ไม้ตน้ ขนาดใหญ่ (L) ตะเคยี นราก ตะเคยี นเขา ชนั ภู่ ตะเคียนทอง (ร) พชื สกุลตะเคียน สยาขาว สยาแดง สยาเหลอื ง กาลอ แอ๊ก ตะเคียนสามพอน เคยี นทราย เตง็ ตานี พชื สกลุ สยา-พะยอม ตะเคยี นชนั ตาแมว เค่ียม เค่ียมคะนอง พนอง หลุมพอ ยวน ทองบ้ึง มะคะ อ้ายกลิ้ง มงั คาก จ�ำปาปา่ ทังเก พืชวงศ์จ�ำปี-จำ� ปา ยางเสยี น ยางมนั หมู ยางปาย ยางนา (ร) ยางกล่อง ยางขน ยางวาด (ร) ยางยงู กระบากดำ� กระบาก ช้ามว่ ง ไขเ่ ขียว เทพทาโร ท�ำมงั ยมหอม ตีนเปด็ แดง เขลง/หยี พชื สกุลหยี-เขลง สะตอ เหรียง พระเจา้ หา้ พระองค์ ขนุ ไมบ้ อรเ์ นียว ไมต้ ้นขนาดกลาง (M) สม้ ควาย สม้ แขก พะวา ชะมวง ชะมวงป่า พืชสกุลมังคดุ บุนนาค/นากบุด พืชสกุลตังหน-กระทิง มะริด สาวด�ำ/มะพลบั ทอง พลับดง เนยี น จันเขา พืชสกลุ มะพลบั -มะเกลือ กันเกรา อินทนิลน�้ำ (ร) คายา่ - ไอวอรี่โคสต์ คาย่าเซเนกัล คายา่ ใบใหญ่ คาย่าขาว มะฮอกกานี สะเดาเทยี ม พันจ�ำ สะเดาปกั เฉยี งพรา้ - นางแอ ประ/ลกู กระ ไมห้ อม กฤษณา พชื สกลุ ส�ำรอง-จอง พชื สกลุ คอ้ หลาวชะโอนเขา-ท่งุ กระท้อน สมอพิเภก พชื สกลุ ทุเรยี น พชื สกลุ เงาะ มะหาด/หาด ขนนุ ปา่ พชื สกุลขนุน เตมิ /ประดสู่ ม้ ไผย่ กั ษ์ ไผ่หก ไผบ่ งใหญ่ ไม้ต้นขนาดเล็ก (S) ขนุ ไม้ ซางจีน เดอื่ ชง้ิ /ชงิ้ ขาว เลยี บ เนยี ง/เนียงบ้าน เนยี งนก มะกอกปา่ ลางสาด/ลองกอง ลังแข สม้ โหลก ระไม มะไฟ จำ� ปูลิง พืชสกุลมะไฟ ตะไคร้ต้น พืชสกลุ หมเี หม็น ต๋าว/ลูกชิด (ร) หลังกบั / มะพร้าวหนู (ร) สาคู (ร) มะปริง/มะปราง/มะยงชดิ มะมุด พืชสกุลมะม่วง ตะขบควาย เพกา ทองหลาง- นำ�้ (ร) ทองหลางใบมน ปลาไหลเผอื ก สรุ ามะริด ลูกขา่ /อ้ายแหวง สมุลแว้ง พชื สกลุ อบเชย พชื สกุล หมักม่อ พชื สกุลค�ำมอกหลวง ไผเ่ ล้ยี ง/ไผห่ วาน ไผ่ตง จนั ทน์เทศ ทเุ รยี นบ้าน/ทเุ รยี นพนั ธพุ์ น้ื เมอื ง เงาะ มังคดุ จ�ำปาดะ มะพูด กานพลู มะม่วงหิมพานต์ ไม้พุม่ (Sh) ผกั เหมยี ง/ผกั เหลียง มนั ปู ผกั ตวิ้ /แตว้ ผกั เมก็ /เสม็ดชุน ข้ีเหลก็ ชะมวง พืชสกุลสละ-ระกำ� เม่าชา้ ง เมา่ ไข่ปลา หัสคุณ/เพ้ียฟาน สมยุ ชะอม ยอบ้าน เตา่ ร้าง ผักหวานบ้าน หมากหมก ผกั พูม/ผกั หวานปา่ หมากแปม/ชะมาง สกั ขี (ร) พชื สกลุ กะพ้อ พชื สกลุ จงั๋ พชื สกลุ เตย มะเขอื พวง มะอกึ หอมแขก/ใบแกง คนทีเขมา กำ� ลังววั เถลงิ เขยตาย ข่อย หม่อน กล้วย กาแฟโรบสั ต้า (10-1,200) กาแฟอาราบกิ ้า (700-2,000) หมอ่ น หมาก โกโก้ กระเจี๊ยบ- มอญ มะนาวควาย/มะง่ัว ยอบ้าน ตะลิงปลิง ทับทมิ ส้มโอ (ช) หมายเหตุ (ร) : เหมาะสมตอ่ การปลูกในพื้นท่รี าบ หรือเป็นเนินเตีย้ ๆ ทมี่ คี วามลาดชันน้อยกวา่ 10 องศา และมชี ้ันดนิ ลกึ มากกว่า 1 เมตร (10-1,200) : ชว่ งความสูงทีเ่ หมาะสมตอ่ การปลูก หนว่ ยเปน็ เมตรจากระดับทะเลปานกลาง 51
52 แบบจ�ำลองการปลกู ปา่ เชิงนิเวศของภาคเหนือ ในพืน้ ท่ีทเ่ี คยเป็นปา่ ดิบเขามากอ่ น โดยเลอื กปลกู ไม้ตน้ ขนาดใหญ่ : จำ� ปปี ่า ยางปาย โลงเลง, ไมต้ ้นขนาดกลาง : ไผ่หก คอ้ ยางบง, ไมเ้ บิกน�ำ : พงั แหร, ไมต้ น้ ขนาดเลก็ : มะแขวน่ ตะไครต้ ้น อบเชย มะนาวควาย, ไมพ้ มุ่ : กาแฟอาราบกิ า้ เมยี่ ง/ชา อะโวคาโด แมคคาเดเมยี มะขม
แบบจ�ำลองการปลกู ป่าเชงิ นเิ วศของภาคใต้ ในพน้ื ทท่ี เี่ คยเปน็ ป่าดบิ ช้นื มาก่อน โดยเลือกปลกู ไม้ต้นขนาดใหญ่ : หลุมพอ จ�ำปาปา่ ยางกล่อง เหรียง, ไม้ตน้ ขนาดกลาง : สะตอ ส้มควาย มะรดิ ไมห้ อม, ไมเ้ บิกนำ� : เม็ก, ไม้ตน้ ขนาดเล็ก : ลองกอง มะปรงิ สรุ ามะรดิ จ�ำปาดะ, ไม้พมุ่ : ผักเหมยี ง หมาก สละ กาแฟโรบัสตา้ โกโก้ 53
ขนั้ ตอนการปลูกและการดแู ล 1. เตรยี มพืน้ ทแ่ี ปลงปลูก 1.1 รังวัดแนวเขตจ�ำนวนเนื้อที่ที่จะด�ำเนนิ การปลกู ป่าเชิงนิเวศ วางแนวเสน้ ทางขนสง่ ลำ� เลียงเข้าสพู่ นื้ ทใ่ี ห้ทว่ั ถงึ 1.2 พนื้ ทป่ี ่าเสอื่ มโทรมหรือไรห่ มนุ เวียนเก่า ควรคดั เลอื กกลา้ ไม/้ ต้นไม้ปา่ ดง้ั เดมิ ไว้ ใหเ้ ปน็ ไมพ้ เ่ี ลยี้ งชว่ ยพรางแสงแดด และรกั ษาความชมุ่ ชน้ื ด้วยการปลูกเชือกสีสะดุดตาทต่ี น้ โดยเฉพาะพรรณไมม้ คี า่ หรอื ไมเ้ บกิ น�ำใหพ้ ิจารณาเลือกจากที่ ตรงกบั ในบญั ชแี นบท้ายหรอื ทีม่ ีการใช้ประโยชนใ์ นทอ้ งถนิ่ ควรคัดเลอื กไวอ้ ยา่ งน้อย 20 ตน้ /ไร่ ซึ่งจะช่วยลดภาระ คา่ ใช้จา่ ย เวลาและแรงงานทไี่ มต่ อ้ งจดั หากล้าไม้ใหม่จ�ำนวนมาก และชว่ ยใหป้ า่ มกี ารฟ้ืนตัวได้เร็ว 1.3 วางแนวการปลูกในกระดาษ โดยแบง่ แปลงย่อยขนาด 10x10 ตารางเมตร เพอ่ื กำ� หนดต�ำแหนง่ ของต้นไม้ ประธานทจ่ี ดุ กงึ่ กลางแปลง และตำ� แหนง่ ตา่ ง ๆ ของไมต้ น้ ขนาดเลก็ ลงมาโดยรอบขอบแปลง ทรี่ ะยะปลกู 5x5 เมตร /น.36 แล้วคัดเลือกชนิดไม้ทต่ี อ้ งการ จดั ลงในต�ำแหนง่ ทตี่ อ้ งการปลูก 1.4 ใช้หลกั ไมช้ ั่วคราว (stake) ยาว 1 เมตร ทาสที ปี่ ลายด้านบน ปกั หมายตำ� แหน่งหลุมสำ� หรบั ปลูกไมต้ ้นให้ทัว่ แปลง เน่ืองจากโมเดลการปลูกปา่ นิเวศ 7 ชนั้ มีชนิดไม้และวสิ ยั ต้นไม้ทีห่ ลากหลาย จึงควรใช้เทคนคิ การทาสีหวั ไม้ stake แยกกันหลายสตี ามวิสัย เช่น L สีน�้ำเงิน M สีเหลือง S สแี ดง P สขี าว (แล้วทาสกี ล้าไม้ท่ถี ุงปลกู ด้วยชุดสเี ดียวกนั ตามวิสัยของชนดิ กลา้ ไม้) แล้วนำ� ไปปกั ลงต�ำแหนง่ ท่ีตอ้ งการปลกู หากในแปลงมกี ลา้ ไม/้ ตน้ ไมป้ า่ เดมิ ทต่ี ้องการรักษาไว้ ข้ึนในต�ำแหน่งทจ่ี ะท�ำการปกั หลัก ใหเ้ ลื่อนต�ำแหนง่ หลักออกไปตามความเหมาะสมหรือเว้นต�ำแหน่งปลกู น้ันไป * ทงั้ นี้ โมเดลการปลกู ป่าดว้ ยระบบแถว-แนวท่กี ลา่ วข้างตน้ นี้ ถูกจำ� ลองสถานการณ์ตามสภาพพื้นที่แปลง ปลูกเริม่ ต้นจากท่โี ลง่ เตียน แต่ในการปฏิบัตจิ รงิ อาจไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งปลูกให้เปน็ แถว-แนว เชน่ ในสภาพป่าเส่อื มโทรมท่ี เริม่ มีพรรณไมข้ ึน้ หนาแน่นแล้ว ต�ำแหนง่ การปลกู จ�ำเปน็ ทจี่ ะตอ้ งเลือ่ นใหอ้ ยู่ในต�ำแหนง่ ชอ่ งแสงทีส่ ่องลงมาถงึ ตามความ เหมาะสม โดยกอ่ นปลกู จะตอ้ งตัดแตง่ กิ่ง/ตัดฟันไม้เบกิ นำ� /ไมผ้ บุ างส่วนออกเพ่ือทำ� การเปดิ ชอ่ งแสงให้เพยี งพอ 1.5 ก�ำจดั วัชพืชเฉพาะรอบหลุมปลูกรัศมี 50 เซนตเิ มตร ไม่จ�ำเป็นตอ้ งทำ� การถางวชั พืชออกหมดทงั้ แปลงให้เสยี เวลา ซง่ึ การปล่อยวัชพชื ไวบ้ างส่วนเปน็ การช่วยใหม้ ีส่งิ ปกคลุมดนิ ป้องกนั การชะล้างหนา้ ดินและรักษาความชุ่มชน้ื ได้ดี 1.6 ขุดหลุมปลกู ขนาดกว้าง ยาว และลึกประมาณ 30 เซนติเมตร สำ� หรบั ในพ้นื ที่ลาดชนั มีความจ�ำเปน็ ตอ้ งปรับ หนา้ ดินรอบหลมุ ปลกู ให้ไดร้ ะดบั กอ่ นทำ� การขดุ หลมุ ใหม้ ีความกวา้ งในแนวรัศมีรอบหลักไมป้ ระมาณ 30 เซนติเมตร โดยดนิ ทข่ี ุดขึน้ มาส่วนหนึ่งใหท้ �ำคันดินล้อมหลมุ ดา้ นลาดเทลงเขา เพอื่ เป็นคนั ดักน�ำ้ ให้ขงั แลว้ ค่อย ๆ ซมึ ลงหลุมปลูกได้ดี 2. การเตรียมกล้าและการปลกู 2.1 การเตรยี มกลา้ ไม้ส�ำหรบั ไมต้ น้ และไมพ้ ่มุ ควรให้มีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือสงู ไมน่ อ้ ยกว่า 50 เซนตเิ มตร กอ่ นปลูกจะตอ้ งสรา้ งความแกรง่ (hardening) ให้กับกลา้ ไม้ 2.2 ควรกำ� หนดช่วงเวลาปลกู ในช่วงต้นฤดูฝน เพื่อใหก้ ลา้ ไมม้ ีระยะเวลาตั้งตัวได้นานกอ่ นเข้าสู่ฤดแู ลง้ ถดั ไป โดยให้ ทำ� การปลกู ไมต้ น้ ทง้ั หมดพรอ้ มกนั กอ่ น แลว้ ตามดว้ ยไมพ้ มุ่ และไมล้ ม้ ลกุ ตามลำ� ดบั เมอ่ื มคี วามพรอ้ มสามารถจดั หากลา้ ไมไ้ ด้ 54
2.3 การปลูกจำ� เปน็ ตอ้ งตีดินให้รว่ นซยุ ใส่ปุ๋ยรองก้นหลุม วางกล้าไม้ตรงกลาง กลบดนิ ใหแ้ น่น พนู ดินตรงโคนตน้ ให้สูงกวา่ คอรากเล็กน้อยเพื่อช่วยพยุงลำ� ต้น แล้วท�ำแอ่งรับน้�ำรอบโคนตน้ ใชห้ ลกั ไม้ชั่วคราวปักไว้ข้าง ๆ ในลกั ษณะ เอยี งเลก็ นอ้ ยเขา้ หาลำ� ตน้ แล้วใชห้ ญ้าหรือฟางแหง้ ผูกกนั ลมโยกคลอน เมอื่ ปลูกเสร็จรดนำ้� ให้ชมุ่ ทันที 3. การดแู ลในชว่ ง 3 ปแี รก 3.1 ประมาณ 1 เดอื นหลังจากปลูก ใหส้ �ำรวจการตายของกล้าไม้แล้วปลูกซ่อมดว้ ยกลา้ ไมใ้ หม่ 3.2 ก�ำจดั วชั พืช ควรท�ำอยา่ งนอ้ ยปลี ะ 2 ครง้ั โดยกำ� จัดวชั พืชรอบโคนต้นรัศมี 50 เซนติเมตร 3.3 ใสป่ ุ๋ยตน้ ไมท้ ปี่ ลกู ในชว่ ง 3 ปีแรก ปลี ะ 1-2 ครง้ั หลังก�ำจดั วัชพชื 3.4 การดแู ลพืชเกษตรใหศ้ กึ ษาขอ้ มูลจากหนว่ ยงานเฉพาะด้านหรอื แหลง่ อ่นื 4. การดูแลในช่วงปีท่ี 4-10 ใหห้ มั่นคอยลิดกง่ิ เพื่อรกั ษาทรงของลำ� ตน้ ใหเ้ ปลาตรง และช่วยตัดแต่งกงิ่ ทแ่ี ผ่ออกดา้ นข้างเมื่อมเี รือนยอดใกล้ชิด กนั เกนิ ไป หรอื อาจไปบงั แสงเรอื นยอดชน้ั ลา่ ง ชนั้ ไมพ้ มุ่ และไมล้ ม้ ลกุ เพอ่ื รกั ษาปรมิ าณผลผลติ ของพรรณไมใ้ นเรอื นยอด ช้ันลา่ งลงมา 5. การดแู ลในชว่ งปีท่ี 10 เปน็ ตน้ ไป อาจมีความจำ� เป็นตอ้ งตดั สางขยายระยะ กรณตี น้ ไม้ข้ึนเบยี ดเสียดกนั มากจนเกนิ ไป หรอื มีลักษณะทรงเรือนยอด และล�ำตน้ เล็กเรยี วผดิ ธรรมชาติ ซึง่ อาจทำ� ใหต้ น้ ไม้หักโค่นเสยี หายจากลมพายไุ ด้งา่ ย ทัง้ นี้ การกำ� หนดหลกั เกณฑ์ ในการตดั สางขยายระยะ และการเกบ็ เกย่ี วผลผลติ จากปา่ ในส่วนทเี่ ป็นการท�ำไมห้ รือแปรรูปเนื้อไมใ้ นพ้นื ท่ีอนุรักษ์ จ�ำเปน็ ตอ้ งรอนโยบายทีช่ ัดเจนจากภาครัฐตอ่ ไป 55
56
การด�ำเนนิ งานของภาครฐั พระราชบัญญัติอทุ ยานแหง่ ชาติ พ.ศ. 2562 และ พระราชบัญญตั สิ งวนและคมุ้ ครองสัตว์ ป่า พ.ศ. 2562 กฎหมายทง้ั สองฉบับก�ำหนดให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตวป์ ่า และพนั ธ์พุ ืช ช่วยให้ ชมุ ชนดง้ั เดมิ ในพ้นื ทีส่ ามารถอยู่อาศยั หรอื ทำ� กินในพืน้ ทีป่ า่ อนุรกั ษไ์ ด้ตอ่ ไปและบริหารจัดการพนื้ ที่ ปา่ อนุรักษใ์ หอ้ ยรู่ ว่ มกันแบบพงึ่ พาและเกื้อกลู ให้ป่าสมบูรณ์และชมุ ชนมคี ุณภาพชีวติ ท่ดี ี จากการ ส�ำรวจเบ้ืองตน้ มปี ระชาชนอาศยั อยูใ่ นพืน้ ท่ีปา่ อนุรกั ษจ์ ำ� นวน 4,192 หมบู่ า้ น มพี ื้นทถี่ อื ครอง ใช้ประโยชน์ประมาณ 4.27 ลา้ นไร่ ดงั นั้นกรมอทุ ยานแหง่ ชาติฯ จึงหาแนวทางเรง่ พ้นื ฟูปา่ ให้ สมบรู ณ์ ในขณะเดียวกันจะบรหิ ารจัดการชมุ ชนใหช้ ว่ ยอนรุ ักษป์ ่าและมีรายได้ จงึ ได้สร้าง โมเดล ปลูกปา่ นิเวศ 7 ชน้ั ซึ่งเปน็ แนวทางหน่งึ ต่อการนำ� ไปสกู่ ารปฏบิ ัติ การดำ� เนินงานสร้างป่าเชงิ นิเวศเพื่อความมน่ั คงของราษฎรในพน้ื ทปี่ ่า อนุรกั ษ์ ซึ่งเป็นพ้นื ทท่ี ีอ่ ยูใ่ นความรับผดิ ชอบของกรมอทุ ยานแห่งชาติ สัตวป์ า่ และพันธ์พุ ืช มเี ปา้ หมายเพือ่ ใหร้ าษฎรมีความม่ันคงของแหลง่ อาหารและ รายได้ ลดการบกุ รุกทำ� ลายปา่ และรว่ มดแู ลรักษาปา่ ในขณะเดยี วกนั เปน็ การ เพม่ิ ความหลากหลายทางชีวภาพในพน้ื ทปี่ า่ อนุรกั ษ์ เพือ่ ให้การดำ� เนินงาน ประสบผลส�ำเร็จ ดงั น้นั หน่วยงานภาครัฐจึงควรเตรียมมาตรการสนบั สนนุ การดำ� เนินงาน ดังนี้ 1. หน่วยงานที่รบั ผิดชอบในแต่ละพื้นท่ีด�ำเนนิ การสร้างการรบั รู้ และ รณรงค์ใหร้ าษฎรได้ตระหนักถงึ ความส�ำคัญของปา่ เชงิ นิเวศ ซึง่ มีประโยชนแ์ ละ ความย่ังยนื ทง้ั ในทางเศรษฐกิจ และสภาพแวดลอ้ ม เพอื่ ให้เกดิ ความเข้าใจใน การนำ� แนวทางการปลูกป่าเชงิ นิเวศไปปฏิบัตใิ หไ้ ด้ผลเป็นรูปธรรมในพ้ืนท่ี ของตน 2. หนว่ ยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับการเพาะช�ำกล้าไมท้ ีต่ ้ังอยใู่ นทกุ พ้ืนที่ เรง่ สำ� รวจ และจัดเตรียมกลา้ ไม้ โดยเฉพาะชนดิ พนั ธุ์ที่มคี วามเหมาะสมกับระบบนิเวศ 57
ธรรมชาตใิ นแตล่ ะพืน้ ทีแ่ ละความตอ้ งการของราษฎร รวมท้ังศึกษาและเผยแพร่ ข้อมูลการใชป้ ระโยชน์ การปลกู และการดแู ลรกั ษา เพอื่ สนบั สนุนให้ราษฎรนำ� ไปใช้ประโยชน์ไดอ้ ย่างเหมาะสม 3. หนว่ ยงานที่เกีย่ วข้องด้านนโยบาย ดำ� เนินการปรับปรุงกฎระเบยี บเกยี่ ว กบั การใชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาติท่สี ามารถเกิดใหม่ทดแทนได้ในรูป ของการใชป้ ระโยชนเ์ นอื้ ไมจ้ ากตน้ ไม้ทร่ี าษฎรปลูกในพนื้ ท่จี ดั สรรโดยตรง เชน่ การตัดต้นไม้ที่ปลูก ซึ่งการน�ำไม้ออกมาใช้ควรค�ำนึงถึงวธิ ีการเลือกตดั ไม้บาง ส่วนในขนาดทเี่ หมาะสม (ไมต่ ดั ออกทง้ั หมดในคราวเดยี วทงั้ แปลง) และการ ปลกู ทดแทน เพ่อื การรักษาส่ิงแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพไว้ 4. หนว่ ยงานภาครัฐเรง่ ผลักดนั กลไก กฎระเบียบตา่ ง ๆ ทเี่ กี่ยวข้องกบั การ ใหผ้ ลตอบแทนจากการดแู ลรกั ษาต้นไม้ทป่ี ลูกโดยไมต่ อ้ งตัดฟันต้นไมท้ ี่ปลกู แตไ่ ด้ค่าตอบแทนในการช่วยรกั ษาสิ่งแวดลอ้ ม ใหส้ ามารถด�ำเนนิ การเปน็ 58
รปู ธรรมได้ เพอื่ เป็นแรงจงู ใจให้ราษฎรหันมาปลกู ป่าเชงิ นิเวศโดยเก็บรกั ษา ตน้ ไมใ้ หญไ่ ว้ใหย้ าวนานทีส่ ุด โดยขณะนภ้ี าครัฐบาลไดจ้ ัดตั้ง องค์การบรหิ าร จัดการก๊าซเรอื นกระจก (องคก์ ารมหาชน) หรอื อบก. เป็นหนว่ ยงานหลักใน การพฒั นาสง่ เสรมิ และสนบั สนุนทุกภาคส่วนท่ีมีสว่ นรว่ มในการลดก๊าซเรือน กระจกในประเทศโดยความสมัครใจ และสามารถนำ� ปรมิ าณการลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก ที่เรียกว่า “คาร์บอนเครดิต” *หน้า 58 ไปซื้อขายได้ โดย อบก. ได้พฒั นาระบบซอ้ื ขายสิทธใ์ิ นการปล่อยกา๊ ซเรอื นกระจกในประเทศ มกี ารอนญุ าตใหใ้ ช้ “เครดติ ชดเชย” หรือ “คาร์บอนเครดิต” ผา่ นหลากหลาย 59
โครงการ อาทเิ ชน่ โครงการสง่ เสริมภาคธุรกิจลดก๊าซเรอื นกระจก โดยบรษิ ัท ขนาดใหญภ่ ายในประเทศที่มีภาระที่ต้องลดการปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจก โครงการ ส่งเสริมภาคธรุ กจิ ลดก๊าซเรอื นกระจก โดยก�ำหนดเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ (Science-Based Target: SBT) โครงการลดกา๊ ซเรอื นกระจกภาคสมัครใจ ตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VERs) หรอื โครงการลดกา๊ ซเรือนกระจกภาคสมคั รใจอื่น ๆ (VERs) ซึ่งบรษิ ทั ขนาดใหญภ่ ายในประเทศที่มีภาระที่ตอ้ งลดการปล่อยกา๊ ซเรือนกระจก และอยู่ภายใต้ระบบจะได้รับการจดั สรรสิทธิใ์ นการปล่อยกา๊ ซเรือนกระจก (allowance) พร้อมทจ่ี ะใหค้ ่าตอบแทนกบั เครดติ ทเ่ี กิดจากการปลกู ปา่ แบบ ผสมผสานดังกลา่ ว เพยี งแต่ภาครฐั ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับพืน้ ที่อนุรักษ์และชุมชน ตอ้ งมกี ารกำ� หนดระเบยี บรองรบั ทช่ี ดั เจนในเรอ่ื งของพนื้ ทที่ สี่ ามารถดำ� เนนิ การได้ รวมถึงการแบง่ ปันผลประโยชน์ และกลไกด้านตา่ ง ๆ ที่เกยี่ วขอ้ ง * คารบ์ อนเครดิต : การประเมนิ คารบ์ อนของตน้ ไม้หรือพ้ืนท่ี ปา่ สามารถประเมินในรปู แบบของคารบ์ อนสตอ็ ก (carbon stock) หรอื คาร์บอนที่เปลยี่ นแปลงในชว่ งเวลาหนี่ง สามารถประเมนิ คารบ์ อนไดจ้ าก มวลชวี ภาพของตน้ ไม้ หรือน�ำ้ หนักต้นไม้ (biomass) หรอื ปริมาตรของต้นไม้ (volume based approach) ทง้ั น้ี คณะกรรมการระหวา่ งรฐั บาลวา่ ด้วย การเปล่ยี นแปลงภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change หรือ IPCC) ได้ก�ำหนดค่าคาร์บอนในป่าโดยประมาณไวร้ ้อยละ 47 ของน้ำ� หนกั แห้งมวลชวี ภาพในปา่ ไม้ทว่ั ไป สำ� หรบั ประเทศที่ยังไม่มีค่า สัดสว่ นคารบ์ อนในป่าแตล่ ะประเภท หรือแตล่ ะชนิด 60
ตวั อย่างพืชปา่ ที่สร้างรายได้ 61
ผลต๋าว ผลิตภณั ฑ์ตา๋ วเชื่อม 1 กโิ ลกรัมราคา 100 บาท ท่ีมาภาพ : facebook/ลูกตา๋ วลอยแกว้ พ้ีเหนอื นิพา 62
ตา๋ ว ตา๋ ว (Arenga pinnata (Wurmb) Merr.) จดั อยใู่ นวงศป์ าลม์ (Arecaceae) พบในปา่ ดบิ ท่ัวไป พบมากในป่าแถบจงั หวดั เชียงใหม่ ล�ำปาง แพร่ นา่ น อุตรดิตถ์ พษิ ณุโลก และตาก ตน้ ต๋าวสงู 15-20 เมตร ออกลกู เปน็ ทลายขนาด ใหญ่ ในแต่ละผลมีเมลด็ ใส ๆ เรยี งชิดกนั อยู่ 3 เมด็ จึงเรียกลูกต๋าววา่ “ลูกชิด” นยิ มนำ� มาทำ� ขนม เชน่ ใส่ในไอศกรีม หวานเย็น รวมมิตร ขัน้ ตอนการเพาะเมล็ดลูกตา๋ ว 1) เตรยี มภาชนะเพาะ เชน่ ถุงพลาสตกิ กระบะไม้ 2) นำ� ทรายหรอื หิน ใส่รองกน้ ภาชนะที่เพาะ สงู 1 ฝ่ามอื 3) วางกาบมะพรา้ วลงทับทราย เพ่ือรกั ษาความช้ืน 4) โรยเมลด็ ตา๋ วลงบนทรายหรอื กาบมะพร้าว 5) น�ำทรายหรือกาบมะพรา้ ววางกลบเมล็ดต๋าวอีกช้นั 6) นำ� ออกตากแดด เพือ่ ให้เกดิ ความร้อนประมาณ 3 เดือน การปลูกต้นตา๋ วควรปลูกบรเิ วณใกลน้ ำ�้ หรอื หุบเขาทม่ี คี วามชมุ่ ช้นื เพราะให้ ผลผลิตเมลด็ ดกี ว่าท่ปี ลกู บรเิ วณท่ีเขาสงู การปลกู ตน้ ตา๋ วในระยะชดิ กนั จะปลูก เพ่ือขายยอด ถา้ ปลกู ขายผลควรปลกู ระยะหา่ ง 4X4 เมตร และควรปลูกต้นเล็ก แซมตน้ ทใี่ หญ่ เพอื่ ทดแทนตน้ ใหญ่ทห่ี มดอายุ ตน้ ตา๋ วสามารถเรมิ่ ให้ผลผลติ ได้ ในปีที่ 5-6 ปี ต้นต๋าว 1 ต้นสามารถให้ผลผลิต 3-4 ทะลายต่อปี ลูกตา๋ วทอ่ี อกปนี ี้จะแก่ เกบ็ ตม้ ไดใ้ นปีถดั ไป ในชว่ งเดอื นธันวาคม–มกราคม ต๋าว 1 ทลายสามารถให้ ผลผลิตมากถึง 40 กโิ ลกรัม รับซ้อื กิโลกรมั ละ 50 บาท คิดเป็นเงิน 2,000 บาท ต้นหนึง่ มี 3 ทลาย จึงมีรายได้ถงึ 6,000 บาท/ตน้ ใน 1 รุน่ นับเป็นรายไดเ้ สริม อย่างดี บางครอบครวั ปลูกมากถงึ 500 ตน้ และสามารถปลกู ต๋าวแซมไมผ้ ล ชนดิ อ่นื หรอื ปลูกตามหวั ไรป่ ลายนา เมอ่ื แปรรูปโดยวธิ นี ำ� มาตม้ และหนีบใหไ้ ด้ เมด็ ตา๋ วหรือเรยี กวา่ ลูกชิด 63
มะแขวน่ ผลแหง้ ขนาด 500 กรัม ราคา 150 บาท และ น้ำ� พรกิ มะแขวน่ ซองละ 110 บาท ทมี่ าภาพขวา : https://www.thailandpostmart.com 64
มะแขว่น มะแขว่น (Zanthoxylum rhetsa (Roxb.) DC.) จัดอยู่ในวงศ์ส้ม (Rutaceae) มชี อ่ื เรยี กอน่ื เชน่ กำ� จดั ตน้ พรกิ หอม หรอื พรกิ พราน เปน็ ไมต้ น้ ขนาด กลาง สงู ประมาณ 5-10 เมตร มีหนามแหลมตามลำ� ตน้ และก่ิง ในธรรมชาตพิ บ ขึ้นในปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดิบชน้ื และปา่ ดบิ เขา การขยายพันธุ์มะแขว่นโดยทัว่ ไปใชก้ ารเพาะเมล็ด สามารถปลูกมะแขว่น สลับกบั พชื สวนป่าหรอื ปลกู ร่วมกับพืชชนดิ อื่นเพอื่ เพ่มิ รายได้ พนื้ ท่ปี ลูกควร มีความสูง 100-1,300 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง สภาพอากาศค่อนขา้ ง ชุ่มชืน้ เจริญเติบโตดใี นสภาพกลางแจ้ง ไม่ตอ้ งการนำ�้ มาก ดินมกี ารระบายน�้ำ ได้ดี ดงั น้ันในพน้ื ที่ภเู ขาสงู จงึ ควรปลูกตามไหลเ่ ขาใกลป้ ่าดิบ หรือในพน้ื ท่รี าบ ตำ�่ ควรปลูกในเขตหุบเขาใกล้ลำ� ธาร มะแขวน่ มี 2 พนั ธุ์ คือ พนั ธหุ์ นกั และพนั ธ์ุ เบา พันธเ์ุ บาเริ่มออกดอกในเดอื นกรกฎาคม และเกบ็ เก่ยี วในเดือนตลุ าคม- พฤศจกิ ายน สว่ นพนั ธ์หุ นักจะเร่มิ ออกดอกในเดือนสิงหาคมและเก็บเกยี่ วผลใน เดือนพฤศจิกายน-ธนั วาคม ผลแก่จัดเมอื่ แห้งเปลอื กผลมสี ีน�ำ้ ตาลมกี ลน่ิ หอม เมล็ดสีดำ� ผลมะแขว่นแหง้ เป็นทตี่ ้องการของตลาด หากเก็บผลมะแขวน่ ออ่ น เมอื่ ท�ำแห้งแลว้ สีเปลือกจะไม่ด�ำ ผลเหีย่ วเปน็ เชือ้ ราไดง้ ่าย กลน่ิ เส่อื มเร็ว มะแขว่นเรม่ิ ใหผ้ ลผลิตเมื่ออายุ 3-5 ปี โดยแต่ละปีใหผ้ ลผลิตประมาณ 1-5 กโิ ลกรมั แห้ง/ต้น อายุ 6-10 ปี สามารถให้ผลผลิต 10-15 กิโลกรัมแหง้ /ต้น อายุ 11-15 ปี จะให้ผลผลิต 30-35 กโิ ลกรมั แห้ง/ต้น และอายุ 21-25 ปี ให้ ผลผลิตถึง 50 กิโลกรัมแห้ง/ตน้ ตลาดมะแขวน่ สว่ นใหญ่อย่ใู นพืน้ ทภี่ าคเหนอื ราคาท่เี กษตรกรขายอยใู่ นช่วง 100-300 บาท/กโิ ลกรมั แห้ง นอกจากเกษตรกร จ�ำหนา่ ยผลผลติ มะแขว่นแห้งแล้ว ยังมีการแปรรูปเป็นผลติ ภณั ฑ์มะแขว่นดอง น้ำ� เกลอื หรือน้�ำพริกลาบ เปลือกผลและเมล็ดมะแขวน่ ตากแห้งน�ำไปประกอบอาหาร เช่น ใส่แกง ตำ� ใส่น�ำ้ พริก ลาบ หรอื แกง ทำ� ให้มกี ลิ่นหอมตามความนิยมของชาวเหนอื มะแขว่นมีสรรพคณุ อ่ืน ๆ ได้แก่ ใบน�ำมาขย้อี ุดฟนั แก้ร�ำมะนาด แกป้ วดฟนั เมล็ดกนิ แกล้ มวิงเวยี น บ�ำรุงโลหิต บำ� รงุ หัวใจ ขับลมในล�ำไส้ ขบั ปัสสาวะ บำ� รงุ ธาตุ ถอนพษิ ฟกบวม รากกับเนอ้ื ไม้ต้มน้�ำดื่มเพอื่ ขับลมในล�ำไส้ 65
66
เหรยี ง เหรยี ง (Parkia timoriana (DC.) Merr.) จดั อยใู่ นวงศ์ถ่วั (Fabaceae) เปน็ ไม้ต้นขนาดใหญส่ ูงประมาณ 30 เมตร ลกั ษณะคล้ายตน้ สะตอ ฝักยาว 20- 30 เซนตเิ มตร เมล็ดมี 15-20 ตอ่ ฝัก ไมน่ ิยมกินสดเหมือนสะตอ จะรอใหเ้ มล็ด แห้งแกค่ าฝัก เมลด็ ในเมอ่ื แกเ่ ป็นสีด�ำ ต้นเหรียงชอบขน้ึ ตามริมชายเขาในป่าดิบ ทีม่ อี ากาศช้ืน วธิ กี ารปลูกต้นเหรยี งนยิ มขยายพันธุด์ ้วยการใชเ้ มล็ดเปน็ หลกั นอกจากน้ียงั สามารถขยายพนั ธด์ุ ้วยวธิ ี การตัดกิง่ ปกั ชำ� และการติดตา แตไ่ ม่ เปน็ ท่นี ยิ ม ตน้ เหรยี งมีอายุ 10 ปีขน้ึ ไปจึงใหผ้ ลผลิต เมลด็ เหรียงทน่ี ำ� ไปรบั ประทานตอ้ งเพาะให้งอกก่อน ราคาขายส่งกิโลกรมั ละ 150 บาท มวี ธิ กี ารเพาะเมล็ดดงั น้ี 1. นำ� เมลด็ เหรยี งมาขลบิ /ทำ� รอยบากเลก็ นอ้ ยท่เี ปลือกเมล็ด เพอ่ื เปดิ ทาง ใหน้ ้�ำซมึ เขา้ แล้วนำ� ไปแชน่ ำ�้ 1 คืน 2. น�ำเมล็ดข้ึนมาล้างเมือกแล้วตัง้ ให้สะเดด็ น้ำ� น�ำไปใส่ในกระสอบไนล่อน แลว้ นำ� ไปใส่ตะกร้า 3. นำ� ไปแชน่ ำ้� ตอนเชา้ 1 ชว่ั โมง ยกขนึ้ ตง้ั ไว้ และแชน่ ำ�้ ตอนเยน็ อกี 1 ชวั่ โมง ยกขนึ้ ตงั้ ไว้ ทำ� ซำ้� เปน็ เวลา 4 วนั ในวนั ที่ 5 นำ� เมลด็ มาแกะเอาเปลอื กสดี ำ� ออก จึงพร้อมน�ำมารับประทานเป็นผักสด หรอื ประกอบอาหาร เช่น ผัดกบั เนอ้ื สตั ว์ หรอื ใสแ่ กงเผ็ด เมล็ดเหรียงจากการเพาะเมล็ดทเ่ี ร่ิมงอกน�ำมารับประทานเป็นผักสด ที่มาภาพ : https://nattharadee080.wordpress.com/ 67
เมลด็ ส�ำรองแห้ง (สำ� รองเมล็ดรี) 68
ส�ำรอง สำ� รองหรือพงุ ทะลาย (Scaphium affine (Mast.) Pierre) อย่ใู นวงศช์ บา (Mavaceae) เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ สูงไดถ้ ึง 40 เมตร ทางจงั หวัดอุบลราชธานี เรยี กวา่ “หมากจอง” ซึง่ เปน็ ทม่ี าของชอื่ อุทยานแห่งชาตภิ ูจอง-นายอย มี การกระจายพันธใ์ุ นปา่ ดบิ ในจังหวัดฉะเขิงเทรา ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบุรี ตราด อุบลราชธานี และยะลา ที่ความสงู 10-700 เมตรจากระดบั ทะเลปานกลาง ในการปลูกต้นส�ำรอง ควรปลูกด้วยกลา้ ขนาดใหญ่ท่ีมอี ายุ 1 ปขี ึ้นไป ปลกู ในชว่ งตน้ ฤดูฝนเพ่อื ให้ต้นกลา้ เจรญิ เติบโตจนสามารถทนกับสภาพแล้งเมือ่ หมดฤดูฝน กล้าปลูกใหม่ตอ้ งการแสงแดดอยา่ งเพยี งพอ ตน้ ส�ำรองไมช่ อบพ้นื ท่ี แฉะจงึ ควรปลูกบนที่เนิน ไม่มนี ำ�้ ขงั เริ่มให้ผลผลิตในปที ่ี 7 ซง่ึ ผลแหง้ มีราคาใน ปจั จบุ นั 300-500 บาท/กิโลกรัม ผลสำ� รองแหง้ เมื่อนำ� มาแช่นำ�้ จะพองตัวมีลักษณะคลา้ ยวนุ้ สีน�ำ้ ตาลใส น�ำ มาตม้ กับน้�ำใส่น�้ำตาลเล็กน้อยเป็นเครอื่ งดืม่ แก้ร้อนในกระหายน้ำ� ส่วนเมลด็ ใช้ เปน็ ยาแผนโบราณ แก้ไอ ขบั เสมหะ สมานลำ� ไส้ แกร้ ้อนใน กระหายน้�ำ หรอื นำ� มาประกอบเป็นอาหารคาว-หวานได้หลายชนดิ เครอื่ งดื่มน้�ำส�ำรองผสมรสชาติหลากหลาย ราคากระปอ๋ งละประมาณ 30 บาท 69
70
หวา้ หวา้ (Syzygium cumini (L.) Skeels) จัดอยใู่ นวงศห์ ว้า (Myrtaceae) เป็นไม้ตน้ สงู 10-35 เมตร พบทกุ ภาคในปา่ ผลดั ใบ และปา่ ดิบ ทคี่ วามสงู ไม่ เกิน 1,000 เมตรจากระดบั ทะเลปานกลาง สามารถปลกู ได้ในดนิ ทุกชนิด แตจ่ ะ ชอบดินร่วนปนทราย ระบายน�้ำได้ดี ทนความแหง้ แลง้ และนำ้� ท่วมขังไดด้ ี การปลกู ท�ำได้ดว้ ยการเพาะเมลด็ การปกั ชำ� กง่ิ รดน้�ำใหช้ ุ่ม วางไวใ้ นท่ีมีแสง ร�ำไร เลี่ยงแสงแดดช่วงบ่าย ตน้ กล้ามีอายุประมาณ 12 เดอื นแล้วจึงน�ำมาปลกู ลงในแปลง ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 4×4 เมตร หวา้ สามารถให้ผลผลติ เมื่ออายุประมาณ 2-3 ปี หลังปลูก ให้ผลในช่วง เดือนธนั วาคม–มถิ ุนายน ผลสกุ สอี อกม่วงด�ำ ใชท้ �ำนำ้� ผลไม้ หรือไวน์ แกท้ ้อง รว่ งและบิด เมลด็ มีสารชว่ ยลดน�้ำตาลในเลือด ลูกหวา้ สดกโิ ลกรมั ละ 50-100 บาท สามารถนำ� ไปแปรรปู เปน็ สินคา้ ไดห้ ลายชนดิ เชน่ ไอศกรีม ไวน์ ลูกหวา้ อบแหง้ แยมลูกหวา้ เครือ่ งดื่มสมนุ ไพร ฯลฯ นำ้� ลูกหวา้ 100 % ราคาขวดละ 46 บาท และ แยมลูกหว้า 220 กรัม ราคา 120 บาท ท่ีมาภาพ : https://www.doikham.co.th 71
ผลเมา่ ชา้ ง 72
เม่าชา้ ง เม่าช้าง มะเม่าดง หรือ มะเมา่ (Antidesma bunius (L.) Spreng.) จัดอยู่ในวงศม์ ะขามป้อม (Phyllanthaceae) เปน็ ไม้ต้น ปกตสิ ูง 5-15 เมตร ในปา่ ดิบสูงได้ถึง 30 เมตร ตน้ แยกเพศอยู่ต่างต้นกนั สามารถพบได้แทบทกุ ภาคยกเวน้ ภาคใต้ ผลเมา่ ช้างมีเนื้อหมุ้ ฉ่ำ� น้ำ� มขี นาดผลใหญก่ วา่ มะเม่าปา่ หลาย ชนิด ผลอ่อนมสี เี ขยี วมีรสเปรยี้ ว เร่ิมแก่มีสีแดง ผลสุกสีมว่ งดำ� มีรสหวานอม เปรย้ี วและฝาดเลก็ นอ้ ย นยิ มใชท้ ำ� แยม นำ�้ คนั้ ผลสกุ ใชท้ ำ� เครอ่ื งดม่ื หรอื หมกั ไวน์ การขยายพนั ธเุ์ ม่าช้างโดยการเพาะเมลด็ การทาบก่ิง และเสียบยอด เปน็ ไมผ้ ลท่ปี ลูกงา่ ย ควรปลกู ในชว่ งต้นฤดูฝน ประมาณปลายเดอื นเมษายน– มถิ นุ ายน ไม่ชอบดินทมี่ นี ำ�้ ขงั เมือ่ ปลกู ได้ประมาณปที ่ี 2-3 เร่มิ ใหผ้ ล ต้นที่ มีอายุ 5 ปี สามารถให้ผลผลติ เฉลยี่ 10-20 กโิ ลกรมั /ตน้ ตน้ ทีม่ ีอายมุ ากอาจให้ ผลผลิตได้มากถงึ 100 กโิ ลกรัม/ตน้ ข้อดีของเมา่ ช้าง คอื เมือ่ มอี ายมุ ากขึน้ ยงั สามารถให้ผลผลติ มากข้นึ ตาม เม่าช้างใหผ้ ลผลิตตั้งแตเ่ ดือนสงิ หาคม-กนั ยายน ราคารบั ซ้อื ผลสุกกโิ ลกรัมละ 60-100 บาท ผลิตภัณฑ์น้ำ� มะเม่า ที่มา : www.facebook.com/phuphan.beverage 73
ดอกกระวาน ผลกระวาน การตดั หน่อกระวานขาย 74
กระวาน กระวาน ในประเทศไทยทีใ่ ชท้ ำ� เครอ่ื งเทศมอี ย่ดู ว้ ยกัน 2 ชนดิ ที่นยิ มมาก คอื กระวานจนั ทบูร (Amomum verum Blackw.) พบมากทจ่ี ังหวัดจนั ทบุรี และกระวานขาว (Amomum testaceum Ridl.) พบขึ้นตามธรรมชาตใิ น ภาคใตข้ น้ึ มาถึงจงั หวดั ตาก จัดอยใู่ นวงศข์ ิงขา่ (Zingiberaceae) เป็นไมล้ ม้ ลุก เหงา้ ทอดยาวไปตามดนิ ขึ้นในร่มแสงร�ำไร สภาพอากาศมคี วามชนื้ สงู หาก ความชื้นในอากาศไมเ่ พียงพอกระวานจะไมส่ ามารถผลติ เมลด็ ได้ (แตย่ งั สามารถ ตดั หนอ่ ขายได้) ดงั นน้ั จึงควรปลูกในพืน้ ทีท่ ม่ี ีปริมาณนำ้� ฝนสูงกวา่ 1,600 มิลลิเมตร/ปี และใกล้ล�ำธารหรือในหบุ เขา ท่คี วามสูงไมเ่ กนิ 1,000 เมตรจาก ระดับทะเลปานกลาง กระวานจัดเป็นเครอื่ งเทศและสมุนไพรทสี่ �ำคญั ทางเศรษฐกจิ เป็นทน่ี ิยมทัง้ ในและต่างประเทศ เนอ่ื งจากผลและเมลด็ มีรสเผ็ดร้อน มีกลนิ่ หอมแรง นยิ ม ใชเ้ ปน็ เครือ่ งเทศประกอบอาหาร หรอื นยิ มใชใ้ นรูปนำ�้ มันหอมระเหยแตง่ กลิ่น อาหาร และเคร่ืองดืม่ ตา่ ง ๆ รวมถงึ ใช้เปน็ สว่ นผสมของเคร่ืองส�ำอาง และผลติ น้ำ� หอม ผลผลติ กระวานส่วนมากมาจากกระวานปา่ มเี พยี งสว่ นนอ้ ยทไี่ ดจ้ าก กระวานปลูก การปลกู กระวานมีวธิ กี าร 2 วิธี คอื 1) การปลกู ดว้ ยเมล็ด มีอตั ราการงอกต�่ำ ใช้เวลาเติบโตนานกวา่ จะให้ ผลผลติ 2) การปลกู ด้วยเหง้า เปน็ วิธีท่ีนยิ ม คลา้ ยกบั การปลกู ข่า มีอัตราการรอด ตายสูงสามารถใหผ้ ลผลติ เรว็ การเก็บเกีย่ วผลแกก่ ระวานเริ่มครง้ั แรกไดห้ ลงั ปลกู ประมาณ 2-3 ปี เกบ็ ผลในชว่ งแรกประมาณเดอื นกุมภาพันธ์-มีนาคม และชว่ งท่ี 2 ประมาณเดือน สงิ หาคม-พฤศจกิ ายน หลงั ให้ผลแล้วต้นกระวานจะเหี่ยวแหง้ และตาย กอ่ น จะแทงต้นใหมจ่ ากเหง้าใตด้ ินในฤดูฝนถัดไป โดยใหผ้ ลผลิตประมาณ 60-100 กิโลกรมั /ไร่/ปี ผลกระวานที่เกบ็ แลว้ ควรตากแดดทนั ทีโดยตากบนตะแกรง ไม้ไผ่ เริ่มตัง้ แตต่ อนเช้าจนถงึ ตอนเย็น และควรพลิกกลับประมาณ 1 ครั้งในช่วง บา่ ย ใชเ้ วลาการตากประมาณ 5-7 แดด หรอื อาจใช้วิธีการย่างดว้ ยไฟอ่อน ๆ เพ่ือใหผ้ ลแหง้ เรว็ ขึ้น ราคาที่พอ่ คา้ รับซ้อื ประมาณ 200–500 บาท/กโิ ลกรัม การปลูกกระวานสามารถปลกู แซมในปา่ ที่มีแสงรำ� ไรเพ่อื ตดั หนอ่ ขาย (หน่อ ใช้เป็นเครอ่ื งเทศปรุงอาหาร) โดยเดอื นหนง่ึ ตัดได้ประมาณ 2–3 ครง้ั หรือ ตัดทกุ อาทิตย์ แลว้ แต่ช่วงออกหน่อ แตช่ ่วงออกดอกจะไม่มีหน่อ ปกติราคา ประมาณหน่อละ 4–6 บาท ถา้ หน่อใหญ่ราคา 8 บาท ในช่วงแล้งราคาสูงขนึ้ ถงึ หน่อละ 10 บาท 75
อาหารแปรรปู ท่ีไดจ้ ากแปง้ บุก ดอกบกุ ไข่ บกุ เนอ้ื ทราย ที่มาภาพ : facebook/greenpuye หรอื บุกคนโท 76
บกุ ไข่ บุกไข่ บุกเน้ือทราย หรือบุกคนโท เป็นบกุ ท่มี ีคณุ สมบตั ดิ ขี องประเทศไทย นยิ มปลูกเปน็ การค้าและอุตสาหกรรม มีชอื่ วทิ ยาศาสตรว์ า่ Amorphophal- lus muelleri Blume อยใู่ นวงศบ์ ุก-บอน (Araceae) จัดเปน็ ไมล้ ้มลกุ มหี วั ใต้ดนิ กลมแบน เสน้ ผ่านศนู ย์กลางโตไดถ้ ึง 28 เซนติเมตร พบทางภาคเหนือ และภาคตะวนั ตก เช่น เชยี งใหม่ ตาก อตุ รดิตถ์ แพร่ น่าน และกาญจนบรุ ี ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ หรือป่าไผ่ ทีร่ ะดับความสงู ไม่เกนิ 1,000 เมตรจาก ระดบั ทะเลปานกลาง เหตุทเี่ รยี กว่าบุกไข่ เพราะมตี ้นออ่ นเปน็ กอ้ นคล้ายไขเ่ กดิ อยบู่ นใบ บกุ ไข่เจริญเติบโตไดด้ ใี นดินรว่ นทม่ี ีความอดุ มสมบรู ณ์ ไมม่ นี �ำ้ ทว่ มขัง ไมช่ อบแดดจดั จงึ ควรเลือกพื้นทีป่ ลูกในสภาพมรี ่มเงารำ� ไร สามารถปลูกร่วม กบั พรรณไมอ้ ืน่ ในการปลูกปา่ เชงิ นิเวศได้ดี สว่ นใหญ่แล้วหัวบุกจะถูกเก็บมาจากปา่ นำ� มาขาย ชาวบา้ นนำ� ต้นอ่อนและ ก้านของชอ่ ดอกมาปรุงเปน็ อาหารตามฤดกู าล ชว่ งฤดแู ล้งลำ� ต้นจะตายเหลอื แตห่ วั อยใู่ ตด้ นิ จดั อยใู่ นกลมุ่ สนิ คา้ เพอื่ สขุ ภาพทม่ี ยี อดขายเตบิ โตเพมิ่ ขน้ึ ทกุ ปี เนอ่ื งจากเป็นทีต่ ้องการของผซู้ ือ้ หลายประเทศทัว่ โลก เชน่ จีน ญป่ี ุ่น และยโุ รป ด้วยคณุ สมบัตเิ ด่นดา้ นพชื สมนุ ไพรของหัวบุกเพราะในหวั บกุ มสี ารสำ� คัญ คือ กลูโคแมนแนน (glucomannan) ซง่ึ เปน็ เสน้ ใยอาหารท่มี ีประโยชน์ทางการ แพทย์ ชว่ ยลดระดบั คอเลสเตอรอล ระดบั ไขมนั ในเสน้ เลอื ด บำ� บดั อาการทอ้ งผกู ใช้เป็นอาหารควบคมุ น�้ำหนกั โดยไม่มีผลข้างเคียงตอ่ อวยั วะอืน่ ในรา่ งกาย กระแสความตอ้ งการบกุ ทีข่ ยายตวั เพิ่มข้นึ เนือ่ งจากสามารถน�ำบกุ มาผลติ อาหารไดห้ ลายรปู แบบ สง่ ผลใหห้ ัวบุกสดราคาสงู ขึ้นถงึ กิโลกรมั ละ 25-30 บาท ซ่งึ โดยทวั่ ไป พ้นื ที่ 1 ไร่ สามารถปลูกตน้ บกุ ได้ 1,700 ตน้ ในระยะห่าง 30×30 เซนติเมตร โดยจะใช้เงนิ ลงทนุ ประมาณไรล่ ะพนั กว่าบาท หากปลกู ต้นบกุ โดย ใช้หวั พันธน์ุ ้�ำหนกั 500 กรัม ในชว่ งเดือนเมษายน จะสามารถเก็บหวั บุกสด ออกขายได้ในช่วงเดอื นพฤศจกิ ายน-ธนั วาคม ภายในปีเดยี วกัน โดยหัวบุกสดท่ี ขดุ ได้จะมีนำ�้ หนกั เพ่ิมขน้ึ 10 เท่าตวั สำ� หรับการปลกู โดยใช้ตน้ ออ่ นหรือกอ้ นที่ คลา้ ยไข่บนใบมาปลูก อาจใช้เวลานานประมาณ 3 ปี จงึ สามารถเก็บหวั บกุ สด ออกขายได้ มีข้อสังเกตของชาวบา้ นในจังหวดั กาญจนบุรีว่า บกุ ตน้ ใดมหี ัวใตด้ ิน ขนาดใหญ่สมบรู ณ์ กอ้ นไขบ่ นแผน่ ใบจะมีขนาดใหญม่ ากขนึ้ ด้วย 77
ใบ หวั และเนื้อกลอย 78
กลอย กลอย (Dioscorea hispida Dennst.) จดั อยใู่ นวงศก์ ลอย (Dioscoreaceae) เป็นพืชเถาลม้ ลุก ลำ� ตน้ กลมมีหนาม เปน็ พชื ที่ข้ึนอยูท่ ว่ั ไปทง้ั ในป่าผลดั ใบและ ชายปา่ ดบิ ในทมี่ แี สงรำ� ไร-กลางแจง้ ดินมกี ารระบายนำ้� ดี ข้นึ ท่คี วามสูงไมเ่ กนิ 1,000 เมตรจากระดบั ทะเลปานกลาง ท่วั ประเทศ ในหัวกลอยมสี ารอาหาร ประเภทแป้ง เป็นสว่ นประกอบหลัก และมสี ารพษิ ทช่ี ือ่ วา่ “ไดออสคอรนี (dioscorine)” ไม่ควรเก็บหัวกลอยในชว่ งเดือนสิงหาคมไปจนถงึ เดือนตลุ าคม เพอื่ หลีกเลยี่ งความเป็นพษิ สูง ควรเก็บเก่ยี วในชว่ งฤดรู ้อนสงั เกตเถากลอย เรมิ่ แหง้ ตาย หวั กลอยจะมีขนาดใหญ่เตม็ ท่โี ผลเ่ หนอื พื้นดินท�ำให้เกบ็ ไดง้ า่ ยและ ไมม่ ีพษิ สูง การปลกู กลอยนยิ มใช้หวั โดยปลูกในช่วงเดอื นมกราคม-เดือนพฤษภาคม และการปลกู ดว้ ยเมล็ดจะใช้วธิ ีการปลอ่ ยใหเ้ มล็ดรว่ งหล่นลงพื้นดินและงอก เป็นต้นใหม่ในช่วงต้นฤดูฝน จากนั้นจึงขุดแยกไปปลูกกระจายตามพื้นที่ การขดุ กลอยมาแปรรูปเปน็ อาหารไดป้ ระมาณเดือนกนั ยายนถึงเดือนธันวาคม ขนึ้ อยู่กบั ปรมิ าณน�ำ้ ฝน ในปีทฝ่ี นตกชุกกลอยจะมีการเจรญิ เตบิ โตดี เถาหรอื ต้น มขี นาดใหญ่ 79
80
ผกั กูด ผักกูด (Diplazium esculentum (Retz.) Sw.) จัดอยู่ในกลมุ่ เฟิน (Pteridophyte) ในธรรมชาติชอบข้ึนตามพนื้ ทแี่ ฉะ หรอื ตามรมิ ล�ำธารมีน้ำ� ไหล สะอาด ไมม่ ีสารเคมี ดนิ ปนทราย ในที่มีแสงร�ำไร-ชายป่า ผักกูดข้ึนเป็นกอ สงู 50-100 เซนติเมตร ตามธรรมชาตขิ ยายพันธุโ์ ดยใชส้ ปอร์ และการแตกหนอ่ จากเหงา้ การปลกู ผักกดู นิยมใชห้ นอ่ แยกจากต้นแมม่ าปักชำ� ในดินที่ชืน้ แฉะ ปลกู ตามรมิ ล�ำธาร ร่องหรอื ขอบสระน�ำ้ สะอาดภายในสวนหรือปา่ ทม่ี ีอากาศช่มุ ชื้น ระยะปลกู ทีใ่ ช้ระหวา่ งแถวและระหว่างตน้ 50 เซนตเิ มตร การบ�ำรงุ รกั ษาเน้น การใชป้ ุย๋ อนิ ทรียซ์ ่ึงชว่ ยให้มีการเจริญเติบโตและผลผลติ ดีขึน้ หลังปลูกผักกูด ประมาณ 4-6 เดือน จึงเร่ิมเก็บผลผลิตได้ โดยเก็บสว่ นยอดความยาว 25-30 เซนตเิ มตร ผลผลติ ที่ไดเ้ ฉล่ยี ประมาณ 200 กิโลกรัม/ไร/่ เดอื น นอกจากนผ้ี ักกูด ไม่ค่อยมโี รคและแมลงรบกวนจงึ ไม่ตอ้ งใชส้ ารเคมกี �ำจดั ผักกูดเป็นพืชทใี่ ห้นำ�้ หนกั ดมี าก โดยยอดทส่ี มบรู ณ์ประมาณ 30 ยอด ได้ น�ำ้ หนกั ถงึ 1 กิโลกรัม ถ้ายอดเลก็ ประมาณ 50 ยอด จะได้ 1 กโิ ลกรัม พนื้ ท่ี 1 ไร่ สามารถเก็บผลผลิตได้เดอื นละ 200-300 กิโลกรัม ราคากโิ ลกรมั ละ 50–60 บาท นยิ มนำ� มาลวกกนิ กบั นำ้� พรกิ ผดั นำ้� มนั หอย ยำ� ผกั กดู หรอื แกงกะทใิ สป่ ลายา่ ง ผกั กดู เปน็ ทต่ี อ้ งการของตลาดมาก ไมน่ ิยมรบั ประทานสดเนอื่ งจากมีเมอื กและ รสฝาด การปลกู ปา่ เชิงนิเวศยงั มพี ชื อกี หลายชนดิ ท่สี ามารถปลกู รว่ มกบั ไม้ป่า โดย เฉพาะพืชกลมุ่ ขงิ ขา่ หรอื พืชสมนุ ไพร ซงึ่ เป็นพชื โตเร็วสามารถสร้างรายได้ ตอบแทนอยา่ งรวดเร็ว (พืชระยะส้นั ) ภายใน 1-2 ปแี รกท่ปี ลกู ทำ� ให้เกษตรกร มรี ายได้หมุนเวียน ตัวอยา่ งมูลค่าของพชื สมุนไพรหลากชนดิ ถูกแสดงไว้ใน ตารางผนวกที่ 2 ผกั กดู ทปี่ ลูกร่วมกับพชื ชนิดอื่นตาม พืน้ ทลี่ ุ่มช้นื แฉะ 81
82
ตัวอยา่ ง การสรา้ งปา่ เชงิ นเิ วศ ท่ีย่ังยนื การปลูกพืชในรูปแบบป่าเชงิ นิเวศ สงิ่ สำ� คัญท่ีควร พิจารณาคอื โครงสร้างพืชทมี่ ีหลายชั้นเรือนยอด ซ่งึ ประกอบไปดว้ ยความหลากหลายของพรรณพืชที่มคี วาม สัมพันธ์อย่างเกือ้ กูล ส่งผลให้เกดิ ความสมดลุ ของระบบ นิเวศและให้ผลผลติ ท่ียงั่ ยนื รวมถงึ ผลตอบแทนที่กลับมา เป็นรายไดแ้ ก่ผูท้ ี่นำ� แนวทางนม้ี าปฏบิ ตั ิ จากการประเมนิ มลู คา่ ทางเศรษฐกจิ ในพนื้ ที่นำ� รอ่ งโครงการปา่ ครอบครัวอทุ ยั ธานี-นครสวรรค์ ได้ทำ� ให้เหน็ วา่ การปลกู พชื เกษตร รว่ มกับไมป้ า่ ทีม่ ีอายุมากกว่า 10 ปี มคี วามหลากหลายทางชีวภาพ สงู มีมลู ค่าทางเศรษฐกิจ 21,840 บาท/ไร่ สงู กว่าประมาณ 2 เทา่ ของการท�ำสวนพืชเกษตรอายุ 4-9 ปี และสูงกว่าประมาณ 30 เท่า ของการปลูกพชื เชงิ เดี่ยวท่ปี ลกู ไม้ผลหรือไม้ตน้ อายุ 1-3 ปี นอกจากน้ีการปลูกพชื เกษตรรว่ มกับไมป้ ่าแบบปา่ ธรรมชาติ มคี วามยั่งยนื สามารถเกบ็ เก่ยี วผลประโยชนไ์ ด้ตลอด (ส�ำนักงาน พฒั นาเศรษฐกิจจากฐานชวี ภาพ (องคก์ ารมหาชน), 2560) การปลกู ป่าเชิงนิเวศโดยใช้พืชเกษตรท้องถิ่นปลูกร่วมกับไม้ปา่ มีราษฎรดำ� เนนิ การเป็นผลสำ� เร็จมาแล้ว สามารถน�ำมาเปน็ ตน้ แบบการปลกู ป่าเชิงนิเวศได้ ดังน้ี 83
สร้างปา่ ไว้ในบา้ น ลุงเหรยี ญจึงเปล่ยี นมาปลกู ตน้ ไมใ้ ห้ได้ 7 ชนั้ เรือน ยอด เร่มิ ตงั้ แต่การขดุ สระน้ำ� มีการปลูกผกั โดยรอบสระน้�ำ ลุงเหรยี ญ จังหวัดนา่ น ในระดับช้นั บนขุดดนิ ปลกู มนั บุก ไพล ขมน้ิ และสมุนไพร การสร้างป่าของลุงเหรยี ญ ค�ำแควน่ อ�ำเภอบอ่ เกลอื หลากหลายชนดิ ถดั มาเป็นหวายจัดเป็นไมเ้ ล้ือยอาศัย ยดึ เกาะไมใ้ หญใ่ นการเจรญิ เติบโต ซง่ึ หวายเปน็ พรรณไม้ จังหวดั นา่ น มลี ักษณะพืน้ ท่อี ยู่บนภูเขาสูง ได้รับการ ด้งั เดิมในป่าอนรุ กั ษบ์ ริเวณพืน้ ที่น้นั ในอดตี หวายถกู น�ำ จดั สรรพน้ื ที่ท�ำกินจำ� นวน 15 ไร่ แต่เดมิ ปลกู ข้าวโพด มี มาใชป้ ระโยชนจ์ �ำนวนมากจนในปัจจบุ ันหวายหายากข้ึน คา่ ใชจ้ ่ายในการใสป่ ยุ๋ และบำ� รุงรักษาเพ่อื ใหไ้ ด้ผลผลติ สงู ในป่าธรรมชาติ ได้รับคำ� แนะนำ� จากเจ้าหนา้ ที่กรมอทุ ยานแห่งชาติ ในชั้นเรอื นยอดถัดขึน้ มาเปน็ การปลกู ไมพ้ มุ่ เชน่ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล เมย่ี ง กลว้ ยปา่ กล้วยหก กล้วยเข้ ค้อ ต๋าว มะแขว่น นักวิชาการป่าไม้ชำ� นาญการ ในขณะนั้น) สง่ เสริมใหส้ ร้าง มะขม มะไฟ ไผห่ ก ไผ่ขา้ วหลาม ไผ่ซาง และทเุ รยี น ซึง่ ปา่ ไวใ้ นบ้าน ปลกู ปะปนกบั ไม้ปา่ ทขี่ ึน้ เองตามธรรมชาติ ผลผลิตทีไ่ ด้ สามารถนำ� มาขายได้ตลอดปี ต้นตา๋ ว หวาย และมะแขวน่ ใน สวนปา่ ของลงุ เหรยี ญ 84
สวนสมรมบา นครี วี ง จังหวัดนครศรธี รรมราช สวนสมรมบานคีรีวง ตําบลกําโลน อําเภอลานสกา ลกั ษณะเดนของการทําสวนสมรม (พรพิไล, 2532) 1) ใชพ ันธุพืน้ เมอื งเปน หลัก ใหค้ งรักษาพันธเุ ดิมไว จังหวดั นครศรธี รรมราช มีลักษณะเปน สวนผลไมปลกู ผสมผสานกบั ไมป าเดิมในพ้นื ท่ี อันเปนเอกลักษณทาง แตใ ชเทคนคิ การเกษตรชว ย เชน การเสียบยอด วฒั นธรรมของภาคใต้ เน่ืองจากสภาพภมู ิประเทศมี 2) การปลกู ไม่เปน แถวเปนแนว ปลูกทุกทที่ พ่ี ืน้ ดินวาง ท่ีราบอยนู อ ย พื้นที่ทำ� กินหรอื ทำ� สวนมักเปน ทีร่ าบเชงิ เขา-ทลี่ าดชนั บนภเู ขา สวนสมรมจดั สรา้ งไดง้ า่ ย โดยเรมิ่ ตน้ และปลกู ใหมทันทหี ากตนเกาหมดสภาพ จัดท�ำได้หลายรูปแบบ มีความยดื หย่นุ ปรบั ให้เข้ากบั 3) การผลิตตลอดจนการดูแลรกั ษาไมใชป ยุ เคมี ยา สภาพทด่ี ิน ทนุ แรงงาน และเวลา เกษตรกรมกั เลอื กปลกู พชื ท่ีจำ� เปน็ ตอ้ งใช้ก่อนและมรี ูปแบบการจัดสร้างแตกตา่ ง ปราบศัตรพู ชื เนน ใหธ รรมชาติดูแลกันเอง กนั แบ่งออกเป็น 3 แบบ คอื 4) เคร่ืองมอื ทีใ่ ชเนน จอบพราเสียมเปนหลัก แต่มี 1) แบบดง้ั เดมิ : ปลกู พชื ด้วยเมลด็ ซง่ึ สว่ นใหญเ่ ป็น การนำ� เครื่องตดั หญามาใช พนั ธ์ุพ้ืนเมืองให้ผลตอบแทนต�่ำและเกบ็ เกีย่ วยาก 5) แรงงานเนนการใชแ รงงานในครัวเรอื นเปนหลกั สวนสมรมมชี นดิ พชื ทหี่ ลากหลาย และมีเรือนยอด 2) แบบประยุกต์ : ใช้เทคนิคขยายพนั ธุ์เปลี่ยนยอด อย่างนอ้ ย 6 ระดับ ดังนี้ พนั ธดุ์ บี นตอพันธุพ์ ้นื เมือง ท�ำใหผ้ ลตอบแทนดขี ้ึน 1) เรอื นยอดที่ 1 อย่ชู น้ั บนสดุ คอื เหรยี ง หยี 2) เรือนยอดท่ี 2 คือ ทเุ รียนพน้ื บ้าน สะตอ หมาก 3) แบบสมยั ใหม่ : ปลกู พืชโดยใช้พันธุด์ ที น่ี ยิ ม ทำ� ให้ ผลผลิตตอบแทนดีกวา่ และเกบ็ เกย่ี วง่ายกวา่ ยางพาราพืน้ เมอื ง 3) เรอื นยอดที่ 3 คอื เนยี ง ลางสาด มังคุด ลองกอง โดยทงั้ สามรปู แบบยงั คงมีความหลากหลายของชนดิ พชื ความต่างของระดับเรอื นยอด และมกี ารจัดระบบ จำ� ปาดะ มะปรงิ มะมุด สม้ แขก มะพราว นเิ วศเลียนแบบธรรมชาตดิ กี ว่าในอดีต ทั้งนี้ เพราะ 4) เรือนยอดท่ี 4 คือ กล้วย คลมุ ผกั เหมียง ระกํา เกษตรกรมีความร้เู รอ่ื งการเกษตรดขี ึ้น มะกรูด 5) เรือนยอดที่ 5 คือ พืชประเภทผกั สวนครวั ไดแ ก ผักหวาน พรกิ มะเขือ ตะไคร ดาหลา ขา่ ขมนิ้ 6) เรอื นยอดท่ี 6 คอื พืชประเภทสมุนไพร และผกั พืน้ บา้ น คอื ผักหวานปา ช้าพลู ผักพูม โครงสร้างสวนสมรมบา นครี วี ง ตําบลกําโลน อาํ เภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ท่มี าภาพ : พงศ์ธร และคณะ (2547) 85
เกษตรธาตุ 4 ปะ๊ หรน จังหวัดสงขลา “ป๊ะหรน” หรือ ครูหรน หมัดหลี ครภู ูมปิ ญั ญาไทย ตวั อยา่ งธาตขุ องตน้ ไม้ ไดแ้ ก่ ดา้ นเกษตรกรรมท่พี ่งึ พาอาศัยธรรมชาติ ต�ำบลเขาพระ ธาตุน้�ำ รสจดื เชน่ มังคุด กล้วย จำ� ปาดะ ออ้ ย อำ� เภอรัตภูมิ จังหวดั สงขลา เริ่มทำ� สวนผลไมบ้ นพื้นท่ี 10 มะมว่ ง ชมพู่ ไร่ คน้ พบว่าตน้ ไมม้ ธี าตธุ รรมชาติ หากธาตทุ ง้ั ส่ีมคี วาม ธาตดุ นิ รสฝาด ขม เชน่ ละมดุ สะตอ เหรยี ง ใบยาสบู สมดุลจะเจรญิ แขง็ แรง มีวธิ กี ารรู้ไดว้ ่าต้นไม้แตล่ ะชนิดมี ธาตลุ ม รสหน่ื เฝอ่ื น เชน่ ลองกอง ลางสาด ผกั เสย้ี นผี ธาตปุ ระเภทใดมาก คอื นำ� สว่ นใดสว่ นหน่ึงของล�ำต้นมา ธาตุไฟ รสเผด็ ร้อน เชน่ ทเุ รียน พรกิ ส้ม ฝนแสนหา่ เคยี้ ว แล้วคัดเลือกพืชที่มธี าตุตรงกันขา้ มกนั มาปลกู เพ่ือ ไฟเดือนห้า พาหมี ให้มกี ารเจรญิ เตบิ โตได้ดี เพราะพืชแตล่ ะชนิดมคี วาม เกษตรธาตุ 4 เปน็ แนวทางทใี่ ชเ้ นื้อท่นี อ้ ย ประหยดั เกอ้ื กลู ซ่งึ กันและกัน เช่น พชื ท่มี ีธาตุนำ้� มากจะต้องปลูก งบประมาณ เนื่องจากปลูกด้วยเมลด็ ไมใ่ ช้ปยุ๋ เคมี เพราะ ร่วมกับพืชท่มี ธี าตไุ ฟมาก พชื แตล่ ะชนดิ เกอื้ กลู กนั อย่างมีความสมดลุ รวมท้ังยงั มีการปลูกพชื ลม้ ลุก เช่น กลว้ ย พริก มะเขือ ผกั ตา่ ง ๆ การปลูกใหพ้ ิจารณาถึงความต่างระดับของเรอื นยอด ท�ำใหม้ กี ินตลอดท้งั ปี เช่น ทุเรยี น ปลกู ในเรือนยอดสูงสุด ถดั ลงมา คอื ลางสาด และมงั คุด ตามลำ� ดบั รวมถงึ ลักษณะการให้ดอกผล บาง ที่มาภาพ : https://prachatai.com/journal/2009/07/24971 ชนดิ ออกทบี่ รเิ วณปลายกงิ่ เชน่ มงั คดุ เงาะ สะตอ ถา้ มา ปลูกรวมกันตอ้ งจดั ระยะใหเ้ หมาะสม ไมใ่ หท้ รงพ่มุ อยู่ ติดหรอื ซ้อนกัน สว่ นบางชนดิ ใหผ้ ลบริเวณลำ� ตน้ หรือก่ิง สามารถปลูกต้นติดกนั ได้ เชน่ ทุเรยี น จำ� ปาดะ ลองกอง ลางสาด 86
ยกปา่ มาไวท้ บี่ ้าน กลมุ่ อนิ แปง จังหวดั สกลนคร นายเล็ก กุดวงศแ์ กว้ ประธานกลมุ่ อินแปง อำ� เภอ กุดบาก จังหวัดสกลนคร ผู้ถา่ ยทอดแนวคดิ การอนุรักษ์ และอยรู่ ว่ มกบั ธรรมชาตอิ ยา่ งเกอ้ื กูล โดยอาศยั ภูมิปญั ญา ท้องถน่ิ ตามหลกั ความพอเพยี ง สรา้ งชมุ ชนเขม้ แขง็ จน สามารถพ่ึงพาตนเองได้อย่างยัง่ ยนื มแี นวคิดทส่ี ำ� คัญท่ีสุด คือ “เฮด็ อยูเ่ ฮ็ดกนิ ” โดยอาศัยตน้ ทุนทางธรรมชาติ คือ ดนิ น้�ำ ป่า ภเู ขา และภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น จึงหันมาศกึ ษา ปา่ ธรรมชาติบนเทอื กเขาภพู าน จนไดแ้ นวคิด “ยกป่า ภพู านมาไว้ท่ีบ้าน” และความคิด “ปลกู ทุกอย่างท่กี ิน กนิ ทุกอยา่ งท่ปี ลกู ” น�ำพืชพนื้ บ้านประมาณ 200 ชนดิ มา ปลกู ในที่ดินของตนเองประมาณ 5 ไร่ ไมใ่ ช้สารเคมี เม่อื ทดลองไดผ้ ลจงึ ขยายพนื้ ที่เป็น 23 ไร่ ในพนื้ ทป่ี ลกู ทัง้ ไม้ผล ไม้ใช้สอย และไม้ต้นหลายชนิด ยกป่าภูพานมาไวท้ บี่ ้าน เปน็ แนวคิดการน�ำเมล็ดของ พืชป่าบนเทอื กเขาภพู านที่มีประโยชน์มาปลกู ในลกั ษณะ เลียนแบบปา่ ธรรมชาติ โดยการแบง่ ช้ันตามเรือนยอด เรียกวา่ “ปลูกแบบสำ� มะป”ิ (มากมาย สารพดั ) เป็นการ สรา้ งป่าในครวั เรอื น ปจั จบุ นั เป็นผู้นำ� เครอื ข่ายท่ีประสบ ความส�ำเรจ็ เป็นต้นแบบให้แกค่ นรนุ่ ใหม่ในการสรา้ งปา่ ในครัวเรือนหรือการท�ำการเกษตรแบบปา่ เป็นรปู แบบ การเกษตรเชงิ นเิ วศท่ียั่งยืน ที่มาภาพ : https://mgronline.com/greeninnovation/ detail/9630000126209 87
วนเกษตรเพอ่ื การพงึ่ ตนเอง ผใู้ หญว่ ิบูลย์ เขม็ เฉลิม จงั หวัดฉะเชิงเทรา ผูใ้ หญ่วบิ ูลย์ เข็มเฉลิม หมู่บ้านหว้ ยหิน ตำ� บลลาด และกลุม่ อน่ื ๆ เช่น จ�ำปาทอง กระบก นนทรี กระท้อน กระทิง อำ� เภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชงิ เทรา ในช่วงท่ี ป่า ประดู่ เทพทาโร มะคา่ โมง สักทอง มกี ารประกาศใชแ้ ผนพฒั นาเศรษฐกจิ แหง่ ชาตฉิ บบั แรก เม่อื ปี พ.ศ. 2504 ผูใ้ หญ่วบิ ูลยม์ องเห็นโอกาสสร้างรายได้ ระดับท่ี 2 ไม้ระดบั กลาง อาทิ ขนนุ กระท้อน มะไฟ จงึ ขยายพนื้ ทีป่ ลูกมนั ส�ำปะหลงั ขนาดใหญ่ รวมถึงรับซ้อื มะขาม อินจนั หมักแปม มังคุด ส้ม หมาก ลนิ้ จ่ปี า่ ผลผลิตการเกษตรจากชาวบ้าน ทำ� ใหม้ ฐี านะความเป็น ส้มโอ มะพูด ตะลิงปลิง น้อยหนา่ มะม่วง ชะมวง มะรุม อยู่ท่ดี ี และได้รับเลือกเป็นผู้ใหญบ่ า้ น ตอ่ มามีปัญหาราคา มันปู มันปลา พิกุล บนุ นาค สารภี อบเชยไทย อบเชย- ผลผลิตตกต�ำ่ ท�ำให้ตกอยู่ในสภาพล้มละลาย ต้องขาย เทศ อบเชยป่า ทรพั ยส์ นิ และที่ดนิ กว่า 200 ไร่ เหลอื เพียง 9 ไรส่ ุดทา้ ย จึงหนั มาปลกู ผักสวนครัวโตเร็ว เพื่อใช้เปน็ อาหาร เหลอื ระดบั ท่ี 3 ไมต้ น้ ระดบั ลา่ ง อาทิ ชะอม เสมด็ ต้ิว/แต้ว กินจึงน�ำไปขาย จนได้ความคิดเรอื่ งการพง่ึ ตนเอง จากนัน้ กา้ นตรง มะกรดู มะนาว ยอ พริก มะเขอื แค เต่ารา้ ง ได้วางแผนเพาะปลูกพืช โดยรวบรวมพนั ธุ์พืชทีค่ นุ้ เคยใน กลว้ ย ฝาง จันทนา จันทน์แดง กานพลู ผกั หวานบา้ น อดีตมาปลูก เช่น พชื ผกั สมนุ ไพร ไมล้ ้มลุก วา่ น ไม้หวั ผักหวานปา่ มะละกอ ไม้เลอ้ื ย ไม้ผลยนื ตน้ รวมไปถึงไม้ป่าต่าง ๆ จนทำ� ให้พื้นที่ 9 ไร่ มคี วามอุดมสมบรู ณ์ กลายมาเป็นแนวคดิ ระดบั ที่ 4 ไมค้ ลุมดนิ อาทิ ตำ� ลึง ตะไคร้ ผักแพว “วนเกษตรเพอ่ื การพ่ึงตนเอง” สะระแหน่ ผกั ชฝี รัง่ ฟา้ ทะลายโจร บัวบก ผกั ไผ่ โดไ่ ม่รู้ลม้ ผใู้ หญ่วิบลู ยพ์ ิสจู น์ว่า วนเกษตรท่ีสมบูรณ์ตอ้ งมีพชื 7 ระดบั ช้ัน องค์การสหประชาชาตวิ ่าดว้ ยอาหารและ ระดบั ท่ี 5 ไมน้ �ำ้ อาทิ ธปู ฤาษี บวั หลวง ผักพาย ยา (FAO) สำ� รวจในพน้ื ที่ 9 ไร่ ของผู้ใหญ่วบิ ูลย์ พบว่ามี ผักหนาม ผักกดู สันตะวาใบพาย พรรณไม้กว่า 500 ชนิด ในพืช 7 ระดบั ชน้ั ดังนี้ ระดบั ที่ 6 ไมห้ ัวใตด้ ิน อาทิ ขมน้ิ ขาว ขมิน้ ชัน ขมน้ิ - ระดบั ท่ี 1 ไมต้ น้ หลัก เป็นไมเ้ รอื นยอดส่วนบนสุด ออ้ ย กระเจยี ว ขา่ กระชาย กระทอื เรว่ บกุ ของปา่ เช่น ไม้วงศ์ยางนาทเ่ี ปน็ ไมเ้ ด่นในป่าเมืองไทย มี ประมาณ 20 ชนดิ อาทิ ยางนา ยางแดง ยางยงู ยางพลวง ระดับท่ี 7 ไมเ้ ลื้อย อาทิ หวาย ดปี ลี พริกไทย ยางเหียง ตะเคียน กระบาก จนั ทนก์ ะพ้อ เตง็ พะยอม โคคลาน กำ� ลังเสอื โคร่ง เถาเอ็นอ่อน ขมนิ้ เครอื ก�ำแพง- เจด็ ช้ัน 88
ปา่ เพือ่ ความยงั่ ยืน พ่อเลี่ยม บตุ รจนั ทา จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา นายทองเลย่ี ม บุตรจันทา หรอื “พอ่ เลีย่ ม” ต้นเร่ือง ผมเลยนกึ ไปถึงต้นไม้ วา่ เป็นสงิ่ ท่นี า่ จะตอบโจทยบ์ ำ� นาญ โฆษณาดงั “จน เครยี ด กินเหลา้ ” อพยพมาอยบู่ ้าน ชวี ิตได้” นาอสี าน ตำ� บลทา่ กระดาน อ�ำเภอสนามชยั เขต จงั หวัด ฉะเชิงเทรา ประกอบอาชีพทำ� ไร่มนั สำ� ปะหลัง ขา้ วโพด “ปา่ ไม้กนิ ได้ พวกผัก ขา้ ว พชื สวนครวั ป่าไม้ใช้สอย ไมป่ ระสบผลส�ำเร็จ มหี นส้ี นิ หาทางออกดว้ ยการดมื่ เหลา้ พวกไมโ้ ตไว เอามาท�ำฟืน เผาถ่านเราก็ไม่ต้องใช้แกส๊ พ.ศ. 2540 พอ่ เล่ียมได้เรยี นรู้ การจัดการวนเกษตรจาก ป่าไม้เศรษฐกิจ จำ� พวก พะยงู สกั ยางนา มะคา่ โมง ผใู้ หญว่ บิ ูลย์ เขม็ เฉลมิ แลว้ นำ� ความรู้มาปรับใช้ในทไ่ี ร่ มะฮอกกานี อยากใชเ้ งินเมือ่ ไหรเ่ ราก็คอ่ ยตัดขาย แลว้ ของตนเอง โดยตัง้ ชอ่ื สวนวา่ “สวนออนซอน” ซง่ึ ปลกู ปลูกทดแทนใหม่ และประโยชน์ของป่าอีกอยา่ งกเ็ พ่อื ทกุ อย่างที่กนิ ได้และกนิ ทุกอย่างท่ีปลกู เหลือกนิ จึงขาย อนรุ ักษ์ดนิ และน�ำ้ ให้ยงั คงมอี ยู่เพือ่ เปน็ ขุมทรัพยท์ ม่ี ีเงนิ หรอื แปรรปู เป็นผลติ ภณั ฑ์อืน่ ๆ เช่น แชมพู สบู่ สมนุ ไพร แฝงอยู่ในทกุ ๆ อย่างท่ีเราปลูกข้นึ ซงึ่ ทุกวันน้ผี มท�ำงาน รวมถงึ ทำ� ปุ๋ยไว้ใช้เอง แค่วันละ 4 ชั่วโมง ในการดูแลปา่ ก็มีกนิ มใี ชเ้ หลือเฟอื ตลอดชวี ติ ” ใน พ.ศ. 2542 พอ่ เลีย่ มหวนนึกถงึ แนวพระราชด�ำรัส “ปลูกปา่ 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อยา่ ง” ท่ีเขาเช่ือวา่ เปน็ ทางออกไปสู่ความยงั่ ยนื ในยามแกเ่ ฒ่าได้ โดยมแี นวคิด ท่ีมาภาพ : http://community.onep.go.th/location/ ว่า “ตอนปลกู ผกั ปลูกพชื ล้มลกุ พวกน้ีมันตอ้ งใช้แรง ต้อง ban-na-esan-chachoengsao/ ถางหญ้า ต้องหาบน�้ำรดผักทุกวนั ทำ� ให้นึกไปถงึ ว่า ถ้า วันหนง่ึ เราแก่ตัวลงจะอยอู่ ย่างไร เราเปน็ เกษตรกร ไมใ่ ช่ ข้าราชการ จะเอาบ�ำนาญจากไหนมาเล้ียงตัวเองตอนแก่ 89
โคก หนอง นา โมเดล โคก-หนอง-นา โมเดล เป็นโมเดลต้นแบบที่สถาบัน แนวทางท�ำเกษตรอนิ ทรยี แ์ ละการสรา้ งชีวติ ท่ียงั่ ยนื โดยมี เศรษฐกจิ พอเพียงและมูลนธิ กิ สิกรรมธรรมชาตนิ ้อมนำ� มนษุ ยเ์ ป็นสว่ นสง่ เสรมิ ใหม้ นั ส�ำเรจ็ เรว็ ขึน้ อยา่ งเปน็ ระบบ พระราชด�ำรสั ในพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธ-ิ เบศร มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช (รัชกาลที่ 9) หลักด�ำเนนิ การ โคก หนอง นา โมเดล แบ่งสดั สว่ น ดว้ ยการน�ำเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้บริหารจัดการนำ�้ และ ของพนื้ ท่ี ดังน้ี 30 % ส�ำหรับแหล่งนำ้� 30 % สำ� หรับ พน้ื ทก่ี ารเกษตร ผสมผสานกบั ภูมปิ ัญญาพื้นบ้านได้ ทำ� นา 30 % ส�ำหรับทำ� โคกหรือป่า โดยปลกู ปา่ 3 อย่าง อยา่ งสอดคลอ้ งกับธรรมชาติในพนื้ ท่ีนน้ั ๆ โคก หนอง ประโยชน์ 4 อย่าง คอื ปลูกไมใ้ ช้สอย ไม้กนิ ไดแ้ ละ นา โมเดล เป็นการใหธ้ รรมชาติจดั การตัวมันเอง ตาม ไมเ้ ศรษฐกิจ และ10 % ส�ำหรบั ท่อี ยอู่ าศยั และเลีย้ งสตั ว์ โคก หนอง นา โมเดล ทีม่ าภาพ : https//district.cdd.go.th 90
กาแฟไล่โว่ ปัจจบุ ันกลุ่มวสิ าหกจิ ชุมชนกาแฟไลโ่ ว่ มสี มาชกิ จาก 6 กลมุ่ บ้านท่อี ย่ใู นพื้นทเี่ ขตรักษาพนั ธส์ุ ัตว์ปา่ ทุง่ ใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี นเรศวร ดา้ นตะวันตก ไดแ้ ก่ หมบู่ า้ นกองหมอ่ งทะ สะเนพ่ อ่ ง เกาะสะเดง่ิ สาละวะ ไลโ่ ว่ และทไิ ลป่ ้า ซึง่ ใน ตำ� บลไลโ่ ว่ อ�ำเภอสังขละบรุ ี จงั หวดั กาญจนบุรี กระบวนการปลกู และผลติ เนน้ พงึ่ พงิ ธรรมชาติ ไมใ่ ชส้ ารเคมี อยใู่ นเขตรกั ษาพันธุ์สตั ว์ป่าทงุ่ ใหญน่ เรศวร ด้านตะวนั ตก ในการปลูก ไมถ่ างท�ำลายปา่ เพมิ่ สมาชิกมคี วามใสใ่ จใน เปน็ แหลง่ ท่มี ีการปลูกกาแฟพันธ์โุ รบสั ตา้ ของกลุ่ม รายละเอียดทกุ ๆ ขั้นตอน โดยเฉพาะการคดั สรรเมล็ด ชาวกะเหรีย่ ง ซ่งึ เป็นอาชพี หลักมาหลายสบิ ปี โดยปลูก ต้องเป็นเมล็ดสแี ดงสดและสมบูรณเ์ ทา่ นน้ั รวมถงึ การ ตามสภาพธรรมชาตปิ ะปนกับไม้ปา่ และไม้ผลอืน่ ๆ เก็บกาแฟจากตน้ ทีละเมล็ด เพือ่ ให้ได้กาแฟทีม่ คี ุณภาพ มีกลิน่ และรสชาติอนั เป็นเอกลกั ษณ์ และขายกาแฟไดใ้ น กลุ่มวสิ าหกจิ ชมุ ชนกาแฟไลโ่ ว่ เกดิ ขึ้นจากความคิด ราคาท่สี ูงขนึ้ ทอี่ ยากให้มีคณุ ภาพชวี ิตท่ีดขี ้นึ ซ่ึงข้อมลู จากการส�ำรวจ การบริโภคกาแฟของคนในชมุ ชน พบวา่ บา้ นเกาะสะเดิง่ มี ผลิตภณั ฑก์ าแฟไล่โว่ รายจ่ายส�ำหรับการซอ้ื กาแฟสำ� เร็จรูปรวมต่อปีกว่า ทม่ี าภาพ : www.seub.or.th 100,000 บาท จงึ มคี วามพยายามพัฒนาคณุ ภาพกาแฟ และสง่ เสริมให้ชมุ ชนหนั มาทานกาแฟที่ปลกู เองและสง่ ไป ขายในรา้ นค้า ทำ� ใหก้ าแฟสรา้ งรายได้ให้แก่ชมุ ชน 91
ภลู มโล ป่าต้นนางพญาเสอื โครง่ ทีอ่ ุทยานแห่งชาตภิ ูหินร่องกล้า บริเวณภูลมโล จงั หวัดเลย-พิษณุโลก-เพชรบรู ณ์ คือ แหล่งท่องเทยี่ วเชิงนเิ วศ ตวั อย่างความร่วมมือระหว่างภาครฐั และชาวบา้ นในการ ปลกู ปา่ จนเป็นแหล่งท่องเท่ียวท่ไี ดร้ ับความนิยม ปจั จุบนั ธรุ กจิ ภาคการทอ่ งเท่ียวก�ำลงั เฟื่องฟู แนวคดิ วชั พชื และการปอ้ งกันไฟป่าอันเปน็ อปุ สรรคสำ� คัญต่อการ การปลูกป่าด้วยพรรณไมป้ ่าที่ออกดอก/ผล/ผลใิ บ สร้าง ปลกู ป่า ประมาณปที ่ี 3 ต้นนางพญาเสือโครง่ เติบโตจน สสี นั ความสวยงามแก่พื้นที่ปา่ เขา เป็นอกี แนวคิดที่ เกดิ รม่ เงามากขน้ึ จึงใหร้ าษฎรออกจากพน้ื ที่ ผลลพั ธท์ ่ไี ด้ สรา้ งรายไดใ้ ห้แกเ่ กษตรกรหลายรายมาแลว้ จากพื้นที่ คือ อทุ ยานไดป้ ่า ชาวบ้านได้ท�ำกนิ เป็นโครงการปลูกป่า เส่อื มโทรมทถ่ี กู มองข้ามกลับมาเป็นแหล่งทอ่ งเที่ยวยอด ทีไ่ ดผ้ ลมาก จนเขา้ สูป่ ระมาณปีที่ 5 ต้นนางพญาเสือโคร่ง นิยม สร้างรายได้อยา่ งมหาศาล ไม่เพยี งแต่ราษฎรในท้อง เร่ิมทยอยออกดอกเป็นจ�ำนวนมากทำ� ให้พนื้ ท่ีแห่งน้ีกลาย ถน่ิ ยังขยายวงกว้างไปสูร่ ะดับจังหวัดซง่ึ ได้รับผลจากหว่ ง เปน็ แหล่งท่องเท่ียวช่ือดังไปในทส่ี ุด สรา้ งรายได้ด้านธรุ กิจ โซ่ทางเศรษฐกจิ ในธรุ กจิ ภาคบริการและการทอ่ งเทย่ี ว การทอ่ งเทย่ี วและบรกิ ารแกร่ าษฎรอยา่ งมากมาย (เดลนิ วิ ส์ ดังเช่นกรณี (2560), กิตยางกรู (2563)) ภูลมโล ในพน้ื ท่ีอุทยานแห่งชาติภูหนิ ร่องกล้า ในอดตี ภลู มโลแหล่งทอ่ งเทย่ี วเชงิ นเิ วศ จึงเปน็ แนวทางการ นั้นมีสภาพเปน็ ภูเขาหัวโลน้ อดตี หัวหน้าอทุ ยานแหง่ ชาติ ฟื้นฟปู ่าทีน่ ่าสนใจอกี แนวทางหนึ่ง ทสี่ ามารถดำ� เนนิ การ ภหู นิ รอ่ งกลา้ นายมโน มนูญสราญ ไดด้ ำ� เนินโครงการ ในพนื้ ทป่ี า่ อนุรกั ษ์ท่ีเส่อื มโทรมร่วมกับราษฎรทีอ่ าศัยอยู่ ปลูกปา่ ถาวรเฉลิมพระเกยี รติฯ ร่วมกบั ชุมชนบา้ นกก- ในพื้นที่ปา่ อนรุ ักษ์ หรอื ชุนชนนอกพื้นทป่ี ่าอนุรกั ษ์ ดว้ ย สะทอน อ�ำเภอดา่ นซา้ ย จงั หวัดเลย ใน พ.ศ. 2551 การจัดพนื้ ที่ขนาดใหญป่ ลูกพรรณไม้ตน้ /ไม้พ่มุ ทมี่ ีดอก ประมาณ 1,200 ไร่ โดยให้ชุมชนรอบพนื้ ท่ีช่วยกันปลกู สวยงาม แลว้ จดั ให้เปน็ แหลง่ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จากการ และดแู ลต้นนางพญาเสือโคร่งให้เปน็ ป่า แลกกบั การเขา้ ชมดอกไม้ตามฤดูกาล ตวั อย่างของพรรณไม้ดอก มาท�ำการเกษตรปลูกขิงและกะหลำ่� ปลีในพน้ื ทช่ี ่องว่าง ไมป้ ระดบั ทม่ี ีศักยภาพ เช่น นางพญาเสือโคร่ง ก่วมแดง/ ระหวา่ งแถวตน้ นางพญาเสอื โครง่ ถ้าหากไปเชา่ ทีด่ ินต้อง เมเปลิ้ ชมพูภูคา กลั ปพฤกษ์ ราชพฤกษ/์ คนู ชัยพฤกษ์ จา่ ยคา่ เช่าราคาไร่ละ 4,000-5,000 บาท การปลกู พชื เสลา/อินทรชติ ทองหลาง เสี้ยว/เสย้ี วดอกขาว ง้ิวแดง เกษตรระหวา่ งแถวเป็นการช่วยลดค่าใชจ้ ่ายในการกำ� จัด ตานเหลอื ง/ช้างน้าว ฝา้ ยค�ำ ชมพพู นั ธุ์ทพิ ย์ ประดูแ่ ดง เปน็ ต้น 92
บรรณานุกรม 93
กลมุ่ สง่ เสรมิ ผลิตพชื สมนุ ไพร กรมสง่ เสรมิ การเกษตร. 2561. มะแขว่น เครื่องเทศของชาวเหนอื . ทม่ี า : https://www.technologychaoban.com/thai-local-wisdom/article_81462. กองบรรณาธิการเทคโนโลยชี าวบา้ นออนไลน.์ 2563. ปลกู ผักกูดอย่างไร ให้ได้กนิ ไดข้ าย. ท่ีมา : https:// www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_57940. การไฟฟ้าฝ่ายผลติ แหง่ ประเทศไทย. 2562. การขบั เคลือ่ นสบื สานศาสตรพ์ ระราชา ส่เู ปา้ หมายความย่ังยืน ของโลก ตอนที่ 6 โคก หนอง นา โมเดล สรา้ งวถิ ชี วี ติ ที่ยงั่ ยืน. ทีม่ า : https://www.egat.co.th/index. php?option=com_content&view=article&id=3208:csr-20191108-01&catid=32&Itemid=169. กติ ยางกูร ผดุงกาญจน์. 2563. บทสัมภาษณ์ นยิ ม กุลาชัย เปลย่ี นภูลมโลใหเ้ ปน็ สีชมพดู ้วยดอกนางพญา เสอื โครง่ และการท่องเทีย่ ว, The People. แหล่งที่มา: https://thepeople.co/niyom-kurachai-phu-lom- lo-wild-himalayan-cherry/, 16 กุมภาพนั ธ์ 2564. งานวจิ ัยปลกู สรา้ งสวนปา่ . 2556. รปู แบบการปลกู ไมโ้ ดยระบบวนเกษตร. กลุม่ งานวนวัฒน์วิจยั , กรมป่าไม,้ กทม. จริ วรรณ โรจนพรทิพย.์ 2562. “ต้นบุก” พืชเศรษฐกิจท�ำเงนิ รบั กระแสตลาดคนรกั สุขภาพ. ทีม่ า : https://www.technologychaoban.com/agricultural-technology/article_121511. ชนม์นิภา พรมเปียง. มปป. ตา๋ ว ของกนิ จากปา่ ดบิ ช้นื . ที่มา : http://www.nan.doae.go.th/km2557/ km2558/อ.บ่อเกลอื /อำ� เภอบอ่ เกลอื /KMตา๋ ว.pdf. ชชู าติ วัฒนวรรณ. 2558. รายงานโครงการวจิ ยั วิจยั และพัฒนาเทคโนโลยกี ารผลติ ส�ำรองในเขตพืน้ ทภี่ าค ตะวันออก. กรมวิชาการเกษตร. ทม่ี า : https://www.doa.go.th/research/ attachment.php?aid=2196. เดลินวิ ส.์ 2560. แหส่ มั ผัสหนาว “ภูลมโล” ชมความงามซากุระเมืองไทย, เดลินวิ ส.์ แหลง่ ที่มา: https:// www.dailynews.co.th/regional/550764, 22 กมุ ภาพันธ์ 2564. นรนิ ทร์ ปากบารา. 2562. ดริปกาแฟริมหว้ ยโรค่ี และเร่อื งราวของคนปลูก (กาแฟไล่โว)่ -ธวชั ชยั ไทรสงั ข ทศั นยี .์ ท่ีมา : https://www.seub.or.th/blogingสัมภาษณ/์ ชวนดรปิ กาแฟไลโ่ ว่-ริมห/้ พงศธ์ ร บรรณโศภษิ ฐ์ พรชยั ปรีชาปัญญา และชลาธร จเู จรญิ . 2547. รายงานการวิจยั นเิ วศวิทยาพน้ื บ้านเกี่ยวกับสวนสมรมบ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช. ฐานขอ้ มลู งานวิจัยทรพั ยากรป่าไม้ คณะ วนศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์ ทมี่ า : http://frc.forest.ku.ac.th/frcdatabase. พงษ์ศกั ดิ์ พลเสนา. 2557. ส�ำรอง : พรรณไมช้ นิดใหม่ของไทยและการใช้ประโยชน.์ จลุ สาร สวจ. ปีที่ 6 ฉบบั ท่ี 1 ประจ�ำเดือน ตลุ าคม 2562 มกราคม–เมษายน 2557. พิเชษฐ์ ชูรักษ์. 2560. ปลกู ปา่ หลังเกษียณมเี งินใชจ้ าก ‘ตน้ ไม’้ แค่เปน็ สว่ นหนงึ่ ดูแลโลก สขุ ก็ลน้ เหลือ. ที่มา : https://greennews.agency/?p=14086. 94
พืชเกษตร. 2560. กระวาน (Cardamom) สรรพคณุ และการปลูกกระวาน. ทมี่ า : https://puechkaset. com/กระวาน/. เพ็ญพชิ ชา เตียว. 2558. ผักกูด..เกษตรอนิ ทรีย์บริสทุ ธิ์ วว. แนะวธิ ีปลกู ขายไดท้ ้ังป.ี ท่มี า : https://www. thairath.co.th/content/505394. สำ� นกั งานประชาสัมพันธจ์ ังหวัดสกลนคร. 2563. เกษตรกร อ. ภูพาน จ.สกลนคร ทยอยเก็บหมาก เมา่ ส่งขาย สรา้ งรายได้ ชว่ งผอ่ นปรนโควดิ -19. ท่มี า : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/ TCATG200827100030815. ส�ำนักพระราชวงั . 2557. คู่มอื ปฏิบตั งิ านโครงการสรา้ งปา่ สร้างรายได้ ตามพระราชดำ� ริสมเดจ็ พระเทพ รตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. ส�ำนกั งานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี, กรงุ เทพฯ. ส�ำนักงานพัฒนาการวจิ ัยการเกษตร (องคก์ ารมหาชน). ความรดู้ า้ นการเกษตร. ท่มี า : http://blog.arda. or.th/ต้นหวา้ -ไม้ผลมอี นาคต/. ส�ำนักงานพัฒนาชุมชนอำ� เภอเมืองสโุ ขทยั . 2563. โคก-หนอง-นา โมเดล คือ อะไร. ท่มี า : https://dis- trict.cdd.go.th/ muang-sukhothai/2020/01/09/โคก-หนอง-นา-โมเดล-คอื -อะไร/. สำ� นกั งานพฒั นาเศรษฐกจิ จากฐานชวี ภาพ (องคก์ ารมหาชน). 2560. สรปุ บทเรียนการตอบแทนคุณระบบ นเิ วศตามหลักการ PES บ้านหวั เลา ต�ำบลปา่ แป๋ อ�ำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ (ปี 2555–2559). ส�ำนักอนรุ ักษ์และจดั การตน้ น้ำ� . 2563. คมู่ ือการปลูกป่าเลยี นแบบธรรมชาต.ิ กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สัตวป์ ่า และพนั ธ์ุพืช. สริ ินทร์ แกว้ ละเอียด และอนงค์ ชานะมูล. 2559. ปลูก (ต้นไม้) อยา่ งไรให้เป็นป่า: ประสบการณ์ตรงจาก ญ่ปี ุ่นสกู่ ารปฏบิ ตั จิ ริงในเมืองไทยเพอื่ สร้างปา่ นเิ วศ, ใน 8 ทศวรรษวนศาสตร์ ศาสตรแ์ ห่งชีวิต. น. 58-59. หจก. อกั ษรสยามการพิมพ,์ กรงุ เทพฯ. สุจิต เมืองสุข. 2560. “ลกู ชดิ ” มาจากตน้ “ตา๋ ว” ไม่ใช่ “ตน้ จาก” ปลกู นานกว่า 10 ปี ถงึ ได้กนิ !. ทมี่ า : https://www.technologychaoban.com/marketing/article_22374. สุจติ เมอื งสุข. 2562. บกุ พชื ท�ำเงนิ ของเกษตรกรสบเมย แมฮ่ อ่ งสอน. ท่มี า :https://www.technology- chaoban.com/agricultural-technology/article_95709. องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลไลโ่ ว.่ มปป. กาแฟไลโ่ ว.่ ท่มี า : https://www.laiwo.go.th/otop_detail. php?id=1. 95
องอาจ ตัณฑวณิช. 2563. เพาะหนอ่ เหรียงไว้กินเอง กบั สวนสมรม. ทมี่ า : https://www.technology- chaoban.com/agricultural-technology/article_148702. PR New. 2561. “เปอร์” อ้ึง!! แนวคดิ “พอ่ เลย่ี ม” ตน้ เร่อื งโฆษณาดัง “จน เครียด กินเหลา้ ” เลกิ หาเงิน แต่ปลดหนี้ สรา้ งชวี ติ ใหย้ ่งั ยืนไดด้ ว้ ยการปลูกป่า. ที่มา : https://positioningmag.com/1194955? fb- clid=IwAR3FV48d4yjhFO1WFfKtvwb6OhlBvImXaXy1Vb9wFPlrZFLqJwAlYqT5Yl4. 96
ภาคผนวก ตารางภาคผนวกที่ 1 รายละเอยี ดพรรณไม้ทแ่ี นะน�ำเพือ่ ปลกู ปา่ เชงิ นิเวศ 97
98 ลำ� ดับ ช่ือ ชื่อ ื้ฟน ูฟ ่ปา การปลกู การ ท่ี ราชการ พฤกษศาสตร์ เนื้อไม้ ขยายพันธ์ุ วัสดุ ไม้ประดับ อาหาร ผลไม้ ส ุมนไพร เค ่รืองส�ำอาง 1 กระแจะ/ทา Naringi crenulata ปลกู ในท่กี ลางแจง้ -แสงร�ำไร, ในดินที่มกี ารระบายนำ�้ ไดด้ ี หรอื ดินปนทราย-ดินลกู รัง เมล็ด/ชำ� ก่งิ นาคา Kaempferia parviflora ทนแล้งได้ด,ี ที่ความสงู ไม่เกิน 700 ม. จากระดับทะเลปานกลาง, ยกเวน้ ภาคใต้ Sandoricum koetjape 2 กระชายดำ� ท่ีราบ-ลาดชัน, ทีโ่ ล่ง-แสงรำ� ไร, ทีค่ วามสูงไม่เกิน 1,000 ม. จากระดบั ทะเลปานกลาง, หวั /เมล็ด ทว่ั ประเทศ 3 กระท้อน มีทง้ั ไมป้ ่าและสายพนั ธเ์ุ กษตร, ปลกู กลางแจง้ หรือตามชอ่ งวา่ งใตเ้ รอื นยอดไมใ้ หญ,่ เมล็ด ชั้นดนิ ลกึ มากกวา่ 1 ม. มักชอบดนิ ท่ีชมุ่ ช้นื ใกล้ลำ� ธาร, ความสูงไมเ่ กิน 1,200 ม. จาก ระดับทะเลปานกลาง, ท่วั ประเทศ 4 กระทงุ หมาบ้า/ Dregea volubilis ยอดออ่ น หรือดอกอ่อนรสขมอมหวาน เปน็ ผักลวก/แกง, ปลกู ไดดท้ ั่วประเทศ เมล็ด ผกั ฮ้วนหมู กลางแจ้ง หรอื ชายป่า ท�ำคา้ งหรอื ใหเ้ ล้ือยกับตน้ ไม้, ความสูงไม่เกนิ 1,000 ม. จาก ระดบั ทะเลปานกลาง 5 กระทุ่มบก/ตะกู Neolamarckia cadamba ไม้โตเรว็ /ไมเ้ บกิ นำ� , เน้อื ไมไ้ มแ่ ขง็ แรง ใช้ในงานช่ัวคราว, ปลูกกบั ดนิ ทลี่ กึ มากกว่า 0.7 เมล็ด ม. ทร่ี าบ-ท่ีลาดชันบนภเู ขา ในป่าผลดั ใบจะขน้ึ ใกล้ร่องนำ้� , ความสูงไมเ่ กิน 1,300 ม. จากระดับทะเลปานกลาง, ทั่วประเทศ 6 กระบก Irvingia malayana ไม้เนอ้ื แขง็ ใชก้ ่อสร้าง หรือเผาถ่านคุณภาพดี เมลด็ ในน�ำมาคั่วรสหวานมนั คล้ายเมล็ด เมล็ด อลั มอนด์, ปลกู ในดินท่มี กี ารระบายน�้ำด,ี กลางแจง้ , ความสูงไมเ่ กิน 1,000 ม. จาก ระดบั ทะเลปานกลาง, ท่ัวประเทศ 7 กระบากดำ� Shorea farinosa ไมเ้ นื้อแข็ง ใช้ก่อสรา้ ง, ชอบอากาศคอ่ นขา้ งชื้น มีปรมิ าณน้�ำฝนมากกว่า 1,500 เมลด็ มม./ปี, ในดนิ ท่ีมกี ารระบายน้ำ� ด,ี กลางแจง้ , ความสูงไม่เกิน 1,200 ม. จาก ระดับทะเลปานกลาง, ภาคใต้ ภาคตะวันตก ภาคตะวนั ออก 8 กระพ้ีนางนวล Dalbergia cana var. ไม้เนื้อแขง็ ใช้ก่อสร้าง เป็นไม้ในกล่มุ พะยงู -ชิงชนั , ปลกู ได้ดีทวั่ ประเทศไทศ ยกเว้น เมล็ด cana ภาคใต้, ในดินทีม่ ีการระบายน�้ำดี, ที่โล่ง-แสงรำ� ไร, ความสูง 10-1,000 ม. จาก ระดบั ทะเลปานกลาง
ลำ� ดบั ช่อื ชื่อ ื้ฟน ูฟ ่ปา การปลกู การ ท่ี ราชการ พฤกษศาสตร์ เนื้อไม้ ขยายพันธุ์ วัสดุ ไม้ประดับ อาหาร ผลไม้ ส ุมนไพร เค ่รืองส�ำอาง 9 กระวาน/กระวาน Amomum verum ปลูกตามชายป่าหรือสวนผลไม้ มแี สงรำ� ไร ท่มี ีความชุ่มชน้ื สูงและมอี ากาศเย็น (แต่ เมลด็ /แยก จันทบูร ไมห่ นาวจดั ) จงึ จะออกดอกและผล หากอากาศไม่เย็นจะไม่ติดผล แตย่ งั สามารถเกบ็ หน่อ ผลผลติ ได้เฉพาะหน่อ, เชน่ ปลูกตามหุบเขาใกล้ลำ� ธาร บนภเู ขาสูง 300-1,000 ม. จาก ระดับทะเลปานกลาง, ปริมาณนำ้� ฝนมากกวา่ 1,600 มม./ป,ี ในภาคตะวนั ออก ภาค ใต้ ภาคตะวนั ตก 10 กระวานขาว/ Amomum testaceum ปลูกตามชายปา่ หรอื สวนผลไม้ มแี สงรำ� ไร ทีม่ คี วามช่มุ ชน้ื สูงและมีอากาศเย็น (แต่ เมลด็ /แยก กระวานใต้ ไมห่ นาวจดั ) จงึ จะออกดอกและผล หากอากาศไม่เย็นจะไม่ตดิ ผล แตย่ งั สามารถเก็บ หนอ่ ผลผลติ ได้เฉพาะหนอ่ , เช่นปลูกตามหบุ เขาใกล้ล�ำธาร บนภูเขาสงู 300-1,000 ม. จาก ระดบั ทะเลปานกลาง, ปรมิ าณน�ำ้ ฝนมากกวา่ 1,600 มม./ป,ี ภาคตะวนั ออก ภาคใต้ ภาคตะวนั ตก 11 กรุงเขมา/หมา Cissampelos pareira var. ขึ้นตามทมี่ ีแสงรำ� ไร หรือชายปา่ , ดินช้นื แตม่ กี ารระบายน�้ำได้ดี, ความสูงไมเ่ กิน 500 เมล็ด/หวั น้อย hirsuta ม. จากระดับทะเลปานกลาง, ทว่ั ประเทศ Aquilaria crassna 12 กฤษณา ชั้นดินลกึ มากกวา่ 1 ม. ดินรว่ น-ดินรว่ นเหนียว, ทีร่ าบ-ท่ีลาดชนั ทม่ี คี วามชน้ื สงู แต่ เมล็ด การระบายนำ�้ ด,ี ความสูงไม่เกิน 1,000 ม. จากระดบั ทะเลปานกลาง, ปรมิ าณนำ�้ ฝน มากกวา่ 1,600 มม./ปี หากน้อยกว่านี้ควรปลกู ใกล้นำ�้ , ปลูกไดท้ ว่ั ประเทศ 13 กฤษณาดอย Aquilaria rugosa ชนั้ ดนิ ลกึ มากกว่า 1 ม. ดนิ ร่วน-ดินร่วนเหนียว, ทีร่ าบ-ที่ลาดชัน ทีม่ คี วามชื้นสูง และ เมลด็ อากาศเย็น แต่การระบายนำ�้ ด,ี ความสูง 800-1,700 ม. จากระดับทะเลปานกลาง, ปรมิ าณน้ำ� ฝนมากกวา่ 1,500 มม./ป,ี ปลกู ไดท้ ว่ั ประเทศ ยกเวน้ ภาคใต้ 14 กลว้ ยฤๅษี Diospyros glandulosa ชน้ั ดนิ ลกึ มากกวา่ 1 ม. ดนิ ทม่ี ชี นื้ แต่มกี ารระบายน้ำ� ได้ดี, มีแสงร�ำไร-ชายป่า, ความ เมลด็ สงู 700-1,600 ม. จากระดับทะเลปานกลาง, ปลกู ทั่วประเทศ ยกเว้นภาคใต,้ ใชท้ �ำ ตอเสียบยอดมะพลับไดด้ ี 15 กลอย Dioscorea hispida ดนิ ทม่ี ีการระบายนำ�้ ได้ด,ี มแี สงร�ำไร-กลางแจ้ง, ความสูงไมเ่ กิน 1,000 ม. จาก เมล็ด 16 กว่ มแดง Acer calcaratum ระดบั ทะเลปานกลาง, ท่ัวประเทศ ใบแกจ่ ะเปลยี่ นเป็นสีแดงสดทงั้ ตน้ พร้อมกัน, ปลูกในท่ีชุ่มช้ืน ใกล้ลำ� ธาร หรือร่อง เมลด็ น้ำ� , มแี สงร�ำไร, ความสงู 1,000-1,800 ม. จากระดับทะเลปานกลาง, ภาคเหนอื ภาค ตะวนั ตกและภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 99
100 ลำ� ดบั ช่ือ ชอ่ื ื้ฟน ูฟ ่ปา การปลกู การ ที่ ราชการ พฤกษศาสตร์ เนื้อไม้ ขยายพนั ธ์ุ วัสดุ ไม้ประดับ อาหาร ผลไม้ ส ุมนไพร เค ่รืองส�ำอาง 17 กวาวเครือขาว Pueraria candollei var. ดินท่มี กี ารระบายน้�ำไดด้ ี, มแี สงร�ำไร-กลางแจง้ , ความสูงไมเ่ กิน 1,000 ม. จาก เมล็ด 18 กวาวเครอื แดง mirifica ระดับทะเลปานกลาง, ทวั่ ประเทศ Butea superba ดินทม่ี ีการระบายนำ้� , ทีโ่ ล่ง-ชายป่า, ความสงู ไมเ่ กิน 1,000 ม. จาก เมล็ด ระดบั ทะเลปานกลาง, ท่ัวประเทศ ยกเวน้ ภาคใตอ้ าจจะปลกู ได้ แต่ไม่ออกดอก เพราะ ไมม่ ชี ่วงฤดแู ล้งทย่ี าวนานเพยี งพอ 19 กอ่ เดือย Castanopsis acumina- ดนิ ทม่ี ีการระบายนำ้� ไดด้ ี, ทีโ่ ลง่ -ชายปา่ , ความสงู 800-1,500 ม. จาก เมลด็ 20 กอ่ ใบเลอ่ื ม tissima ระดับทะเลปานกลาง, ท่วั ประเทศ 21 ก่อแปน้ Castanopsis tribuloides 22 กอ่ พวง ดนิ ทม่ี ีการระบายนา้ ไดด้ ,ี ทโ่ี ลง่ -ชายปา่ , ความสงู 600-1,700 ม. จาก เมล็ด 23 ก่อสรอ้ ย Castanopsis diversifolia ระดบั ทะเลปานกลาง, ทั่วประเทศ เมลด็ ดนิ ทม่ี กี ารระบายน�้ำไดด้ ,ี ที่โลง่ -ชายป่า, ความสงู 1,000-1,500 ม. จาก Lithocarpus fenestratus ระดบั ทะเลปานกลาง, ภาคเหนอื ภาคตะวนั ตก และภาคกลาง Carpinus viminea ดนิ ทีม่ ีการระบายน�้ำไดด้ ี, ท่ีโลง่ -ชายปา่ , ความสูง 800-2,500 ม. จาก เมล็ด ระดบั ทะเลปานกลาง, ทัว่ ประเทศ เมล็ด 24 กะทงั Litsea monopetala ไมโ้ ตเร็ว/ไมเ้ บิกน�ำ, ทนไฟปา่ , ดนิ ลึกมากกว่า 0.5 ม. และมกี ารระบายน้ำ� ได้ด,ี ที่ โล่ง-ชายปา่ , ความสงู 800-2,500 ม. จากระดับทะเลปานกลาง, ภาคเหนอื และภาค เมลด็ 25 กะทงั ใบใหญ่ Litsea grandis ตะวันตก 26 กะเพราต้น Cinnamomum ชั้นดินท่ลี กึ มากกว่า 1 ม. และมีความช้ืนหรือใกลล้ �ำธาร, ท่โี ลง่ -ชายปา่ , ความสูงไม่ เมล็ด glaucescens เกนิ 1,000 ม. จากระดบั ทะเลปานกลาง, มีปริมาณน้�ำฝนมากกวา่ 1,500 ม./ป,ี ท่วั เมล็ด ประเทศ ชนั้ ดนิ ลึกมากกว่า 1 ม. ทีร่ าบทีม่ กี ารระบายน�้ำด,ี ทโี่ ล่ง-แสงรำ� ไร, ความสงู ไมเ่ กนิ 1,000 ม. จากระดบั ทะเลปานกลาง, ปรมิ าณน�้ำฝนมากกวา่ 1,800 มม./ป,ี ภาคใต้ ชัน้ ดนิ ลึกมากกว่า 1 ม. หรือใกลล้ �ำธาร หรือท่ีราบในหุบเขา, ดินมกี ารระบายน้�ำด,ี ความสูงไมเ่ กนิ 1,600 ม.จากระดบั ทะเลปานกลาง, ปรมิ าณนำ�้ ฝนมากกวา่ 1,400 มม./ป,ี ท่ัวประเทศ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154