130 การจดั การการตลาดสินคา้ เกษตร (2) ความสาคญั ต่อการดารงชีวิตของผบู้ ริโภค (3) ความสาคญั ในการสร้างรายไดแ้ ก่บุคคลที่เก่ียวขอ้ งในระบบการ (4) ความสาคญั ต่อภาคเศรษฐกิจรวมของประเทศ (5) ความสาคญั ต่อสงั คมในแง่มาตรฐานการครองชีพ 8. 5 การกาหนดราคาสินค้าเกษตรและปัจจยั ที่มผี ลต่อการกาหนดสินค้าเกษตร การกาหนดราคาสินคา้ เกษตร มี 3 แนวทาง คือ การกาหนดราคาโดยตลาด การกาหนดราคา โดยรัฐบาล และการกาหนดราคาโดยกิจการ ซ่ึงการกาหนดราคาสินคา้ เกษตรของกิจการมี 6 ข้นั ตอน คือ การกาหนดวตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดราคา การพจิ ารณาอุปสงค์ การคะเนตน้ ทุน การ วเิ คราะหต์ น้ ทุน การเลือกวธิ ีการกาหนดราคา การตดั สินใจเลอื กราคาข้นั สุดทา้ ย และมีวตั ถปุ ระสงค์ ของการกาหนดราคาสินคา้ เกษตร คือ เพ่ือความอยรู่ อดของกิจการ เพือ่ กาไรสูงสุด เพื่อเพิ่มปริมาณ การขาย เพือ่ การแข่งขนั เพือ่ สงั คม เพื่อภาพลกั ษณ์ของผลติ ภณั ฑท์ ่ีมคี ุณภาพ ปัจจัยที่มีผลต่อการกาหนดราคาสินคา้ เกษตรมีท้งั ปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน โดย สามารถสรุปไดด้ งั ตารางท่ี 8.1 ตารางท่ี 8.1 ปัจจยั ท่ีมผี ลต่อการกาหนดราคาสินคา้ เกษตร ปัจจยั ภายนอกท่ีเกย่ี วข้องกบั การกาหนดราคา ปัจจยั ภายในท่เี กยี่ วข้องกบั การกาหนดราคา สินค้าเกษตร สินค้าเกษตร 1. ตลาดเป้ าหมาย 1. วตั ถุประสงคท์ างการตลาด 2. อุปสงคข์ องตลาดสินคา้ เกษตร 2. กลยทุ ธส์ ่วนผสมทางการตลาด 3. ซพั พลายเออร์ 3. ตน้ ทุน 4. ผขู้ ายต่อ 4. ผเู้ กี่ยวขอ้ งในการตดั สินใจดา้ นราคา 5. การแข่งขนั 5. ภาพลกั ษณ์ขององคก์ าร 6. สภาพเศรษฐกิจ 7. กฎระเบียบการคา้ และมาตรการต่างๆ 8. ความตอ้ งการใหธ้ ุรกิจมจี ริยธรรม
การจดั การการตลาดสินคา้ เกษตร 131 8.6 การจดั การการวางแผนการตลาดสินค้าเกษตรโดยใช้ส่วนผสมทางการตลาด (4P’s) กลยทุ ธท์ างการตลาดที่เป็นพ้ืนฐาน คือการใชส้ ่วนผสมทางการตลาด (4P’s) ซ่ึงสามารถสรุป ไดด้ งั น้ี 8.6.1 ผลิตภณั ฑ์ (Product) ในที่น้ีหมายถึง สินคา้ เกษตรหรือบริการดา้ นการเกษตรท่ีเสนอ ใหก้ บั ลกู คา้ ในกาหนดตวั ผลติ ภณั ฑต์ อ้ งใหต้ รงกบั ความตอ้ งการของกลุ่มลกู คา้ เป้ าหมาย เช่น ลกู คา้ ตอ้ งการผกั ที่ สด สะอาด ในบรรจุภณั ฑ์ที่สามารถือสะดวก ผผู้ ลิตตอ้ งทาตามท่ีลูกคา้ ตอ้ งการ การ สร้างความแตกต่างให้กับสินคา้ เป็ นกลยทุ ธท์ างการตลาดอย่างหน่ึง ซ่ึงการสร้างความแตกต่าง จะตอ้ งเป็นสิ่งที่ลกู คา้ สามารถสมั ผสั ไดว้ ่าสินคา้ มีความต่างกนั โดยกลุ่มลูกคา้ ตอ้ งเป็ นกลุ่มลูกคา้ ที่ ไม่มีการแข่งขนั มาก (Niche Market) เช่น การสร้างความแตกต่างผลิตภณั ฑ์ดา้ นคุณสมบตั ิ ดา้ น รูปลกั ษณ์ ดา้ นการใชง้ าน ดา้ นความปลอดภยั ดา้ นความคงทน เป็นตน้ 8.6.2 ราคา (Price) ราคาเป็ นส่ิงสาคญั ในการตลาด การต้งั ราคาควรต้งั ราคาให้เหมาะสมกบั ผลิตภณั ฑ์ นอกจากน้ันราคาเป็ นตวั บ่งบอกภาพลกั ษณ์ของสินคา้ ท่ีสาคญั ที่สุด การกาหนดราคา สินคา้ ในราคาต่ากว่าค่แู ข่งเป็นอีกหน่ึงกลยทุ ธท์ างการตลาด อยา่ งไรก็ตามการกาหนดราคาต่ากล่า คู่แข่งอาจมีผลต่อคุณภาพของสินค้า เช่น เครื่ องจักรกลเกษตรท่ีผลิตจากจีนคุณภาพและ ประสิทธิภาพของการทางานอาจไมเ่ ท่ากบั เครื่องเคร่ืองจกั รกลเกษตรที่ผลิตจากญี่ป่ ุน แต่มีราคาถูก กวา่ มาก 8.6.3 สถานที่ (Place) การกระจายสินคา้ มีความสาคญั มาก สถานท่ีจาหน่ายหรือทาเล จึงควร เลือกสถานท่ีใหเ้ หมาะสมกบั สินคา้ 8.6.4 การส่งเสริมการขาย (Promotion) คือ การทากิจกรรมต่างๆ เพอ่ื ใหล้ กู คา้ เขา้ ถึงสินคา้ และ สามารถเพิ่มยอดการจาหน่าย การส่งเสริมการขายมีหลากหลายแต่ที่นิยมมาก ได้แก่ การใช้สื่อ อนิ เตอร์เน็ต ใบปลิว โปสเตอร์ รถแห่ วทิ ยทุ อ้ งถน่ิ หนงั สือพิมพท์ อ้ งถิ่น เป็นตน้ 8.7 การจดั การการตลาดแบบ STP (Segmenting Targeting และ Positioning) ในธุรกจิ การเกษตร (1) การแบ่งส่วนตลาด (Segmenting) เป็ นการแยกกลุ่มผซู้ ้ือสินคา้ ชนิดใดชนิดหน่ึงออกเป็ น ตลาดยอ่ ยที่แตกต่างกัน หลกั เกณฑ์ในการแบ่งส่วนตลาดผบู้ ริโภคสามารถแบ่งออกเป็ น 4 ส่วน ไดแ้ ก่ (1.1) การแบ่งส่วนตามภูมิศาสตร์ (Geographic Segmentation) เช่น ทวีป ประเทศ ภาค จงั หวดั อาเภอ เขตพ้ืนที่ ขนาดพ้นื ที่ เขตเมือง เขตชนบท เป็นตน้ (1.2) แบ่งส่วนตลาดตามประชากรศาสตร์ (Demographic Segmentation) เช่น อายุ เพศ วฏั จกั รชีวิตครอบครัว (โสด, แต่งงาน) การศกึ ษา เช้ือชาติ รายได้
132 การจดั การการตลาดสินคา้ เกษตร (1.3) การแบ่งส่วนตลาดตามหลักจิตวิทยา (Psychographic Segmentation) เช่น บุคลกิ ภาพ (บุคคลท่ีมีความทะเยอทะยาน, เชื่อมนั่ ในตนเอง) ช้นั ของสงั คม (ระดบั สูง กลาง ลา่ ง) (1.4) การแบ่งส่วนตลาดแบบพฤติกรรม (Behavioral Segmentation) เช่น อตั ราการใช้ (มาก ปานกลาง นอ้ ย) ผลประโยชน์ (คุณภาพ อายกุ ารใชง้ าน) โอกาสในการซ้ือ (2) การกาหนดตลาดเป้ าหมาย (Targeting) เป็นการเลือกส่วนตลาดหน่ึงตลาดหรือหลายส่วน ตลาดหรือท้งั หมด เพอ่ื ใชเ้ ป็นเป้ าหมายสาหรับการใชส้ ่วนประสมทางการตลาดในส่วนที่เลือกน้ัน การเลอื กส่วนตลาด มี 3 แนวทาง คือ (2.1) การตลาดรวมหรือตลาดไม่แตกต่าง (Undifferentiated Marketing) เป็ นการเลือก ตลาดรวมเป็ นตลาดเป้ าหมายเพียงตลาดเดียว โดยถือว่าตลาดมีความตอ้ งการที่คลา้ ยกนั หรือไม่ แตกต่างกนั (2.2) การตลาดแบบแตกต่าง (Differentiated Marketing) เป็นการตลาดมุ่งหลายส่วนเป็ น การเลือกกลุ่มลกู คา้ ท่ีมคี วามตอ้ งการที่แตกต่างกนั มากกว่าหน่ึงกลมุ่ ข้ึนไป (2.3) การตลาดมุ่งเฉพาะส่วน (Concentrated Marketing) เป็ นการเลือกตลาดเป้ าหมาย เพยี งส่วนเดียวจากตลาดรวม (3) การวางตาแหน่งผลิตภณั ฑ์ (Positioning) เป็ นการการสร้างและรักษาภาพลกั ษณ์ ของ ผลิตภณั ฑ์เพื่อให้อยู่ในใจของกลุ่มลูกค้าเป้ าหมาย ในการกาหนดผลิตภัณฑจ์ าเป็ นต้องพิจารณา หลกั เกณฑต์ ่างๆดงั น้ี (3.1) คุณสมบตั ิผลิตภณั ฑ์ เช่น บรรจุภณั ฑ์ ตราสินคา้ คุณภาพของสินคา้ ลกั ษณะของ สินคา้ เพ่อื ใหท้ ราบความแตกต่างทางการแข่งขนั (3.2) ลกั ษณะตลาดเป้ าหมายและการเลือกตลาดเป้ าหมาย เช่น ตลาดมีลกั ษณะอย่างไร โดยใชข้ อ้ มลู จากการแบ่งส่วนตลาด (3.3) กาหนดตาแหน่งผลิตภณั ฑ์ มหี ลกั เกณฑก์ ารกาหนดตาแหน่งผลิตภณั ฑ์ ไดแ้ ก่ การ กาหนดตาแหน่งตามคุณสมบัติ เช่น เป็ นธุรกิจการเกษตรท่ีใหญ่ท่ีสุดในประเทศ การกาหนด ตาแหน่งตามผลประโยชน์ เช่น รถแทรกเตอร์ท่ีมีเคร่ืองปรับอากาศในห้องคนขบั เป็ นรถที่ให้ความ สะดวกสบายแก่เกษตรผใู้ ช้งาน การกาหนดตามการใชห้ รือการนาไปใช้ การกาหนดตามผใู้ ช้ ผลติ ภณั ฑ์ การกาหนดตามค่แู ข่งขนั การกาหนดตามประเภทของผลิตภณั ฑ์ การกาหนดตามคุณภาพ และราคา การกาหนดตาแหน่งตามวฒั นธรรม (3.4) การทดสอบแนวความคิดเกี่ยวกบั ตาแหน่งผลติ ภณั ฑ์ ไดแ้ ก่ ผลติ ภณั ฑม์ ปี ระโยชนท์ ่ี ชดั เจนและเชื่อถอื ไดห้ รือไม่ ผลิตภณั ฑส์ ามารถแกป้ ัญหาและตอบสนองความตอ้ งการไดห้ รือไม่ ใครคือผใู้ ชผ้ ลติ ภณั ฑแ์ ละใช่บ่อยแค่ไหน
การจดั การการตลาดสินคา้ เกษตร 133 (3.5) การกาหนดผงั แสดงตาแหน่งผลิตภณั ฑ์ (3.6) การเปล่ียนแปลงตาแหน่งผลติ ภณั ฑใ์ หม่ ไดแ้ ก่ การเปลยี่ นตาแหน่งสู่ตลาดส่วนล่างและ การเปลี่ยนตาแหน่งสู่ตลาดส่วนบน สรุปเนอื้ หาประจาบท การตลาดสินคา้ เกษตร หมายถงึ ระบบของการดาเนินงานทางธุรกิจเกษตรท้งั หมดท่ีกาหนด ข้ึน เพอื่ วางแผนเกี่ยวกบั การต้งั ราคาสินคา้ เกษตร การส่งเสริมการตลาดสินคา้ เกษตรและการจาแนก แจกจ่ายผลติ ภณั ฑห์ รือบริการ เพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการให้แก่ผบู้ ริโภค โดยตลาดสามารถบาง ออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ และตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ ซ่ึงการจดั การการ วางแผนการตลาดสินคา้ เกษตรโดยใชส้ ่วนผสมการตลาด ซ่ึงมีองค์ประกอบของการจดั การการ วางแผนการตลาด คือ ผลติ ภณั ฑ์ ราคา สถานที่ และการส่งเสริมการขาย ส่วนการตลาดแบบ STP ซ่ึงมีองค์ประกอบของการจัดการการวางแผนการตลาด คือ การแบ่งตลาด การกาหนดตลาด เป้ าหมาย และการวางตาแหน่งผลติ ภณั ฑ์ คาถามและกจิ กรรมท้ายบท 1. ใหอ้ ธิบายความหมายของตลาดและการตลาด 2. ใหอ้ ธิบายความสาคญั ของการจดั การการตลาดสินคา้ เกษตร 3.ใหจ้ าแนกประเภทของตลาดสินคา้ เกษตรได้ 4. ใหอ้ ธิบายส่วนผสมทางการตลาดในธุรกิจเกษตรได้ 5. ใหอ้ ธิบายการตลาดแบบ STP ในธุรกิจเกษตรได้
134 การจดั การการตลาดสินคา้ เกษตร เอกสารอ้างองิ ฉตั ยาพร เสมอใจ. (2552). การบริหารการตลาด. กรุงเทพฯ : ซีเอด็ ยเู คชน่ั . นงนุช องั ยรุ ีกุล. 2549. หลกั การจดั การฟาร์ม. ใน ตาราวชิ าหลกั การจดั การฟาร์ม ภาควชิ า เศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. วริ ุณสิริ ใจมา. (2553). เศรษฐศาสตร์จุลภาค 1. กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พแ์ ห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . ศวิ ฤทธ์ิ พงศกรรังศิลป์ . (2547). หลกั การตลาด. กรุงเทพมหานคร : ฟิ สิกส์เซน็ เตอร์. สมคิด ทกั ษิณาวิสุทธ์ิ. (2548). หลกั การตลาดสินค้าเกษตร. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพ์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. สุปัญญา ไชยชาญ. (2551). การบริหารการตลาด. กรุงเทพฯ: ซีเอด็ ยเู คชนั่ .
การบริหารทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจการเกษตร 135 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 9 เวลาเรียน 3 ชั่วโมง จดุ ประสงค์ เมือ่ นกั ศึกษาไดศ้ ึกษาบทน้ีแลว้ นกั ศึกษาสามารถ 1. อธิบายความหมายของทรัพยม์ นุษยแ์ ละการจดั การทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจเกษตร 2. จาแนกหลกั ปฏิบตั ิที่สาคญั ในการจดั การทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจเกษตรได้ 3. อธิบายกฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ทรัพยากรมนุษย์ 4. อธิบายถงึ หน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ งดา้ นการพฒั นาทรัพยากรมนุษยไ์ ด้ เนือ้ หา 1. ความหมายของทรัพยากรมนุษย์ 2. ความหมายของการจดั การทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกจิ เกษตร 3. เป้ าหมายขององคก์ ารธุรกิจในการบริหารจดั การทรัพยากรมนุษย์ 4. การจดั การทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจเกษตร 5. วธิ ีการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงานของบุคลากรในธุรกิจการเกษตร 6. กฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ทรัพยากรมนุษย์ 7. หน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งดา้ นการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ วธิ ีการสอนและกจิ กรรม 1. การบรรยาย ดว้ ย Power Point 2. การอภิปรายกลุม่ 3. การคน้ ควา้ เพิ่มเติม 4. ตอบขอ้ ซกั ถามและแลกเปลยี่ นความคิดเห็น 5. ทาแบบฝึกหดั ในช้นั เรียน
136 การบริหารทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกจิ การเกษตร แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 9 (ต่อ) เวลาเรียน 3 ช่ัวโมง ส่ือการเรียนการสอน 1. เครื่องคอมพวิ เตอร์ 2. เคร่ืองฉายภาพ 3. วดี ีทศั น์ 4. ฟลปิ ชาร์ท การวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมจากช้นั เรียน 2. สงั เกตจากการอภิปรายและการแสดงความคิดเห็นในช้นั เรียน 3. ประเมนิ จากการตอบคาถามทา้ ยบทเรียน
การบริหารทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกจิ การเกษตร 137 บทที่ 9 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในธุรกจิ การเกษตร ทรัพยากรมนุษย์ เป็นส่วนท่ีมีความสาคญั มากส่วนหน่ึงขององค์กรธุรกิจ ซ่ึงทาหน้าที่ในการ ขบั เคล่ือนองค์กรใหเ้ จริญกา้ วหนา้ ดงั น้ัน การบริหารทรัพยากรมนุษยจ์ ึงมีความจาเป็ นอยา่ งมาก สาหรับองคก์ รธุรกิจ เพราะการขบั เคล่ือนขององค์กรธุรกิจใหด้ าเนินการไดน้ ้ัน จาเป็ นตอ้ งอาศยั มนุษยใ์ นการดาเนินการ ดงั น้นั การบริหารและการพฒั นาทรัพยากรมนุษยใ์ หม้ คี วามรู้ความสามารถ เป็นแนวทางที่จะทาใหอ้ งคก์ รสามารถขบั เคลื่อนไปเพ่ือใหบ้ รรลุเป้ าหมายไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ในบทน้ีเป็ นการอธิบายเกี่ยวกับ ความหมายของทรัพยากรมนุษย์ ความหมายของการจัดการ ทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจเกษตร เป้ าหมายขององคก์ ารธุรกิจในการบริหารจดั การทรัพยากรมนุษย์ การจดั การทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจเกษตร วิธีการประเมินผลการปฏิบตั ิงานของบุคลากรในธุรกิจ การเกษตร กฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ทรัพยากรมนุษย์ และหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ทรัพยากรมนุษย์ โดยมีรายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี 9.1 ความหมายของทรัพยากรมนุษย์ การจดั การทรัพยากรมนุษย์ หมายถึง การจดั การเกี่ยวกบั บุคคลท่ีเขา้ มาเป็ นส่วนหน่ึงของ องค์กร โดยครอบคลุมต้งั แต่ การสรรหา การบรรจุเขา้ ทางาน การจ่ายค่าตอบแทน การดูแลและ พฒั นาจนกระทงั่ บุคคลน้นั พน้ ไปจากองคก์ ร การจดั การทรัพยากรมนุษย์ มจี ุดม่งุ หมายเพ่อื ใหไ้ ดค้ น ดีมีความสามารถมาทางานดว้ ยความสนใจและพึงพอใจ เพ่ือให้งานออกมามีประสิทธิภาพ (ณัฎฐ พนั ธ,์ 2553) 9.2 ความหมายของการจดั การทรัพยากรมนุษย์ในธุรกจิ เกษตร การจดั การทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจเกษตร หมายถึง กระบวนการในการเสริมสร้างความมี ประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององคก์ รธุรกิจเกษตร โดยการใชป้ ระโยชน์จากความสามารถของ บุคคลและการธารงรักษาบุคลากรในองคก์ าร (ปภาวดี มนตรีวตั ิ, 2551) 9.3 เป้ าหมายขององค์การธุรกจิ ในการบริหารจดั การทรัพยากรมนุษย์ อนิวชั แกว้ จานงค์ (2552) ไดอ้ ธิบายเป้ าหมายขององค์การธุรกิจในการบริหารจัดการ ทรัพยากรมนุษยไ์ วว้ า่ “การลดตน้ ทุนแรงงานการใชแ้ รงงานใหต้ ่าสุด ความตอ้ งการทรัพยากรมนุษย์
138 การบริหารทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจการเกษตร หรือความตอ้ งการแรงงานในธุรกิจการเกษตรแต่ละประเภทจะไม่เหมือนกนั ” ซ่ึงสามารถพิจารณา ได้ 4 ปัจจยั ไดแ้ ก่ (1) ชนิดสินคา้ เกษตร (2) แหลง่ พ้นื ท่ี (3) เทคโนโลยี (4) ระดบั การแปรรูป 9.4 การจดั การทรัพยากรมนุษย์ในธุรกจิ เกษตร การจดั การทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจเกษตร มหี ลกั ปฏิบตั ิอยู่ 6 กิจกรรม ซ่ึงสามารถสรุปแต่ละ กิจกรรมไดด้ งั น้ี 9.4.1 การวางแผนในธุรกิจเกษตร คือ กระบวนการวิเคราะห์และพยากรณ์ความตอ้ งการดา้ น ทรัพยากรมนุษยข์ องธุรกิจการเกษตรในอนาคต เพ่ือให้การดาเนินงานขององคก์ รบรรลุเป้ าหมาย โดยคานึงถึงสภาพแวดลอ้ มต่างๆ ท้งั น้ีเพ่ือให้ได้บุคลากรตรงกบั ความตอ้ งการ การวางแผน ทรัพยากรมนุษยป์ ระกอบดว้ ยองค์ประกอบ 4 ประการ ไดแ้ ก่ กระบวนการวางแผน การพยากรณ์ ระเบียบวธิ ีปฏิบตั ิ และการรักษาสมดุลของทรัพยากรมนุษยใ์ นองค์กร (วิรัช วิรัชนิภาวรรณ, 2544) ในกระบวนการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ มี 4 ข้นั ตอน คือ (1) การเตรียมการวางแผน เช่น ขอ้ มูลต่างๆ วตั ถุประสงค์ขององค์กร การวิเคราะห์ สถานการณ์ กาหนดเป้ าหมายของแผนกาลงั คน (2) การสร้างแผน คือ แผนกลยทุ ธ์ หรือแผนระยะยาว และแผนปฏบิ ตั ิ (3) การนาแผนไปปฏบิ ตั ิ (4) การประเมินผล 9.4.2 การสรรหาทรัพยากรบุคลากรทางธุรกิจการเกษตร คือ กระบวนการในการคน้ หาและชกั จูงผมู้ คี วามรู้ ความสามารถตรงกบั ตาแหน่งงานที่องคก์ ารตอ้ งการให้มาร่วมงานกบั องค์กรธุรกิจ การเกษตร ปัจจัยท่ีตอ้ งพิจารณาในการกาหนดแนวทางการสรรหาบุคคล ไดแ้ ก่ การกาหนด คุณสมบตั ิของบุคคลที่ตอ้ งการ ความยุติธรรมในการสรรหา นโยบายการบริหารทรัพยากรมนุษย์ แหล่งสรรหาบุคลากร ค่าใชจ้ ่ายและผลตอบแทน กระบวนการสรรหาทรัพยากรบุคคล มี 4 ข้นั ตอน คือ (1) การวางแผนการสรรหา ซ่ึงมีกิจกรรมท่ีตอ้ งกระทาในข้นั น้ี คือ การประมาณจานวน บุคลากรที่ตอ้ งการสรรหา กาหนดคุณสมบตั ิข้นั ต่าของตาแหน่งงานทีสรรหา และการกาหนด เป้ าหมายท่ีชดั เจนในการสรรหา
การบริหารทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจการเกษตร 139 (2) การพฒั นากลยุทธ์การสรรหา กิจกรรมที่ตอ้ งกระทาในข้นั ตอนน้ี คือ การคดั เลือก ขอ้ กาหนดคุณสมบตั ิของตาแหน่งที่ตอ้ งการสรรหา การคดั เลือกแหล่งและช่องทางการสรรหา และ การคดั เลือกและเตรียมผทู้ าการสรรหา (3) กิจกรรมการสรรหา ประกอบดว้ ย การแจง้ ตาแหน่งว่าง การโฆษณารับสมคั รงาน การเยย่ี มสถาบนั การศกึ ษา และดาเนินการสรรหาวธิ ีอืน่ (4) การประเมนิ ผลการสรรหา กิจกรรมที่ตอ้ งกระทาในข้นั น้ีไดแ้ ก่ การประเมินจานวน ตาแหน่งที่ไดร้ ับการบรรจุ การประเมนิ ตน้ ทุนที่ใชใ้ นการสรรหา การประเมินเวลาที่ใชใ้ นการสรร หา และการประเมนิ ประสิทธิผลของการสรรหา 9.4.3 การจ่ายค่าตอบแทน คือ สิ่งที่ผปู้ ฏิบตั ิงานไดร้ ับจากองคก์ ารหรือนายจา้ งเจา้ ของกิจการ ซ่ึงไดแ้ ก่ ค่าจา้ งและเงินเดือน ค่าเบ้ียเล้ียง โบนัส และค่าคอมมิชชน่ั เป็ นตน้ ปัจจยั ที่การกาหนด ค่าตอบแทน ไดแ้ ก่ สภาพเศรษฐกิจ สงั คม กฎหมาย นโยบายรัฐ สหภาพแรงงาน ซ่ึงเป็ นปัจจยั ภายนอกองคก์ ารธุรกิจ ส่วนปัจจยั ภายในองคก์ รธุรกิจ ไดแ้ ก่ ขนาดขององคก์ าร การดาเนินงานของ องคก์ าร นโยบายขององคก์ ร การบริหารองคก์ ร เทคโนโลยแี ละระบบสารสนเทศขององคก์ ร เป็ น ตน้ 9.4.4 การประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงาน หมายถึง การประเมินผลการปฏิบตั ิงานของบุคคลากรใน ธุรกิจเกษตรว่ามีผลสาเร็จตามที่องค์การหรือนายจา้ งเจา้ ของธุรกิจเกษตรไดค้ าดหมายได้ต้งั ไว้ หรือไม่ รวมท้งั การส่งกลับข้อมูลผลการปฏิบัติงานแก่บุคลากรในองค์การธุรกิจเกษตร การ ประเมินผลทาให้บุคลากรในธุรกิจเกษตรทราบถึงผลการปฏิบตั ิงานของตนเอง ซ่ึงมีผลต่อการ ตดั สินใจขององคก์ ารหรือเจา้ ของธุรกิจต่อการเพิ่มค่าตอบแทน รวมถึงการไดร้ ับการจดั ฝึ กอบรม เพ่ือพฒั นาความสามารถในการปฏิบตั ิงาน 9.4.5 การฝึกอบรมและพฒั นา หมายถึง การทาใหบ้ ุคลากรในธุรกิจเกษตรไดเ้ รียนรู้ เพิ่มทกั ษะ และความสามารถท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การทางาน ทาใหก้ ารปฏิบตั ิงานดีข้ึน 9.4.6 การดูแลความปลอดภยั หมายถึง การดูแลความปลอดภยั ในการทางาน เพื่อให้บุคลากรมี ความปลอดภยั จากอนั ตรายที่เกิดจากสิ่งแวดลอ้ มท้งั กายภาพ ชีวภาพ เศรษฐกิจและสงั คม หลกั การปฏิบตั ิในการจดั การทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจเกษตรท้งั 6 กิจกรรม สามารถ สรุปเป็นแผนภาพ ดงั รูปท่ี 9.1
140 การบริหารทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจการเกษตร การจดั การทรัพยากร การวางแผน บุคลากรทางธุรกจิ 1.กระบวนการวางแผน การเกษตร -การเตรียมการวางแผน -การสร้างแผน -การนาแผนไปปฏบิ ตั ิ -การประเมนิ ผล 2. การพยากรณ์ 3. ระเบียบวิธีปฏบิ ตั ิ การสรรหาทรัพยากร 1.บกกาคุ ารลเรกาวกษารตงทรแาผงธนรุ กกาิจรสรรหา 2. การพฒั นากลยทุ ธก์ ารสรรหา 3. กิจกรรมการสรรหา 4. การประเมนิ ผลการสรรหา การจ่ายค่าตอบแทน การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน การฝึ กอบรมและพฒั นา การดูแลความปลอดภยั รูปที่ 9.1 กิจกรรมหลกั ท่ีสาคญั ในการจดั การทรัพยากรบุคลากรทางธุรกิจการเกษตร
การบริหารทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจการเกษตร 141 9.5 วธิ กี ารประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านของบุคลากรในธุรกจิ การเกษตร 9.5.1 การประเมินโดยใหค้ ะแนนตามประเภทคุณลกั ษณะ แบ่งได้ 2 รูปแบบ คือ (1) การประเมนิ โดยใหค้ ะแนนตามประเภทคุณลกั ษณะ เป็นการประเมินโดยพจิ าณาให้ คะแนนในแต่ละองคป์ ระกอบ เช่น ใหค้ ะแนนปริมาณงาน ผลงาน คุณภาพงาน การมาทางานเป็ น ตน้ (2) การประเมนิ โดยใชแ้ บบตรวจสอบรายการ เป็นวิธีที่มีรายการเป็ นขอ้ ความที่อธิบาย เก่ียวกบั การปฏบิ ตั ิงานส้นั ๆ เพ่ือใหผ้ ปู้ ระเมินเลือกใหต้ รงกบั ผถู้ กู ประเมิน (ปภาวดี มนตรีวตั ิ, 2551) 9.5.2 การประเมินโดยการเปรียบเทียบ แบ่งได้ 2 รูปแบบ คือ (1) การจดั ลาดับ เป็ นการประเมินโดยพิจารณาเปรียบเทียบผลการปฏิบัติงาน โดบ จดั ลาดบั ผทู้ ่ีมีผลงานดีท่ีสุดจนถงึ ต่าท่ีสุด (2) การกระจายกลุ่ม เป็ นการประเมินโดยจดั ผถู้ ูกประเมินออกเป็ นกลุ่มตามหลกั การ สถิติการกระจายปกจิ 9.5.3. การประเมินโดยการบอกเลา่ แบ่งได้ 2 รูปแบบ คือ (1) การประเมินโดยเน้นเหตุการณ์วิกฤต โดยผปู้ ระเมินจดบนั ทึกเหตุการณ์สาคัญ เกี่ยวกบั การปฏิบตั ิงานของบุคลากรแต่ละคน (2) การเขียนรายงาน วิธีการน้ีผปู้ ระเมินสามารถเขียนรายงานเพ่ืออธิบายเกี่ยวกบั การ ปฏิบตั ิงานของผถู้ กู ประเมนิ ไดอ้ ยา่ งเสรี 9.5.4. การประเมนิ พฤติกรรมและวตั ถุประสงค์ แบ่งได้ 2 รูปแบบ คือ (1) การประเมินเนน้ พฤติกรรม ไดแ้ ก่ การประเมินโดยเน้นพฤติกรรมสาคญั การ ประเมนิ โดยการสงั เกตพฤติกรรม และการประเมินพฤติกรรมที่คาดหมาย (2) การประเมินจากวตั ถปุ ระสงคข์ องงาน คือ การที่ผบู้ งั คบั บญั ชาและผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา ร่วมกนั กาหนดวตั ถปุ ระสงค์ แลว้ วดั ผลการปฏิบตั ิงานตามวตั ถุประสงค์ 9.5.5. การประเมินรูปแบบอน่ื ๆ (1) การประเมินแบบ 360 องศา เป็นการประเมินพฤติกรรมจากหลายแหล่งขอ้ มูล เช่น จากผบู้ งั คบั บญั ชา เพื่อนร่วมงาน ลกู คา้ เป็นตน้ (2) การประเมินแบบศนู ยป์ ระเมิน 9.6 กฎหมายท่ีเกยี่ วข้องกบั ทรัพยากรมนุษย์ กฎหมายที่เกี่ยวขอ้ งกบั ทรัพยากรมนุษย์ คือ พระราชบญั ญตั ิคุม้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เป็ น กฎหมายท่ีใหก้ ารคุม้ ครองแรงงานในการกาหนดอตั ราค่าจา้ งข้นั ต่า สาเหตุท่ีการจา้ งแรงงานในภาค
142 การบริหารทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจการเกษตร เกษตรกรรมมกั ไมไ่ ดร้ ับการคุม้ ครองตามกฎหมายเนื่องจากไม่มีระบบของช่วงเวลาในการว่าจา้ ง ทางานท่ีแน่นอน 9.7 หน่วยงานท่ีเกยี่ วข้องด้านการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ (1) คณะกรรมาธิการว่าดว้ ยสิทธิมนุษยชน มีหน้าท่ีรับผิดชอบในการเสนอขอ้ เสนอแนะและ รายงานการสอบสวนต่างๆเก่ียวกบั ประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนไปยงั สมชั ชา สหประชาชาติ ศกึ ษา และสวบสวนประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะในบางประเทศ (2) กรมพฒั นาฝี มือแรงงาน เป็ นหน่วยงานภายในประเทศที่ทาหน้าท่ีพฒั นามาตรฐานฝี มือ แรงงานใหส้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานสากล ดาเนินการส่งเสริมการทดสอบมาตรฐานและแข่งขนั ฝี มือ แรงงาน พฒั นาฝีมอื แรงงาน และพฒั นาระบบ รูปแบบการพฒั นาฝีมอื แรงงานแก่กาลงั แรงงาน (3) กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นหน่วยงานท่ีทาหนา้ ที่ส่งเสริมและพฒั นาเกษตรกร และองคก์ ร เกษตรใหม้ คี วามสามารถในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม สรุปเนือ้ หาประจาบท การจดั การทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจเกษตรเป็ นกระบวนการในการเสริมสร้างความมี ประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององคก์ รธุรกิจเกษตร โดยการใชป้ ระโยชน์จากความสามารถของ บุคคลและการธารงรักษาบุคลากรในองคก์ ารโดยมีกิจกรรมท่ีสาคญั ในการจดั การทรัพยากรมนุษย์ ในธุรกิจเกษตร 6 กิจกรรม คือ การวางแผน การสรรหาทรัพยากรบุคลากรทางธุรกิจการเกษตร การ จ่ายค่าตอบแทน การประเมินผลการปฏิบตั ิงาน การฝึ กอบรมและพฒั นา และการดูแลความ ปลอดภยั โดยมหี น่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ งดา้ นการพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ ไดแ้ ก่ คณะกรรมาธิการว่าดว้ ย สิทธิมนุษยชน กรมพฒั นาฝีมือแรงงาน และกรมส่งเสริมการเกษตร คาถามและกจิ กรรมท้ายบท 1. ใหบ้ อกความหมายของทรัพยากรมนุษย์ 2. ใหบ้ อกความหมายของการจดั การทรัพยากรมนุษย์ 3. ใหบ้ อกความหมายของการจดั การทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจเกษตร 4. .ใหอ้ ธิบายขอบเขตของการจดั การทรัพยากรมนุษย์ 5. ใหเ้ ขียนแผนภาพกิจกรรมที่สาคญั ในการจดั การทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกจิ เกษตร 6. อธิบายถงึ หน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ งดา้ นการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์
การบริหารทรัพยากรมนุษยใ์ นธุรกิจการเกษตร 143 เอกสารอ้างองิ ปภาวดี มนตรีวตั . (2551). การจดั การธุรกิจการเกษตรดา้ นทรัพยากรมนุษย.์ ใน ประมวลสาระชุด วชิ า การจดั การธุรกจิ การเกษตร หน่วยท่ี 9 บณั ฑติ ศึกษา สาขาวชิ าส่งเสริมการเกษตรและ สหกรณ์มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. นนทบุรี: สานกั พิมพ์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. ณัฎฐพนั ธ์ เขจรนนั ทน.์ (2552). การจดั การเชิงกลยุทธ์. กรุงเทพฯ : ซีเอด็ ยเู คชน่ั . ณฎั ฐพนั ธ์ เขจรนนั ทน์. (2553). การจดั การทรัพยากรมนุษย์. กรุงเทพฯ : ซีเอด็ ยเู คชน่ั . วิรัช วริ ัชนิภาวรรณ. (2544). การวจิ ยั การจดั การทรัพยากรมนุษย์. กรุงเทพฯ : ฟอร์เพซ. อนิวชั แกว้ จานงค.์ (2552). การจดั การทรัพยากรมนษุ ย์. กรุงเทพฯ : ศนู ยห์ นงั สือมหาวิทยาลยั ทกั ษิณ.
144 การจดั การองคก์ ารในธุรกิจการเกษตร แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 10 เวลาเรียน 3 ชั่วโมง จุดประสงค์ เมื่อนกั ศกึ ษาไดศ้ กึ ษาบทน้ีแลว้ นกั ศึกษาสามารถ 1. อธิบายความหมายของการจดั การ 2. จาแนกองคก์ ารทางธุรกิจการเกษตรได้ 3. อธิบายกระบวนการจดั การในองคก์ ารธุรกิจการเกษตร เนือ้ หา 1. ความหมายของการจดั การ 2. องคก์ ารทางธุรกิจการเกษตร 3. องคก์ ารกบั การบริหารจดั การ 4. กระบวนการจดั การในองคก์ ารธุรกิจการเกษตร วธิ กี ารสอนและกจิ กรรม 1. การบรรยาย ดว้ ย Power Point 2. การอภิปรายกลมุ่ 3. การคน้ ควา้ เพิม่ เติม 4. ตอบขอ้ ซกั ถามและแลกเปลย่ี นความคิดเห็น 5. ทาแบบฝึกหดั ในช้นั เรียน ส่ือการเรียนการสอน 1. เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ 2. เครื่องฉายภาพ 3. วดี ีทศั น์ 4. ฟลปิ ชาร์ท
การจดั การองคก์ ารในธุรกจิ การเกษตร 145 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 10 (ต่อ) เวลาเรียน 3 ช่ัวโมง การวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมจากช้นั เรียน 2. สงั เกตจากการอภิปรายและการแสดงความคิดเห็นในช้นั เรียน 3. ประเมินจากการตอบคาถามทา้ ยบทเรียน
146 การจดั การองคก์ ารในธุรกจิ การเกษตร บทท่ี 10 การจดั การองค์การในธุรกจิ การเกษตร การจดั การองค์การน้ันจะประสบผลสาเร็จหรือลม้ เหลว ก็ข้ึนอย่กู ับความสามารถของ ผบู้ ริหารองคก์ ารเป็นสาคญั ในปัจจุบนั น้ีสภาพแวดลอ้ มต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป ขนาดองคก์ รมีขนาด ใหญ่ข้ึน มีความซับซ้อนมากข้ึน มีการแข่งขนั กนั มากข้ึน ถา้ ผบู้ ริหารไม่มีการจดั การอย่างมี หลกั เกณฑ์ อยา่ งมีระบบ ระเบียบแบบแผนแลว้ ยอ่ มไม่สามารถนาพาองคก์ รไปสู่จุดหมายปลายทาง ท่ีต้งั ไวไ้ ด้ ในบทน้ีเป็ นการอธิบายความหมายของการจดั การ องค์การทางธุรกิจการเกษตร และ กระบวนการจดั การในองคก์ ารธุรกิจการเกษตร ดงั รายละเอียดดงั ต่อไปน้ี 10.1 ความหมายของการจดั การ การจดั การ หมายถึง การทางานอยา่ งเป็นกระบวนการเพื่อให้บรรลุเป้ าหมายขององค์กร ซ่ึง กระบวนการจดั การมขี ้นั ตอนของกิจกรรมสาคญั 4 กิจกรรม คือ การวางแผน การจดั องค์การ การ ช้ีนา การควบคุมองคก์ าร โดยใชท้ รัพยากรขององคก์ ารอยา่ งมีประสิทธิภาพ (ลดั ดา, 2551) 10.2 องค์การทางธุรกจิ การเกษตร องคก์ ารธุรกิจการเกษตรจะเก่ียวขอ้ งกบั การดาเนินงานดา้ นธุรกิจการเกษตรนบั ต้งั แต่ ธุรกิจ ปัจจยั การผลิต ธุรกิจการผลิตสินคา้ เกษตร ธุรกิจการแปรรูป ธุรกิจการตลาด ธุรกิจการส่งออก องคก์ ารธุรกิจการเกษตรท่ีดาเนินกิจการต่างๆ ดังท่ีกล่าวมาแลว้ สามารถแบ่งออกเป็ นกลุ่ม ได้ 5 กลุม่ คือ 10.2.1 องคก์ ารธุรกิจการเกษตรแบบเจา้ ของคนเดียว องค์การธุรกิจการเกษตรแบบเจา้ ของคนเดียว (Single Proprietorship) เป็ นรูปแบบ องคก์ ารท่ีควบคุมการดาเนินการโดยบุคคลเพยี งคนเดียว เจา้ ของกิจการซ่ึงเป็ นเจา้ ขององคก์ ารเป็ น ท้งั เจา้ ของและผบู้ ริหารองคก์ าร และรับผดิ ชอบความเส่ียงต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนท้งั หมดแต่เพียงผเู้ ดียว ท้งั น้ีรวมถงึ การรับผลกาไรหรือขาดทุนที่อาจจะเกิดข้ึนดว้ ย องคก์ ารธุรกิจแบบเจา้ ของคนเดียว เป็ น รูปแบบองคก์ ารธุรกิจการเกษตรที่เก่าแก่ที่สุด 10.2.2 องคก์ ารธุรกิจแบบหา้ งหุน้ ส่วน การประกอบธุรกิจแบบหา้ งหุน้ ส่วนเป็นการรวมกลุม่ ของบุคคลที่เป็ นเจา้ ของต้งั แต่ 2 คนข้ึนไป เพือ่ บริหารจดั การองคก์ ารโดยมุง่ หวงั ผลกาไรร่วมกนั การจดั องคก์ ารทางธุรกิจแบบห้าง
การจดั การองคก์ ารในธุรกิจการเกษตร 147 หุ้นส่วนอาจจะมีระยะเวลาส้ันหรื อยาวข้ึนอยู่กับความตอ้ งการของห้างหุ้นส่วน ห้างหุ้นส่วน สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ (1) หา้ งหุ้นส่วนสามญั การจัดองค์การแบบน้ีหุ้นส่วนทุกคนจะตอ้ งรับผิดชอบใน หน้ีสินของหุน้ ส่วนโดยไมม่ ขี อบเขตจากดั และผเู้ ป็ นหุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิในการจดั การธุรกิจทุก คน นอกจากน้ีหา้ งหุน้ ส่วนจะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหรือไม่กไ็ ด้ ถา้ ไม่จดทะเบียนก็เรียกว่า หา้ ง หุน้ ส่วนสามญั แต่ถา้ จดทะเบียนจะเรียกว่า หา้ งหุน้ ส่วนสามญั นิติบุคคล (2) หา้ งหุน้ ส่วนจากดั การจดั การองคก์ ารแบบน้ีจะมกี ารแบ่งหุน้ ส่วนออกเป็ น 2 พวก คือ พวกแรกจะมคี วามรับผดิ ชอบในหน้ีของหา้ งหุน้ ส่วนจากดั เพียงไม่เกินจานวนหุน้ ที่มีอย่ใู นทุน ของหา้ ง ส่วนหุน้ ส่วนพวกที่สองจะตอ้ งรับผดิ ชอบหน้ีของสินในหา้ งหุน้ ส่วนจากดั ท้งั หมดร่วมกนั โดยไม่จากดั จานวน แต่ก็เป็ นหุ้นส่วนที่มีสิทธิในการบริหารและจดั การดาเนินงานของหา้ ง โดย หุน้ ส่วนพวกแรกจะไม่มีสิทธิในการบริหารจดั การของหา้ งหุน้ ส่วนจากดั โดยตรง 10.2.3 บริษทั จากดั บริษัทจากัด (Corporation) เป็ นธุรกิจอีกรูปแบบหน่ึง ซ่ึงมีการดาเนินการเป็ นนิติ บุคคล ลกั ษณะการประกอบการมกี ารระดมทุนโดยการแบ่งทุนเป็ นหุ้นท่ีมีมูลค่าเท่าๆกนั ผถู้ ือหุ้น แต่ละคนรับผดิ ชอบจากดั เพียงมลู ค่าหุน้ ท่ีถืออยู่ การดาเนินธุรกิจมีการแบ่งแยกหนา้ ท่ีของเจา้ ของ และผบู้ ริหารออกจากกันอย่างเด่นชดั ซ่ึงกฎหมายของไทยจะมีการแบ่งบริษทั จากัดออกเป็ น 2 ประเภท คือบริษทั จากดั และบริษทั มหาชน จากดั บริษทั จากดั และบริษทั มหาชน จากดั 10.2.4 องคก์ ารธุรกิจการเกษตรท่ีเป็นสถาบนั เกษตรกร องคก์ ารธุรกิจการเกษตรท่ีเป็นสถาบนั เกษตรกรสามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 3 กลมุ่ ใหญ่ๆ คือ (1) กลุ่มเกษตรกร เกิดจากการรวมตวั ของเกษตรกรที่ทาการผลิตสินคา้ เกษตรท่ี คลา้ ยคลึงกันโดยมีวตั ถุประสงค์เพ่ือช่วยเหลือซ่ึงกันและกันด้านการผลิตและดา้ นการตลาด เกษตรกรที่รวมกลุ่มกนั แยกออกเป็น 2 ประเภทดว้ ยกนั คือ (1.1) กลุ่มท่ีมีการย่นื ขอจดทะเบียนตามกฎหมายซ่ึงมีสภาพเป็ นนิติบุคคลเพ่ือ เตรี ยมพร้อมที่จะแปรสภาพเป็ นสหกรณ์การเกษตรต่อไป (1.2) กลุ่มท่ีไมม่ กี ารยืน่ ขอจดทะเบียนตามกฎหมาย มกั เป็ นกลุ่มที่ทาใหเ้ กิดข้ึน เฉพาะหน้าตามฤดูกาลผลิตพืชผลแต่ละชนิด โดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ อนั เน่ืองมาจากการผลติ และจาหน่ายผลติ ผล (2) สหกรณ์ (Cooperatives) เป็นองคก์ ารของบุคคลซ่ึงรวมกลุ่มกนั โดยสมคั รใจหรือ การรวมกนั ของกลมุ่ คนซ่ึงมคี วามเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ เพ่ือช่วยเหลอื ตนเองและช่วยเหลือซ่ึงกนั
148 การจดั การองคก์ ารในธุรกจิ การเกษตร และกนั องคก์ ารธุรกิจตามรูปแบบสหกรณ์มีการจดทะเบียนเป็นสมาคมในประเทศไทยต้งั แต่ พ.ศ. 2459 และมีการพฒั นามาตามลาดบั จนถงึ ปัจจุบนั การดาเนินธุรกิจแบบสหกรณ์เป็นทางเลอื กในการ ดาเนินธุรกิจอีกรูปแบบหน่ึง ซ่ึงเหมาะกบั ผปู้ ระกอบการรายย่อยที่มีทุนดาเนินการนอ้ ยและขาด อานาจต่อรอง สหกรณ์มีการดาเนินธุรกิจหลายประเภท ตามคุณลกั ษณะการประกอบอาชีพของ สมาชิกซ่ึงปัจจุบนั ไดม้ กี ารแบ่งสหกรณ์ออกเป็ น 6 ประเภท คือ สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคม สหกรณ์ประมง สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์ร้านคา้ และสหกรณ์บริการ การดาเนินงานของสหกรณ์ จะประสบความสาเร็จไดส้ มาชิกสหกรณ์ตอ้ งมีความเขา้ ใจและมอี ดุ มการณ์ในเร่ืองสหกรณ์ สหกรณ์เป็นองคก์ ารธุรกิจท่ีมิไดแ้ สวงหากาไรเพราะได้มีการเฉลี่ยคืนกาไรแก่สมาชิกใน นกล่มุ ไปตามส่วนแบ่งธุรกิจ เป็นการดาเนินธุรกิจท่ียงั ประโยชน์แก่สงั คมและสมาชิกโดยรวม (3) วิสาหกิจชุมชน (SMCE หรือ Small and Micro Community Enterprise) หมายถึง กิจการของชุมชนเกี่ยวกบั การผลติ สินคา้ การใหบ้ ริการหรือการอื่นๆ ที่ดาเนินการโดยคณะบุคคลที่ มีความผกู พนั มีวิถีชีวติ ร่วมกนั และรวมตวั กนั ประกอบกิจกรรมดงั กล่าว ไม่ว่าจะเป็ นนิติบุคคลใน รูปแบบใด หรือไมเ่ ป็นนิติบุคคลเพื่อสร้างรายไดแ้ ละเพอ่ื การพ่งึ พาตนเองของครอบครัว ชุมชนและ ระหวา่ งชุมชน ลกั ษณะสาคญั ของวสิ าหกิจชุมชน มอี งคป์ ระกอบอยา่ งนอ้ ย 7 ประการ คือ (3.1) ชุมชนเป็นเจา้ ของและผดู้ าเนินการ (3.2) ผลผลิตมาจากกระบวนการในชุมชน โดยใชว้ ตั ถดุ ิบ ทรัพยากร ทุน แรงงาน ในชุมชนเป็ นหลกั (3.3) ริเริ่มสร้างสรรคเ์ ป็นนวตั กรรมของชุมชน (3.4) เป็นฐานภมู ิปัญญาทอ้ งถิน่ ผสมผสานภมู ปิ ัญญาสากล (3.5) มกี ารดาเนินการแบบบรู ณาการ เชื่อมโยงกิจกรรมต่างๆ อยา่ งเป็นระบบ (3.6) มกี ระบวนการเรียนรู้เป็นหวั ใจ (3.7) มีการพ่งึ พาตนเองของครอบครัวและชุมชนเป็นเป้ าหมาย 10.2.5 องค์การธุรกิจการเกษตรที่เป็ นองค์การของรัฐ องค์การธุรกิจการเกษตรของรัฐ สามารถแบ่งออกได้ 2 กล่มุ ใหญ่ คือ (1) องคก์ ารทางดา้ นการผลติ ไดแ้ ก่ (1.1) องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย เป็ นรัฐวิสาหกิจ สงั กดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีหนา้ ท่ีหลกั คือ การส่งเสริมการเล้ียงโคนมและสัตวอ์ ่ืนๆ ที่ ใหน้ ้านมและเน้ือ ทาหนา้ ท่ีเป็นผรู้ วบรวมและกระจายสินคา้ นมสู่ผบู้ ริโภคตามนโยบายของรัฐ ซ่ึง ทาใหก้ ารดื่มนมสดเป็นท่ีนิยมแพร่หลายมากข้ึนในหมปู่ ระชาชนของไทยในปัจจุบนั
การจดั การองคก์ ารในธุรกิจการเกษตร 149 (2.2) องค์การอุตสาหกรรมป่ าไม้ (อ.อ.ป.) เป็ นรัฐวิสาหกิจสังกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซ่ึงมีหนา้ ท่ีในการถนอมไมช้ นิดดีมีราคา และเป็นท่ีนิยมใหม้ ีใชส้ อยได้ นานๆ พร้อมกบั นาไมท้ ี่มีค่าในการใชง้ านต่ามาใชค้ วบคู่กนั ไป (2) องคก์ ารทางดา้ นตลาด ไดแ้ ก่ (1) องคก์ ารคลงั สินค้า (อ.ค.ส.) เป็ นรัฐวิสาหกิจสังกดั กระทรวงพาณิชยท์ า หนา้ ท่ีดา้ นการพยงุ ราคาสินคา้ เกษตร ทาใหเ้ กษตรกรไดร้ ับราคาสินคา้ ที่เป็ นธรรม และป้ องกนั การ ขาดแคลนสินคา้ ท่ีจาเป็นต่อการครองชีพ โดยการเก็บรักษาสินคา้ ไวเ้ พ่ือรักษาระดบั ราคาในตลาด ตลอดจนมีการนาเขา้ ส่งออกสินคา้ เพอื่ แทรกแซงตลาดตามนโยบายของรัฐ (2) องคก์ ารตลาดเพอื่ เกษตรกร (อ.ต.ก.) เป็นรัฐวสิ าหกิจสงั กดั กระทรวงเกษตร และสหกรณ์รับผิดชอบในการส่งเสริมการคา้ ผลิตผลเกษตรกร โดยการจดั ใหม้ ีตลาดกลางข้ึนใน พ้ืนท่ีต่างๆ เพือ่ เป็นแหล่งกลางซ้ือขายผลผลติ เกษตร แต่จานวนตลาดกลางท่ีจดั ต้งั ข้ึนยงั มีนอ้ ยมาก สามารถจดั จาหน่ายสินคา้ เกษตรไดไ้ มถ่ ึงร้อยละ 20 ของผลผลติ เกษตรท้งั หมด 10.3 องค์การกบั การบริหารจดั การ การดาเนินกิจกรรมต่างๆ ทางธุรกิจในองค์การจาเป็ นตอ้ งอาศยั บุคลากรมาดาเนินกิจกรรม ต่างๆให้สาเร็จลุล่วงตามวตั ถุประสงค์ขององคก์ าร บุคลากรท่ีทาหน้าท่ีในการบริหารจัดการใน องคก์ ารน้นั มหี ลายระดบั มกี ารแบ่งงานตามโครงสร้างขององคก์ าร ผทู้ ี่มีหน้าท่ีและรับผดิ ชอบใน ตาแหน่งงานทางบริหารซ่ึงทาหน้าท่ีในการบริหารจดั การองค์การ ก็คือผบู้ ริหารองค์การ องค์การ โดยทวั่ ไปจะแบ่งระดบั ของผบู้ ริหารออกเป็น 3 ระดบั ไดแ้ ก่ ผบู้ ริหารระดบั สูง ผบู้ ริหารระดบั กลาง ผบู้ ริหารระดบั ตน้ โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี (1) ผบู้ ริหารระดบั สูง มีหนา้ ที่ในการกาหนดนโยบาย เป้ าหมาย และแผนงานสาคญั ของ องคก์ าร ผบู้ ริหารระดบั สูงถอื วา่ เป็นผนู้ าขององคก์ ารที่จะนาองคก์ ารไปสู่เป้ าหมายที่ตอ้ งการ (2) ผบู้ ริหารระดบั กลาง มหี นา้ ที่ในการรับนโยบาย และเป้ าหมายจากผบู้ ริหารระดบั สูงไปสู่ การปฏบิ ตั ิเพ่ือใหอ้ งคก์ ารประสบความสาเร็จ ซึงมกั จะมีหน่วยงานระดบั ล่างรองรับการทางานอีก ระดบั หน่ึง (3) ผบู้ ริหารระดบั ตน้ มีหน้าที่กาหนดแผนระดบั ปฏิบตั ิงาน ซ่ึงไดจ้ ากแผนการดาเนินงาน จากผบู้ ริหารระดบั กลาง จึงจะเป็ นหน่วยงานปฏิบตั ิงาน หน่วยงานน้ีจะดูแลหน่วยงานย่อยต่างๆ ขององคก์ าร
150 การจดั การองคก์ ารในธุรกิจการเกษตร 10.4 กระบวนการจดั การในองค์การธุรกจิ การเกษตร กระบวนการจดั การ (Management Process) ประกอบดว้ ยการดาเนินกิจกรรม 4 ข้นั ตอน ดว้ ยกนั ไดแ้ ก่ 10.3.1 ข้นั ตอนการวางแผน (Planning) เป็นข้นั ตอนแรกของกระบวนการจดั การ แบ่งออกได้ เป็น 3 ข้นั ตอนที่สาคญั คือ (1) การวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ มขององค์การ โดยการวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ มท้ัง ภายในและภายนอกองค์การ หรือท่ีเรียกว่า SWOT Analysis ในการวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ มท้งั ภายในเป็ นการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของการองค์การ ส่วนการวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ ม ภายนอก เป็ นการวิเคราะห์โอกาสและอุปสรรคที่เกิดข้ึนนอกองค์การ เช่น ภาวะเศรษฐกิจ ไดแ้ ก่ อตั ราดอกเบ้ีย อตั ราแลกเปลย่ี นของเงินตรา เงินเฟ้ อ เป็ นตน้ หรือภาวะทางการเมือง ทางกฎหมาย ทางสงั คม และทางเทคโนโลยี เป็นตน้ (2) กาหนดทิศทางขององคก์ าร เป็นการกาหนดทิศทางขององค์การใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาวะแวดลอ้ ม เพ่ือเป็ นแนวทางให้กับองค์การในการดาเนินทางให้บรรลุผลสาเร็จ ซ่ึง ประกอบดว้ ยการกาหนดวิสยั ทศั น์ พนั ธกิจ และเป้ าหมายขององคก์ าร (3) กาหนดแผนงานขององค์การ คือ กิจกรรมหรือวิธีการท่ีกาหนดข้ึนเพ่ือให้การ ดาเนินงานบรรลเุ ป้ าหมาย ซ่ึงตอ้ งสอดคลอ้ งกบั เป้ าหมายและพนั ธกิจขององคก์ าร อนั ไดแ้ ก่ แผนกล ยทุ ธ์ แผนยทุ ธวิธี และแผนปฏบิ ตั ิการ 10.3.2 ข้นั ตอนการจดั การองค์การ (Organizing) เป็ นข้นั ตอนท่ี 2 ของกระบวนการจดั การ การจดั องคก์ ารจะประกอบดว้ ยกิจกรรมท่ีสาคญั คือ การกาหนดภาระงานท่ีสอดคลอ้ งกบั กลยทุ ธ์ ขององคก์ าร การออกแบบโครงสร้างองคก์ าร การแบ่งอานาจหนา้ ท่ี และการประสานงาน 10.3.3 ข้นั ตอนการช้ีนา (Leading) การดาเนินงานขององคก์ ารทุกองค์การจะอย่ภู ายใตค้ วาม ดแู ลรับผดิ ชอบของผบู้ ริหารองค์การ ซ่ึงจะเป็ นผนู้ าในการบริหารงานไปสู่เป้ าหมายที่กาหนดไว้ การบริหารงานจะเป็ นไปในทิศทางใดข้ึนอย่กู บั การช้ีนาของผบู้ ริหาร ผบู้ ริหารซ่ึงเป็ นผนู้ าของ องค์การจะตอ้ งมีภาวะผนู้ าและสามารถจูงใจให้บุคคลากรในองค์การเกิดผลปฏิบตั ิงานอย่างมี ประสิทธิภาพ 10.3.4 ข้นั ตอนการควบคุมองค์การ (Controlling) เป็ นการควบคุมการดาเนินงานต่างๆ ภายในองคก์ ารใหเ้ ป็นไปตามเกณฑม์ าตรฐานที่กาหนดไว้ ผลลพั ธ์ของกระบวนการควบคุมที่ดีทา ใหส้ ามารถวดั ผลงานไดแ้ ม่นยา ผบู้ ริหารองคก์ ารจะตอ้ งกาหนดมาตรฐาน และวิธีประเมินผลงาน เพอื่ ใหค้ วบคุมไปอย่างมีประสิทธิภาพหากมีปัญหาเกิดข้ึนก็สามารถแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ผล
การจดั การองคก์ ารในธุรกิจการเกษตร 151 การควบคุมจะถกู นาไปเป็นขอ้ มลู ยอ้ นกลบั สาหรับวางแผนต่อไป ซ่ึงประกอบไปดว้ ยข้นั ตอนต่างๆ 4 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่ ข้นั ตอนที่ 1 การกาหนดมาตรฐานของงาน ข้นั ตอนท่ี 2 การวดั ผลงาน ข้นั ตอนท่ี 3 เปรียบเทียบผลงานกบั มาตรฐานที่กาหนด ข้นั ตอนท่ี 4 การประเมินผลและแกไ้ ข กระบวนการจดั การในการจดั การสามารถสรุปไดด้ งั รูปที่ 10.1 การวางแผน การจดั การองค์การ 1. SWOT Analysis 1. การกาหนดภาระงาน 2. กาหนดทิศทางองคก์ าร 2. ออกแบบโครงสร้าง 3. กาหนดแผนงาน องคก์ าร 3. แบ่งอานาจหนา้ ที่ ขอ้ มลู ยอ้ นกลบั 4. ประสานงาน การควบคุมองค์การ การชีน้ า ข้นั ตอนที่ 1 การกาหนดมาตรฐานของงาน 1. ภาวะผนู้ า ข้นั ตอนที่ 2 การวดั ผลงาน 2. การจูงใจ ข้นั ตอนที่ 3 เปรียบเทียบผลงานกบั มาตรฐานที่กาหนด 3. ผลงาน ข้นั ตอนที่ 4 การประเมนิ ผลและแกไ้ ข รูปที่ 10.1 กระบวนการจดั การขององคก์ าร
152 การจดั การองคก์ ารในธุรกจิ การเกษตร สรุปเนอื้ หาประจาบท องคก์ ารทางธุรกิจการเกษตร สามารถแบ่งออกเป็ น 5 กลุ่ม ไดแ้ ก่ องคก์ ารธุรกิจการเกษตร แบบเจ้าของคนเดียว องค์การธุรกิจแบบห้างหุ้นส่วน องค์การธุรกิจการเกษตรที่เป็ นสถาบัน เกษตรกร และองคก์ ารธุรกิจการเกษตรท่ีเป็นองคก์ ารของรัฐ โดยกระบวนการจดั การองคก์ ารทาง ธุรกิจการเกษตร ประกอบดว้ ยการดาเนินกิจกรรม 4 ข้นั ตอน คือ ข้นั ตอนการวางแผน ข้นั ตอนการ จดั การองคก์ ร ข้นั ตอนการช้ีนา และข้นั ตอนการควบคุมองคก์ ร คาถามและกจิ กรรมท้ายบท 1. อธิบายความหมายของการจดั การ 2. จาแนกองคก์ ารทางธุรกิจการเกษตรได้ 3. อธิบายกระบวนการจดั การในองคก์ ารธุรกิจการเกษตร
การจดั การองคก์ ารในธุรกจิ การเกษตร 153 เอกสารอ้างองิ ภาพร ขนั ธหตั ถ.์ (2549). องค์การและการจดั การ. กรุงเทพฯ: บริษทั อกั ษราพิพฒั น์ จากดั . ลดั ดา พิสาลบุตร. (2551). การจดั การองคก์ ารธุรกิจการเกษตร. ใน เอกสารการสอนชุดวชิ าความรู้ ทั่วไปเกยี่ วกบั ธุรกจิ การเกษตร สาขาส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช. นนทบุรี: สานกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช
154 ธุรกิจเกษตรดา้ นการบริการและธุรกิจสินเชอ่ื การเกษตร แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 11 เวลาเรียน 3 ช่ัวโมง จดุ ประสงค์ เมอื่ นกั ศกึ ษาไดศ้ ึกษาบทน้ีแลว้ นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายประเภทของคลงั สินคา้ เกษตรในประเทศไทยได้ 2. อธิบายธุรกิจการใหบ้ ริการเครื่องจกั รกลเกษตรและการขนส่งสินคา้ เกษตร 3. จาแนกธุรกิจสินเช่ือการเกษตรได้ 4. อธิบายปัญหาเกี่ยวกบั สินเช่ือการเกษตรได้ เนือ้ หา 1. ธุรกิจการใหบ้ ริการดา้ นคลงั สินคา้ เกษตร 2. ประเภทของคลงั สินคา้ เกษตรในประเทศไทย 3. ธุรกิจการใหบ้ ริการเคร่ืองจกั รกลเกษตรและการขนส่งสินคา้ เกษตร 4. ธุรกิจสินเชื่อการเกษตร 5. ตวั อยา่ งแหลง่ สินเช่ือการเกษตรท่ีเป็นสถาบนั การเงิน 6. แหล่งสินเชื่อนอกระบบ 7. ปัญหาสินเช่ือการเกษตร วธิ ีการสอนและกจิ กรรม 1. การบรรยาย ดว้ ย Power Point 2. การอภิปรายกลุม่ 3. การคน้ ควา้ เพิ่มเติม 4. ตอบขอ้ ซกั ถามและแลกเปล่ยี นความคิดเห็น 5. ทาแบบฝึกหดั ในช้นั เรียน
ธุรกจิ เกษตรดา้ นการบริการและธุรกิจสินเช่อื การเกษตร 155 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 11 (ต่อ) เวลาเรียน 3 ช่ัวโมง สื่อการเรียนการสอน 1. เครื่องคอมพวิ เตอร์ 2. เครื่องฉายภาพ 3. วดี ีทศั น์ 4. ฟลปิ ชาร์ท การวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมจากช้นั เรียน 2. สงั เกตจากการอภิปรายและการแสดงความคิดเห็นในช้นั เรียน 3. ประเมนิ จากการตอบคาถามทา้ ยบทเรียน
156 ธุรกจิ เกษตรดา้ นการบริการและธุรกจิ สินเชอ่ื การเกษตร บทท่ี 11 ธุรกจิ เกษตรด้านการบรกิ ารและธุรกจิ สินเช่ือการเกษตร การผลิตสินคา้ ทางการเกษตรหรือการบริการต่างๆดา้ นการเกษตร จาเป็ นตอ้ งใช้เงินทุน เพ่อื ใหใ้ นการผลติ และบริการสามารถดาเนินการไดอ้ ยา่ งไรก็ตามหากผผู้ ลิตเกิดปัญหาขาดเงินทุน หรื อมีเงินทุนไม่เพียงพอต่อการผลิต จนเกิดผลกระทบต่อการการดาเนินงาน ส่วนใหญ่ ผปู้ ระกอบการจะทากเู้ งินจากสถาบนั การเงินต่าง ๆ มาใช้ในการแกป้ ัญหาหรือที่เรียกว่า “สินเช่ือ” ดงั น้นั สินเชื่อทางธุรกิจจึงมีความจาเป็นอยา่ งมากสาหรับผปู้ ระกอบการ ซ่ึงในบทน้ีเป็ นการอธิบาย เกี่ยวกบั ธุรกิจการใหบ้ ริการดา้ นคลงั สินคา้ เกษตร ประเภทคลงั สินคา้ เกษตรในประเทศไทย ธุรกิจ การบริการเครื่องจกั รกลเกษตรและการขนส่งสินคา้ เกษตร ธุรกิจสินเชื่อการเกษตร ตวั อยา่ งแหล่ง สินเชื่อการเกษตรท่ีเป็นสถาบนั การเงิน ปัญหาสินเช่ือการเกษตร โดยมีรายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี 11.1 ธุรกจิ การให้บริการด้านคลงั สินค้าเกษตร คลงั สินคา้ เกษตร หมายถึง ส่ิงปลกู สร้างที่มีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อใชใ้ นการพกั หรือ/และเก็บรักษา สินคา้ เกษตร ท้งั น้ีดว้ ยเหตุผลต่างๆ เช่น เพ่อื กกั ตุนสินคา้ เก็งกาไร นอกจากน้ี อาจทาหนา้ ท่ีรับฝาก หรือจานาสินคา้ เกษตรหรือมูลภณั ฑ์กนั ชนสาหรับการรักษาเสถียรภาพของสินคา้ เกษตร (สมคิด ทกั ษิณาวสิ ุทธ์ิ, 2548) 11.2 ประเภทคลงั สินค้าเกษตรในประเทศไทย สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ 11.2.1. แบ่งตามชนิดของคลงั สินคา้ ประกอบดว้ ย (1) โรงคลุม หมายถึง สิ่งปลูกสร้างท่ีใชเ้ พื่อพกั หรือเก็บรักษาสินคา้ ชั่วคราว ที่มี เฉพาะโครงของอาคารและหลงั คาเท่าน้นั (2) โกดงั หรือยงุ้ ฉาง (Ban) หมายถึง ส่ิงปลกู สร้างที่ใชเ้ พื่อกกั หรือเก็บรักษาสินคา้ ที่ มีฝาผนงั และหลงั คาปิ ดมิดชิด (3) ไซโล (Silo) หมายถึง ส่ิงปลูกสร้างท่ีใชเ้ พ่ือการพกั หรือเก็บรักษาสินค้าท่ี สามารถควบคุมอุณหภมู แิ ละความช้ืนของสินคา้ ท่ีเก็บรักษาไดด้ ว้ ย (4) ห้องเยน็ (Cool Storage) หมายถึง ส่ิงปลกู สร้างที่ติดต้งั เครื่องทาความเยน็ ที่มี อุณหภูมิต้งั แต่ 0 ถึงลบ 20 องศาเซลเซียส สาหรับใชพ้ กั หรือเก็บรักษาสินคา้ (คานาย อภิปรัชญา สกลุ , 2547)
ธุรกิจเกษตรดา้ นการบริการและธุรกิจสินเช่อื การเกษตร 157 11.2.2 แบ่งตามระดบั ตลาดตามท่ีคลงั สินคา้ น้นั ต้งั อยู่ ไดแ้ ก่ (1) คลงั สินคา้ ระดบั ท้องถ่ิน เป็ นคลงั สินค้าท่ีสร้างข้ึนในแหล่งผลิตวตั ถุดิบหรือ ผลติ ภณั ฑช์ นิดน้นั ๆ เช่น ยงุ้ ฉางของชาวนา หรือโกดงั เก็บสบั ปะรดกระป๋ องของโรงงาน เป็นตน้ (2) คลงั สินคา้ ระดบั ภาค เป็นคลงั สินคา้ ท่ีสร้างข้ึนในตลาดกลางท่ีใชเ้ ป็นจุดรวบรวม และกระจายผลผลติ ไปสู่ส่วนต่างๆของประเทศ เช่น โกดงั ขา้ วของตลาดกลางขา้ ว (3) คลงั สินคา้ ปลายทางระดบั ประเทศ เป็นคลงั สินคา้ ที่ต้งั อย่ใู นตลาดปลายทางเพื่อ การส่งออกและขายส่งในประเทศ เช่น โกดงั และไซโลท่ีเกบ็ สินคา้ เพ่อื การส่งออก หรือศนู ยก์ ระจาย สินคา้ ของโรงงานแปรรูปเพอื่ การขายส่งในประเทศ เป็นตน้ 11.2.3 แบ่งตามการจดทะเบียนตามกฎหมายคลงั สินคา้ (1) คลงั สินคา้ สามญั เป็ นคลงั สินคา้ ท่ีหน่วยธุรกิจสร้างข้ึนมาเพื่อใชเ้ ป็ นอุปกรณ์ สนบั สนุนการประกอบธุรกิจของตนเองโดยเฉพาะ ไม่อยภู่ ายใตเ้ ง่ือนไขการควบคุมกิจการควบคุม กิจการคลงั สินคา้ พ.ศ. 2535 แต่เจา้ ของธุรกิจสามารถนาสินคา้ ไปขอเครดิตจากธนาคารพาณิชยไ์ ด้ (2) คลงั สาธารณะ เป็นกิจการคลงั สินคา้ ท่ีรับเก็บรักษาสินคา้ เพื่อบาเหน็จและผฝู้ าก สินคา้ สามารถกยู้ มื เงินได้ โดยอาศยั เอาสินคา้ ที่ฝากจานาไวก้ บั คลงั สินคา้ 11.2.4. แบ่งตามลกั ษณะของสินคา้ ที่จดั เก็บของโรงงานแปรรูปสินคา้ เกษตร แบ่งเป็น 4 แบบ คือ (1) สินคา้ คงคลงั ท่ีเป็นวตั ถุดิบ เป็นวตั ถดุ ิบท่ีไดซ้ ้ือไวแ้ ลว้ แต่ยงั ไม่ไดน้ าไปแปรรูป สินคา้ คงคลงั แบบน้ีสามารถใชแ้ ยกผจู้ ดั หาจากกระบวนการผลิต อยา่ งไรก็ตาม วิธีการท่ีดีกว่า คือ การขจดั ผจู้ ดั หาที่มีความแตกต่างในดา้ นคุณภาพ ปริมาณ หรือเวลาท่ีส่งมอบ ดงั น้ัน การจดั แยก สินคา้ จึงไม่มีความจาเป็น (2) สินคา้ คงคลงั ก่ึงแปรรูป คือ ส่วนประกอบหรือวตั ถุดิบท่ีไดม้ ีการเปล่ียนแปลง บางส่วน แต่ยงั ไมแ่ ลว้ เสร็จ สินคา้ คงคลงั ก่ึงแปรรูปเกิดข้ึนเพราะเวลาท่ีใชใ้ นการผลิตสินคา้ เรียกว่า วงจรเวลา (Cycle time) การลดวงจรเวลาช่วยลดสินคา้ คงคลงั (3) สินคา้ คงคลงั อะไหล่เพ่ือการบารุง ซ่อมแซมหรือดาเนินการ ซ่ึงมีความจาเป็ น เพอ่ื ใหใ้ ชเ้ คร่ืองจกั รและกระบวนการผลิตได้ คลงั สินคา้ แบบน้ีเกิดข้ึนเพราะ ยงั ไม่ทราบเวลาในการ บารุงรักษาและซ่อมแซมอุปกรณ์บางอย่างท่ีตอ้ งการ ถึงแมว้ ่าอุปสงค์ของสินคา้ คงคลงั แบบน้ีมี ความสมั พนั ธก์ บั ตารางซ่อมบารุง แต่ส่วนอนื่ ท่ีไม่ไดก้ าหนดไวใ้ นตารางกจ็ าเป็นตอ้ งทา (4) สินคา้ คงคลงั สาเร็จรูป เป็ นสินคา้ ท่ีเสร็จแลว้ รอการขนส่ง อาจตอ้ งเก็บสินค้า สาเร็จรูป เพราะไมท่ ราบความตอ้ งการของลกู คา้ ในอนาคต (ญาณี มโนพิโมกษ์ และจุฑามาศ นิศา รัตน์, 2524)
158 ธุรกจิ เกษตรดา้ นการบริการและธุรกจิ สินเชือ่ การเกษตร 11.3 ธุรกจิ การบริการเครื่องจกั รกลเกษตรและการขนส่งสินค้าเกษตร 11.3.1 ธุรกิจการบริการเคร่ืองจกั รกลเกษตร (1) การใหบ้ ริการเครื่องจกั รกลเกษตรและเคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการผลิตพืช ไดแ้ ก่ การ ใหบ้ ริการรถไถเดินตาม รถแทรกเตอร์ รถดานา รถเก่ียวขา้ ว ไถระเบิดดินดาน เครื่องปลกู และ เคร่ืองพ่นสารกาจดั ศตั รูพชื เป็นตน้ (2) เคร่ืองจกั รกลเกษตรท่ีใชใ้ นการผลิตสตั ว์ ไดแ้ ก่ การใหบ้ ริการเคร่ืองตดั พืชอาหาร สตั ว์ เคร่ืองสบั อาหารสตั ว์ เคร่ืองอดั ฟางและหญา้ แหง้ เป็นตน้ 11.3.2 ธุรกิจการบริการการขนส่งสินคา้ เกษตร (1) การใหบ้ ริการขนส่งสินคา้ เกษตรทางบก เป็นการใหบ้ ริการขนส่งสินคา้ เกษตรโดย รถยนตห์ รือรถบรรทุก (2) การใหบ้ ริการขนส่งสินคา้ เกษตรทางราง เป็นการใหบ้ ริการขนส่งสินคา้ เกษตรโดย รถไฟ (3) การใหบ้ ริการขนส่งสินคา้ เกษตรทางน้า เป็นการใหบ้ ริการขนส่งสินคา้ เกษตรโดย เรือ (4) การใหบ้ ริการขนส่งสินคา้ เกษตรทางอากาศ เป็นการใหบ้ ริการขนส่งสินคา้ เกษตร โดยเครื่องบิน 11.4 ธุรกจิ สินเช่ือการเกษตร สินเช่ือการเกษตร (Agricultural Credit) หมายถึง เงินท่ีใหก้ เู้ พื่อนาไปใชใ้ นการประกอบ การเกษตร และตอ้ งใหค้ ามน่ั สญั ญาว่าจะชาระเงินคืนทนั ทีท่ีตอ้ งการ หรือชาระคืนในอนาคตตาม กาหนดเวลาที่แน่นอนและเงินกนู้ ้นั จะตอ้ งต้งั อย่บู นพ้ืนฐานของความเช่ือถือและการออม (อมั พน ห่อนาค, 2548) 11.4.1 ประโยชน์ของสินเช่ือการเกษตร (1) สินเชื่อการเกษตรทาให้เกษตรกรมีแหล่งทุนเพื่อประกอบธุรกิจหรืออาชีพทาง การเกษตร (2) สินเชื่อการเกษตรทาใหเ้ กษตรกรมอี านาจในการซ้ือและการบริโภค (3) สินเชื่อการเกษตรทาใหเ้ กิดการจา้ งงานและการกระจายรายไดใ้ นภาคการเกษตร (4) สินเช่ือการเกษตรช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการผลิต (5) สินเชื่อการเกษตรช่วยทาใหเ้ กิดการรวมกลุ่มของเกษตรกร
ธุรกิจเกษตรดา้ นการบริการและธุรกจิ สินเชอ่ื การเกษตร 159 (6) สินเช่ือการเกษตรทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมทางการบริ โภคของ เกษตรกร 11.4.2 แหล่งสินเชื่อการเกษตร การใหส้ ินเชื่อการเกษตรแก่เกษตรกรและผปู้ ระกอบการทางธุรกิจเกษตรน้ัน มีแหล่ง สินเช่ือท่ีสาคญั ดงั น้ี (1) แหล่งสินเชื่อที่เป็ นสถาบันการเงิน คือ สถาบันทางการเงินท่ีต้ังข้ึนอย่างเป็ น ทางการ มีกฎหมายและระเบียบ ขอ้ บงั คบั ควบคุมในการดาเนินงานไดแ้ ก่ ธนาคารเพ่ือการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชยต์ ่างๆ เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ เป็ นตน้ บริษัทเงินทุน บริษัทหลกั ทรัพย์ บริษทั ประกนั สินเชื่อ บริษทั ประกนั ชีวติ โรงรับจานาธนาคารอาคารสงเคราะห์ สหกรณ์การเกษตร กองทุนหม่บู า้ น กลุม่ ออมทรัพย์ เป็นตน้ (2) แหลง่ สินเชื่อการเกษตรที่ไม่ใช่สถาบนั การเงิน คือ แหล่งของสินเชื่อทางการเงิน สาหรับการเกษตรที่ไม่ไดอ้ ยใู่ นกรอบการดาเนินงาน กากบั ดูแล ควบคุมจากหน่วยงานของรัฐบาล และไม่มีกฎระเบียบบงั คับทางกฎหมายที่ชัดเจน ได้แก่ บริษทั ท่ีเกี่ยวข้องกับภาคการผลิตทาง การเกษตร เช่น โรงงานน้าตาล โรงสีขา้ ว เป็นตน้ ร้านจาหน่ายอุปกรณ์การเกษตร ร้านคา้ จาหน่าย เคร่ื องจักรกลการเกษตร พ่อค้าคนกลางที่รับซ้ือสินค้าเกษตร พ่อค้าในหมู่บ้าน ญาติพี่น้อง นอกจากน้นั ยงั มีแหล่งสินเช่ือนอกการบงั คบั ทางกฎหมาย คือ เงินกนู้ อกระบบ (สุรพงษ์ นิลพงษ์, 2543) แหล่งสินเช่ือการเกษตรสาหรับแก่เกษตรกรและผปู้ ระกอบการทางธุรกิจเกษตร สามารถ สรุปได้ ดงั รูปท่ี 11.1
160 ธุรกจิ เกษตรดา้ นการบริการและธุรกิจสินเช่ือการเกษตร สินเช่ือการเกษตร แหล่งสินเชอื่ ทเ่ี ป็ นสถาบันการเงิน แหล่งสินเชอ่ื การเกษตรทีไ่ ม่ใช่ 1. ธ.ก.ส. สถาบนั การเงิน 2. สหกรณ์การเกษตร 3. ธนาคารแห่งประเทศไทย 1. โรงงานน้าตาล 4. ธนาคารพาณิชยต์ ่างๆ 2. โรงสีขา้ ว 5. บริษทั เงินทุน 3. ร้านจาหน่ายอุปกรณ์การเกษตร 6. บริษทั หลกั ทรัพย์ 4. ร้านคา้ จาหน่ายเครื่องจกั รกล 7. บริษทั ประกนั สินเชื่อ การเกษตร 8. บริษทั ประกนั ชีวติ 5. พ่อคา้ คนกลางที่รับซ้ือสินคา้ 9. โรงรับจานา เกษตร 10. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 6. พอ่ คา้ ในหม่บู า้ น 11. สหกรณ์การเกษตร 12. กองทุนหมบู่ า้ น ญาติพ่ีนอ้ ง 13. กลุ่มออมทรัพย์ เงินกนู้ อกระบบ รูปท่ี 11.1 แหล่งสินเชื่อสาหรับแก่เกษตรกรและผปู้ ระกอบการทางธุรกจิ เกษตร 11.5 ตวั อย่างแหล่งสินเช่ือการเกษตรที่เป็ นสถาบันการเงิน แหล่งสินเชื่อท่ีเป็ นสถาบันการเงินมีหลายแหล่ง แต่ละแหล่งก็มีลกั ษณะการใหส้ ินเช่ือท่ี แตกต่างกนั ออกไป โดยมีตวั อยา่ งแหล่งสินเชื่อที่สาคญั ไดแ้ ก่ 11.5.1 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ถูกจัดต้ังข้ึนโดย พระราชบญั ญตั ิธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. 2509 ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไดแ้ บ่งประเภทเงินกู้ตามวตั ถุประสงค์ออกเป็ น 3 กลุ่มไดแ้ ก่ สินเชื่อบุคคล สินเช่ือสาหรับลูกคา้ ผปู้ ระกอบการ และสินเช่ือสาหรับลกู คา้ สหกรณ์ กลุ่ม องค์กร (ธนาคารเพอ่ื การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, 2556) โดยมีรายละเอียดดงั น้ี
ธุรกิจเกษตรดา้ นการบริการและธุรกจิ สินเช่ือการเกษตร 161 (1) สินเช่ือบุคคลแบ่งออกเป็น 17 สินเช่ือ ไดแ้ ก่ (1.1) สินเชื่อเพ่ือผใู้ ชบ้ ริการเงินฝากกบั ธ.ก.ส. (1.2) สินเช่ือเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์ (1.3) สินเช่ือ คืนสู่เหยา้ (1.4) สินเช่ือ Smart Farmer (1.5) สินเช่ือ 108 อาชีพ (1.6) สินเชื่อ Value Chain (1.7) สินเช่ือเบิกเงินเกินบญั ชี (OD) (1.8) โครงการเพ่มิ ศกั ยภาพและลดตน้ ทุนใหก้ บั ผเู้ ล้ียงไก่ไข่และสุกร (1.9) สินเช่ือสวสั ดิการบุคลากรภาครัฐและพนกั งานองคก์ ร (1.10) โครงการสินเชื่อขา้ ราชการบานาญ (1.11) โครงการสินเช่ือเพื่อจดั หาเครื่องจกั ร เครื่องยนต์ (1.12) โครงการ Value Chain (ขา้ วโพด) (1.13) สินเช่ือสวสั ดิการพนกั งานสานกั งานหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) (1.14) สินเชื่อสานฝันแรงงานคืนถิ่น (1.15) สินเชื่อเพ่อื พฒั นาคุณภาพชีวิต (1.16) โครงการรับซ้ือลดเช็คค่าบารุงออ้ ย (เช็คเก๊ียว) ท่ีโรงงานน้าตาลเป็ นผสู้ ัง่ จ่าย (1.17) โครงการสินเช่ือเพ่อื ไปทางานต่างประเทศ (2) สินเชื่อสาหรับลกู คา้ ผปู้ ระกอบการแบ่งออกเป็ น 5 สินเช่ือ ไดแ้ ก่ (2.1) สินเชื่อผปู้ ระกอบการ (นิติบุคคล) (2.2) โครงการเพิ่มศกั ยภาพและลดตน้ ทุนใหก้ บั ผเู้ ล้ียงไก่ไข่และสุกร (2.3) โครงการ Value Chain (ขา้ วโพด) (2.4) สินเช่ือเพ่อื เพิ่มประสิทธิภาพการจดั เกบ็ และการกระจายสินคา้ (Logistics) (2.5) สินเชื่อ ธ.ก.ส. สาหรับผปู้ ระกอบการ และบุคคลทวั่ ไป (3) สินเช่ือสาหรับลกู คา้ สหกรณ์ กลมุ่ องคก์ รแบ่งออกเป็น 5 สินเชื่อ ไดแ้ ก่ (3.1) สินเชื่อวิสาหกิจชุมชนเพือ่ จดั หารเครื่องจกั รกลการเกษตร (Machinery Pool) (3.2) โครงการเพิม่ ศกั ยภาพและลดตน้ ทุนใหก้ บั ผเู้ ล้ียงไก่ไข่และสุกร
162 ธุรกิจเกษตรดา้ นการบริการและธุรกิจสินเชอื่ การเกษตร (3.3) สินเช่ือแก่องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ (3.4) โครงการสินเช่ือเพ่ือการขยายธุรกิจและเพ่ิมศกั ยภาพการดาเนินงานของ สถาบนั (3.5) สินเช่ือสหกรณ์ออมทรัพย์ ซ่ึงในการที่จะขอสินเชื่อกบั ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผยู้ ื่นกู้ ตอ้ งมีคุณสมบตั ิดงั น้ี (1) มีสญั ชาติไทย (2) มอี ายไุ ม่ต่ากวา่ 20 ปี (3) เป็นเกษตรกรตามขอ้ บงั คบั ของธนาคารเพือ่ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (4) มคี วามชานาญหรือไดร้ ับการฝึกอบรมในการเกษตรมาแลว้ พอสมควร (5) มถี น่ิ ท่ีอยแู่ ละประอาชีพการเกษตรส่วนใหญ่ในทอ้ งท่ีดาเนินการของสาขาซ่ึงตน ขอข้ึนทะเบียนเป็นลกู คา้ ประจามาแลว้ เป็นเวลาติดต่อกนั ไม่นอ้ ยกวา่ 1 ปี (6) เป็นผกู้ ่อใหเ้ กิดผลผลติ การเกษตรเพือ่ ขายในปี หน่ึง ๆ เป็นมลู ค่าพอสมควร หรือ มีลทู่ างจะปรับปรุงการเกษตรใหม้ รี ายไดเ้ พยี งพอที่จะชาระหน้ีได้ (7) เป็นผมู้ คี วามซื่อสตั ยส์ ุจริต ขยนั ขนั แข็งในการประกอบอาชีพ มีช่ือเสียงดี และ รู้จกั ประหยดั (8) ไมเ่ ป็นบุคคลวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟื อนไมส่ มประกอบ (9) ไม่เป็นบุคคลลม้ ละลาย หรือเป็นผมู้ ีหน้ีสินลน้ พน้ ตวั (10) ไม่เคยถกู ใหอ้ อกจากการเป็ นลกู คา้ ประจาสาขา และปัจจุบนั ไม่ไดเ้ ป็ นผกู้ เู้ งิน ของสหกรณ์การเกษตร กล่มุ เกษตรกร หรือสถาบนั อน่ื ใดที่ดาเนินธุรกิจดา้ นสินเช่ือเพื่อการเกษตร 11.5.2 สหกรณ์การเกษตร คือ องค์กรธุรกิจท่ีดาเนินงานในรูปแบบของสหกรณ์ โดยมี สมาชิกท้งั หมดเป็นเกษตรกร มกี ารประกอบธุรกิจดา้ นการเกษตร เพอ่ื แกไ้ ขความเดือนร้อนในการ ประกอบอาชีพของสมาชิกและช่วยยกฐานะความเป็ นอย่ขู องสมาชิกให้ดีข้ึน ธุรกิจหลกั ของ สหกรณ์การเกษตร ไดแ้ ก่ ธุรกิจการใหส้ ินเชื่อ ธุรกิจรับเงินสดจากสมาชิก ธุรกิจการขาย ธุรกิจการ ซ้ือ ธุรกิจการแปรรูปผลติ ภณั ฑ์ เป็นตน้ (อมั พน ห่อนาค, 2545) สินเช่ือการเกษตรของสหกรณ์การเกษตร แบ่งออกไดเ้ ป็ น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ สินเชื่อ ระยะส้นั และสินเช่ือระยะปานกลาง (1) สินเช่ือระยะส้ันไดแ้ ก่ สินเชื่อท่ีมีกาหนดการชาระคืนท้งั เงินตน้ และดอกเบ้ียใน ระยะไม่เกิน 1 ปี แต่ถา้ มีความจาเป็นหรือกรณีพิเศษไดไ้ ม่กิน 18 เดือน เป็ นสินเช่ือที่ให้แก่สมาชิก เพอื่ นาไปซ้ือเมล็ดพนั ธุ์ ป๋ ุย สารเคมีกาจดั ศตั รูพืช อาหารสัตว์ วสั ดุการเกษตร ค่าซ้ือปศุสัตวห์ รือ
ธุรกิจเกษตรดา้ นการบริการและธุรกจิ สินเชือ่ การเกษตร 163 สตั วป์ ี กเพ่ือนามาเล้ยี งหรือจาหน่าย เงินกนู้ ะยะส้นั น้ี สหกรณ์การเกษตรมกั ให้วงเงินกูแ้ ก่สมาชิกท่ี ขอกู้ ไมเ่ กินร้อยละ 60 ของมลู ค่าผลิตผลที่จะไดร้ ับ จากแผนการท่ีนามาขอกู้ (2) สินระยะปานกลางไดแ้ ก่ สินเชื่อท่ีกาหนดเวลาชาระคืนท้งั เงินตน้ และดอกเบ้ีย ใน เวลาเกินกวา่ 1 ปี ข้ึนไป โดยอยรู่ ะหว่าง 3-5 ปี สินเชื่อท่ีใหแ้ ก่สมาชิกเพือ่ นาไปลงทุน หรือทรัพยส์ ิน หรือทากิจกรรมการเกษตร ท่ีมอี ายุการใชง้ านมากกว่า 1 ปี ข้ึนไป เช่น การนาไปซ้ือเครื่องจกั รกล ขนาดใหญ่ รถไถนา เครื่องสูบน้า หรือนาไปบุกเบิกที่ดินหรือซ้ือที่ดินการเกษตรผืนใหม่ สร้างหรือ ปรับปรุงแหลง่ น้า คนั คนู ้า ประตนู ้า หรือนาไปลงทุนในการทาสวนผลไม้ ทาฟาร์มปศสุ ตั ว์ เป็นตน้ ในการที่จะขอสินเชื่อกบั สหกรณ์การเกษตร ผกู้ จู้ าเป็ นจะตอ้ งมีหลกั ประกนั เงินกูซ้ ่ึง หลกั ประกนั มี 2 ประเภท คือ การค้าประกนั ดว้ ยบุคคลและการค้าประกนั ดว้ ยทรัพยส์ ิน โดยมี รายละเอียดดงั ต่อไปน้ี (1).การค้าประกนั ดว้ ยบุคคล มี 2 ประเภทคือ (1.1)การให้ผกู้ ูร้ ับผิดชอบแบบลูกหน้ีร่วม ซ่ึงจะสาหรับเงินกรู้ ะยะส้ัน ภายใน วงเงินกจู้ านวนหน่ึงที่กาหนดไว้ (1.2)ใหส้ มาชิก 2 คนค้าประกนั เงินกู้ มกั ใชส้ าหรับเงินกปู้ านกลาง ภายในวงเงิน กจู้ านวนหน่ึงที่กาหนดไว้ (2). การค้าประกนั ดว้ ยทรัพยส์ ิน มี 3 ประเภท คือ (2.1).การจานองอสงั หาริมทรัพยเ์ ป็นประกนั (2.2).การใชห้ ลกั ทรัพยร์ ัฐบาลไทยหรือเงินฝากในธนาคารออมสิน (2.3).เงินฝากในสหกรณ์ และเงินค่าหุน้ ของสมาชิกเอง 11.5.3 ธนาคารพาณิชย์ สินเช่ือเพ่อื ธุรกิจการเกษตรของธนาคารพาณิชย์ มที ้งั แบบเงินกรู้ ะยะ ส้นั และเงินกรู้ ะยะยาว ซ่ึงสามารถแบ่งประเภทของสินเชื่อเกษตรท่ีธนาคารพาณิชยใ์ หแ้ ก่เกษตรกร มี 2 ประเภท คือ (1) การใหส้ ินเชื่อแก่เกษตรกรรายบุคคล รวมถึงสหกรณ์การเกษตรหรือกล่มุ เกษตรกร โดยธนาคารพาณิชยจ์ ะใหส้ ินเช่ือประเภทน้ีแก่เกษตรกรท่ีมีหลกั ทรัพย์ หรือมที ี่ดินประกอบการเป็น ของตนเองมาก ซ่ึงจะตอ้ งจานองไวเ้ ป็นหลกั ประกนั กบั ธนาคาร (2) การใหส้ ินเชื่อแก่เกษตรกรประเภทกลุ่ม ซ่ึงหมายถงึ กลุ่มที่ธนาคารพาณิชยค์ ดั เลอื ก เกษตรกรรายย่อยท่ีมีท่ีดินเป็ นชองตวั เองน้อย หรือไม่มีเลยหรือตอ้ งเช่าผอู้ ื่น ซ่ึงกลุ่มหน่ึง ๆ จะมี สมาชิกต้งั แต่ 5 คนข้ึนไป แต่ไม่เกิน 20 คนและทางธนาคารจะใหส้ ินเช่ือผา่ นกลุ่ม โดยไม่ตอ้ งใช้ หลกั ทรัพยห์ รือท่ีดินมาจานองเป็ นหลกั แระกนั แต่ให้สมาชิกกลุ่มรับผิดชอบดว้ ยการค้าประกัน ร่วมกนั
164 ธุรกิจเกษตรดา้ นการบริการและธุรกจิ สินเชื่อการเกษตร วงเงินสินเช่ือท่ีธนาคารให้เกษตรกร จะให้กับเกษตรกรท่ีมีหลกั ทรัพยม์ ากกว่า เกษตรกรท่ีไม่มีหลกั ทรัพย์ และให้แก่เกษตรกรท่ีมีพ้ืนท่ีทาการเกษตรมาก ในวงเงินที่สูงกว่า เกษตรกรท่ีมีพ้ืนท่ีทาการเกษตรนอ้ ยกรณีที่ใหส้ ินเชื่อประเภทรายบุคคล ธนาคารพาณิชยจ์ ะให้ เกษตรกรจานองหลกั ทรัพย์ เช่น ท่ีดิน ส่ิงปลูกสร้างท่ีติดต่ออย่กู บั ที่ดิน และ/หรือเงินฝากเป็ น ประกนั ไวแ้ ก่ธนาคาร หรืออาจใหบ้ ุคคลที่ธนาคารเชื่อถือเป็ นผคู้ ้าประกนั ก็ได้ ส่วนการใหส้ ินเช่ือ ประเภทกลุม่ ธนาคารจะใหส้ มาชิกกลมุ่ ค้าประกนั ร่วมกนั อตั ราดอกเบ้ียที่ธนาคารพาณิชยเ์ รียกเกบ็ จากเกษตรกร จะเป็นอตั ราร้อยละ 15-16 ต่อปี ซ่ึงมกั เป็นสินเช่ือระยะส้นั เพื่อการผลติ ฤดูกาลหน่ึง ๆ ส่วนสินเช่ือในรูปเบิกเงินเกินบญั ชี ธนาคารฯ จะคิดดอกเบ้ียไม่เกินร้อยละ 17.5 ต่อปี กาหนดการชาระคืนซ่ึงแบ่งเป็น 2 ระยะ คือระยะส้ันและระยะปานกลาง ในระยะส้นั น้นั ส่วนมากเป็นเพอื่ การผลติ เฉพาะฤดูกาล โดยมีกาหนดชาระคืนภายใน 1 ปี หรือ 12 เดือน และ ในระยะปานกลาง เป็นการใหส้ ินเช่ือเพื่อนาไปลงทุนในรูปทรัพยส์ ินการเกษตรหรือเพื่อปรับปรุง กิจการใหม้ ีประสิทธิภาพมากข้ึน ระยะชาระคืนต้งั แต่ 1-5 ปี สาหรับสินเช่ือธุรกิจการเกษตรน้ัน กล่าวไดว้ ่าธนาคารพาณิชยเ์ ป็ นแหล่งสินเชื่อที่ สาคญั อยา่ งมาก เน่ืองจากกิจการธุรกิจการเกษตรน้ันเป็ นกิจการค่อนขา้ งใหญ่ มีวงเงินในการกยู้ ืม ค่อนขา้ งสูงแต่ก็มีศกั ยภาพในการประกอบอาชีพที่ทากาไร และสามารถชาระเงินคืนได้ ทาให้ ธนาคารพาณิชยต์ ่าง ๆ มกั ยินดีอานวยสินเช่ือให้กับองค์กรธุรกิจ ที่ทาหน้าที่ทางด้านธุรกิจ การเกษตรเป็นอยา่ งดี 11.6 แหล่งสินเชื่อนอกระบบ แหลง่ สินเช่ือนอกระบบ มหี ลายแบบ เช่น การกยู้ มื ในรูปแบบเงินสด การกยู้ ืมขา้ วและสินคา้ อุปโภค การซ้ือสินคา้ ผอ่ นส่ง หรือการนาทรัพยส์ ิน การซ้ือสินคา้ ผอ่ นส่ง หรือการนาทรัพยส์ ินมีค่า ไปจานอง จานา เน่ืองจากการกยู้ มื สินเชื่อจากสถาบนั การเงินต่างๆ ส่วนใหญ่มีความย่งุ ยากซบั ซอ้ น ในข้นั ตอนของการกยู้ มื นอกจากน้ันเกษตรกรบางรายขาดหลกั ทรัพยใ์ นการค้าประกนั จึงทาให้ เกษตรกรตอ้ งใชบ้ ริการจากตลาดสินเช่ือนอกระบบ (อมั พน ห่อนาค, 2545) 11.6.1 ผใู้ หก้ ู้ ผใู้ หก้ ใู้ นตลาดสินเช่ือนอกระบบไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ 1. ผใู้ หก้ ูเ้ ป็ นอาชีพ เช่น พ่อคา้ พืชผล ร้านขายของชาในทอ้ งถิ่น พ่อคา้ ขายปัจจยั การ ผลิต คหบดีและเจา้ ของที่ดิน เป็ นตน้ ผใู้ ห้กูโ้ ดยอาชีพเหล่าน้ีมกั จะคิดอตั ราดอกเบ้ียในอตั ราท่ีสูง กว่าท่ีทางราชการกาหนด
ธุรกิจเกษตรดา้ นการบริการและธุรกจิ สินเช่อื การเกษตร 165 2. ผใู้ หก้ ทู้ ี่มใิ ช่เป็นอาชีพ เช่น ญาติของผกู้ ู้ หรือเพื่อนของผกู้ ู้ ซ่ึงผกู้ อู้ าจจะมีมีการคิด ดอกเบ้ียจากผกู้ ู้ เพราะถอื วา่ เป็นการช่วยเหลอื กนั แต่ในบางรายกอ็ าจจะมีการคิดดอกเบ้ียตามแต่จะ ตกลงกนั มากบา้ งนอ้ ยบา้ ง แต่มกั จะมอี ตั ราที่ต่ากว่าในกรณีของผใู้ หก้ โู้ ดยอาชีพ สาหรับการท่ีดอกเบ้ียเงินกใู้ นตลาดสินเชื่อนอกระบบมกั จะสูงกวา่ ตลาด สินเชื่อในระบบ เนื่องจาก สาเหตุหลายประการ ไดแ้ ก่ ความเสี่ยงต่อหน้ีสูญ ค่าเสียโอกาสของผใู้ หก้ ู้ และการผกู ขาดของผใู้ หก้ ู้ ในพ้นื ที่น้นั ๆ ตลาดสินเช่ือนอกระบบมกั จะเสียดอกเบ้ียในอตั ราท่ีสูงกว่ากฎหมายกาหนด และ สถาบนั เหล่าน้ี มไิ ดถ้ กู หน่วยราชการควบคุมการดาเนินงานอยา่ งใกลช้ ิด เหมือนเช่นธนาคาร และ สถาบนั การเงินทว่ั ๆ ไป 11.6.2 ลกั ษณะการกยู้ มื ในตลาดสินเช่ือนอกระบบ การกยู้ มื เงินในตลาดสินเช่ือนอกระบบ มลี กั ษณะรูปแบบการกยู้ มื กนั พอสรุปได้ ดงั น้ี (1) การกแู้ บบทานาตดั ดอก การกลู้ กั ษณะน้ีผกู้ จู้ ะอนุญาตใหผ้ ใู้ หก้ มู้ าทาประโยชน์บน ท่ีนาของผกู้ ตู้ ามขนาดของพ้นื ท่ีท่ีอนุญาตใหท้ าประโยชน์ และภายในกาหนดระยะเวลาที่ตอลงกนั แทนการจ่ายดอกเบ้ีย และเม่ือผกู้ นู้ าเงินตน้ มาคืนตามกาหนดระยะเวลา ผกู้ ูก้ ็จะไดท้ ่ีนาส่วนน้ัน กลบั คืนมา แต่ถา้ ผกู้ ไู้ ม่สามารถนาเงินตน้ มาชาระคืนตามสญั ญา ผใู้ ห้กกู้ ็จะทาประโยชน์จากผืนนา น้นั ต่อไปจนกว่าผกู้ จู้ ะนาเงินตน้ มาชาระคืนหมด (2) การกแู้ บบตกขา้ วเหนียว การกลู้ กั ษณะน้ี ผกู้ จู้ ะกเู้ งินสดผใู้ หก้ ู้ โดยตกลงกนั ว่าเม่ือ ครบกาหนดระยะเวลาท่ีตกลงกนั ผกู้ จู้ ะชาระหน้ีคืนแก่ผใู้ หก้ ทู้ ้งั เงินตน้ และดอกเบ้ียเป็ นขา้ วเปลือก ตามจานวนท่ีตกลงกนั (3) การกขู้ า้ ว การกลู้ กั ษณะน้ี ผกู้ จู้ ะกขู้ า้ วเปลือกจากผใู้ หก้ เู้ พ่ือนามาบริโภค เมื่อครบ กาหนดระยะเวลา ผกู้ จู้ ะชาระเงินตน้ และดอกเบ้ียดว้ ยขา้ วเปลือกตามจานวนท่ีไดต้ กลงกนั (4) การกปู้ ๋ ุย การกูล้ กั ษณะน้ี เกษตรกรจะกูป้ ๋ ุยโดยเอาป๋ ุยจากพ่อคา้ หรือผใู้ ห้กูม้ าใช้ ก่อนเมื่อเกษตรกรเก็บเกี่ยวแลว้ จะชาระคืน โดยอาจจะชาระเป็ นเงินสดซ่ึงรวมท้ังเงินตน้ และ ดอกเบ้ีย หรืออาจจะชาระเป็นผลติ ผลการเกษตรก็ได้ (5) การกแู้ บบใหผ้ กู้ นู้ าผลิตผลมาขายให้ วธิ ีการน้ีเกษตรกรผกู้ จู้ ะกเู้ งินสดมาจากผใู้ ห้กู้ ซ่ึงจะเป็นพอ่ คา้ รับซ้ือผลิตผลการเกษตรในทอ้ งถ่ิน และเม่ือถึงเวลาเก็บเก่ียวซ่ึงเป็ นเวลาชาระหน้ี เกษตรกรจะตอ้ งนาผลผลติ ท้งั หมดที่ผลิตไดไ้ ปขายให้กบั ผใู้ หก้ ูเ้ ท่าน้นั โดยไม่ให้นาไปขายใหก้ บั พ่อคา้ รายอื่น
166 ธุรกิจเกษตรดา้ นการบริการและธุรกิจสินเช่อื การเกษตร 11.7 ปัญหาสินเช่ือการเกษตร ถึงแมว้ ่ารัฐบาลจะไดม้ ีนโยบายในการช่วยเหลือเกษตรกร โดยการจัดต้ังธนาคารเพ่ือ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือการกาหนดเป้ าหมายอื่นๆ แต่ก็ยงั มีปัญหาเกิดข้ึนในการให้ สินเช่ือการเกษตรโดยสามารถสรุปไดด้ งั น้ี (1) ปัญหาเกี่ยวกบั กฎระเบียบของสถาบนั การเงินในการอานวยสินเช่ือให้กบั เกษตรกรน้ัน สถาบนั การเงินจะพิจารณาวา่ เกษตรกรผนู้ ้ันมีความสามารถที่จะนาสินเช่ือไปใชท้ าการผลิ และมี รายไดเ้ พียงพอท่ีจาระหน้ีไดห้ รือไม่ ดงั น้นั เกษตรกรรายใดท่ีขาดปัจจยั พ้ืนฐานในกาผลิตท่ีพียงพอ เช่น ไมม่ ีที่ดินทากินเป็นของตนเอง หรือมีที่ดินนอ้ ย หรือมีท่ีดินแต่ยงั ขาดเอกสารสิทธ์ิที่ถกู ตอ้ งตาม กฎหมาย ท่ีดินขาดความอุดมสมบรู ณ์ ขาดแหลง่ น้าที่จะใชใ้ นการเพาะปลกู เกษตรกรเหลา่ น้ีมกั จาด โอกาสในการขอรับบริการสินเช่ือจากสถาบนั การเงิน นอกจากน้ีสถาบนั การเงินต่าง ๆ ยงั มีกรร กาหนดกฎเกณฑเ์ ง่ือนไขและระเบียบขอ้ บงั คบั ในการเขา้ เป็ นสมาชิก รวมท้งั กาหนดหลกั ประกนั ต่าง ๆ ท่ีรัดกุม ท้งั น้ีเพอ่ื ป้ องกนั ความเส่ียงภยั จากหน้ีสูญ ทาใหเ้ กษตรกรที่ไมอ่ ยใู่ นเงื่อนไข ตอ้ งหนั ไปขอกเู้ งินจากนายทุนเงินกใู้ นทอ้ งถิน่ หรือเงินกนู้ อกระบบซ่ึงกูไ้ ดง้ ่ายและคล่องตวั กว่า แมว้ ่าจะ ถกู เอาเปรียบในเรื่องต่าง ๆ บา้ งกต็ าม ทาใหป้ ัจจุบนั ทาให้ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์เพื่อ การเกษตร ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับเกษตรกรกลุ่มน้ีได้ นอกจากน้ัน ตาม พระราชบัญญตั ิของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เพ่ือการเกษตร สามารถให้สินเช่ือแก่ เกษตรกรไดเ้ ฉพาะกิจกรรมทางการเกษตรท่ีก่อใหเ้ กิดรายไดเ้ ท่าน้นั แต่การทากิจกรรมการเกษตร ของเกษตรกรรายยอ่ ยหรือผทู้ ี่ยากจนมกั จะทาการผลติ เพื่อใชบ้ ริโภคในครอบครัวเป็ นส่วนใหญ่ จึง เป็นกิจกรรมท่ีดูแลว้ ไม่ก่อใหเ้ กิดรายได้ ซ่ึงผดิ กบั หลกั การให้กเู้ งินของของธนาคาร และโดยส่วน ใหญ่น้นั เกษตรกรมกั มีความตอ้ งการสินเชื่อเพ่อื กิจกรรมอ่ืน ๆ ที่มิกิจกรรมการเกษตร ทาใหย้ ่งิ ไม่ สามารถขอกยู้ มื เงินจากสถาบนั การเงินไดเ้ ลย (2) ปัญหาในการใหบ้ ริการของสถาบนั การเงิน เน่ืองจากสถาบนั การเงินมีค่าใชจ้ ่ายในการให้ เกษตรกรกคู้ ่อนขา้ งสูง แต่สามารถเรียกดอกเบ้ียจากผกู้ ใู้ นอตั ราค่อนขา้ งต่า จึงไม่อาจอานวยความ สะดวกใหแ้ ก่เกษตรกรผกู้ ไู้ ดต้ ามท่ีตอ้ งการ นอกจากน้ัน ท่ีทาการของสถาบนั การเงินส่วนใหญ่ยงั ต้งั อยู่ในตวั จังหวดั เกษตรกรผกู้ ูต้ ้องเดินทางมารับเงินกู้และชาระหน้ีเงินกูท้ ี่ตัวจังหวดั ทาให้ เสียเวลาและค่าใชจ้ ่ายในการเดินทางสาหนบั เกษตรกรท่ีอยใู่ นอาเภอต่าง ๆ ดงั น้ันทาให้เกษตรกรที่ ตอ้ งกู้เงินในจานวนไม่มากนัก จึงตอ้ งหันไปกู้เงินกู้นอกระบบในทอ้ งถิ่นแทน อย่างไรก็ดีใน ปัจจุบัน ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์เพื่อการเกษตร ไดม้ ีการจดั ต้งั สานักงานตวั แทนใน สาขาระดบั อาเภอมากข้ึนแลว้ นอกจากน้นั จากการที่สถาบนั การเงินไม่อาจใหบ้ ริการแก่เกษตรกร ไดย้ า่ งทวั่ ถงึ ทาใหส้ ถาบนั การเงินขาดขอ้ มลู ส่วนตวั เกี่ยวกบั ตวั ลกู คา้ ที่จะมาขอกู้ จึงทาใหข้ าดความ
ธุรกจิ เกษตรดา้ นการบริการและธุรกิจสินเช่ือการเกษตร 167 มนั่ ใจในการปล่อยสินเช่ือ เป็นผลใหเ้ กษตรกรตอ้ งไปพ่ึงเจา้ หน้ีในทอ้ งถ่ิน ซ่ึงมีความคุน้ เคยและมี ขอ้ มลู ลึกซ้ึงกว่าสถาบนั การเงิน (3) ปัญหาการขาดแคลนเงินทุนดาเนินการตน้ ทุนต่า สถาบนั การเงินต่าง ๆ ใหเ้ กงินกกู้ บั เกษตรกร โดยเฉพาะ ธ.ก.ส. และสหกรณ์การเกษตรน้นั เป็นการใหเ้ งินกแู้ บบมีการกากบั แนะนา (Supervised Credit) ซ่ึงจะตอ้ งมีการติดต่อกกบั ผกู้ แู ต่ละ รายถึงบา้ น และจานวนเงินกเู้ ฉลี่ยต่อรายก็มีจานวนไม่มากนกั กล่าวคือเฉล่ียแลว้ ครอบครัวละไม่ เกิน 20,000 บาท ดงั น้นั จึงทาใหม้ ีค่าใชจ้ ่ายในการดาเนินงานค่อนขา้ งสูง และในขณะเดียวกนั ทาง รัฐบาลก็มกี ารควบคุมอตั ราดอกเบ้ียที่คิดกบั เกษตรกรในอตั ราค่อนขา้ งต่า ซ่ึงเป็ นผลให้เกิดปัญหา เกี่ยวกบั ทุนดาเนินการ ท่ีจะต้องมีตน้ ทุนค่อนขา้ งต่า อนั เป็ นอุปสรรคทาให้ ธ.ก.ส. และสหกรณ์ การเกษตร ไมส่ ามารถขยายงานเพอื่ ใหบ้ ริการแก่เกษตรกรไดม้ ากข้ึน ดงั น้นั สิ่งท่ีตอ้ งการกค็ ือเงินกู้ ดอกเบ้ียต่าท่ีจะไดม้ าจากรัฐบาลหรือจากองคก์ ารต่าง ๆ (4) ปัญหาเก่ียวกบั ความเสี่ยงหน้ีสูญในอดีตท่ีผ่านมา ธนาคารพาณิชยต์ ่าง ๆ มกั ปล่อย สินเช่ือเกษตรไม่ค่อยตรงกบั เป้ าหมาย สาเหตุท่ีสาคญั คือการเกษตรของคนไทยเป็ นธุรกิจที่มีความ เส่ียงสูง เน่ืองจาก เกษตรกรขาดความรู้ในการผลิตแผนใหม่ ระชลประทานยงั ไม่เพียงพอ การผลิต ยงั ข้ึนอยกู่ บั ธรรมชาติ และผลผลิตมรี าคาไม่แน่นอน รวมท้งั ไม่มีหลกั ประกนั ท่ีมีคุณภาพ ทาให้เกิด ความเส่ียงกบั สถาบนั การเงินท่ีจะตอ้ งปลอ่ ยเงินกใู้ หแ้ ก่เกษตรกร เพราะโอกาสท่ีจะไดร้ ับชาระหน้ี คืนต่า โอกาสท่ีจะเกิดหน้ีสูญจึงมอี ยมู่ ากเอเปรียบเทียบกบั สินเช่ือประเภทอื่น ดงั น้นั สถาบนั การเงิน ต่าง ๆ จึงมกั ไม่ค่อยสนใจท่ีจะใหส้ ินเชื่อเพือ่ การเกษตร สรุปเนือ้ หาประจาบท คลงั สินค้าเกษตรเป็ นสิ่งปลูกสร้างท่ีมีวตั ถุประสงค์เพ่ือใชใ้ นการพกั หรือเก็บรักษาสินคา้ เกษตร ซ่ึงการใหบ้ ริการคลงั สินคา้ เกษตรไดแ้ ก่ การใหเ้ ช่าโรงคลุม โกดงั หรือยงุ้ ฉาง ไซโล หอ้ งเยน็ เป็ นต้น ส่วนสินเชื่อธุรกิจการเกษตร คือ เงินท่ีให้กู้ยืมแก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และ ผปู้ ระกอบการดา้ นปัจจยั การผลิตสินคา้ เกษตร การผลติ สินคา้ เกษตร การแปรรูปสินคา้ เกษตร การ จดั จาหน่ายสินคา้ เกษตร และการส่งออกสินคา้ เกษตร โดยผกู้ ตู้ อ้ งใหค้ ามนั่ สญั ญาวา่ จะชาระเงินคืน ทนั ทีท่ีตอ้ งการ หรือชาระคืนในอนาคตตามกาหนดเวลาท่ีแน่นอนและเงินกนู้ ้ันจะตอ้ งต้งั อย่บู น พ้ืนฐานของความเช่ือถอื ปัญหาที่เกิดข้ึนกบั ธุรกิจสินเช่ือเกษตร คือ ปัญหาเกี่ยวกบั กฎระเบียบของ สถาบนั การเงิน ปัญหาในการใหบ้ ริการของสถาบนั การเงิน ปัญหาการขาดแคลนเงินทุนดาเนินการ ตน้ ทุนต่า และปัญหาเกี่ยวกบั ความเสี่ยงหน้ีสูญ
168 ธุรกจิ เกษตรดา้ นการบริการและธุรกิจสินเชอ่ื การเกษตร คาถามและกจิ กรรมท้ายบท 1. ใหอ้ ธิบายประเภทของคลงั สินคา้ เกษตรในประเทศไทย 2. อธิบายธุรกิจการใหบ้ ริการเคร่ืองจกั รกลเกษตรและการขนส่งสินคา้ เกษตร 3. จาแนกธุรกิจสินเชื่อการเกษตรได้ 4. อธิบายปัญหาเก่ียวกบั สินเชื่อการเกษตรได้
ธุรกจิ เกษตรดา้ นการบริการและธุรกิจสินเชื่อการเกษตร 169 เอกสารอ้างองิ คานาย อภิปรัชญาสกลุ . (2547). การจดั การคลงั สินค้า. กรุงเทพฯ : โฟกสั มเี ดียแอนดพ์ บั ลชิ ชิ่ง. ญาณี มโนพโิ มกษ,์ จุฑามาศ นิศารัตน.์ (2524). กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ว่าด้วยยมื ฝากทรัพย์ เกบ็ ของในคลงั สินค้าประนปี ระนอมยอมความ การพนนั ขันต่อ. กรุงเทพฯ : ยนู ิต้ีพบั ลเิ คชน่ั . ธนาคารเพอ่ื การเกษตรและสหกรณ์. (2555). ผลติ ภณั ฑ์และบริการ. คน้ เมอื่ 26 เมษายน 2556, จาก http://www.baac.or.th/content-product.php สมคิด ทกั ษิณาวสิ ุทธ์ิ. (2548). ธุรกิจการเกษตรเบ้ืองตน้ . ใน ตาราวชิ าธุรกจิ การเกษตร ภาควชิ า เศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ สุรพงษ์ นิลพงษ.์ (2543). การจดั การสินเช่ือเกษตรของฟาร์ม. ใน เอกสารการสอนชุดวชิ าการจดั การ ฟาร์ม หน่วยที่ 6 มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. นนทบรุ ี: สานกั พิมพ์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. อาพน ห่อนาค. (2545). ธุรกิจการเกษตร. ใน เอกสารประกอบการสอนวชิ าธุรกจิ การเกษตร. ภาควชิ าเศรษฐศาสตร์เกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น. ขอนแก่น: [ม.ป.พ.]
170 กฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ธุรกิจการเกษตร แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 12 เวลาเรียน 1 ช่ัวโมง 30 นาที จดุ ประสงค์ เมื่อนกั ศกึ ษาไดศ้ กึ ษาบทน้ีแลว้ นกั ศกึ ษาสามารถ 1. อธิบายกฎหมายพาณิชยท์ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั ธุรกิจการเกษตร 2. อธิบายกฎหมายท่ีดินได้ 3. อธิบายกฎหมายเก่ียวกบั การปฏิรูปที่ดินเพ่อื เกษตรกรรม (ส.ป.ก.) 4. อธิบายพระราชบญั ญตั ิวตั ถุอนั ตราย พ.ศ. 2535 เนือ้ หา 1. กฎหมายพาณิชยท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั ธุรกิจการเกษตร 2. กฎหมายที่ดิน 3. กฎหมายเกี่ยวกบั การปฏริ ูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) 4. พระราชบญั ญตั ิวตั ถุอนั ตราย พ.ศ. 2535 วธิ กี ารสอนและกจิ กรรม 1. การบรรยาย ดว้ ย Power Point 2. การอภิปรายกลุ่ม 3. การคน้ ควา้ เพิม่ เติม 4. ตอบขอ้ ซกั ถามและแลกเปลีย่ นความคิดเห็น 5. ทาแบบฝึกหดั ในช้นั เรียน ส่ือการเรียนการสอน 1. เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 2. เครื่องฉายภาพ 3. วดี ีทศั น์ 4. ฟลปิ ชาร์ท
กฎหมายทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั ธุรกิจการเกษตร 171 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 12 (ต่อ) เวลาเรียน 3 ช่ัวโมง การวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมจากช้นั เรียน 2. สงั เกตจากการอภิปรายและการแสดงความคิดเห็นในช้นั เรียน 3. ประเมนิ จากการตอบคาถามทา้ ยบทเรียน
172 กฎหมายท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั ธุรกิจการเกษตร บทท่ี 12 กฎหมายที่เกยี่ วข้องกบั ธุรกจิ การเกษตร การทาธุรกิจจาเป็นอยา่ งยง่ิ ท่ีตอ้ งมคี วามรู้เกี่ยวกบั กฎหมาย ซ่ึงธุรกิจการเกษตรก็เช่นเดียวกนั มีกฎหมายและพระราชบญั ญตั ิหลายอยา่ งที่ ผปู้ ระกอบธุรกิจเกษตรต้องรู้เพื่อเป็ นประโยชน์และ ป้ องกันปัญหาที่อาจเกิดข้ึนในระหว่างการทาธุรกิจ เช่น กฎหมายพาณิชย์ กฎหมายท่ีดิน พระราชบญั ญตั ิวตั ถุอนั ตราย เป็นตน้ ซ่ึงในน้ีจะเป็นการอธิบายกฎหมายและพระราชบญั ญตั ิต่างๆท่ี ผปู้ ระกอบธุรกิจดา้ นการเกษตรควรทราบในการประกอบธุรกิจการเกษตร 12.1 กฎหมายพาณชิ ย์ท่ีเกย่ี วข้องกบั ธุรกจิ การเกษตร สญั ญา หมายถึง ความตกลงระหว่างบุคคลต้งั แต่ 2 ฝ่ ายข้ึนไป เพื่อจะก่อหน้ีผกู พนั กนั และ ตอ้ งมีคู่สัญญาต้งั แต่ 2 ฝ่ ายข้ึนไปโดยตอ้ งมีการแสดงเจตนาเป็ นคาเสนอและคาสนองที่ถกู ตอ้ ง ตรงกนั ซ่ึงตอ้ งมีวตั ถปุ ระสงคแ์ ห่งสญั ญา ซ่ึงหมายถงึ ประโยชนส์ ุดทา้ ยท่ีคู่สญั ญามุ่งประสงค์ โดย ตอ้ งไมเ่ ขา้ ลกั ษณะท่ีกฎหมายหา้ ม ดงั น้ี 1. ตอ้ งหา้ มชดั แจง้ โดยกฎหมาย 2. เป็ นการพน้ พิสัย 3. ขดั ต่อความสงบเรียบร้อยหรือศลี ธรรมหากสญั ญามีลกั ษณะเขา้ ข่ายใน 3 ขอ้ น้ี สญั ญาดงั กล่าวจะถือว่า เป็นโมฆะ ซ่ึงจะไมม่ ผี ลผกู พนั ของสญั ญา อมั พน ห่อนาค (2551) ไดส้ รุปรูปแบบของสญั ญาไวด้ งั น้ี 12.1.1 สญั ญาซ้ือขาย คือ เป็นนิติกรรมระหว่างผซู้ ้ือกบั ผขู้ าย ซ่ึงแต่ละฝ่ ายจะมีคนเดียวหรือ หลายคนก็ได้ และตอ้ งเป็นบุคคลที่มสี ิทธิในการซ้ือขาย เป็นสญั ญาที่คู่สญั ญาท่ีคู่กรณีตอ้ งชาระหน้ี ตอบแทนซ่ึงกันและกัน และผขู้ ายตอ้ งส่งมอบหรือโอนทรัพยส์ ิน โดยผูซ้ ้ือตอ้ งชาระราคาค่า ทรัพยส์ ินให้เป็ นการตอบแทน โดยทรัพยส์ ินเป็ นได้ท้งั สังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพยท์ ่ี สามารถถือเอาไดแ้ ละเป็ นทรัพยส์ ินท่ีไม่ตอ้ งห้ามตามกฎหมาย และผขู้ ายตอ้ งมีเจตนาในการโอน กรรมสิทธแ์ ห่งทรัพยส์ ินใหแ้ ก่ผซู้ ้ือ โดยผซู้ ้ือมีหนา้ ที่ชาระราคาค่าทรัพยส์ ินใหก้ บั ผขู้ าย 12.1.2 สญั ญาแลกเปลย่ี น คือ สญั ญาซ่ึงคู่กรณีต่างโอนกรรมสิทธ์ิแห่งทรัพยส์ ินใหก้ นั และกนั โดยเป็นสญั ญาต่างตอบแทนท่ีคู่สญั ญาท้งั 2 ฝ่ าย ต่างมีหน้าท่ีที่จะตอ้ งชาระหน้ีดว้ ยการโอน และ เป็นสญั ญาท่ีมวี ตั ถุเป็นทรัพยส์ ิน ท้งั สงั หาริมทรัพยแ์ ละอสงั หาริมทรัพย์ 12.1.3 สญั ญาเช่าทรัพย์ คือ สญั ญาซ่ึงบุคคลคนหน่ึงเรียกวา่ “ผใู้ หเ้ ช่า” ตกลงใหบ้ ุคคลอีกฝ่ าย หน่ึง เรียกว่า “ผเู้ ช่า” ไดใ้ ชห้ รือไดร้ ับประโยชน์ในทรัพยส์ ิน อยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ชวั่ ระยะเวลาอนั มี จากดั และผเู้ ช่าตกลงจะใชค้ ่าเช่าเพ่อื การน้นั
กฎหมายทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั ธุรกิจการเกษตร 173 12.1.4 สัญญาเช่าซ้ือ คือ สัญญาท่ีเจา้ ของเอาทรัพยส์ ินออกใหเ้ ช่าและใหค้ ามนั่ ว่าจะขาย ทรัพยส์ ินน้ัน หรือจะใหท้ รัพยส์ ินน้นั ตกเป็ นสิทธิแก่ผเู้ ช่า เม่ือผเู้ ช่าไดช้ าระเงินใหต้ ามเง่ือนไขที่ กาหนด 12.1.5 สญั ญาจา้ งทาของ คือ สญั ญาซ่ึงบุคคลหน่ึงเรียกว่าผรู้ ับจา้ ง ตกลงรับจะทาการงานสิ่ง ใดส่ิงหน่ึงจนสาเร็จ ใหแ้ ก่ บุคคลอกี คนหน่ึง ซ่ึงเรียกว่าผวู้ ่าจา้ ง และผวู้ ่าจา้ งตกลงจะใหส้ ินจา้ งเมื่อ งานน้นั สาเร็จ 12.1.6 สญั ญากยู้ มื เงิน คือ สญั ญาอยา่ งหน่ึงซ่ึงเกิดจากบุคคลใดบุคคลหน่ึง ซ่ึงเรียกวา่ “ผกู้ ”ู้ มี ความต้องการจะใช้เงิน แต่ตนเองมีเงินไม่พอ หรือไม่มีเงินไปขอกู้ยืมจากบุคคลอีกคนหน่ึง เรียกวา่ “ผใู้ หก้ ”ู้ และผกู้ ตู้ กลงจะใชค้ ืนภายในกาหนดเวลาใดเวลาหน่ึง การกยู้ ืมจะมีผลสมบูรณ์ก็ ต่อเมื่อ มกี ารส่งมอบเงิน ท่ียมื ใหแ้ ก่ผทู้ ่ียมื ในการกยู้ มื น้ีผใู้ หก้ จู้ ะคิดดอกเบ้ียหรือไม่ก็ได้ ซ่ึงถา้ มีการ กเู้ กิน 50 บาท ตอ้ งมหี ลกั ฐานเป็นหนงั สือลงลายมือผยู้ มื จึงจะฟ้ องร้องบงั คบั คดีกนั ไดโ้ ดยหลกั ฐาน เป็นหนงั สือไมจ่ าเป็นตอ้ งมลี ายมือชื่อของผใู้ หย้ มื หรือพยานก็ไดม้ ีเฉพาะของผยู้ ืมโดยหลกั ฐานไม่ จาตอ้ งทาข้ึนในขณะกยู้ มื เงิน จะทาข้ึนมาภายหลงั หรือไปเก็บไวก้ บั บุคคลใดก็ไดห้ ลกั ฐานท่ีมีท้งั ลายมือช่ือผยู้ มื ผใู้ หย้ มื และพยาน กใ็ ชเ้ ป็นหลกั ฐานท่ีใชไ้ ดเ้ ช่นเดียวกนั สญั ญากยู้ มื เงิน 12.1.7 สญั ญาค้าประกนั คือ การท่ีบุคคลภายนอกเขา้ ไปผกู พนั ตนต่อเจา้ หน้ีเพ่ือชาระหน้ีใน เม่ือลกู หน้ีไมช่ าระหน้ีน้นั 12.1.8 สญั ญาจานอง คือ สญั ญาท่ีบุคคลคนหน่ึงเอาทรัพยส์ ินมาตราไวใ้ ห้แก่เจา้ หน้ี เพ่ือเป็ น ประกนั การชาระหน้ีโดยไม่ตอ้ งส่งมอบทรัพยส์ ิน ถา้ หากลกู หน้ีไมช่ าระหน้ี บุคคลผจู้ านองยินดีให้ เจา้ หน้ีผรู้ ับจานา บงั คบั เอาทรัพยส์ ินจานองน้นั ได้ และบุคคลผจู้ านองจะเป็ นบุคคลภายนอกหรือ ลกู หน้ีก็ได้ แต่จะตอ้ งเป็นเจา้ ของทรัพยส์ ินน้นั โดยสญั ญาจะตอ้ งทาเป็นหนงั สือและจดทะเบียนต่อ พนักงานด้วย และต้องระบุทรัพย์สินท่ีจานอง ซ่ึงทรัพย์สิ นท่ีจานองสามารถได้ คือ อสงั หาริมทรัพย์ เรือกาป่ันมีระวาง 6 ตนั เรือยนตร์ ะวาง 5 ตนั แพ สตั วพ์ าหนะ เครื่องจกั ร 12.1.9 สญั ญาจานา คือ สญั ญาที่บุคคลคนหน่ึงส่งมอบทรัพยส์ ินใหแ้ ก่เจา้ หน้ีผรู้ ับจานา เป็ น การประกนั การชาระหน้ีของลกู หน้ี หากลูกหน้ีไม่ชาระหน้ีใหแ้ ก่ลูกหน้ี บุคคลซ่ึงเป็ นผจู้ านาน้ัน ยนิ ดีใหเ้ จา้ หน้ีผรู้ ับจานา บงั คบั จานาเอาทรัพยส์ ินน้นั ได้ โดยผจู้ านาจะตอ้ งเป็ นเจา้ ของทรัพยส์ ิน และหากไม่ใช่เจา้ ของที่แทจ้ ริง มสี ิทธ์ิติดตามเอาคืนได้ สญั ญาจานาเป็ นสญั ญาท่ี ไม่จาเป็ นตอ้ งทา เป็นหนงั สือ สญั ญาจะสมบูรณ์กต็ ่อเม่ือเมื่อมีการส่งมอบทรัพยส์ ินที่จานาใหแ้ ก่เจา้ หน้ี
174 กฎหมายทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั ธุรกจิ การเกษตร 12.2 กฎหมายทด่ี นิ ท่ีดิน หมายความว่า พ้ืนท่ีดินทั่วไปและให้หมายความรวมถึงภูเขาห้วยหนองคลองบึง ทะเลสาบเกาะและท่ีชายทะเลดว้ ย คาวา่ ท่ีดินมิไดห้ มายถึงเน้ือดินอนั เป็ นกรวดทรายโคลนเลน แต่ หมายถึงอาณาเขตอนั จะพึงวดั ไดเ้ ป็ นส่วนกวา้ งส่วนยาวอนั ประจาอยแู่ น่นอนบนพ้ืนผวิ โลกเป็ น ส่วนหน่ึงของผวิ พ้นื โลกอนั มนุษยจ์ ะพึงอาศยั กรวดทรายหินดินโคลนแร่ธาตุท่ีอาจจะขุดข้ึนมามิใช่ ตวั ที่ดินหากเป็นทรัพยท์ ่ีประกอบเป็นอนั เดยี วกบั ท่ีดินที่ดินน้นั จึงเป็นส่ิงไมอ่ าจทาลายทาใหส้ ูญหาย หรือเคล่ือนยา้ ยอย่างใดๆไดเ้ วน้ แต่จะเปลี่ยนสภาพไป เช่น เปลี่ยนสภาพเป็ นทางน้าสาธารณะ (Thethailow, 2556) 12.2.1 ประเภทท่ีดิน (1) ที่ดินของเอกชน รวมที่ดินท่ียงั ไม่มีหนังสือสาคญั แสดงกรรมสิทธ์ิแต่อาจมี หลกั ฐานแบบแจง้ การครอบครอง (ส.ค.1) หนงั สือรับรองการทาประโยชน์ (น.ส.3, น.ส.3 ก.) ผู้ ครอบครองที่ดินดงั กล่าวมีเพียงสิทธิครอบครองเท่าน้นั และรวมถึงที่ดินมีหนังสือสาคญั แสดง กรรมสิทธ์ิเช่นโฉนดท่ีดินโฉนดแผนที่โฉนดตราจองและตราจองท่ีตราว่าไดท้ าประโยชนแ์ ลว้ (2) ท่ีดินของรัฐ ไดแ้ ก่ที่ดินท่ีรัฐหรือหน่วยงานของรัฐเป็ นผถู้ ือกรรมสิทธ์ิรวมท้ัง ท่ีดินรกร้างวา่ งเปลา่ ซ่ึงมิไดม้ ีผใู้ ดครอบครองเป็ นเจา้ ของและสาธารณสมบตั ิของแผน่ ดินสาธารณ สมบตั ิของแผน่ ดินคือทรัพยส์ ินทุกชนิดของแผน่ ดินซ่ึงใชเ้ พ่ือสาธารณประโยชน์หรือสงวนไวเ้ พื่อ ประโยชนร์ ่วมกนั เช่นที่ดินรกร้างวา่ งเปล่าและท่ีดินท่ีมผี เู้ วนคนื หรือทอดทิ้งกลบั มาเป็นของแผน่ ดิน โดยประการอ่ืนตามกฎหมายที่ดินทรัพยส์ ินสาหรับพลเมืองใชร้ ่วมกัน เช่น ทางหลวง ทางน้า ทะเลสาบทรัพยส์ ินใชเ้ พ่อื ประโยชนข์ องแผน่ ดินโดยเฉพาะเช่นศาลากลางจงั หวดั โรงทหาร 12.2.2 การขอออกหนงั สือการรับรองการทาประโยชน์ (น.ส. 3 หรือ น.ส. 3 ก.) หากเกษตรไดค้ รอบครองและไดท้ าประโยชน์ในท่ีดิน ซ่ึงที่ดินดงั กล่าว ไม่ได้เป็ น ที่ดินราษฎรท่ีไดใ้ ชป้ ระโยชน์ร่วมกนั เช่น ทางน้า ทางหลวง ทะเลสาบ ตล่ิง และตอ้ งไม่เป็ นที่เขา ภเู ขา หรือท่ีสงวนหวงหา้ ม หรือท่ีดินท่ีทางราชการเห็นว่าควรสงวนไวเ้ พื่อทรัพยากรธรรมชาติ แต่ ที่ดินเหลา่ นน้นั ยงั ไม่มีเอกสารสิทธ์ิ หากเกษตรกรตอ้ งการเอกสารสิทธ์ิ เกษตรกรตอ้ งดาเนินการ ดงั น้ี (1) เตรียมเอกสารหลกั ฐานที่ตอ้ งนาไปแสดงในการขอออกหนังสือรับรองการทา ประโยชน์ ไดแ้ ก่ บตั รประจาตวั ประชาชน พร้อมสาเนา แบบแจง้ การครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) ใบ แจ้งความประสงค์จะได้รับสิทธ์ิในที่ดิน ใบจองหรือใบเหยียบยา่ ตราจองเป็ นใบอนุญาต และ หลกั ฐานการเสียภาษีที่ดิน
กฎหมายท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั ธุรกจิ การเกษตร 175 (2) นาเอกสารดงั กล่าวยื่นต่อนายอาเภอหรือปลดั อาเภอ นายอาเภอหรือปลดั อาเภอก็ จะมอบอานาจให้เจา้ หน้าที่ออกไปรังวดั พิสูจน์ว่าผยู้ ื่นไดท้ าประโยชน์ในที่ดินดงั กล่าวแลว้ ซ่ึง เจา้ ของที่ดินขา้ งเคียงท่ีดินของผยู้ ่นื คาขอตอ้ งช้ีแนวเขตและลงลายมือช่ือไวเ้ ป็ นหลกั ฐาน จากน้ัน นายอาเภอหรือปลดั อาเภอกจ็ ะทาการประกาศคาขอ 30 วนั ณ ท่ีว่าการอาเภอหรือก่ิงอาเภอ ที่ทาการ ตาบล และในบริเวณท่ีดินท่ีขอออกหนงั สือรับรองการทาประโยชนท์ ่ีดิน แห่งละ 1 ฉบบั หากไม่มีผู้ คดั คา้ น กใ็ หอ้ อกหนงั สือรับรองการทาประโยชนท์ ่ีดินต่อไป 12.2.3 การขอออกโฉนดท่ีดิน หากเกษตรมีหนงั สือรับรองการทาประโยชน์ที่ดิน (น.ส. 3 หรือ น.ส. 3 ก.) แลว้ และ ตอ้ งการไดเ้ อกสารสิทธ์ิเป็นโฉนดท่ีดิน เกษตรกรตอ้ งดาเนินการดงั น้ี (1) เตรียมเอกสารหลกั ฐานที่ตอ้ งนาไปแสดงในการขอออกโฉนดท่ีดิน ไดแ้ ก่ บตั ร ประจาตวั ประชาชน พร้อมสาเนา แบบแจง้ การครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1 ใบแจง้ ความประสงค์จะ ไดร้ ับสิทธ์ิในท่ีดิน ใบจองหรือใบเหยยี บยา่ ตราจองเป็นใบอนุญาต หนงั สือรับรองการใชป้ ระโยชน์ หรือใบสาคญั แสดงการนาท่ีดินข้ึนทะเบียน (น.ส. 3) (2) ยื่นเอกสารหลกั ฐานดงั กล่าว ต่อเจา้ พนักงานที่ดินจงั หวดั หรือเจา้ พนกั งานที่ดิน สาขาแลว้ แต่กรณี เจา้ หน้าท่ีจะออกไปรังวดั และทาการไต่สวนเจา้ ของท่ีดิน เจ้าหนา้ ที่ปกครอง ทอ้ งที่ และเจ้าของท่ีดินขา้ งเคียง ซ่ึงเจา้ ของที่ดินข้างเคียงตอ้ งข้ีแนวเขตและลงลายมือชื่อไวเ้ ป็ น หลกั ฐานดว้ ย จากน้นั เจา้ พนกั งานท่ีดินก็จะทาการประกาศคาขอ 30 วนั ณ สานักงานที่ดินจงั หวดั หรือสานกั งานที่ดินสาขา ท่ีวา่ การอาเภอหรือกิ่งอาเภอ ท่ีทาการตาบล และในบริเวณที่ดินที่ขอออก โฉนด แห่งละ 1 ฉบบั หากไม่มีผคู้ ดั คา้ น กใ็ หอ้ อกโฉนดต่อไป 12.2.4 การครอบครองปรปักษ์ คือ การที่บุคคลหน่ึงครอบครองทรัพยส์ ินของผอู้ ื่นไวโ้ ดยสงบและโดยเปิ ดเผยดว้ ย เจตนาท่ีจะเป็ นเจา้ ของเป็ นเวลาติดต่อกนั 10 ปี ในกรณีท่ีเป็ นอสงั หาริมทรัพย์ และติดต่อกนั เป็ น เวลา 5 ปี ในกรณีที่เป็นสงั หาริมทรัพย์ บุคคลน้นั ยอ่ มไดก้ รรมสิทธ์ิในทรัพยส์ ินน้นั ไป 1.2.3 กฎหมายเกย่ี วกบั การปฏิรูปท่ีดนิ เพอ่ื เกษตรกรรม (ส.ป.ก.) 12.3.1 ความหมายของการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม การปฏริ ูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หมายถงึ การปรับปรุงเกี่ยวกบั สิทธิและการถือครอง ในที่ดินเพ่อื เกษตรกรรมรวมตลอดถงึ การจดั ท่ีอย่อู าศยั ในท่ีดินเพื่อเกษตรกรรมน้ันโดยรัฐนาที่ดิน ของรัฐหรือที่ดินที่รัฐจดั ซ้ือหรือเวนคืนจากเจา้ ของที่ดินซ่ึงมไิ ดท้ าประโยชน์ในที่ดินน้ันดว้ ยตนเอง หรือมีที่ดินเกินสิทธิตามพระราชบัญญัติน้ีเพ่ือจัดให้แก่เกษตรกรผูไ้ ม่มีท่ีดินของตนเองหรื อ
176 กฎหมายท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั ธุรกิจการเกษตร เกษตรกรท่ีมที ่ีดินเลก็ นอ้ ยไม่เพยี งพอแก่การครองชีพและสถาบนั การเกษตรกรไดเ้ ช่าซ้ือเช่าเขา้ ทา ประโยชน์โดยรัฐให้ความช่วยเหลือในการพฒั นาอาชีพเกษตรกรรมการปรับปรุงทรัพยากรและ ปัจจยั การผลิตตลอดจนการผลิตและการจาหน่ายใหเ้ กิดผลดีย่งิ ข้ึน (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 2556) หนงั สือรับมอบท่ีดิน (ส.ป.ก.4-28) คือ หลกั ฐานแสดงว่าไดร้ ับมอบที่ดินและไดร้ ับ อนุญาตใหเ้ ข้าทาประโยชน์ในท่ีดินจากคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจงั หวดั (คปจ.) ซ่ึงมีขอบเขต แปลงที่ดินท่ีไดร้ ับมอบจาก ส.ป.ก. หนงั สืออนุญาตให้เข้าทาประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) คือ หลกั ฐาน แสดงการไดร้ ับอนุญาตใหเ้ จา้ ทาประโยชนใ์ นท่ีดินตามกฎหมายการปฏริ ูปที่ดินเป้ าหมายสาคญั ของ การปฏิรูปที่ดินเพือ่ เกษตรกรรมนอกจากมงุ่ หมายใหเ้ กษตรกรมีความเท่าเทียมกนั ดา้ นสิทธิและการ ถอื ครองท่ีดินแลว้ ยงั ใหค้ วามช่วยเหลอื ในการพฒั นาอาชีพและรายไดข้ องเกษตรกรเพ่ือใหส้ ามารถ ดารงชีพในที่ดินท่ีไดร้ ับจากกการปฏิรูปท่ีดินได้ 12.3.2 ผมู้ สี ิทธิไดร้ ับท่ีดินจากการปฏิรูปท่ีดิน ตามพระราชบญั ญตั ิการปฏริ ูปที่ดินเพอื่ เกษตรกรรม พ.ศ. 2518 แกไ้ ขเพิม่ เติม (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2532 มี 3 ประเภท คือ (1) เกษตรกร (2) สถาบนั เกษตรกร (3) ผปู้ ระกอบกิจการอ่ืนที่เป็ นการสนับสนุนหรือเก่ียวเน่ืองกบั การปฏิรูปที่ดินเพ่ือ เกษตรกรรม ผปู้ ระสงคจ์ ะขอรับการจดั ที่ดินหรืออสงั หาริมทรัพยเ์ พ่อื ใชส้ าหรับประกอบกิจการให้ ยนื่ คาขอรับอนุญาตไดท้ ี่สานกั งานการปฏิรูปที่ดินจงั หวดั แห่งทอ้ งท่ีที่ประสงค์จะประกอบกิจการ พร้อมดว้ ยเอกสารและหลกั ฐานดงั ต่อไปน้ี (1) สาเนาบัตรประจาตวั ประชาชนหรือบตั รอ่ืนที่ใช้แทนไดห้ รือสาเนาใบสาคญั ประจาตวั คนต่างดา้ ว (2) สาเนาทะเบียนบา้ น (3) กรณีเป็นนิติบุคคลใหย้ นื่ หนงั สือรับรองของนายทะเบียนหุน้ ส่วนบริษทั แสดงการ ทะเบียนเป็นนิติบุคคลพร้อมท้งั วตั ถปุ ระสงคข์ องนิติบุคคลน้นั ดว้ ย (4) แผนและโครงการประกอบคาขอรับอนุญาตประกอบดว้ ย (4.1) ประเภทของกิจการ (4.2) ประเภทของสิทธิท่ีขอรับอนุญาต
กฎหมายที่เกยี่ วขอ้ งกบั ธุรกจิ การเกษตร 177 (4.3) สถานท่ีประกอบกิจการและจานวนเน้ือท่ีท่ีตอ้ งการขออนุญาต (4.4) ทุนที่ใชด้ าเนินงานรวมท้งั แผนการเพ่มิ ทุนในอนาคต (4.5) ลกั ษณะของการดาเนินงานของโครงการโดยระบุลกั ษณะการใชท้ ่ีดินหรือ อสงั หาริมทรัพยข์ ้นั ตอนและวธิ ีดาเนินงานแนวทางการบริหารและการจดั การโครงการ (4.6) ผลตอนแทนระยะเวลาทุนและเครื่องช้ีวดั อื่นๆที่แสดงโอกาสความสัมฤทธ์ิ ของการประกอบกิจการ (4.7) ประโยชน์ที่คาดว่าเกษตรกรสถาบนั เกษตรกรและส.ป.ก. จะไดร้ ับท้งั น้ี คณะกรรมการปฏิรูปท่ีดินจังหวดั (คปจ.) จะเป็ นผพู้ ิจารณาอนุญาตคาขอรับการจดั ท่ีดินโดย ระยะเวลาการเช่าเช่าซ้ือหรือเขา้ ทาประโยชน์ให้เป็ นไปตามหลกั เกณฑท์ ี่ส.ป.ก. ประกาศกาหนด และให้สานักงานการปฏิรู ปที่ดินจังหวัดกาหดนให้ผู้ขอรับอนุญาตจ่ายค่าตอบแทนตามที่ คณะกรรมการปฏริ ูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) กาหนดโดยนาค่าตอบแทนที่ไดร้ ับเขา้ กองทุน การปฏริ ูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรม 12.4 พระราชบัญญัตวิ ตั ถุอนั ตราย พ.ศ. 2535 ฝ่ ายสารวตั รเกษตร กองควบคุมพชื และวสั ดุการเกษตร กรมวชิ าการเกษตร กระทรวงเกษตร แลสหกรณ์ (2548) ไดก้ ล่าวถึงพระราชบัญญัติวตั ถุอนั ตราย พ.ศ. 2535 ว่า พระราชบญั ญตั ิวตั ถุ อนั ตราย พ.ศ. 2535 น้นั แบ่งเป็ น 4 หมวด คือ หมวดท่ี 1 บทบญั ญตั ิเก่ียวกบั คณะกรรมการวตั ถุ อนั ตรายและอนุกรรมการท่ีเกี่ยวขอ้ ง หมวดที่ 2 บทบญั ญตั ิเก่ียวกบั การควบคุมวตั ถุอนั ตราย หมวด ท่ี 3 หนา้ ท่ีและความรับผดิ ชอบทางแพง่ หมวดท่ี 4 บทกาหนดโทษต่อผฝู้ ่ าฝืนกฎหมายทว่ั ไป โดย วตั ถุประสงค์ คือ เพ่ือคุม้ ครอง ป้ องกนั อนั ตรายท่ีเกิดกบั บุคคล สัตว์ พืช ทรัพยห์ รือสิ่งแวดลอ้ ม ตลอดจนคุม้ ครองเกษตรกร และเพ่อื ควบคุมผปู้ ระกอบการ 12.4.1 ความหมายของวตั ถุอนั ตราย วตั ถุอนั ตราย หมายความถึง วตั ถุระเบิดได้ วตั ถุไวไฟตถุออกซิไดซ์และวตั ถุเปอร์ ออกไซด์ วตั ถุมีพิษ วตั ถุที่ทาใหเ้ กิดโรค วตั ถุกมั มนั ตรังสี วตั ถุท่ีก่อใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงทาง พนั ธุกรรม วตั ถุกดั กร่อน วตั ถุท่ีก่อใหเ้ กิดการระคายเคือง และวตั ถุที่ก่อใหเ้ กิดอนั ตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือส่ิงแวดลอ้ ม (ฝ่ ายสารวตั รเกษตร กองควบคุมพืชและวสั ดุการเกษตร กรม วิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรแลสหกรณ์, 2548) 12.4.2 หน่วยงานหลกั ที่รับผดิ ชอบในการควบคุมวตั ถุอนั ตราย (1) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมวิชาการเกษตร เป็ นผดู้ ูแลและ รับผดิ ชอบในการควบคุมวตั ถุอนั ตรายที่ใชท้ างการเกษตร
178 กฎหมายทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั ธุรกจิ การเกษตร (2) กระทรวงอุตสาหกรรม เป็ นผดู้ ูแลและรับผิดชอบในการควบคุมวตั ถุ อนั ตรายท่ีใชใ้ นทางอตุ สาหกรรม (3) กระทรวงสาธารณสุขเป็ นผดู้ ูแลและรับผิดชอบในการควบคุมวตั ถุ อนั ตรายที่ใชใ้ นทางสาธารณสุข 12.4.3 การจาแนกวตั ถุอนั ตรายโดยทางกฎหมาย มาตรา 18 แห่งพระราชบญั ญตั ิวตั ถุอนั ตราย พ.ศ. 2535 ไดแ้ บ่งวตั ถุอนั ตราย ออกเป็น 4 ชนิด คือ (1) วตั ถอุ นั ตรายชนิดที่ 1 ไดแ้ ก่ วตั ถอุ นั ตรายท่ีการผลติ การนาเขา้ การส่งออก และการมไี วใ้ นครอบครอง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯยงั ไมม่ ีการกาหนดวตั ถุอนั ตรายเป็นชนิด ท่ี1 (2) วตั ถุอนั ตรายชนิดที่ 2 ไดแ้ ก่ วตั ถุอนั ตรายท่ีมีการผลิต การนาเขา้ การ ส่งออก และการมีไวใ้ นครอบครองตอ้ งแจง้ ให้พนกั งานเจ้าหน้าที่ทราบก่อนและตอ้ งปฏิบตั ิตาม หลกั เกณฑแ์ ละวิธีการท่ีกาหนด ตวั อยา่ งวตั ถุอนั ตรายชนิดที่ 2 ในทางการเกษตร ตามท่ีฝ่ ายสารวตั ร เกษตร กองควบคุมพืชและวสั ดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ รายงานไว้ มีดงั น้ี (2.1) บาซิลลสั ทูริงเยนซิส (Bacillus thuringiensis) (2.2) สารควบคุมการเจริญเติบโตของแมลง (Insect Growth Regulator) (2.3) วิสา ชนิด นิวเคลีย โพลีฮีโดรซิส หรือ NPV (Nuclear polyhedrosis Virus) (2.4) ไวทอ์ อย (White oil) (2.5) ไสเ้ ดือนฝอย สไตเนอร์นีมา (2.6) ผลิตภัณฑ์สารสกัดจากพืช เช่น สะเดา ข่า ตะไตร้หอม เพื่อใช้ ประโยชน์ในการป้ องกนั กาจดั แมลงศตั รูพชื และสตั ว์ (2.7) สารสาคญั จุลชีพ หรือผลิตภณั ฑท์ ี่มีส่วนผสมของสารสาคญั หรือจุล ชีพที่ทาข้ึนเพอ่ื ใชใ้ นการป้ องกนั กาจดั ทาลาย ควบคุม แมลง หรือสตั วท์ ่ีเป็นศตั รูพืชและสตั ว์ (2.8) สารสาคญั จุลชีพ หรือผลิตภณั ฑท์ ่ีมีส่วนผสมของสารสาคญั หรือจุล ชีพท่ีทาข้ึนเพอ่ื ใชใ้ นการป้ องกนั กาจดั ทาลาย ควบคุม โรคพืช (2.9) สารสาคญั จุลชีพ หรือผลิตภณั ฑท์ ี่มีส่วนผสมของสารสาคญั หรือจุล ชีพที่ทาข้ึนเพือ่ ใชใ้ นการป้ องกนั กาจดั ทาลาย ควบคุมวชั พชื หรือพชื ที่ไมพ่ ึงประสงค์
กฎหมายทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั ธุรกิจการเกษตร 179 (2.10) สาระสาคญั จุลชีพ หรือผลิตภณั ฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสาคญั หรือ จุลชีพท่ีทาข้ึนเพอื่ ใชใ้ นการ ควบคุมการเจริญเติบโตของพืช เช่น การควบคุมการออกดอก ติดผล เปลย่ี นสี ออกราก เป็นตน้ (3) วตั ถุอนั ตรายชนิดท่ี 3 ไดแ้ ก่ วตั ถุอนั ตรายท่ีการผลติ การนาเขา้ การส่งออก และการมีไวใ้ นครอบครองตอ้ งไดร้ ับอนุญาต ซ่ึงวตั ถุอนั ตรายทางการเกษตรท่ีไดป้ ระกาศใหเ้ ป็ น วตั ถุอนั ตรายชนิดท่ี 3 มีจานวนมากกวา่ 400 ชนิด (4) วตั ถุอนั ตรายชนิดที่ 4 ไดแ้ ก่ วตั ถุอนั ตรายที่หา้ มมิใหม้ ีการผลิต การนาเขา้ การส่งออก และหา้ มมีไวใ้ นครอบครองวตั ถุอนั ตรายทางการเกษตรท่ีไดป้ ระกาศเป็ นวตั ถุอนั ตราย ชนิดที่ 4 มี 96 ชนิด (ตารางที่ 12.1) และเฝ้ าระวงั อกี 10 ชนิด (ตารางที่ 12.2) ตารางท่ี 12.1 วตั ถอุ นั ตรายชนิดที่ 4 ชื่อสารเคมี ชื่อสารเคมี ช่ือสารเคมี ชื่อสารเคมี 3. บีเอชซี 4. โซเดียมอาร์ซีไนต์ 1. คลอร์ไดมีฟอร์ม 2. เลปโตฟอส 7. ท๊อกซาฟีน 8. 2, 4, 5-ที 5. เอน็ ดริน 6. ดีดีที 11. โซเดียมคลอเรท 12. ไดโนเส็บ 15.ฟลูออโรอะซีเตท โซเดียม 16. ไซเฮกซาติน 9. ทีอีพีพี 10. อีดีบี 19. ออลดริน 20. เฮปตาคลอร์ 13. แคปตาโฟล 14. ฟลูออโรอะเซทตาไมด์ 23.เพนตะคลอร์โรฟี นอล 24.เพนตะคลอร์โร 17. พาราไธออนเอทิล 18. ดีลดริน 27. อะมิโนคาร์บ ฟี นอลโซเดียม 31. เฟนทิน 28. โบรโมฟอส 21.ดามิโนไซด์ 22.ไบนาพาคริน 35. คลอร์ดีโซน 32. ไนโทรเฟน 39. เอม็ ซีพีบี 36. คลอร์โรฟีนอลส์ 25.สารประกอบเมอร์คิวรี่ 26. เอทธีลีน ไดคลอไรด์ 43. อะซินฟอส เอทธิล 40. มีโคพรอพ 29. โบรโมฟอส เอทธิล 30. ดีมีตอน 47. แคลเซ่ียมอาร์ซีเนท 44. เมวินฟอส 33. อะราไมท์ 34. คลอร์เดน 51. ไดมีฟอกซ์ 48. คลอร์ไธโอฟอส 37. 2,4,5-ทีพี 38. ฟีโนไธออล 55. เฟนซลั โฟไธออน 52. ไดโนเธิร์บ 41. ดีบีซีพี 42. โมโนโครโตฟอส 59. ฟอเรท 56. โฟโนฟอส 45. ฟอสฟามิดอน 46. อะซินฟอส เมทธิล 63. อะมิโทรล 60. โปรโธเอท 49. ไซโคลเฮก็ ซิไมด์ 50. ดีมีฟิออน 67. คลอโรเบนซิเลท 64. เบตา้ -เอชซีเอช 53. ไดซัลโฟตอน 54. ดีเอม็ โอซี 68. คอปเปอร์อาร์ซีเนทไฮ 57. มีฟอสโฟแลน 58. พารีสกรีน 71. เฮก็ ซะคลอโรเบนซีน 61. สะคราแดน 62. ซัลโฟเทป ดรอกไซด์ 65. แคดเมี่ยม 66. คาร์บอน เตตระคลอไรด์ 75. ไมเร็กซ์ 72. ลีดอาร์ซีเนท 79. ทีดีอี หรือ ดีดีดี 69. เอทธิลเฮกไซลีน 70. เอทธิลีนออกไซด์ 76. ไพรินูรอน ไกลคอล 80. แธลเล่ียมซัลเฟต 74. เอม็ จีเค รีเพลลเนต์-11 73. ลินเดน 78. สโตรเบน 77. แซฟโรล
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222