การจัดทาแผนการบรหิ ารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพื้นท่ีเกษตรกรรม ด้วยระบบ อนุรักษ์ดนิ และนา้ มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ยุทธศาสตร์ท่ี 5 ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ความสอดคล้องของแผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ชาติ: แผนแม่บทการบริหารจัดการน้าทั้งระบบ และ สอดคล้องของยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้า ของประเทศ (พ.ศ. 2558 - 2569) ยุทธศาสตร์ที่ 5 การอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้าที่เสื่อมโทรมและป้องกันการ พังทลายของดิน กลยุทธ์: การอนุรักษ์ ฟ้ืนฟูพื้นท่ีเกษตรกรรมในพื้นที่ดินเสื่อมโทรมและชะล้างพังทลายของดิน โดยมีเป้าหมายสาคัญสูงสุด คือ พ้ืนท่ีเกษตรกรรมได้รับการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูให้สามารถใช้ที่ดินได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม ตามศักยภาพของพืน้ ที่ ไมน่ ้อยกว่า 20 ลา้ นไร่ ภายใน 20 ปี คณะทางานขับเคล่ือนโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพ้ืนที่เกษตรกรรม ด้วยระบบ อนุรักษ์ดินและน้า ระดับพ้ืนท่ี สานักงานพัฒนาที่ดินเขต 6 จึงได้กาหนดพื้นท่ีเป้าหมาย สาหรับการจัดทา แผนปฏิบัติงานโครงการฯ คือ ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา จังหวัดลาปาง ที่เป็นต้นน้า น้าแม่จาง ซึ่งเป็นหน่ึงใน 1 ใน 7 ลุ่มน้าสาขา ลุ่มน้าวัง โดยได้ดาเนินการศึกษา วิเคราะห์ และประเมิน สถานภาพทรัพยากรดินเชิงระบบสาหรับ แก้ปัญหาด้านการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนที่ เกษตรกรรม ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมและความ ต้องการของชุมชน และการรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เก่ียวข้องทั้งในส่วนกลาง และสว่ นภมู ิภาค การกาหนดกรอบแนวคิดจากหลักการ เข้าใจ เข้าถงึ และพฒั นา โดยการนาฐานข้อมูลด้านทรัพยากรดิน ประกอบด้วย ดินปัญหาและการชะล้างพังทลายของดิน เป็นตัวกาหนดพื้นท่ีเป้าหมายจากสภาพปัญหา สาหรบั นาไปใช้ในการบริหารจัดการ โดยยึดประชาชนเปน็ ศนู ยก์ ลางของการพฒั นาและเนน้ กระบวนการมี ส่วนร่วมของชุมชน บูรณาการข้อมูลเชิงสหวิชาการเพ่ือใช้ในการพัฒนาและวางแผนการใช้ท่ีดิน กาหนด มาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้าให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา ของพ้ืนที่และความต้องการของชุมชน เพื่อให้ได้เขตอนุรักษ์ดินและน้าที่มีการบริหารจัดการเชิงระบบ เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์พ้ืนท่ี การเกษตรไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ และเหมาะสมตามศักยภาพของที่ดนิ โดยสามารถสรปุ ผลการจดั ทาแผน บริหารจัดการป้องกันการชะลา้ งพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นท่ีเกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า ดงั นี้ จากการศึกษาและสารวจข้อมูลดินในพื้นท่ีลุ่มน้าห้วยแม่สามขา จังหวัดลาปาง เพื่อจัดทา ฐานข้อมลู และประเมินสถานภาพทรัพยากรดนิ ผลการจาแนกสภาพปญั หาของดนิ หรือข้อจากัด ตอ่ การใช้
ท่ีดินด้านการเกษตร แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ (1) ดินต้ืน เป็นอุปสรรคต่อ การเจริญเติบโตของพืช ดา้ นการชอนไชของรากพืช ครอบคลุมเน้ือที่รวม 33,463 ไร่ หรือรอ้ ยละ 15.86 ของเน้อื ทลี่ ุ่มน้า (2) ดินมี ความอุดมสมบูรณ์ต่า ครอบคลุมเนื้อที่รวม 43,456 ไร่ หรือร้อยละ 20.59 ของเน้ือที่ลุ่มน้า และ (3) ปัญหาพ้ืนที่มีความลาดชันสูง ส่วนใหญ่มีสภาพการใช้ท่ีดินเป็นป่าไม้ มีเน้ือท่ี 85,339 ไร่ หรือร้อยละ 40.45 ของเนอื้ ที่ลุ่มนา้ จากการศึกษาความสัมพันธ์ของ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การใช้ที่ดิน ทรัพยากรดิน และ สภาพ ภูมอิ ากาศ พบวา่ พน้ื ท่ีล่มุ นา้ หว้ ยแมส่ ามขา มีพืน้ ท่รี บั นา้ 337.59 ตารางกโิ ลเมตร (210,996 ไร)่ มปี ริมาณ นา้ ทา่ คดิ เป็น 87.20 ล้านลกู บาศก์เมตรต่อปี การเปล่ียนแปลงการใช้ทดี่ นิ ในพืน้ ท่ีเกษตรกรรมในภาพรวมมีแนวโนม้ เพิม่ ข้ึนจากปี พ.ศ. 2552 โดยมีเน้ือ ท่ีเพิ่มข้ึนประมาณ 10,411 ไร่ หรือร้อยละ 22.46 ของเนื้อที่เดิม เนื่องจากการเพิ่มข้ึนของประชากรใน พื้นท่ี และการเพ่ิมข้ึนของภาคอุตสาหกรรมและการท่องเท่ียว ทาให้มีความต้องการสินค้าเกษตรกรรม เพม่ิ ข้ึน โดยเฉพาะการใช้ทด่ี ินสาหรบั ปลูกขา้ วโพดซึ่งมีพ้ืนที่เพิ่มขึ้นชดั เจน ในปี พ.ศ. 2562 จากเดมิ เนื้อที่ 13,897 ไร่ เป็น 22,218 ไร่ หรือร้อยละ 59.88 ของเน้ือที่เดิม นอกจากน้ี มีพื้นที่ปลูกไม้ยืนต้นเพ่ิมขึ้น ถึง ร้อยละ 27.47 ของเนือ้ ทเ่ี ดิม (พ.ศ. 2552) ซ่งึ สว่ นใหญเ่ ป็น ไม้ยืนต้นทมี่ มี ูลคา่ ทางเศรษฐกิจ เชน่ ยางพารา สกั จามจรุ ี และมีพื้นท่อี ืน่ ๆ เพิม่ ขน้ึ เชน่ การทา เกษตรผสมผสาน หรือไร่นาสวนผสม พน้ื ท่สี ่วนใหญ่มีความรุนแรงของการชะล้างพังทลายในระดับน้อย โดยมีปรมิ าณการสูญเสียดิน 0-2 ตันต่อไร่ต่อปี โดยครอบคลุมพ้ืนที่ร้อยละ 51.63 ของเนื้อที่ลุ่มน้า ส่วนใหญ่พบกระจายตัวอยู่ตามที่ราบ ตอนกลางของพ้ืนที่ลุ่มน้า ส่วนใหญ่มีสภาพพื้นท่ีเป็นพื้นท่ีราบเรียบจนถึง ค่อนข้างราบเรียบและลูกคล่ืน ลอนลาด การใช้ที่ดินส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์ในการปลูกข้าว ข้าวโพด มันสาปะหลัง สัก ยางพารา จามจุรี ลาไย มะม่วง รองลงมาพ้ืนท่ีมีความรุนแรงของการชะลา้ งพังทลายของดินในระดับปานกลาง ซึ่งมีปริมาณ การสูญเสียดิน 2-5 ตันต่อไร่ต่อปี หรือร้อยละ 44.39 ของเน้ือที่ลุ่มน้า พบกระจายตัวอยู่ทางด้านทิศ ตะวันออกทอดยาวลงมาทางด้านทิศใต้ของพื้นที่ลุ่มน้า สภาพพ้ืนที่ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นพ้ืนท่ีค่อนข้าง ราบเรียบถึงลูกคลื่นลอนลาด ลูกคลื่นลอนชัน และเป็นเนินเขาจนถึงพื้นที่สูงชัน ใช้ประโยชน์ในการปลูก ข้าวโพด มันสาปะหลัง อ้อย สัก ยางพารา จามจุรี และไร่ร้าง พื้นที่นี้ควรมีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่าง ระมัดระวัง โดยการปลูกพืชตามแนวระดับหรือขวางความลาดเท และควรมีการปรับปรุงบารุงดินอย่าง ต่อเนอื่ ง
จากการศกึ ษาข้อมูลเศรษฐกจิ และสงั คมโดยเฉพาะในพน้ื ที่ไดร้ ับผลกระทบจากการชะล้างพังทลาย ของดิน พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น ทานา ทาไร่ ทา สวน และเลี้ยงสัตว์ พืช เศรษฐกจิ ท่สี าคญั ในพื้นที่ล่มุ น้าหว้ ยแม่สามขา ปีการผลิต 2562/2563 ได้แก่ ข้าว (ขา้ วเหนียวนาปี) ข้าวโพด เล้ียงสัตว์ ถ่ัวลิสง อ้อย มันสาปะหลัง ลาไย ยางพารา และไม้สัก มีพ้ืนที่เกษตร เฉลี่ย 7.38 ไร่ต่อครัวเรือน จานวนแรงงานภาคเกษตรเฉล่ีย 2 คนต่อครัวเรือน มีรายได้เฉลี่ย 79,682.79 บาทต่อคนต่อปี ลักษณะการ ถือครองที่ดิน พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่มีท่ีดินทากินเป็นของตนเอง มีทั้งที่มีหนังสือสาคัญในท่ีดิน เช่น โฉนด นส.3 น.ส.3ก เป็นต้น และไม่มีเอกสารสิทธิ์ ในที่ดินทากิน เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจในวิธีการ รักษาและป้องกันไม่ให้เกิดการชะล้างพังทลายของดินในแต่ละวธิ ีการมากน้อยแตกต่างกัน คณะทางานขับเคล่ือนโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนท่ีเกษตรกรรม ด้วย ระบบอนุรักษ์ดินและน้า ระดับพ้ืนท่ี สานักงานพัฒนาท่ีดินเขต 6 จึงได้กาหนดพ้ืนท่ีสาหรับการจัดทา แผนปฏิบัติงานโครงการฯ ลุ่มน้าหว้ ยแม่สามขา ตามชนิดพืช และลกั ษณะปญั หาของพืน้ ท่ี โดยมีเปา้ หมาย ไม่น้อยกว่า 10,000 ไร่ต่อปี สาหรับแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี ซึ่งกาหนดตัวชี้วัดให้พื้นที่เกษตรกรรม สามารถใช้ประโยชน์ท่ีดินได้อย่างเหมาะสม ลดการสูญเสียดิน เกษตรกรมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การกาหนดมาตรการและบรหิ ารจัดการพื้นทเ่ี กษตรกรรมที่มีความเสยี่ งต่อการชะล้างพังทลายของดินและ พื้นท่ีดินเสื่อมโทรม โดยการดาเนินการกิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่นอกจากจะมี การดาเนินการตามแนวทาง ของกรมพัฒนาที่ดินแล้วยังสามารถมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ และกระทรวงอ่ืน เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย เป็น ต้น ในการถ่ายทอดความรู้ เสริมสร้างความเข้าใจ ให้ความกระจ่าง และแนวทางแก้ไขปัญหาของพ้ืนที่ เบื้องต้นให้แก่ประชาชนในพื้นท่ี เพ่ือสร้างแรงจูงใจในการปรับเปล่ียนการ ใช้ที่ดิน นาไปสู่การนามาตรการ ดา้ นอนรุ กั ษ์ดนิ และน้าเข้าไปใชใ้ นพ้นื ท่ีของเกษตรกร จากการวิเคราะห์สภาพปัญหาของพ้ืนท่ี ข้อมูลทางเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วยข้อมูลทุติยภูมิและ ปฐมภูมิท่ีได้จากการสารวจภาคสนาม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันครอบคลุมประเด็นปัญหา ของสภาพ พ้ืนที่อย่างแท้จริง ได้แก่ ข้อมูลสภาพการใช้ที่ดิน ระดับการเปลี่ยนแปลงของการใช้ท่ีดิน ทรัพยากรน้า สภาพภูมิประเทศ และส่ิงแวดล้อม ซ่ึงมีความเช่ือมโยงกันในด้านกายภาพ ด้านเศรษฐกิจ และสังคม ผ่าน กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน และการรบั ฟงั ความคิดเห็นของหน่วยงานในระดบั พื้นที่ เพื่อนาข้อมูลมา ประกอบการวิเคราะห์และออกแบบงาน เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และฟื้นฟูพ้ืนที่ เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดนิ และน้า ให้มีประสิทธิภาพถูกต้องเหมาะสม และให้ได้เคร่ืองมือในการใช้ ท่ีดินอย่างยั่งยืน เพื่อลดอัตราการชะล้างพังทลายและกัดเซาะหน้าดิน และการตกตะกอนดิน อันเป็นผลมา จากการใช้ท่ีดินไม่เหมาะสมบนพ้ืนท่ีลุ่มน้าห้วยแม่สามขา จังหวัดลาปาง เกษตรกรและชุมชนสามารถใช้
ประโยชน์ที่ดินได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมยิ่งข้ึนจึงมีการกาหนดแผนงานท้ังหมด 4 แผน เพ่ือให้ ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ในทุกมิติ บนพ้ืนฐานการมีส่วนร่วมของเกษตรกรและชุมชน ประกอบดว้ ย มีวัตถุประสงค์เพื่อลดปริมาณตะกอนท่ีเคล่ือนท่ีลงแหล่งน้า ลดลงร้อยละ 20 โดย แบ่งเป็น 2 แผนงานยอ่ ย ดังต่อไปนี้ 2.1.1 ลดการชะลา้ งพงั ทลายของดนิ ในพ้ืนที่ปา่ ต้นน้า 2.1.2 ลดการชะล้างพังทลายของดินในพน้ื ที่เกษตรกรรมเหนืออา่ งเกบ็ น้า แหล่งน้ามีสภาพตื้นเขิน แผนงานเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้าภาคการเกษตร ด้วยการเพ่ิมแหล่ง นา้ ต้นทุนและระบบการกระจายน้า ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80 เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ปฐี าน หรือค่าเฉล่ียในพ้ืนที่ ระดับล่มุ นา้ ย่อย ดว้ ยการแบง่ เปน็ แผนงานย่อย ดงั นี้ 2 2.2.1 งานพัฒนาแหล่งนา้ สาธารณะ 2.2.2 งานพฒั นาแหลง่ น้าในไรน่ า การจัดมาตรการอนุรกั ษ์ดินและน้า ใหเ้ หมาะสมกับสมบัติของดินและการใช้ประโยชน์ทีด่ ิน ซ่ึงดิน ในพืน้ ทที่ าการเกษตรน้าฝนยังคงความอุดมสมบรู ณเ์ หมาะแก่การทาการเกษตร โดยวัดจากปริมาณตะกอน ท่สี ะสมในบอ่ ดกั ตะกอนท่ลี ดลงไปในแตล่ ะปีร้อยละ 20 การจัดทาแผนงานในการปรับปรุงบารุงดิน เพื่อที่กาลังผลิตของดินเหมาะสมต่อการผลิตพืช เศรษฐกจิ โดยมีผลผลติ พืชเศรษฐกจิ สูงกว่าคา่ เฉลย่ี ของจงั หวัดเมือ่ สนิ้ สดุ โครงการ ต้นแบบการบริหารจัดการทรัพยากรดินและน้าเชิงบูรณาการ เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน เปน็ รปู แบบการบรหิ ารจัดการล่มุ น้าเชงิ ระบบ ครอบคลมุ ทกุ มิตแิ บบองค์รวม ได้แก่ มิตทิ างกายภาพ สงั คม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยกาหนดทิศทางจากสภาพปัญหาเป็นตัวนา ความรู้ทาง วิชาการที่ หลากหลายสาขาผ่านกระบวนการคิด วิเคราะห์จากงานวิจัย และเทคโนโลยีด้านการพัฒนา ที่ดิน การ อนุรักษ์ดินและน้า ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน ประกอบด้วย การวิเคราะห์สภาพปัญหาของ พื้นท่ี คัดเลือกวิธีการประเมินปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน และตรวจสอบข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน
ครอบคลุมประเด็นปัญหาของสภาพพื้นที่อย่างแท้จริง ได้แก่ ข้อมูลการชะล้างพังทลายของดิน ข้อมูล ดา้ นทรัพยากรดิน ขอ้ มลู สภาพการใช้ทด่ี ิน ระดบั การเปลี่ยนแปลงของการใช้ทดี่ ิน ข้อมูลดา้ นทรพั ยากรน้า สภาพภูมิประเทศ และส่ิงแวดล้อม ข้อมูลทางเศรษฐกิจและสังคม ซ่ึงมีความเชื่อมโยงกันในด้านกายภาพ เศรษฐกิจ และสังคม โดยนาข้อมูลมาประกอบการวิเคราะห์และจัดทาแผนปฏิบัติการเพ่ือป้องกันการ ชะล้างพังทลายของดิน และฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า ท้ังนี้ เพื่อให้มี ประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลถูกต้องตามสมรรถนะ และศักยภาพของท่ีดิน และให้ผู้ที่เก่ียวข้องได้เกิด ความตระหนักและการเรียนรู้ นาไปสู่การจัดการท่ีถูกต้อง พร้อมทั้งการประเมินสถานการณ์การ เปลี่ยนแปลง โดยการติดตามและประเมินผลตามตัวช้ีวัด เพ่ือให้ทราบผลสาเร็จจากการดาเนินงานด้าน การลดอัตราการชะล้างพังทลายของดิน และด้านเศรษฐกิจสังคมของชุมชน บริเวณบนพื้นที่ลุ่มน้าสู่การ พัฒนาระบบการบริหารจัดการด้านการอนุรักษ์ดินและน้า ให้เกษตรกรและชุมชนสามารถใช้ท่ีดินได้อย่าง ยง่ั ยืน การดาเนินงานตามแผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า มีกลไกการขับเคล่ือนการดาเนินงานในรูปแบบคณะกรรมการและ คณะทางาน ในการจัดทาต้นแบบแผนการบริหารจัดการโครงการจัดการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟู พ้ืนที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า สาหรับขับเคล่ือนการดาเนินงานด้านการอนุรักษ์ดินและ น้าให้บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และแผน แม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้า ดังนั้น เพ่ือให้แผนบริหารจัดการเกิดผลสมั ฤทธิ์ในทางปฏิบัติ บรรลุ วตั ถุประสงค์และเป้าหมายที่กาหนดไว้ จงึ จาเปน็ ตอ้ งได้รับการขับเคลอ่ื นและผลักดนั จากทุกภาคส่วน และ ให้เกิดการบูรณาการทุกระดับผ่านกระบวนการมสี ่วนรว่ ม เพ่ือให้การบริหารจัดการทรัพยากรดนิ และน้ามี เป้าหมายไปในทิศทางเดยี วกนั ควรมีแนวทางการดาเนินงาน ดงั น้ี เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นท่ีเกษตรกรรม ให้สามารถนาไปสู่ การวางแผนการกาหนดมาตรการและบริหารจัดการพื้นท่ีเกษตรกรรรมที่มีค วามเสี่ยงต่อการชะล้าง พังทลาย ของดนิ และพืน้ ท่ดี นิ เส่อื มโทรม ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย การดาเนินงานทุกระดับต้ังแต่ระดับนโยบาย ระดับหน่วยงานที่ปฏิบัติงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดย นาแนวทางการปฏิบัติงานไปกาหนดเป็นแผนงานโครงการ และกาหนดเป็นข้อตกลงการทางานระหว่าง หน่วยงาน เนน้ การทางานเชงิ บูรณาการ เพือ่ ขับเคลือ่ นองค์กรให้บรรลเุ ปา้ หมายท่กี าหนดไว้
โดยจัดต้ังคณะทางาน ติดตามประเมินผลที่มีกลไกและเครือข่ายการดาเนินงานทั้งหน่วยงานที่ปฏิบัติงานในส่วนกลางและส่วน ภูมิภาคเช่ือมโยงการประเมินผล ทุกมิติ ประกอบด้วย มิติทางกายภาพหรือส่ิงแวดล้อม มิติสังคม และมิติ เศรษฐกิจ ท่สี ามารถสะท้อนผลสมั ฤทธิ์ของงานได้ชดั เจน จนนาไปสู่การปรบั ปรุงพัฒนาแผนการดาเนินงาน โครงการใหเ้ กิดประสิทธิผลและมีประสทิ ธิภาพ
กรมพัฒนาท่ีดินมีภารกิจสาคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทรัพยากรท่ีดิน โดยการพัฒนาที่ดินและ อนุรักษ์ดินและน้า ซึ่งมาตรการด้านอนุรักษ์ดินและน้าจะช่วยปรับโครงสร้างพ้ืนฐานของท่ีดินในพื้นท่ีให้ เหมาะสมกับการปลูกพืช พร้อมกับช่วยรักษาระบบนิเวศทางดินให้เกิดการใช้ที่ดินได้อย่างย่ังยืน โดยก่อน เริ่มดาเนินงานจาเป็นต้องมีการศึกษาและวิเคราะห์สภาพของท่ีดินในพ้ืนท่ี เพื่อกาหนดมาตรการด้าน อนุรักษ์ดินและน้าด้วยวิธีกลและพืชเฉพาะพื้นท่ี เพ่ือควบคุมหรือป้องกันความรุนแรงของสภาพดินปัญหา ไม่ให้ส่งผลกระทบก่อปัญหาเพิ่มข้ึนในพ้ืนท่ีอื่น ดังน้ัน กรมพัฒนาท่ีดินจึงเป็นหน่วยงานหลักท่ีมีบทบาท สาคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรดนิ เชิงบรู ณาการระดับลุ่มนา้ โดยนาหลักวิชาการด้านการอนุรักษ์ดนิ และน้า พิจารณาจากสภาพพ้ืนที่และความต้องการของชุมชนเปน็ หลัก นอกจากนี้ยังศึกษาแนวนโยบายด้าน การเกษตรของรัฐบาล และท้องถิ่นในระดับต่าง ๆ เพื่อนามาวิเคราะหก์ าหนดมาตรการในแผนการใชท้ ่ีดิน พร้อมข้อเสนอแนะด้านการจัดการพื้นที่ ให้เป็นแนวทางในการใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพและใชไ้ ด้อย่าง ยง่ั ยืน คณะทางานจัดทาแผนการบริหารจัดการโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพื้นท่ี เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า พื้นท่ีลุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวัดลาปาง ได้ดาเนินการศึกษา วิเคราะห์เพ่ือประเมินสถานภาพทรัพยากรดินเชิงระบบสาหรับ แก้ปญั หาด้านการชะลา้ งพังทลายของดินและฟืน้ ฟพู น้ื ที่เกษตรกรรม ผ่านกระบวนการมสี ว่ นรว่ มและความ ต้องการของชุมชน และการรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายและหน่วยงานท่ี เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ทาให้ได้ต้นแบบ แผนบริหารจัดการโครงการท่ีกรม พฒั นาทด่ี นิ สามารถนาไปใช้ในการขับเคล่ือนการดาเนินงานด้าน การอนุรักษด์ ินและนา้ บรรลุเป้าหมายตาม ยทุ ธศาสตร์ชาติ แผนปฏริ ปู ประเทศ และแผนบริหารจัดการน้าของประเทศ ในโอกาสนี้ ขอขอบคุณคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และ ฟ้ืนฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนรุ ักษ์ดินและน้า นักวิชาการที่ปฏิบัติงานท่ีส่วนกลางและ ส่วนภูมภิ าค เจ้าหนา้ ทีข่ องสานักงานพัฒนาทด่ี นิ เขต 6 สถานพี ัฒนาที่ดินลาปาง หน่วยงานภาคีเครือข่ายและหน่วยงาน ที่เก่ียวข้อง และเกษตรกรในชุมชนพื้นที่ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวัด ลาปาง ท่ีมีส่วนร่วมในการดาเนินงานโครงการให้สาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี จนบรรลุวัตถุประสงค์ของ โครงการ เพ่ือนาข้อมูลแผนการบริหารจัดการโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพ้ืนท่ี เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรกั ษ์ดินและนา้ ไปดาเนินการในพื้นท่ี กอ่ ใหเ้ กดิ การแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรท่ี อยู่ในพื้นที่เส่ียงต่อการชะล้างพังทลายของดินและพ้ืนท่ี ดินปัญหา สามารถใช้ท่ีดินได้อย่างเหมาะสมตรง ตามศกั ยภาพของพืน้ ทแี่ ละมคี ุณภาพชีวิตทดี่ ีขน้ึ คณะทางานฯ กนั ยายน 2563
1.1 หลักการและเหตุผล 2 1.2 วัตถุประสงค์ 2 1.3 กรอบแนวคิดการดาเนนิ งาน 3 1.4 เปา้ หมาย 3 1.5 ข้นั ตอนการดาเนินงาน 3 1.6 สถานทีด่ าเนินงาน 4 1.7 ระยะเวลาดาเนนิ การ 4 1.8 ผลผลิต 4 1.9 ผลลัพธ์ 5 1.10 ผลกระทบ 5 1.11 ตวั ช้ีวัดความสาเร็จ 5 1.12 ผลประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะได้รับ 5 1.13 ผู้รับผดิ ชอบ 6 1.14 ทป่ี รึกษาโครงการ 6 1.15 การสง่ มอบงาน 6 2.1 การรวบรวมข้อมูล 9 2.2 การสารวจศึกษาและวิเคราะหข์ ้อมูลพ้ืนฐาน 9 2.3 การประเมนิ พน้ื ทีก่ ารชะล้างพงั ทลายของดิน 13 2.4 การจัดทาแผนท่กี ารใชท้ ่ีดิน 15 2.5 การรับฟังความคดิ เห็นจากผ้มู สี ว่ นได้ส่วนเสีย 17 2.6 การวิเคราะหล์ าดับความสาคญั 18 2.7 การจัดทาแผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพื้นที่ 20 เกษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดินและน้า
3.1 ทต่ี งั้ และอาณาเขต 24 3.2 สภาพภูมปิ ระเทศ 24 3.3 สภาพภูมอิ ากาศ 29 3.4 ทรัพยากรดนิ 30 3.5 ทรัพยากรน้า 40 3.6 ทรพั ยากรป่าไม้ และขอบเขตทดี่ นิ ตามกฎหมายและนโยบาย 43 3.7 สภาพการใช้ท่ีดิน 47 3.8 พนื้ ท่ีเสี่ยงต้องการชะล้างพงั ทลายของดนิ 53 3.9 สภาวะเศรษฐกจิ และสังคม 57 3.10 การวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ มและศกั ยภาพ (SWOT) 68 71 4.1 เขตพื้นที่ปา่ ไม้ตามกฎหมาย 72 4.2 เขตเกษตรกรรม 74 4.3 เขตพน้ื ท่ีชมุ ชนและสิง่ ปลูกสร้าง 79 4.4 เขตแหลง่ น้า 80 4.5 เขตพนื้ ท่ีคงสภาพป่าไมน้ อกเขตป่าไมต้ ามกฎหมาย 80 5.1 แผนบริหารจดั การปอ้ งกันการชะล้างพังทลายของดนิ และฟื้นฟูพนื้ ท่ีเกษตรกรรม 88 ดว้ ยระบบอนรุ กั ษ์ดินและนา้ พ้นื ที่ลมุ่ นา้ หว้ ยแม่สามขา แผน 5 ปี 96 5.2 แผนปฏบิ ัติการเพื่อปอ้ งกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดินและฟน้ื ฟูพ้ืนท่ีเกษตรกรรม ด้วยระบบอนรุ กั ษด์ นิ และนา้ ลุม่ นา้ หว้ ยแม่สามขา ในระยะ 1 ปี 6.1 แนวทางการขบั เคล่ือนแผนไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ 100 6.2 กลไกการขบั เคลือ่ นแผนบรหิ ารจัดการป้องกันการชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และ 101 ฟ้ืนฟูพื้นทีเ่ กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรักษด์ ินและน้า ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2565 – 2569) 6.3 บทบาทของหนว่ ยงานและภาคีเครอื ขา่ ยทุกระดบั ในการขบั เคลอื่ นแผนบรหิ าร 102 จดั การทรัพยากรดินและนา้ เพื่อป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดินและฟ้ืนฟพู ื้นท่ี เกษตรกรรม
6.4 แนวทางการตดิ ตามและประเมินผลตามแผนบริหารทรัพยากรดนิ เพ่ือปอ้ งกนั การ 104 ชะล้างพงั ทลายของดินและฟนื้ ฟพู ื้นทีเ่ กษตรกรรม
2-1 ระดับความรนุ แรงของการชะล้างพงั ทลายของดนิ 14 2-2 ช้ันของการกัดกร่อน 14 3-1 ความลาดชนั พน้ื ที่ล่มุ นา้ หว้ ยแมส่ ามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแมเ่ มาะ จงั หวัดลาปาง 25 3-2 สถติ ิภูมิอากาศ ณ สถานตี รวจอากาศจังหวัดลาปาง (ปี พ.ศ.2533-2562) 30 3-3 ทรัพยากรดนิ พืน้ ท่ีล่มุ น้าหว้ ยแมส่ ามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแม่เมาะ จงั หวัดลาปาง 32 3-4 สถานภาพทรัพยากรดิน พ้ืนที่ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ 38 จังหวดั ลาปาง 43 3-5 แหล่งน้าตน้ ทุนทดี่ าเนินการผ่านโครงการพฒั นาแหล่งน้าต้นทุน อาเภอแม่ และ 44 อาเภอแม่เมาะ จงั หวดั ลาปาง 3-6 ขอ้ มูลที่ดนิ ของรฐั ทีใ่ ชร้ ่วมในการวิเคราะหด์ ้านทรัพยากรปา่ ไม้ อาเภอแม่ทะ และ 45 อาเภอแมเ่ มาะ จงั หวัดลาปาง 49 3-7 สถานภาพป่าไมแ้ ละขอบเขตทดี่ ินตามกฎหมาย พนื้ ทล่ี ุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ 55 และอาเภอแมเ่ มาะ จังหวัดลาปาง 3-8 ประเภทการใชท้ ี่ดิน พ้นื ที่ล่มุ น้าหว้ ยสามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแม่เมาะ 58 63 จงั หวัดลาปาง 3-9 ระดบั ความรุนแรงของการชะลา้ งพังทลายของดิน พื้นทลี่ ่มุ นา้ ห้วยแม่สามขา 65 อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จงั หวัดลาปาง 66 3-10 สภาวะเศรษฐกิจและสังคม 3-11 ต้นทุนการผลิต ผลผลิต และผลตอบแทนเหนือต้นทุนทั้งหมดของการปลูกพืชในพ้ืนท่ีมี 67 ระดบั การชะล้างพงั ทลายของดนิ ต่างกัน 3-12 ความรู้ ความเขา้ ใจด้านการอนุรักษ์ดินและนา้ พ้ืนที่ล่มุ นา้ ห้วยแม่สามขา อาเภอเแม่ทะ และอาเภอแมเ่ มาะ จงั หวดั ลาปาง ปีการผลติ 2562/2563 3-13 ความรู้และความเข้าใจ และลาดับความต้องการของวิธีการรักษาและป้องกันการ ชะลา้ งพงั ทลายของหนา้ ดิน พนื้ ทล่ี ่มุ นา้ หว้ ยแมส่ ามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแมเ่ มาะ จงั หวดั ลาปาง ปีการผลิต 2562/2563 3-14 ทัศนคติด้านการย้ายถ่ินฐาน ปัญหาด้านการเกษตร และแนวทางแก้ไขของเกษตรกร พื้นทลี่ ุ่มน้าหว้ ยแมส่ ามขา อาเภอเแมท่ ะ และอาเภอแมเ่ มาะ จังหวัดลาปาง ปกี ารผลติ /2562
4-1 เขตการใช้ที่ดิน พื้นที่ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา ลุ่มน้าสาขาแม่น้าจาง ลุ่มน้าหลักแม่น้าวัง 80 อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแม่เมาะ จงั หวดั ลาปาง 4-2 สรุปแนวทางแผนการใช้ท่ีดินเพ่ือการอนุรักษ์ดินและน้า พ้ืนที่ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา 83 อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จงั หวดั ลาปาง 5-1 แผนงานเพอื่ ป้องกันการชะล้างพังทลายของดนิ และฟนื้ ฟูพน้ื ทีเ่ กษตรกรรม 91 หว้ ยแม่สามขา จังหวดั ลาปาง ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2565-2569) 5-2 แผนปฏบิ ตั กิ ารเพ่ือป้องกันการชะลา้ งพังทลายของดนิ และฟืน้ ฟูพืน้ ทเี่ กษตรกรรม 95 ลมุ่ นา้ ห้วยแมส่ ามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวดั ลาปาง ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2565 – 2569) 6-1 บทบาทของหน่วยงานและภาคเี ครือข่ายทุกระดับในการขบั เคลื่อนแผนบริหารจดั การ 102 ทรพั ยากรดนิ และน้าเพ่ือป้องกันการชะล้างพงั ทลายของดนิ และฟืน้ ฟูพน้ื ที่เกษตรกรรม 6-2 กรอบตวั ชวี้ ดั ในการติดตามและประเมินผล 105 6-3 การจัดทาฐานข้อมูลเพ่ือประเมินการเปลี่ยนแปลงตามตัวชี้วัดมิติกายภาพเศรษฐกิจ 107 และสงั คม
2-1 กรอบวธิ กี ารดาเนนิ งาน 8 3-1 ขอบเขตการปกครอง ลุ่มน้าห้วยแมส่ ามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแมเ่ มาะ 26 จงั หวัดลาปาง 3-2 ขอบเขต พน้ื ทลี่ ุ่มน้าห้วยแมส่ ามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแม่เมาะ จงั หวัดลาปาง 27 3-3 ความลาดชนั พ้ืนท่ีลมุ่ น้าห้วยแม่สามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแม่เมาะ 28 จงั หวดั ลาปาง 3-4 สมดลุ ของนา้ เพอื่ การเกษตร จังหวัดลาปาง ปี พ.ศ. 2533-2562 29 3-5 สถานภาพทรัพยากรดิน พ้ืนที่ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ 35 จังหวัดลาปาง 3-6 ดินปญั หา พืน้ ทลี่ ุม่ น้าหว้ ยแม่สามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวัดลาปาง 39 3-7 ทรพั ยากรน้าและเส้นทางคมนาคมในพื้นท่ีดาเนนิ โครงการป้องกันการชะล้างพังทลาย 41 ของดนิ และฟ้นื ฟูพนื้ ที่เกษตรกรรม 3-8 ความสัมพันธร์ ะหว่างปรมิ าณน้าท่าเฉลยี่ รายปีและพืน้ ที่รับนา้ ฝนของลุม่ นา้ วัง 42 3-9 สถานภาพป่าไมแ้ ละขอบเขตทด่ี นิ ตามกฎหมาย พนื้ ท่ีลมุ่ น้าหว้ ยแมส่ ามขา 46 อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแม่เมาะ จงั หวดั ลาปาง 3-10 สภาพการใชท้ ดี่ นิ พ้ืนทลี่ มุ่ นา้ หว้ ยแมส่ ามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแม่เมาะ 52 จังหวดั ลาปาง 3-11 การสูญเสยี ดนิ พ้ืนที่ลมุ่ น้าหว้ ยแมส่ ามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแมเ่ มาะ 56 จงั หวดั ลาปาง 4-1 แผนการใช้ทดี่ นิ เพอ่ื การอนุรักษ์ดินและน้า พน้ื ทีล่ ุม่ น้าหว้ ยสามขา อาเภอแม่ทะ 82 และอาเภอแม่เมาะ จงั หวดั ลาปาง 5-1 พ้ืนที่ลุ่มน้าเป้าหมายในแผนปฏิบัติการเพ่ือป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและ 97 ฟ้ืนฟูพื้นท่ีเกษตรกรรม พ้ืนท่ีลุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จงั หวัดลาปาง 5-2 กจิ กรรมการอนรุ ักษด์ นิ และน้า ในแผนปฏบิ ัตกิ ารเพื่อป้องกันการชะลา้ งพงั ทลายของดนิ 98 และฟ้นื ฟพู ้ืนที่เกษตรกรรม พ้ืนทลี่ มุ่ น้าห้วยแมส่ ามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวดั ลาปาง
1 1 บทนำ
12 ประเทศไทยมีพ้ืนท่ีชะล้างท้ังประเทศ จานวน 108 ล้านไร่ เป็นพ้ืนท่ีชะล้างรุนแรง จานวน 40 ล้านไร่ (กรมพัฒนาท่ีดิน, 2545) กรมพัฒนาที่ดินจึงได้จัดทาแผนปฏิบัติการโครงการป้องกันการชะล้างพังทลาย ของดินและฟ้ืนฟูพ้ืนท่ีเกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า ระยะ 20 ปี โดยมี เป้าหมายและตัวชี้วัด คือ พ้ืนที่ได้รับการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินไม่น้อยกว่า 20 ล้านไร่ ภายใน 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) หรือประมาณ 1 ล้านไร่/ปี ซึ่งดาเนินการสอดคล้องกบั ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ยุทธศาสตร์ที่ 5 ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิต ท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม แผนแม่บท (ท่ี 19) การบริหารจัดการน้าท้ังระบบ แผนการบริหารจัดการ โครงการฯ นี้ มีเป้าหมายพื้นที่ดาเนินการ จานวน 10 แห่ง (10,000 ไร่/แห่ง) มีการออกแบบระบบอนุรักษ์ดินและน้าเพ่ือป้องกันการชะล้างพังทลายของดนิ พร้อมแบบก่อสร้างและการประเมินราคา ในปี 2564 ไม่น้อยกว่า 100,000 ไร่ ทั้งนี้ การดาเนินงานใน พ้ืนท่ี กรมพัฒนาท่ีดินได้จัดทาแผนงาน งบประมาณ เพื่อ สพด.จัดทาระบบอนุรักษ์ดินและน้าตามแบบและ พ้ืนที่เป้าหมายดาเนินการ ในปี 2565 โดยมีเป้าหมายไม่น้อยกว่า 100,000 ไร่/ปี ติดตามและประเมินผล โครงการฯ ในการลดการชะลา้ งพังทลายของดิน โดยวดั การเปลยี่ นแปลงก่อนและหลงั ไดร้ ับการอนุรักษ์ดิน และน้า ทั้งในพืน้ ท่ี จัดทาระบบอนรุ ักษด์ นิ และนา้ และนอกเขตจัดทาระบบอนรุ ักษด์ นิ และน้า ดังน้ัน เพ่ือให้การดาเนินการจัดทาแผนบริหารจัดการโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและ ฟ้ืนฟูพื้นที่เกษตรกรรม ในพ้ืนท่ีสานักงานพัฒนาท่ีดินเขต 6 เป็นไปตามกรอบการทางาน และ บรรลุตาม เป้าหมายการดาเนินโครงการฯ ของกรมพัฒนาที่ดิน คณะทางานขับเคลื่อนโครงการฯ ระดับพ้ืนที่ สานักงานพัฒนาท่ีดินเขต 6 จึงได้กาหนดพ้ืนท่ีเป้าหมายสาหรับการจัดทาแผนปฏิบัติงาน โครงการฯ คือ ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา จังหวัดลาปาง โดยลุ่มน้าห้วยแม่สามขาเป็นลาน้าย่อย และเป็นต้นน้าท่ีสาคัญของนา้ แมจ่ าง ซ่ึงเปน็ หนง่ึ ใน 1 ใน 7 ลมุ่ นา้ สาขาล่มุ น้าวงั 1) เพ่ือศึกษาและประเมินสถานภาพทรัพยากรดินเชิงระบบสาหรับการป้องกันการชะล้างพังทลาย ของดินและฟ้นื ฟพู น้ื ทีเ่ กษตรกรรม 2) เพ่ือจัดทาแผนการบริหารจัดการทรัพยากรดินระดับลุ่มน้าที่มีการกาหนดมาตรการด้านการ ป้องกนั การชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟพู น้ื ที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนรุ ักษด์ ินและน้า
3 การจัดทาแผนการบริหารจดั การป้องกันการชะล้างพังทลายของดนิ และฟ้ืนฟูพ้ืนที่เกษตรกรรมด้วย ระบบอนุรักษ์ดินและน้า มีความสอดคล้องและเช่ือมโยงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ยุทธศาสตร์ท่ี 5 ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม ความสอดคล้องของ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ: แผนแม่บท การบริหารจัดการน้าท้ังระบบ และความสอดคล้องของ ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้าของประเทศ (พ.ศ. 2558 - 2569) ยุทธศาสตร์ที่ 5 การอนุรักษ์ฟ้ืนฟู สภาพป่าต้นน้าทเ่ี สื่อมโทรมและป้องกนั การพังทลายของดนิ กลยทุ ธ์ : การอนุรักษ์ฟืน้ ฟูพื้นทเี่ กษตรกรรม ในพ้ืนท่ีดินเส่ือมโทรมและชะล้างพังทลายของดิน โดยมีเป้าหมายสาคัญสูงสุด คือ พื้นที่เกษตรกรรมได้รับ การอนุรักษ์และฟื้นฟูให้สามารถใช้ที่ดินได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมตามศักยภาพของพื้นท่ี ไม่น้อยกว่า 20 ลา้ นไร่ ภายใน 20 ปี กาหนดกรอบแนวคิดจากหลักการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา โดยการนาฐานข้อมูลด้านทรัพยากรดิน ประกอบด้วย ดินปัญหาและการชะล้างพังทลายของดิน เป็นตัวกาหนดพื้นที่เป้าหมายจากสภาพปัญหา สาหรับนาไปใช้ในการบริหารจัดการ ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและเน้นกระบวนการมีสว่ น ร่วมของชมุ ชน บรู ณาการข้อมูลเชงิ สหวิชาการ นาขอ้ มลู มาใช้ในการพัฒนาและวางแผนการใชท้ ่ีดนิ กาหนด มาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้าให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา ของพ้ืนท่ีและความต้องการของชุมชน เพ่อื ใหไ้ ด้เขตอนุรกั ษด์ ินและนา้ ทมี่ ีการบรหิ ารจัดการเชิงระบบ พน้ื ทีก่ ารเกษตรสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่าง มปี ระสิทธิภาพ และเกษตรกรสามารถใชท้ ่ดี นิ ได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสมตามศักยภาพของดนิ จัดทาแผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบ อนุรักษ์ดินและน้า พื้นที่ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวัดลาปาง ครอบคลุม พน้ื ที่ 210,996 ไร่ 1) การรวบรวมข้อมูล เป็นข้อมูลทุติยภูมิที่ได้จากการรวบรวมเอกสารและงานวิชาการที่เก่ียวข้อง เพื่อนาไปใช้ศึกษา วิเคราะห์ เช่ือมโยงสู่การจัดทาแผนบริหารจัดการเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของ ดินด้วยระบบอนุรกั ษ์ดินและน้า ไดแ้ ก่ ฐานขอ้ มูลดา้ นทรัพยากรดิน ทรัพยากรน้า สภาพภมู ิประเทศ สภาพ การใช้ท่ีดิน เศรษฐกจิ และสงั คม แผนการใชท้ ่ดี นิ และข้อมูลการอนรุ กั ษด์ ินและน้าทีเ่ กีย่ วข้อง 2) การสารวจภาคสนาม ข้อมูลปฐมภูมิ ได้แก่ การชะล้างพังทลายของดิน ทรัพยากรดิน สภาพการ ใช้ที่ดิน การเปลี่ยนแปลงของการใช้ท่ีดิน ทรัพยากรน้า สภาพภูมิประเทศและส่ิงแวดล้อม และสภาวะ เศรษฐกิจสงั คม
4 3) การวิเคราะห์และประเมินผลข้อมูล การประเมินสถานภาพทรัพยากรดิน ทรัพยากรน้า การประเมนิ การเปลย่ี นแปลงการใช้ทีด่ นิ และการวเิ คราะห์ขอ้ มูลด้านเศรษฐกจิ และสังคม 4) การประเมินพนื้ ทก่ี ารชะลา้ งพังทลายของดิน 5) การจดั ทาแผนการใช้ทด่ี นิ เพ่อื ปอ้ งกันการชะลา้ งพังทลายของดนิ 6) การรับฟังความคิดเห็นของชุมชนผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม การประชาพิจารณ์เพ่ือการรับฟัง ความคดิ เห็นของชมุ ชนต่อการดาเนินงานโครงการ 7) การวิเคราะหล์ าดบั ความสาคญั เพอ่ื กาหนดพ้นื ที่เป้าหมายในการดาเนนิ งาน 8) การจัดทาแผนบริหารจัดการเพ่ือป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนท่ีเกษตรกรรม ด้วยระบบอนรุ ักษ์ดินและนา้ 9) การประชาพิจารณ์เพ่ือการรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) แผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้าง พงั ทลายของดินและฟ้ืนฟูพนื้ ท่ีเกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดนิ และน้า 10) นาเสนอ (ร่าง) แผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนที่ เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า ต่อคณะกรรมการขับเคล่ือนโครงการป้องกันการชะล้าง พงั ทลายของดนิ และฟนื้ ฟูพื้นท่เี กษตรกรรม ด้วยระบบอนุรกั ษ์ดินและนา้ 11) ปรับปรุง (รา่ ง) แผนบริหารจัดการฯ และนาข้อมลู ใชเ้ ป็นต้นแบบการบริหารจัดการปอ้ งกันการ ชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นท่ีเกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า ขยายผลและขับเคลื่อน การดาเนนิ งานโครงการระยะตอ่ ไป พน้ื ท่ลี มุ่ นา้ หว้ ยแมส่ ามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวดั ลาปาง ปงี บประมาณ พ.ศ. 2563 1) ฐานข้อมูลด้านการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่เกษตรกรรม และสถานภาพด้าน ทรัพยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม และสภาวะเศรษฐกิจและสังคม สาหรับเป็นข้อมูลพ้ืนฐานประกอบการ พจิ ารณากาหนดแผนการใชท้ ีด่ ิน 2) แผนบริหารจัดการทรัพยากรดินระดับลุ่มน้าที่มีการกาหนดมาตรการด้านการป้องกันและฟ้ืนฟู ทรพั ยากรดินตามสภาพปัญหาของพื้นทแ่ี ละความต้องการของชมุ ชน
5 3) ต้นแบบการบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนที่เกษตรกรรมด้วย ระบบอนุรักษ์ดินและน้า 1) มีแผนการบริหารจัดการโครงการจัดการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วย ระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า ปี 2563 สาหรับนาไปขยายผลในพื้นทอ่ี ่นื 2) มาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้าท่ีกาหนด มีความสอดคล้องกับสภาพปัญหาของพ้ืนที่และ สามารถตดิ ตามการเปล่ียนแปลงสถานภาพทรพั ยากรดินไดต้ ามตัวช้วี ัดที่กาหนด 1) กรมพัฒนาที่ดินสามารถขับเคลื่อนการดาเนินงานด้านการอนุรักษ์ดินและน้าให้บรรลุเป้าหมาย ตามยทุ ธศาสตรช์ าติ แผนปฏริ ูปประเทศ และแผนบริหารจดั การนา้ ของประเทศ 2) พ้ืนท่ีเกษตรกรรมมีแผนการจัดการการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นท่ีเกษตรกรรมด้วย ระบบอนุรักษ์ดนิ และน้า ทาใหเ้ กษตรกรสามารถใชท้ ่ดี นิ ได้อย่างเหมาะสมตรงตามศกั ยภาพของพนื้ ที่ 1) เชงิ ปริมาณ - ร้อยละความสาเร็จในการจัดทาฐานข้อมูลด้านการชะล้างพังทลายของดินสาหรับเป็นข้อมูล พน้ื ฐานประกอบการจัดทาแผนการบรหิ ารจัดการทรพั ยากรดนิ ระดับล่มุ น้า (รอ้ ยละ 100) - จานวนพนื้ ที่ท่มี ีการกาหนดแนวทางด้านการป้องกันและฟ้ืนฟูทรัพยากรดินตามสภาพปัญหาของ พ้ืนที่ (ไมน่ ้อยกวา่ 50,000 ไร)่ และจานวนพ้ืนท่ีเป้าหมายตามแผนปฏิบตั ิการ (ไมน่ ้อยกวา่ 10,000 ไร่ ต่อปี 2) เชงิ คณุ ภาพ - ฐานข้อมูลด้านการชะล้างพังทลายของดินมีความถูกต้อง ครบถ้วน สอดคล้องกับสภาพปัญหา ของพื้นที่ - มาตรการด้านการป้องกันและฟื้นฟูทรัพยากรดิน มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ และสามารถนาไปกาหนดแผนงานโครงการได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 1) มีแผนการบริหารจัดการการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพ้ืนท่ีเกษตรกรรมด้วย ระบบอนรุ กั ษด์ ินและนา้ สาหรบั ขบั เคลื่อนการดาเนนิ งานด้านการอนุรักษด์ ินและนา้ ใหบ้ รรลุเปา้ หมายตาม ยุทธศาสตรช์ าติ แผนปฏริ ูปประเทศ และแผนบริหารจดั การนา้ ของประเทศ
6 2) หน่วยงานท่ีดาเนินงานด้านการอนุรักษ์ดินและน้า มีค่าดัชนีชี้วัดสาหรับนาไปใช้ในการพัฒนา งานวิจัยให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาของพื้นที่และสามารถติดตามการเปล่ียนแปลงสถานภาพทรัพยากร ดนิ 3) มีแนวทางการดาเนินงานจัดทาแผนบริหารจัดการที่เป็นไปตามมาตรฐานหลักวิชาการด้าน อนุรกั ษด์ นิ และน้า 4) เกษตรกรที่อยู่ในพ้ืนที่เส่ียงต่อการชะล้างพังทลายของดินและพ้ืนที่ดินปัญหา มีแผนบริหาร จัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า ทาให้ สามารถใช้ประโยชน์ทดี่ ินไดอ้ ย่างเหมาะสมตรงตามศกั ยภาพของพื้นที่ คณะทางานขับเคล่ือนโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และฟื้นฟูพ้ืนที่เกษตรกรรมด้วย ระบบอนุรกั ษ์ดินและน้า ระดบั พนื้ ที่ สานกั งานพัฒนาทด่ี ินเขต 6 คณะทางานจัดทาแผนการบริหารจัดการโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพื้นที่ เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า พื้นที่ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวัดลาปาง 1) ส่งรายงานเบื้องต้น (Preliminary Report) ประกอบการประชุมประชาพิจารณ์คร้ังท่ี 1 (วันที่ 30 มถิ นุ ายน 2563) 2) ส่งรายงานฉบับกลาง (Interiminary Report) แผนการใช้ท่ีดินเพ่ือป้องกันการชะล้างพังทลาย ของดินและฟ้ืนฟูพ้ืนท่ีเกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า ประกอบการประชุมประชาพิจารณ์คร้ังที่ 2 (วันท่ี 25 กันยายน 2563) 3) ส่งร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ (Draft Final Report) แผนบริหารจัดการทรัพยากรดินเพื่อป้องกัน การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟื้นฟูพน้ื ท่เี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนรุ กั ษ์ดินและน้า เสนอคณะกรรมการฯ 4) สง่ รายงานฉบบั สมบรู ณ์ (Final Report) แผนบริหารจดั การทรพั ยากรดนิ เพือ่ ป้องกนั การชะลา้ ง พังทลายของดินและฟน้ื ฟพู ื้นทีเ่ กษตรกรรมดว้ ยระบบอนรุ ักษด์ ินและน้า
7 2 วิธกี ำรดำเนนิ งำน
28 การจัดทาแผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วย ระบบอนุรักษ์ดินและน้า ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวัดลาปาง ข้ันตอน วิธีการดาเนินงานประกอบด้วย การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์และประเมินผลข้อมูล การประเมินพื้นท่ี การชะล้างพังลายของดิน การจัดทาแผนการใช้ที่ดิน การรับฟังความคิดเห็นของชุมชนผ่านกระบวนการมี ส่วนร่วม การวิเคราะห์ลาดับความสาคัญ และการจัดทาแผนบริหารจัดการฯ โดยมีเป้าหมายคือ แผน บริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพ้ืนท่ีเกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า ซึ่งได้จากกระบวนการมีสว่ นร่วมของชมุ ชน รายละเอยี ดวิธีการดาเนินงาน มีดังนี้ พนื้ ทเ่ี ปา้ หมาย สารวจ ศึกษาข้อมลู ลมุ่ นา้ ห้วยแม่สามขา มุ่งเนน้ การป้ องกนั การชะลา้ งของดนิ และ ฟ้ื นฟพู ้นื ทเ่ี กษตรกรรมดว้ ย ระบบอนุรกั ษด์ นิ และนา้ วิเคราะห์ข้อมูล แผนการใชท้ ่ีดนิ )1 รา่ ง( เพื่อป้ องกนั การชะลา้ งของดนิ และฟ้ืนฟพู ้นื ท่ี เกษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และนา้ ประชาพจิ ารณ์ )1 ครง้ั ที่( )พ้ืนทดี่ าเนินการ/แผนการใชท้ ด่ี นิ ฯ( ปรบั ปรงุ พฒั นาแผน แผนบรหิ ารจัดการ แผนการใชท้ ่ีดิน)2 รา่ ง( การปอ้ งกันการชะล้างของดนิ เพ่อื ป้ องกนั การชะลา้ งของดนิ และฟ้ืนฟพู ้นื ที่ และฟื้นฟพู ื้นท่เี กษตรกรรม เกษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ นิ และนา้ ดว้ ยระบบอนรุ กั ษด์ นิ และน้า ประชาพิจารณ์ ครงั้ ที่(2) ภาพที่ 2-1 กรอบวิธกี ารดาเนินงาน )พ้ืนทด่ี าเนินการ/แผนการใชท้ ดี่ นิ ฯ(
9 การรวบรวมข้อมูล เป็นการรวบรวมข้อมูลพื้นที่ท่ีเก่ียวข้องในพื้นท่ีลุ่มน้าห้วยแม่สามขา เพื่อนามา วเิ คราะห์สภาพพ้นื ที่ ประกอบดว้ ยขอ้ มลู ทตุ ิยภูมิ และข้อมูลปฐมภูมิ รายละเอียดมดี ังนี้ ประกอบด้วย (1) สภาพภูมิประเทศ (2) สภาพภูมิอากาศ ปี พ.ศ. 2533 – 2562 ของกรมอุตุนิยมวิทยา (3) ทรัพยากรน้า (4) สถานภาพทรัพยากรป่าไม้และขอบเขตที่ดินทากิน โดยแสดงขอบเขตป่าไม้ตามกฎหมาย ได้แก่ เขตอุทยานแห่งชาติ ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธ์ุพืช เขตป่าอนุรักษ์ เขตป่าเศรษฐกิจ พื้นท่ีเกษตรนอกเขตป่าตามกฎหมาย ของกรมป่าไม้ และ เขตแปลงปฏิรูปที่ดิน ของสานักปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม (5) แผนท่ีดิน มาตราส่วน 1:25,000 ปี พ.ศ. 2561 ของกองสารวจดินและวิจัยทรัพยากรดิน กรมพัฒนาท่ีดิน (6) สถานภาพทรัพยากรดิน (7) สภาพการใช้ที่ดิน มาตราส่วน 1:25,000 ปี พ.ศ. 2561 ของกองนโยบายและแผนการใช้ที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน (8) ข้อมูลสภาวะเศรษฐกิจและสังคม จากฐานข้อมูลความจาเป็นพ้ืนฐาน (จปฐ.) และ ข้อมูลพ้ืนฐาน กชช 2ค ปี 2562 ของกรมการพัฒนาชุมชน และ (9) ข้อมูลการชะล้างพังทลายของดิน นอกจากนี้รวบรวมข้อมูลพื้นฐานของพ้ืนท่ีท่ีเก่ียวข้องอื่น ๆ จากเอกสารวิชาการ รายงาน สื่อ หรือส่ิงพิมพ์ ต่าง ๆ จากหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เพื่อนามาประกอบการพิจารณาวิเคราะห์สภาพพ้ืนที่สาหรับดาเนินการ จัดทาแผนบริหารจัดการฯ ได้จากการดาเนินการศึกษา และสารวจภาคสนาม เป็นข้อมูลที่เป็น ปัจจุบนั ทง้ั นี้จะเป็นการนาเอาข้อมูลทตุ ยิ ภูมิไปตรวจสอบความถูกต้อง และปรับปรุงใหเ้ ปน็ ปจั จบุ ัน และมี การสอบถามโดยใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง และการทาประชาพิจารณ์ร่วมกัน ระหว่างผู้มีส่วน ได้ส่วนเสียในพ้ืนที่ลุ่มน้า เช่น ผู้นาชุมชน เกษตรกร หน่วยงานในพ้ืนที่ เป็นต้น การสัมภาษณ์ใช้ แบบสอบถามความรู้ ความเข้าใจของเกษตกร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการชะล้างพังทลายของดิน สภาพปัญหาในพื้นท่ี ความต้องการของเกษตรกร ข้อมูลสภาวะเศรษฐกิจและสังคม เพื่อนามาวิเคราะห์ พน้ื ที่ และจดั ลาดบั ความสาคญั ของพนื้ ท่ดี าเนนิ การ สาหรับในขั้นตอนนี้เปน็ การศึกษา วิเคราะห์ และประเมินผลขอ้ มูล จากขอ้ มลู ทุตยิ ภูมิและปฐมภูมิท่ี รวบรวมได้ เพ่ือจัดทาแผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและนา้ ล่มุ น้าห้วยแมส่ ามขา ประกอบดว้ ย
10 1) ขอ้ มลู ทรพั ยากรดนิ ประเมินขอ้ มลู ทรัพยากรดนิ โดยการวเิ คราะห์ข้อมลู จากแผนทีด่ นิ มาตราส่วน 1:25,000 ศึกษาและวิเคราะหข์ ้อมลู ทรพั ยากรดนิ ในพ้ืนท่ี เพื่อให้ทราบถงึ ลักษณะของดนิ ที่พบส่วนใหญใ่ นพน้ื ท่ีลุ่มน้า ชุดดินท่ีพบและคุณสมบัติของชุดดินนั้น ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาจัดทาแผนบริหารจัดการฯ ลุ่มนา้ ห้วยแม่สามขา และพิจารณากาหนดพ้นื ท่ีดาเนนิ การ สาหรับข้อมูลทรัพยากรดินในพื้นท่ีดาเนินการ ทาการสารวจศึกษาดินภาคสนาม วิเคราะห์ ข้อมูลแผนที่ดินมาตราส่วน 1:25,000 กาหนดกรอบการสารวจ ศึกษา เก็บข้อมูล และตรวจสอบดิน ภาคสนาม ข้อมูลที่ใช้ประกอบการพิจารณา ได้แก่ แผนที่ภาพถ่ายออร์โธสีเชิงเลข และแผนท่ีสภาพภูมิ ประเทศ ขั้นตอนการดาเนินงาน ประกอบด้วย (1) การปฎิบัติงานก่อนออกสนาม (2) การปฏิบัติงาน ภาคสนาม และ (3) การทาแผนทีด่ ิน 2) ขอ้ มลู ทรพั ยากรดินปัญหา จัดทาข้อมูลและแผนที่สถานภาพทรัพยากรดินในพ้ืนท่ีล่มุ น้า มาตราส่วน 1:25,000 ในพื้นที่ ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา วิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพทรัพยากรดิน โดยเฉพาะสภาพปัญหาและข้อจากัดของ ทรัพยากรดินในพ้ืนที่ลุ่มน้า ประเมินความรุนแรงของดินปัญหาในพ้ืนที่ นาไปพิจารณากาหนดพ้ืนที่ ดาเนินการ กาหนดมาตรการอนุรักษ์ดินและนา้ และแผนบริหารจดั การป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และฟน้ื ฟูพ้นื ทเี่ กษตรกรรม ดว้ ยระบบอนรุ ักษ์ดนิ และน้า การประเมินสถานภาพทรัพยากรน้า สาหรับนาไปใช้ประเมินการชะล้างพังทลายของดิน จัดทาแผนการใช้ที่ดิน กาหนดมาตรการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและอนุรักษ์ดินและน้า การ ประเมินปริมาณน้าผิวดินท่ีไหลจากพ้ืนผิวดินสู่ร่องน้า ลาห้วย คลอง และแม่น้า โดยคานวณจากปริมาณ น้าฝนทต่ี กลงมาบนพ้ืนที่หน่ึง ๆ แล้วถกู ดดู ซับลงไปเก็บกักไว้ในดิน และระเหยไปในอากาศ นา้ ท่เี หลือจาก กระบวนการเหล่านี้ จะไหลลงสู่ร่องน้า ลาห้วย คลอง และแม่น้า อัตราการไหลและปริมาณน้าข้ึนอยู่กับ ปัจจัยหลายประการ เช่น ความรุนแรงของฝน ปริมาณน้า ทิศทางลม ลักษณะความลาดเทของพ้ืนที่ ประสิทธิภาพการกักเก็บน้าบนผิวดิน การใช้ที่ดิน สมบัติของดิน ขนาดพ้ืนท่ีรับน้า เป็นต้น ข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลสาคัญในการกาหนดแผนบริหารจัดการฯ กิจกรรมการอนุรักษ์ดินและน้าเพื่อชะลอการไหลบ่า ของน้าผิวดิน ตลอดจนการเก็บกักน้าไหลบ่าบนผิวดินไว้ใช้ในพ้ืนท่ีเพ่ือประโยชน์สูงสุดตามศักยภาพของ พ้ืนที่ สาหรับน้าส่วนเกินถูกระบายทิ้งไปให้เข้าสู่ระบบ ทั้งน้ี ข้อมูลดังกล่าวจะต้องมีการคานวณปริมาณ น้าท่าโดยอาศยั ข้อมูลอุตุนิยมวทิ ยาเฉพาะพ้นื ที่ การคานวณปรมิ าณนา้ ทา่ สามารถคานวณได้หลายวธิ ี สาหรับการจดั ทาแผนบริหารจัดการฯ นี้ จะคานวณน้าท่าด้วยวิธี Regional Runoff Equation (Lanning-Rush, 2000) โดยใช้ความสัมพันธ์
11 แบบรีแกรซชั่น (Regression) ระหว่างปริมาณน้านองสูงสุดเฉลี่ยและพ้ืนที่รับน้าฝนจากข้อมูลสถานีวัดใน ลุ่มน้าต่าง ๆ ในลุ่มน้าขนาดใหญ่ เพ่ือหาปริมาณน้าท่าเฉล่ียที่จุดต่าง ๆ ในลุ่มน้า การจัดทาแผนบริหารฯ ในครัง้ นีไ้ ด้ใช้ขอ้ มูลจากกราฟปรมิ าณน้าท่าของกรมชลประทาน คานวณไดด้ งั สมการ Qf = aAb เม่อื Q f คอื ปรมิ าณนา้ นองสูงสุดรายปเี ฉล่ีย (ลูกบาศก์เมตร) A คอื พื้นทีร่ ับน้าฝน (ตารางกโิ ลเมตร) a, b คือ คา่ คงทค่ี านวณจากกราฟ การประเมินสภาพการใช้ท่ีดินในพ้ืนที่ลุ่มน้า วิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานจากกองนโยบาย และแผนการใช้ที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน สารวจและตรวจสอบรายละเอียดสภาพการใช้ท่ีดินในพื้นที่จริง แกไ้ ขรายละเอียดใหถ้ ูกตอ้ งตรงกับสภาพปัจจบุ ัน การสารวจเก็บรวบรวบข้อมูลด้านเศรษฐกิจและสังคมเพ่ือประกอบการจัดทาแผนการใช้ท่ีดิน และแผนบริหารจัดการปอ้ งกันการชะล้างพังทลายของดินและความเสื่อมโทรมของดิน ด้วยระบบอนุรกั ษ์ ดินและน้า โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรท่ีปลูกพืชเศรษฐกิจสาคัญของพ้ืนท่ี ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเล้ียง สัตว์ จามจรุ ี ลาไย และมันสาปะหลัง มีขั้นตอนการดาเนินงาน ดังน้ี 1) การเก็บรวบรวมขอ้ มูล รวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่สาคัญ ได้แก่ การสัมภาษณ์เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย ข้อมูลสถิติจากหนว่ ยงานตา่ ง ๆ โดยสามารถจดั ขอ้ มลู ได้ 2 ประเภท คือ 1.1) ข้อมูลปฐมภูมิ คือ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากการสารวจในภาคสนามด้วยวิธีการ สัมภาษณ์เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย โดยการกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างใช้ตารางสาเร็จรูปของ Taro Yamane ที่ระดับความเชื่อม่ัน ร้อยละ ตัวอย่าง 100 ได้ขนาดจานวนตัวอย่างท้ังส้ิน 90แล้วทาการสุ่ม ตัวอย่างในการเก็บข้อมูลโดยใช้วิธีแบบเจาะจง )Purposive sampling) คือ เลือกเฉพาะเกษตรกรที่ปลูก พืช ในพื้นท่ีเป้าหมาย และใช้แบบสอบถามใน (ข้าว ข้าวโพดเล้ียงสัตว์ จามจุรี ลาไย และมันสาปะหลัง) การสมั ภาษณ์เกษตรกร 1.2) ข้อมูลทุติยภูมิ คือ ข้อมูลต่าง ๆ ที่เก็บรวบรวมจากเอกสารวิชาการ ผลงานวิจัย รายงาน บทความ และระบบสืบค้นทางอินเตอร์เน็ต เช่น ข้อมูลเก่ียวกับระบบการปลูก การดูแลรักษา และการเกบ็ เกยี่ ว เปน็ ต้น เพื่อเปน็ ขอ้ มลู สาหรับอ้างอิงและประกอบการศึกษาต่อไป 2) การวิเคราะห์ขอ้ มูล
12 การนาข้อมูลท่ีเก็บรวบรวมได้ ตรวจสอบความถูกต้องและความครบถ้วนของข้อมูล และ ประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงพรรณา (Descriptive analysis) แสดงผลเป็นค่า ร้อยละ และ/หรือคา่ เฉลยี่ โดยแบง่ การวเิ คราะห์ขอ้ มูล ดงั น้ี 2.1) การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ทว่ั ไปของครัวเรือนเกษตร ความรู้ ความเขา้ ใจ ดา้ นการอนุรักษ์ดิน และน้า ผลกระทบของการชะล้างพังทลายของดิน ตลอดจนทัศนคติ ปัญหาและความต้องการความ ช่วยเหลอื จากรฐั ของเกษตรกร 2.2) การวิเคราะห์ข้อมูลการใช้ปัจจัยการผลิต โดยใช้ปริมาณและมูลค่าปัจจัยการผลิตที่ สาคัญ ได้แก่ การใช้พันธ์ุ การใช้ปุ๋ยชนิดต่าง ๆ (ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์) การใช้สารป้องกันและกาจัด วัชพืช/ศัตรูพืช/โรคพืช การใช้แรงงานคน และแรงงานเคร่ืองจักร โดยวิเคราะห์และสรุปข้อมูลมาเป็น คา่ เฉล่ียต่อพนื้ ท่ี 1 ไร่ 2.3) การวิเคราะห์ข้อมลู ตน้ ทนุ และผลตอบแทนในการผลติ ไดแ้ ก่ (1) การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิต ประกอบด้วย ต้นทุนทั้งหมด ต้นทุนผันแปร และ ต้นทุนคงที่ โดยมีวิธีการคานวณต้นทุน ดงั น้ี ตน้ ทนุ ท้ังหมด = ตน้ ทุนผันแปร + ต้นทนุ คงที่ ต้นทุนผันแปร เป็นค่าใช้จ่ายที่เก่ียวข้องกับการผลิตท่ีจะเปล่ียนแปลงไปตามปริมาณ การผลิต ค่าใช้จ่ายประเภทน้ี เกษตรกรสามารถเพิ่มหรือลดได้ในช่วงระยะเวลาการผลิตพืช เช่น ค่าพันธุ์ ค่าปุ๋ย คา่ แรงงานคน ค่าแรงงานเครื่องจักร คา่ ซอ่ มแซมอปุ กรณ์การเกษตร และค่าขนส่งผลผลิต เปน็ ต้น ต้นทุนคงท่ี เป็นค่าใช้จ่ายท่ีเกิดข้ึนแก่เกษตรกร ถึงแม้จะไม่ได้ทาการผลิตพืช เนอื่ งจากค่าใชจ้ ่ายประเภทน้จี ะไมเ่ ปล่ียนแปลงไปตามปริมาณการผลติ พชื เช่น ค่าเชา่ ท่ีดนิ ท่ีใช้ในการปลูก พชื คา่ ภาษีทด่ี ินซ่ึงตอ้ งเสยี ทุกปี ไมว่ า่ ทีด่ ินผนื นนั้ จะใช้ประโยชนใ์ นปนี ้ัน ๆ หรือไมก่ ็ตาม (2) การวิเคราะหผ์ ลตอบแทนการลงทนุ มีวธิ ีการคานวณ ดังนี้ ผลตอบแทนเหนือต้นทนุ ท้งั หมด = ผลตา่ งระหว่างมูลคา่ ผลผลติ ทั้งหมดกับต้นทุนท้งั หมด (3) อัตราส่วนผลตอบแทนต่อทุนทั้งหมด (Benefit-cost ratio: B/C ratio) เป็นการ วิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงิน เพื่อใช้ในการตัดสินใจในการลงทุนว่าควรจะลงทุนในการผลิตหรือไม่ เป็นการวิเคราะห์อัตราส่วนเปรียบเทียบมูลค่าปัจจุบันเฉล่ียต่อไร่ของผลตอบแทนกับต้นทุนท้ังหมดตลอด ช่วงปีที่ทาการผลิต โดยเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกลงทุนในโครงการใด ๆ คือ B/C Ratio ท่ีมีค่า มากกว่าหรือเท่ากับ 1 ถ้า B/C Ratio มากกว่า 1 หมายความว่า ผลตอบแทนที่ได้รับจากการผลิตพืช มากกว่าค่าใชจ้ ่ายหรือต้นทนุ ทเ่ี สียไป หรือถา้ B/C Ratio เทา่ กับ 1 หมายความว่า ผลตอบแทนที่ไดร้ ับจาก การผลิตพชื เทา่ กบั ค่าใชจ้ ่ายหรอื ตน้ ทุนทีเ่ สียไปพอดี
13 การประเมินการชะล้างพังทลายของดินในพื้นท่ีลุ่มน้า ใช้สมการการสูญเสียดินสากล (Universal Soil Loss Equation: USLE) (Wischmeier and Smith, 1965) ซึ่งพัฒนาข้ึนมาเพื่อใช้ประเมินการ ชะล้างพังทลายของดินในพื้นท่ีเกษตร และเป็นการชะล้างพังทลายของดินที่เกิดจากการกระทาของน้า ไม่ รวมถงึ การชะลา้ งพังทลายทเ่ี กดิ จากลม ดงั สมการ A = R K LS C P สมการดังกล่าวพิจารณาการชะล้างพังทลายของดินจากการตกกระทบของเม็ดฝน (Raindrop erosion) และแบบแผ่น (Sheet erosion) ไม่ครอบคลุมถึงการชะล้างพังทลายแบบร้ิว (Rill erosion) และแบบรอ่ ง (Gully erosion) (Wischmeier and Smith, 1965) ปจั จยั ทน่ี ามาพิจารณาในสมการ ไดแ้ ก่ ปรมิ าณนา้ ฝน ความแรงของน้าฝน ลกั ษณะของดิน ลักษณะของพชื คลมุ ดิน สภาพของพืน้ ท่ี และมาตรการ อนรุ ักษด์ ินและน้า รายละเอียดแตล่ ะปัจจยั ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง ดงั นี้ 1) ปัจจยั ท่เี กี่ยวกบั ฝน (Erosivity factor: R) เป็นคา่ ความสัมพันธ์ของพลังงานจลน์ของเม็ดฝนท่ีตก กระทบผิวหน้าดินกับปริมาณความหนาแน่นของฝนในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซ่ึงความสัมพันธ์น้ีได้มีผู้ศึกษาและ นามาประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวาง (มนู และคณะ, 2527; Kunta, 2009) ในการศึกษาน้ีได้นาค่าสหสัมพันธ์ ระหว่างค่าปจั จยั การกดั กรอ่ นของฝนสอดคล้องตามวธิ ีการของ Wischmeier (กรมพัฒนาท่ีดนิ , 2545; มนู และคณะ, 2527) มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลปริมาณน้าฝนเฉล่ียรายปี (Average annual rainfall) ในช่วง ระยะเวลา 30 ปี (พ.ศ. 2533 – 2562) ไดค้ ่าปัจจยั ที่เกี่ยวขอ้ งกับฝนสาหรบั พ้นื ทโ่ี ครงการ 2) ปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องกับลักษณะของดิน (Eridibility factor: K) เป็นค่าความคงทนของดินภายใต้ สภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกัน ดินแต่ละชนิดจะทนต่อการชะล้างพังทลายที่แตกต่างกัน สอดคล้องตาม หลักการของ Wischmeier สามารถวิเคราะห์ค่าปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องกับลักษณะดินจากภาพ Nomograph โดยประเมินได้จากสมบัติของดิน 5 ประการ ได้แก่ (1) ผลรวมปริมาณร้อยละดินของทรายแป้งและ ปริมาณร้อยละของทรายละเอียดมาก (2) ปริมาณร้อยละของทราย (3) ปริมาณร้อยละของอินทรียวตั ถใุ น ดิน (4) โครงสรา้ งของดิน และ (5) การซาบซมึ นา้ ของดนิ (กรมพัฒนาทดี่ ิน, 2545) 3) ปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องกับสภาพภูมิประเทศ (Slope length and slope steepness factor: LS) เป็นปัจจัยที่เก่ียวข้องกับความลาดชันและความยาวของความลาดชัน ซึ่งตามปกติค่าการชะล้างพังทลาย ของดินจะแปรผันตรงกับความลาดชันสูงและความยาวของความลาดชัน ในการศึกษานี้ได้ใช้ข้อมูลความสูง จากแบบจาลองระดับความสูงเชิงเลข (Digital elevation model: DEM) โดยคานวณทั้งสองปัจจัย สอดคล้องกบั การศึกษาของ Hickey et al. (1994) 4) ปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดการพืช (Crop management factor: C) เป็นปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องกับ พืชคลุมดิน ซ่ึงพืชแต่ละชนิดมีความต้านทานในการชะล้างพังทลายของดินท่ีแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความสูง ของตน้ ลกั ษณะพุม่ หรอื การยดึ อนภุ าคดินของรากพชื นนั้ ๆ เปน็ ตน้ กรณที ไี่ มม่ ีพชื ปกคลุมดินนั้นคา่ ปัจจัย ท่ีเก่ียวข้องกับการจัดการพืชจะมีค่ามากท่ีสุด เท่ากับ 1.00 สาหรับกรณีท่ีพืชปกคลุมดินสามารถต้านทาน
14 การชะล้างพังทลายของดินได้ดีจะให้ค่าปัจจัยน้ีน้อย นอกจากน้ี ปัจจัยที่เก่ียวข้องกับการจัดการพืชยังมี ความสัมพันธ์กับสภาพภูมิอากาศในพื้นที่นั้น ๆ เน่ืองจากสภาพภูมิอากาศมีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโต ของพืช 5) ปัจจัยที่เก่ียวข้องกับการอนุรักษ์ดินและน้า (Conservation factor: P) เป็นปัจจัยที่แสดงถึง มาตรการอนรุ ักษด์ ินและน้าในพ้ืนทีน่ ้นั ๆ เชน่ การปลกู พชื ตามแนวระดับ (Contouring) การปลกู พืชสลับ ขวางความลาดเอียง (Strip cropping) การปลูกพืชในพ้ืนที่มีคันนา เป็นต้น สาหรับการจัดทาแผนบริหาร จัดการฯ น้ี ได้ใช้ค่าตามการศึกษาของกรมพัฒนาท่ีดนิ (2545) จากค่าปัจจัยท้ัง 5 ประการ สามารถนามา คานวณการสูญเสียดินสอดคล้องตามสมการการสูญเสียดนิ สากลได้ บนฐานข้อมูลแบบราสเตอร์ (Raster) โดยระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์ จากผลการคานวณค่าการสญู เสียดินนั้น สามารถนามาจัดช้ันความรุนแรง ของการสูญเสียดิน ทาให้ทราบถึงขอบเขตของพื้นที่ มีปัญหาเนื่องจากการสูญเสียดิน เพ่ือเป็นแนวทางใน การวางแผนอนุรกั ษ์ดนิ และนา้ ในพ้นื ท่ี ตารางท่ี 2-1 ระดับความรนุ แรงของการชะลา้ งพงั ทลายของดนิ ระดบั ความรนุ แรงของการชะลา้ งพังทลาย ค่าการสูญเสียดนิ (ตนั /ไร่/ป)ี นอ้ ย 0-2 ปานกลาง 2-5 รุนแรง 5-15 รนุ แรงมาก 15-20 รุนแรงมากท่ีสดุ มากกวา่ 20 ทมี่ า: กรมพฒั นาทีด่ ิน (2545) ตารางท่ี 2-2 ชนั้ ของการกัดกรอ่ น สัญลกั ษณ์ ช่ือเรียก การสูญเสียของช้ันดนิ (%) E0 ไมม่ กี ารกร่อน (non-eroded) 0 E1 กร่อนเล็กน้อย (slightly eroded) E2 กรอ่ นปานกลาง (medium eroded) 0 - <25 E3 กรอ่ นรุนแรง (severe eroded) 25 – 75 E4 กรอ่ นรนุ แรงมาก (very severe eroded) > 75 ท่ีมา: กรมพฒั นาทด่ี นิ (2551) 100
15 การจัดทาแผนการใช้ท่ีดิน เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยระบบสารสนเทศภูมิสารสนเทศ (Geo information system: GIS) เพื่อจัดทาแผนการใช้ที่ดินเพ่ือการอนุรักษ์ดินและน้า โดยประมวลผลข้อมูล ทางกายภาพ ได้แก่ ประเภทการใช้ที่ดิน การประเมินคุณภาพดิน น้า สภาพภูมิอากาศ และสภาพ เศรษฐกิจและสังคม ดังน้ี วิเคราะห์จากชนิดของพืช ลักษณะการดาเนินงาน และสภาพการผลติ ในการใชท้ ด่ี นิ ท้ังทางกายภาพ และสภาพเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ รูปแบบการผลิต การเขตกรรม การจัดการ เงินทุน และขนาดของ กิจการ นามาวิเคราะห์เพื่อคัดเลือกประเภทการใช้ท่ีดินที่เหมาะสม (กรมพัฒนาท่ีดิน, 2561) กับความ ต้องการการผลติ พชื ของเกษตรกรในท้องถิ่นนั้น การคัดเลือกประเภทการใช้ทดี่ ิน วิธีการประกอบด้วย วิเคราะหข์ อ้ มูลดินร่วมกับข้อมูลสภาพ การใชท้ ีด่ ินมาจดั ทาหน่วยท่ีดิน เกบ็ ข้อมูลตามเนื้อท่สี ภาพการใชท้ ด่ี นิ ท่ีมีมากทสี่ ุดในล่มุ น้า การประเมินคุณภาพท่ีดินด้านกายภาพ เป็นการวิเคราะห์ศักยภาพของหน่วยที่ดนิ ตอ่ การใช้ ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ในระดับการจัดการที่แตกต่างกันในระดับการจัดการ ท่ีแตกต่างกัน วิธีการ ประเมินคุณภาพท่ีดินมีหลายวธิ ี สาหรับการจัดทาแผนบริหารฯ นี้ ได้เลือกใช้วิธีการประเมินคุณภาพที่ดิน ตาม หลักการของ FAO Framework ซ่ึงมีจานวน 2 รูปแบบ แต่ในการประเมินคุณภาพที่ดินเบื้องต้นจะ ทาการประเมินเพียงด้านเดียว คือ การประเมินทางด้านคุณภาพ เป็นการประเมินเชิงกายภาพว่าท่ีดินน้ัน ๆ มีความเหมาะสมมากหรือน้อยเพยี งใดต้องการใช้ที่ดินประเภทต่าง ๆ โดยศกึ ษาการประเมินคุณภาพดิน ร่วมกับประเภทการใช้ท่ีดินที่ได้กาหนดเป็นตัวแทนการเกษตรกรรมหลักในลุ่มน้าสาขา การวิเคราะห์ได้ คานึงถึงปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชใน แต่ละด้านของดินที่แตกต่างกัน โดยอาศัยคุณลักษณะ ดินแตกต่างกันไปตามวัตถุต้นกาเนิดของดิน ซึ่งคุณลักษณะที่ดินท่ีใช้ในการแสดงค่า เพื่อวัดระดับการ เจริญเตบิ โตแตกตา่ งกนั คุณภาพที่ดินที่นามาประเมินสาหรับการปลูกพืช ในระบบ FAO Framework ได้กาหนดไว้ ท้ังหมด 25 ชนิด แต่ท่ีนามาพิจารณาเพื่อประเมินความเหมาะสมของที่ดินในแต่ละประเภทการใช้ที่ดินมี จานวน 8 คณุ ภาพทด่ี ิน ประกอบด้วย 1) ระบอบอุณหภูมิ )Temperature regime: T) คุณลักษณะท่ีดินที่เป็นตัวแทน คือค่าเฉลี่ย อณุ หภมู ิในฤดเู พาะปลูก เพราะอุณหภูมิมีอิทธิพลต่อการงอกของเมลด็ การออกดอกของพืชบางชนิด และ มีสว่ นสมั พันธ์กับกระบวนการสังเคราะห์แสง ซึ่งสง่ ผลกระทบต่อการเจริญเตบิ โตของพชื 2) ความชุ่มช้ืนท่ีเป็นประโยชน์ต่อพืช )Moisture availability: M) คุณลักษณะท่ีดิน ท่ีเป็น ตัวแทน ได้แก่ ระยะเวลาการท่วมขังของน้าในฤดูฝน และปริมาณน้าฝนเฉล่ียในรอบปีหรือความต้องการ
16 นา้ ในช่วงการเจริญเตบิ โตของพชื นอกจากนไ้ี ด้พิจารณาถึงลักษณะของเน้ือดิน ซ่ึงมผี ลต่อความสามารถใน การอมุ้ นา้ ทเี่ ป็นประโยชนต์ ่อพชื 3) ความเปน็ ประโยชน์ของออกซเิ จนตอ่ รากพชื )Oxygen availability: O) คณุ ลักษณะท่ีดิน ที่เป็นตัวแทน คือสภาพการระบายน้าของดิน ทั้งนี้เนื่องจากรากพืชต้องการออกซิเจนในกระบวนการ หายใจ 4) ความเปน็ ประโยชนข์ องธาตุอาหาร )Nutrient availability: S) คุณลักษณะทีเ่ ป็นตัวแทน คอื ปริมาณธาตุอาหารพืชในดิน 5) ความเสียหายจากน้าท่วม )Flood hazard: F) คุณลักษณะท่ีดินท่ีเป็นตัวแทน คือจานวน คร้ังที่น้าท่วมในช่วงรอบปีท่ีกาหนดไว้ ซ่ึงหมายถึง พืชได้รับความเสียหายจากการท่ีน้าท่วมบนผิวดินช่ัว ระยะเวลาหนึ่งหรือเป็นน้าที่มีการไหลบ่า การที่น้าท่วมขังจะทาให้ดินขาดออกซิเจน ส่วนน้าไหลบ่าจะทา ให้รากพชื ไดร้ ับความกระทบกระเทอื นหรือรากอาจหลุดพ้นผิวดนิ ขึน้ มาได้ นอกจากนค้ี วามเสียหายจากน้า ท่วมยังทาให้เกดิ ความเสียหายใหก้ บั ดนิ และโครงสร้างพนื้ ฐานต่าง ๆ ทีเ่ ก่ียวข้องกบั การใช้ทดี่ นิ อกี ดว้ ย 6) สภาวะการหย่ังลึกของราก )Rooting conditions: R) คุณลักษณะท่ีดินท่ีเป็นตัวแทน ไดแ้ ก่ ความลึกของดิน ความลึกของระดับน้าใต้ดิน และชัน้ การหย่ังลึกของราก โดยความยากง่ายของการหยั่ง ลกึ ของรากในดินมีปัจจยั ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ลกั ษณะเน้ือดิน โครงสรา้ งของดนิ การเกาะตวั ของเม็ดดิน และ ปริมาณกรวดหรือเศษหินทพ่ี บบนหนา้ ตัดดนิ 7) ศักยภาพในการใช้เครื่องจักร )Potential for mechanization: W) คุณลักษณะที่ดินท่ี เป็นตัวแทน ไดแ้ ก่ ความลาดชนั ของพื้นที่ ปรมิ าณหินโผล่ ปริมาณก้อนหนิ และการมีเนื้อดนิ เหนียวจดั ซง่ึ ปจั จยั ทัง้ นอ้ี าจเป็นอุปสรรคตอ่ การไถพรวนโดยเคร่อื งจักร 4 8) ความเสียหายจากการกัดกร่อน )Erosion hazard: E) คุณลักษณะท่ีดินที่เป็นตัวแทน คือ ความลาดชันของพื้นท่ี การจาแนกความเหมาะสมของที่ดินตามหลักเกณฑ์ของ FAO Framework เป็นการประเมิน ศักยภาพของทดี่ นิ สาหรับการปลูกพชื หรือประเภทการใช้ท่ดี ิน โดยการพิจารณาเปรียบเทียบ ความสมั พันธ์ ระหว่างคุณภาพท่ีดินกับความต้องการปัจจัยต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช หรือประเภทการใช้ ท่ดี ินว่ามีความเหมาะสมอยใู่ นระดบั ใด และมขี อ้ จากัดใดบ้าง โดยไดจ้ าแนกความ เหมาะสมออกเป็น 4 ชัน้ คือ S1 : ช้นั ทมี่ คี วามเหมาะสมสูง S2 : ชั้นทีม่ ีความเหมาะสมปานกลาง S3 : ชน้ั ที่มีความเหมาะสมเลก็ น้อย N : ชั้นทไ่ี มม่ คี วามเหมาะสม
17 จากการประเมินคุณภาพที่ดินสามารถสรุปพื้นท่ีที่มีศักยภาพในการปลูกพืชแต่ละชนิด โดย พจิ ารณาจากเนือ้ ท่ปี ระเภทการใช้ท่ดี นิ ทีด่ าเนนิ การปลกู จริงและมีเนื้อท่ีการปลกู พืชมากทส่ี ดุ ในลุ่มน้าห้วย แม่สามขา จานวน 8 ประเภทการใช้ท่ีดิน เปน็ พชื ตวั อย่างท่ีนามาพจิ ารณาช้นั ความเหมาะสมตามศักยภาพ ของเน้อื ทล่ี ุม่ น้า ท้ังน้ี การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดทาแผนการใช้ที่ดิน จะต้องวิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพของ ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพการใช้ท่ีดินร่วมกับข้อกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องภายในพื้นที่โครงการฯ โดยการ วิเคราะห์อยู่ภายใต้เงื่อนไขท่ีต้องรักษาสภาพป่าไม้และระบบนิเวศของพื้นที่ไว้ ร่วมกับการใช้พ้ืนท่ีให้ เหมาะสมกับศักยภาพของท่ีดินตามประเภทการใช้ประโยชน์ท่ีดิน ภายใต้ข้อจากัดการใช้ที่ดินของภาครัฐ และต้องสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจสงั คมของชมุ ชนในพ้ืนท่ีตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยเน้นการ มีสว่ นรว่ มของชุมชนและภาครัฐในการพิจารณาจัดทาแผนการใช้ท่ีดนิ ในพน้ื ทโี่ ครงการฯ เพ่ือใหเ้ กิดการใช้ พ้ืนที่อย่างยั่งยืน และคงไว้ซ่ึงสมดุลของระบบนิเวศ รวมท้ังก่อให้เกิดประโยชน์ในแง่ของการฟื้นฟูและ อนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ 1) กลุ่มเป้าหมายและพื้นท่ีดาเนินการ การคัดเลือกหมู่บ้านเป้าหมายบริเวณลุ่มน้า ห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวัดลาปาง จานวน 4 ตาบล 28 หมู่บ้าน เลือกตัวแทนชุมชนและหมอดนิ อาสา จานวน 56 คน เปน็ ตัวแทนของชมุ ชนในพ้ืนท่ีลมุ่ น้า ไดแ้ ก่ (1) ตาบลหัวเสือ อาเภอแม่ทะ ประกอบด้วย 12 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ 1 บ้านก้อม หมู่ 3 บ้านดอนมูล หมู่ 5 บ้านทุ่ง หมู่ 12 บ้านทุ่งพัฒนา หมู่ 7 บ้านนายาบ หมู่ 8 บ้านผาแมว หมู่ 11 บ้านแม่ลูใหม่ ไชยมงคล หมู่ 9 บา้ นสบไร่ หมู่ 6 บา้ นสามขา หมู่ 10 บ้านหนองมุงพัฒนา หมู่ 4 บ้านหว้ ยมะเกลือ และ หมู่ 2 บา้ นหวั เสอื (2) ตาบลวังเงิน อาเภอแม่ทะ ประกอบด้วย 8 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ 6 บ้านต้นน๊อต หมู่ 8 บา้ นปางมะโอ หมู่ 2 บ้านทงุ่ ตอน หมู่ 4 บ้านนาดง หมู่ 3 บา้ นนาดู่ หมู่ 1 บ้านปงปา่ เป้า หมู่ 5 บา้ นแพะใหม่ และ หมู่ 7 บ้านมาย (3) ตาบลดอนไฟ อาเภอแม่ทะ ประกอบด้วย 7 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ 7 บ้านดอนไฟ หมู่ 3 บ้านทุ่งกวางทอง หมู่ 2 บ้านนากวาง หมู่ 5 บ้านนาฟาน หมู่ 1 บ้านใหม่ หมู่ 8 บ้านใหม่พัฒนา และ หมู่ 6 บ้านเอยี ก (4) ตาบลสบปา้ ด อาเภอแม่เมาะ ประกอบด้วย 1 หม่บู า้ น คือ หมู่ 5 บา้ นห้วยรากไม้
18 2) ประเด็นการรับฟังความคิดเห็น ได้แก่ สภาพปัญหาของพื้นที่ แนวทางแก้ไขปัญหา และ ความตอ้ งการของเกษตรกร 1) จดั ทา (ร่าง) รายงานแผนบรหิ ารจัดการป้องกนั การชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพ้ืนที่ เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า เพื่อประกอบการประชุมรับฟังความคิดเห็น จากหน่วยงาน ภาครฐั ประชมุ รบั ฟังความคดิ เห็นต่อการจัดทาแผนบรหิ ารจัดการป้องกนั การชะล้าง พังทลายของดินและ ฟ้ืนฟูพื้นท่ีเกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า พ้ืนท่ีลุ่มน้าห้วยแม่สามขา ในวันที่ 15 – 16 สิงหาคม 2563 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานภาครัฐระดับจังหวัด ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม กระทรวงมหาดไทย และองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล 2) ปรับปรุงแก้ไข (ร่าง) รายงานแผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและ ฟ้ืนฟูพื้นท่ีเกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า ก่อนเสนอต่อคณะทางานจัดทาแผน การบริหาร จัดการโครงการป้องกนั การชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพื้นทเี่ กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรักษด์ ินและน้า ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวัดลาปาง และคณะกรรมการขับเคลื่อน โครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้นื ฟูพืน้ ทเี่ กษตรกรรม ดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดินและน้า การกาหนดพ้ืนที่เป้าหมายเพ่ือดาเนินกิจกรรม (Implement) ประกอบการจัดทาแผนปฏิบัติ การ ให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาพื้นท่ีและความต้องการของชุมชน ด้วยการวิเคราะห์ลาดับ ความสาคัญ เป็น การกาหนดพ้ืนที่นาร่องโครงการป้องกันการชะลา้ งพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนท่ี เกษตรกรรมด้วยระบบ อนุรักษ์ดินและน้า พื้นที่ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวัดลาปาง จานวน 210,996 ไร่ เมื่อผ่านการวิเคราะห์จากข้อมูลทุติยภูมิเบ้ืองต้นทั้งรูปแบบรายงานและแผนที่ ประกอบด้วย ขอ้ มลู ดิน สถานภาพทรัพยากรดนิ การชะล้างพังทลายของดนิ การใชท้ ี่ดินและแผนการใช้ท่ีดิน จากข้อมูล หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง และการสารวจข้อมูลจากสภาพพ้ืนท่ีดาเนินการ รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นต่อ แนวทางการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า กาหนดเกณฑ์การพิจารณากาหนดพื้นท่ีเป้าหมายและกาหนดแผนงาน/โครงการสนับสนุนการดาเนินงาน โครงการ เช่น ความรุนแรงของพ้ืนท่ีชะล้างพังทลายของดิน พื้นที่ถือครอง แหล่งน้า สถานการณ์ภัยแล้ง และนา้ ท่วม ระบบอนุรักษด์ ินและนา้ การใช้ที่ดนิ และการมสี ่วนรว่ มหรอื การยอมรับของชมุ ชน การคัดเลือกพ้ืนท่ีดาเนินการ พิจารณาปัจจัยหลัก 6 ด้าน ประกอบด้วย (1) ระดับความรุนแรงของ การชะล้าง (2) เอกสารสิทธ์ิ (3) การใช้ท่ีดิน (4) กิจกรรมที่ดาเนินงานในพื้นที่ (5) แผนปฏิบัติงานในพ้ืนท่ี และ (6) ความต้องการและความพรอ้ มของชมุ ชน โดยมีเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดังนี้
19 1) ระดับความรุนแรงของการชะล้างพงั ทลาย (น้าหนกั 20%) คะแนน รุนแรง >80 - 100% ของพืน้ ท่ี รุนแรง >60 - 80 % หรอื รนุ แรงปานกลาง >80 - 100% ของพื้นท่ี 5 รุนแรง >40 - 60% หรือรนุ แรงปานกลาง > 60 - 80% ของพนื้ ที่ 4 รุนแรง >20 - 40% หรือรุนแรงปานกลาง > 40 - 60% ของพืน้ ที่ 3 รุนแรง 0 - 20% ของพนื้ ท่ี หรอื รนุ แรงปานกลาง > 20-40% 2 1 2) การมีเอกสารสิทธิ์ (นา้ หนกั 10%) > 70 % ของพื้นท่ี 5 พื้นทเ่ี กษตรกรรม และ ส.ป.ก. 50 - 70 % ของพน้ื ที่ 4 พื้นที่เกษตรกรรม และ ส.ป.ก. 30 - 50 % ของพื้นที่ 3 พน้ื ท่ีเกษตรกรรม และ ส.ป.ก. 20 - 30 % ของพื้นท่ี 2 พืน้ ทีเ่ กษตรกรรม และ ส.ป.ก. 10 - 20 % ของพื้นท่ี 1 พื้นท่ีเกษตรกรรม และ ส.ป.ก. 3) การใช้ที่ดนิ (น้าหนกั 10%) 5 พน้ื ทเ่ี กษตรกรรม > 80-100 % ของพื้นท่ี หรือปลูกพืชไร่เชิงเดย่ี ว > 50% ของพนื้ ท่ี เกษตรกรรม 4 พื้นท่ีเกษตรกรรม > 60-80 % ของพนื้ ที่ หรอื ปลูกพืชไรเ่ ชงิ เดย่ี ว > 25 - 50% ของพ้นื ท่ี เกษตรกรรม หรอื ที่นา/ไมผ้ ล 50-75% 3 พ้ืนท่เี กษตรกรรม > 40-60 % ของพ้ืนที่ หรอื เปน็ ทนี่ า/ไม้ผล > 25-50% ของพืน้ ที่ 2 เกษตรกรรม 1 พน้ื ที่เกษตรกรรม > 20-40 % ของพ้นื ท่ี พื้นที่เกษตรกรรม 0-20 % ของพืน้ ที่ 4) กิจกรรมทเ่ี คยดาเนินงานในพ้ืนท่ี (นา้ หนัก 30%) 5 แหลง่ น้าชมุ ชน/แหลง่ น้าอ่ืน ๆ (นา้ หนัก 10%) 4 ไมม่ ี หรอื มแี ต่ใช้การไมไ่ ด้แล้ว 3 มี 1- 2 แห่ง ตนื้ เขิน 2 มี > 2 แหง่ ต้ืนเขนิ 1 มี 1-2 แห่ง ยังใชก้ ารได้ มี > 2 แหง่ ยังใชก้ ารได้
20 แหลง่ น้าในไรน่ า (น้าหนัก 10%) 5 ไมม่ ี มีน้อยกว่า 10 แหง่ 4 > 10 - 20 แห่ง 3 > 20 - 30 2 > 30 - 40 1 > 50 5 ระบบอนรุ ักษ์ฯ (นา้ หนกั 10%) 4 ไมม่ ี หรือมีแต่ไม่คงสภาพแล้ว 3 มี > 3 กิจกรรม แต่สภาพไมส่ มบรู ณ์ 2 มี 1- 3 กิจกรรม แตส่ ภาพไม่สมบูรณ์ 1 มี 1-3 กิจกรรม ยงั คงสภาพอยู่ มี >3 กิจกรรม ยงั คงสภาพอยู่ 5 3 5) แผนปฏบิ ตั งิ านในพน้ื ท่ี (น้าหนัก 10%) 1 มแี ผนงานส่วนท้องถิ่น (อบต. อบจ.) ดาเนินการแล้ว มแี ผนงานส่วนทอ้ งถนิ่ (อบต. อบจ.) ไม่ได้ดาเนินการแล้ว 5 ไมม่ แี ผนงาน 3 1 6) ความตอ้ งการและความพรอ้ มของชุมชน (น้าหนกั 20%) ระดบั มาก ระดบั ปานกลาง ระดับน้อย แผนปฏิบัติการเพ่ือป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนที่เกษตรกรรม ลุ่มน้าห้วยแม่ สามขา ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2565 - 2569) และระยะ 1 ปี เป็นเคร่ืองมือในการขับเคล่ือน โครงการป้องกัน การชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นท่ีเกษตรกรรมด้วยระบบอนุรกั ษ์ดินและน้า ให้สามารถนาไปสู่การ วางแผน การกาหนดมาตรการและบริหารจดั การพ้ืนที่เกษตรกรรมทม่ี ีความเสีย่ งต่อการชะลา้ งพังทลายของดิน และพ้ืนที่เสือ่ มโทรม นาไปสู่การใชป้ ระโยชน์อยา่ งสงู สดุ สมดุล เป็นธรรม และยง่ั ยนื รวมทั้งสามารถแปลง ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ตามระบบการบริหาร เชิงยุทธศาสตร์ ท่ีสอดคล้องกับประเด็นปัญหา
21 และบูรณาการการดาเนินงานของหน่วยงาน โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมจากภาคีผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผเู้ ก่ียวข้อง การบรหิ ารจดั การทรพั ยากรดินระดับลมุ่ นา้ ไดน้ าหลกั การอนุรกั ษ์ดินและนา้ การบรหิ ารจดั การเชิง ระบบนิเวศที่ต้องดาเนินการเพ่ือให้เกิดความสมดุลของระบบ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การบูรณาการให้การใช้ประโยชน์ท่ีดินเป็นไปอย่างเหมาะสมตามศักยภาพของที่ดิน มีความเช่ือมโยงกับ การจัดการทรัพยากรน้า ป่าไม้ และชายฝ่ัง ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ส่ิงแวดล้อม และความมั่นคงของประเทศ โดยคานึงถึงสิทธิในทรัพย์สินของประชาชน หลักธรรมาภิบาล การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การกระจายอานาจ การมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน และภูมิสังคม ดังน้ัน เพื่อใหแ้ ผนบรหิ ารจดั การแปลงไปสู่การปฏิบัติ จงึ ได้จดั ทาแผนปฏิบัติการ แบ่งออกเปน็ 2 ระยะ คอื ระยะ 5 ปี และระยะ 1 ปี ซึ่งได้พิจารณาครอบคลุมทุกมิติแบบองค์รวม ได้แก่ มิติกายภาพ สังคม เศรษฐกิจ และ ส่ิงแวดล้อม โดยกาหนดทิศทางจากสภาพปัญหาเป็นตัวนา และความรู้ทางวิชาการหลากหลายสาขาผ่าน กระบวนการคิด วิเคราะห์จากงานวิจัย และเทคโนโลยีด้านการพัฒนาท่ีดิน การอนุรักษ์ดินและน้า ผ่าน กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน
22
23 3 สถำนภำพพ้นื ที่ ลมุ่ น้ำห้วยแมน่ ้ำสำมขำ
3 24 พื้นที่โครงการต้ังอยู่ระหว่างพิกัด 18º02'01.2\"N ถึง 18º16'04\"N และ 99º33'26.7\"E ถึง 99º48'11.4\"E (UTM 559000 E ถึง 584900 E และ UTM 1994000 N ถึง 2020000 N) มีเนื้อท่ี ประมาณ 210,996 ไร่ อยู่ในลุ่มน้าวัง และเป็นส่วนหนึ่งของลุ่มน้าสาขาแม่น้าจาง พื้นท่ีส่วนใหญ่อยู่ใน ตาบลหัวเสอื ตาบลวังเงิน และตาบลดอนไฟ อาเภอแม่ทะ และมีพ้ืนท่ีบางส่วนอยู่ในตาบลสบป้าด อาเภอ แมเ่ มาะ รวมครอบคลมุ พ้ืนท่ี 28 หมู่บ้าน ดังแสดงในภาพที่ 3-1 ทิศเหนอื ตดิ ตอ่ ล่มุ นา้ อ่างเกบ็ นา้ แม่เมาะ ลมุ่ นา้ สาขาน้าแม่จาง (0706) ลุม่ น้าวัง (07) ทิศใต้ ทศิ ตะวันออก ตดิ ตอ่ ตาบลแม่ป้าก อาเภอวังช้ิน จงั หวดั แพร่ ทิศตะวันตก ตดิ ตอ่ ตาบลห้วยอ้อ และตาบลหวั ท่งุ อาเภอลอง จงั หวัดแพร่ ตดิ ตอ่ ตาบลแม่ทะ อาเภอแม่ทะ จังหวดั ลาปาง ลุม่ น้าห้วยแมส่ ามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จงั หวัดลาปาง ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่สูงชัน รองลงมาเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนลาด พื้นที่ราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ พื้นที่เนินเขา พื้นที่ลูกคลื่นลอนชัน และพื้นที่ลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย (ตารางท่ี 3-1) มีความลาดเทของพ้ืนท่ีจากทิศ ตะวันออกเฉยี งใตไ้ ปยงั ทิศตะวันตกเฉยี งเหนือของพื้นท่ลี ุม่ นา้ อยู่สงู จากระดบั ทะเลปานกลางประมาณ 300 – 1,000 เมตร โดยมีน้าแม่สามขาไหลผ่านพ้ืนที่จากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปยังทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ โดย ไหลไปลงน้าแมจ่ างบริเวณบ้านหวั เสอื ตาบลหวั เสือ อาเภอแมท่ ะ จงั หวัดลาปาง (ภาพที่ 3-2 และภาพที่ 3-3)
25 ตารางที่ 3-1 ความลาดชนั พื้นท่ลี ่มุ น้าหว้ ยแมส่ ามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแมเ่ มาะ จังหวัดลาปาง ความลาดชนั สภาพพื้นท่ี เน้อื ที่ (เปอร์เซน็ ต์) ไร่ รอ้ ยละ ราบเรยี บถึงค่อนขา้ งราบเรียบ 49,125 23.28 0–2 ลกู คล่ืนลอนลาดเลก็ น้อย 12,364 5.86 2–5 ลกู คล่นื ลอนลาด 49,925 23.66 5–12 ลกู คลื่นลอนชัน 19,430 9.21 12–20 เนินเขา 23,369 11.08 20–35 พนื้ ท่สี ูงชัน 56,783 26.91 35–50 รวมเน้อื ท่ี 210,996 100.00 ที่มา: จากการวเิ คราะห์ด้วยโปรแกรมสารสนเทศภมู ิศาสตร์
26 ภาพที่ 3-1 ขอบเขตการปกครอง พน้ื ทลี่ มุ่ น้าหว้ ยแม่สามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวดั ลาปาง
27 ภาพที่ 3-2 ขอบเขต พ้นื ท่ีลมุ่ น้าหว้ ยแมส่ ามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแมเ่ มาะ จงั หวดั ลาปาง
28 ภาพที่ 3-3 ความลาดชัน พ้นื ท่ีลุ่มนา้ ห้วยแมส่ ามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแมเ่ มาะ จงั หวดั ลาปาง
29 สภาพภูมิอากาศท่ัวไปของจังหวัดลาปาง จากข้อมูลสถานีตรวจอากาศจังหวัดลาปาง พบว่า จังหวดั ลาปาง มี 3 ฤดู โดยลกั ษณะภมู อิ ากาศในพื้นทีจ่ งั หวัดลาปาง ดงั น้ี อุณหภูมิ มีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 26.6 องศาเซลเซียส โดยมีอุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน 38.3 องศาเซลเซยี ส และอุณหภมู ิต่าสุดในเดือนมกราคม 15.5 องศาเซลเซยี ส ปริมาณน้าฝน มีปริมาณน้าฝนรวมตลอดปี 1,114.9 มิลลิเมตร โดยมีปริมาณน้าฝนสูงสุดในเดือน กันยายน 209.8 มิลลิเมตร และปรมิ าณนา้ ฝนต่าสดุ ในเดือนกมุ ภาพนั ธ์ มิลลิเมตร 9.8 ความชื้นสัมพัทธ์ มีความชื้นสัมพัทธ์เฉล่ียตลอดปี 73.1 เปอร์เซ็นต์ โดยมีความช้ืนสัมพัทธ์สูงสุดใน เดือนกนั ยายน 83.0 เปอร์เซ็นต์ และตา่ สดุ ในเดอื นมีนาคม 58.0 เปอรเ์ ซน็ ต์ การวิเคราะห์ช่วงฤดูเพาะปลูก จากการวิเคราะห์สถานการณ์สมดุลของน้า เพ่ือการเกษตรด้วย ข้อมูลเก่ียวกับปริมาณน้าฝนเฉล่ียรายเดือน และค่าศักยภาพการคายระเหยน้าเฉลี่ยรายเดือน (Evapotranspiration : ETo) ซึ่งคานวณโดยใช้โปรแกรม Cropwat for Windows Version 8.0 โดย พจิ ารณาจากช่วงระยะท่ีน้าฝนอย่ทู ่ีเหนือระดับเส้น (0.5 ETo) เปน็ หลกั (ภาพที่ 3-4) พบว่า ระยะเวลาใน การปลูกพชื ทีเ่ หมาะสมกับจงั หวดั ลาปาง อยู่ในชว่ งต้นเดอื นเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ภาพที่ 3-4 สมดุลของน้าเพื่อการเกษตร จังหวดั ลาปาง ปี พ.ศ. 2533 - 2562
30 ตาราง 3-2 สถติ ิภมู ิอากาศ ณ สถานตี รวจอากาศจังหวัดลาปาง (ปี พ.ศ.2533-2562) เดือน อณุ หภูมิ (°ซ) ความช้ืน ปรมิ าณ จานวนวนั ที่ ศกั ยภาพการ ปริมาณฝน ตา่ สดุ สูงสุด เฉล่ยี สมั พัทธ์ นา้ ฝน (มม.) ฝนตก คายระเหยน้า ใชก้ าร (วนั ) (มม.) (%) (มม.) 14.8 9.6 ม.ค. 15.5 31.7 22.5 71.0 15.2 1.6 84.9 30.2 60.4 ก.พ. 16.9 34.6 24.9 63.0 9.8 1.7 75.6 128.6 96.5 มี.ค. 20.4 37.1 28.1 58.0 31.8 3.9 115.9 108.1 136.6 เม.ย. 23.7 38.3 30.1 60.0 67.8 6.9 125.1 139.4 87.0 พ.ค. 24.3 35.8 29.0 72.0 181.0 15.4 122.1 22.8 11.1 มิ.ย. 24.5 34.4 28.5 76.0 119.3 15.4 109.5 - 845.1 ก.ค. 24.3 33.5 27.9 78.0 139.1 17.8 99.2 ส.ค. 24.0 33.0 27.5 81.0 201.6 19.4 102.9 ก.ย. 23.1 33.1 27.2 83.0 209.8 18.2 97.5 ต.ค. 22.5 32.6 26.5 82.0 104.5 11.0 98.0 พ.ย. 19.4 32.0 24.7 78.0 23.7 3.2 90.9 ธ.ค. 16.2 30.7 22.3 75.0 11.3 1.5 78.7 เฉลย่ี 21.2 33.9 26.6 73.1 - - - รวม - 1,114.9 116.0 1,200.4 ท่มี า: กรมอุตนุ ิยมวทิ ยา (2563) หมายเหตุ: *จากการคานวณโดยโปรแกรม Cropwat for Windows Version 8.0 จากการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลทรัพยากรดินในระดับชุดดิน มาตราส่วน 1:25,000 ใน พ้ืนท่ีลุ่มน้าห้วยแม่สามขา เน้ือท่ี 210,996 ไร่ สามารถจาแนกออกได้เป็น 34 หน่วยแผนท่ี (ตารางท่ี 3-3 ภาพที่ 3-4) ประกอบด้วย ระดบั หน่วยจาแนก มี 11 ชุดดิน (20 หน่วยแผนที)่ ดินคลา้ ย 10 ดนิ (13 หน่วย แผนท่ี) ร้อยละ 59.15 ของเน้ือที่ลุ่มน้า (รายละเอียดชุดดินตามภาคผนวกท่ี 1) และพื้นท่ีลาดชันเชิงซ้อน (SC) มี 1 หน่วยแผนที่ ร้อยละ 40.85 ของเนอ้ื ทีล่ ุ่มน้า ชุดดินที่มีการกระจายตัวมากที่สุด คือ ชุดดินท่ายาง (Ty) มีเน้ือท่ีร้อยละ 10.52 ของเนือ้ ท่ีลุ่มน้า ส่วนใหญ่กระจายอยู่ในพื้นท่ีตาบลหัวเสือและตาบลบ้านกิ่ว และกระจายตัวเล็กน้อยอยู่ในพื้นที่ ตาบลวังเงิน อาเภอแม่ทะ ลักษณะเป็นดินต้ืนถึงชั้นเศษหินและหินพื้น ดินบนเป็นดินร่วนปนเศษหินหรือดิน ร่วนปนทรายปนเศษหิน ดินลา่ งเป็นดินร่วนปนทรายปนเศษหิน พบก้อนกรวดเป็นพวกเศษหิน ควอรต์ ไซต์ หิน ทราย หินฟิลไลท์และหินดินดาน พบในสภาพพื้นที่ลูกคลืน่ ลอนลาดเล็กน้อย ถึงเป็นเนินเขา ชุดดินที่มีการ กระจายตวั รองลงมา คอื ชุดดินแม่ริม (Mr) มีเนอ้ื ที่ร้อยละ 10.08 ของเน้ือทีล่ มุ่ น้า สว่ นใหญ่กระจายอยู่ใน
31 พืน้ ที่ตาบลหัวเสือและตาบลดอนไฟ และกระจายตัวเลก็ นอ้ ยอยู่ในพืน้ ท่ีตาบลวงั เงนิ อาเภอแมท่ ะ ลักษณะ เป็นดินตื้นหรือต้ืนมากถึงช้ันก้อนกรวดและหินมนเล็กหนาแน่นต้ังแต่ภายใน 50 เซ็นติเมตร จากผวิ ดิน ดินบนเปน็ ดนิ ร่วนปนทรายหรอื ทรายปนดินรว่ น อาจมีกรวดและหินมนเล็กปะปน ดนิ ลา่ งเป็นดิน ร่วนปนดินเหนียวหรือดินร่วนเหนียวปนทราย มีกรวดและหินมนเล็กปะปนอยู่หนาแน่นมาก มากกว่าร้อยละ 35 โดยปริมาตร พบในสภาพพื้นท่ีค่อนข้างราบเรียบ ถึงเป็นเนินเขา นอกจากน้ันยังพบชุดดินผาลาด (Pl) ชุดดินหินซ้อน (Hs) ดินสันป่าตองที่เป็นดินร่วนละเอียด (Sp-fl) หน่วยดินเชิงซ้อนของดินหินซ้อน ที่มีการ ระบายน้าดีปานกลาง และเต็มไปด้วยก้อนหิน (Hs-md-RL) มีเนื้อที่ร้อยละ 6.68 6.02 5.05 และ 3.77 ตามลาดับ พบกระจายตัวอยู่ในพื้นท่ีตาบลหัวเสือ ตาบลแม่เมาะ ตาบลดอนไฟ อาเภอแม่ทะ ลักษณะเป็น ดินลึกปานกลางช้ันกรวดหนาแน่น ดินต้ืนถึงชั้นหินพื้น และเป็นดินลึกมาก ดินบนเป็นดินร่วนปนกรวด ดินร่วนเหนยี วถงึ ดนิ เหนยี วตลอด และดินรว่ นปนทรายหรอื ทรายปนดนิ ร่วน ดนิ ลา่ งเป็นดนิ รว่ นเหนยี วปน กรวดหรือดินเหนียวปนกรวดหนาแน่น และเป็นดินร่วนปนทราย พบในสภาพพื้นท่ีค่อนข้างราบเรียบ ลูกคล่ืนลอนลาดเล็กน้อย เนินเขา จนถึงลูกคลื่นลอนชัน พบดินตะกอนน้าพาเชิงซ้อนที่มีการระบายน้า ค่อนข้างเลวและเป็นดินร่วนละเอียด (Ac-spd,fl) มีเนื้อที่ร้อยละ 6.15 ของเน้ือที่ลุ่มน้า พบกระจายอยู่ บริเวณริมแม่น้าสาขา ได้แก่ ห้วยแม่ตอน ห้วยแม่มาย ห้วยแม่สะเปา ห้วยแม่มาน และน้าแม่ลู่ เป็นดินลึก ถึงลกึ มาก มลี ักษณะการสลบั ช้ันของเนอ้ื ดิน ดนิ บนเปน็ ดนิ ร่วนปนทรายหรอื ดินทรายปนดินรว่ น ดินลา่ งเปน็ ดนิ ร่วนปนทรายถึงดินร่วนเหนียวอาจพบกรวดท้องน้าปะปนในช้ันดินล่าง พบในสภาพพื้นที่ราบเรียบถึงลูก คลื่นลอนลาดเลก็ นอ้ ย เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยด้านลักษณะของดินที่มีผลต่อการชะล้างพังทลายของดิน ซึ่งดินแต่ ละชนิดจะคงทนต่อการชะล้างพังทลายที่แตกต่างกันในสภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึง โดยเฉพาะค่าปัจจัยความ คงทนของดิน (K-factor) ท่ีสามารถนาไปประเมินการสูญเสียดินในสมการการสูญเสียดินสากล (USLE) จะเห็นว่า ปัจจัยสมบัติดนิ ที่มีผลต่อค่าปัจจัยความคงทนของดิน ได้แก่ (1) ผลรวมปริมาณร้อยละของทราย แป้งและปริมาณร้อยละของทรายละเอียดมาก (% silt + % very fine sand) (2) ปริมาณร้อยละของทราย (% sand) (3) ปริมาณร้อยละของอินทรียวัตถุในดิน (% organic matter) (4) โครงสร้างของดิน (Soil structure) และ (5) การซาบซึมน้าของดิน (Permeability) (กรมพัฒนาท่ีดิน, 2545) จากการศึกษาค่าปัจจัย ความคงทนของดินต่อการชะล้างพังทลาย (K-factor) ตามชนิดของเนื้อดินในพ้ืนท่ีสูงของลุ่มน้าห้วยสามขา พบว่า เนื้อดินบนส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย (sl) เนื้อที่ร้อยละ 33.51 ของเน้ือที่ลุ่มน้า ซึ่งมีค่า K อยู่ใน ระดับปานกลางค่อนข้างสูง เม่ือเทียบกับช่วงค่า K ของดิน ท่ีประเมินจากเน้ือดินบนของดินที่พบใน ภาคเหนือของประเทศไทย ท่ีมีค่าระหว่าง 0.05 – 0.49 ท้ังน้ี พบเนื้อดินทรายปนร่วน ซึ่งมีค่า K ต่า อยรู่ ้อยละ 2.77 ของเนือ้ ทล่ี ุ่มนา้ ดินทพี่ บสว่ นใหญ่ในพ้ืนท่ีอยูใ่ นกลุ่มดินที่มีวตั ถุตน้ กาเนิดดนิ จากตะกอนนา้ พา ได้แก่ ชุดดินแม่ริม (Mr) ชุดดินสันป่าตอง (Sp) ร้อยละ 15.13 ของเนื้อท่ีลุ่มน้า มีอินทรียวัตถุต่าถงึ ปานกลาง รองลงมาเป็นกลุ่มดินท่ีมีวตั ถุต้นกาเนิดดินพวกหินตะกอนหรือหินแปรเนื้อหยาบ พวกหินทราย
32 และหินควอร์ตไซต์ รองรับด้วยหินดินดานและหินฟิลไลท์ เน้ือดินเป็นกลุ่มดินร่วน ปริมาณอินทรียวัตถุสูง คอื ชุดดินทา่ ยาง (Ty) รอ้ ยละ 10.52 ของเน้ือทีล่ มุ่ นา้ นอกจากปัจจัยด้านลักษณะและสมบัติดินแล้ว ปัจจัยด้านสภาพพ้ืนที่และการใช้ประโยชน์ ท่ีดินก็มีผลต่อการชะล้างพังทลายของดิน โดยเฉพาะความลาดชันของพื้นที่จะมีผลโดยตรงต่อการชะล้าง พังทลายของผิวหน้าดิน การไหลบ่าของน้าผ่านผิวหน้าดิน ระดับน้าใต้ดิน ความช้ืนในดิน การระบายน้า ความยากง่ายต่อการกักเก็บน้าและการเขตกรรม ดังน้ัน สภาพพ้ืนท่ีจึงเป็นปัจจัยท่ีสาคัญอย่างหน่ึงที่ ควบคุมลักษณะของการใช้ประโยชน์ท่ีดิน ส่งผลต่อการชะล้างพังทลายของดินด้วย โดยเฉพาะพืชไร่ เช่น ข้าวโพด มันสาปะหลัง เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจท่ีปลูกในพื้นท่ีท่ีมีความลาดชันสูงเป็นส่วนใหญ่ และมี ส่ิงปกคลุมผิวหน้าดินน้อยหรือไม่มีส่ิงปกคลุมดิน เกิดการชะล้างพังทลายของดิน ส่งผลให้ความอุดม สมบูรณ์ของดินลดลง รวมถึงสมบัติทางกายภาพของดินลดลง ซ่ึงเร่งให้เกิดการชะล้างพังทลายของดิน สูงข้ึน พ้ืนท่ีลาดชันเชิงซ้อนหรอื พ้ืนท่ีลาดชนั สงู มีความลาดชันมากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ เป็นพื้นที่ที่ ยังไม่มีการจาแนกประเภทดิน กระจายตัวอยู่ร้อยละ 40.85 ของเน้ือที่ลุ่มน้า เรียงตัวอยู่ทางทิศตะวันออก เฉียงใต้ของพื้นที่ลุ่มน้า ในพ้ืนท่ีตาบลหัวเสือ ตาบลดอนไฟ ตาบลวังเงิน และตาบลบ้านก่ิว อาเภอแม่ทะ พื้นที่ลาดชันสูงเหล่านี้เสี่ยงต่อการชะล้างพังทลายของดินสูงมาก ไม่เหมาะสมต่อการเกษตรกรรม สภาพ พน้ื ทล่ี าดชันเชิงซ้อนหรอื พ้นื ทลี่ าดชันสงู แบ่งยอ่ ยออกเป็น 3 ระดบั ดงั นี้ 1) พน้ื ท่สี ูงชัน (Steep slope) มคี วามลาดชนั 35 – 50 เปอร์เซ็นต์ 2) พน้ื ทส่ี งู ชันมาก (Very steep slope) มคี วามลาดชนั 50 – 75 เปอรเ์ ซ็นต์ 3) พื้นท่ีสูงชนั มากทส่ี ดุ (Extremely steep slope) มีความลาดชนั มากกว่า 75 เปอรเ์ ซน็ ต์ ตารางที่ 3-3 ทรัพยากรดนิ พื้นท่ลี ุ่มนา้ หว้ ยแมส่ ามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวดั ลาปาง ลาดับ สัญลกั ษณ์ คาอธิบาย เนือ้ ท่ี (ไร่) รอ้ ยละ 6.15 1 AC-spd,fl- ดินตะกอนน้าพาเชิงซ้อนที่มีการระบายน้าค่อนข้างเลวและดินร่วน 12,975 2.77 clA ละเอียด มีเน้ือดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความลาดชัน 0-2 1.03 3.68 เปอรเ์ ซน็ ต์ 2.23 2 Cm-lsA ชุดดินเชียงใหม่ มีเน้ือดินบนเป็นดินทรายปนร่วน ความลาดชัน 0-2 5,846 เปอรเ์ ซน็ ต์ 3 Hd-spd- ดินหางดงที่มีการระบายน้าค่อนข้างเลว มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนเหนียว 2,184 siclA ปนทรายแป้ง ความลาดชนั 0-2 เปอร์เซ็นต์ 4 Hs-clB/st ชุดดินหินซ้อน มีเน้ือดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความลาดชัน 2-5 7,763 เปอรเ์ ซน็ ต์ มีก้อนหนิ ปะปนบนผวิ หนา้ ดนิ ร้อยละ 0.01-0.1 ของพื้นที่ 5 Hs-clC/st ชุดดนิ หินซ้อน มเี นอื้ ดนิ บนเป็นดินร่วนปนดินเหนยี ว ความลาดชัน 5-12 4,697 เปอรเ์ ซ็นต์ มกี ้อนหนิ ปะปนบนผวิ หนา้ ดนิ ร้อยละ 0.01-0.1 ของพนื้ ที่
33 ตารางที่ 3-3 ทรพั ยากรดนิ พน้ื ที่ลุ่มนา้ หว้ ยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวดั ลาปาง (ต่อ) ลาดับ สัญลกั ษณ์ คาอธิบาย เน้อื ที่ รอ้ ย (ไร่) ละ 6 Hs clD/st ชุดดินหินซ้อน มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความลาดชัน 12-20 247 0.12 เปอร์เซ็นต์ มีก้อนหนิ ปะปนบนผวิ หนา้ ดนิ รอ้ ยละ 0.01-0.1 ของพ้นื ที่ 7 Hs-md- หน่วยดินเชิงซ้อนของดนิ หินซ้อน ที่มีการระบายน้าดีปานกลาง มีเนื้อดินบน 7,949 3.77 clB-RL เป็นดินรว่ นปนดนิ เหนียว ความลาดชัน 2-5 เปอร์เซ็นต์ และเตม็ ไปด้วยก้อน หิน 8 Li-gclC ชุดดินลี้ มีเน้ือดินบนเป็นดินร่วนเหนียวปนกรวด ความลาดชัน 5-12 1,650 0.78 เปอร์เซน็ ต์ 9 Li-gclD ชุดดินล้ี มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนเหนียวปนกรวด ความลาดชัน 12-20 96 0.05 เปอร์เซ็นต์ 10 Ly-slC ชุดดินลาดหญ้า มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทราย ความลาดชัน 5-12 176 0.08 เปอร์เซน็ ต์ 11 Ml-gclC ชุดดินมวกเหล็ก มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนเหนียวปนกรวด ความลาดชัน 275 0.13 5-12 เปอรเ์ ซ็นต์ 12 Ml-gclD/st ชุดดินมวกเหล็ก มีเน้ือดินบนเป็นดินร่วนปนเหนียวปนกรวด ความลาดชัน 162 0.08 5-12 เปอร์เซ็นต์ มีก้อนหินปะปนบนผวิ หน้าดนิ ร้อยละ 0.01-0.1 ของพน้ื ที่ 13 Mr-gslD ชดุ ดินแมร่ ิม มเี นอ้ื ดินบนเปน็ ดนิ ร่วนปนทรายปนกรวด ความลาดชนั 12-20 7,746 3.67 เปอรเ์ ซน็ ต์ 14 Mr-gslE ชดุ ดินแมร่ ิม มเี นื้อดนิ บนเป็นดนิ รว่ นปนทรายปนกรวด ความลาดชนั 20-35 1,025 0.49 เปอรเ์ ซ็นต์ 15 Mr-slC ชุดดินแม่ริม มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทราย ความลาดชัน 5-12 12,495 5.92 เปอรเ์ ซ็นต์ 17 Mr-gm- ดินแม่ริมที่มีจุดประสเี ทา มีเน้ือดินบนเป็นดนิ ร่วนปนทราย ความลาดชัน 2- 320 0.15 slB/b 5 เปอร์เซ็นต์ มีคนั นา 18 Pl-gslB ชุดดินผาลาด มีเน้ือดินบนเป็นดินร่วนปนทรายปนกรวด ความลาดชัน 2-5 14,090 6.68 เปอร์เซน็ ต์ 19 Pl-gm- ดนิ ผาลาดท่มี จี ดุ ประสเี ทา มเี นอ้ื ดนิ บนเป็นดินรว่ นปนทรายปนกรวด 1,840 0.87 gslA/b ความลาดชนั 0-2 เปอร์เซน็ ต์ มีคนั นา 20 Sai-fl-slA ดนิ สนั ทรายท่ีเป็นดนิ รว่ นละเอียด มเี นื้อดินบนเปน็ ดนิ ร่วนปนทราย 823 0.39 ความลาดชัน 0-2 เปอรเ์ ซน็ ต์ 21 So-clB ชุดดินสบปราบ มีเน้ือดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความลาดชัน 2-5 486 0.23 เปอรเ์ ซน็ ต์ 22 So- ชุดดินสบปราบ มีเน้ือดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความลาดชัน 5-12 1,115 0.53 clD/st เปอร์เซน็ ต์ มกี ้อนหินปะปนบนผวิ หนา้ ดิน รอ้ ยละ 0.01-0.1 ของพ้ืนท่ี
34 ตารางท่ี 3-3 ทรพั ยากรดิน พ้นื ทลี่ ุ่มนา้ หว้ ยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแมเ่ มาะ จงั หวัดลาปาง (ตอ่ ) ลาดับ สัญลักษณ์ คาอธิบาย เนอื้ ท่ี ร้อยละ (ไร)่ 23 Sp-fl-slB ดินสันปา่ ตองทเี่ ป็นดินรว่ นละเอยี ด มีเนอื้ ดินบนเป็นดินร่วนปนทราย 8,298 3.93 ความลาดชนั 2-5 เปอรเ์ ซ็นต์ 24 Sp-fl- ดินสันปา่ ตองที่เปน็ ดินรว่ นละเอยี ด มเี นื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทราย 1,910 0.90 slB/d3c ความลาดชัน 2-5 เปอร์เซน็ ต์ ลึกปานกลางถงึ ชั้นดาน 25 Sp-fl-slC ดนิ สนั ป่าตองทีเ่ ปน็ ดินรว่ นละเอยี ด มเี น้อื ดินบนเป็นดินร่วนปนทราย 441 0.21 ความลาดชัน 5-12 เปอร์เซ็นต์ 26 Sp- gm,fl- ดินสันป่าตองที่มจี ุดประสีเทาและดินรว่ นละเอียด เนื้อดินบนเป็นดนิ 85 0.04 slA/b ร่วนปนทราย ความลาดชัน 0-2 เปอรเ์ ซน็ ต์ มีคันนา 27 Sp- gm,fl- ดินสันป่าตองที่มีจุดประสีเทาและดินร่วนละเอียด เน้ือ ดินบนเป็น 76 0.04 slB/b ดินร่วนปนทราย ความลาดชัน 2-5 เปอร์เซน็ ต์ มีคันนา 28 Tk-br,md- ดินตาคลีท่ีมีสีน้าตาลและลึกปานกลาง มีเน้ือดินบนเป็นดินร่วนปน 1,181 0.56 clB ดินเหนยี ว ความลาดชัน 2-5 เปอรเ์ ซ็นต์ 29 Ty-gslC ชดุ ดนิ ทา่ ยาง มีเนอ้ื ดินบนเป็นดนิ รว่ นปนทรายปนกรวด 8,358 3.96 ความลาดชัน 5-12 เปอรเ์ ซ็นต์ 30 Ty-gslD ชุดดนิ ทา่ ยาง มเี น้ือดินบนเปน็ ดนิ รว่ นปนทรายปนกรวด 8,092 3.83 ความลาดชนั 12-20 เปอร์เซน็ ต์ 31 Ty-gslE ชุดดินทา่ ยาง มเี นอ้ื ดนิ บนเปน็ ดนิ รว่ นปนทรายปนกรวด 5742 2.72 ความลาดชนั 20-35 เปอรเ์ ซ็นต์ 32 Ws-clC ชุดดินวังสะพุง มีเน้ือดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ความลาดชัน 2,184 1.04 5-12 เปอรเ์ ซน็ ต์ 33 Ws-vd- ดินวังสะพุงท่ีเป็นดินลึกมาก มีเน้ือดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียว 4,357 2.06 clB ความลาดชนั 2-5 เปอร์เซน็ ต์ 34 SC พน้ื ทีล่ าดชนั เชงิ ซ้อน ความลาดชนั มากกวา่ 35 เปอร์เซน็ ต์ 86,227 40.87 รวมท้งั หมด 210,996 100.00
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147