Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อีบุ๊ค วิชาอาญา

อีบุ๊ค วิชาอาญา

Published by Guset User, 2021-10-02 14:54:51

Description: อีบุ๊ค วิชาอาญา

Search

Read the Text Version

E-book เร่ืองความผิดต่อเจา้ พนกั งาน จดั ทาโดย นายทศธรรม เกลยี้ งเกิด รหสั นิสิต631081412 คณะนิติศาสตร์ เสนอ อาจารย์วีณา สวุ รรณโณ e-bookเลม่ นีเ้ ป็นสว่ นหนึ่งของการเรยี นวชิ า กฎหมายอาญา 2 : ภาคความผิด 0801221 สาขา นติ ิศาสตร์ ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา2563 มหาวทิ ยาลยั ม.ทกั ษิณจงั หวดั สงขลา

คานา อบี ๊คุ ฉบบั นีเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ของวิชาอาญารหสั วิชา0801221โดยมจี ดุ ประสงคเ์ พ่ือท่ีได้ ศกึ ษาเร่ืองความผิดตอ่ เจ้าพนักงาน (มาตรา๑๓๖-๑๔๙)และสามารถนามาหาความรู้ ของกฎหมายมาใช้ประโยชน์ในการศกึ ษาและจะไดร้ ูแ้ ละเขา้ ใจกฎหมายมาตรานี้และ ให้เขา้ ใจถงึ หลกั ความหมายของเร่ืองนี้และฎกี าของเร่ืองความผดิ ตอ่ เจ้าพนักงาน คณะผจู้ ดั ทาหวงั อย่างย่งิ ว่าอบี ๊คุ ฉบบั นีจ้ ะไดร้ วบรวมเนอื้ หาท่ีน่าสนใจและเป็น ประโยชนใ์ หก้ บั ผอู้ ่านหากมขี อ้ ผดิ พลาดใดๆตอ้ งขออภยั ไว้ ณ ท่ีนี้ ดว้ ย หากมคี าตชิ ม หรือขอ้ เสนอแนะประการใดก็ขอรบั ไว้แกไ้ ขปรับปรุงในครงั้ ตอ่ ไปและขอบคณุ อย่างย่งิ ผจู้ ดั ทา นายทศธรรม เกลยี้ งเกดิ คณะนติ ิศาสตร์

ความผดิ ต่อเจา้ พนกั งาน การกระทาผดิ กฎหมายนนั้ มหี ลายลกั ษณะ ซง่ึ หากมองยอ้ นไปในอดีต จะเห็นวา่ คนทกี่ ระทาผดิ สว่ น ใหญ่จะเป็นเพียงบคุ คลธรรมดา แต่ในปจั จบุ นั ถา้ ดจู ากข่าวหรอื ตามหนา้ หนงั สือพิมพ์ จะเหน็ ว่ามหี ลาย คดีทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั เจา้ พนกั งานดว้ ย ทงั้ ในส่วนทเี่ จา้ พนกั งานกระทาความผิดเองและการกระทาความผดิ ต่อเจา้ พนกั งาน ข้าพเจา้ ขอยกตัวอย่างความผดิ ต่อเจา้ พนกั งานทีเ่ รามกั จะคนุ้ เคยและพบเจอกนั บ่อย มากในชวี ติ ประจาวนั บางมาตรา ดังตอ่ ไปนี้ มาตรา ๑๓๖ ผใู้ ดดูหมิ่นเจา้ พนกั งานซงึ่ กระทาการตามหนา้ ท่ี หรอื เพราะไดก้ ระทาการตามหนา้ ท่ีตอ้ ง ระวางโทษจาคุกไม่เกนิ หนง่ึ ปี หรือปรบั ไม่เกินสองหมน่ื บาท หรือทงั้ จาทงั้ ปรบั ดหู ม่นิ เจา้ พนกั งาน(มาตรา 136) ตัวอย่างเชน่ นางสาว เอ ไปติดต่อทส่ี านกั งานท่ดี ิน เพื่อท่ีจะโอนทด่ี ินซ่งึ นางสาวเอไดม้ าติดต่อไวน้ าน แลว้ แต่ก็ยงั ไม่มคี วามคืบหนา้ ในเรอ่ื งนเี้ ลย จนนางสาวเอรอไมไ่ หว จึงเดินทางไปทส่ี านกั งานทดี่ ินนอี้ ีก ครงั้ ดว้ ยความใจรอ้ น นางสาวเอไดด้ ่าทอเจา้ พนกั งานว่า ”เจา้ พนกั งานท่ีดินหมาๆ ชอบกินแต่เบยี้ ” ซึ่ง คาพดู ดงั กล่าวนเี้ขา้ ขา่ ยขอ้ หาดหู มิ่นจา้ พนกั งาน โดยแทนทนี่ างสาวเอจะเขา้ มาสอบถามเจา้ พกั งานวา่ ตอนนกี้ ารโอนทดี่ นิ มคี วามคบื หนา้ ไปถึงไหนติดขดั อะไร หรอื ตอ้ งการหลกั ฐานอะไรเพิม่ เติมหรอื ไม่ การกระทาท่ีจะเป็นความผิดตามมาตรา 136 ได้ ตอ้ งมอี งคป์ ระกอบอยา่ งนอ้ ยสามประการประกอบกนั คือ 1. ดูหมน่ิ 2. เจา้ พนกั งาน 3. ซ่ึงกระทาการตามหนา้ ท่ีหรอื เพราะไดก้ ระทาการตามหนา้ ที่ << องค์ประกอบขอ้ ท่ี 1 ดูหมน่ิ >>

ไมไ่ ด้มีกฎหมายใดใหค้ านยิ ามคาวา่ \"ดหู มนิ่ \" ไวช้ ดั เจน แต่มตี วั อยา่ งคาพพิ ากษาศาลฎกี ามากมายที่ ตีความความหมายของการดูหมิ่นเอาไว้เช่น คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 1623/2551 อธิบายว่า \"ดหู ม่ิน\" หมายถึง การดูถกู เหยียดหยาม สบประมาท หรอื ทาใหอ้ บั อาย การวินิจฉยั ว่าการกลา่ ววาจาอยา่ งไรเป็น การดูหม่นิ ผอู้ ่ืนหรือไม่ จงึ ต้องพจิ ารณาว่าถอ้ ยคาทกี่ ล่าวเป็นการดถู กู เหยียดหยามสบประมาทผทู้ ีถ่ ู กล่าวถงึ หรือเป็นการทาใหผ้ ทู้ ถี่ กู กล่าวถงึ อบั อายหรอื ไม่ ตวั อย่าง ถอ้ ยคาทีศ่ าลฎกี าเคยพิพากษาว่า เป็นการดหู มิน่ เชน่ เฮงซวย ตอแหล อเี หยี้ อสี ตั ว์อีควาย ไอ้ หนา้ โง่ ฯลฯ ซึ่งเห็นได้ว่า ถอ้ ยคาที่จะเขา้ ข่ายการ \"ดหู มน่ิ \" นนั้ จะมีลกั ษณะหยาบคาย เหยยี ดหยาม มงุ่ โจมตีดว้ ยบคุ คล ทาใหไ้ ด้รบั ความเจบ็ ใจ ทาลายเกียรติยศศกั ดศิ์ รี หรอื เป็นการลดทอนคณุ ค่าลดทอน สถานะของบคุ คลท่ีถกู กลา่ วหานนั้ ๆ หากเป็นการวิพากษ์วจิ ารณโ์ ดยสจุ ริต โดยไมไ่ ดม้ ่งุ ลดทอนศกั ดิศ์ รขี อง ตวั บคุ คลย่อมไม่ใช่การดหู มนิ่ << องค์ประกอบข้อที่ 2 เจา้ พนกั งาน >> กอ่ นหนา้ ปี 2558 คาว่า \"เจา้ พนกั งาน\" ยงั ไม่มคี านิยามทช่ี ดั เจนในประมวลกฎหมายอาญา แต่กม็ ีแนว ทางการตีความของศาลฎกี าทย่ี ดึ ถอื กนั มายาวนาน ตามคาพิพากษาศาลฎกี าที่1787/2524 ที่กลา่ วไวว้ ่า เจา้ พนกั งานยอ่ มหมายถึงบคุ คลผปู้ ฏบิ ตั ิหนา้ ทร่ี าชการโดยไดร้ บั แต่งตงั้ ตามกฎหมาย กล่าวคือในการ แต่งตงั้ นนั้ มีกฎหมายระบถุ งึ วิธีการแต่งตงั้ ไว้และได้มกี ารแต่งตงั้ ถกู ตอ้ งตามกฎหมายทร่ี ะบไุ วน้ นั้ แต่ต่อมาข้อถกเถียงเร่ืองคานิยามของคานกี้ ห็ มดไป เม่ือการแกไ้ ขเพ่มิ เติมประมวลกฎหมายอาญาในปี 2558 กาหนดนยิ ามไวใ้ นมาตรา 1(16) ซึ่งสอดคลอ้ งกบั แนวคาพิพากษาของศาล ดงั นี้\"เจา้ พนกั งาน” หมายความวา่ บคุ คลซงึ่ กฎหมายบญั ญตั ิวา่ เป็นเจา้ พนกั งาน หรอื ได้รบั แต่งตงั้ ตามกฎหมายใหป้ ฏบิ ตั ิ หนา้ ที่ราชการ ไม่วา่ เป็นประจาหรือครงั้ คราว และไมว่ ่าจะไดร้ บั คา่ ตอบแทนหรือไม\"่ จากคานิยามนี้จงึ จากดั วา่ บคุ คลทจ่ี ะเป็นเจา้ พนกั งานและไดร้ บั ความคุม้ ครองตามมาตรา 136 ตอ้ งไดร้ บั แต่งตงั้ ตามกฎหมายใหป้ ฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี \"ราชการ\" ซ่ึงคณะรฐั มนตรีหรอื รฐั บาล

หรือ ส.ส. เป็นฝ่ายการเมอื งเม่อื ทาหนา้ ทก่ี าหนดนโยบาย ออกนโยบาย จึงไม่ได้ทาหนา้ ทข่ี องราชการ เช่นเดียวกบั ข้าราชการทว่ั ไป จึงไม่อยใู่ นความคมุ้ ครองของมาตรา 136 อย่างไรก็ดี หากรฐั มนตรีทางานหรือปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี ในฐานะเชน่ เดียวกบั หนา้ ที่ของขา้ ราชการท่วั ไป เชน่ การ แสวงหาข้อเทจ็ จรงิ การไปร่วมประชมุ ก็อาจอย่ใู นขอบข่ายที่ไดร้ บั ความคมุ้ ครอง โดยพิจารณาจากการ กระทา หรอื อานาจหนา้ ทท่ี ีใ่ ชอ้ นั เป็นเหตใุ หถ้ กู ดหู มน่ิ เป็นหลกั << องคป์ ระกอบขอ้ ที่ 3 ซงึ่ กระทาการตามหนา้ ท่ีหรือเพราะได้กระทาการตามหนา้ ท่ี >> การดหู ม่นิ เจา้ พนกั งานท่จี ะเป็นความผดิ ตามมาตรา 136 จะตอ้ งเป็นการดหู มิน่ ทเี่ ก่ยี วกบั การทางานด้วย เช่น ดหู มน่ิ ตารวจทตี่ งั้ ด่านตรวจดหู ม่นิ ครูที่สอนหนงั สอื ดูหมิ่นหมอทรี่ กั ษาคนไข้แต่ถา้ หากเป็นการดหู มิ่น ในเร่อื งอนื่ หรือประเด็นส่วนตวั ทไ่ี ม่เกี่ยวกบั การทางานตามหนา้ ท่ี กย็ ่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 136 เช่น การกลา่ วถึงตารวจในประเด็นว่า มชี ู้การกล่าวถงึ ครวู า่ มีพฤตกิ รรมเขา้ ข่ายทจุ รติ คอร์รปั ชน่ั หรือการ กลา่ วถงึ หมอว่า เอาเวลาทางานไปเทย่ี วสนามกอลฟ์ มาตรา137 ผใู้ ดแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเท็จแก่เจา้ พนกั งาน ซ่งึ อาจทาใหผ้ อู้ ืน่ หรอื ประชาชนเสียหาย ต้อง ระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กนิ หกเดือนหรอื ปรบั ไม่เกินหนึง่ หมนื่ บาทหรือทงั้ จาทงั้ ปรบั แจง้ ความเท็จต่อเจา้ พนกั งาน (มาตรา 137) ตวั อยา่ งเช่น นายดาพานางสาวแดงไปขอจดทะเบยี นสมรส โดยแจง้ ตอ่ นายทะเบียนวา่ ไมเ่ คยสมรสมา ก่อนทงั้ ท่เี คยแลว้ เจา้ หนา้ ทจี่ ึงบนั ทกึ ไวเ้ ป็นหลกั ฐานในเอกสารวา่ ไม่เคยสมรสและได้จดทะเบยี นให้การ กระทาดงั กลา่ วถือวา่ มคี วามผดิ ฐานแจง้ ความเทจ็ ต่อเจา้ พนกั งาน หลกั เกณฑ์หรือองค์ประกอบของความผิดของ มาตรา 137 มีดังนีค้ ือ 1) แจง้ ข้อความอนั เป็นเทจ็ 2) แกเ่ จา้ พนกั งาน 3) ซ่ึงอาจะทาใหผ้ อู้ ืน่ หรอื ประชาชนเสียหาย 4) โดยเจตนา 1. แจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ หมายความว่า การนาขอ้ เทจ็ จรงิ แจง้ แกเ่ จา้ พนกั งาน ซ่งึ การแจง้ ข้อความอนั เป็นเทจ็ ตามมาตรา 137 นอี้ าจจะกระทาโดยผแู้ จง้ ไปแจง้ ตอ่ เจา้ พนกั งานเอง หรอื โดยตอบ คาถามของเจา้ พนกั งานกไ็ ด้

การแจ้งขอ้ ความอนั เป็นเท็จตามมาตรานี้ อาจกระทาได้ 3 วิธี ดงั นี้ 1.1 กระทาดว้ ยวาจา 1.2 กระทาดว้ ยลายลกั ษณอ์ กั ษร 1.3 กระทาดว้ ยการแสดงกิริยาท่าทางอยา่ งใดอย่างหน่งึ ซ่ึงจะเป็นการกระทาอย่างใดอยา่ งหน่งึ กไ็ ดใ้ หเ้ จ้าพนักงานไดท้ ราบขอ้ ความ โดยท่ีขอ้ ความ ท่ีแจง้ นนั้ จะตอ้ งเป็นความเท็จ ถา้ ขอ้ ความท่ีแจ้งนน้ั ไม่เป็นความเท็จแลว้ ผแู้ จง้ ก็ไมม่ ีความผดิ ตาม มาตรา 137 นี้ ขอ้ ความอนั เป็นเท็จ หมายความว่า ขอ้ ความนัน้ ไม่ตรงกบั ความเป็นจริง 2. แก่เจา้ พนกั งาน คือเจา้ พนักงานผรู้ บั แจ้งขอ้ ความจะตอ้ งเป็นผมู้ หี นา้ ท่รี บั แจง้ ขอ้ ความ นัน้ และตอ้ งกระทาการตามหน้าท่ีโดยชอบดว้ ยกฎหมายจงึ จะถอื ว่าเป็นเจา้ พนกั งาน ถา้ เป็นการ แจง้ ขอ้ ความต่อเจ้าพนักงานซ่งึ ไม่มอี านาจหนา้ ท่ีในการรบั แจ้งขอ้ ความเช่นนน้ั ผแู้ จง้ กไ็ ม่มี ความผิดตามมาตรา 137 นี้ 3. ซ่งึ อาจทาใหผ้ อู้ ่นื หรือประชาชนเสียหาย ถา้ ขอ้ ความนน้ั ไมอ่ าจทาใหผ้ ใู้ ดไดร้ บั ความ เสียหายกไ็ ม่ครบองคป์ ระกอบความผิดฐานแจ้งความเท็จ และมขี อ้ สงั เกตว่าไม่ตอ้ งเกดิ ความ เสยี หายขนึ้ จริงๆ คอื แมก้ ารแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเท็จน้นั เพียงแตอ่ าจะกอ่ ให้เกดิ ความเสียหายได้ก็ เป็นความผิดสาเร็จทนั ทีเม่อื มกี ารแจ้ง และการแจ้งนั้นไดร้ ูถ้ งึ เจา้ พนกั งานแลว้ 4. โดยเจตนา หมายถงึ เจตนาธรรมดาตามมาตรา 59 คอื ผแู้ จ้งจะตอ้ งรู้ว่าขอ้ ความท่ี นาไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานนน้ั เป็นเท็จ ถา้ หากไม่รู้ก็ถือว่าไม่มีเจตนา ผแู้ จง้ กไ็ มม่ ีความผิดตาม มาตรานี้ คาพิพากษาท่ีเก่ยี วขอ้ ง คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 981/2561 การท่ีจาเลยรูว้ ่ามิไดเ้ กิดเหตลุ กั ทรพั ยร์ ถกระบะ แตก่ ลบั แจ้ง แก่พนกั งานสอบสวนว่ามีคนร้ายลกั ทรพั ยร์ ถกระบะท่จี าเลยเชา่ ซื้อไป เพ่ือจะนาเงินท่ไี ดร้ ับจาก บริษทั ผรู้ บั ประกนั ภยั ไปชาระคา่ งวดแก่ธนาคาร ก. ผใู้ หเ้ ช่าซื้อ การกระทาของจาเลยเป็นความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา 173 อนั เป็นบทบญั ญตั ิเฉพาะแลว้ ไมจ่ าตอ้ งปรบั บทตามมาตรา 137 อนั เป็น บทบญั ญตั ิว่าดว้ ยการแจ้งขอ้ ความอนั เป็นเท็จแก่เจ้าพนกั งานท่วั ๆ ไปอกี และเม่อื ไม่เกิดมี ความผิดอาญาฐานลกั ทรพั ยเ์ กดิ ขนึ้ ในคดีนี้ จงึ ไมเ่ ป็นความผิดตามมาตรา 172 คาพิพากษาศาลฎกี าท่ี 4017/2560 ขณะท่ีจาเลยท่ี 1 ไปจดทะเบยี นจานองท่ีดนิ พิพาททง้ั สอง แปลงเพ่ือประกนั หนีเ้ งินกใู้ ห้แกจ่ าเลยท่ี 3 เม่อื วนั ท่ี 5 ส.ค. 2556 คดที ่ีโจทกท์ ง้ั เจ็ดฟ้อง ล. กบั จาเลยท่ี 1

