ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 1 ปกรณว เิ ศษชอ่ื วสิ ทุ ธมิ รรค ภาค ๒ อนุสสติกมั มฐานนิเทส มรณสติ บัดน้ี ภาวนานิเทสแหง มรณสติ (อันทานจัดไว) ถดั จาก เทวตานสุ สติน้ี ถงึ แลวโดยลาํ ดับ ความขาดแหง ชวี ิติทรยี ท่เี น่ืองอยกู บั ภพอันหน่งึ * ชื่อวา มรณะ ในคาํ วา มรณสตนิ นั้ สว นวา สมจุ เฉทมรณะ กลาวคือความขาดเด็ดแหง วฏั ฏทุกขข องพระอรหันตท ั้งหลายก็ดี ขณกิ มรณะ อันไดแกค วามดบั ในขณะ ๆ แหง สังขารทั้งหลายกด็ ี สมั มตมิ รณะ (อนั ได) ในคําของ ชาวโลกวา ตนไมตาย โลหะตาย เปนตนกด็ ี น้ันใด มรณะนนั้ ทานมไิ ดป ระสงคเอาในคําวามรณสตินี้ สว นมรณะท่ที านประสงคเอา นัน้ มี ๒ อยาง คอื กาลมรณะ อกาลมรณะ ในมรณะ ๒ อยา ง นั้น กาลมรณะ ยอมมเี พราะส้ินบุญบาง เพราะสิ้นอายุบาง เพราะ สิน้ ทัง้ สองอยา งบา ง อกาลมรณะ ยอมมีดว ยอาํ นาจกรรมอันเขาไปตดั (ชนก) กรรม ในมรณะเหลานน้ั มรณะใด แมเมื่อความถึงพรอม * ปาฐะในวิสทุ ธมิ รรคพิมพไวเ ปน เอกภาว. . . .ผิด ทีถ่ กู เปน เอกภว. . .
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 2 แหงปจ จยั อันเปนเครอื่ งยังอายุใหส บื ตอ ไปยังมีอยู แตก ม็ ขี ึน้ ได เพราะ ความทีก่ รรมอันกอ ปฏสิ นธิ มวี บิ ากสกุ งอมส้นิ เชงิ แลว นี้ ชอ่ื วา มรณะ เพราะส้ินบุญ๑ มรณะใดมขี ้ึนดวยอํานาจความสิ้นแหงอายุ ดังอายุ อันมปี ระมาณสก ๑๐๐ ปของคนทกุ วันน้ี เพราะความไมม สี มบัติ เชน คติ กาล และอาหารเปน ตน น้ีชอ่ื วามรณะเพราะสิ้นอายุ สวน มรณะใดยอ มมแี กบคุ คลทงั้ หลายผูมีปจจยั เครอ่ื งสบื ตอ (แหง อายุ) ถูก กรรมท่ีสามารถยงั สัตวใหเ คล่ือนจากฐานะ (ที่เปนอย)ู ไดท นั ที เขา มาตดั เอา ดุจคนบาปทั้งหลายมีพญาทสุ มิ าร และพญากลาพเุ ปน ตน กด็ ี แกบ ุคคลทง้ั หลายผมู ปี จจัยเคร่ืองทสุ มิ าร และพญากลาพเุ ปนตน ดว ยอุปก กมะ (ความทาํ รา ย) มกี ารใชศ สั ตราเปนตน ดวยอาํ นาจ แหง กรรมทที่ ําไวใ นปางกอนกด็ ๒ี มรณะนช้ี ือ่ วา อกาลมรณะ มรณะ ทง้ั หมดนัน้ (ลวน) สงเคราะหเ ขาดวยความขาดแหงชวี ติ นิ ทรีย มี ประการดงั กลา วแลว ความระลึกถึงความตาย กลา วคือความขาดแหง ชวี ิตินทรีย ดงั กลา วมาน้ีแล ชอื่ มรณสติ [วธิ ีเจรญิ มรณสติ] พระโยคาวจรผใู ครจ ะเจริญมรณสตนิ ัน้ พึงเปน ผูไปในที่ลับ ๑. มหาฎกี าวา มรณะเพราะสนิ้ บญุ น้ี ทา นกลาวสําหรบั สมบตั ิภพ คอื ภพดี ถา กลาวสําหรับวิบัตภิ พ คือภพเลว ก็ตอ งวา มรณะเพราะส้ินบาป หมายความวา ส้นิ บญุ ตายก็มี ส้ินบาปตายก็มี ๒. นยั แรกหมายถงึ กรรมหนกั ทีท่ ําในปจ จบุ ัน นยั หลังเปน บรุ มิ กรรม แตก็นับเปน อปุ จเฉทกรรม ทั้งคู (?)
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 3 (คน) เรน อยู (ในเสนาสนะอนั สมควร) แลว ยงั มนสกิ ารใหเปน ไป โดยแยบคายวา \"มรณ ภวิสฺสติ ชีวติ นิ ทฺ รฺ ิย อปุ จฺฉชิ ชฺ ิสสฺ ติ ความตายจกั มี ชีวิตินทรียจกั ขาด\" ดังน้ี หรอื วา \"มรณ มรณ ตาย ตาย\" ดังนก้ี ไ็ ด เพราะเมอ่ื ยังมนสิการใหเ ปน ไปโดยไมแ ยบคาย ความโศกจะเกิดขนึ้ ในเพราะไประลกึ ถงึ ความตายของอฏิ ฐชน (คนรกั ) เขา ดจุ ความโศกเกดิ แกมารดาผใู หกาํ เนิดในเพราะไประลกึ ถึงความ ตายของบุตรท่รี กั เขา ฉะนั้น ความปราโมชจะเกดิ ข้ึน ในเพราะระลกึ ถึง ความตายของอนฏิ ฐชน (คนเกลียด) ดุจความบนั เทิงใจเกดิ ขนึ้ แกค น ทีม่ ีเวรกันทัง้ หลาย ในเพราะระลึกถึงความตายของเวรีชน (คนเปน เวรกัน) ฉะนน้ั ความสังเวชจะไมเกิดขนึ้ ในเพราะระลึกถึงความตาย ของมัชฌัตตชน (คนท่ีเปน กลาง ๆ) ดุจความสลดใจไมเ กดิ ขึ้นแก สัปเหรอ ในเพราะเห็นซากคนตายฉะน้นั ความสะดงุ กลวั เกิดขน้ึ แก คนชาตขิ ลาด เพราะเห็นเพชฌฆาตผเู งอื้ ดาบ (จะฟนเอา) ฉะน้ัน ความเกิดขึ้นแหง ความโศกเปน ตนนัน้ ทั้งหมดนั่น ยอมมีแกบคุ คลผไู ร สติ และสังเวคะ และญาณ เพราะเหตุน้ัน พระโยคาวจรพึงดูสัตว ท่ถี ูกฆาและทตี่ าย (เอง) ในท่นี น้ั ๆ แลวคาํ นึงถึงความตายของพวก สัตวท่ีตายซ่ึง (มัน) มสี มบตั ิ (คือความพรอมมลู ตา ง ๆ) ที่ตนเคย เห็นมา ประกอบสติ และสังเวคะ และญาณเขา ยังมนสกิ ารใหเปน ไปโดยนยั วา \"มรณ ภวสิ ฺสติ ความตายจกั ม\"ี ดังนี้ เปน ตนเถดิ ดว ยวา เม่ือ (ยงั มนสกิ าร) ใหเปนไปอยางน้นั จดั วาใหเปน ไปโดย
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 4 แยบคาย หมายความวา ใหเ ปน ไปโดยอบุ าย (คอื ถกู ทาง) จรงิ อยู สําหรบั พระโยคาวจรลางทาน (ท่ีอนิ ทรียกลา) ยงั มนสกิ ารใหเ ปนไป อยา งนั้นเทาน้ันแหละ นวี รณท ง้ั หลายจะรํางบั ลง สตอิ ันมคี วามตาย เปน อารมณจะตง้ั มั่น กรรมฐานถึงอปุ จารทเี ดียวก็เปน ได [ผูอนิ ทรียอ อนพงึ ระลึกโดยอาการ ๘] แตสาํ หรบั พระโยคาวจรผใู ด ดวยมนสกิ ารเพียงเทาน้ี กรรมฐาน ยังไมเปน (อยา งนนั้ ) พระโยคาวจรผนู ั้น พงึ ระลกึ ถึงความตายโดย อาการ ๘ น้ี คอื วธกปจจฺ ุปฏบ านโต โดยปรากฏดุจเพชฌฆาต สมปฺ ตฺติวปิ ตฺติโต โดยวบิ ตั ิแหงสมบัติ อปุ สห รณโต โดยเปรยี บเทียบ กายพหสุ าธารณโต โดยรา งกายเปน สาธารณแกส ตั ว และปจ จัยแหงความตายมากชนดิ อายุทพุ พฺ ลโต โดยอายเุ ปนของออนแอ อนมิ ิตฺตโต โดยชวี ิตไมม ีนิมติ อทธฺ านปรจิ เฺ ฉทโต โดยชวี ติ มีกาํ หนดกาล ขณปรติ ฺตโต โดยชวี ติ มีขณะสน้ั [อธิบายอาการท่ี ๑ - วธกปจจฺ ุปฏานโต] ใน ๘ บทนน้ั บทวา วธกปจฺจปุ ฏ านโต แปลวา โดยปรากฏ (แหงความตาย) ดจุ เพชฌฆาต ความวา พระโยคาวจรพึงระลึกวา
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 5 เพชฌฆาตคิดวา จักตัดศีรษะคนผนู ี้ ถอื ดาบจอท่ีคอ ยืนประชดิ ตัวอยู ฉันใด แมความตายก็ปรากฏฉันน้ันเหมือนกนั ถามวา เพราะอะไร ตอบวา เพราะมันมาพรอ มกับความเกดิ และเพราะมันคราเอาชีวติ ไป อปุ มาเหมอื นดอกเห็ด* ยอมพาเอาฝุนตดิ ตัวข้ึนมาดวยฉันใด สตั ว ท้งั หลายก็พาเอาความแกและความตายเกิดมาดวยฉันนั้น จรงิ อยางนน้ั ปฏสิ นธิจิตของสตั วเหลา นั้นกถ็ งึ ซ่งึ ความแกใ นลําดับแหงความเกดิ ขน้ึ นัน้ เอง แลวกแ็ ตก (ดบั ) ไปพรอมกับสัมปยุตขันธท้ังหลาย ดงั ศิลา ตกจากยอดเขาแตกไปฉะน้ัน (นวี่ า ดว ย) ขณิกมรณะมาพรอมกบั ความ เกิดกอน แตแมมรณะทท่ี า นประสงคเอาในมรณสตนิ ี้ กจ็ ัดวา มาพรอม กับความเกดิ เพราะความที่สตั วผ ูเกิดมาแลว ตองตายเปน แน เพราะ เหตุนน้ั อนั วาสัตวน น่ั จาํ เดิมแกกาลท่เี กิดแลว กบ็ ายหนาสคู วามตาย ไปไมก ลบั เลยแมสักนอ ยเดียว เปรียบดัง่ ดวงสุรยิ ะท่ีขน้ึ แลว ยอ มบา ย หนาสูความตกไปทา เดยี ว มิไดก ลับแตท ่ี ๆ ไป ๆ แลว แมสกั หนอย หน่ึง หรือมฉิ ะนั้น เหมอื นลาํ ธารทไ่ี หลลงจากภเู ขา มกี ระแสเช่ียว พดั พาเอาส่ิงทมี่ นั จะพาไปไดไ หลรุดไปทาเดียว มิได (ไหล) กลับ แมส ักนิดฉะนน้ั เพราะฉะนัน้ พระอโยฆรกุมารโพธสิ ตั วจึงกลาววา * ปาฐะในฉบบั วสิ ทุ ธิมรรคเปน อหิจฉฺ ตฺตก มกลุ แตในมหาฎีกาเปน อหิจฉฺ ตฺตกมกลุ เหน็ วา ปาฐะหลงั นเ้ี ขาทกี วา เพราะถา แยกอยา งปาฐะแรกจะตอ งแปลวา \"เหด็ ตูม\" ไมเ ขา กบั ความ ในประโยค ซงึ่ มไิ ดม ุงจะพดู ถึงเห็ดตูมเหด็ บาน แตมุงจะพูดถึงเหด็ ท่ขี น้ึ จากดนิ พาเอาดนิ ตดิ หัว ข้ึนมาดว ย จึงเหมาะท่ีจะเปน อหจิ ฺฉตตฺ กมกลุ ซึง่ แปลไดว า \"ดอกเหด็ \" ขึ้นชือ่ วา ดอกเหด็ แร ข้นึ จากดนิ มนั ก็ตมู กอนท้ังน้ัน แลวจึงไดบ านภายหลงั
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 6 \"สตั วเผามนษุ ย (เขา) อยใู นครรภ ในตอน กลางคนื ๆ หนงึ่ ในขณะแรก (ปฏิสนธ)ิ ใด (จําเดิมแตข ณะแรกน้ันไป) สตั วผผู ุดเกดิ เปนตวั แลวก็บายหนา ไปทเี ดยี ว เขาไปเรอ่ื ย ไม กลบั \"๑ ดงั น้ี อนึง่ เมอื่ สัตวน ้นั (บายหนา ) ไปอยอู ยา งน้ัน ความตายยอม ใกลเ ขามาทุกที ดจุ ความแหงไปแหง (น้าํ ใน) ลําน้ํานอ ยท้งั หลาย ทถ่ี ูกแดดในฤดรู อ นแผดเผา ดจุ ความหลนแหงผลไมท้ังหลายท่ีมีข้ัวอนั รสอาโปซาบแลว ๒ ในตอนเชา ดุจความแตกแหงภาชนะดินทั้งหลายทส่ี ุด ทุบดว ยกอ น และดุจความเหือดหายไปแหง หยาดนํ้าคา งทง้ั หลายท่รี ศั มี ดวงอาทิตยต องเอาฉะนน้ั เหตนุ น้ั พระผูมพี ระภาคเจาจึงตรัส ( ๓ คาถาแรก และพระโพธสิ ัตวกลาวคาถาที่ ๔) วา วนั และคนื ลวงไป ชวี ติ ใกลด ับเขา ไป อายุของ สัตวทั้งหลาย (คอ ย) สินไป ดงั นแี้ หง ลาํ นาํ้ นอย (คอย) แหง ไปฉะน้ัน ภยั แตค วามตาย ยอมมีเปน เที่ยงแทแ กสตั ว ทงั้ หลายผูเ กดิ มาแลว ดจุ ภัยแตค วามหลน ในเวลา เชา ยอ มมีแกผ ลไมท ั้งหลายท่ีสุกแลว ฉะนัน้ เหมอื นอยางภาชนะดนิ ท่ชี า งหมอ ทําขนึ้ แลว ท้ัง ๑. ข.ุ ชา. วสี ติ. ๒๗/๔๖๙ ๒. นาจะวาอนั รสอาโปซาบไมถงึ ถา เชนนั้น ปาฐะกค็ วรจะเปน วา อาโปรสานนคุ ต. . .
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 7 เล็กทัง้ ใหญ ทัง้ สกุ ทง้ั ดบิ ลว นมคี วามแตกเปน ทส่ี ุด ฉนั ใด ชวี ติ ของสตั วท งั้ หลายก็เปนฉนั นนั้ นา้ํ คางที่ยอดหญา เพราะดวงอาทติ ยขึน้ มา๑ ก็ เหอื ดไปฉันใด อายขุ องมนุษยท ัง้ หลายกเ็ ปน ฉันนัน้ ขาแตแ ม ขอแมอ ยา หามขา ฯ (บวช) เลย๒\" ดังน้ี มรณะมาพรอมกบั ชาติดจุ เพชฌฆาตท่ีเงอื้ ดาบอยฉู ะน้ี อนึ่งมรณะ นน้ี ัน้ ยอมคราเอาชีวติ ไปทา เดียว ครนั้ คราเอาไปแลว กม็ ไิ ด (ปลอ ย) ใหก ลับ ดุจเพชฌฆาตนนั้ จอดาบที่คอ (จะฟนลงเปน แน) ฉะนัน้ เพราะเหตนุ ้ัน มรณะจึงชอ่ื วาปรากฏดจุ เพชฌฆาตผูเ งื้อดาบ เพราะมา พรอ มกบั ชาติ และเพราะคราเอาชีวติ ไปดวยประการหนงึ่ ดังน้ีแล พระโยคาวจรพึงระลึกถึงความตาย โดยอาการปรากฏดจุ เพชฌฆาต ดังกลา วมาฉะนี้ [อธิบายอาการที่ ๒ - สมปฺ ตฺติวิปตฺตโิ ต] บทวา สมปฺ ตตฺ ิวิปตฺตโิ ต (โดยวิบัติแหงสมบัต)ิ มีอธิบายวา อันสมบัติในโลกน้จี ะงดงามอยูไ ดกช็ ว่ั เวลาทว่ี ิบตั ยิ ังไมค รอบงํา และข้นึ ช่อื วา สมบัติท่จี ะลวงพนวิบัติรอดอยูได หามไี ม จรงิ อยางน้ัน ๑. อคุ คฺ มน มหาฎกี าแกเปน อุคคฺ มนนิมิตฺต ๒. คาถานเ้ี ปน คาถาเก็บผสม คอื คาถาท่ี ๑-อจฺจยนฺติ ฯ ป ฯ โอทก อยใู น ส. ส. ๑๕/๑๕๙ คาถาที่ ๒ ผลานมวิ ฯ เป ฯ มรณโต ภย อยใู น ข.ุ สุ. ๒๕/๔๔๗ คาถาท่ี ๓ ยถา หิ ฯ เป ฯ ชวี ติ อยูใน ที. มหา. ๑๐/๑๔๑ คาถาท่ี ๔ อสุ ฺสาโวว ฯเปฯ นิวารย อยใู น ข.ุ ชา. เอกาทสก. ๒๗/๓๑๖
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 8 แมพระเจาโศกผูท รงมีสุข ไดค รอบครองแผน ดนิ ส้ิน (ชมพทู วีป) จา ยพระราชทรพั ย (วนั ละ) ๑๐๐ โกฏิ ในบั้นปลาย (แหงพระชนมชพี ) ไดท รงครองความเปนใหญตอ มะขามปอ มครง่ึ ผล เทาน้นั ดว ยท้งั เรอื นรา ง (ของมหาราช) นนั้ แหละ คร้นั บญุ มาสนิ้ ไป พระองคก บ็ า ยพระพกั ตรต อ มรณะ ถึงซึ่งภาวะอันนาเศรา ไปฉะนี้ อกี นัยหน่ึง ความไมมีดรคแมท ง้ั ปวง ยอ มมคี วามเจบ็ ไขเปน ปริโยสาน ความเปน หนุมทัง้ ปวงมีความเปนปรโิ ยสาน ความเปน อยู ทงั้ ปวงมีความตายเปนปริโยสาน โลกสนั นวิ าสทงั้ ปวงทีเดียว ถกู ชาติ ติดตาม ถกู ชราไลตาม ถกู พยาธคิ รอบงาํ ถมู รณะทําลายลา ง เพราะเหตุน้ัน พระผมู พี ระภาคเจาจึงตรัสวา ภูเขาหนิ ใหญ (สูง) จดฟา กลงิ้ บด (สัตว) มาทงั้ สท่ี ศิ โดยรอบ (ไมเวน ใคร) ฉันใดกด็ ี ความแกและความตาย กฉ็ ันน้นั ยอมครอบงาํ สัตว ทัง้ หลาย คอื พวกกษตั ริย พวกพราหมณ พวก แพศย พวกศูทร พวกจัณฑาล และปกุ กสุ ะ (กรรมกรเทขยะ) ไมเวน ใคร ๆ บดขยห้ี มดทง้ั นนั้ ในความแกแ ละความตายนั้น (ชยั ) ภมู สิ ําหรบั พลชางไมมี สาํ หรบั พลมากไ็ มม ี สําหรบั พลรถก็ ไมม ี สาํ หรับพลราบกไ็ มมี และทง้ั ใคร ๆ ไมอ าจ
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 9 เอาชนะไดดว ยมันตยทุ ธ (การรบดว ยใชเ วทมนต) หรือดว ยทรัพย (สนิ บน) วิบตั คิ อื มรณะ เปน ปริโยสานแหงสมบัติคือชีวิต โดยนยั ดงั กลาว มาฉะน้ี พระโยคาวจรพึงเปน ผูกาํ หนดความที่ชีวิตมมี รณะเปนปรโิ ยสาน น้ัน ระลกึ ถงึ ความตาย โดยอาการวบิ ัติแหงสมบัตเิ ทอญ [อธบิ ายอาการที่ ๓ - อปุ สห รณโต] บทวา อุปสห รณโต คือโดย (นกึ ) เปรยี บเทยี บตนกบั คนอืน่ ๆ (ท่ตี ายแลว ) ในขอ นัน้ มีอธบิ ายวา พระโยคาวจรพึงระลกึ ถึงความตาย โดยเปรยี บเทยี บดวยอาการ ๗ คอื ยสมหตฺตโต โดยความมยี ศใหญ ปุ ฺมหตตฺ โต โดยความมบี ญุ มาก ถามมหตตฺ โต โดยความมเี รยี่ วแรงมาก อทิ ฺธมิ หตตฺ โต โดยความมีฤทธ์มิ าก ปฺามหตตฺ โต โดยความมีปญ ญามาก ปจเฺ จกพทุ ธฺโต โดยความเปนพระปจเจกพุทธะ สมฺมาสมพฺ ทุ ธโต โดยความเปน พระสมั มาสมั พทุ ธะ [ยสมหตฺตโต] ถามวา (พึงระลกึ โดยความมียศใหญ) อยางไร ? แกว า พึงระลกึ โดยความมยี ศใหญอยางน้ีวา \"อนั ความตายนี้ได ตกตอ งผองทา นผมู ยี ศใหญ (คอื ) ผูมบี ริวารมาก มที รัพยแ ละพาหนะ
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 10 พรอมพรงั่ แมกระทงั้ พระเจา มหาสมมต พระเจา มนั ธาตุ พระเจา- มหาสุทสั สนะ และพระเจา ทัฬหเนมิ มาแลวไมแคลวได กเ็ หตไุ ฉน มนั จักไมตกตอ งตวั เราเลา ทานผมู ยี ศใหญท ้ังหลาย แมเปนทาวพญาผู ประเสรฐิ เชน พระเจา มหาสมมต ทานยัง ประสพอาํ นาจจมฤตยู กลาวอะไรใจคนท้ังหลาย เชนเราเลา* ดงั นี้เปนประการแรก [ปฺุ มหตฺตโต] (พึงระลกึ ) โดยความมีบญุ มากอยา งไร ? พงึ ระลึกโดยความมี บญุ มากอยางน้วี า เศรษฐเี หลา น้คี อื โชตยิ ะ ชฏลิ ะ อุคคะ เมณฑกะ ปุณณกะ และคนอื่น ๆ ทีป่ รากฏวา เปนผูมบี ญุ มากในโลก ยังถงึ ซ่งึ ความตายไป ส้ิน กลา วอะไรในคนท้งั หลายเชนเราเลา [ถามมหตฺตโต] (พงึ ระลกึ ) โดยความมเี ร่ียวแรงมากอยางไร ? พึงระลึกโดย * เขา ใจวา ตง้ั แต อิท มรณ นาม จนถึง ยสมหตฺตโต อนสฺ สรติ พฺพ เปน ประโยคเดียวกนั คอื เปนประโยควิสัชนา อติ ิ ทายคาถาน้นั สรปุ เขาใน เอว ดงั น้แี ปลไวนน้ั แมในขอตอ ๆ ไป กเ็ ชนกนั
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 11 ความมเี รีย่ วแรงมากอยา งนวี้ า พระวาสุเทพ พระพลเทพ พระภีมเสน พระยธุ ฏิ ฐิละ แมห นุระ นกั มวยปล้ําใหญ ก็ (ตก) ไปสอู าํ นาจของความตาย (สน้ิ ) แลว แตบคุ คลเหลา นั้นผูเล่ืองชือ่ ในโลกวา เปนคน มีกาํ ลงั เรย่ี วแรงอยา งนี้ ก็ยังถงึ ซ่ึงความตาย กลาวอะไรในคนท้งั หลายเชนเราเลา [อทิ ธฺ มิ หตตฺ โต] (พึงระลึก) โดยความมีฤทธม์ิ ากอยา งไร ? พงึ ระลึกโดยความ มีฤทธิ์มากอยา งนีว้ า พระอคั รสาวกท่ี ๒ ใด ผไู ดช ่ือวา (มฤี ทธิ์) ประเสรฐิ สุดแหงผูม ฤี ทธท์ิ ง้ั หลาย (สามารถ) ยังไพชยนต (เทพปราสาท) ใหไ หวได ดว ย อวยั วะเพียงนว้ิ แมเทา แมพ ระอัครสาวกท่ี ๒ นนั้ ก็ยัง (ตก) เขา สูป ากของมฤตยอู ันนา สะพงึ กลัวไปพรอ มกบั ฤทธ์ทิ ง้ิ หลาย (ของทา น) ดง่ั มฤคเขา ปากสหี ะ กลา วอะไรในความทง้ั หลาย เชนเราเลา
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 12 [ปฺามาหตฺตโต] (พงึ ระลกึ ) โดยความมีปญ ญามากอยางไร ? พึงระลกึ โดยความ มีปญญามากอยา งนวี้ า ยกเวพ ระโลกนาถเจาแลว ก็สัตวท ง้ั หลาย อ่นื ใดมอี ยู สตั วเ หลา นัน้ (วา) โดยปญญา ยอม (มคี า ) ไมถงึ เสี้ยวท่ี ๑๖ แหง พระ สารบี ุตร๑ พระอคั รสาวกที่ ๑ ไดช อื่ วามปี ญญา มากอยา งน้ี ยงั ถงึ ซึ่งอาํ นาจของความตาย กลา ว อะไรคนทงั้ หลายเชนเราเลา [ปจฺเจกพุทฺธโต] (พึงระลึก) โดยความเปน พระปจเจกพทุ ธะอยางไร ? พึงระลึก โดยความเปนพระปจเจกพุทธะอยา งนีว้ า แมพุทธบคุ คลทั้งหลายเหลา- น้นั ใด ทําความย่าํ ยเี สยี ซึง่ ศตั รคู อื สรรพกิเลส ดว ยพละคือญาณและ วริ ิยะ๒ของตน ๆ (จน) ไดบ รรลปุ จเจกสมั โพธิเปน พระสยมั ภู (มี จริยา) เยยี่ งนอแรด แมพ ุทธบุคคลเหลา นัน้ กม็ ไิ ดพน ความตาย ก็ท่ไี หน ๑. นาคฺฆนฺติ ในทนี่ เี้ ปน กิริยาของสตั วด ังทแ่ี ปลไว แตในมหาฎกี าลขิ ิตไวเปน นาคฆฺ ติ แสดงวา เปนกริ ิยาของปญ ญา และแนะใหแปลวา ปญ ญาของสัตวเ หลา นน้ั มีคา ไมถ งึ เส้ยี วท่ี ๑๖ แหง ปญญาของทา นสารีบุตร ๒. ญาณ ไดแ กส ัมมาทิฏฐิ วริ ยิ ะ ไดแ กส ัมมาวายามะ ทานวาเม่อื องคท ้ังสองนี้สาํ เร็จแลว อรยิ มรรคยอมเปนอนั สําเรจ็ พรอ มท้ัง ๘ องค
ประโยค๘ - วสิ ุทธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 13 ตัวเราจักพนเลา ๑ พระมหาฤษีเหลา ใดอาศัย (จบั เอา) นมิ ติ น้ัน ๆ มาพิจารณาสอบสวนไป๒ (จน) ได บรรลุอาสวกั ขยั ดว ย (ลําพัง) ญาณอนั กลา (ของตน) เปนพระสยมั ภเู ปรียบเสมอดว ย นอแรด เพราะเทีย่ วไปและพกั อยผู เู ดยี ว แม พระมหาฤษเี หลานัน้ กห็ าลวงความตายไปได ไม กลา วอะไรในคนท้งั หลายเชน เราเลา [สมฺมาสมฺพุทธฺ โต] (พึงระลึก) โดยความเปนพระสมั มาสัมพทุ ธะอยางไร ? พงึ ระลึกโดยความเปนพระสัมมาสมั พทุ ธะอยางนี้วา แมพระผมู พี ระภาคเจา น้นั ใด มีพระรปู กายวิจติ รไปดวยมหาบรุ ษุ ลักษณะ ๓๒ มีอนพุ ยัญชนะ ๘๐ ประการประดับ มพี ระธรรมกายสมั ฤทธ์ดิ วยพระคณุ รัตนะ มี สลั ขันธอ นั บริสุทธ์ดิ วยอาการทง้ั ปวงเปน อาทิ ทรงถงึ ฝง (คอื ช้นั ยอด) แหงความมยี ศใหญ ความมีบุญมาก ความมกี ําลังมาก ความมีฤทธ์ิ มาก และความมีปญญามาก หาผเู สมอมิได ทรงเสมอกับผทู ีไ่ มมี ๑. อติ ศิ พั ทที มุ ฺจสิ ฺสามิ นา จะเกนิ เทยี บกบั ประโยคขา งตนท่ีแก ยสมหตตฺ โต ซง่ึ ดาํ เนนิ ความ นยั เดยี วกนั น ปตสิ สฺ ตริ กไ็ มม ี อิติ ๒. หมายความวา พระปจ เจกพทุ ธะนน้ั เกิดนอกพทุ ธกาล ไมไดฟง ธรรมพุทธโอวาทและคาํ สอน ใครอืน่ เลย แตเ พราะมบี ารมีญาณแกก ลาควรจะตรัสรไู ด ไดเ ห็นอะไรก็เก็บเอามาเปนนิมิต พิจารณา สอบสวนทบทวนไปจนเกดิ ยถาภตู ญาณทสั สนะปหานกเิ ลสได มหาฎกี าใหตวั อยางนิมติ ที่พระปจ เจกพทุ ธจบั มาคิดวา เชนเห็นความกระทบเสยี ดสกี นั แหง กําไลมอื ทส่ี วมไวห ลาย ๆ อนั
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 14 ใครเสมอ หาผเู ปรยี บมไิ ด หาคนเทียบมไิ ด เปนพระอรหันตตรัสรู เองโดยชอบ แมพ ระผมู พี ระภาคเจานั้นกย็ งั ทรงรํางับ (ดับขันธ) ไปโดยพลนั ๑ ดวยหยาดฝนมรณะ ดจุ กอบไฟใหญม อดไปดวยหยาดฝน นํ้าฉะนนั้ อันความตายนน้ั ใด (มนั ) แผอ าํ นาจมาถึงองค พระมหาฤษเี จาผทู รงอานุภาพใหญอ ยางนไ้ี ด โดยไมก ลัวโดยไมอาย๒ ไฉนเจาความตายน้นี ้ัน ซ่ึงไรค วามอายปราศจากความกลวั มุงแตจะ ยาํ่ ยสี ัตวท ุกถวนหนา จักไม (มา) ครอบงาํ เอาสตั วเ ชน เราเขาเลา เมือ่ พระโยคาวจรน้ัน เปรียบเทยี บตนกบั คนอ่ืน ๆ ผถู งึ พรอม ดวยความใหญมคี วามเปนผมู ยี ศใหญเ ปนตน โดยภาวะ คอื ความมี มรณะเสมอกนั อยา งนีแ้ ลว ระลกึ ไปวา \"ความตายจะตองมแี ตเราบา ง ดจุ มแี กส ัตววิเศษทั้งหลายเหลาน้ัน\" ดังน้ี กรรมฐานจะถงึ อปุ จารแล พระโยคาวจรพงึ ระลกึ ถึงความตายโดยเปรยี บเทยี บ ดว ยประการฉะน้ี ๑. านโส มหาฎีกาแกเ ปน ตขเณเยว แมใ นวิสทุ ธมิ รรคภาค ๒ นี้ หนา ๔๕ ศพั ท านโส อนฺตรธาเปติ ทานกไ็ ขไวว า ขเณเนว อนฺตรธาเปติ ทาํ ใหน ึกไปถึง านโส ในคําอนโุ มทนา ทกั ษิณานปุ ทาน คนื ทีฆรตฺต หติ ายสสฺ านโส อปุ กปฺปติ ซ่ึงแปลทับศพั ทก ันวา 'โดยฐานะ' ไมเขา ใจมานานแลว นนั้ กน็ า จะแปลวา \"โดยพลัน โดยทนั ท\"ี แบบเดยี วกนั นเ่ี อง เปน อัน พน แกงไปที ๒. ปาะ มรณวสมาคต ตัดบทวา มรณวส อาคต ถาแปลวา \"มาสอู าํ นาจความตาย\" ก็ตอง หากตั ตาวา ใครมา ซึง่ ในคาถาน้นั ไมมีศพั ททจ่ี ะเปน กตั ตาได ถาแปลวา \"อํานาจความตายมา-
ประโยค๘ - วสิ ุทธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 15 [อธิบายอาการท่ี ๔ - กายพหุสาธารณโต] บทวา กายพหสุ าธารณโต มอี ธบิ ายวา กายนเ้ี ปนสาธารณแก สตั วม ากชนดิ คือประการแรกกเ็ ปน สาธารณแกเหลา กมิ ชิ าติ ๘๐ จําพวก ในกิมชิ าตเิ หลา นน้ั จาํ พวกทเ่ี ปน สัตวอาศัยผวิ หนัง ก็กัดกนิ ผงิ หนงั จาํ พวกท่อี าศัยหนังก็กัดกนิ หนัง จาํ พวกทอี่ าศยั เน้ือก็กัดกินเน้ือ จําพวก ท่อี าศัยเอ็นก็กัดกินเอ็น จําพวกท่ีอาศยั กระดกู ก็กัดกนิ กระดูก จาํ พวกที่ อาศัยเย่ือ (ในกระดูก) กก็ ดั กนิ เยอ่ื มนั เกิด แก ตาย ถา ยอุจจาระ ปส สาวะอยใู นนนั้ เอง และรา งกายก็ (นับวา) เปนเรอื นคลอดดวย เปนโรงพยาบาลดวย เปน สุสานดว ย เปนสว มดวย เปน รางปส สาวะ ดว ย ของพวกมนั อนั วา รา งกายนี้นน้ั เพราะความกาํ เรบิ แหงกิมิชาติ แมเหลานัน้ ก็ถึงซึ่งความตายไดประการหนึง่ เปนแท อนง่ึ กายนเี้ ปนสาธารณแกเ หลา กิมิชาติ ๘๐ จาํ พวก ฉันใด ก็ ยอ มเปน สาธารณแกป จ จัยแหงความตาย ท้ังทเ่ี ปน ภายใน ไดแ กโ รค หลายรอยอยา งทเี ดยี ว ทงั้ ที่เปน ภายนอก ไดแ กส ตั วมีพิษ เชนงูและ แมลงปอง ฉนั นน้ั อุปมาดงั อาวุธทง้ั หลายมีลกู ศร หอกแทง หอกซัด และกอ นหนิ เปน ตน อนั ( บุคคลซดั ) มาแตท ิศท้งั ปวง (ประเด) ถงึ \" พอไปได แตเขา กบั น ภเยน น ลชชฺ าย ไมสนิท เพราะถา พดู วา \"ความตายนน้ั มนั ไมกลัวใคร ไมอายใคร\" อยา งน้ีฟง ไดส นทิ แตถาพดู วา \"อาํ นาจความตายไมอายไมก ลวั ใคร\" ฟง อยา งไรอยู ดวยเหตนุ ้จี งึ คดิ วา ปาฐะตรงนเ้ี ปน มรณ วสมาคต พิจารณาดใู นมหาฎีกา ก็ เขาใจวาจะเปน อยา งนน้ั เพราะทานยก วสมาคต มาแกวา \"วสมาคต อนุรูปคมนวเสนาติ อธปิ ฺปาโย แตค ร้ันฟง อธิบายของทา นแลว ก็ฉกุ คดิ ขึน้ มาวา ปาฐะ ถาเปน มรณ สมาคต ก็จะ แปลไดค วามงา ยดีดอกกระมงั
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 16 ตกลงทีเ่ ปา อนั เขาตงั้ ไว ณ สแี่ ยกถนนใหญ ฉันใด แมอ ุปท วะทั้งปวง ก็ (ประดัง) ตกลงมาท่ีรา งกาย ฉนั นั้น อนั วารา งกายนนี้ ั้น เพราะ ความ (ประดัง) ตกลงแหงอปุ ทวะเหลา นัน้ กถ็ งึ ซ่งึ ความตายได ประการหนง่ึ เหมอื นกนั เพราะเหตุนั้น พระผมู พี ระภาคเจาจงึ ตรสั ไว วา \"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี ครนั้ กลางวนั ผา นไป แลว กลางคืนยางเขามา ยอ มพจิ ารณาเห็นอยางนี้วา \"ปจ จยั แหง ความตายของเรามีมากนะ คอื งูพึงขบเอาเรากไ็ ด แมลงปองพงึ ตอด เอาเราก็ได จะขาบพึงกัดเอาเราก็ได เพราะปจจยั มงี ูขบเปนตนนนั้ กาลกิริยาพึงมแี กเ ราได ภาวะคือกาลกิริยานั้น พงึ เปนอันตรายแกเรา (อนึ่ง) เราพึงพลาดตก (เหว ? ) กไ็ ด ภัตรทเ่ี รากนิ แลวพงึ เกดิ เปน พษิ ก็ได น้ําดขี องเราพงึ กาํ เริบกไ็ ด เสมหะของเราพงึ กาํ เริบกไ็ ด ลม สัตถกะ (ตัดความสบื ตอแหง ชีวิต) ของเราพึงกาํ เรบิ ก็ได เพราะ ปจ จยั มพี ลาดตก (เหว) เปน ตนนนั้ กาลกริ ิยาพงึ มีแกเ ราได ภาวะ คือกาลกริ ิยานัน้ พึงเปนอันตรายแกเ รา\"๑ ดงั น้ี พระโยคาวจรพงึ ระลึกถึงความตาย โดยรา งกายเปนสาธารณแกส ัตวและปจจัยแหง ความ ตายมากชนิด โดยนยั ที่กลาวมาฉะนี้ [อธิบายอาการที่ ๕ - อายทุ พุ ฺพลโต] บทวา อายุทุพพลโต อธิบายวา อันอายนุ นั้ ไมแ ข็งแรงออนแอ๒ ๑. อง.ฺ อฏก. ๒๔/๓๓๑ ๒. ตรงนี้ปาฐะในวสิ ทุ ธมิ รรควา อายุ นาเมต อพล ทพุ พฺ ล นาจะเรยี ง ทฺพพฺ ล ไวห นา อพล เพราะทุพฺพล เปนศพั ทม ใี นบทตงั้ (อายทุ พุ ฺพลโต) อพลเปน บทไข หมายความวา ท.ุ อปุ สัค ในท่ีเชนนเ้ี ปน ภาวฏ - มอี รรถวา \"ไมม \"ี เชนเดยี วกับ ท.ุ ในบท ทสุ สฺ ีโล ทุปฺปฺโ
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 17 จรงิ อยา งนั้น ชีวิตของสัตวท้ังหลายผูกพนั อยูก ับลมหายใจเขาออก ๑ ผูกพันอยกู บั อริ ยิ าบถ ๑ ผูกพันอยูกับความเย็นความรอ น ๑ ผูกพัน อยกู บั มหาภูต ๑ ผูกพันอยกู บั อาหาร ๑ ชวี ิตน้ีน้ัน ไดค วามเปนไปสมาํ่ เสมอแหงลมหายใจเข และ ลมหายใจออกอยเู ทา นน้ั จึงเปน ไปได แตเ ม่อื ลมหายใจที่ออกไป ขางนอกแลวไมเ ขาขา งในก็ดี ทเ่ี ขาไปแลวไมอ อกกด็ ี บคุ คลกไ็ ดช ่อื วา ตาย อนง่ึ ชวี ิตน้นั ไดค วามเปนไปสมํา่ เสมอแหงอิริยาบถ ๔ อยู เทา น้ันจึงเปนไปได แตเ พราะอริ ิยาบถอยา งใดอยางหนึ่งเกินประมาณ ไปอยางใดอยา งหนึ่ง อายสุ งั ขารยอมขาด อนงึ่ ชวี ติ น้ันไดความเปน ไปพอสมควรแหงความเย็นและความ รอนเทานนั้ จึงเปน ไปได แตเมอื่ บุคคลถูกความเยน็ เกนิ ก็ดี ความรอ น เกินก็ดี ครอบงําเอา ยอ มวิบตั ิไป อนงึ่ ชวี ิตนน้ั ไดค วามเปน ไปสมํา่ เสมอแหงมหาภูต (คอื ธาตุ ๔) ทั้งหลายเทา นัน้ จงึ เปนไปได แตเ พราะปฐวีธาตุ หรอื ธาตุทเ่ี หลอื มีอาโปธาตเุ ปนตน อยางใดอยา งหนงึ่ กาํ เรบิ ไป บุคคลแมส มบรู ณ ดวยกําลัง ก็ (กลาย) เปนคนมีกายแข็งกระดา งไปบาง มีกายเนา เหมน็ เปรอะเปอ นดว ยอาํ นาจแหงโรคอติสาร (ลงแดง) เปนตนบา มีอาการรอนหนกั ไปหนา (คือรอ นไมล ด) บา ง ขอและเสน ขาดไป บาง ถงึ ส้นิ ชวี ติ อนง่ึ เมอ่ื บคุ คลไดก วฬิงการาหารในกาลอนั ควรเทานนั้ ชีวติ
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 18 จงึ เปน ไปได แตเมอื่ ไมไ ดอาหาร มันก็สนิ กนั แล พระโยคาวจรพงึ ระลึกถึงความตายโดยอายเุ ปนของออนแอ โดย นัยดังกลาวมาฉะน้ี [อธิบายอาการที่ ๖ - อนิมิตฺตโต] บทวา อนมิ ิตตฺ โต คือ โดยไมม กี าํ หนด หมายความวา โดยไมม ีขีดค่ัน จรงิ อยู ธรรม ๕ ประการนค้ี อื ชีวติ พยาธิ กาล สถาน ท่ีทอดรา ง และคติ ของสตั วทัง้ หลายในชีวโลก ไมม นี ิมติ รูไ มไ ด ในธรรม ๕ ประการนน้ั อันชวี ติ ชอ่ื วาไมมีนิมิต เพราะไมม ี กาํ หนดวา จะพงึ เปน อยูเพยี งเทาน้ี ไมเ ปน อยตู อ แตน้ไี ป (ดังน้ี เปน ตน ) ดวยวาสัตวทั้งหลาย ยอ มตายเสียแคในกาลท่ยี ังเปนกลละกม็ ี ในกาลทย่ี งั เปน อมั พุทะ เปนเปสิ เปนฆนะ อยูในครรภไ ดเดอื น ๑ ได ๒ เดือน ได ๓ เดอื น ได ๔ เดอื น ได ๕ เดอื น ได ๑๐ เดือน ก็มี ในสมยั ท่ีออกจากทองกม็ ี ตอนั้นกต็ ายภายใน ๑๐๐ ปกม็ ี ภายนอก (คือเกิน) ๑๐๐ ปก ม็ ีเหมือนกนั พยาธิเลา ช่ือวา ไมม ีนิมิต เพราะไมมีกาํ หนดวา สตั วท ั้งหลาย จะตายดวยพยาธินีเ้ ทานน้ั ไมต ายดวยพยาธอิ ่นื ดว ยวาสตั วทั้งหลาย ตายดวยโรคตากม็ ี ดวยโรคนอกนมี้ ีโรคหเู ปนตนอยางใดอยางหนึ่งก็มี กาลเลา กช็ อื่ วาไมม ีนมิ ิต เพราะไมมีกาํ หนดอยา งน้วี า จะตอ ง
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 19 ตายในกาลนีเ้ ทานัน้ ไมตายในกาลอืน่ ดวยวา สัตวท ้ังหลายยอ มตาย ในตอนเชากม็ ี ในตอนอืน่ มีตอนเที่ยงเปนตนตอนใดตอนหน่ึงก็มี สถานท่ที อดรา งเลา กช็ ่อื วา ไมม ีนมิ ิต เพราะไมมีกําหนดอยาง นว้ี า เม่อื สตั วท งั้ หลายตาย รางจะตองตกอยทู ีน่ ี่เทาน้นั ไมตกอยทู ่ีอ่นื ดว ยวารางของบุคคลทั้งหลายผูเ กิดภายในบาน (ไปตาย) ตกอยูภ าย นอกบานกม็ ี รางของบุคคลทัง้ หลายผเู กิดภายนอกบา น (มาตาย) ตกอยภู ายในบา นกม็ ี โดยนยั เดยี วกันน้ัน บณั ฑติ พงึ (พรรณนา) ให กวา งไปหลาย ๆ ประการ เปนตนวา รา งของสัตวท ั้งหลายผูเกิดบนบก (ไปตาย) ตกอยูในนํ้า หรอื วารา งของสัตวท ัง้ หลายผเู กิดในนา้ํ (มา ตาย) ตกอยบู นบก... คตเิ ลา กช็ ือ่ วา ไมม ีนิมิต เพราะไมมีกําหนดอยา งนวี้ า อนั สัตว ผจู ุติจากคติน้ี จะตอง (ไป) เกิดในคตินี้ ดว ยวา สตั วทัง้ หลายผูจตุ ิจาก เทวโลก (มา) เกิดในพวกมนษุ ยก็มี ผูจตุ ิจากมนุษยโลก (ไป) เกิด ในโลกอื่นมีเทวโลกเปน ตนที่ใดที่หน่ึงกม็ ี เพราะอยางน้ี (สตั ว) โลกจึงหมนุ เวียนไปใน ๕ คติ ดจุ โคทเี่ ขาเทียมไวในยนต (คือกาง เวยี น ? ) เดินเวียนอยฉู ะน้นั พระโยคาวจรพึงระลึกถึงความตาย โดยชีวิตไมม นี ิมติ ดงั กลาวมา ฉะนี้ [อธิบายอาการที่ ๗ - อทฺธานปรจิ ฺเฉทโต] บทวา อทฺธานปรจิ เฺ ฉทโต อธบิ ายวา อนั (ระยะ) กาลแหง
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 20 ชีวิตของมนุษยท ้งั หลายในบัดน้ีสัน้ ผใู ดเปนอยูย นื ผนู ้นั ก็เปน อยู สกั ๑๐๐ ป เกนิ นน้ั ไปก็มีบาง แต (เปนสวน) นอ ย เพราะเหตุน้ัน พระผูม ีพระภาคเจาจึงตรัสวา \"ดูกรภกิ ษุทง้ั หลาย อายุของมนุษยท้ังหลาย นน้ี อย สัมปรายภพ (เลา ) ก็จะตองไป จงึ ควรทํากศุ ล ประพฤติ พรหมจรรย ความไมตายแหงสตั วผูเกิดแลวหามีไม ดกู รภกิ ษุทั้งหลาย ผูใดเปน อยูยืน ผนู น้ั กเ็ ปน อยสู กั ๑๐๐ ป เกนิ นน้ั ไปก็มีบาง แต (เปน สว น) นอย\" [นคิ มคาถา] อายขุ องมนษุ ยท้ังหลายนอย คนดีพึงดหู มน่ิ มันเสีย พึงประพฤตดิ งั คนที่ศรี ษะถูกไฟไหมเ ถิด ไมม ลี ะ ท่มี ฤตยจู ะไมมา๑ ตรสั ไวอ ่นื อีกวา \"ดูกรภกิ ษุทง้ั หลาย เรอื่ งเคยมมี าแลว มีศาสดาช่ือ อรกะ๒\" ดงั น้เี ปนตน พระสูตรอันประดบั ดว ยอุปมา ๗ ขอทง้ั ปวง๓ บณั ฑิตพงึ (นํามากลา ว) ใหพสิ ดาร ตรสั ไวอ กี สูตรหน่ึงวา \"ดกู รภกิ ษทุ ้ังหลาน ภิกษุผทู เี่ จริญมรณสติ ๑. ส. ส. ๑๕/๑๕๘ ขุ. มหา. ๒๙/๕๑ ๒. อง.ฺ สตตฺ ก. ๒๓/๑๓๘ ๓. อปุ มา ๗ ขอ คือ (๑) เหมือนหยาดนา้ํ คา งบนยอดหญา พอตองแสงอาทติ ยพลันเหอื ดไป (๒) เหมือนฟองน้าํ ในนํา้ ประเดย๋ี วกแ็ ตก ๆ (๓) เหมือนรอยไมขดี นํ้าประเดีย๋ วกห็ าย (๔) เหมอื น ธารนํ้าหลังลงมาจากภเู ขา มแี ตไหลไปทาเดียว (๕) เหมอื นคนแขง็ แรงจะบว นนํ้าลายท่ีปลายลนิ้ ก็ถุยออกไปไดท ันที (๖) เหมอื นชิน้ เนอื้ ทีค่ นวางลงในกะทะเหล็กทรี่ อ นจัด กไ็ หมโ ดยเรว็ (๗) เหมือนโคทเี่ ขาจะฆา เขาจงู เดนิ ไปกใ็ กลค นฆา และใกลทฆี่ าเขาไปทุกที
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 21 อยางนี้วา \"โอหนอ เราพึงเปนอยูไ ดชั่วคนื ๑ กับวนั ๑ (เพราะ- ฉะน้นั ) เรา (รีบ) ทาํ ในใจถงึ คาํ สอนของพระผูมีพระภาคเจาเถดิ ขอนั้นจะพงึ เปนอปุ การะแกเ รามากหนอ*\" ดังน้กี ด็ ี ภกิ ษผุ ูท่เี จริญ มรณสติอยา งนี้วา \"โอหนอ เราพงึ เปนอยูไดชว่ั กลางวัน (เพราะ- ฉะนัน้ ) เราพงึ (รีบ) ทําในใจถงึ คําสอนของพระผมู พี ระภาคเจาเถิด ขอน้นั จะพงึ เปนอุปการะแกเรามากหนอ\" ดังนก้ี ด็ ี ภิกษุทเี่ จรญิ มรณสติอยา งนี้วา \"โอหนอ เราพงึ เปนอยไู ดช ่ัวเวลาฉนั บิณฑบาต (อ่มิ ) มือ้ ๑ (เพราะฉะน้ัน) เราพงึ (รบี ) ทาํ ในใจถึงคําสอนของ พระผูม ีพระภาคเจาเถิด ขอ นน้ั จะพึงเปนอุปการะแกเรามากหนอ\" ดงั นีก้ ด็ ี ภิกษุผูท่ีเจริญมรณสติอยา งนวี้ า \"โอหนอ เราพงึ เปนอยไู ดชว่ั เวลาเคย้ี ว (อาหาร) กลนื ลงไปได ๔-๕ คาํ (เพราะฉะนั้น) เราพึง (รีบ) ทําในใจถึงคําสอนของพระผูมีพระภาคเจาเถดิ ขอ นนั้ จะพึงเปน อปุ การะแกเ รามากหนอ\" ดงั นก้ี ด็ ี ดกู รภกิ ษุท้งั หลาย ภกิ ษุเหลานี้ เรากลาววา ยังเปนผูประมาทอยู เจริญมรณสตยิ งั ตอการจะส้นิ อาสวะ ภิกษทุ ง้ั หลาย สว นภกิ ษผุ ูท เ่ี จรญิ มรณสตอิ ยา งน้ีวา \"โอหนอ เราพึง เปนอยูไดช ่ัวเวลาเค้ียว (อาหาร) กลนื ลงไปไดคาํ เดยี ว (เพราะ- ฉะนนั้ ) เราพึง (รบี ) ทาํ ในใจถึงคาํ สอนของพระผมู ีพระภาคเจา เถดิ ขอ นั้นจะพงึ เปนอปุ การะแกเ รามากหนอ\" ดังน้ีกด็ ี ภิกษุผทู เี่ จริญ มรณสตอิ ยา งนวี้ า \"โอหนอ เราพงึ เปนอยไู ดชั่วขณะหายใจเขาแลว หายใจออก หรือหายใจออกแลว หายใจเขา (เพราะฉะนัน้ ) เราพึง * พหุ กต มีความหมายเทา พหุการ (มีอปุ การะมาก)
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 22 (รบี ) ทําในใจถึงคาํ สอนของพระผูมีพระภาคเจาเถิด ขอน้ันจะพึงเปน อุปการะแกเ รามากหนอ\" ดังนกี้ ็ดี ภกิ ษุทง้ั หลาย ภกิ ษุเหลา นเี้ รา กลาววา เปนผูไมประมาทอยู เจริญมรณสตเิ ฉียบพลันที่จะส้ินอาสวะ\" (ระยะ) กาลแหง ชีวิตสนั้ (จน) ไมนา วางใจ ชว่ั ขณะเคย้ี ว (อาหารกลนื ลงไป) ๔-๕ คาํ ดังนีแ้ ล พระโยคาวจรพงึ ระลกึ ถึง ความตาย โดยชวี ิตมีกาลกําหนด โดยนยั ดงั กลาวมาฉะน้ี [อธิบายอาการท่ี ๘ - ขณปรติ ตฺ โต] บทวา ขณปริตตฺ โต ความวา วาโดยปรมตั ถ ขณะแหง ชวี ิต ของสตั วท งั้ หลายส้นั เตม็ ที ชัว่ ความเปน ไปแหงจิตดวงหน่ึงเทาน้ันเอง อุปมาดังลอรถ แมเ มื่อหมุนไป กห็ มนุ ดว ยช้นิ สวนทเ่ี ปน กงอนั เดยี ว นน้ั แล เมือ่ หยดเลา กห็ ยุดดว ยช้นิ สว นที่เปน กงอันเดยี วกันนั่นแหละ ฉันใด ชวี ติ ของสัตวทงั้ หลายก็เปนสิ่งที่เปนไปชัว่ ขณะจิตเดียวฉนั นน้ั เหมอื นกัน พอจติ ดวงน้ันดบั สัตวก ไ็ ดชือ่ วา ดบั (คอื ตาย) ดงั พระ บาลีวา ในขณะจิตที่เปน อดีต สตั วช อ่ื วา เปนแลว มใิ ชเปนอยู มใิ ช จักเปน ในขณะจติ ที่เปน อนาคต สัตวมิใชเปนแลว มิใชเปน อยู (แต) ชอื่ วาจักเปน ในขณะจติ อันเปนปจ จบุ ัน สตั วก ม็ ใิ ชเ ปน แลว (แต) ชอ่ื วาเปนอยู (และ) มใิ ชจกั เปน ชวี ติ อตั ภาพ และสุขทุกข ทัง้ มวล ประกอบอยู ดว ยจิตดวงเดียว ขณะ (แหง ชวี ติ เปนตนนนั้ ) ยอมเปน ไปเร็ว ขนั ธิเหลา ใดของคนทตี่ ายไป หรอื
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 23 ของคนทย่ี งั ตั้งอยปู วตั ตกิ าลนกี้ ็ตาม ทดี่ ับแลว ขันธเหลา น้ันท้ังปวงกเ็ ปน เชนเดียวกัน คอื (ดบั ) ไปโดยไมต อ กัน โลก (คือสัตว) ชือ่ วา ไมเ กดิ เพราะจติ ไมเกิด ชือ่ วา เปนอยู เพราะจิตเกิดขน้ึ จําเพาะหนา ชื่อวาตายเพราะจิตดับ (น้)ี บญั ญตั ิ ทางปรมตั ถ* พระโยคาวจร พึงระลกึ ถงึ ความตาย โดยชวี ิตมีขณะส้ัน โดยนัยดงั กลา วมาฉะนี้ [มรณสตฌิ าน] เมอื่ พระโยคาวจรแมระลกึ อยูด ว ยอาการ ๘ น้ี อยา งใดอยางหนึ่ง ดังนี้ ดว ยอํานาจการทําในใจแลว ๆ เลา ๆ จิตยอมจะไดอาเสวนา (ความคลอง) สติอนั มีความตายเปนอารมณยอ มจะตง้ั มนั่ นวิ รณ ทั้งหลายยอมจะราํ งบั องคฌ านทั้งหลายยอมจะปรากฏข้ึน แตเพราะ อารมณ (ของฌานน้)ี เปนสภาวธรรม และเพราะอารมณเ ปน ทตี่ ้งั แหงความสังเวช ฌานนี้จงึ เปนฌานไมถึงอัปปนา ถึงเพยี งอปุ จาร เทา น้นั สว นโลกตุ ตรฌานและอรูปฌานท่ี ๒ ท่ี ๔ ถงึ อปั ปนาได แม ในสภาวธรรม เพราะเปนภาวนาพเิ ศษ จริงอยู โลกุตตรฌานถงึ อัปปนาไดดวยอํานาจ (การนดาํ เนนิ ไปโดย) ลาํ ดับแหง วิสุทธภิ าวนา (การเจรญิ วิสุทธิ) อรูปฌานถึงอัปปนาไดโดยทเี่ ปน ภาวนาที่กาวลวง * ขุ. มหา. ๒๙/๔๘
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 24 อารมณ เพราะวาในอรปู ฌานนน้ั มีแตความกาวลว งอารมณแ หงฌานที่ ถงึ อัปปนาแลว เทาน้นั แตในมรณสตนิ ี้ (วิสทุ ธภิ าวนานุกรมและ อารมณสมติกกมะ) ท้งั ๒ นน้ั หามีไม เพราะฉะนนั้ จงึ เปน ฌาน ถงึ เพียงอปุ จาร ฌานน้ีนน้ั กถ็ งึ ซึง่ ความนับ (คือไดช ือ่ ) วา มรณสติ น้ันเอง เพราะเกิดขน้ึ ดวยกําลังแหงความระลกึ ถงึ ความตาย [อานิสงสเ จรญิ มรณสติ] กแ็ กภกิ ษุผปู ระกอบเนอื ง ๆ ซึ่งมรณสตนิ ้ี ยอมเปนผูไมป ระ- มาทเนืองนติ ย ไดอนภิรติสญั ญา (ความหมายวาไมน า ยนิ ด)ี ในภพ ทงั้ ปวง ละความไยดใี นชวี ติ เสยี ได เปนผูตกิ ารบาป ไมม ากไปดวย การสะสม ปราศจากมลทนิ คอื ความตระหนีใ่ นบรขิ ารทงั้ หลาย แม อนจิ จสญั ญาก็ยอ มถงึ ความช่ําชองแกเธอ อน่ึง ทกุ ขสัญญาและอนัตต- สัญญาก็ยอมปรากฏ (แกเ ธอ) ไปตามแนวอนิจจสัญญาน้ัน สตั ว ทัง้ หลายผูม ิไดอบรมเร่ืองตาย เวลาจะตายยอ มถงึ ความกลัว ความ สะดงุ ความหลง ดุจคนถกู สตั วราย ยกั ษ งู โจร และผูรายฆาคน จูโ จมเอา (ไมทนั รูต วั ) ฉนั ใด เธอมไิ ดถึงความเปนฉันนั้น เปน ผูไ มกลัว ไมห ลงทํากาลกิริยา ถา เธอมิไดช มพระอมตะในทฏิ ฐธรรม น้ไี ซร เพราะกายแตก (ตายไป) ยอ มเปนผูม ีสุคติเปน ทไี่ ปในเบื้องหนา เพราะเหตนุ ้ันแล ผมู ีปญ ญาดพี ึงทาํ ความไมมาท ในมรณสติ อันมีอานภุ าพมากอยางน้ี ทุกเมอ่ื เทอญ น้ีเปน กถามขุ (คาํ แกขอทสี่ าํ คัญ) อยางพสิ ดารในมรณสติ
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 25 [กายคตาสต]ิ กายคตาสติกรรมฐานนนั้ ใด ไมเ คยเปนไปนอกพุทธุบาทกาล ไมเ ปน วสิ ยั แหง เดยี รถยี ท้งั ปวง อันพระผมู ีพระภาคเจาทรงสรรเสรญิ ไวใ นพระสตู รนั้น ๆ ดว ยอาการเปนอเนกอยา งน้วี า \"ดูกรภกิ ษทุ ้ังหลาย ธรรมเอก บคุ คลเจริญทําใหม ากแลว ยอ มเปน ไปเพอ่ื ความสังเวช ใหญ เปนไปเพื่อประโยชนใหญ เปน ไปเพอ่ื ความเกษมจากโยคะใหญ เปน ไปเพอ่ื สติสัมปชัญญะใหญ เปน ไปเพ่ือไดญาณทสั สนะ เปนไป เพ่อื ความอยูสําราญในทิฏฐธรรม เปน ไปเพื่อทาํ ใหแ จงซ่ึงวิชชา วมิ ุติ และผล ธรรมเอกคอื อะไร ธรรมเอกคือกายคตาสติ ดกู รภกิ ษุ ทั้งหลาย บคุ คลเหลา ใดบรโิ ภคกายคตาสติอยู บุคคลเหลา น้ันช่ือวา บรโิ ภคอมฤตอยู บคุ คลเหลาใดไมบ ริโภคกายคตาสติอยู บคุ คลเหลา - นนั้ ก็ช่ือวาไมบ ริโภคอมฤตอยู กายคตาสติอนั บุคคลเหลาใดไดบ ริโภค แลว อมฤตกเ็ ปน อนั บุคคลเหลานนั้ ไดบริโภคแลว กายคตาสตอิ นั บุคคลเหลา ใดไมไ ดบริโภคแลว อมฤตก็เปนอันบคุ คลเหลา นั้นไมไ ด บรโิ ภคแลว กายคตาสตขิ องบคุ คลเหลาใดเส่อื มแลว อมฤตของบคุ คล เหลา นน้ั กเ็ ปนอันเสือ่ ม กายคตาสติของบคุ คลเหลาใดไมเสือ่ ม อมฤต ของบุคคลเหลา นั้นก็เปนอนั ไมเ ส่ือม กายคตาสติของบุคคลเหลา ใด พลาดไป อมฤตของบุคคลเหลา นั้นกเ็ ปนอนั พลาด กายคตาสติ ของบคุ คลเหลา ใดสาํ เรจ็ อมฤตของบุคคลเหลานน้ั กเ็ ปนอนั สาํ เร็จ*\" * อง.ฺ เอก. ๒๐/๕๘
ประโยค๘ - วสิ ุทธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 26 ดังน้เี ปนตนแลว ทรงนิเทศ (ขยายความ) ไวโ ดย (จดั เปน ) ๑๔ บรรพ (ดัง) น้คี อื อานาปานบรรพ อิรยิ าปถบรรพ จตสุ มั ปชญั ญ- บรรพ ปฏกิ ลู มนสกิ ารบรรพ ธาตมุ นสิการบรรพ สวิ ัฏฐกิ บรรพ ๙ โดยนยั วา \"ดูกรภกิ ษทุ ัง้ หลาย ก็กายคตาสตบิ ุคคลเจรญิ อยา งไร ทาํ ใหมากอยางไร จึงมผี ลใหญมอี านิสงสมาก ภิกษุทั้งหลาย ภิกษใุ น ธรรมวนิ ัยนไ้ี ปสูปา ก็ด\"ี ดงั นเ้ี ปนอาทิ๑ บัดนี้ นิเทศแหง การเจริญ กายคตาสตนิ ั้น ถงึ แลว โดยลาํ ดบั [กายคตาสตทิ ีป่ ระสงคใ นท่ีน]ี้ ใน ๑๔ บรรพน้ัน เพราะเหตุท่ี ๓ บรรพน้ีคือ อริ ิยาปถบรรพ จตุสมั ปชญั ญบรรพ ธาตมุ นสกิ ารบรรพ พระผมู ีพระภาคเจาตรัสโดย เปน วปิ สสนา๒ สวิ ัฏฐิกบรรพ ๙ ตรัสโดยเปนอาทนี วานุปสสนา๓ (คอื อาทีนวญาณ) ในวิปส สนาญาณท้งั หลายนั้นแล อนง่ึ แมส มาธภิ าวนา ใด พึงสาํ เรจ็ ได (คอื นบั เขา ได ?) ในอสุภกรรมฐานทั้งหลาย มี อทุ ธมุ าตกอสุภเปน ตน (อันมา) ในสวิ ัฏฐกิ บรรพเหลานั้น สมาธ-ิ ภาวนานั้นก็เปน อนั แจงกแลว ในอสภุ นิเทศ สว น ๒ บรรพน้เี ทา นน้ั คืออานาปานบรรพ และปฏิกูลมนสกิ ารบรรพ ตรสั โดยเปนสมาธิ ๑. ม. อ.ุ ๑๔/๒๐๔ ๒. มหาฎกี าชว ยอธิบายวา ธาตมุ นสกิ ารกรรมฐาน ใหส าํ เรจ็ ไดเ พยี งชนั้ อุปจารสมาธกิ จ็ ริงแล แตทวา สัมมสนวาร ในกรรมฐานนั้นมีกาํ ลงั ย่งิ นกั (สาตสิ ย) เพราะฉะนนั้ จึงวา ธาตมุ นสิการบรรพ ตรสั โดยเปน วปิ สสนา ๓. เพราะนวสวิ ัฏฐกิ บรรพน้นั ลวนแตแ สดงโทษในรา งกาย พรอมท้งั ลักษณะมีความไมง ามและคาม ไมเท่ยี งเปน ตน
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 27 (ภาวนา) ในอนุสสตินเิ ทศน้ี ใน ๒ บรรพนั้น อานาปานบรรพ เปนกรรมฐานบทหนึ่งตา งหาก โดยเปน อานาปานสติ (กรรมฐาน) สวนวา ทวดึงสาการกรรมฐานน้ันใด ที่ทรงแสดงไวโดยเปนปฏกิ ลู - มนสกิ าร สงเคราะหเ อามนั สมองเขากับเย่อื ในกระดูกอยา งนวี้ า \"ดูกร ภกิ ษุท้ังหลาย ก็แลขอ อื่นยงั มีอีก ภิกษพุ ิจารณาเห็นกายน้นี แี่ ล แต พนื้ เทาขึน้ ไป แตป ลายผมลงมา มหี นังหุม เตม็ ไปดวยของไมส ะอาด มปี ระการตา ง ๆ คือ ผมท้งั หลายมอี ยูในกายน้ี ขนท้ังหลายมีอยใู น กายนี้ เล็บทงั้ หลายมอี ยูใ นกายนี้ ฟน ทงั้ หลายมอี ยูในกายน้ี หนัง มอี ยใู นกายน๑ี้ เนื้อ เอ็น กระดกู เย่อื ในกระดกู ไต หัวใจ ตบั พังผืด มาม ปอด ไสใ หญ ไสน อ ย อาหารใหม อาหารเกา นา้ํ ดี เสมหะ นํ้าเหลอื ง เลอื ด เหง่อื มนั ขน นา้ํ ตา มนั เหลว ล้ําลาย นํา้ มกู ไขขอ มตู ร มอี ยใู นกายน๒้ี \" ดังนี้ ทวดงึ สาการกรรมฐานนี้ ประสงคเ อาวากายคตาสติ ในอนสุ สตนิ ิเทศน้ี [อธิบายบาลีกายคตาสติ] (ตอไป) นีเ้ ปน ตอนแสดงการบาํ เพ็ญในกายคตาสตกิ รรมฐาน นั้น อนั มคี ําแกบ าลีนําหนา ปาฐะวา อิมเมว กาย ความวา ซึ่งกายเนาอันเปน ที่อาศยั แหงมหาภูต ๔ นี้ ปาฐะวา อุทธฺ ปาทตลา แปลวา แตพ นื้ เทา ๑. ทา นใหประกอบ อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย ทกุ บท ตอ น้ไี ปพงึ ทราบวา เปยยาลไว ๒. ที. มหา. ๑๐/๓๒๘
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 28 ขน้ึ ไป ปาฐะวา อโธ เกสมตถฺ กา แปลวา แตปลายผมลงมา บทวา ตจปริยนตฺ หมายความวามหี นงั หมุ โดยขวาง (คอื หุมรอบ) ปาฐะวา ปรู นนฺ านปปฺ การสฺส อสุจิโน ปจจฺ เวกฺขติ คือเหน็ วา กายนํ้าเต็มไปดวยของไมส ะอาดมีผมเปน ตนมีประการตา ง ๆ ถามวา คอื อยางไร ? ตอบวา คอื อตถฺ ิ อมิ สฺม กาเย เกสา โลมา นขา ฯ ป ฯ มตุ ฺต ในบทเหลาน้นั บทวา อตฺถิ คอื สว ชิ ฺชนฺต๑ิ (แปลวา มีอยู) บทวา อมิ สฺมึ คอื ในกายที่ตรสั วา แตพ ้ืนเทาขึน้ ไป แตป ลายผมลงมา มหี นงั หมุ เตม็ ไปดวยของไมสะอาดมีประการตา ง ๆ บทวา กาเย คือในสรรี ะ อธิบายวา สรีระ เรยี กวา กาย เพราะ เปน ท่ีเกิดแหงโกฏฐาสท้ังหลายมผี มเปนตน และแหงโรคนับ ๑๐๐ มโี รคตาเปน อาทิ อันชือ่ วาของนา เกลียด เพราะกอเกดิ มาแตของ ไมส ะอาด๒ บททง้ั หลายวา เกสา โลมา เปนอาทเิ หลา นน้ั คอื อาการ ๓๒ มีผมเปน อาการตน๓ บัณฑิตพงึ ทราบสัมพนั ธใ นบทบาลี นั้น (โดยประกอบ อตฺถิ อมิ สมฺ ึ กาเย ทกุ บท) อยา งนวี้ า ๑. หมายความวา อตถฺ ิ เปน วจนวปิ ลาส หรอื วา เปน นบิ าต คงรูปอยอู ยา งน้ันทงั้ ๓ วจนะ ๒. มหาฎีกาวา ในประโยคแกกายศพั ทน ้ี มีบทเหตุ ๒ บท คอื อสฺจิสฺจยโต และ กจุ ฺฉ-ิ ตาน... อายภูตโต บทหนาใหค วามหมายวา กายศัพทแ ปลวา \"ที่ประชมุ (แหงของไมส ะอาด)\" บทหลังแสดงโดยนิรตุ นิ ยั แยกกายศัพทอ อกเปน กจุ ฉฺ ติ +อาย \"ท่เี กดิ แหงของนาเกลยี ด\" แตวาในระหวา ง ๒ บทน้ี หามี จ ศพั ทเปน เคร่ืองแสดงวาศพั ทท ั้ง ๒ เปน บทเหตุเสมอ กนั ไม จึงเขา ใจวา อสุจิสจฺ ยโต เปน เหตุในบท กจุ ฺฉิตาน ดงั แปลไวน ้นั ๓. เพราะเหตทุ ใี่ นบาลีเรียกโกฏฐาสเหลา น้ีวา 'ประการ' (ในบทวา นานปฺปการสฺส) แตใ น วสิ ทุ ธิมรรคน้ีเรยี ก 'อาการ' (ในบทวา ทวฺ ตฺตสึ าการา) มหาฎกี าทานเกรงวาจะเกดิ ปญ หาขึ้น จึงบอกไวว า อาการา ปการาติ หิ เอโก อตโฺ ถ-ท่จี ริง คําวา อาการ ประการ กค็ วามเดียวกนั
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 29 อตถฺ ิ อมิ สมฺ ึ กาเย เกสา อสฺถิ อมิ สมฺ ึ กาเย โลมา (ผม ท้ังหลายมีอยูใ นกายนี้ ขนท้งั หลายมอี ยใู นกายน)้ี ดงั นี้เปน ตวั อยา แทจริง ใครสกั คน เม่อื คน ดูในกเลวระอนั ยาวประมาณ ๑ วา มขี นาดเทาน้ี คือ ตัง้ แตพน้ื เทา ขนึ้ ไป ตั้งแตป ลายผมลงมา ตั้งแต หนงั เขาไปโดยรอบนี้ แมโดยอาการทุกอยา ง จะไดพบภาพของสะอาด อะไร ๆ เปน ไขม กุ กด็ ี แกว มณกี ด็ ี แกวไพฑรู ยก ็ดี กฤษณาก็ดี การบรู ก็ดี ของอื่นมกี ระแจะเปนตนกด็ ี แมส กั อณหู น่งึ ก็หาไม ทแ่ี ทก็พบแตของ ไมสะอาดนานาประการ ตา งโดยโกฏฐาสมีผมและขนเปนอาทิ อันมี กล่ินเหม็น และนา เกลยี ดไมเปน ขวัญตาเลยเทา นน้ั เพราะเหตนุ นั้ จงึ ตรสั วา อตถฺ ิ อมิ สมฺ ึ กาเย เกสา โลมา ฯ เป ฯ มุตตฺ (ผม ท้งั หลายมีอยใู นกายนี้ ขนท้ังหลายมอี ยใู นกายนี้ ฯ ล ฯ มูตรมอี ยูใ นกายนี)้ น้ีเปนคํากลา วแกโ ดยบทสัมพนั ธในบาลีนนั้ [ภาวนานิเทศแหงกายคตาสติ] กแ็ ลอาทิกัมมกิ กลุ บตุ รผูใครจะเจริญกรรมฐานนี้ พงึ เขาไปหา กัลยาณมิตรมีประการดงั กลา วแลว ถือเอากรรมฐานนี้เถดิ ขา งฝา ย กลั ยาณมิตร (ผูอาจารย) นัน้ เมือ่ จะกลาวกรรมฐานแกเธอ พงึ บอก อคุ คหโกสัลละ (วธิ ที าํ ใหฉลาดในการขึน้ เอากรรมฐาน) ๗ วธิ ี และ มนสิการโกสัลละ (วธิ ที ําใหฉ ลาดในการมนสกิ ารกรรมฐาน) ๑๐ วิธี [อุคคหโกสลั ละ] ในโกสลั ละ ๒ อยา งน้นั อาจารยพ งึ บอกอุคคหโกสัลละ ๗ วธิ ี
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 30 อยางนี้ คือ ทางวาจา ทางใจ โดยสี โดยสัณฐาน โดยทิศ โดย โอกาส (คอื ทีอ่ ย)ู โดยตดั ตอน [ทางวาจา] กใ็ นกรรมฐานท่ตี อ งมนสิการส่งิ ปฏกิ ลู นี้ พระโยคาวจรถงึ แม เปนผทู รงพระไตรปฎ กก็ควรทําสาธยายดว ยวาจากอน ในกาลมนสกิ าร เพราะวา เมือ่ พระโยคาวจรลางรูปทําสาธยายไปน่ันแล กรรมฐาน ยอ มปรากฏไดด ุจกรรมฐานปรากฏแกพ ระเถระ ๒ รปู ผูเรียนกรรมฐาน ในสํานักพระมหาเทวเถรชาวมลยั ไดท ราบวา พระเถระ อนั ทานทั้งสอง ขอกรรมฐานแลว กใ็ หพ ระบาลีในทวดงึ สาการ ส่ังวา \"ทา นทั้งสอง จงทําสาธยายอนั นแี้ หละตลอด ๔ เดือน\" อันทา นทง้ั สองนั้น ทา น ชํ่าชอง (พระบาลี) อยูตั้ง ๒ , ๓ นกิ าย ก็จรงิ แล แตท วา เพราะ ความท่ีทานเปนผรู ับ (โอวาท) โดยเคารพอยูเปนปกติ ทานจงึ (อตุ สาหะ) สาธยายทวดึงสาการอยจู นตลอด ๔ เดือน เลยได (สําเร็จ) เปน พระโสดาบัน* เพราะฉะนัน้ อาจารยผจู ะกลา วกรรมฐาน จงึ ควรบอกอนั เตวาสกิ วา \"ชน้ั แรก จงทําสาธยายดวยวาจากอ น\" [วธิ ีสาธยาย] ก็แลเมอื่ จะทํา พึงกําหนดเปนตอน ๆ มตี อนตจปญจกะ (๕ ท้งั * มหาฎกี าชว ยขยายความวา เม่ือทา นพรํา่ สาธยายกันอยถู งึ ๔ เดอื น ใครค รวญอาการนน้ั ๆ ไปตามแนวทสี่ าธยาย ทวดงึ สาการกค็ อ ยปรากฏชดั ขนึ้ โดยลําดับ คร้ันนิมิตนัน้ ตง้ั มน่ั โดยปฏกิ ูล- สญั ญา (คอื เหน็ ปฏกิ ูลชดั แลว ฌานกเ็ กดิ ทา นเจรญิ วิปส สนามฌี านเปนบาทตอ ไป กบ็ รรลุ ทสั สนมรรค (คือธรรมจกั ษ)ุ จึงวา ทานสาธยายอย.ู . . เลยได (สําเรจ็ ) เปน พระโสดาบัน
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 31 หนัง) เปน ตน แลว ทาํ สาธยายโดยอนโุ ลมและปฏโิ ลม คอื พงึ วา 'เกสา โลมา นขา ทนตฺ า ตโจ' (ผม ขน เลบ็ ฟน หนงั ) แลวจงึ วา โดยปฏโิ ลมอีกวา 'ตโจ ทนฺตา นขา โลมา เกสา' (หนงั ฟน เลบ็ ขน ผม) ลําดบั นั้นพึงวาในวกั กปญ จกะ (๕ ทงั้ ไต) วา 'มส นหฺ ารู อฏี อฏ มิ ิ ฺช วกกฺ ' (เน้อื เอ็น กระดูก เยอ่ื ในกระดูก ไต) แลววา โดยปฏโิ ลมอกี (ใหเ ชื่อมกบั ตอนแรกดวย) วา 'วกกฺ อฏิ- มิชฺ อฏ ี นฺหารู มส ตโจ ทนฺตา นขา โลมา เกสา' (ไร เยอ่ื ในกระดกู กระดูก เอน็ เน้อื หนัง ฟน เลบ็ ขน ผม) ตอ น้นั พึงวาในปปผาสปญจกะ (๕ ทงั้ ปอด) วา 'หทย ยกน กิโลมก ปหก ปปผฺ าส' (หวั ใจ ตับ พังผดื มาม ปอด) แลว วาโดยปฏโิ ลมอีกวา 'ปปฺผาส ปห ก กโิ ลมก ยกน หทย วกฺก อฏ มิ ิ ฺชาํ อฏ ี นฺหารู มส ตโจ ทนฺตา นขา โลมา เกสา' (ปอด มาม พงั ผืด ตบั หัวใจ ไต เยอื่ ในกระดกู กระดกู เอ็น เนอื้ หนงั ฟน เลบ็ ขน ผม) ตอน้ันพึงวา ในมัตถลุงคปญจกะ (๕ ทง้ั มนั สมอง) วา 'อนฺต อนฺตคณุ อทุ ริย กรสี มตถฺ ลงุ ฺค' (ไสใ หญ ไสนอย อาหารใหม อาหารเกา มันสมอง) แลว วา โดยปฏโิ ลมอกี วา 'มตถฺ ลงุ ฺค กรีส อทุ รยิ อนฺตคณุ อนฺต ปปผฺ าส ปห ก กโิ ลมก ยกน หทย วกฺก อฏ มิ ิ ชฺ าํ อฏ ี นฺหารู มส ตโจ ทนฺตา นขา โลมา เกสา' (มนั สมอง อาหารเกา อาหารใหม ไสนอย ไสใ หญ ปอด
ประโยค๘ - วสิ ุทธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 32 มาม พงั ผืด ตบั หัวใจ ไต เยอื่ ในกระดกู กระดกู เอน็ เนือ้ หนงั ฟน เลบ็ ขน ผม) ตอ นัน้ ไปพึงวาในเมทฉักกะ (๖ ท้ังมนั ขนป วา 'ปต ฺต เสมฺห ปุพฺโพ โลหติ เสโท เมโท' (ดี เสมหะ น้ําเหลอื ง เลอื ด เหง่อื มันขน) แลววาโดยปฏิโลมอกี วา 'เมโท เสโท โลหติ ปุพโฺ พ เสมหฺ ปต ตฺ มตถฺ ลุงคฺ าํ กรีส อุทริย อนตฺ คุณ อนตฺ ปปผฺ าส ปห ก กโิ ลมก ยกน หทย วกกฺ อฏิมิฺช อฏ ี นฺหารู มส ตโจ ทนตฺ า นขา โลมา เกสา (มันขน เหงอ่ื เลือด น้าํ เหลอื ง เสมหะ ดี มันสมอง อาหารเกา อาหารใหม ไสน อย ไสใ หญ ปอด มา ม พังผืด ตับ หวั ใจ ไต เย่ือ ในกระดูก กระดูก เอน็ เนอ้ื หนัง ฟง เล็บ ขน ผม) ตอ น้ันพงึ วาในมุตตฉกั กะ (๖ ทงั้ มูตร) วา 'อสสฺ ุ วสา เขโฬ สิงฆฺ าณิกา ลสกิ า มุตตฺ ' (น้ําตา มันเหลว นาํ้ ลาย นา้ํ มกู ไขขอ มตู ร) แลว วา โดยปฏโิ ลมอีกวา \"มตุ ตฺ ลสิกา สงฺฆาณกิ เขโฬ วสา อสสฺ ุ เมโท เสโท โลหิต ปพุ ฺโพ เสมฺห ปตตฺ มตถฺ ลุงคฺ กรีส อทุ ริย อนฺตคุณ อนตฺ ปปผฺ าส ปห ก กิโลมก ยกน หทย วกกฺ อฏ มิ ิชฺ อฏี นฺหารู มส ตโจ ทนตฺ า นขา โลมา เกสา\" (มูตร ไขขอ นํา้ มูก น้ําลาย มยั เหลว น้ําตา มนั ขน เหงือ่ เลอื ด น้ําเหลอื ง เสมหะ ดี มันสมอง อาหารเกา อาหารใหม ไสน อย ไสใหญ ปอด มา ม พันผดื ตบั หัวใจ ไต เยอ่ื ในกระดกู กระดกู เอ็น เนอื้ หนงั ฟน เล็บ ขน ผม)
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 33 พึงทาํ สาธยายดว ยวาจาไปอยางนี้ ๑๐๐ คร้ัง ๑,๐๐๐ คร้งั กระท่ัง ๑๐๐,๐๐๐ ครั้งก็ดี ดวยวา ดว ยการสาธยายทางปาก (อยางนั้น) ระบบ กรรมฐาน ยอ มจะคลองตัว จิตจะไมแลนไปทางโนน ทางนี้ โกฏฐาส ทง้ั หลายกจ็ ะปรากฏ คอื ชดั (เปน ถอ งแถว) ดงั แถวนว้ิ มือ และดัง แถวกระทูรัว้ ฉะนั้น [ทางใจ-สี-สัณฐาน-ทศิ -โอกาส-ตอน] กท็ างวาจา ทาํ สาธยายอยางใด ถึงทางใจ ก็พงึ ทําสาธยาย อยางนัน้ แหละ เพราะการสาธยายทางวาจา เปน ปจ จัยแหงการสาธยาย ทางใจ การสาธยายทางใจ เปน ปจจัยแหงการแทงตลอดลกั ษณะ (แหง โกฏฐาส ?) คําวา 'โดยส'ี คือพึงกาํ หนดดูสีของโกฏฐาสทัง้ หลายมีผม เปน ตน คําวา 'โดยสณั ฐาน' คือพึงกําหนดดสู ณั ฐานของโกฏฐาสเหลา นน้ั นน่ั แล คําวา 'โดยทิศ' อธิบายวา ในสรรี ะน้ี เหนือนาภขี น้ึ ไป เปน ทิศบน ใตน าภลี งไป เปน ทิศลาง เหตนุ ัน้ พงึ กําหนดทศิ วา 'โกฏฐาสน้ี (อย)ู ในทศิ ชอื่ นี้' คําวา 'โดยโอกาส' ความวา พงึ กาํ หนดโอกาสของโกฏฐาสนน้ั ๆ อยา งนีว้ า 'โกฏฐาสนี้ต้งั อยูในโอกาสตรงนี'้ คําวา 'โดยตดั ตอน' มีอรรถาธิบายวา ตดั ตอนมี ๒ คือ (สภาค-
ประโยค๘ - วสิ ุทธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 34 ปรเิ ฉท) ตัดตอนดว ยสวนของตน (วสิ ภาคปริเฉท) ตัดตอน ดว ยสวนทีผ่ ิดกับตน ใน ๒ อยางนน้ั ตดั ตอนดว ยสวนของตน พึง ทราบอยา งน้ีวา 'โกฏฐาสน้ี กาํ หนดตดั ดว ยสว นชือ่ นี้ ทงั้ เบอ้ื งลา ง เบ้ืองบนและเบอื้ งขวาง' ตัดตอนดวยสวนท่ีผิดกบั ตน พงึ ทราบโดย ความไมป นกนั อยา งนว้ี า 'ผม คอื สง่ิ ทีม่ ใิ ชขน ขนเลาก็คือสง่ิ ท่ีมใิ ช ผม' ดังนเ้ี ปนตัวอยา ง* [ขอ ทค่ี วรทราบกอ นจะบอกอคุ คหโกศล] ก็แลอาจารยเ ม่ือจะบอกอุคคหโกศล ๗ วธิ ดี งั กลา วมานี้ พึงทราบ (กอ น) วา กรรมฐานน้ี ตรัสในสูตรโนนโดยเปน สงิ่ ปฏกิ ูล ในสตู ร โนน โดยเปน ธาตุ ดังนี้แลว จึงบอก แทจริง กรรมฐานนี้ ใน มหาสตปิ ฏ ฐานสูตร ตรสั โดยเปนส่ิงปฏิกูล ในมหาหตั ถปิ โทปมสตู ร มหาราหโุ ลวาทสตู ร และธาตวุ ิภังคสูตร ตรัสโดยเปน ธาตุ สว นใน กายคตาสติสูตร ทรงจาํ แนกฌาน ๔ มงุ ถึงบคุ คลผูทีโ่ กฏฐาสมผี มเปนตน ปรากฏ (แกเ ขา) โดยสี ในกรรมฐาน ๒ ฝา ยนัน้ ที่ตรสั โดยเปน ธาตุเปนวปิ สสนากรรมฐาน ทตี่ รสั โดยเปน ส่งิ ปฏกิ ลู เปนสมถกรรมฐาน * ขอ นีอ้ ธบิ ายวา เนอ่ื งดว ยโกฏฐาสทัง้ หลาย ตงั้ อยใู กลช ดิ ตดิ กนั กม็ ี คลายกนั ก็มี เมอ่ื จะ กําหนดโกฏฐาสใดใหช ดั กต็ อ งใชวิธตี ัดตอนโกฏฐานนน้ั ใหขาดออกไปจากโกฏฐาสอ่นื การตดั ตอน นัน้ ทา นแนะใหทาํ ๒ วธิ ี คือ กาํ หนดตดั ดว ยสว นของตนเองวา เบอ้ื งบนเบือ้ งลางเบือ้ งขวางของ โกฏฐาสนัน้ กาํ หนดตัดดว ยอะไร ถา ตดั ตอนวิธีนี้แลว ยังไมปรากฏชดั กใ็ ชว ิธที ี่ ๒ คอื กาํ หนด เทียบกบั โกฏฐาสอ่ืนที่ใกลเคยี งหรอื คลายกนั เชน ผมกบั ขน เล็บกบั ฟน กจ็ ะเหน็ มนั เปน ละคนอยาง ชดั เจน เชน นก้ี ระมัง ? สภาค ในทน่ี ี้ทา นแกเปน อตฺตโน ภาโค สภาโค (สว นของตน) สว นวสิ ภาคทา นกว็ า อสภาโค (สวนมใิ ชข องตน) น่ันเอง จึงแปลวา 'สวนทผ่ี ดิ กบั ตน' เพอ่ื รักษาอรรถแหง วิ อปุ สัค
ประโยค๘ - วสิ ุทธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 35 กรรมฐานในปฏกิ ูลมนสกิ ารบรรพนน้ี นั้ เปนสมถกรรมฐานแทแล อคุ คหโกสลั ละ ๗ วธิ ี อาจารยพ ึงบอกโดยนัยดงั กลาวมาฉะน้ี [มนสิการโกสัลละ] อาจารยพึงบอกมนสิการโกสลั ละ ๑๐ วธิ ี อยา งนี้ คอื โดยลําดบั โดยไมเ รงนกั โดยไมเง่อื งนกั โดยปอ งกนั ความฟุง ซา น โดยลว งเสีย ซงึ่ บัญญตั ิ โดยปลอ ยลาํ ดับ โดยอัปปนา และสตุ ตันตุ ๓ [มนสิการโดยลาํ ดบั ] ในมนสกิ ารโกศล ๑๐ นัน้ ขอ วา โดยลาํ ดบั อธบิ ายวา กรรมฐาน น้ี เรม่ิ แตท ําสาธยาย ตองมนสกิ ารไปตามลาํ ดบั (บททวดึงสาการ) อยามนสกิ ารโดยไวระหวางเสยี บท ๑ (คอื ขา มเสยี บท ๑ ๆ)* เพราะ พระโยคาวจรมนสกิ ารโดยไวร ะหวางเสยี บท ๑ จะเหนื่อยใจ (จน) ตก ไปจากความไดร ับอสั สาทะ อันจะพึงไดด วยอํานาจความถึงพรอ มแหง ภาวนาเสีย ไมยงั ภาวนาใหส าํ เรจ็ ได เปรยี บเหมอื นคนทไ่ี มฉลาดขนึ้ บันได ๓๒ ขน้ั โดยไวร ะหวางเสยี ขน้ั ๑ ก็จะเหนื่อยกาย (จน) ตก ไมยงั การขึ้นใหส าํ เร็จไดฉะน้ัน [มนสกิ ารโดยไมเรงนัก] แมเม่ือมนสกิ ารโดยลําดบั กพ็ ึงมนสิการ โดยไมเรง นักดวย เพราะเม่ือมนสกิ ารเรงนกั กรรมฐานคงถงึ ท่ีสดุ เปน แทก จ็ ริง แตว า ไมจ ะแจง ไมน ําคณุ วิเสสมาให เปรยี บเหมอื นเม่ือบรุ ษุ (ผหู นึ่ง) * เชนวา เกสา นขา ตโจ---- เวน โลมา ทนฺตา เสยี บหนง่ึ ๆ
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 36 เดนิ ทางประมาณ ๓ โยชน มไิ ดส ังเกตจาํ ทางท่ีพึงเดิน และทางท่ี พงึ เวน * ทาํ การคมนาคมดวยฝเ ทา อนั เร็วตงั้ ๗ เท่ียว ทางไปสดุ ก็ จรงิ แต (เขาจาํ ทางไมได) ตองถาม (ผูอ่ืน) ไป (ทุกเท่ยี ว) ฉะนนั้ เพราะเหตนุ ้นั พระโยคาวจรพงึ มนสกิ ารอยา เรง นกั [มนสกิ ารโดยไมเง่ืองนกั ] อนงึ่ แมมนสกิ ารโดยไมเ งอ่ื งนัก กฉ็ ันเดียวกับมนสิการโดยไม เรงนัก เพราะวาเมื่อมนสิการเง่อื งนัก กรรมฐานจะไมถ งึ ทส่ี ุด ไม เปน ปจ จยั แหง ความไดค ุณวเิ สส เปรยี บเหมือนเมอื่ บรุ ุษผูใครจ ะเดิน ทาง ๓ โยชน (ใหถ งึ ) ในวันเดยี วน้ัน มวั โอเออ อยตู ามท่ตี าง ๆ เชนตนไม ภูเขา และบงึ ในระหวางทางเสีย ทางก็ไมเ ปลอื ง ตอ ๒-๓ วนั จึงสดุ ฉะนนั้ [มนสิการโดยปองกันความฟุงซาน] ขอวาโดยปองกนั ความฟุงซาน ความวา การท่จี ติ ปลอ ยกรรมฐาน เสยี แลว ฟงุ ไปในอารมณห ลากหลายในภายนอก (นั้น) พระโยคาวจร ตอ งปองกัน เพราะเม่ือไมปอ งกนั คร้ังความฟุงไปขางนอกมีอยู กรรม- ฐานยอมเส่ือมหายทลายไป เปรียบเหมือนเมอื่ บุรุษผูเ ดนิ ทางเลยี บ เหวอันเปน ทางเอกบท (รอยเดียว คอื แคบเตม็ ที วางเทา ไดท ีละขาง ?) ไมสงั เกตรอยท่จี ะเหยียบใหแ มน มัวเหลยี วขางน้ันขางน้ี กา วเทาพลาด (รอย) ก็จะตองตกจากทางน้นั ลงไปในเหวอนั ลึก ๑๐๐ ช่วั ตวั คน * โอกฺกมนวสิ ชชฺ น มหาฎกี าแกเปน ปฏิปชฺชิตพพฺ วิสชชฺ ติ พเฺ พ มคฺเค
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 37 ฉะนน้ั เพราะเหตนุ ้นั พระโยคาวจรจึงควรมนสกิ ารโดยปอ งกันความ ฟุง ซา น (ดว ย) [มนสิการโดยลว งเสียซ่ึงบัญญตั ิ] ขอวาโดยลว งเสียซึง่ บญั ญตั ิ ความวา บัญญตั ิวา เกสา โลมา เปนอาทินใ้ี ด พระโยคาวจรพึงกาวลวงเสยี ซึ่งบัญญัตนิ ัน้ แลวจึงต้งั จติ ไว แตวา 'ปฏิกลู ' เหมอื นอยางวา ในคราวนาํ้ หายาก คนทั้งหลาย พบบอ น้าํ ในปาแลว ผูกสงิ่ อะไร ๆ มีใบตาลเปนตนเปน เครื่องหมายไว ในท่ีนัน้ แลว มาตามเคร่ืองหมายนน้ั อาบและดม่ื ได แตเมอื่ ใด ดว ย การเทย่ี วไปเนือง ๆ แหงคนเหลา นน้ั รอยของคนที่มา ๆ ยอ มจะ ปรากฏ เมื่อนนั้ กิจดวยเครอ่ื งหมายามีไม คนทงั้ หลายยอ มไปอาบ และด่มื ไดทกุ ขณะทีต่ อ งการ ฉนั ใด เมือ่ พระโยคาวจรมนสิการไปตาม บัญญตั ิวา เกลา โลมา---- ในเบื้องแรก (จน) ความเปนปฏิกูล ปรากฏ ภายหลงั จงึ เลิกบัญญัตวิ า เกลา โลมา----เสีย ตงั้ จิตไวในความ เปน ปฏกิ ูลแตอยา งเดียว ฉนั น้ันแล [มนสกิ ารโดยปลอยลาํ ดบั ] ขอ วา โดยปลอ ยลาํ ดบั มีอรรถาธบิ ายวา โกฏฐาสใด ๆ ไม ปรากฏ พระโยคาวจรผูปลอยโกฏฐาสนน้ั ๆ เสยี มนสกิ ารไป ชอ่ื วา มนสิการโดยปลอ ยลาํ ดบั กเ็ มือ่ พระอาทกิ ัมมิกะมนสกิ าร (โดยอนุโลม เร่ิม) วา เกสา มนสิการก็ดาํ เนนิ ไปจนสดุ จดโกฏฐาสปลาย คือ มุตตฺ นี้ทีเดียว และเมือ่ มนสกิ าร (โดยปฏโิ ลม) วา มุตตฺ มนสกิ ารก็
ประโยค๘ - วสิ ุทธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 38 ดาํ เนินไปจนสุดโกฏฐาสตน คอื เกสา น้ีเหมอื นกัน ทนี ี้เมื่อมนสิการ ไป ๆ โกฏฐาสลางเหลา กป็ รากฏ ลางเหลา ก็ไมปรากฏ* โกฏฐาส เหลา ใด ๆ ปรากฏ เธอพึงทํางาน (มนสิการ) ในโกฏฐาสเหลา นน้ั ๆ ไปจนกวาเม่อื โกฏฐาสปรากฏ (แต) ๒ แลว ๒ น้นั เลา อันหนง่ึ ยอ มปรากฏดีกวา (อกี อนั หนงึ่ ) ก็และพระอาทกิ ัมมกิ ะผมู นสิ- การโกฏฐาสอนั นน้ั ที่ปรากฏ (ดกี วา ) อยา งน้นั นนั่ แลซา้ํ แลวซํา้ เลา จะพึงยงั อปั ปนาใหเ กิดข้ึนได (ตอ ไป) นี้เปนอปุ มาในขอ น้นั เหมอื นอยางวาพราน (ผูหน่ึง) ใครจะจับลิง (ตวั หน่ึง) ซึ่งอยใู นดงตาลอนั มตี นตาล ๓๒ ตน พึงใชศร ยงิ ใบตาลตน ทยี่ ืนอยูตน เพ่ือนแลวทําเสยี งตะเพดิ ทนี ้ี ลิงนั้นก็จะพงึ โผนไปท่ีตนตาลนั้น ๆ ตามลาํ ดับจนถงึ ตนทายเพื่อทเี ดียว ครัน้ พรานไปทาํ อยา งเดียวกนั น้ันเขา ที่ตนทายเพอ่ื นนน้ั อกี เลา มนั กจ็ ะพงึ (โผนกลับ) มาทา นนั้ แหละจนถึงตน ตน เพอ่ื นอีก มนั โผนไปตามลําดับ ตนบอย ๆ เขา อยา งนน้ั (ก็ลา ? ท่ีนมี้ นั ) จะถงึ โผลข ึ้นแตใ นที่ ๆ พรานทําเสียงตะเพิดไลเ ทานน้ั (ถาไมต ะเพิดก็ไมโผล) แลว ไป ๆ กจ็ ะหลบอยูท ่ตี นตาลตนหนึง่ ยึดยอดตาลตูมอนั สะอาด (ซึง่ อยู) ตรง กลางตน มันไวมนั่ แมถกู ยงิ กไ็ มโผล ฉันใด คาํ อุปไมยนีก้ พ็ ึงเหน็ ฉันนนั้ (ตอไป) น้ีเปนคาํ ประเทียบอุปไมยกับอุปมา โกฏฐาส ๓๒ ในกายนี้เปรยี บเหมือนตาล ๓๒ ตน ใจดงตาล จติ * ตามในมหาฎีกาวา ทวี่ าปรากฏนัน้ คอื ปรากฏโดยลกั ษณะของโกฏฐาสน้ัน ๆ
ประโยค๘ - วสิ ุทธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 39 เหมอื นลิง พระโยคาวจร๑เหมอื นพราน การท่จี ิตของพระโยคี ทอง เท่ียวไปในกายอันมีโกฏฐาส ๓๒ โดย (ทําให) เปน อารมณเ หมอื นการ ทลี่ งิ อาศยั อยูในดงตาลอันมตี าล ๓๒ ตน การท่เี มอื่ พระโยคีเร่มิ มนสิการ วา เกสาแลว (มนสิการ) จติ ดาํ เนนิ ไป (จนสุด) หยุดลงทีโ่ กฐาสปลาย ทเี ดยี ว เหมอื นการท่ีเมื่อพรานใชศรยงิ ใบตาลตน ทีย่ นื อยูต น เพือ่ นแลว ทาํ เสยี ตะเพิด ลงิ กโ็ ผนไปทีต่ น ตาลน้ัน ๆ (จน) ถงึ ตน ทา ยเพื่อน แมใ นเท่ยี วกลบั อกี กน็ ยั เดียวกนั นนั้ การทเี่ ม่ือพระโยคาวจรมนสกิ าร (อยา งน้ัน) บอยเขา คร้ันโกฏฐาสลางเหลาไมป รากฏ ลางเหลาปรากฏ๒ กป็ ลอยโกฏฐาสทง้ั หลายท่ีไมปรากฏเสยี ทําบรกิ รรม (แต) ในโกฏฐาส ท้ังหลายทป่ี รากฏ เหมือนการทล่ี งิ โผนไปตามลําดับตน บอ ย ๆ เขา (ก็ ลา) โผลข นึ้ แตในที่ ๆ พรานทาํ เสยี งตะเพิดไล (ถาไมตะเพิดก็ไมโ ผล) การทีเ่ ม่ือในทส่ี ุดโกฏฐาสปรากฏ (แต) ๒ ในโกฏฐาส ๒ น้ัน โกฏฐาสใดปรากฏดีกวา พระโยคาวจรมนสกิ ารโกฏฐาสนัน้ น่นั แหละ แลว ๆ เลา ๆ ยังอปั ปนาใหเกดิ ได เหมือนการท่ลี งิ ไป ๆ กห็ มอบอยูท่ี ตน ตาลตน หนง่ึ ยึดยอดตาลตูมอันสะอาด (ซึ่งอยู) ตรงกลางตนมนั ไวมั่น แมถกู ยงิ ก็ไมโ ผลฉ ะนน้ั อีกอุปมาหน่งึ เหมือนปณ ฑปาติกภิกษุ (ผถู อื การเท่ียวบณิ ฑ- ๑. เพง่ิ พบทานใช 'โยคาวจโร' ท่นี ี่ แตแ ลวก็ใช 'โยค'ี ตามถนดั ตอไป ๒. ตรงนปี้ าฐะวา เกสุจิ เกสจุ ิ อปุ ฏ ิเตสุ น้ันตก อนปุ ฏ เิ ตสุ ไปบทหน่ึง เพราะฉะนนั้ เมอ่ื เรยี งเต็มก็เปน เกสุจิ อนุปฏ ิเตสุ เกสุจิ อปุ ฏเิ ตสุ แตถ า ถอื เอาที่ทา นเรยี งมาแลว เปน หลักคอื เกจิ โกฏ าสา อปุ ฏ หนฺติ เกจิ น อปุ ฏ หนตฺ ิ ดังนี้ ในทนี่ ้ี ก็ควรเรียง อปุ ฏ ิเตสุ ไวหนา อนปุ ฏ ิเตสุ ไวหลงั ดว ย
ประโยค๘ - วสิ ุทธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 40 บาตเปน ปกต)ิ อาศัยหมบู านอันมีตระกลู ๓๒ ตระกลู (เปนท่ี โคจรบิณฑบาต) อยู (ไปบณิ ฑบาต) ตางวาไดภ ิกษา ๒ ท*ี่ ใน เรอื นหลงั แรกทีเดยี วแลว ก็สละเรอื นหลัง ๑ ขาหนา เสยี (ไมเ ขา ไปรับภิกษา) วนั รุงข้ึนตางวา ได ๓ ท่ี (ในเรอื นหลงั แรก) แลว ก็ สละเรือน ๒ หลังขา งหนาเสยี ในวันท่ี ๓ ตา งวาไดภิกษาเต็มบาตร ในเรอื นหลังตน ท่ีเดยี วแลวก็ (ไมไ ปบณิ ฑบาตตอไป) ไปโรงฉนั ฉนั เสียเลยฉันใด คาํ อปุ ไมยนก้ี ็พงึ เหน็ ฉันนนั้ อนั อาการ ๓๒ กเ็ หมือนหมู บานมีตระกูล ๓๒ ตระกูล พระโยคาวจรเหมอื นปณฑปาตกิ ภิกษุ การ ที่พระโยคีทาํ บริกรรมในอาการ ๓๒ เหมือนการท่ีปณฑปาติกภกิ ษุน้ัน อาศัยหมูบ า นน้ัน (เปน ท่โี คจรบิณฑบาต) อยู การทเ่ี มือ่ พระโยคี มนสิการไป ๆ สละโกฏฐาสท้ังหลายที่ไมปรากฏเสีย ทาํ บรกิ รรม (แต) ในโกฏฐาสทั้งหลายท่ีปรากฏ ๆ ไปจน (เหลือแต) ๒ โกฏฐาส ก็ เหมือนการท่ีปณฑบาติกภิกษุไดภ กิ ษา ๒ ท่ี ในเรอื นแรกแลว สละเรือน หลงั หนงึ่ ขางหนาเสยี และเหมือนในวันที่ ๒ ได ๓ ที่แลวสละเรือน ๒ หลังขางหนาเสีย การที่ในโกฏฐาส (ท่ปี รากฏแต) ๒ โกฏฐาสใด * มหาฎีกาวา เทวฺ ภกิ ขฺ า หมายความวา เทา กบั ภิกษาทพ่ี ึงไดในเรอื น ๒ หลงั สาํ หรับใน บานเมอื งเรานใ้ี ชทัพพีตกั ภกิ ษาโดยมาก ใชถ ว ย และขันก็มบี าง แตใ นชมพทู วีปและลังกาทวีป จะใชอ ะไรไมแ จง ในที่นี้จงึ ใชค าํ วา \"ท่\"ี ไวเปนกลาง ๆ หมายความวา เรอื นหลัง ๑ ก็ถวาย ที่ ๑ จะเปน ทพั พหี รือถว ยขันอะไรก็ตาม ปณฑปาติกภกิ ษใุ นอปุ มานี้ ถอื บิณฑบาตไปอกี แบบหนึ่ง คลา ยกับจะถือวา \"เรือนละท\"ี่ เพราะฉะน้นั เม่อื ไดภกิ ษาในเรือนแรก ๒ ที่แลว จงึ เวน เรือนถัดไปเสยี หลัง ๑ ไปรับในหลงั ท่ี ๓ ตอไป ถา ไดห ลงั แรก ๓ ท่ีแลว ก็เวน หลังที่ ๓ ไปรบั ในหลังที่ ๔ ตอไป----กช็ อบกล ถา หลงั แรกถวาย ๒ ท่ี ๓ ทีห่ รือเต็มบาตรเสียเรื่อยไป เรือนหลงั ถัด ๆ ไปกเ็ ปน อันไมไ ดถ วายสักทีละซิ ?
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 41 ปรากฏดีกวา พระโยคมี นสกิ ารโกฏฐาสนน้ั แหละ แลว ๆ เลา ๆ ยัง อัปปนาใหเ กิดขึน้ ได กเ็ หมอื นในวันที่ ๓ ไดเตม็ บาตรในเรือนหลงั ตน ทีเดยี วแลว (ไป) นั่งฉันเสยี ในโรงฉันฉะนัน้ [มนสกิ ารโดยอปั ปนา] ขอ วา โดยอปั ปนา คือ โดยโกฏฐาสทีเ่ กดิ อัปปนา น้เี ปน อธบิ ายในขอนน้ั คอื บณั ฑติ พงึ ทราบวาในโกฏฐาสทง้ั หลายมผี มเปนตน อัปปนายอมมไี ดใ นโกฏฐาสหน่งึ ๆ * น้ีเปนอธบิ ายในขอ วา \"และสุตตันตะ ๓\" นน้ั วา สุตตันตะ ๓ น้คี ือ อธจิ ิตต (สูตร) สตี ิภาว (สตู ร) โพชฌงคโกสลั ล (สตู ร) พระโยคาวจรควรทราบ เพอื่ ประกอบวิรยิ สมาธิ [อธิจติ ตสูตร] ใน ๓ สูตรนน้ั สูตรนี้วา \"ดกู รภิกษทุ งั้ หลาย ภิกษุผปู ระกอบ อธิจิต ตอ งมนสิการนิมิต ๓ ตามกาลอนั ควร คอื ตองมนสกิ าร สมาธนิ มิ ติ ตามกาลอนั ควร ตองมนสิการปคคหนิมิตตามกาลอันควร ตองมนสกิ ารอเุ บกขานิมิตตามกาลอันควร ภกิ ษทุ งั้ หลาย ถา วา ภกิ ษุ ผปู ระกอบอธจิ ิต พงึ มนสิการสมาธนิ ิมติ สว นเดียวเทานั้นไซร ยอ ม เปน ไดทีจ่ ิต (ของเธอ) จะพึงเปน ไปขางโกสชั ชะเสีย ถาภิกษผุ ู * ฟงตามนเ้ี ขา ใจวา อาการ ๓๒ น้นั พระโยคาวจรพึงมนสกิ ารใหเกิดอัปปนาไดท ุกอาการ แตว าอัปปนาจะเกดิ กย็ อมเกดิ ในอาการใดอาการหน่ึงแตอ าการเดียวทป่ี รากฏดกี วาเพ่ือน ดงั กลา ว ในตอนกอ น หาใชว า เกดิ พรบึ พรอ มกันทงั้ ๓๒ ไม
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 42 ประกอบอธจิ ิตพงึ มนสกิ ารปค คหนิมิตสวนเดียวเทานน้ั ไซร ยอ มเปน ไดท จ่ี ิต (ของเธอ) จะพึงเปน ขา งอุทธัจจะเสยี ถาภกิ ษุผปู ระกอบ อธจิ ติ พึงมนสิการอเุ บกขานิมติ สวนเดียวเทานน้ั ไซร ยอมเปน ไดทจ่ี ติ (ของเธอ) จะไมพ ึงตั้งมั่นถูกทางเพอ่ื สนิ้ อาสวะท้ังหลาย ตอ เมือ่ ภิกษุผปู ระกอบอธจิ ติ มนสกิ ารสมาธินิมติ ปคคหนมิ ิต อเุ บกขานมิ ติ ตามกาลอันควร จติ (ของเธอ) นนั้ จงึ จะเปนจิตออน ควรแกก าร เปนจติ ผองใสและไมแตก ตง้ั มนั่ ถกู ทางเพือ่ สิ้นอาสวะท้ังหลาย อุปมา เหมอื นชา งทองหรอื ลูกมือชา งทอง กอเตาเขา ครั้นกอเตาแลว กส็ มุ เบา คร้ังสุมเบา แลว ใชค มี จับทองวางลงไปในเบาแลว (สบู ) เปาไปตามกาล อนั ควร (ถาไฟแรงรอ นมากไปก)็ พรมนํ้า (ทที่ อง) ตามากาลอันควร (ถา ไฟพอดีก็) ดูอยูเ ฉย ๆ ตามกาลอันควร ภกิ ษทุ ง้ั หลาย หากวา ชา งทองกต็ าม ลกู มือชางทองกต็ าม จะพึง (สูบ) เปาทองน้ันไป สวนเดียวไซร ยอ มเปนไดที่ทองนนั้ จะพงึ ไมไป หากชางมองก็ตาม ลูกมอื ชางทองกต็ าม พรมน้าํ ทองน้ันไปทาเดียวไซร ยอ มเปน ไดท ่ี ทองนัน้ จะพึงเย็นเสีย หากชางทองก็ตาม ลกู มือชา งทองก็ตาม (พกั ) ดูทองนน้ั อยูเฉย ๆ ไปอยา งเดียวไซร ยอ มเปน ไดท่ีทองนนั้ จะไมพ งึ ถงึ ซงึ่ ความสกุ ดี ตอ เม่อื ชางทองก็ดี ลกู มอื ชางทองก็ดี (สบู ) เปา ทอง นนั้ ไปตามกาลอันควร พรมทน้าํ ทองนัน้ ไปตามกาลอันควร (พัก) ดทู องนน้ั อยูเฉย ๆ ตามกาลอันควร ทองน้ันจึงจะออน ควรแก การ เปน ทองสกุ ปล่ังและไมเ ปราะ ใชก ารไดดี แมน ชา งทองประสงค (จะทําเปน ) เคร่ืองประดับชนดิ ใด ๆ เปน เขม็ ขดั ก็ดี เปน ตมุ หกู ็ดี
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 43 เปน เครื่องประดับคอก็ดี เปนสายสังวาลก็ดี สงิ่ ทปี่ ระสงคน น้ั กย็ อ ม สําเร็จแกเ ขาแล ฉันใด ภกิ ษทุ งั้ หลาย ภกิ ษผุ ูประกอบอธจิ าติ (ตอง มนสกิ ารนิมติ ๓ ตามกาลอนั ควร) ฯลฯ (จิตของเธอจงึ จะ) ตั้ง มันถกทางเพื่อสนิ้ อาสวะท้งั หลาย แมนเธอนอ มจิตไปเพอ่ื ทําใหแจง ดว ยปญญาอนั ย่งิ ซ่ึงธรรมทเี่ ปน อภิญญาสัจฉกิ รณียะใด ๆ เมอื่ ไดเ หตุ อันควร เธอยอมจะถงึ ความเปนผูอาจทําใหประจักษไ ดในอภญิ ญา- สัจฉิกรณีธรรมน้นั ๆ โดยแท\" ๑ ดังน้ี พงึ ทราบวา ชอ่ื อธจิ ิตต (สูตร) [สตี ิภาวสตู ร] สตู รนว้ี า \"ดกู รภิกษทุ งั้ หลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดวยธรรม ๖ ประการ เปนผูอ าจเพื่อทําใหแจงซ่ึงสีตภิ าวะ (ความดบั เยน็ ) อนั ยอดเยี่ยม ธรรม ๖ ประการคืออะไรบา ง คือภิกษุในธรรมวนิ ัยน้ี ขม จติ ในสมัยที่จิตควรขม ๑ ยกจติ ในสมัยทีจ่ ติ ควรยก ๑ ทําจติ ให รา เรงิ ในสมยั ทีจ่ ติ ควรทําใหรา เรงิ ๑ เพง ดูจติ อยเู ฉย ๆ ในสมัยท่จี ิต ควรเพง ดอู ยูเฉย ๆ ๑ เปนผมู ีอธิมตุ ิ (คืออธั ยาศยั ) ประณตี ๑ มุง ยินดพี ระนิพพาน ๑ ภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษผุ ูประกอบดวยธรรม ๖ ประการนแ้ี ล เปนผอู าจทาํ ใหแ จงซึ่งสีติภาวะอันยอดเย่ียม\"๒ ดงั นี้ พงึ ทราบวา ชื่อ สีตภิ าว (สตู ร) ๑. อง.ฺ ตกิ . ๒๐/๓๒๙ ๒. องฺ. ฉกฺก. ๒๒-๔๘๔
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 44 [โพชฌงคโกสลั ลสูตร] สวนสตั ตโพชฌงคโกศล ไดแสดงมาแลว ในอปั ปนาโกศลกถาวา \"ฉนั นั้นน่นั แล ภิกษทุ ั้งหลาย ในสมยั ใดจิตหดหู ในสมัยนน้ั (กาลนั้น) มิใชกาลท่ีจะบาํ เพญ็ ปสสัทธิสมั โพชฌงค\" ดงั นเี้ ปนอาทิ* พระโยคีน้ัน ทาํ อุคคหโกสัลละ ๗ วธิ ีน้ี ใหเ ปน อนั ถือเอาได อยา งดี และกําหนดมนสิการโกสลั ละ ๑๐ วธิ นี ้ดี ว ยดี โดยนยั ดงั กลา ว มาดังนแี้ ลว ก็จะพงึ ขึ้นเอากรรมฐานไดดี ดว ยอาํ นาจแหงโกสลั ละ ท้งั ๒ (นนั้ ) [กอนจะเรม่ิ กรรมฐาน] กถ็ าวาพระโยคีน้ันมคี วามผาสกุ อยูในวิหารเดียวกนั กับพระอาจารย ไซร เธอกไ็ มจําตอ งใหอาจารยบอก (วธิ ตี า ง ๆ ) โดยพสิ ดารอยาง น้ัน ประกอบกรรมฐานไปไดคณุ วิเสส (แหง ภาวนาขน้ั ๑) แลวจงึ (ขอ) ใหท านบอกขั้นสงู ๆ ขน้ึ ไป (แต) พระโยคผี ูใครจะ (ไป) อยทู ่อี น่ื พึงใหอ าจารยบ อกใหโ ดยพสิ ดาร โดยวธิ ีตามทก่ี ลา วแลว ทบทวนบอย ๆ (ใหช่ําปากและใจ) ตัดท่ี ๆ เปน ปมเสียทั้งหมด ละเสนาสนะที่ไมเ หมาะแลวและอยใู นเสนาสนะท่ีเหมาะสม ทําการ ตัดปลิโพธเลก็ นอยเสียตามนยั ท่กี ลา วในปฐวีกสณิ นเิ ทศนน่ั แลว จงึ ทาํ บรกิ รรมโดยปฏิกลู มนสกิ ารเถดิ กแ็ ลเม่อื จะทํา พึงถือเอานมิ ติ ในผมทัง้ หลายเปนอันดับแรก * ส. มหาวาร. ๑๙/๑๕๖
ประโยค๘ - วสิ ุทธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 45 ถามวา พงึ ถือเอานมิ ิตในผมทั้งหลายอยา งไร ? ตอบวา พงึ ถอนผม เสน ๑ หรือ ๒ เสน๑ วางลงท่ฝี ามือแลวกาํ หนดสี (ของมนั ) กอน จะดูผมทั้งหลายแมในท่ี ๆ เขาตดั ผม๒ กค็ วร แมจ ะดูผมท้ังหลายทตี่ ก อยใู นนา้ํ หรอื ตกอยใู นยาคู กค็ วรเหมอื นกัน เห็นในกาลทีส่ ีมนั ยงั คํา กพ็ งึ มนสิการวามนั คํา เหน็ ในกาลท่ีสีมนั ขาว กพ็ งึ มนสิการวา มันขาว แตเห็นในกาลท่ีมันมสี ีเจอื ปน กพ็ ึงมนสกิ ารโดยสที ่ีหนา (กวา) ก็ใน ผมทง้ั หลายฉนั ใด ในโกฏฐาสตจปญจกะท้ังสิ้นกฉ็ นั นน้ั ไดเ หน็ เทยี ว จงึ ถือเอานมิ ิต๓\" ครนั้ ถอื เอานมิ ิตอยา งน้แี ลวพงึ กาํ หนดลักษณะโกฏ- ฐาสทัง้ ปวง โดยสี สณั ฐาน ทิศ โอกาส (ทีต่ ัง้ ) และตดั ตอนแลว จงึ กําหนดความเปน ปฏกิ ลู ๕ ประการ โดยสี สณั ฐาน กลิ่น ท่ีอาศัย อยู และโอกาส (ตอ ไป) นี้เปน อนบุ พุ พิกถาในการกําหนด (ลักษณะและความ เปน ปฏิกลู ) นนั้ ในโกฏฐาสทั้งปวง [ผม] อนั ดับแรก เกสา-ผมทัง้ หลาย โดยสปี กติ เปน สดี าํ ดจุ สผี ล ประคําดคี วายใหม ๆ โดยสัณฐาน ยาว กลม ดจุ สณั ฐานคนั ช่ัง โดยทิศ เกิดในทศิ เบือ้ งบน (แหง รา งกาย) โดยโอกาส (ทต่ี ง้ั ) หนังสด ๑. วินยั หามถอนผม แตถอนเพอ่ื ประโยชนเชนนีท้ านวาไมมีโทษ ๒. ฉินฺนฏาเน มหาฎกี าแกเ ปน มุณฺฑติ ฏ าเน-ทีป่ ลงผม ๓. ตจปญจกะนี้ มองดูเห็นไดทั้งนัน้ สว นในโกฏฐาสนอกน้ันดูไมเ หน็ ไดแ ตฟงและนึกรแู ลว ถือ เอานมิ ติ
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธมิ รรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 46 ทห่ี มุ กะโหลกศรี ษะ ดานขา งท้ังสองกําหนดตดั เอาแคห มวกหู ดาน หนาแคก รอบหนา ผาก ดา นหลังแคคอตอ เปนโอกาส (ท่ีตง้ั ) ของ ผมท้ังหลาย๑ โดยตัดตอน ผมท้ังหลาย ขา งลา งตัดตอนดวย พ้นื รากของตน อนั (หยง่ั ) เขา ไปหนงั หุม ศีรษะสักแคปลายเมล็ด ขา วเปลือกต้ังอยู ขา งบนตดั ตอนดว ยอากา ขาง ๆ ตดั ตอนดว ยเสน ผมดว ยกัน การกาํ หนดตัดโดยนัยวา 'ผม ๒ เสน ไมม รี วมเปนเสน เดียว (คือเปน เสน ๆ หรือเสน ใครเสนมนั )' นเ้ี ปน (สภาคปริเฉท) ตัดตอนดว ยสว นของตน ชื่อวา ผมท้งั หลาย (นัน้ ) ธรรมดาทํามา มิใหป นกับโกฏฐาสทีเ่ หลืออีก ๓๐ โดยนยั เชนวา 'ผมมิใชข น ขน กม็ ใิ ชผม' ดงั น้ี การกําหนดตัดวา 'โกฏฐาสน่ันเปน สว นหน่งึ ตาง หาก' นีเ้ ปน (วิสภาคปริเฉท) ตัดตอนดว ยสวนท่ผี ิดกับตน๒ น้ี เปนกาํ หนดโดยลักษณะมีสเี ปน ตน แหงผมทง้ั หลาย สวนตอไปนี้ เปนกาํ หนดโดยความปฏกิ ูล ๕ สว น โดยประการ มสี เี ปนอาทิแหงผมเหลา น้ัน อนั ผมน้นั แมโดยสีก็ปฏิกลู แมโดยสัณฐาน แมโ ดยกลิน่ แมโ ดยที่อาศยั แมโดยโอกาส กป็ ฏกิ ลู อธิบายวา คนท้งั หลายเห็น ๑. ตอนกําหนดโดยโอกาสน้ี ปาฐะแยกเปน ๒ ประโยค คือโอกาสโต----ปริจฺฉินฺนา ประโยค ๑ สีสกฎาห----โอกาโส ประโยค ๑ เขา ใจวา คลาดเคลอื่ น เพราะตรงนี้กาํ หนดหนังซ่ึงเปน โอกาส คอื ท่ตี ้งั ของผม ไมใ ชก ําหนดผม ควรแก ปริจฉฺ นิ นฺ า เปน ปรจิ ฉฺ นิ ฺน ใหเ ปน วิเสสนะของ----จมมฺ ๒. ตอนวิสภาคปรเิ ฉทน้ี ปาฐะกว็ ุน ๆ อยา งไรอยู ความไมใครดี ในทา ยหนา ๓๕ กลาวไวหน ๑ วา 'เกสา น โลมา โลมาป น เกสาติ เอว อมสิ ฺสกตาวเสน วิสภาคปริจเฺ ฉโท เวทติ พฺโพ' เปน ประโยคเดยี วชัดดี
ประโยค๘ - วสิ ทุ ธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 47 ส่ิงอะไร ๆ ทม่ี สี ีคลายผม ในภาชนะขา วตมหรือในภาชนะขา วสวย กต็ าม แมเปนของพึงใจ ก็จะเกลียดขนึ้ มา บอกวา 'นี่มนั ปนผม นาํ มันไปเสีย' ผมทั้งหลายเปนของปฏิกลู แมโ ดยสี ดังน้ี อนงึ่ คนท้ังหลายกินอาหารกลางคืนอยู แมน ถกู (ใย) เปลือก รกั หรอื เปลอื กปออันมสี ัณฐานดังผมเขา กจ็ ะเกลยี ดขน้ึ มาอยา งน้นั เหมือนกัน ผมปฏกิ ูลโดยสัณฐาน ดังน้ี อนึง่ กลิ่นของผมท่เี วนจากการตกแตง มที านํา้ มนั และอบดอกไม เปน ตน ยอมนา เกลยี ดนกั กลิน่ ของผมท่ีถกู ไฟยงิ่ นา เกลียดกวา น้นั แทจริง ผมทงั้ หลาย โดยสีและสัณฐานจะพงึ ไมปฏกิ ูลก็เปนได แตว า โดยกลน่ิ แลว ปฏกิ ลู ทีเดยี ว อปุ มาเหมือนกอ นอุจจาระของเด็กเลก็ โดยสี สมี นั ก็เหมอื นสีขมน้ิ แมโดยสณั ฐาน ก็สัณฐานเหมอื นแงงขมิน้ และซากสุนัขดําท่ขี ้นึ แลว เขาทง้ิ ไวในท่สี ําหรับทง้ิ ขยะ โดยสี สมี ันก็ เหมอื นสีผลตาลสกุ โดยสัณฐาน ก็สัณฐานเหมือนตะโพนทีเขาปลอย กลง้ิ อยู เขยี้ วของมนั เลา ก็สัณฐานเหมือนดอกมะลติ มู เพราะเชน นี้ อจุ จาระเดก็ และซากสนุ ัขดาํ ทงั้ ๒ อยา ง โดดสีและสณั ฐาน จะไม ปฏกิ ูลก็เปน ได แตว า โดยกล่นิ ละก็ปฏกิ ูลแนฉนั ใด แมผ มกฉ็ ันนน้ั โดยสีและสณั ฐานจะไมปฏกิ ูลก็เปนได แตวาโดยกลนิ่ แลวปฏิกูลเปน แทแล*/SUP> อนงึ่ ผักสําหรับแกง อันเกดิ ในทโ่ี สโครกดว ยนํา้ คราํ ทไ่ี หลออก * เทียบกับขางหนาและขา หลงั ตรงนีน้ า จะมี เอว คนธฺ โต ปฏิกูลา หรอื อทิ เนส คนฺธโต ปาฏิกุลฺย
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 48 ไปแตห มูบ า น ยอ มเปน ของนาเกลียดไมน าบริโภคสําหรับคนชาวเมือง ฉันใด แมผมก็ฉันนัน้ ชอื่ วานา เกลียด เพราะเกดิ ดวยนํา้ ทีซ่ ึมออก มาแตโ กฏฐาสมนี ํา้ เหลอื ง เลอื ด มตู ร กรสี นา้ํ ดแี ละเสมหะเปนอาท*ิ น้แี ลเปน ความปฏิกูลโดยท่อี าศัยแหง ผมทัง้ หลายนน้ั อน่ึง อนั ผมทั้งหลายน้ี เกดิ ในกองโกฏฐาส ๓๑ ดจุ ผกั ท่ขี ้นึ ใน กองคถู มันจึงเปน ของนาเกลยี ดนกั เพราะเกดิ ในที่ไมสะอาด ดุจผกั ทเ่ี กิดในที่โสมมทั้งหลายมที ป่ี าชาและที่เทขยะเปนตน และดจุ ดอกไม (นา้ํ ) มดี อกบวั หลวงและดอกบวั สายเปนอาทิ ทเี่ กดิ ในท่ีไมสะอาด ทง้ั หลาย มคี เู มือง เปนตน นแ้ี ลเปนความปฏกิ ูลโดยโอกาสแหง ผล ทัง้ หลายนัน้ พระโยคาวจรพึงกาํ หนดความปฏกิ ลู ๕ สวน โดยสี สณั ฐาน กลิ่น ที่อาศัย และโอกาส แหงโกฏฐาสทง้ั ปวง ดจุ กาํ หนดความปฏกิ ลู แหง ผมทงั้ หลายฉะนั้นเถิด แตวา โดย (ลกั ษณะคอื ) สี สัณฐาน ทิศ โอกาส และการตัดตอน ตอ งกําหนดแยก ๆ กนั ทกุ โกฏฐาส [ขน] ในโกฏฐาสเหลา น้นั พงึ กําหนด โลมา- ขนทง้ั หลายกอน ขนปกติ มปี ระมาณ ๙๐,๐๐๐ ขุม โดยสปี กติ ไมด ําแทเ หมือนผม แตเ ปน ดาํ ปน เหลอื ง โดยสัณฐาน ปลายโคง สัณฐานดงั รากตาล โดยทศิ เกิดใน ทิศท้ัง ๒ โดยโอกาส เวนโอกาสที่ผมตงั้ อยูและฝามอื ฝาเทาเสีย เกดิ อยูต ามหนังหมุ สรรี ะนอกนน้ั โดยมาก โดยตดั ตอน เบื้องลา ง * ผม เกิดดว ยบพุ โพโลหิต พอคดิ เหน็ แตเลยไปถงึ มูตร และกรสี . . .นัน้ ตดิ จะลกึ
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 49 ตดั ตอนดว ยพ้ืนรากของตนอนั (หยงั่ ) เขา ไปในหนังหมุ สรีระประมาณ ลขิ า๑ ๑ ตั้งอยู เบื้องบนตัดตอนดวยอากาศ เบอ้ื งขวางตดั ตอนดวย เสนขนดวยกัน การกาํ หนดตัดโดยนัยวา 'ขน ๒ เสน ไมม ีรวมเปน เสน เดียว (คอื เสนใครเสนมัน)' นเี้ ปน (สภาคบริเฉท) ตดั ตอน ดวยสว นของคนแหงขนเหลา นน้ั สวน (วสิ ภาคบริเฉท) ตัดตอน ดว ยสวนทผ่ี ิดกบั ตนก็ เปนเชนเดียวกับ (การกําหนด) ผมนนั่ แล [เล็บ] คําวา นขา - เลบ็ ทงั้ หลาย เปน ชื่อแหงใบเลบ็ ๒๐ อัน๒ เลบ็ ทง้ั ปวงน้นั โดยสี เปนสขี าว โดยสณั ฐาน มีสณั ฐานดงั เกล็ดปลา โดยทิศ เกดิ ในทศิ ทง้ั ๒ คือ เลบ็ เทา เกิดในทิศเบ้อื งลา ง เล็บมอื เกิดในทศิ เบ้ืองบน โดยโอกาส ต้ังอยหู ลงั ปลายนิ้วทัง้ หลาย โดย ตดั ตอน ในทศิ ทัง้ ๒ (คอื ลา ง บน) กําหนดตดั ดว ยเนือ้ ปลายน้วิ ขางใน กําหนดตดั ดวยเนื้อหลังนิว้ ขา งนอกและปลาย กาํ หนดตัด ดว ยอากาศ ดา นขวาง กําหนตัดดวยเลบ็ ดว ยกัน การกาํ หนดตดั โดยนยั วา \"เล็บ ๒ ใบไมม ีรวมอยูดว ยกัน\" นเ้ี ปน (สภาคบริเฉท) ตัดตอนดวยสว นของตนแหง เลบ็ เหลาน้นั สวน (วสิ ภาคบรเิ ฉท) ๑. ลขิ า เขา ใจวาเปน มาตราวดั ความยาว ซงึ่ กลา วไวในอภธิ านัปปทปี กา ดงั นี้ ๓๖ ปรมาณเู ปน อณ,ู ๓๖ อณเู ปน ตชั ชาร,ี ๓๖ ตชั ชารเี ปน รถเรณ,ู ๓๖ รถเรณเู ปนลิกขา, ๗ ลิกขาเปน อูกา, ๗ อูกาเปนธญั ญมาส (เมลด็ ขาวเปลอื ก), ๗ ธัญญมาสเปนอังคลุ ะ (นว้ิ ), ๑๒ องั คุละเปน วิทัตถิ (คืบ), ๒ วิทตั ถิเปนรตนะ (ศอก) ฯลฯ ไดยนิ แปลกันวาไขเ หาบา ง ปลายเหล็กจารบา งก็มี ๒. มหาฎีกาวา ใบเลบ็ ก็นน่ั แหละ เรยี กวาใบเลบ็ เพราะมนั คลายใบไม
ประโยค๘ - วสิ ุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 50 ตดั ตอนดวยสว นที่ผิดกบั ตน ก็เชน เดยี วกบั (การกําหนด) ผมนนั่ แล [ฟน] คาํ วา ทนตฺ า - ฟน ทง้ั หลาย คอื กระดกู ฟน ๓๒ ซีข่ องผูมฟี น เตม็ แมฟ น ทง้ั หลายนัน้ โดยสีก็ขาว โดยสณั ฐาน มสี ัณฐานหลาย อยา ง จริงอยู บรรดาฟน เหลา นั้น (วาดว ย) ฟน ๔ ซีต่ รงกลาง ฟนแถวลา งกอน มสี ัณฐานดุจเมล็ดน้ําเตาทีเ่ ขาปกเรยี งกันไวท ่ีกอนดิน เหนียว สองขา ฟนกลาง ๔ ซีน่ ัน้ ฟน ขา งละซ่ีมีรากเดยี ว ปลายก็ แงเ ดยี ว สัณฐานดุจดอกมะลติ ูม ถัดไป ฟง ขา งละซี่ มี ๒ ราก ปลาย กม็ ี ๒ แง สัณฐานดุจไมคาํ้ เกวียน ถดั ไป ฟน ขา งละ ๒ ซี่ มี ๓ ราก ปลายก็ ๓ แง ถัดไป ฟน ขางละ ๒ ซ่ี มี ๔ ราก ปลายก็ ๔ แงแ ล แมแ ถวบนก็ทาเดียวกนั น้ัน โดยทศิ ฟน นั้นเกิดในทศิ เบ้ืองบน โดย โอกาส ตัง้ อยูในกระดูกกรามท้ัง ๒ โดยตัดตอน ขางลางกําหนดตัด ดวยพ้ืนรากของตนอนั ตั้งอยใู นกระดูกกราม ขางบน กาํ หนดตัดดวย อากาศ เบอ้ื งขวาง กําหนดตดั ดวยฟนดวยกัน การกาํ หนดตดั โดยนยั วา \"ฟน ๒ ซี่ไมมีรวมอยดู วยกนั \" น้เี ปน (สภาคบริเฉท) ตัด ตอนดวยสวนของตนแหงฟน เหลา นั้น สวน (วิสภาคบรเิ ฉท) ตัด ตอนดว ยสวนที่ผิดกบั ตน ก็เชนเดยี วกบั (การกาํ หนด) ผมนนั่ แล [หนัง] คําวา ตโจ - หนงั คอื หนังที่หมุ รางกายท้ังสน้ิ อยู เหนอื หนัง น้ัน มีส่ิงทช่ี อื่ วาฉวี (ผวิ ) มสี ตี าง ๆ เชน ดํา คลาํ้ เหลอื ง ซงึ่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266