Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ๒.เล่มหนังสือ ๑๐๐ ปี ภาค ๑_หลักนิยมว่าด้วย อศจ.ทบ2.

๒.เล่มหนังสือ ๑๐๐ ปี ภาค ๑_หลักนิยมว่าด้วย อศจ.ทบ2.

Description: ๒.เล่มหนังสือ ๑๐๐ ปี ภาค ๑_หลักนิยมว่าด้วย อศจ.ทบ2.

Search

Read the Text Version

๕๑ ข. ความสมั พนั ธ์ในฐานะผมู้ ีจรรยาบรรณเดียวกัน ต้องประพฤตติ นอยู่ในจรรยาบรรณของอนศุ าสนาจารย์อย่าง เครง่ ครดั ไมป่ ระพฤติตนให้เป็นทีร่ งั เกียจของหมู่คณะ ค. ความสัมพันธ์ในฐานะผู้มีบทบาทในการพัฒนาจิตรวมท้ังขวัญ กําลังใจของกําลังพลเช่นเดียวกัน จึงต้องมี ความหนักแนน่ ในดา้ นความร้เู ก่ยี วกับศาสนาวัฒนธรรมประเพณี และปฏบิ ัตพิ ิธีการต่างๆ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเช่นเดียวกัน แบบธรรมเนียมทางสังคม เป็นความจําเป็นที่อนุศาสนาจารย์จะต้องเรียนรู้แบบธรรมเนียมต่างๆ ของสังคมและปฏิบัติตามแบบธรรมเนียม เหล่านั้นได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เพราะแบบธรรมเนียมเหล่าน้ันมีความสัมพันธ์กับวินัยและขวัญกําลังใจของกําลังพลเป็น อยา่ งมาก อาทิ การแสดงความเคารพ, ความอ่อนนอ้ ม, การใหเ้ กียรติกนั และกัน อนศุ าสนาจารย์ซ่ึงมบี ทบาทเกี่ยวกับศาสนา วัฒนธรรมประเพณีทัง้ ในสังคมทหาร, สงั คมใกล้เคียงหน่วยทหารและสังคมทั่วไป จึงต้องเรียนรู้และปฏิบัติให้ถูกต้อง จนเป็น ท่ยี อมรบั ในฐานะที่เป็นทหารท่ีดีของกองทพั และเปน็ พลเมืองทด่ี ขี องชาติ ความสาํ คญั ในฐานะพทุ ธมามกะ ๑. สถานภาพอนุศาสนาจารย์ในกองทัพ ในกองทพั อนุศาสนาจารยจ์ ะเป็นผแู้ ทนของพระพุทธศาสนาที่มีความเชอ่ื มั่นในหลักคําสอนของพระพุทธเจ้า เป็น ผู้เคร่งครัดในการปฏิบัติต่อหลักคําสอนนั้นๆ รวมทั้งสามารถปฏิบัติพิธีกรรมต่างๆ ได้อย่างถูกต้องท้ังในศาสนสถานประจํา หนว่ ย, สถานท่ที ี่กําหนดให้มีการจัดพธิ ีเปน็ การเฉพาะกิจ และตามเคหสถานของกําลังพลและครอบครัว ๒. การปฏบิ ัตหิ น้าทใ่ี นฐานะพุทธมามกะ กองทัพบกได้กําหนดให้อนุศาสนาจารย์เป็นเจ้าหน้าที่หลักในพิธีการต่างๆ ทางพระพุทธ-ศาสนา ดังน้ัน อนุศาสนาจารย์ จึงต้องเสนอแนวทางปฏิบัติท่ีถูกต้องให้กําลังพลทราบ และรวบรวมข้ึนเพ่ือใช้ในกองทัพ อนุศาสนาจารย์ จะต้องนํากําลังพลให้มีความใกล้ชิดและแนบแน่นกับพระพุทธศาสนา ด้วยการสอนอบรมหรือจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การ แสดงตนเป็นพุทธมามกะ, การประกอบพิธีเวยี นเทียนในวันสาํ คัญทางพระพุทธศาสนา, การพัฒนาวดั เป็นต้น ๓. กิจกรรมทางด้านพธิ ีกรรมทางศาสนา ก. เพื่อสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีต่อกองทัพ อนุศาสนาจารย์ควรเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับด้าน จริยธรรม, วัฒนธรรมและประเพณีท่ีวัดหรือองค์กรการกุศลต่างๆ จัดข้ึน และรวบรวมแนวทางที่ได้จากการประชุมนั้นมา ปฏิบตั ใิ นหน่วยเพอ่ื ประโยชนแ์ กก่ ําลงั พลตอ่ ไป ข. เพ่ือรักษาสภาพจิตใจให้ม่ันคงต่อภารกิจความศรัทธาท่ีมีต่อพระพุทธศาสนา และ ความบริสุทธ์ิแห่งจิตใจ ให้มากขึ้น อนุศาสนาจารย์จึงต้องหมั่นเข้าร่วมปฏิบัติธรรมกับวัดหรือสถานท่ีปฏิบัติธรรมที่เหมาะสม โดยขออนุญาตจากผู้ บงั คบั หน่วยเปน็ คราวๆ ไป ค. เพื่อแลกเปล่ียนข้อมูลทางศาสนา อนุศาสนาจารย์จะต้องหาโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับ อนุศาสนาจารย์ต่าง เหล่าทัพและอนุศาสนาจารย์ของศาสนาอ่ืนด้วย แต่การเข้าร่วมกิจกรรมนั้นต้องไม่ละเมิดกฎแห่งการรักษาความปลอดภัย และความลับของทางราชการ

๕๒ ความสัมพนั ธก์ บั ชมุ ชน ๑. ความสมั พนั ธ์กับชมุ ชนและบคุ คลท่ีอยใู่ นชุมชนนน้ั ๆ อนุศาสนาจารย์ ควรขออนุญาตผู้บังคับหน่วย เพ่ือพบปะกับผู้แทนทุกศาสนา และผู้นําชุมชนต่างๆ ในละแวก ใกล้เคยี ง ความสัมพนั ธ์ทแ่ี นน่ แฟน้ ดังกล่าวจะชว่ ยใหก้ ารดาํ เนินงานทางศาสนาของหน่วยประสบความสําเร็จ และยังช่วยให้ การพฒั นาความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนเปน็ ไปอยา่ งดียิ่งอกี ดว้ ย ชุมชนดังกลา่ ว เชน่ ก. องคก์ ารทหารผา่ นศึกหรือทหารกองหนุน ข. สมาคมผ้ปู กครอง, สมาคมทางด้านวิชาชพี , สมาคมทางดา้ นเกษตรอตุ สาหกรรม ค. หนว่ ยงานสวสั ดกิ ารและสงั คมสงเคราะห์ ง. องค์การศาสนา, องค์การกศุ ลสาธารณะ เช่น พทุ ธสมาคม, สภายวุ พุทธกิ สมาคม, สมาคมทางด้านการสงั คม สงเคราะห์ เป็นต้น ๒. สาธารณสถาน การใชส้ อ่ื ในการสมั พันธก์ ับชุมชนได้อยา่ งเหมาะสม จะก่อให้เกดิ ประโยชน์ทั้งชุมชนและกองทัพเอง อนศุ าสนาจารย์จึงควรสง่ เสรมิ ใหม้ ีการจดั กจิ กรรมตา่ งๆ ซง่ึ อย่ใู นความสนใจของชุมชนน้นั ๆ เชน่ การจดั นทิ รรศการในวนั สําคัญทางศาสนา หรอื ของชาติ โดยมจี ดุ มุง่ หมายเพื่อประชาสมั พนั ธ์งานของกองทัพและของหนว่ ย เพ่อื ให้เกดิ ภาพลักษณ์ และความเขา้ ใจทด่ี ตี ่อกนั เป็นส่วนรวม

๕๓ บทที่ ๕ งานในความรบั ผดิ ชอบของอนุศาสนาจารย์ ...................... การอบรมศลี ธรรมวฒั นธรรมทหาร ๑. ภารกจิ และบทบาทอนุศาสนาจารยต์ ามระเบยี บกรมยุทธศึกษาทหารบก วา่ ด้วยการอบรมศลี ธรรม วัฒนธรรมทหาร (ยามปกต)ิ พ.ศ. ๒๕๔๙ ตามระเบยี บฯ ดังกลา่ ว กําหนดให้หน่วยและอนุศาสนาจารยป์ ฏิบตั ิดงั น้ี ๑.๑ อนุศาสนาจารยต์ อ้ งใหก้ ารบรรยายอบรมแกบ่ คุ คล ดงั นี้ ๑.๑.๑ นายทหารสัญญาบัตร และข้าราชการกลาโหมพลเรือนชัน้ สญั ญาบตั ร ๑.๑.๒ นายทหารประทวน ข้าราชการกลาโหมพลเรือนช้นั ประทวน และลูกจา้ ง ๑.๑.๓ พลทหารกองประจาํ การ พลอาสาสมัคร และอาสาสมคั รทหารพราน ๑.๑.๔ ผู้ตอ้ งขงั ๑.๑.๕ ครอบครัว การจัดการอบรมแต่ละครั้ง หน่วยสามารถจัดการอบรมแยกประเภทหรือรวมการก็ได้ ตามความ เหมาะสม ๑.๒ ให้หน่วยจัดการอบรมแกบ่ ุคคล ตามข้อ ๑ อยา่ งน้อยเดือนละ ๑ คร้ัง ๑.๓ การออกคําสั่งกาํ หนดการอบรมศลี ธรรมวฒั นธรรมทหาร ให้ทาํ เปน็ รายเดือน ๑.๔ ในการจัดการอบรม ใหด้ าํ เนินการดังนี้ ๑.๔.๑ ประธานในทป่ี ระชุมจดุ ธูปเทียน ณ ที่บชู าแลว้ กราบพระรตั นตรยั ด้วยเบญจางค- ประดิษฐ์ ๓ ครง้ั เคารพธงชาติและพระบรมฉายาลักษณ์ เสรจ็ แลว้ กลับมายืนประนมมือ ณ ทีข่ องประธาน ๑.๔.๒ อนุศาสนาจารย์ นํากล่าวคํานมัสการพระรัตนตรัย จบแล้วกราบพระรัตนตรัย เคารพธงชาติและ พระบรมฉายาลกั ษณ์ และดําเนินการอบรม ๑.๔.๓ เม่ืออนุศาสนาจารย์ทําการอบรมจบแล้ว นํากล่าวคําแผ่เมตตา กราบพระรัตนตรัย เคารพธงชาติและ พระบรมฉายาลกั ษณ์ เสร็จแลว้ กลับท่ีเดิม ๑.๔.๔ ประธานฯ กราบพระรตั นตรัย เคารพธงชาติและพระบรมฉายาลักษณ์ เป็นอันเสร็จการอบรม ๑.๕ การปฏิบัตขิ องผรู้ บั การอบรม ๑.๕.๑ ตลอดเวลานับต้งั แต่ประธานฯ เริ่มจุดธูปเทียนและกราบพระรัตนตรัย ให้ผู้รับการอบรมท้ังหมดยืน ประนมมอื ราํ ลึกถึงคุณพระรตั นตรยั และให้ลดมอื ลงเม่ือประธานฯ เคารพธงชาติ และพระบรมฉายาลกั ษณ์ ๑.๕.๒ ตลอดเวลานับต้ังแต่อนุศาสนาจารย์นํากล่าวคํานมัสการพระรัตนตรัย และกราบพระรัตนตรัย ให้ ผู้รบั การอบรมทั้งหมดยืนประนมมอื ให้ลดมอื ลงเม่ืออนุศาสนาจารย์เคารพธงชาตแิ ละพระบรมฉายาลกั ษณ์ ในกรณีการอบรมพลทหาร เมื่อจะเร่ิมการอบรม ให้อนุศาสนาจารย์สั่งพลทหาร คนใดคนหน่ึงในท่ี ประชุมน้ันเปน็ ผแู้ ทนจดุ ธปู เทยี นและกราบพระรัตนตรยั เคารพธงชาตแิ ละพระบรม-ฉายาลกั ษณ์ ๑.๖ บทนมัสการพระรัตนตรัยและบทแผเ่ มตตาให้ใชต้ าม ผนวก ตามระเบยี บฯ ข้างต้น ๑.๗ ทกุ คร้งั ทม่ี ีการอบรม ให้หน่วยรับการอบรมสง่ ยอดผู้เข้ารับการอบรมแก่อนศุ าสนาจารย์

๕๔ ๑.๘ ผทู้ ําการอบรม ๑.๘.๑ อนศุ าสนาจารย์ ๑.๘.๒ ผ้ชู ่วยอนุศาสนาจารย์ ในกรณอี บรมพลทหาร ๑.๘.๓ พระสงฆ์ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ การอบรมเป็นหน้าที่ของอนุศาสนาจารย์ แต่หากอนุศาสนาจารย์เห็นเป็นการสมควรจะนิมนต์ พระสงฆ์ หรือเชิญผู้ทรงคุณวุฒิทําการอบรมแทนก็ได้ แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชาและต้องอบรมเฉพาะเร่ือง ที่เกย่ี วกับศลี ธรรมและวฒั นธรรมเทา่ นน้ั ๑.๙ ในที่ตั้งหน่วยทหารแห่งหนึ่ง ให้มีสถานท่ีอบรมไว้เป็นส่วนรวม ๑ แห่ง มีความสงบและเหมาะสมที่จะใช้ อบรมศีลธรรมทางศาสนา โดยจดั ใหม้ อี ุปกรณ์ทจี่ าํ เปน็ ดงั น้ี ๑.๙.๑ โต๊ะหมู่บูชาพร้อมด้วยพระพุทธรูป แจกัน เชิงเทียน กระถางธูป ธงชาติ และพระบรมฉายา ลักษณ์ รวมเปน็ ๑ ชุด ขนาดพอเหมาะกบั สถานท่ี ๑.๙.๒ แทน่ สาํ หรบั ยนื บรรยาย และเคร่อื งอปุ กรณก์ ารบรรยายตามความเหมาะสม ๑.๙.๓ เก้าอ้ี หรอื มา้ นงั่ สําหรบั ผ้ฟู งั การบรรยาย ๑.๙.๔ อุปกรณอ์ น่ื ๆ ตามความจําเป็น สถานท่ีอบรมดังกล่าวและการจัดสถานท่ีอบรมอยู่ในความควบคุมของหน่วยหรืออนุศาสนาจารย์ประจํา หนว่ ย และหนว่ ยท่ตี ัง้ อยูใ่ นบรเิ วณเดียวกัน อาจให้ผรู้ บั การอบรมไปรับการอบรมในสถานท่ีเดียวกันได้ ๑.๑๐ การปฏบิ ตั ใิ นกรณพี เิ ศษ ๑.๑๐.๑ เมื่อผู้บังคับบัญชาหน่วยใดเห็นว่าทหารคนใดมีความประพฤตินิสัยใจคอเป็นไปในทางอาจ ก่อให้เกิดความเส่ือมเสียแก่ราชการ แก่ตนเอง และครอบครัวของบุคคลผู้นั้น หากอนุศาสนาจารย์ได้ช่วยแก้ปัญหาทาง จิตใจใหแ้ ล้วจะเป็นผลดี ให้ส่งตัวไปให้อนุศาสนาจารย์ ให้การแนะนําทางใจ เป็นรายบุคคล หรือส่งอนุศาสนาจารย์ไปพบปะ เยี่ยมเยียน แล้วแต่ความเหมาะสม ในการให้คําแนะนําทางใจนั้น เม่ืออนุศาสนาจารย์ได้ทราบความผิดพลาดหรือความ บกพร่องใดๆ ของผู้รบั การอบรมแล้ว จะต้องรักษาไว้เป็นความลับส่วนบุคคล ๑.๑๐.๒ หากมีทหารหรือครอบครัวประสบเคราะห์กรรมต้องโทษ เจ็บป่วยหรือเสียชีวิต อนุศาสนาจารย์ ควรไปเย่ยี มเยยี นผนู้ ้นั และกลา่ วปลกุ ปลอบบาํ รุงขวญั หรอื ให้คาํ แนะนําตามสมควร ในกรณที ่ีทหารตอ้ งประสบอปุ ัทวเหตุบาดเจบ็ หรอื เสยี ชีวิต หากมีอนศุ าสนาจารย์อยู่ในที่ไม่ห่างไกลเกินไป ผู้บังคับบัญชาของผู้ได้รับเคราะห์กรรมนั้น ควรจะได้ติดต่อให้อนุศาสนาจารย์ทราบ เพ่ืออนุศาสนาจารย์จะได้ให้ความ ช่วยเหลือทางด้านขวัญและจิตใจ ในการเย่ียมเยียนเพ่ือบํารุงขวัญ และให้คําแนะนําดังกล่าว อนุศาสนาจารย์อาจส่งหนังสือ ไปแทนตนก็ได้ ๑.๑๐.๓ เพ่ือผลการอบรมทางจิตใจให้หน่วยอํานวยความสะดวกแก่อนุศาสนาจารย์ทําการพบปะเย่ียม เยียนทหารได้ตลอดเวลา และหากทหารประสงค์จะพบปะกับอนุศาสนาจารย์ เป็นการส่วนตัว ก็ให้อํานวยความสะดวก ดว้ ย ผู้บังคับบญั ชาพงึ เขา้ ใจวา่ อนุศาสนาจารยค์ อื ผูท้ ี่จะใหค้ วามชว่ ยเหลอื แก่ตนในการปกครองทหาร มิใช่ผคู้ อยจับผดิ ๑.๑๐.๔ บุคคลพลเรือนท่ีพํานักอยู่ในหน่วยทหาร หากผู้บังคับบัญชาหน่วยนั้น เห็นเป็นการสมควรจะ จัดให้ได้รับการอบรมจากอนุศาสนาจารยเ์ ป็นส่วนรวม ก็สามารถดาํ เนนิ การได้

๕๕ ๑.๑๐.๕ การอบรมนายทหารสัญญาบัตร นายทหารประทวน พลทหาร ลูกจ้าง และบุคคลอื่นๆ หาก ผู้บังคับบัญชาหน่วยนั้นประสงค์จะให้อนุศาสนาจารย์ช่วยอบรมชี้แจงในเรื่องใดเป็นกรณีพิเศษ สามารถให้อนุศาสนาจารย์รับ พจิ ารณาอบรมได้ ถ้าไม่ผิดศีลธรรม ๑.๑๑ การอบรมหมายถึง ๑.๑๑.๑ การบรรยาย ๑.๑๑.๒ การพบปะเยยี่ มเยียน ๑.๑๑.๓ การแนะนาํ ๑.๑๑.๔ การให้การศึกษา ๑.๑๒ การสง่ ยอดผเู้ ขา้ รบั ฟงั การบรรยาย ๑.๑๒.๑ หน่วยและส่วนราชการท่ีส่งกําลังพลเข้าฟังการบรรยายอบรม มอบให้ ผู้ควบคุมส่งยอด ให้แกอ่ นศุ าสนาจารย์เมื่อไปถึงสถานทีอ่ บรม ๑.๑๒.๒ การสง่ ยอดใชใ้ บสง่ ยอดแบบใบสง่ ยอด ทบ.๓๔๑ - ๐๐๒ โดยลงยอดเต็ม และยอดรับการอบรม ของกําลังพลท่ีเข้าฟังการบรรยายอบรมด้วยทุกคร้ัง เพื่อสะดวกในการคิดเป็นร้อยละ เมื่อรายงานผู้บังคับบัญชาและหน่วย เหนือ ๑.๑๒.๓ ยอดเต็มของผู้เข้าฟังการบรรยายอบรม หมายถึงยอดกําลังพลประจําวัน มิได้หมายถึงยอด บรรจุจริง ๑.๑๓ การบันทกึ เร่อื งทอ่ี บรม ๑.๑๓.๑ อนุศาสนาจารย์ผู้อบรม ต้องบันทึกเร่ืองท่ีอบรมแต่ละคร้ังและความเห็น ลงในสมุด ทบ.๓๔๑ - ๐๐๓ ด้วยทุกคร้ัง ๑.๑๓.๒ กรณีที่เชิญวิทยากรภายนอกมาบรรยาย หรือนิมนต์พระสงฆ์แสดงธรรมหรือบรรยายจะขอให้ วิทยากรและพระสงฆ์บันทึกเรื่องและความเห็นด้วยตนเอง หรืออนุศาสนาจารย์ จะบันทึกเร่ืองและความเห็นลงในสมุด ทบ. ๓๔๑ - ๐๐๓ ใหก้ ็ได้ ๑.๑๔ การแสดงธรรม การบรรยายของพระสงฆ์ ๑.๑๔.๑ อนุศาสนาจารย์จะนําผู้ฟังการบรรยายอบรม รับศีลก่อนการฟังบรรยายและให้รับพรเม่ือ ประธานได้ถวายเครอ่ื งไทยธรรมแลว้ ก็ได้ หรือจะใหฟ้ ังการบรรยายโดยไม่รับศลี ก็ไดข้ น้ึ อยูก่ บั สถานการณ์ท่เี หมาะสม ๑.๑๔.๒ กรณีพระสงฆ์แสดงธรรมตามรูปแบบ จะต้องมีการรับศีล มีการอาราธนาธรรม ตามแบบของการ แสดงธรรม ๒. ภารกิจและบทบาทอนศุ าสนาจารยต์ ามระเบยี บ ยศ.ทบ. วา่ ดว้ ยการอบรมศีลธรรมวัฒนธรรม- ทหาร (ยามสงคราม) พ.ศ. ๒๕๐๕ และบทบาทของหน่วยทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ๒.๑ ในที่ตงั้ หน่วยนนั้ ๆ จัดให้มสี ง่ิ อุปกรณท์ เ่ี กยี่ วข้องกบั การอบรม คือ ๒.๑.๑ เตน็ ท์ ๒.๑.๒ พระพุทธรูปขนาดหนา้ ตกั ไม่เล็กกวา่ ๕ นว้ิ ๒.๑.๓ ธงชาติและพระบรมฉายาลักษณ์ ๒.๑.๔ แจกนั ดอกไม้ เชงิ เทียน กระถางธปู ๒.๒ ความมงุ่ หมายในการอบรมยามสงคราม

๕๖ ๒.๒.๑ ใหท้ หารมีนํา้ ใจเสยี สละ พรอ้ มท่ีจะทาํ การสู้รบเพื่อรักษาประเทศชาติ ศาสนาและพระมหากษตั รยิ ์ ๒.๒.๒ ใหท้ หารมขี วัญดี เครง่ ครดั ในระเบยี บวินยั เชือ่ ถอื เช่ือมน่ั ในรฐั บาลและผบู้ งั คบั บญั ชาของตน ๒.๒.๓ ให้ทหารมีศีลธรรมวัฒนธรรม สมานสามัคคีระหว่างหน่วย ระหว่างบุคคลและระหว่างทหารกับ ประชาชน ๒.๒.๔ ให้ทหารมคี วามองอาจกลา้ หาญ เสียสละและไม่ประมาทในการปฏบิ ตั หิ น้าที่ ๒.๒.๕ ใหร้ ู้จกั ปลูกความนิยมทหารในหมูป่ ระชาชนในด้านจรยิ ธรรม ๒.๓ หนา้ ที่และบทบาทของกรมยุทธศึกษาทหารบก ๒.๓.๑ สนบั สนุนหน่วยทไ่ี มม่ ีอนศุ าสนาจารย์ให้ไดร้ บั การอบรมศลี ธรรมวัฒนธรรม ๒.๓.๒ สอดสอ่ ง ตรวจ ให้คาํ แนะนาํ แก่หน่วยในปัญหาเร่ืองขวัญกําลังใจและศีลธรรม ๒.๓.๓ สรุปรายงานของหนว่ ย เสนอกองทัพบกเป็นครั้งคราว ๒.๔ หนา้ ทแี่ ละบทบาทหนว่ ยขึน้ ตรงกองทัพบกที่มีอนศุ าสนาจารย์ ๒.๔.๑ จัดอนุศาสนาจารย์อบรมจิตใจทหาร นําประกอบพิธีทางศาสนา พบปะ เย่ียมเยียน เป็นราย หนว่ ย หรอื เปน็ บคุ คลตามแต่กรณี ๒.๔.๒ จดั ให้มีการประชุมฟังการบรรยายอบรมจากอนุศาสนาจารย์เปน็ คร้งั คราว ๒.๔.๓ ถ้าเคลื่อนหนว่ ยเขา้ ไปใกล้หน่วยทีม่ ีอนุศาสนาจารย์ประจําทาํ งานอยู่ ให้หาโอกาสพบปะกับผู้บังคับ หน่วยและอนศุ าสนาจารยข์ องหนว่ ยนั้น เพอ่ื แสวงหาการบรกิ ารทางศาสนา, ศาสนสถานและทางจิตใจ ๒.๔.๔ ถ้าส่งทหารไปปฏิบัติการนอกท่ีตั้ง ต้ังแต่ ๑ หมวดขึ้นไป ควรส่งอนุศาสนาจารย์ ของหน่วยไปเย่ียม และใหก้ ารอบรม ๒.๔.๕ ใหค้ วามช่วยเหลือหนว่ ยท่ไี มม่ อี นุศาสนาจารย์ซงึ่ อยใู่ กล้ ในด้านการอบรมจติ ใจทหาร ๒.๔.๖ มอบหมายใหอ้ นศุ าสนาจารย์ติดตอ่ กับพระสงฆ์ หรอื หวั หนา้ งานทางศาสนา ประจาํ ทอ้ งถิน่ ๒.๔.๗ แจง้ ผลการดําเนนิ การด้านขวัญกาํ ลงั ใจของทหารมายังกรมยุทธศกึ ษาทหารบก เป็นครงั้ คราว ๒.๕ หนา้ ท่ีและบทบาทอนุศาสนาจารย์ในสนาม ๒.๕.๑ เสนอแนะแก่หน่วย ให้จัดชุดสิ่งอุปกรณ์บํารุงขวัญและสิ่งอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบ การบรรยายอบรม จติ ใจทหาร และเปน็ สงิ่ อปุ กรณ์ท่มี คี วามคล่องตัวในการเคลอื่ นยา้ ยไปกับหนว่ ยตามกรณี ๒.๕.๒ ทําบญั ชีทหารแยกตามศาสนา เพือ่ สะดวกในการให้คําแนะนํา การนําประกอบศาสนกิจ และการทํา พิธกี รรมทางศาสนา ๒.๕.๓ จัดทําบัญชีทหาร ระบุยศ ชื่อ นามสกุล ภูมิลําเนา ของทหารที่ถือศาสนา ส่วนน้อยและแยกตาม นกิ าย ทั้งนี้ เพือ่ ใหบ้ รกิ ารทางศาสนาได้สะดวกในชวี ิตประจาํ วัน และแมใ้ นยามท่มี ีการสญู เสียกาํ ลังพล ๒.๕.๔ จัดทําบัญชี วัด สุเหร่า โรงสวด สุสาน โบสถ์ ศาสนสถาน และบุคลากรสําคัญของแต่ละศาสนาใน พ้นื ท่ีใกล้บรเิ วณที่ตัง้ หน่วย เพอื่ ประสานในการกระทาํ พธิ ีกรรมทางศาสนาวัฒนธรรมประเพณี เม่ือจาํ เป็น ๒.๕.๕ ประสานการปฏิบัติร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับฝ่ายกําลังพล ทางด้านงานปกติ การบํารุงขวัญ และ พธิ ีกรรม และใกล้ชิดกบั ฝ่ายกจิ การพลเรอื น (ถ้ามี) ทางด้านสงั คมจติ วทิ ยา ๒.๕.๖ เสนอความเห็นแก่ผู้บังคับหน่วย ผู้บังคับบัญชา ในเรื่องการอบรมศีลธรรม การอบรมจิตใจทหาร ขวัญกาํ ลังใจ วัฒนธรรมประเพณี ตลอดจนให้ทหารไดม้ ีโอกาสปฏบิ ัติศาสนกิจและไดร้ บั การบาํ รุงรักษาขวญั ตามสมควร ๒.๕.๗ เอาใจใสด่ แู ลศาสนสถานภายในหนว่ ยให้มคี วามน่าศรัทธาเล่ือมใส

๕๗ ๒.๕.๘ หาโอกาสพบปะเย่ียมทหารท่ีออกปฏิบัติงานนอกท่ีตั้ง ปลุกปลอบบํารุงขวัญและเสริมสร้างกําลังใจ ทหารป่วยเจ็บ หรือทหารท่ีได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเนื่องจากการครํ่าเคร่งในการปฏิบัติหน้าที่ ให้กลับมีจิตใจ รุกรบ อาจหาญ มพี ลงั ใจพรอ้ ม ๒.๕.๙ เข้าร่วมกิจกรรมบรรเทาสาธารณภัยกับฝ่ายพลเรือนหรือหน่วยในพื้นท่ี เช่น กรณีช่วยเหลือผู้ ประสบอทุ กภยั วาตภัย และอัคคีภยั เป็นตน้ ๒.๕.๑๐ ดาํ เนนิ การร่วมกับนายทหารฝ่ายการศพ ในกรณที หารเสียชีวติ ๒.๕.๑๑ แสวงหาความร่วมมือจากบคุ คลและองค์กรในท้องถิน่ เก่ยี วกับการบาํ รงุ ขวญั ทหาร ๒.๕.๑๒ ศึกษาคําสอน พิธีกรรม ของศาสนาต่างๆ ให้เข้าใจเพื่อสะดวกในการให้คําแนะนําการนําปฏิบัติ พิธกี รรมทางศาสนาและประเพณี ๒.๕.๑๓ สังเกต จดบันทึก ทําบัญชีทหารท่ีมีพฤติกรรมล่อแหลมในด้านวินัย ความเช่ือฟัง การหมกมุ่นในส่ิง อบายมุข การมีลกั ษณะเฉอื่ ยชา และเข้าใกลช้ ิดกบั ผู้มปี ญั หาดงั กล่าว ๒.๕.๑๔ ไม่เปน็ ผู้เกียจคร้าน ท้อแท้ ทอ้ ถอย และฝึกพลังจิตของตนเสมอ ๒.๕.๑๕ หาโอกาสพบปะสนทนากับผู้บังคับหน่วยและผู้บังคับบัญชาเสมอ เพ่ือรับทราบ ปัญหา เพ่ือนําไปสู่ การปฏบิ ัติภารกจิ หน้าท่อี นุศาสนาจารย์ ๒.๕.๑๖ ต้องตระหนักว่า ในสนามกระทําการอบรมเป็นกลุ่มก้อนได้น้อย แต่กระทําการพบปะเย่ียมเยียน ไดม้ าก ๒.๕.๑๗ ประสานให้เกิดความเข้าใจ ขวัญ จริยธรรม ของกําลังพลในสนาม และครอบครัวของกําลังพล น้นั ๆ ๒.๕.๑๘ กรณีประกอบพิธีศพผู้เสียชีวิตในสนาม ณ วัดหรือศาสนสถานของศาสนาอื่นในพ้ืนท่ีการ ดาํ เนินการพธิ ศี พ ในการกล่าวสดดุ ีวีรกรรมขอใหเ้ พิ่มการกลา่ วธรรมสังเวชท่เี ขยี นโดยอนศุ าสนาจารยเ์ ข้าไปด้วย ๒.๕.๑๙ พิธสี ําคัญในทางพระพทุ ธศาสนา ทป่ี ฏิบตั ิในหนว่ ยในทต่ี ้งั ปกติ เช่น พธิ ี วิสาขบูชา เป็นต้น แม้ ในสนามอนุศาสนาจารยส์ ามารถเสนอแนะ และปรึกษาผู้บังคับบัญชาให้จัดข้ึนได้ท้ังในวัดใกล้หน่วย และภายในหน่วย ท้ังน้ี ย่อมข้ึนอยู่กับสถานการณ์ ๒.๖ หวั ข้อท่ีควรใช้อบรมเนน้ ยํ้าในสนาม ๒.๖.๑ วนิ ยั และความเช่ือถือ ๒.๖.๒ ความสามัคคี ๒.๖.๓ ความเสียสละ ๒.๖.๔ ความอดทน ๒.๖.๕ สงั คหวตั ถุ ๒.๖.๖ อบายมขุ ๒.๖.๗ พระรตั นตรัย ๒.๖.๘ วัฒนธรรมประเพณใี นพื้นที่

๕๘ การอบรมทางสอ่ื ๑. ส่ือท่ีอนุศาสนาจารยใ์ ชใ้ นการอบรมปจั จบุ นั ไดแ้ ก่ .- ๑.๑ เสยี งทางสายของหนว่ ย ๑.๒ เคเบลิ ทีวี ๑.๓ สถานวี ทิ ยุ ๑.๔ วิทยุ เทป ๑.๕ ภาพเขยี น ภาพวาด แผน่ ชารต์ ๑.๖ E-learning หรือ Social Network บทบาทในการดาํ เนินการอบรมดว้ ยการใช้ส่ือ สามารถกระทําไดโ้ ดยปฏบิ ตั ิทกุ วนั ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ตามวันที่ กําหนด ในวันสําคัญที่เก่ียวข้องทางด้านศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ที่เวียนมาถึง และสามารถดําเนินรายการสด หรือ บนั ทกึ รายการไว้ล่วงหน้ากไ็ ด้ ๒. ข้อทีอ่ นศุ าสนาจารย์ ควรวางแผนปฏบิ ัติ ๒.๑ กลมุ่ บุคคลเปา้ หมายซึ่งมหี ลายระดับ ๒.๒ เนอ้ื หาสาระของเรอ่ื ง และหมวดธรรมทจ่ี ะต้องบรรยาย ๒.๓ นโยบายของหนว่ ย และนโยบายของผู้บงั คับบัญชา ๒.๔ แต่ละเรอ่ื งจะบรรยายครัง้ เดียว หรือจะแบ่งการบรรยายไปตามลําดบั ๒.๕ จะบนั ทกึ ใหท้ ันเวลา และเตรยี มไวล้ ว่ งหนา้ อย่างไร ๒.๖ วัตถุประสงค์ของเรื่องน้ันเพื่ออะไร เน้นเรอื่ งใด ๒.๗ ควรเป็นเร่ืองใหม่ เร่อื งใหญ่ และเป็นเร่ืองใกลต้ ัว ๓. อปุ กรณ์ทส่ี ายวทิ ยาการอนศุ าสนาจารย์ ใชใ้ นการเตรยี มขอ้ มลู และใชป้ ระกอบในการอบรม การบรรยาย ได้แก่ ๓.๑ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ ๓.๒ เครอ่ื งฉายโปรเจคเตอร์ ๓.๓ จอภาพขนาดตามความเหมาะสม ๓.๔ กล้องบันทกึ วดี โิ อ ๓.๕ กลอ้ งบันทึกภาพนิง่ การกวดขนั การอบรม โดยปกติการกวดขันการอบรมมิใช่กิจหน้าท่ีของอนุศาสนาจารย์ แม้กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ ท่ีอนุศาสนาจารย์จะ เคลื่อนไหวให้กําลังพลของหน่วยได้เข้ารับการอบรมในระดับท่ีน่าพอใจ ด้วยการประสาน การเข้าเยี่ยมพบปะกับผู้บังคับบัญชา ทุกระดับ และกับหัวหน้าส่วนราชการนั้น และที่สําคัญก็คือ พยายามคิดค้นวิธีบรรยาย และเร่ืองที่จะบรรยายให้น่าสนใจ มากขึน้ ตลอดท้ังสรรหาวทิ ยากรทีจ่ ะดงึ ดูดความสนใจมาบรรยายเป็นคร้งั คราว สรปุ บทบาทของอนุศาสนาจารย์ในส่วนนี้ ก็ คอื ๑. ประสานกบั ผบู้ งั คบั บัญชาทกุ ระดบั ชั้น ๒. ตรวจสอบดูวนั ทเ่ี หมาะสมสําหรับการอบรมในหนว่ ยนัน้ ๆ ๓. คิดคน้ วธิ บี รรยายให้น่าสนใจ

๕๙ ๔. สรา้ งแนวบรรยายและเรื่องทจ่ี ะบรรยายให้นา่ สนใจ ๕. บรรยายในเรอ่ื งท่อี ยู่ในความสนใจของหนว่ ย ๖. บรรยายในเรือ่ งท่สี อดคลอ้ งกับสถานการณท์ ่ีกาํ ลงั พลสนใจ ๗. บรรยายในเรื่องท่ีสอดคล้องกับนโยบายของผู้บังคับหน่วย, ผู้บังคับบัญชาหน่วยเหนือ และผู้บังคับบัญชา หนว่ ยรอง ๘. แสวงหาสอ่ื การบรรยายไว้ประกอบการบรรยายของตน ๙. รับผิดชอบเสนอขออนุมัติจัดหาวิทยากรภายนอกที่สามารถมาบรรยายเป็นคร้ังคราว และดําเนินการ ประชาสมั พนั ธ์ ๑๐. ประสานกบั ฝา่ ยอํานวยการทีเ่ ก่ยี วข้อง เพอื่ วางแผนการอบรมร่วมกนั ๑๑. เสนอแนะผู้บงั คับบัญชา เพอ่ื กาํ หนดมาตรการในการจัดกําลังพลเข้ารับการอบรม และให้มีการกํากับดูแล ตามคําสั่งกองทัพบก (คําส่ังชี้แจง) ที่ ๑๕๐/๒๒๒๙๐ เร่ืองให้กวดขันการอบรมศีลธรรม ลง ๑๙ ต.ค. ๙๗ กองทัพบกเน้น ความสําคญั และบทบาทการจดั กาํ ลังพลให้เขา้ รับการอบรมใหม้ ากไปทผี่ ู้บังคับบัญชาทกุ ระดับและชแ้ี จงเหตุผลวา่ กองทัพบกมีความประสงค์อย่างแท้จริงท่ีจะให้นายทหาร นายสิบ พลทหาร นักเรียนทหาร ข้าราชการและ คนงาน ตลอดถึงครอบครวั ได้รบั การอบรมศลี ธรรม จรรยามารยาทโดยสมาํ่ เสมอและท่ัวถงึ - หน่วยมักจะอ้างเหตุต่างๆ นานาในการที่จะไม่นาํ กําลังพลเข้ารบั การอบรม - บางหนว่ ยไม่พยายามหมนุ เวียนทหารเขา้ รับการอบรมใหท้ ว่ั ถงึ เพยี งแตจ่ ดั ทหารจาํ นวนหน่งึ ให้เข้ารับการ อบรมพอใหม้ ียอดสง่ รายงานเทา่ น้นั - บางหนว่ ยทหารเขา้ ประจาํ การเกอื บปีแลว้ ยงั ไม่เคยไดร้ ับการอบรมก็มี - บางหนว่ ยครอบครวั อยู่เปน็ กลุม่ ก้อน แตก่ ไ็ ม่จดั ใหม้ ีการอบรมครอบครวั - กองทัพบกถือว่าครอบครัวเป็นบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่อาจนําความดีงามหรือความเส่ือมมาสู่สามีหรือภรรยาของ ตน หรอื ของหน่วยได้ - ผูบ้ งั คับบัญชาใกล้ชดิ ทหาร ไมท่ ราบความประสงคอ์ ันแท้จริงของทางราชการในเรือ่ งการอบรมศีลธรรม - ผ้บู งั คบั บญั ชาช้นั สูง ไมส่ นใจตรวจผลการรบั อบรมของหนว่ ยเทา่ ที่ควร - ถ้าหน่วยใด หัวหน้าหน่วยเอาใจใส่ควบคุมการอบรมด้วยตนเอง หรือไปตรวจขณะทหารรับการอบรมเป็นครั้ง คราว การอบรมมกั จะได้ผลดี - หนว่ ยใด หัวหน้าหน่วยหาวิธีชกั จงู ผ้อู ยู่ในปกครองให้สนใจรับการอบรม ก็ย่งิ ไดผ้ ลดีเป็นพิเศษ ตามคาํ ส่งั ในเร่ืองเดียวกันนี้ กองทพั บก ได้แนะนําให้หวั หน้าหน่วยปฏบิ ัตดิ ังนี้ - ผู้บังคับบัญชาทหารทุกชั้น พยายามนําทหารเข้ารับอบรมให้ท่ัวถึง ในกรณีที่ทหารติดราชการเวรยาม หรือ จ่ายไปนอกกอง ก็ให้จัดผลัดหมุนเวียน ให้ทหารได้รับการอบรมโดยทั่วถึงกันและจัดครอบครัวภายในหน่วยให้ได้รับอบรม โดยนัยเดยี วกนั - การบรรยายธรรมทางสถานีวิทยุกระจายเสียงในเครือข่ายของกองทัพบกนับว่าได้ผลดีและประชาชนท่ัวไปก็ ติดตามรับฟังเป็นจํานวนมาก หนว่ ยท่มี ีสถานีวทิ ยอุ ยใู่ นความรับผดิ ชอบ ควรจดั ใหอ้ นศุ าสนาจารย์ไดท้ ําหน้าท่ีบรรยายธรรม ทางสถานีวิทยุของหน่วยน้ันๆ ด้วย เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านการปลูกฝังอุดมการณ์ทหารด้านการพัฒนาคุณธรรม ตาม นโยบายการปลกู ฝงั และสร้างเสริมอดุ มการณ์ทหาร ดา้ นการพัฒนาคุณธรรมของกองทพั บก

๖๐ - ผู้บังคับบญั ชาทร่ี ับรายงานเกย่ี วกบั การอบรมของอนศุ าสนาจารย์ ให้เพ่งเล็งถึงจํานวน ผู้เข้ารับอบรม ท่ีมีตัว จรงิ ของแต่ละหนว่ ยด้วยว่ามสี ว่ นสัมพันธ์กันกับยอดเดิมเพยี งใดหรอื ไม่ แมว้ ่าการกวดขันให้มีผู้เข้ารับการอบรม ไม่ใช่หน้าท่ีและบทบาทของอนุศาสนาจารย์ก็จริงแต่อนุศาสนาจารย์ก็ สามารถพิจารณาดําเนินการได้ เช่น เสนอแนะให้หน่วยดําเนินรายการบรรยายธรรมทางสถานทีวิทยุ หรือทางเสียงทางสาย ของหน่วย (ถ้ามี) หรือขออนุมัติต่อผู้บังคับหน่วย เพื่อดําเนินรายการ เสียงทางสายโดยอนุศาสนาจารย์ของหน่วยเป็นผู้บรรยาย ใน ส่วนของกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ซึ่งเป็นหัวหน้าเหล่าสายวิทยาการ ควรมีบทบาทในการเตรียมการเรื่องที่ จะบรรยายธรรมทางสถานีวิทยุให้มีสาระท่ีน่าสนใจ โดยทําแผนงานและโครงการไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เกิดผลดีต่อกําลังพลและ ครอบครวั ของหน่วยและประชาชนทั่วไป ตามวตั ถุประสงค์และเปา้ หมายของกองทพั บก

๖๑ การสอนวชิ าการศาสนาและศลี ธรรม อนศุ าสนาจารย์ ต้องรบั ผดิ ชอบในการสอนวิชาการศาสนาและศีลธรรมในหลกั สตู รต่างๆ ดังนี้ ๑. หลักสตู รนายทหารอนศุ าสนาจารยช์ ั้นต้น เป็นหลักสูตรตามแนวทางรับราชการของนายทหารอนุศาสนาจารย์ (เทียบเท่าหลักสูตรชั้นนายร้อย) ตาม อนุมัติ ผบ.ทบ. ท้ายหนังสือ กศ.ยศ.ทบ. ที่ กห ๐๔๖๑.๑๑/๑๕๐๓ ลง ๒๗ ส.ค. ๕๐ระยะเวลาการศึกษา ๑๓ สัปดาห์ หมายเลขหลักสูตร ๑๖ - ก - ล.๒ ชกท.๕๓๑๐ ๒. หลกั สตู รนายทหารอนุศาสนาจารยช์ ัน้ สูง เป็นหลักสูตรตามแนวทางรับราชการของนายทหารอนุศาสนาจารย์ (เทียบเท่าหลักสูตรช้ันนายพัน) ตาม อนุมัติ ผบ.ทบ. ท้ายหนังสือ กศ.ยศ.ทบ. ที่ กห ๐๔๖๑.๑๑/๐๐๔๖ ลง ๗ ม.ค. ๔๕ระยะเวลาการศึกษา ๑๗ สัปดาห์ หมายเลขหลักสตู ร ๑๖ - ก - ฉ.๒ กองอนศุ าสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก มีหนา้ ที่กํากับดูแลการเรียนการสอนของหลักสูตรตามแนวทางรับ ราชการของนายทหารอนุศาสนาจารย์ทั้ง ๒ หลักสูตร ให้เป็นไปตามระเบียบของกองทัพบก จัดอนุศาสนาจารย์เข้าสอนใน วชิ าหลกั และตดิ ต่อขออาจารยจ์ ากเหลา่ /สายวทิ ยาการช่วยสอนในวชิ าที่เหลอื ๓. หลกั สูตรการปฐมนิเทศนายทหารอนุศาสนาจารยบ์ รรจใุ หม่ เป็นหลักสูตรอบรมเพ่ิมเติมความรู้สําหรับนายทหารอนุศาสนาจารย์ท่ีบรรจุเข้ารับราชการคร้ังแรก ตาม อนมุ ัติ ผบ.ทบ. ท้ายหนังสอื กศ.ยศ.ทบ. ท่ี กห ๐๔๖๑.๑๔/๘๙๕ ลง ๙ มิ.ย. ๕๒ระยะเวลาการศึกษา ๔ สัปดาห์ หมายเลข หลกั สตู ร ๑๖ - ก - ฉ.๒ ๔. หลกั สูตรการพฒั นาบุคลากรกองทัพบก ปีพุทธศักราช ๒๕๒๖ กรมยุทธศึกษาทหารบก ได้อนุมัติให้อนุศาสนาจารย์ทหารบก เข้าค่ายฝึกฝนพัฒนา ทางจิต จํานวนทั้งส้ิน ๓ รุ่นๆ ละ ๗ วัน ซึ่งเป็นจุดเร่ิมต้นของโครงการการพัฒนาบุคลากรกองทัพบก ต่อมาในปี พุทธศกั ราช ๒๕๒๘ ไดม้ กี ารจัดส่งกําลังพลเข้ารับการฝึกปฏิบัติธรรมท่ีวัดอัมพวัน อําเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี โดยการ อนุมตั ิของผูบ้ ญั ชาการทหารบก ในขณะนน้ั การอบรมตามโครงการพัฒนาบคุ ลากรกองทัพบกจึงไดพ้ ัฒนามาตามลําดบั ปีพุทธศักราช ๒๕๓๖ กองทัพบก ได้อนุมัติให้หลักสูตรการพัฒนาบุคลากรกองทัพบกเป็นหลักสูตรทาง การศึกษาอบรมของกองทัพบก หมายเลขหลักสูตร ๑๖ - ข - ฉ.๒ และไดเ้ ปน็ หลักสูตรทางการศึกษาอบรมมาจนถงึ ปัจจุบัน กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก มีหน้าท่ีรับผิดชอบในการจัดบุคลากร ของกองทัพบกทุก ระดับช้ันยศให้เข้ารับการศึกษาอบรมในหลักสูตรการพัฒนาบุคลากรกองทัพบก ณ ศูนย์พัฒนาจิตใจกําลังพลกองทัพบก วดั อัมพวัน อําเภอพรหมบุรี จังหวดั สิงห์บรุ ี ตามอนมุ ตั ิของกองทพั บก เปน็ ปีๆ ไป ดงั น้ี ๔.๑ ความมุ่งหมาย เพ่ือให้ผู้เข้ารับการศึกษาอบรม ได้เรียนรู้หรือฝึกตามหลักคําสอนของพระพุทธศาสนา ทัง้ ภาคทฤษฎีและภาคปฏบิ ัติ สามารถประยุกตค์ ําสอนน้ัน ๆ มาปรับปรุงใช้กับ การดํารงชีวิตประจําวันและการปฏิบัติงานใน หน้าท่ีราชการอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เข้ารับการศึกษาอบรมเป็นกําลังพลที่มีคุณภาพย่ิงขึ้น กับท้ังประพฤติตน ใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ ก่กองทัพบก สังคมและประเทศชาติ ๔.๒ คุณสมบัติของผู้เข้ารับการศึกษาอบรม เป็นนายทหารสัญญาบัตร นายทหารประทวน ในกองทัพบกทุก ชน้ั ยศและลูกจา้ ง ผูม้ ีความสมคั รใจ หรอื ผ้ทู ีห่ น่วยคดั เลอื กเขา้ รับการศกึ ษาอบรม ๔.๓ งบประมาณและจาํ นวนผูเ้ ขา้ รับการศึกษาอบรม ตามทก่ี องทัพบกอนุมัติในแตล่ ะปี

๖๒ ๔.๔ การศกึ ษาอบรมในหลักสูตรดังกล่าว ประกอบด้วยภาคทฤษฎี ๑๕ ชั่วโมง, ภาคปฏิบัติ ๓๐ ชั่วโมง และ เบ็ดเตลด็ ๔ ชั่วโมง ๔.๕ ระยะเวลาในการศึกษาอบรม ๑ สปั ดาห์ ๔๙ ชว่ั โมง ๕. หลักสตู รวชิ าการศาสนาและศลี ธรรม กองพลท่ี ๕ และมณฑลทหารบกท่ี ๕ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกคําส่ังให้นายสิบท่ีได้รับการแต่งตั้ง ใหม่ และนักเรียนนายสิบท่ีสังกัดอยู่ท่ีสังกัดอยู่ทั้งสองหน่วยเข้ารับการศึกษาวิชาการศาสนาและศีลธรรม ประมาณ ๒๔ ชัว่ โมง เมอ่ื วนั ที่ ๒๗ มิถนุ ายน ๒๔๙๙ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นายทหารประทวนมีศีลธรรมเป็นหลักปกครองตน มีเครื่อง ยึดเหน่ียวทางจิตใจ และให้มีจรรยามารยาทประพฤติตนเหมาะสมกับหน้าที่และได้รายงานให้กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธ ศึกษาทหารบกทราบ พันเอก ปิ่น มุทุกันต์ ขณะดํารงตําแหน่งหัวหน้าแผนกศึกษาอยู่ ได้พิจารณาเห็นว่ามีประโยชน์แก่ นายทหารประทวนเป็นอย่างย่ิง ควรดําเนินการทุกหน่วย จึงเรียนหารือกับหัวหน้ากองอนุศาสนาจารย์ (ตําแหน่งใน ขณะนั้น) พรอ้ มทง้ั ได้แนบคาํ สัง่ ของกองพลที่ ๕ และมณฑลทหารบกที่ ๕เสนอไปยังกองทัพบก กองทัพบก ไดเ้ หน็ ความสําคัญและกาํ หนดใหห้ น่วยในกองทพั บกดําเนนิ การใหเ้ ปน็ ไปในแนวทางเดียวกันตาม มาตรฐานการศกึ ษาวิชานี้ และใหก้ รมยทุ ธศกึ ษาทหารบกดําเนนิ การเปิดหลกั สตู รวชิ าการศาสนาและศีลธรรม สว่ นกลางขน้ึ กรมยุทธศึกษาทหารบก ได้ดําเนินการเปิดการสอนวิชาการศาสนาและศีลธรรมขึ้นเป็นครั้งแรก เม่ือวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๐๐ ตามคําส่ังกองทัพบก ที่ ๑๕๒/๑๓๒๐๙ ลง ๑๑ ก.ค.๒๕๐๐ เรื่อง ให้นายสิบรับการศึกษาวิชาการ ศาสนาและศีลธรรม การศึกษาได้รับการพัฒนาตลอดระยะเวลา ท่ีผ่านมา และกองทัพบก ได้อนุมัติให้มีการปรับปรุง หลักสูตร เม่ือ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๘ ตามหนังสือ กศ.ยศ.ทบ. ที่ กห ๐๔๖๑.๑๑/๑๙๗๖ ลง ๒๓ ส.ค. ๔๘ หมายเลข หลกั สูตร ๑๖ - ง - ฉ.๑ ๖. การอบรมพิธกี รดา้ นศาสนา ประเพณี และวฒั นธรรมไทย เนื่องจากหน่วยในกองทัพบกระดับกรมขึ้นไปขาดแคลนอนุศาสนาจารย์ และบางหน่วยมีหน่วยระดับกองพัน อยู่ห่างไกล ทําให้การจัดพิธีทางศาสนาไม่เป็นระเบียบแบบแผนเดียวกัน กองทัพบกจึงให้กรมยุทธศึกษาทหารบก จัดการ อบรมกําลังพลนายทหารประทวนหน่วยต่างๆ เพื่อปฏิบัติหน้าที่พิธีกรด้านศาสนา และลดปัญหาการขาดแคลน อนุศาสนาจารย์ประจําหน่วย โดยได้ทําการเปิดการอบรมต้ังแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๔๙ จนถึงปัจจุบัน ตามอนุมัติ ผบ.ทบ. ท้าย หนงั สือ กพ.ทบ. ท่ี กห ๐๔๐๑/๒๐๖๔๒ลง ๒๕ ก.ค.๔๙ ๗. หลกั สตู รตามแนวทางรบั ราชการของโรงเรยี นเหลา่ สายวทิ ยาการ การกําหนดให้มีการสอนวิชาการศาสนาและศีลธรรม ในหลักสูตรต่างๆ ของ รร.เหล่าสายวิทยาการ กองทพั บกน้ัน ยอ่ มจะเป็นผลดใี นดา้ นการปลูกฝังคณุ ธรรมและจริยธรรมให้แก่กําลังพลของกองทัพบก ซ่ึงเป็นการสอดคล้อง กบั นโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ท่ตี ้องการสรา้ งสรรคค์ ณุ ธรรมให้เกิดขึ้นในจิตใจของข้าราชการทุกนายในกองทัพบก ดังนั้น กองทัพบกจึงให้ รร.เหล่าสายวิทยาการ กองทัพบกบรรจุวิชาการศาสนาและศีลธรรมในหลักสูตรต่างๆ ต้ังแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๓๑ เปน็ ต้นไป ดงั นี้ ๗.๑ หลักสูตรนักเรยี นนายสิบ ๗.๒ หลกั สตู รนายสบิ ชน้ั ต้น ๗.๓ หลกั สตู รนายสบิ อาวโุ ส ๗.๔ หลกั สูตรการปฐมนิเทศนายทหารใหม่

๖๓ ๗.๕ หลักสตู รชนั้ นายรอ้ ย ๗.๖ หลกั สูตรชั้นนายพนั ให้หน่วยทม่ี อี ัตราอนุศาสนาจารย์ ให้ความร่วมมือส่งอนุศาสนาจารย์ ไปสนับสนุน การสอนวิชาการศาสนา และศลี ธรรม ตามทห่ี น่วยเปดิ การศึกษารอ้ งขอ ๘. หลกั สูตรพเิ ศษตา่ ง ๆ อนุศาสนาจารย์ จะต้องให้การสนับสนุนการสอนวิชาศีลธรรม, วิชาทางด้านพระพุทธศาสนา แก่หน่วยงาน, วัด เป็นต้น ท่ีขอรับการสนับสนุน และเป็นวิทยากรบรรยายถวายความรู้แก่พระสังฆาธิการ และพระนวกะในพรรษา เป็นต้น เพ่ือ เปน็ การประสานสมั พันธ์ความร่วมมือกับองค์กรทางพระพทุ ธศาสนา ๙. ศูนยศ์ กึ ษาพระพทุ ธศาสนาวันอาทติ ย์ เพ่ือส่งเสริมบุตรข้าราชการทหารในหน่วย และประชาชนใกล้เคียงหน่วยได้รับความรู้และมีความใกล้ชิดกับ พระพุทธศาสนา หน่วยทหารบางหน่วยได้เปิดให้มีการสอนพิเศษในรูปของศูนย์-ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ข้ึน อนุศาสนาจารย์จะเป็นกําลังหลักในการเรียนการสอนตามศูนย์ต่างๆ เหล่าน้ัน โดยเฉพาะวิชาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และ ติดต่อประสานขอความร่วมมือกับสถานศึกษาใกล้เคียงหน่วยช่วยจัดอาจารย์สอนวิชาประกอบ เช่น วิชาภาษาอังกฤษ, คณิตศาสตร์, นาฏศลิ ป์ เปน็ ต้น

๖๔ การปฏบิ ัติธรรมในเทศกาลเขา้ พรรษา กรมกจิ การพลเรือนทหารบก ไดข้ ออนมุ ตั ิกองทัพบกนาํ กําลังพลของหน่วยขนึ้ ตรงกองทัพบก ผูส้ นใจไปปฏิบัติธรรมเพ่ือสร้างคุณค่าชีวิตให้สูงข้ึน ไปปฏิบัติธรรม ณ วัดอัมพวัน อําเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี รวม ๕ รุ่น จํานวนรวมทั้งสิ้น ๔๙๑ คน ปรากฏว่าทุกคนที่ร่วมปฏิบัติธรรมได้ประจักษ์ด้วยตนเองว่า ได้พบแสงสว่างแห่งชีวิต ซ่ึงไม่ เคยได้รบั มาก่อนเลย กรมกจิ การพลเรือนทหารบก ได้พิจารณาเห็นว่า การเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมจิตวิทยาของประเทศ เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่ง มีผลกระทบต่อการดํารงชีวิตและสภาพทางจิตใจของกําลังพลเป็นอันมาก หากกําลังพลมิได้เรียนรู้ กรรมวิธีการควบคุมจิตใจอย่างม่ันคงแล้ว อาจประกอบพฤติกรรมในทางเสียหายแก่ตนเอง ครอบครัว และหน่วยได้ ใน สถานการณ์สังคมท่ีเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ หากกําลังพลได้รับการฝึกจิตโดยการปฏิบัติธรรม ย่อมเป็นมาตรการสร้างภูมิคุ้มกัน ชีวิตได้อย่างดียิ่ง จึงได้ขออนุมัติหลักการจากกองทัพบก เพื่อนํากําลังพลของหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกไปปฏิบัติธรรม ณ วัดอัมพวัน อาํ เภอพรหมบรุ ี จงั หวัดสิงห์บรุ ี เป็นโครงการต่อเนอ่ื ง และได้รับอนมุ ตั ิจากกองทพั บก เมื่อวันท่ี ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๒๙ ตาม หนังสือ กร.ทบ. ท่ี กห ๐๔๐๕/๘๘๓ ลง ๒๓ พ.ค.๒๙ และไดด้ ําเนนิ การต่อเน่อื งมาถึงปจั จบุ ัน ปัจจุบันโครงการปฏิบัติธรรมในเทศกาลเข้าพรรษา เป็นโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมยุทธศึกษา ทหารบก โดยมอบให้กองอนศุ าสนาจารย์ กรมยทุ ธศกึ ษาทหารบกดาํ เนินการ ๑. การปฏิบัติ ๑.๑ หว้ งระยะเวลา : ในเทศกาลเขา้ พรรษา ๓ เดอื น ของทกุ ๆ ปี ปีละ ๓ รุน่ ๆ ละ ๗ วนั ๑.๒ สถานท่ี : วดั อมั พวนั อ.พรหมบรุ ี จว.สิงหบ์ ุรี ๑.๓ อาหารและอื่นๆ : ผู้เข้ารับการปฏิบัติธรรมเสียค่าบริการตามที่กําหนด เพื่อมอบให้ กับทางวัดเป็น คา่ อาหารเชา้ - กลางวนั , นา้ํ ปานะ และอน่ื ๆ ๑.๔ สถานที่พักพร้อมอุปกรณ์ ทางวัดจัดบริการให้ ส่วนเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผา้ เชด็ ตัว และผา้ ห่มนอน เป็นตน้ ผู้สมัครเข้ารับการปฏิบัติธรรมต้องจดั ไปเอง ๑.๕ ผเู้ ข้ารบั การปฏบิ ตั ิธรรม : นายทหาร, นายสิบ, ลกู จา้ ง และคนงานของทพั บก ๑.๖ ผเู้ ขา้ รบั การปฏิบัติธรรม ต้องได้รบั อนมุ ตั ิจากผบู้ ังคับหนว่ ยตน้ สังกดั ๑.๗ ให้ถือว่า ผู้ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับหน่วยต้นสังกัด และเจ้าหน้าท่ีอื่นๆ ทุกคนไปราชการ เช่นเดียวกับ การไปราชการทว่ั ๆ ไป ๒. การปฏบิ ตั ขิ องหน่วยทเี่ กยี่ วข้อง ๒.๑ กรมยุทธศกึ ษาทหารบก ๒.๑.๑ ประสานการปฏิบตั กิ ับทางวดั และหนว่ ยท่เี กีย่ วข้อง ๒.๑.๒ จดั อนุศาสนาจารย์เปน็ เจ้าหน้าท่กี าํ กบั ดแู ลการปฏิบัติ ๒.๑.๒ ขอรับการสนับสนุนอนุศาสนาจารย์จากหน่วยท่ีมีกําลังพลเข้าปฏิบัติธรรมในรุ่นน้ันๆ ร่วมเป็น เจ้าหน้าทต่ี ามเหมาะสม ๒.๑.๓ จดั เจา้ หน้าทีไ่ ปทาํ ขา่ วออกเผยแพร่กิจกรรมพเิ ศษของกองทพั บก ๒.๒ กรมการขนสง่ ทหารบก ๒.๒.๑ จดั พาหนะรับ - ส่งกําลงั พลพร้อมเจ้าหน้าท่พี ลขบั

๖๕ ๒.๒.๒ ประสานการใช้ สป.๓ กบั กรมพลาธกิ ารทหารบก ๒.๓ กรมแพทย์ทหารบก ๒.๓.๑ จัดรถพยาบาล พรอ้ มเจา้ หนา้ ทีพ่ ลขับ รุน่ ละ ๑ นาย ๒.๓.๒ จัดนายสบิ พยาบาล รนุ่ ละ ๑ นาย ๒.๓.๓ ประสานการใช้ สป.๓ กบั กรมพลาธิการทหารบก ๒.๔ มณฑลทหารบกที่ ๑๓ จดั ทหารสารวตั รเป็นเจ้าหนา้ ท่ีดแู ลความเรยี บร้อยตามความเหมาะสม ๓. ระเบยี บปฏิบตั ิประจําวัน ปฏิบตั ติ ามระเบยี บ ของวดั อัมพวัน ดังนี้ เวลา ๐๔๐๐ - ตืน่ นอน ทํากจิ ส่วนตวั ๐๔๓๐ - ทาํ วัตรสวดมนต์ ๐๕๐๐ - ช้ีแจงการปฏิบตั ิ, ฝกึ อบรมฯ, เดนิ จงกรม และเจริญจติ ภาวนา ๐๗๐๐ - รบั ประทานอาหารเช้า ๐๘๓๐ - ฝึกอบรมฯ เดนิ จงกรม และเจรญิ จติ ภาวนา ๑๑๐๐ - รับประทานอาหารกลางวัน ๑๓๐๐ - ฝึกอบรมฯ เดนิ จงกรม และเจริญจิตภาวนา ๑๖๐๐ - ดมื่ นาํ้ ปานะ, ทํากจิ ส่วนตวั ๑๘๐๐ - ทาํ วตั รสวดมนต,์ ฝกึ อบรมฯ, เดินจงกรม และเจรญิ จติ ภาวนา ๒๑๐๐ - พกั ผ่อน, เขา้ นอน

๖๖ การปลูกฝังและสรา้ งเสรมิ อดุ มการณท์ หารด้านการพัฒนาคณุ ธรรมของกองทพั บก ๑. กล่าวท่ัวไป กองทัพบกได้กําหนดคําขวัญอันมีลักษณะเป็นอุดมการณ์กองทัพบก เพ่ือให้ทุกหน่วยปฏิบัติยึดมั่นไปใน แนวทางเดียวกัน คือ “เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน” สําหรับกําลังพล ทุกระดับชั้น นอกจากจะต้องยึดถือ อุดมการณ์ของกองทัพบกแล้ว ยังต้องยึดม่ันต่อคําสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลและน้อมนําพระบรมราชโองการโปรด เกล้าฯ พระราชทานยศทหาร อันมีข้อความที่เป็นพระบรมราโชวาทปรากฏไว้ทุกฉบับ ความว่า “ให้ฟังคําสั่ง ผู้บังคับบัญชาเหนือตน และรักษาวินัยโดยเคร่งครัด จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ ให้ต้องตาม บทบัญญตั ิแห่งกฎหมายและแบบธรรมเนียมทกุ ประการ” การที่จะทําให้กําลังพลของกองทัพบกตระหนัก ยึดมั่นอุดมการณ์ของกองทัพบก และ พระบรมราโชวาท ดังกลา่ วนั้น หน่วยทุกระดบั ของกองทพั บกต้องยดึ ถอื กฎ ระเบยี บ ข้อบังคบั สายการบังคับบัญชา และฝึกอบรมกําลังพลให้ เป็นผู้มีกําลังกายแข็งแรง มีขวัญกําลังใจเข้มแข็ง มีระเบียบวินัย มีความรู้ความเข้าใจ ยึดม่ันในอุดมการณ์รักชาติ มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตวิญญาณการเป็นทหารอาชีพ ท่ีสําคัญกําลังพลทุกคนจะต้องมีความเสียสละและยึดมั่นหลักการทํางาน ในแนวทางเดียวกัน โดยอุทิศตน เพอื่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ อย่างแทจ้ ริง กองทัพบกได้เห็นความสําคัญการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ให้กําลังพลมีอุดมการณ์เป็นไปในแนวทาง เดียวกนั จึงไดอ้ อกคาํ สง่ั ทบ. ที่ ๖๖/๒๕๕๑ ลง ๒๕ ก.พ.๕๑ และคําส่ัง คณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ ทหารของกองทัพบก ที่ ๑/๒๕๕๑ ลง ๑๘ ส.ค.๕๑ โดยมีคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหาร ของกองทัพบก และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก เพื่อรับผิดชอบงานที่ ได้รับ การแบ่งมอบจากคณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก ๕ คณะอนุกรรมการ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหาร คณะอนุกรรมการพัฒนารักษาขวัญ คณะอนุกรรมการ รกั ษาวนิ ัย คณะอนกุ รรมการพฒั นาคุณธรรม และคณะอนกุ รรมการประเมนิ ผล กองทัพบกได้กําหนดมาตรการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก ซึ่งประกอบด้วย ๑ มาตรการหลกั เพอื่ ดาํ เนนิ การปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารโดยตรง ด้วยวิธีการต่างๆ กับกําลังพลกลุ่มเป้าหมาย และ ๓ มาตรการเสริม เพ่ือดําเนินการด้านการพัฒนารักษาขวัญ ด้านการรักษาวินัย และด้านการพัฒนาคุณธรรม เพื่อ เสรมิ การปฏิบัตติ ามมาตรการหลกั สําหรบั มาตรการเสริมด้านการพัฒนาคณุ ธรรม กองทัพบกไดม้ อบให้กรมยทุ ธศึกษาทหารบก เป็นหน่วยรับผิดชอบ ดําเนินการด้านการพัฒนาคุณธรรม โดยมี รองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก เป็นประธานอนุกรรมการ และ ผู้อํานวยการกอง อนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ เพ่ือกําหนดแนวทางการปฏิบัติ อํานวยการ ประสานงาน กํากับดูแล ในเรื่องการพัฒนาคุณธรรม ให้กับกําลังพล ของกองทัพบกทุกนายยึดหลักคุณธรรมในด้านต่างๆ มา เป็นแนวทางในการดําเนินชีวิตอย่างเหมาะสม สร้างความสงบสุขให้เกิดข้ึนกับตนเอง ครอบครัว สังคม หน่วยงานและ ประเทศชาติ และเกิดจิตสํานึกในการเทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซ่ึงสถาบันหลักของชาติ ตลอดจนดํารงรักษาไว้ซ่ึงพระบรม เดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์ มิให้ผู้ใดล่วงละเมิดได้ และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และแสดงออกให้ เป็นท่ีปรากฏในทุกโอกาสอันควร โดยยึดถือนโยบายการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก พ.ศ.๒๕๕๑ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และแบบสรุปผลการประเมินการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก ด้าน การพัฒนาคณุ ธรรม ตามหนงั สอื ยศ.ทบ.ท่ี กห ๐๔๖๑/๒๖๓๙ ลง ๒๖ พ.ค.๕๓ เป็นแนวทางหลักในการดําเนินการพัฒนา คุณธรรมทหาร

๖๗ ๒. คณะอนกุ รรมการพฒั นาคณุ ธรรม ๒.๑ รอง จก.ยศ.ทบ. ประธานอนุกรรมการ ๒.๒ เสธ.ยศ.ทบ. รองประธานอนกุ รรมการ ๒.๓ ผแู้ ทน ทภ.๑ อนกุ รรมการ ๒.๔ ผแู้ ทน ทภ.๒ อนุกรรมการ ๒.๕ ผแู้ ทน ทภ.๓ อนุกรรมการ ๒.๖ ผแู้ ทน ทภ.๔ อนกุ รรมการ ๒.๗ ผแู้ ทน นสศ. อนกุ รรมการ ๒.๘ ผแู้ ทน พล.ปตอ. อนุกรรมการ ๒.๙ ผแู้ ทน พล.ร.๑๑ อนุกรรมการ ๒.๑๐ ผแู้ ทน พล.ม.๒ รอ. อนกุ รรมการ ๒.๑๑ ผแู้ ทน พล.ป. อนกุ รรมการ ๒.๑๒ ผแู้ ทน ขกท. อนกุ รรมการ ๒.๑๓ ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ. อนุกรรมการและเลขานกุ าร ๒.๑๔ รอง ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ. อนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๓. หนา้ ทแี่ ละความรบั ผิดชอบของคณะอนกุ รรมการพฒั นาคณุ ธรรม ๓.๑ กําหนดแนวทางการปฏิบตั ิ อาํ นวยการ และประสานงาน ๓.๒ กํากับการในเรื่องการพัฒนาคุณธรรม ให้กําลังพลทุกนายยึดหลักคุณธรรมในด้านต่างๆ มาเป็นแนวทางใน การดํารงชวี ิตทัง้ ในด้านสว่ นตวั และหนา้ ทกี่ ารงาน ๔. วตั ถุประสงค์การพฒั นาคุณธรรมของกองทัพบก ๔.๑ เพ่ือให้ส่วนราชการของ ทบ. ตง้ั แตร่ ะดบั กองพนั ข้ึนไป และ นขต.ทบ. มีแนวทางการดําเนินการที่ชัดเจนใน การปลกู ฝังและสรา้ งเสรมิ อุดมการณท์ หาร ดา้ นการพัฒนาคุณธรรมให้กับกาํ ลังพลในสังกดั ๔.๒ เพื่อให้กําลังพลทุกนายยึดม่ันในอุดมการณ์ความเป็นทหารอาชีพและยึดหลักคุณธรรม๘ ประการ มาเป็น แนวทางในการดํารงชีวิตทั้งในด้านส่วนตัว หน้าท่ีการงาน และปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง ที่ดีต่อส่วนรวม เพื่อสร้างความสงบสุข ให้เกดิ ขึน้ กบั ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน หนว่ ยงาน กองทัพ และประเทศชาตใิ นที่สุด ๔.๓ เพื่อให้กองทัพบกเป็นสถาบันหลักที่สร้างศรัทธาและเชื่อมั่นแก่ประชาชน และปลูกจิตสํานึกในการเทิดทูนและ พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ ตลอดจนดํารงรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์มิให้ผู้ใดล่วงละเมิด ได้ มีความจงรักภักดตี ่อสถาบันพระมหากษตั รยิ ์ และแสดงออกใหเ้ ปน็ ที่ปรากฏในทุกโอกาส ๕. กล่มุ เปา้ หมาย ๕.๑ บคุ คลที่เตรยี มเขา้ มาปฏบิ ัติราชการใน ทบ. ๕.๒ กาํ ลงั พลทแ่ี รกเรมิ่ เข้ามาปฏบิ ตั ริ าชการใน ทบ. ๕.๓ กาํ ลังพลท่ีเข้ามาปฏิบตั ิราชการใน ทบ. แล้ว ๕.๔ บุคคลอน่ื ท่ีมีส่วนเกยี่ วขอ้ งหรือสนบั สนนุ การปฏบิ ัติราชการใน ทบ. ๖. แนวทางการพัฒนาคณุ ธรรม

๖๘ คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรม ได้ใช้แนวทางการพัฒนาคุณธรรมตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ๘ ประการ และตามนโยบายที่กองทัพบกกําหนดมาเป็นหลักในการดําเนินการ โดยยึดถือแผนการปลูกฝังและสร้างเสริม อุดมการณ์ทหารของ ทบ. ประจําปี ๒๕๕๕ ตามที่ ผบ.ทบ. อนุมัติท้ายหนังสือ กพ.ทบ. ที่ กห ๐๔๐๑/๓๘๒๐ ลง ๒๗ ธ.ค. ๕๔ เรอ่ื ง รายงานผลการดาํ เนินการ ตามนโยบายการปลกู ฝังและสร้างเสรมิ อุดมการณท์ หารของ ทบ. ดงั น้ี ๖.๑ ความจงรกั ภกั ดตี อ่ สถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ๖.๒ ความเสยี สละ ๖.๓ ความรบั ผิดชอบต่อหน้าท่ี ๖.๔ ความพอเพียง ๖.๕ ความสามคั คี ๖.๖ ความสุขของผคู้ รองเรอื น ๖.๗ การอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหาร ๖.๘ การปฏิบตั ธิ รรม (จติ ภาวนา) ๗. วิธีดําเนนิ การด้านการพฒั นาคุณธรรม ๗.๑ ความจงรกั ภกั ดีต่อสถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ๗.๑.๑ การจัดให้มีการศึกษาอบรมและเพ่ิมพูนความรู้ ด้านประวัติศาสตร์ชาติไทยประวัติศาสตร์ พระพุทธศาสนา พระราชประวัติพระมหากษัตริย์ไทยท้ังในอดีตและปัจจุบัน เช่น การอบรม การจัดทัศนศึกษา การจัด นิทรรศการ การจัดฉายภาพยนตร์ การจัดทําเว็บไซต์ทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น เพ่ือปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ให้เกิด ความรัก เคารพ เทดิ ทูน และรซู้ ง้ึ ถึงคุณคา่ ยง่ิ ของสถาบันหลกั ของชาติที่มอิ าจแยกออกจากกันได้ ๗.๑.๒ การจัดโครงการหรือกิจกรรมเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อให้กําลังพล และครอบครัวแสดงออกถึงความจงรักภักดีและเกิดจิตสํานึกในการปกป้อง พิทักษ์ และรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติด้วย เลือดเนอื้ และชีวิตของตน ดังน้ี ๗.๑.๒.๑ ความจงรักภกั ดีต่อสถาบันชาติ ๗.๑.๒.๑.๑ การจัดห้องเกียรติศกั ด์ิหรือหอ้ งพิพธิ ภณั ฑข์ องหน่วย ๗.๑.๒.๑.๒ การสืบสานและอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมไทยและเอกลักษณ์ของชาติไทย เชน่ ประเพณสี งกรานต์ เขา้ พรรษา ลอยกระทง การใชภ้ าษาไทย เปน็ ตน้ ๗.๑.๒.๑.๓ การร้องเพลงชาติ การปฏิญาณตนหลังเคารพธงชาติ การร้องเพลง ใน ลกั ษณะท่ีเกย่ี วขอ้ งกับชีวิตการเป็นทหารอาชพี หรือร้องเพลงปลกุ ใจรักชาตติ ่างๆ ๗.๑.๒.๑.๔ การกระทําสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล และการปฏิบัติตนตามคํา ปฏิญาณต่อธงชยั เฉลมิ พลอยา่ งต่อเนอื่ ง ด้วยวิธีการตา่ งๆ ใหก้ บั กาํ ลงั พลทุกระดับ ๗.๑.๒.๑.๕ การจดั ป้ายขอ้ ความและสอื่ ตา่ งๆ เพื่อรณรงคแ์ ละ ปลกุ จิตสาํ นกึ รักชาติ และ พรอ้ มที่จะปกป้อง พิทักษ์และรักษาไวซ้ ง่ึ สถาบันหลักของชาติ ๗.๑.๒.๑.๖ การประดับธงชาติ ธงธรรมจักร และธงสัญลักษณ์เกี่ยวกับสถาบัน พระมหากษตั รยิ ์ ๗.๑.๒.๒ ความจงรกั ภักดตี ่อสถาบันพระพทุ ธศาสนา

๖๙ ๗.๑.๒.๒.๑ การสอนวชิ าการศาสนาและศีลธรรมในหลักสูตรตามแนวทางการรับราชการ ของ ทบ. และ กอศจ.ยศ.ทบ. ๗.๑.๒.๒.๒ การจัดกิจกรรมวันสาํ คัญทางพระพุทธศาสนา เช่นทําบุญตักบาตร รักษาศีล ปฏิบัติธรรม เวียนเทียนประทักษิณ ปฏิบัติศาสนพิธี ประดับธงธรรมจักร จัดนิทรรศการ ประกวดโต๊ะหมู่บูชาและการสวด มนต์สรรเสริญพระรัตนตรยั การเขา้ ค่ายคุณธรรม เป็นตน้ ๗.๑.๒.๒.๓ การถวายความอุปถัมภ์และทํานุบํารุง เช่น บริจาคเงินเพื่อการกุศลผ้าป่า/ กฐินฯ กจิ กรรม ๑ กองพนั ๑ วัด พฒั นาจติ เปน็ ต้น ๗.๑.๒.๒.๔ การสืบต่ออายุของพระพุทธศาสนา ด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของความเป็น พทุ ธศาสนกิ ชนท่ีดี และสนับสนุนส่งเสริมด้านปริยัติธรรม ปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาของกําลังพลและครอบครัว เช่น การจัดการเรียนการสอนและสอบธรรมสนามหลวง โรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ บวชเนกขัมมะ/บวชชีพราหมณ์ การบรรพชาและอปุ สมบท เปน็ ต้น ๗.๑.๒.๓ ความจงรกั ภักดีตอ่ สถาบันพระมหากษตั ริย์ ๗.๑.๒.๓.๑ การปฏิบัติธรรมและการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหา มงคลวนั เฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ ๗.๑.๒.๓.๒ การจัดกจิ กรรมเฉลิมพระเกยี รติและถวายเป็นพระราชกุศลเน่ืองในวันเฉลิมพระ ชนมพรรษาฯ เช่น การทําบุญตักบาตร ไหว้พระสวดมนต์ ปฏิบัติธรรมถวายเป็น พระราชกุศล, การลงนามถวายพระพรชัย มงคล, การปฏิญาณตนเป็นข้าราชการที่ดีและเป็นพลังแผ่นดิน, ปลูกต้นไม้ตามโครงการ พลิกฟ้ืนผืนป่าด้วยพระบารมี, การ บริจาคโลหิต, การจดั ทาํ ส่อื เผยแผ่พระราช-ประวตั ิและพระราชกรณยี กิจ, การเดิน-วิง่ เฉลิมพระเกยี รติ เปน็ ต้น ๗.๑.๒.๓.๓ การจัดที่บูชาประจํากองร้อย ให้ถูกต้องเหมาะสมตามท่ีทบ. กําหนด เพื่อ เฉลมิ พระเกยี รติและถวายเป็นพระราชกศุ ล ๗.๑.๒.๓.๔ การไหว้พระสวดมนต์อธิษฐานจิต ถวายเป็นพระราชกุศล วันเฉลิมพระ ชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทุกวันราชการ เวลา ๐๘๓๐ ตลอดเดือนธนั วาคม และสงิ หาคมของทกุ ปี ๗.๑.๒.๓.๕ การปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศล ของพลทหารกองประจําการ หลงั จากไหว้พระสวดมนตป์ ระจาํ วนั ทุกคนื เวลา ๒๐๓๐ ๗.๒ ความเสยี สละ ๗.๒.๑ การบริจาคเงินและสิ่งของเพ่ือสาธารณกุศลให้กับวัด บ้าน โรงเรียน หน่วยงานและองค์กรการกุศล ตา่ งๆ เช่น ผ้าป่าฯ/กฐนิ ฯ อุปกรณ์การศึกษา/กีฬา การพัฒนาสงิ่ แวดล้อมและบําเพญ็ สาธารณประโยชน์ เปน็ ต้น เพ่อื กาํ จดั ความเหน็ แกต่ วั ปลกู ฝงั ความเสียสละและเสรมิ สร้างความรรู้ ักสามัคคตี ่อกัน ๗.๒.๒ การช่วยเหลือและบําบัดทุกข์ผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ เช่น อุทกภัย วาตภัยอัคคีภัย ภัยแล้ง อุบัตเิ หตุ เป็นตน้ เพ่ือปลูกฝังความมนี ้าํ ใจเอื้อเฟื้อเผอ่ื แผ่และชว่ ยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากหรือผู้ที่ด้อยโอกาส เพื่อให้กองทัพบก เป็นทีย่ อมรับ เชอื่ ม่ันของประชาชน ๗.๒.๓ การพฒั นาหน่วย เขตสขุ าภิบาลและสิง่ แวดลอ้ ม ด้วยความเสยี สละตามทไี่ ดร้ ับ การแบง่ มอบพ้นื ที่ใหด้ าํ เนินการ เพอื่ ให้เห็นถึงความรบั ผิดชอบและเสียสละตอ่ ส่วนรวมของกาํ ลงั พล

๗๐ ๗.๒.๔ การบริจาคโลหิตเพื่อสภากาชาดไทย การอุทิศร่างกายและชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ เพ่ือพิทักษ์รักษา อธิปไตยและเอกราชของชาตไิ ทย ตลอดจนปลูกฝงั ให้เหน็ คุณคา่ ของความเสียสละ และเกิดความภาคภูมิใจในการเสียสละสิ่ง ทมี่ ีคุณค่านอ้ ยเพือ่ รกั ษาไว้ซ่งึ สงิ่ ทมี่ คี ุณค่ามากกวา่ ๗.๒.๕ การจัดสวัสดิการและบํารุงขวัญของหน่วย เช่น พบปะเยี่ยมเยียน มอบทุน การศึกษา ค่า รักษาพยาบาล มอบของขวัญรางวัล/โล่/เกียรติบัตร การจัดหางานให้พลทหารกองประจําการ เป็นต้น เพื่อให้เห็นถึงความ เสียสละและการเอาใจใส่ดูแลของผู้บังคับหน่วย ทมี่ ีตอ่ กาํ ลังพลและครอบครวั ของหน่วย ๗.๓ ความรบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ที่ ๗.๓.๑ จัดกําลังพลเข้ารับการฝึกศึกษาตามวงรอบ และตามท่ีหน่วยมีความคิดริเริ่มอย่างเพียงพอต่อการ ปฏิบัติหน้าที่ เพ่ือให้กําลังพลเป็นผู้ท่ีมีทักษะความรู้มีความริเริ่มและมีการตัดสินใจท่ีถูกต้องรวดเร็วมีคุณธรรมจริยธรรมและ จิตวิญญาณการเป็นทหารอาชีพ มีเกียรติยศและศักด์ิศรี มีความรู้ความสามารถทั้งในงานตามหน้าท่ีและก้าวทัน วิทยาการที่ทันสมัย มีความตระหนักในความเป็นทหารของชาติและเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น การฝึก ชกท. การเพ่มิ พนู วิทยฐานะการจดั การเรียนการสอนเฉพาะหนา้ ที่ภายในหน่วย (Unit school) การฝึกตามวงรอบหน่วย เป็น ต้น ๗.๓.๒ การจดั ทาํ ห้องเกยี รตศิ กั ดิ์หรอื ห้องพิพธิ ภณั ฑ์ และบนั ทกึ ประวตั ิศาสตร์ เกย่ี วกบั วีรกรรมของกําลัง พลที่ปฏิบัติหนา้ ทด่ี ว้ ยความเสียสละและกล้าหาญ เพื่อเป็นสถานที่รวบรวมประวัติศาสตร์ที่นํามาซ่ึงความภาคภูมิใจของกําลัง พลและครอบครัว และประกาศเกียรติคุณให้เปน็ ทีป่ รากฏตอ่ สาธารณชน ยกยอ่ งเทดิ ทูน และเปน็ ทเ่ี คารพของบคุ คลทัว่ ไป ๗.๓.๓ การคดั เลือกและยกย่องกําลังพลดีเด่น ด้านการฝึกศึกษาและปฏิบัติหน้าท่ี ในท่ีตั้งปกติและปฏิบัติ ราชการสนามใหเ้ ป็นทปี่ รากฏต่อกําลังพลและครอบครัว ตลอดจนประชาชนท่วั ไป เชน่ ประกาศยกย่อง มอบใบประกาศเกียรติคุณ มอบของขวัญรางวัล บําเหน็จความดีความชอบ เป็นต้น เพื่อกระตุ้นให้กําลัง พลมีความมุ่งม่ัน และเกิดขวัญกําลังใจในการปฏิบัติหน้าที่จนเกิดความสําเร็จลุล่วงและเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานและ สว่ นรวม ๗.๓.๔ จัดทําสถิติทหารกระทําความผิดและปฏิบัติหน้าที่ย่อหย่อน บกพร่อง ละท้ิง หรือทุจริตต่อหน้าท่ี เช่น ด้ือรั้น ผิดวินัย ขาดหนี การทําผิดกฎหมาย ประพฤติทุจริตและคอร์รัปช่ัน เป็นต้น สําหรับเป็นข้อมูลให้ผู้บังคับบัญชา ดําเนินการควบคุม กํากับดูแลและหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมหรือลงโทษตามฐานของความผิด เพื่อป้องกันมิให้ กําลงั พลกระทําผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ได้ปรับปรุงเปล่ียนแปลงพฤติกรรม และปฏิบัติตนเป็นข้าราชการ ท่ีดขี องแผน่ ดนิ ตลอดจนลงโทษกําลังพลทีก่ ระทําผิดร้ายแรงมใิ หใ้ ชต้ าํ แหนง่ หน้าท่ีของตนกระทําความเสียหายต่อหน่วยและ สว่ นรวมตอ่ ไป อนั เป็นการป้องกันมใิ หค้ นชั่วมีอาํ นาจและส่งเสริมคนดีใหม้ โี อกาสทาํ หนา้ ทีท่ ดแทนต่อไป ๗.๔ ความพอเพยี ง ๗.๔.๑ การจัดกําลังพลและครอบครัวเข้ารับการอบรม ศึกษาดูงาน และฝึกปฏิบัติตามแนวปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงท้ังในท่ีตั้งหน่วยและนอกหน่วยเพ่ือให้กําลังพลและครอบครัวมีความรู้ความเข้าใจและเกิดแรงจูงใจในการ นําแนวความคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ และสามารถนํามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดําเนินชีวิตของตนได้ ต่อไป ๗.๔.๒ การจัดโครงการและกิจกรรมสนับสนุนและส่งเสริมการดําเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั ให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม เช่น ปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกพืชเศรษฐกิจ ไร่นาสวน ผสม เล้ยี งสตั ว์ เป็นต้น

๗๑ ๗.๔.๓ การรณรงค์ลด ละ เลิก อบายมุข เพ่ือลดรายจ่าย เพ่ิมรายเหลือและ เพื่อสุขภาพที่ดี มีความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของกําลังพลและครอบครัว ตลอดจนเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่และดําเนินชีวิตด้วย ความสุขและประสบความสําเร็จในชีวิต เช่น การฝึกอบรมเพิ่มเติมความรู้ให้เห็นโทษและพิษภัยของอบายมุข การควบคุม กํากับดูแลเก่ียวกับการจําหน่วยบุหรี่,สุราให้เป็นไปตามกฎหมายหรือระเบียบของหน่วย การรณรงค์ลด ละ เลิก บุหร่ีเหล้า เข้าพรรษา การกวดขนั มิใหเ้ ล่นการพนนั และกระทําสิง่ ผดิ กฎหมาย การบําบดั และฟืน้ ฟสู ุขภาพผ้ตู ดิ ยาเสพติด เป็นต้น ๗.๔.๔ การจัดผลกําไรของกองทุนชุมชนหรืองบประมาณของหน่วยให้การสนับสนุนและส่งเสริมด้านการ ฝึกวชิ าชีพ การศึกษาและพัฒนาชุมชนทหารภายในหน่วย เพื่อให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมและสร้างความเจริญรุ่งเรืองภายในชุมชน ของตน ๗.๕ ความสามัคคี ๗.๕.๑ การรณรงค์สร้างความสามัคคีและความปรองดองของคนในชาติ การสร้างจิตสํานึกอุดมการณ์รักชาติ และยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ด้วยการจัดกิจกรรมสร้างความเข้าใจ และทัศนคติที่ดีให้เกิดความสํานึกในหน้าที่ในการให้การสนับสนุนความร่วมมือร่วมใจและรู้จักให้อภัยกัน เพ่ือความสงบ เรียบร้อยภายในประเทศ เช่น การรณรงค์ให้ปฏิบัตติ ามแนวพระราชดํารัส “รูร้ กั สามคั คี” เปน็ ต้น ๗.๕.๒ จดั โครงการและกจิ กรรมสนับสนุนและส่งเสริมให้กาํ ลังพล ครอบครัว และชุมชนท่ัวไปเกิดความรัก สามัคคีและพร้อมที่จะดําเนินชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและให้อภัยต่อกัน เช่น แข่งขันกีฬา พบปะเยี่ยมเยียน ทัศนศึกษา และการบันเทงิ การจดั สวสั ดกิ าร เป็นตน้ ๗.๕.๓ การประชุมประจาํ เดอื นของหน่วยและเขา้ ร่วมประชุมกบั หนว่ ยงานอน่ื เพ่ือความเข้าใจอันดีต่อกัน และรบั ทราบข้อมูลเก่ียวกับการส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีมีความสมานฉันท์ และร่วมกันหาแนวทางป้องกันและแก้ไขเหตุท่ี ก่อใหเ้ กิดความแตกสามคั คี ๗.๕.๔ การสร้างความสมั พันธ์อันดกี ับชมุ ชนและจดั ชดุ เกาะตดิ สถานการณ์ เพ่ือทําความเข้าใจและรณรงค์ ใหก้ าํ ลังพล ครอบครวั และประชาชน ได้มสี ว่ นรว่ มและทํากิจกรรมเสรมิ สร้างความรักความสามัคคีรว่ มกัน เช่น การมีส่วนร่วม อนุรักษ์และสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทย การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ การพัฒนาชุมชน การจัดชุดเกาะติดสถานการณ์ เป็นต้น ๗.๖ ความสุขของผู้ครองเรือน คือความสุขอันชอบที่ผู้ครองเรือนควรมีและควรขวนขวายให้มีอยู่ในตนเสมอ มี ๔ ประการ ดังน้ี ๗.๖.๑ สุขเกิดจากการมีทรัพย์ การจัดโครงการและจัดกิจกรรมสนับสนุนและส่งเสริมการประกอบอาชีพ เสริมเพิ่มรายได้ให้กําลังพลและครอบครัวในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน เช่น ตัดเย็บเสื้อผ้า ทําเครื่องประดับตกแต่ง ไม้ดอกไม้ ประดบั สินค้าและผลติ ภณั ฑ์ OTOP เปน็ ต้น เพือ่ ลดรายจา่ ย เพ่มิ รายเหลอื มคี วามเปน็ อยทู่ ด่ี ีและไมม่ หี นีส้ ินลน้ พ้นตัว ๗.๖.๒ สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์บริโภค การจัดอบรมและรณรงค์ให้รู้จักประหยัดอดออมและบริหาร ทรัพย์ตามแนวคําสอนของพระพุทธศาสนาโดยยึดหลักโภคอาทิยธรรมคือประโยชน์ที่ควรถือเอาจากการใช้จ่ายโภคทรัพย์ ๕ ประการ คอื ๗.๖.๒.๑ เลี้ยงตน เล้ียงมารดาบิดา เลยี้ งครอบครัว เลีย้ งผใู้ ต้บังคบั บญั ชาให้เป็นสุข ๗.๖.๒.๒ เลี้ยงเพื่อนฝูงให้เป็นสุข ๗.๖.๒.๓ บําบดั ป้องกันภยันตราย ๗.๖.๒.๔ ทําพลกี รรม (สละเพือ่ ชว่ ยเหลือหรือบชู า) ๕ อยา่ ง ดังน้ี

๗๒ ๗.๖.๒.๔.๑ การสงเคราะหญ์ าติ ๗.๖.๒.๔.๑ การตอ้ นรับแขก ๗.๖.๒.๔.๑ การทาํ บญุ อทุ ศิ ให้ผ้ตู าย ๗.๖.๒.๔.๑ การเสียภาษีอากร ๗.๖.๒.๔.๑ การทาํ บุญอุทิศใหเ้ ทวดา ๗.๖.๒.๕ ทําทานในสมณพราหมณ์ผู้ประพฤติชอบ (การทําบุญตักบาตรพระสงฆ์ สนับสนุนและ ส่งเสรมิ บคุ คลผู้ประพฤตดิ มี ีศีลธรรม) ๗.๖.๓ สุขเกดิ จากความไมเ่ ป็นหนี้ ๗.๖.๓.๑ การตรวจสอบการกู้เงินที่ก่อให้เกิดหน้ีสินล้นพ้นตัวของกําลังพล จนอาจส่งผลกระทบ และทําให้เกดิ ความเสยี หายต่อการปฏิบตั ิหน้าท่ีและต่อหน่วย ในรูปแบบของการจัดต้ังคณะกรรมการตรวจสอบการกู้เงินของ หนว่ ย เพ่ือหาแนวทางแก้ไขและช่วยเหลือให้กําลังพลมี หน้ีส้ินลดลงและหมดหน้ีในที่สุด เช่น การตรวจสอบการกู้เงินทั้งใน ระบบและนอกระบบ รวมทั้งความสามารถในการชําระหน้ีของกําลังพล การจัดทําสถิติและประวัติของกําลังพลที่มีเงินเหลือ ไมถ่ งึ หนงึ่ ในสามของเงนิ รายได้ประจาํ เดือน การให้ความช่วยเหลอื และบรรเทาความเดือดร้อนแก่กําลังพลผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เปน็ ต้น ๗.๖.๓.๒ การส่งเสริมให้กําลังพลและครอบครัวจัดทําบัญชีครัวเรือนของตนเพ่ือตรวจสอบรายรับ- รายจ่าย และวางแผนในการใช้จ่ายทรัพย์มิให้เกินรายรับประจําเดือนของตนและป้องกันมิให้ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยจนเกิน ฐานะและเป็นผู้ทีม่ ีหนี้สนิ ล้นพน้ ตัว ๗.๖.๔ สขุ เกิดจากการประกอบการงานท่ีปราศจากโทษ จัดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยา เสพติดให้โทษ เพ่ือควบคุมกํากับดูแลและจัดหามาตรการป้องกันมิให้กําลังพลและครอบครัวประพฤติทุจริตหรือเกี่ยวข้องกับ ส่ิงเสพติดให้โทษ กระทําผิดกฎระเบียบของหน่วยและกฎหมายบ้านเมือง เช่น การอบรมช้ีแจง รายงานสถิติทหารกระทํา ผิดประจําเดือน การจัดชุดระวังป้องกันการกระทําผิด การตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด การบําบัดและการฟ้ืนฟูผู้ติดยาเสพ ติด การจดั ต้งั หนว่ ยทหารสขี าว เป็นตน้ ๗.๗ การอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหาร จัดโครงการและกิจกรรมส่งเสริมให้กําลังพลและครอบครัวมีโอกาส ได้รับการศึกษาและอบรมในโอกาสสําคัญ เพ่ือปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมในจิตใจ ให้ละชั่ว กระทําความดี และฝึกจิตให้ บริสทุ ธ์ิผ่องใส ดังนี้ ๗.๗.๑ การอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหาร (ยามปกติ) ประจําเดือน หน่วยจัดให้มีการอบรมศีลธรรม วฒั นธรรมทหารประจําเดือนทุกเดอื นๆ ละ ๑ คร้ัง โดยใช้หัวข้อธรรมที่ ยศ.ทบ. กําหนดให้ และปฏิบัติตามระเบียบกรมยุทธ ศึกษาทหารบก ว่าด้วยการอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหาร(ยามปกติ) พ.ศ.๒๕๔๙ ลง ๒๒ ธ.ค.๔๙ อย่างต่อเน่ือง โดยให้ หน่วยออกคําสั่งการอบรมศีลธรรมวัฒน-ธรรมทหาร ส่งใบบันทึกยอดผู้เข้ารับการอบรม สมุดบันทึกการอบรม รายงานผล การอบรมศลี ธรรมฯ และรายงานสถติ ิทหารกระทาํ ความผิดประจาํ เดอื นให้หน่วยเหนอื ทราบทุกเดอื น ๗.๗.๒ การสอนวิชาการศาสนาและศีลธรรมในหลักสูตรตามแนวทางรับราชการ การอบรมและเพิ่มพูน ความรูด้ ้านศาสนพธิ ี พิธกี ร พธิ ีกรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละวัฒนธรรมไทยของ ทบ. และของหน่วย ๗.๗.๓ การอบรมคุณธรรมทหารใหม่ การประกอบพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะของทหารใหม่ และอบรม ครูฝกึ ทหารใหม่ หนว่ ยออกคาํ สั่ง ดาํ เนนิ การ และรายงานผลการอบรมคุณธรรมทหารใหม่ การประกอบพธิ ีแสดงตนเป็นพทุ ธ มามกะสําหรบั ทหารใหม่ และอบรมคุณธรรมครูฝึกทหารใหม่ให้หน่วยเหนอื ทราบทุกผลดั

๗๓ ๗.๗.๔ การจัดกิจกรรมธรรมสัญจรของอนุศาสนาจารย์ และการอบรมชี้แจงพลทหารกองประจําการ หน่วยออกคําสั่งและจัดอนุศาสนาจารย์บรรยายธรรมหรือพบปะเย่ียมเยียนกําลังพล ณ ท่ีรวมพลหน้าแถว หน่วยงานและ ชมุ ชนทหาร ตลอดจนจดั ผบู้ งั คบั บัญชาอบรมพลทหารกองประจําการ ก่อนการไหวพ้ ระสวดมนต์กอ่ นนอนตาม รปจ. ๗.๗.๕ การจัดโครงการหรือกิจกรรมพบกันวันพระ เช่น การไหว้พระสวดมนต์ทําบุญตักบาตร ปฏิบัติ ธรรม ประดับธงธรรมจกั ร - ธงชาติ - ธงตราสญั ลักษณ์ เปน็ ต้น ๗.๗.๖ การจัดทําสื่อธรรมะและติดต้ังป้ายข้อความสําหรับเผยแผ่และส่งเสริมให้กําลังพลและครอบครัวได้รับ ความรู้ความเข้าใจและสามารถนําไปประยุกต์ในชีวิตประจําวันได้ เช่น พุทธศาสน-สุภาษิต ข้อคิดคติธรรม พระราชดํารัส พระบรมราโชวาท นิทรรศการ เสยี งตามสาย สถานวี ิทยุและโทรทัศน์ เปน็ ตน้ ๗.๗.๗ การจัดทําสมุดบันทึกความดี หน่วยส่งเสริมให้กําลังพลบันทึกความดีท่ีได้เข้าร่วมโครงการหรือ กิจกรรมด้านการพัฒนาคุณธรรม ๘ ประการ โดยเร่ิมท่ีพลทหารกองประจําการทุกนายและขยายผลถึงกําลังพลและ ครอบครัวในโอกาสต่อไป ๗.๘ การปฏิบัติธรรม หน่วยจัดให้กําลังพลและครอบครัวได้มีโอกาสปฏิบัติธรรม ตามแนวการปฎิบัติธรรมสม ถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานทางพระพุทธศาสนาตามท่ี ทบ. หรือหน่วยจัดดําเนินการ เพื่อพัฒนาและยกระดับจิตใจให้ เกิดความสะอาด สว่าง สงบ และเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริงตามสัจธรรมของพระพุทธเจ้า และสามารถกําจัดทุกข์และแก้ไข ปัญหาชีวิตด้วยสติปญั ญาของตนได้อยา่ งเหมาะสมถกู ต้อง ดังนี้ ๗.๘.๑ การปฏิบัตธิ รรมในหลักสตู รการพฒั นาบุคลากรของ ทบ. ๗.๘.๒ การปฏิบตั ิธรรมในโครงการปฏบิ ัติธรรมในเทศกาลเขา้ พรรษาของ ทบ. ๗.๘.๓ การปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติของ ทบ. เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหามหา ราชนิ ี และ ๕ ธนั วามหาราช และในโอกาสอ่นื ๆ ๗.๘.๔ การปฏิบัติธรรมของหน่วย หน่วยเหนอื หรือร่วมกบั หน่วยงานและองคก์ รอนื่ ๆ ๗.๘.๕ การเข้ารว่ มโครงการบรรพชาอุปสมบทของ ทบ. หน่วยเหนอื ๗.๘.๖ การไหวพ้ ระสวดมนต์และปฏบิ ัติธรรมกอ่ นปฏบิ ัตงิ าน ณ หนา้ แถวทรี่ วมพลของหนว่ ย ๗.๘.๗ การไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนและการปฏิบัติธรรม ของพลทหารกองประจําการ หลังจากการไหว้ พระสวดมนต์ก่อนนอนประจาํ วนั ๘. การรายงานผลดา้ นการพัฒนาคุณธรรม ให้คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรมของหน่วยรายงานผลตามนโยบายการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ ทหารของ ทบ. ด้านการพัฒนาคุณธรรม โดยผ่านอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรม ตามสายการบังคับบัญชา ปีงบประมาณละ ๒ หว้ ง ดงั น้ี ๘.๑ หน่วยระดับ กองพนั รายงานภายใน วนั ที่ ๒๕ ม.ี ค. และ ๒๕ ก.ย. ของทกุ ปี ๘.๒ หน่วยระดับ กรม รายงานภายใน วนั ท่ี ๑ เม.ย. และ ๑ ต.ค. ของทุกปี ๘.๓ หน่วยระดบั กองพล รายงานภายใน วันท่ี ๕ เม.ย. และ ๕ ต.ค. ของทุกปี ๘.๔ หน่วยระดบั กองทัพภาค และ นขต.ทบ. รวบรวมและรายงานถึง ยศ.ทบ. (ผ่าน กอศจ.ยศ.ทบ.) ภายในวันท่ี ๑๐ เม.ย. และ ๑๐ ต.ค. ของทุกปี

๗๔ ๘.๕ ยศ.ทบ. (กอศจ.ยศ.ทบ.) รวบรวมและสรุปผลรายงานเพ่ือนําเรียนประธานกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริม อุดมการณ์ทหารของกองทัพบก (ผช.ผบ.ทบ.สายงานกําลังพล) ก่อนสรุปนําเรียนให้ ผบ.ทบ. ทราบต่อไป ภายใน ๒๐ เม.ย. และ ๒๐ ต.ค. ของทกุ ปี ๘.๖ ให้หน่วยจัดทําภาคผนวกรายละเอียดของกิจกรรมพร้อมภาพกิจกรรม รายงานเป็นรูปเล่มเอกสารและลง ขอ้ มูลทงั้ หมดในแผน่ ซีดรี อมแนบกับภาคผนวกดว้ ย ๘.๗ ให้ผู้บังคับหน่วยเป็นผู้ลงนามในแบบรายงานผลการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของ ทบ. ด้าน การพฒั นาคณุ ธรรม ๙. การประเมนิ ผล ดาํ เนินการประเมินผลทงั้ ในระดับบุคคล หนว่ ยทหาร และ ทบ. ดงั นี้ ๙.๑ ระดับบุคคลและหน่วยทหาร ให้ดําเนินการประเมินตามสายการบังคับบัญชา และคณะอนุกรรมการ ประเมนิ ผล (จบ.) จัดชุดตรวจสอบและประเมินผลหนว่ ยตง้ั แตร่ ะดับกองพัน จนถึงระดบั นขต.ทบ. ปงี บประมาณละ ๑ ครั้ง ๙.๒ ระดับ ทบ. ให้ดําเนินการประเมินผล โดยท่ีกองทัพบกจะจัดคณะอนุกรรมการดําเนินการรับผิดชอบเป็น การเฉพาะ ๑๐. การปฏบิ ตั ิ ส่วนราชการของกองทัพบก ต้ังแต่หน่วยระดับกองพันขึ้นไปจนถึงระดับกองทัพภาค และ นขต.ทบ. ยึดถือและ เร่งรัดการดําเนินการในส่วนที่รับผิดชอบ ให้บรรลุผลในการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งให้จัดทํารายละเอียดใน การดําเนินการตามนโยบายการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก มาตราท่ี ๔ “ด้านการพัฒนา คุณธรรม” โดยกําหนด แผนงาน, โครงการ และกิจกรรมเก่ียวกับการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม ประกอบเพ่ิมเติมให้สมบูรณ์ ปรบั ปรุงให้ทนั สมัยอยู่เสมอ และรายงานผลการปฏิบัติตามวงรอบ ๖ เดือน ของปงี บประมาณตามห้วงเวลาที่ ทบ. กําหนด ๑๑. วิธดี ําเนินการ ๑๑.๑ นขต.ทบ.แต่งตั้งคณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของหน่วย ถึงระดับกองพัน (กองทพั ภาค กองพล กรม กองพนั ) ๑๑.๒ คณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของหน่วย ตามข้อ ๑๑.๑ ออกคําส่ัง แต่งตั้ง คณะอนกุ รรมการปลกู ฝงั และสรา้ งเสรมิ อุดมการณท์ หารของหน่วย ด้านการพฒั นาคุณธรรม ๑๑.๓ จัดประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรมของหน่วย เพื่อดําเนินการกําหนดแนวทาง การจัด โครงการ/กิจกรรม ด้านการพัฒนาคุณธรรมของหน่วย ตามโครงการ/กิจกรรมสนับสนุนแผนงานการปลูกฝังและสร้างเสริม อดุ มการณท์ หารของกองทพั บก มาตรการท่ี ๔ “ดา้ นการพัฒนาคุณธรรม” ให้ครบท้ัง ๘ ด้าน ๑๑.๔ ประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้กําลังพลและครอบครัว มีความเข้าใจและเห็นความสําคัญ ของการเข้าร่วม โครงการ/กจิ กรรมด้านการพฒั นาคุณธรรม และดําเนินการจัดโครงการ/กจิ กรรมต่างๆ ตามทห่ี นว่ ยกาํ หนด ๑๑.๕ หน่วยท่ีรับผิดชอบโครงการ/กิจกรรม ประสานงาน กํากับดูแล และรายงานผล เม่ือจบกิจกรรม ให้ คณะอนกุ รรมการพัฒนาคณุ ธรรมของหน่วยทราบทกุ ครงั้ ๑๑.๖ คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรมของหน่วย รายงานผลการปฏิบัติตามสายการบังคับบัญชา และ รวบรวมผลการดาํ เนินการรายงานให้ ทบ. (ยศ.ทบ.) ทราบ ตามแบบรายงานการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของ ทบ. ดา้ นการพัฒนาคุณธรรม ตามวงรอบ ๖ เดอื น ปงี บประมาณละ ๒ หว้ ง ตามข้อ ๘ ๑๑.๗ ดาํ เนนิ การประเมนิ ผลและรายงานผลการประเมิน เพ่อื ใช้เป็นขอ้ มลู ในการวิเคราะห์ ปรับปรุงและพัฒนา โครงการและกจิ กรรม ใหเ้ กดิ ความสมบรู ณแ์ ละปรบั ปรุงใหท้ นั สมยั อยู่เสมอ

๗๕ การตรวจกจิ การอนศุ าสนาจารย์ ตามระเบียบกรมยุทธศึกษาทหารบก ว่าด้วยการอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหาร (ยามปกติ) พ.ศ. ๒๕๔๙ กอง อนุศาสนาจารย์ซึ่งเป็นหัวหน้าเหล่าสายวิทยาการอนุศาสนาจารย์ จะต้องจัดส่งอนุศาสนาจารย์ ไปตรวจและให้คําแนะนํา กิจการอนุศาสนาจารย์แก่หน่วยขึ้นตรงกองทัพบกและหน่วยรอง เป็นประจําทุกปี เพียงแต่ในแต่ละปีไม่สามารถจะตรวจได้ ครบทุกหน่วย โดยตรวจเกีย่ วกับ ๑. การอบรมศลี ธรรมวฒั นธรรมทหาร ๒. การปลกู ฝงั และสร้างเสรมิ อุดมการณท์ หาร ด้านการพัฒนาคณุ ธรรม ๓. การจัดทบ่ี ชู าประจํากองรอ้ ย ๔. การไหว้พระสวดมนต์ของทหาร ๕. เอกสารหลกั ฐานในสายงานอนศุ าสนาจารย์ ๖. การปฏบิ ัตงิ านของอนุศาสนาจารย์ประจาํ หน่วย ตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ เป็นต้นมา กองทัพบก ได้มีนโยบายการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก และมีคําส่ังแต่งตั้งคณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการปลูกฝัง และสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก เพ่ือรับผิดชอบงานท่ีได้รับการแบ่งมอบจากคณะกรรมการปลูกฝังและ สร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก ๕ คณะอนุกรรมการ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริม อุดมการณ์ทหาร คณะอนุกรรมการพฒั นารักษาขวัญ คณะอนกุ รรมการรักษาวินยั คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรม และ คณะอนุกรรมการประเมินผล โดยกําหนดให้หน่วยตั้งแต่ระดับกองพันและเทียบเท่าขึ้นไป ต้องออกคําส่ังแต่งตั้ง คณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของหน่วย รวมท้ังให้จัดทําแผนงานและโครงการพัฒนา กับท้ังได้ กําหนดหวั ขอ้ ใหห้ น่วยรายงานกองทพั บก ปลี ะ ๒ คร้ัง ตามห้วงเวลาที่กองทพั บกกําหนด อนุศาสนาจารย์ มหี น้าทีแ่ ละบทบาทในการปลกู ฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหาร ด้านการพัฒนาคุณธรรม แก่กําลังพล เพ่ือสนองตอบนโยบายของกองทัพบก เพราะฉะนั้น จึงได้กําหนดหัวข้อในการตรวจกิจการอนุศาสนาจารย์ เพ่มิ ขนึ้ อกี ๑ หวั ข้อ คือ การปลกู ฝงั และสรา้ งเสริมอดุ มการณ-์ ทหาร ด้านการพัฒนาคุณธรรม บทบาทของอนุศาสนาจารยท์ ่ีจะดําเนนิ การ ก. บทบาทของกองอนุศาสนาจารย์ กรมยทุ ธศึกษาทหารบก ๑. วางแผนการตรวจกิจการอนุศาสนาจารย์ประจําปี โดยออกคําส่ังกรมยุทธศกึ ษาทหารบก ๒. เสนอของบประมาณการตรวจ ๓. ประชุมปรกึ ษาหารือในเรอ่ื งที่จะตรวจ ๔. กําหนดเน้นประเด็นสาํ คญั ทจ่ี ะตรวจในเรอื่ งเดยี วกนั ทกุ สายท่ไี ปตรวจ ๕. จดั ทําข้อมูลวา่ การตรวจหน่วยแต่ละหน่วย ไดพ้ บข้อดีและขอ้ บกพร่องในเรอ่ื งใดบ้าง ๖. นาํ ขอ้ ดีและข้อบกพรอ่ งท่ีตรวจพบตามข้อ ๕ ไปเป็นขอ้ มูลในการตรวจครัง้ ตอ่ ไปวา่ มีการปรับปรุงและพัฒนา เพมิ่ ขน้ึ อยา่ งไร ๗. กําหนดหัวข้อบรรยายแก่กําลังพลของหน่วยที่รับการตรวจ โดยดูความเหมาะสมกับสถานการณ์และการใช้ หวั ข้อธรรมท่ีเก้อื กูลกันอยา่ งไร ๘. บนั ทึกผลการตรวจไว้เป็นหลกั ฐานทีห่ นว่ ยน้นั ๆ

๗๖ ๙. ประชุมชี้แจงอนุศาสนาจารย์ในพ้ืนท่ี ในเร่ืองข้อดีและข้อบกพร่องเพื่อให้เร่งรัดการปฏิบัติงานในส่วนของ อนศุ าสนาจารย์ต่อไป ๑๐. สรุปรายงานผลการตรวจไปยงั กองทัพบก ข. บทบาทของอนุศาสนาจารย์ประจําหนว่ ย ๑. ตรวจใหค้ ําแนะนาํ แก่หนว่ ยของตน ในหัวขอ้ ท่จี ะตรวจ กอ่ นการรับการตรวจ ๒. เตรยี มเอกสาร และเรื่องท่ีจะตรวจไว้รับการตรวจใหพ้ ร้อม ๓. ประสานกบั หน่วยได้ดาํ เนนิ การในสายงานอนุศาสนาจารย์ เพื่อความสะดวกแก่ชดุ ตรวจ ๔. สรุปเร่อื งทหี่ นว่ ยได้ดาํ เนนิ การในสายงานอนศุ าสนาจารย์ เพอ่ื ความสะดวกแก่ชุดตรวจ ๕. สง่ ตารางการตรวจให้ชดุ ตรวจทราบลว่ งหนา้ ๖. ประสานให้มผี ู้นาํ ตรวจ และตดิ ตามคณะชดุ ตรวจในการตรวจหน่วยของตน ๗. ประสานการใช้ยานพาหนะนําตรวจและสง่ ชุดตรวจ ๘. ประสานกบั อนศุ าสนาจารยอ์ นื่ ตามทีเ่ ก่ียวข้อง

๗๗ การประกนั คณุ ภาพการศึกษา เพ่ือปฏิบัติตามนโยบายการศึกษาของกองทัพบกที่กําหนดให้สถาบันการศึกษา โรงเรียนหน่วยและเหล่าสาย วิทยาการ จัดให้มีการประกันคุณภาพการศึกษา โดยแยกการประกันคุณภาพการศึกษาของการศึกษาในโรงเรียนหน่วยและเหล่า สายวิทยาการให้สอดคล้องกับกองทัพมิตรประเทศ กับการศึกษาในสถาบันการศึกษาของกองทัพบก ให้สอดคล้องกับการศึกษา ของประเทศ และให้ถือว่าการประกันคุณภาพการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดําเนินการอย่าง ต่อเนื่อง และให้มีการจัดทํารายงานเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ท้ังน้ี เพ่ือนําไปสู่การพัฒนาคุณภาพและ มาตรฐานการศกึ ษา และพร้อมรับการตรวจคุณภาพการศกึ ษาจากหนว่ ยทเ่ี กี่ยวข้อง กองอนศุ าสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ถือเป็นหน่วยจัดการศึกษาของกองทัพบก มีหลักสูตรท่ีเปิดสอน จาํ นวน ๖ หลักสูตร ได้แก่ ๑. หลกั สตู รการศาสนาและศลี ธรรม ๒. หลกั สตู รการอบรมพิธีกรดา้ นศาสนาประเพณีและวัฒนธรรมไทย (ฝกึ อบรม) ๓. หลักสตู รการพฒั นาบุคลากรกองทพั บก (ฝกึ อบรม) ๔. หลกั สตู รการปฐมนเิ ทศนายทหารอนศุ าสนาจารยบ์ รรจุใหม่ ๕. หลักสตู รนายทหารอนุศาสนาจารย์ช้นั ตน้ ๖. หลกั สูตรนายทหารอนุศาสนาจารยช์ นั้ สงู ดังนั้น จึงมีภารกิจในการประเมินคุณภาพการศึกษาภายในกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก และ รับการประเมินคณุ ภาพการศกึ ษาภายในจากคณะอนกุ รรมการของกองทัพบก ทุกปภี ายใตต้ ัวบ่งช้ีและเกณฑ์การประเมินตาม ทีก่ องทัพบกกาํ หนด

๗๘ การจดั การศกึ ษา กองอนุศาสนาจารย์ ในฐานะเป็นสายวิทยาการและหน่วยจัดการศึกษาของกองทัพบก ได้พัฒนาหลักสูตร การศกึ ษา ให้มีความทันสมยั สอดคลอ้ งกับการเปลย่ี นแปลงทเ่ี ป็นไปอย่างรวดเร็ว ตามนโยบายการศึกษาของกองทัพก โดยเน้นการ เสริมสร้างประสบการณ์ในการปฏิบัติงานแก่ผู้เข้ารับการศึกษา อันจะนําไปสู่การพัฒนาบุคลากรของกองทัพบกให้มีทักษะในการคิด วิเคราะห์ และนาํ ไปใชใ้ นการวางแผนและแก้ปัญหา อันจะเปน็ ประโยชน์ตอ่ กองทัพบกต่อไป มีหลักสูตรดงั นี้ ๑. หลักสูตรวิชาการศาสนาและศลี ธรรม มีรายละเอยี ดดังน้ี ก. หลกั สตู ร : วชิ าการศาสนาและศีลธรรม หมายเลขหลกั สตู ร 16 - ง - ฉ.1 ข. ความมุ่งหมาย : เพอื่ ใหผ้ ู้สําเร็จการศกึ ษาหลักสตู รน้ี 1. มคี วามรู้เกยี่ วกับหลกั การและบทบญั ญตั ขิ องศาสนาใหญ่ ๆ สามารถนําไปปฏบิ ัตติ อ่ ศาสนิก ในศาสนานนั้ ๆ ได้ถูกต้องและเหมาะสม 2. เข้าใจและซาบซ้งึ ในหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา 3. เป็นคนดี มีคุณธรรม มสี ขุ ภาพรา่ งกายแข็งแรง ค. คณุ สมบตั ิของผเู้ ขา้ รบั การศึกษา : 1. เป็นนายทหารสญั ญาบัตรหรอื นายทหารประทวน ไมจ่ ํากดั ชั้นยศ 2. เป็นขา้ ราชการกลาโหมพลเรอื นหรือลูกจ้างประจํา สงั กัดกองทัพบก 3. เป็นบคุ ลากรทหี่ น่วยงานของภาครัฐ - เอกชนฝากเข้ารบั การศกึ ษา ง. ระยะเวลาการศกึ ษา : 4 สัปดาห์ จํานวน 175 ช่วั โมง จ. ทตี่ ้ังสถานศกึ ษา : 41 กองอนศุ าสนาจารย์ กรมยทุ ธศึกษาทหารบก ถนนเทอดดาํ ริ เขตดุสติ กรุงเทพมหานคร 10300 ฉ. เนื้อหาทสี่ อน ลาํ ดบั วิชา ชว่ั โมง หนว่ ยกติ หมายเหตุ 1 ภาควชิ าการ (85) 1.1 พระพทุ ธศาสนา 15 1 1 1.2 ศาสนาทสี่ าํ คญั ในประเทศไทย 15 1 1 1.3 หลักการครองตน (ภาคศีลธรรม) 15 1 0.5 1.4 หลักการครองคน (ภาคสงั คมและการครองเรือน) 15 1.5 1.5 หลักการครองงาน (ภาคสมรรถภาพ) 15 1 1.6 ประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย 10 2 2 ภาคปฏบิ ตั ิ (81) 2.1 ศาสนพิธี 26 2.2 การไหว้พระสวดมนต์และการกลา่ วคาํ อาราธนา 20 ในพทุ ธศาสนพธิ ี 2.3 การปฏบิ ตั ิธรรมตามหลกั สตปิ ฏั ฐาน 4 35

๗๙ ลําดับ วิชา ช่วั โมง หนว่ ยกติ หมายเหตุ (8) 3 เบด็ เตลด็ 5- 1.5 - 3.1 การดําเนินกรรมวธิ ีเปดิ -ปดิ การศึกษา 3.2 1.5 - การบรรยายพเิ ศษเก่ียวกับกฏหมายท่วั ไป, กฏหมายทหาร,กฏการใช้กําลงั ,กฏหมายความ มัน่ คง และกฏหมายสิทธมิ นษุ ยชน 3.3 การบรรยายพเิ ศษธรรมะภาคภาษาอังกฤษ 4 ความตอ้ งการกระสุนและวัตถรุ ะเบิด -- 5 ความต้องการน้าํ มันเชอ้ื เพลงิ -- 6 ความตอ้ งการเก่ยี วกับการเงิน - - รวม 175 10

๘๐ ๒. หลักสูตรการอบรมพิธีกรดา้ นศาสนาประเพณีและวัฒนธรรมไทย มีรายละเอียดดงั นี้ ก. หลักสตู ร : วชิ าการศาสนาและศีลธรรม หมายเลขหลักสูตร - ข. ความมงุ่ หมาย : เพ่ือใหผ้ สู้ าํ เร็จการศกึ ษาหลกั สตู รนี้ 1. มีความรู้ ความเข้าใจในระเบียบปฏบิ ตั ิศาสนพิธี ประเพณี และวฒั นธรรมไทยได้อยา่ งถูกตอ้ ง 2. สามารถปฏบิ ัติหน้าท่พี ธิ ีกรในงานพิธีตา่ ง ๆ เปน็ แบบฉบบั เดียวกัน ค. คณุ สมบตั ิของผู้เขา้ รับการศึกษา : 1. เป็นนายทหารประทวน ชน้ั ยศ ส.ต. – จ.ส.อ. 2. เปน็ ข้าราชการกลาโหมพลเรอื นหรือลกู จ้างประจาํ สังกดั กองทพั บก 3. เปน็ บคุ ลากรที่หนว่ ยงานของภาครัฐ - เอกชนฝากเข้ารับการฝกึ อบรม ง. ระยะเวลาการฝกึ อบรม : ๕ วัน จํานวน ๓๕ ชัว่ โมง จ. ทต่ี ัง้ สถานศึกษา : 41 กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศกึ ษาทหารบก ถนนเทอดดําริ เขตดุสติ กรงุ เทพมหานคร 10300 ฉ. เน้ือหา ลําดับ วิชา ชว่ั โมง หนว่ ยกิต หมายเหตุ 1 การปฐมนเิ ทศ 2 2 การศกึ ษา 2.1 วชิ าหลกั 20 2 1 2.1.1 ศาสนพธิ ใี นงานของทางราชการ (10) 1 2.1.2 ศาสนพิธีเกย่ี วเน่อื งกับส่วนราชการ (10) 0.25 2.2 วิชารอง 10 - - 2.2.1 ศาสนพธิ ีในวิถชี วี ิตชุมชนและครอบครวั (5) 4.25 2.2.2 ศาสนพธิ ที ่เี กี่ยวเน่ืองกบั ศาสนสถาน (5) 2.3 วชิ าประกอบ 5 2.3.1 ประเพณเี ทศกาลสาํ คญั ของชาติ (3) 2.3.2 วฒั นธรรมไทย (2) 3 เบด็ เตลด็ 7 3.1 การดําเนนิ กรรมวิธีเปดิ -ปิดการศึกษา (4) 3.2 เวลาผู้บังคับบัญชา (3) 4 ความต้องการกระสุนและวตั ถรุ ะเบิด (ตอนที่ 5) - เว้น 5 ความต้องการน้าํ มันเชอ้ื เพลิง (ตอนที่ 6) - 6 ความต้องการเก่ยี วกับการเงิน (ตอนท่ี 7) - รวม 35

๘๑ ๓. หลักสตู รการอบรมสําหรบั พัฒนาบคุ ลากรกองทพั บก มีรายละเอยี ดดังน้ี ก. หลกั สูตร : การพฒั นาบคุ ลากรกองทัพบก หมายเลขหลกั สตู ร 16 - ง - ฉ.1 ข. ความมุ่งหมาย : เพือ่ ให้ผสู้ าํ เรจ็ การศึกษาหลกั สูตรนี้ ๑. มีความรู้ ความเข้าใจในหลักธรรมทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั การปฏบิ ัตจิ ติ ภาวนาสามารถพฒั นาจิต ของคนใหม้ ีคุณภาพ พร้อมทีจ่ ะปฏิบัตหิ น้าทอ่ี ย่างมปี ระสิทธิภาพและสามารถฝกึ จิตใหร้ ู้จกั หยดุ ในเวลาที่ควรหยุด ร้จู ักยง้ั คิด ระงบั หรอื ขม่ อารมณ์ได้ ๒. มคี วามหนกั แน่นม่ันคง รู้เทา่ ทันกระแสโลกและกระแสธรรม ๓. สามารถประพฤตติ นให้เป็นแบบอยา่ งและเป็นประโยชน์ต่อกองทัพบก สงั คม และประเทศชาติ ค. คุณสมบัตขิ องผู้เขา้ รบั การอบรม : 1. เป็นนายทหารสญั ญาบตั รหรือนายทหารประทวน ไมจ่ าํ กดั ชัน้ ยศ ๒. เปน็ ขา้ ราชการกลาโหมพลเรือนและลกู จา้ งประจํา สังกดั กองทพั บก ๓. ประชาชนท่ัวไป และครอบครวั ของกองทพั บก ง. ระยะเวลาการฝึกอบรม : ๗ วัน (รวมเสาร์ – อาทิตย)์ จํานวน ๗๘ ชวั่ โมง จ. ท่ีตั้งสถานศกึ ษา : ๑. 41 กองอนุศาสนาจารย์ กรมยทุ ธศกึ ษาทหารบก ถ.เทอดดําริ ดสุ ิต กทม. 10300 ๒. ศูนยพ์ ัฒนาจติ ใจกําลังพลกองทพั บก วดั อมั พวัน อําเภอพรหมบรุ ี จงั หวัดสิงหบ์ ุรี ๓. สาํ นกั ปฏบิ ัตธิ รรมประจาํ จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา แหง่ ที่ ๑๕ วัดตาลเอน อาํ เภอบางปะหนั จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา ฉ. เนือ้ หา ลาํ ดับ วิชา ชั่วโมง หน่วยกติ หมายเหตุ (21) S/U 1 ภาควชิ าการ 1.1 บุพภาคของการอบรม 5 - สมถกมั มัฎฐาน และวปิ ัสสนากมั มฎั ฐาน 5 S/U 1.2 พื้นฐานสาํ คญั ของวปิ ัสสนากมั มัฎฐาน 5 1.3 อารมณ์ของวปิ ัสสนากัมมัฎฐาน 5 1.4 สติปฎั ฐาน 4 1- 1.5 สอบอารมณก์ รรมฐาน (52) S/U 12 S/U 2 ภาคปฏบิ ตั ิ 40 S/U 2.1 บุพกจิ แห่งการปฏิบัตวิ ปิ ัสสนากัมมฎั ฐาน 2.2 การปฏิบัตติ ามหลักสตปิ ัฎฐาน

๘๒ ลําดบั วชิ า ชั่วโมง หนว่ ยกติ หมายเหตุ (5) 3 เบด็ เตลด็ 3- 1- 3.1 การดําเนนิ กรรมวธิ เี ปิด - ปิดการอบรม 3.2 การบรรยายพเิ ศษเก่ยี วกับกฏหมายทว่ั ไป,กฏหมาย 1- ทหาร,กฏการใชก้ าํ ลัง,กฏหมายความมนั่ คง และ กฏหมายสิทธมิ นษุ ยชน 3.3 การบรรยายพิเศษวิปัสสนากรรมฐานภาค ภาษาองั กฤษ 4 ความตอ้ งการกระสนุ และวตั ถรุ ะเบดิ -- 5 ความต้องการนาํ้ มันเช้ือเพลงิ -- 6 ความตอ้ งการเก่ียวกบั การเงนิ -- 78 - รวม

๘๓ ๔. หลักสตู รการการปฐมนเิ ทศนายทหารอนุศาสนาจารย์บรรจใุ หม่ มรี ายละเอียดดังนี้ ก. หลักสูตร : การปฐมนเิ ทศนายทหารอนศุ าสนาจารย์บรรจุใหม่ หมายเลขหลักสตู ร ๑๖ – ก – ฉ.๒ ข. ความมุ่งหมาย : เพ่ือให้ผสู้ าํ เรจ็ การอบรมหลักสูตรนี้ ๑. มีอุดมการณค์ วามรักและศรัทธาในวิชาชพี อนศุ าสนาจารย์ ตระหนักและยดึ มน่ั ในจรรยาบรรณ ของอนุศาสนาจารย์ ๒. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในการปฏิบัติงานของอนศุ าสนาจารยใ์ นหน่วยระดบั กรม และจังหวดั ทหารบก ๓. มีระเบยี บวินยั และปฏบิ ตั ติ นเหมาะสมกบั ความเปน็ นายทหารสัญญาบัตร ๔. มีความเปน็ ผู้นําทีด่ ี มคี ุณธรรม ๕. มีความรู้ในวชิ าการพืน้ ฐานของทหารแต่ละเหล่า ค. คุณสมบัติของผู้เข้ารับการอบรม : ๑. เป็นอนุศาสนาจารย์ทหารบกทไี่ ดร้ บั การบรรจุใหม่ ชั้นยศ ร.ต.- ร.ท. ๒. เปน็ ขา้ ราชการกลาโหมพลเรอื น (สญั ญาบัตร) ของกองทพั บกทบ่ี รรจใุ หมใ่ นตําแหนง่ อนุศาสนาจารย์ ๓. เป็นนายทหารประทวนท่เี ลอื่ นฐานะเปน็ นายทหารสญั ญาบัตรในตาํ แหน่งอนุศาสนาจารย์ ๔. เป็นนายทหารการศาสนาและวัฒนธรรมท้องถนิ่ ทไ่ี ดร้ ับการบรรจใุ หม่ ง. ระยะเวลาการอบรม : ๔ สปั ดาห์ จาํ นวน ๑๔๐ ช่ัวโมง จ. ท่ตี ัง้ สถานอบรม : กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ถนนเทอดดําริ เขตดสุ ติ กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๐๐ ฉ. เน้อื หา ลําดับ วชิ า ชว่ั โมง หนว่ ยกติ หมายเหตุ ๑. วิชาหลัก (๕๖) (๔) ๑.๑ การอนุศาสนาจารย์ ๗ ๑.๒ วาทศาสตร์ ๑๐ ๑.๓ การอบรม ๗ ๑.๔ การแก้ปญั หารายบุคคล ๔ ๑.๕ ศาสนพธิ แี ละพิธีกรรม ๗ ๑.๖การพัฒนาจติ เบอื้ งตน้ ๒๑ ๒. วชิ ารอง (๔๒) (๓) ๒.๑ การเยยี่ มบํารุงขวญั ทหารปว่ ย ๗ ๒.๒ หลกั การสอน ๗ ๒.๓ พทุ ธปรชั ญา ๗ ๒.๔ ระเบยี บงานสารบรรณ ๑๐ ๒.๕ ระเบียบแบบธรรมเนียม ๖ ๒.๖ ทหารท่ัวไป ๕

๘๔ ลําดับ วชิ า ชว่ั โมง หนว่ ยกติ หมายเหตุ ๓. วชิ าประกอบ (๒๘) (๒) ๑๐ ๓.๑ การจัดฝ่ายอาํ นวยการ ๗ ใช้เวลานอก ๓.๒ เหล่าทหาร ๗ เว้น ๓.๓ กฎหมายเกี่ยวกับทหารและมารยาท ทหาร ๔ ๙ ๓.๔ การขา่ วเบื้องตน้ (๑๔) ๔ เบด็ เตลด็ ๙ ๔.๑ เวลาดาํ เนินกรรมวิธี ๕ ๔.๒ เวลาผู้บงั คบั บญั ชา ๔.๓ พลศึกษา - ๕ ความต้องการกระสุนและวัตถรุ ะเบดิ ๖ ความต้องการนํ้ามันเชื้อเพลงิ : ตอนท่ี ๖ ๑๔๐ ๗ ความต้องการเกีย่ วกับการเงนิ : ตอนท่ี ๗ รวม

๘๕ ๕. หลักสูตรนายทหารอนุศาสนาจารย์ช้นั ต้น มรี ายละเอยี ดดังน้ี ก. หลักสูตร : นายทหารอนุศาสนาจารย์ชน้ั ต้น หมายเลขหลักสูตร 16 - ก - ล. 1 หมายเลข ชกท. 5310 ข. ความมงุ่ หมาย : เพือ่ ให้ผู้สาํ เร็จการศึกษาหลักสตู รนี้ 1. มคี วามรู้ ความเข้าใจการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี ตามภารกจิ ของนายทหารอนุศาสนาจารย์ระดับกรม 2. มีความรู้ ความเขา้ ใจการปฏบิ ัติหนา้ ท่ตี ามภารกจิ ของ ทบ. 5 ประการ ไดแ้ ก่ การป้องกนั ประเทศ, การรกั ษาความม่นั คงภายใน, การรักษาความสงบเรยี บรอ้ ยภายในประเทศ การพัฒนาประเทศ เพ่ือความมน่ั คง และการปฏิบัติภารกจิ อื่น ๆ ทางทหาร ทไ่ี มใ่ ช่การสงคราม 3. เปน็ ผูน้ าํ ทด่ี ี มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม มอี ุดมการณค์ วามรกั ชาติ ศาสนาและพระมหากษตั รยิ ์ มสี ุขภาพร่างกายแขง็ แรง ค. คณุ สมบัตขิ องผู้เข้ารบั การศกึ ษา 1. เป็นนายทหารสัญญาบัตรชน้ั ยศ ร.ต. - ร.ท. 2. นายทหารสญั ญาบตั รต่างเหลา่ ทัพ ชนั้ ยศ ร.ต. - ร.ท. 3. รับราชการเปน็ นายทหารสญั ญาบตั รมาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่า 1 ปี ง. ระยะเวลาการศกึ ษา 13 สัปดาห์ จาํ นวน 455 ชว่ั โมง จ. ท่ตี งั้ สถานศกึ ษา : 41 กองอนุศาสนาจารย์ กรมยทุ ธศึกษาทหารบก ถนนเทอดดาํ ริ เขตดุสติ กรงุ เทพมหานคร 10300 ฉ. เนื้อหา ลาํ ดบั วชิ า ช่วั โมง หน่วยกิต หมายเหตุ 1. การปฐมนิเทศ (11) (1) 2 1.1 การอนศุ าสนาจารย์ 2 1.2 ศาสนพธิ ี 2 1.3 วาทศาสตร์ 2 1.4 การอบรม 2 1.5 วิปสั สนากรรมฐาน 1 1.6 สอบ (248) (17) 2. วชิ าหลกั 2.1 กลุ่มวชิ าการอนุศาสนาจารย์ 7 0.5 28 2 2.1.1 การอนุศาสนาจารย์ 24 2 2.1.2 ศาสนพธิ ีและพธิ กี รรม 7 0.5 2.1.3 วาทศาสตร์ 7 0.5 2.1.4 การอบรม 2.1.5 การแก้ปญั หารายบคุ คล

๘๖ ลําดบั วชิ า ช่วั โมง หนว่ ยกติ หมายเหตุ 2.1.6 การเยย่ี มบํารุงขวญั ทหารป่วย 7 0.5 2.1.7 การสอนวิชาศาสนาและศลี ธรรม 14 1 ใน รร.เหลา่ สายวิทยาการ 2.1.8 การเผยแผ่ธรรมะผา่ นสอ่ื ฯ 14 1 2.1.9 การปลกู ฝังอดุ มการณท์ หาร 7 0.5 2.1.10 ศาสนาเปรียบเทยี บ 7 0.5 2.1.11 พุทธปรชั ญา 7 0.5 2.1.12 วิปสั สนากรรมฐาน 35 2 2.2 กลุม่ วชิ าเหล่าสารบรรณ 2.2.1 ระเบยี บงานสารบรรณ 14 1 2.2.2 ระเบียบแบบธรรมเนยี ม 14 1 2.2.3 ธุรการกําลังพล 7 0.5 2.3 กลมุ่ วิชาฝา่ ยอาํ นวยการ 2.3.1 พน้ื ฐานการจัดฝ่ายอาํ นวยการ 7 0.5 2.3.2 การกําลงั พล 7 0.5 2.3.3 การขา่ วกรอง 7 0.25 2.3.4 ยุทธการและการฝกึ 7 0.5 2.3.5 การส่งกาํ ลงั บาํ รงุ 7 0.25 2.3.6 การกจิ การพลเรอื น 7 0.5 2.3.7 ปลดั บัญชี 7 0.5 3. วิชารอง (113) (7) 3.1 กลมุ่ วิชาเหลา่ ทหาร 3.1.1 ทหารราบ 7 0.5 3.1.2 ทหารมา้ 7 0.5 3.1.3 ทหารปืนใหญ่ 7 0.5 3.1.4 ทหารช่าง 4 0.25 3.1.5 ทหารส่อื สาร 4 0.25 3.1.6 ทหารสารบรรณ 4 0.25

๘๗ ลาํ ดบั วชิ า ชั่วโมง หน่วยกติ หมายเหตุ 4 0.25 3.1.7 ทหารการเงิน 4 0.25 4 0.25 3.1.8 ทหารขนสง่ 4 0.25 3.1.9 ทหารเรือ 7 0.25 7 0.5 3.1.10 ทหารอากาศ 7 0.5 3.2 กล่มุ วชิ าทหารท่ัวไป 4 0.25 4 0.25 3.2.1 แผนท่ี 7 0.5 3.2.2 การจัดการฝึก 8 0.5 8 0.5 3.2.3 การป้องกันและปราบปรามการ ก่อ 4 0.25 4 0.25 ความไม่สงบ 2 S/U 2 S/U 3.2.4 การตอ่ ต้านการก่อการรา้ ย (57) (2) 20 1 3.2.5 กระสนุ และวัตถุระเบิด 15 1 4 S/U สาํ หรบั หนว่ ยใช้ 4 S/U 2 S/U 3.2.6 การรกั ษาความปลอดภยั 4 S/U 3.2.7 ผนู้ ําหนว่ ย 3.2.8 การบรรยายสรปุ /ศพั ทท์ หาร/ การอา่ นควบกล้ํา/ครทู หาร และการฝึกทเ่ี นน้ ผลการปฏบิ ตั ิ 3.2.9 การบิน ทบ. 3.2.10 กฎหมายทหาร 3.2.11 การต่อสูเ้ บ็ดเสรจ็ 3.2.12 สงครามนวิ เคลยี ร์-ชีวะ-เคมี 4. วชิ าประกอบ 4.1 ภาษาอังกฤษ 4.2 คอมพวิ เตอร์เบื้องตน้ 4.3 การปลกู ฝังอุดมการณแ์ ละความรกั ชาติ 4.4 สิทธมิ นุษยชนขั้นพนื้ ฐานฯ 4.5 เอดสศ์ กึ ษาและยาเสพตดิ 4.6 ประวตั ศิ าสตร์

ลาํ ดบั วิชา ๘๘ 4.7 ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 4.8 พื้นฐานการวิจัย ช่วั โมง หนว่ ยกติ หมายเหตุ 4 S/U 5. เบด็ เตลด็ 4 S/U 5.1 การดาํ เนินกรรมวิธีเปดิ -ปดิ การศึกษา (26) - 5.2 เวลาผบู้ งั คบั บญั ชา 8- รวม 18 - 455 27

๘๙ ๖. หลักสูตรนายทหารอนุศาสนาจารย์ช้ันสูง มีรายละเอียดดังนี้ ก. หลกั สตู ร : นายทหารอนุศาสนาจารยช์ ้นั สูง หมายเลขหลักสตู ร 16 - ก - ล. 2 หมายเลข ชกท. 5310 ข. ความม่งุ หมาย : เพื่อใหผ้ สู้ ําเร็จการศกึ ษาหลักสูตรน้ี 1. มีความรู้ ความสามารถปฏบิ ตั หิ น้าที่ ตามภารกิจของนายทหารอนุศาสนาจารย์ ระดบั กองพล และกองทพั 2. ใหข้ ้อเสนอแนะผบู้ งั คบั หน่วย และสามารถกํากบั ดแู ลการปฏิบตั ิหน้าทข่ี องอนศุ าสนาจารย์หน่วยรอง ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 3. มคี วามรู้ ความเข้าใจหน้าทต่ี ามภารกิจของ ทบ. 5 ประการ ไดแ้ ก่ การปอ้ งกันประเทศ, การรกั ษาความมั่นคงภายใน, การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การพัฒนาประเทศ เพื่อความม่นั คง และการปฏบิ ัตภิ ารกิจอื่น ๆ ทางทหาร ที่ไมใ่ ช่การสงคราม 4. เป็นผ้นู ําท่ดี ี มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม มอี ุดมการณ์ความรกั ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริย์ มีสขุ ภาพร่างกายแขง็ แรง ปฏิบัติหนา้ ท่ตี ามภารกจิ ทีไ่ ดร้ ับมอบหมายได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ค. คณุ สมบัติของผ้เู ข้ารบั การศึกษา 1. เป็นนายทหารสญั ญาบัตร เหล่า สบ. ชนั้ ยศ ร.ท.-ร.อ. 2. สาํ เร็จการศกึ ษาหลักสตู รนายทหารอนศุ าสนาจารยช์ ัน้ ตน้ หรือเทยี บเทา่ 3. นายทหารสญั ญาบัตรตา่ งเหลา่ ทพั ทสี่ ําเรจ็ ชั้นนายรอ้ ย หรอื เทียบเท่า ง. ระยะเวลาการศกึ ษา 15 สัปดาห์ จาํ นวน 525 ชว่ั โมง จ. ทตี่ ั้งสถานศกึ ษา 41 กองอนุศาสนาจารย์ กรมยทุ ธศึกษาทหารบก ถนนเทอดดาํ ริ เขตดุสติ กรงุ เทพมหานคร 10300 ฉ. เนอื้ หา ลําดบั วชิ า ชัว่ โมง หน่วยกติ หมายเหตุ 1. การปฐมนเิ ทศ (11) (1) 1.1 พระไตรปฎิ กศึกษา 2 1.2 พุทธปรชั ญา 2 1.3 ศาสนพธิ ีและพิธีกรรม 2 1.4 การพัฒนาจติ 2 1.5 ศาสนาเปรียบเทียบ 2 1.6 สอบ 1 (259) (18) 2. วชิ าหลกั 154 11 2.1 กลุ่มวชิ าการอนศุ าสนาจารย์ 56 4 2.2 กลมุ่ วิชาเหลา่ สารบรรณ 49 3 2.3 กลุ่มวิชาฝา่ ยอาํ นวยการ

๙๐ ลาํ ดบั วิชา ช่ัวโมง หน่วยกิต หมายเหตุ (137) (9) 3. วิชารอง 65 4.25 3.1 กลมุ่ วชิ าเหลา่ ทหาร 3.2 กลมุ่ วิชาทหารทวั่ ไป 7 0.5 3.2.1 แผนท่ี 7 0.5 3.2.2 การจัดการฝึก 7 0.5 3.2.3 การปอ้ งกนั และปราบปรามการก่อ ความไมส่ งบ 4 0.25 3.2.4 การตอ่ ตา้ นการก่อการรา้ ย 4 0.25 3.2.5 การต่อสู้เบ็ดเสร็จ 4 0.25 3.2.6 สงครามนิวเคลยี ร์-ชวี ะ-เคมี 4 0.25 3.2.7 กระสุนและวัตถุระเบิดสําหรบั หน่วยใช้ 7 0.5 3.2.8 การรกั ษาความปลอดภัย 8 0.5 3.2.9 ผ้นู ําหน่วย 8 0.5 3.2.10 การบรรยายสรปุ /ศพั ท์ทหาร/ การอ่านควบกลา้ํ ครทู หารและ 4 0.25 การฝกึ ทีเ่ นน้ ผลการปฏบิ ัติ 4 0.25 3.2.11 การบนิ ทบ. 4 0.25 3.2.12 กฎหมายทหาร (59) (2) 3.2.13 การกาํ ลงั สาํ รอง 20 1 15 1 4. วิชาประกอบ 4 S/U 4.1 ภาษาองั กฤษ 4 S/U 4.2 คอมพวิ เตอร์ 4 S/U 4.3 การปลกู ฝงั อุดมการณแ์ ละความรกั ชาติ 4 S/U 4.4 สิทธิมนุษยชนข้ันพนื้ ฐานฯ 4 S/U 4.5 เอดสศ์ ึกษาและยาเสพติด 4 S/U 4.6 ประวตั ศิ าสตร์ 4.7 ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 4.8 พืน้ ฐานการวิจยั

๙๑ ลาํ ดบั วชิ า ช่ัวโมง หนว่ ยกติ หมายเหตุ 5. การศกึ ษาภาคปฏบิ ตั นิ อกทตี่ งั้ และดูงาน (35) (1) 6. เบด็ เตลด็ (24) 6.1 การดาํ เนินกรรมวิธีเปดิ -ปิดการศกึ ษา 8 6.2 เวลาผ้บู ังคบั บัญชา 16 7. ความต้องการกระสนุ และวตั ถุระเบดิ 8. ความตอ้ งการนา้ํ มนั เชือ้ เพลงิ 525 31 9. ความต้องการเกย่ี วกบั การเงนิ รวม

๙๒ กระบวนการการใหค้ ําแนะนาํ งานหน่ึงที่เก่ียวพันอยู่กับการหน้าที่ของอนุศาสนาจารย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือการให้คําแนะนําโดยพ้ืนฐาน เดิม อนุศาสนาจารย์ ไม่ได้ศึกษาวิชาการให้คําแนะนําโดยตรง แม้จะศึกษาการแก้ปัญหารายบุคคลในหลักสูตรนายทหาร อนุศาสนาจารย์ชั้นต้น และชั้นสูงมาบ้าง ก็เป็นการศึกษาภาพรวม ไม่ได้เจาะลึกในทฤษฎีและกฎเกณฑ์อย่างแท้จริง อีก ส่วนหนึ่ง อนุศาสนาจารย์ย่อมได้ศึกษามาบ้างในหลักสูตรทางด้านวิชาครู เก่ียวกับการแนะแนว การสัมภาษณ์ ซึ่งมีส่วนใช้ เก้ือกูลกนั ได้ในการให้คําแนะนาํ คณุ วุฒิของผทู้ ่ีจะเข้ามารบั ราชการเป็นอนศุ าสนาจารย์ กาํ หนดผู้สําเร็จการศึกษาเปรียญธรรม ๙ ประโยค หรือจบ ปริญญาทางศาสนาจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ ซ่ึงเป็นผู้ได้คุณวุฒิเปรียญตั้งแต่ ๔ - ๙ ประโยค ย่อมถือว่ามีคุณวุฒิเพียงพอที่จะให้ คําแนะนําได้ อีกประการหนึ่ง หลักคําสอนในพุทธศาสนาเพียบพร้อมไปด้วยคําแนะนํา และการให้คําแนะนําท่ีพระพุทธองค์ และพระสงฆส์ าวกในอดตี ไดก้ ระทําเป็นตัวอย่างไว้แล้วในหนังสือพุทธประวัติเล่ม ๑-๓ หนังสือพุทธานุพุทธประวัติ (อนุพุทธะ ๘๐ องค์) และในหนังสือธัมมปทัฏฐกถา ๘ ภาค เช่น เร่ิมต้นตั้งแต่การให้คําแนะนําแก่พระยสกุลบุตร ภัททวัคคีย์ ๓๐ คน เปน็ ตน้ ลว้ นเป็นการยืนยันได้วา่ อนุศาสนาจารยย์ ่อมเป็นผ้ใู ห้คาํ แนะนําได้ ๑. คุณสมบัติสําคัญของอนุศาสนาจารยผ์ ใู้ หค้ ําแนะนํา คอื ๑.๑ ต้องมีความรู้ จติ วิทยามลู ฐาน หรอื จิตวทิ ยาท่วั ไป ๑.๒ ต้องมคี วามรทู้ างสงั คมวิทยา โดยเฉพาะอย่างยง่ิ เก่ยี วกับสถาบนั ทางสงั คม ๑.๓ ต้องเข้าใจการจดั หน่วย การบงั คับบัญชา สายการบังคับบญั ชาของหน่วยน้ันๆ ๑.๔ มีบุคลกิ ภาพในการรับฟงั ผอู้ ื่นและมีความสนใจในผอู้ น่ื ๑.๕ มีพลังทางศลี ธรรมในตนสงู ๑.๖ มีศรทั ธาม่ันคงต่องานและภารกิจ ๑.๗ เปน็ ผ้ทู ่สี ามารถรอคอยและยืดหยุน่ ได้ ๑.๘ เป็นผ้มู ีอารมณ์ขัน ๑.๙ เปน็ ผมู้ ลี กั ษณะเช่ือมประสานและกลมกลืนกบั ผ้อู ่ืนได้ ๑.๑๐ เปน็ ผมู้ ขี ้อมูล และปัจจยั ต้นเหตุของข้อมูล ๑.๑๑ มีวุฒภิ าวะในการแยกแยะ ๑.๑๒ มจี ิตเมตตาปรารถนาดเี ปน็ พนื้ ฐาน ๑.๑๓ มีวิสยั ทัศนใ์ นการคาดการณ์ และส่งิ บอกเหตุ ๑.๑๔ เป็นผสู้ ามารถดาํ รงคณุ ธรรมและมโนธรรมของตนได้ ๒. วัตถปุ ระสงค์ของการให้คาํ แนะนํา ๒.๑ เพ่อื พฒั นาทัศนคตขิ องผู้รับคําแนะนํา ๒.๒ เพื่อให้ผ้รู ับคาํ แนะนาํ เช่ือมัน่ ในศกั ยภาพของตน ๒.๓ เพอ่ื ให้ผรู้ ับคําแนะนาํ ไดร้ บั ความพึงพอใจ ๒.๔ เพอื่ ป้องกนั ปัญหาทางลบในตวั บุคคล ๒.๕ เพอ่ื ให้ผรู้ บั คาํ แนะนาํ แกป้ ญั หาด้วยตนเองตลอดไป ๓. ปญั หาทีอ่ นุศาสนาจารยจ์ ะต้องพบในกระบวนการการให้คาํ แนะนาํ ๓.๑ ปญั หาทางศีลธรรม

๙๓ ๓.๒ ปัญหาเกี่ยวกับเสถยี รภาพทางอารมณ์ ๓.๓ ปญั หาเกย่ี วกับความผดิ หวังในงานและอาชพี ๓.๔ ปัญหาความถดถอยด้านขวัญและกําลังใจ ๓.๕ ปญั หาทางกายภาพและจิตภาพ ๓.๖ ปญั หาความคบั แค้นขมขนื่ อนั เนื่องมาจากความอยุตธิ รรม ๓.๗ ปัญหาการปรบั ตวั เขา้ กบั ระเบยี บวนิ ยั ไม่ได้ ๓.๘ ปัญหาความวติ กกังวลและระแวงในความผิดท่ีตนกระทํา ๓.๙ ปัญหาสว่ นตัว ปัญหาครอบครวั ปัญหาการงาน ปัญหาการเงนิ และปญั หาสงั คม ๔. ความซบั ซ้อนของปัญหาท่อี นศุ าสนาจารยต์ ้องเผชญิ ในกระบวนการการให้คาํ แนะนาํ ๔.๑ มาตรฐานรายได้ของบุคคล ไม่สามารถจะนํามาเป็นเคร่ืองกําหนดกับสถานภาพของบุคคลได้เสมอไป เช่น บุคคลมีสถานภาพทางยศเป็นจ่าสบิ เอก นา่ จะจบั จา่ ยใชส้ อยอยา่ งจ่าสิบเอก แตใ่ นความเป็นจริงอาจมีปจั จยั อนื่ เป็นตวั แปร ให้ เขาใช้จ่ายมากกว่าฐานะของจ่าสิบเอก เพราะมีปริมาณบุคคลในครอบครัวมากเกินไป เช่น มีบุตรธิดา ๗ คน มีมารดาบิดาแก่ ชราต้องเลี้ยงดู มีน้องภรรยาหรอื น้องของสามีมาอยใู่ นอปุ การะ ๔.๒ เกณฑ์อายุของบุคคลในครอบครัวก็เป็นสาเหตุให้ใช้จ่ายต่างกัน แม้ปริมาณบุคคลเท่ากัน สมาชิกของ ครอบครัวกําลังศึกษาในสถานศึกษาระดับอนุบาล ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ย่อมมีความ แตกตา่ งในการใชจ้ า่ ย ๔.๓ แม้ท่ีตั้งของที่อยู่อาศัย กับท่ีตั้งของสถานศึกษา ท่ีตั้งของสํานักงานที่ใกล้และไกลต่างกันก็เป็นปัจจัยแห่ง การใชจ้ า่ ยทีต่ ่างกนั ๔.๔ การเจ็บปว่ ยของสมาชกิ ภายในครอบครวั ท่แี ตกตา่ งกนั แมม้ ปี ริมาณท่เี ทา่ กันและ มีสถานภาพทางสังคม เทา่ กัน กเ็ ป็นปจั จยั แห่งการใช้จา่ ยท่แี ตกตา่ ง การใช้จ่ายท่แี ตกต่างย่อมนําไปส่ปู ญั หาท่แี ตกตา่ งและมากนอ้ ยกวา่ กัน ๔.๕ สถานะเดิมของครอบครัวในด้านทรัพย์สิน เป็นปัจจัยสําคัญมีผลกระทบต่อครอบครัวแต่ละครอบครัว แม้ สถานภาพของหวั หนา้ ครอบครวั จะเทา่ กัน (คอื การมาจากครอบครัวท่ีมคี วามแตกต่างในทางเศรษฐกิจ) ๔.๖ อาชีพของสมาชิกในครอบครัว และรวมทั้งรายได้ของสมาชิกอ่ืน ๆ ในครอบครัวก็เป็นปัจจัยให้เกิดความ แตกต่างในด้านความเพียงพอและความขาดแคลนของครอบครัวได้อกี ส่วนหนึ่ง ๔.๗ ความรัก ความซ่ือสัตย์ ความไว้วางใจ ความหวาดระแวง ความม่ันคง ความไม่ม่ันคงทางอารมณ์และ รายได้ ความขัดแย้งและทะเลาะวิวาท ของสมาชิกในครอบครัวมีส่วนเป็นตัวเสริม และตัวทําลายความม่ันคง ความไม่ม่ันคง ความมีพลัง และความขาดพลังของครอบครวั ไดท้ ง้ั น้ัน ๔.๘ ความซับซ้อนแห่งปัญหาของผู้ติดสุรา เหตุผลท่ีทําให้ติดสุราก็มีมากหลาย เช่น ติดเพราะความกลัด กลมุ้ ผดิ หวงั ติดเพราะความหลงระเรงิ มัวเมา ติดเพราะจิตใจขาดความแข็งแรงทางศีลธรรม จริยธรรม เพราะความขัดแย้งใน ครอบครวั เปน็ ตน้ ในจํานวน ผู้ติดสุรา บางคนประเมินตัวเองว่าไม่สามารถเลิกได้ บางคนถ้าได้รับการชักชวนและเหตุผลประกอบ จะสามารถเลิกได้ บางคนได้รับผลกระทบจากการด่ืมสุรา เช่น กระทบต่อความก้าวหน้าทางอาชีพ กระทบต่อค่าใช้จ่ายราย เดือน กระทบต่อสุขภาพ และต้องการจะเลิกดื่ม แต่ยังขาดกิจกรรม และมูลเหตุจูงใจที่จะเร่งเร้าให้หยุดการดื่ม บางคน กลัวการถกู ลงโทษ ต้องการจะหยุด บางคนเห็นโทษของการดื่มสุราอย่างแท้จริง อนุศาสนาจารย์ต้องตระหนักอยู่เสมอว่า ผู้ที่ งดเพราะกลัวถูกลงโทษ เพราะคา่ ใช้จา่ ยไม่เพยี งพอน้ัน เปน็ การงดทไี่ ม่ม่ันคง ถา้ ไม่มีผู้ลงโทษ หรือถ้ามีรายได้เพิ่มขึ้นมาก็กลับ

๙๔ ดื่มสุราอีก สําหรับผู้ท่ีงดการดื่มสุรา เพราะพิจารณาเห็นประจักษ์ว่าสมควรท่ีตนจะต้องหยุด และมองเห็นอิสรภาพความ ปลอดโปร่งทางจิตใจที่ไม่ต้องถูกครอบงําด้วยน้ําเมานั้นเป็นส่ิงที่ก่อประโยชน์โดยส่วนเดียว ย่อมเป็นผู้ที่ถูกคาดหวังว่าจะหยุด การดื่มสุราได้ถาวร เหตุผลจากความซับซ้อนของปัญหาท่ีอนุศาสนาจารย์จะต้องเผชิญในกระบวนการ การให้คําแนะนํา ตาม ตัวอย่างที่กล่าวน้ี เป็นเครื่องเตือนให้อนุศาสนาจารย์ตระหนักเป็นหลักการว่า การให้คําแนะนําไม่สามารถจะมองปัญหาเป็น จุดใดจุดหน่ึงได้ตามลําพัง สมควรท่ีจะมองปัญหาเป็นภาพรวม ทุกกรณี แม้ปัญหาของผู้รับคําแนะนําเป็นปัญหาเดียวกัน ส่วนประกอบของปัญหา สาเหตุของปัญหา ความหนักเบาของปัญหา ย่อมมีความแตกต่างซับซ้อน และเก่ียวโยงกับปัญหา อ่นื ไม่เท่ากัน ๕. การแสดงออกและบทบาทของอนศุ าสนาจารย์เมอ่ื ปฏิบัตกิ ารให้คาํ แนะนํา ๕.๑ แนวคดิ พื้นฐานของอนุศาสนาจารย์ ตอ้ งไมก่ ดดนั ให้ผรู้ ับคําแนะนาํ ร้สู ึกว่าตนมีปมดอ้ ย ๕.๒ ไม่พึงสะกดิ หรือกระทบจดุ ท่เี ป็นข้อบกพรอ่ งของผ้รู บั คาํ แนะนํา ๕.๓ ให้ผู้รบั คําแนะนํารู้สึกปลอดโปร่งเป็นอิสระขณะรบั คําแนะนํา และสนทนา ๕.๔ ตั้งใจฟงั ปญั หาดว้ ยความเคารพ ๕.๕ ฉลาดในการให้ผรู้ บั การแนะนําเปิดเผยปัญหา และความรู้สกึ อันแทจ้ รงิ ๕.๖ อยา่ ให้เขารสู้ ึกว่าถูกสอนอบรม ๕.๗ มจี ติ หวังดี และมน่ั ใจเดด็ เดีย่ วทีจ่ ะช่วยแก้ปญั หา ๕.๘ พูดแนะนาํ ในเชิงประเดน็ วา่ ปัญหาของเขาเปน็ สิง่ ท่แี ก้ไขได้ ๕.๙ แนะนําเสรมิ และใหห้ ลกั ปฏบิ ตั ทิ ีด่ ี ๕.๑๐ ดูความเหมาะสมและโอกาสทเี่ อื้ออํานวยทจี่ ะให้คําแนะนาํ ๕.๑๑ เม่ือผู้รับคําแนะนําแสดงทรรศนะถูกต้องและริเร่ิมให้รีบสนับสนุน เพื่อให้เขาได้ใช้พลังเช่นน้ันต่อเน่ืองไป และจําความริเรมิ่ ของเขาน้ีใหน้ าน เพ่ือนาํ มาเปน็ ปัจจยั กระตุ้นต่อไป ๕.๑๒ หมั่นพบปะกบั ผ้นู น้ั บอ่ ย ๆ หรอื ในสถานการณ์ท่เี ออื้ อํานวย ๕.๑๓ แม้เทคนิคทางโหราศาสตร์ก็นํามาเป็นปัจจัยเก้ือกูลต่อการให้คําแนะนํา แต่ต้องไม่ใช่ประเด็นท่ีจะให้เกิด ความงมงาย หรือความหวังในความสาํ เรจ็ ท่ปี ราศจากการกระทาํ ๕.๑๔ แมก้ ารใชต้ าํ ราดพู ระเครื่องกน็ ํามาเปน็ สอ่ื ในการใหค้ ําแนะนําได้ ๕.๑๕ หาโอกาสให้ผู้รับคําแนะนําเกิดจินตนาการ และเกิดความเช่ือม่ันใจตนเองสูง ซึ่งเป็นตัวหลักที่จะ แก้ปญั หาได้จริง และย่ังยนื ๕.๑๖ ยอมรับในเกียรตแิ ละศกั ด์ิศรขี องความเป็นมนษุ ย์ ๕.๑๗ ให้เขาได้มโี อกาสปฏิบตั ิกิจกรรมทางศาสนาด้วยตนเอง เช่น การปฏบิ ตั กิ รรมฐาน เปน็ ตน้ ๕.๑๘ ตระหนักว่า ความเพียงพอและความต่อเนื่องของการพบปะ ย่อมช่วยอนุรักษ์พฤติกรรมและหล่อเลี้ยง พฤตกิ รรมทด่ี ีของเขา ๕.๑๙ ชกั ชวนเขาในกจิ กรรมทเี่ ขาจะไดพ้ ิจารณาตวั เอง ๕.๒๐ อนศุ าสนาจารยต์ ้องปฏิบัติตนและดาํ รงความเปน็ แบบอย่างในเรอ่ื งที่แนะนาํ ๕.๒๑ อนุศาสนาจารยต์ อ้ งไม่หวงั ส่งิ ตอบแทนใดๆ และไม่พงึ รบั ส่งิ ตอบแทน ๕.๒๒ พงึ รกั ษาบคุ ลิกภาพของตนใหด้ ตี ่อเน่ือง

๙๕ ๕.๒๓ ไมค่ วรตําหนขิ ณะให้คําแนะนํา ๕.๒๔ ตอ้ งวเิ คราะหค์ วามแตกต่างท่ีเกดิ ขึ้นตลอดเวลา ๕.๒๕ ตอ้ งไมต่ ้งั คาํ ถามรกุ ต่อผรู้ ับคาํ แนะนาํ ๕.๒๖ ต้องไม่ยึดมั่นว่าปัญหาอย่างเดียวกันต้องแนะนําอย่างเดียวกัน และมิได้หมายความว่าห้ามแนะนําอย่าง เดียวกนั ๕.๒๗ อนุศาสนาจารย์ต้องตระหนักเสมอว่า ตนไม่ใช่ผู้พิพากษาที่จะตัดสินผู้ที่รับคําแนะนํา ว่าดีหรือชั่ว ผิดหรือ ถูก แตค่ วรถือว่าเปน็ ผรู้ ่วมวางแผนปฏบิ ัติ บางส่ิงบางอยา่ ง เมอ่ื คนุ้ เคยนับถอื กนั แลว้ อาจพูดกนั ตรงไปตรงมา ๕.๒๘ พงึ กระตุ้นใหเ้ ขาคน้ พบความสามารถในตวั เขาเอง ๕.๒๙ ความสาํ เร็จแห่งการปฏิบตั ิการรว่ มกัน ตอ้ งเป็นของผู้รบั คําแนะนํา มิใช่เป็นของอนุศาสนาจารย์ ๕.๓๐ การใหค้ ําแนะนาํ โดยปกตกิ ระทําหลายคร้งั ตอ่ หนึง่ กรณี ปจั จยั เวลาจึงเป็นเรือ่ งสําคัญ ท้ังอนุศาสนาจารยย์ ังตอ้ งพะรงุ พะรงั อยูก่ ับพธิ ีตา่ งๆ ซงึ่ แม้ไมใ่ ชส่ งิ่ ที่สําคัญท่ีสดุ แต่ก็เป็นส่งิ ทล่ี ะทงิ้ ไปไมไ่ ด้

๙๖ งานดา้ นศาสนาและพธิ กี าร ๑. งานที่เก่ียวขอ้ งกับศาสนาและพิธีการต่างๆ อนุศาสนาจารย์ จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในงานด้านศาสนาและพิธีการต่างๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่าง ถกู ตอ้ ง และสามารถปฏิบัติได้อย่างดี งานดังกล่าวนี้จะต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับภารกิจของหน่วย ตลอดจนระเบียบคําสั่งที่ หน่วยเหนือได้กําหนดไว้และสามารถปรับให้เกิดความเหมาะสมกับกลุ่มหรือชุมชน, สภาวการณ์หรือสภาพแวดล้อมของแต่ละ พืน้ ทท่ี ่หี นว่ ยตัง้ อยู่ ๒. ลักษณะการปฏิบตั พิ ธิ ีของอนุศาสนาจารย์ ก. งานพิธีของหน่วย อนุศาสนาจารย์จะต้องให้ข้อเสนอแนะที่ถูกต้องเหมาะสมกับงานพิธีของหน่วยในระดับ ต่างๆ และสามารถเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพิธีกรได้อย่างถูกต้อง รวมท้ังสามารถจัดบุคคลเข้าร่วมในการปฏิบัติได้อย่าง เหมาะสมดว้ ย ข. งานพิธีของกําลังพลเป็นรายบุคคล ในฐานะที่อนุศาสนาจารย์เป็นผู้นําด้านจิตวิญญาณของกําลังพลใน กองทัพ การช่วยปฏิบัติพิธีต่างๆ ให้กําลังพล จึงเป็นการเสริมสร้างขวัญและกําลังใจได้อย่างดี ดังนั้น อนุศาสนาจารย์ จะตอ้ งวา่ งเสมอสาํ หรับงานในด้านนี้ ค. งานพิธีของญาติของกําลังพล สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น ความสุขทุกข์ของญาติ ย่อมมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจของกําลังพลอย่างมาก อนุศาสนาจารย์จึงต้องหาช่องทางเข้าร่วมกิจกรรมกับบุคคลเหล่านั้น โดยเฉพาะงานท่เี กย่ี วกบั พิธีการทางด้านศาสนา ด้วยการใหข้ ้อแนะนําและปฏิบตั ิพธิ ดี ว้ ยตนเอง ง. งานพิธีของหน่วยงานหรอื ชมุ ชนอืน่ ๆ กองทัพจะสามารถปฏบิ ัติภารกิจตา่ งๆ บรรลจุ ดุ ประสงคไ์ ดน้ น้ั จาํ ตอ้ งอาศัยความร่วมมือ กับหน่วยงานหรือชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงด้วย อนุศาสนาจารย์เป็นผู้หน่ึงท่ีสามารถสร้างความสัมพันธ์ และความรู้สึกที่ดีต่อกัน ระหว่างกองทัพกับประชาชน ดังนั้น อนุศาสนาจารย์จึงพร้อมเสมอที่จะเป็นผู้แทนหน่วย ในการสร้างสัมพันธ์กับหน่วยงานหรือ ชมุ ชนนอกหนว่ ยในกิจการด้านศาสนาและพิธกี ารทันทีทมี่ กี ารรอ้ งขอจากหนว่ ยงานหรือชมุ ชนนั้นๆ ๓. งานพิธีท่อี นศุ าสนาจารย์ปฏิบัติ ๓.๑ งานพิธีของหน่วยทหาร ก. พธิ ีกระทาํ สตั ยป์ ฏิญาณตนตอ่ ธงชัยเฉลมิ พล ข. พิธวี นั สถาปนาหนว่ ย ค. พิธีในวนั สาํ คัญทางศาสนา ง. พิธีสงกรานต์ จ. พธิ ีแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะ ฉ. พธิ ีไหวค้ รู ช. พธิ ีเปิด - ปดิ การศกึ ษา ซ. พธิ ีประดับยศ ฌ. พธิ ีขอขมาลาอปุ สมบท ญ. พิธไี หว้พระสวดมนต,์ ปฏบิ ตั ธิ รรม ฎ. พธิ ีถวายกฐิน, ผ้าป่า, สังฆทาน ฏ. พิธสี ักการะสง่ิ ศกั ด์ิสทิ ธิ์ประจําหนว่ ย

๙๗ ฐ. พิธอี าํ ลาชวี ิตราชการ ฑ. พธิ ีพทุ ธาภิเษก, พิธีหลอ่ พระ ฒ. พิธศี พทหาร ณ. พธิ ีมงคลสมรส ๓.๒ งานพธิ ีทวั่ ไป ก. การต้ังชอื่ ข. พธิ ีทําบุญอายุ ค. พธิ ีทําบุญสะเดาะเคราะห์ ง. พธิ ีวางศิลาฤกษ์, พิธียกเสาเอก จ. พิธที าํ บญุ ฉลองยศ, ฉลองเครือ่ งราชอสิ ริยาภรณ์ ฉ. พธิ ีเปดิ อาคารสาํ นกั งาน ช. พิธโี กนจกุ ซ. พธิ ีทําบุญตกั บาตร ฌ. พิธีผกู พัทธสีมา ญ. พธิ ยี กช่อฟา้ ฎ. พธิ ฉี ลองพระพุทธรูป ฏ. พธิ ลี อยกระทง ------------------------

๙๘ บทท่ี ๖ การปฏิสัมพนั ธก์ ับศาสนาอน่ื ๑. กลา่ วท่ัวไป รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ ไดบ้ ญั ญตั หิ ลักการเก่ียวกับสทิ ธแิ ละเสรีภาพในการนบั ถอื ศาสนาของชนชาวไทยไวใ้ นมาตรา ๓๘ ความวา่ “บคุ คลยอ่ มมีเสรีภาพบริบรู ณใ์ นการถือศาสนา นิกายของศาสนา หรือ ลัทธนิ ยิ มในทางศาสนา และยอ่ มมเี สรภี าพในการปฏบิ ตั ติ ามศาสนบัญญตั หิ รอื ปฏิบตั พิ ิธีกรรมตามความเช่ือถอื ของตนเมื่อไม่ เปน็ ปฏิปักษ์ต่อหนา้ ท่ขี องพลเมืองและไมเ่ ป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรอื ศีลธรรมอันดขี องประชาชน ในการใช้เสรีภาพดังกล่าวตามวรรคหน่ึง บุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองมิให้รัฐกระทําการใดๆ อันเป็นการรอน สิทธิหรือเสียประโยชน์อันควรมีควรได้เพราะเหตุที่ถือศาสนา นิกายของศาสนา ลัทธินิยมในทางศาสนาหรือปฏิบัติตามศาสน บัญญตั หิ รือปฏิบตั พิ ธิ กี รรมตามความเช่อื ถอื แตกตา่ งจากบคุ คลอน่ื ” เสรีภาพในการเลือกนับถือศาสนาหรือความเชื่อ ในท่ีน้ีนั้นหมายรวมถึงเสรีภาพในการยึดม่ันศรัทธาหรือมีความ เช่ือท่ีแตกต่างจากบุคคลอ่ืนในหลักการทางศาสนาหรือความเชื่อใดๆ หรือเสรีภาพที่จะไม่นับถือศาสนาใดๆ เสรีภาพในการ นับถือศาสนาจําเป็นต้องมีเสรีภาพในการเลือกนับถือศาสนา สิทธิท่ีจะคงไว้ในความเช่ือถือศรัทธา จึงไม่มีบุคคลใดท่ีจะถูก บังคับให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่เสรีภาพในการเลือกถือศาสนาด้วยมาตรการใดๆ หรือให้นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งไม่ว่าโดย ทางตรงหรือทางออ้ ม เสรีภาพในการนับถือศาสนาในประเทศไทย มีลักษณะเช่นเดียวกันกับเสรีภาพในเร่ืองอ่ืนๆ ตามที่บทบัญญัติของ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติรับรองไว้ กล่าวคือ เสรีภาพในการนับถือศาสนา โดยเนื้อหาของการใช้เสรีภาพแล้ว เป็นเสรีภาพที่สมบูรณ์และไม่อนุญาตให้มีการจํากัดใดๆ ได้เลย รัฐหรือหน่วยงานของรัฐไม่มีอํานาจแทรกแซงเสรีภาพในการ ถอื ศาสนา รัฐธรรมนญู ฉบับปัจจุบันได้บัญญัติขยายความหมายเสรีภาพในศาสนาในรัฐธรรมนูญให้มีรายละเอียดชัดเจนขึ้น ส่งผลให้รัฐต้องอํานวยประโยชน์ให้บุคคลได้รับประโยชน์สมดังสิทธิท่ีได้รับรองไว้ และหลักการอีกประการหน่ึงคือ การใช้ เสรีภาพจะต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมือง และไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของ ประชาชนด้วย หากมีการใชเ้ สรีภาพที่ ไม่ชอบย่อมจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ นอกจากน้ีรัฐธรรมนูญยังได้วาง หลักไว้ว่าบุคคล จะไม่นับถือศาสนาใดๆ เลยก็ได้ รัฐจะบังคับให้ราษฎรนับถือศาสนาใดศาสนาหน่ึงก็ไม่ได้ และยังได้วาง หลกั ประกันความเปน็ ธรรมตอ่ บุคคลทจี่ ะไมถ่ ูกเลือกปฏิบตั อิ ยา่ งได้เปรียบหรือเสียเปรียบอันเน่ืองมาจากความเชื่อทางศาสนา ของตน โดยตั้งอยู่บนหลกั การพ้ืนฐานสองประการ คอื ประการแรก เสรีภาพในการนับถือศาสนาเป็นสิทธิธรรมชาติจะล่วงละเมิดไม่ได้ และเป็นสิทธิศักด์ิสิทธิ์ของ มนษุ ย์ทุกคนตอ้ งให้การรับรองและคุม้ ครอง ประการที่สอง เป็นหลักความจริงว่าเสรีภาพในศาสนาไม่มีใครจะใช้เสรีภาพอยู่เหนือผู้อ่ืน ทุกคนมีสิทธิและ หน้าท่ีเท่าเทียมกัน โดยรัฐจะต้องทําหน้าท่ีรักษาผลประโยชน์ของสังคมโดยรวม ถึงต้องเข้ามาจัดระเบียบการใช้เสรีภาพ ในทางศาสนาของประชาชนและป้องกันไม่ให้การใช้เสรีภาพของประชาชนคนหนึ่งกระทบกระเทือนต่อเสรีภาพของผู้อื่น โดย รัฐจะไปจํากัดหรือแทรกแซงเสรีภาพในศาสนาของประชาชนจนเกินขอบเขตจากเง่ือนไขที่กําหนดไว้ไม่ได้ หากแต่จะต้อง กําหนดไว้ให้ชัดเจน เนื่องจากเรื่องสิทธิและเสรีภาพในการนับถือศาสนามีบทบาทสําคัญทางสังคม การจัดระเบียบความสงบ เรียบร้อยของประชาชนและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ จึงเป็นสิ่งสําคัญท่ีรัฐจะช่วยให้เกิดความเข้าใจกันระหว่างศาสนา หาก ไม่ไดร้ ับความใสใ่ จจากภาครัฐแล้ว ปญั หาดังกลา่ วอาจจะทําใหเ้ กดิ ข้อขัดแย้งระหวา่ งศาสนาได้

๙๙ กองทัพบกได้ตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาของกําลังพล และเปิดโอกาสให้กําลังพลที่นับถือ ศาสนาน้ันๆ ได้ปฏิบตั ิศาสนกิจตามหลักศาสนาของตนอยา่ งเทา่ เทยี มเสมอกัน อนุศาสนาจารย์ มีหน้าท่ีโดยตรงในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติการ อํานวยการเก่ียวกับการศาสนา และให้คําแนะนําแก่ ผ้บู ังคบั บญั ชา ในปัญหาท้ังปวงเกี่ยวกบั ศาสนาและขวัญ ซ่งึ ต้องปฏบิ ัติการเกี่ยวกบั การบรกิ ารทางศาสนา และวางโครงการให้ ทหารมีโอกาสได้ปฏิบัติศาสนกิจ ท้ังน้ีรวมท้ังการอํานวยการให้ทหารที่นับถือศาสนาต่างๆ ได้ปฏิบัติศาสนกิจตามหลัก ศาสนาของตน ๒. การปฏิบัตศิ าสนกจิ ประจําวันของทหารมสุ ลมิ เนื่องด้วยประชาชนส่วนมากในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นับถือศาสนาอิสลาม ผู้ท่ีเข้ามารับราชการทหาร สมควรได้รับการช่วยเหลือให้ได้ประกอบพิธีไหว้พระสวดมนต์ประจําวัน ตามประเพณีนิยมในศาสนาของตน เพราะฉะน้ัน หน่วยในกองทัพบก โดยเฉพาะหน่วยในจังหวัดชายแดนภาคใต้จึงได้จัดให้ทหารมุสลิมได้ปฏิบัติศาสนกิจประจําวันนั้น โดย ปฏิบัติตามคําส่ัง ทบ. (คําสั่งชี้แจง) ท่ี ๑๓/๘๑๗๓ เรื่อง การไหว้พระสวดมนต์ประจําวันของทหารมุสลิม ลง ๑๔ เม.ย. ๐๑ ดงั นี้ ๒.๑ หนว่ ยใดมีทหารมุสลิมจํานวนมากก็ให้ทหารมุสลิมแยกไหว้พระสวดมนต์ประจําวันต่างหาก และเพื่อความ เป็นระเบยี บเรียบรอ้ ยและถูกตอ้ งตามประเพณีของศาสนาอสิ ลามใหป้ ฏบิ ตั ิดงั นี้ ๒.๑.๑ จดั ให้มีหอ้ งทําละหมาดของทหารมุสลิม โดยกําหนดเอาห้องใดห้องหน่ึง ในโรงที่อยู่ของทหาร หรือ สถานท่ตี ามสมควร และจดั ใหม้ ีลกั ษณะดังน้ี - สะอาดปราศจากสง่ิ โสโครก - ไม่ประดิษฐานรปู เคารพใดๆ - ถ้าจะประดบั ดว้ ยภาพอักษรคติธรรมมุสลิมตามความเหมาะสมกไ็ ด้ - มีแผ่นป้ายบอกวา่ “ ห้องละหมาดทหารมุสลมิ ” ๒.๑.๒ เมื่อถึงเวลาไหว้พระสวดมนต์ของทหารประจําวัน ซ่ึงโดยปกติเวลา ๒๐๓๐ ตรงกับเวลา ละหมาดอิซาร์ของมุสลิม ให้บรรดาทหารมุสลิมเข้าไปทําละหมาด (ละหมาดอิซาร์) ในห้องละหมาดทหารอิสลาม แทนการ ไหวพ้ ระสวดมนต์ตามระเบียบการไหว้พระสวดมนต์ของทหารท่ีปฏบิ ัติอย่กู อ่ น ๒.๑.๓ การไหว้พระสวดมนต์ประจําวนั ของทหารมสุ ลิม ให้กระทาํ ตามลําดับดงั นี้ - ทหารละหมาดตามลําพัง - กล่าวบทปลงใจ - ร้องเพลงชาติ - ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ๒.๒ พธิ ีทาํ ละหมาด พระบัญญัตขิ องศาสนาอสิ ลาม กาํ หนดใหม้ ุสลมิ ทําละหมาดวนั ละ ๕ ครงั้ (อัส - ซอละฮ์) แต่ละคร้งั ต้องกระทํา ภายในเวลาท่ีกําหนดไว้ในพระคัมภีร์กุระอาน ละหมาด ๕ คร้ังนั้น เฉพาะคร้ังสุดท้ายของวันเรียกว่า ละหมาด อิซาร์ กําหนดให้ทําในระหว่างเวลาตั้งแต่สิ้นแสงดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า จนเห็นแสงทองจับขอบฟ้าในวันใหม่ โดยปกติแล้ว การ ทําละหมาดแต่ละคร้ังใช้เวลาเพียงเล็กน้อย และทําตามลําพัง ณ ที่อยู่ของตน ผู้ทํายืนบ่ายหน้าไปทางทิศ กิบลัด คือทิศท่ีตั้ง วิหาร กาบะห์ นครมักกะห์ ประเทศซาอุดอิ าระเบีย

๑๐๐ เม่ือมีสัญญาณให้ทหารมุสลิมประชุมไหว้พระสวดมนต์ประจําวัน ซ่ึงตามปกติตรงกับเวลาละหมาดอิซาร์ของ มสุ ลิมอยู่แลว้ ให้ทหารมสุ ลิมรบี เข้าประชุมในห้องละหมาดแล้วปฏบิ ัตดิ ังต่อไปน้ี ๑. เมอ่ื เขา้ ไปในห้องละหมาดแล้ว ต้องสํารวมกิริยาวาจารําลึกถึงองค์พระอัลเลาะห์ ทําละหมาดอิซาร์ตาม ลัทธศิ าสนาของตนโดยต่างคนต่างทาํ ผ้ใู ดทําเสรจ็ แล้วใหร้ ออยกู่ อ่ น จนกว่าคนอื่นจะทาํ ละหมาดเสรจ็ ๒. กลา่ วบทปลงใจ ผู้เป็นหวั หนา้ บอกทหารใหอ้ ยใู่ นท่าตรงแลว้ ว่านํากลา่ วบทปลงใจ ท้ังหมดว่าตาม โดยใช้เสียงให้ หนกั แนน่ แตม่ ิใชต่ ะโกนดว้ ยความคะนอง การนาํ ใหน้ าํ เป็นบทๆ ดังนี้ “ ชาติของเรา, เป็นไทยอยู่ได้, จนถึงตัวเราคนหนึ่งน้ี, เพราะบรรพบุรุษของเรา, เอาเลือด, เอาเนื้อ, เอาชีวิต, และความลําบากยากเข็ญเข้าแลกไว้, เราต้องรักษาชาต,ิ เราต้องบํารงุ ชาต,ิ เราตอ้ งสละชีพเพ่ือชาติ ” ๓. รอ้ งเพลงชาติ ผเู้ ป็นหัวหนา้ ร้องนํา ทง้ั หมดร้องรบั แล้วรอ้ งตอ่ ไปจนจบ ๔. ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้เป็นหัวหน้าร้องนํา ท้ังหมดร้องรับ แล้วร้องต่อไปจนจบเม่ือจบเพลง สรรเสรญิ พระบารมแี ลว้ ผเู้ ป็นหวั หน้าบอกพกั และเลิกประชุม ๓. ข้อควรทราบสาํ หรับการตดิ ตอ่ ประสานงานกบั มุสลมิ ๓.๑ พิธีทางศาสนา มุสลิมไม่พึงประสงค์ให้คนนอกศาสนาไปแตะต้องพิธีกรรมของเขา พิธีบางอย่างถ้ามีคน นอกศาสนาเขา้ ไปในบรเิ วณพธิ ี ขณะกําลงั ทาํ พธิ ีจะทําให้พธิ เี ขาเสีย เรียกว่า กรรมวิบัติ ๓.๒ การแตง่ งาน (วะลมี ะห)์ ตอ้ งทําตามพิธที างศาสนาให้ถูกต้อง คนต่างศาสนาไปเป็นแขกในงานได้ ๓.๓ คัมภีร์อัล-กุระอาน มุสลิมทั้งเคารพท้ังกลัวเกรง ห้ามคนต่างศาสนาแตะต้องเป็นอันขาด แม้มุสลิมเองจะ แตะต้องก็ต้องทําความสะอาดร่างกายก่อน ผู้ท่ีเคร่งแม้เพียงได้ยินเสียงอ่านพระคัมภีร์ ถ้ากําลังเดินก็หยุดรําลึกก่อน การ สาบานตวั ต่อพระคัมภีร์ เป็นสิ่งที่มสุ ลิมกลวั และตอ้ งสัตยซ์ อ่ื เม่ือสาบานแล้ว ๓.๔ ท่าเคารพ (สุยูส) มุสลิมต้องทําต่อพระอัลเลาะห์แต่ผู้เดียว จะทําอย่างน้ันหรือที่คล้ายๆ กับท่าเคารพน้ัน ตอ่ คนอน่ื ส่งิ อ่ืน หรือแมแ้ ตท่ ําเล่นก็ไมไ่ ด้ ๓.๕ มสั ยดิ คอื โรงสวด เปน็ นติ บิ ุคคลตามกฎหมาย คนต่างศาสนาจะเข้าไปก็ได้ แต่ต้องอยู่ใน อาการเคารพ ห้าม สวมรองเท้าเข้าไป ๓.๖ วันศุกร์ เป็นวันพระของมุสลิม จะมีการชุมนุมตามมัสยิด ใช้เวลาทําพิธีราว ๔๐ นาทีระหว่างเที่ยงวันถึง บ่าย ๒ โมง การประชุมดงั กลา่ วตอ้ งมีคน ๔๐ คน จงึ จะครบองค์ ๓.๗ วันตรุษ มีปีละ ๒ ครั้ง คือ ตรุษรายอออกปอซอ ๓ วัน ในเดือนเชาวาล และตรุษ รายอหะยี ๓ วัน ในเดอื น ซลุ ฮิจญะห์ มสุ ลมิ จาํ เป็นอยา่ งย่งิ ตอ้ งไปชุมนมุ ๓.๘ หญิงมุสลิม หญงิ มุสลมิ ต้ังแตอ่ ายุ ๙ ขวบ ขนึ้ ไป จะถูกหา้ มมิใหอ้ ยูป่ ะปนกับผูช้ าย การ ลว่ งเกินทางชสู้ าวกับหญงิ อสิ ลาม เป็นการเหยยี บย่าํ ทําลายจติ ใจมุสลิม แมเ้ รื่องหยาบโลนทางเมถุน มุสลมิ กร็ งั เกียจ ศาสนาเท่าน้นั จะบงั คบั ใหห้ ญิงมสุ ลิมเปดิ ผ้าคลมุ ศรี ษะ ผู้อ่ืนไม่ควรทําการบงั คับ ทงั้ โดยตรงและโดยออ้ ม ๓.๙ สุกร - สุรา พระบัญญัติห้ามมิให้มุสลิม กิน หรือ แตะต้องสุกรและสุราเป็นอันขาดการบังคับให้เขากิน หรือแตะตอ้ งยกยา้ ยส่ิงท้งั สองนไี้ ม่ควรทํา ๓.๑๐ พิธศี พ (การญะนาซะห)์ เม่ือมสุ ลมิ ตายลง มีพธิ ีสําคญั ๔ ขอ้ คอื ๓.๑๐.๑ อาบน้ําศพ ชําระศพให้สะอาด อาบนํ้าถูให้ท่ัว ๓ คร้ัง ๕ ครั้ง หรือ ๗ ครั้ง โดยเร่ิมด้วยน้ําใบ พุทรา จบลงดว้ ยนา้ํ ผสมการบูร