ขอใหเ้ พิกถอนนติ ิกรรมการโอนท่ดี นิ ทงั้ สองแปลงอย่ใู นระหว่างฎีกายงั ไม่ถึงทส่ี ดุ ดงั นนั้ การที่จาเลยที่ 1 แจง้ ข้อความตามท่ปี รากฏในโฉนดท่ีดนิ ทงั้ สองแปลงตอ่ เจา้ พนกั งานท่ดี ินผจู้ ดทะเบยี นจานองในขณะนนั้ ว่า จาเลยที่ 1 เป็นเจา้ ของทด่ี ินทงั้ สองแปลง ซงึ่ ก็ตรงตามเอกสารทแ่ี ทจ้ รงิ จึงเป็นเรอ่ื งทจี่ าเลยท่ี 1 แจง้ ข้อความ ตามขอ้ เทจ็ จรงิ ทีป่ รากฏ ทงั้ เจา้ พนกั งานทดี่ ินผจู้ ดทะเบียนจานองไม่ได้สอบถามจาเลยที่ 1 ว่ามีคดีพิพาท เกี่ยวกบั ที่ดินหรอื ไม่ และจาเลยท่ี 1 มิไดห้ ลอกลวงใหเ้ จา้ พนกั งานที่ดินจดทะเบียนจานองทดี่ นิ พิพาททงั้ สองแปลง การกระทาของจาเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 137 และ 267 มาตรา ๑๓๘ ผใู้ ดต่อสู้หรอื ขดั ขวางเจา้ พนกั งานหรอื ผซู้ ึ่งตอ้ งช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมายในการ ปฏบิ ตั ิการตามหนา้ ที่ ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกินหนงึ่ ปี หรือปรบั ไมเ่ กินสองหมนื่ บาทหรอื ทงั้ จาทงั้ ปรบั ถา้ การต่อสหู้ รอื ขัดขวางนนั้ ไดก้ ระทาโดยใชก้ าลงั ประทษุ รา้ ยหรือขเู่ ขญ็ ว่าจะใชก้ าลงั ประทษุ รา้ ย ผกู้ ระทา ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินสองปี หรือปรบั ไม่เกินสี่หม่นื บาท หรอื ทงั้ จาทงั้ ปรบั มาตรา ๑๓๘ ผใู้ ดต่อสู้หรือขัดขวางเจา้ พนกั งานหรอื ผซู้ ่งึ ตอ้ งชว่ ยเจา้ พนกั งานตามกฎหมายในการ ปฏิบตั ิการตามหนา้ ที่ ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินหนง่ึ ปี หรือปรบั ไม่เกนิ สองหมื่นบาทหรือทงั้ จาทงั้ ปรบั ถา้ การต่อสหู้ รือขัดขวางนนั้ ได้กระทาโดยใชก้ าลงั ประทษุ รา้ ยหรอื ข่เู ขญ็ ว่าจะใชก้ าลงั ประทษุ รา้ ย ผกู้ ระทา ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ สองปี หรือปรบั ไม่เกนิ ส่หี มน่ื บาท หรอื ทงั้ จาทงั้ ปรบั องค์ประกอบความผดิ ตามมาตรา 138 (1) ต่อสู้ หรือขดั ขวาง คาพิพากษาศาลฎกี าที่ 984/2514 (ประชมุ ใหญ่) คืนเกิดเหตุตารวจกบั พวกตามหาเรือของเจา้ ทรพั ยท์ ีถ่ กู คนรา้ ยชงิ ไปพบจาเลยทงั้ สองอย่ใู นเรือลาหนงึ่ ตารวจซงึ่ อย่ใู นเครอื่ งแบบแสดงตวั และบอกให้ จาเลยเข้ามาหา จาเลยทงั้ สองรูว้ า่ เป็นตารวจแต่ขดั ขืน และไดย้ งิ ปืนมาทเ่ี รอื ตารวจ 1 นดั กระสนุ ปืนถกู ผู้ ช่วยเหลอื เจา้ พนกั งานทข่ี าแลว้ จาเลยทงั้ สองโดดนา้ หนพี รอ้ มกนั ดงั นจี้ าเลยทงั้ สองร่วมกนั กระทาผิดฐาน ต่อสขู้ ดั ขวางและพยายามฆ่าเจา้ พนกั งานกบั ผชู้ ว่ ยเหลอื เจา้ พนกั งานท่กี ระทาตามหนา้ ท่ี (ประชมุ ใหญ่ครงั้ ที่ 12/2514) คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2515 การทจ่ี าเลยทงั้ สองร่วมกนั ต่อสขู้ ดั ขวางเจา้ พนกั งานโดยจาเลย ท่ี 1 ชกพลตารวจ อ. ท่หี นา้ อกและจาเลยทงั้ สองชกต่อยพลตารวจ อ. กบั พวก นนั้ . เมอื่ ไม่ปรากฏวา่ เจา้ พนกั งานตารวจไดร้ บั อนั ตรายแก่กายหรอื จติ ใจ จาเลยทงั้ สองจงึ มคี วามผิดตามมาตรา 138 วรรคสอง, 83 เท่านนั้

(2) เจา้ พนกั งานหรือผซู้ ่ึงตอ้ งชว่ ยเจา้ พนกั งานตามกฎหมายในการปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ี คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 77/2541 ต. เป็นหวั หนา้ พนกั งานเวรฝ่ายรกั ษาความปลอดภยั จงึ เป็น พนกั งานตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรือ่ ง แต่งตงั้ เจา้ พนกั งานเพ่ือปฎิบตั ิการตามพระราชบญั ญตั ิการ ท่าอากาศยานแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2522 ลงวนั ท่ี 6 กมุ ภาพันธ์2530 ข้อ 2.1 ซึง่ แต่งตงั้ ใหห้ วั หนา้ พนกั งานเวรฝ่ายรกั ษาความปลอดภยั เป็นเจา้ พนกั งานตามกฎหมาย ต. ได้รบั ทราบทางวิทยวุ ่าจาเลยทงั้ หก เข้ามารบกวนผโู้ ดยสารท่ีบรเิ วณหอ้ งผโู้ ดยสารขาเขา้ จึงสง่ั ให้อ.กบั เจา้ หนา้ ท่รี กั ษาความปลอดภยั อ่นื ช่วยกนั ไล่จาเลยทงั้ หกออกไปจากบรเิ วณดงั กลา่ ว หากจาเลยทงั้ หกไมย่ อมออกไปกใ็ หท้ าการจบั กมุ ต่อมา ประมาณ 10 นาที ต. ไดร้ บั แจง้ ว่าอ. กาลงั ถกู รมุ ทารา้ ยจงึ รีบวง่ิ ไปทเี่ กิดเหตุเม่ือไปถึงทเ่ี กิดเหตพุ วกจาเลย กระจายกนั วิ่งหลบหนี แสดงว่า ต.ซ่งึ เป็นเจา้ พนกั งานไมไ่ ดเ้ ขา้ จบั กมุ จาเลยทงั้ หก เพียงแตต่ .อนญุ าตให้อ. ณ. และ ย. ซ่ึงเป็นผชู้ ว่ ยเจา้ พนกั งานเขา้ ทาการจบั กมุ จาเลย กรณีจึงไมอ่ าจถือว่า ต.เป็นเจา้ พนกั งาน ปฎบิ ตั ิหรอื กระทาตามหนา้ ท่ี เพราะ ต.ไมไ่ ดเ้ ขา้ จบั กมุ จาเลย เม่อื ไม่มีเจา้ พนกั งานปฎบิ ตั กิ ารหรือกระทา ตามหนา้ ท่เี ชน่ นแี้ ลว้ การท่ี อ.ณ.และ ย.เขา้ จบั จาเลยท่ี 1 จงึ ไม่อย่ใู นฐานะทบ่ี คุ คลทงั้ สามเป็นผซู้ ง่ึ ต้องชว่ ย เจา้ พนกั งานในการที่เจา้ พนกั งานนนั้ ปฎบิ ตั ิ การหรือกระทาตามหนา้ ทตี่ ามท่บี ญั ญัติไวใ้ นประมวล กฎหมายอาญามาตรา 138, 289(3), 296 แต่กลบั กลายเป็นการเข้าจบั กมุ โดยไมม่ ีอานาจ แมจ้ าเลยทงั้ หก จะต่อสขู้ ัดขวางกถ็ อื ว่าเป็นการปอ้ งกนั โดยชอบดว้ ยกฎหมายและไมเ่ กินสมควรแก่เหตุ คาพิพากษาศาลฎกี าท่ี 7985/2540 การกระทาทจ่ี ะเป็นความผดิ ฐานต่อสหู้ รือขดั ขวางเจา้ พนกั งาน ในการปฏิบตั ิการตามหนา้ ทต่ี าม ป.อ.มาตรา 138 จะต้องเป็นการกระทาต่อเจา้ พนกั งานทม่ี อี านาจหนา้ ท่ี ตามกฎหมายโดยไดร้ บั การแต่งตงั้ ตามวิธีการทก่ี ฎหมายใหอ้ านาจและกาหนดไว้ ตาม พ.ร.บ.กองอาสารกั ษาดินแดน พ.ศ.2497 มาตรา 16(2) กองอาสารกั ษาดินแดนมหี นา้ ทที่ า หนา้ ที่ตารวจรกั ษาความสงบภายในทอ้ งทร่ี ่วมกบั พนกั งานฝ่ายปกครองหรือตารวจและมาตรา 29 เจา้ หนา้ ทหี่ รือสมาชกิ กองอาสารกั ษาดินแดนในระหวา่ งทาการตามหนา้ ท่ี ใหถ้ ือว่าเป็นเจ้าพนกั งานตาม กฎหมายลกั ษณะอาญา ตามบทบญั ญตั ิดงั กล่าวกาหนดใหผ้ เู้ สยี หายทางานรว่ มกบั พนกั งานฝ่ายปกครอง หรอื ตารวจจึงจะมอี านาจตามกฎหมายและใหถ้ อื ว่าผเู้ สยี หายเป็นเจา้ พนกั งานเมอ่ื ปรากฏวา่ ผเู้ สยี หายมี หนา้ ท่ีเพียงสกดั กนั้ ผกู้ ระทาผดิ ตอ่ กฎหมายแต่ไมม่ ีหนา้ ทจี่ บั กมุ หากจะจบั กมุ จะตอ้ งมีเจา้ พนกั งานตารวจ และปลดั อาเภอรว่ มด้วยดงั นี้การท่ีไมม่ ีเจา้ พนกั งานตารวจหรอื เจา้ พนกั งานฝ่ายปกครองรว่ มกบั ผเู้ สียหาย ในการจบั กมุ จาเลย ผเู้ สยี หายจงึ ไมเ่ ป็นเจา้ พนกั งานซง่ึ ปฏิบตั กิ ารตามหนา้ ที่

(3) ในการปฏบิ ตั ิการตามหน้าท่ี โดยต้องอย่ใู นหนา้ ท่ีและตอ้ งชอบด้วยกฎหมาย ถา้ ไม่มีหนา้ ทผี่ ตู้ ่อสขู้ ดั ขวางก็ไมผ่ ดิ คาพิพากษาศาลฎกี าท่ี 7152/2538 ส.ต.ต. ส.กบั พวกแต่งกายในเครอ่ื งแบบรว่ มกนั ไปจบั กมุ ผู้ ลกั ลอบเล่นการพนนั ไฮโลว์ก่อนไปจบั กมุ ได้ไปขอแบง่ รายไดท้ ีเ่ กบ็ จากการเล่นการพนนั ดงั กล่าวจาก ก. ก. ปฏเิ สธ ส.ต.ต. ส.ก็พูดจาในทานองข่มขู่ ต่อจากนนั้ ไดไ้ ปยงั บริเวณท่มี กี ารเลน่ การพนนั กนั เมอ่ื ไปถึง ส.ต.ต. ส.ไดร้ อ้ งตะโกนใหพ้ วกเลน่ การพนนั วง่ิ หนีโดยไมไ่ ด้เข้าจบั กมุ บคุ คลเหล่านนั้ แต่ไดย้ ึดเครื่องมอื ทีใ่ ชเ้ ลน่ การ พนนั และเงินสดโดยไมไ่ ด้ทาบนั ทกึ การยดึ ของกลางไว้การกระทาของ ส.ต.ต. ส.กบั พวกหาใช่เป็นการ ปฏบิ ตั ิตามหนา้ ท่หี รือกระทาการตามหนา้ ทหี่ รอื กระทาการตามหนา้ ทีใ่ นการเขา้ จบั กมุ ผลู้ กั ลอบเลน่ การ พนนั ไม่ คาพิพากษาศาลฎกี าท่ี 3178/2540 ผเู้ สยี หายได้พบจาเลยในขณะทจ่ี าเลยซง่ึ มอี าการเมาสรุ าน่งั คร่อมอย่บู นรถจกั รยานยนตโ์ ดยไมป่ รากฏวา่ จาเลยไดก้ ระทาความผดิ และผเู้ สียหายมิไดเ้ ขา้ ทาการจบั กมุ จาเลยอนั เนอ่ื งมาจากการกระทาความผดิ ของจาเลยแตอ่ ย่างใด อกี ทงั้ การท่ี ส. แจง้ ต่อผเู้ สยี หายกร็ ะบแุ ต่ เพียงวา่ อาจมีเรื่องกนั บริเวณปากซอยใหไ้ ปชว่ ยคนหน่อย จงึ ฟังไมไ่ ดว้ า่ มกี ารกระทาความผดิ เกิดขึน้ โดย จาเลยเป็นผกู้ อ่ เหตุหรอื กระทาความผิดแต่อยา่ งใด การทผี่ เู้ สียหายปฏิบตั ิภารกิจอน่ื แลว้ เขา้ ไปยงั ทเ่ี กิดเหตุ โดยยงั มไิ ด้มีเหตกุ ารณว์ วิ าทเกดิ ขึน้ แต่ผเู้ สยี หายกลบั ไปมีเรอื่ งกบั จาเลยเป็นสว่ นตวั โดยถกู จาเลยพูดว่า กล่าวและผลกั อก จึงไม่ใชเ่ รอ่ื งทผ่ี เู้ สียหายกาลงั ปฏบิ ตั กิ ารตามหนา้ ทีใ่ นการเขา้ ระงบั เหตทุ ะเลาะววิ าทหรือ จบั กมุ ผกู้ ระทาความผิด การกระทาของจาเลยมใิ ชเ่ ป็นการต่อสขู้ ดั ขวางเจา้ พนกั งานในการปฏิบตั ิตาม หนา้ ทต่ี ามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 แต่อยา่ งใด (4) เจตนา (องคป์ ระกอบภายใน) ต้องรวู้ า่ เป็นการตอ่ สขู้ ดั ขวางเจา้ พนกั งาน คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 148/2513 เจา้ พนกั งานตารวจเขา้ ตรวจคน้ ตวั จาเลยในท่ีเปลยี่ วโดยไมไ่ ด้ แต่งเครอ่ื งแบบตารวจหรือแสดงหลกั ฐานใหเ้ หน็ ไดว้ ่าตนเป็นเจา้ พนกั งานตารวจทาการตามหนา้ ที่ ทงั้ นตี้ ่าง ฝ่ายไมร่ ูจ้ กั กนั มากอ่ นจาเลยไม่มีทางรูไ้ ดว้ า่ เป็นเจา้ พนกั งานตารวจ เช่นนี้แมจ้ าเลยจะได้ทาการตอ่ สชู้ ก ต่อยขดั ขวางมใิ หเ้ จา้ พนกั งานตารวจคน้ เอาเงินทรพั ยส์ นิ ใด ๆ ของจาเลยไปกต็ าม จาเลยกห็ ามคี วามผดิ ฐานต่อสขู้ ัดขวางเจา้ พนกั งานผกู้ ระทาการตามหนา้ ทด่ี งั ฟอ้ งโจทกไ์ ม่ คาพิพากษาศาลฎกี าท่ี 1954/2546 ผเู้ สยี หายท่ี 1 สวมกางเกงขายาวสีกากี สวมเสอื้ ยืดคอกลมสี ขาวเขา้ ไปขอตรวจค้นตวั จาเลยโดยแจง้ ว่าเป็นเจา้ พนกั งานตารวจ แต่ไม่ไดแ้ ตง่ เคร่อื งแบบตารวจ

หรอื แสดงหลกั ฐานใหเ้ หน็ วา่ ตนเป็นเจา้ พนกั งานตารวจผทู้ าการตามหนา้ ท่ี กรณอี าจทาใหจ้ าเลยเขา้ ใจ ผิดไปได้ แมจ้ าเลยจะต่อสชู้ กต่อยหรอื ใชม้ ดี แทงผเู้ สยี หายท่ี1 เพ่ือขัดขวางไมใ่ หผ้ เู้ สยี หายที่ 1 ตรวจคน้ และจบั กมุ จาเลยกห็ ามคี วามผิดฐานตอ่ สขู้ ดั ขวางเจา้ พนกั งานในการปฏบิ ตั ิการตามหนา้ ทแี่ ละ พยายามฆ่าเจา้ พนกั งานซงึ่ กระทาการตามหนา้ ทไ่ี มแ่ มใ้ นชนั้ สอบสวนจาเลยจะใหก้ ารรบั สารภาพฐาน ต่อสขู้ ัดขวางเจา้ พนกั งานในการปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ี แต่บนั ทกึ คาใหก้ ารชนั้ สอบสวนเป็นเพียงพยาน บอกเลา่ โดยลาพงั ไม่มนี า้ หนกั เพยี งพอใหร้ บั ฟังเพื่อลงโทษจาเลยได้ มาตรา139 ผใู้ ดข่มขืนใจเจา้ พนกั งานใหป้ ฏบิ ตั ิการอนั มิชอบด้วยหนา้ ที่หรอื ใหล้ ะเวน้ การปฏบิ ตั ิการ ตามหนา้ ที่โดยใชก้ าลงั ประทษุ รา้ ย หรือขู่เขญ็ วา่ จะใชก้ าลงั ประทษุ รา้ ย ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสี่ปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ แปดหมืน่ บาท หรือทงั้ จาทงั้ ปรบั องค์ประกอบความผิด มาตรา 139 มอี งคป์ ระกอบความผดิ ดงั นี้ 1. ข่มขืนใจโดยใชก้ าลงั ประทษุ รา้ ย หรอื ข่เู ข็ญว่าจะใชก้ าลงั ประทษุ รา้ ย 2. เจา้ พนกั งาน 3. ใหป้ ฏิบตั ิการอนั มชิ อบด้วยหนา้ ทห่ี รอื ได้ละเวน้ การปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ี 4. โดยเจตนา ประเด็นสาคัญ ความผดิ ตามมาตรานี้เมือ่ ขม่ ขืนใจเจา้ พนกั งาน ถา้ หากเจา้ พนกั งานไมก่ ลวั ในการข่มข่นู นั้ ผดิ แค่ พยายาม แต่ถา้ หากเจา้ พนกั งานกลวั ยอ่ มมคี วามผิดสาเรจ็ แต่ถา้ หากขู่ใหเ้ จา้ พนกั งานปฏบิ ตั ิหนา้ ทโี่ ดยชอบไมม่ คี วามผิดตามมาตรานี้ คาพิพากษาศาลฎกี าท่ี 1940/2561ความผดิ ตามฟอ้ งโจทก์คือ ป.อ. มาตรา 139 ซึ่งบญั ญตั ิวา่ \"ผใู้ ด ข่มขืนใจเจา้ พนกั งานใหป้ ฏบิ ตั กิ ารอนั มชิ อบดว้ ยหนา้ ท่ี หรอื ใหล้ ะเวน้ การปฏิบตั กิ ารตามหนา้ ท่โี ดยใช้ กาลงั ประทษุ รา้ ย หรือขู่เข็ญว่าจะใชก้ าลงั ประทษุ รา้ ย...\" ซึ่งเป็นทเ่ี หน็ ไดอ้ ย่างแน่ชดั ว่า ผทู้ จ่ี ะกระทา ความผดิ ตามมาตรา 139 ดงั กลา่ ว จะต้องกระทาการต่อเจา้ พนกั งาน คือข่มขืนใจต่อเจา้ พนกั งาน แต่ ตามคาบรรยายในฟอ้ งโจทกเ์ องและตามขอ้ เทจ็ จรงิ ท่เี กิดขนึ้ กลบั ฟังไดแ้ นช่ ดั วา่ จาเลยเพียงขนึ้ พูด ปราศรยั บนเวทซี ึ่งเป็นการพดู ต่อผชู้ มุ นมุ ในกลมุ่ นปช. ด้วยกนั จาเลยไมไ่ ดพ้ ดู หรือกระทาการใดตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ซงึ่ เป็นเจา้ พนกั งานแต่อย่างใด แมจ้ ะฟังว่าการพดู ปราศรยั ดงั กล่าวมีการทาข่าว ทางสถานโี ทรทศั น์

