Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาพื้นฐานการเขียนแบบ

วิชาพื้นฐานการเขียนแบบ

Published by k.kanokphet, 2020-06-24 22:11:17

Description: วิชาพื้นฐานการเขียนแบบ

Search

Read the Text Version

รหสั วชิ า 20106–1001 วชิ าพ้นื ฐานการเขยี นแบบเพอ่ื งานก่อสรา้ ง หลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พทุ ธศกั ราช 2562 ประเภทวชิ า ช่างอุตสาหกรรม สาขาวชิ าช่างก่อสรา้ ง จัดทำโดย นางสุพชิ ญา จนั ทร์ลอย ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะชานาญการพเิ ศษ วทิ ยำลัยเทคนิคมนี บรุ ี สถำบันกำรอำชีวศึกษำกรุงเทพมหำนคร สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ กระทรวงศึกษำธิกำร

สำรบัญ ลกั ษณะรำยวชิ ำ 1 หน้ำ จุดประสงค์รำยวชิ ำ คานา 1 เพ่ือใหม้ ีความเขา้ ใจหลกั การ เก่ียวกบั วธิ ีการใชเ้ ครื่องมือ อุปกรณ์ในการเขียน 2 แบบ และดูแลเคร่ืองมืออุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นการเขียนแบบ สารบญั 3 มีทกั ษะเกี่ยวกบั การเขียนแบบเส้น รูปร่าง รูปทรงเลขาคณิตและอกั ษร 5 ประกอบ ลกั ษณะรายวิชา มีเจตคติและกิจนิสยั ในการทางาน มวี ินยั มคี วามคิดสร้างสรรค์ รักษา ตารางวเิ คราะห์หลกั สูตรรายวิชา 12 ส่ิงแวดลอ้ ม การวิเคราะห์สมรรถนะการเรียนรู้และสมรรถนะรายวิชา กาหนดการจดั การเรียนรู้ 46 สมรรถนะรำยวิชำ แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยที่ 1 แสดงความรู้เก่ียวกบั หลกั การ วธิ ีการเขียนแบบและดูแลรักษาเครื่องมือและ อุปกรณ์ แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยที่ 2 เขียนแบบรูปทรงเรขาคณิต เขียนแบบภาพ 2 มิติ และ 3 มติ ิ เขียนแบบขยายส่วนประกอบอาคารอยา่ งง่าย แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยที่ 3 63 แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยที่4 คำอธิบำยรำยวิชำ 82 ศึกษาและปฏิบตั ิเกี่ยวกบั หลกั การเขียนแบบเสน้ ลกั ษณะต่างๆ แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท่ี 5 91 เคร่ืองมือและอุปกรณ์ในการเขียนแบบ การใชม้ าตราส่วน การบอกขนาด มิติ แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท่ี 6 รูปทรงเลขาคณิต 2 มติ ิ 3 มติ ิ และการเขียนแบบขยายส่วนประกอบอาคาร 103 อยา่ งง่าย แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท่ี 7 121 สมรรถนะประจำวิชำ แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยที่ 8 138 นกั ศกึ ษาสามารถนอ้ มนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมา บรู ณาการในการสร้างเคร่ืองมือหรืออุปกรณ์และนาเสนอผลงานได้

2 ตำรำงวเิ ครำะห์หลกั สูตรรำยวชิ ำ ตำรำงวเิ ครำะห์สมรรถนะรำยวชิ ำ 3 รหสั วชิ า 20106 - 1001 วิชาพ้นื ฐานการเขียนแบบเพ่อื งานก่อสร้าง หน่วยกิต 0 – 6 - 2

4 กำหนดกำรจัดกำรเรียนรู้ กำหนดกำรจัดกำรเรียนรู้ 5

6 กำหนดกำรจดั กำรเรียนรู้ หน่วยที่ 1 7 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ จำนวน 18 ชั่วโมง วชิ ำ พ้นื ฐานการเขียนแบบเพอื่ งานก่อสร้าง ชื่อหน่วย เขียนเสน้ และตวั อกั ษรท่ใี ชใ้ นงานก่อสร้าง ชื่อเร่ือง การเขียนลายเสน้ การเขียนแบบตวั อกั ษรไทย องั กฤษ 1. สำระสำคญั ในการเขียนแบบเบ้ืองตน้ จาเป็นตอ้ งใชเ้ ครื่องมือประกอบการเขียนแบบ และตอ้ งใชเ้ คร่ืองมอื ใหถ้ ูกวิธี ถูก ประเภท ที่สาคญั ตอ้ งใชเ้ ครื่องมอื ดว้ ยความระมดั ระวงั ไม่ทาใหเ้ กดิ ความเสียหายจะไดใ้ ช้เครื่องมือยาวนาน หลงั การใชง้ านตอ้ งทาความสะอาดทุกคร้ังและเกบ็ รักษาใหถ้ ูกวิธี การเริ่มตน้ เขยี นแบบตอ้ งมคี วามรูเ้ ร่ืองการลงน้าหนกั เสน้ ไมว่ ่าจะเส้นหนกั เสน้ เบาใชใ้ หถ้ ูกตอ้ งและเป็ น มาตรฐานสากล 2. สมรรถนะประจำหน่วยกำรเรียนรู้ - ใชแ้ ละบารุงรักษา เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นงานเขยี นแบบ - การลงน้าหนกั ของเสน้ 3. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 3.1 จุดประสงคท์ ว่ั ไป 3.1.1 เพอื่ ใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจ เกย่ี วกบั หลกั การใชแ้ ละบารุงรกั ษาอุปกรณ์ที่ใชใ้ นงาน อ่านแบบ เขียนแบบเบ้ืองตน้ 3.1.2 เพอ่ื ใหม้ ที กั ษะเกย่ี วกบั หลกั การใชแ้ ละบารุงรักษาอุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นงานอ่านแบบ เขยี นแบบเบ้ืองตน้ 3.1.3 เพอื่ ใหม้ ีความรับผิดชอบตอ่ การทางาน 3.1.4 เพอ่ื เขา้ ใจในการลงน้าหนกั ของเส้นในการเขียนแบบ 3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 3.2.1 อธิบายวธิ ีการใชแ้ ละบารุงรักษาอุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นงานอา่ นแบบ เขียนแบบเบ้ืองตน้ 3.2.2 สามารถใชอ้ ุปกรณ์ อุปกรณ์ที่ใชใ้ นงานอ่านแบบ เขยี นแบบเบ้ืองตน้ ไดอ้ ยา่ ง ถูกตอ้ ง 3.2.3 สามารถลงน้าหนกั ของแต่ละเส้นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 3.2.4 สมารถเขียนตวั อกั ษรไทยและองั กฤษที่ใชใ้ นงานอ่านแบบเขยี นแบบเบ้ืองตน้ ได้ อยา่ งถูกตอ้ ง

8 ตำรำงวเิ ครำะห์หลกั สูตรรำยวชิ ำ ตำรำงวเิ ครำะห์สมรรถนะรำยวชิ ำ 9 รหสั วชิ า 20106 - 1001 วิชาพ้นื ฐานการเขียนแบบเพ่อื งานก่อสร้าง หน่วยกิต 0 – 6 - 2

10 กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง)11 2. นาเขา้ สู่บทเรียนดว้ ยการเล่าถึงววิ ฒั นาการของงานอ่านแบบ 6.3 ใบงาน เขียนแบบสถาปัตยกรรม 6.4 ใบมอบหมายงาน ข้นั เนื้อหำ 3. บรรยายเน้ือหาความรู้เร่ืองการเขียนลายเส้นความสาคญั ของ 7. หลกั ฐำนกำรเรียนรู้ เสน้ และความสาคญั ของตวั อกั ษรตามหัวขอ้ ต่อไปน้ี 7.1 หลกั ฐานความรู้ ระดบั ความหนาของเส้น - แบบฝึกหัด , แบบทดสอบ ระดบั ความเขม้ ของเสน้ 3.3 หลกั การเขียนลายเสน้ 7.2 หลกั ฐานการปฏิบตั ิงาน - ชิ้นงานที่เสร็จสมบรู ณ์ 3.4 เทคนิคการเขียนลายเสน้ 3.5 การเขียนตวั อกั ษร 8. กำรวดั และประเมนิ ผล 3.6 ระดบั ความเขม้ ของเส้น 8.1 เคร่ืองมือประเมนิ 3.7 หลกั การเขียนตวั อกั ษร 8.1.1 แบบประเมินพฤติกรรมผเู้ รียน 3.8 เทคนิคการเขียนตวั อกั ษร 8.1.2 แบบทดสอบภาคความรู้ 4. สาธิตการการเขียนลายเส้นและการเขียนตวั อกั ษรจากใบงาน 8.1.3 แบบประเมินภาคปฏิบตั ิ ท่ี 1-3 8.2 เกณฑ์กำรประเมนิ ข้นั พยำยำม 5. ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิงานตามใบงาน 8.2.1 การประเมนิ พฤติกรรมผเู้ รียน ตอ้ งไดค้ ะแนนไมต่ ่ากวา่ 6. ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการตอบคาถาม การใหข้ อ้ มูล ต่างๆ ร้อยละ 80 ข้นั สำเร็จผล 7. ประเมนิ ผลสาเร็จของผเู้ รียนจากการทางานและช้ินงาน 8.2.2 การทดสอบภาคความรู้ ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ต่ากวา่ ร้อยละ 6. สื่อและแหล่งกำรเรียนรู้ 6.1 Power Point 60 6.2 ใบความรู้ 8.2.3 การประเมนิ ภาคปฏิบตั ิ ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ต่ากวา่ ร้อยละ 90

12 บทท1่ี 13 การเขียนลายเสน้ การเขยี นแบบตัวอักษรไทย อังกฤษ ต่อมามีการพบหลกั ฐานช้ินสาคญั ในทางโบราณคดีซ่ึงแสดงใหเ้ ห็นถึงจินตนาการ ความคิดสร้างสรรคง์ านทางดา้ นสถาปัตยกรรมโดยพบแผน่ หินเขียนเป็นภาพแปลน ววิ ฒั นำกำรงำนเขยี นแบบ ของป้อมปราการซ่ึงเขียนโดยซาลเดนกตู วั ชาวเมโสโปเตเมียเม่อื ประมาณ 4,000 ปี ก่อนตริสตศ์ กั ราช ชาวเมโสโปเตเมยี เป็นชาติแรกทรี่ ู้จกั การเขียนแบบ ยอ้ นเวลากลบั ไปกวา่ 2000 ปี การเขียนแบบสถาปัตยกรรมไดถ้ ือ กาเนิดข้ึนจากการทาแผนผงั พ้ืนทแี่ ละรูปทรงต่างๆ ของชาวกรีกและโรมนั โบราณ การเขียนแบบไดม้ ีการพฒั นาข้ึนมาเรื่อย ๆ โดยตลอดท้งั วิธีการ พวกเขาสารวจและทาแผนผงั อยา่ งละเอียด แมจ้ ะเป็นรูปทรงฟรีฟอร์มของวตั ถุใน เขียนเพือ่ ส่ือความหมายให้เขา้ ใจตรงกนั ระหว่างผอู้ อกแบบกบั ช่างเทคนิค ธรรมชาติ และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานอื่นๆ ผปู้ ฏิบตั ิงานเช่นแบบภาพฉายภาพตดั และการใชส้ ญั ลกั ษณ์ต่าง ๆ ในการเขียนแบบ ตลอดจนเครื่องมอื และอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการเขียนแบบซ่ึงตอ้ งอาศยั ทกั ษะและ เขา้ สู่ยคุ เรเนสซองส์ซ่ึงเป็นยคุ ฟ้ื นฟูศลิ ปะวทิ ยาการ เทคนิคต่างๆ จากอารยธรรม ประสบการณ์ของผเู้ ขียนเองในปัจจุบนั ไดม้ ีการพฒั นาการเขียนแบบโดยนาเอา โรมนั โบราณไดถ้ ูกคน้ พบอีกคร้ัง และยงั เพิ่มความรู้ทางคณิตศาสตร์และทฤษฎี คอมพวิ เตอร์มาช่วยใชใ้ นการเขียนแบบซ่ึงแบบทไ่ี ดจ้ ากการเขียนดว้ ยคอมพวิ เตอร์ อ่ืนๆ ทาให้แบบสถาปัตยกรรมในสมยั น้ีมีความสมจริง และยงั พฒั นาไปจนถึง จะสามารถทางานไดเ้ รียบร้อยสวยงามทนั สมยั และรวดเร็วข้ึน ระดบั มม่ี คี วามซบั ซอ้ นสูง

14 ควำมรู้พืน้ ฐำนกำรใช้ กำรบำรุงรักษำเครื่องมือ-อุปกรณ์ ควำมรู้พืน้ ฐำนกำรใช้ กำรบำรุงรักษำเครื่องมือ-อปุ กรณ์ 15 ให้ลำยเส้น ให้ลำยเส้น เคร่ืองมือ-อุปกรณ์ที่ใชใ้ นการเขียนแบบมอี ยดู่ ว้ ยกนั หลายอยา่ ง ดินสอประเภทน้ีจะทาการแต่งไสด้ ินสอ การแต่งปลายโดยนาไปฝนกบั กระดาษมี ผทู้ ่จี ะฝึกหัดการเขียนแบบจะตอ้ งรู้จกั เครื่องมอื ต่างๆใหค้ รบ รู้จกั วธิ ีการใช้ งาน การบารุงรักษา จากน้นั จะตอ้ งสามารถเลือกใชใ้ หถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมกบั ดว้ ยกนั 2ลกั ษณะ ดงั น้ี รูปบน : ปลายกรวย การเขียนแบบในลกั ษณะงานต่างๆ อธิบายไดด้ งั น้ี รูปล่าง : ปลายล่ิม ดินสอประเภทน้ีมีไส้ทาจากแกรไฟตอ์ ยแู่ กนกลางถูกห่อหุ้มดว้ ยไม้ แต่งปลายทรงกรวย เหมาะสาหรับเขียนตวั หนงั สือ วงกลมหรือส่วนโคง้ เน้ืออ่อนท่ีดา้ นหวั จะมีสญั ลกั ษณะบอกความแข็งของไสด้ ินสอเรียกว่า เกรด ซ่ึงจะ แต่งปลายทรงล่ิม เหมาะสาหรับการเขียนลายเสน้ เส้นขอบช้ินงาน เส้นกาหนดขนาด เป็นตวั เลขและตวั ภาษาองั กฤษแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มตามความแขง็ ของไส้ น้นั คือ H(Hard) กล่มุ ไส้เกรดแขง็ มลี กั ษณะไส้ขนาดเลก็ ลกั ษณะของเสน้ จะบาง น้าหนกั ดนิ สอแบบเปลย่ี นไส้ขนำดโต เสน้ เบาเรียงลาดบั ความแขง็ จากมากมาหานอ้ ยคือ 9H,8H,7H,6H,5H,4H ดนิ สอเปลย่ี นไส้ขนำดเลก็ M(Medium) กลุ่มไส้เกรดแข็งปำนกลำง ใชก้ บั งานเขียนแบบทวั่ ไป โดยเส้นร่าง นิยมใชเ้ กรด 2H และลงเสน้ หนกั ใชเ้ กรด 2H และลงเส้นหนกั ใชB้ หรือHB Soft กลุ่มไส้เกรดอ่อน เกรดระบุ 2B,3B,4B,5B,6B,7B เรียงลาดบั จากความอ่อนนอ้ ย มาหาอ่อนมาก ดินสอเกรดน้ีจะใหเ้ สน้ ที่คมชดั นิยมใชก้ บั งานทางดา้ นศิลปะ

16โต๊ะเขียนแบบ Drawing table เคร่ืองมือ-อุปกรณ์ให้แนวโค้ง 17 ตวั แผน่ กระดานสามารถปรับมุม เอียงได้ เพอื่ ช่วยในการกม้ หรือ วงเวยี น บรรทดั โค้ง กำรบำรุงรักษำ เงยเวลาเขียน เคร่ืองมือ-อปุ กรณ์ในกำรวดั เคร่ืองมืออุปกรณ์ใน เครื่องมือ-อุปกรณ์ให้แนวระดับ แนวโค้ง วงเวยี นควรมี ไมท้ ีและทีสไลด์ กล่องใส่เฉพาะ บรรทดั กำรบำรุงรักษำบรรทดั ทแี ละไม้ทสี ไลด์ ท้งั ก่อนใชแ้ ละ โคง้ ควรทาความ หลงั ใชง้ านควรใชผ้ า้ สะอาดเชด็ เสมอ สะอาดดว้ ยผา้ สะอาด เคร่ืองมือ-อปุ กรณใ์ ห้แนวเอยี ง ไม้บรรทดั บรรทดั มำตรส่วน กำรบำรุงรักษำเครื่องงมืออปุ กรณ์ในกำรวดั ควรบารุงรักษา ในเร่ืองแถบตวั เลขบอกระยะห้ามเคาะหรือทาให้เกิดการ ฉำกสำมเหลยี่ ม ฉำกสำมเหลยี่ มแบบปรับมมุ บิดงอเด็ดขาด

18 ระดบั ควำมหนำของเส้น หลกั กำรเขียนลำยเส้น 19 เส้น (Line) เป็นสัญลกั ษณ์หน่ึงในการเขียนแบบ โดยเสน้ ให้ ชนดิ ของเส้นตำมกำรเขยี นแบบ แบง่ ได้ 4 แบบ ดงั ต่อไปน้ี ความหมายเป็นรูปร่างของแบบ รูปทรง อาณาบริเวณ รายละเอียดต่างๆ โดยแบ่ง ออกเป็น 3 กลุ่ม เสน้ เต็ม เส้นท่ีลากโดนต่อเนอื่ ง นา้ หนักสม้่าเสมอ ใช้สา้ หรับงาน ลากเส้นรา่ ง เสน้ รอบรูปงาน เสน้ บอกขนาดหรอื การเขียนตัวอักษร เส้นประ เสน้ ทล่ี ากเป็นเสน้ เต็ม แต่มกี ารเวน้ ระยะเป็นช่วงเทา่ ๆกนั ใชส้ าหรับการลากเส้นแสดงรอยตดั ผา่ น หรือส่วนของอาคารท่ีถูกบดบงั ระดบั ควำมเข้มของเส้น

20 หลกั กำรเขียนลำยเส้น หลกั กำรเขยี นลำยเส้น 21 เส้นลกู โซ่ คลา้ ยเสน้ ประแต่มชี ่วงระยะท่เี วน้ จะกวา้ งกว่า มจี ุดระยะก่ึงกลาง การใชเ้ ส้นชนิดต่างๆ ในงานเขียนแบบ ของการเวน้ ใชส้ าหรับการลากเส้นบอกแนวศูนยก์ ลางเสา สัญลกั ษณท์ ่อประปา เป็ นตน้ ลกั ษณะของเสน้ ทตี่ ่างกนั จะส่ือคว ามายทีต่ ่างกนั จึงควรทีจ่ ะใชใ้ หม้ ี มาตรฐาน เดียวกนั ตามที่นิยม ใช้ ปฏิบตั ิกนั ทว่ั ๆไปเพือ่ ไมใ่ ห้ เกิด ความสบั สน เส้นตดั ตอน คือเส้นทีล่ ากเส้นเตม็ มีการเวน้ ระยะและใชส้ ามเหล่ียมปรับ องศาลาดเอียงตดั ใชเ้ พื่อตดั ตอนในส่วนของลานเส้นหรือรูปงานทีย่ าวมากเกินไปท่ี แบบแสดงไม่หมด

22 เทคนคิ กำรเขยี นลำยเส้น 23 เทคนิควธิ ีกำรใช้เครื่องมือเขยี นแบบ เทคนคิ วธิ ีกำรเล่ือนฉำกสำมเหลยี่ มบนไม้ที 12 กำรเขียนเส้ นตรงในแนวนอนด้ วยไม้ที 34 มือซา้ ยตอ้ งจบั ส่วนหวั ไมท้ ีและกดใหแ้ นบติดกบั ขอบโตะ๊ ส่วนมือขวาจบั ดินสอ แลว้ ขีดเส้นจากดา้ นซา้ ยไปทางขวามอื โดยให้ส่วนปลายดินสอติดกบั ขอบไมท้ ี ลาดบั การติดยดึ กระดาษกบั โตะ็ เขียนแบบ เทคนคิ วธิ ีกำรเล่ือนไม้ทขี นึ้ ลง มือซา้ ยตอ้ งจบั ส่วนหัวไมท้ ี และกดใหแ้ นบติดกบั ขอบ โต็ะแลว้ เลื่อนข้ึน-ลงไปตาม ตาแหน่งตอ้ งการเขียนเส้น

เทคนคิ กำรเขียนลำยเส้น กำรใช้ฉำกสำมเหลย่ี มในทศิ ทำงมมุ ต่ำง ๆ การใชฉ้ ากสามเหลี่ยมเขียนเสน้ ในแนวตงั้ ฉาก เทคนิควธิ ีกำรเขียนเส้นตรงในแนวต้งั ดว้ ยฉากสามเหล่ียม กดให้ขอบหัวไมท้ ีแนบติดกบั ขอบโต๊ะ แลว้ วางฉากสามเหล่ียมให้แนบ ขนานกบั ขอบไมท้ แี ลว้ ใชม้ อื ซา้ ยกดฉากสามเหล่ียมใหแ้ นบกบั กระดาษเขียนแบบ มอื การใชฉ้ ากสามเหล่ยี มเขยี นเสน้ เอียงทามมุ 30 องศา ขวาจบั ดินสอแลว้ ขีดเสน้ จากดา้ นล่างข้ึนไป ทางดา้ นบนตามแนวต้งั ฉากของฉาก สามเหลี่ยม การเขียนเสน้ ตรงในแนวเฉียงดว้ ยฉากสามเหล่ียม

24 เทคนิคกำรเขียนลำยเส้น 25 เทคนิควิธีการใชฉ้ ากสามเหลี่ยมเขียนเส้นเอียงท ามมุ 45 องศา การใชฉ้ ากสามเหล่ยี มประกอบกนั เขียนเสน้ เอียงทามมุ 75 องศา การใชฉ้ ากสามเหล่ียมเขียนเสน้ เอียงทามุม 60 องศา การใชว้ งเวยี นเขียนวงกลมหรือสว่ นโคง้ การใชฉ้ ากสามเหล่ียมประกอบกนั เขียนเส้นเอียงท ามุม 15 องศา ข้นั ที่ 1 ต้งั ระยะรัศมที ่ีตอ้ งการกบั สเกลบรรทดั ข้นั ท่ี 2 วางปลายขาเหลก็ วงเวยี นลงในตาแหน่งจุดศูนยก์ ลางวงกลมหรือรัศมี ข้นั ท่ี 3 เร่ิมเขียนวงกลมหรือส่วนโคง้ โดยหมนุ วงเวยี นไปตามเข็มนาฬิกาและ ใหเ้ อียงไปดา้ นหลงั ประมาณ 15 องศา

26 กำรเขยี นตวั อกั ษร 27 การเขียนตวั อกั ษรและตวั เลข การเขียนตวั อกั ษรและตวั เลขท่ีใชใ้ น เทคนิคการเขยี นตัวอักษร การเขียนแบบจะใชต้ วั อกั ษรตวั พิมพใ์ หญ่และตวั พมิ พเ์ ลก็ จะตอ้ งเป็นมาตรฐาน เดียวกนั ท้งั รูปแบบ สดั ส่วนความหนา และการอ่านตอ้ งเขา้ ใจง่าย หลักการเขยี นตวั อักษร สัดส่วนของตวั อกั ษร ประกอบด้วย -ความหนาของเสน้ มขี นาดเท่ากบั 1/10ของความสูงตวั อกั ษรใหญ่และเป็นแบบเสน้ เดียว - ความสูงของตวั อกั ษรเลก็ เท่ากบั 7/10 ของความสูงตวั อกั ษรใหญ่ - ตวั อกั ษรตวั เอียงจะเอียงประมาณ 65-75 องศา ควำมสูงมำตรฐำนของตวั อกั ษร แสดงข้นั ตอนในการเขียนตวั อกั ษรและตวั เลข ตวั เลขคือจงั หวะ ก่อนและหลงั การเขียนเส้นหวั ลูกษรคือทศิ ทางของ การเขียนเส้น

28 ใบงานสปั ดาห์ที่ 1 ใบงานสปั ดาห์ท่ี 1 29 ช่ือหน่วย เขียนเส้นและตวั อกั ษรท่ีใชใ้ นงานก่อสร้าง ช่ือหน่วย เขียนเสน้ และตวั อกั ษรท่ีใชใ้ นงานก่อสร้าง ช่ือเร่ือง การเขียนกรอบชิ้นงาน ช่ือเรื่อง การเขียนกรอบชิ้นงาน

30 ใบงานสปั ดาห์ที่ 1 ใบงานสปั ดาห์ท่ี 1 31 ช่ือหน่วย เขียนเส้นและตวั อกั ษรท่ีใชใ้ นงานก่อสร้าง ช่ือหน่วย เขียนเสน้ และตวั อกั ษรท่ีใชใ้ นงานก่อสร้าง ช่ือเร่ือง การเขียนกรอบชิ้นงาน ช่ือเรื่อง การเขียนกรอบชิ้นงาน

32 ใบงานสปั ดาห์ที่ 1 ใบงานสปั ดาห์ท่ี 1 33 ช่ือหน่วย เขียนเส้นและตวั อกั ษรท่ีใชใ้ นงานก่อสร้าง ช่ือหน่วย เขียนเสน้ และตวั อกั ษรท่ีใชใ้ นงานก่อสร้าง ช่ือเร่ือง การเขียนกรอบชิ้นงาน ช่ือเรื่อง การเขียนกรอบชิ้นงาน

34 ใบงานสปั ดาห์ที่ 2 ใบงานสปั ดาห์ที่ 2 35 ช่ือหน่วย เขียนเสน้ และตวั อกั ษรท่ีใชใ้ นงานก่อสร้าง ช่ือหน่วย เขียนเส้นและตวั อกั ษรท่ีใชใ้ นงานก่อสร้าง ช่ือเรื่อง การเขียนลายเสน้ ชื่อเรื่อง การเขียนลายเสน้

36 ใบงานสปั ดาห์ที่ 2 ใบงานสปั ดาห์ท่ี 3 37 ช่ือหน่วย เขียนเส้นและตวั อกั ษรท่ีใชใ้ นงานก่อสร้าง ชื่อหน่วย เขียนเส้นและตวั อกั ษรท่ีใชใ้ นงานก่อสร้าง ช่ือเร่ือง การเขียนลายเสน้ ชื่อเร่ือง การเขียนแบบตวั อกั ษรไทย องั กฤษ

38 ใบงานสปั ดาห์ที่ 3 ใบงานสปั ดาห์ที่ 3 39 ชื่อหน่วย เขียนเส้นและตวั อกั ษรที่ใชใ้ นงานก่อสร้าง ช่ือหน่วย เขียนเส้นและตวั อกั ษรที่ใชใ้ นงานก่อสร้าง ชื่อเรื่อง การเขียนแบบตวั อกั ษรไทย องั กฤษ ช่ือเร่ือง การเขียนแบบตวั อกั ษรไทย องั กฤษ

40 ใบงานสปั ดาห์ท่ี 3 หน่วยที่ 2 41 ชื่อหน่วย เขียนเสน้ และตวั อกั ษรที่ใชใ้ นงานก่อสร้าง แผนการจดั การเรียนรู้ จานวน 6 ชว่ั โมง ชื่อเรื่อง การเขียนแบบตวั อกั ษรไทย องั กฤษ วิชา พ้นื ฐานการเขียนแบบเพ่อื งานก่อสร้าง ช่ือหน่วย การสร้างภาพหลายเหลีย่ ม ชื่อเรื่อง การสร้างภาพหลาย เหล่ียมจานวนเหล่ียมคู่ การสร้างภาพหลาย เหลี่ยมจานวนเหล่ียมค่ี 1. สำระสำคญั การเขียนภาพหลายเหล่ียมแบบตา่ ง ๆ มีความสาคญั ในการเขยี นแบบไม่นอ้ ย ไปกว่าการเขยี นแบบอ่ืน ๆ นกั เรียนที่เรียนวิชาเขยี นแบบเบ้ืองตน้ จึงมีความ จาเป็ นตอ้ งฝึ กการเขียนแบบภาพเหลี่ยมคูแ่ ละเหลี่ยมค่ี ใหเ้ กิดความชานาญ และถูกตอ้ ง 2. สมรรถนะประจำหน่วยกำรเรียนรู้ การสรา้ งภาพหลายเหล่ียมไดต้ ามหลกั ท่ีต้งั ไส้ 3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 3.1 จุดประสงคท์ ว่ั ไป 3.1.1 เพ่อื ใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจ เกี่ยวกบั วธิ ีการการสรา้ งภาพ หลายเหลี่ยม 3.1.2 เพ่ือใหม้ ีทกั ษะเกี่ยวกบั วิธีการการสรา้ งภาพหลายเหลี่ยม 3.1.3 เพ่อื ใหม้ ีความรบั ผดิ ชอบต่อการทางาน 3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 3.2.1 การสรา้ งภาพหลายเหลี่ยม 3.2.2 การสร้างภาพหลายเหล่ียม เหลี่ยมจานวนเหล่ียมคู่ได้ 3.2.3 การสร้างภาพหลายเหลี่ยม เหล่ียมจานวนเหล่ียมคี่ได้

45 กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) 43 4. สำระกำรเรียนรู้ 4.1 การสรา้ งภาพหลายเลี่ยมฃ 4.1.1 การสร้างภาพหลาย เหล่ียมจานวนเหลี่ยมคู่ - การใช้ บารุงรักษาเคร่ืองมือ อุปกรณใ์ นการเขียนแบบ - หลกั การการสรา้ งภาพหลาย เหล่ียมจานวนเหลี่ยมคู่ - เทคนิคการสร้างภาพหลาย เหลี่ยมจานวนเหล่ียมคู่ - การลงน้าหนกั ของเส้น - ใชค้ วามคิด วิเคราะห์ 4.1.2 การสรา้ งภาพหลายเหลี่ยม จานวนเหล่ียมค่ี - การใช้ บารุงรักษาเคร่ืองมือ อุปกรณใ์ นการเขียนแบบ - หลกั การการสรา้ งภาพหลาย เหลี่ยมจานวนเหลี่ยมคี่ - เทคนิคการสรา้ งภาพหลาย เหลี่ยมจานวนเหลี่ยมค่ี - การลงน้าหนกั ของเส้น - ใชค้ วามคดิ วิเคราะห์ 5. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ สัปดำห์ที่ 4 ช่ัวโมงท่ี 18-24 เร่ือง กำรสร้ำงภำพหลำยเหลย่ี ม ข้นั นำ1. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรูป้ ระจาหน่วย 2. บรรยายเน้ือหาความรู้ เร่ือง การสร้างภาพหลายเล่ียม 2.1 การสร้างภาพหลาย เหล่ียมจานวนเหล่ียมคู่ - หลกั การการสร้างภาพหลาย เหลี่ยมจานวนเหล่ียมคู่ - เทคนิคการสรา้ งภาพหลาย เหล่ียมจานวนเหลี่ยมคู่

44 กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง)45 - การลงน้าหนกั ของเส้น 8. กำรวดั และประเมนิ ผล 2.2 การสร้างภาพหลายเหล่ียม จานวนเหลี่ยมคี่ 8.1 เคร่ืองมือประเมนิ 8.1.1 แบบประเมินพฤติกรรมผเู้ รียน - หลกั การการสร้างภาพหลาย เหล่ียมจานวนเหล่ียมค่ี 8.1.2 แบบทดสอบภาคความรู้ - เทคนิคการสรา้ งภาพหลาย เหลี่ยมจานวนเหลี่ยมคี่ 8.1.3 แบบประเมนิ ภาคปฏิบตั ิ - การลงน้าหนกั ของเสน้ 8.2 เกณฑ์กำรประเมนิ 3. สาธิตการการสรา้ งภาพหลายเหล่ียมจากใบงานที่ 4 8.2.1 การประเมนิ พฤติกรรมผเู้ รียน ตอ้ งไดค้ ะแนนไมต่ ่ากว่าร้อยละ 80 ข้นั พยำยำม 4. ใหน้ กั เรียนปฏิบตั งิ านตามใบงาน 8.2.2 การทดสอบภาคความรู้ ตอ้ งไดค้ ะแนนไมต่ ่ากว่าร้อยละ 60 8.2.3 การประเมนิ ภาคปฏิบตั ิ ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ต่ากว่าร้อยละ 90 5. ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการตอบคาถาม การใหข้ อ้ มูลต่าง ๆ ข้นั สำเร็จผล 6. ประเมินผลสาเร็จของผูเ้ รียนจากการทางานและช้ินงาน 6. สื่อและแหล่งกำรเรียนรู้ 6.1 Power Point 6.2 ใบความรู้ 6.3 ใบงาน 6.4 ใบมอบหมายงาน 7. หลกั ฐำนกำรเรียนรู้ 7.1 หลกั ฐานความรู้ แบบฝึ กหดั , แบบทดสอบ 7.2 หลกั ฐานการปฏิบตั งิ าน ชิ้นงานท่ีเสร็จสมบูรณ์

46 บทท2่ี 47 เร่ือง กำรสร้ำงภำพหลำยเหลย่ี ม กำรเขียนรูปทรงเรขำคณติ 2 มติ โิ ดยใช้วงเวียนและเซทปรับมมุ บอ่ เกิดของเส้นเกิดจากเอาจุดหลายจุดมาเรียงต่อกนั ตามแนวยาว ลกั ษณะของเสน้ ทเี่ กิดมีมติ ิเดียวคือ มแี ต่ ความยาวไม่มคี วามหนาหรือความกวา้ ง แต่ 12 3 ถา้ เราน าเอาปลายของเส้นท้งั 2 ขา้ งมาบรรจบกนั ก็จะท าให้เกิดรูปร่าง แบบต่าง ๆ ภาพทีเ่ กิดข้ึนเรียกว่า ภาพ 2 มิต เขียนรูปสามเหล่ียมในวงกลม ขน้ั ตอนการสรา้ ง กำรสร้ำงรูปทรงเรขำคณติ 2 มิติ 1 สรา้ งวงกลมตามโจทยก์ าหนด เรขาคณิตเป็นวิชาวา่ ดว้ ยการสร้างรูปทรงต่าง ๆ เช่น รูปเหลี่ยม 2 ใช้ D เป็นจดุ ศนู ยก์ ลาง รศั มี OD เขียนสว่ นโคง้ ตดั สว่ นโคง้ ของวงกลมทจ่ี ดุ E รูปทรงเหลี่ยม และอื่น ๆ ในการ เขียนรูปทรงเรขาคณิตที่นามาใชใ้ นการเขียนแบบ และF น้นั มีท้งั การนาหลกั มาใชโ้ ดยตรง และการประยกุ ตม์ าใชใ้ นการ เขียนรูปร่าง 3 ความยาว EF เป็นความยาวของรูปสามเหลี่ยมดา้ นเทา่ ลากเสน้ CE และ ช้ินงานต่าง ๆ ในการเขียนรูปทรงเรขาคณิตน้นั มีจุดประสงคเ์ พื่อนาวิธีการและ CF จะไดร้ ูป สามเหล่ียมดา้ นเทา่ CEF หลกั การเขียนภาพต่าง ๆ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ หถ้ ูกตอ้ ง พร้อมกนั น้นั จะไดฝ้ ึกการใช้ เครื่องมืออุปกรณใ์ หเ้ กิดความชานาญมากข้ึน

48 กำรเขียนรูปห้ำเหลีย่ มในวงกลม 49 กำรเขยี นรูปทรงเรขำคณติ 2 มิติโดยใช้วงเวยี นและเซทปรับมุม 12 การเขียนรูปส่ีเหล่ียมนอกวงกลม ข้นั ตอนกำรสร้ำง 3 4 12 1.เขยี นวงกลมโดยรัศมีเท่ากบั OD 34 ข้นั ตอนกำรสร้ำง 2 ใชจ้ ุด O เป็ นจุดศูนยก์ ลางแบ่งคร่ึงรัศมี OD ท่ีจุด C 1 กาหนดใหว้ งกลมมจี ุด O เป็นจุดศนู ยก์ ลาง 2 แบง่ วงกลมออกเป็น 4 ส่วนดว้ ยบรรทดั ฉาก 45 องศา ไดจ้ ุดตดั A, B, C และ D 3 ใชจ้ ุด C เป็ นจุดศูนยก์ ลาง กางวงเวียนรัศมี CA เขียนส่วนโคง้ ตดั เส้นศูนยก์ ลางที่ 3 ใชบ้ รรทดั ฉากทาบทจ่ี ุดตดั ของวงกลมท้งั 4 จุด จะไดร้ ูปสี่เหลี่ยมจตั ุรัส จุด E 4 ใชจ้ ุด A เป็ นจุดศูนยก์ ลาง กางวงเวียนรัศมี AE เขียนส่วนโคง้ ตดั วงกลมท่ีจุด B แลว้ เขยี น ส่วนโคง้ ตดั วงกลมออกเป็ น 5 ส่วน โดยเริ่มตน้ จากจุด A 5 ลากเส้นตอ่ จุดจะไดร้ ูปหา้ เหลี่ยมตามตอ้ งการ

50 กำรเขียนรูปเจ็ดเหลีย่ มในวงกลม 51 กำรเขียนรูปทรงเรขำคณติ 2 มติ โิ ดยใช้วงเวยี นและเซทปรับมุม 12 การเขียนรูปหกเหลี่ยมในวงกลม ข้นั ตอนกำรสร้ำง 3 4 12 ข้นั ตอนกำรสร้ำง 1 จากรูปสามเหล่ียมท่ไี ดจ้ ะเกิดจุดตดั ระหวา่ งเส้น OD กบั EF ทจ่ี ุด Q 1 รูป A เขียนวงกลมลากเสน้ ตรงตดั จุดศนู ยก์ ลางของวงกลม โดยทามมุ กบั เส้น ผา่ นศนู ยก์ ลาง 30 องศา ตดั วงกลม 2 ใชเ้ ซทลากต่อจุดท่ีเส้นตรงไปตดั วงกลม 3 จะไดร้ ูปหกเหล่ียมดา้ นเท่าภายในวงกลมตามตอ้ งการ 2 ความยาว EQ หรือ FQ คือความยาวของรูป 7 เหล่ียมดา้ นเท่า 3 ท่จี ุด F กางวงเวียนรัศมี EQ หรือ FQ เขียนส่วนโคง้ ตดั เสน้ รอบวงจะได้ 7 ส่วน 4 ลากเส้นต่อจุดตดั ท่ีส่วนแบ่งท้งั 7 ส่วนจะไดร้ ูป 7 เหลี่ยมดา้ นเท่า

52 กำรเขียนรูปแปดเหลี่ยมนอกวงกลม 53 กำรเขยี นรูปทรงเรขำคณติ 2 มิตโิ ดยใช้วงเวยี นและเซทปรับมุม กำรเขยี นเขียนรูปเจ็ดเหลยี่ มโดยกำหนดด้ำนให้ 1 ด้ำน 12 3 12 ข้นั ตอนกำรสร้ำง ข้นั ตอนกำรสร้ำง 1 เขียนวงกลม 1 กาหนดความยาวของดา้ นเท่ากบั AB 2 ลากเสน้ สมั ผสั ส่วนของวงกลมท้งั แนวต้งั และแนวนอน 2 ใหจ้ ุด A เป็นจุดศนู ยก์ ลางเขียนส่วนโคง้ ของวงกลม แลว้ แบ่งคร่ึงวงกลม 3 ใชเ้ ซท 45 องศา ลากเส้นสมั ผสั ส่วนของวงกลมจะไปตดั เส้นตรงทล่ี ากสัมผสั ออกเป็น 7 ส่วน เท่าๆ กนั ลากเสน้ ผา่ นจุด A1, A2, A3, A4, A5, A6 ใชจ้ ุด B กบั ส่วนของ วงกลมท้งั แนวต้งั และแนวนอน และจุด 2 เป็นจุดศนู ยก์ ลาง กางวงเวียนรัศมี AB เขียน ส่วนโคง้ ตดั A6ไดจ้ ุด C 4 จะไดแ้ ปดเหล่ียมดา้ นเทา่ ตามตอ้ งการ ตดั เสน้ A5 ไดจ้ ุด D ตดั เส้น A4 ไดจ้ ุด E ตดั เส้น A2 ไดจ้ ุด F 3 จากน้นั ต่อจุด A2, 2F, FE, ED, DC, CB จะไดร้ ูปเจ็ดเหล่ียมดา้ นเทา่ ตาม ตอ้ งการ

54 กำรเขียนรูปเก้ำเหลย่ี มในวงกลม 55 กำรเขยี นรูปทรงเรขำคณติ 2 มิตโิ ดยใช้วงเวยี นและเซทปรับมมุ กำรเขียนเขียนรูปแปดเหลยี่ ม 12 12 ข้นั ตอนกำรสร้ำง ข้นั ตอนกำรสร้ำง 1 สร้างส่ีเหลี่ยมจตั ุรัส 1 จากรูปสามเหลี่ยมท่ีจุด EF ใหต้ อ่ เสน้ ตรง EF ออกไปทาง F 2 ลากเส้นทะแยงมมุ สองเสน้ ตดั กนั 2 ที่จุด B ลากเส้นสมั ผสั วงกลมต้งั ฉากกบั เส้น EF ท่ีตอ่ ออกไปท่ีจุด M 3 ทีจ่ ุด A, B, C, D เป็นจุดศูนยก์ ลางรัศมคี ร่ึงหน่ึงของเสน้ ทแยงมุม เขียนส่วนโคง้ 3 ใช้ M และ Q เป็ นจุดศูนยก์ ลางรัศมีเท่ากบั MQ หรือ AO หรือ BO เขียนส่วนโคง้ ตดั เส้นตรง AB, BC, CD, DA ตดั กนั ท่ี จุด Y 4 จะไดแ้ ปดเหล่ียมดา้ นเท่าตามตอ้ งการ 4 ลากเสน้ OY ตดั ส่วนโคง้ ของวงกลมท่ีจุด G 5 ความยาว FG คอื ความยาวของรูป 9 เหลี่ยมดา้ นเท่า 6 ใช้ F เป็ นจุดศูนยก์ ลางรัศมี FG เขยี นส่วนโคง้ ตดั เสน้ รอบวงของวงกลมจนครบ เส้นรอบวง จะได้ 9 ส่วน 7 ลากเสน้ ตอ่ จากจุด F ไปยงั จุดตดั กบั ส่วนโคง้ ไวก้ ่อนแลว้ ตามล าดบั จนครบ 9 จุด จะไดร้ ูป 9 เหล่ียมดา้ นเท่าตามท่ีตอ้ งการ

56 ใบงำนสัปดำห์ท่ี 4 ใบงำนสัปดำห์ที่ 4 57 ชื่อหน่วย กำรสร้ำงภำพหลำยเหลยี่ ม ช่ือหน่วย กำรสร้ำงภำพหลำยเหลยี่ ม ชื่อเรื่อง กำรสร้ำงภำพสำมเหลย่ี ม ช่ือเร่ือง กำรสร้ำงภำพสำมเหลยี่ ม

58 หน่วยที่ 3 กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง)59 แผนการจดั การเรียนรู้ จานวน 18 ชวั่ โมง วชิ า พ้นื ฐานการเขียนแบบเพือ่ งานก่อสร้าง ช่ือหน่วย การเขียนแบบโดยใชว้ งเวยี น ชื่อเร่ือง การเขียนภาพเส้นโคง้ มว้ นกน้ หอ้ ย การเขียนเสน้ โคง้ ต่อเน่ือง 1. สำระสำคญั ในการเขียนแบบตอ้ งใชล้ กั ษณะเสน้ แบบต่าง ๆ การใชเ้ ส้นโคง้ กม็ ี ความสาคญั การใชเ้ คร่ืองมือในการเขยี นเส้นโคง้ สามารถใชเ้ คร่ืองมือไดห้ ลาย ประเภท วงเวียนก็เป็ นเคร่ืองมือท่ีใชเ้ ขยี นเสน้ โคง้ ประเภทหน่ึง นกั เรียนควรฝึ ก การเขียนเส้นโคง้ โดยใชว้ งเวยี นใหเ้ กิดความชานาญ 2. สมรรถนะประจาหน่วยการเรยี นรู้ ไดเ้ ส้นโคง้ ที่เป็ นเสน้ เดียวกนั ท้งั หมด 3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 3.1 จุดประสงคท์ วั่ ไป - เพ่ือใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจ เกี่ยวกบั หลกั การไดเ้ ส้นโคง้ ท่ีเป็ น เส้นเดียวกนั ท้งั หมด - เพือ่ ใหม้ ีทกั ษะเกี่ยวกบั การไดเ้ สน้ โคง้ ที่เป็ นเส้นเดียวกนั ท้งั หมด - เพอ่ื ใหม้ ีความรับผดิ ชอบตอ่ การทางาน 3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม - ไดเ้ ส้นโคง้ ที่เป็ นเส้นเดียวกนั ท้งั หมด - ปฏิบตั ิงานไดต้ ามกาหนดเวลา

60 กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง)61 4. สำระกำรเรียนรู้ 5. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 4.1 การเขยี นภาพเสน้ โคง้ กน้ หอย สัปดำห์ท่ี 5-7 ชั่วโมงท่ี 24-42 เร่ือง กำรเขยี นแบบโดยใช้วงเวยี น 4.1.1 การใช้ บารุงรกั ษาเคร่ืองมือ อุปกรณใ์ นการเขียนแบบ ข้นั นำ 4.1.2 หลกั การการเขยี นการเขยี นภาพเสน้ โคง้ กน้ หอย 1. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ประจาหน่วย 4.1.3 เทคนิคการเขยี นแบบการเขียนภาพเสน้ โคง้ กน้ หอย 2. บรรยายเน้ือหาความรู้ เรื่อง การเขียนแบบโดยใชว้ งเวยี น 4.1.4 การลงน้าหนกั ของเส้น 2.1 การเขียนภาพเส้นโคง้ กน้ หอ้ ย 4.1.5 ใชค้ วามคดิ วิเคราะห์ - หลกั การเขียนภาพเส้นโคง้ กน้ หอย 4.2 การเขียนเส้นโคง้ ต่อเน่ือง - เทคนิคการเขียนภาพเสน้ โคง้ กน้ หอย 4.2.1 การใช้ บารุงรกั ษาเครื่องมือ อุปกรณใ์ นการเขยี นแบบ 2.2 การเขียนเส้นโคง้ ตอ่ เน่ือง 4.2.2 หลกั การการเขียนการเขียนเส้นโคง้ ต่อเน่ือง - หลกั การเขียนเสน้ โคง้ ตอ่ เนื่อง 4.2.3 เทคนิคการเขยี นการเขยี นเส้นโคง้ ต่อเนื่อง - เทคนิคการเขียนเส้นโคง้ ตอ่ เน่ือง 4.2.4 การลงน้าหนกั ของเสน้ 2.3 การสรา้ งภาพวงรี 4.2.5 ใชค้ วามคดิ วเิ คราะห์ - หลกั การการสร้างภาพวงรี 4.3 การสร้างภาพวงรี - เทคนิคการสรา้ งภาพวงรี 4.3.1 การใช้ บารุงรกั ษาเคร่ืองมือ อุปกรณ์ในการเขยี นแบบ 3. สาธิตการการเขียนแบบโดยใชว้ งเวียนจากใบงานที่ 5-7 4.3.2 หลกั การการสร้างภาพวงรี ข้นั พยำยำม 4.3.3 เทคนิคการสร้างภาพวงรี 4. ใหน้ กั เรียนปฏิบตั งิ านตามใบงาน 4.3.4 การลงน้าหนกั ของเส้น 5. ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการตอบคาถาม การใหข้ อ้ มูลต่าง ๆ 4.3.5 ใชค้ วามคิด วเิ คราะห์

62 กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) การเขียนแบบโดยใชว้ งเวียน 63 ข้นั สำเร็จผล 6. ประเมินผลสาเร็จของผเู้ รียนจากการทางานและชิ้นงาน อุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการเขียน ส่วนโคง้ มหี ลายแบบข้ึนอยกู่ บั ลกั ษณะงาน 6. สื่อและแหล่งกำรเรียนรู้ และการนาไปใช้ เช่น วงเวยี น แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ วงเวยี นที่ใช้ 6.1 Power Point 6.2 ใบความรู้ เขียนส่วนโคง้ และวงเวยี นทใี่ ชถ้ ่ายขนาด เป็นตน้ 6.3 ใบงาน 1 วงเวยี น เป็นอุปกรณส์ าหรับเขียนวงกลม หรือส่วนโคง้ 6.4 ใบมอบหมายงาน 7. หลกั ฐำนกำรเรียนรู้ วงเวยี นมีหลายแบบ ควรเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะงาน 7.1 หลกั ฐานความรู้ 2 วงเวยี นถ่ำยขนำด เป็นวงเวยี นที่มีปลายแหลม 2 ขา้ ง วงเวียนชนิดน้ีใช้ แบบฝึ กหดั , เอกสารโครงงาน สาหรับถ่ายขนาด ท่วี ดั ขนาดจากฟุตเหลก็ หรือฉากสามเหล่ียม แลว้ นาไป ถ่ายลงบนแบบทาให้สามารถแบ่งเสน้ ตรง แบ่งวงกลม ใหม้ ขี นาดเท่าๆ 7.2 หลกั ฐานการปฏิบตั ิงาน กนั ไดส้ ะดวกและรวดเร็วง่ายต่อการเขียนแบบ ช้ินงานที่เสร็จสมบูรณ์ 8. กำรวดั และประเมินผล 8.1 เคร่ืองมือประเมนิ 8.1.1 แบบประเมินพฤติกรรมผเู้ รียน 8.1.2 แบบทดสอบภาคความรู้ 8.1.3 แบบประเมินภาคปฏิบตั ิ 8.2 เกณฑ์กำรประเมิน 8.2.1 การประเมินพฤติกรรมผเู้ รียน ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ตา่ กวา่ รอ้ ย ละ 80 8.2.2 การทดสอบภาคความรู้ ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ตา่ กว่าร้อยละ 60 8.2.3 การประเมินภาคปฏิบตั ิ ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ต่ากว่าร้อยละ 90

64 การเขียนแบบโดยใชว้ งเวียน การเขียนแบบโดยใชว้ งเวยี น 65 วธิ กี ำรเขยี นวงกลมหรือ ส่วนโค้ง ให้ปรับขาวงเวียนขา้ งทเี่ ป็นเหล็กแหลมยาว การใชว้ งเวยี นวดั ระยะหรือดิไว เดอร์ ตอ้ งระวงั อยา่ กดแรงเกินไป กวา่ ขา้ งที่เป็นไส้เล็กนอ้ ย เพราะปลายแหลมตอ้ งปรับจมลงในกระดาษ เมอื่ เพราะจะทาให้เกิดรูท่ีไม่เรียบร้อยบนกระดาษ และจะทาให้วงเวียน ปรับไดร้ ัศมีทต่ี อ้ งการแลว้ ให้จบั ดา้ นวงเวียนดว้ ยน้ิวหัวแม่มอื กบั น้ิวช้ี หมุน ถ่างออกเสียระยะอกี ดว้ ย วงเวยี นตามเข็มนาฬิกา และให้เอนวงเวียนไปในทศิ ทางของการลากเส้น การหมนุ ดิไวเดอร์ควรหมุนสลบั ขา้ งซา้ ยขวาของเสน้ ตรง เพ่ือ เล็กนอ้ ย พยายามหมนุ วงเวียนเพียงคร้ังเดียว เพ่ือใหไ้ ดเ้ สน้ ที่คมและสมบูรณ์ หักลา้ งความคลาดเคลื่อนสะสมใดๆ ท่ีอาจจะเกิดข้ึน 1 21 2 3 3

66 กำรเขยี นภำพเส้นโค้งก้นห้อย กำรเขยี นภำพเส้นโค้งก้นห้อย 67 ข้นั ตอนท1่ี ข้นั ตอนท2ี่ ข้นั ตอนท3ี่

68 กำรเขยี นภำพเส้นโค้งก้นห้อย กำรเขยี นภำพเส้นโค้งก้นห้อย 69 ข้นั ตอนท4่ี ข้นั ตอนท6่ี ข้นั ตอนท5่ี ข้นั ตอนท7ี่

70 กำรเขียนภำพเส้นโค้งก้นห้อย กำรเขยี นภำพเส้นโค้งก้นห้อย 71 ข้นั ตอนท8่ี ข้นั ตอนท1่ี 0 ข้นั ตอนท9่ี กำรเขยี นโค้งต่อเน่ือง บรรทดั เขยี นส่วนโค้ง (IRREQULAR CURVES) บรรทดั เขียนส่วนโคง้ เป็ นการเขยี นที่จะใชใ้ นการเขียนส่วนโคง้ หรือเส้นโคง้ ใน แบบงานที่ไม่สามารถใชว้ งเวยี นเขียนการใชบ้ รรทดั ส่วนโคง้ เป็ นการเขียนที่จะตอ้ งใหเ้ ส้น ต่อเนื่องกนั โดยการใหส้ ่วนโคง้ ของบรรทดั สัมผสั 3 จุด แลว้ จึงลากเส้นผ่านจุดซ่ึงผปู้ ฏิบตั ิ งานจะตอ้ งมีความชานาญ และมีประสบการณ์ในการใชบ้ รรทดั เขยี นส่วนโคง้ จึงสามารถ เขยี นส่วนโคง้ ไดส้ มบูรณ์

72 กำรสร้ำงภำพวงรี 73 ข้นั ตอนท1ี่ ข้นั ตอนท3ี่ ข้นั ตอนท2่ี ข้ันตอนท4่ี

74 ใบงานสปั ดาห์ที่ 5 ใบงานสปั ดาห์ท่ี 6 75 ช่ือหน่วย การเขียนแบบโดยใชว้ งเวยี น ช่ือหน่วย การเขียนแบบโดยใชว้ งเวยี น ชื่อเร่ือง การเขียนภาพเส้นโคง้ มว้ นกน้ ห้อย ชื่อเร่ือง การเขียนเสน้ โคง้ ต่อเนื่อง

76 ใบงานสปั ดาห์ท่ี 7 หน่วยที่ 4 77 ชื่อหน่วย การเขียนแบบโดยใชว้ งเวยี น ชื่อเร่ือง การสร้างภาพวงรี วชิ ำ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ ชื่อหน่วย ชื่อเร่ือง จำนวน 6 ช่ัวโมง พ้ืนฐานการเขียนแบบเพอื่ งานก่อสร้าง การเขียนภาพสามมติ ิ การเขียนภาพสามมติ ิ 1. สำระสำคญั การเขยี นภาพสามมิตเิ ป็นส่วนหน่ึงของการเขยี นแบบเบ้ืองตน้ และเป็ นพ้ืนฐาน ในการเขยี นแบบทางสถาปัตยกรรม และแบบวิศวกรรม ในการเขียนแบบก่อสร้าง นักเรียนจะไดม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจในภาพฉายสามมิตทิ ุกดา้ นของรูปงาน 2. สมรรถนะประจำหน่วยกำรเรียนรู้ การเขยี นภาพสามมิตติ ามข้นั ตอน 3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 3.1 จดุ ประสงคท์ ว่ั ไป 3.1.1 เพอ่ื ใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจ หลกั การเขียนภาพสามมิติ 3.1.2 เพ่อื ให้มที กั ษะในการทางานแตล่ ะข้นั ตอนของการเขียนภาพ สามมติ ิ 3.1.3 เพ่ือให้มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ การทางาน 3.2 จดุ ประสงเชิงพฤติกรรม 3.2.1 อธิบายข้นั ตอนการเขยี นภาพสามมิติได้ 3.2.2 เลอื กใชเ้ คร่ืองมือไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมกบั งาน และใชอ้ ยา่ งถูก วธิ ี 3.2.3 ปฏิบตั งิ านไดต้ ามกาหนดเวลา 3.2.4 ให้ขอ้ คิดเชิงคุณธรรมจากการทางานได้

7ก8ำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) 4. สำระกำรเรียนรู้ 79 4.1 การเขยี นภาพสามมิติ 5.1.1 การใช้ บารุงรกั ษาเครื่องมือ อุปกรณ์ในการเขียนแบบ 5.1.2 หลกั การเขยี นภาพสามมิติ 5.1.3 เทคนิคการเขียนภาพสามมิติ 4.1.4 การลงน้าหนกั ของเสน้ 4.1.5 ใชค้ วามคิด วิเคราะห์ 5. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ สัปดำห์ที่ 8 ช่ัวโมงที่ 42-48 เรื่อง กำรเขยี นภำพสำมมติ ิ ข้นั นำ 1. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรูป้ ระจาหน่วย 2. บรรยายเน้ือหาความรู้ เรื่อง การเขยี นภาพสามมิต 2.1 การเขยี นภาพสามมิติ - หลกั การเขียนภาพสามมิติ - เทคนิคการเขยี นภาพสามมิติ - การลงน้าหนกั ของเส้น 3. สาธิตการเขยี นภาพสามมิติจากใบงานท่ี 8 ข้นั พยำยำม 4. ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิงานตามใบงาน 5. ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการตอบ คาถาม การใหข้ อ้ มูลตา่ งๆ ข้นั สำเร็จผล 6. ประเมินผลสาเร็จของผเู้ รียนจากการทางานและ ช้ินงาน

8ก0ำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) การเขียนภาพสามมติ ิ 81 6. ส่ือและแหล่งกำรเรียนรู้ ภำพสำมมติ หิ มำยถงึ การเขยี นภาพโดยการนาพ้นื ผิวแต่ละดา้ นของ 6.1 Power Point ช้ินงานมาเขยี นประกอบกนั เป็ นรูปเดียว ทาใหส้ ามารถมองเห็นลกั ษณะ 6.2 ใบความรู้ รูปร่าง พ้นื ผิว ไดท้ ้งั ความกวา้ ง ความยาว และความหนาของชิ้นงาน ทา 6.3 ใบงาน ใหภ้ าพสามมิติมลี กั ษณะคลา้ ยกบั การมองชิ้นงานจริง ภาพสามมิติท่ี 6.4 ใบมอบหมายงาน เขยี นในงานเขียนแบบมีหลายประเภท แตล่ ะประเภทก็มีความแตกต่าง กนั ในการวางมุมการเขียน และขนาดของชิ้นงานจริง กบั ขนาดชิ้นงาน 7. หลกั ฐำนกำรเรียนรู้ ในการเขียนแบบซ่ึงผเู้ ขยี นแบบตอ้ งศึกษาลกั ษณะของภาพสามมิติแต่ 7.1 หลกั ฐานความรู้ ละประเภทต่างๆ ใหเ้ ขา้ ใจ เพือ่ สามารถปฏิบตั ิการเขยี นแบบไดอ้ ยา่ ง แบบฝึ กหดั , เอกสารโครงงาน ถูกตอ้ ง ซ่ึงมีลกั ษณะการเขยี นภาพสามมิติอยู่ 3 ลกั ษณะใหญๆ่ 7.2 หลกั ฐานการปฏิบตั งิ าน ช้ินงานท่ีเสร็จสมบูรณ์ ภำพทศั นยี ภำพ เป็ นภำพเขยี นแบบทม่ี ีลกั ษณะเป็ นจุดรวมสำยตำ 8. กำรวดั และประเมนิ ผล ภำพทศั นยี ภำพแบบรวมสำยตำ 1 จุด เป็ นภาพเขียนแบบทมองเห็นดา้ นหนา้ 8.1 เคร่ืองมือประเมนิ ลกั ษณะตรงตงฉากและจะเห็นดา้ นอ่ืนเอียงลึกลงไปรวมจุดเพียงหน่ึงจุด มีอยู่ 8.1.1 แบบประเมินพฤตกิ รรมผเู้ รียน 3 ลกั ษณะคือแนว ระดบั สายตา, แนวมุมสงู และแนวมุมตา่ 8.1.2 แบบทดสอบภาคความรู้ 8.1.3 แบบประเมินการทาโครงงาน 8.2 เกณฑ์กำรประเมิน 8.2.1 การประเมินพฤติกรรมผเู้ รียน ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ตา่ กว่ารอ้ ยละ 80 8.2.2 การทดสอบภาคความรู้ ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ต่ากวา่ ร้อยละ 60 8.2.3 การประเมินการทาโครงงาน ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ต่ากวา่ ร้อยละ 90

82 การเขยี นภาพสามมิติ การเขยี นภาพสามมติ ิ 83 ภำพทศั นียภำพแบบรวมสำยตำ 2 จุด เป็ นภาพเขยี นแบบที่มีจุดรวมสายตา อยู่ 2 จุด คือจุดทางดา้ นซา้ ยมือ (LVP) และจุดทางดา้ นขวามือ (RVP) ภำพทศั นยี ภำพแบบรวมสำยตำ 3 จุด เป็ นภาพเขียนแบบท่ีมีจุดรวมสายตาอยู่ 3 จุด ภำพสำมมติ สิ ำมำรถแบ่งออกได้หลำยประเภท ดงั นี้ คอื จุดรวมสายตาทางดา้ นซา้ ยมือจุดรวมสายตาทางดา้ นขวามือ และจุดรวมสายตา ภำพสำมมิตแิ บบ TRIMETRIC เป็ นภาพสามมิติท่ีมีความสวยงาม และลกั ษณะ ทางดา้ นล่าง (หรือดา้ นบน) คลา้ ยของจริงมากท่ีสุดและเป็ นภาพที่งา่ ยตอ่ การอ่านแบบเพราะเป็ นภาพที่เขยี นได้ ยาก เนื่องจากมุมทใ่ี ช้เขยี นเอยี ง 12 องศำ และ 23 องศำ และอตั รำควำมยำวของแต่ ละด้ำนไม่เท่ำกนั

84 การเขยี นภาพสามมติ ิ การเขยี นภาพสามมติ ิ 85 ภำพสำมมิตแิ บบ DIMETRIC เป็ นภาพสามมิตทิ ี่มีลกั ษณะคลา้ ยกบั ภาพถ่าย ภำพสำมมิตแิ บบ OBQIUE และงา่ ยตอ่ การอ่านแบบ แต่ไม่ค่อยนิยมในการเขียนแบบเพราะเป็ นภาพท่ีเขยี น เป็ นภาพสามมิตทิ ี่นิยมเขียนมาก สาหรับงานท่ีมีรูปร่างเป็ นส่วนโคง้ ไดย้ าก เนื่องจากมุมทใ่ี ช้เขยี น เอยี ง 7 องศำ และ 42 องศำ และขนำดควำมหนำ หรือรูกลมเพราะสามารถเขยี นไดง้ า่ ยและรวดเร็วเนื่องจากภาพ ของภำพทเ่ี ขยี นจะลดขนำดลงคร่ึงหนึ่งของควำมหนำจริง OBQIUE จะวางภาพดา้ นหน่ึงอยใู่ นแนวระดบั เอียงทามุมเพียงดา้ น เดียว โดยเขียนเป็ นมุม 45 องศา สามารถเขียนเอียงไดท้ ้งั ดา้ นซา้ ยและ ภำพสำมมติ แิ บบ ISOMETRIC เป็ นภาพสามมิติที่นิยมเขยี นมาก เพราะภาพท่ี ขวาความหนาของงานดา้ นเอียงขนาดลดลงคร่ึงหน่ึง ภาพ OBQIUE เขยี นงา่ ย เน่ืองจากภาพมีมุมเอียง 30 องศา ท้งั สองขา้ งเท่ากนั และขนาดความยาวของ มี 2 แบบ คอื แบบคาวาเลียร์ (CAVALIER) และแบบคาบิเนต ภาพทุกดา้ นจะมีขนาดเท่าขนาดงานจริง ภาพที่เขียนจะมีขนาดใหญ่มากทาใหเ้ ปลือง (CABINET) เน้ือท่ีกระดาษ กำรเขยี นภำพ ISOMETRIC ทุกภาพจะเร่ิมจากการเขียนเส้นร่างจากกล่อง สี่เหลี่ยม โดยมีขนาดความกวา้ ง ความยาว และความสูง ซ่ึงจะไดจ้ ากการ กาหนดขนาดจากภาพฉาย จากน้นั เขยี นรายละเอียดส่วนต่างๆ ของช้ินงาน

86 การเขยี นภาพสามมิติ ใบงำนสัปดำห์ที่ 8 87 ช่ือหน่วย กำรเขยี นภำพสำมมติ ิ กำรเขยี นภำพ OBLIQUE ทุกภาพจะเร่ิมจากการเขยี นเสน้ ร่างจากกล่อง ช่ือเร่ือง กำรเขยี นภำพสำมมติ ปิ ระยุกต์วงรี สี่เหลี่ยม โดยมีขนาดความยาว ความยาว และความสูงเท่ากบั ขนาดของ ช้ินงานจริง ซ่ึงจะไดจ้ ากการบอกขนาดในภาพฉาย ลากเสน้ เอียง 45 องศา จากขอบงานดา้ นหนา้ ไปยงั ดา้ นหลงั โดยใหม้ ีความยาวเท่ากบั คร่ึงหน่ึงกบั ความกวา้ งที่กาหนดใหจ้ ากภาพฉายดา้ นขา้ ง ลากเสน้ ร่างเป็ นรูปกล่องสี่เหลี ยม จากน้นั เร่ิมเขยี นส่วนตา่ งๆ ของชิ้นงาน ลบเสน้ ท่ีไม่ใชอ้ อก และลงเสน้ หนกั ท่ีรูปงาน กำรเขยี นวงรีภำพสำมมติ ิ กำรเขยี นวงรีแบบ ISOMETRIC ช้ินงานท่ีมีลกั ษณะเป็ นทรงกระบอก หรืองานท่ีมีหนา้ ตดั กลม เช่น รูปกลม ส่วน โคง้ เม่ือเขียนเป็ นภาพไอโซเมตริกแลว้ หนา้ ตดั ของรูปทรงกระบอกหรือรูกลม น้นั จะเอียงเป็ นมุม 30 องศา หรือทาใหม้ องเห็นเป็ นลกั ษณะวงรี

88 หน่วยที่ 5 กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง)89 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ จำนวน 12 ช่ัวโมง วชิ ำ พืน้ ฐำนกำรเขยี นแบบเพ่ืองำนก่อสร้ำง ชื่อหน่วย กำรเขยี นภำพ OBLIQUE ชื่อเรื่อง กำรเขยี นภำพ OBLIQUE 1. สำระสำคญั การเขียนภาพ OBLIQUE เป็นภาพสามมิติอีกชนิดหน่ึง มีลกั ษณะคลา้ ยกับรู ปไอโซ เมตริก ส่วนท่ีแตกต่างกนั คอื ภาพ OBLIQUE จะแสดงดา้ นหนา้ ตรงๆ ส่วนดา้ นขา้ งจะทามุม 45 องศา เพียงดา้ นเดยี ว คอื ดา้ นขวามอื เนืองจากภาพ OBLIQUE แสดงดา้ นหน้าไดช้ ดั เจนดี จึงนิยมเขยี นภาพท่ีมรี ายละเอียดดา้ นหน้ามากๆ 2. สมรรถนะประจำหน่วยกำรเรียนรู้ การเขยี นภาพ OBLIQUE ตามข้นั ตอน 3. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 3.1 จุดประสงคท์ ว่ั ไป 3.1.1 เพ่อื ให้มคี วามรู้ความเขา้ ใจ หลกั การเขยี นภาพ OBLIQUE 3.1.2 เพ่อื ใหม้ ีทกั ษะในการทางานแต่ละข้นั ตอนของการเขียนภาพ OBLIQUE 3.1.3 เพ่อื ให้มีความรับผดิ ชอบต่อการทางาน 3.2 จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม 3.2.1 อธิบายข้นั ตอนการเขียนภาพ OBLIQUE ได้ 3.2.2 เลอื กใชเ้ ครื่องมือไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมกบั งาน และใชอ้ ยา่ งถูกวธิ ี 3.2.3 ปฏิบตั ิงานไดต้ ามกาหนดเวลา 3.2.3 ให้ขอ้ คดิ เชิงคุณธรรมจากการทางานได้

90 กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง)91 ข้นั สำเร็จผล 6. ประเมินผลสาเร็จของผเู้ รียนจากการทางานและช้ินงาน 4. สำระกำรเรียนรู้ 4.1 การเขยี นภาพ OBLIQUE 6. ส่ือและแหล่งกำรเรียนรู้ 4.1.1 ใชค้ วามคดิ วเิ คราะห์ 6.1 Power Point 4.1.2 หลกั การเขียนภาพ OBLIQUE 6.2 ใบความรู้ 4.1.3 เทคนิคการเขยี นภาพ OBLIQUE 6.3 ใบงาน 4.1.4 การลงน้าหนกั ของเสน้ 6.4 ใบมอบหมายงาน 5. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 7. หลกั ฐำนกำรเรียนรู้ สัปดำห์ท่ี 9-10 ชั่วโมงท่ี 48-60 7.1 หลกั ฐานความรู้ เรื่อง กำรเขยี นภำพ OBLIQUE แบบฝึกหดั , เอกสารโครงงาน ข้นั นำ 1. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ประจาหน่วย 7.2 หลกั ฐานการปฏิบตั ิงาน ช้ินงานท่ีเสร็จสมบรู ณ์ 2. บรรยายเน้ือหาความรู้ เร่ือง การเขียนภาพ OBLIQUE 2.1 การเขยี นภาพ OBLIQUE 8. กำรวดั และประเมนิ ผล - หลกั การเขยี นภาพ OBLIQUE 8.1 เครื่องมือประเมนิ - เทคนิคการเขียนภาพ OBLIQUE 8.1.1 แบบประเมนิ พฤตกิ รรมผเู้ รียน - การลงน้าหนกั ของเส้น 8.1.2 แบบทดสอบภาคความรู้ 8.1.3 แบบประเมนิ การทาโครงงาน 3. สาธิตการเขยี นภาพ OBLIQUE จากใบงานที่ 9-10 8.2 เกณฑ์กำรประเมนิ ข้นั พยำยำม 4. ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิงานตามใบงาน 8.2.1 การประเมินพฤติกรรมผเู้ รียน ตอ้ งไดค้ ะแนนไมต่ ่ากวา่ ร้อยละ 80 5. ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการตอบคาถาม การใหข้ อ้ มูล 8.2.2 การทดสอบภาคความรู้ ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ต่ากวา่ รอ้ ยละ 60 ต่างๆ 8.2.3 การประเมินการทาโครงงาน ตอ้ งไดค้ ะแนนไมต่ ่ากว่ารอ้ ยละ 90

92 การเขียนภาพ OBLIQUE การเขยี นภาพสามมติ ิ 93 ภำพออบบลกิ (Oblique) ลกั ษณะของภำพออบบลกิ ภาพออบลิค เป็ นภาพเขยี นแบบท่ีดา้ นหนา้ มีลกั ษณะต้งั ตรง ส่วนภาพ 1.1 โครงร่างของขอบภาพจะประกอบดว้ ยเสน้ 3 เสน้ คอื เสน้ ในแนวนอน(180 ดา้ นขา้ งและดา้ นบน จะเอียงลึกลงไปเพยี งดา้ นเดียว โดยมีขนาดที่ องศา) เส้นในแนวด่ิง(90 องศา) และ เส้นเอียง 45 องศา ขนานเท่ากนั ตลอด โดยทวั่ ไปจะเป็ นมุมเอียง 45 องศา มีอยู่ 2 แบบ ดงั น้ี 1.2 ขนาดความกวา้ ง ความสูงของภาพจะมีขนาดเท่ากบั ของจริง(1:1) ส่วนความลึก ของ ภาพจะมีขนาดเพียงคร่ึงหน่ึง(1:2) ของขนาดของจริง ภาพออบลคิ แบบเตม็ ส่วน (Cavalier Drawing) เป็นแบบที่ 1.3 ขอบของชิ้นงานหรือส่วนท่ีถูกบงั เอาไวจ้ ะแสดงดว้ ยเสน้ ประ มีอตั ราสว่ นภาพ ระหวา่ งความกวา้ ง : ความสงู : ความลกึ ของภาพ เป็น 1 : 1 : 1 ในกรณีที่รูปทรงของวตั ถุมีวงกลมหรือรูปไมป่ กตเิ ขียนยาก จะนามา เขยี นไว้ ดา้ นหนา้ ของภาพออบบลิก เพราะเป็ นดา้ นที่สามารถเขียนเป็ นรูปจริง ขนาด จริงได้ เช่น ถา้ มีรูป วงกลมอยู่ เมื่อน ามาเขยี นไวท้ ่ีรูปดา้ นหนา้ ของภาพออบบลิก ก็ ยงั คงสภาพเป็ นวงกลมตามเดิม แต่ ถา้ น ารูปวงกลมไปเขยี นท่ีดา้ นท่ีเป็ นมุมเอียงแลว้ รูปวงกลมน้นั จะกลายเป็ นรูปวงรี ซ่ึงเขยี นยาก ตอ้ งมีหลกั การและวิธีการเขยี นที่ ซบั ซอ้ นข้ึนไปอีก ภาพออบลคิ แบบคร่ึงสว่ น (Cabinet Drawing) เป็นแบบทมี่ ี อตั ราส่วนภาพ ระหวา่ งความกวา้ ง : ความสงู : ความลกึ ของภาพเป็น 1 : 1 : 0.5

94 การเขยี นภาพ OBLIQUE การเขยี นภาพสามมิติ 95 ลำดับข้ันกำรเขยี นแบบภำพออบลคิ ลำดบั ข้นั กำรเขยี นแบบภำพออบลคิ 1 ให้เขียนภาพดา้ นหนา้ ก่อน 3.ขีดเสน้ ต้งั ฉากและเส้นระนาบให้ครบ 2.ขีดเสน้ ดา้ นขา้ ง 45 องศา 4 จะไดภ้ าพออบลิค