Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เครื่องยนต์เบื้องต้น4

เครื่องยนต์เบื้องต้น4

Published by สุพัตรา, 2018-10-04 11:12:55

Description: เครื่องยนต์เบื้องต้น4

Keywords: suphattra201240

Search

Read the Text Version

งหนาังนสือชอ่าิเลง็กทยรนอนติกสเ์ บ์ ือ้ งตน้

หนา้ ก คำนำ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ งำนเครื่องยนต์เบ้ืองต้น เล่มนี้มีเนื้อหำครอบคลุมภำคทฤษฎีและปฏิบัติในกำรใช้เคร่ืองมือช่ำงยนต์ในกำรถอด-ประกอบชิ้นสว่ นตำ่ งๆ ของเครื่องยนต์ เชื้อเพลิงและสำรหล่อล่ืนท่ีใช้กับเครื่องยนต์ โครงสร้ำงของเครื่องยนต์ และกำรบำรุงรักษำเครื่องยนต์ ดังนั้นจึงเหมำะท่ีจะนำมำใช้เพ่ือศึกษำในวิชำงำนเคร่ืองยนต์เบือ้ งต้นได้เป็นอยำ่ งดี

สำรบญั หน้า ขคำนำ กสำรบัญ ขเครอ่ื งมอื ชำ่ งยนต์ท่ัวไป 1-5อุปกรณจ์ บั ยึดและประเกนกนั รัว่ 6-8เช้อื เพลงิ และสำรหลอ่ ลนื่ 9-11โครงสรำ้ งของเครอื่ งยนต์ 12-13หลกั กำรทำงำนของเครอื่ งยนต์ 14-15กำรบำรุงรักษำเคร่ืองยนต์ 16-19

หนา้ 1 เคร่ืองมอื ช่างยนต์ท่วั ไป ให้เน้ือหำที่สำคญั เกี่ยวกบั \"งานเครื่องยนต์เบือ้ งต้น\" ครอบคลุมภำคทฤษฎีและปฏิบัติในกำรใช้เคร่ืองมือช่ำงยนต์ทั่วไป เพ่ือใช้ถอด-ประกอบชิ้นส่วนต่ำงๆ ของเครื่องยนต์ และกำรบำรุงรักษำเครื่องยนต์ซ่ึงตรงตำมหลกั สูตรรระดบั ปวช. ถ่ำยทอดเน้ือหำโดยละเอียด เป็นลำดบั ข้นั ตอน พร้อมตวั อยำ่ งหลำกหลำย เขำ้ ใจง่ำย เป็นเคร่ืองมือท่ีใชส้ ำหรับทำงำนโดยใชแ้ รงจำกคนอำจจะ ใชก้ ำรขนั ตอก ตดั เป็นตน้ ซ่ึงเป็นเคร่ืองมือพ้นื ฐำนสำหรับงำนซ่อมเครื่องยนต์ประแจ ( Wrench ) เป็นเครื่องมือหลกั ท่ีมีควำมสำคญั ที่ สุดสำหรับกำรซ่อมเครื่องยนต์ หรือเครื่องจกั รกลทว่ั ๆ ไป กำรนำประแจ มำใชง้ ำนจะตอ้ งเลือก ขนำดของประแจให้ตรงกบัขนำดของ นอตหรือสกรูหกเหลี่ยม ประแจปากตาย ( Open end wrench ) เป็นประแจปลำยเปิ ดท้งั 2 ขำ้ ง หนำ้ สมั ผสั กบั หวั สลกั เกลียวหรือนอตเพียง 2 ดำ้ น จึงทำใหเ้ หล่ียมมน ไดง้ ่ำย ประแจปำก ตำยใชส้ ำหรับขนั หรือคลำยนอต สกรู และนอตท่อต่ำง ๆ ท่ีประแจแหวนขนั ไม่ไดเ้ พรำะมี พ้ืนท่ีนอ้ ย ไม่ควรใชใ้ นคลำยโบลตห์ รือนอตที่ตึงเกินไป เพรำะจะทำใหล้ ่ืนไถลออกมำไดง้ ่ำย ดงั รูป ประแจแหวน ( Box wrench ) เป็นประแจปลำยปิ ดลกั ษณะเป็นวงแหวน จะมีคอ ที่งอใชส้ ำหรับขนั หรือคลำยนอตสกรูและงำนทวั่ ๆ ไป ประแจแหวนจะมีเหล่ียมที่สมั ผสั กบั หวั นอต ไดท้ ุกดำ้ น จึงทำให้เหล่ียมไม่มน สำมำรถใชแ้ รงขนั ไดม้ ำกข้ึนโดย ไม่ลื่นไถลหลุดออกมำ ดงั รูป

หน้า 2 เคร่ืองมอื ชา่ งยนต์ท่วั ไปประแจรวม ( Combination wrench ) จะถูกออกแบบใหข้ ำ้ งหน่ึงเป็นประแจปำกตำย ส่วนอีกขำ้ งหน่ึงจะทำเป็นประแจแหวน ซ่ึงแต่ละขำ้ งจะมีขนำดเท่ำกนั ใชส้ ำหรับขนั หรือคลำยนอตแทนประแจแหวนในบริเวณท่ีแคบ ๆดงั รูปประแจกระบอก ( Socket wrench ) มีลกั ษณะภำยในคลำ้ ยกบั ประแจแหวน คือ สำมำรถสวมเขำ้ พอดีกบั โบลท์หรือนอต เป็ นประแจที่ใช้ร่วมกับด้ำมประแจใช้สำหรับขนั หรือคลำยนอตหรือโบลท์ได้ดีที่สุด ขนั ไดแ้ น่นและหัวนอตไม่เยินหรือชำรุด ส่วนปลำยของประแจกระบอกเป็ นท่ียดึ ติดกบั ดำ้ มต่อ มีลกั ษณะเป็นรู4 เหลี่ยมสำหรับสอดปลำยของดำ้ มต่อเขำ้ ไป ดงั รูปด้ามขนั แบบตวั ที (Sliding “T” handle) ทำหนำ้ ที่ใชส้ ำหรับต่อกบั ประแจกระบอก เพื่อใช้ขันหรื อคลำยนอตและโบลท์ที่ต้องกำรออกแรงทำงดำ้ นซำ้ ยหรือดำ้ นขวำเท่ำๆกนั ดงั รูปด้ามต่อ (Extension) ทำหนำ้ ที่ใชส้ ำหรับต่อกบั ประแจกระบอกและดำ้ มขนั เพ่ือใชข้ นั หรือคลำยโบลทห์ รือนอตที่มีตำแหน่งลึก ดงัรูป

หน้า 3 เคร่ืองมอื ช่างยนต์ท่วั ไป ไขควง(Screw Driver) คือ อุปกรณ์ชนิดหน่ึงซ่ึงออกแบบมำเพื่อขนั สกรูให้แน่นหรือคลำยสกรูออก ไขควงทว่ั ไปประกอบดว้ ย แท่งโลหะ ส่วนปลำยใชส้ ำหรับยดึ กบั สกรู ซ่ึงมีรูปร่ำงแตกต่ำงกนั เพ่ือให้ใชไ้ ดก้ บั สกรูชนิดต่ำงๆ และมีแท่งสำหรับจบั คลำ้ ยทรงกระบอก อย่อู ีกดำ้ นหน่ึงสำหรับกำรไขดว้ ยมือ หรือไขควงบำงชนิดอำจจะหมุนดว้ ยมอเตอร์ก็ได้ ไขควงทำงำนโดยกำรส่งทอร์ก (torque) จำกกำรหมุนไปท่ีปลำย ทำใหส้ กรูหมุนตำมเกลียวเขำ้หรือออกจำกวสั ดุอ่ืน ไขควง (Screw Driver) เป็นเคร่ืองมือสำหรับ ขนั และคลำย สกรูชนิดหวั ผำ่ ขนำดและรูปทรงของไขควงถูกออกแบบใหเ้ ป็นไปตำมลกั ษณะกำร ใชง้ ำนเช่น ไขควงที่ใชส้ ำหรับงำนของช่ำงอญั มณี (Jeweler’s Screw Driver)จะออกแบบมำให้เป็ นไขควงที่ใช้สำหรับงำนละเอียดเท่ียงตรงกับ ไขควง ที่ใช้ ในงำนหนักของช่ำงเคร่ืองกลจะออกแบบให้กำ้ นใบเป็นรูปส่ีเหล่ียมจตั ุรัสเพ่ือให้ใชป้ ระแจ หรือ คีมจบั ขนัเพื่อเพ่ิมแรงในกำรบิดตัวของ ไขควง ให้มำกกว่ำเดิมได้ไขควงประกอบด้วยส่วนประกอบหลกั 3 ส่วนคือ1.ดำ้ มไขควง (Handle)2.กำ้ นไขควง (Blade or Ferule)3.ปำกไขควง (Tip)

หนา้ 4 เคร่ืองมือช่างยนต์ท่วั ไปประเภทของไขควง1.ไขควงปำกแบบหรือไขควงธรรมดำ (Common Screwdriver€) ปำกไขควงจะมีลกั ษณะแบนลำดเอียงไปยงั ปลำยสุดของไขควงทุกแบบสำหรับขนั หรือคำยสกรูหรือตะปูควงชนิดต่ำง ๆ2.ไขควงปำกแฉก (Cross – Reset Head Screwdriver) ไขควงชนิดน้ีส่วนท่ีปลำยของไขควงปำกแฉกหรือลกั ษณะปำกจีบจะผำ่ หวั เป็นส่ีแฉกเวลำบิดจะตอ้ งใชแ้ รงกดท่ีดำ้ มมำกกว่ำไขควงธรรมดำเพ่ือไม่ให้เหล่ียมของไขควงหลุดจำกร่องไขควงหวั คลตั ช์ (Clutch – HeadScrewdriver) เป็นไขควงที่มีใชเ้ ฉพำะกบั ตะปู3.วงหรือสกรูสำหรับงำนโลหะแผ่น และงำนกำรตกแต่งที่ตอ้ งกำรควำมประณีตสวยงำมปลำยของไขควงจะสวมพอ ดีกบั หวั สกรู4.ไขควง ออฟเสท (Offset Screwdriver) ไขควง ออฟเสทใชง้ ำนที่อยใู่ นท่ีแคบ ๆ ยำกที่จะใชไ้ ขควงธรรมดำเขำ้ ไปขนั ไดส้ ำมำรถขนั สกรูไดอ้ ย่ำงรวดเร็ว แต่ตอ้ งระวงั เพรำะไขควงหลุดจำก ร่องสกรูไดง้ ่ำยทำใหห้ วั สกรูเสียไขควงวดั ไฟ ประกอบดว้ ยหลอดนีออน ต่ออนุกรมกบั ตวั ตำ้ นทำนค่ำสูงๆ ประมำณ 500 กิโลโอห์มหลอดนีออน (ไม่ใช่ LED) เป็นหลอดท่ีไม่มีไส้ ใหแ้ สงสีสม้ กินกระแสนอ้ ยมำก กส็ ำมำรถติดสวำ่ งไดแ้ ลว้ตวั ตำ้ นทำนน้นั ใชเ้ พื่อจำกดั กระแสไม่ใหเ้ กินระดบั ที่จะเกิดอนั ตรำยกบั ผใู้ ชง้ ำนกำรท่ีหลอดติดเรืองแสงข้ึนมำได้ เพรำะตวั ผใู้ ชเ้ ป็นส่วนหน่ึงของกำรไหลของกระแสไฟฟ้ ำจำกปลำยไขควง ผำ่ นเขำ้ หลอดนีออน และตวั ตำ้ นทำน ผำ่ นมำท่ีหวั ไขควงจุดท่ีเอำนิ้วแตะ ผำ่ นร่ำงกำยผใู้ ช้ ผำ่ นเทำ้ (และรองเทำ้ ) ลงไปที่พ้ืนดิน กลบั ไปยงั ตน้ ทำง

หน้า 5 เคร่ืองมือช่างยนตท์ ่วั ไปคีม(Pliers) เป็ นเคร่ืองมือท่ีใชแ้ รงบิดสำหรับจบั ยดึ ตดั ส่ิงต่ำงๆ เช่น โลหะแผน่ บำงสำยไฟฟ้ ำ ท่อขนำดเลก็ และเสน้ ลวด เป็นตน้ มีกำรนำมำใชม้ ำกในโรงงำนโลหะแผน่ งำนซ่อมวิทยุ หรือ อิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ คีมมีหลำยชนิด แต่ท่ีสำคญั มีดงั น้ี คือ คีมปำกแบนหรือปำกจิ้งจก (Flat Nose Pliers) คีมปำกขยำย (Slip Joint Pliers) คีมลอ็ ค (Vise GripPliers) คีมตดั (Cutting Pliers) และคีมตดั ปำกทแยง (Diagonal Cutting Pliers or Sidecutters) เป็นตน้การใชค้ มี ดว้ ยความปลอดภัย ทาได้ดงั น้ี1.เลือกใชค้ ีมให้ตรงกบั วตั ถุประสงคข์ องคีมชนิดน้นั ๆ เช่น คีมตดั ไม่เหมำะกบั กำรใชจ้ บัคีมตดั สำยไฟฟ้ ำไม่เหมำะที่จะใชต้ ดั แผน่ โลหะ เป็นตน้2.ฟันท่ีปำกของคีมจบั ตอ้ งไม่สึกหรอ ส่วนปำกของคีมตดั ตอ้ งไม่ท่ือ3.กำรจบั คีม ควรให้ดำ้ มคีมอยทู่ ี่ปลำยนิ้วท้งั 4 แลว้ ใชอ้ ุง้ มือและนิ้วหวั แม่มือกดดำ้ มคีมอีกดำ้ น จะทำใหม้ ีกำลงั ในกำรจบั หรือตดั4.กำรปลอกสำยไฟฟ้ ำควรใชค้ ีมปลอกสำยไฟฟ้ ำโดยเฉพำะ เพรำะจะมีขนำดของรูปเท่ำกบัขนำดของสำยไฟฟ้ ำพอดี ส่วนกำรตดั สำยไฟฟ้ ำหรือเส้นลวดที่ไม่ตอ้ งกำรให้โผล่จำกชิ้นงำนควรใชค้ ีมตดั ปำกทแยง5.ไม่ควรใชค้ ีมตดั โลหะท่ีมีขนำดใหญ่หรือแขง็ เกินไป แต่ใหใ้ ชก้ รรไกรแทน6.ไม่ควรใชค้ ีมขนั หรือคลำยหวั นอต เพรำะจะทำใหห้ วั นอตชำรุด7.ถำ้ ตอ้ งจบั ชิ้นงำนใหแ้ น่นควรใชค้ ีมลอ็ ก8.ถำ้ ชิ้นงำนมีขนำดใหญ่ ควรใช้คีมปำกขยำย กำรใช้คีมท่ีปำกเล็กจะไม่มีกำลงั ที่จะจบัชิ้นงำนใหแ้ น่น เพรำะ ดำ้ มของคีมจะถ่ำงมำกไป9.ถำ้ ตอ้ งกำรเก็บคีมไวน้ ำน ควรหยอดน้ำมนั ที่จุดหมุนของคีม และควรมีกำรหยอดน้ำมนัเป็ นระยะ

หนา้ 6 อุปกรณจ์ ับยึดและประเกนกันร่วั ลูกบลอ็ ก(ชุดประแจบลอ็ ก) ชุดประแจบลอ็ กเคร่ืองมือน้ีใชส้ ำหรับขนั โบลท/์นตั เขำ้ หรือคลำยออก โดยมีขนำดของลูกบลอ็ กและดำ้ มจบั ที่แตกต่ำงกนั ไป ท้งั น้ีข้ึนอยู่กบั กำรนำไปใชง้ ำนการใช้ เคร่ืองมือน้ีจะนำไปจบั ยดึ บนโบลท/์ นตั เพื่อท่ีจะขนั หรือคงำยออกดว้ ยประแจบลอ็ ก1. ขนำดของลูกบลอ็ กมี 2ขนำด ใหญ่และเลก็ ชิ้นท่ีใหญ่สำมำรถใหแ้ รงบิดไดม้ ำกกวำ่ ชิ้นเลก็2. ควำมลึกของลกู บลอ็ กมี 2 ชนิด มำตรฐำนและลึกพิเศษ ซ่ึงจะลึกกวำ่ มำตรฐำน 2 หรือ 3เท่ำ ชนิดที่ลึกสำมำรถนำไปใชก้ บั โบลท/์ นตั ที่เป็นชนิดท่ีใชก้ บั งำนเฉพำะท่ีไม่เหมำะสมกบั ขนำดลูกบลอ็ กท่ีเป็นมำตรฐำน3.ปำกลกู บลอ็ กมี2ชนิด 6เหลี่ยมและ12 เหลี่ยม สำหรับ6เหล่ียมจะมีพ้ืนที่ผวิ ท่ีใหญ่พอท่ีจะสมั ผสั กบั โบลท/์ นตั ทำใหย้ ำกที่จะทำควำมเสียหำยใหก้ บั โบลท/์ นตั ได้ตวั ตอ่ ลูกบล็อก(ชดุ ประแจบลอ็ ก) กำรใชใ้ ชต้ วั เช่ือมต่อเพื่อเปลี่ยนขนำดของตวั ต่อลกู บลอ็ กข้อสังเกต: เมื่อตอ้ งใชแ้ รงขนั สูงๆในกำรขนั ไม่ควรท่ีจะใชล้ กู บลอ็ กขนำดเลก็ ขนั เพรำะมนั จะมีขอ้ จำกดั ของแรงท่ีจะใชใ้ นกำรขนั และอำจทำใหล้ ูกบลอ็ กเกิดควำมเสียหำย1. ตวั ต่อลูกบลอ็ ก(ใหญ่ไปเลก็ )2. ตวั ต่อลกู บลอ็ ก(เลก็ ไปใหญ่)3. ลกู บลอ็ กขนำดเลก็4. ลูกบลอ็ กขนำดใหญ่

หน้า 7 อปุ กรณจ์ บั ยดึ และประเกนกนั ร่วัดา้ มตอ่ ยาว(ชดุ ประแจบลอ็ ก)การใช้1.สำมำรถใชถ้ อดและเปลี่ยนโบลท/์ นตั ในตำแหน่งท่ีลึกสุด ไม่สำมรถเอ้ือมถึง2.ดำ้ มต่อยำว สำมำรถนำไปใชเ้ พื่อเพ่ิมระยะใหก้ บั เครื่องมือ เม่ือพ้ืนที่อยตู่ ิดหรือแบนรำบมำกๆด้ามขนั (ชุดประแจบลอ็ ก)กำรใช้ดำ้ มจบั ชนิดน้ีใชส้ ำหรับขนั และคลำยโบลท/์ นตั ท่ีตอ้ งกำรใชแ้ รงขนั มำกๆปำกบลอ็ กปรับมุมได้ เพื่อใหข้ อ้ มุมของดำ้ มจบั สำมำรถปรับเปลี่ยนใหเ้ หมำะสมกบั ประแจบลอ็ กดำ้ มจบั แบบสไลดย์ อมใหป้ รับเปล่ียนควำมยำวของดำ้ มจบั ได้คาเตอื น:ขยบั ดำ้ มจบั จนเขำ้ ลอ็ คก่อนที่จะใช้ ถำ้ มนั ไม่เขำ้ ลอ็ ค ดำ้ มจบั อำจจะเลื่อนเขำ้ ออกได้ในระหวำ่ งท่ีใช้ ซ่ึงจะทำใหช้ ่ำงไดร้ ับบำดเจบ็ จำกกำรเลื่อนไปมำได้ด้ามขนั แบบเลอื่ น (ชุดประแจบลอ็ ก)การใช้ดำ้ มจบั ชนิดน้ีสำมำรถใชไ้ ด้ 2 อยำ่ งโดยเล่ือนตำแหน่งของดำ้ มจบั1.แบบ L : เพ่ือเพิ่มแรงบิด2.แบบ T : เพื่อเร่งควำมเร็วในกำรหมุน

หนา้ 8 อปุ กรณจ์ บั ยดึ และประเกนกันร่วัหน้าทกี่ ารใชง้ านของสกรู โบลต์ และนตั สกรู โบลต์ และนตั แต่ขนำดมีหนำ้ ที่กำรใชง้ ำน คือ ช่วยในกำรจบั ยดึ ชิ้นส่วนเคร่ืองจกั รกล หรือชิ้นส่วนทวั่ ไปใหย้ ดึ ติดกนั ดงั รำยละเอียดต่อไปน้ี1. สกรูหวั หกเหลี่ยม ใชย้ ึดชิ้นส่วนเคร่ีองจกั รกลโดยที่ชิ้นส่วนที่จะไปยดึ น้นั ตอ้ งมีเกลียวในที่เหมือนกนั จึงสำมำรถยดึ ติดกนั ได้2. สกรูหวั หกเหลี่ยมพร้อมนตั ใชช้ ิ้นส่วนเครื่องจกั รกลโดยท่ีชิ้นส่วนทีจะไปยดึ น้นั ตอ้ งเจำะรูผำ่ นตลอดไวแ้ ลว้ จึงสำมำรถใชส้ กรูแบบน้ียดึ ได้3. สกรูหวั ผำ่ นทรงกระบอก เป็ นสกรูท่ีใชย้ ึดชิ้นงำนที่รับแรงนอ้ ยๆเนื่องจำกหวั สกรูเป็ นหัวผำ่ ท่ีใชไ้ ขควงสำหรับขนั หรือคลำยออก ชิ้นงำนที่จบั ยึดตอ้ งมีเกลียวในอยจู่ ึงสำมำรถจบั ยึดกนั ได้4. สกรูหัวผ่ำแบบหัวเรียว เป็ นสกรูที่ใชย้ ึดชิ้นงำนท่ีรับแรงนอ้ ยๆเช่นกนั เน่ืองจำกหัวสกรูเป็นหวั ผำ่ ท่ำใชค้ วงสำหรับขนั หรือคลำยออก5. สกรูหัวฝั่งใชห้ กเหล่ียมขนั ใน เป็ นสกรูท่ีใช้จบั ยึดแน่นมำกหัวของสกรูจะฝังอยู่ในเน้ือชิ้นงำนเรียบ ใชป้ ระแจหกเหลี่ยมในกำรขนั หรือคลำยออก ชิ้นงำนท่ีตอ้ งกำรยดึ ตอ้ งมีเกลียวในอยแู่ ลว้6. โลลตห์ วั หกเหลี่ยมแบบสวมฟิ ต โบลตช์ นิดน้ีลำตวั ผำ่ นกำรเจียระไนผวิ เรียบ ใชส้ ำหรับยึดรูช่ินงำนก็ตอ้ งกำรรีมเมอร์มำแลว้ เพื่อให้โบลตส์ ำมำรถใส่ไดฟ้ ิ ตพอดีกบั ชิ้นงำนท่ีตอ้ งกำรควำมเท่ียงตรง7. สกรูหวั ส่ีเหล่ียม ใชใ้ นกำรปรับหรือลอ็ กชิ้นส่วนบำงอยำ่ งไม่ให่เคล่ือนท่ี เช่น สกรูลอ็ กมีดกลึง8. สกรูยืดโลหะแผ่น ใช้สำหรับยึดโลหะแผ่นบำงเขำ้ ดว้ ยกนั กำรยึดโลหะแผ่นตอ้ งเจำะรูเหลก็ ใหเ้ ลก็ กวำ่ สกรูประมำณ 3 เมื่อขนั สกรูเขำ้ ไปในเน้ือโลหะกจ็ ะเป็นเกลียว

หนา้ 9 เช้ือเพลงิ และสารหลอ่ ล่นื1.นา้ มนั และแกส็ [ทใ่ี ชก้ บั เครอื่ งยนต]์ ปัจจุบนั น้ำมนั ในไทยมีหลำยประเภทข้ึนอยกู่ บั สภำพกำรใชร้ ถและประเภทของเคร่ืองยนต์ น้ำมนั เบนซิน หรือแก๊สโซลีน ผลิตมำจำกน้ำมนั ดิบ (crude oil) ท่ีถูกดูดข้ึนมำจำกพ้ืนโลก มีลกั ษณะเป็ นของเหลวสีดำ เรียกว่ำ ปิ โตรเลียม (Petroleum)น้ำมนั เบนซินเป็นเพียงส่วนผสมปริมำณเลก็ นอ้ ยท่ีอยใู่ นน้ำมนั โดยจะมีผลกบั ค่ำออกเทน ซ่ึงค่ำออกเทนจะเป็นตวั บอกคุณภำพของน้ำมนั เบนซิน ถำ้ ตวั เลขสูงหมำยถึงควำมสำมำรถของน้ำมนั ต่อกำรจุดระเบิดของเคร่ืองยนตท์ ี่สูงข้ึน ประกอบดว้ ย1) น้ำมนั เบนซินธรรมดำ (regular) หรือน้ำมนั เบนซินท่ีมีค่ำออกเทน 91 ประกอบดว้ ยส่วนผสมจำกน้ำมนั เบนซินไร้สำรตะกวั่ และค่ำออกเทน 912) น้ำมนั เบนซินพิเศษ (premium) หรือน้ำมนั เบนซินท่ีมีค่ำออกเทน 95 ประกอบดว้ ยส่วนผสมจำกน้ำมนั เบนซินไร้สำรตะกว่ั และค่ำออกเทน 95 ปัจจุบนั น้ำมนั ประเภทน้ียกเลิกกำรจำหน่ำยไปแลว้ หลำยแห่ง3) น้ำมนั แก๊สโซฮอล์ 91 มีคุณสมบตั ิตำมมำตรฐำนที่กำหนด และสำมำรถใชท้ ดแทนน้ำมนัเบนซิน 91 ธรรมดำ ได้ โดยมีส่วนผสมระหว่ำงเอทำนอลหรือเอทิล แอลกอฮอล์ มีควำมบริสุทธ์ิ 99.5% ผสมกบั น้ำมนั เบนซิน 91 ในอตั รำ ส่วน น้ำมนั 9 ส่วน เอทำนอล 1 ส่วนผลดีต่อเครื่องยนต์ ไม่มีผลกระทบต่อสมรรถนะเคร่ืองยนต์ และอตั รำกำรเร่ง ไม่แตกต่ำงจำกน้ำมนั เบนซิน 91 สำมำรถเติมผสมกบั น้ำมนั เบนซินท่ีอยใู่ นถงั ไดเ้ ลย และไม่ตอ้ งเสียค่ำใชจ้ ่ำยในกำรปรับแต่งเคร่ืองยนต์4) น้ำมนั แก๊สโซฮอล์ 95 มีคุณสมบตั ิตำมมำตรฐำนท่ีกำหนด และสำมำรถใชท้ ดแทนน้ำมนัเบนซิน 95 ธรรมดำได้ มีส่วนผสมระหวำ่ งเอทำนอลหรือเอทิลแอลกอฮอลม์ ีควำมบริสุทธ์ิ99.5% ผสมกบั น้ำมนั เบนซิน 95 ในอตั รำ ส่วน น้ำมนั 9 ส่วน เอทำนอล 1 ส่วน น้ำมนั แก๊สโซฮอล์ 95 แตกต่ำงจำกน้ำมนั เบนซิน 95 โดยน้ำมนั แก๊สโซฮอล์ 95 ผลิตจำกน้ำมนั เบนซินออกเทน 91 ผสมกบั เอทำนอลซ่ึงเป็นตวั เพิ่มคำ่ ออกเทน5) น้ำมนั แก๊สโซฮอล์ อี 85 คือ น้ำมนั ท่ีมีส่วนผสมน้ำมนั เช้ือเพลิงที่ไดจ้ ำกกำรนำน้ำมนั เบนซินไร้สำรตะกวั่ ผสมกบั เอทำนอล หรือเอทิลแอลกอฮอล์ ซ่ึงเป็นแอลกอ ฮอลบ์ ริสุทธ์ิ 99.5% ในอตั รำส่วนเบนซิน 15% ต่อเอทำ นอล 85% ไดเ้ ป็นน้ำมนั

หน้า 10 เช้ือเพลงิ และสารหล่อล่นื2.นา้ มนั หล่อล่ืน น้ำมนั หล่อลื่นน้นั โดยทว่ั ไปมำจำกกำรนำ น้ำมนั พ้ืนฐำน based oil มำผสมกำรสำรเพ่ิมคุณภำพ หรือ Additive ส่ิงที่เรำควรรู้เกี่ยวกบั คุณสมบตั ิของน้ำมนั เคร่ือง นนั่ คือ ค่าความหนืด (Viscosity) หรือกำรตำ้ นทำนกำรไหลของของเหลว สำมำรถเปล่ียนแปลงได้ตำมอุณหภูมิ ดงั นีความหนืด (Viscosity index) คือค่ำที่วดั ควำมสำมำรถในกำรคงควำมหนืดไวไ้ ด้เมื่ออุณหภูมิเปล่ียนไป น้ำมันหล่อลื่นที่มีดัชนีควำมหนืดสูง ควำมหนืดจะเปล่ียนแปลงน้อย เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง และในทำงกลบั กนั ถำ้ น้ำมนั มีควำมหนืดต่ำควำมหนืดจะเปลี่ยนแปลงง่ำยข้ึน เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกนัหน้าทขี่ องนา้ มนั หลอ่ ลืน่ ในเครอ่ื งยนต์– ลดแรงเสียดทำน ป้ องกนั กำรสึกหรอ– ระบำยควำมร้อน..– นำพำเศษปนเป้ื อนและเศษโลหะที่เกิดข้ึนในเครื่องยนตอ์ อกจำกระบบ– ช่วยรักษำกำลงั อดั ในกระบอกสูบ– ป้ องกนั กำรกดั กร่อน– สำรเพิ่มควำมเป็นด่ำง– สำรป้ องกนั สนิม และกำรกดั กร่อน– สำรป้ องกนั กำรสึกหรอ และรับแรงกดสูง ซ่ึงมกั พบในน้ำมนั เกียร์และเฟื องทำ้ ย– สำรป้ องกนั กำรเกิดฟอง จำเป็นตอ้ งมีในน้ำมนั เคร่ือง น้ำมนั เครื่องน้ัน ท้งั เคร่ืองยนต์เบนซิน และดีเซล จำเป็ นตอ้ งใช้น้ำมนั เคร่ืองที่ต่ำงกนั ออกไป เพรำะเคร่ืองยนตเ์ บนซินน้นั ทำงำนท่ีรอบสูงกว่ำ และเผำไหมส้ ะอำดกว่ำเคร่ืองยนต์ดีเซล ดงั น้นั น้ำมนั เคร่ืองจึงตอ้ งทนแรงเสียดทำนในห้องเผำไหมไ้ ดด้ ี และทนควำมร้อนไดส้ ูง ส่วนเคร่ืองยนตด์ ีเซล จุดระเบิดดว้ ยแรงอดั ให้กำลงั สูง แต่มีครำบสกปรกและเขม่ำจำกกำรเผำไหมส้ ูง น้ำมนั หล่อล่ืนจึงตอ้ งมีสำรชะลำ้ งและกระจำยครำบเขม่ำได้ดีกวำ่ และตอ้ งทนควำมร้อนสูง

หน้า 11 เช้ือเพลงิ และสารหลอ่ ล่นืการเลอื กใชน้ า้ มนั หลอ่ ล่นื– เลือกใหถ้ ูกชนิด และประเภทกำรใชง้ ำน– มีควำมหนืดและมำตรฐำนเหมำะสมกบั ควำมตอ้ งกำร– มีเคร่ืองหมำยรับรองของกระทรวงอุตสำหกรรม ทค.– เลือกใชย้ ห่ี อ้ ท่ีน่ำเชื่อถือมาตรฐานนา้ มนั หล่อล่นื มีท้งั มำตรฐำนควำมหนืด วดั โดย SAE (Society of Automotive Engineering)ประเภท 5W-40 15W-40 20W-50 ฯลฯ และมำตรฐำนดำ้ นสมรรถนะ วดั โดย API(American Petroleum Institute)สาหรับเคร่ืองยนต์เบนซิน : SA SB SC SD SE SF SG SH SJ ล่ำสุดกบั เกรด SL โดยตวั Sดำ้ นหนำ้ ยอ่ มำจำก Spark ignition หรือกำรจุดระเบิดสาหรับเคร่ืองยนต์ดเี ซล : CA CB CC CD CE CF CF-4 CG-4 (เริ่มคุมดำ้ นมลภำวะจำกมำตรฐำนน้ี) CH-4 CI-4นอกจำกน้ียงั มีมำตรฐำนพิเศษ ท้งั ACEA ILSAC และ MIL-L (US Militaryspecification)นา้ มนั เกยี ร์คุณสมบัติที่ควรมีกค็ ือ- มีควำมหนืดเหมำะสม- ทนทำนต่อแรงเฉือน- ทนควำมร้อนและปฏิกิริยำออ็ กซิเดชนั- ป้ องกนั กำรเกิดฟอง- ตำ้ นควำมฝืดไดอ้ ยำ่ งเหมำะสม

หนา้ 12 โครงสร้างของเคร่ืองยนต์ หน้าทชี่ นิ้ สว่ นของเครอ่ื งยนต์1.ฝาสบู ( cylinder head ) ฝำสูบเป็นชิ้นส่วนที่ปิ ดหอ้ งเผำไหมแ้ ละมีชุดกลไกของลิ้นอยู่ หวั ฉีด ท่อไอดี ไอเสีย หวั เผำ ติดต้งั อยู่ ฝำสูบจะทำดว้ ย เหลก็ หล่อท่ีมี ควำมแขง็ แรงสูงตอ้ งทนต่อแรงอดั ไดด้ ี ซ่ึงเกิดจำกกำรเผำไหมท้ ำมำ จำกเหลก็ หล่อหรืออลูมิเนียมผสมแลว้ แต่ กำรออกแบบของบริษทั2. ท่อรว่ มไอเสยี ( exhaust manifold ) เมื่อเกิดกำรเผำไหมแ้ ก๊สที่เหลือจะตอ้ งออกสู่อำกำศภำยนอกโดย ทำงลิ้นไอเสียและออกมำที่ท่อร่วมไอเสียท่อร่วมไอเสีย ทำมำจำก เหลก็ หล่อข้ึนรูป3. ทอ่ รว่ มไอดี ( intake manifold ) ท่อไอดีเป็นท่ีผำ่ นอำกำศบริสุทธ์ิที่ถูกดูดผำ่ นทำงหมอ้ กรองอำกำศ เพ่ือเขำ้ ไปยงั กระบอกสูบในจงั หวะดูด โดยผำ่ นทำง ลิ้นไอดี ท่อไอดี ส่วนมำกทำมำจำกอลูมิเนียม4. ลน้ิ ( valve ) (วาลว์ ไอเสยี = exhaust valve ) (วาล์วไอเสีย = intel valve ) หนำ้ ที่ของลิ้นคือป้ องกนั กำรร่ัวของไอดี และจะตอ้ งเปิ ด – ปิ ดอยำ่ ง รวดเร็วในช่ำงเวลำอนั ส้นั ลิ้นจะสวมอยกู่ บั ปลอก นำลิ้นและทำงำน ลกั ษณะเคล่ือนที่ในแนวข้ึน – ลงหนำ้ สมั ผสั ของลิ้นจะทำมุม 30 องศำ หรือ 45 องศำเพื่อป้ องกนั กำรรั่ว ลิ้นไอดีและไอเสียทำดว้ ยวสั ดุที่ ทนทำนต่อควำมร้อน ลิ้นไอดีร้อนถึง 400 เซลเซียส ซ่ึงลิ้นไอเสียร้อน ถึง 500-800 เซลเซียส

หน้า 13 โครงสร้างของเคร่ืองยนต์5. สปริงล้ิน ( valve spring ) สปริงลิ้นจะเป็นตวั ทำใหล้ ิ้นปิ ดสนิทกบั บ่ำลิ้นไดอ้ ยำ่ งรวดเร็ว สปริงลิ้นจะตอ้ งมีคำ่ ควำมเป็นสปริงคงที่เพ่ือป้ องกนั กำรเตน้ ใน ขณะท่ีเครื่องยนตม์ ีควำมเร็วสูง6. หมวกวาลว์ เป็นตวั อยดู่ ำ้ นบนของสปริงเพือ่ เป็นตวั ช่วย ลอ็ คสปริงโดยมี ปะกบั วำลว์ เป็นตวั ลอ็ ค7. ยางหมวกวาลว์ เป็นตวั ท่ีอยดู่ ำ้ นในของสปริงประกอบติดกบั ปลอกวำลว์ เป็นตวั ป้ องกนั น้ำมนั เคร่ืองไหลเขำ้ ไปตำมลิ้นและเขำ้ ไปใน กระบอกสูบ8. ปะกับล้นิ ( valve spring retainer ) เป็นตวั ลอ็ คลิ้นใหอ้ ยไู่ ม่หลุดกบั สปริงในขณะท่ีเคร่ืองยนตท์ ำงำน9. กรองอากาศ ( air cleaner ) ใสก้ รองอากาศ ( air filter) หนำ้ ท่ีคือกรองสิ่งสกปรก ฝ่ นุ ไม่ใหเ้ ขำ้ กระบอกสูบโดยมีไส้ กรองเป็นตวั ดกั และส่วนมำกไสก้ รองจะทำมำกระดำษ10. กระเดื่องวาล์ว ( rocker arm ) เป็นกลไลเพ่ือเปิ ด – ปิ ด ลิ้นตำมจงั หวะของเพลำลกู เบ้ียว11. ลกู สบู ( piston ) หน้าท่ีของลกู สบู ก็คือ รับแรงกดดนั จากการเผาไหม้และสง่ กาลงั งานนีไ้ ปสเู่ พลา ข้อเหวี่ยงโดยผา่ นก้านสบู โดยปกติแล้ว ลกู สบู นนั ้ จะทามาจากโลหะผสมอลมู เิ นียม

หนา้ 14 หลักการทางานของเคร่อื งยนต์ระบบนา้ มันเชือ้ เพลงิ เป็นระบบท่ีทำหนำ้ ท่ีลำเลียงน้ำมนั เขำ้ สู่เครื่องยนต์ ประกอบดว้ ยถงั น้ำมนั เช้ือเพลิงน้ำมนั เช้ือเพลิง กรองน้ำมนั เช้ือเพลิง ป้ัมน้ำมนั เช้ือเพลิง และคำร์บูเรเตอร์ หรือหวั ฉีด ระบบนา้ มันเชื้อเพลงิ แก๊สโซลนี (gasoline fuel system) เป็นระบบกำรป้ อนน้ำมนัเช้ือเพลิงของเครื่องยนตแ์ ก๊สโซลีนซ่ึงประกอบดว้ ย ถงั น้ำมนั (fuel tank) ป้ัมน้ำมนั (fuel pump) และคำร์บเู รเตอร์( carburator) หรือหวั ฉีด(injector) ถำ้ เป็นระบบหวั ฉีด ระบบนา้ มนั เชื้อเพลงิ ดเี ซล (diesel fuel system) เป็นระบบน้ำมนั เช้ือเพลิงที่ใชก้ บัเครื่องยนตด์ ีเซลซ่ึงประกอบดว้ ย ถงั น้ำมนั ป้ัมน้ำมนั กรองน้ำมนั ป้ัมหวั ฉีด และหวั ฉีด นา้ มันเบนซิน เมื่อผำ่ นกระบวนกำรกลนั่ จะตอ้ งปรับปรุงใหม้ ีคุณภำพป้ องกนักำรน๊อคดว้ ยกำรผำ่ นกระบวนกำรแปรรูปน้ำมนั -คุณสมบตั ิของน้ำมนั เบนซิน -สตำร์ทติดง่ำย -มีอตั รำส่วนผสมที่พอเหมำะ -ไม่เกิดอำกำรเวเปอร์ลอ็ ค -เร่งเครื่องยนตไ์ ดเ้ รียบอยำ่ งสม่ำเสมอ -อุ่นเครื่องยนตไ์ ดอ้ ยำ่ งรวดเร็วการเกดิ เวเปอร์ลอ็ ค เกิดจำกกำรระเหยกลำยเป็นไอของน้ำมนั เช้ือเพลิงเนื่องจำกมีค่ำออกเทนต่ำและได้รับควำมร้อน ไอระเหยท่ีเกิดข้ึนส่วนมำกจะเกิดข้ึนระหวำ่ งถงั น้ำมนั กบั ป้ัมเช้ือเพลิงจะมีลกั ษณะเป็นฟองอำกำศ ทำใหน้ ้ำมนั เช้ือเพลิงไหลไม่สม่ำเสมอและเครื่องยนตเ์ ดินเบำไม่เรียบ

หน้า 15 หลกั การทางานของเคร่อื งยนต์วิธีแก้ไข1. ต่อท่อจ่ำยน้ำมนั เช้ือเพลิงใหต้ ิดต้งั อยหู่ ่ำงจำกท่อไอเสียหรือหมอ้ พกั ไอเสีย2.ต่อท่อที่ป้ัมเช้ือเพลิงเพ่ือป้ องกนั น้ำมนั เช้ือเพลิงท่ีตกคำ้ งที่ป้ัมเกิดกำรระเหยเป็นไอ สารตวั เตมิ ในนา้ มนั เบนซิน เพอ่ื เพมิ่ ประสิทธิภาพของนา้ มนั เบนซิน-สารป้ องกนั การน็อคเป็นสำรตะกวั่ (TEL (C2H2)) เพ่ือเป็นกำรเพ่ิมค่ำกำรป้ องกนั กำรน็อคใหก้ บั เคร่ืองยนต์-สีเพ่ือเป็นกำรแยกประเภทของน้ำมนั ธรรมดำ พิเศษ-สารป้ องกนั การรวมตวั ของออกซิเจนเพื่อป้ องกนั ยำงเหนียวรวมตกั บั ออกซิเจน-สารป้ องกันการกัดกร่อนเพื่อป้ องกันน้ำมนั เบนซินละลำยโลหะที่ใช้กับระบบน้ำมันเช้ือเพลิง เช่นทองแดง-สารหล่อลนื่ เป็นกำรป้ องกนั ยำงเหนียวในระบบไอดี-สารป้ องกันการเกิดเกล็ดน้าแข็งเป็ นกำรป้ องกนั กำรเกิดเกล็ดน้ำแข็งท่ีนมหนูหลกั ในคำร์บูเรเตอร์-สารป้ องกนั การตดิ ไฟเร็วกว่ากาหนดรอบสูง เครื่องยนตเ์ ดินท่ีควำมเร็วสูงสุดตำแหน่งลิ้นเร่งเปิ ดกวำ้ งสุดอำกำศจะไหลเขำ้ เตม็ ท่ีและน้ำมนั กจ็ ะออกไดเ้ ตม็ ท่ี

หน้า 16 การบารงุ รกั ษาเคร่ืองยนต์เคร่ืองยนตจ์ ะทำงำนไดด้ ีและมีอำยกุ ำรใชง้ ำนยำวนำน ข้ึนอยกู่ บั กำรใชแ้ ละบำรุงรักษำที่ถูกวิธีตำมคู่มือของบริษทั ผูผ้ ลิตกำหนด และผูใ้ ช้หรือผูค้ วบคุมเครื่องจะตอ้ งเอำใจใส่ดูแลตลอดจนแก้ไขขอ้ บกพร่องเล็กน้อย ต้งั แต่เร่ิมแรกกำรเสียหำยน้ันจะเกิดข้ึนไม่มำกหำกละเลยควำมเสียหำยจะเกิดข้ึนมำกเป็ นทวีคูณ ผูค้ วบคุมเคร่ืองท่ีดี ควรมีควำมรู้เกี่ยวกับเคร่ืองยนต์น้ันบำ้ งพอสมควรจะโดยมีพ้ืนฐำนกำรศึกษำเดิม มีประสบกำรณ์มำก่อน ควรมีกำรอบรม ช้ีแจงเพิ่มเติมให้รู้จกั และเขำ้ ใจในเครื่องยนต์เพ่ิมข้ีน และอีกประกำรหน่ึงที่ผูค้ วบคุมควรมีคือ กำรรู้จกั สังเกตส่ิงผดิ ปกติท่ีเกิดข้ึนกบั เครื่องยนต์ สำเหตุสำคญั อีกประกำรหน่ึงที่ทำให้เคร่ืองยนตช์ ำรุดสึกหรอ หรือเสียหำยเร็วกว่ำกำหนดคือ ระบบกำรหล่อล่ืน น้ ำมันเครื่องท่ีใช้ในกำรหล่อลื่น ควรใช้ตำมคู่มือของบริษทั ผผู้ ลิต กำหนดให้ใช้เฉพำะเคร่ืองยนต์น้นั ๆน้ำมนั หล่อลื่นเครื่องยนตด์ ีเซลจะตอ้ งมีประสิทธิภำพในกำรหล่อล่ืนที่ดีกว่ำ น้ำมันหล่อล่ืนที่ใช้กับเครื่องยนต์เบนซินเพรำะเคร่ืองยนตด์ ีเซลทำงำนในลกั ษณะท่ีหนกั กวำ่ เครื่องยนตเ์ บนซินแลพยำยำมใชน้ ้ำมนั หล่อล่ืนท่ีถูกตอ้ งและสวะอำดเท่ำน้ัน อย่ำใช้น้ำมนั หล่อลื่นจำกถงั ที่ต้งั ทิ้งไวโ้ ดยไม่ปิ ดฝำ เพรำควำมช้ืนและฝ่ ุนละอองในอำกำศจะทำให้มีน้ำและฝ่ ุนทรำยปนอยู่ ถึงแม้ว่ำได้เลือกใช้น้ำมนั หล่อลื่นท่ีดีแลว้ กำรใชง้ ำนจะเกิดควำมร้อนสูงตะกอนจำกกำรเผำไหมข้ องเช้ือเพลิงรวมตวั กบั น้ำมนั หล่อลื่นทำใหเ้ สื่อมคุณภำพลงหำกยงั ทนใชต้ ่อไปจะเกิดกำรสึกหรอสูงหรืออำจเกิดกำรชำรุดเสียหำยไดจึงมีควำมจำเป็นตอ้ งเปลี่ยนถ่ำยน้ำมนั หล่อลื่นตำมกำหนดเวลำที่บริษทั ผผู้ ลิตเครื่องยนตก์ ำหนดโดยใหถ้ ือปฏิบตั ิอยำ่ งเคร่งครัดการบารุงรักษารังผ้งึ หมอ้ น้า รังผ้ึงหมอ้ น้ำ ทำหนำ้ ที่ควบคุมกำรระบำยควำมร้อนจำกหอ้ งเผำไหมเ้ คร่ืองยนต์ ให้อยใู่ นอุณหภูมิใชง้ ำน (Working Temporature) ระหว่ำง 160 – 180 ฟ. มีลกั ษณะบอบบำงและรำคำแพง หำกไดร้ ับกำรกระทบกระเทือนอยำ่ งแรง หรือถูกวสั ดุแขง็ เพียงเล็กนอ้ ย รังผ้ึงหมอ้ น้ำก็จะชำรุดเสียหำย โดยเฉพำะอย่ำงย่ิงกำรขนส่งเครื่องสูบน้ำไปปฏิบตั ิงำนในทอ้ งถ่ิน หำกไม่ไดร้ ับกำรเอำใจใส่ดูแลจำกผทู้ ี่เก่ียวขอ้ งแลว้ รังผ้ึงหมอ้ น้ำมกั ชำรุดเสียหำยก่อน ที่จะนำเคร่ืองสูบน้ำไปใช้งำน ทำให้เกิดควำมยุ่งยำกเสียเวลำในกำรซ่อมแซม แต่อยำ่ งไรกต็ ำมหำกผเู้ ก่ียวขอ้ งมีควำมรับผดิ ชอบ กส็ ำมำรถป้ องกนั แกไ้ ขมิใหร้ ังผ้งึ หมอ้ น้ำเกิดกำรชำรุดเสียหำยได้

หน้า 17 การบารุงรักษาเคร่ืองยนต์ข้อควรระวงั1. ตอ้ งตรวจดูระดบั น้ำทุก ๆ คร้ังก่อนติดเครื่องยนต์ ปกติระดบั น้ำตอ้ งอยรู่ ะหวำ่ งคอหมอ้น้ำ2. ควรเติมน้ำที่สะอำดลงไปในหมอ้ น้ำเท่ำน้นั เพ่ือป้ องกนั มิใหห้ มอ้ น้ำ หรือทำงเดินของหลอดรังผ้งึ หมอ้ น้ำเกิดกำรอุดตนั3. ตรวจดูรอยร่ัวตำมที่ต่ำง ๆ เช่น ท่อยำงหมอ้ น้ำ รังผ้งึ ป๊ัมน้ำ ฯลฯ หำกมีรอยรั่วซึมให้ทำกำรซ่อมแซมแกไ้ ขทนั ที4. ตรวจดูสำยพำน อยำ่ ใหห้ ยอ่ นหรือตึงเกินไป ปกติตอ้ งอยรู่ ะหวำ่ ง ½” – 1”5. ตรวจดูครีบท่ีรังผ้งึ หมอ้ น้ำอยำ่ ใหพ้ บั งอปิ ดช่องทำงลม หรือสกปรกเตม็ ไปดว้ ยดินโคลนและครำบน้ำมนั เพรำะจะทำใหร้ ะบำยควำมร้อนยำก เคร่ืองยนตจ์ ะร้อนจดั หำกครีบพบังอใหใ้ ชใ้ บเล่ือยหรือโลหะบำง ๆ ดดั ใหต้ รง ถำ้ ครีบสกปรกใหท้ ำควำมสะอำด ใชล้ มหรือไอน้ำร้อนที่มีควำมดนั สูงพ่นยอ้ นทิศทำงลมเขำ้6. พดั ลมระบำยควำมร้อนตอ้ งอยใู่ นสภำพที่ดี ไม่แตกหกั หรือบิดงอเสียศนู ยจ์ ะทำใหป้ ั๊มน้ำชำรุด7. อยำ่ ติดเครื่องยนตโ์ ดยมิไดป้ ิ ดฝำหมอ้ น้ำเป็นอนั ขำด เพรำะจะทำใหเ้ กิดตะกรันในรังผ้งึและภำยใน เคร่ืองยนต์ เนื่องจำกน้ำในรังผ้งึ หมอ้ น้ำระเหยออกไดง้ ่ำย เครื่องยนตจ์ ะร้อนจดั เพรำะระบำยควำมร้อนยำก8. เกยว์ ดั ควำมร้อนตอ้ งอยใู่ นสภำพท่ีใชง้ ำนได้ หำกเสียใชก้ ำรไม่ไดใ้ หจ้ ดั กำรเปล่ียนใหม่9. อยำ่ ปิ ดฝำหมอ้ น้ำเพื่อตรวจเช็คระดบั น้ำในขณะที่เครื่องยนตม์ ีอุณหภมู ิสูง หรือกำลงัทำงำนอยู่ เพรำะกำลงั ดนั ของไอน้ำจะทำใหเ้ กิดอนั ตรำยได้10. หำกน้ำในหมอ้ น้ำเกิดแหง้ ลงในขณะที่เครื่องยนตก์ ำลงั ทำงำน และมีอุณหภูมิสูง อยำ่ดบั เครื่องยนตแ์ ละเติมน้ำในทนั ที ให้ ติดเคร่ืองเดินเบำสกั ระยะหน่ึง พอให้อุณหภูมิเครื่องยนตล์ ดลง แลว้ คอ่ ย ๆ เติมน้ำที่สะอำดลงไปทีละนอ้ ยดว้ ยควำม ระมดั ระวงั11. ถ่ำยน้ำทิ้งเมื่อเห็นวำ่ น้ำในหมอ้ น้ำสกปรก เช่น มีสนิม หรือครำบน้ำมนั กำรถ่ำยน้ำมนั ใหต้ ิดเครื่องเดินเบำ พร้อมกบั นำน้ำสะอำดมำเติมที่หมอ้ น้ำใหเ้ ตม็ อยเู่ สมอ ในขณะท่ีก๊อกถ่ำยน้ำมนั กำลงั เปิ ดอยู่ กำรทำเช่นน้ีเพ่ือใหน้ ้ำมีกำรหมุนเวียนถ่ำยส่ิงสกปรกทิ้งไปตำมน้ำดว้ ย

หนา้ 18 การบารุงรกั ษาเคร่ืองยนต์การบารงุ รกั ษาแบตเตอร่ีแบตเตอร่ีเป็นอุปกรณ์ท่ีเปล่ียนพลงั งำนจำกปฏิกิริยำทำงเคมี เป็นพลงั งำนไฟฟ้ ำ ประกอบดว้ ย– เปลือกหมอ้ ที่ผลิตจำกวสั ดุท่ีบอบบำง– แผน่ ธำตุประกอบดว้ ยแผน่ ตะกวั่ บริสุทธ์ิ และแผน่ ตะกวั่ อ๊อกไซด์ มีแผน่ ฉนวนก้นัระหวำ่ งแผน่ ธำตุ– น้ำยำ หรือ Electrolite ซ่ึงเป็นส่วนผสมของน้ำกรดกำมะถนั กบั น้ำกลน่ั ให้ได้ ถพ. ตำมท่ีตอ้ งกำรประมำณ 1,250สรุปแลว้ แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่บอบบำงแต่รำคำแพง หำกไม่ไดร้ ับกำรเอำใจใส่หรือบำรุงรักษำใหถ้ กู วิธี กจ็ ะทำใหอ้ ำยกุ ำรใชง้ ำนส้นั ไม่คุม้ ค่ำ เนื่องจำกชำรุดเสียหำยได้ง่ำยจำกกำรกระทบกระแทกของแขง็ หรือใชง้ ำนผดิ วธิ ีการบารงุ รกั ษาเรกกเู รเตอร์ (Regulator)เรกกเู รเตอร์ท่ีเรำเรียกกนั ทวั่ ๆ ไปวำ่ คทั เอำท์ เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้ ำทำหนำ้ ท่ีควบคุมกำรทำงำนของไดชำร์ท (Generator) ไม่ใหจ้ ่ำยกระแสมำกหรือนอ้ ยเกินไป อนั อำจจะทำให้ไดชำร์ทชำรุดเสียหำยเป็นตวั ตดั ต่อวงจรใหก้ ระแสไฟฟ้ ำไหลจำกไดชำร์ทเขำ้ ไปดงัแบตเตอรี่เพื่อเกบ็ เอำไวใ้ ชง้ ำนตอ่ ไป คทั เอำทก์ บั ไดชำร์ทจะทำงำนสมั พนั ธ์กนั โดยอุปกรณ์ท้งั สอง จะตอ้ งมีสภำพดีท้งั คู่ ระบบไดชำร์ทจึงจะทำงำนไดด้ ีตำมวตั ถุประสงค์ แต่ถำ้ ไดชำร์ทดี คทั เอำทช์ ำรุดไฟจะไม่ชำร์ทหรือถำ้ ไดชำร์ทชำรุดคทัเอำทด์ ี ไฟกจ็ ะไม่ชำร์ทเช่นกนัแบตเตอร่ี เรกกเู รเตอร์

หนา้ 19 การบารงุ รักษาเคร่ืองยนต์การบารงุ รกั ษามอเตอรส์ ตารท์ มอเตอร์สตาร์ททาหน้าท่ีเปลีย่ นพลงั งาน ไฟฟ้ าจากแบตเตอรี่ เพ่ือหมนุ ขบั จาน เฟื องท่ีตดิ กบั ข้อเหว่ียงเครื่องยนต์ ให้ หมนุ ตามเป็นการเร่ิมต้นให้เครื่องยนต์ ทางาน มอเตอร์สตาร์ทจะมีอายกุ ารใช้ งานและประสทิ ธิภาพสงู ขนึ ้ อยกู่ บั การ บารุงรักษาท่ีดีการบารงุ รกั ษาไดชารท์ (Generator)ไดชาร์ทหรือ Generator เป็นอปุ กรณ์ไฟฟ้ าใช้กบัเครื่องยนต์ระบบ Electric Start ทาหน้าท่ีจ่ายกระแสไฟตรงสาหรับชาร์ทแบตเตอร่ี เพื่อใช้ในสตาร์ทเครื่องยนต์ และยงั ใช้กบั หลอดไฟ แสงสว่างสาหรับการทางานของเครื่องยนต์ในเวลากลางคืนได้เป็นอยา่ งดี ไดชาร์ทหรือ Generator จะทางานได้ดีหรือมีอายกุ ารใช้งานคงทน ขนึ ้ อยกู่ บั การใช้และบารุงรักษาให้ถกู วิธี

แบบทดสอบ1. ในจงั หวะระเบิดของเคร่ืองยนต์ลนิ้ ท้งั 2 ของเครื่องยนต์อยู่ในลกั ษณะตามข้อใดก. ไอดีเปิ ด ไอเสียปิ ดข. ไอดีปิ ด ไอเสียเปิ ดค. ลิ้นท้งั สองปิ ดง. ลิ้นท้งั สองเปิ ด2. เพลาลูกเบยี้ วทาหน้าท่ี ตามข้อใดก. ปิ ด เปิ ดลิ้นไอดีและไอเสียข. ทำใหล้ กู สูบเคล่ือนที่ค. ส่งน้ำมนั หล่อลื่นง. ป้ องกนั กำลงั อดั ร่ัว3. หน้าทีข่ องหัวฉีด ได้แก่ข้อใดก. จุดระเบิดในหอ้ งเผำไหม้ข. ฉีดน้ำมนั ใหเ้ ป็นฝอยละอองในหอ้ งเผำไหม้ค. สร้ำงแรงดนั ใหแ้ ก่น้ำมนั เช้ือเพลิงง. สร้ำงแรงดนั ไฟฟ้ ำใหแ้ ก่ระบบ4. การใช้ประแจทถี่ ูกต้องควรเป็ นอย่างไรก. ดึงดำ้ มประแจเขำ้ หำตวัข. ดนั ดำ้ นประแจออกจำกตวัค. ต่อดำ้ มประแจใหย้ ำวข้ึนเพ่ือใหข้ นั ไดแ้ น่นง. ใชค้ อ้ นช่วยตอกดำ้ มประแจ5. เกลยี วในระบบเมตริก M12x1.75 M. เลข 12 หมายถงึ ข้อใดก. ควำมยำวของเกลียวข. ระยะพิทธ์ค. เสน้ รอบวงสลกั เกลียวง. เสน้ ผำ่ นศูนยก์ ลำงของสลกั เกลียว

http://www.phayaotech.com/mechanics/?page_id=6https://m.se-ed.com/Product/Detail/9786160804221

ช่อื -สกลุ : นางสาวสุพตั รา พวงเหลก็ช่อื -สกลุ ภาษาองั กฤษ : Suphattra Phuanglekช่อื เลน่ : อา’เจนคณะ : เทศโนโลยอี ตุ สาหกรรมสาขาวชิ า : อตุ สาหกรรมศิลป์ปจั จบุ นั กาลงั ศึกษา ปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ลาปางความสามารถพเิ ศษ : รานาฏศิลป์ไทยคตปิ ระจาใจ : เรยี นแลว้ วา่ เหน่ือย คนทเ่ี หน่อื ยกวา่ คอื คนทส่ี ง่ เราเรยี น E-mail : [email protected] Line : jane.suphattra Facebook : Suphattra Phuanglek Instagram : jane_suphattra_


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook