ความดี คือ อะไร
คือการกระทําสิ่งใดแลว้ เกิดจากกศุ ลมูลขึน้ ในจิตใจ คือ ใจไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง จิตใจปลอดโปรง่ บริสทุ ธิ์ สงบ
ความชั่ว คือ อะไร
การกระทําทีเ่ กิดจาก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ทําใหจ้ ิตใจเรา่ รอ้ น เศร้าหมองขุ่นมัว กระวนกระวาย 7
ทางเดินของชีวิต อายุ ( ปี ) 10 20 30 40 50 60 70 80 0 เกิด พรหม ตาย เทวดา กศุ ลนําเกิด มนุษย์ เกิด อกุศลนาํ เกิด อบายภูมิ สัตวน์ รก เปรต อสรุ กาย สตั วด์ ิรัจฉาน เกิดเพือ่ ตาย ตายเพือ่ เกิด ส่วนจะเกิดเป็นอะไรขึน้ อยกู่ บั กุศล หรือ อกศุ ล ทีต่ นไดท้ ําไว้
นิพพาน วิปสั สนาฯ อรูปพรหม ๔ สมถ/วิปสั สนาฯ รูปพรหม ๑๖ สมถกรรมฐาน เทวดา ๖ ทาน มนษุ ย์ ศีล เดรจั ฉาน หลง เปรต โลภ อสรุ กาย หวาดกลัว สตั วน์ รก โกรธ
ใคร กาํ หนดชีวิตเรา
พรหมลิขิต สวรรค์ กําหนด ดวงชะตา ฟา้ ลิขิต
เจตนาหํ ภิกขฺ เว กมมฺ ํ วทามิ ภิกษุทง้ั หลาย เรากลา่ วว่าเจตนา คือ กรรม
กฎแห่งการกระทาํ (กรรม) \"กรรม\" คือ กฎของเหตแุ ละผล นั่นคือ \"เหต\"ุ ทีไ่ ด้กระทํานาํ มาซึง่ \"ผล\" ที่ต้องได้รับ \"ผล\" ทีไ่ ด้รับอย่ใู นขณะนี้แสดงถึง \"เหตุ\" ที่ เคยกระทําไว้แต่ก่อน
นานแคไ่ หนจึงใหผ้ ล
ทาํ ดีได้ดี มีที่ไหน ทาํ ชั่ว ได้ดีมีถมไป
การกระทาํ (กรรม)ใหผ้ ลตามเวลา 1. ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม = ให้ผลในชาตินี้ 2. อปุ ปัชชเวทนียกรรม = ให้ผลในชาติหน้า 3. อปราปรเวทนียกรรม = ให้ผลในชาติต่อ ๆ ไป 4. อโหสิกรรม = เลิกให้ผล คือให้ผลเสรจ็ ไปแล้ว หรือหมดโอกาสจะให้ผลต่อไป
ใหผ้ ลในชาตินี้
ใหผ้ ลในชาติหนา้
ใหผ้ ลในชาติตอ่ ๆไป
อโหสิกรรม (ดว้ ยอาํ นาจอรหตั ผล)
การกระทาํ (กรรม)ให้ผลตามหน้าที่ 1) ชนกกรรม = กรรมทีแ่ ต่งมาดีหรือชั่ว 2) อปุ ถัมภกกรรม = กรรมที่สนบั สนุน 3) อุปปีฬกกรรม = กรรมบีบค้นั หรือขดั ขวาง กรรมเดิม
กรรมทีแ่ ต่งมาดีหรือช่วั ลิซซี่ เวลาสเกซ
กรรมที่สนบั สนนุ
กรรมที่บีบค้นั ลิซซี่ เวลาสเกซ
อปุ ฆาตกกรรม กรรมตัดรอน เป็นกรรมพลิกหน้ามือเป็น หลังมือ
การกระทํา (กรรม)ใหผ้ ลตามความหนักเบา 1) ครุกรรม = กรรมหนกั จะให้ผลโดยไม่มี กรรมอื่นมาขวางหรือก้นั ได้ 2) พหุลกรรม = กรรมทีท่ ําจนชิน
คนช่วั ทําไมไม่ตายสกั ที คนดีทาํ ไมตายไว
นางสามาวดี
กมุ ภโฆสก
ทางเดินของชีวิต อายุ ( ปี ) 10 20 30 40 50 60 70 80 0 เกิด พรหม ตาย เทวดา กุศลนาํ เกิด มนุษย์ เกิด อกุศลนาํ เกิด อบายภูมิ สตั วน์ รก เปรต อสรุ กาย สตั วด์ ิรัจฉาน เกิดเพื่อตาย ตายเพื่อเกิด ส่วนจะเกิดเป็นอะไรขึน้ อยกู่ บั กุศล หรือ อกุศล ที่ตนไดท้ าํ ไว้
อตตฺ าหิ อตฺตโน นาโถ ตนแล เป็นทีพ่ ึ่งแห่งตน ขุ. ธ. ๒๕/๓๖,๖๖.
เมือ่ ถกู จาํ กัดบริเวณ อาหาร อิสรภาพ แต่ใจไมไ่ ดถ้ ูกจํากดั ไปดว้ ย
ญาติพี่น้อง จะรักเราขนาดไหน กไ็ มอ่ าจเจ็บปว่ ยแทนเราได้
เพือ่ นพ้องมากขนาดไหน ก็ไม่อาจแบง่ เบา ความเจ็บปวดไปจากเราได้
สดุ ท้ายกม็ ีเพียงจิตใจและลมหายใจเฮือก สุดท้ายที่จะอยู่กบั เรา
คณุ ธรรมศาสนาสอนอะไร
๑.รูปพรรณสณั ฐาน : ไม่มีรปู ร่าง (อสรีร)ํ ๒.มีหนา้ ที่ : รบั อารมณท์ ี่มากระทบ ๓.มีนิสัย : เก็บสะสมและจดจาํ อารมณ์ได้ ๔.งานอดิเรก : คิดปรุงแตง่ เกีย่ วกับอารมณน์ ั้น ๕.ผลงาน : ความรู้สึก สขุ ทกุ ข์ เฉย ๆ
๑.แดนปญั จทวาร : ตืน่ จากภวงั ค์ ออกมารับอารมณท์ ีม่ า กระทบทางทวาร ๕ (ตา หู จมูก ลิน้ กาย) ๒.แดนมโนทวาร : ตืน่ จากภวงั คข์ ึน้ สวู่ ิถี แต่ไม่ออกมารบั อารมณ์ภายนอก หันกลับเข้ารบั อารมณ์ภายใน (ธรรมารมณ์) เช่น มโนภาพ, คิดถึงอดีต, คิดอย่างลึกซึง้ , กําลงั ทําสมาธิ ๓.แดนภวงั ค์ : นอนนิ่งอยใู่ นฐานเดิมของตนทศี่ ูนยก์ ลางสมอง มีกาํ ลังอ่อน ไมข่ ึ้นสวู่ ิถีรบั อารมณ์ภายนอกใด ๆ แต่กร็ ับ อารมณภ์ ายในปกติ (อารมณ์ภายในของภวงั คจิตได้แก่ กรรมนิมิต คตินิมิต คนนอนหลับสนิท หรือคนสลบ
๖.มโนทวาร สญั ญา (ใจ) สังขาร เวทนา รูป ๕.กายทวาร (กาย) ส
การละปลิโพธ ๑. ห่วงบา้ น ๒. ห่วงสกลุ ๓. หว่ งลาภ ๔. หว่ งหมู่คณะ ๕. หว่ งทาํ ธุรกิจ ๖. หว่ งในการเดินทาง ๗. หว่ งญาติ ๘. หว่ งในโรค ๙. ห่วงในการเล่าเรียน ๑๐. ห่วงในการทีจ่ ะ แสดงฤทธิ์ 50
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108