วิถสี โุ ขทัย EB. 1 กล่มุ วสิ าหกจิ ชมุ ชน ผักอินทรีย์ ตาบลบ้านหลมุ ศนู ยเ์ รยี นรตู้ น้ แบบเพอื่ นพงึ่ (ภาฯ)ยามยากฯ ตาบลบา้ นหลมุ สวนไผเ่ พมิ่ ทรพั ย์ หมู่ที่ 6 ตาบลบา้ นหลมุ อาเภอเมอื ง จงั หวดั สโุ ขทยั กศน.ตาบลบา้ นหลมุ ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมอื งสโุ ขทัย
คานา กศน.ตาบลบ้านหลุม ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยอาเภอเมืองสุโขทัย ได้จัดทาหนังสือ E-Book เผยแพร่ความรู้ใน เรื่องการปลูกผักอินทรีย์ วิถีสุโขทัย (EB.1) ข้ึนเพื่อให้นักศึกษา และ ประชาชน ที่สนใจในการปลกู ผกั อนิ ทรยี ไ์ ดเ้ รยี นรู้วธิ ีการปลูกการบารุงดนิ การ เก็บเกยี่ วผลผลิต แมลงศัตรูท่ีสาคัญของผัก และโรคที่สาคัญของผักแต่ละชนิด ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง และนาความรู้ท่ีได้จากเอกสารเล่มนี้มาประยุกต์ใช้ใน ชวี ติ ประจาวันของตนเองได้ ขอขอบคณุ แหลง่ ทม่ี าของขอ้ มลู - กลมุ่ วสิ าหกจิ ชมุ ชน ผกั อนิ ทรยี ์ ตาบลบา้ นหลมุ - ศนู ยเ์ รยี นรตู้ น้ แบบเพอ่ื นพง่ึ (ภาฯ)ยามยากฯ ตาบลบา้ นหลมุ - สวนไผเ่ พมิ่ ทรพั ย์ หม่ทู ี่ 6 ตาบลบา้ นหลมุ อาเภอเมอื ง จังหวดั สโุ ขทยั ผู้จดั ทา นายอดุ มศกั ดิ์ ชยู ้ิม ครู กศน.ตาบลบา้ นหลมุ
สารบญั หนา้ เร่อื ง ก ข คานา 1 สารบัญ 10 การปลกู ผกั บุ้งจีนอนิ ทรยี ์ 27 การปลูกผกั กวางต้งุ อนิ ทรยี ์ 45 การปลกู คะนา้ อนิ ทรยี ์ 55 การปลกู ผกั ชีอนิ ทรีย์ 63 การปลูกผกั ปวยเลง้ อนิ ทรีย์ 79 การปลกู ถวั่ ฝกั ยาวอนิ ทรยี ์ 91 การปลกู ผกั สลดั อนิ ทรยี ์ 103 การปลกู แตงกวาอนิ ทรีย์ การปลกู ผกั กาดหอมอนิ ทรยี ์
การปลูกผกั บุ้งจนี อินทรยี ์
ผักบุ้งจนี ผักบงุ้ จนี เปน็ ผักทค่ี นไทยนิยม รับประทานเนื่องจากเป็นผกั ทห่ี า ซ้ือได้ ขายตามทอ้ งตลาด และ เกษตรกรนยิ มปลูกผกั บงุ้ จีนเน่ือง จากเป็นผกั ทป่ี ลูกได้งา่ ย เจริญเติบโตไว ระยะเวลาการปลกู เพยี ง 25-30 วนั ก็ สามารถเกบ็ เกย่ี วไดแ้ ลว้ และเปน็ ผกั สามารถปลูกได้ตลอดท้งั ปี การเตรยี มดนิ และเตรยี มแปลง การเตรยี มดนิ แปลงปลกู ผักบ้งุ จนี ควรขดุ /ไถพรวนดินใหล้ ึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ใหต้ ากดนิ ทงิ้ ไว้ประมาณ 5-7 วัน แล้วย่อยหน้าดนิ ให้ละเอยี ด แล้วใส่ปยุ๋ คอกหรือปุ๋ยหมักทส่ี ลายตัวดีแล้วให้มากและใส่ปูนขาว ตอ่ มาให้ คลุกเคล้าให้เข้ากบั ดนิ หรือให้ท่ัวพนื้ ท่ี แลว้ ใหไ้ ถยกร่องแปลงกว้าง 1.5-2 เมตร ยาวตามความเหมาะสม และเวน้ ทางเดนิ ไวช้ ว่ ง 30-50 เซนติเมตร วิธีปลกู ผกั บงุ้ จนี -กอ่ นปลูกใหน้ า้ เมล็ดไปแชน่ ้านาน 8 – 12 ชว่ั โมง เพื่อใหเ้ มล็ดดูดน้า และช่วย ใหเ้ มลด็ งอกเร็วข้นึ - หลงั การแช่นา้ 5-10 นาที ให้คัดเมลด็ ท่ลี อยน้าออก เพราะเป็นเมลด็ ทีไ่ ม่ สมบรู ณ์ - การปลกู ดว้ ยการหวา่ น ให้หวา่ นเมล็ดในอัตรา12-15 กโิ ลกรมั แหง้ /ไร่ - หากปลกู ดว้ ยการหยอดเมลด็ ให้ใชไ้ ม้กดลากดนิ ให้เปน็ ร่องลกึ 2-3 เซนตเิ มตร ระยะห่างแถว20-25 เซนติเมตร และโรยเมล็ดตามแนวยาว แล้ว เกล่ียดินกลบ
- ในพน้ื ที่ปลกู 100 ตารางเมตร หวา่ นเมลด็ ประมาณ 3.5 กิโลกรมั จะได้ผลผลติ เฉล่ยี ประมาณ 175 กิโลกรัม โดยในฤดรู ้อนจะเหมาะกับการปลกู ผกั บ้งุ จีนมากทสี่ ุด และมรี อบระยะเวลาในการหวา่ นเมล็ด ทกุ ๆ 7วัน /ครง้ั เพอื่ ใหไ้ ด้ผลผลติ ทีต่ อ่ เนือ่ งทุกวนั -หลังการหวา่ นเมล็ด ให้คลมุ ดว้ ยฟางขา้ วทั่วแปลง และรดนา้ ใหช้ ุ่ม แชเ่ มลด็ กอ่ นปลูก จะชว่ ยให้งอกเร็วข้ึน การดแู ลรักษา อายุ 1-5 วัน - เรมิ่ งอกและแตกใบจรงิ 2-4 ใบ ควรดแู ลเรอ่ื งการใหน้ ้าจงึ ตอ้ งให้นา้ สมา่ เสมอทุกวันๆละ 1 – 2 คร้งั และควรจัดการกาจดั วชั พชื รว่ มดว้ ย อายุ 7-20 วัน - ตน้ เริ่มเจริญเตบิ โตสูงประมาณ 10-15 ซม. ควรหม่นั รดน้าใหม้ ากขนึ้ และฉีด พน่ เช้ือราไตรโคเดอร์มาป้องกนั โรคราสนิมขาว เพราะส่วนใหญโ่ รคจะเกิดในชว่ ง ระยะน้ี แมลงศตั รผู กั บงุ้ หากพบว่ามีการระบาดสร้างความเสียหายให้แก่พืช ได้แก่ อาการใบหงิกงอ สาเหตุจากเพลย้ี เขา้ ทาลาย หากพบให้กาจัดดว้ ยน้าหมกั ใบยาสบู น้าไปฉีดพ่นใหท้ ว่ั ทุก 5-7 วนั จะชว่ ยกาจดั เพลยี้ สาเหตขุ องใบหงิกงอ ได้ และชว่ งนอี้ าจจะใส่ปยุ๋ คอกหรือปุ๋ยหมักที่มีไนโตรเจนสูงร่วมดว้ ยเพือ่ กระตุ้น การเจริญ เตบิ โต อายุ 25-30 - ตน้ จะเจริญเติบโตเตม็ ที่สงู ประมาณ 25-30 ซม. เราสามารถเกบ็ เกีย่ ว ผลผลติ ได้ พยายามเกบ็ ในช่วงนี้ ถา้ ชา้ กวา่ นตี้ น้ จะแตกแขนงใบจะใหญ่จะไมเ่ ป็น ทีต่ อ้ งการของท้องตลาด
การใหน้ า้ ผกั บงุ้ จีนเปน็ พืชทชี่ อบดินปลกู ทีช่ ุ่มช้นื แต่ไมแ่ ฉะจนมนี า้ ขงั ฉะนั้นควรรดนา้ ผกั บุ้งจีนอยเู่ สมอทกุ วนั ๆ ละ 1-2 ครั้ง ยกเวน้ ชว่ งท่ฝี นตกไม่ต้องรดน้า อย่าให้ แปลงปลูกผกั บ้งุ จีนขาดน้า จะทาใหผ้ กั บ้งุ จีนชะงกั การเจริญเติบโต คุณภาพไมด่ ี ตน้ แข็งกระดา้ ง เหนยี ว ไมน่ า่ รบั ประทาน และเกบ็ เก่ยี วไดช้ า้ กวา่ ปกติ การใสป่ ยุ๋ ผักบุ้งจีนเป็นพชื ผกั ทบ่ี รโิ ภคใบและต้นมีอายกุ ารเก็บเก่ียวสั้น การเตรยี มดินควรมี การทาการใส่ปุย๋ คอกหรือปยุ๋ หมักก่อนการปลกู เชน่ มูลสุกร มลู ไก่ เป็นตน้ หลงั ปลูกผกั บ้งุ จนี ได้ประมาณ 7-14วัน ทาการใหป้ ุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมกั ครั้งท่ี 2 โดยการหวา่ นโรยให้ทั่วแปลงปลูก ทง้ั นขี้ น้ึ อยู่กับความอดุ มสมบรู ณ์ของดนิ และ ปรมิ าณปยุ๋ คอกทใี่ ช้
โรคที่สาคญั ของ ผักบุง้ จนี
โรคราสนมิ ขาว White Rust สาเหตุ เชอ้ื ราอัลบโู ก้ ไอโบโมเอ้ อควาติเค้ (Albugo ipomoeae-aquaticae) ลักษณะอาการ พบจดุ สเี หลอื งซีดบนใบ ด้านล่างใบที่ จุดเดยี วกันกบั จดุ สเี หลืองด้านบนเปน็ ตมุ่ นนู ขนาด 1-2 มิลลเิ มตร และ อาจพบลา้ ต้น และกา้ นใบมปี มุ่ พองโต การป้องกนั กาจดั : 1. ฉีดพ่นด้วยเชื้อราไตรโครเดอรม์ าทุกๆ 5-7วนั เพอื่ ป้องกันการระบาด 2. เก็บทา้ ลายตน้ ใบและเศษซากพชื ทีเ่ ป็นโรคให้หมดจากแปลงปลูก รวมไปถงึ พวกวชั พชื และผกั บงุ้ ป่าทีม่ อี ยู่ในบริเวณ รอบๆ โรคใบไหม้ สาเหตเุ ชอ้ื แบคทเี รียแซนโทโมแนส คอมแพสตสิ (Xanthomonas compestris pv.) ลกั ษณะอาการ พบตมุ่ ใสเล็กๆใตใ้ บ ต่อมากลายเปน็ แผล สนี ้าตาลดาขยายออก ทาให้ใบเหลืองซีด แหง้ และรว่ งจากตน้ การป้องกันกาจดั 1. ในช่วงเตรยี มดนิ ปลูก ควรมกี ารไถตากดนิ เพอื่ ทาลายในดนิ อย่างน้อย 7 วนั 2. ฉีดพ่นเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซบั ทีทีลสิ เพ่ือป้องกนั ทุกๆ 5-7 วัน 3. หากพบต้นที่เปน็ โรครบี ถอนทาลายทนั ที เพอื่ ป้องกนั การระบาด
แมลงศัตรทู ่สี าคัญ ของ ผักบุง้ จนี
เพลย้ี ออ่ น ลกั ษณะการทาลาย จะเกาะตดิ เป็นกลุ่มสีดาตามตน้ , ใบ โดยดูดกนิ นา้ เล้ยี ง ทา้ ใหช้ ะงักการ เจริญเตบิ โต มมี ดเปน็ ตัวนาพามา จงึ ควรหาทางกาจดั มดไม่ใหเ้ ข้าไปใน แปลงปลูก การปลูกบนร่องท่ีมีน้า ลอ้ มรอบ ไม่ควรใหไ้ ม้ทอดสะพาน ติดกบั รอ่ ง เพราะมดจะใชเ้ ป็นทางเดนิ นาเพลยี้ อ่อนเข้ามายังตน้ ผกั บ้งุ การป้องกนั และกาจดั 1. หมน่ั สารวจว่ามีการระบาดของเพล้ียออ่ นหรอื ไม่ หากพบ ให้เกบ็ ทาลาย และ ฉดี พ่น เช้ือราบิวเวอรเ์ รยี หรอื สารสกัดยาสูบ ผสมกับน้ายาล้างจานหรอื สารจบั ใบเล็กนอ้ ย ทกุ ๆ 3-7 วนั ควรฉดี พน่ ในชว่ งเยน็ 2. อนุรักษศ์ ัตรธู รรมชาติของเพลยี้ ออ่ น คือด้วงเต่า จะชว่ ยควบคมุ ปริมาณของ เพลี้ยออ่ นไมใ่ หเ้ กิดการระบาดมากเกนิ ดว้ งเตา่ หนอนผเี สอ้ื หวั กระโหลก ลกั ษณะการทาลาย เป็นระยะตัวหนอนของผีเสื้อ ลาตัวมีสเี ขียวมีแถบสเี หลืองเหลือบฟ้าขา้ งลาตวั ขนาดลาตวั ยาว 10-12 เซนติเมตร ลกั ษณะการทาลายตัวหนอนเขา้ กดั กินใบ การปอ้ งกันและกาจัด 1. ใช้ไส้เดอื นฝอยกาจัดแมลงฉดี พน่ อตั รา 1 ภาชนะบรรจุ/น้า 10 ลิตร ช่วงเย็น 2. ฉีดพ่นสารสกัดจากธรรมชาติ หรอื สมุนไพร เช่น นา้ หมักใบยาสูบ 3. ใชแ้ บคทเี รียบที ฉี ดี พน่ 60-80 กรัม/น้า 20 ลิตร
ด้วงเตา่ จาน ลักษณะทว่ั ไป หวั เล็ก ลาตวั อว้ นป้อม สเี หลอื งทอง แบนโค้งนนู เล็กน้อย ผิวเรยี บเป็นมัน หนวด ขา หลงั อก และ ปกี มลี ักษณะใสเหมือนแก้ว ปีกมีจดุ สีดากระจายทั่ว ลักษณะการทาลาย ตวั ออ่ นและตวั เต็มไวกัดกนิ ใบ การปอ้ งกันและกาจดั 1. ใช้กับดักแมลงกาวเหนยี ว 2. ใช้สารสกดั สมนุ ไพร เชน่ น้าหมักใบยาสบู น้าหมกั สะเดา เป็นต้น การเกบ็ เกย่ี ว ผกั บุ้งจนี จะสามารถเกบ็ ลาต้นไดห้ ลงั การปลกู 20-30 วัน ซ่งึ จะมคี วามสูง ประมาณ 25-30 เซนติเมตร ถา้ ชา้ กว่าน้ตี น้ จะแตกแขนงใบจะใหญ่จะไมเ่ ปน็ ที่ ตอ้ งการของทอ้ งตลาดดว้ ย วิธกี ารเก็บแบบถอนทัง้ ต้น ทัง้ นี้ให้รดนา้ กอ่ นการถอน และการถอนไม่ควรให้ราก ขาดมาก หลงั จากนนั้ นามาล้างรากให้สะอาด วางกองใหส้ ะเด็ดน้า กอ่ นบรรจถุ งุ สง่ ตลาด
การปลกู ผกั กวางต้งุ อินทรยี ์
การปลูกกวางตงุ้ ผกั กวางตงุ้ เป็นพืชลม้ ลุก มีก้านใบยาวและหนา สีขาวอมเขยี ว ใบคอ่ นขา้ งหนา ผิวใบเรียบ ดอก ออกเป็นช่อ ดอกย่อยสีเหลอื งสด ผกั กวางตุ้งมี หลายพันธ์ุ แต่ทคี่ นไทยกนิ กันมากก็คือ ผักกวางตุ้งใบ โดยใชส้ ว่ นใบและกา้ นใบมาประกอบอาหาร การเตรียมดนิ การเตรยี มดนิ แปลงปลูกผกั กวางตุ้ง ควรขุด/ไถพรวนดนิ ใหล้ ึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ให้ ตากดนิ ทิ้งไวป้ ระมาณ 5-7 วนั แล้วยอ่ ยหนา้ ดนิ ให้ละเอยี ด แลว้ ใส่ปุย๋ คอกหรือปยุ๋ หมักที่สลายตัวดีแลว้ ใหม้ ากและใสป่ ูนขาวตอ่ มาให้ คลุกเคลา้ ให้ เข้ากับดินหรอื ให้ทั่วพน้ื ท่ี การหว่านเมล็ด 1. หว่านเมลด็ ใหก้ ระจายทวั่ ทง้ั ผิว แปลงโดยใหก้ ะระยะหรือน้าหนกั ใน การใชไ้ สเ้ ดอื นฝอยกาจดั แมลง การหวา่ นเมลด็ ใหห้ ่างกันประมาณ 2-3 เซนติเมตร 2. ใชด้ ินหรือปุ๋ยคอกทส่ี ลายตวั ดแี ลว้ หว่านกลบเมลด็ หลังหวา่ นเสร็จแล้ว ใหม้ ีความ หนาประมาณ 1 เซนติเมตร 3. คลมุ ด้วยฟางหรือหญา้ แหง้ บางๆ เพือ่ รักษาความช้นื ในดิน 4. รดน้าให้ท่ัวถึงและสมา่ เสมอเชา้ -เยน็ ตน้ กลา้ จะงอกประมาณ 7 วนั 5. การถอนแยกและจดั ให้มีระยะระหวา่ งต้น 20-25 เซนตเิ มตร ควรทาการกาจัด วชั พืชร่วมด้วย 6. ในพนื้ ทป่ี ลูก 100 ตารางเมตร หว่านเมล็ดประมาณ 0.2 กโิ ลกรมั จะได้ ผลผลติ เฉลย่ี ประมาณ 160 กโิ ลกรมั โดยในฤดหู นาวจะเหมาะกับการปลกู ผักกวางตุ้งมากทีส่ ุด และมรี อบระยะเวลาในการหวา่ นเมลด็ ทกุ ๆ 15-20 สัปดาห์/ คร้งั เพื่อให้ไดผ้ ลผลิตทต่ี อ่ เนือ่ ง
วิธีการดแู ลรกั ษา การให้นา้ กวางตงุ้ เปน็ พชื ที่ชอบนา้ มาก จงึ จะสามารถเจริญเติบโตไดด้ ี ควรรดน้าวันละ 1-2 ครัง้ (เชา้ และเย็น) โดยใชล้ ักษณะการฉดี ทา้ เปน็ ฝอยในการรดน้า ตอ้ งไม่ขาดนา้ เพราะจะท้าใหห้ ยดุ ชะงกั การเตบิ โต การใสป่ ยุ๋ กวางตงุ้ ต้องการป๋ยุ ทีม่ ีธาตุไนโตรเจนสงู อาจใสค่ อก ปยุ๋ หมกั อัตรา50กิโลกรมั /ไร่ หรอื ปุ๋ยนา้ หมักชีวภาพท่ีทาจากปลา พืชสดหรือพืชสเี ขยี ว ในอตั ราประมาณ 100 ซซี ี. ต่อนา้ 20 ลิตร ทัง้ นี้ขึน้ อยูก่ ับความอุดมสมบูรณ์ของดนิ และปรมิ าณป๋ยุ คอก ทใี่ ช้ ควรพ่นปยุ๋ นา้ ชวี ภาพผสมสารสมุนไพรไล่แมลงทางใบ อาทิตยล์ ะครง้ั พรอ้ ม การราดน้าหมกั จลุ นิ ทรียบ์ นพ้นื แปลงปลูกกวางตงุ้ การใชไ้ สเ้ ดอื นฝอยกาจดั แมลง
การปอ้ งกนั และกาจดั ศตั รูพชื - ฉดี พ่นปอ้ งกนั แมลงศตั รพู ืชดว้ ยน้าหมักสมุนไพรสกัดจากสะเดา สาบเสอื หาง ไหล และหนอนตายหยาก นาไปฉีดในช่วงเวลาคา่ หรือเช้าตรู่ เพื่อป้องกันหนอน ใยผกั ด้วงหมดั ผกั - ไสเ้ ดือนฝอยกาจดั แมลง ฉดี พ่นทุก 7 วันคร้งั หากพบการระบาดหนกั ควรพ่น ทกุ 3-5 วนั ครงั้ เพ่ือกาจดั หนอนใยผกั หนอนกระท้ผู กั หนอนกระทหู้ อม หนอนคืบ และด้วงหมดั ผกั - ใชก้ บั ดกั กาวเหนยี ว เป็นหน่ึงวิธที ีช่ ว่ ยลดจานวนประชากรแมลงในแปลงผักของ เรา สามารถชว่ ยลดความรุนแรงของการระบาดของแมลงได้ การใชก้ บั ดักกาว เหนียวจะชว่ ยดักจบั แมลงท่ีโตเต็มวัย โดยเฉพาะตวั ทมี่ ีปีก เช่น เพล้ียไฟ เพลีย้ อ่อน ด้วง หมดั ผกั แมลงหวีข่ าว และผเี ส้อื บางชนิด สาหรบั สที ่ีแมลงชอบนั้นจะมอี ยู่ 2 สี ไดแ้ ก่สฟี ้าและสีเหลือง - ควรฉีดพน่ หรอื รดเชือ้ ราไตรโคเดอร์มา ก่อนปลูกและ พบการระบาดของเช้ือราก่อโรค เพอ่ื ป้องกันโรคเนา่ คอดนิ โรคใบจดุ โรคราน้าคา้ ง - เชอื้ จลุ นิ ทรยี ป์ ฏิปักษ์ Bacillus subtilis (Bs) ใช้ในการป้องกนั และควบคุม โรคพชื ท่เี กิดจากเชอื้ รา และแบคทีเรียหลายชนดิ เช่นโรคเนา่ คอดนิ โรคใบจดุ การใชก้ บั ดกั กาวเหนยี ว
โรคที่สาคญั ของ ผักกวางตงุ้
โรคเนา่ คอดนิ สาเหตุ เกดิ จากเชื้อรา พเิ ที่ยม อะฟานิเดอรม์ าตัม(Pythium aphanidermatum) วธิ ปี อ้ งกนั กาจดั 1. ในชว่ งเตรียมดินปลกู ควรมกี ารไถตากดนิ เพ่ือทาลายเชือ้ ราในดินอย่างนอ้ ย 7 วัน และ ผสมเชอื้ ราไตโคเดอร์มาลงไปร่วมกับปุ๋ยคอกเพอื่ ป้องกนั เชื้อราด้วย 2. ฉีดพ่นเช้อื ราไตรโคเดอร์มา หรือ แบคทเี รยี บีเอส เพอ่ื ป้องกนั ทุกๆ 5-7 วนั โรคใบจดุ สาเหตุ เกดิ เกิดจากเช้ือราออเทอรน์ าเรยี (Alternariasp.) ลกั ษณะอาการ อาการทัว่ ๆ ไป จะเกิดขึน้ บนใบโดยจะเกดิ แผลจดุ สดี าหรือเทา บางครัง้ อาจพบวา่ ที่ ขอบแผลมีสีน้าตาลแดงลอ้ มรอบอยู่ สีดา หรอื เทาเข้มท่ีเหน็ บนแผล การระบาดจะ ถกู พัดพาไปโดยลม น้า และส่งิ ทเี่ คลอื่ นไหวได้ทกุ ชนดิ ทีไ่ ปสมั ผัสถูกต้องเขา้ การปอ้ งกันกาจัด 1. ปลกู พืชหมุนเวียน โดยใช้พชื อ่นื ท่ีไมใ่ ชถ่ วั่ ปลกู สลับหรือเลอื กใชเ้ มล็ดพนั ธทุ์ ี่ สะอาดปราศจากโรค 2. ในช่วงการเตรียมดนิ ปลูกควรฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มาลงในดิน 3. หากพบการระบาดใหฉ้ ดี พน่ เชอ้ื ราไตรโคเดอร์มาทุกๆ 5-7 วัน
โรคขอบใบทอง สาเหตุ เกดิ เชอ้ื แบคทีเรยี แซนโทดโมแนส คัมเพสทสิ (Xanthomonas campestris pv.) ลักษณะอาการ โดยอาการจะเร่ิมเหลอื งและแห้งตายบริเวณขอบใบขนึ้ กอ่ น แล้วคอ่ ยลามลึกเขา้ มา ในเน้อื ใบตามแนวเสน้ ใบที่อยู่ระดับเดยี วกัน จนจรดแกนกลางของใบ ทาใหเ้ กิด อาการเหลืองหรือแห้งเป็นสนี า้ ตาลรปู ตัววขี ้นึ ซึง่ เปน็ ลักษณะอาการพเิ ศษเฉพาะ ของโรคน้ี ในรายท่เี ป็นรนุ แรงเช้ือจะเข้าไปเจริญเตบิ โตอยู่ที่ก้านใบ เมอ่ื นาเอาใบ เหลา่ นม้ี าตดั หรอื ผ่าออกตามขวางจะเหน็ สว่ นทีเ่ ปน็ ท่อนา้ เนา่ เป็นสีดา การปอ้ งกนั กาจดั 1. ปลกู พชื หมุนเวยี น โดยหลีกเลยี่ งพชื ตระกลู กระหล่า 2. เลือกใชเ้ มลด็ พันธทุ์ ่สี ะอาดปราศจากโรค 3. ในช่วงการเตรยี มดนิ ปลกู ควรฉดี พ่นเชือ้ ราไตรโคเดอร์มาลงในดิน หรือคลกุ เมล็ดกอ่ นปลูก 4. หากพบการระบาดให้ฉีดพ่นเชือ้ ราไตรโคเดอร์มาทกุ ๆ 5-7 วนั 5. ฉดี พ่นเชอ้ื จุลินทรยี ป์ ฏิปกั ษบ์ าซิลลัส ซับทริ ิส (Bs) ทกุ 3-5 วัน
โรครานา้ คา้ ง ( Downy Mildew) สาเหตุ เกิดจากเชอ้ื รา เพอโรโนสปอร่า พาลาสิติกา(Peronospora parasitica) ลักษณะอาการ อาการเริ่มแรกจะพบทใ่ี บลา่ ง โดยเกดิ เปน็ จดุ สีเหลืองหรือสีน้าตาลขนาดเลก็ แล้ว ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นรูปเหลยี่ มอย่รู ะหวา่ งเส้นใบ นอกจากนีส้ ามารถตรวจสอบ บรเิ วณใต้ใบโดยเฉพาะอย่างยงิ่ ในตอนเชา้ มืด จะปรากฏเสน้ ใยเช้ือราสีขาว หรือสี เทา ใบพืชจะแห้งตายแต่กา้ นใบจะชูขน้ึ ขอบใบมว้ น ใบจะรว่ ง การป้องกนั กาจัด 1. ฉดี พน่ เช้อื ราไตรโคเดอร์มาเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการระบาด ทกุ ๆ 5-7 วัน 2. ราน้าค้างจะพบมาในช่วงที่อากาศชน้ื และเยน็ ดังน้นั ในช่วงอากาศดงั กลา่ ว ให้ ฉีดพ่นเชอื้ แบคทเี รียบาซิลลัส ซับทริ สิ (Bs)ทุกๆ 3-5 วนั 3. เมอื่ เกบ็ เกีย่ วผลผลิต ควรเก็บซากพืชออกจากแปลงเพราะจะเปน็ แหล่งสะสมโรค 4. ควรสลับหมุนเวยี นพืชปลกู บ้างเพอ่ื หลีกเลีย่ งการสะสมของโรค
แมลงที่สาคญั ของ ผักกวางต้งุ
เพลีย้ อ่อน ลกั ษณะการทาลาย จะเกาะติดเปน็ กลมุ่ สดี าตามต้น, ใบ โดยดดู กนิ นา้ เลยี้ ง ท้าให้ชะงักการเจรญิ เติบโต มี มดเป็นตวั นาพามา จงึ ควรหาทางกาจดั มดไม่ให้เข้าไปในแปลงปลกู การปลูกบนรอ่ งท่ี มีน้าล้อมรอบ ไม่ควรใหไ้ ม้ทอดสะพานตดิ กับรอ่ ง เพราะมดจะใช้เปน็ ทางเดินนา้ เพลย้ี อ่อนเข้ามายังตน้ ผักบงุ้ การปอ้ งกนั และกาจัด 1. หมัน่ สารวจว่ามีการระบาดของเพลย้ี อ่อนหรอื ไม่ หากพบ ให้เก็บทาลาย และฉีด พน่ เชือ้ ราบวิ เวอรเ์ รยี หรอื สารสกดั ยาสูบ ผสมกับนา้ ยาลา้ งจานหรอื สารจับใบ เลก็ น้อย ทุกๆ 3-7 วัน ควรฉดี พน่ ในชว่ งเย็น 2. อนุรักษ์ศตั รธู รรมชาติของเพลี้ยอ่อน คือด้วงเตา่ จะชว่ ยควบคมุ ปรมิ าณของเพลี้ย อ่อนไมใ่ หเ้ กดิ การระบาดมากเกิน
เพลย้ี ไฟ ลกั ษณะการทาลาย ตัวออ่ นและตัวเตม็ วัยทาลายส่วนตา่ งๆของพชื โดยการดดู นา้ เลีย้ งจากเซลลพ์ ืชทาให้ บริเวณที่ถกู ดูดมลี ักษณะอาการแตกต่างกัน เชน่ การแตกยอดจะทาใหช้ ะงกั การ เจริญเติบโตยอดอ่อนแคระแกร็น เตบิ โตช้า พชื ออ่ นแอ และทาใหใ้ บ ลาตน้ แห้ง ตายได้ การระบาดมักพบเสมอในช่วงฤดูร้อนหรอื ช่วงที่มีอากาศแหง้ แล้งฝนทงิ้ ช่วง เป็นเวลานาน การป้องกนั กาจดั 1. ฉดี พ่นเชอ้ื ราบวิ เวอรเ์ รีย 60-80 กรัม/นา้ 20 ลติ ร ทุกๆ 5-7 วัน สลบั กับ ฉีดพ่นสารสกดั ใบยาสูบ อัตรา 50-100 ซีซี/นา้ 20 ลิตร ช่วงเยน็ 2. เพิม่ การให้นา้ ให้ผักกวางตงุ้ ในชว่ งอากาศรอ้ นในตอนกลางวันจะช่วยลดการ ระบาดได้ 3. ใชก้ ับดักกาวเหนยี ว เปน็ หน่งึ วธิ ที ช่ี ว่ ยลดจานวนประชากรแมลงในแปลงผกั และ สามารถช่วยลดความรนุ แรงของการระบาดของแมลงได้ ตวั อยา่ ง สารสกดั ยาสบู
ด้วงหมดั ผกั หรือกระเจา๊ ลักษณะการทาลาย ด้วงหมัดผักเปน็ แมลงปกี แขง็ ชนดิ เดียวทีเ่ ปน็ ศัตรสู าคญั ของผักกวางตุ้ง ตัวแก่กดั กนิ ใบจนพรุนท้าความเสยี หายให้ได้ในระยะกาลงั เจรญิ เตบิ โต ตัวออ่ นทเี่ ป็นตัวหนอน ชอบกดั กินรากพชื บางคร้งั เกิดระบาดในแปลงกล้าก็ทาความเสยี หายให้ได้ ดว้ ง หมดั ชอบทาลายโดยตวั แกก่ ดั กนิ ใบและตัวหนอนกัดกนิ รากและหัว การปอ้ งกนั กาจัด 1. การไถตากดนิ ในฤดูแลง้ จะชว่ ยทาลายตัวอ่อนหรือดักแด้ทอ่ี ยใู่ นดนิ 2. ระยะใข่ ฉดี พ่นด้วย บวิ วาเรยี + เมธาไรเซียม อตั รา 50-100 กรัม ต่อนา้ 20 ลติ ร ทกุ 3 วนั ชว่ งเชา้ หรือเยน็ และฉดี ลงดินด้วย 3. ระยะหนอน บที ี จะช่วยกาจดั หนอนของดว้ งหมดั กระโดดได้ 4. ฉดี พน่ ไส้เดอื นฝอยกาจดั แมลง สัปดาหล์ ะครั้ง หรอื มีการระบาดหนกั ทุกๆ 3-5 วัน/ครั้ง 5. ใช้กบั ดักกาวเหนียว เป็นหน่ึงวิธที ีช่ ่วยลดจานวนประชากรแมลงในแปลงผกั และ สามารถชว่ ยลดความรุนแรงของการระบาดของแมลงได้
หนอนคบื กนิ ใบ ลกั ษณะทาลาย หนอนคืบกินใบเป็นแมลงศัตรทู ที่ าความเสยี หายต่อผกั ตระกลู กะหลาไดห้ ลายชนิด เปน็ หนอนขนาดกลางกินจุ ในระยะแรกตัวหนอนจะกดั กนิ ทผี่ วิ ใบ เม่อื ตัวหนอนโต ขนึ้ จะกัดกินใบทาใหเ้ ปน็ รอยแหว่งเหลือแตก่ า้ นใบ แมลงชนิดนี้จะทาลาย โดยกัด กนิ ใบเป็นส่วนใหญ่และการท้าลายเปน็ ไปอยา่ งรวดเร็ว การป้องกนั กาจดั 1. ฉีดพน่ เชือ้ ราบิวเวอรเ์ รีย อัตรา 60-80 กรมั /นา้ 20 ลติ ร 2. ใชเ้ ช้ือราแบคทีเรยี บที ี (BT)อตั รา 60-80 กรมั ต่อน้า 20 ลิตร ผสมสาร จบั ใบฉดี พน่ เวลาเย็นสลบั กบั ฉีดพน่ สารสกดั สะเดา ยาสบู หนอนตายอยาก โดยฉดี พน่ ในช่วงเยน็ 3. ฉดี พ่นไสเ้ ดอื นฝอยกาจัดแมลงอัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/ นา้ 10 ลิตรฉีดพ่นชว่ ง เยน็ 4. ควบคมุ ปรมิ าณของตัวแม่ผเี สื้อ โดยฉดี พน่ สารสกัดขมนิ้ ชนั บอระเพ็ด สาบเสือ ในชว่ งเยน็ เพ่ือขบั ไล่ ปอ้ งกันการวางไข่
หนอนกระทผู้ กั ลกั ษณะ ลกั ษณะหนอนจะมลี าตัวอ้วนผวิ หนงั เรยี บ ลายสดี าจะสังเกตเหน็ แถบดาที่ คอชดั เจน ตวั โตเต็มทีป่ ระมาณ 3-4 ซม. เคลื่อนไหวชา้ การป้องกันกาจดั 1. หนอนกระทู้ผกั สามารถปอ้ งกนั จากดั ไดไ้ ม่ยาก เมอ่ื พบกลุ่มไขห่ รือหนอนท่ีฟัก ออกจากไข่ควรเก็บทาลาย หากปล่อยให้หนอนโตจนหนอนจะแยกย้ายหลบซอ่ นตัว กัดกินเจาะเปน็ รูสกึ ในใบ ดอก และฝัก 2. ฉีดพน่ เชอื้ แบคทเี รีย บีที ทุกๆ 5-7 วนั สลับกบั ฉดี พน่ สารสกดั สะเดา ยาสบู หนอนตายอยาก โดยฉีดพน่ ในช่วงเยน็ 3. ควบคุมปริมาณของตวั แมผ่ ีเสอ้ื โดยฉีดพ่น สารสกัดขม้ินชัน บอระเพด็ สาบเสอื ในชว่ งเย็นเพ่ือขับไล่ ป้องกันการวางไข่ 4. ใช้ไสเ้ ดอื นฝอยกาจดั แมลง อตั รา 1 ภาชนะบรรจุ/น้า 10 ลิตรฉดี พ่นทุกๆ 7 วันครัง้
หนอนใยผกั ลักษณะการทาลาย หนอนใยผักเม่อื ฟักออกมาจากไขใ่ หม่ๆ ตวั หนอนจะแทะกินผิวใบดา้ นล่างเปน็ วง กว้างและมกั ทิง้ ผวิ ใบดา้ นบนซงึ่ มีลักษณะโปร่งแสงเอาไว้หากมีการระบาดรนุ แรง หนอนใยผกั จะกดั กินใบจนเป็นรูพรุนเหลือแต่ก้านใบ หรือถ้าเกิดกับผกั ในระยะ ตน้ ออ่ น หนอนจะกดั ทาลายส่วนยอดจนชะงักการเจรญิ เติบโต สาหรับผักใน ระยะทอี่ อกดอก ตดิ ฝัก ดอกและฝักอาจถูกทา้ ลายหมดไปได้ การป้องกันกาจดั 1. การปลกู พชื หมุนเวียน จะชว่ ยตดั วงจรชีวิตของหนอนใยผกั ไมค่ วรปลูกพืช ซ้าๆ ชนดิ เดิมๆ ตลอดปี 2. ใชเ้ ช้อื ราเมธาไรเซยี มกาจัดตวั หนอนแมลง อตั รา 50กรัม/น้า20ลิตร 3. ใช้เช้ือราแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis (BT) อัตรา 60-80 ซซี ี. ตอ่ น้า 20 ลติ ร ผสมสารจับใบฉีดพน่ เวลาเย็น 4. ใชส้ ารสกัดจากสมุนไพรกาจดั แมลง เช่น นา้ หมักยาสูบ น้าหมักจากบอระเพ็ด 5. ใช้ไส้เดือนฝอยกาจดั แมลง อตั รา 1 ภาชนะบรรจุ/น้า 10 ลิตร ฉีดพน่ ในชว่ งเยน็ 6. ใช้กบั ดักกาวเหนยี วหรอื กับดักแสงไฟ กาจัดผเี สื้อตัวแม่ เพือ่ ลดจานวนตัวลกู
หนอนกระทหู้ อม (หนอนหลอดหอม หนอนหอม หนอนหนังเหนยี ว) ลกั ษณะ เปน็ แมลงจ้าพวกผีเสอื้ กลางคืนขนาดเลก็ แมผ่ ีเสอื้ วางไขเ่ ป็นกลมุ่ สีขาว หนอนโต เตม็ ทีม่ ขี นาด 3 เซนติเมตร สีของหนอนมีแตกต่างกนั ได้ เช่น สีเขยี วออ่ นเทา น้าตาล น้าตาลดา เป็นตน้ ลักษณะท่สี งั เกตได้งา่ ยคือ หนอนมลี าตวั อว้ นผนงั ลาตวั เรียบ มแี นวสีขาวพาดไปตามความยาวด้านขา้ งของลาตวั เมื่อโตเต็มทีจ่ ะ เคลื่อนยา้ ยมาบริเวณโคนตน้ เพอ่ื เข้าดกั แดใ้ นดิน การปอ้ งกนั กาจดั 1. ฉดี พน่ เช้อื แบคทีเรยี บีที ทุกๆ 5-7 วัน สลับกับฉดี พ่น สารสกัด สะเดา ยาสบู หนอนตายอยาก โดยฉดี พ่นในชว่ งเยน็ 2. ควบคุมปรมิ าณของตัวแม่ผีเสอ้ื โดยฉดี พน่ สารสกัดขม้ินชัน บอระเพด็ สาบเสือ ในช่วงเยน็ เพอื่ ขบั ไล่ ปอ้ งกนั การวางไข่ 3. ใช้ไส้เดือนฝอยกาจัดแมลง อัตรา 1 ภาชนะบรรจุ/นา้ 10 ลิตร ฉดี พ่นทกุ ๆ 7 วันคร้ัง 4. ใช้เชื้อราเมธาไรเซียมฉดี พน่ กาจัดตัวหนอนแมลง
การเกบ็ เกยี่ ว อายกุ ารเกบ็ เกยี่ วของผกั กวางตุ้งค่อนข้างเรว็ คือ ประมาณ 35-45 วนั การเก็บเกย่ี วโดยเลือกต้นท่มี ขี นาดใหญต่ ามต้องการ แลว้ ใชม้ ีดคมๆ ตัดที่ โคนต้นแลว้ ท้าการตดั แตง่ ใบนอกทแี่ กห่ รอื ใบที่ถกู โรคหรอื แมลงทาลาย ออก หลงั จากตัดแต่งแลว้ จึงบรรจุภาชนะเพ่อื สง่ จ้าหน่ายตลาดต่อไป
การปลูกคะน้าอนิ ทรยี ์
ผกั คะนา้ คะนา้ เป็นพชื ผกั ใบเขียวที่นยิ มท้งั รับประทานและปลกู กันมาก อายเุ ก็บเกีย่ ว ประมาณ 45-55 วนั ผักคะน้าสามารถปลูกไดต้ ลอดปี แตเ่ วลาทป่ี ลูกได้ผลดี ที่สุดในชว่ งเดือนตลุ าคม-เมษายน การเตรียมดนิ การเตรยี มดินแปลงปลูกผักคะนา้ ควรขุด/ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนตเิ มตร ให้ ตากดินทง้ึ ไว้ประมาณ 5-7 วนั แล้วยอ่ ยหน้าดิน ใหล้ ะเอยี ด แลว้ ใสป่ ุ๋ยคอกหรือปยุ๋ หมกั ท่ีสลายตวั ดีแลว้ ใหม้ ากและใส่ปนู ขาวต่อมาให้ คลุกเคล้าใหเ้ ขา้ กับดนิ หรือใหท้ ่วั พื้นท่ี การเตรยี มดนิ แปลงปลกู
การหวา่ นเมลด็ 1. หว่านเมลด็ ใหก้ ระจายทวั่ ทัง้ ผวิ แปลงโดยให้กะระยะหรือนา้ หนกั ในการหว่านเมลด็ ให้หา่ ง กันประมาณ 2-3 เซนตเิ มตร 2. ใชด้ นิ หรอื ปยุ๋ คอกท่สี ลายตัวดแี ล้วหว่านกลบเมล็ดหลังหว่านเสร็จแลว้ ให้มคี วามหนา ประมาณ 1 เซนตเิ มตร 3. คลมุ ดว้ ยฟางหรือหญ้าแหง้ บางๆ เพ่ือรกั ษาความชน้ื ในดิน 4. รดนา้ ใหท้ ว่ั ถงึ และสม่าเสมอเช้า-เย็น ต้นกล้าจะงอกประมาณ 7 วนั 5. หลังจากต้นคะนา้ งอกแลว้ ประมาณ 20 วนั หรือต้นสงู ประมาณ 10 เซนตเิ มตร ให้ เริ่มถอนแยกโดยเลือกต้นทีไ่ มส่ มบรู ณ์ออก ทิง้ ระยะหา่ งระหว่างต้นประมาณ 10เซนตเิ มตร ตน้ ออ่ นของคะนา้ ที่ถอนแยกออกมาในวัยนีเ้ มื่อเด็ดรากออกแลว้ สง่ ขายตลาดเปน็ ยอดผักได้ 6. เมือ่ คะน้ามีอายปุ ระมาณ 30 วัน ใหถ้ อนแยกครงั้ ที่ 2 ให้เหลือระยะหา่ ง ระหว่างต้น 20 เซนติเมตร ต้นออ่ นของคะนา้ ที่ถอนแยกออกมาในวัยน้ีเมื่อเด็ดรากออก แลว้ สง่ ขายตลาดเป็นยอดผักได้ 7. ในการถอนแยกคะนา้ แต่ละครงั้ ควรกาจัดวัชพชื ไปดว้ ย 8. ในพนื้ ทป่ี ลูก 100 ตารางเมตร หวา่ นเมลด็ ประมาณ 0.2 กิโลกรมั จะไดผ้ ลผลิตเฉลยี่ ประมาณ 160 กิโลกรมั โดยในฤดหู นาวจะเหมาะกบั การปลูกผักคะน้ามากทสี่ ดุ และมรี อบ ระยะเวลาในการหว่านเมล็ดทกุ ๆ 15-20 สปั ดาห/์ คร้ัง เพ่อื ให้ได้ผลผลิตทตี่ อ่ เนอ่ื ง
การดูแลรกั ษา การให้นา้ 1. คะน้าต้องการน้าอย่างเพียงพอและสมา่ เสมอ เนอื่ งจากมกี ารเจริญเตบิ โตอยา่ ง รวดเร็ว ดังนน้ั ควรปลกู ในแหลง่ ท่มี ีนา้ อยา่ งเพยี งพอ 2. การใหน้ า้ ควรรดให้ทั่วและให้ชุ่ม ในเวลาเช้าและเย็น การใสป่ ยุ๋ คะน้าตอ้ งการป๋ยุ ทีม่ ีธาตไุ นโตรเจนสูง อาจใส่ป๋ยุ คอก ปยุ๋ หมกั อตั รา 500 กโิ ลกรัม/ไร่ หรือใส่ป๋ยุ นา้ หมักชวี ภาพทท่ี า้ จากพชื สดหรือพชื สีเขียว ในอตั รา ประมาณ 100 ซีซี. ตอ่ นา้ 20 ลติ ร ท้ังนขี้ ้ึนอย่กู บั ความอุดมสมบูรณ์ของดิน และปริมาณปยุ๋ คอกท่ใี ช้ ควรพน่ ปยุ๋ นา้ ชวี ภาพผสมสารสมนุ ไพรไล่แมลงทางใบ อาทติ ย์ละคร้งั พรอ้ มการราดน้าหมกั จลุ นิ ทรยี บ์ นพ้นื แปลงปลกู คะน้า
โรคท่สี าคัญ ของ ผักคะน้า
โรคขอบใบทอง สาเหตุ เกิดเช้ือแบคทีเรยี แซนโทโมแนส แคมแพสตสิ (Xanthomonas campestris pv.) ลักษณะอาการ โดยอาการจะเริ่มเหลอื งและแห้งตายบรเิ วณขอบใบขนึ้ ก่อน แลว้ คอ่ ยลามลกึ เขา้ มาในเนือ้ ใบตามแนวเสน้ ใบท่ีอยู่ระดับเดยี วกนั จนจรดแกนกลางของใบ ทาให้ เกิดอาการเหลืองหรือแหง้ เป็นสีนา้ ตาลรปู ตวั วีขึน้ ซ่ึงเปน็ ลกั ษณะอาการพเิ ศษ เฉพาะของโรคน้ี ในรายทเี่ ป็นรนุ แรงเชอื้ จะเข้าไปเจรญิ เตบิ โตอยทู่ ีก่ ้านใบ เม่ือ นาเอาใบเหลา่ นม้ี าตัดหรือผ่าออกตามขวางจะเห็นส่วนท่ีเป็นทอ่ น้าเน่าเปน็ สีดา การป้องกันกาจัด 1. ปลูกพชื หมุนเวยี น โดยหลกี เลีย่ งพืชตระกูลกระหล่า 2. เลอื กใชเ้ มลด็ พนั ธุท์ ส่ี ะอาดปราศจากโรค 3. ในชว่ งการเตรยี มดนิ ปลูกควรฉีดพ่นเชอ้ื ราไตรโครเดอร์มาลงในดิน หรอื คลกุ เมลด็ กอ่ นปลูก 4.หากพบการระบาดให้ฉดี พ่นเชือ้ ราไตรโครเดอรม์ าทกุ ๆ 5-7 วนั 5. ฉดี พน่ เชือ้ จลุ นิ ทรยี ์ปฏิปกั ษบ์ เี อส(Bacillus subtilis (Bs)
โรคเนา่ คอดนิ สาเหตุ เกดิ จากเชือ้ รา พิเทย่ี ม อะฟานิเดอรม์ าตมั (Pythium aphanidermatum) วิธปี ้องกนั ก้าจดั 1. ในช่วงเตรียมดินปลกู ควรมีการไถตากดินเพื่อทาลายเชอ้ื ราในดนิ อย่างน้อย 7 วัน และ ผสมเชอ้ื ราไตโครเดอร์มาลงไปรว่ มกับปยุ๋ คอก เพือ่ ป้องกนั เชอ้ื ราดว้ ย 2. ฉีดพน่ เชื้อราไตรโครเดอร์มา หรอื แบคทีเรยี บเี อส เพื่อปอ้ งกนั ทุกๆ 5-7 วัน
โรคใบจดุ สาเหตเุ กิดจากเชื้อราออเทอรน์ าเรยี (Alternariasp.) ลกั ษณะอาการ อาการทว่ั ๆ ไป จะเกดิ ขนึ้ บนใบโดยจะเกดิ แผลจุดสดี ้าหรือเทา บางครง้ั อาจพบวา่ ท่ขี อบแผลมสี ีน้าตาลแดงล้อมรอบอยู่ สีด้า หรอื เทาเขม้ ทเ่ี ห็น บนแผล การระบาดจะถูกพดั พาไปโดยลม น้า และสิง่ ท่ีเคลอื่ นไหวได้ทุก ชนิดท่ไี ปสมั ผสั ถูกต้องเขา้ การป้องกนั ก้าจัด 1. ปลูกพชื หมนุ เวยี น โดยใชพ้ ชื อนื่ ที่ไม่ใช่ถั่วปลูกสลบั หรือเลือกใช้เมล็ด พันธุ์ทส่ี ะอาดปราศจากโรค 2. ในชว่ งการเตรยี มดินปลกู ควรฉีดพน่ เชือ้ ราไตรโครเดอร์มาลงในดนิ 3. หากพบการระบาดให้ฉีดพ่นเชอ้ื ราไตรโครเดอร์มาทกุ ๆ 5-7 วนั
โรครานา้ ค้าง ( Downy Mildew) สาเหตุ เกดิ จากเช้อื รา พีโรโนสปอร์รา พาลาสติ ิกา (Peronospora parasitica) ลกั ษณะอาการ อาการเร่ิมแรกจะพบที่ใบล่าง โดยเกิดเปน็ จุดสีเหลืองหรือสีน้าตาลขนาดเลก็ แลว้ ขยายขนาดใหญ่ข้นึ เปน็ รูปเหลย่ี มอย่รู ะหว่างเสน้ ใบ นอกจากนีส้ ามารถตรวจสอบ บริเวณใตใ้ บโดยเฉพาะอย่างยง่ิ ในตอนเชา้ มืด จะปรากฏเสน้ ใยเช้อื ราสีขาว หรอื สี เทา ใบพชื จะแห้งตายแต่กา้ นใบจะชขู น้ึ ขอบใบมว้ น ใบจะรว่ ง การป้องกนั กาจัด 1. ฉีดพ่นเชือ้ ราไตรโครเดอร์มาเป็นระยะๆ เพ่ือป้องกันการระบาด ทุกๆ 5-7 วัน 2. ราน้าค้างจะพบมาในช่วงทอี่ ากาศชืน้ และเยน็ ดงั น้นั ในชว่ งอากาศดงั กลา่ ว ให้ ฉดี พน่ เชือ้ แบคทีเรยี บาซลิ ลสั ซบั ทริ สิ ทุกๆ 3-5 วัน 3. เมื่อเกบ็ เก่ียวผลผลิต ควรเก็บซากพชื ออกจากแปลงเพราะจะเปน็ แหล่งสะสมโรค 4.ควรสลบั หมุนเวยี นพืชปลกู บ้างเพ่อื หลีกเล่ียงการสะสมของโรค
แมลงที่สาคญั ของ ผักคะน้า
เพลย้ี ออ่ น ลักษณะการทาลาย จะเกาะติดเป็นกลมุ่ สดี าตามตน้ ใบ โดยดูดกินน้าเลีย้ ง ทาให้ชะงักการเจรญิ เตบิ โต มีมดเปน็ ตวั นาพามา จึงควรหาทางกาจัดมดไม่ใหเ้ ข้าไปในแปลงปลูก การปลูกบน ร่องที่มีน้าล้อมรอบ ไม่ควรให้ไมท้ อดสะพานติดกบั รอ่ ง เพราะมดจะใชเ้ ป็นทางเดิน นาเพลีย้ อ่อนเข้ามายังต้นผกั คะน้า การป้องกนั และกาจัด 1. หมน่ั สารวจว่ามีการระบาดของเพล้ียอ่อนหรือไม่ หากพบ ให้เกบ็ ทาลาย และ ฉดี พน่ เช้อื ราบวิ เวอรเ์ รีย หรือสารสกัดยาสูบ ผสมกบั น้ายาลา้ งจานหรือสารจับ ใบเล็กน้อย ทกุ ๆ 3-7 วัน ควรฉดี พน่ ในชว่ งเย็น 2. อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติของเพลีย้ ออ่ น คอื ดว้ งเต่า จะชว่ ยควบคมุ ปรมิ าณของ เพล้ยี อ่อนไมใ่ หเ้ กดิ การระบาดมากเกนิ ด้วงเตา่
เพลย้ี ไฟ ลกั ษณะการทาลาย ตัวอ่อนและตัวเตม็ วัยทาลายสว่ นตา่ งๆของพืช โดยการดดู น้าเลยี้ งจากเซลล์พชื ทาให้บริเวณท่ี ถูกดดู มีลักษณะอาการแตกตา่ งกัน เช่นการแตก ยอดจะทาใหช้ ะงกั การเจรญิ เตบิ โตยอดออ่ น แคระแกรน็ เติบโตช้า พชื อ่อนแอ และทาใหใ้ บ ลาต้น แหง้ ตายได้ การระบาด มักพบเสมอในช่วงฤดรู อ้ นหรอื ช่วงที่มอี ากาศแห้งแลง้ ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน การปอ้ งกันกาจดั 1. ฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอรเ์ รยี 60-80 กรมั /น้า20 ลิตร ทกุ ๆ 5-7 วนั สลับ กับฉีดพ่นสารสกัดใบยาสูบ อตั รา 50-100 ซซี ี/น้า 20 ลิตร ช่วงเยน็ 2. เพ่ิมการใหน้ ้าให้ผักคะน้า ในชว่ งอากาศร้อนในตอนกลางวันชว่ ยลดการระบาด ได้ 3. ใช้กับดกั กาวเหนียว เปน็ หนึ่งวธิ ีท่ีช่วยลดจานวนประชากรแมลงในแปลงผัก และสามารถชว่ ยลดความรนุ แรงของการระบาดของแมลงได้
ด้วงหมัดผัก หรือกระเจา๊ ลกั ษณะการทาลาย ดว้ งหมัดผกั เป็นแมลงปีกแข็งชนดิ เดียวที่เปน็ ศัตรสู าคญั ของผกั คะน้า ตวั แก่กัดกินใบจน พรุนทาความเสียหายให้ไดใ้ นระยะกาลัง เจริญเตบิ โต ตัวอ่อนที่เปน็ ตัวหนอนชอบ กัดกนิ รากพืช บางครง้ั เกิดระบาดในแปลง กล้าก็ทาความเสยี หายใหไ้ ด้ ด้วงหมดั ชอบทาลายโดยตัวแกก่ ัดกินใบและตัวหนอน กัดกินรากและหัว การป้องกันกาจัด 1. การไถตากดนิ ในฤดูแล้ง จะช่วยทาลายตวั อ่อนหรือดกั แด้ทอ่ี ยใู่ นดิน 2. ระยะใข่ ฉีดพ่นดว้ ย\"บวิ วาเรยี +เมธาไรเซียม \" อัตรา 50-100 กรมั ตอ่ นา้ 20 ลิตร ทกุ 3 วนั ชว่ งเชา้ หรอื เย็น และฉดี ลงดินดว้ ย 3. ระยะหนอน : บีที จะชว่ ยกาจัดหนอนของดว้ งหมัดกระโดดไดแ้ ละบีที สามารถ กาจัดหนอนได้ทุกชนิด หมดั กระโดดไดด้ ้วย 4. ฉดี พ่นไสเ้ ดือนฝอยกาจัดแมลง สัปดาหล์ ะคร้งั หรอื มีการระบาดหนกั ทกุ ๆ 3-5 วนั /ครง้ั 5. ใช้กับดักกาวเหนียว เปน็ หน่งึ วิธที ีช่ ่วยลดจานวนประชากรแมลงในแปลงผกั และ สามารถชว่ ยลดความรนุ แรงของการระบาดของแมลงได้
หนอนคบื กนิ ใบ ลักษณะทาลาย หนอนคบื กินใบเปน็ แมลงศัตรทู ที่ าความเสยี หายตอ่ ผกั ตระกลู กะหลา่ ไดห้ ลาย ชนิด เปน็ หนอนขนาดกลางกินจุ ในระยะแรกตวั หนอนจะกดั กินทผี่ ิวใบ เม่ือ ตัวหนอนโตข้ึนจะกัดกนิ ใบทาใหเ้ ปน็ รอยแหว่งเหลอื แตก่ ้านใบ แมลงชนิดน้ีจะ ทาลาย โดยกัดกินใบเป็นสว่ นใหญ่และการทาลายเป็นไปอยา่ งรวดเร็ว การป้องกนั กาจัด 1. ฉีดพ่นเชอื้ ราบวิ เวอรเ์ รยี อตั รา 60-80 กรัม/นา้ 20 ลิตร 2. ใช้เชอ้ื ราแบคทเี รยี บที ี (BT)อตั รา 60-80 กรมั ต่อน้า 20 ลติ ร ผสม สารจบั ใบฉีดพน่ เวลาเย็น สลบั กับฉีดพน่ สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอน ตายอยาก โดยฉดี พน่ ในชว่ งเยน็ 3. ฉีดพ่นไส้เดือนฝอยกาจดั แมลงอตั รา 1 ภาชนะบรรจุ/ น้า 10 ลติ รฉดี พ่นชว่ งเยน็ 4. ควบคุมปริมาณของตัวแมผ่ ีเส้ือ โดยฉีดพน่ สารสกดั ขม้ินชัน บอระเพ็ด สาบเสือ ในช่วงเยน็ เพ่อื ขับไล่ ป้องกันการวางไข่
หนอนกระทูห้ อม (หนอนหลอดหอม หนอนหอม หนอนหนังเหนยี ว) ลกั ษณะการทาลาย ตัวเตม็ วัยเปน็ แมลงจาพวกผีเสอ้ื กลางคืนขนาดเล็ก แม่ผเี สือ้ วางไข่เปน็ กล่มุ สขี าว เม่ือหนอนฟกั จากไข่ ใหมๆ่ จะรวมกลุ่มกนั แทะกนิ ผิวใบพชื ในระยะต่อ มาจะเรม่ิ ทาลายยอดรุนแรงมาก สามารถกดั กินใบ กา้ น ดอก หัวไดท้ ุกสว่ น ทาความเสยี หายใหก้ บั พืชมาก มักระบาดท่ัวไปตลอดปีไมจ่ ากัดฤดกู าลปลกู การป้องกนั กาจดั 1. ฉีดพ่นเช้ือแบคทเี รยี บที ี ทกุ ๆ 5-7 วัน สลบั กบั ฉดี พ่น สารสกดั สะเดา ยาสูบ หนอนตายอยาก โดยฉดี พ่นในชว่ งเย็น 2. ควบคมุ ปรมิ าณของตัวแม่ผเี ส้ือ โดยฉีดพ่น สารสกัดขมิน้ ชนั บอระเพด็ สาบเสือ ในชว่ งเย็นเพอ่ื ขบั ไล่ ปอ้ งกนั การวางไข่ 3. ฉดี พน่ ไส้เดอื นฝอยกาจัดแมลง อตั รา 1 ภาชนะบรรจุ/นา้ 10 ลติ ร ฉดี พน่ ทกุ ๆ 7 วันครัง้ 4. ใชเ้ ชื้อราเมธาไรเซียมฉีดพน่ กาจัดตัวหนอนแมลง
หนอนกระทู้ผกั ลกั ษณะการทาลาย ผเี สอื้ ตวั เมียจะวางไขเ่ ปน็ กลุ่มคลุมดว้ ย ขนสนี า้ ตาลอ่อน 3-4 วัน ฟักออก เปน็ ตัวหนอน เมื่อฟกั ออกจากไข่ใหมๆ่ จะรวมกลมุ่ กดั กินผิวใบพชื เมอื่ โตข้ึนจะ กระจายตวั ออกไป กดั กินใบ กลีบเลี้ยง และดอก เปน็ รเู ว้าแหว่ง ซง่ึ ระบาดในพชื หลายชนิด การป้องกันกาจดั 1. หนอนกระทู้ผักสามารถป้องกนั จากัดไดไ้ มย่ าก เมื่อพบกลุ่มไข่หรือหนอนที่ฟกั ออกจากไข่ควรเกบ็ ทาลาย หากปลอ่ ยใหห้ นอนโตจนหนอนจะแยกย้ายหลบซอ่ น ตวั กัดกนิ เจาะเปน็ รูสึก ในใบ ดอก และฝัก 2. ฉดี พน่ เชือ้ แบคทเี รีย บที ี ทกุ ๆ 5-7 วัน สลบั กบั ฉดี พน่ สารสกัด สะเดา ยาสบู หนอนตายอยาก โดยฉดี พน่ ในช่วงเยน็ 3.ควบคุมปรมิ าณของตัวแมผ่ เี สอ้ื โดยฉดี พน่ สารสกดั ขมิ้นชัน บอระเพด็ สาบเสอื ในช่วงเย็นเพ่อื ขบั ไล่ ปอ้ งกนั การวางไข่ 4. ฉีดพน่ ไสเ้ ดือนฝอยกาจดั แมลง อตั รา 1 ภาชนะบรรจุ/น้า 10 ลติ รฉดี พ่น ทกุ ๆ 7 วันครัง้
หนอนใยผกั ลักษณะการทาลาย หนอนใยผกั เมอื่ ฟกั ออกมาจากไข่ใหม่ๆ ตัวหนอนจะแทะกินผิวใบด้านล่างเปน็ วงกวา้ ง และมักทง้ิ ผิวใบดา้ นบนซง่ึ มีลักษณะโปรง่ แสงเอาไว้หากมีการระบาดรนุ แรงหนอนใยผกั จะกดั กนิ ใบจนเปน็ รูพรนุ เหลือแต่ก้านใบ หรอื ถ้าเกดิ กับผักในระยะตน้ อ่อน หนอนจะ กดั ทาลายส่วนยอดจนชะงกั การเจริญเติบโต สาหรบั ผกั ในระยะที่ออกดอก ติดฝกั ดอก และฝกั อาจถูกทาลายหมดไปได้ การปอ้ งกนั กาจดั 1. การปลูกพชื หมุนเวยี น จะชว่ ยตดั วงจรชีวิตของหนอนใยผัก ไม่ควรปลูกพืชซา้ ๆ ชนดิ เดิมๆ ตลอดปี 2. ใชเ้ ชอื้ ราเมธาไรเซียมกาจดั ตวั หนอนแมลง อตั รา 50กรัม/นา้ 20ลติ ร 3. ใช้เชอื้ ราแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis (BT) อตั รา 60-80 ซีซี. ต่อนา้ 20 ลติ ร ผสมสารจบั ใบฉดี พ่นเวลาเยน็ 4. ใช้สารสกดั จากสมุนไพรกาจดั แมลง เช่น นา้ หมกั ยาสบู น้าหมักจากบอระเพด็ 5. ใช้ไสเ้ ดอื นฝอยกาจัดแมลง อตั รา 1 ภาชนะบรรจุ/น้า 10 ลติ ร ฉีดพ่นในช่วงเยน็ 6. ใชก้ บั ดักกาวเหนียวหรือกับดักแสงไฟ กาจดั ผเี สื้อตัวแม่ เพือ่ ลดจานวนตวั ลกู
การเกบ็ เกยี่ วผลผลติ อายกุ ารเก็บเกี่ยวของคะนา้ อย่ทู ่ปี ระมาณ 45 -55 วันหลงั ปลูก คะนา้ ท่ีตลาด ต้องการมากที่สดุ คอื คะน้าทม่ี ีอายุ 45 วนั และคะน้าท่ีมีอายุ 45–55 วัน เปน็ ระยะทเ่ี กบ็ เก่ียวได้นา้ หนักมากกวา่ วิธีการเก็บเกี่ยวคะนา้ ให้ท้าไดด้ งั นี้ 1. ใช้มดี คมๆ ตัดต้นคะน้าใหช้ ิดโคนต้น 2. ตัดคะนา้ ใหเ้ ปน็ หน้ากระดานไปตลอดทงั้ แปลง 3. หลังตัดคะน้าแล้วบางแห่งมดั ดว้ ยเชอื กกลว้ ยมัดละ 5 กโิ ลกรัม บางแหง่ ก็ บรรจุเขง่ หรือถงุ แล้วแตค่ วามสะดวกในการขนสง่ การเกบ็ เกีย่ วคะนา้ ใหไ้ ดค้ ณุ ภาพดี รสชาติดี และสะอาด ควรปฏบิ ัตดิ งั น้ี 1. เกบ็ ในเวลาเชา้ ดกี วา่ เวลาบ่าย 2. ใช้มีดเล็กๆตัด อยา่ เก็บหรือเดด็ ด้วยมือ 3. อย่าปล่อยใหผ้ กั มอี ายมุ ากหรือแก่เกนิ ไป 4. หลงั เก็บเกี่ยวเสร็จควรนาผกั เขา้ ท่ีรม่ วางในทโ่ี ปร่งและอากาศเยน็ 5. ภาชนะทบ่ี รรจผุ กั ควรสะอาด
การปลูกผกั ชอี นิ ทรยี ์
การเตรยี มดนิ แปลงปลูกอาจเตรยี มแบบยกรอ่ งจนมคี ูนา้ ลอ้ มรอบแบบยกร่องธรรมดาหรือปลกู ในแปลง โดยการไถพรวนแลว้ โรยเปน็ แถว ผกั ชเี ป็นผักทม่ี รี ะบบรากตน้ื การ เตรียมดินปลูกผักชีกป็ ฏิบตั ิ เช่นเดยี วกับการปลกู ผักอน่ื ๆ ทวั่ ไป โดยขุดหรือไถ พลิกดินลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ตากดนิ ไว้ 5-7 วนั เพอ่ื ฆ่าเชือ้ โรค และวชั พชื ต่างๆ แลว้ พรวนย่อยดนิ ให้แตกเปน็ กอ้ นเลก็ ใสป่ ยุ๋ คอกหรอื ป๋ยุ หมกั ใหม้ าก คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กับดินและปรบั หน้าดินให้เสมอ การเตรยี มเมลด็ พนั ธุ์ ผกั ชเี ป็นพชื ที่ขยายพนั ธด์ุ ว้ ยการใช้เมล็ด ดังนน้ั กอ่ นท่จี ะปลูกต้องเตรยี มเมลด็ พนั ธใ์ุ ห้พรอ้ ม โดยการนาผลมาบดให้แตกสองซกี แลว้ นาไปแชน่ า้ ประมาณ 2-3 ชวั่ โมง แล้วเอาขึ้นมาผ่งึ ลมให้แห้ง
วิธีการปลกู กอ่ นปลกู ต้องรดนา้ ให้ท่ัวแปลงนาเมล็ดทีเ่ ตรียมไวม้ าหวา่ นลงบนแปลงปลกู ท่ไี ด้ เตรยี มไว้ กลบดว้ ยดนิ ละเอยี ดบางๆ แลว้ คลุกดว้ ยฟางหรอื หญ้าแหง้ อกี ชัน้ หนึ่ง เพือ่ ปอ้ งกันต้นอ่อนจากแสงแดดและรกั ษาความช้ืนของผวิ ดนิ หรอื จะปลกู โดยใช้วธิ ี โรยเปน็ แถวบนแปลง ให้แต่ละแถวห่างกัน 20-30 เซนติเมตร แลว้ ทาการถอน แยกให้เหลือระยะระหว่างต้นประมาณ 10-20 เซนติเมตร หลงั จากหว่านเสรจ็ แล้วต้องรดนา้ ให้ชุ่ม อัตราการใชเ้ มลด็ พนั ธปุ์ ระมาณ20 ลติ รต่อไร่ อัตราการใช้ เมล็ดพนั ธุ์จะมากขึ้นหรือน้อยลงกว่าน้ีขึน้ อยกู่ บั ความอดุ มสมบูรณข์ องดนิ ฤดูกาล และเปอร์เซน็ ต์ความงอกของเมล็ด หากดนิ มคี วามอุดมสมบรู ณ์ดีจะใชเ้ มลด็ พันธุ์ น้อยลง เพราะผักชสี ามารถเจรญิ เติบโตได้ดีและรอดตายไดม้ าก ควรใสป่ ุย๋ คอก ปยุ๋ หมัก ทกุ ๆ 15 วนั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115