วิชา การติดตั้งไฟฟ้าในอาคาร รหัส 2104-2005 ชื่ อ-นามสกุล นาย จิรายุ ส ตรีพัฒนกุล รหัส 63040136 ชื่ อ-นามสกุล นายจีรวัฒน์ จิรวัฒนธรรม รหัส 63040137 ชื่ อ-นามสกุล นาย ณรงค์ฤทธิ์ เจียวใช่เฮ็ง รหัส 63040318
หน่วยที่ 1 การป้องกนั อบุ ตั ิภยั ในการปฏิบัติงานทางไฟฟ้าและระบบการจา่ ยกำลงั ไฟฟ้า ทำงาน และใชง้ านได้อยา่ งปลอดภัยการเกิดอันตรายจากไฟฟ้า จะแบ่งตามลักษณะของอันตรายได้ 2 ประเภทคือ อนั ตรายที่เกดิ กบั บุคคล และอนั ตรายที่เกดิ กับทรัพยส์ ิน รวมถึงอาจมผี ลกระทบที่เกิดตอ่ เน่ืองจาก อุบตั เิ หตุจากไฟฟา้ ท้งั บุคคล ทรพั ยส์ ินและชุมชนหรือสาธารณะ ข้อแรก อนั ตรายจากไฟฟา้ ที่เกิดกบั บคุ คล แบ่งออกได้ดงั นี้ 1.1 อนั ตรายจาก ไฟฟ้าดดู (Electric Shock) คือการมีกระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นส่วนตา่ งๆของ ร่างกาย โดยทไ่ี ฟฟา้ จะดดู เราไดก้ ต็ ่อเม่ือร่างกายสมั ผสั สว่ นที่มไี ฟฟ้า 2 จุด และ 2 จดุ น้นั มีแรงดนั ไฟฟา้ ต่างกัน ทำให้ร่างกายเป็นส่วนหน่งึ ของวงจรไฟฟ้า โดยความรนุ แรงของอันตรายจากไฟฟ้าจะขน้ึ อย่กู บั - แรงดันไฟฟา้ ระหว่างจุดสัมผัส 2 จดุ - ขนาดของกระแสไฟฟา้ ท่ไี หลผ่านรา่ งกาย - ระยะเวลาทส่ี มั ผสั กบั ไฟฟ้า - เสน้ ทางทก่ี ระแสไฟฟ้าไหลผา่ นร่างกาย - ความตา้ นทานของร่างกาย ณ ขณะสัมผสั ไฟฟ้า การสัมผัสสว่ นทมี่ ีกระแสไฟฟา้ แบง่ การสัมผสั ออกเป็น 2 แบบ คอื 1) การสมั ผสั โดยตรง ( Direct Contact ) ความหมายคือรา่ งกายส่วนใดส่วนหนง่ึ ไปสัมผัสกับตวั นำไฟฟ้าท่มี ีการจา่ ยกระแสไฟฟ้าแล้ว หรือไปสมั ผสั กับบริภัณฑ์ไฟฟา้ ที่ไปสัมผสั กบั ตัวนำไฟฟ้าท่ี มีการจา่ ยกระแสไฟฟ้าแล้วทำใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นร่างกายไปครบวงจรท่ีแหลง่ จา่ ยไฟฟา้ 2) สัมผสั โดยออ้ ม ( Indirect Contact ) ความหมายคือรา่ งกายสว่ นใสสว่ นหนงึ่ ไป สัมผัสกบั บริภัณฑ์ไฟฟา้ ทม่ี ีกระแสไฟฟ้าร่วั ไหล ทำใหก้ ระแสไฟฟา้ ไหลผ่านรา่ งกายครบวงจรลงดนิ
1.2 อันตรายจาก ประกายไฟจากการอาร์ก (Arc Blast) การอาร์กเป็นการปลอ่ ยประจุไฟฟ้าออกสู่ อากาศในรูปของแสง เกิดขึ้นเมื่อมีแรงดันไฟฟ้าตกคร่อมช่องว่างระหว่างสายตัวนำมีค่าสูงเกินค่าความคงทน ของไดอเิ ลก็ ทรกิ (dielectric strength) ของอากาศ และมกี ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นอากาศ ทำให้เกดิ ดังนี้ 1) รังสีความร้อน และแสงจา้ ทำใหเ้ กดิ อันตรายกับบคุ คลท่ีปฏิบัติงานหรืออยู่ใกล้ 2) โลหะหลอมละลาย สร้างความเสยี หายใหก้ ับอปุ กรณ์ 3) แผลไหม้จากการอาร์ก (Arc Burns) ความรนุ แรงของแผนไหมม้ ี 3 ระดับดงั นี้ - ความรุนแรงระดบั 1 หนงั กำพรา้ ผวิ นอกถกู ทำลายแผงบวมแดง - ความรุนแรงระดบั 2 หนงั กำพร้าตลอดท้งั ชน้ั และหนงั แทส้ ว่ นตนื้ ๆ ถูกทำลายผวิ หนงั อาจหลดุ ลอด เห็นเนื้อแดง น้ำเหลืองซึม การรักษาไมถ่ ูกวธิ ีอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นข้ึนได้ - ความรุนแรงระดบั 3 หนงั กำพร้าและหนังแท้ทัง้ หมด รวมทง้ั ต่อมเหงื่อ และเซลประสาทถกู ทำลาย ผิวหนงั ทั้งชน้ั หลดุ ลอกเหน็ เนื้อแดงหรือเนื้อไหม้เกรยี ม บาดแผลประเภทน้จี ะไมห่ ายเอง จำเปน็ ตอ้ งรกั ษาให้ถกู วธิ ี อาจเกดิ มกี ารดึงร้งั ของแผลทำให้ขอ้ ยึดติด เม่ือหายแล้วจะเป็นแผลเปน็ บางรายจะพบแผลเป็นที่มีลกั ษณะ นนู ถือเป็นบาดแผลท่รี า้ ยแรง
1.3 อนั ตรายจาก การระเบดิ จากการอารก์ (Arc Blast) เมื่อเกิดจากการอาร์กขน้ึ ในพืน้ ทจ่ี ำกดั เม่ือ อากาศได้รบั ความร้อนจากอารก์ ก็จะขยายตวั อย่างรวดเร็ว อาจมีอุณภูมสิ งู และความดันท่ีมพี ลังงานสูง ทำให้ บคุ คลได้รับอันตรายจากการกระเด็น กระแทกกบั ของแขง็ หรือทำใหต้ กจากที่สงู ขอ้ สอง อนั ตรายจากไฟฟา้ ที่มีผลกับทรพั ย์สนิ แบง่ ออกไดด้ ังน้ี 2.1 ไฟฟ้าลดั วงจร (Short Circuit) คือการที่มจี ุด 2 จดุ ในวงจรไฟฟ้ามาสัมผัสกนั มี 2 กรณี 1) การสัมผสั ระหวา่ งสายไฟฟ้ากบั สายไฟฟา้ ทม่ี ีแรงดนั ไฟฟ้า 2) การสมั ผัสระหวา่ งสายไฟฟา้ ที่มแี รงดนั ไฟฟ้ากับดนิ หรือสายดิน สาเหตุของไฟฟ้าลัดวงจร อาจเกดิ จากฉนวนไฟฟา้ ชำรุดหรอื เส่ือมสภาพ แรงดนั ทีใ่ ชเ้ กินขนาดหรือมี กระแสไฟฟ้าเกินขนาดของสายไฟฟ้า และอาจเกดิ จากการท่ีตัวนำไฟฟ้าที่มีแรงดันต่างกันสัมผสั กันหรอื ตัวนำ ไฟฟ้าสมั ผสั กบั ดินหรือสายดิน เม่อื เกดิ ไฟฟ้าลัดวงจรแลว้ จะมผี ลให้ สายไฟฟ้าหรอื เครอ่ื งใช้อปุ กรณ์ บริภัณฑไ์ ฟฟ้าชำรุดเสยี หาย อาจ ทำให้เกดิ เพลงิ ไหม้ ทรัพย์สนิ เสียหาย และบคุ คลท่ีอย่ใู นทเ่ี กิดเหตไุ ดร้ บั อันตรายบาดเจบ็ หรอื เสยี ชวี ิ แนวทางในการป้องกนั การเกิดไฟฟ้าลดั วงจร - เลอื กอุปกรณ์ท่ีใชต้ ิดตงั้ ที่ได้มาตรฐานและตดิ ตง้ั ตามมาตรฐานทีก่ ำหนด - มีการตรวจสอบสภาพของอุปกรณไ์ ฟฟ้าอยเู่ ป็นประจำ - ดูแลบำรงุ รักษา ทำความสะอาดเคร่ืองใช้ บรภิ ัณฑ์ไฟฟา้ ตามรอบระยะเวลา - เลือกใช้อปุ กรณ์ไฟฟ้าและเครอื่ งใช้ไฟฟ้าที่ได้รบั รองมาตรฐาน มอก. หรือ มาตรฐานสากลอนื่ ๆ - ศึกษาและใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างถูกวิธี ตามคมู่ ือทผ่ี ู้ผลิดหรอื วศิ วกรกำห เมอื่ เกดิ เพลิงไหมท้ ่สี ายไฟฟ้า เคร่อื งใชห้ รือบรภิ ณั ฑ์ไฟฟา้ การดับเพลิงไหม้ท่เี กดิ จากไฟฟ้าลดั วงจรจะตอ้ ง ดำเนินการดังน้ี - ตดั แหล่งจา่ ยไฟฟา้ ออกถ้าทำได้
- แจง้ เหตุเพลงิ ไหม้ยังหน่วยดับเพลงิ ในพ้นื ที่ หรือ โทรศัพท์แจ้งเหตไุ ฟไหม้ ขอความชว่ ยเหลือได ตลอด 24 ชว่ั โมงทห่ี มายเลข 199 - ใช้ถงั ดบั เพลิง ชนิด Class C (Electrical Equipment) ที่เหมำสมกับเพลงิ ไหมท้ ี่เกดิ กบั อุปกรณ์ ไฟฟา้ ทยี่ งั มกี ระแสไฟฟา้ อยู่ - ในกรณีทเี่ ปน็ ไฟฟ้าแรงสงู หมอ้ แปลง เสาไฟฟ้า ให้แจง้ การไฟฟ้าพนื้ ท่ี การไฟฟา้ นครหลวง แจง้ โทร 1130 และการไฟฟา้ ส่วนภูมิภาคโทร 1129 2.2 การเกิดเพลงิ ไหม้ เน่อื งจากความร้อนจากบรภิ ัณฑไ์ ฟฟ้า ยงั เกดิ จากอกี หลายสาเหตดุ งั น้ี - ความรอ้ นจากการใช้งานเกินกำลังของเคร่ืองใช้ไฟฟา้ - ความรอ้ นจากการใชง้ านตามปกติของเคร่อื งใช้ไฟฟา้ ท่กี ่อให้เกดิ ความร้อน - ความรอ้ นจากการต่อสายไฟฟา้ ไมแ่ น่น ไมไ่ ด้มาตรฐาน - ขาดการตรวจสอบและบำรงุ รักษา - การใชอ้ ปุ กรณไ์ ฟฟ้าพรอ้ มกันหลายเคร่ืองในเต้ารับหรอื สายพ่วงเดียวกนั - ผ้ปู ฏบิ ตั ิงานขาดความรคู้ วามสามารถในการซ่อมบำรงุ ษา - การติดตั้งไมป่ ฏบิ ัตติ ามมาตรฐานการตดิ ตั้งทางไฟฟ้า วิธีปอ้ งกนั อนั ตรายจากไฟฟา้ วธิ ปี ้องกันอนั ตรายจากไฟฟา้ สำหรับผู้ประกอบการหรอื โรงงานอุตสาหกรรม การจดั ให้มีข้อบงั คบั ใน การปฏบิ ัติงานเก่ยี วกบั ไฟฟา้ เป็นสิง่ หน่ึงทีส่ ำคัญ โดยนายจ้างเปน็ ผู้ทต่ี อ้ งปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายเพ่ือให้ลกู จา้ งมี ความปลอดภยั นายจ้างต้องจัดให้มขี ้อบังคบั เกี่ยวกับการปฏิบตั งิ านด้านความปลอดภัย อาชวี อนามัยและ สภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกบั ไฟฟ้า โดยใหม้ มี าตรฐานไม่ตำ่ กว่าทก่ี ำหนดไว้ในกฎกระทรวง กำหนด มาตรฐานในการบริหารจัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการ ทำงานเกยี่ วกับไฟฟ้า พ.ศ. 2558 สำหรับแนวทางการป้องกนั อันตรายจากไฟฟ้ามดี งั น้ี 1. การป้องกันการสมั ผสั โดยตรง การปอ้ งกนั สามารถทำไดห้ ลายวธิ ีดงั นี้ - ตดิ ต้ังเคร่ืองปลดวงจรไฟฟ้าอัตโนมตั เิ มื่อไฟฟ้ารว่ั เบรกเกอร์จะไม่สามารถตัดวงจรได้เนอ่ื งจากไฟฟ้า ดูดได้ สำหรับไฟบ้าน 220 โวลต์ กระแสจะผ่านรา่ งกายประมาณ 0.22 แอมแปร์ หรอื 200 มลิ ลิแอมแปร์ ดงั น้นั จึงตอ้ งมอี ปุ กรณ์ตัดไฟฟ้ารัว่ อัตโนมตั ิมารว่ มทำงานดว้ ยโดยใชอ้ ุปกรณป์ ระเภท RCD (Residual Current Devices) ทำหน้าทีต่ ดั กระแสไฟฟา้ รัว่ ได้ ซง่ึ จะตัดวงจรเม่ือมีกระแสไฟฟา้ รวั่ เกนิ มาตรฐานที่กำหนด - ใช้การหุม้ ฉนวนสว่ นทีม่ ีไฟ (Insulation of Live Parts) เชน่ สายไฟ หรอื ส่วนท่ีมีโอกาสสมั ผสั สว่ น ทองแดงหรือโลหะท่ีมีไฟฟา้ ได้ - ป้องกนั โดยวิธีใชส้ ง่ิ กน้ั หรอื อยภู่ ายในตู้ (Barrier or Enclosures) จะต้องทำการล็อกไมใ่ หเ้ ขา้ ถงึ ได้ งา่ ย - ปอ้ งกันโดยใช้ร้วั หรอื สงิ่ กดี ขวาง (Fence or Obstacles) ทำการปดิ กัน้ ไม่ให้ผ่านเข้าถึงได้ - ติดตง้ั อยใู่ นระยะทีเ่ อ้ือมไมถ่ ึง (Placing Out or Reach) เช่นนำสายไฟฟ้า ไว้สูงจากพืน้ ดิน หรือหา่ ง
จากอาคารในระยะทเ่ี อ้ือมไม่ถงึ - ใชอ้ ปุ กรณ์คุ้มครองความปลอดภยั สว่ นบุคคล (Personnel Protective Equipment) ให้ ผู้ปฏบิ ัตงิ าน สวมใสอ่ ปุ กรณป์ ้องกนั อนั ตรายส่วนบคุ คล เชน่ ถงุ มอื ยางพร้อมถงุ มือหนัง รองเท้านิรภยั หมวก นิรภัย 2. การป้องกนั การสมั ผสั โดยออ้ ม การป้องกันสามารถทำไดห้ ลายวธิ ีดังน้ี - บริภณั ฑไ์ ฟฟา้ ให้ทำการต่อสายดนิ และต้องมีเคร่อื งปลดวงจรไฟฟา้ อัตโนมัติ การตอ่ สายดินอย่างเดยี วโดยไมต่ ดิ ต้ังเครอื่ งปลดวงจรไฟฟ้ารว่ั อัตโนมตั ิ กรณีถา้ มีกระแสไฟฟา้ รว่ั ไหล จะรว่ั ไหลลงดิน เมอ่ื เราสัมผัสบริภัณฑท์ ม่ี ีไฟฟ้ารัว่ ก็จะไม่ไหลผ่านรา่ งกายเรา ซ่งึ ถือวา่ มีความปลอดภัย แต่ กระแสไฟจะรัว่ ไหลลงดนิ ไปเรื่อย ๆ ทำให้เกดิ การสญู เสียพลงั งานไฟฟา้ ได้ ดงั นั้นถ้าตดิ ตั้งค่กู ับเครอ่ื งปลด วงจรไฟฟ้าอัตโนมตั ิ จะทำใหต้ ัดออกจากระบบไฟฟา้ ทนั ทเี ม่ือกระแสรัว่ ไหลเกินกว่าค่าท่ีกำหนดไว้ โดย มาตรฐานประเทศไทยอยู่ท่ี 30 มลิ ลแิ อมป์ - ใชเ้ คร่อื งใชไ้ ฟฟ้าประเภทฉนวน 2 ช้ัน (Double Insulation) เครอ่ื งใช้ประเภท 2 จะไม่มีสายดนิ แต่ จะมกี ารออกแบบพิเศษให้มีความหนาของฉนวนมากกวา่ ปกตหิ รอื มีฉนวนหนา 2 ชน้ั โดยต้องมีเคร่ืองหมาย Double Insulation แสดงที่ผลิตภณั ฑ์ -ใช้แผน่ ฉนวนไฟฟ้าปูพน้ื เวลาปฏบิ ตั ิงานเก่ยี วกับไฟฟ้า ถ้าต้องปฏิบตั งิ านในพนื้ ท่ีมีแรงดันไฟฟ้ามากกว่า 50 โวลต์ - ป้องกันโดยการใช้สิ่งของปิดก้นั ส่วนทเี่ ปน็ โลหะของอุปกรณ์ บรภิ ัณฑไ์ ฟฟ้า - ใช้แยกระบบไฟฟ้าออกจากกัน (Isolation) หรือ ระบบที่ไม่ตอ่ ลงดิน โดยแยกระบบออกจากกันโดยไม่มีส่วน ตอ่ เน่อื งทางไฟฟา้ ร่วมกัน - โดยใช้เครื่องใช้ที่ใช้แรงดันไฟฟ้าต่ำที่ไม่เกิน 50 โวลต์ เช่น สว่านไร้สาย ระบบส่องสว่างที่ใช้แรงดันจาก แบตเตอรี่ - ใช้วธิ ีจำกดั ขนาดกระแสท่ีไหลผา่ นรา่ งกาย ให้อยู่ในระดับท่ีไม่เป็นอันตรายต่อบุคคล เช่น ระบบป้องกันไฟดูด ในเครื่องเช่อื มไฟฟา้ - ถ้าร่างกายเปียกชื้นไม่ควรแตะต้องหรือสัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สวิตช์ไฟฟ้า ที่เป่าผม หรือส่วนที่เป็นโลหะ ของบริภณั ฑไ์ ฟฟ้า
3. ระยะปลอดภยั ในการปฏิบตั งิ านเกี่ยวกับไฟฟา้ - ระยะห่างต่ำสุดตามแนวนอน ระหว่างสายไฟฟ้ากับสิ่งก่อสร้าง เมื่อสายไฟฟ้าไม่ได้ยึดติดกับ สิ่งก่อสร้าง (อ้างอิงจากมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย พ.ศ. 2556 วิศวกรรมสถานแห่ง ประเทศไทยฯ) - ระยะห่างระหว่างสายกับผู้ปฏิบัติงาน/เครื่องมือกล มาตรฐานระยะห่างที่ปลอดภัยของการทำงาน ใกล้สายไฟฟ้าแรงสูงสำหรับบุคคลหรือผู้ที่ปฏิบัติงานรวมถึงอุปกรณ์หรือเครื่องมือกลทุกชนิด เช่น ปั่นจั่นรถ เครน หรือวัตถุที่ถืออยู่ในมือ จะต้องอยู่ห่างจากส่วนที่มีไฟฟ้าแรงสูงไม่น้อยกว่าระยะดังต่อไปนี้ (อ้างอิงจาก การไฟฟ้านครหลวง)
- ระยะหา่ งท่ปี ลอดภัยของการทำงานใกลส้ ายไฟฟา้ หรืออปุ กรณไ์ ฟฟ้าที่ไม่มีฉนวนหุ้มทง้ั ในแนวดง่ิ และ แนวระดบั สำหรบั น่ังร้าน (อ้างองิ จากประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภยั ในการทำงานกอ่ สร้างวา่ ดว้ ยนงั่ ร้าน) การปอ้ งกันอุบัติภัยจากกระแส ไฟฟ้า การตอ่ ลงดนิ Ground เป็นการต่อตัวนำระหว่างวงจรไฟฟ้ากับดิน เพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่วโดยมรสาเหตุมาจากการ ชำรุด หรือการเอมสภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้าซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ เพื่อเป็นการป้องกันอัตรายแก่ผู้ที่ใช้อาจจะเข้าไปสัมผัสและถูกกระแไฟฟ้าดูดโดยกระแสไฟฟ้าที่รั่วไหลลงดิน แทนการไหลผ่านรา่ งกายของผู้ที่เข้าไปส้มผสั งการตอ่ ลงดนิ จะมอี ยู่ 2 รูปแบบ คอื การตอ่ ลงดินท่ีระบบสายส่ง ไฟฟา้ และการต่อลงดนิ ทตี่ ัวอุปกรณ์ 1. การต่อลงดนิ ที่ระบบสายส่งไฟฟ้า การต่อลงดินท่ีระบบสายส่งไฟฟา้ เป็นวธิ กี ารทำตอ่ สายนิวทรัล ที่ระบบ สายส่งไฟฟ้าลงดินโดยผ่นหลักสายดิน การต่อลงดินนี้สามารถทำได้ทั้งไฟฟ้าระบบ 1 เฟส และไฟฟ้าระบบ 3 เฟส วิธีการต่อลงดินท่ีระบบสายส่งไฟฟ้า จะเป็นการต่อสายนิวทรัลลงดิน โดยการปฏิบัติจะต้องต่อสาย นิวทรัลลโดยใชห้ ลกั สายดินเป็นตัวนำผ่านลงดินหลักสายดินที่ใชจ้ ะเป็นแท่งตวั นำทีฝ่ ังลงไปในดิน โดยหลักสาย เดินจะเป็นแท่งเหล็กชุดสังกะสียาว 8 ฟุต และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง3/4 นิ้ว หรือแท่งอองแดงยาว 8 ฟุตละมี เส้นผ่าศูนยก์ ลาง 1/2น้ิว ตอกลงไปในดินลึกจากผวิ หนา้ ดนิ อยา่ งน้อย 1 ฟตุ 3.2 การต่อลงดินท่ีตัวอุปกรณ์ เปน็ การตอ่ สว่ นท่ีเปน็ โลหะทไ่ี มม่ กี ระแสไหลผา่ นของสถานประกอบการให้ถงึ กันตลอดแลว้ ตอ่ ลงดิน จุดประสงคข์ องการต่อลงดนิ ของอปุ กรณ์ไฟฟ้า - เพ่อื ให้ส่วนโลหะท่ีต่อถึงกนั ตลอดมศี ักย์ไฟฟ้าเปน็ ศนู ย์ ป้องกนั ไฟดูด - เพ่อื ให้อุปกรณป์ อ้ งกนั กระแสเกินทำงานได้เรว็ ขึ้น เมื่อมีกระแสร่วั ไหลลงโครงโลหะ
- เปน็ ทางผ่านใหก้ ารแสร่ัวไหลลงดิน อปุ กรณ์ไฟฟา้ ทต่ี ้องต่อลงดนิ 1. เคร่ืองห่อหุ้มที่เปน็ โลหะของสายไฟฟ้า แผงเมนสวติ ซ์ โดครงและรางป้นั ดจ่ันทใ่ี ชไ้ ฟฟา้ โดครงของ ตู้ลิฟต์ ลวดสลงิ ยกของทใ่ี ชไ้ ฟฟา้ 2. สง่ั กั้นทเี่ ป็นโลห รวมทงั้ เคร่ืองห่อหุ้มของอปุ กรณ์ไฟฟา้ ในระบบแรงสงู 3. อปุ กรณ์ไฟฟ้าท่ยี ึดติดอยู่กับท่ีและที่ตอ่ อยูก่ ะบสายไฟฟ้าท่เี ดนิ อยา่ งถาวร ส่วนที่เปน็ โลหะเปดิ โงซง่ึ ปกติไมม่ ีไฟฟา้ แต่อาจมีไฟร่ัวได้ ต้องตอ่ ลงดนิ ถา้ อยู่ในสภาพตาม ขอ้ ใดข้อหนึ่งดงั น้ี - อยู่หา่ งจากพื้นท่ีหรอื โลหะที่ต่อลงดนิ ไม่เกนิ 8 ฟุตในแนวตั้ง หรือ 5 ฟุตในแนวนอนและบุคคลอาจ สัมผัสได้ (ถา้ มีวิธปี ้องกนั ไมใ่ ห้ บุคคลสัมผัสได้ก็ไม่ต้องต่อลงดิน) - สมั ผสั ทางไฟฟา้ กบั โลหะอื่น ๆ และบคุ คลอาจสัมผัสได้ - อยู่ในสภาพเป๊ียกชน้ื และไมไ่ ดม้ กี ารแยกให้อยตู่ ่างหาก 4. อุปกรณไ์ ฟฟา้ สำหรบั ยดึ ติดอย่กู ับท่งี ต่อไปนี้ ต้องต่อส่วนทเี่ ป็นโลหะเปดิ โล่งและปกติไมม่ ีกระแสรวั่ ลงดิน -โครงของแผงสวติ ซ์ -โครงของมอเตอรช์ นิดยดึ ติดกับท่ี - กลอ่ งเครื่องควบคุมมอเตอร์ ถา้ เป็นสวิตซธ์ รรมดาและมีฉนวนรองทีฝ่ าด้านในก็ไม่ตอ้ งต่อลงดิน - อปุ กรณ์ไฟฟา้ ของลิฟต์และปนั้ จน่ั - ปา้ นโฆษณา เคร่ืองฉายภาพยนต์ เครอ่ื งสบู 5. อุปกรณ์ไฟฟ้าท่ใี ช้เต้าเสียบ ส่วนทีเ่ ปน็ โลหะเปดิ โล่งของอปุ กรณไ์ ฟฟ้าตอ้ งตอ่ ลงดินเม่อื มีสภาพตามข้อใด ข้อหน่ึงดังน้ี - แรงดนั เทยี บกับดินเกิน 150 โวลท์ ยกเว้นมกี ารปอ้ งกนั อย่างอนื่ หรอื มฉี ฯซฯอย่างดี - อุปกรณ์ไฟฟา้ ทั้งท่ใี ช้ในท่ีอยู่อาศยั และที่อ่นื ๆ เช่น - ตู้เยน็ ต้แู ช่แขง็ เครอื่ งปรับอากาศ - เคร่อื งซกั ผ้า เคร่ืองอบผ้า เครอ่ื งล้างจาน เคร่ืองสบู นำ้ ท้ิง - เครื่องประมวลผงข้อมูล เครื่องใช้ไฟฟ้าในตเู้ ล้ียงปลา - เครอ่ื งทีท่ ำดว้ ยมอเตอร์ เชน่ ว่านไฟฟ้า - เครอ่ื งตัดหญา้ เครื่องขดั ถู
การใช้ฉนวนป้องกันการสัมผสั (Insulation) ฉนวน (Insulation) คอื อะไร? ฉนวนคือ สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่นำมาปกคลุม, หุ้มหรือครอบสิ่งที่เราต้องการจะป้องกัน เพื่อไม่ให้สิ่งที่อยู่ ภายในมีผลกระทบกับสภาพแวดล้อมภายนอก หรือในทางกลับกันคือป้องกันไม่ให้ปัจจัยภายนอกมามี ผลกระทบกับสิ่งที่อยู่ภายใต้ฉนวน โดยมีข้อดีหลักๆคือป้องกันการสูญเสียความร้อน, ความเย็นของอุปกรณ์ท่ี หุ้มฉนวนหรอื ช่วยป้องกนั ไม่ใหค้ นทีท่ ำงานใกล้เคยี งเผลอไปสมั ผัสและได้รับอันตรายได้ครบั แตฉ่ นวนเองกม็ ขี ้อเสียที่สำคัญมากข้อหนึง่ เลยกค็ ือ การหุ้มฉนวนอาจเป็นสว่ นทีเ่ รง่ ใหเ้ กดิ ความ เสียหายกบั อุปกรณ์ของเราได้หรอื ทำใหเ้ ราไม่สามารถตรวจสอบความเสียหายได้ทันทหี ากไม่ทำการร้ือฉนวน ออก ความเสียหายในลักษณะนจี้ ะเรยี กว่า CUI (Corrosion Under Insulation) ซง่ึ ถา้ มีโอกาสจะขอมา อธบิ ายเรือ่ งน้ีกันอย่างลงลึกอีกเชน่ กันครบั ประเภทของฉนวนมีก่ีประเภท ? หากเราจะจำแนกประเภทของฉนวนตามจดุ ประสงค์ของการใช้งานจะสามารถแบง่ ออกได้ดว้ ยกัน ทัง้ หมด 4 ประเภทดงั น้ีครบั 1.ฉนวนเพ่อื รักษาอณุ หภมู ิ หรือทเ่ี รียกในภาษาองั กฤษวา่ “Thermal insulation” ซึง่ ฉนวนชนดิ นี้ จะเป็นฉนวนท่ีเราสามารถพบเห็นได้มากที่สดุ และฉนวนเกือบร้อยละ 90% จะเป็นฉนวนชนิดน้ีครบั โดยหน้าท่ี ของฉนวนชนิดนีค้ ือรักษาอุณหภูมิของสารในอุปกรณ์ท่เี ราห้มุ ฉนวนนัน้ ให้มคี วามร้อนหรือเย็นสม่ำเสมอหรือ สูญเสยี อุณหภมู ไิ ปกบั สภาพอากาศภายนอกให้น้อยทส่ี ุดครบั จะสามารถแบ่งออกไดเ้ ปน็ อีก 2 ประเภทย่อยก็ คือ Hot insulation และ Cold insulation ครับผม 2.ฉนวนเพ่ือป้องกนั อนั ตรายของคน หรอื ทีเ่ รยี กวา่ “Personal protective insulation” โดยฉนวน ชนิดนีท้ ำหน้าทเ่ี ดียวก็คือป้องกนั อันตรายที่จะเกิดขึ้นหากคนเผลอหรือบงั เอิญไปสัมผสั กับพนื้ ผวิ ท่ีร้อนหรือเย็น
เกินไปและจะก่อให้เกิดอันตรายได้นั่นเองครับ ซึ่งอุปกรณ์ที่จะเลือกใช้ฉนวนชนิดนี้ก็คืออุปกรณ์ที่ไม่ต้องการ รักษาอุณหภูมิ และไม่มีความจำเป็นที่จะตอ้ งหุ้มฉนวนตลอดทั้งแนวของท่อหรืออปุ กรณ์แต่หุ้มเฉพาะตำแหน่ง ทค่ี นสามารถเขา้ ถงึ และสมั ผสั ไดก้ ็เพยี งพอครับ 3.ฉนวนเพื่อป้องกันเสียง หรือที่เรียกว่า “Acoustic insulation” ฉนวนน้ีชนิดนี้จะพบมากในห้อง ซ้อมดนตรี, โรงภาพยนตร์หรือบ้านพักอาศัยทั่วไปที่ต้องการให้มีการเก็บเสียงนั่นเองครับ แต่หากในโรงงาน อุตสาหกรรมก็จะพบไดใ้ นอุปกรณ์ทม่ี เี สยี งดงั เช่น Compressor หรือ Pump ตา่ งๆครบั 4.ฉนวนเพื่อป้องกันไฟหรือ “Fire protection insulation” ฉนวนนี้ทำหน้าที่ป้องกันอุปกรณ์ใน กรณีที่เกิดไฟไหม้ โดยมีหน้าที่ป้องกันความร้อนที่เกิดขึ้นจากไฟไหม้ไม่ให้ส่งผลกระทบกับอุปกรณ์เป็น ระยะเวลาหนึ่งตามมาตรฐานสากลต่างๆเช่น NFPA ครับ ฉนวนชนิดนี้จะพบเห็นได้ตาม Tank farm ต่างๆท่ี ตอ้ งมีมาตรฐานในกรณีท่ีเกดิ เหตุเพลิงไหม้กบั อปุ กรณ์ครบั การใชส้ วิตชต์ ัดวงจรอตั โนมัติ (Earth leakage circuitbreaker) อปุ กรณ์ไฟฟา้ ชนิดน้ี เป็นอุปกรณ์ทสี่ ามารถตดั วงจรไฟฟ้าทนั ทที มี่ ีกระแสไฟฟ้าร่ัวไหลออกจากวงจร การทำงานอปุ กรณช์ นดิ นคี้ ือ ปกติในวงจรไฟฟ้าจะมีกระแสไฟฟา้ ไหลในสายไฟทง้ั 2 สายเทา่ กนั แต่เม่ือเกดิ มี กระแสไฟฟา้ รัว่ ไหลลงดิน โดยผา่ นร่างกายหรือผ่านตัวนำอื่น ๆ กต็ าม กระแสไฟฟ้าท่ีไหลในสายทง้ั สองจะไม่ เทา่ กนั เมื่อเกดิ ภาวะดงั กลา่ ว อุปกรณต์ รวจสอบการรั่วของกระแสไฟฟา้ จะส่งสญั ญาณไปยังสวิตชอ์ ัตโนมตั ิ ซึง่ ทำหนา้ ท่ีตดั วงจรทันทีก่อนท่ีจะมีผู้ไดร้ บั อันตรายจากกระแสไฟฟา้ นบั ว่าเพิ่มความปลอดภัยใหแ้ กผ่ ใู้ ชง้ านมาก ย่งิ ขน้ึ อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ดังกลา่ วยงั มรี าคาแพงอยู่มาก
การเดนิ สายไฟฟา้ และตดิ ตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า ผู้ขอใช้ไฟฟ้าจะต้องพิจารณาเลือกใช้ชนิดและขนาดของสายไฟฟ้าใหถ้ กู ตอ้ งตามมาตรฐานและ ข้อกำหนดของการไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟา้ สว่ นภมู ิภาคทั้งนข้ี ึน้ อยู่กับวา่ บา้ นเรอื นต้งั อยู่บรเิ วณใด โดยมี ชา่ งผมู้ ีความรู้ ความชำนาญ รวมทัง้ เลือกใชอ้ ุปกรณไ์ ฟฟา้ ท่มี ีคณุ ภาพ เพ่ือใหเ้ กดิ ความปลอดภยั ต่อชีวิตและ ทรัพย์สนิ ของผู้ใช้เอง อปุ กรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะนำไปติดตั้งใช้งาน เช่น สายไฟฟ้า สวิตช์ตัดตอน คาร์ทริดจ์ฟิวส์ สวิตช์ตัดตอน อัตโนมัติหลอดไฟฟ้า หลอดฟลูออเรสเซนต์ บัลลาสต์ สตาร์เตอร์ ควรเลือกใช้แต่ชนิดที่มีคุณภาพดีและมี เคร่อื งหมายมาตรฐานหรือ ม.อ.ก. แสดงไว้จากกระทรวงอุตสาหกรรมเท่านั้นหากอปุ กรณใ์ ดเปน็ ผลิตภัณฑ์ที่ยัง มิได้มีผู้ได้รับใบอนุญาตให้แสดงเครื่องหมายมาตรฐานจากกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ให้เลือกใช้อุปกรณ์ ที่มี คณุ ภาพเช่ือถอื ได้ ขอ้ กำหนดต่างๆนอกเหนือจากที่ไดก้ ล่าวมาแลว้ ข้างตน้ โปรดสอบถามและขอคำแนะนำได้ท่ี สำนกั งานการไฟฟา้ ในพ้นื ทนี่ ้ัน การปฐมพยาบาลผทู้ ่ีได้รบั อนั ตรายจากไฟฟ้า การช่วยเหลือให้พน้ จากกระแสไฟฟา้ ใหเ้ ลือกใช้วธิ ใี ดวิธีหนง่ึ ดงั น้ี 1. ตดั กระแสไฟฟา้ โดยปลดสวิตช์หรือคัทเอาท์ หรอื เตา้ เสยี บออก 2. หากตดั กระแสไฟฟ้าไม่ได้ ใหใ้ ชไ้ มแ้ หง้ หรือวัสดทุ ่เี ปน็ ฉนวนไฟฟ้าเขยี่ สิ่งที่มีกระแสไฟฟ้าออกไปให้ พน้ 3. ใหใ้ ชผ้ ้าหรอื เชอื กเเหง้ คล้องแขน ขา หรือลำตวั ผถู้ กู ไฟฟ้าดดู ชกั ลากออกไปให้พน้ สงิ่ ท่ีมกระแส ไฟฟ้า หากผถู้ ูกไฟดูดสลบหมดสติให้ทำการปฐมพยาบาลให้ฟื้นตอ่ ไป การชว่ ยเหลือดว้ ยวธิ ีปฐมพยาบาล 1. หากหวั ใจหยุดเตน้ (ตรวจโดยเอาหูฟังทหี่ นา้ อกหรือจับชีพจร) ใหใ้ ช้วิธี \"นวดหัวใจภายนอก \" โดย เอามือกดตรงที่ต้ังหัวใจให้ยบุ ลงไป 3 - 4 เซนติเมตร เป็นจังหวะ ๆ เทา่ จังหวะการเต้นของหวั ใจ(ผูใ้ หญ่วนิ าที ละ1 ครั้ง เด็กเลก็ วินาทีละ 2 ครั้ง) นวด 10 - 15 ครั้ง เอาหูแนบฟังครัง้ หนง่ึ 2. หากไม่หายใจ (ตรวจโดยดูการขยายของซี่โครงและหน้าอก) ให้ใช้วิธีเป่าลมเข้าทางปากหรือทาง จมูกของผู้ป่วยดังนี้คือการเป่าปาก จับผู้ป่วยนอนหงาย ใช้หัวแม่มือง้างปลายคางผู้ป่วยให้ปากอ้าออก หากมี เศษอาหารหรือวัสดุใดๆ ให้ล้วงออกให้หมด แล้วจับศีรษะให้เงยหน้ามาก ๆ ผู้ช่วยเหลืออ้าปากแล้วประกบกบั ปากผู้ป่วยให้สนิท และเป่าลมเข้าไปอย่างแรงจนปอดผู้ป่วยขยายออก (ซี่โครงและหน้าอกพองขึ้น) แล้วปล่อย ใหล้ มหายใจของผปู้ ่วยออกเอง แลว้ เปา่ อกี ทำเช่นนีเ้ ป็นจงั หวะ ๆ เท่ากบั จังหวะหายใจปกติ (ผู้ใหญน่ าทีละ 12 - 15 ครั้ง เด็กเล็กนาทีละ 20 - 30 ครั้ง) ถ้าเป่าปากไม่ได้ให้ปิดปากผู้ป่วยแล้วเป่าเข้าทางจมูกแทน ถ้าผู้ป่วย หัวใจหยุดเต้นและไม่หายใจด้วย ให้นวดหวั ใจสลบั กบั การเป่าปาก ถา้ มผี ู้ชว่ ยเหลือเพยี งคนเดียวก็ให้เป่าปาก 2 ครง้ั สลับกบั การนวดหวั ใจ 15 คร้งั หรอื ถา้ มผี ู้ช่วยเหลือสองคน ก็ให้นวดหวั ใจสลบั กบั การเป่าปากเป็นทำนอง
เดียวกัน โดยเป่าปาก 1 ครั้ง นวดหัวใจ 5 ครั้ง การปฐมพยาบาลนี้ ต้องรีบทำทันที หากช้าเกินกว่า4 - 6 นาที โอกาสที่จะฟืน้ มีน้อย ขณะพาส่งแพทย์ก็ควรทำการปฐมพยาบาลไปดว้ ยตลอดเวลา สรุปสาระสำคญั 1. ไฟฟ้าจะทำอันตรายต่อร่างกายและชีวิตองมนุษย์ได้ต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์ คือ กระแสไฟฟ้าใช้ รา่ งกายเปน็ ทางผา่ นลงดนิ รา่ งกายต่อเปน็ ส่วนหนึง่ ของวงจรไฟฟ้าโดยไม่ผ่านลงดิน และเกดิ จากความรอ้ นและ แสงสว่างที่เกิดจากกระแสฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งความรุนแรงของอุบัติภัยเกิดจากปริมาณกระแสไฟฟ้าระยะเวลา ความต้านทานของร่างกาย แรงดันไฟฟา้ และเส้นทางทก่ี ระแสไฟฟ้าไหลผา่ นอวยั วะภายในรา่ งกาย 2. การปอ้ งกันอุบัตภิ ัยจากไฟฟ้า พอจำแนกวธิ ีปอ้ งกันหลัก ๆ ไดค้ อื การต่อลงดิน การใช้ฉนวนป้องกัน การสัมผสั และการใช้เครื่องตัดไฟรั่ว 3. การปฏบิ ัตเิ พอ่ื ให้เกิดความปลอดภยั ขณะปฏิบตั งิ านเกย่ี วกับไฟฟา้ เช่น คำนงึ ถงึ ความปลอดภัยเป็น ลำดับแรก ช่างติดตั้งต้องเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์ ทำงานร่วมกันอย่างน้อย 2 คน ตัดไฟฟ้าออกก่อน ปฏบิ ัติงาน และติดตัง้ ไฟฟา้ ตามมาตรฐานการติดต้งั ทางไฟฟา้ เปน็ ต้น 4. การปฏบิ ตั เิ พื่อใหเ้ กดิ ความปลอดภยั ในชวี ิตและทรพั ย์สนิ เช่น ใชเ้ ตา้ รบั และเต้าเสียบชนิดมีขั้วสาย ดิน ใชอ้ ปุ กรณท์ ี่มีคณุ ภาพแผน่ การรบั รองตามมาตรฐาน ไมป่ ฏบิ ัตงิ านไฟฟา้ โดยไม่มคี วามรู้ อย่าใชส้ ายไฟเสียบ เตา้ รบั โดยไมม่ ีเต้าเสยี บ เปน็ ต้น 5. ระบบการจ่ายกำลังฟฟ้าแรงดันต่ำ หมายถึง ระบบไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าระหว่างเฟส(Phase) ไม่ เกิน 1,000 โวลต์ โดยทั่วไปมี 2 ระบบ คือ(1) ระบบไฟฟ้า 1 เฟส มี 2 ระบบ คือ ระบบไฟฟ้า 1 เฟส 2 สาย และระบบไฟฟ้า 1 เฟส 3สาย(2) ระบบฟฟา้ 3 เฟส มี 2 ระบบ คือ ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 3 สายและระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4สาย
หน่วย ที่ 2 สายไฟฟ้าและการใชง้ าน มาตรฐานทเี่ กยี่ วข้องกับไฟฟา้ ปกตมิ าตรฐานในการทำงานเกย่ี วกบั ไฟฟ้า น้ันมีอย่หู ลากหลายมาตรฐาน แตพ่ อจะแบ่งออกไดเ้ ปน็ 2 อยา่ งคือ 1) มาตรฐานอุปกรณ์ไฟฟา้ 2) มาตรฐานการติดตั้งระบบและอปุ กรณ์ไฟฟ้า ซง่ึ แตล่ ะมาตรฐานยงั แบง่ ออกไดอ้ ีก 3 อย่าง คือ - มาตรฐานสากล - มาตรฐานประจำชาติ - มาตรฐานของแตล่ ะหนว่ ยงาน 1) มาตรฐานสากล เชน่ ISO, IEC , EN - ISO (International Organization for Standardization) : เป็นมาตรฐานทั่วไปทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (ยกเว้นทางด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์) เช่น ISO9000, 9001, 9002 (เกี่ยวกับการควบคุม คุณภาพของผลิตภัณฑส์ นิ คา้ ), ISO14000 (เก่ยี วกบั การรกั ษาส่ิงแวดล้อม) - IEC (International Electrotechnical Commission) : เป็นองค์กรระหว่างประเทศทรี่ ่างมาตรฐาน ทางด้านไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ มสี ำนกั งานใหญท่ ก่ี รงุ เจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และ โดยขณะนี้ IEC มี ประเทศสมาชกิ เกือบทกุ ประเทศในโลกแล้ว ซง่ึ รวมถึงไทยด้วย - EN (European Standard) : ในหลายประเทศในทวีปยุโรปได้รวมตัวกันจัดตั้งคณะกรรมการที่มี หน้าที่กำหนดมาตรฐานทางไฟฟ้าซึ่งเรียกว่า CENELEC (European Committee for Electrotechnical Standardization) โดย CENELEC ได้จัดทำมาตรฐานทางไฟฟ้าของยุโรป คือ EN (European Standard) ซ่ึง มาตรฐาน EN นี้เป็นมาตรฐานบังคับ กล่าวคือ ถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่ได้ตามมาตรฐานนี้ จะนำเข้ามาขายในกลุ่ม ประเทศสมาชกิ ไม่ได้ ข้อดีของการมีมาตรฐานร่วมกันคือ จะทำให้การออกแบบ การผลิต การใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าและ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ไปในทิศทางเดียวกนั ซ่งึ จะช่วยอำนวยความสะดวกในทางการค้า และขจดั การกดี กันทางการค้า ที่มาในรูปแบบของข้อกำหนดมาตรฐานต่างๆ และนอกจากนี้ยังต้องการให้ทุกประเทศในกลุ่มมีมาตรฐาน เดียวกัน ( สำหรับประเทศไทย หนว่ ยงาน สมอ (TISI ) เข้าร่วมเป็นสมาชิกประเภท Full member กบั IEC เมื่อปี พ.ศ 2534 )
2) มาตรฐานประจำชาติ - ประเทศอตุ สหกรรมทสี่ ำคญั ในโลก ตา่ งมมี าตรฐานของตนเองมานานแลว้ โดยมาตรฐานประจำชาติ ของแต่ละประเทศต่างร่างขนึ้ ใช้ภายในประเทศของตนเอง เพอื่ ให้ตรงวธิ ีปฎิบตั ิของตนเอง นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่ กับสภาพภูมอิ ากาศและสภาพแวดลอ้ มของประเทศนัน้ ๆ ดว้ ย มาตรฐานประจำชาตทิ ี่สำคัญ ไดแ้ ก่ - ANSI (American National Standard Institute) ของประเทศสหรฐั อเมริกา - NEC (National Electrical Code) ของประเทศสหรัฐอเมรกิ า - BS (British Standard) ของประเทศอังกฤษ - DIN (German Industrial Standard) ของประเทศเยอรมันนี - VDE (Verband Deutscher Elektrotechniker) ของประเทศเยอรมันนี - JIS (Japan Industrial Standard) ของประเทศญ่ีปนุ่ - TIS หรอื มอก. (มาตรฐานผลติ ภณั ฑุอตุ สหกรรม) ของประเทศไทย - EIT หรอื วสท. (มาตรฐานการตดิ ตั้งทางไฟฟา้ ) ของประเทศไทย 3) มาตรฐานของแต่ละหน่วยงาน - ซงึ่ ก็เปน็ การนำเอามาตรฐานสากลหรือมาตรฐานประจำชาติตา่ งๆ เอามาประยุกต์ใชใ้ ห้เหมาะสมกบั แตล่ ะหน่วยงานน้นั ๆ สายไฟ คือ วสั ดหุ ลกั ในการนาพาหลงั งานไฟฟ้า เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า ยานพาหนะ ไปจนถึงเครื่องมือเครื่องใชใ้ นภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ สายไฟจึง เป็นปัจจยั สาคญั ในการขบั เคลือ่ นโลกอตุ สาหกรรมในโลกใบน้ี การกำหนดสีของสายไฟฟ้าห้มุ ฉนวน แรงดันต่ำ มาตรฐาน มอก. ที่มวี งกลม กับ ไม่มวี งกลม แตกต่างกันอย่างไร? เครอื่ งหมายมาตรฐานทั่วไป (จะไม่มีวงกลม) เป็นเครอื่ งหมายรบั รองคุณภาพผลติ ภัณฑ์ที่ สมอ. กำหนดมาตรฐาน ของผลิตภัณฑน์ น้ั ไว้แลว้ ซ่งึ ผู้ผลิตสามารถยืน่ ขอการรบั รองคุณภาพโดยสมคั รใจ (มาตรฐานท่ัวไป) เพ่ือการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ใหเ้ ป็นไปตามเกณฑ์กำหนดในมาตรฐานและหลกั ประกันให้กบั ผู้บริโภคหรือผซู้ ื้อว่าผลติ ภัณฑ์น้นั มีคุณภาพ มี ความปลอดภัยคุ้มคา่ และเหมาะสมกับราคา เช่น ผลิตภัณฑอ์ าหารวัสดุก่อสรา้ ง วสั ดสุ ำนกั งาน เครื่องใชไ้ ฟฟา้ เป็นตน้
เครื่องหมายมาตรฐานบังคบั (จะมีวงกลม) เป็นเครื่องหมายรับรองผลิตภัณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องเป็นไป ตามมาตรฐาน (มาตรฐานบังคับ) ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ บริโภคและป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดต่อเศรษฐกิจและ สังคม โดย ส่วนรวม โดยกฎหมายบังคับผู้ผลิต ผู้นำเข้าและผู้ จำหน่าย จะต้องผลิต นำเข้า และจำหน่ายแต่ผลิตภัณฑ์ท่ี เป็นไป ตามมาตรฐานแล้วเท่านั้น ซึ่งจะต้องมีเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ ติดแสดงไว้ทุกหน่วยเพื่อแสดงว่ า ผลิตภัณฑ์นั้น ได้ผ่านการตรวจสอบรับรองแล้วตามกฎหมาย เช่น ไม้ขีดไฟ สายไฟฟ้า บัลลาสต์ ผงซักฟอก ท่อพีวีซี ผลติ ภณั ฑ์ เหลก็ ถงั ดับเพลงิ ของเล่นเดก็ หมวกกันน๊อค เปน็ ต้น มาตรฐานสายไฟฟา้ เปลี่ยนไป ผรู้ บั เหมารูห้ รอื ยัง ? มาตรฐานสายไฟทเี่ ปลีย่ นไป เปล่ียนเฉพาะ มอก.11 เท่านนั้ สายไฟ มอก. 11 เป็นสายไฟที่มีตัวนำเป็นทองแดง และฉนวนเป็นพีวีซี แรงดันต่ำ (แรงดันตั้งแต่ 450 -750 โวลต์)ดังนั้นสายไฟที่ไม่ได้มีตัวนำเป็นเป็นทองแดง และไม่มีได้มีฉนวนเป็นพีวีซี จะไม่จัดอยู่ใน มอก.11 และก็ ยังคงใช้มาตรฐานตามเดมิ ทำความเข้าใจเก่ยี วกับ มาตรฐานสายไฟ มอก.11-2553 ที่มีผลบังคับใชไ้ ปแลว้ กบั มาตรฐานการติดต้งั ระบบ ไฟฟา้ ของ วสท.2556 การเปลี่ยนมาตรฐานและสีของสายไฟนั้น สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้ เปลี่ยนมาตรฐานเป็น มอก11-2553 ซึ่งต้องการเปลี่ยนสีขนาดแรงดนั และชื่อของของสายให้ตรงกับมาตรฐาน IEC code ซึ่งมีใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก และร่วมถึงประเทศที่อยู่นี้กลุ่ม AEC ด้วย เมื่อมีกฎหมายสีของ ฉนวนสายไฟชนิดตัวนำทองแดงหุ้มฉนวนพีวีซีเปลี่ยน ตาม มอก.11-2553 นั้น แต่ในส่วนของสายไฟประเภท CV ซ่งึ เปน็ ฉนวนประเภท XLPE นน้ั ผผู้ ลติ ได้ทำการเปลยี่ นให้เอง ซึง่ ไมม่ ีกฎหมายบังคับ เพราะเห็นว่าจะทำให้ มีสไี ปในทางเด่ยี วกนั ในเม่ือกฎหมายการผลิตสายไฟมกี ารเปลย่ี น ในส่วนของ วศิ วกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท) ซึ่งเป็น สถาบันอิสระที่ทำมาตรฐานต่างๆ เกี่ยวกับด้านวิศวกรรม ซึ่งรวมถึงมาตรฐานการติดตั้งระบบ ไฟฟ้า สำหรับประเทศไทยด้วย ซึ่งมาตรฐานนี้ไม่ถือเป็นกฎหมายบังคับใช้ แต่หลายๆองค์กร เช่น การไฟฟ้า MEA ,PEA รว่ มทัง้ กรมโยธาธิการและผังเมือง และหนว่ ยงานต่างๆ หรือแมแ้ ต่ใน กฎหมายบ้างมาตราเก่ียวกับ พรบ. ควบคุมอาคาร ก็ได้นำมาตรฐานนี้มาอ้างอิงและบังคับใช้ ดังนั้นเมื่อมาตรฐานสายไฟมีการปรับปรุง ทาง คณะกรรมการ ของ วสท. จึงถือโอกาสน้ีปรบั ปรุงมาตรฐานใหม่ให้มมี าตรฐานตรงกบั มาตรฐานสายไฟใหม่และ ปรับปรุงเกี่ยวกับการหาขนาดกระแสของสายไฟ ร่วมถึงสายที่ใช้ในวงจรช่วยชีวิต และรายละเอียดปลีกย่อย ต่างเพิ่มเติม ร่วมไปในครั้งนี้ด้วย เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยในการติดตั้งและการใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก นั้นจึงเปน็ ทมี่ าของการปรับปรงุ มาตรฐาน วสท. ฉบับปี 2556
ทำไมตอ้ งเปลีย่ นสขี องสายไฟ ? เพือ่ ให้เปน็ ไปในแนวทางเดยี วกนั สรา้ งความเข้าใจทงี่ า่ ยมากข้นึ เมื่อมีโอกาสซอ่ มบำรุงหรือปรับปรุงอาคาร สขี องสายไฟฟา้ ที่เปล่ยี นไป มาตรฐานฉบบั ใหม่กำหนดให้ สายดินเปน็ สีเขยี วแถบเหลือง สายนวิ ทรลั เป็นสฟี า้ สำหรับสายเสน้ ไฟ จะใชส้ นี ำ้ ตาล สีดำ และสเี ทา ตามลำดบั สรุปดงั น้ี ❖ สายแกนเดย่ี ว ไม่กำหนดสี ❖ สาย 2 แกน สีฟ้า และน้ำตาล ❖ สาย 3 แกน สเี ขียวแถบเหลือง ฟา้ น้ำตาล หรอื นำ้ ตาล ดำ เทา ❖ สาย 4 แกน สีเขยี วแถบเหลือง น้ำตาล ดำ เทา หรอื ฟา้ น้ำตาล ดำ เทา ❖ สาย 5 แกน สีเขยี วแถบเหลือง ฟา้ น้ำตาล ดำ เทา 1 เฟส – นำ้ ตาล (L) , ฟ้า ( N), เขยี วแทบเหลอื ง (G) 3 เฟส – น้ำตาล (L_{1}) , ดำ (L_{2}), เทา (L_{3}), ฟา้ ( N), เขยี วแทบเหลือง (G) แรงดนั ไฟฟา้ ในมาตรฐานใหม่เปลย่ี นไป สายไฟฟา้ ตามมาตรฐานใหม่กำหนดแรงดันไฟฟา้ ใช้งานเป็นคา่ U_{0}/U ไวไ้ มเ่ กนิ 450/750 โวลต์ แรงดนั U_{0} หมายถงึ แรงดันไฟฟา้ วัดเทียบกบั ดนิ เป็นค่ารากของกำลงั สองเฉล่ีย ( V_{rms} )และ U หมายถึงแรงดันไฟฟ้าระหว่างตวั นำ เป็นคา่ รากของกำลงั สองเฉล่ยี เชน่ กนั
อุณหภูมิของสายก็มเี ปลี่ยนแปลงสายไฟฟ้าตามมาตรฐานเดมิ กำหนด อุณหภูมิใชง้ านไว้ที่ 70 ํC ค่า เดยี ว แตส่ ายตามมาตรฐานใหมน่ ก้ี ำ หนดอุณหภูมิใชง้ านของสายไว้สองคา่ คือ 70 ํC และ 90 ํC ชนดิ ของฉนวน ยงั คงเป็นพีวซี ี ฉนวนของสายไฟฟ้าตามมาตรฐาน มอก.11-2553 เปน็ พอลิไวนิลคลอไรด์ทงั้ ชนดิ ทม่ี ีอุณหภมู ิใช้งาน 70 ํC และ 90 ํC แต่ในรายละเอยี ดของฉนวนจะต่างกัน ฉนวนแบ่งเป็น 3 ชนิดคอื • PVC/C สำหรบั สายไฟฟา้ ใช้งานตดิ ตัง้ ถาวร • PVC/D สำหรับสายไฟฟ้าอ่อน (flexible cable) • PVC/E สำหรบั สายทนความร้อนท่ีใช้ ภายในอาคาร ขนาดกระแสของสายไฟฟา้ ขนาดกระแสของสายไฟฟ้าตามมาตรฐาน มอก. 11–2553 มาตรฐานสายไฟใหม่ มอก.11-2553 ท่ีประกาศเปน็ มาตรฐานบงั คบั ตามพระราชกฤษฎีกา ท่ีกำหนด ให้มาตรฐานผลติ ภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟา้ หุ้มฉนวนพอลิไวนลิ คลอไรด์ แรงดนั ไฟฟา้ ท่ีกำหนดไม่เกิน 450/750 โวลต์ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มอก.11-2553 (ซงึ่ ของเดมิ เป็น มอก.11-2531) ซงึ่ มีการ เปลีย่ นแปลงพอจะสรปุ ไดด้ งั น้ี 1. มาตรฐาน มอก.11-2553 น้สี ว่ นใหญ่อา้ งอิงมาตรฐานสายไฟมาจาก IEC Standards 60227 การ แบ่งชนดิ ของสายไฟฟา้ จะแบ่งตามมาตรฐาน IEC เปน็ รหัสตัวเลข 2 ตัว แตเ่ นอ่ื งจากป้องกนั ความ สับสน ผูผ้ ลติ จะระบุชื่อเดิมไว้ให้เช่น60227 IEC 01 (THW) 2. สีของฉนวนสายไฟจะกำหนดใหม่โดยเรียงจาก เฟสA, B, C, N, G ดังนี้น้ำตาล ดำ เทา ฟ้า เขียว แถบเหลือง ตามมาตรฐาน IEC จากมาตรฐานเดิมที่เป็น ดำ แดง นํ้าเงิน ขาว(เทา) เขียว การใช้งาน จะต้องเพิม่ ความระมดั ระวังโดยเฉพาะโครงการท่ีมีระยะเวลายาว หรืองานต่อเติมซ่อมแซมท่จี ำ เปน็ ต้องใช้สาย ท้งั 2มาตรฐานในงานเดยี วกันเชน่ สายVAFที่เดิมใช้สีเทาเปน็ สายนิวทรัลแตต่ ่อไปน้ีสายเส้นสีเทาจะเป็นสายเฟส ท่มี ไี ฟแลว้ ดงั น้นั การทำ เครอ่ื งหมายจงึ เป็นเรอื่ งสำคญั อยา่ งยง่ิ 3. กำหนดแรงดันใช้งาน 2คา่ U๐/Uไม่เกนิ 450/750โวลต์มีผลทำ ใหส้ ายไฟฟ้าบางชนิดเช่นสายVAF ที่ตามมาตรฐานเดิมไม่สามารถนำมาใช้กับระบบ3 เฟส4สาย230/400 โวลต์ได้แต่มอก.11-2553 ให้ใช้ได้ 4. อุณหภูมิที่ใช้งาน กำหนดไว้2 ค่าคือ70 และ90 องศาเซลเซียส ขณะที่มาตรฐานเดิมกำหนดไว้70 องศาเซลเซยี สคา่ เดียว จากการเปลี่ยนแปลงข้างต้น วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ได้ ปรับปรุงมาตรฐานการติดตั้งให้สอดคล้องกับสายไฟฟ้ามาตรฐานใหม่โดย ซึ่งมีข้อแตกต่างจากมาตรฐานเดิม พอสมควร ดังนนั้ การคำนวนหาขนาดสายไฟฟ้าเพือ่ นำ ไปใชง้ านควรจะพจิ ารณาตามขั้นตอนดงั ตอ่ ไปน้ี\\ 1. คำนวนโหลดหาคา่ กระแสท่ใี ชง้ าน และกำหนดขนาดเคร่อื งป้องกัน 2. พิจารณาชนดิ ของสายไฟฟ้าจำนวนตวั นำกระแส2เสน้ หรอื 3เสน้ (1เฟสหรือ3เฟส)ลกั ษณะ
ของ สายไฟเปน็ แบบแกนเดียวหรือหลายแกน ล้วนแต่มผี ลต่อการเลือกใช้ตารางกระแสไฟฟา้ ทง้ั สนิ้ 3. พจิ ารณาวธิ ีการติดตั้งซง่ึ แบ่งเป็น7 กลุ่ม(มาตรฐานเดิมมี5 กล่มุ ) ทนี่ ่าสงั เกตุคอื การเดินสาย ร้อย ท่อภายในฝ้าเพดานหรือผนังทนความร้อน มีคา่ กระแสแตกต่างจากการเดินสายรอ้ ยทอ่ ลอยหรือฝงั ใน คอนกรีต ตัวอยา่ งเชน่ ถ้าโหลด3 เฟส คำนวนหาขนาดเครือ่ งป้องกนั ได้100 แอมแปร์กรณเี ลือกใชส้ ายไฟฟา้ 60227IEC01(THW) เดินสายร้อยท่อลอยเกาะผนงั หรือเพดาน จะตอ้ งใช้สาย ขนาด50 ตร.มม. แต่ถา้ เป็นการ เดินสายรอ้ ยท่อภายในฝ้าเพดาน จะตอ้ งใชส้ ายขนาด70 ตร.มม. 4. พจิ ารณาตวั คณู ปรับคา่ เน่ืองจากอณุ หภมู ิโดยรอบ ซึ่งกำหนดท่ี40 องศาเซลเซียสในกรณีทั่วๆ ไปและ 30 องศาเซลเซียสในกรณฝี ังดนิ 5. พิจารณาตัวคณู ปรับค่า เน่ืองจากกลมุ่ วงจรในกรณีท่ีมตี ัวนำกระแสมากกวา่ 1 วงจร โดพิจารณา วงจร1 เฟส2สายนบั เปน็ 1 วงจร วงจร3 เฟส3สายหรอื 4สายนับเปน็ 1 วงจร ในกรณนี สี้ ่วนใหญจ่ ะใชใ้ นการเดิน สายในรางเคเบิล (cable tray) ที่มกี ารปรับปรุงแก้ไข ทส่ี ำคัญคือ ไม่อนญุ าตให้ใชส้ ายไม่มีเปลอื กติดตงั้ ในราง เคเบลิ และในมาตรฐานเดมิ กำหนดใหส้ ายในรางเคเบิลจะต้องไม่เลก็ กว่า 50 ตร.มม. มาตรฐานใหม่ยอมใหถ้ งึ สายขนาด25 ตร.มม. 6. ขนาดกระแสจากการปรับค่าในขัอ 4 และข้อ 5 7. หาขนาดสายไฟฟ้าจากตารางทถี่ ูกเลือกในข้อ 3 มาตรฐานใหมน่ ใี้ นระยะแรกยังไมม่ ีความคุ้นเคยอาจสบั สนอยู่บา้ ง คงต้องค่อยๆ พจิ ารณาตามลำดับไปก่อน หลงั จากนั้นคงคุ้นเคยเหมือนมาตรฐานเดมิ ในส่วนรายละเอยี ดสามารถอ่านเพมิ่ เติมไดจ้ ากมาตรฐานการติดต้งั ทางไฟฟ้าฉบับปรบั ปรงุ ใหม่ของ วสท.
แผนการเรียนรูท่ี 4 การเลือกวัสดุและอุปกรณไฟฟาใหเหมาะสมกบั งาน หมายถงึ การจัดลาํ ดบั ความสําคญั การจาํ แนก วัสดุและอุปกรณไฟฟาใหเหมาะสมกับงาน มีความปลอดภัย เช่ือถือไดถูกตองตามกฎระเบียบการไฟฟาสวน ภูมิภาค ราคาเหมาะสม การเลือกวสั ดอุ ปุ กรณสําหรบั การเดินสายไฟฟา ภายในบานมคี วามสําคญั มาก เพราะ หลังจากเดินสายไฟฟาและติดตั้งอุปกรณไฟฟา เราจะตองใชอุปกรณไฟฟาเหลาน้ีไปอีกนาน หากการเลือกใช วัสดุและอุปกรณไมเหมาะสมแลวอายุการใชงานของวัสดุและอุปกรณสั้น อาจเกิดอันตรายขณะใชงาน ทําให สูญเสยี ทรพั ยส ินไมคมุ คากบั การลงทุน เสียเวลาการทํางาน ผิดระเบยี บขอ บังคบั ของการไฟฟา สวนภมู ิภาค 4.1 วัสดแุ ละอปุ กรณใ นงานเดนิ สายไฟฟาดว ยเขม็ ขัดรดั สาย 1. ไขควง ไดแก ไขควงเทศไฟและไขควงใชขันสกรูทว่ั ไป ภาพที่ 1 ไขควงชนิดตา ง ๆ 2. คมี ไดแก คีมตดั คีมปากแหลม คีมรวม คีมปอกสาย คมี ยา้ํ หางปลา คีมลอ็ ก ภาพท่ี 2 คมี แบบตาง ๆ
3. มดี ปอกสาย มกั ราคาสงู แตค วรใชเ พื่อความปลอดภัยในการทํางาน แตทั่วไปนิยมใชคตั เตอร เพราะ สะดวกและงายตอ การจัดหางาย ภาพท่ี 3 มีดปอกสายและคัตเตอร 4. คอนเดินสายไฟฟา ขนาดกระชบั มอื บริเวณคอ นจะออกแบบใหแ หลมมนเพอื่ ใชต อกตะปใู นบริเวณ แคบ ๆ ภาพที่ 4 คอ นเดินสายไฟฟา 5. บดิ หลา ใชสําหรบั เจาะแผงไมต า ง ๆ เชน ใชเจาะรูกอนทจ่ี ะติดตั้งคตั เอาต ภาพท่ี 5 บิดหลา
6. บักเตา ใชส าํ หรับตเี สน ใหตรงหรอื ไดระดับกอนท่ีจะตอกตะปูเดนิ สายไฟฟา วิธีงาน ภาพที่ 6 การใชป ก เตา 7. สวาน ปจ จุบันนยิ มใชสวานไฟฟา ประกอบสวา นเจาะไม เหลก็ และสวานกระแทกใชเจาะปนู คอนกรตี สาํ หรับงานเจาะคอนกรีตสว นใหญจ ะนิยมใชส วานโรตาร่ี ขนาดของสวานไฟฟาเรยี กตามขนาดของหวั จบั เชน ขนาด 3 หนุ 4 หุน เปน ตน ภาพที่ 7 สวา งทใ่ี ชใ นงานไฟฟา ทว่ั ไป 8. ตลับเมตร ระดับนา้ํ และลกู ดงิ่ • ตลับเมตร ใชวดั ระยะ มหี นวยเปนเซนติเมตร (cm) และเปนน้ิว (inch) • ระดับนํ้า ใชตรวจสอบความเท่ียงตรงในงานเดนิ สายไฟฟา และการดัดทอ • ลูกดิง่ ใชจ บั ระดับในแนวตั้ง น้าํ หนักขนาด 400 กรมั 9. เหล็กนําศูนยและเหลก็ สง • เหลก็ นาํ้ ศูนย ผลติ จากเหลก็ แขง็ ใชสาํ หรับตอกนาํ บนอาคารทฉ่ี าบดวยปูนซเี มนตเ พ่ือปองกนั ตะปู งอ ซึง่ จะทําใหเ สียเวลาในการปฏบิ ตั ิงาน ในทางปฏิบตั ิจะใชต ะปคู อนกรตี โดยการเจยี นปลายให แหลม • เหล็กสง ใชส าํ หรบั ตอกตะปูในทีแ่ คบ ไมสามารถใชคอนตอกหัวตะปูไดโ ดยตรง
10. ส่ิว ใชบากแปนไมรองสวิตช หรอื แผงคตั เอาต เพ่อื ใหสามารถสอดสายเขา ไปไดท ่ีใชง านทวั่ ไป คอื สวิ่ ปากบาง และส่วิ เดือย ภาพท่ี 8 สว่ิ 11. เลื่อย ใชต ัดไมข นาดตาง ๆ ภาพที่ 9 เลือ่ ยทใี่ ชง านในการเดินสายไฟฟา 12. มัลตมิ ิเตอร เปน เครื่องมอื วัดอเนกประสงค เพือ่ ตรวจสอบสภาพสายไฟฟา อุปกรณต า ง ๆ เพื่อใหเ กดิ ความแนใจวา อุปกรณและวสั ดทุ กุ ชิ้นทจ่ี ะนําไปติดตั้งอยูในสภาพทพ่ี รอ มจะใชง านดวยความปลอดภัย เคร่ืองมือสําหรับงานเดินสายไฟฟาในทอ รอ ยสาย 1. เครื่องมอื ดัดทอ (bender) 2. คดั เตอรตดั ทอ (cutter) 3. ปากกาจบั ทอ (pipe vise stands) 4. เครื่องมอื ตาปเกลยี ว (pipe threader) 5. เคร่อื งมือลบคมทอ (reamer) ใชสําหรับลบคมบริเวณปลายทอ 6. ลวดดึงสายไฟ (fish tape) มสี องขนาดหรอื ยาว 25 ฟุต 50 ฟุต และ 100 ฟุต 7. น็ตกเอาตพนั้ ซ (knock out punch) เจาะในตโู หลดเซ็นตเตอร หรือกลอ งตอ สาย ตาง ๆ 8. เครอื่ งเจียร 9. ประแจ เชน ประแจเล่ยื น ประแจคอมา เปน ตน
ภาพที่ 10 เครอื่ งมือสําหรบั เดนิ สายไฟฟาในทอ รอยสาย อปุ กรณและวสั ดุ อุปกรณแ ละวัสดุสาํ หรบั เดินสายไฟฟา ดว ยเขม็ ขัดรดั สาย 1. เขม็ ขัดรัดสาย หรอื ที่เรยี กท่ัวไปวา คลิป (clip) หรอื ก๊ปิ ผลิตจากอะลมู เิ นยี มขัน้ รปู เปนแผน บาง ๆ แต มคี วามเหนียว มีหลายขนาด เชน เบอร ¾ ,0 ,1 ,1½ , 2, 2 ½, 3, 4, 5 และเบอร 6 ซึ่งมขี นาดใหญ ทีส่ ุด ตง้ั แตเบอร 3 ถงึ เบอร 6 จะมสี องรู ขนาดอนื่ ๆ จะมรี เู ดียวสําหรบั ตอกบนอาคารทีเ่ ปน ไม 2. ตะปู ขนาด 3/8 น้ิว 5/16 นว้ิ ใชตอกบนอาคารฉาบปูน และขนาด ½ น้ิวสาํ หรับตอกบนอาคารท่เี ปน ไม 3. พุก (Fixer) ใชง านคกู บั สกรูเพ่อื ใหการจับยดึ อุปกรณเ ครื่องใชไฟฟาตา ง ๆ มีความแข็งแรง พกุ ทีใ่ ชงาน ท่วั ไปมี 3 แบบ คอื 3.1 พกุ พลาสตกิ ใชก บั งานตดิ ตั้งขนาดเล็ก เชน ตดิ ตัง้ แปนไม แผงคัตเตอรจ ะใชพ กุ ขนาด M7 (เอ็ม – เจด็ ) กลาวคอื ตองใชด อกสวานขนาด 7 มลิ และใชส กรูขนาด 5 – 6 มม. นอกจากนี้ยังมีขนาดอ่นื ๆ เชน M8 จะ โตกวา M7 3.2 พกุ ตะก่วั ใชก ับงานขนาดกลาง เน่อื งจากทนแรงกดและนาํ้ หนกั ไดด กี วา เชน การติดตงั้ ตูโหลดเซ็น เตอร 3.3 พกุ เหลก็ หรือทเ่ี รยี กวา โบลต (bolt) ใชก บั งานท่ีตองการความแขง็ แรงทกุ ประเภท เนื่องจากรบั น้ําหนักไดดี แตม รี าคาแพง
ภาพที่ 11 พกุ แบบตา ง ๆ 4. สายไฟฟา (wire) ในงานตดิ ต้ังไฟฟา ในอาคารจะเปน สายแบนแกนคู (สาย VAF) หมุ ดวยฉนวนพวี ีซี สองชน้ั ลกั ษณะภายนอกมสี ีขาว รายละเอยี ดเกี่ยวกับอักษรและตัวเลขท่รี ะบุไวบ นสายไฟฟามคี วามหาย ดงั น้ี • 2 x 2.5 SQ.MM หมายถึง ขนานของสายไฟฟา มีรายละเอียดดังน้ี 2 : จํานวนสายทองแดง 2.5 : SQ.MM ขนานเสนผาศนู ยก ลางของสายไฟฟามีหนวยเปน ตารางมิลลิเมตร • VAF หมายถงึ ชนดิ ของสายเปนแบบ วีเอเอฟ • 300 V หมายถึง ทนแรงดนั ไฟฟาไดไ มเ กิน 300 โวลต • 70 c หมายถึง ทนความรอนทอี่ ุณหภูมิ 70 องศาเซลเซยี ส • PVC/PVC หมายถงึ หมุ ดวยฉนวนทเี่ ปนพวี ซี ี (PVC: poly Vinyl chloride) • TIS 11-2531 หมายถงึ มาตรฐานที่รบั รอง • TABLE 2 หมายถงึ ตารางละเอยี ดเกยี่ วกบั ไฟฟา ของบรษิ ัทที่ผลิตสายไฟฟา 5. สกรู เรียกอีกอยางหน่งึ วา ตะปูเกลยี วปลอย มสี องชนดิ คือ ชนิดหวั แฉก และชนดิ หัวแบน 6. แปนไม ใชสําหรับรองรับอุปกรณไ ฟฟาตาง ๆ มหี ลายชนิด อาทิ 4 x 6 นว้ิ , 8 x 10 นิ้ว เปนตน ปจ จบุ ัน มกี ารผลติ แปนพลาสตกิ ออกมาใชงานควบคกู บั แปนไม ซงึ่ ไดรบั ความนิยมใกลเ คยี งกนั 7. สวติ ช ใชส าํ หรบั ปด – เปดวงจรไฟฟา ใด ๆ เชน ใชป ด – เปด วงจรหลอดฟลอู อเรสเซนต คุณลกั ษณะ ของสวิตซขึน้ อยกู ับพกิ ดั กระแส พิกัดแรงดัน สวิตซแบง ไดเ ปนสองชนิดตามลักษณะการทํางานและ การตดิ ต้ัง
7.1 แบงตามลักษณะการทํางาน แตล ะบทจะถกู นําไปใชงานตามคุณสมบตั ิ • สวติ ซห นึง่ ขาสบั ทางเดยี ว (Single pole single throw switch) หรือ S.P.S.T เรียกอีกอยางหนง่ึ วา สวติ ชทางเดียว ใชกับระบบไฟฟา เฟสเดียว (single phase) • สวิตซสองขาสบั ทางเดียว (Double pole single throw switch) หรอื D.P.S.T ใชเ ปนอุปกรณต ัดตอน ในระบบเฟสเดียว ตวั อยา งเชน คัตเอาตท ใี่ ชตามบา นเรือนทั่วไป • สวติ ซส องขาสบั สองทาง (Double pole double throw switch) หรอื D.P.D.T • สวิตซส ามขาสบั ทางเดียว (Triple pole single throw switch) หรือ T.P.S.T ใชเ ปน อปุ กรณตัดตอน ระบบสามเฟส (Three phase) ตัวอยา งเชน คัตเอาตสามเฟส • สวิตซส ามขาสบั สองทาง (Triple pole Double throw switch) หรือ T.P.D.T ใชกับระบบสามเฟส 7.2 แบง ตามลกั ษณะการติดตัง้ แบงออกเปนสองแบบ คือ • แบบติดลอย กลองสวิตซจ ะยึดกับผนังอาคารโดยตรง • แบบฝง กับผนัง กลองสวติ ซจะฝงไวใ นผนงั อาคาร และสว นใหญจะออกแบบใหทนกระแสไดสงู แบบติด ลอย 8. เตารับเรียกอกี อยา งวา ปลั๊กตัวเมยี ทําหนา ท่เี ปนสอื่ กลางเพอื่ ถายโอนพลังงานไฟฟาไปยงั อปุ กรณ เครื่องใชไฟฟา ตาง ๆ ลกั ษณะการตดิ ตงั้ เหมอื นกบั สวติ ซ 9. เตา เพดาน ใชสาํ หรบั หอ ยดวงโคมลงมาจากเพดานเพ่ือใหแ สงสวา งเฉพาะจุด กอ นจะหอยโคมลงมา ตองขมวดปมสายไวใ นเตาเพดาน เพ่อื รองรับนาํ้ หนักของดวงโคม 4.2 วสั ดุและอุปกรณในงานเดนิ สายไฟฟา ดวยทอ รอนสาย 1. ทอรอยสาย (conduit) ปรกอบดวยทอโลหะหนา (Rigid Steel Conduit; RSC) หนาปานกลาง (Intermediate Metal Conduit; IMC) และทอโลหะบาง (Electrical Metallic Tubing; EMT) ทอ โลหะออน ทอพวี ซี ี ทอ ชนดิ กันนํา้ ได ภาพท่ี 12 ทอสําหรับรอยสายไฟฟา
2. กลองตอสาย (box) กลองตอสายที่ใชประกอบทอ รอ ยสาย มีดังน้ี 2.1 handy box ใชส าํ หรบั ตดิ ตัง้ สวติ ซแ ละเตา รับ ชนิด Handy box ขนาด (นิว้ ) แบบตนื้ 2x2x1–½ แบบลึก 2x2x1–½ ภาพท่ี 13 Handy box 2.2 square box สว นใหญจะตดิ ตง้ั ในตําแหนงทตี่ อ งการตอ สาย ชนดิ square box ขนาด (นิ้ว) แบบตนื้ 4x4x1–½ แบบลึก 4x4x2 ภาพที่ 14 square box
2.3 octagon box ใชติดตงั้ บนเพดานหรอื ติดลอย ชนดิ octagon box ขนาด (นว้ิ ) แบบตนื้ 3–½x3x½x1–½ แบบลึก 3-½x3-½x2 ภาพท่ี 15 octagon box 3. ฝาปด กลอง (box cover) 3.1 ฝาปด handy box ใชส าํ หรบั ครอบสวติ ซ ปล๊กั ภาพท่ี 16 ฝาปดกลองสวิตซ handy box 3.2 ฝาปด square box ภาพท่ี 17 ฝาปด กลอ งตอ สายแบบ square box
3.3 ฝาปด octagon box ภาพที่ 18 ฝาปด กลอ งพักสาย 4. คอนเนคเตอร (connector) ใชเ ช่อื มตอ ระหวา งทอ กบั กลองตอสาย ภาพท่ี 18 คอนเนคเตอร แบบตา ง ๆ 5. ล็อกนทั (lock nut) ผวิ ดานในจะทาํ เปน เกลียว ใชยดึ ทอเขากับกลอ งตอสาย ภาพท่ี 19 ลอ็ กนทั
6. บชุ ชงิ่ (bushing) บุชชงิ่ สวมปลายทอ IMC, RSC และ Connector ใชปอ งกันทอไฟฟา ขดู กบั ฉนวน ภาพที่ 20 บชุ ชงิ่ 7. ขอตอหรือคัปปลิง้ (coupling) ใชตอ ทอ สองทอนเขา ดวยกัน มที ้ังแบบสกรแู ละแบบเกลยี วหมุน ภาพท่ี 21 ขอตอหรอื คปั ปลงิ้ 8. แคลมป (Clamp) เรยี กอกี อยางวา สแตรป (Strap) ใชส าํ หรับทอใหแ นบชิดกบั ผนงั ภาพที่ 22 แคลมปหรือสแตรป
9. อนดเู ลต (Condulet) ใชสาํ หรบั เดินสายหกั มมุ ขา มสงิ่ กดี ขวางของทอ โลหะหนา (RSC) มหี ลาย ลักษณะ ภาพที่ 23 คอนดูเลตแบบตาง ๆ 10. หัวงเู หา (service entrance) เรยี กอีกอยา งวา ฝาครอบทอรบั สาย ใชสาํ หรับนําสายเมนจากภายนอก เขา สูตวั อาคารและชว ยปอ งกันความชื้น ภาพท่ี 24 หัวงเู หา 11. อี.วาย.เอส (E.Y.S) ขอ ตอแยกสามทาง สาํ หรับทอโลหะหนา และใชอดุ Compound เพอื่ ปอ งกันไฟ ไหมสาย ภาพที่ 25 อ.ี วาย.เอส
12. รางตวั ชี (C-Channel) ใชสาํ หรบั ยึดทอจาํ นวนหลาย ๆ ทอน บนรางตวั ซี เพียงตวั เดียว ทาํ ใหส ะดวก ในการตดิ ต้งั และวดั วางทอเปน ระเบยี บสวยงาม ภาพท่ี 26 รางตวั ชี
แผนการเรียนรูท ่ี 5 5.1 ขอกําหนดการเดินสายไฟฟาและวัสดุ • สายไฟฟาของระบบไฟฟา ท่มี แี รงดันตา งกัน ใหเ ปนไปตามขอกาํ หนดดงั น้ี (1) ระบบแรงต่ําทั้ง AC และ DC ใหติดตั้งสายไฟฟารวมกันอยูภายในทอสายหรือเครื่องหอหุมเดียวกันได ถา ฉนวนของสายทัง้ หมดท่ตี ิดตง้ั นัน้ เหมาะสมกบั ระบบแรงดันสงู สดุ ทีใ่ ช (2) หามติดตั้งสายไฟฟาระบบแรงต่ํารวมกับสายไฟฟาระบบแรงสูงในทอสายหรือเคร่ืองหอหุมเดียวกัน ยกเวน ในแผงสวติ ซ บอ พักสายหรอื เครอื่ งหอหมุ อื่นที่ไมไ ดใ ชเพ่อื การเดนิ สาย • สายไฟฟาตอ งมีการปอ งกนั ความเสียหายทางกายภาพดังนี้ (1) การเดินสายทะลผุ านโครงสรางไม รูท่ีเจาะผานโครงสรางตองหางจากขอบไมไ มนอยกวา 3 เซนติเมตร หา กรูท่ีเจาะหางจากขอบนอยกวา 3 เซนติเมตรหรือเดินสายในชองบาก ตองปองกันไมใหตะปูหรือหมุดเกลยี วถูก สายได (2) การเดินสายชนิดท่ีมีเปลือกนอกไมเปนโลหะทะลุผานโครงสรางโลหะที่เจาะเปนชองหรือรูตองมี bushing grommet ยึดตดิ กับชอ งหรือรู เพอื่ ปองกันฉนวนของสายชาํ รดุ ยกเวน ชอ งหรอื รูทีม่ ีขอบมน หรือผิวเรยี บ (3) การเดินสายทะลุผานโครงสรางอ่ืน ตองมีปลอกที่เปนฉนวนไฟฟาสวมหรือจัดทํารูใหเรียบรอย เพ่ือปองกัน ฉนวนทีห่ ุม สายเสียหาย • การปอ งกันการผุกรอ น ทอสาย เกราะหุมเคเบิล (Cable armor) เปลือกนอกของเคเบิล กลอง ตู ทอโคง ขอตอและเครื่อง ประกอบการเดินทออ่ืน ๆ ตองเปนวัสดุท่ีเหมาะสมหรือมีการปองกันท่ีเหมาะสมกับสภาพแวดลอมท่ีส่ิงน้ันติด ตั้งอยู การปองกันการผุกรอนตองทํา ทั้งภายในและภายนอกเคร่ืองอุปกรณ โดยการเคลือบดวยวัสดุท่ีทนตอ การผุกรอน เชนสังกะสี แคดเมียม หรือ enamel ในกรณีที่มีการปองกันการผุกรอนดวย enamel หามใชใน สถานท่ีเปยกหรือภายนอกอาคาร กลองตอสายหรือตูที่ใชกรรมวิธีปองกันการผุกรอนดวย organic coating ยอมใหใ ชภายนอกอาคารไดเฉพาะ เมื่อไดรบั ความเห็นชอบจากการไฟฟาสว นภูมภิ าคแลว เทานั้น • การตดิ ตง้ั วสั ดุและการจับยึด (1) ทอสาย รางเดินสาย รางเคเบิล อุปกรณจับยึดเคเบิล กลอง ตูและเครื่องประกอบการเดินทอ ตองยึดกับท่ี ใหม ั่นคง
(2) ทอสาย เกราะหุมและเปลือกนอกของเคเบิล ท้ังที่เปนโลหะและท่ีไมใชโลหะ ตองตอเนื่องระหวางตู กลอง เคร่อื งประกอบการเดินทอ สงิ่ หอหมุ อยา งอืน่ หรอื จดุ ตอ ไฟฟา (3) การเดินสายในทอสาย สําหรบั แตล ะจุดทม่ี ีการตอสาย ปลายทอ จดุ ตอไฟฟา จดุ ตอสายแยก จุดติดสวิตซ หรือจุดดึงสาย ตอ ง ติดต้ังกลองหรือเครื่องประกอบการเดินทอ ยกเวน การตอสายในส่ิงหอหุมสายที่มีฝาเปดออกไดและเขาถึงได ภายหลงั การติดตั้ง (4) สายไฟฟาในทอสายแนวดิ่งตองมีการจับยึดสายที่ปลายบนของทอสายและตองมีการจัดยึดสายเปนชวง ๆ ยกเวน ถา ระยะตามแนวดงิ่ นอยกวา รอ ยละ 25 ของระยะที่กาํ หนด ไมต อ งใชท จี่ ับยดึ จุดเปล่ียนการเดินสายจากวิธีใชทอสายหรือรางเคเบิลเปนวิธีเดินสายในที่โลงหรือเดินสายซอน ตองใช กลอ งหรือเครื่องประกอบการเดินทอ เชน service entrance connector ตรงปลายทอ ท่มี ีรเู ปน บุชชงิ่ แยกกัน 1 รู สําหรับ 1 ทอ อนุญาตใหใชบุชช่ิงแทนการใชกลองหรือ terminal fitting ท่ีปลายทอในเมื่อปลายของทอ สายเดนิ ล้ําเขาไปในแผงสวติ ซแบบเปดหรอื แผงควบคมุ แบบเปดได • ตอ งปองกนั ไมใหเ กิดกระแสเหนีย่ วนาํ ในเครอื่ งหอ หุมหรอื ทอ สายที่เปนโลหะดงั ตอ ไปนี้ (1) เม่ือติดตั้งสายสําหรับระบบไฟฟากระแสสลับในเคร่ืองหอหุมหรือทอสายท่ีเปนโลหะ ตองจัดทํามิใหเกิด ความรอนแกโลหะท่ีลอมรอบ เนื่องจากผลของการเหนี่ยวนํา เชน โดยการรวมสายทุกเสนของวงจรและสาย นวิ ตรอล (ถาม)ี รวมท้ังสายดินของเคร่ืองอุปกรณไฟฟาไวในสง่ิ หอหมุ หรือทอ สายเดยี วกัน (2) เมอื่ สายเดี่ยวของวงจรเดนิ ทะลผุ านโลหะท่มี คี ณุ สมบตั เิ ปน แมเ หล็กจะตอ งจดั ใหผ ลจากการเหนี่ยวนํามีนอย ที่สุด โดยการตัดรองใหถึงกันระหวางรูแตละรูท่ีรอยสายแตละเสน หรือโดยการรอยสายทุกเสนของวงจรผาน ชองเดยี วกัน • ทอสาย กลอ ง ตู เครื่องประกอบ และเครอื่ งหอ หมุ ทเ่ี ปน โลหะ ตองตอ ลงดิน • ในทอ สายและรางเคเบิล ตอ งไมมีทอ สาํ หรับงานอน่ื ที่ไมใชงานไฟฟา เชน ทอไอนํ้า ทอประปา ทอกา ซ ฯลฯ เมื่อเดินทอสายผานที่มีอุณหภูมิแตกตางกันมาก เชน เดินทอสายเขา-ออก หองเย็น ตองมีการปองกันการ ไหลเวียนของอากาศภายในทอ จากสวนท่ีมีอุณหภูมิสูงไปสวนที่มีอุณหภูมิเย็นกวาเพ่ือไมใหเกิดการควบแนน เปน หยดนาํ้ ภายในทอ • การกาํ หนดสีของสายไฟฟาหุม ฉนวน (1) สายนวิ ตรอล ใชสายสเี ทาออ น หรอื ขาว
(2) สายดนิ ใชสายสีเขยี ว หรอื สเี ขยี วแถบเหลอื ง (3) สายเสนไฟ ใชส ายทีม่ ีสตี างไปจากสายนิวตรอลและสายดิน ขอยกเวนท่ี 1 สายไฟฟาท่ีมีขนาดโตกวา 16 ตารางมิลลิเมตร ใหทําเคร่ืองหมายแทนการกําหนดสีที่ ปลายสาย ขอยกเวนที่ 2 สายออกจากมิเตอรถึงเมนสวติ ซ 5.1.1 การเดินสายบนผวิ หรอื เดินสายเกาะผนงั (Surface Wiring) 1. ใชเดินสายระบบแรงต่าํ ทั่วไปภายในอาคาร โดยใชส ายไฟฟา ตาม มอก.11 2. การเดนิ สายตองปอ งกนั ไมใหฉนวนของสายชาํ รุด 3. การเดินสายโดยใชเ ขม็ ขดั รดั สาย ตอ งมีระยะหา งของเข็มขัดรัดสายไมเกนิ 20 เซนติเมตร 4. การตอและการตอแยกสายใหทาํ ในกลองตอสายสาํ หรับงานไฟฟาที่มคี ุณสมบัตติ ามขอ 6.21 เทาน้ัน 5. การเดินสายทะลุผานผนังหรือส่ิงกอสราง จะตองมีการปองกันสาย โดยจะตองรอยสายผานปลอก ฉนวนทเี่ หมาะสมและไมดูดความช้นื เพือ่ ปองกันฉนวนของสายไฟฟา เสียหาย 6. การเดนิ สาย ใหตดิ ตั้งเรยี งเปน ช้ันเดยี ว หามซอ นกัน 7. สายไฟฟาหุมฉนวนและเปลือกแกนเดียว สายแบน 2 แกน และสายแบน 3 แกน (VAF) ตาม มอก.11 หากเดินบนผวิ ภายนอกของอาคาร ยอมใหเ ฉพาะติดตง้ั ไดชายคาหรอื กนั สาด 5.1.2 การเดินสายในทอ โลหะ การเดินสายในทอ โลหะหนา ทอ โลหะหนาปานกลาง และทอ โลหะบาง 1. ขอกาํ หนดการตดิ ตงั้ • ในสถานท่ีเปยก ทอโลหะและสวนประกอบท่ี ใชยึดทอโลหะ เชน สลักเกลียว (Bolt) สแตรป (Strap) สกรู (Screw) เปนตน ตอ งเปนชนดิ ท่ที นตอ การผุกรอ น • ปลายทอทถ่ี ูกตดั ออกตองลบคม เพ่อื ปองกนั ไมใหบ าดฉนวนของสาย การทําเกลยี วทอ ตองใชเ ครือ่ งทํา เกลยี วชนิดปลายเรยี ว • ขอตอ (Coupling) และขอตอยึด (Connector) ชนิดไมมีเกลียวตองตอใหแนน เม่ือฝงใบอิฐกอหรือ คอนกรีตตองใชชนิดฝงในคอนกรีต (Concrete Tight) เมื่อติดตั้งในสถานที่เปยกตองใชชนิดกันฝน (Rain Tight)
• การตอสาย ใหตอไดเฉพาะในกลองตอสายหรือกลองจุดตอไฟฟาที่สามารถเปดออกไดสะดวก ปริมาตรของสายและฉนวน รวมท้ังหัวตอสายเมื่อรวมกันแลวตองไมเกินรอยละ 75 ของปริมาตร ภายในกลอ งตอ สายหรอื กลองจุดตอไฟฟา • การติดตั้งทอ รอยสายเขา กบั กลองตอสาย หรอื เครื่องประกอบการเดนิ ทอตองจัดใหม ีบขุ ชงิ เพือ่ ปองกัน ไมใหฉนวนหุมสายชํารุดยกเวน กลองตอสายและเครื่องประกอบการเดินทอท่ีไดออกแบบเพื่อปองกัน การชาํ รดุ ของฉนวนไวแ ลว • หามทาํ เกลียวกับทอ โลหะบาง • มุมคัดโคงระหวา งจดุ ดึงสายร วมกันแลว ตอ งไมเ กนิ 360 องศา 2. หามใชทอไลหะบางฝงดิน โดยตรงหรือใชในระบบไฟฟแรงสูง หรือที่ซึ่งอาจเกิดความเสียหายหลังการ ติดตง้ั 3. หามใชท อ โลหะขบาดเล็กกวา 15 มลิ ลิเมตร 4. ทอท่ีขนาดใหญก วา 15 มิลลิเมตร หากรอยสายชนิดไมมปี ลอกตะกั่ว รศั มีดดั โคง ดา นในของทอตองไมนอย กวา 6 เทาของขนาดเสนผานศูนยกลางของทอ ถาเปนสายไฟฟาชนิดมีปลอกตะก่ัว ศมีดัดโคงนในตองไม นอยกวา 10 เทาของเสนผานศูนยกลางของทอ สําหรับทอขนาด 15 มิลลิเมตร หากรอยสายชนิดไมมี ปลอกตะกั่ว รัศมีดัดโคงดานในของทอตองไมนอยกวา 8 เทาของเสนผานศูนยกลางของทอ และถาเปน สายไฟฟา ชนดิ มีปลอกตะกั่ว รศั มดี ัดโกง ดา นในตองไมน อ ยกวา 12 เทา ของเสนผานศนู ยกลางของทอ การ ดัดโกง ตองไมท ําใหท อ ชาํ รดุ เสยี หาย 5. ตองติดตั้งระบบหอ ใหเ สรจ็ กอ น จงึ ทาํ การเดนิ สายไฟฟา 6. การเดินสายดวยทอโลหะไปยังบริภัณฑไฟฟา ควรเดินดวยทอโลหะโดยตลอดและชวงตอสายเขาบริภัณฑ ไฟฟาควรเดินดวยทอ โลหะออ น หรือใชวธิ ีการอ่นื ตามทีเ่ หมาะสม 7. หา มใชท อ โลหะเปนตัวนําสาํ หรับตอลงดิบ 8. ทอรอยสายตองยืดกบั ที่ใหม่ันคงดวยอุปกรณจับยดึ ที่เหมาะสม โดยมีระยะหางระหวางจุดจับยดึ ไมเ กิน 30 เมตร และหา งจากกลองตอ สาย หรอื อุปกรณตา งๆ ไมเกนิ 0.9 เมตร การเดนิ สายในทอ โลหะออ น (Flexible Metal Conduit) 1. ลกั ษณะการใชงานตองเปนไปตามขอกาํ หนดทกุ ขอ ตงั นี้ • ในสถานที่แหง • ในท่เี ขา ถงึ ได และเพื่อปอ งกันสายจากความเสียหายทางกายภาพ หรอื เพ่ือการเดินซอ นสาย • ใหใชสาํ หรบั เดนิ เขาบรภิ ณั ฑไฟฟา หรือกลอ งตอ สายและความยาวไมเ กิน 2 เมตร 2. หา มใชทอ โลหะออ นในกรณดี งั ตอไปนี้ • ใบปลอ งลิฟตห รือปลอ งขบของ
• ในหอ งแบตเตอร่ี • ในบริเวณอันตราย บอกจากจะระบไุ วเปนอยางอ่ืน • ฝง ในดินหรือฝงในกอนกรตี • หามใชในสถานที่เปยก นอกจากจะใชสายไฟฟาชนิดท่ีเหมาะสมกบั สภาพการติดต้ัง และในการติดตัง้ ทอ โลหะออ นตองปองกันไมใหนาํ้ เขา ไปในชองรอ ยสายทที่ อ โลหะออนน้ตี อ อยู 3. หามใชทอโลหะออนทีม่ ีขนาดเลก็ กวา 15 มิลลิเมตร ยกเวนทอโลหะออนที่ประกอบมากบั ข้ัวหลอดไฟและ มคี วามยาวไมเกิน 1.80 เมตร 4. จํานวนสายไฟฟส งู สดุ ในทอไลหะออ นตอ งเปน ไปตามทีก่ าํ หนดในตารางท่ี 3, 4 และ 5 5. มมุ ดดั โคงระหวางจุดดงึ สายรวมกันแลวตองไมเกิน 360 องศา 6. ตองตดิ ตงั้ ระบบทอใหเ สร็จกอน จึงทําการเดนิ สายไฟฟา 7. หา มใชท อโลหะออนเปน ตัวนําสาํ หรบั ตอลงดิน 8. ระยะหางระหวางอุปกรณจับยึดตองไมเกิน 1.50 เมตร และหงจากกลองตอสายหรืออุปกรณตางๆ ไมเกิบ 0.30 เมตร 9. ขนาดกระแสของสายไฟฟใ หเปนไปตามทกี่ ําหนดในตารางท่ี 8. 9 และ 10 การเดินสายในทออโลหะแข็ง (Rigid Nonmetallic Conduit) หออโลหะแข็งและเครื่องประกอบการเดินทอตองใชวัสดุที่เหมาะสม ทนตอความช้ืนสภาวะอากาศและ สารเคมี สําหรับทอท่ีใชเหนือดินตองมีคุณสมบัติตานเปลวเพลิง (Flame-Retardant) ทนแรงกระแทกและ แรงอัด ไมบิดเบี้ยวเพราะความรอนภายใตสภาวะท่ีอาจเกิดข้ึนเม่ือใชงาน ในสถานท่ีใชงานซ่ึงทอรอยสายมี โอกาสถกู แสงแดดโดยตรงตองใชท อรอยสายชนิดทนตอแสงแดด สาํ หรบั ทอ ท่ใี ชใตด นิ วสั ดุทีใ่ ชตองทนความช้ืน ทนสารท่ีทําใหผุกรอนและมีความแข็งแรงเพียงพอ ท่ีจะทนแรงกระแทกไดโดยไมเสียหาย ถาใชฝงดิบโดยตรง โดยไมมคี อนกรีตหุม วัสดุที่ ใชตองสามารถทนนํ้าหนกั กดทีอ่ าจเกิดขน้ึ ภายหลังการตดิ ตงั้ ได 1. อนุญาตใหใชทออโลหะแขง็ ในกรณีดังตอ ไปน้ี • เดินซอ นในผนงั พืน้ และเพดาน • ในบริเวณท่ีทําใหเกิดการผุกรอนและเก่ียวของกับสารเมีถาทอและเครื่องประกอบการเดินทอได ออกแบบไวส ําหรับใชงานในสภาพดงั กลา ว • ในท่ีเปย กหรือชื้นซง่ึ ไดจัดใหมีการปอ งกนั นํา้ เขาไปในทอ • ใบที่เปด โลง (Exposed) ซง่ึ ไมอ าจเกดิ ความเสยี หายทางกายภาพ • การติดตัง้ ใตดินโดยตองเปนไปตามทกี่ ําหนดใบขอ 43 2. หามใชทออโลหะแขง็ ในกรณีดังตอ ไปน้ี
• ในบรเิ วณอันตราย นอกจากจะระบไุ วเปน อยางอน่ื • ใชเปน เครื่องแขวนและจบั ยึดดวงโคม • อณุ หภมู โิ ดยรอบหรืออณุ หภมู ิใชง านของสายเกินกวา อณุ หภูมขิ องทอ ทีร่ ะบุไว • ในโรงมหรสพ นอกจากจะระบุไวเ ปน อยางอน่ื 3. เมื่อเดนิ ทอเขากลอ งหรอื สว นประกอบอืน่ ๆ ตองจัดใหม ีบชุ ชิงหรือมีการปองกันไมใหฉนวนของสายชาํ รดุ 4. หามใชท ออโลหะแขง็ ทม่ี ขี นาดเล็กกวา 15 มิลลิเมตร 5. มุมคัดโคง ระหวางจุดดึงสายรวมกนั แลว ตอ งไมเกิน 360 องศา 6. ตอ งตดิ ตั้งระบบทอใหเสรจ็ กอน จงึ ทาํ การเดินสายไฟฟา 5.2 วธิ ีการเดินสายไฟฟา ดว ยเข็มขดั รัดสาย 5.2.1 วัสดแุ ละอุปกรณ • คอนเดินสาย ใชสําหรับตอกตะปู หัวคอนทําดวยเหล็กชุบแข็ง หนักประมาณ 100 - 250 กรัม หนา คอนเปนรูปส่ีเหล่ยี มจตั ุรัส ดามคอนทําดวยไม การจับคอนควรจับบริเวณปลายดามคอน เพื่อชวยใหมี แรงตอกมากขึ้น นอกจากน้ียังใชกะระยะหางของเข็มขัดรัดสายโดยใชระยะ 1 หัวคอน หรือบวกเพ่ิม อีกเลก็ นอยประมาณ 1 - 4 เซนตเิ มตรตามตอ งการ • ตลับเมตร ใชว ัดระยะในการตดิ ต้ังอปุ กรณไฟฟา มคี วามยาวหลาย ขนาดใหเ ลอื กใช แตโดยทวั่ ไปจะใช ขนาดยาว 2 เมตร เม่ือดึงแถบเทปออกมา จะมีปุมสําหรับล็อคเทปไว เม่ือคลายปุมล็อค เทปจะมวน กลับโดยอัตโนมัติ การใชงานหามดึงเทปออกมายาว เกินกวาขีดกําหนด มิฉะน้ันเทปอาจหลุดออก จากตลบั หรอื ไมส ามารถมวนกลับได • สวานไฟฟา ควรเปนแบบกระแทกที่เลือกปรับไดท้ังใชเจาะรูวัสดุท่ัวไป (เชน โลหะ, ไม, พลาสติก) และเจาะคอนกรตี สวานบางชนิดยงั สามารถปรบั ความเร็ว ไดด ว ย
• บิดหลา ใชเจาะรูไมกอนท่ีจะขันสกรูเกลียวปลอยเพ่ือยึดอุปกรณไฟฟา ควรใชบิดหลาเจาะรูนํา ใหมี ขนาดเลก็ กวาขนาดสกรู • ไขควง ที่ใชในงานไฟฟาดามจับตองหุมดวยฉนวนมิดชิด มีท้ังไขควงปากแบน และไขควงปากแฉก นอกจากน้ีควรมีไขควงวัดไฟ เพื่อใชตรวจสอบสายไฟวา มีไฟหรือไมและยังใชตรวจไฟรั่วของอุปกรณ ไฟฟาไดดวย การใชไ ขควงวดั ไฟ หามใชกบั แรงดันทส่ี ูงกวา คา ทรี่ ะบบุ นดามไขควง • มีด ใชสําหรับปอกฉนวนของสายไฟ การปอกสายไฟดวยมีดควรปอกเฉียงๆ คลายการเหลาดินสอทํา มุมไมเกิน 60 องศา เพอ่ื ไมใ หคมมดี บาดตัวนาํ จนขาด • คมี รวมหรือคมี ผสม ใชใ นงานตดั สายไฟ ตดั ลวดเหลก็ ตดั ปลายตะปู จับชิ้นงาน • คีมปากจิ้งจก หรือคีมปากยาว ใชในงานหยิบจับสงิ่ ของขนาดเล็ก • คีมตัด ใชตัดสายไฟท่ีมีและไมมีฉนวนหุม คีมตัดบางชนิดมีรูเล็กๆ สําหรับปอก ฉนวนของสายไฟได ดว ย • เหล็กนําศูนย ใชในการเดินสายบนคอนกรีต โดยใชเหล็กนําศูนยตอกคอนกรีต ใหเปนหลุมเล็กๆ กอน แลวจึงตอกตะปูยึดเข็มขัดรัดสายลงไปจะชวยใหการตอก ตะปูทําไดงายขึ้น อาจใชตะปูตอกคอนกรีต เจียรปลายใหเลก็ และแหลมแทนการ ใชเ หลก็ นําศูนยไ ด
• เหลก็ สง ทาํ ดวยเหลก็ กดั ปากตดั หรือเหลก็ เสนแบนยาวประมาณ 7-10 ซม. ใชตอกเขม็ ขัดรัดสายกรณี เดนิ สายชดิ มมุ ผนัง • สกดั ใชเ ม่อื ตอ งการสกดั ผนงั คอนกรตี เพื่อฝงกลอ งสวิตซหรอื ปลก๊ั • เลอื่ ย อาจจําเปนตองใชใ นการตดั วสั ดมุ ี 2 แบบคือ เล่ือยลันดาสําหรบั ตัดไม และเล่ือยตดั เหล็ก • มัลตมิ ิเตอร ใชใ นการตรวจวัดแรงดนั ไฟฟา ตรวจสอบวงจรและตรวจสภาพ ของอุปกรณไ ฟฟา • ปกเตา ใชในการตีแนวเสนกอนตอกตะปูยึดเข็มขัดรัดสาย ชวยใหไดแนวสาย ที่ตรงสวยงาม ภายใน ปกเตาจะประกอบดวยเสนดายและสีฝุน เมื่อดึงเสนดาย ออกมาทาบกับผนังหรือเพดานและขึงใหตึง ณ จุดทีต่ อ งการ จากน้นั ดึงดายขน้ึ แลว ดีดกลบั ไปยังผนังก็จะเหน็ แนวเสนตามตอ งการ • เข็มขัดรัดสายและตะปู ทําดวยอลูมิเนียมบางๆ มีรูตรงกลางสําหรับตอกตะปูยึดกับผนัง ขนาดเข็มขัด รัดสายตามมาตรฐานจะระบุเปนเบอรคือ เบอร 0, 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 เข็มขัดรัดสายเบอร 0 จะมี ขนาดเล็กที่สุดและเบอร 6 มีขนาดโตสุด โดยเบอร 3 ขึ้นไปจะมีรูสําหรับตอกตะปู 2 รู ในการยึดเข็ม ขัดรัดสาย จะใชตะปูขนาดเล็กยาว 3/8 นิ้ว ตอกยึดกับผนังในทองตลาดปจ จุบนั อาจพบเข็มขัดรัดสาย ท่มี ีเบอรตางไปจากท่ีกําหนด แตกส็ ามารถใชไดเชน กัน
5.2.2 การตเี สน การตเี สน เมือ่ ทราบตาํ แหนง ทจ่ี ะเดนิ สายไฟฟา ชา งจะทาํ การตีเสน ดว ยบักเตา ขอ ดขี องการตีเสนมดี งั นี้ 1. รตู ําแหนง การตอกตะปู 2. ไมเสียเวลาเลง็ แนว เม่ือจะตอกตะปูตวั ถัดไป 3. กรณีท่ีเดินสายในระยะก่ึงกลางเสา แนวสายจะตองวางใหอยูก่ึงกลางพอดีถาเปนอาคารคอนกรีตการ รื้อตะปูเพื่อตอกใหมจะทําใหเสามรี มู ากข้ึนหรอื ทาํ ใหเ สาแตกไมส ามารถตอกตะปูบรเิ วณดังกลาวไดอ กี 4. สามารถปฏิบัตงิ านไดเร็วข้นึ และมีความภมู ิใจตอ ผลงานของตนเอง 5.2.3 การใชเ ขม็ ขดั รัดสายและระยะเขม็ ขดั รดั สาย การใชเข็มขัดรัดสาย เมื่อทราบขนาดและจํานวนสายไฟฟาท่ีจะเดินไปยังจุดตางๆ ชางเดินสายไฟฟา จะตองเลือกเข็มขัดรัดสายใหพอดี เพ่ือความรวดเร็วขณะปฏิบัติงาน เมื่องานเสร็จสมบูรณจะมองดูสวยงาม มี หลักปฏิบัตงิ ายๆ ดังน้ี 1. กรณเี ดนิ สายเสน เดียว ควรเลือกขนาดเขม็ รดั สายใหพอดีกับขนาดของสายไฟฟา 2. กรณีเดินสายต้ังแต 2 เสนข้ึนไป เชนสายจํานวน 3 หรือ 4 เสน ถาหากสามารถรัดดวยเข็มขัดรัดสาย เพียงตัวเดียวจะทําใหปฏิบัติงานใหเร็วข้ึน แตควรพิจารณาถึงความแข็งแรงในการยึดระหวางสายไฟ กบั ผนงั อาคาร ระยะเข็มขัดรัดสาย ระยะหางระหวางเข็มขัดรัดสายหรือทเ่ี รียกวาคลิป ในทางปฏิบัติหางกันประมาณ 10- 12 ชม. แตไมกิน 20 ซม. ดังรูป ในบางชวงที่ตองการเดินสายหลายๆ เสน อาจตอกตะปูใหถ่ีมากข้ึนเพื่อให สามารถรับน้ําหนักของสายไฟฟาและใหสายแนบชิดกับผนังในทางปฏิบัติจะวัดระยะดวยความยาวของหัวคอ น เดินสายไฟฟาเพ่อื ความรวดเร็วที่สาํ คัญคอื ตองหนั หัวเขม็ ขดั รดั สายไปในทิศทางเดียวกนั ระยะหา งเขม็ ขัดรัดสาย
5.2.4 การคล่ีขดสายไฟฟา การคลี่สายฟฟา โรงงานผูผลิตจะขดสายซอนทับกันไว ความยาวขดละ 100 เมตรถาหากคลี่สาย ถูก วิธี สายจะตรง ไมตองเสียเวลารีดสาย ตรงกันขามการดึงสายไฟฟาออกจากขดโดยตรงจะทําใหสายงอบิดเปน เกลยี ว ตอ งเสียเวลา กบั การรดี สายในภายหลงั วิธกี ารคล่ีสายมดี งั นี้ 1. แกะพลาสติกที่หอหุมสายฟฟาออก ระวังอยาใหของมีคมเชน มีด คัทเตอร เฉือนหรือปาดฉนวนของ สายไฟฟา 2. ยกมว นสายไฟฟา ขึ้น สอดแขนทง้ั สองขา งเขาไปในมวนสาย 3. วางปลายสายดานนอกลงกับพ้ืน จากกน้ันกมตัวลงเล็กนอย หมุนคลายสายออกจากขดพรอม กับเดิน ถอยหลังไปเรือ่ ยๆ จนไดความยาวตามตองการ 5.2.5 การรีดสายไฟฟา และการรดั สายไฟฟา การรัดสายไฟฟา กอนจะรัดสายไฟฟาตองรีดสายใหตรงไมใหบิดหรืองอ เม่ือนําไปเดินบนผนังจะได แนบชดิ กับผนงั อาคารมองดูสวยงามวธิ ีการรดี สายมีหลกั ปฏิบัตงิ านๆดงั นี้ 1. วางสายไฟฟาลงบนเขม็ ขดั รัดสาย ถาหากมีสายฟฟา หลายเสน ตอ งจัดใหสายเรียงชดิ กนั กอน 2. กดสายไฟฟาใหแนน ใชมืออีกขางหนึ่งจับปลายเข็มขัดรัดสายสอดเขากับรูท่ีอยูบนหัวของเข็มขัดรัด สาย 3. ดึงปลายเข็มขดั รัดสายใหตงึ จากน้ันพับสายกลบั ไปทิศทางเดมิ 4. ใชคอนเคาะเบาๆ เพื่อใหร อยพับเรียบสนิทกับสายไฟฟา 5.2.6 การเดินสายไฟโคงมมุ ฉาก การเดินสายหักมุม ภายในอาคารหรือบานเรือนท่ัวไปจะมีรูปทรงเปนสีเหล่ียมผืนผา เมื่อตองเดินสาย ผานบริเวณดังกลาวตองหักมุมโคงไปตามผนังหรือมุมของตนเสาระยะหางระหวางเข็มขัดรัดสายตัวสุดทาย กับ รัศมีความโคง ตองใหมีระยะหางพอสมควร อยาใหใกลหรือหางจนเกินไปจําทําใหสายไมเรียบ โดยจะสังเกต เห็นแสงลอดผานใตสายไฟฟา ตัวอยางเชน สาย VAF ขนาด 2 x 2.5 (มม.)3 ตองใชรัศมีความโคง ไมต่ํากวา 25.5 เซนติเมตร ดงั รปู
รูปท่ี 5.5 การหักมมุ โคง สาย VAF ขนาด 2 x 2.5 (ตร.มม.) ถาหากหักมุมโคงของสายหลาย ๆ เสน อาจจะตองเพ่ิมเข็มขัดรัดสายตามมุมโคงอีกหน่ึงตัวเพื่อใหการ จับยดึ ใหแขง็ แรงมากขนึ้ ดังรูป รปู ที่ 5.6 การตดิ ตงั้ เขม็ ขัดรดั สายตามมมุ โคง เม่อื ตองโคง สายหลายๆเสน 5.3 วธิ กี ารเดินสายไฟฟา ดวยทอโลหะบาง ทอโลหะบาง ( Electrical Metallic Tubing; EMT ) ทําดวยแผนเหล็กกลาชนิดรีดรอนหรือรีดเย็น หรือแผนเหล็กกลาเคลือบสังกะสี ผิวภายในเคลือบ ดวยอีนาเมล ทําใหผิวทอเรียบท้ังภายใน และภายนอกทอ และมีความมันวาว ปลายทอเรียบทั้ง 2 ดานไมสามารถทําเกลียวได มาตรฐานกําหนด ใหใช ต ัวอักษรสีเขียว ระบชุ นิด และขนาดของทอ เรยี กกันทั่วไปวาทอ EMT ปจ จบุ นั มขี นาดตงั้ แต 1/2\" - 2\" และยาวทอนละ 10 ฟตุ หรอื ประมาณ 3 เมตร ดงั รูป ทอ EMT ใชเดินลอยในอากาศ หรือฝงในผนังคอนกรีตได แตหามฝงดิน หรือฝงในพื้นคอนกรีต ใน สถานที่อันตราย ระบบแรงสูง หรือบริเวณ ท่ีอาจเกิดความเสียหายทางกายภาพ ขนาดทอท่ีมีขายในทองตลาด คือ 1/2\" , 3/4\" , 1\" , 1 1/4\" , 1 1/2\" , 2\" การดัดทอชนิดน้ีใช bender ที่มีขนาดเทากับขนาดทอ สําหรับทอ ที่มขี นาดใหญ อาจใชขอ โคง สําเร็จรปู (Elbow) ทีว่ างขายทวั่ ไปไดเ ชน ขอ โคง 90 องศา ดังรปู
ตวั อยางขอ มลู ทอ EMT แสดงดงั ตาราง ( ของ NIPPON white conduit ) 5.3.1 วธิ ดี ดั ทอ โลหะบางเปน โคง มุมฉาก การดดั ทอแบงออกเปน 2 วธิ ี คือ วิธีท่ี 1 ใชเบนเดอรในการดัดทอ วิธีการ คือ นําทอสอดเขากับเบนเดอร วางลงบนพื้นราบใชเทา เหยียบเบนเดอรืและอกี ขางหนง่ึ เหยยี บที่ใหแนนกับพน้ื จากนัน้ ใชม อื ดึงเบนเดอรเ ขา หาลาํ ตวั วิธีที่ 2 ใชแรงกด วิธีการคือตั้งเบนเดอรใหอยูกับท่ี นําทอสอดเขากับเบนเดอร จากน้ันกดทอ ลง ดานลาง 2.1 ระยะความสงู ของเบนเดอรด ดั ทอ เบนเดอรส าํ หรบั ดดั ทอ จะมรี ะยะความสงู (take up ) ดงั ตาราง ท่ี 5.2 ซึ่งเปนระยะที่ทอถูกดัดใหโคงงอ ดังรูป ใชเบนเดอร 1/2 นิ้ว ดัดทอ1/2 น้ิว โคงทํามุม 90 องศา ระยะ take up เทา กับ 5 นว้ิ ตารางที่ 5.2 ระยะ take up ของเบนเดอร ขนาดเบนเดอร (น้วิ ) ระยะ take up (นว้ิ ) 1/2 5 3/4 6 18
รปู แสดงการดดั ทอ และวดั ระยะ take up 2.2 การคํานวณความยาวจากปลายทอ เชน ตอ งการดดั ทอขนาด ¾ นิ้วใหสูงจากพน้ื 38 นว้ิ วิธกี าร คือใชร ะยะความสงู ลบดว ยระยะ take up (6 นว้ิ ) ดังนัน้ หัวลกู ศรบนเบนเดอรจ ะตรงกบั ระยะ 2 นิ้ว (วดั จาก ปลายทอ) เมอ่ื ดบั เปนมุม 90 องศา จะวัดระยะความยาวจากปลาย ทอ เทากบั 38 น้ิวพอดี ดงั รปู การคาํ นวณความยาวของทอ ¾ น้วิ 5.3.2 วิธดี ดั ทอโลหะบางเปน รูปตวั ยู การดัดทอรูปตัวยู(U) วิธีการคือดัดทอที่ปลายดานหน่ึงใหโคงงอ 90 องศา ลําดับตอไปวัดและทํา เคร่ืองหมาย (mark) บนทอจากจุที่อยูกับท่ี (จุดX) ไปยังจุดท่ีตองดัดทอ (จุด Y) โดยใหจุด Yตรงกับตําแหนง B บนเบนเดอรจากนนั้ คอยๆ ดัดทอ ใหโคง ทํามุม 90 องศา จะไดทอ รูปตวั ยดู ังรูป รปู แสดงการดัดทอ รูปตัวยู (U)
5.3.3 วธิ ีดดั ทอ โลหะบางเปนรูปคอมา การดัดคอมา เรียกอีกอยางวาการทําออฟเซต (OFF SET) หมายถึง การยกระดับความสูงของทอให สงู ข้นึ และโคงงอเทากันแตกระทาํ ในทิศทางตรงกันขา ม วตั ถุประสงคข อง การทาํ OFF SET คอื 1. เพือ่ ตอเขา กบั กลองตอสาย กลอ งสวิตช/ ปลั๊ก 2. เพ่ือดดั ทอ ขามสิง่ กดี ขวาง (ทํา OFF SET จํานวน 2 คร้ัง) การดัดทอคอมาเริ่มจากการดัดทอใหโคงพอประมาณ เมื่อเสร็จแลวใหถอดเบนเดอรออกพลิกทอกลับให อยูในทิศ ทางตรงกันขาม จากนั้นจึงดัดทออีกครั้งหนึ่งจนกระทั่งปลายทอทั้งสองดานขนานกันพอดี เมื่อดัด เสร็จเรียบรอยจะมีลักษณะ ดังรูปที่ 5.15 สําหรับการดัดทอขามส่ิงกีดขวางจะตองดัดออฟเซต จํานวน 2 คร้ัง หรือการดดั 3 ตาํ แหนงลักษณะดงั รปู (ก) และ(ข) การดดั คอมา (OFF SET) การดัดทอ ขา มส่ิงกดี ขวาง (ก) ทําออฟเซต 2 ครัง้ (ข) การดัด 3 ตาํ แหนง 5.3.4 การรอยสายไฟฟาเขาทอ รอ ยสาย การรอยสายเขาทอ เครื่องมือท่ีใชรอยสายไฟฟาเขาไปในทอเรียกวาฟสเทป (fish tape) ทําจากเหล็ก ที่ มีความเหนียวและที่บริวณปลายฟสเทปจะทําเปนหวงคลองเขากับสายไฟฟาเพ่ือปองกันสายหลุดขณะที่ กําลังรอยสายลักษณะดังรูป การรอยสายควรปฏิบัติงานอยางนอยสองคนกลาวคือคนหน่ึงสงสายและอีกคน หนง่ึ ดงั สายบางครั้งอาจจะตอ งใชส ารลดความฝดแตตอ งไมเปนอันตรายกับฉนวนของสายไฟฟา การประกอบทอ EMT
การรอยสายเขาทอ 5.4 วธิ กี ารเดนิ สายไฟฟาดว ยทอ พีวซี ี ทอ พวี ีซีทใี่ ชรอ ยสายไฟฟาเปนทอ พวี ีซีสเี หลืองหรือสขี าว ใชติดตั้งในผนงั พืน้ และเพดาน กรณีทเี่ ดินใน ที่โลงตองเปนบริเวณท่ีไมมีอะไรมากระทบกระแทก และหามใชเดินกลางแจง สวนการติดต้ังและรอยสายมี หลักเกณฑเ ชนเดยี วกบั ทออีเอม็ ที (EMT) การตัดทออีเอ็มที ทออีเอ็มทีสามารถใชเลื่อยเหล็กตัดใหขาดได เม่ือตัดแลวทอจะปรากฏมีรอยตัดท่ี แหลมคม เศษโลหะโผลออกมาเตม็ ไปหมด จึงจาํ เปน ตองมกี ารขจัดสง่ิ เหลาน้ีออกไปดว ยการใชเครอื่ งมอื การดัดตออีเอ็มที การตัดทอเดินสายไฟนี้จะตองมีความระมัดระวังและใชความชํานาญพอสมควร อาศยั เทคนคิ พรอมเครอ่ื งมือที่ใชใ นการดดั ทอ ใหโ คงงอเปนไปในลักษณะตา ง ๆ การดัดทอเปนมุม 90 องศา ทอดัด 90 องศา ใชในกรณีมุม 90 องศา ตามระยะที่กะไว ใหสังเกตวา ระยะที่กะและทําเคร่ืองหมายไวบนทอนั้นจะตองเปนระยะท่ีรวมถึงระยะท่ีเครื่องมือน้ันทาบไปชนทอนั้นดวย หากวางเครอ่ื งมอื ไปชนทอ ในระยะทีถ่ กู ตอ ง รอยโคง งอท่ีเกิดข้นึ กจ็ ะถูกตองตามท่ีตอ งการ
5.5 การตอสายไฟฟา การตอสายไฟฟาเขาดวยกันคือ การตอตัวนําตั้งแต 2 สายหรือมากกวาใหเปนตัวนําอันเดียวกัน ดวย การบิดตีเกลียวตัวนําเหลาน้ันดวยมือ คีม หรือเครื่องมือสําหรับการตอสายไฟ ดวยเหตุที่การตอสายไฟเขา ดว ยกนั น้ีมกั จะกอ ใหเกิดปญ หาขน้ึ บอยๆ ดังนนั้ จึงตอ งทาํ อยางระมดั ระวัง รอยตอสายไฟจะตองมคี วามทนทาน ตอแรงที่กดทับรอยตอน้ัน และกระแสไฟฟาจะตองสามารถไหลผานตัวนําสายไฟท่ีมิไดขาดจากกัน ถารอยตอ น้ันตีเกลียวหลวมไปจะนํากระแสไฟฟาไดไมดี และเกิดความรอนขึ้นเนื่องจากความตานทานของรอยตอนั้น และจะเกดิ ความเสยี หายข้นึ ได จุดประสงคของการตอสายไฟ ตองการใหแนน, แข็งแรง, ตรงรอยตอสัมผัสกันมากท่ีสุดและ แลดู สวยงาม การตอ สายไฟฟามีวธิ ีตอ ไดห ลายแบบ เครื่องมือในการตอสายไฟ ไดแก มีดคัทเตอร คีมปอกสายไฟ คีมปลายแหลมหรือคีมผสม เทปพัน สายไฟ 5.5.1 วธิ กี ารปลอกฉนวนสายไฟฟาดว ยมดี และคีม การปอกสายไฟฟา การปอกสายไฟฟาใหเหมาะสมกับการใชงาน และทาใหสายไมหักงองายทาไดโดยใชมีดปอก ฉนวนไฟฟา ออกในลักษณะเดยี วกบั การเหลา ดนิ สอ โดยใหฉ นวนเปน มุมประมาณ 30 องศา ดงั แสดงในรปู การ ท่ไี มปอกสายตรงๆเพราะจะทาใหสายไฟฟาเปน รอยและหักงาย
5.5.2 การตอสายไฟฟาเขากับหลักตอสาย การตอลงดนิ สาํ หรับระบบสายไฟฟา ภายในอาคารประกอบดวย 2 สว น คือ • การตอลงดินของระบบไฟฟา คือการตอระบบไฟฟาลงดินท่ีแผงเมนสวิตช (ตูเมนไฟฟา) ซ่ึงมาตรฐาน การติดต้ังทางไฟฟากําหนดใหตอสายเสนนิวทรัลลงดินโดยใชสายตอหลักดินผานลงไปท่ีหลักดินซึ่งฝง ลงไปในดิน โดยใหทําที่แผงเมนสวิตชเพียงจุดเดียวและไมใหมีการตอสายนิวทรัลเขากับสายดินท่ีจุด อนื่ ใดอกี • การตอลงดินของอุปกรณไฟฟา คือการเดินสายดินจากอุปกรณไฟฟาไปตอลงดินท่ีแผงเมนสวิตช โดย ใชหลักดินเดียวกันกับการตอลงดินของระบบไฟฟาในขอ1 สายดินเปนสายท่ีเดินเพ่ิมข้ึนอีกหน่ึงเสน จากสายเสนไฟและสายนิวทรัล โดยตอจากโครงหรือสวนท่ีเปนโลหะเปดโลงของอุปกรณไฟฟา เชน ดานหลังของตูเย็น , เคร่ืองปรับอากาศ , ไมโครเวฟ เปนตน ผานสายดินกลับไปท่ีแผงเมนสวิตชและ ตอ ลงดินทีห่ ลกั ดนิ ซงึ่ ในภาวะปกติสายดินจะไมม ีกระแสไฟฟา ไหลผาน เวนแตก รณที ่ีมีไฟรวั่ ท่ีอุปกรณ ไฟฟา กระแสไฟฟาจะไหลผา นสายดินไปลงดิน ทําใหไมเกิดอันตรายตอตัวบุคคลท่ไี ปสัมผัสบริเวณทม่ี ี ไฟรว่ั 5.5.3 การตอสายไฟฟา แบบหางเปย เปน การตอสายแบบไมร บั แรงดึง เหมาะสําหรับการตอสายไฟทม่ี ีขนาดเทากนั เชน ตอ ภายในกลองตอ สาย เริ่มตนดวยการใชคัทเตอรหรือคีมปอกสายไฟ ปอกฉนวนที่หุมสายออกขางละประมาณ 2 นิ้ว ใชคีมจับ สายไฟท้ังสองเสนไว แลวใชคีมปากจ้ิงจกหรือคีมปากจระเขมาบิดเปนเกลียวใหแนน จากนั้นใชคีมมาตัดเสน ทองแดงสวนปลายออกหรือใชคีมพับหรืองอปลายสายก็ได แลว บบี ใหแ นน โดยใหเหลือความยาวประมาณ 1-2 เซนตเิ มตร กอ นพันดว ยเทปพนั สายไฟหรือสวมดวยไวรน ทั (Wire Nut)
5.5.4 การตอ สายไฟฟาแบบตัวที การตอแยกสาย คือการตอแยกสายออกเปน 3 ทางหรือ 4 ทาง แลวแตงานซ่ึงแยกออกตามประเภท ของงาน คอื ก. แยกแบบเสน เดยี ว ข. แยกแบบหลายเสน 1. ทาํ การปอกสายไฟเสนทต่ี อ งการแยกประมาณ 1 น้วิ 2. ทาํ การปอกสายท่ีจะแยกออกประมาณ 3 น้ิว 3. วางปลายสายที่จะแยกลงบนเสน ที่ไมแยกตรงปอกแลว 4. ใชค มี ดึงและบิดเปนเกลียวใหแนน 5.5.5 การตอสายไฟฟา แบบตอ ตรง การตอสายเดี่ยวหรอื แบบตอตรงทาํ ดังนค้ี ือ 1. ทําการปลอกสายที่หุมฉนวนออกเสนละประมาณ 3 นว้ิ 2. ทาํ การขดุ ทาํ ความสะอาดสาย 3. เอาปลายทงั้ สองบดิ เขา หากันเปนเกลียว 4. ใชค มี บีบใหแ นน
Search