๓๔๘ วถิ ชี วี ติ วัฒนธรรม อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค - วดั ไพศาลี ตง้ั อยหู มทู ี่ ๑ ตาํ บลไพศาลี อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทด่ี นิ ตง้ั วดั มเี นื้อทป่ี ระมาณ ๖ ไร ไดรับอนญุ าตใหสรางวัดเม่อื วนั ท่ี ๑๑ มิถนุ ายน ๒๕๒๗ - วัดบานใหมวารีเย็น ตั้งอยูหมูที่ ๘ ตําบลไพศาลี อําเภอ ไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทดี่ นิ ตงั้ วดั มเี นอ้ื ท่ี ประมาณ ๗ ไร ๖๖ ตารางวา ไดรับอนุญาตใหสรางวัดเม่อื วันท่ี ๒๙ มีนาคม ๒๕๑๙ - วดั เนินบอทอง ตั้งอยูหมูท่ี ๓ ตาํ บลไพศาลี อําเภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทดี่ นิ ทตี่ ง้ั วดั เนอ้ื ทป่ี ระมาณ ๙ ไร ๓ ตารางวา ไดรับอนุญาตใหสรางวัด เมื่อวันท่ี ๒๒ มกราคม ๒๕๒๒ ๓. ตําบลวังขอ ย - วดั หัวพุ ต้ังอยูหมูท่ี ๔ ตําบลวังขอย อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สังกดั คณะสงฆมหานิกาย ทด่ี ินต้ังวดั มีเนื้อทป่ี ระมาณ ๓๕ ไร ไดรบั อนุญาตใหสรางวัดเม่อื วนั ที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๒๖ - วดั กระทุมทอง ตั้งอยูหมูท่ี ๒ ตาํ บลวงั ขอย อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทดี่ นิ ตง้ั วดั มเี นอ้ื ทป่ี ระมาณ ๒๙ ไร ๒ งาน ๑๔ ตารางวา ไดรับอนุญาตใหสรางวัดเมื่อวันท่ี ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๒๖
วถิ ชี วี ติ วฒั นธรรม อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค ๓๕๙ ๔. ตําบลวงั น้าํ ลดั - วัดวังนํ้าลัด ต้ังอยูหมูที่ ๑ ตําบลวังน้ําลัด อําเภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทด่ี นิ ตง้ั วดั มเี นอื้ ทป่ี ระมาณ ๑๙ ไร ๕๐ ตารางวา ไดร บั อนญุ าตใหส รา งวดั เมอ่ื วนั ท่ี ๑๒ สงิ หาคม ๒๔๘๐ และไดรับพระราชทานวิสงุ คามสีมา เมื่อวนั ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๐๐ - วัดเขาหินกลิ้ง ต้ังอยูหมูท่ี ๓ ตาํ บลวังนํ้าลดั อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทดี่ นิ ตงั้ วดั มเี นอื้ ทป่ี ระมาณ ๗ ไร ๒๘ ตารางวา ไดรับอนุญาตใหสรางวัดเมื่อวันท่ี ๘ กันยายน ๒๕๑๕ ๕. ตําบลสําโรงชัย - วดั สําโรงชยั ต้ังอยูหมูท่ี ๓ ตาํ บลสําโรงชยั อําเภอไพศาลี จงั หวัด นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ที่ดินต้ังวัดมีเนื้อท่ีประมาณ ๑๑ ไร ไดรับอนุญาตใหสรางวัดเม่ือวันที่ ๙ มนี าคม ๒๔๐๙ และไดร บั พระราชทาน วิสงุ คามสีมา เม่ือวนั ท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๔๙๔ - วดั โคกมะขวิด ต้ังอยูหมูที่ ๗ ตาํ บลสาํ โรงชยั อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทดี่ นิ ตง้ั วดั มเี นอ้ื ทป่ี ระมาณ
๓๔๐๔ วถิ ีชวี ิต วฒั นธรรม อาํ เภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค ๑๖ ไร ไดรับอนุญาตใหสรางวดั เม่อื วันที่ ๑ มีนาคม ๒๔๔๖ และไดรบั พระราชทานวิสงุ คามสีมา เมอื่ วนั ที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๔๙๔ - วัดวังกรด ต้ังอยูหมูที่ ๔ ตําบลสําโรงชัย อําเภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทด่ี นิ ตงั้ วดั มเี นอ้ื ทป่ี ระมาณ ๑๒ ไร ไดรบั อนุญาตใหสรางวัดเมอ่ื วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๖๔ และ ไดรับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมือ่ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ - วดั พระพทุ ธบาท ตง้ั อยหู มทู ี่ ๙ ตาํ บลสาํ โรงชยั อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทดี่ นิ ตง้ั วดั มเี นอ้ื ทป่ี ระมาณ ๓๖ ไร ๑ งาน ๙๓ ตารางวา ๖. ตาํ บลตะครอ - วดั ตะครอ ตง้ั อยหู มทู ่ี ๔ ตาํ บลตะครอ อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทดี่ นิ ตงั้ วดั มเี นอื้ ทป่ี ระมาณ ๑๓ ไร ๑ งาน ๖ ตารางวา ไดร บั อนญุ าตใหส รา งวดั เมอื่ วนั ท่ี ๑๕ ตลุ าคม ๒๔๘๕ และไดรับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมือ่ วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๔๘๕
วถิ ีชีวติ วฒั นธรรม อําเภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค ๔๓๑๕ - วดั วงั กระโดนใหญ ตง้ั อยหู มทู ี่ ๑ ตาํ บลตะครอ อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทดี่ นิ ตง้ั วดั มเี นอ้ื ทป่ี ระมาณ ๔๐ ไร ๑ งาน ๕ ตารางวา ไดร บั อนญุ าตใหส รา งวดั เมอ่ื เดือนกมุ ภาพนั ธ ๒๕๑๙ และไดร บั พระราชทานวสิ งุ คามสมี า เมอ่ื วนั ที่ ๕ เมษายน ๒๔๘๘ - วดั วงั กระโดนนอ ย ตง้ั อยหู มทู ่ี ๒ ตาํ บลตะครอ อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทด่ี นิ ตง้ั วดั มเี นอ้ื ทป่ี ระมาณ ๓๑ ไร ๒ งาน ๘๘ ตารางวา ไดร บั อนญุ าตใหส รา งวดั เมอื่ วนั ที่ ๗ มนี าคม ๒๔๒๘ และไดร บั พระราชทานวสิ งุ คามสมี า เมอ่ื วนั ท่ี ๑๒ มนี าคม ๒๕๐๘ - วดั ประชาสามคั คี ตงั้ อยหู มทู ่ี ๓ ตาํ บลตะครอ อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทด่ี นิ ตงั้ วดั มเี นอ้ื ทป่ี ระมาณ ๙ ไร ไดรบั อนญุ าตใหสรางวัดเม่อื วนั ท่ี ๒๑ สิงหาคม ๒๕๑๘ และไดรับ พระราชทานวิสุงคามสีมา เมือ่ วนั ที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๒๕ ๗. ตําบลโพธป์ิ ระสาท - วัดหนองปลาย ต้ังอยู หมทู ี่ ๗ ตาํ บลโพธป์ิ ระสาท อาํ เภอ ไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กัด คณะสงฆมหานิกาย ท่ีดินต้ังวัดมี เนอ้ื ทปี่ ระมาณ ๑๑ ไร ๕ ตารางวา ไดร บั อนญุ าตใหส รา งวดั เมอ่ื วนั ท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘ และไดรับพระราชทานวิสงุ คามสีมา เมอ่ื วันท่ี ๒๕ มีนาคม ๒๕๑๙
๓๔๒๔ วถิ ชี วี ิต วฒั นธรรม อําเภอไพศาลี จังหวดั นครสวรรค - วัดโพธป์ิ ระสาท ต้ังอยูหมูท่ี ๕ ตําบลโพธิ์ประสาท อําเภอ ไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทดี่ นิ ตง้ั วดั มเี นอ้ื ท่ี ประมาณ ๑๘ ไร ๑ งาน ไดร บั อนญุ าตใหส รา งวดั เมอ่ื วนั ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๑๙ - วัดตะเคียนทอง ตั้งอยูหมูท่ี ๔ ตําบลโพธป์ิ ระสาท อําเภอ ไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทดี่ นิ ตง้ั วดั มเี นอื้ ท่ี ประมาณ ๓๐ ไร ไดรบั อนุญาตใหสรางวดั เม่อื วนั ที่ ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๒๑ - วัดเขาหลักชัย ตั้งอยูหมูท่ี ๘ ตําบลโพธ์ิประสาท อําเภอ ไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทด่ี นิ ตง้ั วดั มเี นอ้ื ท่ี ประมาณ ๔๗ ไร ๒ งาน ๔๐ ตารางวา ไดรับอนุญาตใหสรางวดั เมือ่ วนั ท่ี ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๒๒
วิถชี ีวติ วฒั นธรรม อําเภอไพศาลี จงั หวัดนครสวรรค ๔๓๓๕ - วดั คีรีลอม (วัดถ้ํานิรภัย) ต้ังอยูหมูที่ ๙ ตําบลโพธ์ปิ ระสาท อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆม หานกิ าย ทด่ี นิ ตงั้ วดั มเี นอื้ ทปี่ ระมาณ ๔๖ ไร ๔๖ ตารางวา ไดร บั อนญุ าตใหส รา งวดั เมอ่ื วนั ที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๕ และไดรับพระราชทานวิสุงคามสีมาเม่อื วันท่ี ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๓๖ ซ่ึงไดจัดต้ังมูลนิธิวัดคีรีลอม (ถํ้านิรภัย) เพ่ือ ชว ยเหลอื นกั เรยี นทยี่ ากไรแ ละสาธารณะประโยชนต า งๆ เชน สรา งถนน ทางเขาหมูบาน ฯลฯ ภายในบริเวณวดั เหมาะกับการปฏิบัติธรรมในถา้ํ ๘. ตําบลนาขอม - วดั หนองตกกลา ตงั้ อยหู มทู ี่ ๗ ตาํ บลนาขอม อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค สงั กดั คณะสงฆมหานิกาย ไดรบั อนญุ าตใหสรางวดั เมื่อวันท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๔๑ - วัดหนองปรือ ตั้งอยูตําบลนาขอม อําเภอไพศาลี จังหวัด นครสวรรค สังกดั คณะสงฆมหานิกาย ท่ีดินต้ังวดั มีเนื้อท่ปี ระมาณ ๑๕ ไร ไดรับอนุญาตใหสรางวัดเมอ่ื วันท่ี ๒๕ มิถนุ ายน ๒๕๕๖ - วัดนาขอม ตั้งอยูตําบลนาขอม อําเภอไพศาลี จังหวัด นครสวรรค สังกัดคณะสงฆมหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเน้ือท่ีประมาณ ๑๓ ไร ๒ งาน ๗๑ ตารางวา ไดร บั อนญุ าตใหส รา งวดั เมอ่ื วนั ที่ ๕ ตลุ าคม ๒๕๓๗
๓๔๔ วิถีชีวติ วฒั นธรรม อําเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค ศาสนสถานอน่ื ๆ คริสตจักรสัมพันธไพศาลี เดิมช่ือ คริสตจักรพระคุณไพศาลี สถานทตี่ ง้ั ๑๓๗/๑ หมู ๖ ตาํ บลไพศาลี อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค เรมิ่ กอ ตง้ั เมอ่ื ป ค.ศ. ๑๙๙๐ ในสงั กดั ครสิ ตจกั รภาคกลางในประเทศไทย มลู นิธิสยกิจคริสเตียนแหงประเทศไทย จาํ นวนสมาชิกเขารวมกิจกรรม วันอาทิตย ๕๘ คน ผูดแู ลคือ นางสาวเรณา เนียมณรงค ส่งิ ศกั ด์สิ ิทธข์ิ องอําเภอไพศาลี หลวงพอ ออ น ชีวประวัติ หลวงพอออน เนอฺญา เดิมชื่อ ออน หลอดแกว เกิดวันพุธ เดือน ๖ ป พุทธศกั ราช ๒๔๒๙ ปชวด ท่ีบานหนองไผ ตาํ บลสําโรงชยั อําเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค บิดาช่ือ นายหลอด มารดาช่ือ นางแกว
วถิ ีชีวติ วฒั นธรรม อาํ เภอไพศาลี จังหวดั นครสวรรค ๓๔๕ ทีม่ าของคาํ วา “หลอดแกว” คําวา “หลอดแกว” เดิมเปนช่ือบิดาและมารดา คนสมัยกอน สันนิษฐานวาคงใช “แซ” แทนนามสกุล แตไมปรากฏวาช่ือแซอะไร มายุคสมัยหลวงพอออน จึงใชนามบิดาและมารดารวมกัน จึงไดใช “หลอดแกว” ซ่ึงหลวงพอออนใชนามสกุล การบรรพชาอุปสมบท คาดวาประมาณอายุ ๒๑-๒๒ ป มรณภาพเม่อื ปพุทธศักราช ๒๕๐๑ สิริรวมอายไุ ดท้ังสิ้น ๗๒ ป ๕๑ พรรษา งานสาธารณูปการ เมอื่ ทา นยงั มชี วี ติ อยู ทา นไดส รา งถาวรวตั ถไุ วใ นพระพทุ ธศาสนา ประจําวัดหนองไผ อาทิเชน อโุ บสถ ศาลาการเปรียญ กฏุ ิ สระน้าํ โดย มีเนื้อทป่ี ระมาณ ๑๓ ไร อยูทางทิศตะวนั ออกของวดั หลวงพอ ออ น ทา นเปน พระทท่ี รงวชิ าอาคมขลงั ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ เรยี ก วา มีช่อื ลือชา รุนยคุ สมัยหลวงพอเดิม วัดหนองโพ และหลวงพอศักดิ์ วัดวงั กระโดนใหญ ตําบลตะครอ อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค ท้งั ๓ ทา นน้ี มชี อื่ เสยี งในยคุ เดยี วกนั ฝา ยวชิ าอาคมขลงั และวาจาศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ ทง้ั ๓ ทาน มีอยูครั้งหน่งึ ทง้ั ๓ ทานมีโอกาสเจอกันมาน่งั จิบนํ้าชาอยู มเี ดก็ เลยี้ งววั หรอื เลยี้ งควายไมท ราบแนช ดั ไดข น้ึ ไปบนตน ไม หลวงพอ เดมิ ทา นเอย ปากออกมาวา “ไอห นมู งึ อยา ขนึ้ ไปมนั จะตกลงมา” หลวงพอ เดมิ พูดจบ หลวงพอออนทานพูดขึ้นมาบาง “ถึงจะตกลงมาก็คาง” แต หลวงพอ ศกั ดทิ์ า นไดก ลา วตอ ไปอกี “ถงึ คา งกต็ อ งลว งลงมาอกี ” ปรากฏ
๓๔๔๖ วถิ ีชีวติ วัฒนธรรม อําเภอไพศาลี จังหวดั นครสวรรค วาเด็กคนที่ขึ้นไปบนตนไมไมยอมลง จึงตกลงมาจริงๆ แตตกลงมาคาง อยูที่ไมไวตอนหน่ึง แตผลสุดทายก็ลวงลงมาถึงพ้ืนจริงๆ ทานผูอาน จะคิดวาเปนเหตุบังเอิญหรือเปนเร่ืองปาฏิหาริยไมทราบ แตศิษยของ หลวงพอ หรอื พระอาจารยท ง้ั ๓ ทา น นท้ี ราบกนั ดเี กย่ี วกบั วาจาศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ ของทาน พลายคูณติดหลม คร้ังหน่ึงหลวงพอเดิม ทานมาเยี่ยมเยียนหลวงพอออนหรือ มาทําอะไรไมทราบท่ีวัดหนองไผ หลวงพอเดิมเวลาท่ีทานจะไปไหน ทานจะมีพาหนะตัวโปรดของทานนั่นคือ พลายคูณ (ชาง) พลายคูณ ลงไปกินน้ําในสระไมไดรับอนุญาตจากหลวงพอออนกอน บังเอิญเทา พลายคูณจุมไปในน้ําชายตลิง่ เวลาจะขึ้นกลับดึงเทาขึ้นไมได เทามนั ติด หลมหมดท้ังสองเทา ควาญชางจึงตองลงไปบอกหลวงพอออนซ่งึ ทาน ก็ไมไดทําอะไร เพียงทานพูดใหพลายคูณขึ้นมาเทาน้ัน พลายคูณก็ขึ้น มาไดเลย หลังจากนั้นควาญชางตองมาขอขมาหลวงพอออน ซึ่งทาน บอกวา ทีหลงั อยานาํ ชางลงไปกินนํ้าในสระอีกเพราะญาติโยมท้ังหลาย เขามาดม่ื กินท่นี ี่ พระนางหอง หลวงพอออน ทานเปนพระท่ีไมคอยสัญจรไปไหนมาไหนไกล เทาไร เพราะเหตุท่ีไมไดทองเท่ียวน่ีเองจึงไดฉายาจากหลวงพอเดิมวา เปน “พระนางหอง” หมายถึง ทานมีชื่อเสียงเฉพาะพื้นถ่นิ จะสงั เกตได
วถิ ีชีวติ วฒั นธรรม อําเภอไพศาลี จังหวดั นครสวรรค ๓๔๗๕ เวลาทานทําของขวัญ ไมวาจะเปนสมเด็จ รูปหลอ ขี้ผึ้ง ผงเมตตา มหานิยม และอีกหลายอยาง ทานมีชื่อเสียงเฉพาะพ้ืนท่ีในเขตอําเภอ ไพศาลีเทานัน้ หลวงพอ ออ น ทา นเปน พระทส่ี นั โดษอยอู ยา งสมถะทา นเปน พระ ปฏิบตั ิเจริญสมถะและวิปส สนากรรมมัฏฐาน หลวงพอ โหมด พระใบฏีกาโหมด หรือ หลวงพอโหมด อดีตเจาอาวาส วดั โคกเดอ่ื ตาํ บลโคกเดอ่ื อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค ตามประวตั ิ ที่ทางวัดโคกเดื่อไดบันทึกไว หลวงพอโหมดทานเปนเจาอาวาสลําดับ
๓๔๘๔ วิถชี วี ติ วัฒนธรรม อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค ที่ ๒ ตอจากหลวงพอแกว เจาอาวาสองคแรกวัดโคกเดื่อ ซึ่งแตเดิม เรียกวาวดั โพธ์ทิ องธรรมชาติ หลวงพอโหมด ทานเกิดเมอ่ื พ.ศ.๒๔๑๐ โดยมีสถานท่ีเกิดไมชัดเจน เพราะไมมีการจดบันทึกไว จากการถาม ผูเฒาผูแกที่ฟงจากปูยาตายายอีกที่ วาทานเปนคนโคกเด่ือโดยกําเนิด ธุดงคศึกษาเลาเรียนและทานยังไดสรางโบสถไวเกาะกลางสระนํ้า ซึ่ง หา งจากวดั โคกเดอื่ ประมาณ ๑ กโิ ลเมตร เรยี กวา สระวดั นอก ซงึ่ ปจ จบุ นั ไดรื้อถอนทําสระเก็บนํ้าชลประทานไปแลว ผูเฒาผูแกเลาวา เม่อื ออก พรรษาทา นจะไปจาํ วดั ณ โบสถส ระวดั นอก เมอื่ เขา พรรษาทา นจะกลบั มาจาํ พรรษา ณ วดั โคกเด่อื ทานอุปสมบทเมอ่ื ไรไมทราบและผูใดเปน พระอุปชฌาย หลวงพอโหมดทานมีรูปรางคอนขางตัวเล็ก มีคนจีนท่ี อาศัยอยูในตลาดสมัยนนั้ เคยเลาวา ทานสามารถเสกน้ํามนั รักษาโรค ไดสารพัด สามารถตอกระดกู เชย่ี วชาญดานคาถาอาคม เสกเปาอะไร ไดตามปากพูด วาใครมักจะเปนดังคําที่ทานพูด เร่ืองน้ํามันเสกน้ัน นอกจากรักษาโรคไดยังสามารถมีคุณวิเศษเม่ือผูใดนํานํ้ามันทาตา จะมองเห็นทะลุเสื้อผาโดยมีเหตุเกิดจากท่ีในชวงตอนเย็นทานลองวิชา เสกน้ํามันแลวเรียกเด็กวัดเขาไปหาทานในโบสถแลวเอานํ้ามันทาไปที่ เปลือกตาเด็กผูน้ัน แลวใหเด็กวัดข้ึนไปบนคูสระวัดแลวมองไปรอบๆ ผลปรากฏวาเด็กผูนั้นรีบว่ิงไปหาหลวงพอโหมดในโบสถ เลาวานํ้ามัน ทที่ าสามารถมองเหน็ ทะลเุ สื้อได เพราะในสระวดั ตอนเยน็ จะมีชาวบาน ไปตกั นา้ํ ใชก นั เมอื่ ทา นไดฟ ง ดงั นน้ั หลวงพอ โหมดกเ็ ทนาํ้ มนั ทเี่ สกวนั นน้ั
วิถีชีวิต วัฒนธรรม อาํ เภอไพศาลี จังหวดั นครสวรรค ๔๓๙๕ ทิ้งจนหมดเพราะปลอยไวคงเกิดเร่อื งสปั ดนในวดั แน อีกเร่อื งคือกะลา ครอบชา ง เหตกุ ารณน เี้ กดิ ขน้ึ โดยมกี ะเหรย่ี งจากบนเขานาํ ชา งมาตอ เพอื่ จับชางปาในเขตโคกเดื่อซ่ึงในอดีตเปนปารกทึบ ชุกชุมไปดวยสัตวปา ระยะทางระหวา งปา กบั ตวั หมบู า นคอ นขา งไกลกนั มาก กะเหรย่ี งกลมุ นนั้ มาขออาศยั พกั และลามชางในวดั โคกเดอ่ื แตดวยความทเี่ หนอื่ ยจึงลาม ชางไวไมดี ชางจึงหลุดไปกินกลวย ออย ผักท่ีชาวบานปลูกไวขางวัด เพราะในอดตี ยงั ไมน ยิ มลอ มรว้ั ชาวบา นเหน็ กต็ นื่ ตกใจ รบี นาํ เรอ่ื งมาบอก หลวงพอ โหมด หลวงพอ โหมดเมอ่ื ไดฟ ง แลว กย็ มิ้ และบอกวา เดย๋ี วพรงุ นี้ “พวกเอง็ จะเหน็ กะเหรย่ี งตน่ื ไฟกนั ยกใหญ ตกเยน็ ใกลค า่ํ วนั นน้ั หลวงพอ โหมดไดเ ดนิ ถือกะลาไปหนง่ึ ใบ ตรงไปทชี่ า งทยี่ ืนอยใู ตต น ฉาํ ฉา ตอนเชา ของวนั รงุ ขน้ึ พวกกะเหลย่ี งรอ งเอะอะโวยวาย เพราะชา งทต่ี นเองลา มไว หลดุ หายไป กะเหรยี่ งเหลา นนั้ พยายามหาชา งอยา งไรกไ็ มเ จอ ถามชาวบา น แถววดั ชาวบา นกบ็ อกวา ชา งมนั มากนิ กลว ย กนิ ผกั ทป่ี ลกู ไวเ สยี หายหมด พอมันกินอ่ิมมันก็เดินเขาวัดไป อยากรูใหไปถามหลวงพอโหมด พวกกะเหร่ยี งจึงรีบไปหาหลวงพอโหมด ถามหลวงพอวา เห็นชางของ พวกตนหรือไม หลวงพอโหมดตอบกลับไปวา ชางมันไมไดไปไหน มันอยูในวัดนี้แหละ พวกกะเหรย่ี งวาพวกตนหาแลวทุกที่ภายในบริเวณ ก็หาไมเจอ หลวงพอโหมดชี้ไปทางใตตนฉําฉา แลววามันก็ยืนอยูน้ัน อยางไร พวกกะเหร่ียงมองหาอยางไรก็ไมเห็น หลวงพอโหมดจึงพา กะเหรยี่ งเหลานนั้ ไปทีใ่ ตตนฉําฉา โดยมีกะลาใบหน่งึ คว่าํ อยู ทานเอย
๕๓๐๔ วิถีชีวติ วัฒนธรรม อําเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค ข้ึนวาชางอยูในกะลาลองเปดดู พวกกะเหร่ียงพากันหัวเราะหลวงพอ กะลาใบเล็กๆจะครอบชางท้ังตัวไดอยางไร มีกะเหรีย่ งคนหน่งึ ลองเปด กะลาดู ผลคือกะเหลี่ยงเหลาน้ันพากันประหลาดใจ ท่ชี างเดินโผลออก มาหลังตนฉําฉา กะเหร่ียงเหลานั้นยกมือไหวทวมหัวขอขมาหลวงพอ โหมดกนั ยกใหญ ซงึ่ ตอนแรกทไ่ี มเ ชอ่ื หลวงพอ โหมดชว งเวลาทล่ี ะสงั ขาร ตามคําบอกของเฒาปอม(เสียชีวิตแลว) ทวดของผูเขียน เลาใหยาย (เสยี ชวี ติ แลว )ของผเู ขยี น ฟง วา วนั นนั้ เปน ชว งเขา พรรษา ภกิ ษสุ งฆต อ ง จาํ พรรษาทว่ี ดั โดยทห่ี ลวงพอ โหมดไมไ ดจ าํ พรรษาท่ี วดั โคกเดอ่ื ทา นยงั อยทู สี่ ระวดั นอก โบสถก ลางนา้ํ เมอื่ ถงึ ชว งกลองเพลดงั ขน้ึ หลวงพอ โหมด จะตองเดินทางไปฉันเพลท่วี ดั โคกเดอ่ื ซงึ่ ทกุ ครั้งหลวงพอโหมดใชเวลา เดินทางถึงวัดโคกเดื่อกอนส้ินเสียงกลองเพลเหมือนกับวัดอยูติดสระ วดั นอก ท้ังท่รี ะยะทางหางกนั เกือบ ๑ กิโลเมตร (มีคนเหน็ ทานใชวิชา ยน ระยะทาง) แตว นั นน้ั กลองเพลดงั ขน้ึ ทวี่ ดั โคกเดอ่ื หลวงพอ โหมดทา น เดนิ ทางไปถงึ วดั โคกเดอื่ หลงั จากกลองเพลไดล น่ั สน้ิ เสยี งไปแลว เมอื่ ถงึ วดั หลวงพอ โหมดไดน ง่ั ฉนั ขา ว โดยมลี กู ศษิ ย( เฒา ปอ ม)ถามวา หลวงพอ มาทันกลองเพลไหม หลวงพอโหมด ตอบวา ไมทันหรอก จากน้ัน หลวงพอ โหมดไดน ง่ั ฉนั เพลและในระหวา งทฉี่ นั เพลนน้ั เอง หลวงพอ โหมด เร่ิมหายใจชาลง และน้ันเปนสัญญาณบงบอกวาอริยสงฆตองเดินทาง พบพระพทุ ธองคแ ลว หลวงพอ โหมดนง่ั ขดั สมาธิ มอื วางไวบ นบาตรแลว กาํ หนดจติ ละสงั ขารอยา งสงบ ณ ศาลาฉนั เพล วดั โคกเดอื่ พ.ศ.๒๔๗๐ สิริรวมอายุ ๖๐ ป พรรษาที่ ๔๐
วถิ ีชวี ติ วัฒนธรรม อาํ เภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค ๕๓๕๑ หลวงพอ ดํา พระพุทธใบกริชจักราฟา สุริยะนาท มหาพุฒาจารยเจา ผอ งอรณุ อรโุ ณทยั ดาระดาษนา้ํ ฟา บวรนาทธิราชเจา หรือ “หลวงพอ ดํา วัดสระทะเล” เปนพระพุทธรูป สํ า คั ญ ข อ ง ช า ว อํ า เ ภ อ ไ พ ศ า ลี ประดิษฐานอยู ณ วิหารจักราฟา อําเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค กรมศิลปากรไดสันนิษฐานวา หลวงพอดาํ วดั สระทะเล นาจะสรางขึ้น ในสมยั กรุงสุโขทยั และมีอายปุ ระมาณ ๗๐๐ ปเลยมาแลว และดวย ความศักดิ์สิทธข์ิ องหลวงพอดําทาํ ใหเปน ท่กี ลาวขานไปท่ัว ชาวบานใน ชมุ ชนใหความศรทั ธาหลวงพอดาํ อยางเตม็ เปย ม ในความศกั ดสิ์ ิทธใิ์ คร มากราบไหวขออะไรก็จะไดส่ิงนั้น สมความปรารถนา ทุกวันจึงมี ชาวบา นพากนั มาราํ วงแกบ นรอบพระพทุ ธรปู หลวงพอ ดาํ อยเู ปน ประจาํ วัดสระทะเลก็มีโรงละครรับจางรําถวายแกบนดวยเชนกันสถานท่ี ประดิษฐานหลวงพอดาํ มิไดเปน อโุ บสถเหมือนวัดอน่ื เปน เพียงอาคาร สีขาวเปดโลง มีช่อื วา “จักราฟาวรวิหาร”
๕๓๔๒ วถิ ีชวี ติ วัฒนธรรม อาํ เภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค หลวงพอดํา เปนพระพุทธรูปประติมากรรมปูนปนขนาดใหญ หนาตักกวาง ๒ เมตร ๒๐ เซนติเมตร สูง ๒ เมตร ๗๐ เซนติเมตร ปางขัดสมาธิ หันพระพักตรไปทางทิศบูรพา มีลักษณะใบหนาเปน รอยบาก เชอื่ วาสมยั ท่เี กิดสงครามรบกับพมา ทหารพมาคาดวาขางใน องคหลวงพอดํามีทองคํา จึงใชมีดดาบฟนไปท่ีใบหนาของทาน ทําให หนาหลวงพอดํา เปนรอยบากหลายแหง รูปหนาจึงไมสมบูรณเหมือน พระพทุ ธรปู องคอ นื่ ประดษิ ฐานอยใู นวหิ ารจกั ราฟา วดั สระทะเล อาํ เภอ ไพศาลี จังหวัดนครสวรรค
วิถีชีวติ วัฒนธรรม อาํ เภอไพศาลี จังหวดั นครสวรรค ๕๓๓๕ ๔บทท่ี วัฒนธรรมทอ งถน่ิ วิถีชีวิต อําเภอไพศาลี เรียกไดวา เปนเมืองพุทธ เน่ืองจากประชากร สวนใหญนับถือศาสนาพุทธ แมประชาชนจะต้ังบานเรือนอยูหางๆ กัน แตสังคมไพศาลีจะเปนสังคมที่มีความสนิทชิดใกล รูจักกัน มีความ โอบออมอารีชวยเหลือซ่งึ กันและกนั และยังมีขนบธรรมเนียมประเพณี ที่งดงามและสืบทอดมายังปจจุบันใหคนรุนหลังไดรวมหวงแหนและ อนุรักษไวสืบไป อาทิเชน ประเพณีกอเจดียขาวเปลือก ทําขวัญขาว ของหมูบานหวยตะโก, ประเพณีบุญบ้ังไฟ ตําบลนาขอม, ประเพณี กวนขาวทิพย ดานเกษตร ประชาชนสว นมากประกอบอาชพี ทางการเกษตรเปน หลกั ไดแ ก การทํานา ทาํ ไร พืชท่ปี ลกู ไดแกขาว ขาวโพด ขาวฟาง รองลงมาไดแก มันสําปะหลัง ถ่ัว ทานตะวัน การเลี้ยงโค กระบือ สุกร ไก และปลา การทาํ เกษตรกรรมอาศยั นาํ้ ฝนแตเ พยี งอยา งเดยี ว ไมม รี ะบบชลประทาน
๓๕๔ วิถีชวี ิต วัฒนธรรม อาํ เภอไพศาลี จงั หวัดนครสวรรค ไมม แี หลง เกบ็ นา้ํ ขนาดใหญท เ่ี พยี งพอตอ การทาํ เกษตรกรรม มกี ารรวม กลุมสหกรณเพื่อการเกษตร มีพื้นที่การเกษตรท้ังสิ้น ๔๖๕,๓๒๘ ไร แยกไดดงั นี้ • ทํานา ๒๗๔,๕๗๙ไร • ทาํ ไร ๑๕๘,๙๑๖ไร • ไมผล-พืชผกั ๓,๖๑๓ไร • ทุงหญาเลี้ยงสัตว ๖,๑๑๐ไร • พื้นทอ่ี ่ืน ๑๔๖,๘๓๓ ไร ขอมูลการผลิตพืชเศรษฐกิจท่สี าํ คญั ป ๒๕๕๙ • พื้นท่ปี ลูกขาวนาป ๒๗๔,๕๗๙ไร • พื้นท่ปี ลูกมนั สําปะหลงั ๓๖,๘๘๖ไร • พื้นทป่ี ลูกขาวโพด ๖๘,๐๔๔ ไร • ออยโรงงาน ๑๗,๒๗๐ ไร
วิถชี วี ติ วัฒนธรรม อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค ๓๕๕ ๕บทท่ี แหลง ทอ งเท่ยี วเชิงวฒั นธรรม สถานทแ่ี หลงทอ งเท่ยี ว หลวงปูโอน ฐิตปญโญ ศิษยเอกหลวงพอเดิม วดั หนองโพ เปน พระอาจารยท่มี ีปฏิปทาสูงในสายปฏิบัติกรรมฐานของหลวงพอเดิมนั้น มีอยูอยางมากมายเหมือนกับสายปฏิบัติธรรมของพระอาจารยม่ัน ภูริทัตโต พระอาจารยผูแสวงหาความหลุดพนโดยแทสําหรับหลวงพอ เดมิ ผเู ปน อาจารยข องหลวงปโู อนนนั้ ทา นมฐี านานกุ รมเปน พระครนู วิ าส ธรรมขันธและเปนศิษยเอกของหลวงพอเฮง วัดเขาดินพระอาจารย ผูเรืองวิทยาคมทห่ี าผูเปรียบมิไดในรัชกาลท่ี ๕ หลวงปูโอน ฐิตปญ โญ จึงไดรับการถายทอดวิชาอาคมจากหลวงพอเดิมทุกอยาง ประวัติ หลวงปูโอน วดั โคกเด่อื ไดกลาวไววา หลวงปูโอนทานเกิดเม่อื เดือนอาย ป พ.ศ.๒๔๔๙ ท่ีบานโคกเด่ือ อําเภอไพศาลี จังหวัด นครสวรรค โยมบิดา ชือ่ นายจันทร โยมมารดาชื่อ จัด เปน ชาวนามาแตบรรพบรุ ุษ และมกี ารประกอบในทางคา ขายเปน บางครงั้ ในสมยั ยงั หนมุ นน้ั หลวงปโู อน ทานมักชอบผจญภัยไปในที่ตางๆเพราะชีวิตของทานชอบเดินทางและ ชอบที่จะไปศึกษาวิชาอาคมจากอาจารยตางๆท้ังที่เปนฆราวาสและ บรรพชิต
๓๕๖๔ วิถชี วี ิต วัฒนธรรม อําเภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค การเดินทาง วัดโคกเด่ือ สถานท่ีซ่ึงพระครูนิมิตรพุทธิสาร (หลวงพอ โอน) ใชป ฏบิ ตั ธิ รรมและทาํ วตั รอยเู ปน ประจาํ สมาํ่ เสมอตง้ั อยู ที่ตําบลโคกเดือ่ อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค หลวงพอดํา วัดสระทะเล เปนโบราณสถานที่มีพระพุทธรูป องคใ หญส ดี าํ ทราบตามคาํ สนั นษิ ฐานของกรมศลิ ปากรวา สรา งในสมยั สุโขทัย มีอายุประมาณ ๗๐๐ ปเศษ เลาขานกันวาเปนพระพุทธรูป ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ มผี คู นมาบนบานสานกลา วกนั เปน จาํ นวนมาก และเปน ทเ่ี คารพ บูชาของประชาชนทั่วไป การเดินทาง หลวงพอดําประดิษฐานอยูท่ีวัด สระทะเล ตําบลโคกเดื่อ อําเภอ ไพศาลี จังหวัดนครสวรรคเมืองเกา เวสาลี ความเกา แกข องเมอื งเกา เวสาลที ป่ี รากฏหลกั ฐานจากการสาํ รวจ ของกรมศิลปากรเมอื่ ป พ.ศ. ๒๕๑๑ สนั นิษฐานวาเมืองนี้นาจะสรางขึ้น มาต้ังแตสมยั ทวารวดี โดยมีลกั ษณะเปนเมืองส่เี หลี่ยมผืนผา มุมมน มี กาํ แพงดินสองชนั้ มีคูเมืองคั่นกลาง ยาวประมาณ ๗๐๐ เมตร กวาง ๕๐๐ เมตร และเปนเมืองท่ีมีพัฒนาการผานหลายยุคหลายสมัยโดย สามารถอา งองิ ไดจ ากหลกั ฐานทขี่ ดุ คน พบ กลา วกนั วา กลมุ เมืองเวสาลี นนั้ นา จะมชี มุ ชนมาตงั้ หลกั แหลง มานานแลว ตง้ั แตส มยั กอ นประวตั ศิ าสตร ตอนปลาย และไดพ ฒั นาสกู ารเปน ชมุ ชนคนู าํ้ คนั ดนิ ในสมยั ทวารวดี ครนั้ ในสมยั ละโว เมืองเวลาสีก็เคยเปน เมืองหนาดานเลก็ ๆ ในสมยั นนั้ โดย ปรากฏหลกั ฐานซากวัตถโุ บราณตางๆ เชน พระปรางค หอสมุด และ พระพุทธรูปขอมโบราณ ราว พ.ศ.๑๑๐๐-๑๔๐๐ อันเปนชวงเวลา
วถิ ชี วี ติ วัฒนธรรม อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค ๓๕๕๗ ที่ขอมเรืองอํานาจ ในแควนสุวรรณภูมิ แผขยายอิทธิพลไปในแควน โคตรบรู แควนโยนก และแควนทวารวดี โดยมีกรงุ ละโวเปน ราชธานี ซง่ึ เมืองเวสาลีนี้ไดถูกสรางข้ึนในสมัยน้ัน และมีอายุรุนราวคราวเดียวกับ กรงุ สโุ ขทยั นครโยนก เมอื งโอฆะบรุ ี และเมอื งศรเี ทพ โดยทเี่ มอื งเหลา น้ี เปนเมืองหนาดานของกรุงละโวทั้งสิ้น ตอมาเมืองเวสาลีตกอยูภายใต การปกครองของกรงุ สโุ ขทยั และถกู ปลอ ยรา งมานานถงึ ๔๐๐ ป จนถงึ พ.ศ.๒๑๙๙ สมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช แหงกรุงศรีอยุธยา ได ทรงบูรณะปฏิสังขรณเมืองละโวขึ้นเปนราชธานีอีกแหงหนึ่งโดยใหช่ือ เมืองลพบุรี เน่ืองจากพระองคทรงดําริเห็นวา หัวเมืองฝายเหนือยังไม สงบลงไดงาย เพราะมีพมาคอยหนุนหลัง ดงั นั้นบริเวณนี้เปน ทีร่ าบลุม ทํานาขาวไดดี เหมาะแกการต้ังกองรักษาดานไวเพ่ือปองกันขาศึกทาง ฝา ยลา นนา จงึ ไดบ รู ณะเมอื งเวสาลขี น้ึ ใหม ซง่ึ ในปพ .ศ.๒๕๓๙ ไดม กี าร ขุดคนพบโบราณสถานทางดานตะวันออกของเมือง ซึ่งเปนศิลปะสมัย อยุธยาตอนปลาย มีท้ังอุโบสถ มณฑป วิหาร และเจดียท่ีตั้ง หมูท่ี๕ ตาํ บลสําโรงชัย เขาหนิ กลง้ิ บรเิ วณทเ่ี ปน หลกั ชยั กลง้ิ หนิ ปจ จบุ นั มหี นิ กอ นกลม ใหญสองกอนขนาดเทาๆ กนั อยูกลางทุงนา ณ บานเขาหินกลิ้ง ตาํ บล วังนํ้าลัด อําเภอไพศาลี สวนเมืองไพสาลี ก็คือ บานหนองไผ อําเภอ ไพศาลี เมอื งจาํ คา กค็ อื บา นดอนคา อาํ เภอทา ตะโก และเมอื งปจ จนั ตคาม กค็ ือ บานเขาขางพุม อาํ เภอไพศาลี น่นั เอง
๓๕๔๘ วิถชี วี ิต วฒั นธรรม อําเภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค การเดนิ ทาง ตงั้ อยหู มทู ี่ ๓ บา นเขาหนิ กลงิ้ ตาํ บลวงั นา้ํ ลดั อาํ เภอ ไพศาลี จงั หวัดนครสวรรค รอยพระพุทธบาท วัดเขาพระบาท ตาํ บลสาํ โรงชยั มีลักษณะ เปน แผน หนิ ชนวนสเี ขยี วแกะสลกั สนั นษิ ฐานวา สรา งในสมยั พระยาลไิ ท แหง กรงุ สโุ ขทยั จากเอกสารทม่ี ผี บู นั ทกึ ไวท าํ ใหท ราบวา รอยพระพทุ ธบาท นี้ไดอญั เชิญมาจากกรงุ ศรีอยธุ ยา ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณมหาราช พรอมกับผูคนท่ีเกณฑมาสรางเมืองเวสาลี โดยไดนําไปประดิษฐานไว บนยอดเขา แลว สรา งวหิ ารครอบภเู ขาลกู น้ี คอื ทต่ี ง้ั ของวดั พระพทุ ธบาท ตาํ บลสาํ โรงชยั ในปจ จบุ นั พระครนู มิ ตุ พฒั นาทร เจา อาวาสองคป จ จบุ นั ไดคนพบรอยพระพุทธบาทบริเวณวัดอีกรอยหน่ึง มีลักษณะเปนรอย พระพุทธบาทประทับอยูบนแผนหิน สรางมณฑปครอบไว และบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุไวที่สวนยอด และมณฑปหลังน้ียังไดรับรางวัล สถาปตยกรรมดีเดนเม่อื พ.ศ.๒๕๓๗ จากสมาคมสถาปนิกสยาม และ บริเวณทางเดินขึ้นไปนมสั การพระธาตุ สันนิษฐานวาเปน ฐานเจดียเกา การเดินทาง ใชเสนทางเดียวกับเมืองเกาตามถนนสายบาน หนองไผ-บานโคกเจริญ วัดพระพุทธบาทอยูเลยจากทางแยกไปเมือง เกาประมาณ ๕ กิโลเมตร สวนรกุ ขชาตไิ พศาลี ซง่ึ ภายในสวนรกุ ขชาตเิ ปน ทต่ี ง้ั ของนา้ํ ตก ซับสมบูรณเปนนํ้าตกขนาดกลาง มีความสวยงามแฝงอยูทามกลาง แมกไม เปนนํ้าตกที่ไหลลงมาตามรองเขาโลมนาง โดยมีตนน้ําลําธาร
วิถีชวี ติ วฒั นธรรม อําเภอไพศาลี จงั หวัดนครสวรรค ๓๕๙๕ มาจากขุนนํ้าตก และสวนหนง่ึ มาจากตนนํ้าเทือกเขาสอยดาว ลักษณะ น้ําตกมีจาํ นวน ๗ ชั้น เปน ขนาดใหญ ๔ ชน้ั และเปนแกงเล็ก ๆ ๓ ชน้ั แตละชั้นมีความสวยงามแตกตางกันไป ในชวงฤดฝู นของทุกป จะมีนัก ทองเท่ียวเขาเท่ียวชมนํ้าตกจํานวนมาก ซึ่งจะมีชวงระยะเวลาการทอง เที่ยวในแตละปประมาณ ๓-๔ เดือน ปจจุบันไดจัดทําเสนทางศึกษา ธรรมชาติตามเสนทางน้ําตก เพื่อใหไดรับความรูทางพฤกษศาสตร ปาไมควบคูกนั ไป ท่ตี ้ัง หมูท่ี ๖บานซับสมบรู ณ ตําบลวังขอย ทงุ ปอเทอื งและทงุ ทานตะวนั สถานทที่ อ งเทยี่ วแหลง ใหมข อง อาํ เภอไพศาลี สําหรับผูทก่ี ําลงั มองหาสถานท่สี วยๆ เพ่อื ถายรูป หรือ สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติในชวงหนาหนาว ที่อากาศกําลังดี มลี มเยน็ ๆ ชว ยพดั ไมใ หร อ นเกนิ ไป มที งุ ดอกไมส เี หลอื งทา มกลางขนุ เขา เหมาะแกการถายรูป เดินเลนพักผอนกายใจใหสมองปลอดโปรง ตอง หามพลาดเท่ียวชมทุงปอเทืองและทุงทานตะวันของอําเภอไพศาลี ซ่ึง เบงบานในฤดูหนาว โดยสามารถเทีย่ วชมไดหลายจดุ ทม่ี ีการเพาะปลกู กระจัดกระจายไปในตําบลโพธ์ิประสาทและดวยความงดงามและสีสัน เหลอื งสดใสทา มกลางธรรมชาตนิ เ้ี อง ทาํ ใหท งุ ปอเทอื งและทงุ ทานตะวนั อาํ เภอไพศาลี กลายเปน สถานท่ที องเทย่ี วสุดฮิตในชวงหนาหนาว การเดนิ ทาง บรเิ วณสองขา งถนนสายเกษตรชยั -ไพศาลี ในทอ ง ทต่ี าํ บลโพธ์ิประสาท
๖๓๔๐ วิถชี วี ิต วัฒนธรรม อาํ เภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค อาหารการกิน ขา วโปง ของทีร่ ะลึก ผลิตภณั ฑจ ากเศษไม
วิถีชีวิต วฒั นธรรม อาํ เภอไพศาลี จงั หวดั นครสวรรค ๖๓๑๕ กลว ยฉาบ หตั ถกรรมกะลา
๖๓๒๔ วิถีชวี ติ วฒั นธรรม อําเภอไพศาลี จงั หวัดนครสวรรค ผลไมด ูดกลน่ิ ขา วหอมมะลิ
วิถชี ีวิต วัฒนธรรม อาํ เภอไพศาลี จังหวดั นครสวรรค ๖๓๕๓ บรรณานกุ รม คณะสาธารณสขุ ศาสตร มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล. (๒๕๕๐). จงั หวดั นครสวรรค. แหลงทีม่ า : http://www.ph.mahidol.ac.th/2551/html/body- nakornsawan.html. (ออนไลน) สืบคนเม่อื : ๖ ก.พ. ๒๕๖๓ เจ. วลิ เลยี่ ม สกนิ เนอร (เขยี น) ชาญวทิ ย เกษตรศริ ิ (บรรณาธกิ ารแปล). (๒๕๒๙). สงั คมจนี ในประเทศไทย : ประวตั ศิ าสตรเ ชงิ วเิ คราะห. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช. ชาวบานบางมะฝอ จัดงานทําบญุ เลี้ยงขาวแช อีกสีสนั ของสงกรานต ปากนํ้าโพ. (๒๕๕๘). แหลงทม่ี า : https://www.thairath.co.th/ content/493025. (ออนไลน) สืบคนเม่อื : ๙ ก.พ. ๒๕๖๓ ประเพณบี ญุ สลากภตั . (มรบ.). แหลง ทม่ี า : http://thailandtourismdirectory. go.th/th/info/activity/itemid/21921. (ออนไลน). สืบคนเมอ่ื : ๑๑ ก.พ. ๒๕๖๓ ไมไปไมรู! ๙ สถานท่ที องเทีย่ วเมืองสแ่ี คว จ.นครสวรรค. (๒๐๑๘). แหลงท่มี า : http://tavel.mthai.com/155345.htm. (ออนไลน). สืบคนเมอ่ื : ๕ ก.พ. ๒๕๖๓. สถานท่ที องเทย่ี วนครสวรรค-ท่เี ทย่ี วจงั หวัดนครสวรรค. (มรบ). แหลง ทมี่ า : http://www.bkkfly.com/trvel/thailand/nakhonsawan. html. (ออนไลน). สืบคนเมอ่ื : ๑๐ ก.พ. ๒๕๖๓. สาํ นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษานครสวรรค เขต ๑. (๒๕๖๑). กรอบหลกั สตู ร ระดบั ทองถนิ่ สํานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษานครสวรรค เขต ๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ป พ.ศ. ๒๕๖๑).นครสวรรค : สาํ นกั งานเขตพน้ื ที่ การศึกษานครสวรรค เขต ๑.
๖๓๔ วิถีชีวิต วัฒนธรรม อาํ เภอไพศาลี จงั หวัดนครสวรรค สาํ นักงานวัฒนธรรมจงั หวัดนครสวรรค. วิถีชีวิตวัฒนธรรมจงั หวัด นครสวรรค. นครสวรรค : องคก ารบรหิ ารสว นจงั หวดั นครสวรรค สํานักศิลปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั ราชภัฎนครสวรรค. (๒๕๖๑). ขอมลู มรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมและศักยภาพทองถน่ิ จงั หวดั นครสวรรค. นครสวรรค : ริมปงการพิมพ สจุ ิตต วงษเทศ. (๒๕๕๗). คนจีนในประวัติศาสตรวัฒนธรรมลุมนาํ้ เจา พระยา. เอกสารประกอบการประชมุ สมั มนา เรอื่ งการศกึ ษา ประวตั ศิ าสตรแ ละวฒั นธรรมของลมุ นาํ้ เจา พระยา.นครสวรรค : มหาวิทยาลัยราชภฎั นครสวรรค. สจุ ติ ต วงษเ ทศ.(๒๕๕๑).หนงั สอื แผนทป่ี ระวตั ศิ าสตรแ ละแผนทวี่ ฒั นธรรม ของ (สยาม) ประเทศไทย. กรงุ เทพฯ สภุ รณ โอเจรญิ . (๒๕๒๘). นครสวรรค : รฐั กงึ่ กลาง รายงานการสมั มนา ประวัติศาสตรและวัฒนธรรมทองถ่นิ จังหวดั นครสวรรค. นครสวรรค : วิทยาลัยครนู ครสวรรค แหลง ทอ งเทยี่ ว – การทอ งเทยี่ วนครสวรรค ขอ มลู ทอ งเทยี่ วนครสวรรค พิจิตร. แหลงท่มี า : http://www.tourismnakhonsawan.org/th/ province-1/%EO%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%A5 %EO%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%EO%B9%88% E0%B8%AD%E0%B8%87%EO%B9%80%E0%B8%79% E0%B8%B5%E9%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2% E0%B8%A7/. (ออนไลน). สืบคน : ๙ ก.พ. ๒๕๖๒ ๑๓ ที่เทย่ี วนครสวรรค ไปเทย่ี วเมอื่ ไรตองขอแวะมาเชค็ อิน. (มรบ.). แหลงทม่ี า : https://travel.kapook.com/view140348.html. (ออนไลน). สืบคน : ๖ ก.พ.๒๕๖๓
วถิ ชี วี ิต วฒั นธรรม อาํ เภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค ๖๓๕ ภาคผนวก
๓๖๘๖๔ วิถชี ีวิต วฒั นธรรม อาํ เภอไพศาลี จงั หวัดนครสวรรค
วิถีชีวติ วฒั นธรรม อําเภอไพศาลี จงั หวัดนครสวรรค ๓๘๖๗๕
๓๖๘๘๔ วิถชี ีวิต วฒั นธรรม อาํ เภอไพศาลี จงั หวัดนครสวรรค
Search