การศึกษา การวิจัย การทดลองเป็นต้น โดยสรุปชื่อโครงการควรจะตอบคาถามได้ว่า ทาอะไร กับใคร ที่ไหน เม่อื ไร ตัวอยา่ ง ชือ่ โครงการ อุตสาหกรรม - การสร้างชดุ การควบคมุ การเปดิ ปิดม่านอัตโนมตั ิ - การพัฒนาชดุ สาธิตการทางานในระบบไฮดรอลกิ - การสรา้ งเคร่ืองตบแต่งฐานผลติ ภัณฑเ์ ซรามิค - การพฒั นาปรบั ปรุงระบบโทรทัศน์วงจงปิดแผนกไฟฟ้ากาลัง - การสร้างเครอ่ื งมอื กดสปิงโช้คอัพ - การสรา้ งมา้ น่ังคอนกรีตเสรมิ เหล็กสาหรบั การจัดการเรยี นร้บู ูรณาการแบบขา้ มวิชา - การพัฒนาเครือ่ งทอผา้ ควบคมุ ลายด้วยคอมพิวเตอร์ - การสรา้ งเตาเผาขยะไรค้ วนั ตวั อยา่ ง ชอ่ื โครงการ พาณชิ ยกรรม - การดาเนินธุรกิจจาหน่ายผลิตภัณฑ์เบเกอรี่เพ่ือหารายได้ระหว่างเรียน ของนักศึกษา วิทยาลยั …… - การศึกษาความเป็นไปไดใ้ นการเปดิ รา้ นกาแฟสดในสถานศึกษากรณีศกึ ษาวิทยาลยั ......... - ความรู้ความเข้าใจและทัศนคติของผู้ทางานฝ่ายบัญชีการเงินของสานักงาน อบต. ต่อการนา โปรแกรมบัญชีสาหรับ อบต. มาใช้ - การดาเนนิ ธุรกจิ การจัดพิมพ์เอกสารและสาเนาเอกสารในสถานศกึ ษา - การสารวจความพึงพอใจและสมรรถนะในการปฏิบัติงานเลขานุการในสถานประกอบการ ของ วิทยาลัย....... ตวั อยา่ ง ชอื่ โครงการ คอมพิวเตอร์ธรุ กิจและสารสนเทศ - การนาความร้สู นู่ อ้ ง ด้วยโปรแกรม Microsoft Power Point 2003 แกน่ ักเรียนโรงเรียน. - Web Site สูช่ มุ ชน - การใช้โปรแกรม Microsoft Access 2003 ในการจัดการฐานข้อมูลการเข้าใช้บริการ หอ้ งพยาบาลของนกั ศึกษา........... ตัวอยา่ ง ชื่อโครงการ คหกรรม - การเพิม่ คณุ ค่าทางโภชนาการในเส้นบะหม่สี ดด้วยผกั โขม - การสรา้ งชุดตัดผมจากผ้าไมท่ อ - การพฒั นาเคร่อื งมือแกะสลักของออ่ น - การเกบ็ รกั ษาชนิ้ งานแกะสลักเคร่ืองสดด้วยน้าสมุนไพรไทย ตัวอยา่ ง ชื่อโครงการ ศลิ ปกรรม
- แจกันประดษิ ฐร์ กั ษโ์ ลก - การออกแบบตัวอกั ษรปา้ ยจราจร เพื่อความปลอดภยั - การพัฒนาวสั ดบุ รรจุภณั ฑ์จากธรรมชาติในทอ้ งถนิ่ เพอื่ เพิม่ มูลค่าทางการคา้ ตัวอยา่ ง ช่อื โครงการ อุตสาหกรรมทอ่ งเท่ยี ว - การศกึ ษาความพงึ พอใจของนกั ทอ่ งเทยี่ วท่มี ีต่อการบริการจัดนาเท่ียว - การศึกษาความเป็นไปได้ของแหลง่ ท่องเที่ยวในชุมชน - การพฒั นาสตู รเคร่ืองด่ืมจากนา้ สมนุ ไพรไทย - การศึกษาความพึงพอใจของผู้เขา้ พักโรงแรมท่ีมตี ่อระเบียบการหา้ มสบู บหุ รใี่ นโรงแรม ตวั อย่าง ช่ือโครงการ เกษตรกรรม - การศกึ ษาเปรียบเทยี บผลผลิตเห็ดฟางโดยใชอ้ าหารเสริมทแี่ ตกต่างกัน - การพัฒนาผลติ ภณั ฑ์สารชีวภาพกาจดั มดในบ้านเรอื น - การใชจ้ ุลินทรีย์ทอ้ งถนิ่ ในการผลติ ปุ๋ยหมักชีวภาพแบบระบายอากาศอัตโนมตั ิ
2. คณะผจู้ ัดทาโครงการ ระบุรายช่ือ นามสกุล ของคณะผู้จัดทาโครงการ ให้ครูผู้สอนพิจารณาความเหมาะสม อาจจะเป็นงานเดี่ยว หรืองานกลุ่ม เพื่อให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดในการประกันคุณภาพ งานกลุ่มใน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) กลุ่มละ 3 คน และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) กลมุ่ ละ 2 คน 3. ความเปน็ มาของโครงการ ระบุที่มาของโครงการ ชี้ให้เห็นถึงสภาพที่เป็นอยู่ปัญหาท่ีเกิดข้ึน เหตุผลสาคัญท่ีทาให้ ต้องทาวิจัยเร่ืองน้ี ใช้วิธีการอะไรในการแก้ปัญหา หรือนามาใช้ในการพัฒนาทาไมจึงเลือกวิธีการน้ัน ผลการวิจัยท่ีได้ก่อใหเ้ กิดประโยชน์อะไร ใครคอื ผู้ได้รับผลประโยชน์เหลา่ น้ัน ตัวอยา่ ง การเขียนความเปน็ มาโครงการ ชอื่ โครงการ การสร้างชดุ การควบคมุ การเปิด ปิดมา่ นอัตโนมตั ิ มา่ นทใ่ี ชใ้ นสานกั งาน อาคารหรอื บา้ นเรอื น ตดิ ตัง้ เพื่อช่วยในการควบคมุ ปริมาณแสง ทส่ี อ่ งเข้ามาในพืน้ ท่ใี ชง้ านมใิ หม้ แี สงทมี่ ากหรอื น้อยเกินไป จะส่งผลเสยี ต่อสายตาของผอู้ าศยั ในอาคาร ในปัจจุบันการปิด – เปิดม่านยังใช้คนเป็นผู้ทาหน้าที่ปิด – เปิดม่านจะมีความล่าช้า ถา้ มปี รมิ าณมาก หรือมีอปุ สรรค ถา้ บรเิ วณทป่ี ดิ - เปิดคับแคบ มีสงิ่ กีดขวาง ดังนั้นจึงมีแนวคิดจะสร้างชุดควบคุมการปิด - เปิดม่านอัตโนมัติ แทนการใช้ แรงงานคนเพอื่ ให้เกิดความสะดวกสบายในการปดิ - เปดิ มา่ นในอาคาร 4. วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ การเขียนวัตถุประสงค์ของโครงการ คือ การระบุให้ทราบว่าโครงการน้ีจะทาอะไร ควร เขียนให้ชัดเจน เฉพาะเจาะจง วัตถุประสงค์จะต้องสอดคล้องกับความเป็นมาของโครงการและ ชื่อเรอ่ื ง ตอ้ งสามารถวดั ได้ ถ้ามีหลายข้อ วัตถุประสงคห์ ลักควรข้นึ เปน็ ขอ้ แรกในกรณีที่มีหลายขอ้ ตัวอยา่ งการเขียนวตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือสร้างชดุ ควบคุมการปดิ - เปดิ ม่านอตั โนมัติ 2. เพื่อหาประสิทธภิ าพของชดุ ควบคุมการปิด - เปิดม่านอัตโนมตั ิ 5. ขอบเขตของโครงการ การเขียนขอบเขตของโครงการควรจะระบุให้เห็นว่าจะศึกษาเก่ียวกับอะไร กับใคร ท่ไี หน นน่ั คอื ควรจะระบุถงึ ขอบเขตของประชากรเป้าหมายเนอื้ หาสาระท่จี ะศึกษา ตวั แปรทีจ่ ะศึกษา ตวั อย่างการเขยี นขอบเขตของโครงการ 1. จดั ทาชดุ ควบคุมอตั โนมตั ปิ ดิ - เปดิ มา่ นในแนวนอนทีม่ นี ้าหนกั ได้ไมเ่ กนิ 10 กก. 2. ชดุ ควบคมุ อัตโนมตั ิปิด - เปิดมา่ นโดยใชป้ ริมาณแสงเป็นตัววัด 6. ประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะไดร้ ับ
การเขียนประโยชนท์ ่คี าดว่าจะได้รับ ควรระบใุ หเ้ หน็ ถงึ ผลทีต่ ามมาว่า เมอ่ื ไดผ้ ลการวิจัย แล้วจะนาไปใชป้ ระโยชนอ์ ะไร ตัวอยา่ งการเขยี นประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะได้รบั 1. เพื่อความสะดวกในการปิด- เปิดมา่ น 2. เพ่อื ปรบั สภาพแสงให้เหมาะสมกบั การมองเห็นของสายตา 3. เพอ่ื ประหยดั พลังงานไฟฟ้าจากแสงสวา่ งของหลอดไฟ 7. นยิ ามศัพท์ การเขียนนิยามศัพท์ คือการให้ความหมายของตัวแปรหลักที่ทาการศึกษา หรือให้ ความหมายของเปา้ หมายท่ีต้องการพฒั นา ตวั อย่างการเขียนนิยามศัพท์ ม่าน หมายถึง อุปกรณ์ท่ีใช้ในการปิด - เปิดเพ่ือควบคุมปริมาณ แสงท่ีส่อง เขา้ มาในอาคาร ชุดควบคุมการปิด - เปิดม่านอัตโนมัติ หมายถึง ชุดวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ท่ีสามารถทางานด้วยพลังงานไฟฟ้าในการควบคุมการปิด - เปิดม่านได้ด้วยตนเองโดยการตรวจสอบ จากปรมิ าณแสง ประสิทธิภาพของชุดควบคุมการปิด - เปิดมา่ นอตั โนมัติ หมายถึง ความสามารถ ในการปิด - เปิดมา่ นท่ีมนี า้ หนกั ไดไ้ มเ่ กนิ 10 กก. โดยใชป้ ริมาณแสงในการปดิ เปดิ 8. วธิ ีดาเนินโครงการ การเขียนวิธีดาเนินการโครงการ คือ การอธิบายให้ทราบถึงแนวทางท่ีจะปฏิบัติ ใน แต่ละขั้นตอน ซ่ึงจะต้องเขียนให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม เพื่อให้ผู้ที่สนใจมาอ่านโครงการน้ี รู้ว่าผู้วิจัย จะดาเนนิ การอย่างไร ประเด็นทคี่ วรระบุในวธิ ดี าเนินการโครงการไดแ้ ก่ 1.1 รปู แบบของการวจิ ัย ผู้วิจัยควรระบใุ หท้ ราบว่าจะใช้วธิ กี ารวิจยั แบบใด รูปแบบ ชนดิ ไหนในการดาเนนิ การ เช่น วจิ ัยเชงิ ทดลอง วิจัยเชงิ สารวจ วิจัยและพฒั นา 1.2 การสุ่มตัวอย่าง (ถ้ามี) ประเด็นนี้ผู้วิจัยจะต้องอธิบายวิธีการสุ่มตัวอย่าง ถ้าผู้วิจัยวางแผนว่าจะรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยต้องเขียนให้ชัดเจนว่าในแต่ละขั้นตอน ของการสุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยทาอย่างไร แต่ถ้าผู้วิจัยวางแผนว่าจะรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยของ ประชากรเป้าหมาย หัวข้อนไี้ ม่ต้องมี 1.3 เครื่องมือที่ใช้ในการดาเนินโครงการ ประเด็นนี้ผู้วิจัยสามารถเขียน เปน็ 2 ประเดน็ ยอ่ ย คือ ประเดน็ ของขน้ั ตอน ตัวอยา่ งการวิธดี าเนนิ โครงการ
1. รปู แบบของการวิจัยครั้งนใ้ี ชร้ ปู แบบการวจิ ยั พัฒนา 2. เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการดาเนนิ โครงการ 2.1 เคร่ืองมือที่ใช้ในการพัฒนา ได้แก่ ชุดอุปกรณ์วงจรในการควบคุมแสง มอเตอร์ขับเคลือ่ นม่าน อุปกรณต์ ิดตง้ั ม่าน เครือ่ งช่ังนา้ หนัก 2.2 เคร่อื งมือทใี่ ชใ้ นการรวบรวมข้อมลู ใช้แบบบนั ทกึ ผลการทดลอง 3. การรวบรวมข้อมูล โดยวิธีการทดลองแล้วบันทึกผลการทดลองลงใน แบบบนั ทกึ ผลการทดลอง 4. การวิเคราะหข์ อ้ มูล โดยใชค้ ่าความถแ่ี ละร้อยละ 9. แผนการดาเนนิ การตลอดโครงการ การเขียนแผนดาเนินการ ผู้วจิ ยั ควรระบุขน้ั ตอนและระยะเวลาดาเนินการ โดยจดั ทา เป็นตารางแสดงระยะเวลาในการดาเนินโครงการ ซ่ึงการทาแผนดาเนินการจะทาให้ผู้วิจัยที่เป็น นกั ศึกษาสามารถวางแผนงานไดช้ ัดเจน และเป็นเคร่ืองมือในการตดิ ตามผลการดาเนินงานให้นกั ศึกษา สามารถทาโครงงานไดส้ าเร็จตามระยะเวลาทกี่ าหนด กิจกรรม สัปดาห์ท่ี 1.ศกึ ษาเอกสารทีเ่ กี่ยวข้อง 1 2 3 3 5 6 7 8 9 10 11 12 13 13 15 16 17 18 2.จัดทาและเสนอโครงการ 3.สรา้ งเครอื่ งมือรวบรวม ขอ้ มลู 4.พัฒนาผลิตภณั ฑ์ 5.นาผลิตภณั ฑไ์ ปทดลองใช้ 6.แก้ไขปรับปรงุ ผลิตภัณฑ์ 7.นาผลติ ภัณฑไ์ ปใช้ 8.รวบรวมข้อมลู 9.วิเคราะหข์ ้อมูล 10.เขียนรายงาน 10. งบประมาณ
สรุปงบประมาณการดาเนินโครงการ ควรคิดเงินงบประมาณตามกิจกรรมที่จะต้อง ดาเนินงาน จะทาให้การกาหนดงบประมาณใกล้เคียงกับท่ีควรจะเป็น (หัวข้องบประมาณจะมีหรือ ไม่มีกไ็ ด้ข้ึนอยกู่ บั สถานศึกษา) 11. เอกสารอ้างอิง เอกสารทุกเล่มท่ีอ้างถึง ต้องปรากฏอยู่ในเอกสารอ้างอิง โดยเขียนตามรูปแบบท่ี สถาบันกาหนด โดยทั่วไปเอกสารภาษาไทย จะเรียงลาดับตามตัวอักษรของชื่อต้นและเอกสาร ภาษาองั กฤษเรียงลาดบั ตามช่อื ท้ายของผูเ้ ขียน บทบาทของครูผสู้ อนและครูฝึก 1. ให้คาปรึกษาแนะนากระตุ้นให้นักเรียนนักศึกษาระบบทวิภาคีคิดหัวข้อโครงงาน/ โครงการ 2. ให้ความร้ดู า้ นทฤษฏีหลกั การกระบวนการวิธกี ารคิดและยุทธศาสตร์การคดิ 3. ให้คาแนะนาชีแ้ นะแหลง่ ข้อมลู แหลง่ ความรแู้ ละวิธกี ารดาเนินงานทถ่ี ูกตอ้ ง 4. ให้ความรทู้ กั ษะและเทคนคิ ในการทาโครงงาน/โครงการ 5. จัดงบประมาณอปุ กรณส์ นบั สนุนโครงการ (ถา้ มี) 6. ตดิ ตามความก้าวหน้าในการปฏบิ ัตงิ านของนักเรียนนักศึกษาระบบทวภิ าคีแต่ละสัปดาห์ 7. ร่วมเปน็ กรรมการตรวจสอบโครงงาน/โครงการ 8. ประชาสมั พันธเ์ ผยแพรผ่ ลงานโครงงาน/โครงการไปสสู่ าธารณชนและสถานประกอบการ บทบาทของนักเรยี นนักศกึ ษาระบบทวิภาคผี ู้ทาโครงงาน/โครงการ 1. เลือกหวั เรื่องท่ีตนมีความสนใจ 2. ค้นคว้าขอ้ มลู ข่าวสารเกีย่ วกับเรื่องท่ที าให้มากทสี่ ดุ ที่จะเป็นไปได้ จากแหลง่ ค้นควา้ ต่างๆ 3. เตรยี มและจดั ระบบ จัดเคร่ืองมอื เตรียมการนาเสนอใหน้ า่ สนใจ 4. จดั แสดงผลงาน
ใบเน้อื หาที่ 4.3 การออกแบบการเรียนรู้ ลาดับข้นั ในการถ่ายทอดความรู้ และการฝกึ ปฏิบัติการสอนงาน (Coaching Workshop) สาระสาคญั ลาดับขนั้ ในการสอนงาน เรมิ่ ดว้ ยการเกร่ินนาเปิดการสอน ช้ีแจงวัตถุประสงค์ของการสอนงาน แนะนาภาพรวมของงาน อธิบายข้ันตอนการปฏิบัติงานทีละขั้นๆ การเน้นจุดสาคัญในการปฏิบัติงาน แตล่ ะขนั้ ตอน การสาธิตตรวจสอบความเข้าใจให้ถูกต้อง ให้นักเรยี นนักศกึ ษาระบบทวิภาคี ได้ทบทวน จุดสาคัญในการปฏบิ ัตงิ านแตล่ ะขน้ั ตอน มีการตั้งคาถามเพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ วัตถปุ ระสงคท์ ่ัวไป เพอ่ื ให้มอี งคค์ วามรเู้ กี่ยวกับการสอนงานท่ีครบถ้วน สมบูรณ์ วัตถุประสงค์เชงิ พฤติกรรม 1. เพอื่ ใหม้ ีทักษะในออกแบบการเรียนรแู้ ละการสอนงาน 2. เพ่อื ใหเ้ กิดความมน่ั ใจในการสอนงานมากขนึ้ 3. เพือ่ เพมิ่ พูนทัศนคติที่ดใี นการสอนงานใหม้ ากขึน้ 4. เพอ่ื แก้ไขปรบั ปรงุ พฤติกรรมในการสอนงาน 5. เพือ่ สามารถนาความร้ทู ่ีไดร้ บั ไปประยุกตใ์ ชใ้ นการปฏบิ ัติงานจริง ลาดบั ขั้นในการถา่ ยทอดความร้ใู นการสอนงาน การฝึกปฏิบัติการสอนงาน เป็นการทดลองทาการสอนงาน เพ่ือประเมินทักษะด้านการสอน งานของครูฝึกภายหลังจากไดร้ ับการฝึกอบรมไปแล้ว อนั จะทาให้ครฝู ึกเกิดความมั่นใจในการสอนงาน ของตน และเป็นการเพ่ิมพูนทัศนคติที่ดีต่อการสอนงานมากยิ่งขึ้น โดยหลังจากได้ฝึกปฏิบัติการจัดทา แบบซอยงาน (Operation Breakdown Sheet) ไปแล้วก็ให้ฝึกปฏิบัติเพื่อทดลองการสอนงาน ตามลาดับข้ันตอนของการสอนงานท่ถี ูกตอ้ ง 1. Introduction 2. Task Overview 3. Step by Step 4. Key Points 7. Asking Questions
5. Demonstration 6. Review of Key Points ขน้ั ท่ี 1 Introduction - เกริ่นนาเปดิ การสอน และแนะนาตนเอง - ชแี้ จงวตั ถปุ ระสงคข์ องการสอน - แจง้ รายละเอียดของการสอนงานให้ชัดเจน ขน้ั ที่ 2 Task Overview - แนะนาภาพรวมของงานทจ่ี ะตอ้ งสอน - อาจใช้วธิ บี รรยาย หรือใหอ้ ่านเอกสาร หรือให้ศึกษาด้วยตนเองจากสอ่ื การสอนต่าง ๆ ขั้นที่ 3 Step by Step - อธิบายข้นั ตอนการปฏบิ ัตงิ านทีละขน้ั ๆ ตามลาดับ - ต้องให้นักเรียนนักศึกษาระบบทวิภาคีได้เห็นถึงขั้นตอนวิธีการปฏิบัติ อย่างถกู ตอ้ งชดั เจน - ตอ้ งแจ้งเกณฑม์ าตรฐานผลงานท่ีต้องการ ข้ันที่ 4 Key Points - ต้องเน้นย้าจุดสาคัญในการปฏิบัติงานแต่ละขั้นตอนและมาตรฐานผลงาน ที่กาหนดไว้ ขั้นที่ 5 Demonstration - ตอ้ งสาธติ การปฏิบัติงานให้ดอู ยา่ งชดั เจน - ตอ้ งแสดงทลี ะข้ันตอนอย่างชา้ ๆ เขา้ ใจง่าย - อาจจะมีการอภิปรายประกอบบา้ งเลก็ น้อย ขน้ั ท่ี 6 Review of Key Points - ตอ้ งใหผ้ เู้ ข้าอบรมได้ทบทวนจุดสาคญั ในการปฏบิ ัตงิ านแตล่ ะขัน้ ตอนด้วยตนเอง - ตอ้ งตรวจสอบความเข้าใจใหถ้ กู ต้องตามข้อ 4 ขั้นท่ี 7 Asking Questions - ต้ังคาถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนนักศึกษาระบบทวิภาคี ในประเด็นสาคัญ - ถ้านกั เรยี นนกั ศกึ ษาระบบทวภิ าคยี งั ไมเ่ ข้าใจกใ็ ห้ยอ้ นกลบั ไปชี้แจงซา้ ในข้นั ตอนท่ี 4 บคุ ลกิ ภาพในการสอนงาน
บุคลิกภาพถือเป็นองค์ประกอบที่สาคัญอย่างหนึ่งต่อความสาเร็จในการสอนงาน เพราะ บุคลิกภาพจะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือต่อตัวครูฝึกงาน และดึงดูดความสนใจของนักเรียน นักศึกษาระบบทวิภาคี บุคลิกภาพในการสอนงานที่ครูฝึก หรือครูฝึกงานทุกคนควรปรับปรุง ได้แก่ 1. การแตง่ กาย - สะอาด เรยี บร้อย สมบุคลกิ - ถกู กาลเทศะ และเหมาะสมกับสถานการณ์ 2. การพดู การพูดจะสะท้อนบคุ ลิกภาพของครูฝกึ เชน่ พดู เสียงค่อย แสดงถงึ ขาดความมนั่ ใจ พูดเสียงดัง แสดงถงึ ความมั่นใจในเร่ืองท่พี ูด ใช้โทนเสียงเดยี ว ทาให้ ผ้ฟู งั เกดิ ความเบื่อหนา่ ย ใชค้ าบางคาซา้ ๆ กนั ทาให้ ผ้ฟู ังสนใจคาพดู นั้นมากกว่าเนอ้ื หา พดู เรว็ หรอื ช้าเกินไป ทาให้ ผูฟ้ งั ตามไมท่ ันหรือเบ่ือหน่าย ใช้ศัพท์ไมเ่ หมาะสม ทาให้ ผฟู้ งั ไม่เข้าใจ และไม่เหมาะกับกาลเทศะ ดังนนั้ ครูฝกึ จะตอ้ งฝึกฝนการพดู และการใช้น้าเสยี ง ดังน้ี - เสียงดัง ฟังชัดท่ัวถงึ ทุกคน (ไม่ดังหรือค่อยจนเกินไป) - มีการพดู เน้น ย้า ความสาคัญ - ใช้เสียงสูง ตา่ หนัก เบา ใหค้ ล้องจองกับเร่ืองที่พดู - ออกเสียงคาควบกล้าใหถ้ ูกต้อง - ปรับระดบั เสียงให้พอเหมาะกับสภาพแวดลอ้ ม - เวน้ จังหวะ วรรคตอนในการพูดให้เหมาะสม - น้าเสียงไม่หว้ น และไม่ชา้ เนบิ นาบ 3. การยนื /นงั่ ทเ่ี หมาะสม จะแสดงใหเ้ หน็ บคุ ลกิ ภาพ โดยรวมของครฝู ึกทา่ ทเ่ี หมาะสมคือ - เท้าทง้ั สองแยกหา่ งกนั พอควร - ยืนใหน้ า้ หนักอยู่บนเทา้ ท้ังสอง - ปลอ่ ยแขนตามสบาย - นั่งตัวตรงเปน็ ธรรมชาติ ไมน่ งั่ โยกเกา้ อี้ - ไม่นั่งไขวห่ ้าง และไมก่ ระดิกเท้า
4. การเคลื่อนไหว การเคล่ือนไหวจะช่วยให้ครูฝึกลดความประหม่าลงได้ เพราะถ้ายืนอยู่กับที่ มักจะแสดงอาการประหม่าออกมาชัดเจนกว่า นอกจากน้ีจะช่วยให้นักเรียนนักศึกษาระบบทวิภาคีได้ บริหารสายตาอยูต่ ลอดเวลา แตท่ ีส่ าคัญ ครฝู ึกอยา่ เคลือ่ นไหวมากเกินไป หรือเรว็ เกนิ ไป 5. การใชส้ ายตา - มองอยา่ งทัว่ ถึง - สายตาเป็นมติ ร การใช้สายตาจะทาให้นักเรียนนักศึกษาระบบทวิภาคีเห็นได้ว่า ครูฝึกมีความตั้งใจ และ กระตือรือร้นในการสอนมากน้อยเพียงใด ครูฝึกควรจะกวาดสายตาท่ีเปน็ มิตรมองดูนักเรียนนกั ศึกษา ระบบทวิภาคอี ยา่ งทั่วถึงทุกคน เพอ่ื แสดงใหเ้ หน็ ว่า นักเรียนนกั ศึกษาระบบทวิภาคที ุกคนมีสว่ นร่วมใน การเรียน ซึ่งจะส่งผลให้นักเรียนนักศึกษาระบบทวิภาคีรู้สึกว่าตนเองมีความสาคัญ โดยเป็นส่วนหน่ึง ของชนั้ เรยี น และมีส่วนรว่ มในการเรยี นนนั้ ๆ ดว้ ยทกุ คร้ัง 6. การแสดงสีหน้า การใช้สีหน้าประกอบการพูด จะทาให้นักเรียนนักศึกษาระบบทวิภาคี คล้อยตามเร่ืองท่ีพูดได้ดีกว่า เพราะได้เห็นภาพและอารมณ์ของเรื่องท่ีพูดถึงได้ชัดเจนข้ึน ช่วยดึงดูด ความสนใจของนักเรยี นนกั ศึกษาระบบทวิภาคี 7. การใช้มือ การใช้มือจะช่วยขยายความในส่ิงที่กาลังพูดได้ดีข้ึน เช่น พูดถึงจานวนตัวเลข ก็ยกนิ้วขึ้นมา จะช่วยให้คนบางคนที่ได้ยินไม่ชัดสามารถมองเห็นได้ว่าครูฝึกพูดถึงจานวนเท่าไหร่ ทาใหห้ นักแน่น เป็นธรรมชาติ - ใช้มือเม่ือต้องการเสรมิ คาพูด - จงั หวะพอดีกับการเปล่งคาพูด - ไมค่ วรใชต้ ่ากว่าเอว หรอื สูงกวา่ ไหล่ - ไมใ่ ช้ซ้าซาก 8. ภาษาท่ีใช้ ภาษาพดู เป็นสิ่งทใ่ี ชส้ ือ่ สารกับนักเรยี นนกั ศึกษาระบบทวิภาคีมากท่ีสดุ ครูฝึกจึงต้องฝกึ ฝนการพูดโดย - เปน็ ภาษาพดู ที่เปน็ ธรรมชาติ - เป็นภาษาทีเ่ หมาะสมกบั ระดับของผู้ฟงั - กะทัดรัด ชดั เจน ไม่คลมุ เครอื หรอื ไม่ต้องตคี วาม - เป็นภาษาทท่ี นั สมยั แต่ไมล่ ้าสมยั จนเกินไป - เป็นภาษาทีแ่ สดงถงึ รสนิยมท่ดี ี - กอ่ ให้เกดิ ภาพลักษณ์ - ไม่พดู แบบทอ่ งจา
- ไมใ่ ชค้ าซา้ ซาก 9. อารมณข์ นั อารมณ์ขนั ถือเป็นเทคนคิ อยา่ งหนึง่ ท่ีช่วยเสริมบุคลิกครูฝกึ ให้น่าสนใจมากย่ิงข้ึน ทาให้การเรียน การสอนไม่เครยี ด ผ่อนคลายและมีชวี ติ ชวี ามากข้ึน ซึ่งก็ต้อง นาออก มาใชใ้ ห้ถกู ต้องตามสถานการณ์ โดยไม่พร่าเพรื่อ จนเกนิ ไปก็จะทาให้การฝึกอบรมมสี ีสนั นา่ สนใจมากขนึ้ การสอดแทรกกิจนิสัยทีด่ ใี นการทางาน ครูและครูฝึกจะต้องสอดแทรกและปลกู ฝังค่านยิ มและกิจนิสยั ท่ดี ีในการทางานให้กบั นกั เรียน นักศึกษาทวิภาคี ได้แก่ ความรับผิดชอบในการทางาน ความซื่อสัตย์ ความขยันหม่ันเพียร จิตสานึก การทางานอย่างมีคุณภาพในขณะการฝึกปฏิบัติงานของนักเรียนนักศึกษาทวิภาคีและเป็นส่วนหน่ึง ของการประเมินผลของการทางานและการฝึกปฏบิ ตั ิดว้ ย
Search