Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore The Minority of Dai Tribe ชนเผ่ากลุ่มน้อยไต

The Minority of Dai Tribe ชนเผ่ากลุ่มน้อยไต

Published by Kachamat Tawan, 2018-10-11 07:00:31

Description: ชนเผ่ากลุ่มน้อยไต : พี่น้องชนเผ่าไทพื้นที่สิบสองปันนา สาธารณรัฐประชาชนจีน
The Minority of Dai Tribe : Tai Tribe Relatives in Xishuangbanna,The Republic of China

Keywords: ชนเผ่ากลุ่มน้อยไต ชนเผ่าไต กลุ่ม,ประเทศจีน ชนเผ่า

Search

Read the Text Version

中 国 的 少 数 民 族 กลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศจนีชนเผา่ กลม่ ุ นอ้ ยไต : พ่ีนอ้ งชนเผา่ ไทพ้ืนท่ีสิบสองปันนา สาธารณรฐั ประชาชนจีน The Minority of Dai Tribe : Tai Tribe Relatives in Xishuangbanna,The Republic of China “ชนเผ่ากลมุ่ นอ้ ยไต หรอื เรยี กวา่ ชนเผ่าไท” เป็ นชนเผ่าหน่ึงใน 56 กลมุ่ ชาตพิ นั ธุข์ องประเทศจนี (สาธารณรฐั ประชาชนจนี )

中 国 的 少 数 民 族 กลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศจนี傣 族 ชนเผ่ากลมุ่ นอ้ ยไต ภาพท่ี 1 ชนเผ่ากลมุ่ นอ้ ยไตถน่ิ ท่อี ยูข่ องชนเผ่ากลมุ่ นอ้ ยไต ชาวไตอาศยั อยู่ในมณฑลยูนนาน(云 南 Yúnnán) ในบริเวณเขตปกครองตนเองเผ่าไต สบิ สองปนั นาเขตปกครองตนเองเผ่าไตเผ่าจ่งิ โพ เมอื งเตอ๋ หง อาเภอปกครองตนเองเผ่าไต เผ่าวา้ เมอื งเกิง๋ หม่า อาเภอปกครองตนเองเผ่าไตเผ่าลาหู่ เมอื งเมง่ิ เหลยี น และมกี ระจดั กระจายอยู่ตามเมอื งอ่นื ๆ อกี กว่า 30 เมอื ง ในมณฑลยูนนานเช่น ซนิ ผงิ หยวนเจียง จินผิง เป็นตน้ ชาวไตตง้ั บา้ นเรือนอยู่ตามบริเวณเขตรอ้ นท่ีราบหุบเขา จากการสารวจจานวนประชากรครงั้ ท่ี 5 ของจนี ในปี 2000 ชนกลมุ่ นอ้ ยเผ่าไตมจี านวนประชากรทงั้ ส้นิ 1,158,989 คน 1

中 国 的 少 数 民 族 กลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศจนี ขอ้ มลู ภาษา ภาษาทใ่ี ชค้ ือภาษาไต (傣 语 Dǎi yǔ) จดั อยู่ในตระกูลภาษาจีน-ทเิ บต (汉 藏 语 系 HànZànɡ yǔxì) สาขาภาษาจว้ ง-ตง้ (壮 侗 语 族 Zhuànɡ Dònɡ yǔzú) แขนงภาษาจว้ ง-ไต (壮 傣语 支 Zhuànɡ Dǎi yǔzhī) ชนเผ่าไตมอี กั ขระอกั ษร แต่ภาษาไตทช่ี นเผ่าไตใชม้ คี วามแตกต่างกนั ในแต่ละทอ้ งถน่ิ อกั ขระภาษาไตมกี ารปรบั ปรุงใหมใ่ นปี 50 ของศตวรรษท่ี 20 คนไทหรือคนไตมีช่ือเรียกตวั เองหลายช่ือ เช่น ไต่เล่อ ไตห๋ ย่า ไต่น่า ไต่เปิง ในสมยั ฮนั่ และจ้นิ เรยี กชนกลมุ่ น้ีวา่ เตียนเยว่ ต่าน ซ่าน เหลยี ว และจิวเหลยี ว ในสมยั ถงั และซ่งเรยี กชนกลุ่มน้ีว่า จนิ ฉ่ือเฮยฉ่ือ หมางหมาน ป๋ายอี ชอ่ื ป๋ายอนี ้ีบางตาราเขยี นดว้ ยตวั อกั ษรต่างๆกนั ออกเสยี งต่างกนั เลก็ นอ้ ย เช่นป่ายอี๋ ,ป๋ายอี๋ ,โป๋อี๋ จนถงึ สมยั ราชวงศช์ งิ เรยี กชนกลมุ่ น้ีว่า ป่ายอี๋ ภายหลงั การปฏวิ ตั ิวฒั นธรรม รฐั บาลจีนเรยี กช่อื ชนเผ่าไตตามความสมคั รใจของชนเผ่าว่า ไต่จู๋ (傣 族 DǎiZú) ซง่ึ หมายถงึ ชนเผ่าไตภาพท่ี 2 ชนเผ่ากลมุ่ นอ้ ยไต ภาพท่ี 3 ชนเผ่ากลมุ่ นอ้ ยไตเขิน 2

中 国 的 少 数 民 族 กลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศจีน ประวตั ศิ าสตรข์ องชนเผ่ากลมุ่ นอ้ ยไต ชนเผ่าไตในดินแดนจีนน้ีมีประวตั ิศาสตรค์ วามเป็นมา ยาวนานมาก พงศาวดารจีนท่มี บี นั ทึกถึงชนเผ่าไตเร่ิมตง้ั แต่ ศตวรรษท่ี 1 ในปี ค.ศ. 109 จกั รพรรดิฮนั่ อู่ต้ีบุกเบกิ พ้ืนท่ี ทางตะวนั ตกเฉียงใต้ และสรา้ งเมอื งอ้ีโจว (益 州 Yìzhōu) ข้นึ ในบริเวณท่ีชาวไตตงั้ ถ่นิ ฐานอยู่ คือ บริเวณชายแดนทิศ ตะวนั ตกเฉียงใตข้ องเมอื งอ้ีโจว จนถงึ ศตวรรษท่ี 6 ไดส้ รา้ ง เมอื งหย่งชาง (永 昌 Yǒnɡchānɡ) ภาพท่ี 4 ชนเผ่ากลมุ่ นอ้ ยไต พ้นื ท่อี าศยั ของชนเผ่าไตจดั อยู่ในเขตการปกครองของเมอื งหย่งชางน้ีเอง ในเวลานนั้ บรรพบุรุษชาวไตไดส้ ่งคณะทูตและคณะนกั ดนตรีนกั แสดงเพ่อื แสดงถวายแด่จกั รพรรดขิ องราชวงศต์ งฮนั่ ท่เี มอื งหลวงลวั่ หยาง และไดร้ บั การยอมรบั และการโปรดปรานของจกั รพรรดิราชวงศต์ งฮนั่ เป็นอย่างมาก จนไดร้ บั พระราชทานรางวลั มากมาย ท่สี าคญั หวั หนา้ ทน่ี าคณะชาวไตมานน้ั ไดร้ บั เชญิ ใหอ้ ยู่รบัราชการเป็นนายพลของราชวงศฮ์ นั่ อกี ดว้ ย ชนเผ่าไตและราชสานกั ฮนั่ จงึ มสี มั พนั ธอ์ นั ดตี ่อกนั นบั แต่นน้ั เรอ่ื ยมา กระทงั่ คริสตศ์ ตวรรษท่ี 8 ถงึ ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 13 ชนเผ่าไตรวมทง้ั ชนชาติใกลเ้คียงไดแ้ ก่ เผ่าอี๋ (彝 族 Yí Zú) เผ่าป๋าย(白 族 Bái Zú) ก่อตง้ั เป็นเขตการปกครองข้นึ ทย่ี ูนนานน่านเจา้ (云 南 南 诏 Yúnnán Nánzhào) ในสมยั หยวนพ้นื ทช่ี นเผ่าไตอยู่ในเขตการปกครองของมณฑลยูนนาน ในสมยั นน้ั มกี ฎการถอื ครองท่ดี ิน และมกี ารจดั ตง้ั ชุมชนใหม่ข้นึ หลาย แห่ง ท่สี าคญั ไดแ้ ก่เมอื งเตอ๋ หง(德 宏 Déhónɡ) สบิ สองปนั นา (西 双 版 纳 Xīshuānɡ bǎn nà) ซ่งึ เป็นพ้นื ท่อี าศยั ส่วนใหญ่ของชนชาวไต ถงึสมยั หมงิ มกี ารจดั การใหช้ าวไตถือครองกรรมสิทธ์ิท่ดี ินทากิน อนั เป็นจุดสาคญั ในการรวมชนเผ่าไตเขา้ มาอยู่ในการปกครองของจีนในสมยั ราชวงศช์ งิ การปกครองชนเผ่าไตไมม่ กี ารเปลย่ี นแปลงมากนกั คงยดึ ถอื ตามแบบการปกครองของราชวงศห์ มงิ แต่มกี ารยดึ ทด่ี นิทม่ี กี ารพฒั นาแลว้ ของชาวไตกลบั คนื เป็นของรฐั โดยการส่งขนุ นางเขา้ ไปในพ้นื ทจ่ี ดั การรวบรวมท่ดี นิ ในสมยั กวอ๋ หมนิ ตงั่ ก่อตงั้ เขตการปกครองในบรเิ วณชายแดนของชนเผ่าไต ขดู รดี ประชาชน สรา้ งความทกุ ขย์ ากใหก้ บั ชาวไตเป็นอย่างมาก 3

中 国 的 少 数 民 族 กลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศจนีภาพท่ี 5 ชนเผ่ากลมุ่ นอ้ ยไตยวน ภาพท่ี 6 ชนเผ่ากลมุ่ นอ้ ยไทล้อื ก่อนการก่อตงั้ สาธารณรฐั ประชาชนจนี ชาวไตในแต่ละทอ้ งทม่ี สี ภาพเศรษฐกิจและสงั คมแตกต่างกนั ไมว่ ่าจะเป็นการถอืครองกรรมสทิ ธ์ทิ ด่ี นิ ระดบั ชน้ั ทางสงั คม การปกครองแบบรีดนาทาเรน้ ประชาชน แสดงใหเ้หน็ ถงึ ววิ ฒั นาการของระบบสงั คมชาวไตว่าเร่ิมตน้ จากระบบศกั ดินาท่ีมหี วั หนา้ เผ่าปกครองถอื กรรมสิทธ์ิสูงสุด เปล่ยี นมาเป็นประชาชนมสี ิทธ์ิถือครองกรรมสทิ ธ์ิในท่ีดินในบรเิ วณจ่งิ ตง (景 东 Jǐnɡdōnɡ) ซนิ ผงิ (新 平 Xīnpínɡ) หยวนเจียง(元 江 Yuánjiānɡ) ประชาชนชาวไตและชาวฮนั่อาศยั อยู่คละเคลา้ รวมกนั ชาวไตรบั อิทธิพลจากชาวฮนั่ มากมายทง้ั ดา้ นการอาชีพ การเกษตร วฒั นธรรม เป็นตน้ โดยเฉพาะวทิ ยาการดา้ นอุตสาหกรรมการผลติ ระบบเศรษฐกิจและสงั คมของชาวไตและชาวฮนั่ ในบริเวณน้ี เร่มิ เขา้ สู่ระบบสงั คมแบบการถอืครองกรรมสทิ ธ์ใิ นท่ดี นิ ระบบศกั ดินาและความไมเ่ สมอภาคในสงั คมเกิดข้นึ อย่างรุนแรง ชาวไตถูกกดขจ่ี ากเจา้ ของท่ดี ินทง้ั ในและนอกพ้นื ท่ี ประกอบกบั การปกครองของยุคกว๋อหมนิ ตงั่ ส่งผลใหช้ าวไตในบริเวณดงั กล่าวทกุ ขย์ ากและลาบากมาก แต่การพฒั นาเศรษฐกิจของชาวไตท่เี มอื งเตอ๋ หงและสบิ สองปนั นากลบั ชา้ กว่าทอ่ี ่นื โดยเฉพาะในเขตสบิ สองปนั นา ยงั คงดารงระบบการถอื ครองทด่ี นิ แบบมหี วั หนา้ ชมุ ชนอยู่อยา่ งค่อนขา้ งสมบูรณ์ หลงั การก่อตง้ั สาธารณรฐั ประชาชนจนี ชาวไตก่อตงั้ เขตปกครองตนเองตามเมอื งต่างๆ ดงั น้ี1. ปี 1953 ก่อตง้ั บรเิ วณปกครองตนเองชนเผ่าไตทส่ี บิ สองปนั นา และในปี 1955 ยกระดบัเป็นเขตปกครองตนเองชนเผา่ ไตทส่ี บิ สองปนั นา2. ปี 1953 ชมุ ชนชาวไตทเ่ี มอื งเตอ๋ หงก่อตง้ั เป็นบรเิ วณปกครองตนเอง และยกฐานะเป็นเขตปกครองตนเองเมอื งเต๋ ในปี19563. นบั ตง้ั แต่ปี 1954 ถงึ 1980 ทยอยก่อตง้ั เขตปกครองตนเองเผ่าไต เผ่าลาหู่ เผ่าวา้ ทอ่ี าเภอ เมง่ิ เหลยี น อาเภอปกครองตนเองเผ่าไต เผา่ วา้ ทอ่ี าเภอเกงิ๋ หมา่ อาเภอปกครองตนเองเผา่ อเี๋ ผา่ ไตอาเภอซนิ ผงิ และอาเภอปกครองตนเองเผ่าฮานีเผา่ ไตอาเภอหยวนเจยี ง 4

中 国 的 少 数 民 族 กลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศจีนภาพท่ี 7 ชนเผ่ากลมุ่ นอ้ ยไทใหญ่ ภาพท่ี 8 ชนเผ่ากลมุ่ นอ้ ยไทล้อื นบั แต่นน้ั มา กไ็ ดม้ กี ารดาเนินการเก่ยี วกบั การเปลย่ี นแปลงระบบการถอื ครองกรรมสทิ ธ์ทิ ด่ี ินแบบศกั ดินามาเป็นแบบสงั คมนิยม ทาใหร้ ะบบสงั คมเศรษฐกจิ และวฒั นธรรมเกิดการเปลย่ี นแปลงครง้ั ย่งิ ใหญ่และมคี วามกา้ วหนา้ อย่างรวดเร็ว ระยะเวลา 40 ปีนบั ตงั้ แต่การก่อตง้ั สาธารณรฐั ประชาชนจีนเป็นตน้ มา เกดิ การพฒั นาในเร่ืองการชลประทาน อนั เป็นพ้นื ฐานหลกั ในการพฒั นาการเกษตรของชุมชน รฐั บาลสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตเก่ียวกับเคร่ืองจักรกล และอาหาร โดยเฉพาะ “ชาผูเอ่อร์”(普 洱 茶 Pǔěr chá) เป็นชาท่ปี ลูกโดยชาวไตทม่ี ชี ่อื เสยี งระบอื ไกลไปทวั่ โลก มกี ารทดลองปลูกตน้ ยางพาราในเขตสบิ สองปนั นาไดส้ าเร็จสรา้ งความเจริญทางเศรษฐกจิ และรายไดใ้ หก้ บั ชาวไตอย่างมหาศาล มกี ารทาเหมอื งแร่ อุตสาหกรรมเคร่ืองจกั รกล ไฟฟ้าเคมี เคร่อื งปนั้ ดนิ เผา หนงั กระดาษ เกลอื ชา อาหารสาเรจ็ รูป นา้ ตาล ยาง โรงงานอุตสาหกรรมท่นี ู่เจียง สบิ สองปนั นาและเตอ๋ หงก็ถือเป็นโรงงานอุตสาหกรรมระดบั แนวหนา้ ของมณฑลยูนนาน จานวนการผลิตก็เติบโตข้ึนมาโดยตลอด และเพ่ือรองรบั การเจรญิ เตบิ โตของภาคอตุ สาหกรรม รฐั บาลไดส้ นบั สนุนใหม้ กี ารสรา้ งสถานีกาเนิดไฟฟ้าข้นึ ท่สี บิ สองปนั นาอีกดว้ ย เมอ่ื ความเจริญเขา้มาการเตบิ โตทางภาคอตุ สาหกรรมรุดหนา้ สง่ิ จาเป็นอีกอย่างหน่ึงคือการจราจร รฐั บาลท่มุ งบประมาณมหาศาลเพอ่ื ระบบคมนาคมท่ีสมบูรณ์สู่ดินแดนชาวไต ไม่ว่าจะเป็นถนนหลวง สนามบนิ การศึกษาก็ไดร้ บั การพฒั นาตามไปดว้ ย มกี ารก่อสรา้ งโรงเรียนตงั้ แต่ระดบั ประถมถงึ ขน้ั อดุ มศึกษา โดยใชภ้ าษาไตเป็นหลกั มสี ถานีวทิ ยุภาษาไต หนงั สอื เอกสารตาราทง้ั หลายไดร้ บั การแปลเป็นภาษาไตใชอ้ ย่างกวา้ งขวาง ก่อนการก่อตง้ั สาธารณรฐั ประชาชนจีน ในถ่ินท่ีอยู่อาศยั ของชาวไตท่ีอาศยั อยู่ในพ้ืนท่ีห่างไกลมีโรคระบาดมากมายโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ โรคมาลาเรียและอหวิ าตกโรค ในขณะนน้ั ชาวไตขาดวทิ ยาการทางการแพทยแ์ ละยารกั ษาโรคท่ที นั สมยั ทาใหช้ าวไตประสบปญั หาดา้ นสุขภาพมาก แต่ปจั จบุ นั รฐั บาลสนบั สนุนใหช้ าวไตพฒั นาวทิ ยาการทางการแพทย์ และการใชย้ าทท่ี นั สมยั มกี ารก่อสรา้ งสถานีอนามยั ตามหมบู่ า้ น จนสามารถปราบปรามและป้องกนั โรคดงั กลา่ วได้ คุณภาพชีวติ ของชาวไตเปลย่ี นไปในทางท่ดี ีข้นึปจั จบุ นั ชาวไตจงึ เป็นชนกลมุ่ นอ้ ยทน่ี บั ว่ามคี วามเป็นอยู่ทด่ี ี มฐี านะรา่ รวยมากๆชนเผา่ หน่ึง 5

中 国 的 少 数 民 族 กลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศจนี ศิลปวฒั นธรรม ในดา้ นศิลปวฒั นธรรม ท่โี ดดเด่น ไดแ้ ก่ การนบั ปฏิทินแบบชาวไต ซ่ึงเร่ิมมีมาตง้ั แต่ปี ค.ศ. 638 มตี าราปฏิทินจนั ทรคติมบี นั ทกึ พงศาวดารภาษาไตทจ่ี ารกึ เร่อื งราวทางประวตั ศิ าสตรข์ องชนเผ่า เพลง กลอน นิทาน ตานานมากมาย ชาวไตมวี รรณกรรมขนาดยาวท่ีจดบนั ทกึ ไวม้ ากกวา่ หา้ รอ้ ยเรอ่ื ง ถอื เป็นชนเผา่ ทม่ี อี ารยธรรมและววิ ฒั นาการทางภาษาทโ่ี ดดเด่นมากทส่ี ุดในบรรดาชนกลุม่ นอ้ ยทงั้ หมดของจนีวรรณกรรมทโ่ี ดดเด่นเป็นเร่อื งราวของการกาเนิดพภิ พ เช่นเร่อื ง《布 桑 盖 与 瓦 桑 盖 》Bùsānɡɡài yǔ Wǎsānɡɡài “ป้ซู งั กา้ ยกบั หวา่ ซงั กา้ ย”เร่อื ง《坤 撒 》 Kūnsā “คุณซา”เรอ่ื งราวทเ่ี ก่ยี วกบั บนั ทกึ การทามาหากนิ เช่น เร่อื ง《叭 阿 拉 吾 射 金 鹿 》Bā’ālāwú shè jīnlù “ปาอาลาอูย๋ งิ กวางทอง”นวนิยายองิ ประวตั ศิ าสตร์ เช่นเรอ่ื ง《召 网 香 召 网 朔 》Zhàowǎnɡxiānɡ Zhàowǎnɡshuò “จา้ ววงั เซยี งจา้ ววงั ซวั่ ”เรอ่ื ง《勐 卯 与 景 欠 战 争 史 》Měnɡmǎo yǔ Jǐnɡqiàn zhàn zhēnɡshǐ “ประวตั ศิ าสตรส์ งครามของเหมงิ หมา่ วกบั จง่ิ เชย่ี น”นวนิยายความรกั เช่นเร่อื ง 《朗 鲸 布 》Lǎnɡjīnɡbù “หลา่ งจงิ ปู้”เรอ่ื ง《线 秀 》Xiànxiù “เซย่ี นซว่ิ ”เร่อื งราวเกย่ี วกบั ชวี ติ ชาวไตในสมยั การเปลย่ี นแปลงการปกครอง เช่นเรอ่ื ง 《彩 虹 》Cǎihónɡ “สายรุง้ ”เรอ่ื ง《流 沙 河 之 歌 》Liúshāhé zhī ɡē “บทเพลงแห่งสายนา้ ทราย” 6

中 国 的 少 数 民 族 กลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศจีน ภาพท่ี 9 ระบานกยูง ศิลปะการร่ายราของชาวไตทม่ี ชี ่ือเสยี งเล่อื งลอื อย่าง “ระบานกยูง”(孔 雀 舞 Kǒnɡquèwǔ) ท่เี ลยี นแบบท่าทางการ เคลอ่ื นไหว ราแพนของนกยูงก็สะทอ้ นวฒั นธรรมของชาวไตไดอ้ ย่างชดั เจนและงดงามเช่นกนั เน่ืองจากในบริเวณสบิ สองปนั นา มนี กยูงเป็นจานวนมาก ทง้ั ท่ีเป็นนกยูงป่า และนกยูงเล้ยี ง ชาวไตนบั ถือนกยูงว่าเป็นนางพญาแห่งนก และนบั ถือว่าเป็นสตั ว์ ศกั ด์สิ ทิ ธ์ปิ ระจาชนเผ่า จนกลายมาเป็นสญั ลกั ษณข์ องชาวไตสบิ สองปนั นาอย่างหน่ึง จนไดร้ บั ขนานนามวา่ “ดนิ แดนแห่งนกยูง” ภาพท่ี 10 หหู ลเู ซียว หูหลูเซยี ว(葫 芦 箫 húluxiāo) หรือ หูหลูซือ (葫 芦 丝 húlusī) คือ ขลุ่ยนา้ เตา้ เป็นเคร่ืองดนตรีประเภทเป่าชนิดหน่ึงทเ่ี ป็นเอกลกั ษณอ์ นั โดดเด่นของชาวไต ดว้ ยเสยี งทห่ี วานใส และกงั วาน ราวกบั จะบอกใหร้ ูว้ ่าเป็นเสยี งจากกลุ่มชนท่ีมจี ติ ใจซอ่ื ตรง งดงามและบริสุทธ์ขิ องผูค้ นเผ่าไต หากมโี อกาสเดนิ ทางไปทม่ี ณฑลยูนนานอนั เป็นถน่ิ ท่อี ยู่ของชาวไต กจ็ ะไดย้ นิ เสยี งขลุ่ยนา้ เตา้ อบอวนไปทวั่ ทกุ มมุ เมอื ง นอกจากจะเป็นเคร่อื งดนตรปี ระจาเผ่ากลุ่มนอ้ ยชาวไตในสบิ สองปนั นาแลว้ ดว้ ยความไพเราะของขลุ่ยนา้ เตา้ และความใกลช้ ดิ กนั ของกลุ่มชนเผ่าต่างๆ ทาใหม้ กี ารถ่ายเททางวฒั นธรรมกนั มาตลอด ขลุ่ยนา้ เตา้ จงึ ไดร้ บั ความนิยมชมชอบของชนเผ่ากลมุ่ นอ้ ยแถบภาคตะวนั ตกเฉียงใตข้ องจนี อกี หลายกลมุ่ เช่น ชาวเผ่าอาชาง ชาวเผ่าวา้ และชาวเผ่าจง่ิ โพดว้ ย 7

中 国 的 少 数 民 族 กลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศจีน ชีวติ ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวไต สะทอ้ นถงึ สงั คมแบบศกั ดินาอย่างชดั เจน การแต่งงานจะแต่งกบั คนท่มี รี ะดบั ชน้ั ทางสงั คมเท่าเทยี มกนั การถอื ครองกรรมสทิ ธ์ิท่ีดินเป็นตวั กาหนดระดบั ชนั้ สูงตา่ ทางสงั คม ชายชาวไตท่เี ป็นชนชนั้ สูงสามารถมภี รรยาหลายคนได้ ส่วนชาวบา้ นท่มี รี ะดบั ชนั้ ทางสงั คมตา่ จะมสี ามีภรรยาคนเดียว โดยท่ีบิดามสี ิทธ์ิเด็ดขาดในการเลอื กคู่ครองของลูกสมาชกิ ในครอบครวั ประกอบดว้ ย พ่อแม่และลูกชายลูกสาวทย่ี งั ไมแ่ ต่งงาน หนุ่มสาวชาวไตมอี ิสระในการเลอื กคู่ครอง โดยท่หี นุ่มสาวจะมโี อกาสพบปะกนั ในเทศกาลสาคญั ๆ หรอื ตามงานประเพณีต่างๆ การพบปะกนั เรยี กวา่ “ชวนผูส้ าว” เมอ่ื ตกลงแต่งงานกนั แลว้ชาวไตมธี รรมเนียมการแต่งลูกเขยเขา้ บา้ น ประเพณีงานศพของชาวไต ใชว้ ิธีการฝงั ศพ สุสานฝงั ศพของผูม้ สี ถานภาพทางสงั คมสูงจะแยกออกจากผูม้ สี ถานภาพทางสงั คมตา่ อย่างเคร่งครดั ส่วนศพพระ นกั บวชจะทาพธิ ศี พดว้ ยการเผา แลว้ เกบ็ อฐั บิ รรจใุ นเจดยี ก์ ระเบ้อื งเกบ็ ไวท้ ว่ี ดั การนับถือศาสนาและความเช่ือของชาวไต มีความสมั พนั ธส์ อดคลอ้ งกบั การพฒั นาการของระบบเศรษฐกิจและสงั คมในอดตี ชาวไตบรเิ วณชายแดนนบั ถอื ศาสนาพทุ ธนิกายเถรวาท ในขณะเดยี วกนั ยงั นบั ถอื ผแี ละวญิ ญาณอนั เป็นการนบั ถอื ทส่ี บื ทอดมาจากบรรพบุรุษ ตามชนบทชาวไตสรา้ งวดั พุทธนอ้ ยใหญ่มากมาย โดยเฉพาะท่สี บิ สองปนั นา เด็กชายอายุครบเกณฑต์ อ้ งบวชเณรชายอายุครบพรรษาบวชตอ้ งบวชพระ เพ่อื เรยี นรูพ้ ระธรรม ดงั นนั้ เทศกาล งานประเพณีต่างๆของชาวไตลว้ นมคี วามเก่ียวขอ้ งกบัศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ เทศกาลท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ เทศกาลปิดประตู ,เทศกาลเปิดประตู ,เทศกาลสงกรานต์ เป็นตน้เทศกาลกวานเหมนิ เจีย๋ คือ เทศกาลเขา้ พรรษา จดั ข้นึ ในกลางเดือนมถิ ุนายน ส่วนเทศกาลคายเหมนิ เจีย๋ คือ เทศกาลออกพรรษาจดั ข้นึ ในกลางเดอื นกนั ยายน นบั ตง้ั แต่เทศกาลเขา้ พรรษาถงึ เทศกาลออกพรรษาเป็นระยะเวลาสามเดือน ชาวไตจะเขา้ พรรษา ถอื ศีลเขา้ วดั ไหวพ้ ระฟงั ธรรม จนออกพรรษาจงึ จะกลบั มาใชช้ ีวติ ตามปกติ เทศกาลสงกรานตเ์ ป็นเทศกาลข้นึ ปีใหม่ของชาวไต ในเทศกาลน้ีชาวไตจะสรงนา้ พระ เลน่ สาดนา้ สงกรานต์ แขง่ เรอื อย่างสนุกสนาน ถอื เป็นเทศกาลทม่ี คี วามสาคญั มากของชาวไต ภาพท่ี 11 การระบาคู่ 8

中 国 的 少 数 民 族 กลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศจีน ภาพท่ี 12 การแตง่ กาย วฒั นธรรมการแตง่ กายของชาวไต คือ ชายสวมเส้อื ผ่าอกไมม่ ปี กแขนยาวหรอื สนั้ สวมกางเกงขากวา้ ง ฤดูหนาวคลุมทบัดว้ ยผา้ สกั หลาด พนั ศีรษะดว้ ยผา้ ขาวหรือเขยี ว นอกจากน้ีชายชาวไตนิยมสกั ลวดลายตามร่างกาย เด็กชายเมอ่ื อายุสบิ เอด็ สิบสองปีจะเชญิ ผูม้ อี าคมมาสกั ยนั ตรต์ ามร่างกาย ลวดลายท่นี ิยมสกั ไดแ้ ก่ ลายจาพวกสตั ว์ ดอกไม้ หรอื อกั ขระภาษาไต เพศหญิงสวมเส้อื แขนกระบอก หรอื เส้อื แขนสนั้ นุ่งผา้ ถงุ ชาวไตทส่ี บิ สองปนั นาสวมเส้อื รดั รูปสขี าวหรอื สลี ายดอก นุ่งผา้ ถงุ สฉี ูดฉาด หญิงชาวไตทเ่ี มอื งหมาง(芒 市 Mánɡshì) ก่อนแต่งงานจะสวมเส้อื ผ่าอกรดั รูปแขนสน้ั สอี ่อน กางเกงทรงยาวขากวา้ ง พบั ทบชายพกทเ่ี อว เมอ่ื แต่งงานแลว้ เปลย่ี นมาสวมเส้อื แขนกระบอกนุ่งผา้ ถงุ สดี า ดว้ ยการแต่งกายทม่ี สี สี นั ฉูดฉาดเป็นเอกลกั ษณ์น่ีเอง ชนกลุ่มอน่ื มกั เรยี กชาวไตวา่ ชาวไตเอวดอกไม้ ไตแขนกระบอก เป็นตน้ 9

中 国 的 少 数 民 族 กลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ นประเทศจนี แหลง่ อา้ งองิรองศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดสอ่ งกฤษ .(2553). 傣族 ชนกลมุ่ นอ้ ยเผา่ ไต .[เวบ็ บลอ็ ก].สบื คน้ จาก https://metchs.blogspot.com/2011/11/8.htmlJAIJAINOI .ไทใหญ่Vsไทนอ้ ย .[เวบ็ บลอ็ ก].สบื คน้ จาก https://board.postjung.com/638312.htmlMontri Punyafu .ชาตพิ นั ธุไ์ ตในลา้ นนา.[เวบ็ บลอ็ ก].สบื คน้ จาก https://board.postjung.com/891414.html 10


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook