Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการเรียนรู้เพศศึกษา

คู่มือการเรียนรู้เพศศึกษา

Published by กัญจนา ด้วงนา, 2022-01-04 07:23:00

Description: คู่มือการเรียนรู้เพศศึกษา

Search

Read the Text Version

แผนกจิ กรรม “นบั จำกวนั น้.ี ..” เป้ำหมำยชีวติ ภำยใน 2 ปี ภำยใน 5 ปี ภำยใน 10 ปี ฉันจะอำย.ุ ..........ปี ฉันจะอำยุ..........ปี ฉันจะอำย.ุ ..........ปี เป้ำหมำยเรื่องกำรเรยี น เปำ้ หมำยเรื่องอำชีพ เป้ำหมำยเร่อื งครอบครัว เปำ้ หมำยเรื่องควำมรัก/แฟน เป้ำหมำยเรือ่ งกำรใช้เงิน/กำรเก็บเงิน เปำ้ หมำยเรื่องสุขภำพ เปำ้ หมำยเร่ืองกำรชว่ ยเหลอื สังคม 4. ให้เวลำแตล่ ะคนนั่งเงียบ ๆ และเขยี นเปำ้ หมำยในชีวติ 10 นำที 5. ให้ผู้เรยี นจดั กลุ่ม 3 – 4 คนตอ่ กลมุ่ และให้เล่ำให้กันฟังถงึ เป้ำหมำยชีวติ จำกน้ันใหก้ ลมุ่ ช่วยกัน ตอบคำถำม ดังน้ี ก. ให้ระบุ 4 เรื่องสำคญั ทจี่ ะทำใหเ้ รำไปถึงเปำ้ หมำยทเี่ รำวำงไว้ ข. ใหร้ ะบุ 4 เรือ่ งทอี่ ำจเป็นอปุ สรรค ทจี่ ะทำให้เรำไปไม่ถึงเป้ำหมำย 6. ให้เวลำกลุ่มย่อย 15 นำที จำกน้ัน ขออำสำสมัครกลุ่มแรกนำเสนอ และขอให้กลุ่มอื่น ๆ เพ่ิมเติมในประเด็นทีไ่ มซ่ ำ้ กนั ผจู้ ัดกำรเรยี นรจู้ ดคำตอบข้ึนกระดำน 7. เมื่อครบทุกกลุ่มแล้ว ผู้จัดกำรเรียนรู้สรุปเร่ืองสำคัญที่จะทำให้เรำไปถึงเป้ำหมำย และสิ่งที่อำจ เปน็ อปุ สรรค จำกนน้ั ชวนผเู้ รยี นแลกเปล่ียนตำมประเด็น ดังน้ี คำถำมชวนคิด  ผ้เู รียนรูส้ กึ อย่ำงไรเม่อื เห็นเป้ำหมำยในชีวิตของตนเอง และของเพื่อน  เปำ้ หมำยในแตล่ ะระยะของเรำมคี วำมสมั พันธ์กนั หรือไม่ อยำ่ งไร  สิง่ ท่จี ะช่วยให้เรำไปถงึ เป้ำหมำย เปน็ สงิ่ ท่ีเรำมีอยู่แลว้ หรือไม่ ถำ้ ยังไม่มี จะทำอย่ำงไร  เมอ่ื เรำมองเห็นสงิ่ ที่อำจเป็นอุปสรรคต่อกำรไปถึงเป้ำหมำย เรำมีวธิ จี ัดกำรอุปสรรคเหล่ำนัน้ อย่ำงไร  สิง่ ที่ไดเ้ รียนในชว่ั โมงเพศศกึ ษำ มสี ่วนชว่ ยให้ผู้เรียนไปถึงเป้ำหมำยชวี ิตหรือไม่ อยำ่ งไร 97

กำรวัดและประเมินผล 1. สังเกตกำรมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมกลมุ่ 2. กำรอภปิ รำยแลกเปลี่ยน ขอ้ เสนอแนะสำหรบั ผจู้ ดั กำรเรียนรู้ ผู้จดั กำรเรียนรคู้ วรเก็บแผ่นกจิ กรรม “นับจำกวนั น.้ี ..” ไว้เพื่อเป็นข้อมลู ของผู้เรยี นหรอื อำจบอกให้ ผู้เรียนเก็บไว้เอง เหมือนบันทึกส่วนตัวรำยบุคคล เพื่อนำมำอ่ำนในอนำคต และทบทวนว่ำตัวเรำได้ทำตำม เปำ้ หมำยทวี่ ำงไว้ในวันนหี้ รือไม่ เพียงไร ขอ้ สรปุ สำคญั จำกกำรจัดกิจกรรม 1. กำรมีเป้ำหมำยในชีวิต อำจจะมีไดห้ ลำยเป้ำหมำย ทั้งในระยะส้ัน ระยะกลำงหรือระยะยำวก็ได้ และอำจจะแตกต่ำงกันไป แต่กำรมีเป้ำหมำยทำให้เรำรู้ว่ำจะดำเนินชีวิตไปอย่ำงมีควำมหวังที่จะไปสู่ เปำ้ หมำย ซึ่งขน้ึ กับควำมมงุ่ ม่ันของแต่ละคน 2. กำรประเมินถึงโอกำสและอุปสรรคที่จะไปสู่เป้ำหมำย ทำให้เรำมีโอกำสที่คิดวำงแผน และเตรยี มกำรท่ีจะเผชิญและวำงแผนกำรจดั กำร ซึ่งเปน็ สว่ นหนง่ึ ให้เรำไปถึงเปำ้ หมำยได้ 3. ในช่วงชวี ิตของวัยรุน่ ผลกระทบจำกกำรมีเพศสัมพันธ์ อำจจะเป็นอุปสรรคหน่ึงของกำรไปให้ถึง เป้ำหมำยในชีวิต กำรเรียนรู้เร่ืองเพศ เพื่อดำเนินชีวิตทำงเพศในช่วงวัยรุ่นได้อย่ำงเท่ำทันและปลอดภัย จะเป็นสว่ นหนึง่ ท่ีช่วยใหเ้ รำไปถึงเปำ้ หมำยได้ คำถำมทำ้ ยบท ส่ิงที่จะชว่ ยให้ผเู้ รียนไปถงึ เปำ้ หมำยได้ มอี ะไรบ้ำง 98





กจิ กรรมที่ 11 หลำยรส หลำยแบบ สำระสำคัญ กำรมีเพศสมั พนั ธ์กบั เพศเดียวกัน ถือว่ำเป็นเรื่องปกติและเป็นรสนยิ มส่วนบคุ คล จดุ ประสงค์ เพ่ือใหผ้ ูเ้ รยี น 1. สำมำรถอธิบำยสำเหตุของกำรมีอคติตอ่ เพศทำงเลือก 2. สำมำรถยกตัวอยำ่ งผลกระทบท่เี กดิ จำกอคตทิ ำงเพศต่อประเดน็ รกั เพศเดยี วกัน 3. สำมำรถบอกแนวทำงกำรส่งเสริมกำรยอมรบั ควำมหลำกหลำยทำงเพศ เนอ้ื หำ 1. ควำมหมำยของเพศทำงเลือก 2. ขำ่ วสำรในปัจจบุ ันของควำมรุนแรงทำงเพศ ภำพรวมกำรจัดกิจกรรม ดำเนินกำรจดั กจิ กรรมโดยกำรมสี ว่ นรว่ ม กำรพูดคยุ ประสบกำรณ์ท่ีไดพ้ บเห็นในเรอ่ื งเพศทำงเลือก ระดมควำมคิดเห็นจำกกรณีศึกษำแล้วนำเสนอ ผู้จัดกำรเรียนรู้ สรุปกำรเรียนรู้ให้ทุกคนเข้ำใจและยอมรับ ในเพศทำงเลือก สอ่ื และอุปกรณ์ 1. กรณศี ึกษำ 3 กรณี 2. กระดำษฟลิปชำร์ท กระดำษกำว ปำกกำเคมี ข้นั ตอนกำรจดั กจิ กรรม 1. ผจู้ ัดกำรเรียนรูน้ ำเข้ำสู่บทเรยี นด้วยกำรใหผ้ ู้เรียนยกตัวอย่ำงข่ำวหรือเหตุกำรณข์ องคนรักเพศ เดียวกนั ทง้ั ทป่ี ระสบควำมสำเร็จและท่ีพบปญั หำในชีวติ (2 นำที) 2. ผู้จัดกำรเรียนรู้ชี้แจงว่ำกิจกรรมหลำกรสหลำยแบบ เป็นกำรสำรวจควำมรู้สึกของคนท่ีรักเพศเดียวกัน และปฏิกริ ยิ ำของคนรอบขำ้ งท่มี ีต่อคนรกั เพศเดียวกัน 3. ผูจ้ ดั กำรเรยี นรู้ใหผ้ ้เู รยี นได้ศกึ ษำจำก ใบควำมร้ทู ่ี 1 4. ผู้จัดกำรเรียนรู้ให้ผู้เรยี นแบ่งกลุ่มย่อย 3 กลุ่ม แจกใบกรณีศึกษำให้กลุ่มละ 1 ใบ และตอบคำถำม ให้เวลำ 15 นำที 5. เมื่อหมดเวลำ ให้แต่ละกลุ่มออกมำนำเสนอ โดยเลำ่ ว่ำตนเองได้รับโจทย์เรื่องอะไร และควำมคิดเห็น ของกลุม่ ในเร่ืองน้นั ๆ ใหเ้ วลำกลุ่มละ 3 นำที 6. หลังจำกนำเสนอครบทุกกลุ่มแล้ว ผู้จัดกำรเรียนรู้ชวนคุยในกลุ่มใหญ่ โดยใช้คำถำมชวนคิด เชื่อมโยงกับทำงออกท่แี ต่ละกลมุ่ เสนอ 101

คำถำมชวนคดิ 1. ยกตัวอย่ำงควำมเช่ือ หรอื อคติทม่ี ีในสงั คมเก่ียวกับกำรรักเพศเดียวกนั ว่ำมีอะไรบ้ำง เช่น คิดว่ำ จะเปลี่ยนใจได้ ดูออกว่ำใครเป็น/ไม่เป็นเกย์จำกบุคลิกลักษณะท่ำทำงภำยนอก เกย์-ทอม-ตุ๊ด-ด้ี อำรมณร์ นุ แรง ฯลฯ ควำมคดิ เหล่ำนัน้ สำมำรถใชอ้ ธบิ ำยคนรกั เพศเดียวกันทุกคนหรอื ไม่ เพรำะเหตใุ ด 2. มีเรือ่ งอะไรบ้ำงทท่ี ำใหค้ นรักเพศเดยี วกนั รสู้ ึกกังวลใจ หรือเปน็ เรื่องทีไ่ ม่กล้ำแสดงออก 3. คดิ ว่ำกำรหำทำงออกท่ีแต่ละกลุ่มเสนอมำน้ัน จะเป็นไปได้จริงหรือไม่ เพรำะเหตุใด มีทำงออกอ่นื ๆ นอกจำกที่กลุ่มเสนอมำหรอื ไม่ อย่ำงไร 4. หำกเหตกุ ำรณเ์ หลำ่ น้ีเกิดข้ึนกับเพอื่ นสนทิ หรือคนในครอบครัว เรำจะทำอยำ่ งไร 5. คนท่ีรักเพศเดียวกันควรเปิดเผยใหค้ นรอบขำ้ งรบั ร้หู รอื ไม่ เพรำะเหตุใด 6. กำรบอกหรือไม่บอกคนรอบข้ำง จะส่งผลต่อตัวเขำอย่ำงไร ทั้งกำรใช้ชีวิตโดยท่ัวไป และชีวิต ทำงเพศของตัวเขำ กำรวดั และประเมินผล 1. สงั เกตกำรมีส่วนรว่ มในกิจกรรมกล่มุ 2. กำรอภปิ รำยแลกเปลย่ี น กำรซักถำม กำรโต้ตอบ ข้อเสนอแนะสำหรับผจู้ ัดกำรเรียนรู้ ในกำรจัดกิจกรรม ผู้จัดกำรเรียนรู้ต้องคำนึงว่ำผู้เรียนมีผู้ที่เป็นเพศทำงเลือกหรือไม่ ถ้ำหำก มีต้องพึงระวังในกำรนำเสนอหรือยกตัวอย่ำง เน่ืองจำกจะกระทบต่อควำมรู้สึกของผู้ที่เป็นเพศทำงเลือกได้ และหำกผู้เรียนที่เป็นเพศทำงเลือก เขำพร้อมจะใช้ตัวเองเป็นผู้ถ่ำยทอดก็จะทำให้เห็นสภำพ และควำมรู้สึกจริง จำกผู้ท่ีเปน็ เพศทำงเลือก ข้อสรปุ สำคัญจำกกำรจัดกจิ กรรม 1. ในควำมเป็นจริง สังคมมีควำมหลำกหลำยทำงเพศ ที่มำกกว่ำเพศชำยหรือหญิง ท่ีสังคมใช้เป็น มำตรฐำนเพรำะคิดว่ำเป็นสว่ นใหญ่ของสงั คม 2. ทัศนคติและควำมเช่ือของคนในสังคมต่อคนท่ีรักเพศเดียวกัน มีพ้ืนฐำนมำจำกศำสนำ ค่ำนิยม ของครอบครวั และอิทธิพลของสังคมที่มักกำหนดมำตรฐำนทำงเพศ ว่ำคนรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องผิดปกติ หรือพฤติกรรมเบ่ียงเบนไป ซึ่งส่งผลต่อกำรดำเนินชีวิต กำรได้รับกำรยอมรับ และสัมพันธภำพในครอบครัว ถ้ำมีคนรักเพศเดียวกันร่วมอยู่ด้วย รวมท้ังกำรละเมิดสิทธิ ศักด์ิศรีควำมเป็นมนุษย์ ผ่ำนกำรล้อเลียน กล่ันแกล้ง หรืออำจจะเลยถงึ กระทำควำมรุนแรงต่อรำ่ งกำยและจิตใจของคนรักเพศเดียวกัน 3. รสนยิ มทำงเพศ อำจเปลี่ยนแปลงหรือไม่เปลย่ี นแปลงก็ได้ ควำมรสู้ ึกรัก ชอบ หรือควำมดงึ ดดู ใจ ทำงเพศ ต่อต่ำงเพศ เพศเดียวกัน หรือทั้งสองเพศ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แม้จะมีรสนิยมทำงเพศที่แตกตำ่ งกันไป ก็ไม่ได้ทำให้ลดทอนศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์ลงไป และโดยข้อมูลวิชำกำร ปัจจุบันกรมสุขภำพจิต และองคก์ ำรอนำมยั โลก ไดม้ ีกำรถอดถอนเรอ่ื งคนรกั เพศเดยี วกนั ออกจำกภำวะกำรผิดปกติทำงจิต 102

4. ถ้ำวัยรุ่นมีควำมสงสัย หรือมีคำถำมเกี่ยวกับพฤติกรรมทำงเพศของตนเอง ว่ำรักเพศเดียวกัน หรือไม่ ควรหำผู้ใหญ่ท่ีไว้ใจ หรือหน่วยงำนที่ให้บริกำรปรึกษำเรื่องรักเพศเดียวกัน เพ่ือขอรับกำรปรึกษำ ดีกว่ำที่จะอดึ อดั เก็บไว้คนเดยี ว คำถำมท้ำยบท หำกผู้เรียนมีคนที่เป็นเพศเดียวกันมำแสดงให้รู้ว่ำชอบหรือสนใจเรำมำกกว่ำควำมเป็นเพื่อน คดิ วำ่ จะปฏบิ ตั ิตัว ต่อเขำอยำ่ งไร หมำยเหตุ : ใหผ้ ู้จดั กำรเรยี นรศู้ ึกษำใบควำมรูท้ ี่ 1 หรือจำกแหล่งควำมรูอ้ ื่นทเี่ กยี่ วข้องกบั เนื้อหำ วัตถปุ ระสงค์ กรณีศึกษำ กรณที ่ี 1 ชัช เป็นนักศึกษำ กศน. ระดับมัธยมศึกษำตอนปลำย เป็นนักกีฬำหน้ำตำดี เขำรู้ตัวเองว่ำเป็นเกย์ แต่ไม่เปิดเผยตัวเองเมื่อไปพบกลุ่ม เขำจะเปิดเผยเฉพำะเมื่ออยู่ข้ำงนอกกับคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ใน สถำนศึกษำเดียวกัน เขำเคยคิดอยำกประกำศตัวเอง แต่เมื่อเห็นอำกำรที่เพ่ือน ๆ ในกลุ่ม และใน สถำนศึกษำล้อเลียนและคอยแกล้งคนที่เป็นเกย์ ทำให้ชัชไม่กล้ำ แต่ชัชก็ไม่สบำยใจท่ีต้องปิดบังตัวเอง จงึ มำปรึกษำต๋อง ซ่ึงเป็นเพื่อนต่ำงสถำนศึกษำท่ีสนิทกัน ต๋องเล่ำเรื่องท่ีชัชมำปรึกษำให้เอกซึ่งเรียนอยู่กลุ่ม ดียวกับชัชฟงั ถ้ำเรำเปน็ เอก จะทำอยำ่ งไร กรณีที่ 2 แม่ของแนน ท่ีมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยกัน ตัวแนนเองไม่รู้สึกรังเกียจอะไร แต่กลัวเพื่อนรู้และจะ เอำไปล้อ จึงไม่เคยให้แม่มำส่งท่ี กศน.ตำบล อย่มู ำวันหน่ึง เพ่ือนแนนไปทบี่ ้ำนเพื่อทำรำยงำน เห็นแม่แนน กำลงั กอดผู้หญงิ เพ่อื นสงสัยจงึ ถำมแนน แนนไม่แนใ่ จว่ำเพอ่ื นจะเก็บควำมลับใหไ้ หม ถ้ำเรำเป็นแนน จะทำอย่ำงไร 103

