Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัว และส่วนรวม

การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัว และส่วนรวม

Published by gib-32, 2021-09-25 14:39:20

Description: การป้องกันการทุจริตป.5

Search

Read the Text Version

ส่ือการเรียนรู้ เรื่อง การแยกแยะผลประโยชน์ ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม วิชาการป้ องกนั การทจุ ริต ชน้ั ประถมศึกษาปี ท่ี ๕ โรงเรียนปทมุ านุกลู สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๔

คานา ส่ือการเรียนรู้ เร่ืองการคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชน์สว่ นรวม ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕ รายวิชาการป้ องกนั การทุจริต จดั ทาข้ึนเพ่ือใหน้ ักเรียนโรงเรียนปทุมานุกูล และผูส้ นใจไดศ้ ึกษาเรียนรูเ้ ร่ือง การคิดแยกแยะหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชน์ส่วนรวม ระบบคิด ฐานสอง ระบบคิดฐานสิบ ผลประโยชน์ส่วนตน ผลประโยชน์ส่วนรวม ผลประโยชน์ทบั ซอ้ น ผูจ้ ดั ทามน่ั ใจเป็นอยา่ งย่งิ วา่ ส่ือการเรียนรู้ เร่ืองการคดิ แยกแยะระหวา่ ง ผลประโยชน์สว่ นตน และผลประโยชน์สว่ นรวม จะเป็นประโยชน์กบั นกั เรียน โรงเรียนปทุมานุกูล และผูส้ น อยา่ งแนน่ อน ขอขอบคุณบุคลากรท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การดาเนินงานทุกทา่ น ท่ใี หค้ วามร่วมมือ ในการดาเนินงาน การจดั ทาส่ือการเรียนรู้ เร่ืองการแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตน และผลประโยชน์สว่ นรวม ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕ จนทาใหก้ ารดาเนินงาน บรรลุผลตามเป้ าหมายท่กี าหนด โรงเรียนปทุมานุกูล

สารบญั หนา้ เรื่อง ๑ ผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชน์สว่ นรวม ๓ ระบบคิดฐานสอง (Digital) และระบบคิดฐานสิบ (Analog) ๙ จริยธรรมและการทุจริต ๑๒ ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น

ใบความรู้ เรื่องผลประโยชนส์ ่วนตน และผลประโยชนส์ ว่ นรวม ประโยชนส์ ่วนตน หมายถึง การที่บคุ คลทวั่ ไปในสถานะเอกชนหรือ เจา้ หนา้ ที่ของรฐั ไดทั ากิจกรรมหรือไดก้ ระทาการต่างๆ เพ่ือประโยชนส์ ่วนตน ครอบครวั ญาติ เพื่อน หรือของกล่มุ ในสงั คมท่ีมีความสมั พนั ธก์ นั ในรูปแบบ ต่างๆ เช่น การประกอบอาชีพ การทาธรุ กิจการคา้ การลงทุน เพื่อหาประโยชน์ ในทางการเงินหรือในทางทรพั ยส์ ินต่างๆ เป็ นตน้ ผลประโยชนส์ ่วนรวมหรือผลประโยชนส์ าธารณะ (Public interest) หมายถึง ประโยชนข์ องชุมชนโดยรวม ไม่ใช่ผลรวมของ ประโยชนข์ องปัจเจกบคุ คล และไม่ใช่ผลประโยชนข์ องกล่มุ ชน ๑

ใบงานที่ ๑ หน่วยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม เรื่อง การปฏิบตั ิตนเพ่ือประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวมในชมุ ชน ชื่อ…………………………………นามสกลุ …………………ชน้ั ประถมศึกษาปี ท่ี ๕/…….เลขท่ี…… โรงเรียนปทมุ านุกลู อาเภอท่าศาลา จงั หวดั นครศรีธรรมราช คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนการกระทาที่เป็ นผลประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวมลงในตารางที่กาหนดใหถ้ กู ตอ้ ง การกระทาที่แสดงใหเ้ ห็นถึงผลประโยชนส์ ่วนตน การกระทาท่ีแสดงใหเ้ ห็นถึงผลประโยชนส์ ่วนรวม ๒

ใบความรู้ ระบบคิดฐานสอง (Digital) และระบบคิดฐานสิบ (Analog) ระบบคิดฐานสอง (Digital) ความหมาย ระบบคดิ “ฐานสอง(Digital)” เป็นระบบการคดิ วเิ คราะหข์ อ้ มูล ท่สี ามารถเลือกได้ เพยี ง 2 ทางเทา่ นัน้ คอื 0 (ศูนย)์ กบั 1 (หน่ึง) และอาจหมายถึง โอกาส ท่จี ะเลือกไดเ้ พยี ง 2 ทาง เชน่ ใชก้ บั ไมใ่ ช,้ จริง กบั เทจ็ , ทาไดก้ บั ทาไมไ่ ด,้ ประโยชนส์ ว่ นตน กบั ประโยชน์สว่ นรวม เป็นตน จึงเหมาะกบั การนามาเปรียบเทยี บกบั การปฏบิ ตั งิ านของเจา้ หนา้ ท่ขี อง รฐั ท่ตี อ้ งสามารถแยกเร่ืองตาแหนง่ หนา้ ท่กี บั เร่ืองสว่ นตวั ออกจากกนั ไดอ้ ยา่ งเดด็ ขาด และไมก่ ระทาการ ท่เี ป็นการขดั กนั ระหวา่ งประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม “การปฏิบตั งิ านแบบใชร้ ะบบคิดฐาน สอง (Digital)” คือ การท่เี จา้ หนา้ ท่ขี องรฐั มรี ะบบการคดิ ท่ี สามารถแยกเร่ืองตาแหน่งหนา้ ท่กี บั เร่ือง สว่ นตนออกจากกนั ไดอ้ ยา่ งชดั เจน วา่ ส่ิงไหนถูกส่ิงไหนผดิ ส่ิงไหนทาได้ ส่ิงไหนทาไมไ่ ดส้ ่ิงไหนคอื ประโยชนส์ ว่ นตน ส่ิงไหน คือประโยชน์สว่ นรวม ไมน่ ามาปะปนกนั ไมน่ าบุคลากรหรือทรัพยส์ ินของ ราชการมาใชเ้ พ่อื ประโยชนส์ ว่ นตน ไมเ่ บยี ดบงั ราชการ เหน็ แกป่ ระโยชน์ส่วนรวมหรือของหนว่ ยงาน เหนือกวา่ ประโยชน์ของสว่ นตน เครือญาตแิ ละพวกพอ้ ง ไมแ่ สวงหาประโยชนจ์ ากตาแหน่งหนา้ ท่ี ราชการ ไมร่ บั ทรพั ยส์ ินหรือประโยชน์อ่นื ใดจากการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่กี รณเี กิดการขดั กนั ระหวา่ งประโยชน์ สว่ นตน และประโยชน์สว่ นรวม กจ็ ะยดึ ประโยชน์สว่ นรวม เป็นหลกั ๓

ระบบคิดฐานสิบ (Analog) ระบบคิด “ฐานสิบ (Analog)” เป็นระบบการคดิ วเิ คราะห์ ขอ้ มูล ท่มี ตี วั เลขหลายตวั และอาจ หมายถึงโอกาสท่จี ะเลือกไดห้ ลายทาง เกิดความคดิ ท่หี ลากหลาย ซบั ซอ้ น หากนามาเปรียบเทยี บกบั การปฏิบตั งิ านของเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั จะทาใหเ้ จา้ หนา้ ท่ขี องรัฐตอ้ งคิด เยอะ ตอ้ งใชด้ ุลยพินิจเยอะ อาจจะนาประโยชน์สว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม มาปะปนกนั ได้ แยก ประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวมออกจากกนั ไมไ่ ด้ “การปฏิบตั งิ านแบบใชร้ ะบบคิดฐานสิบ (Analog)” คอื การท่เี จา้ หนา้ ท่ขี องรฐั ยงั มรี ะบบการคิด ท่ยี งั แยก เร่ืองตาแหนง่ หนา้ ท่กี บั เร่ืองสว่ นตนออกจากกนั ไมไ่ ดน้ าประโยชนส์ ว่ นบุคคลและประโยชน์ สว่ นรวมมาปะปนกนั ไปหมด แยกแยะไมอ่ อกวา่ ส่ิงไหนคอื ประโยชน์สว่ นบุคคลส่ิงไหนคอื ประโยชน์ สว่ นรวม นาบุคลากรหรือทรพั ยส์ ินของราชการมาใชเ้ พ่อื ประโยชนส์ ว่ นตน เบยี ดบงั ราชการ เหน็ แก่ ประโยชนส์ ว่ นตน เครือญาติ หรือพวกพอ้ ง เหนือกวา่ ประโยชน์ของสว่ นรวมหรือของหนว่ ยงาน จะคอย แสวงหาประโยชนจ์ ากตาแหนง่ หนา้ ท่รี าชการ กรณเี กิดการขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและ ประโยชนส์ ว่ นรวม จะยึดประโยชน์สว่ นตนเป็นหลกั ๔

