพ ประมาณปี พ.ศ. 1781 เพราะตามพงศาวดารเมืองเหนือ เช่น พงศาวดาร โยนก กล่าวว่า พ่อขุนรามคําแหงมหาราชเป็นพระสหายและเป็นศิษย์ร่วม อาจารย์เดียวกันกับ พ่อขุนมังราย เจ้าเมือง เชียงใหม่และพ่อขุนงําเมือง เจ้า เมืองพะเยา คอื ทรงศกึ ษาอยใู่ นสํานักสุกกทันตฤษี ณ เมืองละโว้ พงศาวดาร และจดหมายเหตุเมืองเหนือระบุว่า พ่อขุนมังราย สมภพในปีพ.ศ. 1782 และพอ่ ขุนงาํ เมืองสมภพในปี พ.ศ. 1781 พ่อขุนรามคําแหงมหาราชเป็นพระราชโอรสองค์ท่ี 3 ของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์กับนางเสือง มีพี่ น้องรวมท้ังหมด 5 คน เป็นผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 2 คน มีหลักฐานปรากฏในหลักศิลาจารึก หลักที่ 1 ว่า “พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูช่ือนางเสือง พี่กูชื่อบานเมือง กูมีพี่น้องท้องเดียวกันห้าคน ผู้ชายสาม ผู้ญีงโสง พี่เผ่ือผู้อ้ายตายจากเผือ เตียม แต่ยังเล็ก...” พระเชษฐาองค์ที่สองทรงพระนามตามศิลาจารึกว่า \"พระยาบานเมือง\" ซึ่งได้เสวยราชย์ต่อจากพระราชบิดา และเมื่อส้ินพระชนม์แล้ว พ่อขุนรามคําแหง มหาราชก็เสวยราชยต์ ่อ เมื่อพอ่ ขุนรามคําแหงมหาราชมพี ระชนมายุสิบเก้าพรรษา ได้ทรงทํายุทธหัตถีมีชัย ต่อขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด พระราชบิดาจึงทรงขนานพระนามว่า \"พระรามคําแหง\" ซึ่งแปลว่า \"พระราม ผู้กล้าหาญ\" พระราชกรณียกิจท่สี ําคัญ ในสมยั ของพอ่ ขนุ รามคําแหงมหาราชเป็นยุคที่กรุงสุโขทัยเฟ่ืองฟูและเจริญข้ึนกว่าเดิมเป็นอันมาก ระบบการปกครองภายในก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย มีการติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศทั้งในด้าน เศรษฐกิจและการเมือง ประชาชนอยู่ดีกินดี อาณาจักรกรุงสุโขทัยขยายกว้างใหญ่ไพศาล ที่สําคัญคือ การ ประดษิ ฐ์ศิลาจารึก 12 หนงั สือเรยี นสาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ าวีรบุรษุ /วรี สตรีไทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา

ศลิ าจารกึ พอ่ ขุนรามคาํ แหงมหาราช ศิลาจารึกเป็นหลักฐานอย่างหน่ึงท่ีบรรพชนสมัย โบราณสร้างขึ้นเพ่ือถ่ายทอดเรื่องราวให้คนรุ่นหลังได้ทราบ เร่ืองที่เกดิ ขน้ึ ในช่วงเวลานัน้ เปน็ หลักฐานสําคัญอย่างหน่ึง ในการศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ และโบราณคดี การ จัดลําดับความสําคัญของหลักฐาน และเอกสารอ้างอิงนั้น ถือกันว่าศิลาจารึกเป็นเอกสารข้อมูลปฐมภูมิท่ีมีคุณค่าใช้ อา้ งองิ ได้ หนงั สือเรยี นสาระการพฒั นาสังคม รายวิชาวรี บุรุษ/วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา 13

ประวตั กิ ารคน้ พบศลิ าจารึกสโุ ขทัย ในปีพุทธศักราช 2376 เม่ือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงผนวชอยู่ และได้เสด็จ ประพาสเมืองเหนือ เพื่อนมัสการเจดียสถานต่างๆ ทรงพบศิลาจารึกหลักนี้ และศิลาจารึกวัดป่ามะม่วง พรอ้ มกับพระแท่นมนังศิลาบาตรท่ีเนินปราสาทเก่าเมืองสุโขทัย จึงโปรดเกล้าฯ ให้นําลงมาเก็บรักษาไว้ ณ วัดราชาธิวาส ซึ่งเป็นท่ีประทับจําพรรษา ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ก็โปรดให้ส่งศิลาจารึกหลักนี้มาด้วย ภายหลังเม่ือได้เสวยราชสมบัติแล้ว จึงโปรด เกล้าฯ ให้ย้ายจากวัดบวรนิเวศวิหารไปต้ังไว้ที่ศาลาราย ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ข้างด้านเหนือ พระอุโบสถหลังที่สองนับจากตะวันตก จนถึงปีพุทธศักราช 2466 จึงได้ย้ายศิลาจารึกมาไว้ที่หอพระสมุด วชิรญาณ และเม่ือพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระที่นั่งศิวโมกขพิมานใน พระราชวงั บวรสถานมงคล ให้เปน็ ทต่ี ้งั หอพระสมุดวชริ ญาณในปีพทุ ธศกั ราช 2486 จงึ โปรดเกลา้ ฯ ให้ย้าย ศิลาจารึกมาเก็บไว้ ณ พระท่ีน่ังศิวโมกขพิมาน ครั้นเมื่อพุทธศักราช 2508 กองหอสมุดแห่งชาติย้ายไปอยู่ ณ อาคารหลังใหม่ที่ท่าวาสุกรี ประกอบกับกองโบราณคดี ดําริจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ก่อนประวัติศาสตร์ข้ึนที่ พระท่ีนั่งศิวโมกขพิมาน จึงได้ย้ายศิลาจารึกท้ังหมดรวมทั้งศิลาจารึกพ่อขุนรามคําแหงมหาราช (ศิลาจารึก สุโขทัยหลักท่ี 1) ไปไว้ที่หอวชิราวุธ จนถึงพุทธศักราช 2511 จึงได้ย้ายเฉพาะศิลาจารึกพ่อขุนรามคําแหง มหาราช ไปต้ังที่อาคารสร้างใหม่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ด้านเหนือช้ันบน ซ่ึงเป็นห้องแสดง ศลิ ปะสมัยสโุ ขทัยจนปจั จุบนั ศิลาจารึกพ่อขุนรามคําแหงมหาราชนี้ เป็นเอกสารท่ีสําคัญยิ่งช้ินหน่ึงของชาติไทย เป็นมรดกอัน ล้ําค่าและทรงคุณค่าอย่างยิ่ง มีสาระประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองนานัปการ ควรพิทักษ์รักษาไว้ให้ดํารง คงอยคู่ ชู่ าตไิ ทยตลอดกาล ศลิ าจารึกมีคณุ ค่าในด้านตา่ งๆ ดงั น้ี 1. ดา้ นนิตศิ าสตร์ ศิลาจารึกหลักนี้อาจถือว่า เป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญเทียบได้กับรัฐธรรมนูญฉบับแรกของ องั กฤษ มกี ารกําหนดสิทธเิ สรีภาพของประชาชน และรักษาสทิ ธิมนุษยชน เห็นได้จากขอ้ ความทก่ี ล่าวถึง มี การคุ้มครองเชลยศึก นอกจากน้ี ยังมีข้อความเสมือนเป็นบทบัญญัติในกฎมณเฑียรบาลและบทบัญญัติใน กฎหมายแพ่งลักษณะครอบครวั และมรดก ตลอดจนการพจิ ารณาความแพ่งและอาญา 2. ด้านรฐั ศาสตร์ ศิลาจารึกหลักน้ีได้กล่าวถึงความใกล้ชิดระหว่างกษัตริย์กับประชาชนว่า พ่อขุนรามคําแหง มหาราช โปรดให้ข้าราชบริพารเข้าเฝ้าปรึกษาราชการได้ทุกวัน ยกเว้นวันพระ และเปิดโอกาสให้ราษฎร มาสัน่ กระดิ่งเพื่ออทุ ธรณ์ฎีกาไดท้ กุ เมื่อ 14 หนังสือเรยี นสาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาวรี บุรษุ /วรี สตรไี ทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา

3. ดา้ นประวัตศิ าสตร์ ศิลาจารึก ช่วยให้เราได้ทราบถึงประวัติความรุ่งเรืองชองชาติไทยในยุคสุโขทัย และประวัติ เรื่องราวอ่ืนๆ เช่นประวัติราชวงศ์สุโขทัย ประวัติการรวบรวมอาณาจักรไทยให้เป็นปึกแผ่น ประวัติการค้า โดยเสรี ประวตั ิการสืบสรา้ งพระพุทธศาสนา และการประดษิ ฐอ์ กั ษร 4. ด้านภูมศิ าสตร์ ศิลาจารึกหลักนี้ได้ระบุอาณาเขตของสุโขทัยไว้อย่างชัดแจ้ง กล่าวถึงว่าทิศตะวันออก จดเวียงจันทน์ เวียงคํา ทิศใต้จดศรีธรรมราช และฝ่ังทะเล ทิศตะวันตกถึงหงสาวดี ทิศเหนือถึงเมืองแพร่ น่าน พล่ัว มีการกล่าวถึงชื่อเมืองสําคัญต่างๆ หลายเมือง เช่น เชลียง เพชรบุรี นอกจากนี้ยังได้พรรณนา แหลง่ ทํามาหากนิ และและแหลง่ ท่ีอยอู่ าศัยของชาวเมอื งสโุ ขทยั ไว้ 5. ด้านภาษาศาสตร์ ลายสือไทยสมัยพ่อขนุ รามคาํ แหงมหาราชมีความสมบรู ณ์ท้ังสระและพยญั ชนะ สามารถเขียน คําภาษาไทยได้ทุกคาํ และสามารถเลียนเสยี งภาษาต่างประเทศได้ดีกว่าอักษรแบบอ่ืนๆ เป็นอันมาก มีการ ใช้อักขรวิธีแบบนําสระและพยัญชนะมาเรียงไว้ในบรรทัดเดียวกัน ซึ่งทําให้ประหยัดทั้งเนื้อที่และเวลาใน การเขียน ภาษาเป็นสํานวนง่ายๆ และมีภาษาต่างประเทศบ้าง ประโยคที่เขียนก็ออกเสียงอ่านได้เป็น จังหวะคล้องจองกันคล้ายกับการอ่านร้อยกรองด้านวรรณคดี ศิลาจารึกหลักน้ีจัดว่าเป็นวรรณคดีเรื่องแรก ของไทย เพราะมีขอ้ ความไพเราะลกึ ซึ้งและกินใจ กอ่ ใหเ้ กิดจินตนาการไดง้ ดงาม 6. ด้านศาสนา ข้อความในศิลาจารึกน้ี มีหลายตอนท่ีแสดงให้เห็นว่า พระพุทธศาสนาซ่ึงเป็นศาสนาประจํา ชาติไทย ในสมัยพ่อขุนรามคําแหงมหาราชนั้น ได้รับการอุปถัมภ์เชิดชูอย่างดียิ่ง ประชาชนชาวไทยได้ทํานุ บํารุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรือง มีการสร้างปูชนียสถานและปูชนียวัตถุไว้เป็นจํานวนมาก พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยสร้างข้ึนด้วยความศรัทธาในพระศาสนา จึงมีศิลปะงดงามยิ่ง แม้ในปัจจุบันนี้ก็ยัง ไม่สามารถจะสรา้ งใหง้ ามทดั เทียมได้ ด้านจารีตประเพณี ศลิ าจารกึ หลักนี้ชว่ ยใหท้ ราบว่า สมัยสุโขทัยน้ันมี หลักจารีตประเพณีหลายประการที่ประชาชนนับถือและปฏิบัติกันอยู่ มีทั้งประเพณีทางพระพุทธศาสนา และประเพณีอื่นๆ เช่น ประเพณีรักษาศีลเม่ือเข้าพรรษา ประเพณีฟังธรรมในวันพระ ประเพณีการ ทอดกฐนิ ประเพณกี ารเผาเทยี นเล่นไฟ เปน็ ต้น 7. การเมืองการปกครอง ทรงขยายอาณาเขตไปอย่างกว้างขวางมากที่สุดในสมัยสุโขทัย ทรงเอาพระทัยใส่ดูแลทุกข์ สุขของราษฎรอย่างใกล้ชิด พระองค์โปรดให้แขวนกระด่ิงไว้ท่ีประตูพระราชวัง เพื่อให้ราษฎรที่ได้รับความ เดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรม ไปสั่นกระดิ่งกราบทูลความเดือดร้อน พระองค์ก็จะทรงตัดสินด้วย พระองค์เอง หนงั สือเรยี นสาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ าวรี บุรุษ/วรี สตรไี ทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา 15

8. ดา้ นเศรษฐกิจ โปรดให้สร้างทํานบกักนํ้าที่เรียกว่า สรีดภงส เพ่ือนําน้ําไปใช้ในตัวเมืองสุโขทัยและบริเวณ ใกลเ้ คยี ง โดยอาศัยแนวคันดินท่ีเรียกว่า เข่ือนพระร่วง ทําให้มีนํ้าสําหรับใช้ในการเพาะปลูกและอุปโภค บริโภคในยามท่ีบ้านเมืองขาดแคลนน้ํา ทรงส่งเสริมการค้าขายภายในราชอาณาจักรเป็นอย่างดีด้วยการ ไม่เก็บภาษีผ่านด่านหรือ “จกอบ” (จังกอบ) จากบรรดาพ่อค้าที่เข้ามาค้าขายในกรุงสุโขทัย ทําให้การ ค้าขายขยายออกไปอย่างกวา้ งขวาง หากพิจารณาพระมหากษตั ริย์ทง้ั หมดในด้านความเป็นสัพพัญญูและพหูสูตพ่อขุนรามคําแหง ก็น่าจะอยู่ในอันดับแรก เพราะพระองค์ทรงเป็นตัวอย่างในด้านความรอบรู้อย่างดีเย่ียม พระราชกรณียกิจ ต่างๆ ในสมัยพระองค์ เริ่มต้นและเป็นไปอย่างราบร่ืน เม่ือพระองค์เป็นผู้ริเริ่ม จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่ง ท่ีจะทรงเป็น มหาราช องค์แรกของไทย และควรจะนับได้ด้วยว่า พ่อขุนรามคําแหงมหาราชทรงเป็น มหาราชองคเ์ ดยี ว ทไี่ ม่ต้องอาศยั สงครามและการสรู้ บมาเสริมพระบารมี กจิ กรรมท้ายเรอ่ื ง 1. ให้ผูเ้ รียนศกึ ษาค้นคว้าเพมิ่ เติม เรือ่ งพ่อขนุ รามคําแหงมหาราช จากหนังสือหรอื เว็บไซต์ 2. พอ่ ขุนรามคาํ แหงมหาราชมีบทบาทอย่างไรในการพัฒนากรุงสโุ ขทยั 3. พระราชกรณียกจิ ของพ่อขนุ รามคาํ แหงมหาราช ท่เี ปน็ รากฐานการพัฒนาจนถงึ ทกุ วนั นี้มอี ะไรบา้ ง 16 หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสงั คม รายวิชาวีรบรุ ษุ /วรี สตรีไทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา

เรื่องที่ 4 สมเด็จพระสรุ โิ ยทยั สมเด็จพระสุริโยทัยสืบเช้ือสายมาจากราชวงศ์พระร่วง ดํารงตําแหน่งพระอัครมเหสีในสมเด็จ พระมหาจักรพรรดิ ในขณะท่ีสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ขึ้นครองราชสมบัติกรุงศรีอยุธยาต่อจาก ขุนวรวงศาธิราชได้เพียง 7 เดือน เม่ือ พ.ศ. 2091 พระเจ้าตะเบ็งชะเวต้ีและมหาอุปราชบุเรงนองยก กองทัพพม่าเข้ามาล้อมกรุงศรีอยุธยาคร้ังแรก โดยผ่านมาทางด้านด่านพระเจดีย์สามองค์ จังหวัด กาญจนบุรีและต้ังค่ายล้อมพระนคร การศึกคร้ังนั้นเป็นที่เล่ืองลือถึงวีรกรรมของ สมเด็จพระสุริโยทัย ซ่ึง ไสช้างพระท่นี ่งั เขา้ ขวางพระเจา้ แปรด้วยเกรงว่า สมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ พระราชสวามี จะเป็นอันตราย จนถูกพระแสงของ้าวฟันพระอังสาขาดสะพายแล่งสิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง เพ่ือปกป้องพระราชสวามีไว้ เม่ือสงครามยุติลง สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ทรงปลงพระศพของพระนางและสถาปนาสถานที่ปลง พระศพ ขนานนามว่า วัดสวนหลวงสบสวรรค์ พระราชโอรสและพระราชธิดา สมเด็จพระสุริโยทยั มพี ระราชโอรส-พระราชธิดา 5 พระองค์ ดงั น้ี • พระราเมศวร พระราชโอรสองค์โต ถูกจับเป็นองค์ประกันแก่พม่า และส้ินพระชนม์ระหว่าง ไปหงสาวดี • พระมหินทร์ พระราชโอรสองค์รอง ต่อมาได้ข้ึนครองราชย์เป็น สมเด็จพระมหินทราธิราช กษัตริยอ์ งคส์ ดุ ท้ายก่อนเสยี กรุงศรอี ยุธยาคร้งั ท่ี 1 ใน พ.ศ. 2112 • พระสวสั ดริ าช พระราชธดิ า ต่อมาได้รับการสถาปนาข้ึนเป็น พระวิสุทธิกษัตรีย์ อัครมเหสีใน สมเด็จพระมหาธรรมราชาและเป็นพระชนนีของพระสุพรรณกัลยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ สมเดจ็ พระเอกาทศรถ • พระบรมดิลก พระราชธดิ าเสียพระชนมช์ ีพพรอ้ มพระมารดาในสงครามคราวเสยี พระสุรโิ ยทัย • พระเทพกษตั รี พระราชธิดา ภายหลังถูกส่งตวั ถวายแดพ่ ระไชยเชษฐาแห่งอาณาจักรล้านช้าง ซ่ึงระหว่างการเดินทางถึงชายแดนสยามประเทศ พระนางถูกพระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์แห่งพม่าทําการชิง ตัวไปยังกรุงหงสาวดี หนังสือเรยี นสาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ าวรี บรุ ุษ/วรี สตรไี ทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา 17

เจดียพ์ ระสุริโยทัย บรรจุพระบรมอัฐสิ มเด็จพระสุรโิ ยทยั ในปี พ.ศ. 2091พระเจ้าตะเบงชะเวตี้ พระเจ้าแผ่นดินพม่ายกทัพใหญ่เข้ามารุกรานจนถึงเมือง หลวง คอื เมืองอยุธยา สมเด็จพระมหาจกั รพรรดิ ข้ึนครองราชสมบัติ ได้เพียง 7 เดือน ทรงจัดวางระเบียบ การปกครองใหม่ ส่วนการทหารก็ยังมิได้ตระเตรีมเพ่ือทําสงครามกับชาติใด เมื่อทราบข่าวเร่ืองสงคราม กองทัพพม่า ได้ผ่านด่านเจดีย์สามองค์เข้ามาแล้ว พระองค์จึงทรงกวาดต้อนราษฎรท่ีอยู่รอบพระนคร เข้า มาอยู่ในเมืองและปิดประตูเมือง ทหารและราษฎรไทยไม่เคยพบศึกใหญ่ ซ่ึงจะยกมาถึงพระนครเป็น จํานวนมาก จึงเล่าลือกันเป็นท่ีหวาดหว่ัน สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ จึงทรงตัดสินพระทัยยกทัพออกนอก พระนครเพื่อเป็นการบํารุงขวัญทหารและทอดพระเนตรจํานวนข้าศึก สมเด็จพระสุริโยทัยพร้อมกับ พระราชโอรส พระราชธิดารวม 4 พระองค์ได้เสด็จติดตามไปด้วย โดยพระองค์ทรงแต่งกายอย่าง มหาอุปราช ครั้นยกกองทัพออกไปบริเวณทุ่งภูเขาทอง กองทัพอยุธยาปะทะกับกองทัพพระเจ้าแปร ซึ่ง เป็นทัพหน้าของพม่า ช้างทรงของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเกิดเสียทีหันหลังหนีจากข้าศึก พระเจ้าแปรก็ ทรงขับช้างไลฟ่ นั อย่างกระช้ันชิด สมเด็จพระสุริโยทัยทอดพระเนตรเห็นพระราชสวามีกําลังอยู่ในอันตราย จึงรีบขบั ชา้ งเข้าขวางพระเจ้าแปร พระเจ้าแปรจึงจ้วงดาบฟันพระพาหา(บ่า)ขาดถึงพระอุระ(อก) พระองค์ เสด็จสวรรคตเช่นเดียวกับพระราชธิดา คือ พระบรมดิลก บนช้างทรงเชือกเดียวกัน พระราเมศวร และ พระมหินทราธิราช พระราชโอรส ฝ่าวงล้อมออกมา แล้วกันเอาช้างและพระศพกลับเข้าเมืองได้ การรบใน วันนั้นจึงยุติ การเสียสละพระชนม์ชีพของสมเด็จพระสุริโยทัยในครั้งนั้น มิใช่เกิดขึ้นเพราะความรักความ กตัญญูต่อพระราชสวามีเท่านั้น แต่เป็นการเสียสละอย่างกล้าหาญเพ่ือชาติไทย เพราะหากว่าสมเด็จ พระมหาจกั รพรรดิ ทรงพ่ายแพห้ รอื สวรรคตในวันนัน้ กห็ มายถึงการแพส้ งคราม ซงึ่ ชาติไทยจะต้องสูญเสีย เอกราช กจิ กรรมทา้ ยเรือ่ ง 1. ใหผ้ ้เู รยี นศกึ ษาค้นควา้ เร่อื งสมเดจ็ พระสุรโิ ยทัยเพิม่ เติมจากหนังสอื หรอื เวบ็ ไซต์ 2. ใหผ้ เู้ รียนบอกคณุ ประโยชนข์ องสมเดจ็ พระสรุ โิ ยทัยท่ีมีต่อชาตไิ ทย 18 หนังสอื เรยี นสาระการพฒั นาสงั คม รายวชิ าวีรบรุ ษุ /วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา

เร่อื งท่ี 5 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 มีพระนามเดิมว่า พระองค์ดํา เป็น พระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตริย์ (พระราชธิดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย และสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) พระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2098 ที่พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก ทรงมี พระเชษฐภคิณี คือ พระสุพรรณกัลยา ทรงมีพระอนุชาคือ สมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) และทรงเป็น พระราชนัดดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย ข้ึนครองราชย์ เม่ือวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 รวม ครองราชสมบัติ 15 ปี สวรรคตเมอื่ วนั ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 รวมพระชนมพรรษา 50 พรรษา ตลอดระยะเวลาทรงใชช้ วี ติ อยู่ในพระราชวังจันทน์เมืองพิษณุโลก จนกระทั่งเมื่อพระเจ้าบุเรงนอง ยกทัพมาตีเมืองพิษณุโลก สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้าเมืองพิษณุโลกยอมอ่อนน้อมต่อหงสาวดี และทาํ ใหพ้ ิษณโุ ลกต้องแปรสภาพเป็นเมืองประเทศราชหงสาวดี ไม่ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าบุเรงนอง ได้ทรงขอพระนเรศวรไปเป็นตัวประกันท่ีหงสาวดี ทําให้พระองค์ต้องจากบ้านเกิด ต้ังแต่มีพระชนมายุ 9 พรรษา พระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีนํ้าพระทัยเป็นนักรบมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ มีความกล้าหาญเด็ดเด่ียว มี นํ้าพระทัยกว้างขวางสมกับท่ีเป็นเชื้อสายของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย แม้จะถูกนําไปเป็นตัวประกันถึง หงสาวดี แต่พระองค์มิได้ทรงหวั่นไหว ครั้งท่ีอยู่ในเมืองพม่าก็ได้แสดงความปรีชาสามารถให้ปรากฏหลาย ต่อหลายครั้ง ทําให้พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์พม่ารู้สึกหวาดหวั่น เกรงว่าต่อไปภายหน้าอาจคิดกู้ชาติไทย ก็ได้ หนังสอื เรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวชิ าวีรบุรุษ/วรี สตรีไทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา 19

ปกครองเมืองพษิ ณโุ ลก พระเจ้าบุเรงนองตกี รุงศรีอยธุ ยาแตก เมอื่ พ.ศ. 2112 ไดส้ ถาปนาสมเด็จพระมหาธรรมราชา ครองกรุงศรีอยุธยาในฐานะประเทศราชของหงสาวดี พระนเรศวรได้หนีกลับมาไทยโดยท่ีบุเรงนอง ยินยอมด้วย อันเนื่องมาจากพระสุพรรณกัลยาได้ขอไว้ หลังจากท่ีพระองค์กลับมากรุงศรีอยุธยา สมเด็จ พระมหาธรรมราชาได้ทรงพระราชทานนามให้ว่า \"พระนเรศวร\" และโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระมหาอุปราช ไปปกครองเมืองพิษณุโลก ทรงปกครองเมืองอย่างดีและทรงเร่ิมเตรียมการท่ีจะกอบกู้เอกราชของกรุงศรี อยธุ ยา การท่ีได้เสด็จไปประทับอยู่หงสาวดี 8 ปีน้ัน ก็เป็นประโยชน์ย่ิงเพราะทรงทราบทั้งภาษาและนิสัย ใจคอ ตลอดจนล่วงรู้ความสามารถของพม่า เป็นทุนสําหรับคิดอ่านต่อสู้ เม่ือพระเจ้าหงสาวดีตีกรุงศรี อยุธยาได้น้ัน ได้นําคนมาด้วย ทางเมืองเหนือจึงมีคนน้อย พระนเรศวรทรงขวนขวายหาคนสําหรับทรงใช้ สอยโดยฝึกทหารท่ีอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันตามวิธียุทธ์ของพระองค์ทั้งส้ิน จึงเป็นกําลังของพระนเรศวร ในเวลาต่อมา และความคาดคิดของพระเจ้าบุเรงนองแห่งหงสาวดีก็กําลังจะกลายเป็นความจริง เม่ือ พระนเรศวรทรงคิดทีจ่ ะกอบกูอ้ สิ รภาพข้ึนในแผน่ ดนิ อนั เปน็ เมืองท่พี ระองค์ทรงพระราชสมภพ ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีสงครามสําคัญย่ิงของชาติไทย พระองค์ได้กู้อิสรภาพของ ไทยจากการเสียกรงุ ศรีอยุธยาครงั้ แรก และไดท้ รงแผ่อํานาจของราชอาณาจักรไทย อย่างกว้างใหญ่ไพศาล ก่อนที่พระนเรศวรจะประกาศอิสรภาพนั้น มีเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นพระองค์ทรงปรีชาสามารถในการสู้ รบมาแล้ว 20 หนงั สอื เรยี นสาระการพัฒนาสงั คม รายวิชาวีรบรุ ษุ /วรี สตรไี ทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา

คร้งั ท่ี 1 ต่อสกู้ ับพระยาจีนจันตุ พระยาจีนจันตุ ชาวจีนซ่ึงเป็นแม่ทัพเขมรยกมาโจมตีเมืองเพชรบุรีทางเรือแต่ตีไม่สําเร็จ ไม่กล้า กลับเขมร จึงทําอุบายขอลี้ภัยในกรุงศรีอยุธยา คร้ันรู้ความลับก็ลอบหนีกลับเขมรโดยลงเรือออกไปทาง ปากนา้ํ พระนเรศวรเสดจ็ ตามไปทนั ท่ีปากอ่าวทรงประทับยืนยิงปืนเข้าใส่อย่างไม่เกรงอันตราย จนกระสุน ปืนฝ่ายพระยาจีนจันตุถูกรางพระแสงปืนที่ทรงอยู่น้ันแตกไป พระเอกาทศรถจึงเอาเรือเข้าขวางไว้ พอดี เรอื ของพระยาจีนจนั ตไุ ด้ลมกนิ ใบแลน่ หนีออกทะเลไปได้ คร้ังท่ี 2 ปราบเขมรชายแดน เขมรนั้นมีนิสัยที่เป็นมาแต่โบราณคือ ชอบเข้ามารุกรานปล้นสะดมบริเวณชายแดนไทยอยู่เสมอ เวลาน้ัน ละแวกเป็นเมืองหลวงของเขมร พระยาละแวกส่งกองทัพมาไล่กวาดต้อนผู้คนทางเมือง นครราชสีมา พระนเรศวรทรงใช้อุบายทํากลศึกหลอกล่อให้เขมรเข้าไปในท่ีล้อม ตีเขมรแตกพ่ายไป (เร่ือง เขมรลอบโจมตีชายแดนนี้ ฝงั พระทยั พระนเรศวรมาก ภายหลังทรงยกทัพไปปราบ จับพระเจ้ากรุงเขมรทํา พธิ ีปฐมกรรมเปน็ การสัง่ สอน) คร้ังที่ 3 ตีเมอื งคัง เหตุเกิดหลังจากพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองสิ้นพระชนม์ พระราชโอรสขึ้นครองราชย์ต่อ ทรงพระนามว่า พระเจ้านันทบุเรง แล้วแต่งต้ังให้มังกะยอชวา ราชบุตรเป็นพระมหาอุปราช และยังให้มี ตราไปยงั เมืองประเทศราชใหญ่นอ้ ยทง้ั หลายให้เข้ามาเฝา้ พระเจา้ หงสาวดพี ระองค์ใหม่ บรรดาเจ้าประเทศ ราชจึงไปประชุมที่หงสาวดี พระนเรศวรก็ไปที่นั่นด้วยในฐานะตัวแทนจากกรุงศรีอยุธยา ปรากฏว่า เจ้าฟ้า ไทยใหญ่เมืองคังไม่มาเฝ้า พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงจึงให้ยกทัพไปปราบ ทัพที่ไปมี 3 ทัพ ได้แก่ ทัพของ พระมหาอุปราชา โอรสของพระเจ้านันทบุเรง ทัพของพระเจ้าตองอู และทัพของพระนเรศวรโอรสพระเจ้า กรุงศรีอยุธยา เมื่อไปถึงเมืองคังก็ตกลงผลัดกันเข้าตีคนละวัน เป็นทํานองประชันขันแข่งกันว่าใครจะเก่ง กว่าใคร เม่ือทัพของพระมหาอุปราชา และทัพของพระเจ้าตองอู ต่างยังตีไม่ได้จึงถึงคราวทัพของ พระนเรศวรบ้าง พระนเรศวรทรงเห็นว่า เมืองคังต้ังอยู่บนภูเขาจะโหมกําลังเข้าตีตรง ๆ คงยาก จึงทํา อุบายส่งทหารออกตีตอนใกล้รุ่ง ให้ทหารส่วนน้อยไปทางด้านหน้าโดยโห่ร้องอึงมี่ทําทีว่ามีกําลังมากจะบุก เข้าเมอื ง หลอกใหท้ หารเมืองคงั ตกใจพากันกรมู าปอ้ งกนั ดา้ นนัน้ ทหารสว่ นใหญ่ท่ีพระนเรศวรให้ซุ่มคอยที อยู่ดา้ นหลังเขาไดโ้ อกาสก็ปนี ขนึ้ ไปโดยอาศยั ความมืด ตเี อาเมอื งได้ หนงั สือเรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวิชาวรี บรุ ุษ/วรี สตรไี ทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา 21

พระปรชี าสามารถในคารมคมคาย : ไก่เชลย พระปรีชาสามารถของพระนเรศวรท่ีทรงแสดงให้ปรากฏก่อนประกาศอิสรภาพนั้นมิได้จํากัดอยู่ แต่ด้านฝีมือการรบเท่านั้น ยังมีเร่ืองเล่าแสดงคารมคมกล้าของพระองค์ว่า เม่ือคราวชนไก่กับพระมหา อุปราชา ไก่ของพระมหาอุปราชาพ่ายแพ้ พระมหาอุปราชาจึงตรัสทํานองส่อเสียดว่า ไก่เชลยตัวนี้เก่ง จริงหนอ ซ่ึงพระนเรศวรก็ทรงมีพระราชดํารัสตอบด้วยพระปรีชาว่า ไก่ตัวน้ีอย่าว่าแต่จะชนเอาเดิมพันเลย ถึงจะชนเอาบ้านเมืองก็ชนได้ เรื่องนี้จะจริงเท็จอย่างไรก็ตาม แต่พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงได้ทรงเล็งเห็น แลว้ วา่ จะปล่อยพระนเรศวรไวไ้ ม่ได้ ตอ้ งกาํ จดั เสยี แต่ตน้ มอื และคงจะทรงรอโอกาสอยู่ พมา่ วางแผนกําจดั พระนเรศวร ปลายปี พ.ศ. 2126 เกิดเหตุวุ่นวายข้ึนในพม่า เมืองอังวะแข็งเมืองต่อหงสาวดี พระเจ้าหงสาวดี นันทบเุ รงจึงเกณฑ์กองทพั เมืองประเทศราชยกไปปราบ พระนเรศวรซ่ึงเป็นอุปราชของกรุงศรีอยุธยาจึงยก ทัพไปตามบัญชา แต่ทรงเดินทัพช้า เพื่อประวิงเวลารอดูท่าทีว่าจะมีเมืองอ่ืนแข็งเมืองอีกหรือไม่ พระเจ้า หงสาวดีนันทบุเรงคงจะทรงระแวงอยู่แล้ว จึงให้พระมหาอุปราชามังกะยอชวา ราชโอรสอยู่รักษาเมือง หงสาวดแี ละกําชับวา่ ถา้ พระนเรศวรไปถึงหงสาวดใี หก้ าํ จัดเสยี พระมหาอุปราชามังกะยอชวาออกอุบายให้ขุนนางชาวมอญ 2 คน ชื่อ พระยาเกียรติกับ พระยาราม เป็นข้าหลวงมาคอยรับทัพของพระนเรศวรท่ีเมืองแครงซึ่งเป็นหัวเมืองมอญต่อแดนไทย ระหวา่ งทางพระมหาอุปราชาจะยกกําลังเข้าตี ให้พระยาทั้งสองฉวยโอกาสนั้นจับพระนเรศวรกําจัดเสียแต่ พระยาท้ังสองได้นําความลับน้ีแจ้งแก่พระมหาเถรคันฉ่องผู้เป็นอาจารย์ตน พระมหาเถรผู้นี้คงจะมีความ เลื่อมใสในองค์พระนเรศวร หรืออย่างน้อยก็คงจะไม่พอใจวิธีการของพม่า จึงเกล้ียกล่อมให้พระยาเกียรติ พระยารามกราบทลู ความจริงใหพ้ ระนเรศวรทรงทราบ 22 หนงั สอื เรยี นสาระการพัฒนาสังคม รายวชิ าวีรบรุ ษุ /วรี สตรไี ทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา

ประกาศอสิ รภาพ พ.ศ. 2127 เม่อื ทรงทราบแผนการร้ายของพระมหาอุปราชา พระนเรศวรจึงประชุมแม่ทัพนายกอง และ ผู้คน ในเมืองแครง เล่าถึงการคิดไม่ซอื่ ของพระมหาอุปราชามงั กะยอชวาใหท้ ุกคนได้ทราบ แล้วจึงทรงหลั่งนํ้าลง เหนอื แผ่นดนิ ประกาศอิสรภาพของกรงุ ศรีอยธุ ยา ไม่ขนึ้ ตอ่ หงสาวดีอีกต่อไป แล้วเดินทัพส่หู งสาวดี พระแสงปืนต้นขา้ มแมน่ าํ้ สะโตง ขณะเดินทัพไปยังหงสาวดี พระนเรศวรก็ได้ข่าวว่า พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงได้ชัยชนะเมือง ตองอู และกําลังจะเสด็จกลับหงสาวดี จึงทรงระงับแผนเข้าตีหงสาวดี เพียงแต่นําครอบครัวคนไทยที่ถูก กวาดต้อนไปอยู่ท่ีนั่นกลับกรุงศรีอยุธยา ขณะที่ข้ามแม่น้ําสะโตงมาได้น้ัน กองทัพพม่าที่ไล่ติดตามมาทัน เกิดยิงต่อสู้กันคนละฝั่งแม่น้ํา แต่แม่นํ้ากว้างมาก กระสุนปืนธรรมดาไปไม่ถึง พระนเรศวรทรงใช้ปืนยาว 9 คบื ย่งิ ไดไ้ กลและแมน่ ยํา ยิงถูกแม่ทพั พมา่ ตายคาคอชา้ ง พม่าจงึ เลิกตดิ ตาม พระแสงปืนนี้มีนามปรากฏว่า พระแสงปนื ต้นข้ามแมน่ ้ําสะโตง นบั เปน็ เคร่อื งราชูปโภคของพระมหากษัตรยิ ์ไทยตราบเทา่ ทุกวนั นี้ พระแสงปืนตน้ ข้ามแมน่ า้ํ สะโตง ภาพจาก http://www.google.co.th การรบแบบกองโจร พระนเรศวรทรงเห็นว่าฝ่ายไทยรี้พลน้อยกว่า ไม่เหมาะท่ีจะประจัญหน้ากับทัพใหญ่ จึงรักษาอยู่ ในกรุง พระเจ้าหงสาวดีนนั ทบุเรงก็ลอ้ มกรุงไว้ และเผชิญกับการรบแบบใหม่ พระนเรศวรแต่งกองโจรออก โจมตีสกัดการส่งเสบียงอาหารและรังควานมิให้ทหารพม่าตั้งตัวได้ถนัด บางครั้งก็เสด็จไปในกองโจรด้วย พระองค์เอง มีอยู่คร้ังหนึ่งทรงคาบพระแสงดาบปีนค่ายโจมตีพม่า ถูกแทงพลัดตกลงมา การกระทําตน เทา่ เทยี มกบั พลทหารของพระนเรศวรนเ้ี ปน็ ทเี่ ลอื่ งลอื เข็ดขยาดในหมทู่ หารพมา่ พระแสงดาบน้ันจึงมีช่ือว่า พระแสงดาบคาบค่าย วิธีการกองโจรและการดําเนินกลยุทธ์ท่ีชาญฉลาดของพระนเรศวรทําให้กองทัพ พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง ต้องสูญเสียเป็นจํานวนมากทั้งในการสู้รบและที่เจ็บป่วยตายไปในที่สุดก็ต้อง เลกิ ทพั กลับไปอกี หนงั สือเรียนสาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ าวีรบุรุษ/วรี สตรีไทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา 23

พระแสงดาบคาบค่าย ภาพจาก http://www.google.co.th กจิ กรรมทา้ ยเร่ือง 1. ให้ผู้เรยี นค้นคว้าเพิ่มเติม เกยี่ วกบั วีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรจากหนังสือ หรือ เวบ็ ไซต์ 2. ใหผ้ ู้เรยี นบอกความเสียสละของสมเด็จพระนเรศวรเพ่อื ประเทศชาติ 3. ให้ผู้เรยี นยกตวั อย่างความเป็นคนฉลาดเฉลยี วของสมเด็จพระนเรศวรมา 1 ตัวอย่าง 24 หนงั สอื เรยี นสาระการพฒั นาสงั คม รายวชิ าวีรบรุ ษุ /วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา

เรอ่ื งท่ี 6 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระราชสมภพ เม่ือ วันท่ี 17 เมษายน พ.ศ. 2277 ในแผ่นดิน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มี พระนามเดิมว่า สิน เป็นบุตรของ นายไหฮอง หรือหยง แซ่แต้ ภายหลังได้เป็นนายอากรบ่อนเบี้ย มี บรรดาศักดิ์เป็นขุนพัฒน์ และ นางนกเอี้ยงภายหลังได้รับการสถาปนาเป็น กรมพระเทพามาตย์ ต้ัง บ้านเรือนอยู่ใกล้กับจวนเจ้าพระยาจักรี เมื่ออายุได้ 5 ปี เจ้าพระยาจักรีได้ขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม และได้นําไปฝากเรียนกับพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาส เม่ือเรียนทั้งหนังสือขอมและหนังสือไทยจบ จนบริบูรณ์แล้ว จึงเรียนพระไตรปิฎกจนแตกฉาน พออายุครบ 13 ปี เจ้าพระยาจักรีได้นําไปถวายตัวเป็น มหาดเล็กในสมเด็จพระพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทําราชการกับ หลวงศักดิ์นายเวรซงึ่ เป็นบตุ รของเจา้ พระยาจกั รี เมื่อมเี วลาวา่ งจะไปเรียนวิชากบั อาจารยจ์ นี อาจารย์ญวน และอาจารย์แขก จนสามารถพูดได้ทั้งสามภาษา เมื่ออายุครบ 21 ปี ได้อุปสมบท ณ วัดโกษาวาส พระภิกษุสิน อยู่ในสมณเพศได้ 3 พรรษา ก็ลาสิกขาบท และกลับเข้ารับราชการตามเดิม ด้วยความฉลาด รอบรู้ขนบธรรมเนียม ภารกิจต่างๆเป็นอย่างดีจน สามารถทํางานต่างพระเนตรพระกรรณได้ จึงได้รับ พระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้เปน็ มหาดเลก็ รายงานราชการท้ังหลายในกรมมหาดไทย และกรมวงั ศาลหลวง เม่ือปี พ.ศ. 2301 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เสด็จสวรรคต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอุทุมพร เสดจ็ เสวยราชสมบัติได้ 3 เดือนเศษ กถ็ วายราชสมบตั ิให้พระเชษฐาสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ พระองค์โปรด เกลา้ ฯ ให้นายสนิ มหาดเลก็ รายงานเปน็ ข้าหลวงเชญิ ท้องตราราชสหี ข์ ึน้ ไปชาํ ระความหัวเมืองฝ่ายเหนือ ซ่ึง นายสินปฏิบัติราชการได้สําเร็จเรียบร้อย จนมีความชอบมาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหลวง ยกระบัตร(สิน) ช่วยราชการพระยาตาก เม่ือพระยาตากถึงแก่กรรม ก็โปรดให้เลื่อนเป็นพระยาตาก ปกครองเมืองตาก หนงั สือเรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวิชาวรี บรุ ุษ/วรี สตรไี ทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา 25

ในปี พ.ศ. 2307 พม่ายก กองทัพมาตีหัวเมืองปักษ์ใต้ของไทย โ ด ย มี มั ง ม ห า น ร ธ า เ ป็ น แ ม่ ทั พ ปรากฎว่าพม่าตีเมืองทางใต้ได้อย่าง งา่ ยดาย จงึ ตีเร่ือยตลอดหัวเมืองทาง ใต้จนถึงเมืองเพชรบุรี ทางกรุงศรี อยุธยาได้ส่งกองทัพไทยซ่ึงมีพระยา โกษาธิบดีกับพระยาตากไปรักษา เมืองเพชรบุรีไว้ จนตีพม่าแตกถอย ไปทางด่านสิงขรต่อมาปี พ.ศ. 2308 พม่ายกกองทัพมาตีไทยอีกพระยาตากได้มาช่วยรักษาพระนครไว้ได้ จึงได้บําเน็จความดีความชอบใน สงคราม โปรดให้เลื่อนเป็น พระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกําแพงเพชร แต่ยังไม่ทันได้ปกครองเมือง กําแพงเพชร ก็เกิดศึกกับพม่าครั้งสําคัญขึ้นจึงถูกเรียกตัวให้เข้ารับราชการในกรุง เพื่อป้องกันพระนคร จนถึงปี พ.ศ. 2309 ในขณะที่ไทยกับพม่ากําลังรบกันอย่างดุเดือดพระยาวชิรปราการ เกิดท้อแท้ใจหลาย ประการคอื 1. พระยาวชิรปราการ คุมทหารออกไปรบนอกเมืองจนได้ชัยชนะยึดค่ายพม่าได้แต่ทางผู้รักษา พระนครไม่สง่ กําลังไปหนนุ ทําให้พม่าสามารถยึดค่ายกลับคืนได้ 2. ขณะที่ยกทัพเรือออกรบร่วมกับพระยาเพชรบุรีน้ัน พระยาวชิรปราการ เห็นว่าพม่ามีกําลัง มากกว่าจงึ หา้ มมิใหพ้ ระยาเพชรบุรอี อกรบ แต่พระยาเพชรบรุ ไี ม่เชื่อ ขนื ออกรบ และพ่ายแพ้แก่พม่าจนตัว ตายในทรี่ บ พระยาวชริ ปราการถกู กล่าวหาว่าทอดท้ิงพระยาเพชรบุรี 3. ก่อนเสียกรุงสามเดือน พม่ายกทัพเข้าปล้นพระนครทางด้านที่พระยาวชิรปราการรักษาอยู่ เมื่อเห็นจวนตวั พระยาวชิรปราการจงึ ยงิ ปืนใหญข่ ดั ขวางโดยมิได้ขออนุญาตจากศาลลูกขุน จึงถูกฟ้องชําระ โทษให้ภาคทณั ฑ์ ด้วยสาเหตุดังกล่าว พระยาวชิรปราการเห็นว่าหากอยู่ช่วยป้องกันพระนครต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ อันใด และเช่ือว่ากรุงศรีอยุธยาต้องเสียแก่พม่าในคร้ังน้ีเป็นแน่ ด้วยผู้นําอ่อนแอ และไม่นําพาต่อราชการ บ้านเมือง จึงรวบรวมสมัครพรรคพวกได้ประมาณ 500 คน ตีฝ่าวงล้อมออกจากค่ายพิชัย มุ่งออกไปทาง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ จึงนับว่าเป็นสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ เป็นพระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของกรุงศรี อยุธยา หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาแล้ว บ้านเมืองเกิดแตกแยก หัวเมืองต่างๆต้ังตัวเป็นใหญต่างคนต่าง รวบรวมสมัครพรรคพวก ตงั้ เปน็ กก๊ ต่างๆ ได้แก่ กก๊ สุก้พี ระนายกอง ก๊กพระยาพิษณุโลก ก๊กเจ้าพระยาฝาง กก๊ เจา้ พระยานครศรธี รรมราช และกก๊ เจา้ พิมาย 26 หนังสอื เรยี นสาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ าวรี บรุ ษุ /วรี สตรีไทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา

สําหรับพระยาวชิรปราการได้จัดเตรียมกองทัพ สะสมเสบียงอาหาร ศาสตราวุธ และกองทัพเรือ อยู่เป็นเวลา 3 เดือน ก็ยกกองทัพเรือเข้ามาทางปากน้ําเจ้าพระยา ตีเมืองธนบุรีแตกจับนายทองอิน ประหาร แล้วเลยไปตีค่ายโพธ์ิสามต้นจนแตกยับเยิน สุก้ีพระนายกองตายในท่ีรบ ขับไล่พม่าออกไปพ้น แผ่นดินไทยสําเร็จในปี พ.ศ. 2310 ซึ่งใช้เวลากู้อิสรภาพกลับคืนจากพม่า ภายในเวลาเพียง 7 เดือน จากนั้น พระยาวชิรปราการจึงยกทัพกลับมากรุงธนบุรีและปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ ทรง พระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาที่4 แต่ประชาชนนิยมเรียกพระนามว่า พระเจ้าตากสิน เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2311 และสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีด้วย จากนั้นพระเจ้าตากสินยกกองทัพไป ปราบปรามกก๊ ตา่ งๆ จนราบคาบ ทรงใช้เวลารวบรวมอาณาเขตอยู่ 3 ปี คือต้ังแต่ พ.ศ. 2311- พ.ศ. 2313 จึงได้อาณาเขตกลับคืนมา รวมเป็นราชอาณาจักรเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าตากสินสวรรคต เมื่อวันท่ี 6 เมษายน 2325 สิริพระชนมายุได้ 48 พรรษา ทรงครองราชย์เป็นเวลา15 ปี สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงมี พระราชโอรสและพระราชธิดากับสมเด็จพระอัครมเหษี กรมหลวงบาทบริจา และกรมบริจาภักดีศรีสุดา รักษ์ รวมท้ังพระสนมต่าง ๆ รวมท้ังสิ้น 29 พระองค์ ต่อมาประชาราษฎร์ผู้สํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ จงึ ยกย่องถวายพระเกียรติพระองค์ทา่ นว่า มหาราช คณะรฐั บาล ขา้ ราชการ พ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้พร้อมใจกันสร้างอนุเสาวรีย์เพ่ือน้อมรําลึกในพระเกียรติประวัติ เกียรติยศ เกียรติคุณ ให้ปรากฎกับ อนชุ นตราบเท่าทุกวนั นี้ อนสุ าวรีย์วงเวียนใหญ่ กรุงเทพมหานคร หนังสือเรยี นสาระการพฒั นาสังคม รายวิชาวรี บุรุษ/วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา 27

กลยุทธในการยึดจนั ทบรุ ี พระยาตากเดินทัพจากระยองผ่านแกลงเข้าบางกระจะ มุ่งยึดจันทบุรีซึ่งเป็นเมืองใหญ่ เพื่อใช้ เป็นฐานกําลัง เจ้าเมืองจันทบุรีไม่ยอมสวามิภักดิ์ พระยาตากจึงต้องใช้จิตวิทยาในด้านการรบ มาใช้กับ แมท่ พั นายกอง เพอ่ื ต้องการรบใหช้ นะ โดยสงั่ ให้ทุบหมอ้ ข้าวหม้อแกงหมายไปกินอาหารม้ือเช้าในเมือง ถ้า ตีเมืองไม่สําเร็จก็อดตาย คร้ันถึงเวลาค่ํา พระยาตากจึงได้สั่งให้ทหารไทย จีนลอบเข้าไปอยู่ ตามสถานที่ ท่ีได้วางแผนไว้แล้ว ให้คอยฟังสัญญาณเข้าตีเมืองพร้อมกัน ห้ามส่งเสียงจนกว่าจะเข้าเมืองได้ จึงให้โห่ข้ึน ให้พวกอ่ืนรู้ พอได้ฤกษ์เวลา 3 นาฬิกา เจ้าตากก็ขึ้นคอช้างพังคีรีบัญชร ให้ยิงปืนสัญญาณ บอกพวกทหาร เขา้ ตีเมืองพรอ้ มกัน ส่วนพระยาตากก็ไสชา้ งเข้าพงั ประตูเมือง ชาวเมืองท่ีประจําการอยู่ก็ยิง ปืนใหญ่เข้าใส่ พระยาตากไสช้างจะเข้าชนประตู นายท้ายช้างเกรงว่าพระยาตากจะถูกยิง จึงเก่ียวช้างให้ถอยออกมา พระยาตากชักดาบออกมาจะฟันนายท้ายช้าง นายท้ายช้างจึงได้ขอชีวิตไว้ พระยาตากจึงไสช้างเข้าชน บานประตูเมืองพัง ทหารพระยาตากจึงกรูกัน เข้าเมืองได้ พวกชาวเมืองต่างพากันหนีไป ส่วนพระยา จันทบุรีก็พาครอบครัวลงเรือหนีไปยัง เมืองบันทายมาศ พระยาตากตีเมืองจันทบุรีได้ เมื่อ วันท่ี 15 มิถุนายน พ.ศ. 2310 หลงั จากเสียกรุงศรอี ยธุ ยาแล้ว 2 เดอื น ในสมยั ของสมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช พระองคท์ รงกอบกูเ้ อกราช รวบรวมหัวเมอื งน้อยใหญ่ และขยายอาณาเขตของไทย เหตกุ ารณ์สําคญั ๆ ดงั นี้ พุทธศักราช 2310 - การเสยี กรงุ ศรีอยธุ ยา ครั้งที่ 2 - การประกาศอิสรภาพหลังจากท่ีรบชนะพมา่ ท่คี า่ ยโพธส์ิ ามต้น - การสถาปนากรุงธนบรุ ศี รีมหาสมุทรเปน็ เมอื งหลวง - พม่ายกกองทพั มาตีไทยท่บี างกุง้ พุทธศกั ราช 2311 - การเถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิของสมเด็จพระเจ้าตากสิน - การยกกองทัพขน้ึ ไปตีกลมุ่ เมอื งพษิ ณุโลก - กลมุ่ พระฝางยกกองทพั ลงมาตกี ลุ่มเมืองพษิ ณโุ ลก - การยกกองทัพขน้ึ ไปตีกลุม่ เมอื งพิมาย พทุ ธศกั ราช 2312 - กรงุ ศรีสตั นาคนหตุ แต่งเจ้าหน่อเมืองนาํ เครื่องราชบรรณาการมาขอเปน็ เมอื งขน้ึ - การยกกองทัพขึ้นไปตเี ขมร - การยกกองทพั ไปตเี มอื งนครศรธี รรมราช 28 หนงั สอื เรียนสาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาวรี บุรษุ /วรี สตรีไทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา

พทุ ธศักราช 2313 - การยกกองทพั ขน้ึ ไปตกี ลมุ่ เมอื งสวางคบุรี - พม่ายกกองทัพลงมาตเี มืองสวรรคโลก - การยกกองทพั ข้ึนไปตีเมอื งเชียงใหม่ คร้งั ที่ 1 พุทธศกั ราช 2314 - การสรา้ งกาํ แพงเมอื งกรงุ ธนบุรี - การยกกองทัพไปตเี ขมร พุทธศักราช 2315 - พม่ายกกองทพั มาตีเมอื งพชิ ัย ครง้ั ท่ี 1 พุทธศกั ราช 2316 - การสักเลก (ไพร่หลวง ไพรส่ ม และเลกหวั เมือง) - พมา่ ยกกองทพั มาตเี มืองพิชัย ครงั้ ท่ี 2 พุทธศกั ราช 2317 - การยกกองทพั ขนึ้ ไปตีเมืองเชียงใหม่ ครงั้ ท่ี 2 - พมา่ ยกกองทพั มาตีบางแกว้ (แขวงเมืองราชบรุ )ี พทุ ธศกั ราช 2318 - พมา่ ยกกองทัพมาตเี มอื งพิษณุโลก พุทธศักราช 2319 - กบฎเมอื งนางรอง และการยกกองทัพไปปราบหัวเมืองลุม่ แม่นา้ํ โขง - พระเจ้าตากทรงเร่ิมการเจริญวปิ ัสสนากมั มฎั ฐาน พทุ ธศักราช 2320 - การสถาปนาเจา้ พระยาจกั รีขึ้นเป็นสมเด็จเจา้ พระยามหากษตั ริย์ศึก พทุ ธศกั ราช 2321 - รงุ ศรีสัตนาคนหุตแตง่ ทัพมารบกับพระวอที่หนองบวั ลําภูและท่ีดอนมดแดง พุทธศักราช 2322 - การยกกองทัพขึ้นไปตีเมอื งเวียงจนั ทน์ - การอัญเชิญพระพทุ ธมหามณีรตั นปฎิมากร พระแกว้ มรกตและพระบางมาสู่กรงุ ธนบุรี หนังสือเรยี นสาระการพฒั นาสังคม รายวิชาวีรบรุ ุษ/วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา 29

กิจกรรมท้ายเรื่อง 1. ใหผ้ เู้ รียนแบง่ กลุ่ม 2- 3 คน ชว่ ยกันวิเคราะห์วา่ เหตกุ ารณใ์ นสมัยของสมเด็จ พระเจ้าตากสิน เรื่องใดประทบั ใจมากทสี่ ุด เพราะเหตุใด 2. กลยทุ ธ์ในการตเี มอื งจันทบุรี ผเู้ รียนจะนํามาปรบั ใช้ได้อย่างไรบ้างใน ชวี ติ ประจาํ วนั 3. ใหผ้ เู้ รียนวเิ คราะห์วา่ สาเหตุท่ี “พระยาตากกาํ ลังจะไสชา้ งจะเข้าชนประตู แต่ นายท้ายชา้ งเกรงวา่ พระยาตากจะถกู ยิง จึงเก่ียวช้างให้ถอยออกมา พระยา ตากชักดาบออกมาจะฟนั นายทา้ ยชา้ ง” แสดงวา่ พระยาตากเปน็ บคุ คลเช่นใด 4. ให้ผูเ้ รียนบอกคณุ ลกั ษณะของพระเจา้ ตากสินมหาราชทสี่ มควรนํามาเป็น ตวั อยา่ งพร้อมยกตวั อยา่ งประกอบ 30 หนังสอื เรยี นสาระการพัฒนาสงั คม รายวิชาวีรบุรษุ /วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา

เรื่องที่ 7 สมเด็จพระปิยมหาราช พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันท่ี 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เป็นพระราชโอรส องค์ที่ 9 ใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรม ราชินี พระองค์ทรงมีพระขนิษฐาและพระอนุชารวม 3 พระองค์ เสวยราช สมบตั ิ เมื่อวนั ท่ี 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 เสด็จสวรรคต เมื่อวันท่ี 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ด้วยโรคพระวักกะ พระชนมายุ 58 พรรษา เสวย ราชสมบตั ิ 42 ปี เมื่อคร้ังทรงพระเยาว์ทรงได้รับการศึกษาจากสํานักพระเจ้า บรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุตรี กรมหลวงวรเสรฐสุดา ผู้ทรงรอบรู้ด้านอักษรศาสตร์ และโบราณ ราชประเพณอี ย่างดีย่ิง นอกจากนั้นทรงศึกษาภาษามคธ วชิ าการยิงปืนไฟ วิชาคชกรรม และวชิ าอื่นๆ หนงั สือเรียนสาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ าวีรบุรุษ/วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา 31

นอกจากน้ี ได้ทรงศึกษาภาษาอังกฤษ จากชาวต่างประเทศโดยตรง จากครูสตรีชาวอังกฤษ ชื่อ นางแอนนาเลียวโนแวนส์ ต่อมาทรงศึกษากับหมอจันดเล ชาวอเมริกัน และ เม่ือเสวยราชสมบัติแล้ว พ.ศ. 2416 ได้ทรงศึกษากับครูชาวอังกฤษ ชื่อ ฟรานซิส ยอร์จ แพตเตอสัน ต่อมาทรงพระอุตสาหะศึกษาด้วย พระองค์เองจนมีความรู้ภาษาอังกฤษอย่างแตกฉาน ในด้านวิชารัฐศาสตร์ ราชประเพณีและโบราณคดี สมเดจ็ พระบรมชนกนาถเปน็ ผพู้ ระราชทานการฝกึ สอนด้วยพระองค์เองตลอดมา วันท่ี 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เสด็จสวรรคต เหล่าเสนาบดีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พร้อมใจกันอัญเชิญสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ฯ ขึ้นเถลิงราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลท่ี 5 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกคร้ังแรก เมื่อวันท่ี 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 ขณะน้ันทรงพระชนมายุเพียง 15 พรรษา สมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซ่ึงมีบรรดาศักด์ิเป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ รับหน้าท่ีเป็นผู้สําเร็จราชการแผ่นดิน ระหว่าง นั้นพระองค์ได้เสด็จประพาสต่างประเทศ คือ อินเดีย และชวา เพื่อทอดพระเนตรวิทยาการสมัยใหม่ท่ี ประเทศทางตะวันตกนาํ มาเผยแพรเ่ พื่อนําเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศต่อไป เม่ือพระองค์ทรงมีพระชนมายุครบ 20 พรรษา จึงทรงลาผนวชเป็นพระภิกษุ และได้มีการจัด พระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่สอง เมื่อวันท่ี 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2416 โดยได้รับการเฉลิม พระปรมาภไิ ธยวา่ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาจุฬาลงกรณฯ์ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก คร้งั ที่ 1 พระราชพิธีบรมราชาภเิ ษก ครง้ั ที่ 2 32 หนงั สอื เรยี นสาระการพฒั นาสงั คม รายวิชาวรี บรุ ษุ /วรี สตรไี ทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา

พระราชกรณยี กิจทสี่ ําคัญ ด้านการศึกษา ได้มีการปฏิรูปการศึกษา จุดมุ่งหมายประการแรกของการปฏิรูปการศึกษาของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 5 คือ เพ่ือฝึกหัดคนเข้ารับราชการ จึงได้ก่อตั้ง “โรงเรียนทหาร มหาดเล็ก” ขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เมื่อ พ.ศ. 2414 จํานวนนักเรียนเมื่อแรกมีเพียง 10 คน ล้วน เปน็ เชอื้ พระวงศร์ ะดบั หมอ่ มเจ้าและหมอ่ มราชวงศ์ • พ.ศ. 2425 ได้ก่อต้ัง โรงเรียนพระตําหนักสวนกุหลาบ เพ่ือขยายการฝึกหัดคนเข้ารับ ราชการให้กว้างขวางย่ิงขึ้น เป็นโรงเรียนผลิตข้าราชการสําหรับทุกกระทรวงทบวงกรม ไม่จํากัดเฉพาะ ทหารมหาดเลก็ หลกั สตู รทเ่ี รยี นใช้ท้งั ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ • พ.ศ. 2427 ได้ก่อต้งั โรงเรียนวดั มหรรณพาราม เพ่อื ใหค้ นท่วั ไปได้เขา้ ศึกษาหาความรู้ตาม หลักสูตรแผนใหม่ นับเป็น โรงเรียนแห่งแรกของประเทศไทย ท่ีเปิดให้บุคคลสามัญท่ัวไปได้เข้ารับ การศกึ ษาอบรม อย่างทดั เทียมกนั • เริ่มมีแบบเรียนใช้ในโรงเรียนเป็นคร้ังแรก โดย พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ไดแ้ ตง่ หนังสือเรยี น 6 เลม่ คือ มลู บทบรรพกจิ วาหนิต์นิกร อกั ษรประโยค สังคโยคพิธาน ไวพจน์พิจารณ์ และพศิ าลการนั ต์ ขึน้ ใช้ในโรงเรยี นทกุ แหง่ • พ.ศ. 2442 ได้มกี ารกอ่ ตงั้ โรงเรียนเชลยศกั ด์ิ (โรงเรยี นราษฎร์) ขึ้น คือ โรงเรียนเซน็ ตโ์ ยเซฟ คอนแวนต์ และ โรงเรยี นบํารุงวิชา • ได้มีการจัดตั้ง กองทุนคิงสกอลาซิป ขึ้น เพ่ือจัดการสอบชิงทุนไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ เป็นประจาํ ทกุ ปี ปลี ะ 2 ครั้ง โดยส่งไปศึกษายงั ทวปี ยุโรป และอเมรกิ า • การพัฒนาดา้ นการศกึ ษา ทรงโปรดเกลา้ ฯ ให้ สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดํารง ราชานุภาพ เป็นผู้ดําเนินการปฏิรูปการศึกษาให้เป็นแบบแผนสมัยใหม่ นอกจากนั้นสมเด็จพระเจ้าบรม วงศ์เธอกรมพระยาดํารงราชานุภาพ ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านประวัติศาสตร์ไทยเป็นอย่างย่ิง ซ่ึงใน ปจั จบุ นั ไดร้ ับการยกยอ่ งใหเ้ ปน็ “บิดาแหง่ วิชาประวตั ศิ าสตร์ไทย” • มีการจัดตั้งสถาบันการศึกษาสําหรับสงฆ์ขึ้น คือ มหาธาตุวิทยาลัย โดยจัดต้ังข้ึนท่ีวัด มหาธาตุ เพ่ือใช้เป็นสถานที่ศึกษาของสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ต่อมาได้เปล่ียนชื่อใหม่เป็น มหาจุฬาลงกรณ์ ราชวทิ ยาลัย • มีการจัดต้ังสถาบันการศึกษาสําหรับสงฆ์ข้ึน คือ มหามกุฎราชวิทยาลัย ขี้นท่ีวัดบวรนิเวศ วหิ าร โดยกรมพระยาวชิรญาณวโรรส เพื่อใช้เปน็ ท่ศี ึกษาของสงฆ์นิกายธรรมยตุ ิ หนงั สือเรยี นสาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ าวีรบุรุษ/วรี สตรีไทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา 33

• โปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดพิมพ์พระไตรปิฎกข้ึนเป็นภาษาไทยเรียกว่า “พระไตรปิฎกฉบับ ทองทึบ” ด้านการทหาร พระองค์ได้ทรงเร่งปฏิรูปทางการทหารให้ทันสมัย เลียนแบบยุโรป ได้ส่งราชโอรสไปศึกษาวิชา ทหารที่ยุโรป มีการปรับปรุงยุทธวิธีทางการทหาร ยุบ ตั้ง กรมกองต่างๆ เพิ่มขึ้นรวม 9 กรม เป็นกรม ทหารบก 7 กรม และกรมทหารเรอื 2 กรม • พ.ศ. 2430 ไดต้ ้ังกระทรวงกลาโหม มีหน้าทบ่ี ัญชาการรบทางทหารทว่ั ไป ดา้ นการเสดจ็ ประพาส พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จประพาสต่างประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศในยุโรปหลายครั้ง เช่น สิงคโปร์ ชวา อินเดีย พม่า มลายู รัสเซีย อังกฤษ ฝร่ังเศส เยอรมันนี อิตาลี ออสเตรีย ฮังการี โปรตุเกส สเปน เป็นต้น นอกจากนี้พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงได้ เสด็จประพาสต้น เป็นการส่วนพระองค์เป็นพระองค์แรก และเป็น คร้งั แรกที่ พระมหากษัตริย์ทรงเสด็จออกเย่ียมประชาชน เพื่อดูแลความเป็นอยู่อย่างใก้ลชิด โดยการเสด็จ ไปอยา่ งสามัญชน รว่ มท้ังคณะผตู้ ดิ ตามเสดจ็ ทุกคนด้วย ดา้ นต่างๆ • การสรา้ งทาง รถไฟ ขนึ้ เปน็ ครั้งแรกเม่อื ปี พ.ศ. 2439 ระหวา่ ง กรงุ เทพฯ – นครราชสีมา • รถลาก เร่ิมมีใชใ้ นรชั กาลท่ี 5 เปน็ ครง้ั แรก โดยพระยาโชฎกึ ราชเศรษฐี (พุก) ได้นาํ รถลาก คันแรกของประเทศเข้ามาจากเมอื งจีน เพอื่ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ • รถม้า ได้เร่ิมมีใช้เป็นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 ท้ังใช้ส่วนตัวและรับจ้าง เนื่องจากถนนมี สภาพดีขึ้น • รถราง เร่ิมมีเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2430 โดยใช้ม้าลากไปตามราง ต่อมาเปล่ียนเป็นใช้ พลังงานไฟฟ้าแทนม้า ดําเนินการโดยบริษัทรถรางไทยจํากัด และบริษัทไฟฟ้าสยามทุนจํากัด (ต่อมาได้ เลกิ กิจการรถรางไฟฟ้า เมือ่ ปี พ.ศ. 2511) • รถยนต์ ได้นําเข้ามาใช้เป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธ์ิ ทรง นํารถยนตเ์ มอรซ์ ิเดซ็ เดมเลอร์ เขา้ มานอ้ มเกล้าฯ ถวายพระจุลจอมเกลา้ ฯ • โรงไฟฟ้า เร่ิมใช้เป็นครั้งแรกเม่ือ พ.ศ. 2423 โดยพระยาสุรศักดิ์มนตรี ได้สั่งชื้อเครื่อง ไฟฟ้าจากประเทศอังกฤษเข้ามาใช้ในกรมหารและวังหลวง ต่อมาได้มีการจัดต้ังโรงไฟฟ้าโรงแรกของ ประเทศไทย ขนึ้ คอื โรงไฟฟา้ วดั เลียบ 34 หนงั สือเรยี นสาระการพฒั นาสังคม รายวชิ าวรี บรุ ษุ /วรี สตรีไทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา

• ทรงใหผ้ ูช้ ายเลกิ ไว้ผมทรงมหาดไทย เปลยี่ นเปน็ ไวย้ าว ตดั เป็นทรงแบบฝรง่ั ผูห้ ญงิ โปรด เกลา้ ฯ ใหเ้ ลกิ ไวผ้ มปกึ ให้เปลย่ี นมาเปน็ ๆไว้ผมยาวแทน ผมทรงมหาดไทย เสอื้ ราชปะแตนนงุ่ ผา้ มว่ ง ภาพจาก google.co.th • ด้านการแตง่ กาย ใหช้ ายใส่ “เส้อื ราชปะแตน” และน่งุ ผา้ ม่วง • ให้ต้ัง พิพิธภัณฑสถาน ข้ีนครั้งแรก ในหอคองคอร์เดีย หรือ ศาลาสหทัยสมาคม (คนทั่วไป นิยมเรยี กวา่ หอมวิ เซยี ม ) • ให้ต้ัง กรมไปรษียโ์ ทรเลข ข้นึ เปน็ ครง้ั แรก เม่อื พ.ศ. 2441 • ทรงต้ัง โรงพยาบาลวังหลัง ซ่ึงเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทย ปัจจุบันได้เปล่ียน ชื่อเป็น โรงพยาบาลศริ ิราช • ทรงตั้ง สภาอุณาโมแดง (สภากาชาด) • ทรงสร้าง พระท่ีนงั่ อนันตสมาคม ข้ึนเม่ือปี พ.ศ. 2440 เพอ่ื ใชเ้ ป็นทอ้ งพระโรง และเพอ่ื ประกอบการพระราชพิธีต่างๆ ตามพระราชประเพณี พระทน่ี ง่ั อนันตสมาคม ภาพจาก http://www.bangkokgoguide.com หนงั สอื เรยี นสาระการพัฒนาสงั คม รายวิชาวรี บุรุษ/วรี สตรไี ทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา 35

• ทรงออกหนังสือสําคัญสําหรับการครอบครองที่ดินเป็นครั้งแรก ซึ่งเรียกว่า “ตราจอง” ซ่ึง ตอ่ มาเรยี กวา่ “โฉนด” • เร่ิม การประปา ข้ึนเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2452 โดยจัดต้ังสํานักงานประปาแห่งแรก ของประเทศไทยขนึ้ ท่ี สะพานดํา • ทรงสร้างวัดเบญจมบพิศ ขึ้น อันหมายถึงวัดพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ท่ี 5 โปรดเกล้าฯ ให้ สร้างขึ้น โดยก่อสร้างด้วยหินอ่อน และใช้ศิลปลวดลายแบบไทย ให้จําลองพระพุทธชินราช จากจังหวัด พิษณโุ ลก ใหเ้ ปน็ พระประธานในอุโบสถวัดเบญจมบพติ รดสุ ิตวนาราม วัดเบญจมบพติ รดสุ ติ วนาราม ภาพจาก http://th.wikipedia.org พระปยิ มหาราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นกษัตริย์ท่ีเคารพรักของทวยราษฎร์ ทรงมี พระมหากรุณาธิคณุ อเนกประการทั้งในการปกครองบ้านเมือง และพระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ชน ทุกหมู่เหล่า ทวยราษฎร์ท้ังปวงจึงได้ถวายพระนามว่า พระปิยมหาราช หรือพระพุทธเจ้าหลวง มี พระบรมราชานุสาวรีย์ เรียกว่า พระบรมรูปทรงม้า ซึ่งเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ท่ีพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ พ่อค้า คหบดี ปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้ร่วมใจกันจัดสร้าง ต่อมาทางราชการได้ประกาศ ให้วันท่ี 23 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นวันท่ีระลึก สาํ คัญของชาติเรยี กวา่ วันปยิ มหาราช และกาํ หนดใหเ้ ปน็ วันหยุดราชการจนถึงปจั จบุ ัน 36 หนังสือเรยี นสาระการพัฒนาสังคม รายวชิ าวีรบรุ ษุ /วรี สตรไี ทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา

กจิ กรรมทา้ ยเร่อื ง 1. ให้ผู้เรียนศกึ ษาเพิ่มเติมจากห้องสมดุ หรอื อินเทอร์เน็ต 2. ให้ผเู้ รยี นศึกษาค้นคว้าแลว้ จัดทํารายงาน เร่ือง สมเด็จพระปิยมหาราช มพี ระราชกรณียกจิ ทส่ี ําคญั อยา่ งไรในการพัฒนาประเทศไทย หนังสอื เรียนสาระการพฒั นาสงั คม รายวชิ าวีรบุรุษ/วรี สตรไี ทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา 37

บทที่ 2 คุณประโยชนข์ องวีรบรุ ษุ และวรี สตรีไทย ในประวตั ิศาสตร์ สาระสาํ คญั ในอดีตมีบุคคลสําคัญที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษ วีรสตรีไทย ท่ีช่วยรักษาเอกราชของชาติ ไทย และพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าอยู่หลายท่าน ท้ังท่ีเป็นพระมหากษัตริย์ และสามัญชน จนเป็นท่ี ยกย่องและสรรเสริญจากประชาชนในยุคปัจจุบัน เยาวชนไทยจึงควรศึกษาไว้เป็นเยี่ยงอย่างในการดําเนิน ชวี ติ ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวงั 1. บอกคุณประโยชน์ของวรี บุรุษและวีรสตรไี ทย ในประวตั ิศาสตร์ 2. นาํ คณุ ประโชน์ของคณุ ประโยชน์ของวรี บุรษุ และวีรสตรีไทย ไปปรับใช้ในชวี ิตประจาํ วันได้ ขอบขา่ ยเนอ้ื หา คุณประโยชน์วีรบรุ ษุ วีรสตรไี ทยท่ีมตี อ่ ประเทศ 38 หนงั สอื เรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวิชาวีรบุรษุ /วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศึกษา

คุณประโยชนว์ ีรบรุ ุษ วรี สตรีไทยทีม่ ีตอ่ ประเทศ ในสมัยที่ชาติไทยอาศัยอยู่ในจีน ก็เคยมีอาณาจักรใหญ่โต คือ อาณาจักรน่านเจ้า มีฐานะยิ่งใหญ่ มกี ษัตรยิ ์ปกครองสบื ต่อกันมาเป็นเวลาชา้ นาน ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ก่อตั้งประเทศมาก่อนหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลยี จงึ เปน็ ประเทศท่ีเกา่ แก่ มคี วามเจริญรงุ่ เรอื งทางอารยธรรม วัฒนธรรม มภี าษาและอักษร เป็นของตนเอง ต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธาเป็นราชธานี เป็นเวลากว่า 400 ปี ต่อมาเม่ือกรุงศรีอยุธยาถูกพม่า ทําลาย พระเจ้าตากสินมหาราชได้กู้ชาติและสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีใน พศ. 2310 ต่อมา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้สถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานี ใน พ.ศ. 2325 ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ หลายประเทศในเอเชียโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านของไทย เช่น พม่า ลาว เวียดนาม มาลายู ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ต้องตกเป็นอาณานิคมของประเทศมหาอํานาจ แต่ประเทศ ไทยสามารถรักษาความเป็นเอกราชไว้ได้ เพราะพระปรีชาสามารถในการดําเนินวิเทโศบายของ พระมหากษัตริย์ไทย โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือพระปิยมหาราช บาง พระองค์ได้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติด้วยความกล้าหาญเสียสละ อาทิ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช ทําใหป้ ระเทศไทยสามารถรักษาเอกราชอธปิ ไตยไว้ไดจ้ นถึงทกุ วันน้ี คณุ ประโยชนข์ องวีรบุรษุ และวรี สตรีไทย ซ่ึงเปน็ ทรี่ จู้ กั มดี ังนี้ 1. พญาเม็งรายมหาราช มหาราชแห่งอาณาจักรลานนาไทย ผู้ทรงประกอบด้วยคุณธรรม มีพระ ปรชี าสามารถรวบรวมเมืองใหญ่น้อยแห่งแคว้นลานนาใหเ้ ป็นอาณาจักรเดียวกนั จนเปน็ ผลสาํ เร็จ 2. พ่อขุนรามคําแหงมหาราช มหาราชแห่งอาณาจักรสุโขทัย ทรงเป็นพระบิดาแห่งอักษรไทย ผูท้ รงปกครองบา้ นเมืองใหไ้ ด้รบั ความร่มเยน็ เปน็ สุขแบบพอ่ ปกครองลกู 3. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาราชผู้ทรงเป็นมหาวีรกษัตริย์ได้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติ ไทย ด้วยความเกง่ กล้าสามารถ เป็นท่ีเกรงขามแกบ่ รรดาอริราชศรัตรู 4. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มหาราชผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งการฑูตของไทย ทรงพระปรีชา สามารถอยา่ งยงิ่ ในการปกครองบ้านเมือง 5. สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราช มหาราชแห่งกรงุ ธนบรุ ี ผู้ทรงกอบกู้เอกราชของชาตดิ ว้ ยความ กลา้ หาญ เสียสละ และพระปรีชาสามารถอย่างสูงยิ่ง โดยใช้เวลาพียง 7 เดือน และทรงสถาปนากรุงธนบุรี เปน็ ราชธานี หนังสอื เรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวิชาวรี บรุ ุษ/วรี สตรีไทยในประวตั ศิ าสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา 39

6. สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ผู้ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงค์จักรี ทรง สถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานี ไดท้ รงปราบปรามศัตรู กู้บ้านเมืองให้พ้นภัยพิบัติเป็นอิสรภาพ ทรง ทํานบุ าํ รุงพระพทุ ธศาสนาและประเทศชาติ ใหม้ ีความเจรญิ รงุ่ เรอื งมาจนทุกวนั นี้ 7. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช ผู้ทรงเป็นท่ีรักของประชาชน ได้ ทรงเลิกทาส โดยไม่มีการเสียเลือดเน้ือ ได้ทรงดําเนินวิเทโศบายอย่างฉลาด ทําให้ประเทศไทยสามารถ รกั ษาเอกราชอธปิ ไตยไว้ได้ และได้ทรงพัฒนาประเทศใหม้ ีความเจรญิ ก้าวหนา้ 8. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า ผู้ทรงเป็นจอมปราชญ์ของชาติ ไทย และเปน็ พระบิดาแหง่ ชาตนิ ยิ ม ผู้ทรงก่อตั้งกองเสือปา่ และกองลูกเสอื ทรงปลกุ ใจให้คนไทยมีความรัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ที่ มคี วามเสียสละเพื่อสว่ นรวม 9. ทา้ วเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร เป็นวีรสตรีที่มีความกล้าหาญ เฉลียวฉลาด ได้ทําการป้องกัน รักษาเมืองไวเ้ ป็นสามารถ มใิ หข้ า้ ศึกทยี่ กมาประชดิ เมือง ตเี มอื งเอาได้ 10. พระนางจามเทวี เป็นปฐมกษัตริย์องค์แรกของแคว้นหริภุญชัย เป็นศูนย์กลางความเจริญใน ยุคแรกทางภาคเหนือของไทย พระนางเป็นผู้อยู่ในศีลธรรมซึ่งทําให้เกิดความเปล่ียนแปลงในการปกครอง วัฒนธรรม สงั คม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านศาสนา มีการทาํ นบุ าํ รงุ อย่างเห็นได้ชัด กิจกรรมทา้ ยบท 1. ให้ผู้เรียนศึกษาเพม่ิ เติม ว่ามีวรี บรุ ษุ และวีรสตรีทา่ นใดอีกจากหนงั สอื หรือเวบ็ ไซต์ แล้วบอกคุณประโยชนข์ องวรี บุรุษและวรี สตรี ท่านนัน้ 40 หนงั สือเรียนสาระการพัฒนาสงั คม รายวิชาวรี บรุ ษุ /วรี สตรไี ทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา

แบบทดสอบหลงั เรยี น 1. สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ ทรงเลอื่ มใสศรทั ธาในศาสนาใดมากท่ีสุด ก. ศาสนาพทุ ธ ข. ศาสนาคริสต์ ค. ศาสนาอสิ ลาม ง. ศาสนาฮินดู 2. ใครเป็นผูส้ ถาปนากรุงธนบรุ ีศรมี หาสมทุ ร ก. พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลก ข. สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช ค. พ่อขนุ รามคําแหงมหาราช ง. สมเดจ็ พระปิยะมหาราช 3. หลงั จากพระเจา้ ตากสินมหาราชสวรรคตแล้ว ใครได้ขึ้นครองราชย์แทน ก. พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลก ข. พอ่ ขนุ รามคําแหงมหาราช ค. สมเดจ็ พระบรมราชาที่ 4 ง. สมเด็จพระปิยะมหาราช 4. พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว คอื รชั กาลใด ก. รชั กาลที่ 5 ข. รัชกาลที่ 4 ค. รชั กาลท่ี 3 ง. รัชกาลที่ 2 5. ในรัชสมัยใดทกี่ รุงรัตนโกสินทร์ยอมรับวฒั นธรรม ตะวนั ตกเข้ามาพฒั นาประเทศ ก. รัชกาลที่ 2 ข. รชั กาลที่ 3 ค. รชั กาลที่ 4 ง. รชั กาลท่ี 5 หนงั สอื เรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวชิ าวรี บุรุษ/วรี สตรีไทยในประวตั ิศาสตร์ (สค 12006) ระดบั ประถมศกึ ษา 41


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook