46 พบว่า ยังมีข้อบกพร่องก็จะนาไปปรับปรงุ แก้ไขจนทาให้การเรียนรู้จากชดุ กิจกรรมการเรียนรูน้ น้ั บรรลวุ ัตถุประสงคท์ ว่ี างไว้ 10. การใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีผ่านการทดลอง หาประสิทธิภาพและปรับปรุงแล้วจึงจะสามารถนาไปใช้ในห้องเรียนปกติได้ โดยจะมีขั้นตอน ตา่ ง ๆ ในการใชด้ ังนี้คือ 10.1 ผู้เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อพิจารณาความรู้พื้นฐานของ ผู้เรยี นก่อนเรียนเนอ้ื หาน้ัน ๆ 10.2 ขน้ั นาเข้าสู่บทเรียน 10.3 ข้ันประกอบกิจกรรมการเรยี นการสอน 10.4 ข้นั สรปุ บทเรียน 10.5 ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน เพ่ือพิจารณาว่าผู้เรียนบรรลุ วัตถปุ ระสงค์ของการเรียนการสอนมากนอ้ ยเพียงใด จากทรรศนะของนักการศึกษาดังกล่าวได้เสนอข้ันตอนในการสร้างชุดกิจกรรม การเรียนรู้ไว้หลายข้ันตอน สาหรับการศึกษาค้นคว้าคร้ังน้ี ผู้รายงานได้จัดลาดับข้ันตอนในการ สรา้ งชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ ดงั น้ี 1. กาหนดเนอ้ื หา เรอ่ื ง ท่ีจะนามาสรา้ งเป็นชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 2. กาหนดหน่วยการสอน โดยแบ่งเน้ือหาออกเป็นหน่วยย่อย ๆ ให้ เหมาะสมกบั เวลาทีก่ าหนด 3. กาหนดหวั เรือ่ ง โดยแบ่งเน้อื หาของหน่วยการสอนใหย้ ่อยลงมา 4. กาหนดความคดิ รวบยอดใหส้ อดคล้องกับหน่วยและหัวเรือ่ ง 5. กาหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความคิดรวบยอดและ ครอบคลมุ เนือ้ หาสาระของการเรียนรู้ 6. กาหนดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องและเหมาะสมกับ จุดประสงค์ 7. กาหนดแบบการวัดและประเมนิ ผล ซงึ่ สอดคลอ้ งกับจุดประสงค์ 8. เลือกและผลิตสื่อการสอน ที่สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนการสอน เนอื้ หาสาระ และการประเมนิ ผล 9. หาประสทิ ธภิ าพของชดุ กิจกรรมการเรียนรฉู้ บับรา่ ง 10. ทดลองใช้และหาประสิทธิภาพข้ันสุดท้าย 4.6 ประโยชนข์ องชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีประโยชน์ต่อการเพิ่มคุณภาพการเรยี นรู้ในกระบวนการ เรยี นการสอนเปน็ อยา่ งมาก มีนักการศึกษาได้กลา่ วถงึ ประโยชน์ของชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ ดงั น้ี บุญเก้ือ ควรหาเวช (2543 : 110 - 111) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของชุด กจิ กรรมการเรียนรไู้ วด้ งั นี้
47 1. สง่ เสรมิ การเรยี นแบบรายบุคคล ผเู้ รยี นเรยี นไดต้ ามความสามารถ ความ สนใจ ตามเวลาและโอกาสทเ่ี หมาะสมของแต่ละคน 2. ช่วยขจัดปัญหาการขาดแคลนครู เพราะชุดกิจกรรมการเรียนรู้ช่วยให้ ผเู้ รยี นเรยี นไดด้ ้วยตนเองหรือต้องการความช่วยเหลอื จากผู้สอนเพยี งเล็กน้อย 3. ช่วยในการศึกษานอกระบบโรงเรียน เพราะผู้เรียนสามารถนาเอาชุด กจิ กรรมการเรียนรู้ไปใช้ไดท้ กุ สถานทีแ่ ละทุกเวลา 4. ชว่ ยลดภาระและช่วยสร้างความพรอ้ มและความม่นั ใจให้แก่ครู 5. เปน็ ประโยชนใ์ นการสอนแบบศนู ยก์ ารเรียน 6. ชว่ ยให้ครวู ัดผลผู้เรียนไดต้ รงตามความมุ่งหมาย 7. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น ฝึกการตัดสินใจ แสวงหา ความรดู้ ว้ ยตนเอง และมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเองและสงั คม 8. ชว่ ยให้ผ้เู รยี นจานวนมากไดร้ บั ความรู้แนวเดยี วกนั อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 9. ชว่ ยฝึกให้ผูเ้ รียนรจู้ ักเคารพ นับถือ ความคดิ เหน็ ของผู้อน่ื สุวิทย์ มูลคา และ อรทัย มูลคา (2545 : 57) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของชุด กิจกรรมการเรียนรไู้ ว้ดงั นี้ 1. ส่งเสริมการเรียนเป็นรายบุคคล โดยผู้เรียนสามารถเรียนได้ตาม ความสามารถ ความสนใจ ตามเวลาและโอกาสทเี่ หมาะสมของแต่ละคน 2. แก้ปัญหาการขาดแคลนครูผู้สอน เพราะชุดกิจกรรมการเรียนรู้ช่วยให้ ผูเ้ รียนสามารถเรยี นได้ดว้ ยตนเอง และตอ้ งการความช่วยเหลือจากผู้สอนเพยี งเล็กนอ้ ย 3. ส่งเสริมการจัดการศึกษานอกโรงเรียนและการจัดการศึกษาตลอดชีวิต เพราะผเู้ รยี นสามารถนาเอาชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ไปใช้ได้ทุกสถานท่ีและทกุ เวลาไมจ่ ากดั ชนั้ เรยี น 4. สรา้ งความม่ันใจและชว่ ยลดภาระของผู้สอน 5. ผู้เรยี นสามารถแสวงหาความรไู้ ด้ด้วยตนเอง มโี อกาสฝกึ การตดั สนิ ใจและ การทางานร่วมกบั กลมุ่ 6. ช่วยให้ผเู้ รยี นจานวนมากไดร้ ับความรแู้ นวเดยี วกันอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ จากทรรศนะของนักการศึกษาดังกล่าว สามารถสรุปได้ว่า ชุดกิจกรรมการ เรียนรู้เป็นส่ือท่ีช่วยครูผู้สอนในการถ่ายทอดเนื้อหาวิชาไปสู่ผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วย ตอบสนองความต้องการและความสามารถของผู้เรียนแต่ละบุคคลท่ีแตกต่างกัน เพ่ือให้ผู้เรียน บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ ซ่ึงชุดกิจกรรมการเรียนรู้แต่ละประเภท จะมี คาแนะนาวิธีการใช้และการทากิจกรรมต่างๆ เป็นไปอย่างมีระบบ มีขั้นตอนจากง่ายไปสู่ยาก และที่สาคัญ คือ ประกอบด้วยสื่อการสอนหลายๆ ชนิดท่ีสอดคล้องกับเน้ือหา อันจะส่งผลให้ ผู้เรียนเข้าใจได้ดี และรวดเร็วย่ิงข้ึน ทาให้ผู้เรียนประสบความสาเร็จได้ด้วยตนเอง และเป็นไป ในแนวทางเดยี วกัน ทง้ั นีเ้ พราะชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ไดม้ ีการกาหนดจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมท่ี แน่นอนและชัดเจนในการที่จะให้ผู้เรียนทากิจกรรมและแสดงพฤติกรรมเป็นไปตามเป้าหมายท่ี
48 ต้องการจะประเมิน นอกจากนี้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ยังช่วยลดภาระให้ครู ทาให้ครูมีเวลาใน การเตรยี มการสอนและศกึ ษาคน้ ควา้ หาความร้เู พิม่ เติม เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพของครู 4.7 การหาประสทิ ธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ในการสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้นั้น จะต้องมีการทดสอบผลของการใช้ชุด กิจกรรมการเรียนรู้ให้ได้มาตรฐานเสียก่อนจึงจะนาไปใช้ในการเรียนการสอนจริง โดยกาหนด ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไว้ คือ เนื้อหาที่เป็นข้อเท็จจริง เกณฑ์ท่ีต้ังไว้ไม่ต่ากว่า 80/80 ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2544 : 130 - 133) ไดก้ ลา่ วถึงการหาประสิทธภิ าพของ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรไู้ ว้ดงั นี้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผลิตข้ึนใช้ในโรงเรียนแต่ละหัวเร่ืองน้ันนับว่ามีคุณค่า อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นหลักประกันว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้น้ันดีมีคุณภาพ จะต้องผ่านการ ตรวจสอบและวิเคราะห์คุณลักษณะที่เป็นเกณฑ์ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้แต่ละ ประเภทเสียกอ่ น การประเมินประสิทธิภาพมดี ว้ ยกัน 2 ลักษณะ คอื 1. ประเมินโดยผู้ชานาญการ เป็นการนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผลิตข้ึนไป ให้ผู้เชี่ยวชาญเก่ียวกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นผู้ประเมิน ซึ่งมักเป็นคุณลักษณะทางกายภาพ เช่น ความถูกต้องเชิงเนื้อหา การผลิต การใช้ คุณภาพของส่ือ การออกแบบ เป็นต้น ผู้ชานาญการที่จะประเมินอาจประกอบด้วย ผู้ชานาญด้านเนื้อหา ผู้ชานาญด้านเทคโนโลยีทาง การศึกษา ผชู้ านาญดา้ นการวัดผลและประเมินผล 2. การประเมินประสิทธิภาพการเรียนรู้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้จะมีคุณค่า ต่อเมื่อนาไปสอนนักเรียนแล้วนักเรียนเกิดการเรียนรู้สูงขึ้นตามเกณฑ์ประสิทธิภาพท่ีกาหนด ดังนั้น การประเมินประสิทธิภาพ จึงต้องนาสื่อการสอนไปใช้ทดลองกับนักเรียนในระดับที่ระบุ ในสื่อนั้น การทดลองต้องทาหลาย ๆ คร้ัง และนักเรียนมีจานวนมากที่ต่างสภาพแวดล้อมจึงจะ ได้ผลเปน็ มาตรฐานทวั่ กนั การประเมินผลประสิทธภิ าพชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ ถ้าเป็นส่ือเดีย่ วผู้ผลิตส่ือการ สอนน้ันจะต้องสร้างแบบทดสอบขณะเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียน เพ่ือจะใช้เป็น เครื่องมือในการตรวจสอบประสิทธิภาพด้วย ส่วนส่ือการสอนที่เป็นส่ือประสมซ่ึงมีแบบทดสอบ อยู่แล้ว เมื่อนาไปทดลองใช้จะนาผลของการทาแบบทดสอบต่าง ๆ มาคานวณประสิทธิภาพได้ เลย สาหรับการประเมินประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ในเร่ืองการเรียนร้มู ี นักการศึกษาคือ ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2544 : 134 - 135) ได้กล่าวถึงความจาเปน็ ที่จะต้อง หาประสทิ ธิภาพของชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ สรุปไดด้ ังนี้ 1. เป็นการประกันคุณภาพของชดุ กิจกรรมการเรยี นรูว้ ่าอยู่ในขั้นสูงเหมาะสม ทีจ่ ะลงทนุ ผลติ ออกมาเปน็ จานวนมาก
49 2. เป็นการช่วยให้ได้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีคุณค่าทางการสอนจริงตาม เกณฑ์ทก่ี าหนดไว้ 3. ทาให้ผู้ผลิตมั่นใจได้ว่าเนื้อหาสาระที่บรรจุลงในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เหมาะสมงา่ ยต่อการเขา้ ใจ นอกจากนี้ ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2544 : 49 - 52) ได้กาหนดเกณฑ์การ ประเมินประสทิ ธภิ าพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไวด้ งั น้ี การกาหนดเกณฑ์การประเมินประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ต้อง คานงึ ถงึ กระบวนการและผลลพั ธ์ โดยกาหนดตัวเลขเปน็ ร้อยละของคะแนนเฉล่ยี มคี ่าเปน็ E1/E2 E1 คือ คา่ ประสิทธิภาพของกระบวนการ คิดเปน็ รอ้ ยละของคะแนนท่ีนักเรียน ไดร้ ับโดยเฉลย่ี จากการทาแบบฝกึ หัดและการประกอบกจิ กรรม E2 คือ ค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (พฤติกรรมที่เปลี่ยนในตัวนักเรียนหลัง เรียน) คิดเปน็ รอ้ ยละของคะแนนทน่ี กั เรยี นไดร้ ับจากการทดสอบหลังเรียน การกาหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ โดยปกติเนื้อหาท่ีเป็น ความรู้ ความจา มกั จะต้ังไว้ 80/80 85/85 หรือ 90/90 สว่ นเนอ้ื หาท่ีเป็นทักษะอาจตั้ง ไวต้ า่ กวา่ นี้ เช่น 75/75 การทดสอบประสิทธิภาพโดยใช้สูตรดังกล่าวข้างต้น ต้องดาเนินการเป็นข้ันตอน ดงั น้ี 1. แบบเดีย่ ว (1 : 1) นาชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ไปทดลองใช้กับนักเรียนจานวน 1 - 3 คน โดยทดลองกับนักเรยี นเก่ง ปานกลาง และออ่ น การทดลองแตล่ ะครัง้ ตอ้ งปรับปรุง สื่อใหด้ ีข้ึน 2. แบบกลุ่ม (1 : 10) นาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ปรับปรุงแล้วไปทดลองกับ นกั เรยี นจานวน 4 - 6 คน ท่ีมคี วามสามารถคละกนั แลว้ ทาการปรับปรงุ ใหด้ ีข้นึ 3. ภาคสนาม (1 : 100) นาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไปทดลองใช้ในชั้นเรียนท่ีมี นักเรียนต้ังแต่ 30 - 100 คน หากการทดสอบภาคสนามให้ค่า E1 และ E2 ไม่ถึงเกณฑ์ ที่ตงั้ ไว้จะตอ้ งปรับปรงุ ชุดกิจกรรมการเรียนร้แู ละทาการทดสอบหาประสทิ ธิภาพซา้ อีก ในกรณีประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นไม่ถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เน่ืองจากมีตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ เช่น สภาพห้องเรียน ความพร้อมของนักเรียน บทบาท และ ความชานาญในการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ของครู เปน็ ตน้ ใหม้ ีระดบั ผิดพลาดได้ตา่ กว่าเกณฑ์ ทีก่ าหนด 2.5 จากหัวข้อกาหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพ ในการศึกษาค้นคว้าคร้ังน้ีผู้รายงานได้ กาหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไว้ 80/80 ระดับผิดพลาดได้ต่ากว่า ท่ีกาหนด 2.5 การหาค่า E1 และ E2 ของชุดกิจกรรมการเรยี นรูท้ ่ีสร้างข้ึน คานวณค่าทาง สถิติโดยใช้สตู รตอ่ ไปนี้
50 สตู รท่ี 1 E1 = X หรอื x 1X00 N x 100 A A เม่อื E1 หมายถึง ประสทิ ธิภาพของกระบวนการในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ X หมายถงึ คะแนนรวมของนักเรยี นจากแบบทดสอบประจาหน่วย N หมายถงึ จานวนนักเรยี น A หมายถึง คะแนนเต็มของแบบทดสอบประจาหน่วย สูตรท่ี 2 E2 = F หรอื F x 100 N x 100 B B เมอื่ E2 หมายถงึ ประสิทธิภาพของชดุ กิจกรรมการเรียนร้ใู นการเปลยี่ น พฤติกรรมของผูเ้ รยี น F หมายถงึ คะแนนรวมของแบบทดสอบหลงั เรยี น N หมายถงึ จานวนนักเรียน B หมายถงึ คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลงั เรียน ประสทิ ธิภาพของชุดกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ีสร้างขึ้นกาหนดไว้ 3 ระดับ คือ 1. สูงกว่าเกณฑ์ เมื่อประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้สูงกว่าเกณฑ์ที่ต้ัง ไว้มคี า่ เกนิ รอ้ ยละ 2.5 ขน้ึ ไป 2. เท่าเกณฑ์ เม่ือประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้เท่ากับหรือสูงกว่า เกณฑท์ ี่ตง้ั ไวแ้ ต่ไม่เกนิ ร้อยละ 2.5 3. ต่ากว่าเกณฑ์ เมื่อประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ต่ากว่าเกณฑ์ แต่ ไม่ต่ากว่ารอ้ ยละ 2.5 ถือวา่ ยงั มปี ระสทิ ธภิ าพทีย่ อมรบั ได้ 5. ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น 5.1 ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ภัทรา นิคมานนท์ (2543 : 88 - 89) กล่าวว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ หมายถึง แบบทดสอบที่ใช้วัดปริมาณความรู้ความสามารถ ทักษะเก่ียวกับด้านวิชาการท่ีได้ เรียนรู้มาในอดีตว่ารับรู้ได้มากน้อยเพียงไร โดยท่ัวไปแล้วมักใช้วัดหลังจากทากิจกรรมเรียบร้อย แลว้ เพื่อประเมินการเรียนการสอนว่าได้ผลอยา่ งไร
51 สุทธิรัตน์ เลิศจตุรวิทย์ (2543 : 43) กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ผลของการเรียนการสอนท่ีรวมถึงความรู้ความสามารถในการเรียนไวด้ ้วยกันและแสดง ออกเป็นพฤตกิ รรมไวท้ ัง้ 3 ดา้ น ได้แก่ พุทธพิ ิสัย จติ พิสยั และทักษะพิสัย มัณฑนา ฟักขาว (2549 : 36) กล่าวว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง คุณลักษณะหรือความสามารถทางสมองของบุคคลท่ีพัฒนาข้ึน ทั้งทางด้านความรู้ ความจา และทกั ษะ ความรสู้ กึ และค่านยิ ม ซง่ึ ได้จากการเรยี นรปู้ ระสบการณแ์ ละสิง่ แวดลอ้ มตา่ งๆ สรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความสามารถและคุณลักษณะ ทางการเรียนของแต่ละบุคคลจากการได้รับประสบการณ์ภายใต้ส่ิงแวดล้อมต่างๆ ในการพัฒนา สมอง ดา้ นความรู้ ความจาและทกั ษะตา่ งๆ 5.2 การวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น ตามแนวคิดของบลูม (Bloom. 1982 : 45) ถือว่าสิ่งใดก็ตามท่ีมีปริมาณอยู่ จริง ส่ิงน้ันสามารถวัดได้ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก็อยู่ภายใต้กรอบแนวคิดดังกล่าว ซ่ึงผลการ วดั จะเป็นประโยชน์ในลกั ษณะทราบและประเมนิ ระดับความรู้ ทกั ษะและเจตคติของนักเรียน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2548 : 3 - 16) ได้นา การวดั ผลดา้ นพุทธิพสิ ัยมาใชส้ าหรับวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามแนวคิดของคลอพเฟอร์ (Klopfer) มาปรับปรงุ โดยได้จาแนกพฤติกรรมการเรยี นรูด้ า้ นพทุ ธิพิสยั ดังน้ี 1. ด้านความรู้ความจา (Knowledge) 2. ดา้ นความเข้าใจ (Comprehension) 3. ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Science Process Skilla) 4. ด้านการนาความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ (Application) ด้านความรู้ความจา หมายถึง ความสามารถในการระลึกถึงสิ่งที่เคยเรียนรู้ มาแล้วเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ศัพท์ นิยาม มโนทัศน์ ข้อตกลง การจัดประเภท เทคนิควิธีการ หลักการ กฎ ทฤษฎี และแนวคดิ ท่ีสาคัญ ๆ ทางวทิ ยาศาสตร์ นักเรียนทม่ี คี วามสามารถในด้าน นี้จะแสดงออกโดยสามารถให้คาจากัดความหรือนิยามเล่าเหตุการณ์ จดบันทึก เรียกช่ือ อ่าน สญั ลักษณ์และระลึกถงึ ขอ้ สรปุ ได้ ด้านความเข้าใจ หมายถึง ความสามารถในการอธิบาย แปลความ ตีความ สร้างข้อสรปุ ขยายความ นักเรยี นท่มี ีความสามารถดา้ นนีจ้ ะแสดงออกโดยสามารถเปรียบเทียบ แสดงความสัมพันธ์ อธิบาย ช้ีแจง จาแนก จัดหมวดหมู่ ยกตัวอย่าง ให้เหตุผล จับใจความ เขียนภาพประกอบ ตัดสินใจเลือก แสดงความคิดเห็น จัดเรียงลาดับ อ่านกราฟ แผนภูมิและ ภาพได้ ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สาหรบั การเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์ ประกอบด้วย การสงั เกตและการวดั การมองเหน็ ปัญหา และวิธีการแก้ปัญหา การตีความหมายข้อมูลและการสรุป การสร้าง การทดสอบและการ ปรบั ปรงุ จาลอง
52 ดา้ นการนาความร้แู ละกระบวนการทางวิทยาศาสตรไ์ ปใช้ หมายถงึ ความสามารถ ในการผสมผสานความร้แู ละนากระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์มาใช้ในการแก้ปญั หาต่าง ๆ สมนึก ภัททิยธนี (2546 : 73 - 83) กล่าวว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน อาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ แบบทดสอบที่ครูสร้างกับแบบทดสอบ มาตรฐาน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ประเภทที่ครูสร้างมีหลายแบบ แต่ท่ี นิยมใช้มี 6 แบบ ดังนี้ 1. ข้อสอบแบบอัตนัยหรือความเรียง (Subjective or Essay Test) เป็น ข้อสอบที่มีเฉพาะคาถาม แล้วให้นักเรียนเขียนตอบอย่างเสรี เขียนบรรยายตามความรู้และ ข้อคดิ เหน็ ของแต่ละคน ขอ้ ดีของขอ้ สอบแบบอตั นยั หรอื บรรยาย 1) สามารถวัดพฤติกรรมต่าง ๆ ได้ทุกด้าน โดยเฉพาะพฤติกรรมด้าน การสงั เคราะห์ 2) ผตู้ อบไดม้ ีโอกาสแสดงความคิดเหน็ หรอื เจตคติของคน 3) โอกาสในการตอบเดาโดยไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นแล้วได้คะแนนมีน้อย มาก 4) วัดความสามารถในการเขยี นและส่งเสริมการใช้ภาษาได้เปน็ อยา่ งดี ข้อจากัดของข้อสอบอตั นยั หรือบรรยาย 1) ออกคาถามวดั ได้น้อยข้อ เนอ่ื งจจากแต่ละข้อจะต้องใช้เวลาตอบนาน จงึ วดั ได้ไมค่ ลมุ หลกั สูตรหรือเน้ือหาสาระท่ีสาคัญ 2) การตรวจให้คะแนนมักจะมีความคลาดเคล่ือนมาก ควบคุมให้เกิด ความยตุ ธิ รรมไดย้ าก 3) ไม่เหมาะที่จะใช้สอบกับนักเรียนจานวนมาก ๆ เพราะใช้เวลาในการ ตรวจ 4) ลายมือของผู้ตอบและประสิทธิภาพในการเขียนบรรยายอาจจะมีผล ตอ่ คะแนน 2. ข้อสอบแบบกาถูก - ผิด (True - false Test) คือ ข้อสอบแบบ เลือกตอบทมี่ ี 2 ตวั เลือก แต่ตวั เลือกดังกล่าวเปน็ แบบคงท่แี ละมคี วามหมายตรงกนั ข้าม ข้อดีของข้อสอบแบบกาถูก – ผิด 1) สร้างไดง้ า่ ย สะดวก รวดเร็ว 2) ถามไดจ้ านวนมากข้อและครอบคลุมเนือ้ หา 3) ใช้เวลาในการสอบนอ้ ย 4) ตรวจใหค้ ะแนนไดง้ ่ายและยุตธิ รรม กลา่ วคอื ตรวจคะแนน ไดต้ รงกันไมว่ ่าใครตรวจก็ตาม
53 ขอ้ จากดั ของข้อสอบแบบกาถูก - ผิด 1) ในบางวชิ าเป็นการยากทีจ่ ะสรา้ งข้อความท่เี ปน็ จริงหรอื เปน็ เท็จ โดยสมบรู ณ์ ซ่งึ ถา้ ไมถ่ ามกจ็ ะขาดเนื้อหาตอนนน้ั 2) มกั วดั พฤติกรรมด้านความรู้ความจามากกวา่ ด้านอน่ื 3) ไม่สามารถชี้จุดอ่อนของการเรียนได้อย่างแท้จริง จึงใช้ในการวินิจฉัย ไมไ่ ด้ 4) โอกาสท่ีตอบโดยการเดาแล้วถูกได้คะแนนมีมากกว่าข้อสอบชนิดอ่นื ๆ จึงไมเ่ หมาะทีจ่ ะนาไปใชว้ ัดโดยทวั่ ๆ ไป 3. ข้อสอบแบบเติมคา (Completion Test) เป็นข้อสอบที่ประกอบด้วย ประโยคหรือข้อความทีย่ ังไมส่ มบรู ณแ์ ล้วใหผ้ ู้ตอบเติมคาหรือประโยคหรือข้อความลงในชอ่ งว่างที่ เว้นไวน้ ้นั เพ่อื ใหม้ ใี จความสมบูรณแ์ ละถกู ตอ้ ง ข้อดีของข้อสอบแบบเติมคา 1) สรา้ งได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว 2) สามารถสรา้ งคาถามวัดในเรื่องหน่ึง ๆ ไดห้ ลายข้อ 3) โอกาสเดาโดยไม่มีความรู้แลว้ ได้คะแนนมนี ้อยมาก ขอ้ จากัดของข้อสอบแบบเติมคา 1) มักจะวัดความรู้ความจาเพียงอย่างเดียว ไม่ได้วัดสมรรถภาพสมองท่ี ลึกกวา่ น้ี 2) ถ้าส่วนท่ีต้องเติมมีหลายเร่ืองหรือหลายประโยคจะไม่เหมาะในการ สรา้ งข้อสอบแบบเตมิ คา เพราะการเวน้ ท่ีอาจแนะคาตอบแกน่ ักเรียนได้ 3) ถา้ ขียนข้อความหรือประโยคนาไม่ดี ผ้ตู อบจะตอบไปคนละทิศละทาง เพราะเขา้ ใจไม่ตรงกัน 4. ข้อสอบแบบตอบสน้ั ๆ (Short Answer Test) ข้อสอบประเภทน้ีคล้าย กับข้อสอบแบบเติมคา แต่แตกต่างกันที่ข้อสอบแบบตอบสั้น ๆ เขียนเป็นประโยคคาถาม สมบูรณ์ (ข้อสอบเติมคาเป็นประโยคหรือข้อความท่ียังไม่สมบูรณ์) แล้วให้ผู้ตอบเป็นคนเขียน ตอบ คาตอบท่ีต้องการจะส้ันและกะทัดรัดได้ใจความสมบูรณ์ไม่ใช่เป็นการบรรยายแบบข้อสอบ อตั นยั หรอื ความเรยี ง ข้อดีของข้อสอบแบบตอบสั้นๆ 1) เดาคาตอบได้ยากเพราะต้องเขียนคาตอบ 2) เหมาะที่จะวัดพฤติกรรมด้านความรู้ความจาหรือให้จาข้อความทุก ประโยค ทุกคาพดู หรือความรู้เกี่ยวกับ กฎ นิยาม ทฤษฎี หลกั การ 3) สามารถวัดข้อเท็จจริงในเนื้อหาวิชาท่ีเสนอในรูปแผนท่ี รูปภาพ รูป จาลองต่างๆ
54 ข้อจำกดั ของข้อสอบแบบตอบส้ัน ๆ 1) มีปัญหาในการตรวจให้คะแนน เพราะคาตอบที่ผู้เรียนเขียนตอบน้ัน อาจจะมีผิดพลาดเล็กน้อยด้านภาษา ทาให้ไม่ได้คะแนนหรือได้คะแนนเป็นบางส่วน ท้ังๆ ท่ี นกั เรยี นมีความรใู้ นเรอ่ื งน้ัน 2) การเขียนคาตอบให้จาเพาะเจาะจงและมีคาตอบเพียงคาตอบเดียว จรงิ ๆ ทาได้ยากและต้องใช้เวลาสร้างมาก 3) มักจะถามได้เฉพาะพฤติกรรมท่ีเกี่ยวกับความรู้ ความจา ผู้ตอบไม่ สามารถแสดงความคดิ ไดเ้ ต็มที่ 5. ข้อสอบแบบจับคู่ (Matching Test) เป็นข้อสอบเลือกตอบชนิดหน่ึง โดยมีคาหรือข้อความแยกออกจากกันเป็น 2 ชุด แล้วให้ผู้ตอบเลือกจับคู่ว่าแต่ละข้อความใน ชุดหนง่ึ (ตัวยนื ) จะคกู่ บั คาหรือข้อความใดในอกี ชุดหน่งึ (ตวั เลอื ก) ซึ่งมีความสัมพันธ์กนั อย่าง ใดอยา่ งหน่ึง ตามทีผ่ ูอ้ อกข้อสอบกาหนดไว้ ข้อดีของข้อสอบแบบจับคู่ 1) สรา้ งได้ง่าย สะดวก รวดเรว็ 2) เหมาะท่จี ะนาไปวัดความจาหรือความจริงตามท้องเร่ือง 3) ตรวจให้คะแนนได้ง่ายและยุติธรรม กล่าวคือ ตรวจให้คะแนนได้ ตรงกนั ไมว่ า่ ใครตรวจกต็ าม ขอ้ จำกดั ของข้อสอบแบบจบั คู่ 1) ข้อสอบมักจะไมเ่ ปน็ เอกพันธ์ 2) ไมส่ ามารถวดั พฤติกรรมประเภทความคิดสร้างสรรค์ 3) เปดิ โอกาสใหไ้ ด้คะแนนโดยการเดาค่อนข้างสูง 4) ไม่เหมาะท่ีจะนาข้อสอบชนิดนี้ไปสร้างข้อสอบจานวนมากๆ ข้อหรือ นาไปวัดให้ครอบคลุมทกุ เนอื้ หา 6. ขอ้ สอบแบบเลือกตอบ (Multiple Choice Test) คาถามแบบเลือกตอบ โดยท่ัวไปจะประกอบด้วย 2 ตอน คือ ตอบนาหรือคาถาม (Stem) กับตอบเลือก (Choice) ใน ตอนเลอื กนี้จะประกอบดว้ ยตัวเลือกท่ีเป็นคาตอบถูกและตวั เลือกท่เี ปน็ ตวั ลวง ปกติจะมคี าถามท่ี กาหนดให้นักเรียนพิจารณา แล้วหาตัวเลือกที่ถูกต้องมากที่สุดเพียงตัวเลือกเดียวจากตัวเลือก อ่ืนๆ และคาถามแบบเลือกตอบที่ดี นิยมใช้ตัวเลือกที่ใกล้เคียงกัน ดูเผินๆ จะเห็นว่าทุกตัวเลือก ถกู หมด แต่ความจรงิ มีนา้ หนักถูกมากน้อยแตกต่างกัน ขอ้ ดีของข้อสอบแบบเลอื กตอบ 1) มีความเท่ียงตรงสูง เพราะสามารถเขียนคาถามวัดได้ครอบคลุมทุก เนือ้ หา และทกุ พฤตกิ รรมของด้านพุทธพิ ิสัย 2) ตรวจใหค้ ะแนนไดง้ ่าย สะดวก รวดเร็ว และยตุ ิธรรม 3) สามารถนามาวเิ คราะห์และปรับปรงุ ให้ดีย่งิ ข้ึนจนเป็นมาตรฐานได้ 4) ตดั ปัญหาเร่อื งการอ่านเนื่องจากลายมือผูต้ อบอ่านยาก
55 5) สามารถวินิจฉัยข้อบกพร่องหรือความไม่เข้าใจในเนื้อหาได้อย่างเป็น ระบบ ขอ้ จำกดั ของข้อสอบแบบเลอื กตอบ 1) ส้ินเปลืองคา่ ใช้จา่ ยสูง 2) ใชเ้ วลาในการสรา้ งมาก โดยเฉพาะการเขียนตัวลวงใหม้ คี ุณภาพ 3) ไม่เหมาะที่จะวดั ความคิดริเรมิ่ สรา้ งสรรค์ ส่วนสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2546 : 7) กล่าวว่า การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มีกระบวนการทางานอย่างเป็นระบบท่ี ประกอบด้วย การกาหนดจุดมุ่งหมายและวธิ กี ารวัดผลประเมนิ ผล การสร้างเคร่ืองมือ และการ ดาเนนิ การตามทว่ี างแผนไว้ การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนที่เริ่มจากการกาหนด จดุ มุ่งหมายดา้ นตา่ ง ๆ ซึง่ อาจประกอบดว้ ย ความรู้ความคดิ กระบวนการเรียนรู้ เจตคติ และ โอกาสในการเรียนรู้ ต่อจากน้ันจึงกาหนดวิธีการวัดผลประเมินผลท่ีหลากหลายทั้งการประเมิน จากการทดสอบด้วยขอ้ สอบ และการประเมนิ ตามสภาพจริงจากการปฏิบัติงาน และผลงานของ ผู้เรียน ท้ังน้ีจะต้องกาหนดเกณฑ์ท่ีสามารถนาไปใช้ประเมินได้อย่างเที่ยงตรงและนามาตัดสิน ระดบั คุณภาพเพ่ือสรุปความกา้ วหน้าและผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น สมศักด์ิ ภู่วิภาดาวรรธน์ (2544 : 93) กล่าวว่า การประเมินตามสภาพจริง เป็นวิธีการที่ออกแบบมาเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมและทักษะที่จาเป็นของนักเรียนใน สถานการณ์ที่เป็นจริงแห่งโลกปัจจุบัน เป็นงานท่ีนักเรียนแสดงออกในภาคปฏิบัติ (performance) เป็นกระบวนการเรียนรู้ (process) ผลผลิต (product) และแฟ้มสะสมงาน (portfolio) เป็นการประเมินที่ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลายวิธี ตลอดช่วงระยะเวลา หนึง่ เพื่อตรวจสอบคณุ ภาพของงานหรือของโปรแกรมวิชา ชาญชัย ยมดิษฐ์ (2548 : 268) กล่าวว่า การประเมินผลตามสภาพจริง หมายถึง การค้นหาพฤติกรรมท่ีแท้จริงในด้านความรู้ ความคิด ทักษะ และลักษณะนิสัยท่ี ซบั ซอ้ นของผู้เรียน ด้วยวธิ ีการทห่ี ลากหลายโดยการกระตุน้ ใหผ้ ู้เรียนแสดงความรู้ ความสามารถ ออกมาได้อยา่ งอสิ ระ เป็นกระบวนการทีธ่ รรมชาติสอดคล้องกับชวี ิตและประสบการณป์ ระจาวัน โดยมุ่งให้ผู้เรียนประเมินตนเอง โดยการสะท้อนความรู้สึกต่อผลงานร่วมกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือการพัฒนาการของผู้เรียนในทุก ๆ ด้านและเพื่อพัฒนาการสอนอย่าง ตอ่ เน่อื ง บญุ เชิด ภิญโญอนันตพงษ์ (2540 : 24) กลา่ วว่า การประเมนิ ตามสภาพจริง หมายถึง การประเมินผลงานที่แท้จริงท่ีนักเรียนแสดงหรือกระทา และ/หรือสร้างความรู้ขึ้นมา ด้วยตนเอง นักเรียนจาเป็นต้องแสดงทักษะหรือกระบวนการหรือสร้างผลงานท่ีแสดงถึงสิ่งที่รู้ และสามารถทาได้มากกว่าการตอบข้อสอบแบบเลือกตอบซึ่งอาจวัดได้เพียงความสามารถในการ จาหรือทาขอ้ สอบเทา่ น้นั
56 สุวิทย์ มูลคา (2541 : 14) กล่าวว่า การประเมินผลตามสภาพที่แท้จริง หมายถึง การวัดและประเมินผลกระบวนการทางานในด้านสมองหรือการคิด และจิตใจผู้เรียน อย่างตรงไปตรงมาตามส่ิงทผี่ ู้เรียนกระทา โดยพยายามตอบคาถามว่าผู้เรียนทาอยา่ งไรและทาไม จึงทาอย่างนั้น การได้ข้อมูลว่า “เขาทาอย่างไร และทาไม” จะช่วยให้ผู้สอนได้ช่วยผู้เรียน พัฒนาการเรียนของผู้เรียนและการสอนของผู้สอน ทาให้การเรียนการสอนมีความหมายและทา ให้เกดิ ความอยากในการเรยี นรูต้ อ่ ไป สามารถสรุปได้ว่า การประเมินตามสภาพจริง หมายถึง วิธีการตรวจสอบ พฤติกรรม ทักษะและกระบวนการเรียนรู้ จากการทากิจกรรมต่างๆ ของผู้เรียนด้วยวิธีการที่ หลากหลาย ทาให้สะท้อนผลการเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึนจริงจากผู้เรียนและผู้สอนสามารถนาไปพัฒนา และส่งเสริมผเู้ รยี นให้เตม็ ตามศกั ยภาพ ชาญชัย ยมดษิ ฐ์ (2548 : 268) กล่าววา่ หลกั การประเมินผลตามสภาพจริง มหี ลกั การดังนี้ คือ 1. ประเมินพฤติกรรมท่ีซับซ้อนเก่ียวกับความรู้ ความคิด ทักษะ และ ลักษณะนสิ ัย 2. ไมเ่ นน้ การใชแ้ บบทดสอบวัดพฤตกิ รรมใดพฤติกรรมหนึ่ง 3. วัดดว้ ยวิธีการที่หลากหลาย 4. ใชก้ ระบวนการสงั เกตพฤตกิ รรมผูเ้ รียนสะท้อนผา่ นผลผลิตของงาน 5. ผเู้ รียนสะท้อนความร้สู ึกนึกคดิ ต่อชีวิตจรงิ 6. เป็นกระบวนการเรียนรู้ 7. หลักบานการสอนและการประเมินผลต้องไปด้วยกัน 8. เน้นปฏสิ ัมพันธ์ที่ดีระหว่างนกั เรียนกับผู้ที่เกยี่ วข้อง 9. เปน็ กระบวนการพัฒนาที่ตอ่ เน่ืองจนเปน็ นิสยั 10. เปน็ การสืบคน้ ความรมู้ าสะท้อนความสามารถท่แี ท้จรงิ 11. มเี กณฑ์มาตรฐานล่วงหนา้ ใหท้ ราบ 12. มีโอกาสในการนาเสนอผลงาน 13. มโี อกาสแสดงความคิดข้ันสงู 14. ใหข้ ้อมูลหลากหลาย 15. บรู ณาการวชิ าต่างๆ อย่างกลมกลืน 16. ให้โอกาสสะทอ้ นความรู้สกึ ของตนเองออกมา และได้สรุปวิธีการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงซึ่งมีรูปแบบและวิธีการ แตกตา่ งกนั ไปในหลายๆ ลกั ษณะ อาจประเมินไว้ทงั้ กระบวนการ 4P ซ่ึงประกอบด้วย P1 = กระบวนการ (process) P2 = ผลผลติ (product) P3 = การปฏบิ ตั ิงาน (performance) P4 = แฟม้ สะสมงาน (portfolio)
57 การประเมินตามสภาพจริงสามารถใชว้ ิธีการ ดงั น้ี 1. สอบปากเปล่า 2. โตว้ าที 3. แสดงนิทรรศการ 4. แสดงกจิ กรรมในโอกาสต่าง ๆ 5. ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 6. การสงั เกตการสอน 7. การแกป้ ัญหา 8. การแสดง บนั ทึก 9. การทดลอง 10. สารวจพฤตกิ รรมการปฏิบัติ 11. งานประดษิ ฐ์ 12. งานโครงการ 13. แสดงผลงาน การสืบค้น 14. งานปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลุ่ม 15. บนั ทึก 16. การสงั เกต 17. หนงั สอื 18. ทดสอบในลักษณะตา่ ง ๆ 19. หลกั ฐานรอ่ งรอย 20. การสืบค้น พัฒนาการ 21. การสุ่มเหตุการณ์ 22. การสุ่มจับเวลา เกณฑ์การประเมินส่วนมากประกอบด้วย 5 สเกล แต่ละสเกลจะบอกให้ทราบ ถึงลักษณะสาคัญท่ีผู้เรียนแสดงออกมา โดยการปฏิบัติที่สอดคล้องกับคะแนนท่ีได้ในแต่ละสเกล ผลจากการใช้รูบริคจะได้ข้อมูลท่ีสาคัญสาหรับผู้สอน ผู้ปกครองและผู้ท่ีสนใจเพ่ือให้ทราบว่า ผู้เรียนได้เรียนรู้อะไรและสามารถทาส่ิงใดได้บ้าง ในการดาเนินการประเมินอาจพิจารณาให้ น้าหนักเกณฑ์แตกต่างกันได้ตามน้าหนักความสาคัญ ซ่ึงต้องคานึงถึงความเหมาะสม ความ เพียงพอ ความเห็นพ้องต้องกันของผู้เกี่ยวข้องและแต่ละเกณฑ์ควรแบ่งเป็นคุณภาพในระดับ ตา่ งๆ พิศาล สร้อยธุหร่า (2544 : 42) กล่าวถึง การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ควรมีแนวทางการวัดและประเมนิ ผล ดงั น้ี 1. ต้องวัดและประเมินผลท้ังความรู้ ความคิด ความสามารถ ทักษะ และ กระบวนการ เจตคติ คา่ นยิ มในวิทยาศาสตร์ รวมทงั้ โอกาสในการเรียนรู้ของผเู้ รยี น
58 2. มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนที่กาหนดไว้ในหลักสูตรการศึกษา ขนั้ พื้นฐานกลมุ่ วทิ ยาศาสตร์ 3. กระทาอย่างตรงไปตรงมา ภายใต้ขอ้ มูลที่มี 4. นาไปสู่การสรปุ ประเมนิ ผลที่สมเหตสุ มผล 5. มคี วามเท่ียงตรง เปน็ ธรรม ทัง้ วิธีการวดั และโอกาสของการประเมนิ สรุปได้ว่า แบบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเป็นการวัดความสามารถและ คุณลักษณะของแต่ละบุคคลในด้านพุทธิพิสัยเป็นหลัก ได้แก่ ความรู้ ความจา ความเข้าใจ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การนาความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ ซ่ึง แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีหลายแบบ ควรเลือกให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ที่ต้องการวัด และพบว่าในปัจจุบันจะเน้นการประเมินผลตามสภาพจริงซ่ึงได้ขยายแนวคิดของการประเมิน ออกไป โดยให้สิทธ์ิผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมินผล ใช้การประเมินผลเป็นกระบวนการที่ สอดคลอ้ งกับเป้าหมายของการสอนและสภาพชวี ิตจริง 6. ดัชนีประสทิ ธผิ ล ดัชนีประสิทธผิ ล (Effectiveness Index) หมายถึง ตัวเลขที่แสดงถึงวามก้าวหน้า ในการเรียนของผู้เรียน โดยการเทียบคะแนนที่เพ่ิมข้ึนจากคะแนนการทดสอบก่อนเรียน กับ คะแนนท่ีได้จากการทดสอบหลงั เรียน และคะแนนเต็มหรือคะแนนสูงสุดกับคะแนนท่ีได้จากการ ทดสอบก่อนเรียน เม่ือมีการประเมินสื่อการสอนท่ีผลิตขึ้นมา เรามักจะดูถึงประสิทธิผลทางด้าน การสอนและการวัดประเมินผลทางส่ือนั้น ตามปกติแล้วเป็นการประเมินความแตกต่างของค่า คะแนนใน 2 ลักษณะ คือ ความแตกต่างของคะแนนการทดสอบก่อนเรียน และคะแนน ทดสอบหลังเรียน หรือเป็นการทดสอบเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุม ในทางปฏิบัติส่วนมากจะเน้นท่ีผลความแตกต่างท่ีแท้จริงมากกว่าผลความ แตกต่างทางสถิติ แต่ในบางกรณีการเปรียบเทียบเพียง 2 ลักษณะ ก็อาจจะยังไม่เพียงพอ เช่น ในกรณีของการใช้ส่ือในการเรียนการสอนปรากฏว่า กลุ่มที่ 1 การทดสอบก่อนเรียนได้ คะแนน 18% การทดสอบหลังเรียนได้คะแนน 67% และกลุ่มที่ 2 การทดสอบกอ่ นเรียนได้ คะแนน 27% การทดสอบหลังเรียนได้คะแนน 74% ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ผลทางสถิติพบว่า คะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท้ังสองกลุ่ม แต่เม่ือ เปรียบเทียบคะแนนการทดสอบหลังเรียนระหว่างกลุ่มทั้งสอง ผลปรากฏว่า ไม่มีความแตกต่าง กัน ซ่ึงไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดขึ้นเพราะส่ิงทดลอง (Treatment) น้ันหรือไม่ เนื่องจากการ ทดสอบท้ังสองกรณีคะแนนพ้ืนฐาน (คะแนนทดสอบก่อนเรียน) แตกต่างกัน ซึ่งจะส่งผลถึง คะแนนการทดสอบหลังเรียนทจ่ี ะเพิ่มข้ึนได้สูงสุดของแตล่ ะกรณี (เผชญิ กจิ ระการ. 2546 : 1) ฮอฟแลนด์ (Hovland. 1949 อ้างถงึ ใน เผชิญ กจิ ระการ. 2546 : 1) ไดเ้ สนอ ดัชนีประสิทธิผล (Effectiveness Index) ซึ่งได้จากการหาความแตกต่างของการทดสอบก่อน การทดลองและการทดสอบหลังการทดลองด้วยคะแนนสูงสดุ ทสี่ ามารถทาเพิ่มข้ึนฮอฟแลนด์ ได้
59 เสนอว่า ค่าความสัมพันธ์ของการทดลองจะสามารถทาได้อย่างถูกต้องแน่นอน ต้องคานึงถึง ความแตกต่างของคะแนนพื้นฐาน (คะแนนทดสอบก่อนเรียน) และคะแนนทสี่ ามารถทาได้สูงสุด ดชั นีประสทิ ธผิ ลจะเป็นตัวบ่งชถ้ี งึ ขอบเขตและประสทิ ธิภาพของสื่อ เวบบ์ (Webb. 1963 อ้างถึงใน เผชิญ กิจระการ. 2546 : 1) กล่าวถึง การ เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนน โดยใช้วิธีการ 3 แบบ ซ่ึงเพ่ิมเติมจากดัชนีประสิทธิผล ของฮอฟแลนด์ โดย เวบบ์ ให้ความสนใจเฉล่ียค่าร้อยละของคะแนนซึ่งเรียกว่า วิธีการ Conytional โดยคานวณจากการนาคะแนนค่าร้อยละของกลุ่มควบคมุ ลบออกจากคะแนนร้อย ละของกลุ่มทดลอง แล้วจึงหารด้วยร้อยละของกลุ่มควบคุม ผลท่ีได้จะแสดงถึงร้อยละที่เพิ่มข้ึน (หรือทดลอง) เปรียบเทียบคะแนนของกลุ่มควบคุม ดัชนีประสิทธิผลมีรูปแบบในการหาค่าดงั นี้ (เผชญิ กจิ ระการ. 2546 : 1-2) E.I. = ผลรวมของคะแนนทดสอบหลังเรียน - ผลรวมของคะแนนทดสอบก่อนเรียน (จานวนนกั เรียน x คะแนนเตม็ ) - ผลรวมของคะแนนทดสอบก่อนเรยี น หรือ P2 - P1 E.I. = 100% - P1 หมายถึง จานวนเศษของ E.I. เป็นเศษที่ได้จากการวัดระหว่างการทดสอบก่อน เรยี น (P1) และการทดสอบหลังเรียน (P2) ซง่ึ คะแนนทง้ั สองประเภทน้ี จะแสดงถึงคา่ ร้อยละ ของคะแนนรวมสูงสดุ ทน่ี ักเรียนสามารถทาได้ ต่อมา เวบบ์ ได้ปรับรูปแบบของการแสดงค่าของ ดชั นีประสิทธิผลใหม่ โดยการคณู ด้วย 100 เพอื่ ใหค้ ่าที่ออกมาเป็นร้อยละ ซึ่งจะช่วยให้ดูหรือ ตคี า่ ได้สะดวกขึ้น ดัชนปี ระสิทธิผลสามารถนามาประยกุ ต์ใช้เพอื่ ประเมนิ ผลสอ่ื โดยเริ่มจากการ ทดสอบก่อนเรียน ซ่ึงเป็นตัววัดค่าว่าผู้เรียนมีความรู้พื้นฐานอยู่ในระดับใด รวมถึงการวัดความ เช่ือ เจตคติ ความตั้งใจของผู้เรียน โดยการนาคะแนนท่ีได้จากการทดสอบมาแปลงให้เป็นร้อย ละ แล้วหาค่าคะแนนสูงสุดท่ีเป็นไปได้ จากน้ันนานักเรียนเข้ารับการทดลอง เสร็จแล้วทาการ ทดสอบหลังเรียน ได้เทา่ ไหรน่ ามาหารดว้ ยคา่ ทไ่ี ดจ้ ากค่าทดสอบกอ่ นเรียนสงู สดุ ทีผ่ เู้ รียนสามารถ ทาได้ ลบด้วยคะแนนทดสอบก่อนเรียน โดยทาใหอ้ ย่ใู นรปู ร้อยละ จากการคานวณพบว่า ดัชนีประสทิ ธิผลจะมีค่าอยู่ระหวา่ ง -1.00 ถึง 1.00 หาก ค่าการทดสอบก่อนเรียนเป็น 0 และการทดสอบหลังเรียนปรากฏว่า นักเรียนไม่มีการ เปลี่ยนแปลง คือ ได้คะแนนเท่าเดิม แต่ถ้าคะแนนทดสอบก่อนเรียน (P1) = 0 และค่า คะแนนทดสอบหลังเรียนทาได้สูงสุด คือ เต็ม (P2) = 100 ค่า E.I จะเท่ากับ 1.00 ในทางตรงกันข้าม ถ้าคะแนนทดสอบหลังเรียนน้อยกว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียน ค่าท่ีได้ ออกมาจะมคี ่าเปน็ ลบ
60 7. แนวคิดเก่ยี วกบั ความพึงพอใจ 7.1 ความหมายของความพึงพอใจ ความหมายของความพึงพอใจ ได้มีผู้ให้ความหมายเก่ียวกับความพึงพอใจ (Satisfaction) ไวด้ งั นี้ มยรุ ี ศรคี ะเนย์ (2547 : 91) ได้ให้ความหมายไว้ว่า ความพงึ พอใจ หมายถึง สภาพหรือระดับความพงึ พอใจทีม่ ผี ลมาจากความสนใจและเจตคติของบุคคลท่ีมตี อ่ งาน ดาริ มุศรีพันธ์ุ (2545 : 39) ได้อธิบายความหมายของความพึงพอใจไว้ว่า ความพึงพอใจคือทัศนคตโิ ดยทว่ั ๆ ไปของบุคคลท่ีจะนาไปสู่การประเมนิ ผลและความคาดหวังต่อ งาน ลักขณา ศิริวฒั น์ (2549 : 132) ได้กล่าวถึงความพึงพอใจวา่ ความพึงพอใจ หมายถึงพฤติกรรมท่ีสนองความต้องการของมนษุ ยแ์ ละเปน็ พฤติกรรมทน่ี าไปส่จู ดุ ม่งุ หมายทต่ี ัง้ ไว้ ศรีสุดา ญาติปล้ืม (2547 : 69) ได้ให้ความหมายของความพึงพอใจว่าความ พึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกรกั ชอบ พอใจ หรือเป็นเจตคตทิ ่ีดีของบุคคลท่ีมีต่อส่ิงใดสิ่งหนง่ึ ซ่ึงเกิดจากการได้รับการตอบสนองความต้องการหรือความคาดหวังในทางที่ดีท้ังด้านวัตถุและ ดา้ นจิตใจ เปน็ ความรูส้ กึ เม่อื ไดร้ บั ความสาเร็จความตอ้ งการหรือแรงจูงใจ จากทก่ี ลา่ วมาสรปุ ได้ว่า ความพงึ พอใจ คือ ความรสู้ กึ ทา่ ทีของบคุ คลท่มี ีต่อสิ่ง ต่าง ๆ ในสถานการณห์ น่งึ ๆ ท่ีเอนเอียงไปในทางบวก ซ่งึ เปน็ พฤตกิ รรมทบ่ี คุ คลแสดงออกมา หลังจากที่ได้รับประสบการณ์ในสิ่งที่ตรงตามความต้องการ หรือเป็นความรู้สึกท่ีมีความสุขเม่ือ ได้รับผลสาเร็จตามความมุ่งหมาย ดังน้ัน ความพึงพอใจในการเรียน จึงหมายถึงความรู้สึกของ ผเู้ รียนที่มตี ่อการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนของครูผู้สอน 7.2 การสรา้ งแบบสอบถามความคดิ เหน็ นักวชิ าการได้อธบิ ายลักษณะของแบบสอบถามไวด้ ังน้ี กองวิจัยทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (2545 : 57-58) ได้กล่าวว่า แบบสอบถามเป็นรายการคาถามท่ีส่งไปให้คนตอบตามความสมัครใจ เก่ียวกับเรื่องท่ีต้องการ ทราบ เพือ่ มงุ่ เก็บข้อมลู ประเภทข้อเท็จจริง พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2547 : 217) กล่าวว่า แบบสอบถามเป็นชดุ ของคาถามที่ใช้ สอบถามขอ้ เท็จจริงหรอื ความคดิ เห็นต่าง ๆ ของผู้ตอบ เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ เทจ็ จริงทั้งในอดีต ปัจจุบนั และคาดคะเนเหตกุ ารณ์ในอนาคต ซึ่งต้องมสี ว่ นประกอบ คือ คาชี้แจง สถานภาพผตู้ อบ และ ข้อความท่ีเกยี่ วกบั ตวั แปรท่จี ะวัด ซงึ่ รปู แบบของแบบสอบถามมี 2 ประเภท คือ 1. คาถามแบบปลายปิด เป็นการสร้างรายการให้ผู้ตอบเลือกตอบจาก ตัวเลือกทีก่ าหนดให้ อาจจะมี 2-3 ข้อ หรือมากกว่านี้กไ็ ด้ ซึ่งมหี ลายรูปแบบดงั น้ี - แบบสอบถามขอ้ มลู สว่ นตวั
61 - แบบสารวจรายการ เป็นการถามเรื่องต่าง ๆ ใหผ้ ูต้ อบกาเครื่องหมาย เพ่อื แสดงว่า มี/ไม่มี เหน็ ดว้ ย/ไม่เห็นดว้ ย หรือ ชอบ/ไม่ชอบ เปน็ ต้น ซึง่ แบบสารวจรายการ กเ็ ป็นสว่ นหนงึ่ ของแบบสอบถามปลายปิด - มาตราส่วนประมาณค่า เป็นส่วนหนึ่งของแบบสอบถามปลายปิด เช่นเดียวกับแบบสารวจรายการ ใช้วัดจิตพิสัย เช่น เจตคติ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ์ิ ฯลฯ แต่มี ลักษณะต่อเน่ืองท่ีละเอียดกว่าแบบสารวจรายการ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ มาตราส่วน ประมาณค่าแบบตวั เลข มาตราส่วนประมาณค่าแบบพรรณนา และมาตราสว่ นประมาณค่าแบบ กราฟ 2. คาถามแบบปลายเปิด เป็นแบบสอบถามที่ไม่กาหนดคาตอบ แต่จะให้ ผู้ตอบแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ เช่น ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรเก่ียวกับการเรียนการสอน ในปจั จบุ นั วิธกี ารสร้างแบบสอบถาม มีกระบวนการดังนี้ 1. นาจดุ ประสงคข์ องการวจิ ัยมาวเิ คราะห์ออกเปน็ ตัวแปรที่จะวัด 2. แยกรายการของสิ่งทจ่ี ะสอบถามในแต่ละตวั แปรนนั้ ให้ชดั เจนและ ครอบคลุม 3. คาถามและข้อความแตล่ ะข้อ ควรมปี ระเดน็ เดียว 4. แต่ละคาถามควรส้ัน กะทัดรัด เป็นปรนัย ตรงไปตรงมา ได้ใจความ เข้าใจงา่ ย 5. เรียงคาถามในแต่ละข้อให้ต่อเนือ่ งสัมพนั ธ์กนั เป็นลกู โซ่ 6. ในหัวข้อใหญ่กล่าวถึงประเด็นเดียว ครอบคลุมตัวแปรที่จะศึกษา ทั้งใน แนวกวา้ งและแนวลกึ หลีกเลีย่ งคาถามท่ที าให้ผตู้ อบเกดิ อคตใิ นการตอบ หรอื ไม่พอใจ ท่จี ะตอบ จึงสรุปได้ว่า ในการสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียน ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง วัสดุและสมบัติของวัสดุ รายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ กลุ่ม สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 รูปแบบท่ีเหมาะสมท่ีสุดคือ คาถามแบบ ปลายปิด แบบมาตราส่วนประมาณค่า มี 5 ระดับ ซ่ึงเป็นแบบท่ีสรา้ งง่ายและใช้สะดวกทีส่ ุด และใชจ้ านวนคี่เพ่ือให้ค่าตรงกลางแทนคา่ เฉล่ีย สามารถเก็บข้อมูลไดจ้ านวนมาก สรุปผลไดง้ ่าย และผู้ตอบจะมีความสบายใจ เป็นอสิ ระในการตอบมากที่สุด
62 8. งานวิจัยที่เก่ียวข้อง ในการศกึ ษาคน้ ควา้ ครัง้ น้ี ผ้รู ายงานได้ศกึ ษาคน้ ควา้ งานวิจัยในประเทศ และตา่ งประเทศ ดังนี้ 8.1 งานวิจัยในประเทศ กาญจนา ฉ่าแสง (2541 : บทคัดย่อ) ได้ทาการวิจัยเร่ือง ชุดการสอน เรื่อง กลไกมนุษย์ ในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ สาหรับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 เพื่อศกึ ษาความกา้ วหน้าของผล การเรยี นและความคดิ เหน็ ของผูเ้ รยี นเกี่ยวกบั ชดุ การสอน เรือ่ ง กลไกมนุษย์ ของนักเรยี น ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 43 คน ชุดการสอนที่สร้างข้ึน แบ่งเป็น 6 ชุด เครื่องมือที่ ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเป็นแบบทดสอบและแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เรียน พบว่า ความกา้ วหนา้ ของผูเ้ รยี นจากการเรยี นด้วยชุดการสอนมผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่า กอ่ นเรียนอย่างมนี ัยสาคัญทางสถิตทิ รี่ ะดับ .05 และนักเรยี นมีความพึงพอใจในระดบั มาก ศริ ิชยั จรี จีรังชยั (2545 : บทคดั ยอ่ ) ได้ศึกษาผลการพัฒนา เร่อื ง การพฒั นา ชุดการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ ว203 เรื่อง อาหาร สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนพังตรุราษฎร์รังสรรค์ สังกัดกรม สามัญศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี จานวน 35 คน ผลการวิจัยพบว่า ชุดการเรียนมี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 81.42/82.68 และผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง อาหาร ของ นักเรียนก่อนและหลังการใช้ชุดการเรยี นตา่ งกันอยา่ งมนี ยั สาคัญทางสถิติที่ระดบั .01 จฬุ าลกั ษณ์ ไชยสกลุ (2546 : บทคดั ย่อ) ได้ทาการวจิ ยั เรือ่ ง การสรา้ งชดุ การ สอน กลุ่มวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต เร่ือง สัตว์ สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 โดยมีจดุ มุง่ หมายเพื่อสร้างชุดการสอน กลมุ่ วชิ าสร้างเสริมประสบการณช์ ีวิต เรอ่ื ง สตั ว์ สาหรับ นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 จากผลการวิจัยพบว่า ชุดการสอนท่ีสร้างข้ึน มีประสิทธิภาพ 82.63/80.53 และค่าดชั นปี ระสทิ ธิผล 0.64 สมโภช ภู่สุวรรณ (2546 : บทคัดย่อ) ได้ทาการวิจัยเร่ือง การพัฒนาชุดการ เรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ที่เน้นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและสมบัติ ของสาร สาหรับนักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาปัญหาการเรียนการ สอนวชิ าวิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 พฒั นาชดุ การเรยี นการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ที่เน้น ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและสมบัติของสาร สาหรับนักเรียนชั้น มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 เปรียบเทียบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนท่ีได้รับการสอนโดยใช้ชุดการเรียนการสอน และได้รับการสอนปกติ จากผล ผลการวจิ ยั พบว่า ครผู สู้ อนมีความเห็นว่าปัญหาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1 ด้านตัวป้อนมีปัญหามากที่สุด ชุดการเรียนการสอนที่สร้า งขึ้นมีประสิทธิภาพ 89.39/90.11 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กาหนดไว้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะ
63 กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ที่ได้รับการสอนโดยใช้ชุดการ เรยี นการสอนสงู กวา่ นักเรียนทไ่ี ดร้ บั การสอนตามปกติ อย่างมีนยั สาคญั ที่ระดับ .05 ถวลิ กล้าเกิด (2548 : บทคดั ย่อ) ได้ทาการวิจัยเรื่อง การพัฒนาชุดการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง เคร่ืองใช้ไฟฟ้าในบ้าน สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โดยมี จุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาชุดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เร่ือง เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สาหรบั นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 และเพ่ือเปรยี บเทียบผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นของนักเรียน ก่อนใช้และหลังใช้ชุดการสอน จากผลการวิจัยพบว่า ชุดการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง เคร่ืองใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.55/81.13 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง เครอื่ งใชไ้ ฟฟ้าภายในบ้าน สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 ท่ีได้รับการสอนโดยชุดการเรียนภายหลงั เรยี นสูงกว่ากอ่ น เรยี นอย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิติท่รี ะดบั .01 ธวัทชัย ฉิมกรด (2549 : บทคัดย่อ) ได้ทาการวิจัยเรื่อง การพัฒนาชุดการ เรยี นการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง หนิ และการเปลย่ี นแปลง สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีท่ี 4 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ พัฒนาชุดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง หินและการป ล่ียนแปลงสาหรบั นักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 และเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลงั เรียนของนักเรียนท่ีได้รับการสอนโดยใช้ชุดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ กับนักเรียนท่ี ไดร้ ับการสอนปกติ จากผลการวจิ ยั พบว่า ชุดการเรียนการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง หนิ และ การเปล่ียนแปลง สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 มีประสิทธิภาพ 88.67/86.06 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์หลังเรียนของ นักเรียนท่ีได้รับการสอนโดยใช้ชุดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์สูงกว่านักเรียนท่ีได้รับการ สอนตามปกติอย่างมนี ยั สาคญั ทางสถติ ิทรี่ ะดับ .05 สุพัตรา สัตยากูล (2552 : 75) ได้ทาการวิจัย เร่ือง การพัฒนาชุดฝึกทักษะ ลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนาชุดฝึก ทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และเพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังการใช้ชุดฝึกทักษะ ผลการวิจัยพบว่า ชุดฝึก ทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 มีประสิทธิภาพ 83.14/82.58 และนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 มผี ลสัมฤทธิท์ างการเรยี นหลงั เรียนสูงกว่า ก่อนเรียนด้วยชุดฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .01 จุฑามาศ เจตน์กสิกิจ (2552 : บทคัดย่อ) ได้ทาการวิจัย เร่ือง การพัฒนา ชุดการสอนวิชาเคมี เร่ือง ไฟฟ้าเคมี สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โดยมีจุดมุ่งหมาย เพ่ือพัฒนาชุดการสอนวิชาเคมีให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผล ของชุดการสอนวิชาเคมี เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาเคมีก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ทไ่ี ดร้ บั การสอนโดยใชช้ ุดการสอนวชิ าเคมี ศกึ ษาความคงทน
64 ในการเรียนรู้วิชาเคมีของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนโดยใช้ชุดการสอนวิชา เคมี และเปรียบเทียบจานวนนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 ท่ีได้รับการสอนโดยใช้ชุดการสอน วิชาเคมีท่ีมีคะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาเคมีผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม กับ เกณฑ์ร้อยละ 60 ของนักเรียนท้ังหมด ผลการวิจัยพบว่า ชุดการสอนวิชาเคมีที่พัฒนาขึ้นมี ประสิทธิภาพ 87.48/81.43 มีค่าดัชนีประสิทธิผล 0.68 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาเคมี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนโดยใช้ชุดการสอนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรยี น อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 มีความคงทนในการเรียนรู้วิชาเคมีอย่างมีนัยสาคัญทาง สถติ ิท่รี ะดบั .05 และนักเรียนร้อยละ 76 ของนกั เรียนทัง้ หมด มีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นวิชา เคมีผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม 8.2 งานวิจยั ตา่ งประเทศ มีค (Meek. 1972 : 4296 – A อา้ งถึงใน จุฑามาศ เจตน์กสกิ จิ . 2552 : 40) ได้ทาการวิจัยเรื่อง การเปรียบเทียบวิธีการสอนแบบใช้ชุดการสอนกับวิธีการสอนแบบธรรมดา โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนร้จู ากการใช้ชดุ การสอน และวิธีสอน แบบธรรมดา สาหรับสอนนักศึกษาครู จากผลการวิจัยพบว่า วิธีการสอนโดยใช้ชุดการสอน มี ประสทิ ธภิ าพสงู กวา่ การสอนด้วยวธิ สี อนแบบธรรมดาอย่างมีนัยสาคัญทางสถติ ิทรี่ ะดับ .01 เดล (Dale. 1973 : 6481–A อ้างถงึ ใน จฑุ ามาศ เจตนก์ สกิ จิ . 2552 : 40) ได้ทาการวิจัยเร่ือง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างการเรียนโดยวธิ ีสอนปกติกับการเรียนโดยใช้ ชุดการสอนของนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน จากผลการวิจัยพบวา่ ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี นของนักศึกษาที่เรยี นโดยใช้ชุดการสอนสงู กวา่ นกั ศกึ ษาท่ีเรยี นโดยวิธีสอนปกติ อย่าง มีนยั สาคญั ทางสถติ ิทรี่ ะดับ .05 วีวาส (Vivas. 1985 : 603 อ้างถึงใน จุฑามาศ เจตน์กสิกิจ. 2552 : 41) ได้ศึกษา การออกแบบพัฒนาและประเมินค่าของการรับรู้ทางความคิดของนักเรียนเกรด 1 ใน ประเทศเวเนซูเอล่าโดยใช้ชดุ การสอน จากผลการวิจัยพบว่า นักเรียนท่ีได้รับการสอนโดยใช้ชุด การสอน มีความสามารถเพิ่มขึ้นในด้านความคิด ด้านความพร้อมในการเรียน ด้านความคิด สร้างสรรค์ ด้านเชาวป์ ัญญา และด้านการปรับตัวทางสังคม หลังจากได้รับการสอนดว้ ยชุดการ สอนสูงกว่านักเรยี นท่ีไดร้ ับการสอนแบบปกติ จากผลการวิจัยท้ังในประเทศและต่างประเทศ จะเห็นได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนท่ีเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน นักเรียนได้ปฏิบัติจริง มีความรับผิดชอบต่อตนเอง ซ่ึง ผู้รายงานเช่ือว่าหากครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้จะส่งผล ทาให้นกั เรียนมผี ลสัมฤทธิท์ างการเรยี นสงู ข้นึ
65 กรอบแนวคิดของการศกึ ษาคน้ คว้า ตัวแปรตน้ ตวั แปรตาม ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง ปรากฎการณข์ องโลก 1. ประสิทธิภาพของชุด และภยั ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เทคโนโลยี รหัสวชิ า ว16101 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ 2. ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 3. ดชั นีประสทิ ธผิ ล 4. ความพงึ พอใจ
66 บทท่ี 3 วธิ กี ารดาเนินการศกึ ษาค้นคว้า การศึกษาวิจัยในคร้ังนี้ เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ และเทคนิคการสอนแบบ Active Learning เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ ของนักเรียนช้ัน ประถมศกึ ษาปีที่ 6 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน อาเภอเวียงปา่ เป้า จังหวัดเชียงราย เป็นการศึกษาค้นคว้าเชิงกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental Research) ใช้ รูปแบบการทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนหลัง (One-Group Pretest Posttest Design) ดงั แสดงไว้ในตาราง 11 (สวุ มิ ล ตริ กานันท์. 2549 : 24) ตารางท่ี 3.1 แบบแผนการทดลอง กลุ่มทดลอง ทดสอบกอ่ นเรยี น ทดลอง ทดสอบหลงั เรียน E TE1 X TE2 สัญลักษณ์ท่ีใชใ้ นแบบแผนการทดลอง E แทน กลุ่มทดลอง TE1 แทน ทดสอบก่อนเรียนของกลมุ่ ทดลอง X แทน การเรยี นโดยใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง ปรากฏการณข์ องโลก และภยั ธรรมชาติ TE2 แทน ทดสอบหลังเรียนของกล่มุ ทดลอง วธิ ีการดาเนนิ การศึกษาคน้ คว้า นาเสนอตามลาดบั ต่อไปน้ี 1. ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง 2. เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า 3. วธิ ีการสรา้ งเคร่อื งมือและการหาคุณภาพของเครอ่ื งมือ 4. วธิ ีดาเนินการทดลอง 5. การวิเคราะหข์ ้อมูล 6. สถิตทิ ่ีใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล
67 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1. ประชากร ประชากร ไดแ้ ก่ นักเรียนช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรยี นบา้ นทุ่งมา่ น สงั กัดสานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 จานวน 1 ห้องเรียน นกั เรียนจานวน 20 คน 2. กล่มุ ตัวอยา่ ง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ซ่ึงได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จานวน 20 คน เครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ้ นการศกึ ษาคน้ ควา้ เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการศกึ ษาคน้ ควา้ คร้งั น้ี ประกอบดว้ ย 1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6 โดยแบ่งเน้ือหาออกเปน็ 3 ชดุ คือ ชุดท่ี 1 เรื่อง ลมบก ลมทะเล และมรสุม ชดุ ที่ 2 เร่ือง ปรากฏการณ์เรือนกระจกและภาวะโลกร้อน ชุดที่ 3 เร่ือง ภยั ธรรมชาติ 2. แผนการจดั การเรยี นรู้ เร่อื ง ปรากฏการณข์ องโลกและภัยธรรมชาติ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว16101 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 จานวน 11 แผน รวม 11 ชัว่ โมง คอื แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การเกดิ ลมบก ลมทะเล และมรสุม แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง ลมบก ลมทะเลเปน็ อยา่ งไร แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 3 เรื่อง การเกิดมรสุมเก่ียวข้องกับฤดูของประเทศไทย อย่างไร แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 เรื่อง ผลของลมบก ลมทะเล และมรสุมต่อการ ดาเนนิ ชีวติ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 5 เรอ่ื ง ปรากฏการณ์เรอื นกระจกและภาวะโลกรอ้ น แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 6 เรื่อง ปรากฏการณ์เรอื นกระจกของโลกเป็นอย่างไร แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7 เรือ่ ง เราจะลดปริมาณแก๊สเรอื นกระจกได้อยา่ งไร แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 8 เรอ่ื ง ปรากฏการณ์เรอื นกระจกกับการดารงชวี ิต แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 เรอ่ื ง รู้จกั ภัยธรรมชาติ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 10 เรื่อง ปฏิบัติตนอย่างไรให้ปลอดภัยจากภัย ธรรมชาติ
68 แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 11 เรอื่ ง ภัยธรรมชาติ และเฝ้าระวังภยั ธรรมชาติ 3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัย ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ซึ่งผู้รายงานสร้างขึ้นเอง เป็นแบบ เลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 40 ขอ้ 4. แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการ เรยี นรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว16101 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 วธิ กี ารสรา้ งเคร่อื งมือและการหาคุณภาพของเครือ่ งมือ 1. การสร้างและหาคุณภาพชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลก และภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ผู้รายงานดาเนนิ การตามขน้ั ตอน ดงั น้ี 1. วิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ. 2560) คู่มือครู แบบเรียน และเอกสารท่ีเก่ียวข้องกับวิชาวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 เพ่ือกาหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ ขอบเขต ความ ครอบคลมุ เนือ้ หา และพฤตกิ รรม ทต่ี อ้ งการ 2. ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับหลักการและวิธีการสร้างชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ 3. กาหนดเน้ือหาในการสร้างชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ 4. ดาเนนิ การสรา้ งชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง ปรากฏการณ์ของโลกและภัย ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 คอื ชดุ ที่ 1 เรอ่ื ง ลมบก ลมทะเล และมรสุม ชุดที่ 2 เรือ่ ง ปรากฏการณ์เรอื นกระจกและภาวะโลกรอ้ น ชุดท่ี 3 เรื่อง ภยั ธรรมชาติ 5. นาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 เสนอต่อผู้เชยี่ วชาญ จานวน 5 คน ได้แก่ 5.1 นางสาวคะนึงนจิ ณ น่าน 5.2 นางเสาวภา ใจสม 5.3 นางสาวสุพัฒดิ า เรอื งนามกจิ
69 5.4 นางลาวัลย์ สขุ เกษม 5.5 นางดวงดาว ธรรมสอน เพ่ือขอรับการตรวจสอบคุณภาพชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลก และภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 โดยใช้แบบตรวจสอบคุณภาพแบบมาตรา ส่วนประมาณค่า 5 ระดบั คาตอบของผเู้ ชยี่ วชาญแต่ละคนให้คะแนนดังนี้ มากทีส่ ุด ให้คะแนนเปน็ 5 มาก ให้คะแนนเปน็ 4 ปานกลาง ให้คะแนนเป็น 3 นอ้ ย ให้คะแนนเป็น 2 น้อยทีส่ ดุ ใหค้ ะแนนเป็น 1 การแปลความหมายค่าเฉล่ียนา้ หนักคะแนน แบง่ เปน็ 5 ระดับ คอื คา่ เฉลี่ย 4.51 – 5.00 หมายถงึ มคี ุณภาพอยู่ในระดับมากทสี่ ุด ค่าเฉลีย่ 3.51 – 4.50 หมายถงึ มีคณุ ภาพอยใู่ นระดบั มาก ค่าเฉล่ยี 2.51 – 3.50 หมายถงึ มีคุณภาพอยใู่ นระดบั ปานกลาง คา่ เฉลย่ี 1.51 – 2.50 หมายถงึ มีคุณภาพอยู่ในระดับนอ้ ย คา่ เฉลี่ย 1.00 – 1.50 หมายถงึ มคี ณุ ภาพอยใู่ นระดับนอ้ ยที่สดุ เกณฑ์ค่าเฉล่ียคุณภาพของชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและ ภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ตงั้ แต่ 3.51 ข้ึนไป ถอื ว่าใชไ้ ด้ 6. นาแบบตรวจสอบคุณภาพชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลก และภยั ธรรมชาติ รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว16101 กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้จากผู้เชี่ยวชาญมาตรวจให้คะแนนหา ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดาเนินการปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแน ะของ ผเู้ ชี่ยวชาญ 7. นาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพแล้ว ไปทดลองใช้กับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 ทไี่ ม่ใชก่ ลุม่ ตวั อยา่ ง เพื่อหาประสิทธภิ าพของชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คอื ขั้นที่ 1 การหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระ การเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6 เปน็ รายบคุ คล
70 ขนั้ ท่ี 2 การหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระ การเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 เปน็ กลมุ่ ย่อย ขน้ั ที่ 3 การหาประสทิ ธภิ าพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่อื ง ปรากฏการณ์ ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระ การเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคสนาม ซึง่ มีรายละเอยี ดการ ดาเนินการ ดังน้ี 7.1 การหาประสิทธิภาพข้ันที่ 1 ทาการทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 กบั นักเรยี น ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนบ้านป่าจ่ัน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เชียงราย เขต 2 ซึ่งได้มาด้วยวิธกี ารสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) โดยใช้วธิ ีจับ สลาก จานวน 3 คน คือ กลุ่มเก่ง จานวน 1 คน กลุ่มปานกลาง จานวน 1 คน และ กลุ่มอ่อน จานวน 1 คน เพื่อศึกษาความเหมาะสมของภาษา เวลา และสภาพทวั่ ไป โดยทา การสังเกตและบันทึกส่วนท่ีมีปัญหา ดาเนินการนาข้อมูลจากการสังเกตพฤติกรรมและ ข้อบกพร่องท่ีพบจากการทดลองขั้นรายบุคคลมาปรับปรุง ในส่วนของคาท่ีพิมพ์ผิด คาถามที่ไม่ ชัดเจน ตัวหนังสือไม่คมชัด ตัวหนังสือเล็กเกินไป และเพ่ิมสีสันให้ภาพมีความสดใส น่าสนใจ และกาหนดเวลาเพิ่มขึ้น แลว้ นาไปหาประสิทธภิ าพข้ันที่ 2 7.2 การหาประสิทธิภาพข้ันท่ี 2 ทาการทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 กับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านป่าสัก สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา เชียงราย เขต 2 ซึ่งได้มาด้วยวิธกี ารสมุ่ อย่างงา่ ย (Simple random sampling) โดยใช้วิธีจบั สลาก จานวน 9 คน คือ กลุ่มเก่ง จานวน 3 คน กลุ่มปานกลาง จานวน 3 คน และ กลุ่มออ่ น จานวน 3 คน ทาการสงั เกตและบันทึกส่วนที่มปี ญั หา นาขอ้ มลู มาปรบั ปรงุ แก้ไขชุด กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 แลว้ นาไปหาประสทิ ธิภาพขน้ั ที่ 3 7.3 การหาประสิทธิภาพขั้นที่ 3 ทาการทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว 16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลปง สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา พะเยา เขต 2 ซึง่ ไดม้ าด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) โดยใช้วิธจี ับ สลาก จานวน 30 คน คือ กลุ่มเก่ง จานวน 10 คน กลุ่มปานกลาง จานวน 10 คน และกลุ่มอ่อน จานวน 10 คน เพ่ือหาข้อบกพร่องในการส่ือความหมาย กิจกรรมการเรียน
71 การสอน ระยะเวลาในการสอน แล้วปรับปรุงแก้ไข จนเป็นชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภยั ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ท่ีสมบรู ณ์ จึงนาไปใช้จรงิ กับนักเรยี น ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน อาเภอเวียงป่าเป้า สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่ การศกึ ษาประถมศกึ ษาเชียงราย เขต 2 ซง่ึ เป็นกล่มุ ตวั อยา่ ง 2. การสร้างและหาคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ เรอื่ ง ปรากฏการณ์ของโลก และภยั ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6 ผูร้ ายงานดาเนนิ การตามขั้นตอน ดงั น้ี 1. ศึกษาหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เกี่ยวกับหลักการ จุดมุ่งหมาย โครงสร้าง เวลาเรียน การวัดผล ประเมินผล ค้นคว้าข้อมูลเอกสารท่ีเกี่ยวข้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ คู่มือการจัดการ เรียนรู้ 2. วิเคราะห์สาระการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ และเวลาเรียน 3. วิเคราะห์หนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและ ภยั ธรรมชาติ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 4. ศึกษารายละเอียดเกย่ี วกบั หลักการและวิธีการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 5. กาหนดรูปแบบการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ โดยยึดองค์ประกอบการ เขยี นแผนการจดั การเรยี นรู้ ดังนี้ 5.1 มาตรฐานและตวั ช้วี ัด 5.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 5.3 สาระการเรียนรู้ 5.4 สาระสาคญั 5.5 สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 5.6 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.7 ชิ้นงาน 5.8 กิจกรรมการเรียนรู้ 5.9 สอ่ื การเรยี นรู้ 5.10 การวัดผลประเมนิ ผล 6. เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภยั ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ
72 เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 โดยจัดทาให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรม การเรียนรู้ การวัดผลประเมนิ ผล จานวน 11 แผน รวม 11 ช่ัวโมง ดงั น้ี แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง การเกดิ ลมบก ลมทะเล และมรสุม แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 2 เรอ่ื ง ลมบก ลมทะเลเป็นอย่างไร แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การเกิดมรสุมเกี่ยวข้องกับฤดูของประเทศไทย อยา่ งไร แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 4 เรอ่ื ง ผลของลมบก ลมทะเล และมรสมุ ต่ อ ก า ร ด า เ นิ น ชีวิต แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 5 เรอ่ื ง ปรากฏการณเ์ รอื นกระจกและภาวะโลกรอ้ น แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 6 เรือ่ ง ปรากฏการณ์เรอื นกระจกของโลกเปน็ อยา่ งไร แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 7 เรื่อง เราจะลดปรมิ าณแก๊สเรอื นกระจกไดอ้ ยา่ งไร แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 8 เรอ่ื ง ปรากฏการณเ์ รอื นกระจกกบั การดารงชวี ิต แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 9 เรื่อง รจู้ กั ภยั ธรรมชาติ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 10 เรือ่ ง ปฏบิ ัตติ นอย่างไรให้ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 11 เรือ่ ง ภัยธรรมชาติ และเฝา้ ระวังภยั ธรรมชาติ 7. นาแผนการจัดการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ปรากฏการณข์ องโลกและภยั ธรรมชาติ รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยชี ั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทส่ี ร้างเสรจ็ แล้วเสนอต่อผเู้ ชีย่ วชาญ จานวน 5 คน ชุดเดิม เพ่ือขอรับการตรวจสอบคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัย ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้แบบตรวจสอบคุณภาพแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั คาตอบของผู้เช่ยี วชาญแต่ละคนใหค้ ะแนน ดังนี้ มากทส่ี ุด ให้คะแนนเปน็ 5 มาก ใหค้ ะแนนเปน็ 4 ปานกลาง ใหค้ ะแนนเปน็ 3 น้อย ใหค้ ะแนนเป็น 2 น้อยทส่ี ุด ให้คะแนนเปน็ 1 การแปลความหมายคา่ เฉลี่ยนา้ หนกั คะแนน แบง่ เป็น 5 ระดับ คอื คา่ เฉลย่ี 4.51 – 5.00 หมายถงึ มีคุณภาพอยใู่ นระดบั มากท่ีสดุ ค่าเฉลย่ี 3.51 – 4.50 หมายถงึ มีคณุ ภาพอย่ใู นระดบั มาก ค่าเฉลย่ี 2.51 – 3.50 หมายถึง มีคณุ ภาพอยใู่ นระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.51 – 2.50 หมายถงึ มีคณุ ภาพอยใู่ นระดบั น้อย คา่ เฉล่ยี 1.00 – 1.50 หมายถงึ มคี ณุ ภาพอยู่ในระดบั น้อยทสี่ ุด
73 เกณฑค์ า่ เฉล่ยี ของคุณภาพแผนการจดั การเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและ ภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตงั้ แต่ 3.51 ข้ึนไป ถอื วา่ ใช้ได้ 8. นาแบบตรวจสอบคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของ โลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ที่ได้จากผู้เช่ียวชาญมาตรวจให้ คะแนนหาค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดาเนินการปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะ ของผู้เช่ียวชาญ ให้แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 มีคุณภาพย่ิงข้ึน และนาแผนการจัดการเรียนรู้ ท่ีผ่านการตรวจสอบ คณุ ภาพและปรบั ปรุงแล้ว ไวใ้ ช้กบั นกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรยี นบ้านทุ่งม่าน อาเภอ เวียงปา่ เปา้ สงั กัดสานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาเชยี งราย เขต 2 ซึ่งเป็นกลมุ่ ตัวอยา่ ง 3. การสร้างและหาคุณภาพแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ผรู้ ายงานดาเนนิ การตามข้ันตอน ดังนี้ 1. ศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 2. ศึกษาทฤษฎีและวิธีการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนแบบ ปรนยั 3. วิเคราะห์เนื้อหา คาอธิบายรายวิชา จุดประสงค์การเรียนรู้ และกาหนด จานวนข้อสอบใหค้ รอบคลุมเน้ือหาและจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยข้อสอบมีการวัดพฤติกรรมท้ัง ด้านความรู้ความจา ความเข้าใจ การนาไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมิน คา่ 4. สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลก และภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 แบบปรนัย ชนดิ เลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 40 ข้อ 5. นาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและ ภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 เสนอผู้เช่ียวชาญ จานวน 5 คน ชุดเดิม เพอ่ื ประเมินความสอดคล้องระหวา่ งข้อสอบกบั จุดประสงค์การเรียนรู้ คาตอบของผู้เช่ยี วชาญแต่ ละคนใหค้ ะแนน ดงั น้ี สอดคล้อง ใหค้ ะแนนเปน็ 1 ไม่แน่ใจ ให้คะแนนเป็น 0
74 ไมส่ อดคลอ้ ง ใหค้ ะแนนเปน็ -1 ค่า IOC มคี ่าระหว่าง -1 ถงึ 1 คา่ ดชั นี IOC ทีด่ ีควรมคี ่าใกล้ 1 ข้อท่ี มคี า่ IOC ต่ากวา่ 0.5 ควรมกี ารปรับปรงุ แก้ไข 6. หลงั จากผเู้ ชยี่ วชาญประเมินความสอดคลอ้ งแลว้ นามาวเิ คราะห์คะแนนความ สอดคล้องรายข้อ โดยพิจารณาค่าดัชนีความสอดคล้อง ตง้ั แต่ 0.5 ข้ึนไป 7. จัดทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลก และภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 แล้วนาไปทดลองใช้กับนักเรียน ประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน อาเภอเวียงป่าเป้า สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ซ่ึงเคยเรียนเน้ือหานี้มาแล้ว ได้มาโดยการเลือกแบบ เจาะจง (Purposive Sampling) จานวน 20 คน 8. นากระดาษคาตอบมาตรวจให้คะแนน แลว้ วิเคราะหค์ ่าความยากง่าย และคา่ อานาจจาแนก โดยได้ค่าความยากง่ายของข้อสอบระหว่าง 0.20 ถึง 0.80 ส่วนค่าอานาจ จาแนก มคี ่าตง้ั แต่ 0.20 ขนึ้ ไป 9. คัดเลือกข้อสอบที่ผ่านการหาค่าความยากง่ายและค่าอานาจจาแนก จานวน 30 ขอ้ 10. นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลก และภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 ทผ่ี า่ นการหาคา่ ความยากง่ายและค่าอานาจ จาแนกแล้ว ไปทดลองใช้กับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน อาเภอเวียง ป่าเป้า สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ซ่ึงเคยเรียนเนื้อหาน้ี มาแล้ว ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จานวน 20 คน เพ่ือ วิเคราะห์ค่าความเช่ือมั่นของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่ือง ปรากฏการณ์ของ โลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ซ่ึงควรมีค่าความเชื่อม่ันต้ังแต่ .70 ขึ้นไป (สมจิตรา เรืองศรี. 2548 : 218) ได้ค่าความเช่ือม่ันของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่อง ปรากฏการณข์ องโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 เท่ากับ 0.76 11. จัดพิมพ์แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง ปรากฏการณ์ของ โลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เป็นฉบับจริง เพ่ือนาไปใช้เป็น เครอ่ื งมือกบั กลมุ่ ตวั อย่างตอ่ ไป
75 4. การสร้างและหาคุณภาพแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อการ เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 ผรู้ ายงานดาเนนิ การตามขัน้ ตอน ดงั น้ี 1. วิเคราะห์ลักษณะของข้อมูลที่ต้องการ โดยวิเคราะห์จากจุดประสงค์การ เรียนรู้ และกาหนดโครงสร้างเนอ้ื หาของแบบประเมินความพึงพอใจ 2. ศกึ ษาวิธกี ารสร้างแบบประเมินความพงึ พอใจและกาหนดรปู แบบของแบบ ประเมินความพงึ พอใจ 3. สร้างแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ตามวิธีการลิเคอร์ท (Likert) ซึ่งมีระดับความพึงพอใจ 5 ระดับ คือ ความพึงพอใจมากที่สุด ความพึงพอใจมาก ความพึงพอใจปานกลาง ความพึงพอใจน้อย และความพงึ พอใจน้อยท่ีสดุ ส่วนรายการประเมิน แตล่ ะข้อครอบคลมุ องค์ประกอบด้านตา่ ง ๆ ดงั นี้ 3.1 องค์ประกอบดา้ นสาระการเรยี นรู้ 3.2 องคป์ ระกอบด้านกิจกรรมการเรยี นรู้ 3.3 องค์ประกอบดา้ นส่ือการเรียนรู้ 3.4 องคป์ ระกอบดา้ นการวัดผลประเมินผล 4. นาแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรม การเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 เสนอต่อผู้เช่ียวชาญ จานวน 5 คน ชุดเดิม เพื่อตรวจพิจารณาความเหมาะสมของข้อความ การใช้ภาษาชัดเจน และจานวนข้อของแบบประเมนิ 5. ปรับปรุงแกไ้ ขแบบประเมนิ ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามท่ีผู้เช่ียวชาญเสนอแนะแล้วนาไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้น ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรยี นบ้านทงุ่ ม่าน อาเภอเวยี งปา่ เปา้ สังกัดสานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษา ประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จานวน 20 คน เพ่ือวิเคราะห์ค่าความเชื่อม่ันของแบบประเมินความพึงพอใจ ได้ค่าความ เชือ่ ม่ันเท่ากบั 0.84 แลว้ จดั พมิ พเ์ ปน็ ฉบบั จริง เพอ่ื นาไปเกบ็ ขอ้ มลู ต่อไป
76 วิธดี าเนนิ การทดลอง การดาเนินการศึกษาคร้ังน้ีใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและ ภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง โรงเรียน บ้านทุ่งม่าน อาเภอเวียงป่าเป้า สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2. ตามขน้ั ตอนดังนี้ 1. ทาการเลือกนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน อาเภอ เวียงปา่ เป้า สังกัดสานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2. โดยการเลือกแบบ เจาะจง (Purposive Sampling) ได้นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 จานวน 20 คน ซ่ึงเป็น นักเรยี นท้ังหมดในชน้ั 2. แนะนาวธิ ีการและบทบาทของนกั เรยี นในการเรยี นการสอน 3. ทดสอบกอ่ นเรียน (Pretest) ใช้เวลาทดสอบจานวน 1 ชวั่ โมงโดยไม่ใช้ เวลาเรยี น ใชแ้ บบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภยั ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว16101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จานวน 40 ขอ้ 4. ดาเนินการสอนโดยทาการสอนตามแผนการจดั การเรียนรู้ เรื่องปรากฏการณ์ ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 ท่ีผู้รายงานพัฒนาข้ึน และ ผรู้ ายงานทาการสอนเอง ใช้เวลา 11 ช่วั โมง 5. เม่ือสอนครบ 11 ช่ัวโมง ให้นักเรียนตอบแบบประเมินความพึงพอใจและ ทาการสอบหลังเรียน (Posttest) ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภยั ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 จานวน 40 ข้อ ใช้ เวลาทดสอบจานวน 1 ชัว่ โมง ไมใ่ ชเ้ วลาเรียน 6. เม่ือสิ้นสุดการเรียนรู้แล้ว เปรียบเทียบคะแนนเฉล่ียก่อนเรียนและหลังเรียน ทดสอบสมมติฐาน วิเคราะห์ค่าดัชนีประสิทธิผล วิเคราะห์ระดับความพึงพอใจ และหาค่า คะแนนรวมเฉล่ีย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัย ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 7. สรุปและอภิปรายผล
77 การวเิ คราะหข์ ้อมลู ผูร้ ายงานดาเนินการวเิ คราะห์ข้อมูล ดงั นี้ 1. หาคุณภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัย ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 6 ที่ใหผ้ เู้ ชีย่ วชาญตรวจสอบ หาคา่ เฉลยี่ ( X ) และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน ( S.D.) 2. ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่อื ง ปรากฏการณ์ของโลกและภัย ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 หาประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 โดยใชส้ ตู ร ประสิทธภิ าพของกระบวนการ / ประสิทธภิ าพของผลลพั ธ์ ( E1 / E2 ) 3. คุณภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่ือง ปรากฏการณ์ของ โลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ท่ีให้ผู้เช่ียวชาญตรวจสอบความ สอดคล้องของข้อสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้ หาดัชนีความสอดคล้อง IOC (Index of Item Objective Congruence) 4. ตรวจสอบค่าความยากงา่ ยของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน เร่อื ง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 5. ตรวจสอบค่าอานาจจาแนกของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภยั ธรรมชาติ รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว16101 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6 6. ตรวจสอบค่าความเชื่อม่ันของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง ปรากฏการณข์ องโลกและภัยธรรมชาติ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว16101 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 6 7. ตรวจสอบคา่ ความเช่อื มนั่ ของแบบประเมินความพงึ พอใจของนักเรียน ท่ีมีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6 8. ความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระ การเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทีใ่ หน้ ักเรยี นประเมิน หาคา่ เฉล่ีย ( X ) และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน ( S.D.) 9. ดัชนีประสทิ ธผิ ลของการเรียนร้ดู ว้ ยชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรอื่ งปรากฏการณ์ ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระ
78 การเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ใชส้ ตู รคานวณตามวธิ กี ารของกูด แมน เฟรทเชอร์และชไนเดอร์ 10. เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัย ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ของนักเรียนก่อนเรียนและหลงั เรยี น โดย ใชส้ ถติ ิ t - test (Dependent Samples) สถิติทใ่ี ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1. ร้อยละ (Percentage) (บญุ ชม ศรีสะอาด. 2545 : 104) P = f 100 N เมือ่ P แทน รอ้ ยละ f แทน ผลรวมของคะแนนท้งั หมดในกลุ่ม N แทน จานวนข้อมลู ทั้งหมด 2. ค่าเฉล่ีย (Mean Average : X ) (สุรศักด์ิ อมรรัตนศักด์ิและคณะ. 2548 : 107) X = X N เมือ่ X แทน คา่ เฉล่ีย X แทน ผลรวมของคะแนนนักเรยี นทั้งหมด N แทน จานวนนักเรียนทงั้ หมด 3. ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.) (สุรศักด์ิ อมรรัตนศักด์ิ และคณะ. 2548 : 124) S.D. = (X − X )2 N −1 เมอ่ื S.D. แทน สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานของคะแนน X แทน คะแนนของนักเรียนแตล่ ะคน แทน ผลรวมของคะแนน
79 X แทน ค่าเฉล่ยี N แทน จานวนนักเรียน 4. ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัย ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 (ชัยยงค์ พรหมวงศ.์ 2544 : 49 - 52) E1 / E2 E1 = X x 10N0 A เม่ือ E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ คิดเป็นร้อยละของคะแนน เฉลี่ยจากการทาแบบทดสอบหลงั เรยี นในชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง ปรากฏการณ์ของโลกและ ภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 X แทน คะแนนรวมของนักเรียนจากการทาแบบทดสอบหลังเรียนในชุด กิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 แตล่ ะชดุ N แทน จานวนนักเรียน A แทน คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียนในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว16101 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 E2 = F N x 100 B เม่อื E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ คิดเป็นร้อยละของคะแนนเฉล่ีย จากการทาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น เรื่อง ปรากฏการณข์ องโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 F แทน คะแนนรวมของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง ปรากฏการณข์ องโลกและภยั ธรรมชาติ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว16101 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6
80 N แทน จานวนนกั เรียน B แทน คะแนนเตม็ ของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6 5. ค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง ปรากฏการณข์ องโลกและภยั ธรรมชาติ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้สูตรดัชนีความ สอดคล้อง IOC (สรุ ศักด์ิ อมรรตั นศกั ดแ์ิ ละคณะ. 2548 : 260) IOC = R N เมือ่ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคาถาม ข อง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวชิ า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 กบั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ R แทน ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นในแต่ละข้อของ ผเู้ ชยี่ วชาญท้งั หมด N แทน จานวนผู้เชี่ยวชาญท้ังหมด 6. คา่ ความยากง่ายของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน เร่ือง ปรากฏการณ์ ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 (สุรศักด์ิ อมรรัตนศักดิ์และคณะ. 2548 : 263) P = RU + RL n เมือ่ P แทน ค่าความยากง่ายของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภยั ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว16101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 RU แทน จานวนคนท่ตี อบถูกในกลุม่ สูง RL แทน จานวนคนทตี่ อบถกู ในกลุ่มตา่ n แทน จานวนคนทัง้ หมดในกล่มุ สูงและกลมุ่ ต่า 7. ค่าอานาจจาแนกของแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น เรื่อง ปรากฏการณ์ ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระ การเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 (สรุ ศักด์ิ อมรรตั นศกั ดิ์และคณะ. 2548 : 264)
81 r = RU − RL n/2 เมอื่ r แทน ค่าอานาจจาแนกของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ประถมศกึ ษาปีที่ 6 RU แทน จานวนคนทต่ี อบถกู ในกล่มุ สงู RL แทน จานวนคนท่ีตอบถูกในกลุ่มต่า n แทน จานวนคนท้งั หมดในกล่มุ สงู และกล่มุ ตา่ 8. คา่ ความเชอื่ ม่นั ของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระ การเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 (สุรศกั ดิ์ อมรรตั นศกั ดิ์และคณะ. 2548 : 254) KR − 20 = k k 1 − pq −1 S2 เมอ่ื k แทน จานวนขอ้ สอบ p แทน สดั ส่วนของคนที่ตอบถูก q แทน สดั ส่วนของคนท่ีตอบผิด S 2 แทน ความแปรปรวนของคะแนน 9. ค่าความเชื่อมั่นของแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ัน ประถมศึกษาปที ี่ 6 (สุรศักด์ิ อมรรตั นศักด์ิและคณะ. 2548 : 256) = k k − si2 −1 1 sx2 เมื่อ k แทน จานวนข้อคาถาม si2 แทน ความแปรปรวนของคะแนนรายขอ้ sx2 แทน ความแปรปรวนของคะแนนรวมรายบคุ คล 10. สถิติท่ีใช้หาค่าดัชนปี ระสิทธิผลของการเรียนรู้ดว้ ยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณข์ องโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว16101
82 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (เผชิญ กิจระการ. 2546 : 1) E.I. = ผลรวมคะแนนทดสอบหลังเรียน - ผลรวมคะแนนทดสอบกอ่ นเรียน (จานวนนักเรยี น x คะแนนเต็ม) - ผลรวมคะแนนทดสอบก่อนเรียน เม่อื E.I. แทน คา่ ดัชนปี ระสิทธิผล 11. สถิติทใ่ี ชท้ ดสอบสมมติฐาน ใช้ t - test (Dependent Samples) (ชศู รี วงศร์ ัตนะ. 2550 : 179) สตู ร t = D df = n −1 n D2 − ( D)2 n −1 เมอ่ื t แทน คา่ สถติ ิทจี่ ะใช้เปรยี บเทยี บกบั คา่ วิกฤตเิ พือ่ ทราบ ความมนี ยั สาคญั D แทน ความแตกตา่ งระหวา่ งคะแนนแต่ละคู่ n แทน จานวนคนในกลุ่มท่ีเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 df แทน องศาแหง่ ความเปน็ อิสระ = n −1
83 บทท่ี 4 ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใช้ชุด กิจกรรมการเรียนรู้ และเทคนิคการสอนแบบ Active Learning เพ่ือสร้างความรู้ความเข้าใจ เรือ่ ง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ ของนกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน อาเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ผู้รายงานได้ นาเสนอผลการวิเคราะห์ตามลาดบั ดงั ต่อไปน้ี 1. สัญลักษณ์ท่ใี ชใ้ นการนาเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 2. ลาดับขนั้ ตอนในการนาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมลู 3. ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู สัญลักษณ์ท่ใี ชใ้ นการนาเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมลู เพือ่ ใหก้ ารนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมลู เป็นท่ีเขา้ ใจตรงกนั ในการแปลความหมาย ของการวเิ คราะหข์ อ้ มูล ผูร้ ายงานจงึ ได้กาหนดสญั ลกั ษณ์ตา่ ง ๆ ดงั น้ี N แทน จานวนนักเรียนในกล่มุ ตวั อย่าง X แทน คะแนนเฉลยี่ (Mean) S.D. แทน สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ คิดเป็นร้อยละของคะแนน เฉลี่ยจากการทาแบบทดสอบก่อนเรียนในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลก และภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ คิดเป็นร้อยละของคะแนนเฉล่ีย จากการทาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน เรอื่ ง ปรากฏการณ์ของโลกและภยั ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 หลังเรยี น E.I. แทน คา่ ดัชนปี ระสทิ ธิผล t แทน ค่าสถติ ิทใ่ี ชเ้ ปรียบเทยี บกับค่าวกิ ฤตเิ พื่อทราบ ความมีนยั สาคญั D แทน ผลต่างระหว่างคคู่ ะแนนของคะแนนก่อนเรยี นและหลังเรยี น D แทน ผลรวมของผลต่างของคะแนนกอ่ นเรียนและหลังเรียน D2 แทน ผลรวมของผลต่างของคะแนนกอ่ นเรียนและหลังเรยี น ยกกาลงั สอง
84 ลาดับขั้นตอนในการนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล การนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมลู ผูร้ ายงานไดด้ าเนนิ การตามลาดับขน้ั ดงั น้ี ตอนที่ 1 การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ตามเกณฑ์ ประสทิ ธภิ าพ 80/80 ( E1 / E2 ) ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบคะแนนเฉล่ียผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อน เรียนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษม ประถมศึกษาเชยี งราย เขต 2 ตอนที่ 3 การวิเคราะห์ค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภยั ธรรมชาติ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 ตอนที่ 4 การวิเคราะห์ระดับความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 6
85 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล ตอนท่ี 1 การวเิ คราะหป์ ระสิทธิภาพของชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ของโลกและ ภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์ประสิทธภิ าพ 80/80 ( E1 / E2 ) ตารางท่ี 4.1 ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปี ท่ี 6 ตามเกณฑป์ ระสิทธิภาพ 80/80 ( E1 / E2 ) ชุดกิจกรรม คะแนนระหวา่ งเรียน คะแนนหลังเรยี น การเรียนรู้ คะแนน คะแนน ร้อยละ คะแนน คะแนน รอ้ ยละ E1 E2 ชดุ ท่ี 1 เต็ม เฉลย่ี เต็ม เฉล่ยี ชดุ ท่ี 2 ชดุ ท่ี 3 10 8.50 85.00 รวม 10 8.35 83.50 30 24.60 82.00 83.50 82.00 10 8.20 82.00 40 33.40 83.50 จากตารางท่ี 4.1 ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณข์ องโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า นักเรียน ท้ังหมด 20 คน ทาแบบทดสอบหลังเรียนในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จานวน 3 ชุด รวม คะแนนเต็ม 30 คะแนน นักเรียนได้คะแนนคิดเป็นร้อยละ 83.50 ทาแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธ์ิทางการเรียน จานวน 30 ข้อ 30 คะแนน นักเรียนได้คะแนนเฉลี่ย 24.60 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 82.00 ดังนั้น พิจารณาโดยสรุปได้ว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 6 ทผี่ ูร้ ายงานพัฒนาขึ้น มี ประสทิ ธิภาพ 83.50/82.00 ซงึ่ สงู กวา่ เกณฑม์ าตรฐาน 80/ 80
86 ตอนที่ 2 การเปรยี บเทียบคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนระหวา่ งก่อนเรียนและหลงั เรียน ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศกึ ษาเชียงราย เขต 2 ตารางท่ี 4.2 ผลการเปรียบเทยี บคะแนนเฉลี่ยผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนระหว่างก่อนเรียนและ หลังเรยี นดว้ ยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่อื ง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว16101 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ของนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรยี นบ้านทงุ่ ม่าน สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษาประถมศกึ ษาเชียงราย เขต 2 ช่วงการวัด N S.D. D D2 t กอ่ นเรียน 20 11.95 2.28 253 3,365 19.22** หลงั เรียน 20 24.60 1.73 **ค่า t มนี ัยสาคญั ทางสถติ ิที่ระดับ .01 (t .01,19 = 2.5395) จากตารางท่ี 4.2 นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน สังกัด สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .01 แสดงว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นักเรียนท่ีได้เรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ท่ีผู้รายงานพัฒนาขึ้น หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ซ่ึงเปน็ ไปตามสมมตฐิ านทตี่ ้ังไว้ ตอนท่ี 3 การวิเคราะหค์ า่ ดัชนปี ระสทิ ธผิ ลของชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เร่อื ง ปรากฏการณข์ อง โลกและภยั ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 การวิเคราะห์ดชั นปี ระสทิ ธผิ ลของชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของ โลกและภยั ธรรมชาติ รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว16101 กลมุ่ สาระการ เรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 มดี งั นี้
87 ค่าดชั นปี ระสทิ ธผิ ล = ผลรวมคะแนนทดสอบหลงั เรียน - ผลรวมคะแนนทดสอบกอ่ นเรยี น (จานวนนักเรียน x คะแนนเตม็ ) - ผลรวมคะแนนทดสอบก่อนเรยี น 492 - 239 = (20 x 30) - 239 = 253 600 - 239 = 253 361 = 0.7008 ตารางที่ 4.3 คา่ ดชั นปี ระสทิ ธผิ ลของชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง ปรากฏการณข์ องโลกและ ภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว16101 กลุม่ สาระ การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 จานวน คะแนนเต็ม คะแนน ร้อยละ ดัชนี นักเรยี น (30) ก่อนเรยี น หลังเรยี น กอ่ นเรยี น หลงั เรยี น ประสทิ ธิผล 20 600 239 492 39.83 82.00 0.7008 จากตารางที่ 4.3 คา่ ดัชนปี ระสทิ ธผิ ลของชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง ปรากฏการณ์ของโลกและภยั ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว16101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของนักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน บ้านทุ่งม่าน สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาเชยี งราย เขต 2 มีค่าเท่ากบั 0.7008 แสดงว่านักเรียนท่เี รียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ท่ผี รู้ ายงานพฒั นาข้ึน มีความร้เู พมิ่ มากขึ้น 0.7008 หรือ คดิ เปน็ ร้อยละ 70.08
88 ตอนที่ 4 การวิเคราะห์ระดับความพงึ พอใจของนักเรียนต่อการเรยี นด้วยชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณข์ องโลกและภัยธรรมชาติ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว16101 กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 ตารางที่ 4.4 ผลการวเิ คราะห์ระดบั ความพึงพอใจของนกั เรยี นต่อการเรียนดว้ ยชุดกจิ กรรมการ เรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณข์ องโลกและภยั ธรรมชาติ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยี รหสั วิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 6 รายการประเมิน X S.D. ระดบั ความพึงพอใจ ดา้ นสาระการเรยี นรู้ 4.71 0.45 1. เน้อื หาสาระที่เรยี นเป็นเรื่องท่นี ่าสนใจ 4.86 0.35 มากท่ีสดุ 2. เนื้อหาสาระท่ีเรียนเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ 4.43 0.49 มากที่สดุ 3. เนื้อหาสาระทเี่ รียนมีความเหมาะสม ไมย่ ากเกินไป 4.57 0.49 มาก ดา้ นกิจกรรมการเรียนรู้ 4.71 0.45 4. ขา้ พเจ้าได้เรยี นรดู้ ้วยกิจกรรมท่หี ลากหลาย มากท่สี ดุ 5. ครสู อนเนือ้ หาครบถว้ นและสอดคล้องตามจุดประสงค์ 4.29 0.70 มากที่สุด การเรยี นรู้ 6. การเรยี นร้จู ากชดุ กจิ กรรมการเรียนรทู้ าให้ขา้ พเจา้ 5.00 0.00 มาก สนกุ สนาน 4.86 0.35 4.57 0.49 มากที่สดุ ดา้ นสือ่ การเรียนรู้ 4.71 0.45 มากทส่ี ดุ 7. มีสือ่ การเรียนรู้ที่เพยี งพอต่อจานวนนักเรียน มากที่สดุ 8. ส่ือการเรียนรู้มคี วามน่าสนใจและเป็นประโยชน์ 4.57 0.49 มากทส่ี ดุ 9. สื่อการเรยี นรสู้ ามารถพัฒนาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนได้ 10. การเรยี นรจู้ ากชดุ กิจกรรมการเรยี นรูท้ าให้ข้าพเจา้ เขา้ ใจ 4.86 0.35 มากที่สุด ยิ่งขึน้ 4.43 0.49 11. การเรยี นรจู้ ากชดุ กิจกรรมการเรยี นรทู้ าใหข้ า้ พเจ้ามี 4.71 0.45 มากที่สุด ความสุข มาก ดา้ นการวดั ผลประเมนิ ผล มากท่สี ุด 12. ครูแจ้งเกณฑ์และวิธีประเมนิ ผลล่วงหนา้ ชดั เจน 13. ครปู ระเมินผลการเรียนรู้อยา่ งเป็นระบบและเหมาะสม 14. หลงั การทาแบบทดสอบขา้ พเจ้าได้ทราบผลคะแนน อย่างรวดเรว็
89 รายการประเมนิ ระดบั X S.D. ความพึงพอใจ 15. ข้าพเจา้ ได้รับคาชมเชยจากครูเมื่อตงั้ ใจทากจิ กรรม 4.71 0.45 มากทส่ี ุด ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เฉล่ีย 4.67 0.49 มากท่ีสุด จากตารางที่ 4.4 พบว่า นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 มีความพึงพอใจต่อการเรียน ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว 16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 โดยภาพรวมอยู่ในระดบั มากท่ีสดุ
90 บทที่ 5 สรุปผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ การศกึ ษาค้นควา้ ครั้งน้ี มุ่งศกึ ษาและสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน ผู้รายงาน ได้ดาเนินการสรปุ ผลการศกึ ษาคน้ คว้า อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ ตามลาดับหวั ข้อดังน้ี 1. ความม่งุ หมายของการศึกษาค้นคว้า 2. สมมตฐิ านของการศึกษาคน้ ควา้ 3. กลมุ่ ตวั อยา่ งทใ่ี ช้ในการศึกษาคน้ ควา้ 4. เครอื่ งมอื ท่ีใชใ้ นการศกึ ษาค้นควา้ 5. การเก็บรวบรวมข้อมูล 6. การวเิ คราะห์ข้อมูล 7. สรปุ ผลการศกึ ษาคน้ คว้า 8. อภิปรายผลการศกึ ษาคน้ คว้า 9. ข้อเสนอแนะ ความมุ่งหมายของการศกึ ษาค้นควา้ การศกึ ษาคน้ คว้าครั้งนีผ้ ้รู ายงานไดต้ ง้ั ความมุง่ หมายของการศกึ ษาคน้ ควา้ ไวด้ งั น้ี 1. เพ่ือหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลก และภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ใหม้ ีประสทิ ธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหวา่ งก่อนเรียนและหลงั เรียนด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 3. เพ่ือศกึ ษาดชั นีประสิทธิผลของชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของ โลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 4. เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6
91 สมมตฐิ านของการศกึ ษาค้นควา้ การศกึ ษาค้นคว้าในครง้ั นี้ผู้รายงานได้ตั้งสมมติฐานการศึกษาค้นคว้าไวด้ งั น้ี 1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชาว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 ทีผ่ ู้รายงานพฒั นาขึ้น มปี ระสทิ ธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 2. นักเรียนท่ีเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและ ภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรยี น 3. นักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและ ภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าดัชนีประสทิ ธิผลไม่น้อยกวา่ .50 ขึ้น ไป 4. นักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและ ภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 มีความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ ในระดับมากที่สดุ กลมุ่ ตัวอย่างทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษาคน้ ควา้ การศึกษาคน้ ควา้ ในครัง้ นีผ้ ู้รายงานไดก้ าหนดกลมุ่ ตวั อย่าง ดงั นี้ กลุ่มตวั อย่าง ได้แก่ นักเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษมประถมศึกษา เชียงราย เขต 2 ซ่ึงไดม้ าโดยการเลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จานวน 20 คน เครอื่ งมอื ทีใ่ ช้ในการศกึ ษาค้นคว้า เครื่องมอื ท่ีใช้ในการศกึ ษาคน้ ควา้ ครงั้ นี้ ประกอบดว้ ย 1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 6 โดยแบง่ เนื้อหาออกเป็น 3 ชุด คือ ชดุ ที่ 1 เรือ่ ง ลมบก ลมทะเล และมรสุม ชดุ ท่ี 2 เรือ่ ง ปรากฏการณ์เรือนกระจกและภาวะโลกรอ้ น ชดุ ท่ี 3 เรอ่ื ง ภัยธรรมชาติ
92 2. แผนการจัดการเรียนรู้ เรอ่ื ง ปรากฏการณข์ องโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว16101 กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 จานวน 11 แผน รวม 11 ชัว่ โมง คอื แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง การเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ลมบก ลมทะเลเป็นอยา่ งไร แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรอ่ื ง การเกิดมรสมุ เกยี่ วข้องกับฤดขู องประเทศไทย อยา่ งไร แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรอ่ื ง ผลของลมบก ลมทะเล และมรสมุ ต่อการ ดาเนนิ ชวี ิต แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 5 เรอ่ื ง ปรากฏการณ์เรอื นกระจกและภาวะโลกร้อน แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 6 เรอื่ ง ปรากฏการณ์เรือนกระจกของโลกเปน็ อย่างไร แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 7 เรอ่ื ง เราจะลดปรมิ าณแกส๊ เรอื นกระจกไดอ้ ยา่ งไร แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 8 เรอื่ ง ปรากฏการณเ์ รือนกระจกกบั การดารงชวี ติ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 9 เร่ือง รู้จกั ภยั ธรรมชาติ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 10 เรื่อง ปฏิบัติตนอย่างไรให้ปลอดภยั จากภัย ธรรมชาติ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11 เรอื่ ง ภยั ธรรมชาติ และเฝ้าระวงั ภยั ธรรมชาติ 3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัย ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ซ่งึ ผ้รู ายงานสร้างขึ้นเอง เป็นแบบเลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 40 ขอ้ 4. แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัส วิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 จากน้ันได้นาเครื่องมือเหล่านี้ให้ผู้เช่ียวชาญพิจารณาตรวจสอบ หาค่าดัชนีความ สอดคล้อง (IOC) ค่าเฉลี่ย ( X ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D.) ดาเนินการ แก้ไขปรับปรุง นาไปทดลองใช้แลว้ หาคา่ ความยากงา่ ย (p) คา่ อานาจจาแนก (r) และคา่ ความเชอื่ ม่ันได้ผลดงั นี้ 1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 โดยการพิจารณาตรวจสอบและประเมินคุณภาพจาก ผู้เชี่ยวชาญ จานวน 5 คน ประเมินตามองค์ประกอบ 5 ด้าน 12 รายการ ประกอบด้วย ด้านจุดประสงค์การเรียนรู้ 2 รายการ ด้านเน้ือหา 3 รายการ ด้านรูปแบบของชุดกิจกรรม การเรียนรู้ 3 รายการ ด้านการนาเสนอกิจกรรม 2 รายการ และด้านการวัดผลประเมินผล 2 รายการ ไดค้ ่าเฉลี่ยในแตล่ ะชุด ดงั น้ี
93 ชดุ ที่ 1 เรอื่ ง ลมบก ลมทะเล และมรสมุ ได้คา่ เฉลย่ี 4.60 สว่ นเบยี่ งเบน มาตรฐาน 0.49 มคี ุณภาพอยู่ในระดบั มากที่สุด ชดุ ท่ี 2 เร่อื ง ปรากฏการณเ์ รอื นกระจกและภาวะโลกรอ้ น ได้คา่ เฉลย่ี 4.58 สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน 0.49 มีคณุ ภาพอยใู่ นระดับมากท่สี ุด ชุดท่ี 3 เรอ่ื ง ภยั ธรรมชาติ ไดค้ า่ เฉลย่ี 4.48 สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน 0.50 มีคณุ ภาพอยู่ในระดบั มาก 2. แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 โดยการพิจารณาตรวจสอบและประเมินคุณภาพจาก ผู้เชี่ยวชาญ จานวน 5 คน ประเมินตามองค์ประกอบ 6 ด้าน ประกอบด้วย สาระสาคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ และการวัดผล ประเมินผล ได้ค่าเฉลีย่ ในแตล่ ะแผน ดงั นี้ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 เรอื่ ง การเกิดลมบก ลมทะเล และมรสมุ ได้ค่าเฉลย่ี 4.01 สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.58 มคี ุณภาพอยูใ่ นระดับมาก แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 เรือ่ ง ลมบก ลมทะเลเปน็ อยา่ งไร ได้ค่าเฉลยี่ 4.11 ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน 0.53 มีคุณภาพอยู่ในระดับมาก แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3 เรือ่ ง การเกดิ มรสมุ เกีย่ วข้องกับฤดูของประเทศไทย อย่างไร ไดค้ ่าเฉลยี่ 4.12 ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน 0.52 มคี ุณภาพอยใู่ นระดบั มาก แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 เรื่อง ผลของลมบก ลมทะเล และมรสุมต่อการ ดาเนินชีวติ ได้คา่ เฉล่ีย 4.03 ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน 0.59 มคี ุณภาพอยใู่ นระดบั มาก แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง ปรากฏการณ์เรือนกระจกและภาวะโลกร้อน ไดค้ ่าเฉล่ยี 4.01 ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน 0.58 มีคุณภาพอยู่ในระดบั มาก แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 6 เรือ่ ง ปรากฏการณเ์ รือนกระจกของโลกเปน็ อย่างไร ไดค้ า่ เฉล่ีย 4.11 สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน 0.53 มคี ุณภาพอยูใ่ นระดับมาก แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 เร่ือง เราจะลดปริมาณแก๊สเรือนกระจกได้อย่างไร ไดค้ ่าเฉลีย่ 4.12 สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 0.52 มคี ณุ ภาพอยู่ในระดับมาก แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 8 เรื่อง ปรากฏการณ์เรือนกระจกกบั การดารงชวี ิต ได้ ค่าเฉลีย่ 4.03 สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 0.59 มคี ณุ ภาพอย่ใู นระดบั มาก แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 9 เรื่อง รู้จักภัยธรรมชาติ ได้ค่าเฉลี่ย 4.01 ส่วน เบย่ี งเบนมาตรฐาน 0.58 มคี ุณภาพอยูใ่ นระดบั มาก แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 เร่ือง ปฏิบัติตนอย่างไรให้ปลอดภัยจากภัย ธรรมชาติ ได้ค่าเฉลีย่ 4.11 ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน 0.53 มคี ุณภาพอยใู่ นระดับมาก แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 11 เรอื่ ง ภยั ธรรมชาติ และเฝ้าระวังภัยธรรมชาติ ได้ ค่าเฉล่ีย 4.12 ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน 0.52 มคี ณุ ภาพอย่ใู นระดบั มาก
94 3. แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เรอื่ ง ปรากฏการณ์ของโลกและภัย ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 ไดค้ า่ ดชั นีความสอดคล้องเฉล่ียเทา่ กับ 1.00 ค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.41 - 0.78 ค่าอานาจจาแนกอยู่ระหว่าง 0.25–0.81 และค่า ความเช่อื มัน่ เทา่ กับ 0.76 4. แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ของโลกและภยั ธรรมชาติ รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว16101 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ผา่ นการ ตรวจพิจารณาจากผ้เู ชีย่ วชาญทางด้านความเหมาะสมของข้อความ การใช้ภาษาชัดเจน รายการ ประเมินแต่ละข้อครอบคลุมองค์ประกอบด้านสาระการเรียนรู้ ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านสื่อ การเรียนรู้ และด้านการวดั ผลประเมินผล ได้ค่าความเชือ่ ม่ันเทา่ กับ 0.84 การเก็บรวบรวมข้อมูล การศกึ ษาค้นคว้าคร้งั น้ี ผรู้ ายงานได้ดาเนินการตามข้นั ตอนดงั น้ี 1. ผู้รายงานทาการปฐมนิเทศนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อชี้แจงที่มา และขอความร่วมมอื ในการทดลอง 2. ผู้รายงานทดสอบก่อนเรียนจากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น เรอื่ ง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างจะได้ คะแนนกอ่ นเรียน 3. นักเรียนเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและ ภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 อย่างต่อเน่ืองในเวลาเรียนปกติตามตารางเรียน จานวน 11 ช่ัวโมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โดยในแต่ละชุดนักเรียนจะต้องทาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ในชุด กิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 ท้ัง 3 ชุด ไปด้วย คะแนนที่ได้จากการทาแบบทดสอบก่อนเรียนในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นคะแนน ประสิทธภิ าพของกระบวนการในการเรียน ( E1 ) 4. ผู้รายงานดาเนินการทดสอบหลังเรียนจากแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการ เรียน เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 จะได้คะแนน ประสิทธิภาพของผลลพั ธใ์ นการเรยี นหลังเรยี น ( E2 ) 5. เม่ือเสรจ็ สิ้นการรวบรวมขอ้ มูล ผรู้ ายงานนาข้อมลู มาวิเคราะหต์ ามขนั้ ตอน การวิเคราะหต์ ่อไป
95 การวิเคราะหข์ ้อมลู การศึกษาค้นคว้าเพ่ือสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผรู้ ายงานไดด้ าเนนิ การวเิ คราะห์ข้อมูล ตามขัน้ ตอน ดงั นี้ 1. วิเคราะห์ความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภยั ธรรมชาติ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 หาค่าความเท่ียงตรงตามเน้ือหา โดย ใชด้ ชั นคี วามสอดคล้อง (IOC) 2. วิเคราะห์หาความยากง่าย อานาจจาแนก ความเช่ือมั่นของแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว16101 กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยชี ้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 3. หาประสทิ ธิภาพของชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ของโลกและ ภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 4. หาดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลก และภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยชี ้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 5. ประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่ม สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยชี ั้นประถมศึกษาปีที่ 6 6. เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัย ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ t - test (Dependent Samples) สรุปผลการศึกษาค้นคว้า จากการที่ได้นาชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ของโลกและภยั ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ประถมศึกษาปีที่ 6 ไปใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนบ้านทุ่งม่าน สังกัด สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษรประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 จานวน 20 คน ผลท่ีได้จากการ วิเคราะห์ข้อมลู ดังน้ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110