ใบงานท่ี ๒ หน่วยท่ี ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม เร่ือง การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนออกจากผลประโยชน์ส่วนรวม โดยใชร้ ะบบคิดฐาน ๒ ในระดบั สงั คม ช่ือ…………………………………นามสกลุ …………………ชน้ั ประถมศึกษาปี ที่ ๕/…….เลขที่…… โรงเรียนปทมุ านุกลู อาเภอท่าศาลา จงั หวดั นครศรีธรรมราช คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเลือกข่าวสาร 1 ประเด็น พรอ้ มวิเคราะหข์ ่าวสารตามหวั ขอ้ ลงในช่องว่างที่กาหนดให้ เรื่องข่าว “......................................................................................” ประเด็นการวิเคราะห์ ๑.จากข่าวน้ีนกั เรียนคิดวา่ การกระทาดงั กล่าว ถกู ตอ้ งหรือไมอ่ ย่างไร ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ๒.นกั เรียนคิดว่าตนเองมีส่วนรว่ มหรือเคยมีส่วนทาใหเ้ กิดเหตุการณใ์ นข่าวหรือไม่อย่างไร ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ๓.นกั เรียนคิดว่า ถา้ สงั คมไทย มีผกู้ ระทาตามข่าวน้ีมากๆ สงั คมไทยจะดีหรือไมอ่ ยา่ งไร ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ . ๔. นกั เรียนคิดวา่ ปัญหาท่ีเกิดข้ึนจะแกไ้ ขไดอ้ ย่างไร . ........................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................... ๕

ใบงานที่ ๓ หน่วยท่ี ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม เร่ือง การแยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตนออกจากผลประโยชนส์ ่วนรวม โดยใชร้ ะบบคิดฐาน ๒ ในระดบั สงั คม ช่ือ…………………………………นามสกลุ …………………ชน้ั ประถมศึกษาปี ท่ี ๕/…….เลขที่…… โรงเรียนปทมุ านุกลู อาเภอทา่ ศาลา จงั หวดั นครศรีธรรมราช คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนอ่านสถานการณท์ ี่กาหนดให้ และตอบตามความเป็ นจริงตามหวั ขอ้ ต่อไปน้ี ประเด็นการวิเคราะห์ ขณะที่นกั เรียนเดินผ่านสวนสาธารณะ นกั เรียนเห็นเคร่ืองเล่นช้ินหนึ่ง เพราะเป็ นของเล่นช้ินใหม่ กวา่ ช้ินอื่นๆ เมื่อนกั เรียนช้ีใหเ้ พื่อนดูเพ่ือนของนกั เรียนแนะนาวา่ ใหเ้ ขียนป้ ายติดจบั จองไวก้ ่อนแลว้ ค่อย กลบั มาเล่น ๑.) นกั เรียนเห็นดว้ ยกบั เพ่ือน หรือไม่......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ๒.) หากนกั เรียนเขียนป้ ายจองติดไว้ จะส่งผลอย่างไร .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ๓.) หากนกั เรียนเห็นของเล่นถกู เขียนจองไวซ้ ึ่งเป็ นของที่อย่ใู นสถานท่ีสาธารณะ นกั เรียนรสู้ ึกอย่างไร .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ๔.) หากทุกคนอยากไดข้ องเล่นช้ินและเขียนติดป้ ายกนั ทกุ คน อะไรจะเกิดข้ึน .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ๖

ใบงานท่ี ๔ หน่วยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม เรื่อง พฤติกรรมและผลของพฤติกรรมระบบคิดฐาน ๑๐ ท่ีส่งผลในระดบั สงั คม ชื่อ…………………………………นามสกลุ …………………ชนั้ ประถมศึกษาปี ที่ ๕/…….เลขท่ี…… โรงเรียนปทมุ านุกลู อาเภอท่าศาลา จงั หวดั นครศรีธรรมราช คาช้ีแจง :ใหน้ กั เรียนนาข่าวติดลงในตาราง และเขียนแสดงความคิดเห็นตามประเด็นที่กาหนดให้ ชื่อข่าว.................................................................................................................................................. แหล่งท่ีมา............................................................................................................................................. ประเด็นวิเคราะห์ ๑.)ข่าวที่นกั เรียนนามาส่งผลกระทบตอ่ สงั คมอย่างไร ................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................. ๒.)นกั เรียนรูส้ ึกอย่างไรต่อข่าวที่นามา ...................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ๗

ใบงานท่ี ๕ หน่วยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม เรื่อง การเปรียบเทียบ และขอ้ ดีขอ้ เสีย ผลประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชน์ส่วนรวมในสงั คม ชื่อ…………………………………นามสกลุ …………………ชน้ั ประถมศึกษาปี ที่ ๕/…….เลขที่…… โรงเรียนปทุมานุกลู อาเภอท่าศาลา จงั หวดั นครศรีธรรมราช คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนวาดภาพและตอบคาการทาผลประโยชนส์ ่วนตนหรือผลประโยชน์ส่วนรวม ลงในช่องวา่ งท่ี กาหนดให้ ........... ๑.) คนช่วยกนั ปลกู ตน้ ไม้ ........................................................................... ๒.) ท้ิงขยะลงแมน่ ้าลาคลอง .......................................................................... ๓.) ขี่มอเตอรไ์ ซดบ์ นทางเทา้ ......................................................................... ๘

ใบงานท่ี ๖ หน่วยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม เร่ือง ความแตกตา่ งระหวา่ งจริยธรรมและการทุจริต ช่ือ…………………………………นามสกลุ …………………ชน้ั ประถมศึกษาปี ที่ ๕/…….เลขที่…… โรงเรียนปทมุ านุกลู อาเภอท่าศาลา จงั หวดั นครศรีธรรมราช คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเขียนการกระทาท่ีแสดงใหเ้ ห็นถึงจริยธรรมและการกระทาที่แสดงใหเ้ ห็นถึงการทจุ ริต ลงใน แผนผงั ท่ีกาหนดให้ การกระทา ทุจริต จริยธรรม ๙

ใบความรู้ เรื่อง การทจุ ริต ปัญหาการทุจริตเป็ นปัญหาที่สาคญั ทงั้ ของประเทศไทยและประเทศอ่ืนๆ ทวั่ โลก ปัญหาการทุจริต จะทาใหเ้ กิดความเส่ือมในดา้ นต่างๆ เกิดข้ึน ท้ังสงั คม เศรษฐกิจ การเมือง นับวนั ปัญหาดังกล่าวจะ รนุ แรงมากข้ึน และมีรูปแบบการทจุ ริตที่ซบั ซอ้ น ยากแก่การตรวจสอบมากข้ึน จากเดิมที่กระทาเพียงสอง ฝ่ าย ปัจจุบนั การทุจริตจะกระทากนั หลายฝ่ าย ทงั้ ผูด้ ารงตาแหน่งทางการเมือง เจา้ หน้าที่ของรฐั และ เอกชน โดยประกอบดว้ ยสองส่วนใหญ่ๆ คือ ผูใ้ หผ้ ลประโยชน์กบั ผูร้ บั ผลประโยชน์ซึ่งทงั้ สองฝ่ ายน้ีจะมี ผลประโยชน์รว่ มกนั ตราบใดที่ผลประโยชน์สมเหตสุ มผลตอ่ กนั ก็จะนาไปส่ปู ัญหาการทุจริตไดบ้ างครงั้ ผู้ ที่รบั ผลประโยชน์ก็เป็ นผใู้ หผ้ ลประโยชนไ์ ดเ้ ช่นกนั โดยผูร้ บั ผลประโยชน์และผใู้ หผ้ ลประโยชน์คือ ๑. ผูร้ บั ผลประโยชน์ จะเป็ นเจา้ หนา้ ที่ของรฐั ซึ่งมีอานาจหน้าที่ในการกระทาการดาเนินการต่างๆ และการรบั ประโยชน์จะเป็ นไปในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การจดั ซ้ือจดั จา้ ง การเรียกรบั ประโยชน์ โดยตรงการกาหนดระเบียบหรือคุณสมบตั ิที่เอ้ือต่อตนเองและพวกพอ้ ง ๒. ผูใ้ หผ้ ลประโยชน์ เช่น ภาคเอกชน โดยการเสนอผลตอบแทนในรปู แบบต่าง ๆ เช่น เงินสิทธิ พิเศษอื่น ๆเพ่ือจูงใจใหน้ ักการเมืองเจา้ หน้าท่ีของรฐั กระทาการหรือไม่กระทาการอย่างใดอย่างหนึ่งใน ตาแหน่งหน้าท่ีซ่ึงการกระทาดงั กล่าวเป็ นการกระทาท่ีฝ่ าฝื นต่อระเบียบหรือผิดกฎหมาย เป็ นตน้ ทุจริต หมายถึงอะไร คาว่าทุจริต มีการใหค้ วามหมายไดม้ ากมายหลากหลายข้ึนอยู่กบั วา่ จะมีการใหค้ วามหมายดงั กล่าว ไวว้ ่าอย่างไร โดยที่คาว่าทุจริตนน้ั จะมีการใหค้ วามหมายโดยหน่วยงานของรฐั หรือการใหค้ วามหมายโดย กฎหมายซึ่งไมว่ ่าจะเป็ นการใหค้ วามหมายจากแหล่งใด เน้ือหาสาคญั ของคาวา่ ทุจริตก็ยงั คงมีความหมาย ที่สอดคลอ้ งกนั อยู่ นนั่ คือ การทจุ ริตเป็ นสิ่งที่ไม่ดีมีการแสวงหาหรือเอาผลประโยชนข์ องส่วนรวมมาเป็ น ของส่วนตวั ทงั้ ๆ ที่ตนเองไม่ไดม้ ีสิทธิในส่ิงๆ น้ัน การยึดถือเอามาดงั กล่าวจึงถือเป็ นสิ่งท่ีผิด ทง้ั ในแงข่ อง กฎหมายและศีลธรรม ดงั นน้ั การทจุ ริต หมายถึง การคดโกง ไม่ซื่อสตั ยส์ จุ ริต การกระทาที่ผิดกฎหมาย เพ่ือใหเ้ กิดความ ไดเ้ ปรียบในการแข่งขนั การใชอ้ านาจหนา้ ท่ีในทางท่ีผิดเพื่อแสวงหาประโยชน์หรือใหไ้ ดร้ บั ส่ิงตอบ การให้ หรือการรบั สินบน การกาหนดนโยบายท่ีเอ้ือประโยชน์แก่ตนหรือพวกพอ้ ง รวมถึงการทจุ ริตเชิงนโยบาย ๑0

ใบความรู้ เร่ือง จริยธรรม ความดีงามทางสงั คม ถือเป็ นกฎเกณฑ์แห่งความประพฤติหรือหลกั ความจริงท่ีเป็ นแนวทางแห่ง ความประพฤติปฏิบตั ิใหม้ นุษยอ์ ยู่ร่วมกนั ในสงั คมอย่างเป็ นสุขการศึกษาเร่ืองจริยธรรมจึงเป็ นหน่ึงในวิชา ปรชั ญาท่ีศึกษาเก่ียวกบั ความดีงามทางสงั คมมนุษย์ ความหมายของ จริยธรรม จริยธรรม หมายถึง สิ่งที่ทาไดใ้ นทางวินยั จนเกิดความเคยชิน มีพลงั ใจ มีความตงั้ ใจแน่วแน่จึงตอ้ ง อาศยั ปัญญา และปัญญาอาจเกิดจากความศรทั ธาเชื่อถือผูอ้ ื่น ในทางพุทธศาสนาสอนว่า จริยธรรมคือ การนาความรคู้ วามจริง หรือกฎธรรมชาติมาใชใ้ หเ้ ป็ นประโยชน์ต่อการดาเนินชีวิตท่ีดีงาม(พระราชวรมุนี) พจนานุกรมไทยฉบบั ราชบณั ฑิตสถาน (๒๕๔๖) ใหค้ วามหมายของจริยธรรมไวว้ ่า หมายถึงธรรมที่เป็ น ขอ้ ประพฤติปฏิบตั ิโคลเบิรก์ (Kohlberg ๑๙๗๒ : ๒๑๒) กล่าวถึงจริยธรรมว่า จริยธรรมเป็ นความรสู้ ึกผิด ชอบชวั่ ดีเป็ นกฎเกณฑ์และมาตรฐานของการประพฤติปฏิบตั ิในสงั คมซ่ึงบุคคลพฒั นาข้ึนจนกระทงั่ มี พฤติกรรมเป็ นของตนเอง โดยสงั คมจะเป็ นตวั ตดั สินผลของการกระทาน้ันว่าเป็ นการกระทาท่ีถูกหรือผิด จากความหมายที่กล่าวมา สรุปไดว้ ่า จริยธรรม หมายถึงแนวทางซึ่งเป็ นกฎเกณฑใ์ นการประพฤติปฏิบตั ิ ในสิ่งท่ีถูกตอ้ งดีงาม และเป็ นลกั ษณะท่ีสงั คมตอ้ งการ เป็ นสิ่งที่เกิดประโยชนต์ ่อตนเองและสงั คมส่วนรวม บุคคลท่ีมีจริยธรรมอยู่ในตนเอง ย่อมเป็ นที่ยอมรบั นับถือของคนในสงั คม และสามารถดาเนินชีวิตได้ อย่างเป็ นปกติสขุ เป็ นคนท่ีมีคณุ ภาพและเป็ นที่ยอมรบั ของสงั คมส่วนรวม ๑๑

ใบงานท่ี ๗ หน่วยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม เรื่อง ผลกระทบและวิธีการแกไ้ ขการขดั กนั ระหวา่ ง ผลประโยชนส์ ่วนตน และผลประโยชนส์ ่วนรวม ชื่อ…………………………………นามสกลุ …………………ชน้ั ประถมศึกษาปี ท่ี ๕/…….เลขท่ี…… โรงเรียนปทุมานุกลู อาเภอทา่ ศาลา จงั หวดั นครศรีธรรมราช คาช้ีแจง :ใหน้ กั เรียนอา่ นข่าว แลว้ ตอบคาถามต่อไปน้ี ป้ าแดงขายขา้ วแกงอย่หู นา้ ปากซอยเป็ นประจาทกุ วนั วนั น้ีมีนกั ศึกษากล่มุ หน่ึงมารบั ประทานอาหาร ในขณะที่รบั ประทานเกิดการทะเลาะกนั ข้ึน รา้ นป้ าแดงไดร้ บั ความเสียหาย ป้ าแดงจึงไปแจง้ ความเพื่อดาเนินคดี กบั นกั ศึกษากล่มุ น้ี ๑.)นกั เรียนคิดว่าการกระทาของนกั ศึกษากล่มุ น้ี เป็ นการกระทาที่เหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตใุ ด ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ๒)ถา้ นกั เรียนเป็ นบคุ คลท่ีอย่ใู นเหตกุ ารณ์ นกั เรียนจะแกไ้ ขปัญหาท่ีเกิดข้ึนอย่างไร ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ๑๒

ใบงานท่ี ๘ หน่วยที่ ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม เรื่อง ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น ชื่อ…………………………………นามสกลุ …………………ชน้ั ประถมศึกษาปี ที่ ๕/…….เลขท่ี…… โรงเรียนปทุมานุกลู อาเภอทา่ ศาลา จงั หวดั นครศรีธรรมราช คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนระบบุ ทบาทท่ี ๑ และสมมติบทบาทท่ี ๒ ท่ีมีโอกาสเกิดข้ึนในโรงเรียนพรอ้ มหา แนวทางการ ป้ องกนั ผลประโยชน์ทบั ซอ้ นในโรงเรียน ผอู้ านวยการโรงเรียนครูในโรงเรียน ผูอ้ านวยการโรงเรียนมีหนา้ ทีพ่ ิจารณา ผอู้ านวยการรบั เงินจากผูป้ กครองเพื่อ รบั นกั เรียนเขา้ ศึกษาต่อ แลกเปลี่ยนกบั การเขา้ เรียนของนกั เรียน แนวทางการป้ องกั ........................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................. ครใู นโรงเรียน แนวทางการป้ องกนั ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ๑๓

ใบความรู้ เร่ือง ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น คือ ผลประโยชน์ส่วนตวั ของเจา้ หนา้ ท่ีรฐั ไปขดั แยง้ กบั ผลประโยชน์ส่วนรวมแลว้ ตอ้ งเลือกเอาอย่างใด อย่างหนึ่ง ซ่ึงทาใหต้ ดั สินไดย้ ากในอนั ท่ีจะปฏิบตั ิหน้าที่ใหเ้ กิดความเป็ นธรรมและปราศจากอคติการท่ี เจา้ หนา้ ท่ีของรฐั กระทาการใดๆตามอานาจหน้าที่เพ่ือประโยชน์ส่วนรวม แต่กลบั เขา้ ไปมีส่วนไดเ้ สียกบั กิจกรรมหรือการดาเนินการที่เอ้ือผลประโยชนใ์ หก้ บั ตนเองหรือพวกพอ้ ง ทาใหก้ ารใชอ้ านาจหนา้ ที่เป็ นไป โดยไม่สจุ ริตกอ่ ใหเ้ กิดผลเสียต่อภาครฐั เกิดจากเจา้ หน้าที่ของรฐั มีบทบาทที่ขดั แยง้ กนั ๒ บทบาทไดแ้ ก่ บทบาทที่ ๑ คือบทบาทท่ีตดั สินใจ ตามหน้าท่ีความรบั ผิดชอบ บทบาทที่ ๒ คือบทบาทท่ีตดั สินใจตามผลประโยชน์ส่วนตวั ซึ่งอาจจะไม่ผิด กฎหมายแตเ่ ม่ือตดั สินใจไปแลว้ จะมีผลกระทบต่อการตดั สินใจตามหนา้ ท่ีทาใหเ้ กิดปัญหาหรือความผิด รูปแบบผลประโยชน์ทบั ซอ้ น รปู แบบของผลประโยชนท์ บั ซอ้ น แบง่ ออกเป็ น ๗ รูปแบบ ไดแ้ ก่ ๑. การรบั ผลประโยชนต์ ่างๆ คือ การรบั สินบนหรือผลประโยชนใ์ นรปู แบบอื่นๆที่ไม่เหมาะสม ๒. การทาธรุ กิจกบั ตวั เองหรือเป็ นค่สู ญั ญา ๓. การทางานหลงั จากออกจากตาแหน่งสาธารณะหรือหลงั เกษียณ ๔.การทางานพิเศษ เช่น เจา้ หนา้ ที่ของรฐั ตง้ั บริษทั ดาเนินธรุ กิจท่ีเป็ นการแข่งขนั กบั หน่วยงานหรือ องคก์ รสาธารณะที่ตนสงั กดั ๕. การรบั รขู้ อ้ มูลภายใน คือ สถานการณท์ ่ีผดู้ ารงตาแหน่งสาธารณะใชป้ ระโยชน์จากการรขู้ อ้ มลู ภายในเพื่อประโยชน์ของธุรกิจส่วนตวั ๖. การใชท้ รพั ยส์ ินของหน่วยงานเพ่ือประโยชน์ของธรุ กิจส่วนตวั ๗. การนาโครงการสาธารณะลงในเขตเลือกตง้ั เพ่ือประโยชน์ของธรุ กิจส่วนตวั ครูสงั่ ใหน้ ักเรียนไปหาซ้ือของสาหรบั ทางานประดิษฐใ์ นวิชาของตนเองโดยของช้ินนั้นหาซ้ือไดท้ ี่รา้ นคา้ ของตนเองเท่านน้ั ๑๔

คณะผจู้ ดั ทา ๑. คณะกรรมการอานวยการ . ๑.๑ นายมนตรี เจยี รมาศ ผูอ้ านวยการ ประธานกรรมการ ๑.๒ นางเกษณิศา บุญไกร รองผูอ้ านวยการ รองประธานกรรมการ ๑.๓ นางชธรพร รม่ แกว้ ๑.๔ นางสุนนั ทา พมิ พิศาล รองผูอ้ านวยการ รองประธานกรรมการ หวั หนา้ ฝ่ายบริหารงบประมาณ กรรมการ ๑.๕ นางเครือวลั ย์ ศรีสุวรรณ หวั หนา้ ฝ่ายบริหารทว่ั ไป กรรมการ ๑.๖ นางกนกวรรณ ชูโชติ หวั หนา้ ฝ่ายบุคลากร กรรมการ ๑.๗ นางจรี าภรณ์ รตั นมณี หวั หนา้ ฝ่ายวชิ าการ กรรมการ ๑.๘ นางสาวจุฑามาศ ทองหยู ผูร้ ับผิดชอบกจิ กรรม กรรมการ/เลขานุการ ๒.คณะกรรรมการฝ่ ายดาเนินงานการผลิตสื่อนวตั กรรมการสอนหลกั สูตรตา้ นทุจริต ๒.๑ นางจรี าภรณ์ รัตนมณี หวั หนา้ ฝ่ายวิชาการ ประธาน ๒.๒ นางกรรณิการณ์ เปาะทองคา หวั หนา้ กลุม่ สาระสงั คมศึกษาฯ รองประธาน ๒.๓ นายณฏั ฐพ์ รี พล มบี ุญมาก หวั หนา้ โครงการพฒั นาหลกั สูตร กรรมการ ๒.๔ นางจารุวรรณ ศรีนว่ ม ผูร้ บั ผดิ ชอบโครงการสง่ เสริมคุณธรรม กรรมการ ๒.๕ นางสาวทิภาพร เบญ็ จธรรมรักษา ผูร้ ับผิดชอบโครงการสง่ เสริมคุณธรรม กรรมการ ๒.๖ นางวรรณา ชว่ ยขา ผูร้ บั ผดิ ชอบกิจกรรมการตา้ นทุจริต กรรมการ ๒.๗ นางสาวจุฑามาศ ทองหยู ผูร้ ับผิดชอบกจิ กรรมการตา้ นทุจริต กรรมการ/เลขานุการ ๓.คณะกรรมการฝ่ ายงบประมาณ ครูชานาญการพเิ ศษ ประธานกรรมการ ๓.๑ นางสุนนั ทา พิมพศิ าล ๓.๒ นางจารุวรรณ ศรีน่วม ครูชานาญการพิเศษ รองประธานกรรมการ ๓.๓ นางสาวทิภาพร เบญ็ จธรรมรกั ษา ครูผูช้ ว่ ย กรรมการ ๓.๔ นางสาวจุฬาลกั ษณ์ จงจิต ครูผูช้ ว่ ย กรรมการ/เลขานุการ ๔.คณะกรรมการฝ่ ายสรุปผล ประเมินผล ๔.๑ นายณัฏฐพ์ รี พล มบี ุญมาก ครูชานาญการพเิ ศษ ประธานกรรมการ ๔.๒ นางจารุวรรณ ศรีนว่ ม ครูชานาญการพิเศษ รองประธานกรรมการ ๔.๓ นางสาวทิภาพร เบญ็ จธรรมรกั ษา ครูผูช้ ว่ ย กรรมการ ๔.๔ นางสาวจุฑามาศ ทองหยู ครู กรรมการ/เลขานุการ

๑๕


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook