อทุ ยานพุทธรรมสกิ ขา จากอดีต ถึงปจั จบุ นั สานต่อส่อู นาคต ๑ อุทยานพทุ ธธรรมสกิ ขา กรมยทุ ธศกึ ษาทหารบก ......................................... รายละเอียด พื้นที่สรา้ งอทุ ยานพุทธธรรม กรมยทุ ธศกึ ษาทหารบก ได้จัดสรา้ งอุทยานพทุ ธธรรมสกิ ขา ในพื้นที่ ๕ ไร่เศษ ในกรมยุทธศึกษาทหารบก เพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าพุทธธรรม โดยน้อมนําการตรัสรู้ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า และป่าอิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นสถานท่ี แสดงปฐมเทศนา เกิดมีปฐมสาวกมีพระรัตนตรัยครบองค์ ๓ อุทยานแห่งนี้จะเป็นสถานที่ ใช้เพื่อการเรียนรู้ และฝึกอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐานตามหลักสติปัฏฐาน ๔ รวมท้ังเป็น สถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนาของกําลังพลกองทัพบกและประชาชนท่ัวไป มีการ จําลองสัตตมหาสถาน (๗ มหาสถาน)และป่าอิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นสถานที่แสดง ปฐมเทศนา รวมเป็น ๘ มหาสถาน พร้อมทั้งปลูกต้นไม้ในพุทธประวัติ สร้างเป็นสวนป่า เพือ่ ปลูกไม้พันธุ์อ่ืนๆ ไวเ้ ป็นรมณยี สถาน ตามแบบแปลน
อุทยานพทุ ธรรมสิกขา จากอดีต ถงึ ปจั จบุ ัน สานต่อสู่อนาคต ๒ แนวคดิ การจัดสรา้ งอทุ ยานพทุ ธธรรมสิกขา ๓ เสาหลกั ดังนี้ ๑. อทุ ยาน : ลกั ษณะทร่ี ม่ ร่ืนเปน็ ธรรมชาติ คงบรรยากาศในสมยั พุทธกาล ๒. พุทธธรรม : แสดงหลักธรรมและคําบูชาท่ีเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในมหา สถานท้งั ๘ ๓. สิกขา : การใช้ประโยชน์ของกําลังพล ครอบครัวและประชาชน ท่ีเข้ามา พกั ผอ่ นหย่อนใจในอุทยาน ศกึ ษาพทุ ธธรรม และจดั กจิ กรรมทางพระพทุ ธศาสนา ๑. อทุ ยาน ลกั ษณะร่มรน่ื เป็นธรรมชาติ คงบรรยากาศในสมัยพุทธกาล ประกอบด้วยมหา สถานทง้ั ๘ และศาลาปฏิบัตธิ รรม “มหาสติปัฏฐานส”่ี ดงั น้ี มหาสถานท่ี ๑ “ตน้ พระศรีมหาโพธ์ิ” ในมหาสถานนี้ ได้ปลูกหน่อต้นพระศรีมหาโพธ์ิที่เป็นสายพันธ์ุจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ปรับพื้นที่เป็นลานหญ้าเป็นสถานที่แสดงพระธรรมเทศนา มีการ ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ปางตรัสรู้ (ปางสมาธิ) ไวใ้ ต้ตน้ พระศรีมหาโพธิ์ มหาสถานท่ี ๒ “อนิมิสเจดีย”์ ในมหาสถานนี้ ได้ปลูกต้นกัลปพฤกษ์ไว้เป็นสัญลักษณ์ มีการ ประดิษฐานพระพทุ ธรูปปางถวายเนตร มหาสถานที่ ๓ “รตั นจงกรมเจดยี ”์ ในมหาสถานน้ี ได้ปลูกต้นรวงผึ้งไว้เป็นร่มเงา ปรับพื้นที่ใต้ต้นรวงผ้ึงเป็น ลานทรายสีขาว สําหรบั ฝกึ เดนิ จงกรม มกี ารประดษิ ฐานพระพุทธรูปปางจงกรม มหาสถานที่ ๔ “รตั นฆรเจดีย”์ ในมหาสถานนี้ ได้ปลูกต้นพะยอม ต้นบุนนาค และต้นจําปี สร้าง ซุ้มเรือนแก้วสําหรับนั่งปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีการประดิษฐานพระพุทธรูปปาง สมาธิประกอบด้วยฉพั พรรณรังสี มหาสถานท่ี ๕ “ตน้ อชปาลนิโครธ” ในมหาสถานนี้ ได้ปลูกต้นไทรนิโครธ ปรับพื้นดินเป็นเนินสูง มีการ ประดษิ ฐานพระพุทธรูปปางห้ามมารไว้ใต้ตน้ ไทรนโิ ครธ มหาสถานท่ี ๖ “สระมุจลนิ ท”์ ในมหาสถานนี้ ได้สร้างสระนํ้าปลูกบัวนานาชนิด ปลูกต้นจิก มีการ ประดิษฐานพระพุทธรปู ปางนาคปรก มหาสถานท่ี ๗ “ต้นราชายตนะ” ในมหาสถานนี้ ได้ปลูกต้นเกต มีการประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิไว้ใต้ ตน้ เกต
อทุ ยานพุทธรรมสิกขา จากอดตี ถงึ ปจั จุบัน สานตอ่ สอู่ นาคต ๓ มหาสถานท่ี ๘ “ปฐมเทศนา ปฐมสาวก ครบองคร์ ตั นตรัย” ศาลาปฏิบตั ธิ รรม “มหาสติปฏั ฐานส”ี่ เป็นศาลาปฏิบัติธรรมขนาดกว้าง ๘ เมตร ยาว ๒๔ เมตร สําหรับเป็น สถานทปี่ ฏบิ ตั ิธรรมภายในอาคารภายในอทุ ยานซ่ึงเปน็ ลานปฏบิ ตั ิธรรมธรรมชาติ
อทุ ยานพทุ ธรรมสิกขา จากอดตี ถึงปัจจุบนั สานตอ่ สอู่ นาคต ๔ ลําดบั เหตุการณ์ เม่ือวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ พลโท ณฐพนธ์ ศรีสวัสด์ิ เจ้ากรมยุทธ ศึกษาทหารบก ได้กราบนิมนต์พระครูวิสุทธิ์ภาวนาประสิทธ์ิ (จิรยุทธ์ อธิฉนฺโท) เจ้าอาวาสวัดตาลเอน อําเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประกอบพิธีโปรย ข้าวตอกดอกไม้บริเวณพ้ืนที่ก่อสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา ในพ้ืนท่ี ๕ ไร่เศษ เพื่อให้ เกิดความเป็นสิริมงคลในการก่อสร้างดําเนินการไปด้วยความเรียบร้อย สําเร็จตามความ มุง่ หวงั ของคณะทาํ งาน
อุทยานพุทธรรมสิกขา จากอดีต ถึงปัจจุบัน สานตอ่ สอู่ นาคต ๕ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ได้เข้าเฝ้า กราบทูลวัตถปุ ระสงคก์ ารจดั สรา้ งอทุ ยานพุทธธรรมสกิ ขา แด่สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดราชบพติ รสถิตมหาสมี าราม ราชวรวหิ าร
อุทยานพทุ ธรรมสิกขา จากอดีต ถึงปัจจบุ นั สานต่อสู่อนาคต ๖ พระวรธรรมคติของสมเดจ็ พระสงั ฆราชใจความว่า “ขออนุโทนาต่อกุศลเจตนาในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ ได้เห็น รูปแบบท่ีจะทําการก่อสร้างอุทยานพุทธรรมสิกขาแล้ว ดูมีความงดงามน่าชื่นชม โดยเฉพาะการสร้างสถานศึกษาปฏิบัติธรรมในพ้ืนที่กล้าวขวางกว่า ๕ ไร่ ในใจกลาง กรงุ เทพฯ ถือเปน็ เรอื่ งท่ีดีมาก ตอ่ ไปจะเปน็ สถานท่ีท่ที รงคุณคา่ การดาํ เนินงานนอี้ ยา่ ไดท้ าํ แบบเร่งรบี ให้คอ่ ย ๆ ทําไปให้งดงาม ให้ช่วยกัน ทํา ถ้าประชาสัมพันธ์สื่อสารให้รู้กันทั่ว ก็จะมีคนมาช่วยทําเอง ในเรืองการก่อสร้างไม่ ค่อยห่วง ห่วงแต่ว่าเมื่อทําเสร็จแล้วจะรักษาจะพัฒนากันอย่างไร ถ้ามีพระสงฆ์มาเป็น กําลงั ช่วยกจ็ ะยง่ิ ดี เพราะการดาํ เนงิ านต้องมพี ลังศรัทธา และมีเจตนาบริสุทธ์ิ พระสงฆ์ จะมาช่วยนําพาปฏิบัติและสนับสนุนการทํากิจกรรมต่าง ๆ ทําให้การสอน การปฏิบัติ ธรรมเป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม อุทยานฯ สําเร็จแล้วก็ให้ทหาร แม่บ้าน ลูกหลาน รวมทั้งพุทธศาสนิกชน ท่ัวไปมาไหว้พระสวดมนต์น่ังสมาธิกัน การจัดกิจกรรมอย่าง สม่ําเสมอก็ถือเป็นการดูแลรักษาสถานท่ีได้ดีประการหนึ่งไปในตัว ส่วนเรื่องพื้นที่ที่เป็น ธรรมชาติ ก็ให้คิดไปถึงสมัยพุทธกาลว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ธรรมในธรรมชาติจริง ๆ แล้วใช้ชีวิตเหมือนคนยากคนจน ไม่แสดงฐานะใด ๆ ดังนั้น การท่ีจะสร้างสถานที่ปฏิบัติ ธรรมก็ควรทําให้เป็นธรรมชาติมาก ๆ สุดท้ายจะคิดจะทําอะไรก็ให้ระวังให้ดีว่า ความ โลภเปน็ สิ่งเป็นอันตราย ความโลภนท้ี ําให้เสียหายได้ ขออนโุ มทนาและอวยพรให้การก่อสร้างสาํ เรจ็ สมดังเจตนาทุกประการ”1 1 พระวรธรรมคตขิ องสมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร) เมอ่ื ๑๕ มถิ นุ ายน ๒๕๖๑ ณ วดั ราชบพติ รสถติ มหาสมี ารามราชวรวิหาร
อทุ ยานพุทธรรมสิกขา จากอดีต ถงึ ปจั จุบัน สานตอ่ สูอ่ นาคต ๗ เม่ือวันที่ ๒๖ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก เข้ากราบถวาย สักการะ และกราบเรียนวัตถุประสงค์การจัดสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา แด่สมเด็จ พระวันรตั ณ วัดบวรนเิ วศราชวรวหิ าร และกราบอาราธนาเปน็ ประธานสงฆ์พิจารณาผ้าป่า สมทบทุนสร้าง
อทุ ยานพุทธรรมสิกขา จากอดตี ถึงปัจจุบนั สานตอ่ ส่อู นาคต ๘ เม่ือวันท่ี ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๑ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก พร้อมด้วย ข้าราชการกรมยทุ ธศกึ ษาทหารบก ไดป้ ระกอบพธิ บี วงสรวงสิง่ ศักดิส์ ทิ ธ์ิ เพือ่ เร่มิ ดาํ เนนิ การ ก่อสร้างอุทยานพุทธธรรมสกิ ขา ณ บรเิ วณพน้ื ทกี่ อ่ สรา้ ง
อทุ ยานพุทธรรมสกิ ขา จากอดตี ถงึ ปัจจุบัน สานตอ่ สู่อนาคต ๙ เม่ือวนั ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ประธานมลู นธิ ิศูนยส์ ง่ เสริมพระพุทธศาสนา แห่งประเทศไทยน้อมถวายต้นพระศรีมหาโพธ์ิหน่อพุทธคยา แด่สมเด็จพระวันรัต และสมเด็จพระวันรัต ได้มอบต้นพระศรีมหาโพธ์ิแก่ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก เพ่ือนํา ไปปลกู ณ มหาสถานที่ ๑ แห่ง อทุ ยานพุทธธรรมสิกขา
อทุ ยานพทุ ธรรมสิกขา จากอดีต ถงึ ปจั จุบนั สานตอ่ สอู่ นาคต ๑๐ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก กราบนิมนต์ สมเดจ็ พระวนั รัต เป็นประธานพิธฝี า่ ยสงฆใ์ นพธิ ีทอดผา้ ป่าสามัคคี สร้างอุทยานพุทธธรรม สิกขา ณ หอประชุมเสนาปฏพิ ทั ธ์ กรมยุทธศึกษาทหารบก เพ่ือรวบรวมทุนทรพั ย์ก่อสร้าง
อุทยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถึงปัจจุบนั สานต่อสอู่ นาคต ๑๑ อนโุ มทนากถาของสมเดจ็ พระวันรตั 2 ขออนโุ มทนาบญุ กบั ทกุ ทา่ น ทีไ่ ด้มีศรทั ธารว่ มกันบริจาคปัจจัย ทอดผ้าป่าสามัคคี ซึ่งมีจํานวนมากพอสมควร ในการที่ ท่านเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ได้กล่าวคําถวาย ผ้าป่าสามัคคีแก่สงฆ์ และขอให้สงฆ์รับ อาตมภาพในนามพระสงฆ์ในท่ีนี้ ขอมอบปัจจัย ท้ังหมดให้ท่านเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก เพื่อสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา ให้เกิด ประโยชน์แก่สาธุชนผูส้ นใจไดเ้ ข้ามาศึกษาหาความรู้ ในสถานท่นี ้ี ความจริงพระพุทธเจ้า เม่ือตรัสรู้ใหม่ ๆ ได้เสด็จไปประทับ ณ สถานท่ี ๗ แห่ง บริเวณโดยรอบต้นพระศรีมหา โพธิ์ที่พุทธคยานั้น ทรงคํานึงถึงว่า ธรรมะ หรือข้อปฏิบัติท่ีพระองค์ได้ทรงค้นคว้าหรือ ปฏิบัติจนสามารถตรัสรู้ได้น้ันเป็นข้อที่ลึกซึ้ง ยากท่ีเหล่าสัตว์ผู้มีกิเลส จะพึงปฏิบัติให้ เกิดความรู้เห็นตามความเป็นจริงเช่นดังพระองค์ได้ยาก แต่ด้วยพระมหากรุณาในสมเด็จ พระผู้มีพระภาคของท่านท้าวมหาพรหม ได้มาเตือนพระหฤทัยว่า เหล่าสัตว์ในโลกนี้ มี หลายชั้น หลายภูมิ ท่ีมีกิเลสหนาก็มี เบาบางก็มี สามารถท่ีจะรู้สัจจธรรมคําสอนที่ พระองค์ทรงบรรลุก็มี ไม่สามารถก็มี ดังท่ีท่านเปรียบไว้ว่า บัว ๔ เหล่า ด้วยพระมหา กรุณาธิคุณที่ท่านท้าวมหาพรหมได้มาเตือนพระราชหฤทัยนี้ จึงเสด็จไปประกาศ หลักธรรมคําสอนแก่ประชาชน เร่ิมต้นจากปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ที่ป่าอิสิตปนมฤคทายวัน ตลอดจนถึงเหล่าสัตว์อื่น ๆ ตลอดพระชนมชีพ ด้วยพระกรุณาและส่ิงท่ีพระองค์นํามา สอนท้ังหมดน้ัน กท็ รงสอนเพ่อื ประโยชนแ์ กค่ นทกุ คนไม่ใช่แก่พระองค์เองโดยประการใด ให้ทุกคนที่ได้รับรู้รับทราบแล้วน้ัน นําคําสอนนั้นไปรักษาตนเองให้ดี ไม่ใช้ของดี ประจําตัวเองไปในทางทําร้ายตัวเอง เพราะฉะนั้น ต้องนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ สมเดจ็ พระบรมศาสดาสัมมาสัมพทุ ธเจ้า อุทยานพุทธธรรมสิกขานี้ ก็จะเป็นแหล่งเรียนรู้แห่งหนึ่งที่สามารถเรียนรู้ถึงสัจ จธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนําสั่งสอนไว้ แล้วจักเกิดความเข้าใจว่า คําสอนท้ังหมด น้ันเพื่อตัวเราเองทั้งน้ัน ไม่ใช่เพื่อใครอ่ืน และจะเป็นสถานท่ีร่ืนรมย์ท่ีเรียกว่า อุทยาน เมื่อประชาชนเข้ามาแล้วจะได้รับความสดช่ืนความเบิกบานใจ เป็นสถานที่คาดหวังว่า จักอํานวยประโยชน์แก่มหาชนโดยส่วนรวม ได้คํานึงถึงพระมหากรุณาของสมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าท่ีทรงสั่งสอนไว้เพ่ือประโยชน์แก่ตัวเราเองทุกคน และจะเป็นที่สงบ เป็นที่เบิกบานใจร่ืนรมย์ใจแก่ทุกท่านท่ีเข้ามา เพราะฉะนั้น น่าจะเป็นประโยชน์ต่อ สาธารณชนทุกท่าน 2 สมเด็จพระวันรัต เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ วิหาร เมอ่ื ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ หอประชมุ เสนาปฎิพทั ธ์ กรมยุทธศึกษาทหารบก
อุทยานพุทธรรมสิกขา จากอดตี ถึงปจั จบุ ัน สานต่อสูอ่ นาคต ๑๒ ขออนุโมทนากับท่านเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ที่ได้มีความดําริท่ีจะก่อสร้าง อุทยานพุทธธรรมสิกขานี้ข้ึน หวังว่าอุทยานน้ีจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนโดย ส่วนรวมและอํานวยใหเ้ กิดประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติ ต่อชาวโลก ขออนุโมทนาบุญกบั ทุกท่านท่ีได้ร่วมกันทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งน้ี ปัจจัยท่ี ได้ท้ังหมดขอมอบคืนให้กับท่านเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ไว้ดําเนินการตามท่ีท่าน เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบกดําริ เพ่ือก่อสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขาต่อไป ขอ อนโุ มทนา
อุทยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดีต ถึงปัจจบุ ัน สานต่อส่อู นาคต ๑๓ เม่ือวันท่ี ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก พร้อมด้วย ข้าราชการกรมยุทธศึกษาทหารบก ได้ประกอบพิธีบวงสรวง เพื่ออัญเชิญต้นพระศรีมหาโพธ์ิ หน่อพุทธคยา จากศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย อําเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี โดยสมเด็จพระวันรัต เป็นองค์ประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ อธิษฐานจิต ประพรม น้ําพระพุทธมนต์ และล้อมดินเพื่ออัญเชิญไปประดิษฐาน ณ อุทยานพุทธธรรมสิกขา กรมยุทธศกึ ษาทหารบก
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถึงปจั จบุ ัน สานต่อส่อู นาคต ๑๔
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถงึ ปจั จบุ ัน สานต่อสอู่ นาคต ๑๕ เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก พร้อมด้วย ผู้บังคับหน่วย ของ นขต.ยศ.ทบ. ปลูกต้นรวงผ้ึง ต้นไม้ประจํารัชกาลท่ี ๑๐ ภายใน บรเิ วณอทุ ยานพทุ ธธรรมสิกขา กรมยทุ ธศึกษาทหารบก
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถึงปจั จบุ ัน สานต่อส่อู นาคต ๑๖
อทุ ยานพทุ ธรรมสิกขา จากอดีต ถงึ ปจั จบุ ัน สานตอ่ สู่อนาคต ๑๗ เมอ่ื วันที่ ๓ สงิ หาคม ๒๕๖๑ พล.อ.เฉลิมชยั สทิ ธิสาท ผบ.ทบ. พร้อมด้วย ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ทบ. ได้ตรวจเยี่ยมพื้นที่จัดสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา กรมยทุ ธศึกษาทหารบก
อทุ ยานพทุ ธรรมสิกขา จากอดตี ถึงปจั จบุ นั สานต่อสูอ่ นาคต ๑๘ เมื่อวันท่ี ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ สมเด็จพระวันรัต (เจ้าคณะใหญ่คณะธรรม ยุติกนิกาย, กรรมการมหาเถรสมาคม, และเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร) ได้นํา พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ., พล.อ.โกญจนาท ศุกรเศรณี ประธานคณะที่ปรึกษา กองทัพบก, พล.ท.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ จก.ยศ.ทบ. พรอ้ มดว้ ยผบู้ ังคับหน่วย ของ นขต.ยศ.ทบ. ปลกู ตน้ พระศรีมหาโพธิ์ และต้นไมป้ ระมหาสถานท้งั ๘ แหง่
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถึงปจั จบุ ัน สานต่อส่อู นาคต ๑๙
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถงึ ปัจจบุ ัน สานต่อสูอ่ นาคต ๒๐ เม่ือวันท่ี ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ พล.ท.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ จก.ยศ.ทบ. พร้อม ด้วยผู้บังคับบัญชา ได้เดินทางไปตรวจสอบแบบจําลองพระประจํามหาสถาน ณ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ เจา้ คุณทหารลาดกระบัง
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถงึ ปจั จบุ นั สานต่อสอู่ นาคต ๒๑ เม่ือวันท่ี ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ พล.ท. ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ จก.ยศ.ทบ. พร้อมด้วยคณะกรรมการดําเนินงาน ได้ลงนามสัญญาสร้างพระกับเจ้าของโรงหล่อบุญ ชูปฎมิ าพร พทุ ธมณฑลสาย ๒ เขตบางแคเหนอื กรุงเทพ
อทุ ยานพุทธรรมสิกขา จากอดีต ถึงปัจจบุ ัน สานต่อสอู่ นาคต ๒๒ เม่ือวันท่ี ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ ผู้มีจิตศรัทธาร่วมหล่อพระประจําอุทยาน พุทธธรรมสิกขา ได้แก่ พล.อ. ทวีป เนตรนิยม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.กสทช. และสมาคมกองทุนสวัสดิการเพื่อสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและสมาคมในภาคี ไดม้ อบเงินแกก่ รมยุทธศกึ ษาทหารบก
อุทยานพทุ ธรรมสิกขา จากอดีต ถงึ ปัจจุบนั สานตอ่ สอู่ นาคต ๒๓ เม่ือวันท่ี ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ พล.ต. สุเทพ นพวิง รอง จก.ยศ.ทบ. เป็นประธานพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีคืนสู่เหย้า อศจ.ทบ. เพ่ือสมทบทุนสร้างอุทยานพุทธ ธรรมสิกขาและหล่อพระประจําอุทยานพุทธธรรมสกิ ขา
อุทยานพุทธรรมสกิ ขา จากอดตี ถึงปจั จุบนั สานต่อส่อู นาคต ๒๔ เมื่อวันท่ี ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ พ.อ. วิสิทธิ์ วิไลวงศ์ ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ.ได้นําคณะ อศจ.ทบ. เข้ารับเงินสมทบทุนสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา และหล่อพระประจําอุทยาน พุทธธรรมสิกขาจากพระเทพวีรภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร
อทุ ยานพทุ ธรรมสิกขา จากอดีต ถึงปจั จบุ นั สานตอ่ สู่อนาคต ๒๕ เม่ือวันท่ี ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ พ.อ. วิสิทธิ์ วิไลวงศ์ ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ. ได้นําคณะ อศจ.ทบ. เข้ามอบเงินสมทบทุนสร้างอุทยานพุทธธรรมสิกขา และหล่อพระ ประจําอุทยานพุทธธรรมสิกขา แก่กรมยุทธศึกษาทหารบก เป็นเงิน ๑,๔๐๐,๐๙๙.-บาท (หนึ่งล้านส่ีแสนเก้าสิบเก้าบาทถ้วน) โดยมี พล.ท. ณฐพนธ์ ศรีสวัสด์ิ จก.ยศ.ทบ. เป็นผู้รับมอบ
อทุ ยานพทุ ธรรมสิกขา จากอดีต ถงึ ปจั จุบนั สานตอ่ สู่อนาคต ๒๖ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๒ สมเด็จพระวันรัต เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นองค์ประธานสงฆ์ในพิธี หล่อพระพุทธรูปประจําอุทยานพุทธธรรมสิกขา โดยมีเจ้าภาพหล่อแต่ละองค์เข้าร่วมพิธี ณ โรงหลอ่ พระบญุ ชปู ฎมิ าพร พทุ ธมณฑลสาย ๒ เขตบางแคเหนอื กรงุ เทพมหานคร
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถงึ ปจั จบุ นั สานตอ่ สู่อนาคต ๒๗ แนวคดิ ในการสร้างพระพทุ ธรปู ประจําอุทยานพทุ ธธรรมสกิ ขา สร้างตามพระราชดําริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ที่ทรงมีพระราชดําริเกี่ยวกับรูปแบบพระพุทธรูป ดังมีข้อความบางตอนจากพระ ราชหัตถเลขา ที่ทรงมีไปมาระหว่างในรัชกาลท่ี ๕ และกรมหลวงวชิรญาณวโรรส แสดง ให้เห็นถึงพระราชประสงค์ท่ีจะทรงสร้างพระพุทธรูปสัตตมหาสถาน และพระราชดําริ เกีย่ วกบั รปู แบบพระพุทธรปู ทเี่ ปน็ แนวทางในการดําเนินงานในส่วนงานปั้นพระพุทธรูป ๗ ปาง กล่าวคือ ฉบับที่ ๑๑๑ สวนดุสิต ลงวันท่ี ๑ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๘ กรมหลวง วชริ ญาณ กราบบงั คมทูลในรชั กาลที่ ๕ ถึงเรอ่ื งงานปน้ั พระพุทธรูปปางถวายเนตร ความวา่ “…..กรมหลวงนเรศร์ บอกวันนี้ ว่ารับสั่งเรียกหุ่นพระถวายเนตรไปทอดพระเนตร โปรดแลติเตียนบ้างบางอย่าง เรื่องคิดปั้นพระพุทธรูปน้ี....อยากเห็นพระเปนคน อยากให้ เห็นหน้าเปนคนฉลาดอดทนมีความคิดมาก ไม่ใช่ทําหน้าบ้ึง ไม่ใช่น่ังย้ิมกริ่ม ไม่ใช่น่ังหลับ เผลอไผล ให้เต็มอย่ดู ว้ ยสตสิ มั ปชัญญะ หน้าตาพระพทุ ธเจา้ ของหม่อมฉนั เปน็ เช่นน้ี...แตต่ า คนนี้ (ช่างปั้นชาวอิตาลี ชื่อ Alfonso Tornarelli) เปนผู้ท่ีเข้าใจมากกว่าช่างทั้งปวงท่ีเคย เข้าใจถอ้ ยคําหม่อมฉนั ....” พิจารณาจากข้อความบางตอนดังกล่าว และจากหลักฐานงานป้ันพระพุทธรูป ๓ พระองค์ของ ทอรนาเรลลี (Tornarelli) ท่ีประดิษฐานอยู่หน้าพระประธานในพระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร และท่ี กรมศิลปากร ได้เก็บรักษาไว้ใน พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร นั้น เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบกดําริว่า รูปแบบของ งานป้ันต้นแบบพระพุทธรูปท่ีจะจัดสร้างประจําอุทยานพุทธธรรมสิกขาฯ จัดสร้างเพื่อ สืบสานพระราชปณิธาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๕ ควรออกมาใน รูปแบบเหมือนจริง อิงรายละเอียดสําคัญซึ่งนายช่างทอรนาเรลลี (Tornarelli) ได้เคยปั้น ถวายในคร้ังนั้น และอิงมหาปุริสลักษณะ ท่ีมาในลักขณสูตร ในพระสุตตันตปิฎก ทฆี นกิ าย ปาฎิกวรรค เลม่ ที่ ๑๑ และหน้า ๑๕๘-๑๕๙
อุทยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถึงปัจจบุ นั สานต่อสู่อนาคต ๒๘ เมื่อวันท่ี ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ได้นํา ผู้บังคับบัญชา นขต.บก.ยศ.ทบ. ประกอบพิธีประดิษฐานพระพุทธรูปประจําอุทยาน พทุ ธธรรมสกิ ขา ยศ.ทบ.
อุทยานพทุ ธรรมสิกขา จากอดตี ถึงปัจจบุ ัน สานตอ่ สู่อนาคต ๒๙ เมื่อวันท่ี ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ สมเด็จพระวันรัต เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานสงฆ์ในพิธี เบิกเนตรพระพุทธรูปประจํามหาสถานทั้ง ๘ ณ อุทยานพุทธธรรมสิกขา ยศ.ทบ. โดยมี เจา้ ภาพพระพทุ ธรปู แต่ละองคเ์ ขา้ รว่ มพิธี
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถึงปจั จบุ ัน สานต่อส่อู นาคต ๓๐
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถึงปจั จบุ ัน สานต่อส่อู นาคต ๓๑
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถึงปจั จบุ ัน สานต่อส่อู นาคต ๓๒
อุทยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถงึ ปจั จบุ ัน สานตอ่ ส่อู นาคต ๓๓ เม่ือวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ สมเด็จพระธีรญาณมุนี กรรมการมหาเถร สมาคม และเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เมตตาเป็นองค์ประธานในพิธี เปิดอุทยานพุทธธรรมสิกขา โดยมี พล.อ. วรวิทย์ วรรธนะศักด์ิ ประธานคณะท่ีปรึกษา กองทัพบก ผู้เเทนผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ทบ. และเจา้ ภาพอปุ ถัมภร์ ว่ มพิธี
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถึงปจั จบุ ัน สานต่อส่อู นาคต ๓๔
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถึงปจั จบุ ัน สานต่อส่อู นาคต ๓๕
อทุ ยานพุทธรรมสกิ ขา จากอดตี ถงึ ปัจจุบัน สานต่อสู่อนาคต ๓๖ ๒.พทุ ธธรรม ในอทุ ยานพทุ ธธรรมสิกขก จะแสดงหลกั ธรรม พรอ้ มบทสวดท่เี ก่ียวขอ้ ง กบั เหตกุ ารณ์ ในมหาสถานทงั้ ๘ ดงั น้ี บทสวดมนตป์ ระจําอฏั ฐมหาสถาน3 ................................................ อะระหงั สมั มาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธงั ภะคะวนั ตงั อะภวิ าเทมิ สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธมั มงั นะมัสสามิ สปุ ะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ สงั ฆงั นะมามิ นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธสั สะ (สวด ๓ หน) ฉนั ทร์ วม ๘ สถานท่ี ทุตยิ ัง อะนมิ สิ สะกงั จะตุตถัง ระตะนาฆะรัง ปะฐะมงั โพธปิ ลั ลงั กงั ฉัฏฐัง วะ มุจจะลนิ ทะกงั ตะติยัง จังกะมงั เสฏฐงั ราชายะตะนะสตั ตะมงั ปญั จะมัง อะชะปาลัญจะ ปะตะนัฏฐานะโสภติ ัง สตั ตาหัง มุนเิ สเวตงั สมั ปณุ ณะระตะนตั ตะยัง อฏั ฐมมั ปจิ สิ นี ัง ยงั ปชู ติ านิ นริ ันตะรงั ธมั มะจักกปั ปะวัตตญั จะ อะหงั วนั ทามิ ทูระโต ชมั พทุ เี ปฏฐะ ฐานานิ สะทา โสตถี ภะวนั ตุ เมฯ สทั ธาปะสาทกิ าเนวะ เอเตสัง อานุภาเวนะ 3 ประพันธ์ภาษาไทย โดย พ.อ. ศรัณยภูมิ ผู้พึ่ง, ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ. ลําดับท่ี ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๕๖)
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดีต ถึงปัจจุบนั สานต่อสู่อนาคต ๓๗ คาํ แปล ข้าขอกราบก้มบชู า ท่ีเกดิ ศรทั ธา แปดสถานสถิตอดสิ ัย หน่งึ ...ทต่ี รัสรู้อาํ ไพ สอง...ที่เพง่ นัยน์ สาม...คอื สถานจงกรม ส.่ี ..เรือนแกว้ อันอุดม หา้ ...แหลง่ รื่นรมย์ ร่มไทรพวกอชบาล หก...สระมจุ ลนิ ท์ตระการ นาคแผพ่ ังพาน เจด็ ...ต้นเกดแก้วแพรวพราว แปด...คือทง่ี ามอะครา้ ว ธรรมจกั รสกาว แจง้ แกเ่ บญจวคั คีย์ ทร่ี วมหม่ขู องฤๅษี ณ พ้นื ปฐั พี ชมพทู วีปน้นั แล ด้วยอานภุ าพกระแส จิตมิปรวนแปร ในศาสน์แห่งพระสัมมา สุขสวัสด์ิจงมีแกข่ ้าฯ ในทกุ เวลา ตลอดกาลนริ นั ดร เทอญฯ ..............................
อทุ ยานพุทธรรมสกิ ขา จากอดีต ถงึ ปจั จุบัน สานต่อสอู่ นาคต ๓๘ มหาสถานที่ ๑ “ตน้ พระศรมี หาโพธิ์” พระพุทธเจ้าทรงกําหนดประทับใต้ต้นพระศรีมหาโพธ์ิ ริมฝั่งแม่นํ้าเนรัญ ชราเป็นที่บําเพ็ญความเพียร ทรงต้ังสัตยาธิษฐานด้วยพระทัยเด็ดเด่ียวว่า “แม้เนื้อและ เลือดจะแห้งเหือดไปหมดส้ินเหลือแต่หนัง เอ็น และกระดูกก็ตาม ตราบใดท่ียังไม่บรรลุ พระสัมมาสัมโพธิญาณ ตราบนั้นจักไม่ลุกจากบัลลังก์น้ี” พระพุทธองค์ตรัสรู้อริยสัจ ๔ ณ ที่แห่งนี้ และภายหลังการตรัสรู้ ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท คือ วงจรการเกิดการ ดบั แห่งทกุ ข์ ตลอด ๗ วัน
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดตี ถึงปัจจบุ ัน สานต่อสอู่ นาคต ๓๙ ปฏจิ จสมปุ บาท พระพทุ ธองค์ เม่อื ทรงเสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์แรก พระองค์ได้ทรงทบทวน ธรรมทีท่ ําให้พระองคไ์ ดห้ ลดุ พน้ จากองทุกข์ ด้วยหลักปฏจิ จสมุปบาทน้ี ปฏิจจสมุปบาท หมายถึง การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมท้ังหลายโดยอาศัยกัน การที่ส่ิงท้ังหลายอาศัยกันและกันจึงเกิดขึ้น หรือการท่ีทุกข์เกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัย สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งอยู่ในรูปของกฎธรรมชาติ แม้จะมีพระศาสดาอุบัติหรือไม่ก็ตาม ประกอบด้วยกระบวนการหรือวงจรการเกิดทุกข์(สมุทยวาร) และกระบวนการหรือวงจร การดับทุกข์ (นโิ รธวาร) มี ๑๒ ประการ คือ ๑. อวิชชา หมายถึงความไม่รู้ในอริยสัจ ๔ (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ตาม ความเป็นจริง เปน็ เหตปุ จั จยั ให้เกิดการปรงุ แตง่ (ดูรายละเอยี ดทป่ี ้ายเร่ืองอรยิ สัจ ๔) ๒. สังขาร หมายถึงความคิดปรุงแต่ง ท้ังฝ่ายดีและฝ่ายช่ัว นําพาคนให้ลุ่ม หลง ได้แก่ สังขาร ๓ (กายสังขาร สภาพปรุงแต่งการกระทําทางกาย, วจีสังขาร สภาพ ปรุงแต่งการกระทําทางวาจา, มโนสังขาร สภาพปรุงแต่งการกระทําทางใจ) และอภิ สังขาร ๓ (ปุญญาภิสังขาร สภาพปรุงแต่งกรรมฝ่ายดี, อปุญญาภิสังขาร สภาพปรุงแต่ง กรรมฝ่ายช่ัว, และอาเนญชาภิสังขาร สภาพปรุงแต่งภพอันม่ันคงไม่หว่ันไหว) เป็นเหตุ ปัจจยั ใหเ้ กดิ การรบั รู้ ๓. วญิ ญาณ หมายถึงการรับรู้อารมณ์ (อารมณ์คือสิ่งท่ีถูกรับรู้คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และสิ่งที่คิด) ได้แก่ วิญญาณ ๖ (การรับรู้ทาง ตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ) เป็นเหตปุ ัจจัยให้เกิดตัวตน ๔. นามรูป หมายถึง ตัวตน ได้แก่ นามขันธ์ ๓ (เวทนา สัญญา สังขาร) ความมีอยู่ของนามธรรม และรูปขันธ์ ความมีอยู่ของรูปธรรม เป็นเหตุปัจจัยให้เกิด ชอ่ งทางรบั รู้ภายใน (ดรู ายละเอยี ดทป่ี า้ ยเรอื่ งขันธ์ ๕ฯลฯ) ๕. สฬายตนะ หมายถึงช่องทางรับรู้ภายใน ๖ ประการ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) เป็นปัจจัยให้เกิดการเช่ือมต่อกับอารมณ์ (ส่ิงที่ถูกรับรู้) ท้ังภายในและภายนอก เป็นปจั จยั ใหเ้ กิดการเชือ่ มต่อ ๖. ผัสสะ หมายถึงการเช่ือมต่อกับอารมณ์ (สิ่งท่ีถูกรับรู้) ท้ังภายในและ ภายนอก ไดแ้ ก่ผัสสะ ๖ (จักขสุ มั ผัส การเช่ือมตอ่ ทางตา, โสตสัมผัส การเช่ือมต่อทางหู, ฆานสัมผัส การเชื่อมต่อทางจมูก, ชิวหาสัมผัส การเชื่อมต่อทางล้ิน, กายสัมผัส การ เช่ือมต่อทางกาย, มโนสัมผัส การเช่ือมต่อทางใจ) เป็นปัจจัยให้เกิดความรู้สึก สุข ทุกข์ หรือเฉยๆ
อุทยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดีต ถึงปจั จบุ ัน สานต่อสอู่ นาคต ๔๐ ๗. เวทนา หมายถึงความรู้สึก สุข ทุกข์ หรือเฉยๆ ได้แก่ เวทนา ๓ (สุข เวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนาหรืออุเบกขาเวทนา) เป็นปัจจัยให้เกิดความ ทะยานอยาก ๘. ตัณหา หมายถึงความทะยานอยาก ได้แก่ ตณั หา ๓ กามตณั หา หมายถึงความทะยานอยากในกามคณุ ได้แก่ ความด้ินรนหา สง่ิ อํานวยความสขุ ทางประสาทสัมผัสทงั้ ๕ คือ ตา หู จมกู ล้นิ กาย ภวตัณหา หมายถึงความทะยานอยากในภาวะที่ตนอยากจะได้ เสาะ แสวงหาส่ิงทีป่ รารถนา อยากจะเป็นอยแู่ ละคงอยเู่ ชน่ น้ันตลอดไป วิภวตัณหา หมายถึงความทะยานอยากท่ีต้องการจะพ้นไปจากภาวะท่ี ตนไมป่ รารถนา ด้นิ รนหาทางไปให้พน้ อยากทาํ ลาย อยากใหด้ ับสูญ ความทะยานอยากเปน็ ปัจจัยให้เกิดความยึดมัน่ ๙. อุปาทาน หมายถึงความยึดมั่นในขันธ์ ๕ ว่าเป็นตัวตนของเรา ได้แก่ อุปาทาน ๔ (กามุปาทาน ความยึดมั่นในกามคุณ ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สัมผัส) ที่น่าใคร่ น่าพอใจ, ทิฏฐุปาทาน ความยึดม่ันในทิฏฐิหรือทฤษฎี ความเห็น ลัทธิ หรือหลักคําสอนต่างๆ , สีลัพพตุปาทาน ความยึดม่ันในศีลและพรต (ข้อวัตร ปฏิบัติ)ว่าเป็นหนทางให้บริสุทธิ์หลุดพ้นได้เพียงเพราะศีลและพรต และอัตตวาทุปาทาน ความยดึ มั่นสาํ คัญหมายว่า มตี วั ตน) เป็นเหตุให้เกิดภาวะแห่งชวี ติ ๑๐. ภพ หมายถึงภาวะชีวิตของสัตว์, โลกเป็นท่ีอยู่ของสัตว์ ได้แก่ ภพ ๓ (กามภพ ภพท่ีเป็นกามาวจร ภพของสัตว์ผู้ยังเสวยกามคุณคืออารมณ์ทางอินทรีย์ท้ัง ๕ ได้แก่ภพของ อบาย ๔, มนุษยโลก ๑, และกามาวจรสวรรค์ ๖ ชั้น, รูปภพ ๑๖ ภพท่ี เป็นรปู าวจร ภพของสัตว์ผู้เข้าถึงรูปฌาน ได้แก่ รูปพรหม ๑๖ ช้ัน, และอรูปภพ ๔ ภพ ท่ีเป็นอรูปาวจรหรือภพของสัตว์ผู้เข้าถึงอรูปฌาน ได้แก่ อรูปพรหม ๔ ช้ัน) เป็นปัจจัย ให้เกิดความปรากฏแห่งขนั ธ์ทง้ั หลาย ๑๑. ชาติ หมายถึงความเกิด ได้แก่ความปรากฏแห่งขันธ์ท้ังหลาย ที่ยึด ถอื เอาเป็นตวั ตน เปน็ ปจั จยั ให้เกดิ ความแก่ และความตาย ๑๒. ชรามรณะ ชราหมายถึงความเสื่อม มรณะหมายถึงความตายหรือ ความสลายแห่งขันธ์ เป็นปัจจัยให้เกิดความโสกะ (ความโศกเศร้า) ปริเทวะ (ความครํ่า ครวญ) ทุกขะ (ความทกุ ข)์ โทมนัส (ความเสียใจ) และ อุปายาส (ความคับแค้นใจ) ปฏิจจสมุปบาทน้ี ในสมุทยวาร หมายถึงเมื่อยังมีอวิชชา คือความไม่รู้ใน อริยสัจ ๔ ก็จะก่อให้เกิดวงจรของความทุกข์ท้ัง ๑๒ ประการอยู่ร่ําไป แต่ในนิโรธวาร
อุทยานพุทธรรมสิกขา จากอดีต ถึงปจั จบุ นั สานต่อสอู่ นาคต ๔๑ หมายถึงเมอื่ สามารถดบั อวชิ ชาได้แล้ว ก็จะทําให้วงจรของความทุกข์ทั้ง ๑๒ ประการดับ สิน้ ไป ดบั วงจรของการเกิดความทกุ ขท์ ้งั ปวง
อทุ ยานพุทธรรมสกิ ขา จากอดตี ถงึ ปัจจบุ ัน สานต่อส่อู นาคต ๔๒ คําบูชามหาสถานที่ ๑ “ต้นพระศรมี หาโพธิ”์ 4 พระองคผ์ สู้ รรเพชญดา ตรัสรธู้ รรมา เหนือวัชรอาสนอ์ ําพน สถานมงคล ทรงพจิ ารณา ใตศ้ รพี ฤกษโ์ พธานนท์ กิเลสอากลู รมิ ฝั่งเนรญั ชรา ผเู้ ลศิ ลบไตร- ตลอดกาลรว่ มเจด็ ทวิ า ปฏจิ จสมุปบาทบริบูรณ์ เหตุเกิดระงบั ดับสูญ อนั กอ่ ทกุ ขซ์ าํ้ รา่ํ ไป ข้าฯ ขอกราบบาททรงชัย โลกเปย่ี มปลม้ื ด้วยศรัทธาฯ .............................. 4 กาพย์ฉบงั ๑๖, ประพันธโ์ ดย พ.อ. ศรัณยภูมิ ผู้พงึ่
อุทยานพุทธรรมสกิ ขา จากอดตี ถึงปัจจบุ ัน สานตอ่ สอู่ นาคต ๔๓ มหาสถานที่ ๒ “อนมิ ิสเจดีย์” พระพุทธเจ้าทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ จากนั้นเสด็จไปประทับยืนทางทิศ ตะวันออกเฉียง เหนือของต้นพระศรีมหาโพธ์ิ แล้วทรงจ้องต้นพระศรีมหาโพธ์ิ โดยมิได้ กระพริบพระเนตรตลอด ๗ วัน ด้วยพระทัยกตัญญูต่อต้นพระศรีมหาโพธ์ิที่ให้ร่มเงา ได้อาศัยบําเพ็ญเพียรจนได้ตรัสรู้อริยสัจ ๔ บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นศาสดาเอก ของโลก
อทุ ยานพุทธรรมสิกขา จากอดีต ถงึ ปัจจุบนั สานต่อสอู่ นาคต ๔๔ ความกตัญญกู ตเวทีเป็นเคร่อื งหมายของคนดี ความกตัญญู คือ ความรู้อุปการะที่ผู้อ่ืนกระทําแก่ตน เป็นคุณธรรมท่ีเป็น พื้นฐานของมนุษย์ มนุษย์ต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสิ่งอื่น ด้านกายภาพดํารงอยู่ได้เพราะ ได้รับการเลี้ยงดูจากบุพการีมีบิดามารดา ญาติพี่น้อง เป็นต้น นอกจากน้ันยังต้องพึ่ง อาศัยปัจจัย ๔ เลี้ยงชีวิตจึงอยู่รอดมาได้ ด้านจิตใจได้รับการปลูกฝังอบรมคุณธรรม จริยธรรม ในการดําเนินชีวิตให้มีความเจริญรุ่งเรืองจากบิดามารดา เป็นต้น คุณธรรม กตัญญูน้ีมนุษย์พึงปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วยกันและต่อสัตว์สิ่งของและธรรมชาติส่ิงแวดล้อม อกี ดว้ ย คนทม่ี คี วามกตัญญู ย่อมทําตนเองและผู้อื่นให้มีความสุข พระพุทธศาสนาสอน ว่าบุคคลที่หาได้ยากในโลก มี ๒ อย่างคือ ๑. บุพการี ผู้ท่ีทําอุปการะแก่บุคคลอื่นก่อน และ ๒. กตัญญูกตเวที ผู้รู้อุปการะท่ีท่านแก่ตนแล้วตอบแทน บุคคลทั้ง ๒ อย่างน้ีมาคู่ กันเสมอ เพราะมีผู้ทําอุปการะก่อน จึงมีผู้รู้อุปการะที่ท่านทําแล้วและตอบแทน และ ที่ว่าหาได้ยาก เพราะว่าหมู่สัตว์ส่วนใหญ่ถูกอวิชชาครอบงํา ยากท่ีจะมองเห็นคุณของ บคุ คลอ่ืนได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ช่ือว่า เป็นบุพพการีของชาวโลกและหมู่เทวดา พระ อริยสาวกชื่อว่าเป็นกตัญญูกตเวที บิดามารดาได้ชื่อว่าบุพพการี, บุตรธิดาผู้เคารพ ปรนนิบัติเลย้ี งดบู ิดามารดาได้ชอ่ื วา่ กตญั ญูกตเวที เปน็ ต้น พระพุทธเจ้าทรงยกย่องพระสารีบุตรเถระว่า เป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที เพราะพระสารีบุตรระลึกได้ว่า ราธพราหมณ์ (ผู้มีวัยชรา ซึ่งเป็นเศรษฐีตกยาก ใคร่จะ บวช แต่ไม่มีใครจะสงเคราะห์บวชให้) เคยถวายข้าวสุกแก่ท่าน ๑ ทัพพี แล้วยินดีรับ เป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ และพระพุทธเจ้าก็ทรงอนุญาตการอุปสมบทโดยมีสงฆ์เป็น ใหญ่ ด้วยวิธีญัตติจตุตถกรรมสืบมาจวบปัจจุบัน อีกเร่ืองหน่ึงพระสารีบุตร ไม่เคยลืม บุญคุณของพระอัสสชิซึ่งเป็นครูบาอาจารย์รูปแรกของท่าน เวลาก่อนจําวัด ไม่ว่าจะ เดินทางไปพักอยู่ท่ีใดก็ตาม ท่านจะตามระลึกถึงพระอัสสชิเถระผู้เป็นอาจารย์เสียก่อน เมื่อทราบว่าพระอาจารย์พํานักอยู่ทางทิศใด ท่านจะจําวัดหันศีรษะไปทางทิศน้ัน เป็น การแสดงความเคารพตอ่ อาจารย์
อุทยานพุทธรรมสกิ ขา จากอดตี ถงึ ปัจจบุ ัน สานตอ่ ส่อู นาคต ๔๕ หน้าท่ีบุตรธิดาท่ีต้องตอบแทนคุณบิดามารดา ๕ ประการ (คือ ๑. เลี้ยงท่าน ตอบแทน ๒. ช่วยทํากิจธุระของท่าน ๓. ดํารงวงศ์สกุล ๔. ประพฤติตนให้เหมาะสมกับ ความเป็นทายาท ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทําบุญอุทิศให้ท่าน วิธีการตอบแทน คุณท่านทั้ง ๕ ประการดังกล่าวยังเป็นอย่างต่ํา ส่วนวิธีการตอบแทนอย่างสูงนั้นเราต้อง ปฏิบัติชอบในท่านด้วยคุณสัมปทา ๔ ประการคือชักนําท่านให้มีศรัทธา ศีล จาคะการ เสียสละยินดีในการบริจาค และได้รับอบรมปัญญาด้วยการปฏิบัติธรรมวิปัสสนา กรรมฐาน หน้าที่ศิษย์พึงตอบแทนบุญคุณของครูอาจารย์ ๕ ประการ (คือ ๑. ให้ความ เคารพ ๒. เข้าไปปรึกษาและรับคําแนะนํา ๓.ใฝ่ใจเรียน มีใจรักเรียนตั้งใจฟังให้เกิด ปัญญา ๔. ปรนนิบัติ ช่วยบริการอํานวยความสะดวก ๕. เรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ คือ เอาจรงิ เอาจัง ถือเปน็ กจิ สาํ คัญ) อานิสงส์ของความเป็นผู้กตัญญู พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็น ทําให้พ้นจากภัยพิบัติ ต่างๆ มีความเจริญรุ่งเรืองได้บรรลุคุณวิเศษจนถึงการพ้นทุกข์ และได้รับการสรรเสริญว่า เปน็ สัตบรุ ุษหรือเปน็ คนดี
อทุ ยานพุทธรรมสกิ ขา จากอดีต ถงึ ปจั จุบนั สานตอ่ สอู่ นาคต ๔๖ มหาสถานท่ี ๒ “อนิมิสเจดยี ์”5 พระองค์ผู้สงู ศักดา เหินสู่นภา แสดงยมกปาฏิหาริย์ สัปดาห์โดยกาล นามมงคลมี นยั นาเพง่ นงิ่ โพธ์นิ าน ใหท้ างขัดเกลา กตญั ญูต่อพฤกษ์โพธิ์ศรี ขนั ติประจาํ อนิมิสสเจดยี ์ ณ ที่แหง่ น้นั นานเนา เปน็ แหลง่ รําลึกรม่ เงา ตรสั รูอ้ ริยธรรม ขอกราบบาทพระผนู้ ํา จติ ขา้ ฯ ใหก้ ลา้ ทานทน ฯ .............................. 5 กาพย์ฉบงั ๑๖, ประพันธ์โดย พ.อ. ศรัณยภมู ิ ผู้พึง่
อุทยานพุทธรรมสิกขา จากอดีต ถงึ ปัจจบุ นั สานต่อสอู่ นาคต ๔๗ มหาสถานที่ ๓ “รัตนจงกรมเจดีย์” พระพุทธเจ้าทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์เนรมิตให้เกิดเป็นทางจงกรมแก้ว ปูด้วยทรายในท้องมหาสมุทรท้ังหมื่นโลกธาตุ ขนาบด้วยเสาทองคําทําจากเขาพระสุเมรุ ในหม่ืนจักรวาล พระอาทิตย์ พระจันทร์และดวงดาว กลายเป็นโคมไฟของทางจงกรม แล้วเสด็จพุทธดําเนินจงกรมบนรัตนจงกรม ทางด้านทิศเหนือของต้นพระศรีมหาโพธ์ิ ตลอด ๗ วนั
อุทยานพทุ ธรรมสิกขา จากอดตี ถึงปจั จบุ นั สานตอ่ สู่อนาคต ๔๘ สติปฏั ฐาน ๔ สติปัฏฐาน แปลว่า ท่ีต้ังของสติ คือวิธีปฏิบัติธรรมเพ่ือใช้สติให้สัมฤทธิผลท่ี ประเสริฐ เป็นวิธีปฏิบัติธรรมท่ีนิยมกันมาก เป็นทางสายเอกท่ีนําไปสู่ความบริสุทธ์ิ ข้าม พ้นความทุกขโ์ ศกเศร้าเสียใจได้ มี ๔ ฐาน คอื ๑. กายานปุ ัสสนา การพจิ ารณากาย หรอื ตามดูร้ทู นั กาย จาํ แนกวิธปี ฏิบัตดิ งั นี้ - อานาปานสติ คอื ตงั้ สตกิ าํ หนดลมหายใจเขา้ ออก - อิริยาบถ คือกําหนดอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน หรือร่างกายอยู่ในอาการ อยา่ งไรๆ กร็ ูช้ ัดในอาการทเี่ ป็นอยนู่ ั้นๆ - สัมปชัญญะ คือ มีความรู้ตัวทั่วพร้อมในการกระทําและความเคล่ือนไหว ทางกายทุกอยา่ ง เช่น การก้าวเดิน การเหลียวมอง การเหยียดมือ นุ่งห่มผ้า กิน ดื่ม เป็น ต้น - ปฏกิ ูลมนสิการ คือ พจิ ารณาร่างกายของตนว่าไม่สะอาด - ธาตุมนสิการ คือ พิจารณาร่างกายโดยแยกประเภทเป็นธาตุ ๔ (ดิน นํ้า ลม ไฟ) - นวสีวถิกา คือ มองเห็นศพ ๙ ระยะ ตั้งแต่ตายใหม่ๆ ไปจนถึงกระดูกผุ แล้วใหย้ ้อนมานึกถึงร่างกายของตนวา่ ก็จะต้องเป็นเช่นนน้ั เหมอื นกัน ๒. เวทนานุปัสสนา การตามดูร้ทู นั ความรูส้ ึกสขุ ทกุ ข์ หรือเฉยๆ ๓. จิตตานุปัสสนา การตามดูรู้ทันจิต เช่นจิตมีราคะ ไม่มีราคะ มีโทสะ ไม่มี โทสะ มีโมหะ ไม่มโี มหะ ฟุ้งซา่ น เป็นสมาธิ หลุดพ้น ยังไม่หลุดพ้น ฯลฯ ก็รู้ชัด ตามท่ีมัน เป็นอยู่ในขณะนั้นๆ ๔. ธัมมานุปัสสนา การตามดูรู้ทันธรรม (กุศลธรรม อกุศลธรรม) ท่ีเกิดขึ้น เหลา่ นี้คือ - นิวรณ์ ๕ คือ รู้ชัดส่ิงที่กีดก้ันขัดขวางความดี (กามฉันทะ พยาบาท ถีน มิทธะ (ความหดหู่ง่วงเหงา) อุทธัจจะกุกกุจจะ (ความฟุ้งซ่านกังวลใจ) วิจิกิจฉา (ความ สงสยั แคลงใจ) วา่ เกิดขน้ึ อยา่ งไร ละได้อยา่ งไรเปน็ ตน้ - ขนั ธ์ ๕ คอื กาํ หนดรขู้ นั ธ์ ๕ คอื อะไร เกดิ ข้นึ ได้อยา่ งไร ดบั ไปไดอ้ ย่างไร - อายตนะ ๑๒ คือ รู้ชัดในอายตนะภายใน ๖ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ภายนอก ๖ (รูป เสียง กล่ิน รส สัมผัส ธรรมารมณ์ (อารมณ์ท่ีเกิดกับใจ) ว่าก่อให้เกิด กิเลสท่ีผกู มดั ใจสตั ว์ เกดิ ข้ึนได้อย่างไร ละได้อย่างไร - โพชฌงค์ ๗ คือ รู้ชัดว่าโพชฌงค์ องค์ธรรมท่ีทําให้ตรัสรู้ (สติ ธรรมวิจัย วิริยะ ปีติ ปัสสัทธิ อุเบกขา) ว่ามีอยู่ในใจตนหรือไม่ ท่ียังไม่เกิด จะเกิดข้ึนได้อย่างไร ที่ เกดิ ขนึ้ แล้ว จะให้เจริญเตม็ บริบูรณ์ไดอ้ ย่างไร
อทุ ยานพุทธรรมสิกขา จากอดตี ถงึ ปจั จุบนั สานต่อสู่อนาคต ๔๙ - อริยสัจ ๔ คือ รู้ชัดอริยสัจ ๔ (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ตามความเป็น จริง วา่ คอื อะไร เป็นอยา่ งไร สรุปว่าให้มีสติดํารงอยู่เฉพาะหน้าว่า เพียงแค่เพื่อความรู้ เพียงแค่เพื่อความ ระลึก และเป็นอยอู่ ยา่ งไม่องิ อาศัย ไมถ่ ือมั่นส่งิ ใดๆ ในโลก โดยสาระสําคัญ สติปัฏฐาน ๔ บอกให้ทราบว่า ชีวิตของเรานี้มีจุดที่ควรใช้สติ คอยกาํ กบั ดูแล ๔ แห่ง คอื ๑.ร่างกายและพฤติกรรมของกาย ๒.เวทนาคือความรู้สึกสุข ทุกข์และเฉยๆ ๓.ภาวะจิตท่ีเป็นไปต่างๆ ๔.ความคิดนึกไตร่ตรอง ถ้าดําเนินชีวิตโดยมีสติคุ้มครองก็จะ ช่วยให้เป็นอยู่อย่างปลอดภัย ไร้ทุกข์ มีความสุข ผ่องใส และในเวลาปฏิบัติน้ัน ไม่ใช่ใช้ สติเพียงอย่างเดียว ต้องมีสมาธิข้ันอ่อน และต้องมีธรรมควบคู่เป็นประจํา ได้แก่ ๑.อาตา ปี = มีความเพียร ๒.สัมปชาโน = มีสัมปชัญญะ (มีปัญญา) ๓.สติมา = มีสติ ด้วยการมี สมั ปชญั ญะควบค่อู ยเู่ สมอน้ีเอง การฝกึ สติจงึ เปน็ กระบวนการพฒั นาปญั ญา
อทุ ยานพทุ ธรรมสกิ ขา จากอดีต ถึงปัจจบุ นั สานต่อสอู่ นาคต ๕๐ มหาสถานท่ี ๓ “รัตนจงกรมเจดีย์”6 ดว้ ยปาฏิหาริยด์ าลดล เกิดศรมี งคล รัตนจงกรมเจดีย์ เร่ียรายปัฐพี คมนาคม ทรงเอาทรายหมนื่ ธาตรี รวมหนง่ึ สัปดาห์ เปน็ ท่ีดาํ เนินจงกรม พระผอู้ ม่ิ เอม พระโลกเชษฐ์องค์ปฐม บนพนื้ อรุ ุรมยา วนั คนื ลว่ งลเุ วลา เสวยวมิ ตุ ิเกษม ขา้ ฯ กราบด้วยใจปรีดเ์ิ ปรม ดั่งแกว้ แพรวพรรณอาํ ไพฯ .............................. 6 กาพย์ฉบัง ๑๖, ประพันธ์โดย พ.อ. ศรัณยภูมิ ผ้พู งึ่
Search