หรือสอื่ มวลชนสาธารณะอืน่ ดว้ ยก็ตาม ก็ไม่ปรากฏวา่ เป็นเรื่องทจี่ าเลยเป็นผจู้ ดั ใหม้ ีการทาขา่ ว แต่ ขอ้ เทจ็ จรงิ เป็นเร่ืองของนกั ขา่ วสือ่ มวลชนมาทาข่าวกนั เองเท่านนั้ ขณะเกดิ เหตุที่จาเลยพดู ปราศรยั เป็น วนั ท่ี 23 กมุ ภาพันธ์2557 แต่หลงั จากนนั้ อีก 3 วนั จึงมกี ารชมุ นมุ ของกลมุ่ นปช. เพ่ือปิดลอ้ มสานกั งาน ป.ป.ช. ซง่ึ ขณะนนั้ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงวา่ จาเลยได้เข้ารว่ มในการเขา้ ปิดลอ้ มสานกั งานป.ป.ช. ดงั กลา่ ว ด้วย การชมุ นมุ เพ่ือปิดกนั้ ดงั กลา่ วเพ่อื ไมใ่ หค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. และเจา้ หนา้ ที่เขา้ ทางานในสานกั งาน อาจเป็นการกระทาความผดิ ตามมาตรา139 ได้ เพราะเป็นการกระทาเพ่อื ไมใ่ หเ้ จา้ พนกั งานปฏิบตั ิการ ตามหนา้ ที่ แต่การพูดของจาเลยต่อผชู้ มุ นมุ กลมุ่ นปช. ไม่ไดก้ ระทาต่อเจา้ พนกั งาน แต่เป็นการกระทาต่อ ผชู้ มุ นมุ เป็นการพูดชกั ชวนปลกุ เรา้ ผชู้ มุ นมุ ใหไ้ ปรว่ มกนั ปิดลอ้ มสานกั งาน ป.ป.ช. เทา่ นนั้ ทสี่ าคัญใน คาพูดปราศรยั ของจาเลยไมม่ ีขอ้ ความตอนใดทจี่ าเลยข่มขืนใจเพ่อื ใหค้ ณะกรรมการป.ป.ช. กระทาการ อนั ใดที่จาเลยตอ้ งการเลย ไม่วา่ จะเป็นการอนั มชิ อบด้วยหนา้ ที่หรอื การละเวน้ การปฏิบตั กิ ารตามหนา้ ที่ จึงไม่ถือว่าเป็นความผดิ ตามฟอ้ ง คาพิพากษาศาลฎกี าท่ี 2989/2537การทจ่ี าเลยพดู ข่เู ข็ญจะฆา่ ผเู้ สยี หายซึ่งเป็นเจา้ พนกั งานป่าไมห้ ากไม่ ปล่อยไมท้ ่ียึด เป็นการข่มขืนใจผเู้ สยี หายซึ่งเป็นเจา้ พนกั งานใหป้ ฏบิ ตั ิการอนั มชิ อบด้วยหนา้ ท่หี รอื ใหล้ ะ เวน้ การปฏิบตั ิการตามหนา้ ที่เป็นการลงมอื กระทาความผิดครบองคป์ ระกอบความผิดแลว้ แตก่ ารกระทา นนั้ ไม่บรรลผุ ล เพราะผเู้ สยี หายไมเ่ กรงกลวั ไม่ยนิ ยอมปลอ่ ยไมท้ ี่ยดึ ผเู้ สียหายจงึ ไม่ไดป้ ฏบิ ตั กิ ารอนั มชิ อบ ด้วยกฎหมายหรอื ละเวน้ การปฏบิ ตั กิ ารตามหนา้ ทที่ ีจ่ าเลยข่มขืนใจจาเลยจึง มีความผดิ ขนั้ พยายามตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 139ประกอบมาตรา 80 มาตรา140 ถา้ ความผิดตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๓๙ ไดก้ ระทาโดยมีหรือใชอ้ าวธุ หรือ โดยรว่ มกระทาความผิดดว้ ยกนั ตงั้ แต่สามคนขนึ้ ไป ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กนิ หา้ ปี หรือปรบั ไม่ เกนิ หน่งึ แสนบาทหรอื ทงั้ จาทงั้ ปรบั วรรคสอง ถา้ กระทาโดยอา้ งอานาจองั้ ยี่หรอื ซอ่ งโจร ไมว่ า่ องั้ ยหี่ รือซอ่ งโจรนนั้ จะมอี ยหู่ รอื ไม่ ผกู้ ระทาตอ้ ง ระวางโทษจาคกุ ตงั้ แต่สองปีถงึ สิบปี และปรบั ตงั้ แต่สห่ี มื่นบาทถงึ สองแสนบาท วรรคสาม ถา้ ความผดิ ตามมาตรานไี้ ดก้ ระทาโดยมีหรอื ใชอ้ าวธุ ปืนหรอื วตั ถรุ ะเบิด ผกู้ ระทาต้องระวาง โทษหนกั กว่าโทษทก่ี ฎหมายบญั ญัติไวใ้ นสองวรรคก่อนกงึ่ หนึ่ง

คาพิพากษาศาลฎกี าที่ 692/2561 ป.อ. มาตรา 140 วรรคสาม บญั ญตั ิใหผ้ กู้ ระทาความผดิ ฐานต่อสขู้ ัดขวางเจา้ พนกั งานโดยใชก้ าลงั ประทษุ รา้ ย โดยมอี าวธุ ปืนตอ้ งไดร้ บั โทษหนกั กว่าโทษตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิในสองวรรคกอ่ นกง่ึ หนง่ึ ก็ เพ่ือคมุ้ ครองความปลอดภยั ของเจา้ พนกั งานผปู้ ฏบิ ตั ิการตามหนา้ ท่ี แมอ้ าวธุ ปืนทย่ี ดึ ไดจ้ ากรถคันเกดิ เหตุ จะถกู ซุกซอ่ นอยใู่ ตท้ ีน่ ่งั ดา้ นหนา้ ขา้ งคนขบั จาเลยที่1 ไมไ่ ดพ้ กติดตวั หรอื วางในลกั ษณะพรอ้ มหยิบฉวยได้ ทนั ทกี ต็ าม แต่อาวธุ ปืนมกี ระสนุ ปืนบรรจอุ ย่ใู นรงั เพลงิ พรอ้ มใชง้ านได้ทนั ที นบั เป็นอนั ตรายต่อเจา้ พนกั งาน ผปู้ ฏบิ ตั ิตามหนา้ ท่ี จาเลยที่ 1 จงึ มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 138 วรรคสอง ประกอบมาตรา 140 วรรค สาม มาตรา141 ผใู้ ดถอน ทาใหเ้ สยี หาย ทาลายหรอื ทาใหไ้ รป้ ระโยชนซ์ ง่ึ ตราหรอื เครือ่ งหมายอันเจา้ พนกั งานได้ ประทบั หรือหมายไวท้ ีส่ ่ิงใด ๆ ในการปฏิบตั ิการตามหนา้ ที่ เพื่อเป็นหลกั ฐานในการยึด อายดั หรอื รกั ษาสงิ่ นนั้ ๆ ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ สองปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินสีห่ มื่นบาท หรอื ทงั้ จาทงั้ ปรบั มาตรา ๑๔๑ ถา้ รตู้ วั ผกู้ ระทาความผิด แต่เรยี กหรอื จบั ตวั ยงั ไม่ได้เมื่อได้ความตามทางสอบสวนอย่างใด ใหท้ าความเห็นว่าควรส่งั ฟอ้ งหรือส่งั ไม่ฟ้องส่งไปพรอ้ มกบั สานวนยงั พนกั งานอยั การถา้ พนกั งานอยั การ เห็นชอบดว้ ยวา่ ควรสง่ั ไม่ฟอ้ ง ใหย้ ตุ ิการสอบสวนโดยสง่ั ไมฟ่ ้อง และใหแ้ จง้ คาส่งั นใี้ หพ้ นกั งานสอบสวน ทราบถา้ พนกั งานอยั การเหน็ ว่าควรสอบสวนต่อไป กใ็ หส้ ่งั พนกั งานสอบสวนปฏบิ ตั ิเชน่ นนั้ ถา้ พนกั งานอยั การเห็นว่าควรส่งั ฟอ้ ง ก็ใหจ้ ดั การอย่างหนง่ึ อย่างใดเพ่อื ใหไ้ ดต้ ัวผตู้ อ้ งหามา ถา้ ผตู้ ้องหาอยู่ ต่างประเทศ ใหพ้ นกั งานอยั การจดั การเพ่ือขอใหส้ ่งตวั ขา้ มแดนมา มาตรา142 ผใู้ ดทาใหเ้ สยี หาย ทาลาย ซ่อนเรน้ เอาไปเสยี หรอื ทาใหส้ ญู หาย หรอื ไรป้ ระโยชนซ์ ึ่งทรพั ยส์ นิ หรือเอกสารใด ๆ อนั เจา้ พนกั งานไดย้ ดึ รกั ษาไว้หรอื สง่ั ใหส้ ่งเพื่อเป็นพยานหลกั ฐาน หรอื เพื่อบงั คับการให้ เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจา้ พนกั งานจะรกั ษาทรพั ยห์ รือเอกสารนนั้ ไวเ้ อง หรือส่งั ใหผ้ นู้ นั้ หรอื ผอู้ ืน่ ส่งหรอื รกั ษาไวก้ ็ตาม ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กนิ สามปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินหกหมื่นบาท หรอื ทงั้ จาทงั้ ปรบั คาพิพากษาทเี่ กีย่ วขอ้ ง คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 7504/2561 ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 142 เป็นกรณีท่ีผใู้ ดทาใหเ้ สยี หาย ทาลาย ซอ่ นเรน้ เอาไปเสีย หรือทาใหส้ ญู หาย หรือไรป้ ระโยชนซ์ งึ่ ทรพั ยส์ นิ หรือเอกสารใด ๆ อนั เจา้ พนกั งานไดย้ ดึ รกั ษาไวห้ รือส่งั ใหส้ ง่ เพ่ือเป็น พยานหลกั ฐาน... ไมว่ ่าเจา้ พนกั งานจะรกั ษาทรพั ยห์ รอื เอกสารนนั้ ไวเ้ อง... ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ... เป็นการ กระทาความผดิ ต่อเจา้ พนกั งานและรฐั เท่านนั้ ทเ่ี ป็นผเู้ สยี หาย กฎหมายมิได้บญั ญตั ถิ ึงองค์ประกอบ ความผดิ ในส่วนท่อี าจก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายต่อผอู้ น่ื หรอื ประชาชนไว้ดังนนั้ บคุ คลทว่ั ไปหรอื ประชาชนจงึ ไมอ่ าจเป็นผเู้ สยี หายในความผิดตาม ป.อ. มาตรา 142 ได้

สาหรบั ความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา 157 นนั้ เมื่อการกระทาท่ีโจทกก์ ล่าวหาวา่ จาเลยท่ี 1 ถึงที่ 6 กระทา ความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา 142, 151 และ 158 ไม่ไดเ้ ป็นการกระทาความผดิ ต่อโจทกโ์ ดยตรง และโจทก์ ไมใ่ ชผ่ เู้ สียหายที่จะมอี านาจดาเนนิ คดีจาเลยที่1 ถึงที่ 6 ในความผิดตามมาตรา 142, 151 และ 158 แลว้ การท่จี าเลยท่ี 7 ถงึ ท่ี 10 กระทาการเพื่อชว่ ยเหลือจาเลยท่ี 3 และท่ี 4 แมจ้ ะเป็นความจริงหรอื ไมก่ ็ตาม โจทกก์ ็ไมใ่ ชผ่ ทู้ ีไ่ ด้รบั ความเสยี หายจากการกระทาของจาเลยที่ 7 ถงึ ที่ 10 โดยตรง แมโ้ จทกจ์ ะเคย รอ้ งเรยี นใหด้ าเนนิ การสอบสวนลงโทษทางวินยั แกจ่ าเลยที่ 3 และที่ 4 ก็ตาม การท่ีโจทกเ์ ป็นผรู้ อ้ งเรยี นให้ ลงโทษทางวินยั แก่จาเลยท่ี 3 และท่ี 4 กเ็ ป็นเรื่องทีโ่ จทกใ์ ชส้ ทิ ธิทโี่ จทกไ์ ดร้ บั ความเสยี หายจากการกระทา ของจาเลยที่ 3 และที่ 4 แต่กย็ งั ถือไม่ไดว้ า่ โจทกไ์ ดร้ บั ความเสยี หายเป็นพิเศษซงึ่ จะทาใหโ้ จทกเ์ ป็น ผเู้ สียหายตามมาตรา 157 องค์ประกอบของความผดิ 1. ทาใหเ้ สยี หาย ทาลาย ซ่อนเรน้ เอาไปเสยี หรือทาใหส้ ญู หาย หรอื ไรป้ ระโยชน์ 2. ซ่ึงทรพั ยส์ นิ หรอื เอกสารใด ๆ 3. อนั เจา้ พนกั งานได้ยึด รกั ษาไว้หรือส่งั ใหส้ ่งเพือ่ เป็นพยานหลกั ฐาน หรอื เพื่อบงั คบั การใหเ้ ป็นไปตาม กฎหมาย ไม่วา่ เจา้ พนกั งานจะรกั ษาทรพั ยห์ รอื เอกสารนนั้ ไวเ้ อง หรอื ส่งั ใหผ้ นู้ นั้ หรอื ผอู้ นื่ สง่ หรอื รกั ษาไวก้ ็ ตาม 4. เจตนา มาตรา143ผใู้ ดเรียก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส์ ิน หรือประโยชนอ์ นื่ ใดสาหรบั ตนเองหรอื ผู้อื่น เป็นการตอบ แทนในการทจ่ี ะจงู ใจหรือไดจ้ งู ใจเจา้ พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ ห่งรฐั สมาชิกสภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาลโดยวิธีอนั ทจุ ริตหรอื ผดิ กฎหมายหรือโดยอิทธิพลของตนใหก้ ระทาการหรอื ไมก่ ระทา การในหนา้ ท่อี นั เป็นคณุ หรอื เป็นโทษแก่บคุ คลใด ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กนิ หา้ ปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ หนง่ึ แสนบาท หรอื ทงั้ จาทงั้ ปรบั เรียกทรพั ยส์ ินเพ่ือจงู ใจเจา้ พนกั งาน (มาตรา 143) องคป์ ระกอบ 1. เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชน์เพียงเรียกกผ็ ดิ สาเรจ็ 2. สาหรบั ตนเองหรอื ผอู้ ื่น - ผอู้ น่ื จะเป็นใครก็ได้ ขณะเรยี กจะตงั้ ใจเอาไปใหผ้ อู้ ื่นจรงิ หรอื ไม่ไม่สาคัญ 3. เป็นการตอบแทนในการทจ่ี ะจงู ใจหรอื ไดจ้ งู ใจเจา้ พนกั งาน สมาชกิ สภาพนิติบญั ญัติแหง่ รฐั สมาชิกสภาจงั หวดั หรือสมาชกิ สภาเทศบาล

4. โดยวธิ อี นั ทจุ รติ หรอื ผดิ กฎหมายหรอื โดยอทิ ธิพลของตนเอง 5. ในกระทาการหรือไม่กระทาการในหนา้ ท่อี นั เป็นคณุ หรอื เป็นโทษแก่ บคุ คลใด 6. เจตนา การจะจงู ใจหรือไดจ้ งู ใจเจา้ พนกั งานฯลฯ จะต้องกระทาโดยวธิ ีที่ กาหนด คือ 1. โดยวธิ อี นั ทจุ ริต 2. โดยวิธีอนั ผดิ กฎหมาย 3. โดยอทิ ธพิ ลของตน คาพิพากษาท่ีเกี่ยวขอ้ ง คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 2411/2562 ความผิดฐานเรยี ก รบั หรอื ยอมรบั ทรพั ยส์ ิน หรือประโยชนอ์ นื่ ใดสาหรบั ตนเองหรือผอู้ นื่ เป็นการตอบ แทนในการที่จะจงู ใจหรอื ไดจ้ งู ใจเจา้ พนกั งานโดยวธิ ีอนั ทจุ รติ หรือผิดกฎหมายตาม ป.อ. มาตรา 143 เป็นความผดิ ต่อแผ่นดนิ พนกั งานสอบสวนมีอานาจสอบสวนในความผดิ ดงั กลา่ วไดเ้ อง โดยไมจ่ าตอ้ ง อาศัยคารอ้ งทกุ ขห์ รือการมอบคดีจากผเู้ สยี หาย แมผ้ เู้ สียหายจะไม่ใช่ผเู้ สยี หายโดยนิตินยั ก็ไมม่ อี านาจ รอ้ งทกุ ขใ์ นความผดิ ฐานฉอ้ โกงซงึ่ เป็นความผดิ ตอ่ ส่วนตวั เท่านนั้ หามผี ลกระทบต่ออานาจสอบสวนของ พนกั งานสอบสวน ซงึ่ สามารถดาเนนิ การสอบสวนความผิดตามมาตรา143 ไดโ้ ดยชอบไม่ เม่ือพนกั งาน สอบสวนได้ทาการสอบสวนแลว้ ต่อมาพนกั งานอยั การเหน็ ว่าการกระทาของจาเลยทงั้ สามเป็นความผิด ฐานร่วมกนั เรียก รบั เงนิ และมคี าส่งั ใหแ้ จง้ ขอ้ หาเพิ่มเตมิ เมื่อไดม้ กี ารแจง้ ขอ้ หาดงั กล่าวแกจ่ าเลยทงั้ สามเพิ่มเติม ถือได้วา่ คดีในความผิดตามมาตรา 143 ไดม้ ีการสอบสวนโดยชอบแลว้ พนกั งานอยั การ โจทกย์ ่อมมีอานาจฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120 โจทกบ์ รรยายฟอ้ งว่า จาเลยทงั้ สามรว่ มกนั เรียกและรบั เงนิ 9,000,000 บาท ไปจากผเู้ สียหายเป็นการ ตอบแทนในการท่ีจะจงู ใจเจา้ พนกั งานในตาแหน่งอดีตประธานศาลฎกี าและประธานศาลฎกี าโดยวธิ อี นั ทจุ ริต ใหก้ ระทาการตามหนา้ ทโี่ ดยยกเลกิ คาพิพากษาของศาลฎีกาทตี่ ัดสินให้จ. เป็นฝ่ายแพ้คดี และมี คาส่งั ใหมใ่ ห้จ. เป็นเจา้ ของกรรมสทิ ธทิ์ ด่ี ินได้เป็นการบรรยายฟอ้ งทคี่ รบองคป์ ระกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 143 แลว้ สว่ นจาเลยทงั้ สามจะไดไ้ ปจงู ใจเจา้ พนกั งานในตาแหนง่ อดีตประธานศาลฎกี า และประธานศาลฎีกาใหก้ ระทาการในหนา้ ที่ใหเ้ ป็นคณุ แก่ จ. หรือไม่ หาใชอ่ งค์ประกอบความผิดตาม ป.อ.

มาตรา 143 ไม่ แมค้ ดีดงั กล่าวถงึ ท่ีสดุ ไปกอ่ นทจี่ าเลยทงั้ สามจะร่วมกนั เรยี กและรบั เงินจากผเู้ สยี หาย ซึง่ จาเลยทงั้ สามไมส่ ามารถจงู ใจเจา้ พนกั งานในตาแหนง่ อดตี ประธานศาลฎกี าและประธานศาลฎกี าให้ ปฏิบตั ิหนา้ ทีใ่ หเ้ ป็นคณุ แก่ จ. ได้กต็ าม ก็ไม่ทาใหก้ ารกระทาของจาเลยทงั้ สามไม่เป็นความผดิ เพราะ ขาดองคป์ ระกอบความผิดไปแต่อยา่ งใด มาตรา144ผใู้ ดให้ขอใหห้ รอื รบั ว่าจะใหท้ รพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ ่ืนใดแก่เจา้ พนกั งานสมาชกิ สภานติ ิ บญั ญัติแหง่ รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล เพ่ือจงู ใจใหก้ ระทาการไม่กระทาการ หรอื ประวงิ การกระทาอนั มิชอบดว้ ยหนา้ ท่ี ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินหา้ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินหนงึ่ แสนบาท หรือทงั้ จาทงั้ ปรบั คาพิพากษาท่เี ก่ยี วขอ้ ง คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 1262/2547 การท่ีเจา้ พนกั งานตารวจผจู้ บั กมุ ผกู้ ระทาผดิ มีหนา้ ทตี่ อ้ งเบิกความต่อศาลตามความสจั จรงิ ในระหวา่ ง เป็นพยานในคดีทผี่ กู้ ระทาความผิดถกู ฟ้อง เป็นหนา้ ทีอ่ ยา่ งเดียวกบั ประชาชนท่วั ไปหาใช่เป็นหนา้ ที่ โดยตรงอนั สืบเนอ่ื งมาจากทเ่ี ป็นเจา้ พนกั งานผจู้ บั กมุ ผกู้ ระทาความผิดไม่ หนา้ ทที่ ่ีตอ้ งเบกิ ความตาม ความสจั จริงจงึ ไม่เป็นการกระทาการในหนา้ ทีข่ องเจา้ พนกั งานโดยเฉพาะ แมจ้ าเลยจะใหแ้ ละรบั วา่ จะ ใหเ้ งินแก่รอ้ ยตารวจโท ท. กบั พวก เพื่อจงู ใจเจา้ พนกั งานดงั กล่าวเบกิ ความผดิ ไปจากความจริง ก็ไม่เปน็ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 องค์ประกอบมาตรา144 1.ให้ ขอให้ หรอื รบั วา่ จะให้ 2. ทรพั ยส์ นิ หรือประโยชนอ์ นื่ ใด 3. แกเ่ จา้ พนกั งานสมาชกิ สภาพนติ บิ ญั ญตั ิแห่งรฐั สมาชิกสภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล 4. เจตนา - ประสงค์ต่อผลหรอื เล็งเหน็ ผลทจ่ี ะให้ - ต้องรูด้ ว้ ยว่า ผทู้ ่ีตนจะใหส้ นิ บนนนั้ เป็นเจา้ พนกั งาน 5. เพ่ือจงู ใจใหก้ ระทาการ ไมก่ ระทาการ หรือประวงิ การกระทาอนั มิชอบด้วยหนา้ ท่ี มาตรา145ผใู้ ดแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งาน และกระทาการเป็นเจา้ พนกั งาน โดยตนเองมไิ ดเ้ ป็นเจา้

พนกั งานทีม่ อี านาจกระทาการนนั้ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินหนงึ่ ปี หรือปรบั ไม่เกนิ สองหมน่ื บาท หรอื ทงั้ จาทงั้ ปรบั วรรคสอง เจา้ พนกั งานผใู้ ดไดร้ บั คาส่งั มใิ หป้ ฏบิ ตั กิ ารตามตาแหนง่ หนา้ ทตี่ อ่ ไปแลว้ ยงั ฝ่าฝืนกระทาการ ใด ๆ ในตาแหน่งหนา้ ท่นี นั้ ตอ้ งระวางโทษตามทีก่ าหนดไวใ้ นวรรคแรกดจุ กนั คาพิพากษาท่ีเกี่ยวขอ้ ง คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2099/2527 จาเลยไมไ่ ดเ้ ป็นเจา้ พนกั งานตารวจ แต่แต่งกายดงั ทเ่ี จา้ พนกั งานตารวจนอกเครอ่ื งแบบแตง่ กนั ตามปกติ โดยนงุ่ กางเกงสกี ากี สวมเสือ้ คอกลมขาว คาดเข็มขดั หนงั ยืนใหส้ ญั ญาณรถยนตบ์ รรทกุ ทผ่ี ่านไปมาให้ หยดุ รถเพ่ือตรวจตรงจดุ ที่รถยนตต์ ารวจทางหลวงจอดอย่เู ป็นประจา อนั ทาใหบ้ คุ คลทว่ั ไปอาจเขา้ ใจได้ วา่ จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานตารวจ ในการเรยี กตรวจรถแต่ละครงั้ จาเลยแสดงใหเ้ ป็นท่ีเขา้ ใจไดว้ า่ ได้รบั เงิน จากพวกคนขับรถยนตบ์ รรทกุ พฤติการณข์ องจาเลยฟังไดว้ ่าจาเลยแสดงตนและกระทาการเป็นเจา้ พนกั งานตารวจทางหลวงจาเลยจงึ มีความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145 องค์ประกอบของความผิดตามวรรคแรก 1. แสดงตนเป็นเจา้ พนกั งาน และกระทาการเป็นเจา้ พนกั งาน 2. โดยตนเองมไิ ด้เป็นเจา้ พนกั งานทมี่ อี านาจกระทาการนนั้ 3. เจตนา องคป์ ระกอบของความผิดตามวรรคสอง 1. เป็นเจา้ พนกั งาน 2. ไดร้ บั คาส่งั มใิ หป้ ฏิบตั ิการตามตาแหน่งหนา้ ที่ต่อไปแลว้ 3. ฝ่าฝืนกระทาการใด ๆ ในตาแหน่งหนา้ ทนี่ นั้ 4. เจตนา มาตรา146 ผใู้ ดไม่มีสทิ ธิทจี่ ะสวมเครื่องแบบหรือประดบั เครอ่ื งหมายของเจา้ พนกั งาน สมาชกิ สภานิติ บญั ญัติแหง่ รฐั สมาชิกสภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล หรือไม่มีสิทธใิ ชย้ ศ ตาแหนง่ เครือ่ งราชอิสรยิ าภรณห์ รือสงิ่ ที่หมายถงึ เคร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์กระทาการเช่นนนั้ เพ่ือใหบ้ คุ คลอื่นเชอื่ วา่ ตนมีสทิ ธิ ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ หนงึ่ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ สองหมนื่ บาทหรอื ทงั้ จาทงั้ ปรบั คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 8621/2553 โจทกบ์ รรยายฟอ้ งวา่ \"...จาเลย...ไม่มีสทิ ธใิ ชค้ านาหนา้ นามของตนเองวา่ คณุ หญงิ ได้บงั อาจแสดงตวั อวดอา้ ง... ว่าตนเองเป็นคณุ หญิงไดร้ บั พระราชทานเครือ่ งราชอสิ ริยาภรณ์ทงั้ นเี้ พ่ือใหบ้ คุ คลอืน่

หลงเชอื่ ...\" เป็นการบรรยายใหเ้ ห็นวา่ จาเลยไมม่ สี ิทธใิ ชค้ านาหนา้ ชอ่ื ตนเองว่าคณุ หญิงซงึ่ เป็นสงิ่ ที่ หมายถงึ เครือ่ งราชอิสรยิ าภรณ์และกระทาการเชน่ นนั้ เพ่ือใหบ้ คุ คลอนื่ หลงเชื่อวา่ ตนมีสิทธิ ครบ องคป์ ระกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 146 แลว้ จาเลยแต่งกายประดับเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์ซง่ึ ตน ไม่มีสทิ ธแิ ลว้ ถา่ ยรปู ไวถ้ ือไดว้ ่าจาเลยเป็นผไู้ ม่มสี ิทธใิ ชเ้ ครือ่ งราชอิสรยิ าภรณก์ ระทาเชน่ นนั้ แลว้ สว่ น เพื่อใหบ้ คุ คลอน่ื เชอ่ื วา่ ตนมสี ิทธหิ รอื ไม่เป็นเจตนาภายในจิตใจของจาเลย การทจ่ี าเลยถา่ ยรูปขนาด 20 นวิ้ คณู 24 นวิ้ ติดไวใ้ นหอ้ งรบั แขกซ่ึงไมใ่ ช่ท่ีลบั แสดงวา่ ประสงคใ์ หผ้ อู้ น่ื มาเหน็ และตอ้ งการใหผ้ อู้ ่นื เชอื่ วา่ มสี ิทธิใชเ้ คร่อื งราชอิสริยาภรณต์ ามรปู ถ่ายดงั กล่าวจงึ เป็นความผดิ ตามมาตรา 146ผใู้ ดไมม่ ีสทิ ธิที่จะ สวมเคร่อื งแบบหรอื ประดบั เคร่ืองหมายของเจา้ พนกั งานสมาชิกสภานติ บิ ญั ญัติแหง่ รฐั สมาชกิ สภา จงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล หรือไมม่ สี ิทธิใชย้ ศ ตาแหนง่ เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณห์ รอื ส่ิงท่หี มายถงึ เคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์กระทาการเชน่ นนั้ เพื่อใหบ้ คุ คลอ่นื เชอ่ื ว่าตนมสี ิทธิ ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กิน หน่ึงปี หรอื ปรบั ไม่เกินสองหมนื่ บาท หรือทงั้ จาทงั้ ปรบั องค์ประกอบของความผดิ 1. สวมเครือ่ งแบบหรอื ประดบั เครือ่ งหมายของเจา้ พนกั งาน สมาชกิ สภานติ ิบญั ญตั ิแหง่ รฐั สมาชกิ สภา จงั หวดั หรือสมาชิกสภาเทศบาล / ใชย้ ศ ตาแหนง่ เคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณห์ รอื สิง่ ทห่ี มายถงึ เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์ 2. โดยไมม่ สี ิทธิ 3. เพื่อใหบ้ คุ คลอนื่ เช่ือวา่ ตนมีสิทธิ 4. เจตนา คาพิพากษาศาลฎกี าที่ 8621/2553 โจทกบ์ รรยายฟอ้ งวา่ \"...จาเลย...ไม่มีสิทธใิ ชค้ านาหนา้ นามของตนเองว่าคณุ หญงิ ไดบ้ งั อาจแสดงตวั อวดอา้ ง... วา่ ตนเองเป็นคณุ หญิงไดร้ บั พระราชทานเครือ่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ทงั้ นเี้ พ่ือใหบ้ คุ คลอน่ื หลงเชือ่ ...\" เป็นการบรรยายใหเ้ หน็ ว่าจาเลยไมม่ สี ทิ ธิใชค้ านาหนา้ ชื่อตนเองว่าคณุ หญิงซึ่งเป็นส่ิงทห่ี มายถึง เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์และกระทาการเชน่ นนั้ เพอ่ื ใหบ้ คุ คลอื่นหลงเชื่อวา่ ตนมสี ิทธิ ครบองคป์ ระกอบ ความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา 146 แลว้ จาเลยแต่งกายประดบั เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ซงึ่ ตนไมม่ ีสิทธิแลว้ ถา่ ยรปู ไวถ้ อื ได้วา่ จาเลยเป็นผไู้ ม่มสี ิทธิใชเ้ คร่ืองราชอิสริยาภรณก์ ระทาเช่นนนั้ แลว้ ส่วนเพ่ือใหบ้ คุ คลอนื่ เช่อื ว่าตนมีสทิ ธิหรอื ไมเ่ ป็นเจตนาภายในจติ ใจของจาเลย การทจ่ี าเลยถ่ายรูปขนาด 20 นิว้ คณู 24 นวิ้ ติดไวใ้ นหอ้ งรบั แขกซงึ่ ไม่ใช่ทลี่ บั แสดงว่าประสงคใ์ หผ้ อู้ ่นื มา

เห็นและต้องการใหผ้ อู้ นื่ เชอ่ื ว่ามสี ทิ ธิใชเ้ ครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณต์ ามรปู ถา่ ยดังกล่าวจงึ เป็นความผิดตาม มาตรา 146 มาตรา147ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน มีหนา้ ทซี่ อื้ ทา จดั การหรอื รกั ษาทรพั ยใ์ ด เบยี ดบงั ทรพั ยน์ นั้ เป็นของ ตน หรือเป็นของผอู้ นื่ โดยทจุ รติ หรอื โดยทจุ รติ ยอมใหผ้ อู้ น่ื เอาทรพั ยน์ นั้ เสีย ต้องระวางโทษจาคุกตงั้ แต่ หา้ ปีถึงยีส่ บิ ปี หรอื จาคุกตลอดชวี ิต และปรบั ตงั้ แตห่ นงึ่ แสนบาทถงึ สี่แสนบาท คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 13646/2558 ข้อเทจ็ จรงิ รบั ฟังเป็นยตุ วิ ่า จาเลยที่ 1 ใชอ้ านาจในตาแหน่งกระทาการทจุ รติ เบียดบงั เอาเงนิ งบประมาณไปเป็นประโยชนส์ ่วนตัว การกระทาของจาเลยท่ี 1 จงึ เป็นความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา 147 แมโ้ จทกร์ ะบุป.อ. มาตรา 151 ไวใ้ นคาขอทา้ ยฟอ้ ง โดยไม่ไดร้ ะบมุ าตรา 147 กต็ าม แต่โจทกบ์ รรยาย ฟอ้ งแลว้ วา่ จาเลยท่ี 1 ซึ่งเป็นเจา้ พนกั งานและเจา้ หนา้ ทรี่ ฐั มอี านาจหนา้ ทใี่ นการบรหิ ารจดั การจดั การ และรกั ษางบประมาณต่าง ๆ ขององค์การบริหารส่วนตาบลหว้ ยแกว้ ตามโครงการขดุ ลอกลาเหมือง หนองถุหมทู่ ่ี 5 และหมทู่ ่ี 6 เป็นเงนิ งบประมาณจานวน 116,000 บาท ไดใ้ ชจ้ า่ ยเงินงบประมาณตาม โครงการดังกลา่ วจานวน 69,600 บาท สว่ นที่เหลืออกี จานวน 46,400 บาท ขาดหายไป โดยไดเ้ บียดบงั เอาเงินงบประมาณจานวน 46,400 บาท ดงั กล่าวรวมทงั้ เงินงบประมาณตามโครงการอน่ื ดงั ทบี่ รรยาย ในคาฟ้องไปเป็นประโยชนส์ ว่ นตนหรอื ผอู้ ่ืน อนั เป็นการเสยี หายแก่รฐั องค์การบรหิ ารสว่ นตาบลหว้ ย แกว้ และประชาชนทว่ั ไป จึงเป็นการอา้ งบทมาตราผิด ศาลอทุ ธรณภ์ าค 5 มีอานาจลงโทษจาเลยที่ 1 ตามฐานความผดิ ทถ่ี กู ต้องได้ ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา 192 วรรคหา้ คาพิพากษาศาลอทุ ธรณภ์ าค 5 จงึ ไม่ เป็นการพิพากษาเกนิ คาขออนั จะต้องหา้ มตามมาตรา 192 วรรคหนึง่ มาตรา148ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน ใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมชิ อบ ข่มขืนใจหรือจงู ใจเพื่อใหบ้ คุ คลใด มอบใหห้ รอื หามาใหซ้ ่ึงทรพั ยส์ ินหรอื ประโยชนอ์ นื่ ใดแก่ตนเองหรอื ผอู้ ืน่ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ตงั้ แตห่ า้ ปีถงึ ยี่สิบปี หรือจาคุกตลอดชีวติ และปรบั ตงั้ แต่หน่ึงแสนบาทถึงส่แี สนบาท หรือประหารชีวติ มาตรา148 องคป์ ระกอบภายนอก 1.ผกู้ ระทา=เจา้ พนกั งาน 2.การกระทา=ใชอ้ านาจในตาแหนง่ โดยมชิ อบ>ข่มขนื ใจ>จงู ใจ 3.วตั ถแุ ห่งการกระทา>ผอู้ นื่

องค์ประกอบภายใน 1.เจตนา=เจตนาธรรมดากบั เจตนาพิเศษ>เพือ่ ใหบ้ คุ คลใดมอบใหห้ รอื หามาใหซ้ ง่ึ ทรพั ยส์ ินหรอื ประโยชนอ์ ่นื ใดแกต่ นเองหรอื ผอู้ ่นื ข้อสงั เกตมาตรา148 ตอ้ งเป็นการใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมชิ อบมาตงั้ แต่แรก ( ม.149-ใชอ้ านาจโดยชอบแลว้ ในตอนแรก แลว้ มากระทาโดยมิชอบในภายหลงั ) -เป็นความผดิ สาเร็จทนั ทีโดยทไ่ี ม่ตอ้ งคานงึ ว่า ผถู้ กู ข่มขืนใจ/จงู ใจ จะยอมทาตามคาข่หู รือไม่ -เป็นบทเฉพาะของ ม.157 คาพิพากษาทเ่ี กย่ี วขอ้ ง คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 2573/2553 จาเลยซึง่ เป็นเจา้ พนกั งานตารวจกองปราบปรามข่ใู หโ้ จทกร์ ว่ มนาเงนิ มามอบใหโ้ ดยอา้ งว่าเพื่อลบชอื่ โจทกร์ ว่ มออกจากบญั ชผี คู้ า้ ยาเสพติดของสานกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามยาเสพติด และเพื่อทจ่ี ะไมจ่ บั กมุ โจทกร์ ว่ ม จงึ เป็นความผิดต่อตาแหนง่ หนา้ ท่รี าชการฐานเป็นเจา้ พนกั งานใช้ อานาจในตาแหน่งโดยมชิ อบขม่ ขืนใจและจงู ใจเพ่ือใหโ้ จทกร์ ่วมมอบใหซ้ ่งึ ทรพั ยส์ นิ แกต่ นเอง แต่การท่ี โจทกร์ ่วมนาเงนิ ไปมอบใหแ้ ก่จาเลยก็เพ่อื ที่จะใหเ้ จา้ พนกั งานจบั กมุ แสดงว่าโจทกร์ ว่ มไมไ่ ดก้ ลวั คาขู่ ของจาเลย ยงั ถอื ไม่ได้ว่าจาเลยขม่ ขืนใจโจทกร์ ่วมจนโจทกร์ ่วมยอมเช่นวา่ นนั้ การกระทาของจาเลย เป็นเพียงความผดิ ฐานพยายามกรรโชก แมจ้ าเลยจะไมไ่ ดฎ้ ีกาในปญั หานี้แต่เป็นขอ้ กฎหมายท่ี เกี่ยวกบั ความสงบเรียบรอ้ ย ศาลฎีกามีอานาจแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งไดต้ ามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณา ความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2547 แมว้ ่าจาเลยจะเป็นเจา้ พนกั งานทดี่ ินมหี นา้ ทใี่ นการดาเนนิ การเรื่องการจดทะเบียนสทิ ธิและนติ ิกรรม เก่ยี วกบั ทด่ี ิน แต่การท่ีจาเลยแนะนาผเู้ สยี หายว่าต้องดาเนินการรอ้ งขอเป็นผจู้ ดั การมรดกก่อนและรบั ติดต่อทนายความเพื่อดาเนนิ การรอ้ งขอจดั การมรดกนนั้ หาใชเ่ ป็นการใชอ้ านาจในตาแหนง่ โดยมิชอบ หรือเป็นการปฏิบตั ิการหรอื ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทีโ่ ดยมชิ อบตามป.อ. มาตรา 148 และมาตรา 157 ไม่

มาตรา 149 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน สมาชกิ สภานติ ิบญั ญตั ิแห่งรฐั สมาชิกสภาจงั หวดั หรอื สมาชิกสภา เทศบาล เรียก รบั หรือยอมจะรบั ทรพั ยส์ ิน หรือประโยชนอ์ นื่ ใดสาหรบั ตนเองหรอื ผอู้ น่ื โดยมิชอบ เพ่ือ กระทาการหรอื ไม่กระทาการอย่างใดในตาแหนง่ ไม่ว่าการนนั้ จะชอบหรือมิชอบดว้ ยหนา้ ที่ ตอ้ งระวางโทษ จาคกุ ตงั้ แต่หา้ ปีถงึ ยส่ี ิบปี หรือจาคกุ ตลอดชวี ติ และปรบั ตงั้ แต่หนง่ึ แสนบาทถงึ สีแ่ สนบาท หรือประหารชวี ติ คาพิพากษาทเ่ี กีย่ วขอ้ ง คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2561 กฎหมายวิธสี บญั ญตั ิ เม่อื มีผลบงั คบั ใชเ้ ป็นกฎหมายแลว้ ผกู พนั ใชบ้ งั คบั แก่คคู่ วามทนั ที ดงั นนั้ แมข้ ณะ เกดิ เหตุ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่อาจทาการไต่สวน แต่ขณะทผี่ เู้ สยี หายกล่าวหาตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ใหด้ าเนินการสอบสวนเอาผิดแก่จาเลย พ.ร.บ.ประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และ ปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ.2542 มีผลใชบ้ งั คบั แลว้ คณะกรรมการป.ป.ช. ย่อมมีอานาจไต่สวนตาม มาตรา 19 (4) แหง่ พ.ร.บ.ดงั กลา่ ว จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานรบั เงนิ 3,000,000 บาท จาก ป. ในตาแหนง่ โดยมชิ อบด้วยหนา้ ที่ เพื่อชว่ ยเหลอื ให้ ป. ไมต่ ้องถกู ยา้ ยออกจากจงั หวดั ขอนแก่น การกระทาของจาเลยจงึ ครบองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 149 แมภ้ ายหลงั จาเลยจะไม่กระทาอยา่ งใดในตาแหนง่ เพ่ือช่วยเหลือ ป. หรอื ไมก่ ็ตาม กถ็ ือวา่ เป็น ความผดิ สาเร็จตงั้ แต่ขณะที่จาเลยรบั เงนิ ดงั กล่าวแลว้ คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 13650/2558 แมก้ อ่ นบรรจแุ ละแตง่ ตงั้ บคุ คลเขา้ ทางานในเทศบาลตาบลหนองปล่อง จาเลยจะมไิ ดเ้ กย่ี วขอ้ งหรอื มี อานาจหนา้ ทีใ่ นการสอบคัดเลอื ก ควบคมุ การสอบ การตรวจขอ้ สอบ และการใหค้ ะแนนก็ตาม แต่เม่ือ จาเลยมอี านาจออกคาสง่ั เกี่ยวกบั การบรรจแุ ละแตง่ ตงั้ พนกั งานเทศบาลหรอื การอนื่ ใดท่ีเก่ยี วกบั การ บริหารงานบคุ คลของเทศบาล ทงั้ นตี้ าม พ.ร.บ.ระเบียบบรหิ ารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถนิ่ พ.ศ.2542 มาตรา 23 วรรคทา้ ย ประกอบมาตรา 15 การดาเนนิ การดงั กล่าวขา้ งตน้ จงึ เป็นส่วนหน่งึ ของการบรรจแุ ละแต่งตงั้ พนกั งานเทศบาลซ่งึ เป็นอานาจหนา้ ที่ของจาเลย เมื่อจาเลยเรียกเงนิ และรบั เงินจานวน 330,000 บาท จาก ป. เพ่ือช่วยเหลอื ให้น. บตุ ร ป. เข้าทางานเป็นพนกั งานเทศบาลตาบลหนองปลอ่ ง จาเลยจึงเป็นเจา้ พนกั งานผมู้ หี นา้ ที่ออกคาส่งั เก่ยี วกบั การบรรจแุ ละแต่งตงั้ พนกั งานเทศบาลตาบลหนองปล่องเรยี กและรบั ทรพั ยส์ ินสาหรบั ตนเองโดยมิชอบแลว้ กระทาการในตาแหนง่ เพื่อชว่ ยเหลือ น. ใหเ้ ขา้ ทางานเป็นพนกั งาน เทศบาลตาบลหนองปล่อง อนั เป็นการกระทาอนั มิชอบดว้ ยหนา้ ท่ี ครบองคป์ ระกอบของความผิดตาม ป.อ. มาตรา 149 แลว้

https://www.xn-- 42cgi4cjab1btnchd1exbza5gvad6dvn qc6f.com/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook