สื่อการสอนคณิตศาสตร์-ป.4-สมการและแบบรูป

รำยวชิ ำ คณติ ศำสตร์ รหสั วชิ ำ ค14101 ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี 4 ผ้สู อน ครูสภุ ำวรรณ ปำนกจิ เจรญิ เร่อื ง แบบรปู ของจำนวนที่ เพ่มิ ขน้ึ หรอื ลดลงทลี ะเท่ำๆ กนั

แบบรปู ของจำนวนท่เี พม่ิ ข้ึน หรือลดลงทีละเท่ำ ๆ กนั

จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1.บอกควำมสมั พนั ธข์ องจำนวนและบอกจำนวน ในแบบรูปของจำนวนทเ่ี พ่ิมขึ้นหรือลดลงทลี ะ เทำ่ ๆ กัน 2.แกป้ ญั หำได้ 3.ให้เหตผุ ลได้ 4.สอื่ สำร สอ่ื ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์ได้





แบบรปู ของจำนวนทเ่ี พ่มิ ขน้ึ ทีละ 10 12 .2..2... 32 42 52 62 .7..2... แบบรปู ของจำนวนที่เพมิ่ ขน้ึ ทลี ะ 25 154 179 2…0…4. 229 .2..5..4.. 279

แบบรปู ของจำนวนท่ลี ดลงทลี ะ 5 239 234 229 2...2..4.. 219 2..1..4.. แบบรปู ของจำนวนทล่ี ดลงทลี ะ 8 83 75 ..6..7... 59 .5..1... 43 35



จงบอกแบบรูปของจำนวน และบอกควำมสมั พนั ธ์ของแบบรปู

แบบรูปของจำนวน เปน็ ชดุ ของจำนวน ทมี่ ีควำมสัมพนั ธ์แบบเพิม่ ขนึ้ หรือลดลง อยำ่ งใดอยำ่ งหนง่ึ





พจิ ำรณำแบบรปู แล้วเติมจำนวนใหถ้ ูกต้อง 1) 3 .1..4... 25 36 47 .5..8... 69 .8...0.. 2) 71 ...... 59 53 47 ...... 35 ......

3) ...... 63 ...... 93 108 123 ...... 4) 585 474 …… 252 ...... 30 5) 163 ...... ……. 763 963

บอกควำมสมั พนั ธ์ของจำนวนในแบบรปู ทก่ี ำหนดให้ 1) 31 40 49 58 67 เปน็ แบบรูปของจำนวนท่ีเพิ่มขึน้ ทีละ 9 2) 222 200 178 156 134 เป็นแบบรปู ของจำนวนท่ีลดลงทีละ 22

3) 480 440 400 360 320 เปน็ แบบรูปของจำนวนท.่ี .................................... 4) 145 200 255 310 365 เป็นแบบรปู ของจำนวนท.่ี ....................................



สรปุ แบบรูปของจำนวน เป็นชดุ ของจำนวน ท่มี ีควำมสมั พนั ธ์แบบเพมิ่ ข้นึ หรือลดลง อย่ำงใดอย่ำงหน่งึ



กำรบำ้ น





รำยวชิ ำ คณิตศำสตร์ รหัสวิชำ ค14101 ช้ันประถมศึกษำปที ี่ 4 ผู้สอน ครูสภุ ำวรรณ ปำนกจิ เจรญิ เรื่อง แบบรูปของจำนวนท่ี เกิดจำกกำรคณู และกำรหำร

แบบรูปของจำนวนท่ีเกดิ จำก กำรคณู และกำรหำร

จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 1.บอกควำมสมั พนั ธ์ของจำนวนและบอกจำนวน ในแบบรูปของจำนวนนบั ท่เี กดิ จำกกำรคูณ และกำรหำร 2.แกป้ ญั หำได้ 3.ใหเ้ หตุผลได้ 4.ส่อื สำร สื่อควำมหมำยทำงคณติ ศำสตรไ์ ด้





แบบรปู ของจำนวน ...3... 14 25 36 ..4..7.. 58 +11 +11 +11 +11 +11 82 .7...4.. 66 58 50 .4...2.. -8 -8 -8 -8 -8

2 6 18 54 162 ...... แบบรปู นี้เพิม่ ขน้ึ หรือลดลง เพิม่ ข้ึน เพม่ิ ขนึ้ ทลี ะเท่ำ ๆ กันหรอื ไม่ ไม่เทำ่ กัน 2 6 18 54 162 4..8..6.. ×3 ×3 ×3 ×3 ×3 จำนวนในแบบรูปนจ้ี ำนวนทำงขวำเปน็ 3 เท่ำ ของจำนวนทำงซ้ำยท่ีอยูต่ ดิ กนั

320 160 80 40 ...... ...... แบบรปู น้ีเพิม่ ขน้ึ หรือลดลง ลดลง ลดลงทีละเทำ่ ๆ กนั หรอื ไม่ ไมเ่ ท่ำกนั 320 160 80 40 .2...0.. .1..0... ÷2 ÷2 ÷2 ÷2 ÷2 จำนวนในแบบรปู นจี้ ำนวนทำงซำ้ ยเป็น 2 เทำ่ ของจำนวนทำงขวำทีอ่ ยู่ตดิ กัน

9 36 144 576 2..,.3..0..4.. ×4 ×4 ×4 ×4 จำนวนในแบบรปู นี้จำนวนทำงขวำเปน็ 4 เท่ำ ของจำนวนทำงซำ้ ยที่อยู่ตดิ กนั

567 189 63 2÷13 ..7... ÷3 ÷3 ÷3 จำนวนในแบบรปู น้จี ำนวนทำงซำ้ ยเปน็ 3 เท่ำ ของจำนวนทำงขวำท่ีอยตู่ ดิ กนั

แบบรปู ของจำนวน แบบรปู ทม่ี คี วำมสมั พนั ธ์เพิม่ ขึน้ โดยกำรคณู เรยี กวำ่ แบบรปู ของจำนวนทเี่ กิดจำกกำรคณู แบบรปู ทีม่ ีควำมสมั พนั ธ์ลดลงโดยกำรหำร เรียกวำ่ แบบรปู ของจำนวนท่ีเกดิ จำกกำรหำร



บอกควำมสัมพันธ์ของแบบรปู ที่กำหนดให้ 1) 1,28÷02 640 320 160 8800÷404=02 จำนวนในแบบรปู น้ีจำนวนทำงซ้ำย เปน็ 2 เทำ่ ของจำนวนทำงขวำที่อยู่ติดกนั

2) 10×26 612 3,672 22,032 612÷102 = 6 132,192 793,152 จำนวนในแบบรปู น้ีจำนวนทำงขวำ เปน็ 6 เทำ่ ของจำนวนทำงซำ้ ยท่อี ยู่ตดิ กนั

3) 218,75÷05 43,750 8,750 1,750 335500÷70 =750 จำนวนในแบบรปู นี้จำนวนทำงซำ้ ย เปน็ 5 เท่ำของจำนวนทำงขวำท่อี ยูต่ ิดกนั

4) 50,42÷17 7,203 1,029 147 21 3 21÷3 = 7 จำนวนในแบบรูปนจ้ี ำนวนทำงซ้ำย เปน็ 7 เทำ่ ของจำนวนทำงขวำทอี่ ยู่ตดิ กัน

5) 15×4 =604 240 960 3,840 15,360 15÷60 จำนวนในแบบรปู นจ้ี ำนวนทำงขวำ เปน็ 4 เท่ำของจำนวนทำงซำ้ ยทีอ่ ยูต่ ิดกนั



สรปุ แบบรปู ทม่ี ีควำมสมั พนั ธ์ เพ่มิ ขึน้ โดยกำรคูณ เรียกว่ำ แบบรูปของจำนวน ที่เกิดจำกกำรคูณ

สรุป แบบรูปที่มคี วำมสัมพนั ธ์ ลดลงโดยกำรหำร เรียกวำ่ แบบรปู ของจำนวน ทเี่ กดิ จำกกำรหำร



กำรบำ้ น





รายวชิ า คณติ ศาสตร์ รหสั วิชา ค14101 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 ผู้สอน ครสู ภุ าวรรณ ปานกิจเจริญ เรือ่ ง การหาจานวนในแบบรูป ของจานวนท่ีเกิดจากการคณู และ การหาร

การหาจานวนในแบบรปู ของจานวนที่เกิดจาก การคูณและการหาร

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1.บอกความสมั พนั ธ์ของจานวนและบอกจานวน ในแบบรปู ของจานวนนบั ท่เี กดิ จากการคูณ และการหาร 2.แกป้ ัญหาได้ 3.ใหเ้ หตุผลได้ 4.ส่อื สาร สื่อความหมายทางคณติ ศาสตรไ์ ด้