6) มรี ะบบการพฒั นาบุคลการทด่ี ี (Training & Development) โดยวิธีการพฒั นาบุคลการที่ปฏิบตั ิกนั มาในรูปแบบเดิม ๆ น้นั ส่วนใหญ่ จะ เป็นการฝึ กอบรมในหอ้ งเรียน (Training Center) ซ่ึงจาเป็นตอ้ งใชง้ บ ประมาณจานวนมาก ในแนวคิดใหม่น้ีทาอยา่ งไรจึงจะเปลี่ยนใหเ้ กิดเป็นการฝึ กอบรมในศูนยก์ าร เรียนรู้ (Learning Center) ซ่ึงกระจายตวั ออกไปอยใู่ นทุก ๆ หน่วยงาน หรือ ทุก ๆ ทีมงานใหเ้ กิดการเรียนรู้และพฒั นาทกั ษะกนั โดยสมคั รใจ พร้อมท้งั รับผดิ ชอบในการกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ และเป้าหมายของการ เรียนรู้กนั เอง โดยวธิ ีน้ีนอกจากจะใชท้ รัพยากรต่าง ๆ ลดนอ้ ยลงแลว้ ประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลของงานกจ็ ะเพิ่มข้ึนอยา่ งเห็นไดช้ ดั
ระบบการพฒั นาศกั ยภาพของบุคลการ ในองคก์ รช้นั นาหลายแห่งเริ่ม นาเอา ระบบองคก์ รเรียนรู้เขา้ ไปปฏิบตั ิ โดยเนน้ การสร้างผนู้ าองคก์ ร (Leadership) และการเรียนรู้ร่วมกนั เป็นทีม (Team Learning) พร้อม ๆ กบั สอนความ เขา้ ใจในการทางานอยา่ งเป็นระบบ (Systemic Learning) ใหเ้ ป็นมาตรฐาน ในการปฏิบตั ิงาน ผลท่ีไดก้ เ็ ท่ากบั วา่ เป็นการ “พมิ พ์เหมือน (Cloning)” ถ่ายทอดทกั ษะ และประสบการณ์ จากผนู้ า องคก์ รที่มีอาวโุ สแต่ละรุ่นไปสู่ สมาชิกในทีมงาน ซ่ึงจะช่วยใหเ้ กิด พฒั นาการของทายาทผนู้ าองคก์ ร หรือ ตวั ตายตวั แทน และเกิด อจั ฉริยภาพโดยรวมท่ีเหนือกวา่ องคก์ รอน่ื ๆ
7) มรี ะบบการประกาศเกยี รตคิ ุณและให้รางวลั (Reward & Recognition) โดยทีมงานท่ีประสบความสาเร็จควรไดร้ ับการยกยอ่ ง เพื่อใหเ้ กิดความ ภาคภูมิใจ และให้ ทุกคนยอมรับในความสาเร็จ และเป็นกรณีตวั อยา่ งที่ดี ท่ีทุกทีมงานควรปฏิบตั ิตาม ซ่ึง สามารถปฏิบตั ิไดใ้ นหลาย ๆ รูปแบบ อาทิเช่น 7.1 แบบเป็ นพธิ ีการ (Formal) เช่น การจดั การประกวดผลงาน แลว้ ประกาศผล พร้อม การใหร้ างวลั ในรูปแบบตา่ ง ๆ กนั ในบางคร้ัง เพียงแคใ่ บประกาศชมเชย ผลงานที่ติด รูป และช่ือพร้อมสมาชิกของ ทีมงาน ก็อาจจะเป็นการเพียงพอได้ ในบางโอกาส 7.2 แบบมม่เป็ นพธิ ีการ (Informal) เช่น การจดั เล้ียงสมนาคุณหรือจดั ประชุมเพื่อ ขอบคุณ และรับประทานกาแฟ อาหารวา่ งร่วมกนั 7.3 แบบท่ีใช้ในงานประจาวนั (Day-to-Day) เช่น การกลา่ วชมเชยยกยอ่ ง ในขณะท่ีมี การประชุมในเร่ืองที่เกี่ยวขอ้ ง
8) การให้ความสาคญั กบั ทรัพยากรบุคคล (Employee Focus) โดยขอ้ สรุปท่ีวา่ “ทรัพยากรบุคคลเป็นผทู้ ี่ทาใหร้ ะบบน้นั ทางานได”้ ทุก องคก์ รจึงตอ้ งมีระบบทรัพยากรบุคคล (Human Resources System) ท่ีดี ซ่ึงจะ ประกอบดว้ ย 8.1 ระบบการวางแผนทรัพยากรบุคคล แผนการสรรหาและคดั เลือก แผนการพฒั นาทกั ษะ และองคค์ วามรู้ในแต่ละหน่วยงาน และแตล่ ะ บุคคล 8.2 ระบบปฏิบัติการ การบริหารเวลาทางาน การฝึ กอบรม และการเสนองาน
ความปลอดภยั ในงาน และการรักษาพยาบาล การพจิ ารณาความดีความชอบตามผลงาน การจ่ายผลตอบแทนตา่ ง ๆ การสร้างคุณภาพชีวติ กบั งาน 8.3 ระบบข้อมูลสารสนเทศ ท้งั ประวตั ิส่วนตวั ครอบครัว ประวตั ิการมา ทางาน ผลงาน ทกั ษะ ตลอดจนหนา้ ท่ี และความรับผดิ ชอบตา่ ง ๆ (Job Description & Responsibility)
9) ความเอาใจใส่ต่อลูกคา้ (Customer Contacts) องคก์ รธุรกิจยคุ ใหม่หลายแห่ง ตา่ งขมีขมนั ที่จะสร้างสัมพนั ธภาพกบั ลูกคา้ อยา่ งใกลช้ ิด เขาพยายามทาทุกวถิ ีทาท่ีจะดึงดูดใหล้ ูกคา้ น้นั กลบั เขา้ มาหา เขา อีกเสมอ ๆ (เพราะเป็นที่ ยอมรับแลว้ วา่ การขายในคร้ังต่อ ๆ ไปใหแ้ ก่ ลกู คา้ รายเดิม จะประหยดั ค่าใชจ้ ่าย ลงไป ไดไ้ ม่นอ้ ยกวา่ 6 เท่า) ในบาง องคก์ รก็ นิยมใชว้ ิธีการโยงใยดว้ ยรูปแบบต่าง ๆ กนั เพอ่ื ใหล้ ูกคา้ ยงั คงตอ้ ง ผกู พนั และใชบ้ ริการไปอยา่ งตอ่ เนื่อง การใหบ้ ริการที่ดีเยย่ี ม เพอื่ สร้าง ความพึง พอใจใหแ้ ก่ลกู คา้ นอกจากน้ี แลว้ การสร้างสัมพนั ธภาพ (Customer Relationship) ดว้ ยการติดตอ่ สื่อสารกบั ลูกคา้ อยา่ งสม่าเสมอ ซ่ึงสามารถ ทา ไดท้ ้งั การเปิ ดช่องทางการรับขอ้ เสนอแนะทางส่ือต่าง ๆ เช่น จดหมาย ไปรษณียต์ อบกลบั อินเตอร์เน็ทอี-เมล์ การใชส้ ่ือสิ่งพมิ พ์ จดหมายขา่ ว โบร ชวั ร์ วารสารต่าง ๆ พร้อมการจดั โครงการพเิ ศษต่าง ๆ แก่ลูกคา้ เก่า กจ็ ะช่วย ใหส้ ัมพนั ธภาพแน่นแฟ้นยง่ิ ข้ึน
10) การพฒั นาผลิตภณั ฑแ์ ละบริการ โดยปกติวิสัยแลว้ สินคา้ และบริการท้งั หลาย เมื่อไดร้ ับความนิยมในช่วงเวลา หน่ึงแลว้ กย็ อ่ มจะมีวนั เส่ือมถอยลง ถือเป็นวงจรชีวติ ของผลิตภณั ฑ์ (Product Life Cycle) จาเป็นตอ้ งมีการปรับปรุงเปล่ียนแปลง และพฒั นา เพม่ิ เติม ซ่ึงขอ้ มูล จากคาแนะนา ความตอ้ งการและความพงึ พอใจของลกู คา้ ที่มีตอ่ สินคา้ และ บริการของเรา จะเป็น เสมือนจุดเร่ิมตน้ ใหเ้ กิดการปรับปรุง และพฒั นาผลิตภณั ฑ์ ต่อไปไดเ้ ป็นอยา่ งดี กบั คาวา่ “สายโซ่แห่งคุณค่า (Value Chain)” ในงานดา้ นการพฒั นาผลิตภณั ฑ์ และ บริการน้นั เป็นความรับผิดชอบของทุก ๆ สายงานที่ จะตอ้ งมี ส่วนร่วม ไม่ วา่ จะเป็นเจา้ หนา้ ที่ ฝ่ ายการตลาด ฝ่ ายช่าง-วศิ วกร ฝ่ ายบริการ หลงั การขาย หรือ แม้ กระทงั่ ฝ่ ายบญั ชีและการเงิน ทุกหน่วยงาน ที่ควรจะมา ร่วมกนั ศึกษา วเิ คราะห์ และออกแบบท้งั กระบวนงาน ผลิตภณั ฑแ์ ละบริการ ท่ีจะนาเสนอต่อ ลกู คา้
การใชท้ ีมงานลกั ษณะน้ี เป็นท่ีนิยมมากกวา่ การปล่อยใหฝ้ ่ ายวิจยั และ พฒั นาผลิตภณั ฑ์ ดาเนินงานไปแตเ่ พยี งหน่วยงานเดียว ซ่ึงประสิทธิผลของ งานจะไม่ครบถว้ น สมบูรณ์ เป็นผลใหห้ วั ใจสาคญั ของธุรกิจ คือการมุ่งสู่ ความตอ้ งการของลกู คา้ ไม่สามารถ บรรลุถึงไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง
11) การบริหารกระบวนงาน (Process Management) กระบวนงานหลาย ๆ กระบวนงานกค็ ือ ระบบงาน (System) ท่ีมีความ สาคญั อยา่ งยงิ่ ยวด ต่อการผลิตสินคา้ หรือการนาเสนอบริการ ไปใหถ้ ึง มือ ผบู้ ริโภค เมื่อมีวตั ถปุ ระสงค์ นโยบาย เป้าหมาย และมาตรฐานของ องคก์ ร ในการผลิตสินคา้ ที่ตรงกบั ความตอ้ งการ และความพึงพอใจของ ลกู คา้ แลว้ เมื่อผา่ นกระบวนงาน (Process) ที่มีการใชว้ ตั ถุดิบ และทกั ษะ แลว้ จะได้ ผลผลิตที่มีคุณภาพระดบั ใด และมีความสูญเสียผิดพลาด มากนอ้ ย เพยี งใด กจ็ ะส่งผลถึงตน้ ทุนและกาไรในท่ีสุด ในการบริหารกระบวนงานตา่ ง ๆ อยเู่ ป็นประจาวนั น้นั จึงมีขอ้ ท่ีตอ้ งพึง ระวงั อยู่ 2 ประการ คือ
ส่วนของ ความประหลาดใจ ซ่ึงกจ็ ะมีอยู่ 2 กรณีกค็ ือ ส่ิงท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึน แต่ กลบั ไม่เกิด หรือสิ่งท่ีไม่คาดหวงั วา่ จะเกิด กลบั เกิดข้ึน ซ่ึงเป็นส่ิงที่ไม่ดี ท้งั สิ้น และบ่อยคร้ังเม่ือมี การเปล่ียนแปลงใด ๆ (Changes) ในกระบวนงาน (Process) หรือระบบงาน (System) มากเท่าใด กจ็ ะเป็นสาเหตุใหเ้ กิดเรื่องท่ี นอกเหนือความคาดหมาย ท่ีมิไดว้ างแผนเตรียมการณ์ไว้ จึงควรมีความระมดั ระวงั และพจิ ารณาล่วงหนา้ ใหถ้ ว้ นถี่ไวอ้ ยา่ งดีท่ีสุด ส่วนท่ีเป็น มุมท่ีมองไม่เห็น ซ่ึงกเ็ สมือนกบั การมีรูปแบบวิธีการคิด และมุม มอง (Mental Models) ที่ยดึ ติดกบั รูปแบบใดรูปแบบหน่ึง จนเป็นผลใหอ้ าจ มองขา้ มเรื่องใดเรื่องหน่ึงไป คลา้ ยอาการ “เส้นผมบงั ภเู ขา” ท้งั ๆ ท่ีมุมที่มอง ไม่เห็นน้ี หากมีการวิเคราะห์อยา่ งลึกซ้ึง แลว้ อาจเป็นท่ีมาของโอกาสตา่ ง ๆ อีกมากมายมหาศาล
การบริหารกระบวนงาน (Process Management) น้ี จึงมีความสาคญั อยทู่ ่ี ตอ้ งทางานกนั อยา่ งเป็นระบบในทุก ๆ ข้นั ตอน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ข้นั ตอน ที่จะตอ้ งมีส่วนสมั พนั ธ์ กบั ลกู คา้ ผใู้ ชผ้ ลิตภณั ฑแ์ ละบริการ กจ็ ะยง่ิ ตอ้ งให้ ความสาคญั เป็นพิเศษ โดยตอ้ งป้อง กนั ท้งั ในส่วนของความประหลาดใจ และมุมที่มองไม่เห็นไวอ้ ยา่ งรอบคอบ ดงั น้นั ในองคก์ รท่ีมีการบริหารกระบวนงาน ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผล กจ็ ะทาใหค้ วามตอ้ งการของลกู คา้ ไดร้ ับการสนองตอบพร้อม ๆ กบั การบรรลุถึง Six Sigma Company ท่ีจะมีความสูญเสียนอ้ ยกวา่ 3.4 ชิ้นงาน จากการผลิตถึง 1 ลา้ นชิ้นน้นั กจ็ ะเป็นไปไดโ้ ดยไม่ยาก รวมถึงรอบ เวลา (Cycle Time) ในการใหบ้ ริการกจ็ ะมีประ สิทธิภาพสูงข้ึน
12) คุณภาพของซัพพลายเออร์ (Supplier Quality) ในกระบวนการผลิตที่จาเป็นตอ้ งใชว้ ตั ถุดิบท่ีตอ้ งส่งั ซ้ือจากซพั พลายเออร์ ก็ จะตอ้ งมีขอ้ กาหนดไวอ้ ยา่ งชดั เจนในดา้ น :- คุณภาพของวตั ถุดิบ กาหนดเวลาในการส่งมอบ (Just-in-time) นอกจากน้ีแลว้ ในปัจจุบนั เร่ิมมีความนิยม ใชร้ ะบบการตดั ตอนไปใช้ บริการ จากหน่วยงานภายนอก (Outsourcing) กนั มากยงิ่ ข้ึน ซ่ึงถือเป็น ซพั พลายเออร์ ในชิ้นงานแตล่ ะประเภทท่ีจะตอ้ งเนน้ ในคุณภาพ และกาหนด เวลาแลว้ เสร็จ- ส่งมอบ ดว้ ยเช่นกนั
13) การเก็บรวบรวมและวเิ คราะห์ข้อมูล (Data Collection and Analysis) การบริหารโดยใชข้ อ้ มูล และความเป็นจริง (Managing by Fact) นบั เป็น ความสาคญั อยา่ งยงิ่ ในระบบการบริหารเชิงคุณภาพรวม (TQM) โดยทุก หน่วยงานจะตอ้ งระบุความตอ้ งการไดว้ า่ จะเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลอะไร ตอ้ งการขอ้ สรุป หรือรายงานประเภทใด และเพอ่ื วตั ถปุ ระสงคอ์ ะไร ท้งั น้ี เพ่อื จะไดน้ ามาประกอบกนั เป็นระบบขอ้ มูลสารสนเทศขององคก์ ร อาทิ เช่น ขอ้ มูล :- รายละเอียดลูกคา้ (Customer Information) ท้งั ดา้ นขอ้ มูลส่วนตวั (Demographic) ขอ้ มูลการตดั สินใจซ้ือ (Psychographic) หรือแม้ กระทงั่ ขอ้ มูลเก่ียวกบั ที่ต้งั ทาง ภูมิศาสตร์ของสถานท่ีอยอู่ าศยั กบั จุดท่ี ซ้ือ (Geographic)
รายละเอียดผลิตภณั ฑ์ (Product Information) ไม่วา่ จะเป็นคุณสมบตั ิ ประโยชน์ใชส้ อย ราคา คุณภาพ การบริการหลงั การขาย การรับประกนั เป็นตน้ รายละเอียดการวจิ ยั ความพึงพอใจของลูกคา้ ประวตั ิการติดตอ่ ของลูกคา้ เพ่ือสร้างสมั พนั ธภาพ (Customer Relationship Program) อยา่ งตอ่ เน่ือง การวเิ คราะห์ผลกาไร ท้งั ในแง่ของผลิตภณั ฑ์ และในแง่ของลกู คา้ รายตวั โดยงาน ประมวลผลขอ้ มลู เหล่าน้ีจะเป็นภาระหนา้ ที่ของฝ่ ายระบบสารสนเทศ ร่วมกบั หน่วยงานท่ีเป็นเจา้ ของขอ้ มลู น้นั ๆ (End Unit) เพื่อดูแล ท้งั ตวั ลกู คา้ และระบบขอ้ มูล ใด ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ลูกคา้ และผลิตภณั ฑ์ ท้งั หมดไวอ้ ยา่ งเบด็ เสร็จ
14) การวเิ คราะห์เปรียบเทยี บ (Benchmarking) โดยสามารถเปรียบเทียบไดท้ ้งั กบั คู่แขง่ ขนั โดยตรง หรือกบั องคก์ รที่เป็น ผนู้ า ในภาคธุรกิจอ่ืน ที่มีลกั ษณะการทางานคลา้ ย ๆ กนั (แตม่ ีผลิตภณั ฑ์ และฐาน ลูกคา้ ต่างกนั ) ซ่ึงนอกจากจะมีการเปรียบเทียบในแง่ของธุรกิจ และ ผลิตภณั ฑ์ แลว้ ในบางคร้ังอาจมีการเปรียบเทียบตวั ผนู้ าองคก์ ร ในระดบั ตาแหน่งงาน ตา่ ง ๆ ระหวา่ งองคก์ รอีกดว้ ย เพอื่ นาขอ้ มูล และผลสรุป มาใชใ้ นการปรับปรุง งานตอ่ ไป การทาวิเคราะหน์ ้ี ส่วนใหญม่ กั นิยมใชห้ น่วยงานภายนอก หรือบริษทั ท่ี ปรึกษารับไปดาเนินการ กจ็ ะช่วยใหเ้ กิดความเป็นกลาง และความแม่นยา มาก ยง่ิ ข้ึน แต่ถา้ จะมีทีมงานข้ึนมารับผดิ ชอบในการทางานน้ี เป็นการภายใน ก็ น่าจะเป็ นไปได้
15) การมสี ่วนร่วมรับผดิ ชอบต่อสังคมและประเทศชาติ (Corporate Responsibility and Citizenship) ในระดบั องคก์ รและพนกั งานทุกคนจะตอ้ งมีจิตสานึกในการที่จะอยรู่ ่วมกบั ชุมชน สังคม และประเทศชาติ โดยจะตอ้ งมีการแสดงออกท้งั การปฏิบตั ิ และ ความรับผิดชอบอยา่ งชดั เจน อาทิเช่น การรักษาสภาพแวดลอ้ ม การใชร้ ะบบนากลบั มาใชใ้ หม่ (Recycle) การป้องกนั และกาจดั การอตุ สาหกรรม มีจริยธรรมทางธุรกิจ ไม่ฉอ้ ฉล สนบั สนุนการศึกษา แก่เยาวชน
สนบั สนุนกีฬา แก่เยาวชน สนบั สนุนกิจการสาธารณกศุ ลตา่ ง ๆ (เช่น สภากาชาด และมูลนิธิต่าง ๆ) มีหน่วยอาสาสมคั รเคลื่อนท่ีใหบ้ ริการในชุมชนต่าง ๆ เช่น ในธุรกิจ โรงพยาบาล กอ็ าจมีหน่วยแพทยเ์ คลื่อนท่ี หรือในธุรกิจประเภทอ่ืน ๆ ก็ อาจจะมีโครงการเขา้ ร่วมบรรเทาสาธารณภยั และโครงการแนะนาอาชีพ ต่าง ๆ เป็นตน้ การมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติดงั ตวั อยา่ งขา้ งตน้ น้ี มิไดม้ ีความหมายในเชิงภาพพจนท์ ่ีดีท่ีจะเกิดข้ึนเท่าน้นั แต่กลบั จะมีผลถึง การยอมรับ หรือการต่อตา้ นสินคา้ จากสงั คมและผบู้ ริโภคท่ีไดใ้ หค้ วาม สาคญั กบั เร่ืองน้ีมากข้ึน เป็นลาดบั
16) มกี ารประเมนิ ผลระบบอยู่เสมอ (System Assessments) ในการมุ่งสู่ระบบการบริหารคุณภาพทว่ั ท้งั องคก์ ร (TQM) โดยปฏิบตั ิตาม ขอ้ บญั ญตั ิ 15 ขอ้ ดงั ท่ีไดก้ ล่าวไปแลว้ น้นั กค็ วรมีการประเมินผล เพอ่ื ตรวจสอบความคงสภาพตามขอ้ กาหนดน้นั ๆ คือ ปฏิบตั ิตามขอ้ 16 น้ีอยา่ ง สม่าเสมอ อยา่ งนอ้ ยปี ละคร้ัง การประเมินผลน้ี เปรียบเสมือนกบั การตรวจสุขภาพร่างกายของคน ซ่ึงทาการ ตรวจกบั ตวั บุคคล แตเ่ ป็นการวดั สมรรถภาพของระบบอวยั วะต่าง ๆ วา่ ยงั คง ทาหนา้ ที่เป็นปกติดีอยหู่ รือไม่ บญั ญตั ิท้งั 16 ขอ้ ของ Baldrige น้ีกเ็ ช่นกนั แม้ เราจะประเมิน และวดั ค่าตา่ ง ๆ จากตวั บุคคลที่อยใู่ นกระบวน งานน้นั ๆ แต่ โดยแทจ้ ริงแลว้ เราตอ้ งการตรวจวดั สมรรถภาพ ของตวั ระบบ การบริหารเชิง คุณภาพรวม (TQM) ทว่ั ท้งั องคก์ รเป็นสาคญั
การประเมินผลน้ี มิใช่เคร่ืองมือของการจบั ผิดกนั เพราะเป็นปกติวสิ ัย ในเรื่อง ของ “สายโซ่แห่งคุณคา่ (Value Chain)” ที่เชื่อมโยงกระบวนงาน ระหวา่ ง “คู่ คา้ -ลกู คา้ ภายในองคก์ ร (Internal Customer)” ไปสู่ “ลูกคา้ ตวั จริง (External Cutomer)” ที่มีอยมู่ ากมายหลายข้นั ตอน การไดท้ ราบถึงสถานภาพ ท่ีแทจ้ ริง (Current Reality) ของระบบ จึงเป็นสิ่งจาเป็น และจะนามาซ่ึงการ พฒั นาอยา่ ง ตอ่ เนื่อง ดงั น้นั ความเขา้ ใจและทศั นคติท่ีดีเก่ียวกบั การประเมินผล จึงเป็นสิ่งจาเป็น จะ ช่วยใหก้ ลยทุ ธ์การดาเนินงานตามขอ้ กาหนดของบลั ดริดจท์ ้งั หมดน้ี เกิด ประโยชนอ์ ยา่ งแทจ้ ริง
สรุป จะเห็นไดว้ า่ กระบวนการบริหารตามบญั ญตั ิ 16 ประการของ Baldrige System น้ี เป็นแนวทางในการบริหารรูปแบบใหม่ เพอ่ื สร้างระบบการ บริหาร เชิงคุณภาพรวม (TQM) ทว่ั ท้งั องคก์ ร ซ่ึงไดพ้ ิสูจนค์ วามสาเร็จไดจ้ าก องคก์ ร ธุรกิจช้นั นาในสหรัฐอเมริกา ในรอบทศวรรษท่ีผา่ นมาไดเ้ ป็นอยา่ งดี ระบบ TQM น้ีเกิดข้ึนมาก่อนระบบรีเอน็ จิเนียริ่ง ประมาณ 8 ปี แต่มี พฒั นาการค่อนขา้ งชา้ โดยเป็นไปอยา่ งต่อเน่ืองและมน่ั คง รวมถึงมีองคก์ ร ควบคุมคุณภาพเกิดข้ึนมารองรับมากมาย การปรับระบบการบริหาร เชิง คุณภาพ (TQM) ทวั่ ท้งั องคก์ รในแตล่ ะแห่ง จาเป็นตอ้ งใชเ้ วลา 2-4 ปี ต่างกบั ระบบรีเอน็ จิเนียริ่ง ซ่ึงใชเ้ วลาส้ันกวา่ และกม็ ีลกั ษณะของกระแสความ นิยม ในลกั ษณะ “มาเร็ว-ไปเร็ว”
รูปแบบการบริหารใหม่น้ี สามารถใชไ้ ดก้ บั องคก์ รทุกประเภท ท้งั อตุ สาห กรรมการผลิต และธุรกิจบริการ ซ่ึงไม่วา่ จะมีขนาดขององคก์ รเลก็ หรือ ใหญ่ อยา่ งไร กส็ ามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดเ้ ป็นอยา่ งดี โดย Baldrige System น้ีจะ ส่งผลใหเ้ กิดพฒั นาการแก่องคก์ ร ดงั น้ี การมุ่งเนน้ ใหค้ วามสาคญั แก่ลูกคา้ ท้งั ดา้ นความตอ้ งการ และความพงึ พอใจ ใน ผลิตภณั ฑ์ การปรับเปล่ียนกระบวนงานภายในใหส้ อดคลอ้ งกนั ทาใหท้ ุกคนในองคก์ รมีการทางาน ภายใตเ้ ป้าหมายร่วมกนั ทาใหท้ ุกคนในองคก์ รมีการคิด และการปฏิบตั ิอยา่ งเป็นระบบ เอ้ือใหเ้ กิดการปรับปรุงประสิทธิภาพอยา่ งตอ่ เนื่องตลอดไป
เกิดระบบบริหารตามขอ้ มูล-ขอ้ เทจ็ จริง ซ่ึงจะช่วยใหม้ ีกลยทุ ธ์ท่ีถูกตอ้ ง เหมาะสมกบั สถานการณ์ เป็นการส่งเสริมใหเ้ กิดระบบการป้องกนั มากกวา่ การติดตามแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาด ก่อใหเ้ กิดวฒั นธรรมคุณภาพ (Total Quality Culture) และมีความคิดริเร่ิม สร้างสรรค์ (Creative Thinking) ที่จะมุ่งมนั่ แสวงหาความรวดเร็ว และ ความ คล่องตวั ตลอดจนคุณภาพ มีการมองออกไปนอกองคก์ ร แสวงหาโอกาสที่จะพฒั นาสมั พนั ธภาพ กบั ลูกคา้ ซพั พลายเออร์ และองคก์ รอื่น ๆ มีการวิเคราะห์เปรียบเทียบระหวา่ งองคก์ ร มีส่วนร่วมรับผิดชอบและพฒั นาสังคม
นามาซ่ึงผลในเชิงคุณคา่ ขององคก์ ร ที่สามารถสะทอ้ นออกสู่สาธารณชน ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การยอมรับของลกู คา้ ค่านิยมขององคก์ ร ตลอดจน คา่ นิยมแห่งตราสินคา้ (Brand Value) น้นั ๆ เป็นตน้
Search