กรณีที่ 3 ครูต่อ เป็นท่ีรักของนักศึกษำและเป็นครูท่ีเก่งมำก ต่อมำครูต่อย้ำยไปประจำท่ี กศน.ตำบลใหม่ ในอีกอำเภอหน่ึง และมีเสียงลือว่ำครูต่อถูกพวกพ่อแม่ของนักศึกษำใน กศน.ตำบลใหม่ต่อต้ำน เพรำะว่ำ ครตู อ่ มแี ฟนเป็นผู้ชำยอยู่บำ้ นเดียวกัน ถำ้ เรำเปน็ นกั ศกึ ษำเกำ่ ของครตู ่อ จะทำอยำ่ งไร รำยชอื่ หน่วยงำนใหบ้ รกิ ำรคำปรกึ ษำ คนรักเพศเดียวกัน – ควำมหลำกหลำยทำงเพศ หญงิ รักหญงิ กลุ่มอญั จำรี เป็นกลุ่มท่ีให้คำปรึกษำในเร่ืองผู้หญิงท่ีรักผู้หญิง หรือใครท่ีกำลังคิดจะรักผู้หญิงสักคน และสับสน ว่ำตนเองควรเปิดเผยตัวตนด้ำนนอ้ี ย่ำงไร E-mail : www.anjaree.net โทรศัพท์ 086-677-9009 กล่มุ สะพำน กำรทำงำนของกลุ่มสะพำน จะทำผ่ำนสอ่ื และกจิ กรรมต่ำงๆ ในรปู แบบที่หลำกหลำย เชน่ สิ่งพมิ พ์ วิดีทัศน์ เว็บไซต์ ภำพยนตร์ วิทยุ งำนเขยี น/วรรณกรรม เวทีกำรประชุม/สมั มนำ ในประเดน็ ท่ีเกย่ี วข้องกับ ควำมหลำกหลำยทำงเพศ โดยเฉพำะหญิงรักหญิง เพ่ื อนำเสนอข้อมูล และสถำนกำรณ์ของควำม หลำกหลำยทำงเพศตอ่ สำธำรณชน E-mail : www.sapaan.org โทรศัพท์ 085-041-8477 ทอ่ี ยู่ ตู้ ป.ณ. 162 ปทจ.ดสุ ิต กรุงเทพฯ 10300 กลมุ่ LESLA LESLA มำจำก LESBOLA Island เป็นช่ือของเกำะ ๆ หน่ึง ในตำนำนกรีกโบรำณ ท่ีมีเรื่องเล่ำ ต่อ ๆ กันมำว่ำเป็นเกำะที่มีแต่ผู้หญิงอำศัยอยู่ ผู้อำศัยในเกำะนั้นถูกเรียกว่ำ “Lesbian” LESLA เป็นที่ สำหรับผู้หญิงรักผู้หญิง ต้องกำรมีเพ่ือนท่ีพูดคุยกันแล้วเข้ำใจกันได้ดี และเป็นศูนย์กลำงรวมคนในสังคม เดียวกนั นีใ้ หม้ ีควำมรกั และควำมเข้ำใจตอ่ กนั เพิ่มเตมิ โอกำสที่จะไดด้ แู ลกันและกันดว้ ย E-mail : www.lesla.com โทรศัพท์ 0-2719-6419, 089-218-9119 104

รำยช่อื หนว่ ยงำนให้บรกิ ำรคำปรกึ ษำ คนรกั เพศเดียวกัน – ควำมหลำกหลำยทำงเพศ ชำยรักชำย องค์กรบำงกอกเรนโบว์ (Bangkok Rainbow Organization : BRO) ให้คำปรึกษำปัญหำชวี ิต ครอบครัว สุขภำพจิต และสขุ ภำพทำงเพศ ในกล่มุ เยำวชนและครอบครัว โดยกำรนำเสนอข้อมูลท่ีเก่ียวข้องและกิจกรรมสร้ำงสรรค์ผ่ำนสื่อต่ำง ๆ เช่น บทควำม ภำพยนตร์ ละคร รำยกำรโทรทัศน์ หนังสือ วิทยุ กิจกรรมทำงกำรตลำด งำนวจิ ัย กำรจัดสัมมนำ ต่อสำธำรณชน และผู้สนใจ ท่วั ไป เพื่อเป็นกำรสร้ำงควำมเข้ำใจอันดี และลดช่องว่ำงระหวำ่ งกลุ่มเยำวชนทม่ี ีควำมหลำกหลำยทำงเพศ กับสังคมโดยร่วมทำงำนกับเครือข่ำย NGO ด้ำนเอดส์และเพศศึกษำ สิทธิมนุษยชน และควำมหลำกหลำย ทำงเพศท้ังภำครัฐและเอกชนในประเทศไทย รวมท้ังกลุ่มประเทศย่ำน Asia Pacific (Asia Pacific Rainbow : AP-Rainbow) E-mail : www.bangkokrainbow.org โทรศัพท์ 0-2618-5635, 086-607-1069 ทีอ่ ยู่ 37 ซ.ประดิพัทธ์ 21 ถ.ประดิพทั ธ์ แขวงสำมเสนใน เขตพญำไท กรุงเทพฯ 10400 สมำคมฟ้ำสรี ุ้งแหง่ ประเทศไทย ให้คำปรึกษำปัญหำชีวิต ครอบครัว สุขภำพจติ และสุขภำพทำงเพศ ในกลมุ่ เยำวชนและครอบครัว ในเร่อื งชำยรกั ชำย สำมำรถรบั ฟงั รำยกำรวทิ ยุ ซ่งึ จัดโดยองค์กรไดท้ ำงอนิ เทอร์เน็ต (www.fsr-radio.com) E-mail : www.rsat.info โทรศัพท์ 0-2691-5957-8 โทรสำร 0-2690-7735 ที่อยู่ 159 อำคำรเดอะบชี เรซิเด้นซ์ ชั้น 8 ซ.โชคชยั ร่วมมิตร (รัชดำภเิ ษก 19) ถ.วภิ ำวดรี งั สิต แขวงดินแดง เขตดนิ แดง กรงุ เทพฯ 10320 ศนู ยส์ ขุ ภำพชำย Mplus ใหค้ ำปรกึ ษำ ท้งั ยงั เปน็ ศนู ย์ขอ้ มลู ข่ำวสำรดำ้ นสขุ ภำพและวชิ ำกำรเก่ียวกับชำยที่มเี พศสัมพันธก์ ับชำย E-mail : www.mplusthailand.com โทรศพั ท์ 053-404-342 โทรสำร 053-404-342 ตอ่ 12 ที่อยู่ 248/40 โครงกำรสหศรีภมู ิเพลส ถ.มณีนพรัตน์ ต.ศรภี ูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200 105

1

กิจกรรมที่ 12 No condom, No sex สาระสาคัญ เพศสัมพันธ์เป็นเร่ืองการยินยอมพร้อมใจของคนสองคน การตัดสินใจว่าจะมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ และการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย เป็นท้ังสิทธิและความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล และต้องเคารพ ความคิดเหน็ ความตอ้ งการของค่ดู ว้ ย จุดประสงค์ เพอ่ื ให้ผู้เรียน 1. มีทักษะในการปฏเิ สธและการตอ่ รองในการมเี พศสมั พนั ธ์ 2. บอกข้อดีและข้อจากัดในการใช้ถุงยางอนามยั เนือ้ หา 1. ความปลอดภยั ในการใชถ้ ุงยางอนามยั /ขอ้ ดีขอ้ เสยี 2. ทักษะการปฏเิ สธ และทักษะการตอ่ รองต่อการมีเพศสมั พันธ์ ภาพรวมการจัดกจิ กรรม เปน็ การฝึกทักษะการตอ่ รองในการใชถ้ งุ ยางอนามัยและปฏเิ สธการมเี พศสัมพนั ธ์โดยผา่ นการแสดง บทบาทสมมติ สอื่ และอุปกรณ์ 1. ประเด็นการอภิปราย 4 ประเดน็ สาหรับ 4 กลมุ่ 2. สถานการณส์ มมติ 3. กระดาษฟลิปชาร์ท กระดาษกาว ปากกาเคมี 4. ตวั อย่างคลปิ วิดีโอ ข้ันตอนการจดั กิจกรรม 1. ชี้แจงวัตถุประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมน้ีเป็นการแลกเปล่ียนความคิดเห็นในเร่ืองข้อดี ข้อเสีย และอปุ สรรคของการใชถ้ ุงยางอนามัย 2. แบง่ กลุม่ ผเู้ รียน 4 กลมุ่ เทา่ ๆ กัน โดยคละหญิงชายในแตล่ ะกลุม่ 3. มอบหมายให้แตล่ ะกลมุ่ ช่วยกันแสดงความคิดเหน็ ตามหัวข้อ ดงั นี้  หญิง กลมุ่ ท่ี 1 ใหช้ ว่ ยกนั หาเหตผุ ล ในกรณที ี่เราเป็นผหู้ ญิงทต่ี ้องการใชถ้ งุ ยาง  หญงิ กลมุ่ ท่ี 2 ใหช้ ่วยกนั หาเหตุผล ในกรณที ี่เราเปน็ ผู้หญิงที่ไม่ต้องการใชถ้ งุ ยาง  ชาย กลมุ่ ท่ี 1 ให้ช่วยกนั หาเหตผุ ล ในกรณีที่เราเป็นผชู้ ายทต่ี อ้ งการใช้ถุงยาง  ชาย กลุม่ ท่ี 2 ให้ช่วยกันหาเหตุผล ในกรณีทเี่ ราเปน็ ผชู้ ายท่ีไม่ตอ้ งการใช้ถงุ ยาง ให้เวลากลมุ่ ย่อย 5 นาที 107

4. ให้กลุ่มแสดงบทบาทสมมุติ โดยแต่ละกลุ่มจะแสดงบทบาทเป็นหญิงและชายตามบทบาทท่ีได้ ช่วยกันหาเหตุผลไว้แล้ว ให้กลุ่มเลือกตัวแทน 1 คน เพื่อแสดงบทบาทสมมุติในฉากที่ต้องต่อรองกัน ตามสถานการณ์สมมุติ ดังน้ี “ทั้งคู่เป็นแฟนท่ีรักและคบหาดูใจกันมาระยะหนึ่งแล้ว ท้ังสองอยู่ใน สถานการณ์ท่ีเอ้ือต่อการมีเพศสัมพันธ์ ซ่ึงแต่ละฝ่ายคิดว่าจะตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์กัน หากการพูดคุย ตอ่ รองกับอกี ฝา่ ยในเร่อื งการใชถ้ งุ ยางเปน็ ไปตามท่ีตั้งใจ” 5. ผู้จัดการเรียนรู้ขอให้คู่แรก คือ ชายกลุ่มท่ี 1 และหญิงกลุ่มท่ี 2 ส่งตัวแทนมาแสดงบทบาท สมมุติ โดยให้เวลาไม่เกิน 10 นาที และอีก 2 กลุ่มให้สังเกตการณ์ และให้ข้อคิดเห็นหลังการแสดงบทบาทสมมุติ ผู้จดั การเรยี นรูค้ วรจดประเดน็ สาคญั ทีแ่ ต่ละฝ่ายใช้ในการต่อรอง เพอื่ ประกอบการแลกเปลีย่ นตอนท้าย 6. หลงั จากทีค่ แู่ รกแสดงเสร็จแลว้ ผูจ้ ดั การเรียนรชู้ วนพูดคยุ ประมาณ 5 นาที ดังนี้ 6.1 ถามผู้แสดงท้ังสองฝ่ายว่ารู้สึกอย่างไรกับการพูดคุย และผลที่เกิดข้ึน ความรู้สึกท่ีมีต่อคนรัก เป็นอยา่ งไร 6.2 ถามอีกสองกลุ่มท่ีสังเกตการณ์ว่า มีข้อสังเกต หรือข้อคิดเห็นอย่างไรบ้าง ต่อสถานการณ์ สมมุตคิ แู่ รก 6.3 ถามความเห็นจากกลุ่มผูแ้ สดงเพิ่มเติมอีกกลมุ่ ๆ ละ 1 - 2 คน 7. จากนั้นให้ค่ทู ่ี 2 ออกมาแสดงบทบาทสมมุติ คอื ชายกล่มุ ท่ี 2 และหญิงกลุ่มท่ี 1 ให้เวลาไม่เกิน 10 นาที สว่ น 2 กลุ่มแรกทแ่ี สดงไปแล้วให้สังเกตการณ์และใหข้ ้อคิดเห็นหลังการแสดง 8. หลังการแสดงบทบาทสมมุติ ผูจ้ ดั การเรียนรู้ชวนพูดคุย ตามประเดน็ ในข้อ 6 9. จากนัน้ ผูจ้ ัดการเรียนรชู้ วนผู้เรยี นวเิ คราะห์ โดยใช้คาถามชวนคิด ดงั น้ี คาถามชวนคิด  การแสดงบทบาทสมมตุ ิท่ี 2 กรณเี หมอื นหรอื แตกตา่ งจากสถานการณ์จริงของหนุม่ สาวอย่างไร  ผลทต่ี ามมาจากการตอ่ รองท่ไี ม่ประสบผลสาเรจ็ ในเรอ่ื งการใช้ถุงยางอนามัย คอื อะไรบ้าง  จากบทบาทสมมตุ ิ เหตผุ ลใดทีค่ ิดว่าไดผ้ ลทส่ี ุดในการยนื ยันวา่ จะไมม่ ีเพศสมั พันธ์ หากไมใ่ ช้ถุงยางอนามยั  การพดู คุยหรือตอ่ รองแบบใด ที่อาจนาไปสู่การต้องยอมมีเพศสัมพนั ธโ์ ดยไม่ใช้ถงุ ยางอนามัย  ปจั จยั อะไรบ้างที่ส่งผลตอ่ การสอ่ื สารต่อรองของหญิง/ชาย  อุปสรรคสาคัญในการสื่อสารเรื่องการใช้ถุงยางอนามัย หรือการค้นหาทางเลือกในการ มีเพศสัมพันธ์ทป่ี ลอดภัยของค่รู ัก คอื อะไรบา้ ง  หากตอ้ งการพดู คยุ หรือตอ่ รองเร่ืองการใช้ถงุ ยางอนามัยกบั แฟนหรือค่รู กั ควรพดู คุยเมอ่ื ใด 10. ผ้จู ัดการเรียนร้ใู หผ้ เู้ รยี นไดศ้ กึ ษาจากใบความรูท้ ี่ 1 และใบความรู้ท่ี 2 11. ผูจ้ ัดการเรยี นรสู้ ามารถเลือกคลปิ วดิ ีโอและเปิดใหก้ ับผ้เู รียนไดช้ ม หากมีความพร้อม ดา้ นอุปกรณ์ในการนาเสนอคลปิ วิดีโอ การวดั และประเมินผล 1. สังเกตการมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมกลมุ่ 2. การอภปิ รายแลกเปลีย่ น การซักถาม การโต้ตอบ 108

ขอ้ เสนอแนะสาหรับผู้จัดการเรียนรู้ การเรยี นรู้ในกจิ กรรมน้ี เป็นการสร้างสถานการณ์จาลอง เพ่ือสรา้ งการเรียนรู้ใหผ้ ู้เรียนได้ตระหนัก ถงึ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการส่ือสารในเร่ืองเพศกับคู่ ผู้จัดการเรยี นร้จู ึงควรกระตุ้นให้ผูเ้ รยี นคิดให้รอบด้านถึงโอกาส หรือสถานการณต์ า่ ง ๆ ท่ีอาจเกดิ ขึ้นและวธิ ีจดั การหากต้องอยใู่ นสถานการณ์ทไี่ ม่พึงประสงค์ ข้อสรปุ สาคญั จากการจัดกิจกรรม 1. การส่ือสารต่อรองในเรื่องสัมพันธภาพ รวมท้ังเพศสัมพันธ์ท่ีปลอดภัย ขึ้นอยู่กับความชัดเจน ในสิ่งทต่ี นเองเลือกและตั้งใจ มีความม่นั ใจและพร้อมจะยนื ยันความต้องการของตนเองเปน็ สาคญั 2. ปจั จัยท่สี าคัญเรือ่ งการสอื่ สารหรือการตอ่ รองในคมู่ าจาก ปัจจยั สาคญั คือ พน้ื ฐานความสัมพนั ธ์ ของคู่ ว่าเป็นคนเปิดใจรบั ฟังความเห็นที่แตกต่างมากน้อย อย่างไร และบนความสัมพันธ์เป็นความสัมพันธ์ ทเ่ี ท่าเทยี มหรือเป็นความสัมพนั ธท์ มี่ ีฝ่ายหน่งึ เปน็ คนกาหนดอีกฝา่ ยตอ้ งตามใจหรอื คลอ้ ยตามตลอด รวมท้ัง ภาวะอารมณใ์ นขณะที่ส่ือสารดว้ ย 3. กรณีผู้หญิงที่จายอมมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ปลอดภัยหรือไม่ได้ป้องกัน เพราะเป็นความรู้สึกกลัว เร่ืองเสียความสัมพันธ์กับคู่ กลัวคู่จะมีคนอื่นถ้าเราไม่ตามใจ ส่งผลต่อความไม่มั่นใจในการบอกหรือยืนยัน ในความตอ้ งการของตนเอง 4. กรณีผู้ชาย การเลือกจะใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ อาจจะขึ้นกับการประเมินคู่ท่ีจะมีเพศสัมพันธ์ ด้วยว่า มีความปลอดภัยเพียงใด โดยเฉพาะเร่ืองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งหากเป็นแฟนหรือเพื่อน หรือคนคุ้นเคยความรู้สึกเช่ือใจไว้ใจ ก็เป็นสาเหตุท่ีทาให้ไม่ใช้ถุงยางอนามัย ซ่ึงการประเมินแบบนี้ ทาให้ ผ้ชู ายมโี อกาสเส่ียงต่อการมีเพศสมั พันธ์ท่ไี มป่ ลอดภัย 5. ถุงยางอนามัย ถูกมองด้วยทัศนคติ เช่น เป็นเรื่องของความไม่ไว้ใจ ถุงยางเป็นเร่ืองของผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง เป็นต้น แต่ในความจริง ถุงยางอนามัยคือ อุปกรณ์คุมกาเนิดชนิดเดียวที่ป้องกันโรค และไม่ส่งผลกระทบตอ่ รา่ งกายผูห้ ญิง 6. การส่ือสารเพื่อการตอ่ รองเร่ืองเพศสัมพันธ์ท่ีปลอดภัย ควรเป็นการส่ือสารหรือต่อรองก่อนท่ีจะ อยู่ในสถานการณ์ โอกาสมีเพศสัมพันธ์ เพื่อเป็นการช่วยกันประเมินคู่ว่าคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้ ทาให้เรา มโี อกาสไตรต่ รอง ได้มากและมวี ธิ กี ารวางแผนในการจดั การเพอื่ ความปลอดภยั 7. การสื่อสารต่อรองในคู่เกิดขึ้นได้เสมอ แม้ว่าจะยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กันมาก่อน หรือมี เพศสมั พันธ์กันมากอ่ นแลว้ ก็ยังสื่อสารต่อรองได้ ไมใ่ ชเ่ ร่อื งผิดปกตหิ รอื เรื่องนา่ อายอยา่ งใด คาถามทา้ ยบท 1. การมเี พศสัมพันธ์แบบรบั ผิดชอบหมายถึงอะไร 2. เมือ่ ฝ่ายใดฝา่ ยหน่งึ ปฏิเสธการใชถ้ งุ ยางอนามยั จะทาอย่างไร หมายเหตุ : ให้ผู้จัดการเรียนรู้ศึกษาใบความรู้ท่ี 2 และ 3 หรือจากแหล่งความรู้อ่ืนท่ีเกี่ยวข้องกับ เนอื้ หาวัตถปุ ระสงค์ 109

ตวั อยา่ งคลปิ วิดีโอ เรื่อง ทักษะการปฏิเสธ / การเจรจาตอ่ รอง / การป้องกนั การตั้งครรภ์ ท่ีมา : สานักงานกองทุนสนันสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ. (2559). คู่มือการเรียนการสอนเร่ือง เพศศึกษาและทักษะชีวิตในนักเรียนแบบบูรณาการ ช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1 - ม.3) กิจกรรมทักษะ ส่วนบคุ คล. วนั ท่คี ้นขอ้ มูล 2 สงิ หาคม 2561. เข้าถึงไดจ้ าก https://www.youtube.com/watch?v=6CAF9Q0G9WE เรื่อง ทักษะการปฏิเสธ SW.120 ที่มา : โรงเรียนสวรรค์อนันต์วิทยา. (2558). จะทา อย่างไร เม่ือเราเจอกับสถานการณ์ที่ค่อนข้างเสี่ยง... แล้ ว เรามี ทั ก ษ ะใน ก าร ป ฏิ เส ธ อ ย่ างไรเพื่ อ ไม่ ให้ สญู เสยี คาวา่ \"มติ รภาพ\" . วนั ทีค่ น้ ขอ้ มลู 2 สิงหาคม 2561. เข้าถึงได้จาก https://www.youtube.com/watch?v=dTNTQvM9rQc 110



กจิ กรรมท่ี 13 ทีเลน่ ทีจริง สาระสาคญั การใช้ความรุนแรงทางเพศ และการล่วงละเมิดทางเพศเป็นปัญหาท่ีปรากฏชัดเจนในสังคมไทย มีหลากหลายรูปแบบและอาจเกิดขึ้นกบั ทุกเพศ ทกุ วัย บ่อยครั้งเกิดในการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวัน หลายกรณี ก็มิได้บัญญัติไว้ในกฎหมาย ดังน้ัน การรู้เท่าทันการใช้ความรุนแรง รู้จักแหล่งช่วยเหลือหากเผชิญปัญหา และการมีสว่ นรว่ มในการยตุ ิความรนุ แรงทุกรูปแบบเป็นสิ่งทเ่ี ยาวชนสามารถทาได้ จุดประสงค์ เพื่อใหผ้ ้เู รยี น 1. สามารถบอกไดว้ า่ พฤตกิ รรมแบบใดเป็นการใช้ความรุนแรง/การลว่ งละเมดิ ทางเพศ 2. สามารถบอกแนวทางการจัดการหากต้องเผชญิ ปญั หาความรุนแรง/การล่วงละเมดิ ทางเพศ 3. สามารถบอกสง่ิ ท่ตี วั เองทาได้ เพื่อไม่เปน็ สว่ นหนึ่งของการใชค้ วามรนุ แรง/การลว่ งละเมิดทางเพศ เนือ้ หา ความหมายและตัวอย่างของการละเมิดทางเพศ และความรุนแรงทางเพศ ภาพรวมการจดั กิจกรรม การวิเคราะห์สถานการณ์และพฤติกรรมความรุนแรงทางเพศ และการล่วงละเมิดทางเพศในปัจจุบัน จากการแลกเปลี่ยนตามประเดน็ ตา่ ง ๆ และการแก้ปัญหาหากประสบกับตวั เอง ส่อื และอุปกรณ์ 1. แผ่นกิจกรรม ตัดเปน็ ข้อ ๆ จานวน 4 – 6 ชดุ 2. กระดาษฟลปิ ชาร์ท กระดาษกาว ปากกาเคมี 3. ตัวอยา่ งคลปิ วดิ โี อ ขั้นตอนการจดั กิจกรรม 1. ผู้จัดการเรียนรู้ชี้แจงวัตถุประสงค์การเรียนรู้ว่า กิจกรรมนี้เป็นการเรียนรู้เรื่องพฤติกร รม การลว่ งละเมิดทางเพศ และพฤติกรรมแบบใดท่ีถอื เป็นการใช้ความรุนแรงทางเพศ 2. แบ่งกลุ่มผู้เรียนเป็นกลุม่ ๆ ละ 6 - 8 คน แจกข้อความท่ีเตรียมไวใ้ ห้กบั ทุกกลมุ่ (จากแผ่นกจิ กรรม) และให้ในกลุ่มได้พดู คยุ แลกเปลย่ี นกนั ตามประเดน็ ดังนี้  การกระทาท่ีได้ในแต่ละข้อถือเป็นการใช้ความรุนแรง หรือการล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่ อย่างไร และใหใ้ ส่เครอื่ งหมายที่คดิ ว่าอยู่ในขอ้ ดังกล่าวลงในชอ่ งตาราง ลาดับขอ้ ความรนุ แรงทางเพศ ล่วงละเมิดทางเพศ ไมแ่ นใ่ จ ไมใ่ ชท่ ง้ั 2 กรณี 112

 เกณฑ์ที่กลุ่มใช้ในการพิจารณาว่าล่วงละเมิดทางเพศหรอื เป็นความรุนแรงทางเพศหรือไม่ คืออะไร  ในกรณีท่ีกลุ่มคิดว่าไม่แน่ใจ/หรือไม่ใช่ทั้งความรุนแรงทางเพศ/ล่วงละเมิดทางเพศ พิจารณาจากอะไร 3. ใหเ้ วลาแลกเปลยี่ นในกลุม่ ย่อย 15 นาที จากนั้น ผู้จัดการเรียนร้ถู ามใหต้ ัวแทนแต่ละกลุ่มนาเสนอ 4. ให้กลุ่มอาสาสมัครนาเสนอ หลังจากน้ันให้กลุ่มอื่น ๆ พิจารณาว่า กลุ่มตนเองมีความเห็น ท่แี ตกตา่ งหรือไม่ และนาเสนอเพ่มิ เตมิ ผูจ้ ดั การเรยี นร้ชู วนคุย โดยใชค้ าถาม ดงั น้ี คาถามชวนคิด  คดิ วา่ เป็นเพราะเหตุใด จึงเกิดการใชค้ วามรนุ แรงทางเพศ/หรอื ลว่ งละเมิดทางเพศ  คดิ ว่าคนทีถ่ ูกลว่ งละเมดิ ทางเพศหรอื ใช้ความรนุ แรงทางเพศ รสู้ ึกอย่างไร  หลังจากพูดคุยในกลุ่มย่อยแล้ว ความเข้าใจในเรื่องการใช้ความรุนแรงทางเพศหรือล่วงละเมิด ทางเพศแตกตา่ งไปจากเดมิ ที่เคยเข้าใจหรือไม่ อย่างไร  ใครเคยมีประสบการณ์พบเห็นเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงทางเพศ หรือการล่วงละเมิดทางเพศบ้าง ให้ยกตวั อย่าง  ให้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ผู้เรียนเคยประสบ แต่ไม่แน่ใจว่าการกระทาดังกล่าวถือเป็นการ ล่วงละเมิดทางเพศหรือเป็นการใช้ความรุนแรงทางเพศหรือไม่ ไม่ว่าจะในฐานะผู้ถูกกระทาหรือ ผู้กระทา โดยตัง้ ใจหรือไม่กต็ าม และให้กล่มุ ช่วยกันอภปิ รายแสดงความคิดเห็น  หากเกิดเหตุการณท์ ่ีถูกลว่ งละเมดิ ผู้ทถ่ี กู กระทาควรทาอยา่ งไร 5. ผู้จดั การเรยี นรใู้ หผ้ ู้เรียนได้ศกึ ษาจากใบความรู้ท่ี 4 และใบความร้ทู ่ี 5 6. ผู้จัดการเรียนรู้สามารถเลือกคลิปวิดีโอและเปิดให้กับผู้เรียนได้ชม (หากมีความพร้อมด้านอุปกรณ์ ในการนาเสนอคลิปวิดีโอ) การวัดและประเมินผล 1. สงั เกตการมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมกลุ่ม 2. การอภิปรายแลกเปลย่ี น การซักถาม การโตต้ อบ ข้อเสนอแนะสาหรบั ผู้จัดการเรยี นรู้ ผู้เรียนอาจจะนาเสนอประสบการณ์ที่คิดว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ/ใช้ความรุนแรงทางเพศ ซ่ึงคนอื่น ๆ อาจจะมองเป็นเร่ืองธรรมดา/ปกติ เช่น ถูกเพื่อนเรียกว่า “น้องจอแบน” (หน้าอกเล็ก) ฯลฯ แต่ประเด็น ที่สาคัญก็คือ ผู้ถูกล้อเลียนไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีและไม่ยินยอมให้ถูกเรียกอย่างนั้น (แม้จะเป็นการหยอกล้อ ระหวา่ งเพอื่ นก็ตาม) ผู้จดั การเรยี นรจู้ าเป็นต้องสร้างความเขา้ ใจในเร่ืองน้ใี ห้กับผู้เรียนดว้ ยเชน่ กนั 113

ข้อสรุปสาคัญจากการจัดกจิ กรรม 1. การละเมิด คอื การไมย่ ินยอมจากอีกฝ่าย 2. การละเมิดทางเพศอาจจะเกิดได้ท้ังจากความตั้งใจและไม่ต้ังใจของผู้ละเมิด เช่น การใช้คาพูด สองแง่สามง่ามในการกระเซ้าเย้าแหย่ ซึ่งผู้ละเมิดอาจจะไม่รู้สึก คิดว่าเป็นเร่ืองธรรมดา และหลายคร้ัง สังคมก็มักจะมองว่าเป็นเรื่องปกติและธรรมดาด้วย แต่ขณะที่ผู้ถกู ละเมิดมีความรู้สึกไม่ยินยอมและรู้สึกแย่ ตอ่ การกระทานน้ั ๆ แต่กอ็ าจจะไม่กลา้ แสดงออกอะไร 3. สถานการณ์การถูกล่วงละเมิดทางเพศและความรุนแรงทางเพศ บ่อยคร้ังเกิดข้ึนกับภาวะ ทางด้านจิตใจมากกวา่ ร่างกาย ซึ่งเป็นการกระทาท่ีเห็นได้ชัดเจนและมักจะมีกฎหมายรองรับ แต่ทางจิตใจ บางครงั้ กไ็ มม่ ีกฎหมายรองรบั 4. หลายกรณี การใช้ความรุนแรงทางเพศหรือการล่วงละเมิดทางเพศ เกิดขึ้นจากการใช้ ความเหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นตาแหน่งหน้า ความใกล้ชิด สถานะทางสังคมทาการล่วงละเมิดหรือรุนแรง ทางเพศได้ 5. ในกรณีถ้าวัยรุ่นมีความรู้สกึ ว่า อดึ อดั มีแนวโน้มจะถกู ละเมดิ หรอื ถูกละเมดิ ทางเพศ ถกู กระทา รุนแรงทางเพศ ไม่ควรเก็บไว้คนเดยี ว ควรหาผใู้ หญ่ที่ไว้ใจได้และขอรบั การปรึกษา หรอื หาบริการช่วยเหลือ ปรึกษาจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยไม่ต้องกังวลใจว่า อาย หรือจะถูกตาหนิว่าคิดมากไปเอง อย่างน้อยเป็นการ ยุติหรอื แสดงความเทา่ ทันตอ่ เหตกุ ารณ์ ทาให้เกดิ ความระมัดระวงั ในการท่จี ะถูกละเมิดทางเพศมากข้นึ คาถามท้ายบท เมอ่ื พบเห็นเหตกุ ารณก์ ารลว่ งละเมดิ ทางเพศ จะทาอย่างไร หมายเหตุ : ให้ผจู้ ดั การเรยี นรู้ศกึ ษาใบความรูท้ ี่ 4 และ 5 หรอื จากแหลง่ ความรูอ้ นื่ ที่เก่ยี วขอ้ งกบั เน้อื หาวตั ถปุ ระสงค์ 114

ข้อมลู เพม่ิ เติมสาหรับผ้จู ัดการเรยี นรู้ ความรุนแรงทางเพศ ครอบคลุมถึงผลของการกระทาท่ีเกิดจากความสัมพันธ์เชิงอานาจ รวมทั้ง การคุกคามหรือการข่มขู่ด้วย การใช้อานาจยังหมายรวมถึงการละเว้นไม่ปฏิบัติหรือการปล่อยปละละเลย ไม่ปฏิบัติ ยังผลทาให้เกิดความรุนแรงอย่างเห็นได้ชัดจากการกระทาน้ัน ดังนั้น การใช้อานาจ หรือการใช้ กาลังทางกาย จึงควรหมายรวมถึงการละเว้นไมก่ ระทาหรือการกระทาทุกประเภทที่ก่อให้เกิดผลเสีย ท้งั ต่อ ร่างกาย จติ ใจ และเพศของผู้อื่น อาจแบง่ ความรนุ แรงทางเพศ ไดด้ ังนี้ 1. ความรุนแรงต่อร่างกาย จิตใจ และเพศท่ีเกิดขึ้นในครอบครัว ซึ่งหมายรวมถึงการทุบตีภรรยา (Battering) ความรุนแรงทางเพศต่อเด็กหญิงในบ้าน ความรุนแรงต่อเด็กและคนชราในบ้าน ความรุนแรง ท่ีเกิดจากสินสอดของฝ่ายหญิง (Dowry-related violence) การข่มขืนโดยคู่สมรส (Marital rape) การขลิบอวัยวะเพศหญิง (Female genital multilation) และการปฏิบัติตามประเพณีอื่น ๆ ที่เป็น อันตรายต่อผู้หญิง ความรุนแรงท่ีเกิดจากคนอ่ืนท่ีไม่ใช่คู่สมรส (Non – spousal violence) และความ รุนแรงจากการหาประโยชน์บนรา่ งกายผูห้ ญงิ โดยการอนาจาร (Violence related to exploitation) 2. ความรุนแรงทางร่างกาย ทางเพศ และทางจิตใจที่เกิดขึ้นในชุมชนท่ัวไปหรือที่สาธารณะ รวมทัง้ การข่มขืนกระทาชาเรา การถูกลวนลามลว่ งละเมดิ ทางเพศ หรือทาอนาจาร (Sexual harassment) ในท่ีทางาน ในสถานศึกษาและท่ีอื่น ๆ การค้าผู้หญิงข้ามถิ่นหรือข้ามชาติ (Trafficking) และการบังคับ ค้าประเวณี (Forced prostitution) 3. ความรุนแรงทางร่างกาย ทางเพศ และทางจิตใจ ท่ีเกิดจากการกระทาของรัฐ ไม่ว่าจะเกิดขึ้น ทใ่ี ดก็ตามหรือเกดิ จากการปล่อยปละละเลยของรัฐในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง การกระทารุนแรงตอ่ ผู้หญิง ยังหมายถึงการทาหมันหรือบังคับให้ทาแท้ง การขืนบังคับหรือใช้กาลังให้ใช้วิธีการป้องกันการต้ังครรภ์ โดยท่ีผหู้ ญิงไม่เต็มใจ หรอื การเลอื กเพศทารกโดยการฆ่าทารกเพศหญงิ เปน็ ต้น ท่มี า : นันทพันธ์ ชนิ ลา้ ประเสริฐ. (2546). การพฒั นาระบบฐานขอ้ มลู และสงั เคราะหง์ านวจิ ยั ด้านความรนุ แรงในสงั คมไทย. คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสมั ชัญ. (เปน็ โครงการทไี่ ด้รับทุนอดุ หนนุ จากสถาบนั วิจยั .) 115

แผน่ กิจกรรม ให้แต่ละคนพิจารณาว่าการกระทาต่อไปน้ี ถือเป็นการใช้ความรุนแรง หรือการล่วงละเมิดทางเพศ หรอื ไม่ เพราะเหตุใด และหากเกิดเหตกุ ารณเ์ ชน่ น้ี ควรทาอยา่ งไร 1. การ forward mail หรือ clipping ภาพบุคคล 2. ผู้บริหารชายพูดกับพนักงานหญิงว่า “คุณทางานได้ถูกใจผมมาก ถ้าคุณยอมมีอะไรกับผม ผมจะเตรียม เลื่อนตาแหน่งให้คณุ ” 3. ชายหนมุ่ พดู กบั แฟนสาวว่า “วันนี้คณุ แตง่ ตัวเซก็ ซม่ี ากเลย จนผมแทบจะอดใจไม่ไหว” 4. อาจารย์สอนปริญญาโท พูดทีเล่นทีจริงกับกลุ่มนักศึกษาว่า “ผมไม่เข้าใจว่าพวกคุณที่เป็นผู้หญิง จะมาเรยี นโทกนั ทาไม น่าจะใช้เวลาอยบู่ ้านดูแลลูก ดูแลสามมี ากกว่านะ” 5. เมอ่ื เลขานกุ ารสาวเดินผา่ นโตะ๊ ผู้จัดการชายทักทายด้วยการจบั กน้ 6. ครูหนุ่มชวนผู้เรียนชายคนหน่ึงไปท่ีบ้านตอนกลางคืน โดยบอกว่าจะติวหนังสือเตรียมสอบเข้า มหาวิทยาลัยให้ เม่ือผู้เรียนคนน้ันไปถึงบ้าน ครูพาเข้าไปที่ห้องทางาน ซึ่งเปิดไฟสลัว ๆ และมีดนตรี เปิดเบา ๆ และชวนให้ผู้เรยี นดมื่ เครอื่ งดม่ื ด้วยกนั ก่อน 7. เป็นที่ร่าลือกันในกลุ่มนักศึกษาชายว่า อรทัยเป็นสาวฟรีเซ็กส์ ชอบนอนกับผู้ชายและไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้ กับเพ่ือน ๆ ในงานเลี้ยงวันเกิดพลที่บ้าน พลชวนอรทัยไปด้วยระหว่างท่ีทุกคนกาลังสนุกกับการดื่ม และการเต้นรา อรทัยซึ่งด่ืมแอลกอฮอล์และเร่ิมเมามาก จึงเดินไปห้องน้า พลเห็นดังน้ัน จึงเดินตามไปรอ และชวนอรทัยข้ึนไปที่ห้องนอนบอกว่าจะพาไปนอนพัก พลถือโอกาสมีเพศสัมพันธ์กับอรทัยขณะที่ อรทยั หลับ ๆ ตื่น ๆ และไปบอกเพื่อน ๆ ผ้ชู ายอกี 3 – 4 คนให้ไปมเี พศสัมพนั ธ์ด้วย 8. โตและนิด แต่งงานกันมา 2 ปี ทั้งสองคนช่วยกันทางานเพื่อหาเงินเตรียมไว้สาหรับการมีลูก เวลาที่โต กลับบ้านดึก ๆ และนดิ หลับไปแลว้ โตมักปลกุ นิดให้มีเพศสัมพันธ์ด้วย หลายคร้ังที่นดิ บอกโตว่าเหนอื่ ยมาก และไม่มีอารมณ์ แตโ่ ตไมส่ นใจและยังคงมีเพศสัมพันธก์ ับนิดทุกครงั้ 9. ชาติ อายุ 17 ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธก์ ับใครเลย และเพื่อน ๆ มักล้อเลียนชาติในเรื่องน้ี บางครั้งก็พูดว่า ชาติคงเป็นกะเทย ไม่ใช่ผู้ชาย คืนหนึ่ง เพื่อน ๆ ชวนชาติไปเที่ยวเธค และแนะนาให้ชาติรู้จักหญิงสาว คนหนึ่ง และคะยั้นคะยอให้ชาติพาสาวคนนั้นไปมีอะไรด้วยที่บ้านเพื่อนคนหน่ึง ชาติไม่ได้สนใจผู้หญิง คนน้ัน แต่เพื่อน ๆ พยายามหว่านล้อมและย่ัวยุว่าถ้าไม่มีไม่แน่จริง สุดท้ายชาติไม่อาจปฏิเสธได้ และมี เพศสมั พันธก์ ับสาวคนน้ัน 116

10. หลังจากคบกันได้ 6 เดือน อั้มรู้สึกว่าก้องไม่ค่อยมีเวลาให้เหมือนก่อน เม่ือถามก็มักแสดงอาการโมโห อ้ัมจึงเริ่มคิดเร่ืองขอเลิก แต่ก้องมักพูดเสมอ ๆ ว่า ถ้าอ้ัมจะเลิกกับเขาและไปมีแฟนใหม่ เขาจะนาคลิป ทถี่ า่ ยภาพสว่ นตัวของอัม้ กบั เขาไปลงเวบ็ และสง่ ต่อใหเ้ พ่ือน ๆ 11. พนักงานสอบสวนชายแสดงความเห็นต่อกรณีข่มขืนรายล่าสุดว่า หากฝ่ายหญิงไม่แต่งตัวโป๊ขนาดนั้น ก็คงไมเ่ กดิ กรณแี บบนี้ 12. บอยเล่าเรื่องการมีเพศสัมพนั ธ์ระหว่างตนเองกับเพื่อนร่วมโรงเรียนให้แบ๊งค์ ซึ่งเป็นเพื่อนรักกันมากฟัง โดยจะกาชับแบ๊งคว์ ่าอยา่ ไปเล่าใหใ้ ครฟังอีก 13. นักข่าวแอบถ่ายภาพโคโยตท้ี ี่มาเตน้ ตามท่ีต่าง ๆ และนาไปผลิตเป็นสกู๊ปทางรายการโทรทัศน์ 14. ต้นมีเพศสรีระเป็นชายแต่จิตใจอยากเป็นหญิง ต้นมักจะถูกเพื่อนผู้ชายแกล้งรุมกอด หอม หรือไซ้ซอกคอ เปน็ ประจา บางครัง้ ก็แอบปนี หอ้ งนา้ ดเู มือ่ ต้นจะเข้าห้องนา้ 15. น้าตาลโมโหที่ชวนหนุ่มมีอะไรกันแล้วถูกหนุ่มปฏิเสธ แม้จะพยายามท้าทายหนุ่มแล้วว่าเป็นผู้ชาย จริงหรือเปล่า เมื่อหนุ่มยืนยันที่จะไม่มีอะไร น้าตาลจึงเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง และบอกว่า หน่มุ เปน็ เกย์ 16. มกี ารนาเสนอข่าวเดก็ /ผู้หญงิ ทถ่ี ูกละเมดิ ทางเพศทางสื่อ โดยใช้การคลุมหนา้ หรือปิดคาดหน้าไว้ 117

ตวั อย่างคลิปวดิ ีโอ คลปิ เก่ยี วกับการถกู ทารุณกรรมทางเพศ ที่มา : อลิษา พาคาป้อง. (2559). ภาพยนตร์สั้นเกี่ยวกับ การถูกทารุณกรรมทางเพศ เร่ือง เธอ เหตุการณ์ที่เกดิ ข้ึน ในหนังส้ันเร่ืองนี้ เป็นเหตุการณ์ ท่ีสมมติข้ึน และ พ ฤ ติ ก รรม ก ารติ ด เซ็ ก ส์ ข อ งตั ว ล ะค รเป็ น เพี ย ง ผลกระทบหน่ึงของ \"การถูกทารุณกรรมทางเพศ\". คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาการออกแบบส่ือ นวัตกรรม มหาวิทยาลยั นเรศวร จังหวดั พิษณโุ ลก. วันท่คี น้ ข้อมลู 2 สิงหาคม 2561. เข้าถงึ ได้จาก https://youtu.be/o8Yvnzyg5EU คลปิ การป้องกนั การถูกล่วงละเมิดทางเพศ / การขอความช่วยเหลือ ท่มี า : สานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส .). (2558). การป้องกัน การถูก ล่วงละเมิด ทางเพศ/การขอความช่วยเหลอื . วนั ท่ีคน้ ขอ้ มลู 2 สงิ หาคม 2561. เขา้ ถึงได้จาก https://www.youtube.com/watch?v=4p4GCNbWAhw คลปิ เดก็ สาววัย 17 ถูกลว่ งละเมิดทางเพศ พรอ้ มบงั คับด่ืมสารเสพติด | ข่าวชอ่ ง 8 ทีม่ า : ช่อง 8 เพื่อนคุณทุกท่ี ทีวีของทุกคน. (2560). เด็กสาวในจังหวัดปราจีนบุรี ซ่ึงป่วยเป็นออทิสติก ถูกลวงไปล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมบังคับด่ืมสารเสพติด โดยวงจรปิดบันทึกภาพชายต้องสงสัยไว้ได้. วันท่ีค้น ขอ้ มูล 2 สงิ หาคม 2561. เข้าถึงไดจ้ าก http://www.thaich8.com , https://www.facebook.com/newsthaich8, https://twitter.com/newsthaich8, http://instagram.com/newsthaich8 118



กจิ กรรมท่ี 14 ตา่ งคนต่างเหตุผล สาระสาคัญ เพศสัมพันธ์เป็นส่วนหน่ึงของชีวิตมนุษย์ เพศสัมพันธ์อาจมีเพ่ือการสืบพันธุ์หรือไม่ก็ได้ เหตุผล ในการมีเพศสัมพันธ์ของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกัน บ้างเป็นเหตุผลในเชิงบวก บ้างอาจเป็นเหตุผล ในเชิงลบ บางเหตุผลอาจบอกยากวา่ บวกหรือลบข้ึนอยู่กบั สถานการณ์และปจั จัยแวดล้อม จุดประสงค์ เพอ่ื ใหผ้ ้เู รยี น 1. สามารถบอกปัจจยั สาคญั สาหรบั ตนเองในการตดั สินใจมีเพศสมั พนั ธ์ 2. สามารถระบสุ ิ่งท่วี ยั ร่นุ ควรคานึงถึงในการตัดสินใจมเี พศสมั พันธ์ 3. สามารถบอกผลกระทบจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไมย่ นิ ยอมพรอ้ มใจ เนือ้ หา 1. เพศสัมพนั ธก์ ับการตดั สนิ ใจ 2. กฎหมายท่ีเก่ยี วข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศ ภาพรวมการจัดกิจกรรม ผู้จัดการเรียนรู้ใช้กระบวนการกลุ่ม ชายล้วน หญิงล้วน และรายบุคคล แสดงความคิดเห็น ลงกระดาษฟลิปชาร์ท โดยมีการกาหนดเวลา จากน้ันให้นาเสนอให้กลุ่มอ่ืน ๆ ได้รับทราบความคิดเห็น อย่างหลากหลาย มีการใช้คาถามชวนคดิ ที่เตรียมไว้ แล้วใหผ้ ู้เรียนแตล่ ะคนตอบคาถามลงในสมุด/กระดาษ ผูจ้ ัดการเรียนรู้ ใหข้ ้อเสนอแนะเพ่ิมเติม และสรุปจากข้อสรุปสาคัญจากการจัดกิจกรรม สื่อและอุปกรณ์ 1. แบบสารวจ “เหตุผลทค่ี นเรามีเพศสัมพันธ์” 2. กระดาษฟลปิ ชารท์ กระดาษกาว ปากกาเคมี ขั้นตอนการจดั กจิ กรรม 1. ผู้จัดการเรียนรู้ ช้ีแจงวัตถุประสงค์การเรียนรู้ว่ากิจกรรมน้ีต้องการสารวจเหตุผลของแต่ละคน ในการตดั สินใจมีเพศสัมพนั ธ์ และวเิ คราะห์การใหค้ ณุ คา่ ตอ่ การมีเพศสมั พนั ธ์ของสังคม 2. แบ่งกลุ่มหญิงล้วน ชายล้วน กลุ่มละไม่เกิน 7 คน ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันระดม “เหตุผลท่ี คนมีเพศสมั พนั ธ์” ใหเ้ วลา 5 นาที เขียนคาตอบลงในกระดาษฟลิปชาร์ท 3. จากนั้น ขออาสาสมัครนาเสนอกลุ่มแรก และให้กลุ่มอื่น ๆ เพ่ิมเติมเหตุผลที่ไม่ซ้ากับกลุ่มแรก โดยผูจ้ ัดการเรยี นร้เู ขยี นเพมิ่ เติม 4. ถามผู้เรียนว่า เมื่อเห็นคาตอบต่าง ๆ ท่ีเป็นเหตุผลในการมีเพศสัมพันธ์ของคน มีความคิดเห็น หรือรู้สึกอยา่ งไร มีข้อใดท่รี ้สู ึกว่าไม่นา่ จะเปน็ เหตผุ ล ให้บอกเหตผุ ลประกอบ 5. แจกแบบสารวจ “เหตุผลท่ีคนเรามีเพศสัมพันธ์” ให้ผู้เรียนแต่ละคน โดยอธิบายว่า ให้แสดง ความเห็นต่อเหตุผลในการมีเพศสัมพันธ์แต่ละข้อตามความรู้สึกของตนเองว่า เป็นเหตุผลในเชิงบวกหรือลบ หรือไม่แนใ่ จและใหเ้ พิ่มเติมเหตุผลอืน่ ๆ จากทผี่ เู้ รยี นระดมความเห็นกันในข้อทีย่ ังว่างอยู่ ให้เวลาทา 5 นาที 120

6. แบ่งผู้เรยี นเป็น 5 กลุ่ม ให้แตล่ ะกล่มุ 6.1 รวบรวมความเห็นของสมาชิกในแต่ละข้อ โดยให้แต่ละคนบอกเหตุผลประกอบคาตอบ ของตนเองดว้ ย และเพ่มิ เตมิ เหตผุ ลอื่น ๆ ทีส่ มาชกิ กลุ่มเสนอ 6.2 จากน้ัน ให้กลุ่มพิจารณาเหตุผลในการมีเพศสัมพันธ์ โดยให้เลือกเหตุผลอย่างละ 3 ข้อ 1) เหตุผลท่ีกลุ่มยอมรับได้มากทีส่ ดุ 3 ขอ้ 2) เหตผุ ลทก่ี ลมุ่ ยอมรับไม่ไดม้ ากทสี่ ดุ 3 ข้อ 3) เหตุผลทกี่ ลุม่ ไมแ่ นใ่ จ 3 ขอ้ เพอ่ื ให้ทุกลุม่ ใช้นาเสนอแลกเปลีย่ นกนั 7. ระหว่างที่กลุ่มนาเสนอ ผจู้ ัดการเรียนรคู้ วรบนั ทึกเหตผุ ลที่แต่ละกลุ่มเห็นตรงกัน เพอ่ื นาไปชวนคยุ 8. เมื่อทุกกลุ่มนาเสนอแล้ว ผู้จัดการเรียนรู้ชวนดูเหตุผลของการมีเพศสัมพันธ์ที่คนส่วนใหญ่ ยอมรบั ได้ เหตผุ ลทีย่ อมรับไมไ่ ด้ และเหตุผลท่ไี มแ่ น่ใจ วา่ เหมือนหรอื แตกตา่ งกันอยา่ งไร 9. จากนน้ั ชวนคุยโดยใชค้ าถาม ดังน้ี คาถามชวนคดิ  เกณฑ์ของแตล่ ะคนท่ใี ชพ้ ิจารณาหรือตัดสนิ ว่ายอมรบั ได้หรือไม่ คืออะไร  เปน็ ไปได้หรือไม่วา่ เหตผุ ลแตล่ ะขอ้ อาจเปน็ ไดท้ ้งั บวกและลบ เพราะเหตใุ ด  เราสามารถใช้เกณฑข์ องเราไปตัดสินคนอนื่ ได้หรอื ไม่ เพราเหตุใด  การมเี พศสัมพันธใ์ นกรณีใดบ้างที่อาจนาไปสู่โอกาสเสีย่ งต่อการต้ังครรภไ์ ม่พึงประสงค์ การติดเชื้อ เอชไอวี หรือการใชค้ วามรนุ แรง  กรณีใดบ้างที่สะท้อนถึงเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้เกิดจากการยินยอมทั้งสองฝ่าย มีวิธีแก้ไข หรือ หลกี เล่ียงหรอื ไม่ อย่างไร  จาเป็นหรอื ไม่ ที่เม่ือเปน็ สามภี รรยากันแล้ว เปน็ หน้าท่ที จ่ี ะต้องมีเพศสมั พนั ธ์แม้ไม่ต้องการ  ควรส่ือสารเร่อื งเหตุผลในการมีเพศสัมพันธก์ ับค่หู รอื ไม่ ควรคุยเมื่อไร และคยุ อย่างไร 10. ผู้จดั การเรียนรู้ ให้ผู้เรยี นแต่ละคนตอบคาถามโดยเขยี นลงในสมุด/กระดาษ ดังนี้ 10.1 หากจะตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ สิ่งท่ีผู้เรียนจะคานึงถึงมากที่สุด และเป็นเหตุผลในการ ตดั สินใจ คืออะไร เพราะอะไร 10.2 สง่ิ ทีผ่ ้เู รียนตง้ั ใจจะไม่ทากบั คนอน่ื ในเรื่องการมีเพศสัมพนั ธ์ คอื ... การวดั และประเมนิ ผล 1. สังเกตการมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมกลุ่ม 2. การอภปิ รายแลกเปล่ียน การซักถาม การโตต้ อบ 121

ขอ้ เสนอแนะสาหรับผูจ้ ดั การเรยี นรู้ 1. การแสดงออกว่าการพูดคุยเรอื่ งเพศเปน็ เรอื่ งธรรมดาของผู้จัดการเรียนรู้จะช่วยให้บรรยากาศปกติ ยา้ กติกาเรื่องการไม่นาเรื่องท่ีเรียนไปล้อเล่นภายหลัง และการรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และควร ช้ีประโยชน์และวัตถุประสงคข์ องแผนการเรยี นรตู้ ้งั แต่แรกเรมิ่ กิจกรรม 2. ผ้จู ัดการเรยี นรูค้ วรสงั เกตทา่ ทีผู้เรยี นทีอ่ าจไม่สะดวกใจหรือรู้สึกอึดอัดในการแสดงความคิดเห็น และควรแนะนาผู้เรียนทุกคนว่า หากมีคนรู้จักหรือตัวเองมีความกังวลใจหรือลังเลใจเกี่ยวกับ การมี เพศสัมพันธ์ ก็ควรขอคาปรึกษาจากผู้ใหญ่หรือคนที่เราไว้ใจ หรือจากผู้ให้คาปรึกษาด้านวัยรุ่น จากหน่วยงานตา่ ง ๆ ข้อสรุปสาคญั จากการจดั กจิ กรรม 1. เพศสมั พนั ธ์เป็นส่วนหนง่ึ ของชีวิตมนุษย์ อาจจะเพ่ือการสืบพนั ธุห์ รือไมก่ ็ได้ 2. เพศสัมพันธ์นาไปสู่ความรนื่ รมย์ มีความสุขกับคู่ ถ้าเป็นเพศสัมพันธ์ท่ีเป็นเพศสัมพันธ์ท่ีป้องกัน ปลอดภัย ยินยอมและต้องการของท้งั คู่ 3. การไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเพศสัมพันธ์ หรือการถูกบังคับ โดยไม่พร้อมใจในเรื่อง เพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม อาจจะนามาซึ่งความเสี่ยง ไม่สามารถควบคุมดูแลความปลอดภัย ของตนเอง และมผี ลต่อภาวะจิตใจและสมั พนั ธภาพในคู่ 4. การใช้การบังคับ ขืนใจผู้อ่นื ให้มีเพศสัมพันธเ์ ป็นเรอื่ งไม่สมควรกระทา แม้แต่คนท่ีเปน็ คกู่ ันหรือ สามีภรรยากัน สังคมจึงมีการกาหนดกติกา กฎหมายเพื่อให้เกิดการคุ้มครองและปกป้องสิทธิทางเพศของคน รวมทั้งมีบทลงโทษสาหรบั คนทล่ี ว่ งละเมิดทางเพศดว้ ย 5. ไม่ว่าจะตัดสินใจด้วยเหตุผลอันใดในการมีเพศสัมพันธ์ ย่อมมีผลท่ีจะตามมา ดังน้ันจึงเป็นเรื่อง สาคัญที่ควรคิดให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจ และหาทางป้องกันผลท่ีไม่พึงประสงค์ท่ีจะตามมา และพร้อม รบั ผิดชอบผลท่ีอาจจะตามมาจากการมีเพศสมั พนั ธ์ คาถามท้ายบท การมเี พศสมั พันธใ์ นกรณีแบบใด ที่ผเู้ รียนไมต่ ้องการให้เกิดขนึ้ กบั ตนเอง และจะมวี ิธีการหลกี เล่ียง อยา่ งไร 122

แผนกิจกรรม เหตุผลในการมเี พศสมั พนั ธ์ ทาเคร่ืองหมาย / ลงในช่องท่ีตรงกับความเห็นของตนเองมากท่ีสุด และเขียนเหตุผลในการ มีเพศสมั พนั ธ์เพ่มิ เตมิ พรอ้ มระบุความเห็น เหตผุ ลในการมเี พศสัมพนั ธ์ บวก ลบ ไมแ่ นใ่ จ 1. ต้องการมลี ูก 2. ต้องการผกู มดั 3. หารายได้ 4. แสดงความรัก 5. แสดงบทบาททางเพศของตนเอง 6. ตอบสนองความต้องการทางเพศ 7. ผอ่ นคลายความเครยี ด 8. สนุก ชอบ มนั 9. อยากลอง 10. ตอบสนองตอ่ ส่งิ เร้า 11. เป็นหนา้ ที่ 12. ต้องการให้คมู่ ีความสุข 13. แลกเปล่ยี นกับบางอย่างทจ่ี าเป็น 14. ได้รจู้ กั คู่มากขน้ึ 15. ประชด หรอื แก้แค้น 16. ทดแทนบญุ คณุ 17. 18. 19. 20. 123



กิจกรรมที่ 15 วงจรชวี ติ สาระสาคญั เรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมชาติและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ เกี่ยวข้องกับทุกช่วงชีวิตตั้งแต่ ก่อนเกิดจนถึงตาย สังคมและวัฒนธรรมมีส่วนในการกาหนดความคิด ความเชื่อ บทบาท การแสดงออก ความสมั พันธ์ และพฤติกรรมเร่ืองเพศของสมาชิกในสงั คมผา่ นกระบวนการหล่อหลอมทางสังคม จุดประสงค์ เพ่อื ให้ผ้เู รียน 1. สามารถอธบิ ายปัจจัยที่มผี ลตอ่ ความคิดความเชื่อในเรอ่ื งเพศ 2. บอกถึงผลกระทบของการปลูกฝังในเรื่องเพศ ตอ่ เพศหญงิ และเพศชาย 3. มีความรู้ ความเขา้ ใจและเคารพความแตกต่างในวิถีทางเพศของแต่ละบุคคล เนื้อหา 1. ผลกระทบจากการเลยี้ งดูทม่ี ีตอ่ เพศหญิงและเพศชาย 2. วัฒนธรรม ประเพณี คา่ นิยม ภาพรวมการจัดกจิ กรรม การวิเคราะห์ผลกระทบจากการเล้ียงดูที่มีต่อเพศหญิงและเพศชาย ซ่ึงวัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยม มักกาหนดกรอบเรื่องเพศไม่เหมือนกัน โดยใช้กิจกรรมวาดภาพเพื่อสะท้อนลักษณะ และความ เปลีย่ นแปลงดา้ นอารมณ์ สังคม รา่ งกาย และอภิปรายร่วมกนั สอ่ื และอุปกรณ์ 1. กระดาษฟลิปชารท์ 2. ปากกาเคมีหลายสี ขน้ั ตอนการจัดกิจกรรม 1. ผู้จัดการเรียนรู้ช้ีแจงว่ากิจกรรม “วงจรชีวิต” เป็นการวิเคราะห์การปลูกฝังและกาหนดกรอบ ค่านิยม บรรทดั ฐานในเรอื่ งเพศของมนุษย์ โดยให้ผ้เู รยี นแบง่ เปน็ 4 กลุ่ม ผ้ชู าย 2 กลุ่ม และผ้หู ญิง 2 กลุม่ - ชายกลมุ่ ที่ 1 ผู้ชายวยั เดก็ และวัยรุ่น - ชายกลุ่มท่ี 2 ผู้ชายวัยผ้ใู หญแ่ ละวัยชรา - หญิงกลมุ่ ที่ 1 ผูห้ ญิงวยั เด็กและวัยรนุ่ - หญิงกลุม่ ที่ 2 ผ้หู ญงิ วยั ผ้ใู หญแ่ ละวยั ชรา 2. ให้แต่ละกลุ่มวาดภาพผู้หญิงและผู้ชายในแต่ละวัยตามที่กลุ่มรับผิดชอบ โดยให้ช่วยกันเขียน อธิบายเพ่มิ เตมิ ดงั น้ี - ลักษณะทางร่างกายท่ีบง่ บอกว่าเป็นหญงิ หรือเป็นชายในวัยน้ัน ๆ - อารมณ์/จติ ใจ ของเพศหญงิ และเพศชายในวัยนั้น ๆ เป็นอยา่ งไร - เพศหญิงและเพศชายในวยั น้ันๆ ถูกบอก ถูกสอน หรือถูกคาดหวงั อย่างไรบ้างในเร่อื งเพศ 125

3. แต่ละกลุ่มออกมานาเสนอ ผู้จัดการเรียนรู้ชวนแลกเปลี่ยน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการปลูกฝัง เร่อื งเพศตามกรอบวฒั นธรรม ประเพณี ในดา้ นการแต่งกาย การวางตัว การประพฤติปฏิบัติตัวตอ่ เพศตรงข้าม ซงึ่ เป็นการให้คุณคา่ ท่ีแตกต่างกนั ระหว่างหญงิ ชาย โดยใชค้ าถาม เช่น - เราเหน็ ความแตกต่างเรอื่ งการเรยี นรเู้ รื่องเพศของหญงิ และชายอยา่ งไร - การทห่ี ญิงชายถกู บอกหรอื ถกู สอนต่างกันในเรอื่ งเพศ มผี ลกระทบอยา่ งไรบา้ ง (ผู้จัดการเรียนรยู้ กตัวอยา่ งจากประเด็นท่ีกลมุ่ นาเสนอ) ตัวอยา่ งเชน่ เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ บอกกับผู้ชายว่ามีได้เป็นเรื่องปกติ ไม่เสียหาย แต่บอกกับผู้หญิง ว่าควรรักนวลสงวนตัว เรื่องนเ้ี ปน็ เรื่องเสยี หายและไมด่ สี าหรับผู้หญงิ การบอกหรือสอนหญงิ ชายที่ตา่ งกนั จะส่งผลอย่างไรบา้ ง ? (ผลก็คือ ถ้าผู้หญิงเคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้วก็อาจเป็นไปได้ที่จะไม่กล้าบอกคู่ของตัวเอง และการป้องกันก็อาจจะไม่เกิดข้ึน สาหรับผู้ชายอาจเป็นไปได้ว่าอาจจะถูกผลักจากสังคมให้มี เพศสัมพนั ธ์ในขณะท่ตี ัวเองไม่พร้อม เปน็ ต้น) - การสอนเรื่องเพศท่ีต่างกันในแต่ละช่วงวัย ส่งผลต่อการเรียนรู้และพฤติกรรมของคน ๆ หนึ่ง อย่างไรบ้าง (เช่น กับวัยรุ่นชายบอกให้มีเพศสัมพันธ์ ได้แต่ต้องป้องกัน เม่ือแต่งงานบอกว่าควรรักเดยี วใจเดียว ไม่ไปมีคนอื่น หรือเมือ่ อายุมากไมค่ วรสนใจเรื่องเพศ ควรจะเขา้ วดั ) - มอี ะไรบ้างท่ีกาหนดความเป็นชาย ความเปน็ หญิง 4. ผู้จัดการเรียนรู้ชวนคุยเพื่อให้เข้าใจว่า ค่านิยม ทัศนคติ หรือกรอบมาตรฐานของสังคมท่ีมี ต่อเพศชายและเพศหญิงนั้น สามารถเปลย่ี นแปลงได้ โดยใช้คาถาม เช่น - คิดว่ากรอบหรือข้อกาหนดต่าง ๆ ท่ีเก่ียวกับเรื่องเพศ หรือความเป็นหญิง ความเป็นชาย สามารถเปล่ยี นแปลงได้หรอื ไม่ อย่างไร ใหย้ กตวั อย่างประกอบ - ในกรณีที่การสอนเรื่องความเป็นหญิง ความเป็นชายส่งผลกระทบต่อบุคคลในการดาเนินชีวิต จะมวี ิธแี กไ้ ขอยา่ งไร - หากตอ้ งการปรับเปล่ียนคา่ นิยมและความคาดหวัง คาดว่าจะตอ้ งเผชิญกับอะไรบ้าง และจะ จัดการอย่างไร 5. ผู้จัดการเรียนรู้ใช้คาถามเพื่อประเมินความเข้าใจและผลการเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึนจากกิจกรรมวงจรชีวิต โดยใช้คาถาม ดงั น้ี - ส่ิงท่ไี ด้เรยี นร้จู ากกิจกรรม “วงจรชีวติ ” และสามารถนาไปปรบั ใช้ในชวี ติ มีอะไรบ้าง - หากเราเป็นพ่อแมเ่ ราจะสอนลกู เพศชาย หรอื เพศหญิง อยา่ งไร การวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตการมสี ่วนร่วมในกิจกรรมกลมุ่ 2. การอภปิ รายแลกเปล่ยี น การซกั ถาม การโต้ตอบ 126

ข้อเสนอแนะสาหรับผจู้ ดั การเรยี นรู้ 1. ผู้จัดการเรียนรู้สามารถปรับเปลี่ยนกลุ่มเพ่ือวาดภาพตามความเหมาะสม เช่น ในกรณีท่ีมี จานวนผู้เรียนต่ากว่า 25 คน ให้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ “กลุ่มชาย” 1 กลมุ่ และ “กลุ่มหญิง” 1 กลุ่ม แต่ละกลุ่ม วาดภาพความแตกต่างในทุกช่วงวัย หรือในกรณีที่ผู้เรียนมีวัยแตกต่างกันมาก ให้แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ตามวัยของผูเ้ รยี น แล้ววาดภาพแสดงลักษณะตามชว่ งวยั ของกลมุ่ ตนเอง โดยวาดทัง้ ภาพชายและหญงิ 2. การให้เวลาสาหรับการวาดภาพ ผู้จัดการเรียนรู้ต้องดูระยะเวลาท่ีเหมาะสม เพื่อให้สามารถ แลกเปล่ียนเพ่ือสะท้อนถึงอิทธิพลการเลี้ยงดูต่อเพศชายและเพศหญิงท่ีไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นประเด็นสาคัญ ของกิจกรรมวงจรชีวติ ขอ้ สรปุ สาคัญจากการจดั กิจกรรม 1. เรือ่ งเพศเป็นส่วนหนึ่งของวถิ ชี ีวิตมนุษย์ และมพี ัฒนาการในแต่ละชว่ งวัยท้งั ทางร่างกายและจติ ใจ 2. เรื่องเพศวิถี (sexuality) คือเร่ืองราวที่เกี่ยวกับตัวตนของมนุษย์ที่มีหลายมิติ เช่น ทัศนคติ พฤติกรรม ความเช่ือ อารมณ์ บุคลิกภาพ รสนิยม ความสัมพันธ์ การแสดงออก กระบวนการหล่อหลอม ทางสังคม รวมทง้ั สรีระ และความพึงพอใจทางเพศ 3. เพศหญิงและเพศชาย มีพัฒนาการทางเพศท่ีเหมือนกัน เช่น สนใจคนพิเศษ มีความรัก มีอารมณ์เพศ อกหัก เหมือนกัน เพียงแต่อาจจะแตกต่างกันในแง่ของสรรี ะ เช่น รูปรา่ ง การมีประจาเดือน การมีอสุจิ แต่กลับมีการรับรู้เร่ืองเพศที่แตกต่างกัน ซึ่งเกิดจากกระบวนการปลูกฝังหล่อหลอม จากครอบครัวและสภาพสังคม การให้คุณค่าท่ีแตกต่างกันไป ทาให้เกิดความเช่ือ ทัศนคติและค่านิยม เกีย่ วกบั เรือ่ งเพศท่ีแตกตา่ งกันไปในชายและหญิง สง่ ผลต่อการดาเนินชวี ติ ทางเพศของระดบั บคุ คล 4. บรรทัดฐานเรื่องเพศในสังคมโดยทั่วไปปฏิบัติต่อหญิงและชายที่แตกต่างกัน และยังละเลย ต่อเพศทางเลือกหรือตีตราต่อเพศทางเลือกว่าผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการเลือกปฏิบัติ ความไม่เท่าเทียม และเกิดผลกระทบท่ีตามมาในการดาเนินชีวิต เช่น โอกาสการเรียนรู้และเข้าถึงข้อมูลเร่ืองเพศท่ีรอบด้าน การมีส่วนร่วมในการกาหนดและตัดสินใจในความสัมพันธ์ การเกิดความเส่ียงต่อสุขภาพทางเพศ และการเข้าถึงบริการรกั ษาป้องกนั ความสามารถในการเลือกทางป้องกนั ตนเองให้ปลอดภัย เปน็ ต้น 5. การเรียนรู้เรื่องเพศจึงเหมือนเร่ืองอื่น ๆ ที่ทุกเพศต้องได้รับการเรียนรู้ ท้ังเป็นการเรยี นรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้เรื่องเพศวิถีจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่าอาย แต่เป็นการได้เรียนรู้เรื่องเพศวิถีของตนเอง ให้สอดคล้องกับการเติบโตและพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย ไม่ควรเป็นการเรียนรู้โดยการลองผิดลองถูกเอง ตามสญั ชาตญิ าณโดยไมเ่ ทา่ ทนั ปจั จยั ต่าง ๆ ทจี่ ะสง่ ผลตอ่ สุขภาวะทางเพศได้ หมายเหตุ : ให้ผูจ้ ดั การเรยี นรู้ศึกษาใบความรู้ท่ี 6 หรือจากแหล่งความรูอ้ ่ืนทีเ่ ก่ียวข้องกับเน้อื หาวัตถปุ ระสงค์ 127

ใบความรสู้ าหรับกจิ กรรมดา้ นท่ี 4 : ด้านพฤติกรรมทางเพศ ใบความรู้ท่ี 1 เร่ือง “เพศทางเลอื ก” คอื อะไร เพศทางเลือก คือ กลุ่มคนกลุ่มหน่ึงซ่ึงที่มีอัตลักษณ์ทางเพศหรือรสนิยมทางเพศที่แตกต่างไปจาก คนสว่ นใหญใ่ นสังคม สามารถจาแนกได้ดงั นี้ 1. กลุ่มท่ีมีความหลากหลายด้านอัตลักษณ์ทางเพศ คนที่มีเพศท่ีปรากฏทางร่างกายกับจิตใจ ไมต่ รงกัน เชน่ ร่างกายเกดิ มาเป็นผชู้ าย แต่จิตใจรู้สกึ วา่ ตนเองเปน็ ผหู้ ญงิ 2. กลุ่มท่ีมีความหลากหลายด้านรสนิยมทางเพศ คนเราแต่ละคนสามารถมีความรู้สึกรัก รู้สึกดึงดูด หรือมอี ารมณ์ทางเพศต่อกันในลักษณะท่ีหลากหลายได้ มีทั้งรักเพศตรงข้าม รักเพศเดียวกัน รักทั้งสองเพศ หรือไม่มคี วามรู้สกึ ทางเพศต่อเพศใดเลยก็ได้ 3. กลุ่มท่ีมีความหลากหลายด้านการแสดงออกทางเพศ เป็นการแสดงออกภายนอกของแต่ละบุคคล ซ่ึงอาจถูกตีความตามบริบทของสังคมนั้น ๆ ว่าเป็นเพศน้ันเพศนี้ เช่น คนที่ไว้ผมยาวสวมกระโปรง ตอ้ งเป็นผูห้ ญิง เม่ือคนใกลต้ วั เป็น “เพศทางเลือก” ปัจจุบันเราได้พบเห็นการแสดงออกของกลุ่มบุคคล “เพศทางเลือก” ผ่านทางสื่อต่าง ๆ ทาให้ ตระหนักถึงการมีอยู่ของคนกลุ่มนี้อย่างกว้างขวางและทาให้หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าคนใกล้ตัว จะเป็น “เพศทางเลือก” หรือไม่ เช่น พ่อแม่ที่กังวลเม่ือเห็นลูกชายชอบเล่นตุ๊กตากับกลุ่มเพื่อนผู้หญิง หลายคนรู้สึกรังเกียจและคิดว่าคนกลุ่มน้ีมีความผิดปกติ ซ่ึงความเข้าใจของคนส่วนใหญ่มักคลาดเคลื่อนจาก ความเปน็ จรงิ “เพศทางเลือก” เปน็ ความผิดปกตหิ รอื ไม่ และเกดิ จากอะไร ความหลากหลายทางเพศเป็นส่วนผสมท่ีซับซ้อนขององค์ประกอบทั้งทางกาย (ฮอร์โมน/สารเคมี ในสมอง) จิตใจ (การเลี้ยงดู/ วิธีคิดของแต่ละคน) และสังคม (ความคาดหวัง/การยอมรับจากสังคม/ วัฒนธรรมท่ีหลากหลาย) ในทางการแพทย์ไม่ถือว่าบุคคลท่ีมีความแตกต่างทางรสนิยมและการแสดงออก ทางเพศ เป็นความผิดปกติ เพียงแต่อาจให้คาแนะนาในการปรับตัวและทาความเข้าใจกับคนรอบข้าง ในบางรายเท่านั้น แต่สาหรับผู้ที่มีความแตกต่างด้านอัตลักษณ์ทางเพศนั้นอาจมีความรู้สึกทุกข์ทรมาน ท่ีต้องดารงชีวิตอยู่ภายใต้ร่างกายท่ีในความรู้สึกลึก ๆ แล้วไม่ใช่ “ร่างกายของตนเอง” จึงจาเป็นต้องได้รับ การช่วยเหลือ ซึ่งแพทย์จะพยายามแก้ไขรา่ งกายให้สอดคล้องกับภาวะจิตใจของคนคนนั้น แพทย์จะช่วยเหลือ ผู้ทม่ี ปี ญั หาอัตลกั ษณท์ างเพศได้อย่างไร 128

การวนิ จิ ฉัยที่ถกู ต้อง จาเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องสามารถระบุบุคคลท่ีมีปัญหา อัตลักษณ์ทางเพศท่ามกลางผู้ที่มีความ หลากหลาย ทางเพศชนิดอื่นซ่ึงมีอยู่มากมาย เพ่ือนาเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือตั้งแต่เนิ่น ๆ ผู้ที่สงสัย ว่ามีปัญหาอัตลักษณ์ทางเพศควรปรึกษาจิตแพทย์เพ่ือวินิจฉัย หลังจากจิตแพทย์วินิจฉัยแล้วจะให้ คาแนะนาในการใช้ชีวิต การปรับตัว ตลอดจนการสื่อสาร กับครอบครัวหรือบุคคลอ่ืน ๆ ที่อาจมีส่วน เกี่ยวข้อง เช่น คุณครูเพื่อให้ทราบถึงวิธีการดูแลท่ีเหมาะสม และจะมีการนัดติดตามเป็นระยะเพื่อดูผล ของการปรบั ตัว การเข้าสู่กระบวนการแปลงเพศ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมบางคนอาจอยากเปล่ยี นแปลงร่างกายของตนให้เป็นไปตามท่ีจิตใจต้องการ จึงควรมาปรึกษากับแพทย์ท่ีมีความเช่ียวชาญเฉพาะในด้านต่าง ๆ เช่น ผู้ท่ีต้องการใช้ฮอร์โมนควรปรึกษา แพทย์ระบบต่อมไร้ท่อ หรือสูตินรีแพทย์ เพ่ือให้แพทย์พิจารณาการใช้ฮอร์โมนหรือยาในขนาดที่เหมาะสม และไม่มีผลข้างเคียงท่ีเป็นอันตราย ไม่ควรซ้ือยาเหล่าน้ีกินเอง ผู้ท่ีตัดสินใจจะรับการผ่าตัดเพื่อแปลงเพศ จะต้องพบจิตแพทย์เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและประเมินความพร้อมในการผ่าตัด และควรรับการผ่าตัด จากศัลยแพทย์ท่ีมีความเช่ียวชาญในการผ่าตัดรูปแบบน้ีโดยเฉพาะ ควรทาการผ่าตัดในสถานพยาบาล ท่ไี ด้มาตรฐานเพื่อความปลอดภยั สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศนู ยจ์ ติ รกั ษ์กรุงเทพ โรงพยาบาลกรงุ เทพ เปดิ ให้บริการทกุ วนั เวลา 08.00 – 18.00 น. โทร. 0 2310 3027, 0 2310 3751-2 https://www.bangkokhospital.com/index.php/th/diseases-treatment/lesbian-gay- bisexual-and-transgender-lgbt 129

ใบความรู้ที่ 2 สวัสดีครับน้อง ๆ คอลัมน์เพศศึกษา วัน น้ี พ่ี ห ม อ โด่ งข อ พู ด ถึงเร่ือ ง “ถุ งย าง อนามัย” ที่หลายคนเมินหน้าหนีเพราะคิดว่า รู้จักดีอยู่แล้ว แต่รู้ไหมครับว่า สิ่งที่น้อง ๆ รู้มา ยังไม่หมดแน่นอน ชักต่ืนเต้นแล้วล่ะสิ เอาล่ะ ไปรูจ้ กั กบั ถุงยางอนามัยให้มากขน้ึ กันเลย ปอ้ งกนั การต้งั ครรภ์ ง่าย ๆ เลย อย่างที่คนรู้กันคือ ถ้าใช้ถุงยางอนามัยสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้แน่นอน โดยโอกาสอาจจะไม่ 100% มหี ลายเหตุผลครับ คือ หมดอายุ คือถ้าน้องไปขโมยถุงยางของลุงขา้ งบ้านมาแล้วไม่ได้เช็ควา่ เออ! น่ีป้าแกทาหมันแล้วนะ ลุงก็ไม่ได้ใช้ถุงยางมานานแล้ว มันหมดอายุไปแล้ว ความเป็นไปได้ว่ามันจะเส่ือมสภาพก็มีครับ เช่น ถุงยางขาด แตก (ในที่น้ีหมายถึงถงุ ยางนะครบั ที่แตก) พอมันแตก น้องกแ็ ตก ทุกอย่างแตกครับ พัง ดงั นั้น อย่าลืมเช็ควนั หมดอายุกอ่ นใช้ทกุ ครง้ั ตัวผู้ใช้เอง ทางการแพทย์เขาเรียกว่า Compliance คือ ถ้าคนใช้มันไม่อยากใช้ มันก็ไม่ได้ผลสิครับ เพราะไม่มีการเตรียมพร้อมใช้งาน น้องอาจจะอายเกินกว่าที่จะไปซ้ือถุงยางอนามัย แต่เมื่ออยู่ในช่วง กาลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ไม่ได้วางแผนการใช้งานไว้ แต่วางเกมไว้แล้ว นั่นล่ะครับ เสร็จครับ เกิดต้ังครรภ์ ขน้ึ มาได้อายกวา่ ตอนซือ้ แนน่ อน ป้องกันโรคติดตอ่ ทางเพศสมั พันธ์ ถุงยางอนามัยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้มากมาย อย่างที่เรารู้กันคือ เช้ือ HIV หรือท่ีบางที คนเราก็เรียกกันแบบผิด ๆ ว่ามันเท่ากับ AIDs หรือโรคเอดส์ ซ่ึงผิดครับ แต่ถ้าใครได้ดูซีรีส์ เรอ่ื ง Hormones season 3 ก็นา่ จะพอเขา้ ใจมาบา้ ง (ไว้เราจะมาพดู ถงึ กนั ในตอนอื่น ๆ) นอกจากน้ีแล้ว ถุงยางอนามัยยังป้องกันการติดเชื้อ หนองใน หนองในเทียม ไวรัสตับอักเสบบี ซฟิ ิลิส เป็นต้น ถ้าใครยังอยากมีอวัยวะเพศท่ีสวยงาม ใช้ไดต้ ามปกติละก็ ควรรักษาพรหมจารียไ์ ว้ แต่ถา้ ไม่ทัน ถุงยางอนามัยนี่ช่วยได้ดีเลยครับ เพราะโรคพวกนี้ถ้าแสดงอาการข้ึนมารุนแรงมาก อย่างเช่น ตาบอด จากซิฟิลิส หรือมะเร็งตับจากไวรัสตับอักเสบบี เป็นต้น ซ่ึงบางทีกว่าจะรู้ตัวว่าเป็นอาการก็ลุกลาม ไปไกลแล้ว อนั นพ้ี ่หี มอขอเตอื นจริงจังเลยครับ 130

ผลข้างเคียงน้อย แ น่ น อ น ว่ า ผ ล ข้ า ง เคี ย ง น้ อ ย ม า ก ค รั บ เพ ร า ะ ถุ งย า ง อ น า มั ย ไม่ มี ฮ อ ร์ โม น เปน็ สว่ นผสม โดยหลัก ๆ แล้วยาคุมกาเนิดมกั จะมี ฮอร์โมน เช่น เอสโตรเจน (Estrogen) มักเกิดผล ข้างเคียงได้ เช่น น้าหนักข้ึน คล่ืนไส้อาเจียน และ ถ้าใช้ในระยะยาวและปริมาณสูง (ฉีด กินฉุกเฉิน ท่ีต้องกินมากกว่าปริมาณปกติหลายเท่า) มีความ เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมอีกด้วย เวลามาหาหมอ ก็มักจะเจอคาถามนี้เป็นการคัดกรองความเสี่ยงเสมอครับ ขอ้ นด้ี ูจะส่งผลกับฝ่ายหญงิ มากกวา่ หากเลือกได้ก็เลือกผู้ชายท่พี ร้อมจะใช้ถงุ ยางอนามัยเถอะครับสาว ๆ ช่วยยดื เวลาความสขุ โอ้โห! ข้อน้ีแอบติดเรทนิด ๆ พี่หมอเขียนเองยังเขินเลยครับ มีการวิจัยออกมาบอกว่า มันจะช่วย เร่ือง ‘นกกระจอกไม่ทันกินน้า’ หรือ Premature Ejaculation ได้ในผู้ชายบางคนครับ สาหรับน้อง ๆ วัยรุ่นที่ประสบการณ์น้อย และอยากทาให้ช่วงเวลาแห่งความสุขของน้องไม่ถูกรบกวนด้วยอารมณ์ ท่ีพลุ่งพล่านจนเกินไป ใช้วิธีน้ีก็เป็นวิธีท่ีดีครับ แถมไม่ต้องกังวลว่าแฟนจะท้องไหม จะต้องหนีหรือลาออก จากโรงเรยี นมาเล้ียงลูกไหม คุ้มครับ ลองด!ู ป้องกันตัวได้ดว้ ย สาหรับน้อง ๆ ผู้หญิงนะครับ เร่ืองถุงยางอนามัยเป็นเร่ืองใกล้ตัว และใช้ง่ายมากสาหรับเรา นอกจากยาคุมกาเนิด ยาคุมฉุกเฉิน ที่เป็นการเพ่ิมสารเคมีเขา้ ไปในรา่ งกายเราแล้ว วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งครับ ในประเทศที่พัฒนาแล้วบางประเทศ บางครอบครัวแนะนาให้เด็กผู้หญิงพกพุงยางอนามัย เพื่อป้องกัน ตัวเองในเวลาฉุกเฉินได้ แน่นอนเพราะว่าน้องจะต้องเป็นคนแบกภาระอุ้มท้องเองหากเราไม่ป้องกันความเสี่ยง ท่ีจะติดเชื้อโรค คนที่เป็นฝ่ายรับก็มากกว่า (แน่นอนครับ น่ีเราพูดถึงเพศท่ีสาม LGBT ด้วย) ดังนั้น กันไว้ ดกี ว่าแก้ครับ เห็นไหมครับว่าถุงยางอนามัยมีประโยชน์มากกว่าท่ีเราคิด ดังนั้นซ้ือมาใช้กันเถอะ เชื่อว่าท่ีร้าน สะดวกซ้ือไม่แพงหรอกครับ ถ้าเทียบกับเหล้า บุหรี่ หรืออาหารมอื้ แพง ๆ ทเี่ ราเลี้ยงแฟน คิดซะว่าเปน็ การ แสดงออกทางความรกั อย่างหนึ่งครับ การเชื่อใจกันในเร่ืองเพศสัมพันธ์น้ีไม่ควรจะเกิดขึ้นจนกว่าเราจะแต่งงานกัน เสียหายมาเท่าไหร่แล้ว กบั คาวา่ ‘เธอไม่เชื่อใจเราหรอ’ พี่หมอเหน็ มาเยอะครับ จาได้ว่าครั้งนึงในหอ้ งตรวจของอาจารย์สูตนิ ารีเวช มีแม่ของเด็กผู้หญิงที่อายุไม่น่าจะเกิน 15 ปีด้วยซ้า เข้ามาน่ังร้องไห้พร้อมกับขอให้หมอตรวจลูกสาว และดแู ลเร่ืองการต้ังครรภ์ ดังน้ัน ใชถ้ ุงยางอนามัยเถอะครับ… เดี๋ยวนี้มันหลากหลายขึน้ เยอะแล้ว มีทง้ั รูป รส กลนิ่ ที่มา : วนั ทค่ี ้นขอ้ มูล 19 เมษายน 2560. เขา้ ถงึ ได้จาก https://www.dek-d.com/loveroom/40402/ 131

ใบความรู้ท่ี 3 เรือ่ ง ทกั ษะการปฏิเสธ เพ่อื ป้องกนั ตนเองจากสถานการณเ์ สย่ี งต่อการมีเพศสัมพนั ธ์ มีหลายสาเหตุที่อาจนาวัยรุ่นมาสู่การเสียตัวหรือการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เสี่ยงต่อ การตั้งครรภ์ท่ีไม่พึงประสงค์ การติดเช้ือเอชไอวี การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และก่อให้เกิดปัญหา ทางสังคมตามมามากมาย การมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่วิธีผูกมัดใจคนรัก ผู้ชายบอกรักเพื่อให้ได้มีเพศสัมพันธ์ ขณะที่ผู้หญิงยอมมีเพศสัมพันธ์เพ่ือจะได้ความรัก ดังนั้น การปฏิเสธไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์จะเป็นวิธีดีที่สุด สาหรับวัยรุ่น และให้คิดเสมอว่าถ้าเพ่ือนชายไม่ยอมรับการปฏิเสธ แสดงว่าเขาไม่ได้รักเราอย่างจริงใจ ไม่สมควรจะเปน็ คูร่ กั กนั อีกตอ่ ไป ทกั ษะการปฏเิ สธ 1. ถ้าฝ่ายชายถูกเน้ือต้องตัวฝ่ายหญิง เช่น จับมือ จับแขน ฝ่ายหญิงต้องแสดงอาการหวงตัว ให้ฝา่ ยชายรู้สกึ ว่าไม่ควรทาเช่นนีอ้ ีก 2. ถ้าฝ่ายหญิงถูกเนื้อต้องตัวฝ่ายชายบ่อย ๆ ก็จะทาให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้ ผู้หญิงจึงไม่ควร ถูกเนอื้ ต้องตวั ให้ฝ่ายชายต้องคดิ มากหรอื คิดเกนิ เลย 3. เมื่อเป็นคู่รัก ฝ่ายหญิงยอมให้ฝ่ายชายถกู เน้ือต้องตัวได้บ้าง อาจเกนิ เลย ฝ่ายหญิงจะตอ้ งขัดขืน หรือร้องขอฝ่ายชายตรง ๆ ว่า “อยา่ กระทาเชน่ นีอ้ กี ” 4. ถูกชกั ชวนไปในท่ีลับตาคน ควรปฏิเสธกอ่ นเพือ่ ป้องกันความเส่ยี งต่อการมเี พศสัมพนั ธ์ 5. ถกู ชกั ชวนให้ดูสื่อท่ียั่วยุอารมณ์ ควรปฏเิ สธ 6. ตัวอยา่ งการปฏเิ สธ เมอ่ื ตกอยู่ในสถานการณเ์ สีย่ งต่อการมเี พศสัมพันธ์ - เพื่อนชายชวนเข้าในห้องพักส่วนตัว ปฏิเสธว่า “เราไม่อยากเข้าไป มันดูไม่ดี ขอตัวนะ เธอคงเขา้ ใจ” - เพอ่ื นชายชวนด่ืมเหลา้ ปฏิเสธว่า “เราไม่ชอบ กลัวจะเมา ไม่ด่มื นะ นายคงไมว่ า่ ” - เพื่อนชายชวนไปค้างคืนต่างจังหวัด ปฏิเสธว่า “เราไม่ชอบไปค้างคืนที่อื่น พ่อ แม่เรา ไม่อนญุ าต เราไมไ่ ปนะ เธอคงเขา้ ใจ” - เพื่อนชายชวนไปเที่ยวสถานบันเทิงกลางคืน ปฏิเสธว่า “เราไม่ชอบที่อย่างน้ัน เข้าไปแล้ว อดึ อดั ไมไ่ ปนะ เธอคงไมว่ า่ ” การป้องกันตนเอง ผู้หญิงควรมีการป้องกันตนเองก่อนเกิดปัญหา ได้แก่ รู้จักรักนวลสงวนตัว หรือ หวงตัว ไม่ควรอยู่ตามลาพังกับผู้ชายในท่ีลับตาหรือสถานที่เส่ียงต่อการมีเพศสัมพันธ์ ต้องเลิกคบกับผู้ชาย ท่ชี อบล่วงเกนิ ต้องคดิ ว่าความบรสิ ุทธเิ์ ป็นส่ิงสาคัญ และหลีกเล่ียงการดูส่ือท่ีกระตุ้นอารมณ์ทางเพศกับเพศชาย หลักสาคัญที่ช่วยให้ปฏิเสธได้สาเร็จ ได้แก่ มีจิตใจแน่วแน่ว่าจะต้องปฏิเสธจริง ๆ พูดปฏิเสธด้วยน้าเสียง และท่าทางจริงจัง เม่อื ปฏิเสธจบแล้วต้องรีบเดินออกจากเหตุการณ์ และเมอื่ ถูกสบประมาทไมค่ วรหว่ันไหว หรือตอบโต้ ให้รีบเดินหนีออกไปทันที ทม่ี า : กองสุขศึกษา. (2561). ทักษะการปฏิเสธ เพ่ือป้องกนั ตนเองจากสถานการณ์เส่ียงต่อการมเี พศสมั พันธ์. วนั ท่ีค้นขอ้ มูล 14 กุมภาพันธ์ 2561. เข้าถงึ ได้จาก http://healthydee.moph.go.th/blog?HTID=267 132

ใบความรู้ที่ 4 เรือ่ ง การล่วงละเมดิ ทางเพศและการกดขี่ทางเพศ เช่น เดียวกัน กับ การกดข่ีข่มเห ง ประเภทอนื่ ๆ การกดขี่ทางเพศมีวตั ถุประสงค์ เพ่ือการทาร้าย ละเมิด และคุกคามบุคคลอ่ืน ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือทางจิตใจ ข้อมูล ต่อไปน้ี จะช่วยให้คุณสามารถสังเกตลักษณะ ของผู้ที่ประสงค์จะล่วงละเมิดทางเพศ และ วิธีการเอาตัวรอดเม่ือเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว กับคณุ แม้คุณจะไม่เคยถูกกดข่ีหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่คุณอาจรู้จักใครที่เคยถูกล่วงละเมิด ซ่ึงการ ล่วงละเมิดทางเพศเป็นเร่ืองใหญ่สาหรับเด็กหรือวัยรุ่น โดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์มือถือ ส่ือโซเชียล และ โปรแกรมแชทออนไลน์ ในปัจจุบนั สง่ ผลให้การลว่ งละเมิดเกิดขึน้ ไดง้ ่ายกว่าแตก่ อ่ นมาก พฤติกรรมกดขี่ทางเพศท่ีเกิดจากข้อเสนอแนะ การวิพากษ์วิจารณ์ หรือการคุกคามท่ีเก่ียวข้องกับ ทางเพศต่อผทู้ ี่ไมต่ ้องการหรอื สมยอม เรียกวา่ การล่วงละเมดิ ทางเพศหรือการคุกคามทางเพศ ขอ้ มลู ตอ่ ไปนีเ้ ป็นสิง่ ที่คุณจาเป็นตอ้ งรู้และเปน็ แนวทางหากคณุ หรอื คนที่คุณรู้จกั อาจถกู ลว่ งละเมิด หรือถูกคกุ คามทางเพศ การล่วงละเมดิ ทางเพศและการกดข่ีทางเพศเป็นอย่างไร เช่นเดียวกันกับการกดขี่ข่มเหงอื่น ๆ การกดข่ีทางเพศจึงหมายรวมถึง การวิพากษ์วิจารณ์ กิริยา ท่าทางทแ่ี สดงออกมา การกระทา การต้ังใจที่จะทาร้าย ละเมิด และคกุ คามบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน ร่างกายหรือทางจิตใจ ซึ่งการล่วงละเมิดทางเพศมุ่งเน้นไปท่ี รูปร่างภายนอก สัดส่วนของร่างกาย รสนิยม เร่อื งเพศ หรอื กจิ กรรมทางเพศเปน็ สาคัญ คาพูดหรือการแสดงความคิดเห็นถือเป็นการล่วงละเมิดทางเพศได้เชน่ กนั อย่างการวิพากษ์วิจารณ์ ในเรื่องเพศท่ีเกี่ยวข้องกับผอู้ ่ืน ทว่าการแสดงความคิดเห็นอาจไม่ได้กล่าวออกมาจากปากเท่านั้น แต่การใช้ ส่ือหรือเทคโนโลยี เช่น การส่งข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอ เพ่ือการคุกคามถือเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ เช่นกัน นอกจากนี้ การพยายามจะจูบหรือแตะต้องตัวของผู้อื่นโดยท่ีผู้นั้นไม่ยินยอมก็นับเป็นการละเมิด ทางเพศด้วย การล่วงละเมิดทางเพศไม่ได้เกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงเท่านั้น ในขณะที่เด็กผู้ชายสามารถล่วงละเมิด เด็กผู้หญิง เด็กผู้หญิงก็สามารถล่วงละเมิดเด็กผู้ชาย เด็กผู้ชายล่วงละเมิดเด็กผู้ชายด้วยกัน หรือเด็กผู้หญิง ล่วงละเมิดเด็กผู้หญิงด้วยกัน เป็นต้น และการล่วงละเมิดไม่จาเป็นต้องเกิดขึ้นกับเด็กวัยเดียวกันเท่านั้น ผู้ใหญ่สามารถล่วงละเมิดเด็ก หรือบางคร้ังพบว่าเด็กก็สามารถล่วงละเมิดผู้ใหญ่ได้ด้วย แต่พบไม่บ่อยนัก ซง่ึ สว่ นใหญ่แล้ว การล่วงละเมดิ ทางเพศมกั เกิดข้ึนกับกลุ่มวัยร่นุ วยั เดียวกันซะมากกวา่ การล่วงละเมดิ ทางเพศ 133

และการคุมคามทางเพศน้ันมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันมาก เน่ืองจากเป็นพฤติกรรมท่ีปฏิบัติต่อผู้อื่น โดยที่ผู้น้ันไม่ยินยอม เช่น การวิพากษ์วิจารณ์ การเพ่งความสนใจหรือการสัมผัส แต่ทาไมพฤติกรรมเช่นน้ี จึงถูกเรียกได้ทั้ง 2 แบบ คือ การละเมิดทางเพศ และการคุกคามทางเพศ? เน่ืองจาก บางสถานที่ อย่างโรงเรียนหรือหลายที่เลือกใช้คาที่เหมาะสมกับบริบทของระเบียบในสถานที่นั้น ๆ เช่น เอกสาร ของทางโรงเรียน มักใช้คาว่า “การคุกคาม” มากกว่า ในขณะที่กฎหมายทั่วไปใช้คาว่า “การล่วงละเมิด” ซึ่งพฤติกรรมบางอย่างน้ัน ท้ังขัดต่อนโยบายโรงเรียนและขัดต่อกฎหมายหลักด้วย สาหรับผู้ที่ตกเป็นเหย่ือ การล่วงละเมิดและการคุกคามนั้นไม่แตกต่างกันเลยสาหรับพวกเขา เพราะมันทาให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจ และเสียใจไม่ว่าส่ิงท่ีพวกเขาถูกกระทาจะเรียกว่าอะไรก็ตาม เพราะเม่ือเกิดการละเมิดหรือการคุมคามทาง เพศขนึ้ แลว้ พวกเขาต่างรูส้ ึกวา่ ถูกข่มขู่ หวาดกลวั และตกอยู่ในภาวะเครียดรุนแรง พฤติกรรมของผ้ทู ่ปี ระสงค์จะล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ เรื่องตลก ภาษา และการสัมผัสตัวโดยตรงเกี่ยวกับทางเพศใด ๆ ต่างเรียกได้ว่าเป็น “ความไม่เหมาะสม” หากพฤติกรรมหรือการมีปฏิสัมพันธ์บางอย่างทาให้คุณรู้สึกอึดอัด หรือไม่พอใจ คุณจาเป็นต้องบอกผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ที่ไว้ใจ เน่ืองจากส่ิงเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของการ ล่วงละเมิดหรือการคุกคามทางเพศได้ ซึ่งการล่วงละเมิดหรือการคุกคามทางเพศ หมายรวมถึงพฤติกรรม ตา่ ง ๆ ตอ่ ไปน้ี  ลอ้ เลียน เลา่ เร่ืองตลก วิพากษว์ ิจารณ์ หรอื แสดงกิรยิ าอันเกย่ี วข้องกบั ทางเพศต่อผู้อ่ืน  แชร์เร่ืองราวเร่ืองเพศ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าปากต่อปาก การส่งข้อความ การแชททางออนไลน์ หรอื การแชรท์ างสอื่ โซเชียล เปน็ ตน้  เขียนขอ้ ความเกีย่ วกบั ทางเพศในท่ีสาธารณะ เชน่ ห้องน้าหรือสถานท่สี าธารณะอนื่ ๆ  แสดงภาพหรือวิดโี อที่เกยี่ วกับเพศอนั ไมเ่ หมาะสมของบุคคลอ่ืน  ขอให้คนอนื่ สง่ ภาพเปลือยมาใหด้ ู  โพสต์ข้อความหรือแสดงความคิดเห็นทางเพศ รูปภาพ หรือวิดีโอ บนส่ือโซเชียล เช่น Facebook หรือแสดงข้อความทางเพศอยา่ งเปดิ เผย  การแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นบนส่ือออนไลน์หรือสื่อโซเชียลเพ่ือแสดงความคิดเห็นทางเพศ หรอื นาเสนอเก่ยี วกับเรอื่ งเพศ  สัมผสั จบั หรอื บีบกอดผู้อื่นอย่างจงใจ โดยมจี ุดประสงคท์ างเพศ  ดงึ หรอื ถอดเสอ้ื ผา้ ของผอู้ ื่น และลูบไล้สมั ผสั โดยมจี ดุ ประสงค์ทางเพศ การส่งข้อความหรอื รูปภาพเกี่ยวกบั เพศ ทางข้อความ หรือเรยี กว่า \"sexting\" ไมใ่ ช่ความคิดทีด่ ีเลย เนื่องจาก Sexting อาจนาปัญหามาสู่ตัวผู้ส่งเองหรือต่อผู้รับข้อความ แม้คุณอาจกาลังเดทหรือ มีความสัมพันธ์กับผู้รับข้อความอยู่ก็ตามคุณก็ไม่ควรทาอย่างย่ิง เพราะข้อความท่ีคุณส่งไปอาจกลายเป็น การคุกคามหรือการล่วงละเมิดทางเพศได้ และสามารถส่งผลลบตามมา นอกจากนี้ ข้อความหรือ รูปภาพลับที่ถูกส่งไปอาจตกอยู่ในมือของผู้ที่ไม่หวังดี และอาจถูกแชร์ออกไปจนสร้างความอับอาย และความเสียหายต่อตัวคุณเองได้ และถึงแม้คุณจะส่งให้บุคคลเดียวเท่านั้น แต่คุณจะมั่นใจได้อย่างไร ว่ามันจะไม่ถูกส่งต่อไป 134

ยังบุคคลอ่ืน ๆ อีก และแย่กว่าน้ันคือ มันอาจถูกนาไปโพสต์ลงส่ือออนไลน์ด้วยการบังคับให้บุคคลอื่นทา สิง่ ท่ีเขาไมต่ ้องการ เช่น การจบู การมีเพศสัมพันธ์ด้วยปาก หรือการมีเซ็กส์ ถอื เป็นการล่วงละเมดิ และการ คุกคามทางเพศ ซึ่งการบังคับให้บุคคลใดทากิจกรรมทางเพศ โดยท่ีบุคคลน้ันไม่ยินยอมถือเป็นการข่มขืน และเปน็ อาชญากรรมร้ายแรงอย่างหนึ่งทผ่ี ู้กระทาต้องไดร้ บั โทษทางกฎหมาย พฤตกิ รรมเชน่ นี้เรียกวา่ การหยอกลอ้ หรือการประสงค์จะลว่ งละเมดิ ทางเพศกันแน่? บางครั้ง คุณอาจพบว่ามีคนที่ชอบเล่าเรื่องตลกหรือวิพากษ์วิจารณ์เก่ียวกับเพศ และผู้คน ต่างหัวเราะกับพฤติกรรมที่เล่ามาเหมือนเป็นการหยอกล้อ และคุณเองก็อาจเผลอทาพฤติกรรมเช่นน้ัน แลว้ การหยอกลอ้ และการลว่ งละเมดิ ทางเพศแตกต่างกันอยา่ งไรล่ะ? ข้อแตกต่างระหว่างการหยอกลอ้ กบั การล่วงละเมิดทางเพศ ดังน้ี 1. คณุ และคนทค่ี ุณชอบกาลังหยอกล้อกนั อย่แู ละคุณสองคนเร่ิมพดู เรอื่ งตลกเกีย่ วกับเพศ เขาคนนั้น ถามคุณว่าเคยส่งข้อความแบบ Sexting กับใครไหม คุณตอบทันทีว่า “ไม่มีทาง!” จะถือเป็นการหยอกล้อ กันธรรมดา แต่หากเขาคนนั้นยังคงขย้ันขยอให้คุณส่งข้อความหรือรูปภาพลับให้เขา นั่นถือเป็นการละเมิด ทางเพศแลว้ ละ่ ! 2. เมื่อใครสักคนชมว่ากางเกงยีนส์ตัวใหม่ของคุณสวยดี นั่นถือเป็นคาช่ืนชม แต่หากเขาคนนั้น บอกว่ากางเกงยีนส์ตัวใหม่เน่ียทาให้ก้นของคุณดูดีขึ้นมากทีเดียว หรือมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ สดั ส่วนรปู ร่างของคณุ น่ันเปน็ สัญญาณของการละเมดิ ทางเพศ! 3. คนที่คุณไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ชวนคุณไปเต้นรา อาจดูหยาบคายไปหน่อยหากคุณจะพูดตรง ๆ ว่าไม่ได้สนใจในตัวเขา คุณจึงหาข้ออ้างและปฏิเสธคาเชิญ ทว่าเขายังตื้อคุณไม่เลิกจนเขาเริ่มรู้ตัวว่าคุณ ไม่ชอบเขา ซ่ึงถือเป็นพฤติกรรมทางสังคมตามปกติ แต่หากเขาพยายามที่จะตื้อ จับเนื้อต้องตัว กอด หรือ รบกวนคุณ พยายามส่งข้อความเก่ียวกับเซ็กส์หาคุณ หรือมักปรากฎตัวให้คุณเห็นอยู่เสมอ พฤติกรรม เหล่าน้ถี ือเป็นสัญญาณของการละเมดิ ทางเพศ บางพฤติกรรมอาจทาให้คณุ รู้สึกอึดอัดใจได้ แต่มันอาจไม่ได้ เป็นการละเมิดทางเพศเสมอไป เช่น การสบถคาหยาบคายออกมาเมื่อไม่พอใจ ไม่ถือเป็นการละเมิด ทางเพศแต่อย่างใด แต่หากมีคนที่จงใจพูดหรือกระทาสิ่งใดอันเกี่ยวกับเซ็กส์จนทาให้คุณรู้สึกอึดอัดใจ นั่นล่ะคือการล่วงละเมิดทางเพศต่อคุณ หากคุณไม่มั่นใจกับพฤติกรรมของบุคคลที่คุณพบเจอ ถามตัวเอง ก่อนว่า “มันคือสิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้นหรือไม่ หรือเราอยากใหม้ ันเกิดขนึ้ ตอ่ ไปรเึ ปล่า หรอื พฤตกิ รรมน้ัน ๆ ทาให้เรารู้สึกยังไงกันแน่” หากคุณรู้สึกแย่และอึดอัดใจ คุณจาเป็นต้องปรึกษาพ่อแม่ ครู ที่ปรึกษา หรือผ้ใู หญท่ คี่ ณุ ไว้ใจ วิธีจัดการกบั การล่วงละเมดิ ทางเพศ หากคุณคิดว่าคุณกาลังถูกล่วงละเมิด อย่าโทษตัวเอง! ผู้ที่ล่วงละเมิดหรือคุกคามผู้อ่ืนมักโยน ความรับผิดชอบให้กับเหยื่อ โดยการโทษผู้อื่นหรือแม้กระทั่งพยายามทาให้เหยื่อโทษตัวเอง ทว่าไม่มีใคร มีสิทธ์ิไปล่วงละเมิดหรือคุกคามผู้อื่นไม่ว่าจะกรณีใด ๆ ก็ตาม แม้แต่การ “ขอร้องให้มีการล่วงละเมิดหรือ คุกคาม” ก็ไมส่ ามารถกระทาได้ ไม่มีข้อยกเวน้ หรือมีส่ิงใดถกู ต้องสาหรับการล่วงละเมิดทางเพศ และแต่ละ สถานการณ์อาจมีความแตกต่างกัน วิธีการนี้สามารถช่วยได้บ้างหากคุณบอกผู้ละเมิดให้หยุดการกระทา ที่คุกคาม บอกให้เขาไดร้ วู้ า่ ส่ิงที่เขากาลงั ทาอยนู่ ้ันไมโ่ อเคสาหรับคุณ ซ่ึงการบอกเช่นน้อี าจทาใหเ้ ขาสานกึ ได้ 135

แต่ก็ไม่เสมอไป! เขาอาจไม่หยุดเพียงเท่านั้น และยังคงหัวเราะกับส่ิงท่ีคุณขอร้อง หยอกล้อคุณ และยังคง รบกวนคุณอยู่ต่อไป ด้วยเหตุนี้ คุณจาเป็นต้องบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ที่คุณไว้วางใจ โดยที่โรงเรียนจะมีครู หรือที่ปรึกษาท่ีคุณสามารถคุยเร่ืองน้ีด้วยได้ โรงเรียนส่วนใหญ่จะมีระเบียบเกี่ยวกับ การล่วงละเมิดหรือการคุกคามทางเพศเพ่ือปกป้องผู้ถูกกระทา คุณสามารถขอคาปรึกษาจากครูหรือที่ปรึกษา พยาบาลประจาโรงเรียน หรือเจ้าหน้าท่ีของโรงเรียนเกี่ยวกับระเบียบดังกล่าว และหากคุณปรึกษาผู้ใหญ่ แล้วแต่เขาคนน้ันยังไม่ใส่ใจ คุณอาจต้องปรึกษาผู้อ่ืนแทนจนกว่าจะได้รับคาแนะนาหรือความช่วยเหลือ ไม่ต้องสงสัยเลยที่การพูดถึงการล่วงละเมิดทางเพศจะทาให้คุณรู้สึกเขินอาย แต่หากคุณได้เริ่มพูดคุยแล้ว ความรู้สึกน้ันจะหายไปเอง ดังนั้น หากเกิดเหตุการณ์ที่ทาให้คุณรู้สึกอึดอัดใจ คุณควรรีบบอกใครสักคน เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที อย่าปล่อยท้ิงเหตุการณ์เอาไว้นานหรือปล่อยให้เกิดขึ้นซ้าแล้วซ้าเล่า นอกจากนี้ การจดบันทึกวันเวลาและสถานการณ์ท่ีเกิดเหตุเอาไว้ด้วยจะช่วยบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ อย่าลืม บันทึกข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอท่ีคน ๆ นั้นส่งมาให้คุณไว้เป็นหลักฐานดว้ ย เพราะจะเป็นประโยชน์อย่างมาก หากต้องมีการดาเนินการทางกฎหมาย และเพ่ือเล่ียงไม่ให้คุณเองเกิดความรู้สึกแย่กับส่ิงท่ีเคยเกิดขึ้น แนะนาให้เก็บหลักฐานต่าง ๆ ไว้ในทที่ คี่ ณุ ไมเ่ ห็นมนั อยู่ทกุ วนั หากเหน็ สิ่งผดิ ปกติ จาเปน็ อย่างยิ่งทต่ี ้องบอกใครสกั คนให้รบั รู้ ผู้ท่ีอยู่ในเหตุการณ์ถือว่ามีบทบาทสาคัญท่ีจะช่วยหยุดการล่วงละเมิดและการคุกคามทางเพศได้ หากคุณพบเห็นว่าบางคนกาลังถูกล่วงละเมิด คุณต้องทาอะไรสักอย่าง! หากคุณพิจารณาสถานการณ์แล้ว วา่ ไม่ได้มีอันตรายมาก คุณสามารถช่วยเหย่ือด้วยการเรียกเขาให้ออกมาจากสถานการณ์นั้น แม้คุณอาจไม่ สามารถหยุดพฤติกรรมของผู้ท่ีละเมิดและคุกคามได้ อย่างน้อยคุณก็ทาให้เขาคนน้ันรู้ว่า มีคนเห็น พฤติกรรมท่ีเขากาลังทาอยู่แต่หากคุณพบว่าเหตุการณ์น้ันอาจเป็นอันตรายต่อคุณ แนะนาให้รีบบอกครู หรือแจ้งตารวจ เน่ืองจากกาลังมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง และไม่ควรมีใครท่ีต้องถูกล่วงละเมิดหรือคุกคาม ทางเพศ คุณควรพูดคุยกับเหย่ือเมื่อเหตุการณ์จบลงแล้วและย่ืนมือเข้าช่วยเหลือ บอกเขาว่าสิ่งที่เขา โดนกระทาน้นั ไม่ถูกตอ้ งและคณุ สามารถให้ขอ้ เสนอแนะเก่ยี วกับวิธีการจดั การกับการล่วงละเมิดทางเพศได้ หากสงสยั วา่ มีสถานการณบ์ างอยา่ งผิดปกติ คุณอาจไม่ได้พบเห็นเหตุการณ์ล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศเสมอไป และเพ่ือนที่ตกเป็นเหยื่อ อาจไม่ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดกับเขาให้คุณฟังแต่คุณจะสังเกตเห็นความผิดปกติได้แม้เขาคนน้ันไม่ได้บอก อะไรกับคุณก็ตาม คุณอาจสังเกตเห็นว่าเพ่ือนซึมเศร้าไป ดูวิตกกังวล หวาดกลัว ไม่มีสมาธิ หรือเพื่อนของคุณ ดูไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนเหมือนแต่ก่อน นอกจากนี้ เพ่ือนอาจขาดเรียนหรือผลการเรียน ลดลง พฤติกรรมเหล่าน้ีเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ ดังนั้น คุณควรลองถามเพ่ือนดูว่า ทุกอย่างโอเคหรือไม่ ท่ีมา : การลว่ งละเมิดทางเพศและการกดขที่ างเพศ. วันทค่ี ้นขอ้ มูล 19 เมษายน 2560. เข้าถึงไดจ้ าก https://www.honestdocs.co/sexual-harassment-sexual-bullying 136

ใบความรู้ท่ี 5 เรือ่ ง ความรนุ แรงทางเพศ ความรุนแรงทางเพศ หมายถึง การท่ีผู้หญิงถูกผู้ชายล่วงเกินละเมิดสิทธิทางเพศ เอารัดเอาเปรียบ ใช้กาลังบังคับ ข่มขู่ โดยที่ผู้หญิงไม่ยินยอม หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทาให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียหาย ซึ่งส่งผล กระทบต่อผู้หญิงทั้งร่างกายและจิตใจ ความรุนแรงทางเพศ เป็นรูปแบบหนึ่งของการละเมิดสิทธิมนุษย์ ของผู้หญิงนอกจากน้ันความรุนแรงทางเพศยังเป็นปัญหาสุขภาพท่ีส่งผลกระทบระยะยาว ทุกวันนี้ผู้หญิง จานวนมากที่ประสบกับปัญหานี้ ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด มีฐานะ อาชีพแตกต่างกันอย่างไร ความรุนแรงทางเพศ จึงเป็นปัญหาสาคัญในสังคมท่ีเราทุกคนต้องตระหนักถึงและร่วมมือกันขจัดปัจจัยที่เอ้ือให้เกิดความรุนแรง ผ้หู ญิงทกุ คนมีสทิ ธทิ์ ่จี ะได้รบั การคุ้มครองใหพ้ น้ จากความรนุ แรงทางเพศ การเอาเปรียบทางเพศ เกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ ตั้งแต่เป็นการลวนลาม ซึ่งมีการลวนลาม ทางวาจา พูดจาแซวทาให้เกิดความเสียหาย และการลวนลามทางกาย เช่น กอด จูบ ลูบคลา จับต้อง ร่างกาย จนถึงการข่มขืน ผู้ชายหลอกมีเพศสัมพันธ์แล้วทิ้ง เกิดปัญหาการต้ังครรภ์นอกสมรส นอกจากน้ี ยังมีการหลอกไปถ่ายภาพโป๊ หลอกไปใช้ยาเสพติดและการล่อลวงไปค้าประเวณี การข่มขืนลวนลาม ปัจจุบันปัญหาการข่มขืนลวนลามเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงจานวนมาก แต่คนในสังคมส่วนใหญ่ยังขาด ความเข้าใจและมีทศั นคตทิ ่ีผดิ ๆ ต่อปัญหาขม่ ขนื ปญั หาขม่ ขนื น้ีเกี่ยวขอ้ งกับปญั หามากมาย ไม่ได้เก่ยี วขอ้ ง แต่เฉพาะเรื่องทางเพศเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการใช้อานาจของผู้ชายและใช้กาลังข่มเหงแก่ผู้ที่ อ่อนแอกว่า ซ่ึงสามารถเกิดขึ้นไดก้ ับผหู้ ญิงทกุ ท่ี ไมจ่ าเปน็ ต้องเกดิ ขึ้นแต่ในทเี่ ปลี่ยวเท่าน้ัน ทาอย่างไรจึงจะปลอดภยั ที่สุด 1. ควรรว่ มกิจกรรมกบั เพ่ือน ๆ เปน็ กลุ่มไมว่ ่าจะเป็นทโ่ี รงเรยี น ในหมู่บา้ น 2. อยา่ ยอมใหค้ นที่ไม่นา่ ไว้วางใจมาท่บี า้ น โดยเฉพาะเมื่อเราตอ้ งอยู่คนเดยี วในบ้าน 3. หากจาเป็นต้องเดินในที่เปล่ียวโดยเฉพาะเม่ือตกค่าไปแล้วควรเดินท่าทางมั่นใจ คอต้ังตรง ไม่ควรเดินก้มหน้า หรอื แสดงอาการหวาดกลัว เพราะอาจเป็นเปา้ หมายใหผ้ ู้ขม่ ขนื สนใจ 4. เม่ือรู้สกึ ตวั วา่ มใี ครเดนิ ตามมาข้างหลังควรพยายามเดินเปลยี่ นเส้นทางเดินหรือเดินให้ทนั คนท่ีอยู่ข้างหน้า 5. ให้พกส่ิงของที่คิดว่าใช้เป็นอาวุธได้หรือป้องกันตัวเองได้ เช่น ท่อนไม้ กระปุกพริกไทย เพื่อใช้ขว้างใส่ ผู้ทจ่ี ะมาทารา้ ยเรา เมอ่ื ตกอยใู่ นสถานการณค์ บั ขนั 1. ตัง้ สติ อยา่ ตกใจ จับตามองคนรา้ ย อยา่ ใหค้ ลาดสายตา 2. หากเป็นคนทีเ่ รารู้จัก พยายามพูดจาให้ผู้ขม่ ขนื รับรู้ความรู้สึกของเรา 3. ในกรณที ่เี ปน็ คนแปลกหนา้ ให้พยายามจดจาหน้าตาของคนรา้ ย 4. หากยังไมถ่ ูกประชิดตวั ควรตะโกนดงั ๆ ใหค้ นชว่ ยหรือทาให้คนรา้ ยเกดิ ความอบั อาย 5. พยายามหาทางออกจากท่เี กดิ เหตุใหเ้ ร็วท่สี ุดและหาคนช่วยเหลือในบริเวณนน้ั ๆ 137

ทาอย่างไรเม่ือถกู ข่มขนื 1. เปิดเผยเหตุการณ์กับคนใกล้ตัวท่ีสนิทและพร้อมที่จะรับฟังปัญหาของเราเป็นคนท่ีเราไว้ใจ เช่น เพ่ือน พี่สาว แม่ พอ่ ครู หรอื เจา้ หน้าที่ทสี่ ถานอี นามยั 2. ปรึกษาผู้ใหญ่เก่ียวกับเรื่องแจ้งความ หากเป็นไปได้เมื่อบอกกับคนใกล้ตัวแล้วควรรีบไปแจ้งความให้เร็ว ทสี่ ดุ โดยไม่ตอ้ งชาระรา่ งกาย 3. ไปพบแพทย์เพ่ือตรวจร่างกายหากเราไปแจ้งความตารวจจะมีเอกสารส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจ รา่ งกายไว้เป็นหลักฐานในการดาเนินคดตี ่อไป 4. หากเรายังไม่ไปแจ้งความ ควรไปพบแพทย์เพ่ือตรวจร่างกายไว้เป็นหลักฐานก่อน และท่ีสาคัญ แพทยจ์ ะชว่ ยระงบั การต้งั ครรภ์ได้หากเราไปพบแพทย์ภายใน 48 ชม. 5. หมัน่ สารวจตัวเอง สงั เกตว่ามอี ะไรผดิ ปกติเกิดข้นึ กับตัวเราบ้าง เชน่ ประจาเดอื นมาปกตหิ รอื ไม่ ท่ีมา : วันท่คี ้นข้อมูล 19 เมษายน 2560. เข้าถึงได้จาก http://www.thaigoodview.com/node/93269 138

ใบความรู้ท่ี 6 เรือ่ ง การเปล่ียนแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์และพัฒนาการทางเพศ ลักษณะการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จติ ใจ อารมณแ์ ละพัฒนาการทางเพศ แนวความคดิ ธรรมชาติและพัฒนาการของมนุษย์ จะเป็นไปตามวัย ตามลาดับข้ันตอน ทาให้เห็นการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และพัฒนาการทางเพศได้อย่างชัดเจน เราจึงต้องรจู้ ักและเข้าใจตนเอง อย่างถูกต้อง พร้อมที่จะยอมรับการเปล่ียนแปลง และพัฒนาตนเองให้มีความสมบูรณ์ เกิดความพร้อม ในทุกดา้ น วัยรุ่นเป็นวัยสาคัญของการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ ด้านพร้อมกัน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงทางด้าน ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ซึ่งจะมีการพัฒนาตามวัยท่ีสังเกตได้อย่างชัดเจนเม่ืออายุ ประมาณ 12 - 13 ปี และจะเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นวัยรุ่นเต็มที่ เมื่ออายุประมาณ 19 ปี ผู้หญิง จะเข้าสู่วัยรุ่นเร็วกว่าผู้ชายประมาณ 2 ปี (ผู้หญิงเข้าสู้วัยรุ่นเมื่อ 13 - 15 ปี ผู้ชายเข้าสู่วัยรุ่นเม่ืออายุ ประมาณ 15 - 17 ปี) ลักษณะการเปลยี่ นแปลงทางร่างกาย ผูห้ ญิง ดา้ นรา่ งกาย 1. หนา้ อกขยาย, สะโพกผายออก, เอวคอด, เสยี งแหลมเลก็ , มีสิว-กลน่ิ ตวั , ขนขน้ึ ทลี่ บั 2. รังไข่ - ผลิตไข่, มปี ระจาเดือน (โปรเจสเตอโรน) 139

ด้านสตปิ ัญญา 1. สนใจการเรียนชอบจดจา ท่องบทเรียน 2. ชอบเรยี นรู้ภาษา ศลิ ปะ ความงาม จินตนาการ คดิ มาก ด้านอารมณ์ 1. อารมณ์อ่อนไหว - ไม่คงที่ อ่อนโยน ข้ีอาย ชอบวติ กกังกล - อจิ ฉาริษยา 2. สนใจเพศตรงขา้ ม - มีความรู้สึกทางเพศแต่เก็บความรู้สกึ ด้านสังคม 1. ใหค้ วามสาคัญกับเพื่อน, ครอบครัว ติดเพ่อื น 2. ชอบแต่งตัวตามสมัย – ชอบเดินหา้ งสรรพสินค้า นุ่งน้อยห่มน้อย ระวังการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ผูช้ าย ดา้ นรา่ งกาย 1. กล้ามเนอ้ื ใหญ่ มหี นวดเครา อกผาย มสี ิว มีกลนิ่ ตัว มีขนขึ้นทลี่ ับ 2. อณั ฑะ ผลติ อสุจิ ฝนั เปียก (เทสโทสเตอโรน) ด้านสตปิ ญั ญา 1. อยากรู้อยากเห็น ชอบค้นควา้ ทดลอง 2. ชอบการคิดคานวณ คาดคะเนคดิ วเิ คราะหเ์ ปน็ เหตเุ ป็นผล ด้านอารมณ์ 1. อารมณร์ ้อน - รนุ แรง เปลี่ยนแปลงง่าย รกั อสิ ระ ดอื้ ร้ัน 2. สนใจเพศตรงข้าม มีความรสู้ ึกทางเพศ แสดงออกเปดิ เผย ด้านสังคม 1. รกั เพ่ือนตอ้ งการให้เพ่ือนยอมรบั อย่ใู นกล่มุ 2. ชอบคลอ้ ยตามเพ่ือน เสยี่ งการติดยาเสพตดิ และโรคทางเพศสมั พนั ธ์ ลกั ษณะการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและอารมณ์ สติปัญญา (Intellectual Development) วัยนี้สติปัญญาจะพัฒนาสูงขึ้น จนมีความคิดเป็น แบบรูปธรรม (Jean Piaget ใช้คาอธิบายว่า Formal Operation) ซ่ึงมีความหมายถึงความสามารถ เรียนรู้ เข้าใจเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ลึกซึ้งขึ้นแบบ (abstract thinking) มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และสังเคราะห์ส่ิงต่าง ๆ ได้มากขึ้นตามลาดับ จนเมื่อพ้นวัยรุ่นแล้ว จะมีความสามารถทางสติปัญญาได้ เหมือนผู้ใหญ่ แต่ในช่วงระหว่างวัยรุ่นนี้ ยังอาจขาดความย้ังคิด มีความหุนหันพลันแล่น ขาดการไตร่ตรอง ให้รอบคอบ 140

ความคิดเก่ียวกับตนเอง (Self Awareness) วัยนีจ้ ะเรมิ่ มคี วามสามารถในการรบั รู้ตนเอง ด้านตา่ ง ๆ ดังนี้ เอกลักษณ์ (identity) วัยรุ่นจะเริ่มแสดงออกถึงสิ่งที่ตนเองชอบ ส่ิงท่ีตนเองถนัด ซึ่งจะแสดงถึง ความเป็นตัวตนของเขาที่โดดเด่น ได้แก่ วิชาที่เขาชอบเรียน กีฬาที่ชอบเล่น งานอดิเรก การใช้เวลาวา่ ง ให้เกิดความเพลดิ เพลิน กลุ่มเพอื่ นที่ชอบและสนทิ สนมด้วย โดยเขาจะเลือกคบคนท่ีมีส่วนคลา้ ยคลงึ กัน หรือ เข้ากันได้ และจะเกิดการเรียนรู้และถ่ายทอดแบบอย่างจากกลุ่มเพ่ือนนี้เอง ท้ังแนวคิด ค่านิยม ระบบ จริยธรรม การแสดงออกและการแก้ปัญหาในชีวิต จนสิ่งเหล่านี้กลายเปน็ เอกลักษณ์ของตน และกลายเป็น บุคลิกภาพน่ันเอง ส่ิงที่แสดงถึงเอกลักษณ์ตนเองยังมีอีกหลายด้าน ได้แก่ เอกลักษณ์ทางเพศ (sexual identity and sexual orientation) แฟชั่น ดารา นักร้อง การแต่งกาย ทางความเช่ือในศาสนา อาชีพ คติประจาใจ เป้าหมายในการดาเนินชีวิต (Erik Erikson อธิบายว่าวัยรุ่นจะเกิดเอกลักษณ์ของตนในวัยนี้ ถ้าไมเ่ กดิ จะมีความสับสนในตนเอง Identity VS Role confusion) ภาพลักษณ์ของตนเอง (self image) คือการมองภาพของตนเอง ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ หน้าตา รูปร่าง ความสวย ความหล่อ ความพิการ ข้อดี ข้อด้อยทางร่างกายของตนเอง วัยรุ่นจะสนใจหรือ ให้เวลาเกี่ยวกับรูปร่าง ผวิ พรรณมากกว่าวยั อนื่ ๆ ถ้าตวั มขี ้อด้อยกวา่ คนอื่นกจ็ ะเกดิ ความอับอาย การได้รับการยอมรับจากผู้อื่น (acceptance) วัยนี้ต้องการ การยอมรับจากกลุ่มเพื่อนอย่างมากการได้รับการยอมรับจะช่วยให้เกิด ความรู้สึกม่ันคง ปลอดภัย เห็นคุณค่าของตนเอง ม่ันใจตนเอง วัยนี้จึงมัก อยากเดน่ อยากดัง อยากใหม้ คี นรจู้ กั มาก ๆ ความภาคภูมิใจตนเอง (self esteem) เกิดจากการท่ีตนเองเป็นที่ยอมรับของเพื่อน และคนอื่น ๆ ได้รสู้ ึกวา่ ตนเองมีคุณคา่ เปน็ คนดแี ละมีประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ ทาอะไรไดส้ าเรจ็ ความเป็นตัวของตัวเอง (independent) วัยน้ีจะรักอิสระ เสรีภาพ ไม่ค่อยชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ กติกาใด ๆ ชอบคิดเอง ทาเอง พึ่งตัวเอง เชื่อความคิดตนเอง มีปฏิกิริยาตอบโต้ผู้ใหญ่ที่บีบบังคับสูง ความอยากรู้ อยากเห็น อยากลอง จะมีสูงสุดในวัยนี้ ทาให้อาจเกิดพฤติกรรมเส่ียงได้ง่ายถ้าวัยรุ่น ขาดการย้ังคิดท่ีดี การได้ทาอะไรด้วยตนเอง และทาได้สาเร็จจะช่วยให้วัยรุ่นมีความมั่นใจในตนเอง (self confidence) การควบคุมตนเอง (self control) วัยนี้จะเรียนรู้ท่ีจะควบคุมความคิด การรู้จักยั้งคิด การคิด ใหเ้ ป็นระบบ เพ่อื ใหส้ ามารถใช้ความคิดได้อย่างมีประสิทธภิ าพและอยรู่ ว่ มกับผู้อน่ื ได้ 141

อารมณ์ (mood) อารมณ์จะป่ันป่วน เปล่ียนแปลง ง่าย หงุดหงิดง่าย เครียดง่าย โกรธง่าย อาจเกิดอารมณ์ ซึมเศร้าโดยไม่มีสาเหตุได้ง่าย อารมณ์ที่ไม่ดีเหล่าน้ีอาจทาให้ เกิดพฤติกรรมเกเร ก้าวร้าว มีผลต่อการเรียน และการ ดาเนินชีวิตในวัยรุ่นตอนต้น การควบคุมอารมณ์ยังไม่ค่อย ดีนัก บางครั้งยังทาอะไรตามอารมณ์ตัวเองอยู่บ้าง แต่จะ ค่อย ๆ ดีข้ึนเมื่ออายุมากขึ้น อารมณ์เพศวัยน้ีจะมีมากทาให้มี ความสนใจเร่ืองทางเพศ หรือมีพฤติกรรมทางเพศ เช่น การสาเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ซ่ึงถือว่าเป็นเร่ือง ปกติในวัยนี้ แต่พฤติกรรมบางอย่างอาจเป็นปัญหา เช่น เบ่ียงเบนทางเพศ กามวิปริต หรือการมี เพศสัมพันธ์ในวยั รุ่น จริยธรรม (moral development) วัยนี้จะมีความคิดเชิงอุดมคติสูง (idealism) เพราะเขาจะ แยกแยะความผิดชอบชั่วดีได้แล้ว มีระบบมโนธรรมของตนเอง ต้องการให้เกิดความถูกต้อง ความชอบธรรม ในสังคม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ต้องการเป็นคนดี เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นและจะรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ กับความไม่ถูกต้องในสังคมหรือในบ้าน แม้แต่พ่อแม่ของตนเองเขาก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ได้ดีสมบูรณ์แบบ เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว บางครั้งเขาจะแสดงออก วิพากษ์วิจารณ์พ่อแม่หรือครูอาจารย์ตรง ๆ อย่างรุนแรง การต่อต้าน ประท้วงจึงเกิดได้บ่อยในวัยนี้ เมื่อวัยรุ่นเห็นการกระทาที่ไม่ถูกต้อง หรือมีการ เอาเปรียบ เบียดเบียน ความไม่เสมอภาคกันในวัยรุ่นตอนต้น การควบคุมตนเองอาจยังไม่ดีนัก แต่เม่ือพ้น วัยรนุ่ นี้ไปการควบคมุ ตนเองจะดขี ึ้น จนเป็นระบบจริยธรรมท่สี มบรู ณเ์ หมือนผใู้ หญ่ พฒั นาการทางเพศ ภาพ การเปลี่ยนแปลงของฮอรโ์ มนเพศในวยั รนุ่ ทาให้มีพัฒนาการทางเพศท่ีชดั เจน ส่ิงที่เห็นได้ชัดเจน คือวัยรุ่นชาย จะเป็นหนุ่มขึ้น นมข้ึนพาน (หัวนมโตขึ้น เล็กน้อย กดเจ็บ) เสียงแตก หนวดเคราข้ึน แ ล ะ เ ริ่ ม มี ฝั น เ ปี ย ก ( nocturnal ejaculation - การหล่ังน้าอสุจิในขณ ะ หลับและฝันเกี่ยวกับเร่ืองทางเพศ) การเกิด ฝันเปียกครั้งแรกเป็นสัญญานของการเข้าสู่ วัยรุ่นของเพศชาย 142

ส่วนวัยรุ่นหญิงจะเป็นสาวข้ึน คือ เต้านมมีขนาดโตขึ้น ไขมันที่เพิ่มขึ้นจะทาให้รูปร่างมีทรวดทรง สะโพก ผายออก และเริ่มมีประจาเดือนครั้งแรก (menarche) การมีประจาเดือนคร้ังแรก เป็นสัญญานบอก การเข้าสวู่ ัยรุ่นในหญิง ทั้งสองเพศจะมีการเปล่ียนแปลงของอวัยวะเพศ ซึ่งจะมีขนาดโตข้ึน และเปลี่ยนเป็นแบบผู้ใหญ่มีขนขึ้น บรเิ วณอวยั วะเพศ มกี ลิน่ ตัว มสี ิวข้นึ การยอมรับและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์และพฒั นาการทางเพศ 1. ทาความเข้าใจเกี่ยวกับผลของฮอร์โมนที่มีต่อการเปล่ียนแปลงทางร่างกาย เช่น การมี ประจาเดือน การหลง่ั นา้ อสจุ ิ การเกิดสิว 2. ทาความเข้าใจให้ถูกต้องเก่ียวกับพัฒนาการของอวัยวะเพศท้ังภายในและภายนอก และดูแล รกั ษาความสะอาดอยา่ งสมา่ เสมอ 3. รับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างเหมาะสมกับเพศและวัย โดยไม่ทาให้ตนเองและ ผูอ้ นื่ เดือดรอ้ น 4. ดูแลรักษาความสะอาดของรา่ งกายและแต่งกายให้เหมาะสมกับเพศและวยั ของตนเอง 5. ปฏิบัตติ นอยูใ่ นขนบธรรมเนยี มประเพณีและวฒั นธรรมไทย 6. สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับอารมณ์ทางเพศ การปรับตัว และระบายอารมณ์ทางเพศอย่าง เหมาะสม 7. หลีกเลี่ยง ป้องกนั การมเี พศสัมพนั ธ์และการตงั้ ครรภ์โดยไมพ่ ึงประสงค์ การเบี่ยงเบนทางเพศ การเบ่ียงเบนทางเพศ (Sexual Deviation) เป็นความผิดปกติในคนที่มีความรู้สึกทางเพศ ทศั นคติ ตลอดจนพฤติกรรมทางเพศทแี่ สดงออกไม่เหมาะสม แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ในสังคม มกั มีสาเหตุ จากสภาพจิตใจที่ผิดปกติทาให้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่มิได้หมายความว่า “เป็นโรคจิตหรือ วิกลจรติ ” เปน็ เพยี งความผดิ ปกติทางจติ เวช พวกบคุ ลิกภาพผดิ ปกติ (Personality Disorder) เทา่ น้นั 143

พฤติกรรมเบีย่ งเบนทางเพศ ประเภทรกั ร่วมเพศ โดยทวั่ ไปสามารถจาแนกไดเ้ ปน็ 4 ประเภท ดังน้ี 1. ทอม (Tom boy) ไดแ้ ก่ ผ้หู ญิงทม่ี พี ฤติกรรมชอบผหู้ ญงิ ดว้ ยกนั โดยมีการปฏบิ ตั ติ นเลียนแบบผชู้ าย 2. ด้ี (Lady) ได้แก่ ผหู้ ญิงที่มีพฤติกรรมชอบผู้หญงิ ด้วยกัน โดยมีการปฏบิ ัตติ นเปน็ ผู้หญงิ 3. ตดุ๊ (Tussy) ไดแ้ ก่ ผชู้ ายที่มพี ฤตกิ รรมชอบผชู้ ายดว้ ยกัน โดยมกี ารปฏบิ ตั ติ นเลยี นแบบผหู้ ญิง 4. เกย์ (ไม่ค่อยเปิดเผย) ได้แก่ ผชู้ ายท่ีมีพฤติกรรมชอบผู้ชายดว้ ยกนั การปรับตัวกับการเบี่ยงเบนทางเพศ 1. ยอมรับและพยายามปรับพฤติกรรมการแสดงออกใหเ้ หมาะสมกับเพศของตนตามกาละเทศะ 2. หาทป่ี รกึ ษาและคนที่ไวใ้ จ 3. หลกี เลีย่ งการมีเพศสมั พนั ธก์ ่อนวยั อนั ควร 4. พัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถตามศักยภาพของตนเองอยู่เสมอ 5. รู้จักการวางตนในการคบเพื่อนและคนใกลช้ ิดอย่างมมี ารยาท 6. หลีกเลย่ี งการใชย้ าและสารเสพติดทุกชนิด 144




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook