High Alert Drug By KKU nursing students
ยาที่มีความเสี่ยงสูง (High Alert Drugs) คือกลุ่มยาที่มีโอกาสสูงที่จะเกิด อันตรายแก่ผู้ป่วย เพราะมีดัชนีการรักษาแคบ หรือมีผลข้างเคียงร้ายแรงต่ออวัยวะสำคัญ เช่น สมอง หัวใจ ไต ฯลฯ (โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช, 2562)
Insulin Injection ใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วย Type 1 diabetes mellitus, Type 2 diabetes mellitus, Gestational diabetes mellitus
Insulin Injection การบริหารยา การเฝ้าระวังอาการข้างเคียง -Novorapid, NovoMix ควรบริหารภายใน 15 นาที -ก่อนการให้ยาควรสังเกตอาการ hypoglycemia ก่อนอาหาร หรือพร้อมรับประทานอาหารคำแรก -ก่อนให้ยาทุกครั้ง ตรวจสอบค่า POCT (Point of -Actrapid HM, Mixtard HM ควรบริหารยาก่อน care testing) glucose 4 เวลา อาหาร 30 นาที -ติดตามผลข้างเคียงหลังการให้ยา ลงบันทึก Total -ใช้ NSS, SWI เป็นสารละลายเจือจาง ความคงตัว daily insulin dose รวมถึงลงบันทึกตำแหน่ งที่ฉีดยา จะยังคงอยู่ 24 ชั่วโมงหลังผสม -แนะนำผู้ป่วยและญาติให้เฝ้าระวังอาการไม่พึง ประสงค์ที่สำคัญหลังให้ยา คือ ระดับน้ำตาลในเลือด ต่ำ แบ่งตามระดับความรุนแรงได้ดังนี้ -Mild to moderate: หิว, คลื่นไส้, ใจสั่น, หัวใจเต้น ข้อควรระวัง เร็ว, มือ/ตัวสั่น, ปวดศีรษะ, ตาพร่า, สมาธิลดลง และ -เก็บยาในตู้เย็น 2-8 องศาเซลเซียส ห้ามเก็บที่ฝาตู้เย็น อาจท้าให้เกิดภาวะ hypokalemia, hypomagnesemia และช่องแช่แข็ง แยกจากยาฉีดอื่นให้ชัดเจน มีป้ายระบุ และ hypophosphatemia ได้ -ควรให้ยาทาง SC เท่านั้ น มีเพียง Regular insulin -Severe: confusion, seizure และ coma, cardiac เท่านั้ นที่ให้ผ่านหลอดเลือดดำได้ dysrhythmias (จาก hypokalemia ) -ตำแหน่ งที่เหมาะสมในการฉีดคือ sc โดยฉีดหน้ า ท้อง>สะโพก>ต้นแขน>ต้นขา ตามลำดับ -ก่อนใช้ยาอินซูลินชนิ ดขุ่น ได้แก่ Insulatard, Novomix, Mixtard ให้คลึงขวดยาในฝ่ามือไปมา ห้ามเขย่า
ตำแหน่งในการฉีด Insulin เมื่อเกิดอาการข้างเคียง หยุดการให้ insulin แจ้งแพทย์ ให้ 50% glucose 20-50 ml IV bolus ดีขึ้น ยังไม่ดีขึ้น Blood sugar หลัง ให้ 50% glucose 20-50 ml IV bolus ให้การรักษาใน กินไม่ได้ให้ 5%/10% dextrose 15-30 นาที infusion rate 100-120 ml/hr ซ้ำทุก 2 ชั่วโมงจน จนกว่าจะกินได้ ระดับน้ำตาลเป็น ปกติ 2 ครั้ง ใน 24 ชั่วโมงแรก
Norepinephrine injection Levophed® ความแรง 4 mg/4 ml
การบริหารยา: ข้อบ่งใช้ -ความเข้มข้นมาตรฐานเมื่อให้ทาง peripheral line ช่วยหดหลอดเลือด ใช้เพิ่มความดันโลหิต คือ <= 4 mg/250 mL (16 mcg/mL) หรือ 1 amp ต่อ ใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการ Hypotension/shock ที่ 5DW หรือ 5DS 250 mL กรณีต้องการความเข้มข้น มากกว่านี้ แนะนำให้ทาง central venous line โดย ให้สารน้ำอย่างเพียงพอแล้วยังไม่ได้ผล สามารถให้ความเข้มข้นได้ถึง 64 mcg/mL -ขนาดยาสูงสุดโดยปกติไม่เกิน 30 mcg/min แต่ใน กรณี refractory shock สามารถเพิ่มขนาดยาจนถึง 90 mcg/min
ข้อควรระวัง การติดตามการให้ยาผู้ป่วย -Double check ทุกครั้ง -ผสมใน 5DW เท่านั้ น เก็บยาให้พ้นแสง หากยามี -ลงบันทึกสัญญาณชีพ บันทึกทุก 15 นาที จากนั้ นทุก 1 ชั่วโมง สีชมพู สีเหลือง หรือมีตะกอน ไม่ควรใช้ยา -ลงบันทึกอาการและอาการแสดง extravasation ได้แก่ ผิวซีด เขียว หรือมีการอักเสบที่บริเวณ IV site รวมถึงการดูด blood -ห้ามผสมหรือให้ยาร่วมกับสารละลายที่มีฤทธิ์เป็นด่าง เช่น return แล้วไม่มีเลือด สังเกตอัตราหยด ลงบันทึกทุก 1 ชั่วโมง sodium bicarbonate, whole blood รวมถึง Aminophylline, หากพบอาการดังกล่าว Ampicillin, furosemide, piperacillin-tazobactam, ให้หยุดยาทันที คาเข็มไว้ จากนั้ นต่อ syringe 5 ml กับเข็มที่คาไว้ phenytoin , Vitamin K, digoxin ผ่านทางสายยางที่ให้ยานี้ ดูดยาออกมาให้มากที่สุด ดึงเข็มออก ห้ามกดบริเวณที่ยารั่ว จาก นั้ นรายงานแพทย์เจ้าของไข้ และเปลี่ยนตำแหน่ งสำหรับให้ยา -ควรให้ยาในเส้ นเลือดดำขนาดใหญ่แบบเจือจางผ่าน หลังจากนั้ นติดตามอาการ Tissue necrosis หรือ ulcer อย่าง ทาง infusion pump ห้ามให้ IV push เฝ้าระวังการเกิด น้ อย 48 ชั่วโมง หากพบอาการดังกล่าวให้รายงานแพทย์ extravasation -เก็บรักษายาต่างหาก โดยมีฉลากเตือน
Adrenaline Injection ความเข้มข้น 1 mg/ ml หรือ 1 : 1000 (1 gm/ 1,000 ml) ข้อบ่งใช้ กระตุ้นการทำงานของหัวใจในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้น
ข้อควรระวัง 1.ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง 2.ระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ผู้ที่มีปัญหาหลอดเลือดส่วนปลาย ยานี้เมื่อผสมในสารละลายใดๆ จะคงตัวได้ 24 ชั่วโมง 3.หลีกเลี่ยงการให้ IM บริเวณสะโพก อาจทำให้หลอดเลือดตีบจนกล้ามเนื้ อตาย ทั้งที่อุณหภูมิห้อง หรือในตู้เย็น และควรเก็บให้พ้นแสง ยาที่สามารถใช้ร่วมกับยานี้ ได้: dopamine, dobutamine 4.สามารถบริหารยาได้ทั้งทาง IM, Sc, IV bolus, IV infusion ดังนี้ ยาที่ไม่สามารถใช้ร่วมกับยานี้ : Aminophylline, sodium IM, Sc สามารถให้ Adrenaline 1 amp bicarbonate, alkali solution (สารละลายด่าง) ที่มีความเข้มข้น 1 mg/ml = 1:1000 = 1 in 1000 เท่านั้ น IV bolus ควรเจือจาง Adrenaline 1 amp ด้วย D5W หรือ NSS 9 ml ให้ได้ความเข้มข้น 1:10,000 และฉีดเข้าหลอดเลือดดำอย่างช้าๆ ประมาณ 5-10 นาที ( การให้ IV push จะใช้ใน การแก้ไข anaphylactic shock ที่รุนแรงเท่านั้ น) IV infusion: ควรใช้ infusion pump ขนาดยา 0.01-2 mcg/kg/min โดยละลายด้วย D5W or NSS ตามตารางการให้ยา (การให้ยาเร็วอาจเกิดเลือดออกในสมอง หรือ หัวใจเต้นเร็ว)
Adrenaline Injection การเฝ้าระวังหลังการให้ยา ( กรณี CPR ทันทีเมื่อผู้ป่วยมีชีพจร, กรณี Anaphylaxis ทุก 10 นาที จนครบ 30 นาที /กรณี Hypotension ที่ให้ IV drip ทุก 1 ชั่วโมงตลอดระยะเวลาที่ให้เวลา) HR (ค่าปกติ 60-120 bpm) BP (ค่าปกติ 90/60-160/100 mmHg) ทุก 1 ชั่วโมง สังเกตอาการผิวซีดเย็นหรือเขียว และการอักเสบที่ IV site หากพบให้เปลี่ยนบริเวณให้ยา อาการไม่พึงประสงค์ ปวดศีรษะ หายใจหอบเหนื่ อย แน่ นหน้ าอก ปลายมือ ปลายเท้าเขียว
Warfarin 1 mg (ขาว), 2 mg (ส้ม), 3 mg (ฟ้าเข้ม), 4 mg (เหลือง), 5 mg (ชมพู) ข้อบ่งใช้: ยาในกลุ่มยาต้านการแข็งตัวของเลือด มีผลทำให้ เลือดแข็งตัวช้า สามารถป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันใน ระบบไหลเวียนเลือดของร่างกาย (โรงพยาบาลกรุงเทพ หาดใหญ่, 2561)
การบริหารยา ข้อควรระวัง : -ควรตรวจสอบความแรงก่อนให้ยาทุกครั้ง -ห้ามใช้ระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในไตรมาศแรกเพราะผ่านรกได้ -งดการให้ยาผ่าน IM หากยังคงได้รับยานี้อยู่ -ระมัดระวังอันตรกิริยากับยาอื่นๆ โดยตรวจสอบก่อนใช้ร่วมกัน ยาที่มีผลลดฤทธิ์ และเพิ่มโอกาสเกิดภาวะ clotting ได้แก่ Grisiofluvin , Rifampin, Ribavarin, Barbiturate, Carbamazepine ยาที่ลดการดูดซึมยา (หากต้องการให้ ควรให้ห่างกัน 2 ชั่วโมง) ได้แก่ ยาลดกรด ,Sucralfate, Cholestyramin ยาที่มีผลเพิ่มฤทธิ์ และเพิ่มอากส bleed ได้แก่ Paracetamol, Omeprazole , Cimetidine, Diltiazem, Propranolol,Amiodarone, Gemfibrozil , Ketoconazole, Fluconazole,Itraconazole, Clarithromycin, Erythomycin, Metronidazole, Sulperazone, Cotrimoxazole, ยากลุ่ม NSAIDs, ยากลุ่ม quinolones, Aspirin , Phenytoin, Ritonavir, Xeloda, Fluorouracil (SFU), ยารักษาไทรอยด์(PTU, eltroxin, methimazole) ***ยากลุ่ม quinolones เช่น Ciprofloxacin, Levofloxacin, Ofloxacin, Moxifloxacin, Norfloxacin ***ยากลุ่ม NSAIDs เช่น diclofenac, Ibuprofen, piroxicam, Naproxen
การติดตามอาการหลังการให้ยา: - ติดตามอาการไม่พึงประสงค์ตลอดเวลาที่ให้ยา รวมถึงแนะนำผู้ป่วยและญาติDใowหn้lสoัadงtเhกis bตacอkgาroกunาdรand use it in the ได้แก่ เกิดรอยช้ำ/จ้ำเลือด, เoลnืlinอeดcaอll wอithกyoบurรfิrเieวndณs for a complete gaming experience. เหงือก, เลือดกำเดาออก, อาKเinจdีlยy dนeleเtปe็tนhisเnลoืteอaดfte,r editing this page. ปัสสาวะมีสีแดง,อุจจาระมีเลือดปน หรือมีสีดำ, ขาบวม ชา, ตาพร่า, ปวดเมื่อย ไม่มีแรง, หากมี อาการผิดปกติให้ลงบันทึกและรายงานแพทย์ -ติดตามค่า INR (International normalized ratio) หรือการตรวจระยะเวลาในการแข็งตัวของ เลือด ค่าปกติ 2-3 หรือ 2.5-3.5 ตรวจวัดทุกครั้ง ที่มีการปรับขนาดยา หรือการใช้ยาที่มีอันตรกิริยา โดยเริ่มหลังใช้ยาไปแล้ว 3 วัน จากนั้ นทุก 1 wk ต่อไปทุก 1 เดือน
Heparin ความแรง 5000 unit/ml (5 ml) ข้อบ่งใช้: ยาต้านการแข็งตัวของเลือด(anticoagulant) ที่ช่วยป้องกันการก่อตัว ของลิ่มเลือด การบริหารยา -การคำนวณยา Heparin คือ ปริมาตร(ml)= units ที่ต้องการ/ 5000 units/ml *ปรับยาตามขนาดตัวและอาการทางคลินิ ก total dose 48,000 units/da (2,000 units/hour)
การปรับเรทยา -การให้แบ บ bolus IV: ใช้ครั้งแรกโดยผ่านสายให้สารน้ำที่เข้ากันได้ โดยให้ 5,000 units ใช้เวลา 1 นาที; ในเด็กใช้ขนาด 50 units/kg ให้ >1 นาที -การให้แบบ continuous IV infusion: สามารถให้ยาที่ไม่ได้เจือจาง และควรใช้ infusion pump โดยอัตราเร็วขึ้นกับขนาดที่ต้องการ ดังนี้ - การให้แบบ subcutaneous ใช้กับการให้ heparin แบบ fixed low-dose (ขนาดยา 5,000- 7,500 unit ทุก 12 ชั่วโมง) ไม่จำเป็นต้องเจือจางยา การฉีดยาให้ฉีดแบบ intrafat หรือ deep subcutaneous ควรฉีดบริเวณ abdominal fat layer ห่างจากสะดือมากกว่า 2 นิ้ ว หลังฉีดให้กดบริเวณที่ฉีดยาเบาๆ 5-10 วินาที ห้ามนวดบริเวณที่ฉีดและเปลี่ยนที่ฉีดครั้งต่อ ไปเพื่อป้องกันการเกิด hematoma
ข้อควรระวัง หลังเจือจางยาควรใช้ยาภายใน 24 ชั่วโมง -ห้ามใช้ในผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย หรือมีเกล็ดเลือดต่ำกว่า 100,000 /mm3 หากจำเป็นต้อง ใช้ให้ปรึกษาแพทย์ -ห้ามให้ยาโดยวิธี Intramuscular เนื่องจากทำให้ระคายเคืองและปวดบริเวณที่ฉีด การติดตามการให้ยาผู้ป่วย -ลงบันทึก Dose (unit/hr.) จากนั้นให้ดำเนินการตรววจค่าผลตรวจทางห้องปฏิบัติการตาม วิถีทางที่ให้ ได้แก่ IV ตรวจก่อนให้ยา 30 นาที และต่อไปทุก 4-6 ชั่วโมง จนได้ค่าเป้าหมาย จากนั้น ตรวจทุก 24 ชั่วโมง Sc ตรวจก่อนและหลังให้ยา 6 ชั่วโมง และต่อไปทุก 12-24 ชั่วโมง -
-การตรวจผลตรวจทางห้องปฏิบัติการและสั ญญาณชีพที่สำคัญระหว่างการให้ยา ให้ลงบันทึก base line ของผู้ป่วยไว้ จากนั้ นให้ทำการตรวจ aPTT, HR, BP ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการต่อไปนี้ ให้ตรวจก่อนให้ยา จากนั้ นตรวจทุก 3 วัน Platelet count ค่าปกติ >= 100,000/mm3 Hb ค่าปกติ 12-18gm/dL Bleeding มีอาการแสดงของภาวะเลือดออกผิดปกติ *ค่าผิดปกติ คือ aPTT>2.5 เท่าของปกติ, platelet count <100,000/mm3, Hb ลดลง > 2 gm/dL, พบ Bleeding รวมถึงมี Hr >120/<60, BP <90/60 mmHg แสดงถึงการมีภาวะเลือดออก จึงควรตรวจวัดทุก 2-4 ชั่วโมง
Fentanyl Fentanyl injection 50 mcg/ml (หน่ วยเป็นไมโครกรัม) ข้อบ่งใช้ บรรเทาอาการปวดแบบปานกลางถึงรุนแรง กลุ่ม Opioid การผสมยา Fentanyl 50 mcg/ml —> 10 ml (500mcg / amp) - ความเข้มข้น 5:1 (5 mcg/1 ml) ผสม Fentanyl 1 amp (500 mcg) + NSS/D5W up to 100 ml - ความเข้มข้น 10:1 (10 mcg/ 1 ml) ผสม Fentanyl 2 amp (1000 mcg ) + NSS/D5W up to 100 ml ข้อควรระวัง ห้ามใช้ร่วมกับยากลุ่ม monoamine oxidase inhibitors (MAOIs) ได้แก่ Selegiline และควรหยุดยา MAOIs มากกว่า 2 สัปดาห์ Antidote: Naloxone 0.2 mg (IV, IM, Sc) ซ้ำทุก 2-3 นาที จำนวน 2 ครั้ง จากนั้ น ปรึกษาวิสั ญญี
การเฝ้าระวังหลังการให้ยา ทุก 1 ชั่วโมง x 4 ครั้ง จากนั้ นทุก 4 ชั่วโมง RR, BP ,HR Sedative score (ค่าปกติน้ อยกว่า 2) 0 = ไม่ง่วงซึม ตื่นสดชื่นดี 1 = ง่วงซึมเล็กน้ อย ปลุกตื่นง่าย 2 = ง่วงซึมปานกลาง, ง่วงบ่อย หรือตลอดเวลา แต่ปลุกตื่นง่าย 3 = ง่วงซึมอย่างรุนแรง หลับมาก ปลุกตื่นยาก Pain score (ค่าปกติ <4) Pupils mm O2 saturation (ค่าปกติ 94%) อาการไม่พึงประสงค์ ปวดศีรษะ สับสน เกร็งกระตุก (ให้ยาเร็ว/ขนาดสูง) เจ็บหน้ าอก คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องผูกติดต่อกันเกิน 3 วัน
Morphine Injection Injection: 10 mg/ml; 1 ml Syrup: 2 mg/ml;60 ml Immediate Release tablet: 10 mg ; Retard Tablet: MST 10,30,60 mg (ห้ามบด เคี้ยว หัก แบ่งเม็ดยา) Capsule: Kapanol 20,50,100 mg ห้ามบดแกรนูล (NG tube) Antidote : Naloxone 0.2 mg (IV, IM, Sc) ซ้ำ 2-3 นาที จำนวน 2 ครั้ง จากนั้ นปรึกษา วิสั ญญี ข้อบ่งชี้ในการใช้ 1.ใช้ระงับปวดระดับปานกลาง (Pain score 4-6) ถึงรุนแรง (Pain score 7-10) เช่น ปวดแผล ผ่าตัด ปวดจากกระดูกหักและการปวดเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง 2.ใช้ระงับปวดจากกล้ามเนื้ อหัวใจขาดเลือด 3.ใช้ระงับอาการหายใจเหนื่ อย จากหัวใจห้องล่างซ้ายล้มเหลว เกิดภาวะปอดมีเลือดคั่ง
การติดตามอาการให้ยาผู้ป่วย -IV push ทุก 5 นาที x4 ครั้ง -Sc,IM ทุก 15 นาทีx4 ครั้ง และต่อไปทุก 30 นาที x 2 ครั้ง -IV infusion, oral ทุก 1 ชั่วโมง x 4ครั้งและต่อไปทุก 4 ชั่วโมง RR, BP, HR Sedative score (ค่าปกติ <2) 0 = ไม่ง่วงซึม ตื่นสดชื่นดี 1 = ง่วงซึมเล็กน้ อย ปลุกตื่นง่าย 2 = ง่วงซึมปานกลาง, ง่วงบ่อย หรือตลอดเวลา แต่ปลุกตื่นง่าย 3 = ง่วงซึมอย่างรุนแรง หลับมาก ปลุกตื่นยาก อาการไม่พึงประสงค์ Pain score (ค่าปกติ <4) ปวดศีรษะ Pupils (ค่าปกติ mm) เกร็งกระตุก O2 saturation (ค่าปกติ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องผูกติดต่อกัน 3 วัน ปัสสาวะลำบาก ตัวเขียว ตัวเย็น
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: