Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สุนัขไทย

สุนัขไทย

Published by Parinyawut Atsawathanawan, 2020-10-29 04:38:26

Description: ต้นกำเนิดสุนัขไทย

Keywords: Dog,Thai dog

Search

Read the Text Version

กลุมวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ สาํ นกั พัฒนาพนั ธสุ ัตว กรมปศสุ ตั ว สนุ ขั ไทย สุนัขพนั ธไ ทยหลงั อาน (Thai Ridgeback) เปน สนุ ขั พันธพุ นื้ เมอื งเกาแกของประเทศไทย มีขนาด กลาง ขนส้ัน หูต้ังเปนรูปสามเหลี่ยม ปลายจมูกสีดําและปากรูปลิ่ม หางเรียวยาวเปนรูปดาบ ลักษณะ เดนคือมอี านซึง่ เกดิ จากขนขึน้ ในแนวยอนกับแนวขนปกติอยูบนหลัง ถ่ินกําเนิดของสุนัขพันธุไทยหลัง อานอยูในภาคตะวันออก แถบจังหวัดจันทบุรีและตราด คนพ้ืนเมืองใชสุนัขพันธุนี้ลาสัตวและติดตาม เกวียนเพ่ือคอยระวังภยั ระบบการคมนาคมที่ยังไมดีในสมัยกอนทําใหไทยหลังอานสามารถคงลักษณะ ดง้ั เดมิ อยไู ดน าน มาตรฐานสายพันธุและสขี องไทยหลังอาน ปจ จบุ ันไดรบั การยอมรบั ในวงการประกวดสุนขั อยู 4 สี คือ  สนี า้ํ ตาลแดง หรอื สแี ดง  สีดําปลอด  สีสวาด  สีกลีบบวั นอกจากนยี้ งั มสี หี รือลวดลายอืน่ ๆ ดว ย แตยงั ไมไ ดร ับการยอมรบั ในวงการประกวดสนุ ัข เชน ลายเสอื เปนตน

ถนิ่ กําเนดิ สุนัขไทยหลังอาน สุนัขไทยหลังอานถือกําเนิดข้ึนมาบนโลกนี้ไดอยางไร มีการวิเคราะหและศึกษาจากผูรูคิดวา สุนัขไทยหลงั อานนา จะมาจากสุนัขในกลุม Wolf และ Jackal สุนัขไทยหลังอานเปนสุนัขพันธุพื้นเมือง ที่อยูในยานเอเชยี ตะวันออกในเขตรอน ซงี่ สนุ ัขพน้ื เมอื งในเขตนีจ้ ะดูมีลกั ษณะคลา ยๆ กัน เชน สุนัขใน ประเทศลาว เวียดนาม กัมพูชา พมา มาเลเซีย บางแถบของประเทศจีน สุนัขในแถบน้ีจะมีกะโหลก ศีรษะเปนสามเหล่ียมรูปล่ิม มีกรามใหญที่แข็งแรง มีหูทั้งสองขางต้ังชัน มีเสนหลังตรง มีหางต้ังยกขึ้น เหมือนดาบหรือเคียวแตสุนัขไทยหลังอานจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะคือมีขนบริเวณหลังขึ้นในแนว ยอนกลบั ท่สี นุ ัขพันธุอ่นื ๆ ในกลุมเดียวกันของประเทศตางๆ ไมมี และนี่จึงเปนท่ีมาของสุนัขไทยหลัง อาน จ า ก ง า น วิ จั ย ข อ ง ร . ศ . สุ ร วิ ช ว ร ร ณ ไ ก ร โ ร จ น อ า จ า ร ย ป ร ะ จํ า ค ณ ะ เ ก ษ ต ร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตรไดพบวามีภาพเขียนผนังถํ้าในยุคหินใหมอายุราว 2000 ป ท่ีจังหวัด นครราชสีมาและอุทัยธานี เปนรูปสุนัขหูต้ังหางดาบ สีพื้นยืนคูกับพรานธนูและลายเสือ แตภาพไมมี รายละเอยี ดพอใหเหน็ ไดว า มีอานหรือไม นอกจากนผ้ี ูว ิจยั ยังไมพบวามีการบนั ทึกเรื่องราวของสุนัขไทย หลังอานกอนรัชสมัยรัชกาลท่ี 9 เพราะสมุดขอยยุคตนรัตนโกสินทรที่กลาวถึงสุนัขมงคลก็ไมได กลา วถึงสุนขั หลงั อานหรือสุนัขที่มีขนยอนกลับบนแผนหลังแตประการใด ทั้งนี้สมุดขอยโบราณซึ่งถูก อา งวา มีอายุ 300 กวา ปมาซึ่งมใี จความวา \"สุนขั ตัวมันใหญ มันสูงเกินสองศอก มีสีตางๆ ไมซ้ํากัน มันมี

ขนที่หลังกลับ มันรายมันภักดีตอผูเลี้ยงมัน มันหากินขุดรูหาสัตวเล็กๆ มันชอบตามผูเล้ียงไปปาหากิน มันไดสัตว มันจะนํามาใหเจาของ ถึงตนยางมีนามัน มันมีกําลังกลาหาญไมกลัวใคร ธาตุสีท้ังหลาย รัช ตะชาด มนั มีโคนหาง มนั มีหางเปน ดาบชาวปา ถา ผใู ดมไี วใ นครอบครองจะไดร ับความภักดีจากมัน\"นั้น เมื่อไดถ ูกนาํ ไปใหผเู ชีย่ วชาญภาษาโบราณของหอสมดุ แหง ชาติอานในป พ.ศ. 2539 แลวไมพบขอความ ท่ีกลาวอางแตประการใด ทั้งนี้ผูวิจัยไดศึกษางานวิจัยของนักประวัติศาสตรชาวซิมบับเวแลวใชขอมูล ทางพันธศุ าสตรตั้งสมมติฐานวา สุนัขทีมลี ักษณะหลังอานซ่ึงเปนบรรพบุรุษของสุนัขพันธุไทยหลังอาน นาจะถือกําเนิดขึ้นจากการกลายพันธุจากสุนัขพันธุปกติซ่ึงไมมีอานเม่ือไมนอยกวา 1500 ปมาแลวใน อาณาจักรฟูนัน แลวสุนัขพันธุดังกลาวจึงไดถูกเผยแพรไปยังอินเดียและโรดีเชียในเวลาตอมา จนเปน ตนกําเนิดของสุนัขหลังอานพันธุ Ari ของชนเผา Hottentot(คําวา \"Ari\" น้ันมาจากภาษาอินเดียโบราณ แปลวา \"สุนขั \") และสุนัขหลังอานพนั ธผุ สม Rhodesian ridgeback นอกจากนีผ้ วู จิ ัยยงั ไดสรุปวาการมีอานน้ันมียีนควบคุมแบบขมขามคู (epistasis) เนื่องจากสุนัข ที่ไมมีอานมาในสายเลือดเลย 2 ตัว เม่ือผสมพันธุกันแลวอาจไดลูกท่ีมีอานได ขณะที่ขนาดของอาน ขึ้นกับจํานวนยีนสะสม (additive genes) ซึ่งหมายความวาสุนัขที่มีอานขนาดใหญ มียีนควบคุมการเกิด อานอยูมากกวาสุนัขท่ีมีอานเข็มหรืออานธนู นอกจากน้ีรูปรางของอานยังมียีนปรับแตง (modifying genes)ท่ีสงผลใหอานมีลักษณะสมมาตรหรือไมอีกดวย ยิ่งไปกวานั้นจํานวนขวัญรอบอานก็อยูภายใต การควบคุมของยีนสะสมเชน กนั

อยางไรก็ตามสุนัขไทยหลังอานถูกจัดใหเปน\"สุนัขประจําชาติไทย\" โดยเปนสุนัขที่สามารถ ชวยปกปองเตือนภัย ดูแลทรัพยสิน และชวยยังชีพในการออกปาลาสัตว ของคนไทยมาแตโบราณกาล เราจะสามารถพิสูจนไดวา สุนัขไทยหลังอานของเราเคยอยูคูกับคนไทยเรามานานมากแลว โดย ถาเรา ไปตามที่ชุมชนด้ังเดิมที่ยังมีการรักษาวัฒนธรรมไทยมาแตปูยา ตายาย หรือ ตามพ้ืนท่ีนอกปริมณฑล เมื่อชาวบา นเหน็ สุนัขไทยหลังอาน พวกเขาจะเรียกช่ือสุนัขไทยหลังอาน กันอีกช่ือหนึ่งวา \"หมาพราน\" เราจะเห็นไดวา สนุ ขั ไทยหลังอานเราจะมีความสามารถพิเศษเฉพาะมากมาย ท่ีสุนัขพันธุอ่ืนไมมีเหมือน หรือเปรียบเทียบไดเลยกับสุนัขไทยหลังอานของเรา ไมวาจะเปน \"พันธุแทดั้งเดิม\" ท่ีมีการพัฒนาดวย ตัวของมันเองมาแตโบราณกาล มาจนถึงกระท่ังทุกวันนี้ ซี่งพ่ึงมีคนหันมาใหความสนใจในสุนัขไทย หลังอานและนาํ มาพัฒนาพันธุเ มื่อไมน านมานี้ ขนาด มาตรฐานพนั ธุ เพศเมยี ความสงู (เซนติเมตร) เพศผู 47.5 - 57.5 น้าํ หนกั ตวั (กโิ ลกรัม) 52.5 - 62.5 22 - 24 20 - 22 ขน สุนัขไทยหลงั อานจะมีขนส้ัน แบง ไดเ ปน 2 แบบ คือ แบบกํามะหยี่ ขนจะสั้นเกรียนติดผิวหนัง และมีความนุม และแบบสนั้ แตไมเ กรียนติดหนัง สี สีควรเปนสีเดียวท้ังตัว สวนสีท่ีพบได คือ น้ําตาล, น้ําตาลแดง, นํ้าตาล ออน, น้ําตาลดํา, ขาว, กลบี บัว และสสี วาท สุนขั ไทยบางแกว ประวัตสิ นุ ขั ไทยพนั ธบุ างแกว

ประวัติความเปนมาของสุนัขไทยพันธุบางแกว จากขอมูลที่ไดสอบถามจากประชาชน ตลอดจนผูเฒาผูแกที่บานบางแกว ตําบลทานางงาม และบานชุมแสงสงคราม ตําบลชุมแสงสงคราม อําเภอบางระกํา จังหวัดพิษณุโลก พอจะสรุปไดวา แหลงกําเนิดของสุนัขไทยพันธุบางแกวนั้นอยูท่ีวัด บางแกว ตําบลทานางงาม อําเภอบางระกาํ จงั หวัดพษิ ณุโลก ซึ่งต้งั อยรู มิ แมน าํ้ ยม สภาพภูมิประเทศท่ัวๆ ไปนน้ั ยงั คงเปนปาพง ปาระกํา ปาไผ และตนไมชนิดตางๆ ข้ึนอยูอยางหนาแนน สําหรับเปนที่อยูอาศัย ของสัตวป า ชนดิ ตา งๆ ชุกชมุ เชน ชางปาเปน โขลงๆ หมูปา ไกป า สนุ ัขจ้ิงจอก และหมาใน หลวงพอมาก เมธาวี เปนเจาอาวาสองคท่ี 3 ของวัดบางแกว ท่ีวัดของทานเล้ียงสุนัขไวไมตํ่า กวา 20-30 ตวั ซ่งึ สว นใหญเ ปน สุนัขทดี่ ขุ ึ้นช่ือลือชา และชาวบานทราบกันดีวา ใครท่ีเขามาในวัดแตละ ครงั้ จะตองตะโกนใหเสียงแตไ กลๆ เพื่อใหอาจารยมาก เมธาวี ทานชวยดูหมาเอาไวกอน มิฉะนั้นจะถูก มันไลกัด ดวยกิตติศัพทในความดุของสุนัขที่วัดบางแกวน้ีเอง จึงมีผูนิยมมาขอลูกสุนัขไปเล้ียงไวเฝา บา น เฝาเรอื น เฝา เรือ เฝา แพ เฝาวัว เฝา ควาย พนื้ ทท่ี ส่ี ุนัข พ้ืนที่ที่สุนัขไทยพันธุบางแกวไดขยายพันธุไป มากท่ีสุดก็คือ ตําบลทานางงามและตําบลชุมแสงสงคราม อําเภอบางระกํา จังหวัดพิษณุโลก แตใน ปจ จุบนั ไดขยายวงกวา งออกไปหลายจังหวัด เหตุผลที่สนั นษิ ฐานวา สุนขั ไทยพันธุบางแกวเปนสุนัขลูกผสมสามสายเลือด เพราะพื้นท่ีในเขต ตําบลทานางงาม ตําบลชุมแสงสงคราม อําเภอบางระกํา ในอดีตนั้นเปนปาดงพงพีทีอุดมสมบูรณไป ดวยสตั วป า นานาชนิด รวมทัง้ สุนขั จงิ้ จอกและหมาในอาศยั อยูเ ปนจํานวนมาก โอกาสท่ีสุนัขจิ้งจอกและ หมาในตัวผูจะมาแอบลักลอบเขามาผสมพันธุกับสุนัขไทยตัวเมียที่เล้ียงไวในวัดบางแกวน้ันมีความ เปนไปไดสงู มากทีเดยี ว เพราะสนุ ัขปา ทั้งหลายนเ้ี ปนสุนัขที่กลาชาญชัย วองไว ใจปราดเปรียว แข็งแรง ซ่ึงเร่อื งนี้อาจารยท านหนึ่งของมหาวิทยาลัยเกษตร ไดตรวจโครโมโซมของสุนัขไทยพันธุบางแกวแลว พบวามีโครโมโซมของสุนัขจิ้งจอกปะปนในโครโมโซมของสุนัขไทยพันธุบางแกว ซึ่งเปนการยืนยัน

ทางวทิ ยาศาสตรว าสุนขั ไทยพันธุบ างแกวสืบเช้อื สายจากสุนัขลูกผสมระหวางสุนัขบานกับสุนัขจ้ิงจอก สุนัขไทยพันธุบางแกวจึงมีลักษณะดีเดนปรากฏโฉมออกมาคือ มีขนยาว ขนมีลักษณะเปนขนสองช้ัน คลาย หางเปนพวงสวยงาม มีขนแผงคอคลายแผงคอสิงโต ดุ เฉลียวฉลาด มีไอคิวสูง ไมแพสุนัขพันธุ ตางประเทศ มีความสวยงาม ลกั ษณะทวั่ ไปของสุนัขไทยบางแกว มีขนปุยยาว มีความสงางาม วองไวและแข็งแรง เวลายืนมักเชิดหนาและโกงคอคลายมา เปน สุนัขขนาดกลาง รูปทรงต้ังแตชวงขาหนาถึงขาหลังเปนส่ีเหลี่ยมจัตุรัส อกกวางและลึกไดระดับกับ ขอศอก ไหลกวาง ทองไมคอดก่ิว หนาแหลม หูเล็ก หางพวง ขนมีสองช้ัน นิสัยรักเจาของ ฉลาดปราด เปรียว กลาหาญ คอนขางดุ สามารถฝกหัดได ชอบเลนน้ํามาก ขนาดเทาสุนัขไทยท่ัวไป หรือเล็กกวา เลก็ นอย ไมอวน ความสูงวัดท่ีไหล ตัวผูพอพันธุสูง 42-53 เซนติเมตร ตัวเมียแมพันธุ 38-48 เซนติเมตร นาํ้ หนักตวั ผู 14-16 กโิ ลกรมั ตวั เมีย 13-15 กโิ ลกรมั ลําตัว ชวงตัวตอนหนาใหญ ชวงตัวตอนทายคอนขางเล็ก ลําตัวหนาปานกลาง อกลึกปานกลาง อกแคบ ยืดอกเวลายืน สวนเอวจะคอดนอยกวาหมาไทย ทายลาด สงาเหมือนสุนัขจ้ิงจอก สวนขา ขา หนาจะใหญกวา ขาหลงั เล็กนอ ย ขาสว นบนใหญและเรียวลงมาถึงขอเทา ตง้ั ตรงแข็งแรง ถาดูดานขางจะ

เห็นขนยาวเปนเสนตรงจากขอเทาดานหลังข้ึนไปถึงขอศอกเหมือนขาสิงห ขาหลังชวงลางมีทั้งต้ังตรง และเกือบตรง ชวงบนดานหลังจะมีขนยาว เปนเสนตรงขึ้นไปจนถึงโคนหาง เวลายืนทาปกติจะรับ น้ําหนักทรงตัวดี นิ้วเรียงชิดกัน ขนที่ปลายน้ิวยาวหุมเล็บ หัว กะโหลกใหญ ปากยาวแหลม คอยาวกวา หมาไทยท่ัวไป กะโหลกศีรษะและปากรับกันเปนรูปสามเหล่ียม หูเล็กส้ัน ตั้งปองไปขางหนา ปลายหู เบนไปขางๆ เล็กนอย โคนหูท้ังสองอยหู า งกันมากกวาสุนัขพันธุอื่น ๆ จึงใชเปนจุดเดนในการสังเกตวา เปน สนุ ขั บางแกว ภายในหูมขี นปรายปด รหู ูอยางสีดํามแี ววของความไมเชื่อใจใครงายๆ ขณะโกรธหรือ ขูจะข้ึนแววฟา ใสแววท่ีเรียกกันวา ตาเขียว จมูกสีดํา ฟนซ่ีเล็กขาวคม มีเข้ียวขางบน 2 ลาง 2 ลิ้นเปนสี ชมพู สวนมากไมมีปานดําเหมือนสุนัขไทยทั่วไป ขนสองช้ัน หนา ชั้นลางละเอียดออนน่ิม ขนชั้นบน ยาวเปนเสน เม่อื ยังเลก็ จะมขี นยาวปุกปยุ แนนทั่วตัว แตเมื่อโตข้ึนจะมีขนยาวปานกลางแนนทั้งตัว ขนที่ กลางหลงั ต้งั แตแผงคอไปยงั โคนหางจะยาวกวา ขนบรเิ วณอ่นื ๆ มีแผงขนเปน ช้ันชวงสันหลัง เวลาโกรธ จะฟูยกใหเ ห็นชดั เจน ดานลางจากขอเทาตอนลางถึงโคนขาตอนบนจะมีขนยาวฟูพอประมาณ หางตอง เปนพวง ถือเปน ลักษณะเดน ท่ีสบื ทอดมาจากสุนขั จงิ้ จอก ลกั ษณะใบหนา 1. ลักษณะหนาเสือ ใบหนาดูคลายเสือ มีกะโหลกศีรษะใหญ หนาผากกวาง โคนหูตั้งอยูหางกัน หูเล็กแบะออกเล็กนอย แววตาเซื่องซึม พ้ืนสีตามักจะเปนสีเหลืองทองคล้ํา มานตาตรงกลางสีดํา มีขน

ยอยจากโคนหดู านลา งเปน แผงทีค่ อ เรยี กวา แผงคอ แตไ มร อบคอ ขนมีทงั้ ฟูและไมฟู มีหางเปนพวง ท้ัง หางงอ และหางมวน แลดดู ุรา ย 2. ลกั ษณะหนา สงิ โต มกี ะโหลกศรี ษะเล็กกวาลักษณะหนาเสือ หูเล็กเปนรูปสามเหล่ียม ปองไป ขา งหนารับกับใบหนา อยา งสวยงาม ปากไมเรียวแหลมมาก ไมใหญไมเล็กเกินไป มีขนยาวต้ังแตโคนหู ลงมาดา นลา ง เปนแผงรอบคอ และมขี นเปน เคราจากใตคางยอยลงมาเหมือนคอพอกลงมาถึงคอดานลาง ที่บริเวณรอบลําคอมีขนยาวโดยรอบ มีทั้งขนสั้นฟูและฟูยาว เมื่องมองจากดานหนาจะมีลักษณะคลาย สิงโต ลักษณะเทายาวอูม ขนยาวหุมปลายเทาเล็กนอย มองดูคลายเทาหมี ขนมีท้ังยาวฟู สั้นฟู หางมีทั้ง มว นสูงและมว นต่าํ เปนพวงและไมเ ปน พวง ชวงตอนหนา ใหญต อนทายเลก็ ยามปกติแววตาและทาทาง เซ่ืองซึม แตเมื่อเปนศัตรูปรือคนแปลกหนา จะเปลี่ยนเปนดุรายและคลองแคลววองไวทันที ลักษณะ หนาสิงโตเปนลกั ษณะทหี่ ายากมาก นาน ๆ จงึ จะพบเหน็ สกั ตัวหนึ่ง 3. ลกั ษณะหนาจ้ิงจอก มใี บหนา แหลม หใู หญกวาลกั ษณะหนาเสือและหนา สงิ โต ใบหูไมตรงโย ออกดานขาง มองดูเปนรูปสามเหลี่ยมดานเทา ปากแหลมเรียวและคอนขางยาว ขนออนยาวเรียบ ขน หางเปน พวง รูปรางมีทัง้ ใหญ กลางและเลก็ อุปนสิ ยั ไมคอยดุรา ยเหมอื นสองพวกแรก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook