สื่อการเรียนการสอน รายวิชา ศ 21101 นาฏศิลป์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา2564 นาฏยศัพท์เบื้องต้น ภาษาท่าและ อาจารย์ พงศธร อาจไพริน โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์
นาฏยศัพท์ นาฏยศัพท์ หมายถึง ศัพท์เฉพาะที่ใช้เป็นสัญลักษณ์และสื่อความหมายให้รู้กัน ในวงการนาฏศิลป์ ไทย
นาฏยศัพท์ แบ่ งออกเป็ น 3 หมวด คื อ ๑. หมวดนามศัพท์เป็นการเรียกชื่อลักษณะท่ารำ เช่น จีบหงาย จีบคว่ำ จีบส่งหลัง จีบปกข้าง จีบปกหน้า จีบล่อแก้ว ตั้งวงล่าง ตั้ วงกลาง ตั้งวงหน้า ตั้งวงบน ประเท้า กระดกเท้า เป็นต้น ๒. หมวดกิริยาศัพท์เป็นการเรียกท่าทางที่จะทำให้รำได้งดงาม เช่น ส่งมือ ตึงไหล่ กดไหล่ กดคาง หักข้อ หลบเข้า เป็นต้น ๓. หมวดนาฏศัพท์เบ็ดเตลาดเช่น จีบยาว เดินมือ นายโรง ยืน เครื่อง นางตลาด นางกษัตริย์ เป็นต้น
นาฏยศัพท์ทั่วไปที่ใช้ในการ ฝึกหัดนาฏศิลป์ไทยเบื้องต้น
ตั้งวง ตั้งวง คือ การเหยียดมือให้ตึงทั้งห้านิ้ว แต่นิ้วหัวแม่มือหักเข้าหาฝ่ามือเล็กน้อย การตั้งวงที่สวยงาม ต้องหักข้อมือเข้าหาลำแขนบนให้มาก ทอดลำแขนให้ส่วนโค้งพองาม และงอศอกเล็กน้อย
ตั้งวงล่าง วงล่าง คือ การตั้งวงระดับต่ำที่สุด โดยทอดส่วนโค้งของลำแขนลงข้างล่าง อยู่ระดับเอว โดยตั้งมือตรงหัวเข็มขัด ตัวพระกันศอกให้ห่างตัว
ตั้งวงกลาง วงพิเศษ คือ อยู่ระหว่างวงบนและวงกลาง
ตั้งวงบน วงบน คือ ยกแขนไปข้างลำตัว ทอดศอกโค้ง มือแบ ตั้งปลายนิ้วขึ้น วงพระปลายนิ้วอยู่ระดับศีรษะ ส่วนวงนางปลายนิ้วจะอยู่ระดับหางคิ้วและวงแคบ กว่า
ตั้งวงหน้า วงหน้า คือ ส่วนโค้งของลำแขนที่ทอดโค้งอยู่ข้างหน้า วงพระผายกว้างกว่านาง ปลายนิ้วอยู่ระดับแก้ม วงนางปลายนิ้วอยู่ระดับปาก
จีบ มือจีบ คือ การกรีดนิ้ว โดยเอานิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือ จรดกัน ให้ปลายนิ้วหัวแม่มือจรดข้อแรกของ ปลายนิ้วชี้ ให้ตึงนิ้ว นิ้วกลาง นาง ก้อย กรีดห่างกัน หักข้อมือไปทางฝ่ามือ จีบแบ่งเป็น ๕ ลักษณะ
จีบคว่ำ จีบคว่ำ คือ การคว่ำฝ่ามือให้ปลายนิ้วชี้ลง หักข้อมือเข้าหา ลำแขน
จีบหงาย จีบหงาย คือ การหงายฝ่ามือให้ปลายนิ้วชี้ขึ้น ถ้าอยู่ระดับ หน้าท้องเรียกว่า จีบหงายชายพก
จีบส่งหลัง จีบส่งหลัง คือ การส่งแขนไปข้างหลัง ตึงแขน พลิกข้อ มือให้ปลายนิ้วชี้ขึ้น แขนตึงและส่งแขนให้สูงไปด้านหลัง
จีบปกหน้า จีบปรกหน้า คือ การจีบที่คล้ายกับจีบหงาย แต่หันจีบเข้าหาลำตัวด้านหน้า ทั้งแขนและมือชูอยู่ด้านหน้า ตั้งลำแขนขึ้น ทำมุมที่ข้อพั บตรงศอก หันจีบเข้าหา หน้าผาก
จีบปกข้าง จีบปรกข้าง คือ การจีบที่คล้ายกับจีบปรกหน้า แต่หันจีบเข้าหาแง่ศีรษะ ลำแขน อยู่ข้าง ๆ ระดับเดียวกับวงบน
จีบล่อแก้ว จีบล่อแก้ว คือ ลักษณะกิริยาท่าทางคล้ายจีบ ใช้นิ้วกลางกดข้อที่ ๑ ของนิ้วหัวแม่มือ หักปลายนิ้วหัวแม่มือคล้ายวงแหวน นิ้วที่เหลือเหยียดตึง หักข้อมือเข้าหาลำแขน
ลักษณะเกี่ยวกับการใช้เท้าและ ลำตัว
ก้าวหน้า ก้าวหน้า คือ การวางฝ่าเท้าลงบนพื้นข้างหน้า โดยวางส้นเท้าลงก่อน ตัวพระ จะก้าวเฉียงไปข้างๆตัวเล็กน้อย เฉียงปลายเท้าไปทางนิ้วก้อย กันเข่าแบะให้ได้เหลี่ยม ส่วนตัวนางวางเท้าลงข้าง หน้า ไม่ต้องกันเข่า ปลายเท้าเฉียงไปทางนิ้วก้อยเล็กน้อย
ก้าวข้าง ก้าวข้าง คือ การวางเท้าไปข้างๆตัว ปลายเท้าเฉียงไปทางนิ้วก้อยมาก ตัวนาง ต้องหลบเข่าตามไปด้วย กระทุ้ง วางเท้าไว้ข้างหลังด้วยจมูกเท้า แล้วใช้จมูกเท้ากระทุ้งลงกับพื้น แล้วกระ ดกขึ้น หรือยกไปข้างหน้า
ยกเท้า ยกเท้า คือ การยกเท้าขึ้นไว้ข้างหน้า เชิดปลายเท้าให้ ตึง หักข้อเท้าเข้าหาลำขา ตัวพระกันเข่าออกไปข้างๆ ส่วนสูงระดับเข่าข้างที่ยืน ตัวนางไม่ต้องกันเข่า ส่วน สูงอยู่ต่ำกว่าเข่าข้างที่ยืน ชักส้นเท้าและเชิดปลายนิ้ว ก้าวเท้า
กระดกเท้า กระดกหลัง กระทุ้งเท้าแล้วถีบเข่าไปข้างหลังมากๆ ให้เข่าทั้งสองข้างแยกห่าง จากกัน ให้ส้นเท้าชิดก้นมากที่สุด หักปลายเท้าลง ย่อเข่าที่ยืน ตัวพระต้องกันเข่า ด้วย
จรดเท้า จรดเท้า คือ อาการของเท้าข้างใดข้างหนึ่งที่วางอยู่ข้างหน้า น้ำหนักตัวจะอยู่ที่เท้าหลัง เท้าหน้าจะใช้เพี ยงปลายจมูกเท้า แตะเบาๆไว้กับพื้น (จมูกเท้า คือ บริเวณเนื้อโคนนิ้วเท้า)
ท่ายืน พระ : ยืนตรง มือซ้ายแตะหน้าขา มือขวาเท้าสะเอว นาง : ยืนตรง มือขวาจีบหงายที่หัวเข็มขัด มือซ้ายวางแตะที่หน้าขาซ้าย
ภาษาท่า
ภาษาท่า นาฏภาษาหรือภาษาท่าทาง (เป็นสาร)ที่ใช้ในการสื่อสารอย่างหนึ่งที่ทั้งผู้ถ่ายทอด สาร (ผู้รำ) และผู้รับสาร (ผู้ชม) จำเป็นจะต้องเข้าใจตรงกัน จึงจะสามารถเข้าใจ ในความหมายของการแสดงออก นั้นได้อย่างถูกต้องการถ่ายทอดภาษาด้วยการ เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ข อ ง ร่า ง ก า ย
ความหมาย ภาษาท่านาฏศิลป์
ความหมายภาษาท่านาฏศิลป์ ภาษาท่านาฏศิลป์ เป็นการนำท่าทางต่างๆและสีหน้าที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาใช้แทน เช่นคำพู ด กริยาอาการ อารมณ์ ความรู้สึก มาปฏิบัติเป็นท่าทางนาฏศิลป์ไทยที่มีความหมายแทนคำพู ด สอดคล้อง กับจังหวะเพลงและการขับร้อง การฝึกปฏิบัติ การฝึกหัดภาษาท่าจะต้องฝึกให้ถูก ต้องตามแบบแผน เพื่ อสื่ อความหมายได้โดยตรง ซึ่งจะทำให้ผู้ชมเข้าใจความหมายที่ผู้ แสดงต้องจะสื่ อความหมายมากขึ้ น
การแสดงนาฏศิลป์ แบ่ งออกเป็ น 2 ประเภท
ประเภทที่ 1 1. ภาษาท่าที่มาจากธรรมชาติ เป็นท่าทางที่ ดัดแปลงมาจากท่าทางตามธรรมชาติของ คนเราแต่ปรับปรุงให้ดูสวยงามอ่อนช้อย มากยิ่งขึ้น โดยใช้ลักษณะการร่ายรำเบื้อง ต้นมาผสมผสาน เช่น ท่าปฏิเสธ ท่ายิ้ม ท่า เรียก ท่าร้องไห้ ท่าดีใจ ท่าเสียใจ ท่าโกรธ
ประเภทที่ 2 1. ภาษาท่าที่มาจากการประดิษฐ์โดยตรง เป็น ท่าทางที่ประดิษฐ์ ขึ้นเพื่อให้เพียงพอใช้กับ คำร้องหรือคำบรรยาย ที่จะต้องแสดงออก เป็นท่ารำ เช่น สอดสร้อยมาลา เป็นต้น
ภาษาท่ าทางนาฏศิ ลป์ ในชี วิต ประจำวันทุ กวันนี้ มนุ ษย์ เราใช้ ท่ าทางประกอบการพู ดหรือบาง ครั้ ง มี การแสดงสี หน้ า ความรู้ สึ ก เพื่ อเน้ นความหมายด้ วยในทาง นาฏศิ ลป์ ภาษาท่ าเสมื อนเป็ นภาษา พู ด โดยไม่ ต้ องเปล่ งเสี ยงออกมา แต่ อาศั ยส่ วนประกอบอวัยวะของ ร่ างกาย แสดงออกมาเป็ นท่ าทาง โดยเลี ยนแบบท่ าทางธรรมชาติ เพื่ อให้ ผู้ ชมสามารถเข้ าใจได้ การ ปฏิ บั ติ ภาษาท่ าทางนาฏศิ ลป์ แบ่ ง ออกได้ ดั งนี้
ภาษาท่าสามารถแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ คือ 1. ภาษาท่าทางนาฏศิลป์ที่ใช้แทนคำพู ด เช่น ท่าแนะนำตัว ท่า ปฏิเสธ ท่าเรียก ท่าท่าน ท่าที่นี่ ท่าแต่ก่อน ท่ายิ่งใหญ่ เป็นต้น 2. ภาษาท่าทางนาฏศิลป์อริยาบทหรือกิริยาอาการ เช่น ท่ายืน ท่า เดิน ท่าดม ท่าพู ด ท่ามอง ท่าฟัง เป็นต้น 3. ภาษาท่าทางนาฏศิลป์ที่ใช้แสดงอารมณ์ความรู้สึก เช่น ท่า เสียใจ ท่าโกรธ ท่าเศร้าโศก ท่าอาย ท่ายิ้ม ท่ารัก ท่าคิดถึง เ ป็ น ต้ น
ภาษาท่าทางนาฏศิลป์ที่ใช้แทนคำพูด
ท่าตัวเรา จี บหงายมื อซ้ าย กลางอก แนบตั ว (จะต้ อง เป็ นมื อซ้ ายเท่ านั้ น)
ท่าปฏิเสธ มื อแบตั้ งปลายนิ้ วขึ้ น หั นฝ่ ามื อไปข้ างหน้ า โบกปลายนิ้ วเล็ กน้ อย
ท่าที่โน่น มื อใดมื อหนึ่ งชี้ สู งระดั บไหล่ อี กมื อหนึ่ ง ตั วนางจี บหลั ง ตั วพระเท้ าสะเอว
ท่าที่นี่ ใช้ นิ้ วชี้ ของมื อข้ างใดข้ างหนึ่ งชี้ ลงพื้ นด้ าน หน้ าลำตั วระดั บหน้ าท้ อง ในลั กษณะคว่ำมื อและหั กข้ อมื อลง เอี ยง ศี รษะตรงข้ ามกั บมื อที่ ชี้ นิ้ ว ส่ งสายตามอง นิ้ วที่ ชี้
ท่าท่าน ยกมื อข้ างใดข้ างหนึ่ งขึ้ นตั้ งฉากระดั บ ใบหน้ า ตามองที่ มื อยกขึ้ น เอี ยงศี รษะ ตรงข้ ามกั บมื อที่ ยกขึ้ น
ท่ายิ่งใหญ่ มื อใดมื อหนึ่ งตั้ งวงบั วบาน อี กมื อหนึ่ งตั้ งวง แขนเหยี ยดตึ งระดั บไหล่ ศี รษะเอี ยงทางวง เหยี ยดตึ ง หรือทั้ งสองมื อ หมายถึ ง ความหมายไปในทางที่ ดี
ภาษาท่าทางนาฏศิลป์อริยาบท หรือกิริยาอาการ
ท่าเดิน พระ : เท้ าซ้ ายก้ าวหน้ า มื อขวาตั้ งวงล่ าง มื อซ้ ายตั้ งวงแขนตึ งระดั บเอว เอี ยงขวา นาง : เท้ าซ้ ายก้ าวหน้ า มื อขวาตั้ งวงล่ าง มื อซ้ ายตั้ งวงแขนตึ งระดั บเอว เอี ยงขวา ( การเชื่ อมจะใช้ จี บคว่ำจากด้ านหนึ่ ง แล้ วลากเปลี่ ยนข้ างไปเป็ นตั้ งวง)
ท่ายืน พระ : ยื นตรง มื อซ้ ายแตะหน้ าขา มื อขวา เท้ าสะเอว นาง : ยื นตรง มื อขวาจี บหงายที่ หั วเข็ มขั ด มื อซ้ ายวางแตะที่ หน้ าขาซ้ าย
ท่านั่ง ให้ สั งเกตท่ านั่ งของตั วพระและตั วนาง ตั วนาง หั วเข่ าชิ ดกั น มื อทั้ งสองวางไว้ที่ ต้ น ขา ปลายมื อเปิ ดขึ้ นเล็ กน้ อย ตั วพระ ขาขวาทั บมาทางซ้ าย ให้ ฝ่ าเท้ าซ้ าย อยู่ ตรงหั วเข่ าขวา มื อซ้ ายเหยี ยดวางที่ เข่ า ซ้ าย มื อขวาวางต้ นขาขวา ที่ สำคั ญต้ องนั่ ง ตั วตรง โดยดั นเอวดั นไหล่ ตลอดเวลา ( ต้ องทำจนติ ดเป็ นนิ สั ยจะช่ วยให้ มี รู ปร่ างสง่ า งาม)
ท่านอน ตั วพระและตั วนางนั่ งในท่ าพระ วางแขนทั้ ง 2 ข้ างเฉี ยงลำตั ว แขนซ้ ายเหยี ยดตึ ง แขน ขวางอเล็ กน้ อย และก้ มใบหน้ าลงเอี ยงซ้ าย
ท่าค้นหา ท่า พบเห็น การปฏิ บั ติ จะนั่ งตั้ งเข่ า หรือจะยื นก้ าวขา ก็ ได้ มื อสองข้ างตั้ งวงขึ้ น มื อหนึ่ งตั้ งวง ระดั บหน้ า มื อหนึ่ งตั้ งวงตึ งระดั บไหล่
ท่ามอง มื อหนึ่ งจี บหงายที่ ชายพก อี กมื อหนึ่ งจี บ หลั ง เอี ยงทางมื อจี บหลั ง (พระ ก้ าวเท้ าเดี ยวกั บมื อจี บหน้ า นาง ก้ าวเท้ าเดี ยวกั บมื อจี บหลั ง)
ท่าไหว้ ท่ ายื นไหว้ กระดกเท้ าหรือก้ าวเท้ าก็ ได้
ภาษาท่าทางนาฏศิลป์ที่ใช้ แสดงอารมณ์ความรู้สึก
ท่ายิ้ม ใช้ มื อซ้ ายกรีดมื อจี บคว่ำเข้ าหาปาก เอี ยง ศี รษะและลำตั วข้ างเดี ยวกั บมื อที่ จี บ ริมฝี ปาก ใบหน้ ายิ้ มให้ งดงาม แสดงสี หน้ า ดี ใจ มี ความสุ ข
ท่าเศร้า แบมื อทั้ ง ๒ ประสานลำแขนที่ หน้ าท้ อง เอี ยงศี รษะให้ งดงาม ก้ มหน้ าเล็ กน้ อย แสดงสี หน้ าเศร้ า
Search