หน่ั เนอ้ื ปลาทับทมิ เป็นชนิ้ เลก็ ๆ ซอยใบมะกรูดและพริกใหญ่ (สแี ดง) เตรียมใบตอง โดยการเชด็ ใหส้ ะอาด 1 ห่อ ใช้ใบตอง 2 แผน่ วางสลับกัน ใส่พริกแกงทีเ่ ตรียมไว้ เนอื้ ปลากรายบด หนอ่ ไม้ ไขไ่ ก่ แปง้ ขา้ วเจา้ กะทิ คลกุ เคล้า ให้เขา้ กนั เติมน้าตาลปบ๊ี นา้ ปลา ใส่ใบมะกรดู ลงไปผสม นาใบโหระพาหรือใบยอวางรองไวก้ น้ ใบตอง ตกั ห่อหมกวางบนใบตองพร้อม ตกแตง่ ดว้ ยเนือ้ ปลาทับทมิ หน่ั ชน้ิ ใบมะกรูดซอย และพรกิ ใหญซ่ อย พบั ใบตอง แลว้ นาไม้มากลดั หัวทา้ ย นาไปปิง้ ไฟเตาถ่านด้วยไฟอ่อน ๆ พลิกไปมาทง้ั สองดา้ นให้สกุ เสมอกัน จัดเตรียมใส่จานพร้อมรับประทาน ๙๗ คุณค่าทางโภชนาการ ห่อหมก เปน็ อาหารท่มี ีคุณค่าครบถ้วนทเี่ ปน็ ประโยชนต์ ่อร่างกาย โดยมีสว่ นประกอบทเี่ ปน็ อาหารสมนุ ไพรที่สามารถช่วยในการปรับธาตแุ ละเจริญอาหารได้อย่างดียง่ิ หน่อไม้ มกี ากใยอาหารท่ีช่วยลดความเสยี่ งในการเกดิ โรคมะเร็งลาไส้ ลดความเส่ียงอาการทอ้ งผูก นอกจากนี้ยงั มีแคลอรต่ี ่า จึงสามารถรบั ประทานได้ และเหมาะสาหรบั คนทีก่ าลังควบคุมน้าหนัก นอกจากนีย้ ังมโี ปรตนี โพแทสเซียม วิตามนิ เอ และแคลเซียม
ตะไคร้ นามาใชแ้ กป้ วด จากการปวดขอ้ และฟกช้า แกโ้ รคทางเดนิ ปัสสาวะ แกป้ ระจาเดอื นมาไมป่ กติ รวมถงึ ช่วยใหเ้ จรญิ อาหาร แก้ท้องเสยี แก้ท้องอดื แก้จุกเสยี ด แนน่ ทอ้ ง ขับลมในลาไส้ ๙๘ ขา่ 1. ช่วยใหเ้ จรญิ อำหำร (ขำ่ หลวง) 2. ช่วยบำรุงรำ่ งกำย (เหง้ำ) 3. ช่วยบำรุงธำตุไฟ (หน่อ) 4. ข่ำมสี ำร 1-acetoxychavicol acetate (ACA) ซ่ึงมีฤทธย์ิ ับยังกำรเกดิ โรคมะเร็งจำกกำรเหนี่ยวนำของสำรกอ่ มะเร็ง จงึ ชว่ ยปอ้ งกันกำรเกิด โรคมะเร็งไปดว้ ยในตัว (เหงำ้ ) 5. มีฤทธชิ์ ว่ ยยับยังกำรเจริญเตบิ โตของเซลลม์ ะเร็ง (สำรสกัดจำกเหง้ำ) 6. สำรสกดั จำกเหง้ำมีฤทธิช์ ่วยช่วยลดระดับนำตำลในเลือด (สำรสกัดจำกเหง้ำ)
7. ช่วยรกั ษำโรคหลอดลมอกั เสบ (เหง้ำแก่, สำรสกดั จำกเหงำ้ ) 8. ช่วยขับเลอื ดลมให้เดนิ สะดวก ช่วยเพิ่มกำรไหลเวียนของเลือดและเพิ่มกำร เผำผลำญของร่ำงกำยให้ดขี นึ (รำก) 9. นำมนั หอมระเหยจำกข่ำมปี ระโยชนอ์ ย่ำงมำกต่อระบบทำงเดนิ หำยใจ จงึ มี สว่ นชว่ ยแกอ้ ำกำรหวัด ไอ และเจ็บคอได้เป็นอย่ำงดี (สำรสกดั จำกเหง้ำ) 10. ชว่ ยแก้ลมแนน่ หนำ้ อก (หน่อ) 11. ช่วยแกไ้ ขส้ ันนิบำตหน้ำเพลิง (เหง้ำแก่) 12. ข่ำสรรพคณุ ทำงยำช่วยแก้เสมหะ (เหงำ้ , รำก) ๙๙ พรกิ แห้ง พริกแห้งอุดมไปด้วยแคปไซซิน ที่เป็นประโยชน์อย่ำงมำกในกำรรักษำระบบทำงเดินหำยใจให้ ทำงำนได้คล่องมำกยิ่งขึน ช่วยไล่แก๊สภำยในกระเพำะอำหำร ลดเสมหะ รักษำอำกำรท้องอืด แน่นเฟ้อ อำหำรไม่ยอ่ ย ช่วยรกั ษำอำกำรไอ อกี ทงั สำรอำหำรภำยในพริกแห้งยงั ในกำรรกั ษำระบบทำงเดนิ หำยใจ ให้เป็นปกติ รักษำภูมิแพ้และโรคหอบหืด ขยำยหลอดลมพร้อมทังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตให้ ทำงำนไดอ้ ย่ำงดแี ละมปี ระสิทธิภำพ อีกทงั ยังมีสำรทชี่ ว่ ยในกำรกระต้นุ กำรหล่ังสำรเอนโดรฟนิ ทเี่ ป็นสำร ในกำรสร้ำงควำมสุข ทำให้เรำผ่อนคลำยสมอง อำรมณ์ดีมำกยิ่งขึน นอกจำกนีภำยในพริกแห้งยังมี ควำมสำมำรถในกำรช่วยลดอัตรำกำรเสี่ยงในกำรเกิดโรคมะเร็ง ช่วยในกำรปกป้องดูตับและไต ขับล้ำง สำรพิษและไขมันที่ไม่ดี พร้อมทังช่วยเผำผลำญพลงั งำน มีส่วนช่วยในกำรลดนำหนกั และควบคุมอำหำร นอกจำกนยี งั ดตี ่อระบบควำมดนั ภำยในร่ำงกำย
กระเทียม เป็นพืชสมุนไพรเก่าแก่ซ่ึงมีฤทธิ์ทางยาหลายอย่าง กระเทียมคือสมุนไพรท่ีให้ประโยชน์ทางยา สงู สดุ ชนิดหนึ่ง เชน่ ต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง ต้านการอักเสบจากเช้ือแบคทีเรยี และเชือ้ ไวรัสบางชนิด ท่ีสาคัญคือ ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลและไขมนั ชนดิ ไม่ดีทร่ี ่างกายไม่ต้องการ จึงแนะนาให้ผู้ท่ีมีความ เสย่ี งตอ่ การเกิดโรคหวั ใจและหลอดเลือดตีบตนั กนิ กระเทียมเป็นประจา ๑๐๐ หอมแดง หอมแดงสดมเี อนไซม์อลั ลเิ นส (alliinase) เปน็ สารประกอบกามะถันปริมาณสูงจากธรรมชาติ ซง่ึ ใช้ในการต้านไวรัส ต้านการอักเสบ และต้านเชื้อแบคทีเรีย ป้องกันโรคหวัด คัดจมูก ช่วยรักษาการติด เช้ือและอาการแพ้ระบบทางเดินหายใจ เช่น เจ็บคอ มีเสมหะ ปวดหัว และแพ้อาหารบางชนิด รวมถึง สารสาคัญที่ทาให้เกิดกล่ินฉุนของหัวหอมแดง คือ Propenedisulphide ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดไขมัน ในเสน้ เลือดและลดนา้ ตาลกลูโคสในเลอื ด
ใบมะกรูด / ผิวมะกรูด 1.มีสำรต้ำนอนุมูลอิสระสูง ชว่ ยเสริมสร้ำงภมู ิคมุ้ กนั ใหร้ ่ำงกำยแขง็ แรง 2.กระทุ้งพิษ แกฝ้ ภี ำยในและแก้เสมหะเป็นพิษ 3.เป็นสมนุ ไพรทม่ี ีกลนิ่ หอมช่วยคลำยควำมเครียด คลำยควำมกังวล 4.เป็นยำบำรงุ หัวใจ 5.แกเ้ ปน็ ลม หนำ้ มดื วิงเวียนศรี ษะ 6.แก้อำกำรไอ ชว่ ยขบั เสมหะ 7. ช่วยฟอกโลหติ 8.แกเ้ ลือดออกตำมไรฟนั 9.ขับลมในลำไส้ แก้อำกำรจุกเสียด ท้องอดื แน่นท้อง 10. ช่วยบำรุงหนังศรี ษะและบำรุงเส้นผม 11. แก้ปัญหำกล่นิ เทำ้ เหม็น ๑๐๑ โหระพา โหระพามสี รรพคุณทางยาสมุนไพรทห่ี ลากหลาย ใบสดของโหระพามสี รรพคุณแกท้ ้องอืด เฟอ้ ขบั ลมจากลาไส้ ต้มดืม่ แกล้ มวิงเวียน ชว่ ยยอ่ ยอาหาร ใช้ตาพอกหรือประคบแก้ไขข้ออักเสบ แผลอักเสบ ต้มใบและต้นสดเข้าดว้ ยกัน ตม้ เอาน้าดืม่ แกห้ วัด ขบั เหง่ือ
ใบยอ ใบสด ใช้หอ่ เน้อื และทาใหเ้ นื้อมีรสยอ ใช้ทาอาหาร เช่น ห่อหมก ใชเ้ ปน็ อาหารเล้ียงสัตว์ หรอื เลีย้ งตัวหนอนไหม แกแ้ ผลพุพอง รกั ษาอาการปวดศีรษะ หรอื ไข้ ใบ ทายาพอก รกั ษาโรคมาลาเรยี แก้ไข้ แกป้ วด รกั ษาวัณโรค อาการเคล็ดยอก แผล ถลอกลึกๆ อาการปวดในข้อ แก้ไข้ แกพ้ ิษจากการถูกปลาหนิ ตอ่ ย แกก้ ระดกู แตก กล้ามเนอ้ื แพลง นา้ สกัดใบยอ รักษาความดันโลหติ สูง เลือดออกทีเ่ กิดจากกระดกู ร้าว แก้ปวดท้อง เบาหวาน เบือ้ อาหาร ทางเดนิ ปัสสาวะอกั เสบ ช่องท้องบวม ไสเ้ ลือ่ น อาการขาดวติ ามินเอ ๑๐๒ กะทิ น้ากะทอิ ดุ มไปดว้ ยโทโคไตรอีนอล (Tocotrienols) ซึ่งเปน็ วติ ามินอี ชนิดหนงึ่ ทม่ี ปี ระสิทธภิ าพใน การเป็นสารตา้ นอนุมูลอสิ ระที่มปี ระสทิ ธิภาพสงู ชว่ ยปอ้ งกันการเกิดร้วิ รอยกอ่ นวยั ได้ดี และกรดลอริก (Lauric acid) ซ่ึงเป็นกรดไขมันชนดิ อมิ่ ตวั สายกลางที่มีคณุ สมบัติในการตา้ นการเจรญิ ของแบคทีเรียและ ตา้ นการอกั เสบของผวิ หนัง ช่วยปอ้ งกนั สวิ และผวิ หนังขรุระ เปน็ ต้น อีกทัง้ กรดลอริกเปน็ กรดไขมันชนดิ
อมิ่ ตวั สายกลาง ทีถ่ กู ดดู ซมึ เขา้ สูร่ ่างกายเพอ่ื ใชเ้ ปน็ พลังงานได้อยา่ งรวดเร็ว ส่งผลให้ยากท่จี ะถูกสะสม เปน็ ไขมันไวใ้ นร่างกาย นอกจากนี้กรดไขมนั ชนิดนีย้ งั ชว่ ยเสรมิ การเผาผลาญไขมันในรา่ งกายดว้ ย ซ่งึ เหมาะสาหรบั คนท่กี าลังลดและควบคุมน้าหนัก ไข่ไก่ 1. เสริมสร้างกลา้ มเน้ือ ซ่อมแซมสว่ นท่สี ึกหรอ เพรำะไขไ่ ก่เป็นอำหำรทม่ี ีโปรตนี สูง แตร่ ำคำไม่แพงเหมำะสำหรับผู้ทีต่ อ้ งกำรเสริมสร้ำงกล้ำมเนอื สำมำรถเลือกรบั ประทำนได้ เพยี งแค่รับประทำนเปน็ ไขต่ ม้ หรือไขท่ ไี่ ม่ผำ่ นกำรทอดจะดีกว่ำ เพื่อลด ควำมเสยี่ งในกำรรับไขมันเข้ำสู่รำ่ งกำยมำกเกนิ ไป สำหรับคนที่ออกกำลังกำยเยอะๆ แนะนำให้ รับประทำนเพ่ือชดเชยกล้ำมเนอื ที่ถูกทำลำยไปจำกกำรออกกำลังกำยดว้ ย รับรองวำ่ แขง็ แรงและได้ กลำ้ มเนือสวยๆ เลย ๑๐๓ 2. ช่วยลดน้าหนกั ไดน้ ะ ไขไ่ กม่ สี ่วนท่ที ำให้เรำรู้สึกอิ่มเรว็ อิ่มนำน รับประทำนอำหำรอน่ื ได้นอ้ ยลง เพรำะประกอบดว้ ยโปรตีนและ ไขมันดีท่ีเพิ่มควำมร้สู ึกอมิ่ ได้ ดังนันแล้วในช่วงระหว่ำงกำรไดเอท ถ้ำคุณรู้ดีว่ำเป็นคนทีร่ บั ประทำนเยอะ หรือว่ำถ้ำกลัวไมอ่ ิ่ม กำรรบั ประทำนไข่ไก่ควบคูไ่ ปกับทกุ มืออำหำร ก็จะชว่ ยทำใหอ้ ่มิ และอยู่ทอ้ งได้นำน 3. ช่วยบารงุ สายตา ในทุกวันนีเรำตอ้ งใช้สำยตำหนกั มำก ทังในเร่ืองของกำรทำงำนและกำรใช้มือถือมำกแทบจะตลอดเวลำเลย ทำให้ดวงตำมีควำมเสี่ยงตอ่ กำรเป็นต้อกระจก หรือจอประสำทตำเสื่อม แต่ในไข่ไกน่ นั มีวติ ำมินเอที่ช่วยใน กำรมองเห็น และมีสำรอำหำรอย่ำงลูทีนที่มีประโยชน์ต่อจอตำ ทำให้ยบั ยังกำรเกิดโรคตอ้ กระจกได้ รวมถึง สำรแคโรทีนอยด์ และซแี ซนทีนท่ีช่วยป้องกนั กำรเสื่อมของจอประสำทตำที่เพมิ่ ขนึ ตำมอำยุได้อีกด้วย 4. ชว่ ยบารงุ สมอง เน่ืองจำกไขไ่ ก่นันประกอบไปดว้ ยกรดไขมนั Phospholipid และสำรโคลีนกวำ่ 20% ที่มีส่วนชว่ ยในกำร พัฒนำและเตบิ โตของสมอง โดยเฉพำะในวัยเดก็ เล็ก อีกทงั ถำ้ รบั ประทำนวนั ละ 1 ฟอง ก็จะลดควำม
เสี่ยงตอ่ กำรเกิดหลอดเลือดในสมองไดอ้ ีกด้วย ดงั นนั ผูท้ ี่ทำงำนใช้สมองมำก ๆ จึงควรรบั ประทำนไขไ่ ก่ เพ่อื บำรงุ สมองทกุ วนั เพ่ือบำรงุ ระบบประสำทและสมองให้แข็งแรง 5. ช่วยบารงุ หัวใจ เนือ่ งจำกในไขไ่ ก่นัน มีไขมนั ดีอยำ่ งโอเมกำ้ 3 และกรดอะมโิ นท่สี ำคญั ซึ่งจำเป็นต่อร่ำงกำยเปน็ อยำ่ ง มำก ทังยังชว่ ยบำรุงให้หัวใจแข็งแรง แลว้ ก็ยงั สำมำรถชว่ ยลดควำมเสีย่ งจำกอักเสบ ที่เป็นสำเหตุของ โรคหวั ใจไดอ้ กี ด้วย อยำกห่ำงไกลจำกกำรเป็นโรคหวั ใจกแ็ คห่ มนั่ กนิ ไข่ละฟองกัน 6. ชว่ ยทาให้กระดกู และฟนั แขง็ แรง เนื่องจำกไขไ่ ก่นนั อดุ มไปด้วยแคลเซียม ไขไ่ กฟ่ องหน่ึงมแี คลเซียมสูงถึง 50 mg ท่มี สี ่วนชว่ ยให้ฟนั และ กระดกู แข็งแรง โดยเฉพำะในผู้หญงิ มีโอกำสท่ีจะสูญเสียแคลเซยี มไดเ้ ยอะมำกอยู่แล้ว ยงิ่ ถำ้ ได้รบั ประทำนทกุ วนั ก็จะชว่ ยลดควำมเสี่ยงตอ่ กำรเกดิ โรคมะเร็งทรวงอก และลดควำมผดิ ปกติเกี่ยวกับลำไส้ ใหญ่ดว้ ย 7. ชว่ ยบารุงผมและเลบ็ ได้ เรอ่ื งของควำมสวยควำมงำมกม็ ำ หำกว่ำผมของคุณแหง้ เสียและเลบ็ คอ่ นข้ำงเปรำะ กำรรบั ประทำนไขไ่ ก่ ทุกวนั จะช่วยบำรงุ สขุ ภำพทงั เล็บและผมให้ดขี นึ ได้ เพรำะไข่อุดมไปด้วยวติ ำมนิ นำนำชนดิ ทงั วติ ำมนิ ซี วิตำมินบี วติ ำมินเอ วติ ำมินซี และวิตำมนิ อี ผมของคุณกจ็ ะเงำงำม เลบ็ กจ็ ะเงำและแข็งแรงขนึ ด้วย 8. ช่วยให้ไม่เจ็บปว่ ยง่าย ใครท่เี จ็บป่วยง่ำย เป็นหวดั บอ่ ยๆ ตอ้ งหันมำรับประทำนไข่กนั มำกขึนแลว้ ล่ะ เนอื่ งจำกไขไ่ ก่นนั ชว่ ย เสริมสร้ำงภูมคิ ุ้มกันต่ำงๆ ให้กับร่ำงกำย เพรำะมีทังวิตำมนิ ทดี่ หี ลำยชนิด มีกรดอะมโิ นท่จี ำเป็น มีสำร ตอ่ ตำ้ นอนุมูลอิสระ แค่เพียงกินไข่ไก่วนั ละ 1-2 ฟอง กจ็ ะช่วยทำใหส้ ุขภำพดีห่ำงไกลจำกโรคภัยไข้เจบ็ ไดแ้ ลว้ ๑๐๔ เน้อื ปลากรายบด
เน้ือปลากราย คุณค่าทางด้านวิตามินและแร่ธาตุ เนื้อปลานอกจากจะให้คุณค่าด้านโปรตีนและ ไขมนั แล้ว ยงั ใหว้ ติ ามนิ และแร่ธาตอุ ื่น ๆ อกี ซงึ่ คุณค่าดา้ นวิตามนิ และแร่ธาตุอ่นื ๆ อกี ซ่งึ คุณค่าด้านวิตามิน นัน้ เน้อื ปลาประกอบด้วยวิตามนิ บีหนง่ึ บสี อง และไนอะซนิ ทม่ี คี วามจาเปน็ ตอ่ การใชป้ ระโยชน์ของคาร์บอน โบไฮเดรต ไขมันและโปรตีน ทาให้รา่ งกายมปี ระสิทธิภาพในการประกอบการงานและการเรียนรู้ เน้ือปลาทบั ทมิ • ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเสน้ เลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตนั • ชว่ ยบารุงสมองเสรมิ สร้างความจา • ชว่ ยบรรเทาอาการปวดบวมของโรคขอ้ อักเสบ • ช่วยป้องกนั โรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ๑๐๕ งานประกวดสืบสานวฒั นธรรมอาหารถิ่นไทย สภู้ ัยโควดิ -19 ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรียนพยุหะศึกษาคาร อ.พยุหะคีรี (หอ่ หมกหน่อไม้) ๔ ธนั วาคม ๒๕๖๔
๑๐๖ ตาราอาหารถิ่น อ.ไพศาลี
รางวลั ชมเชย ๑๐๗ ประวตั ิและความเป็นมาของนา้ พริกปลาย่างมะขามปอ้ ม
นำพริกปลำย่ำงมะขำมป้อม เป็นนำพริกท่ีเกิดจำกกำรนำวัตถุดิบท่ีมีอยูต่ ำมสภำพบริบทท้องถนิ่ ของ ไพศำลีมำประกอบกัน โดยเกิดขึนจำกต้นตำหรับนำพริกกบย่ำง ของนำงม่วย ขำวทอง อยู่บำ้ นเลขท่ี ๒๒๕/๗ หมู่ที่ ๔ ตำบลโคกเด่อื อำเภอไพศำลี จงั หวัดนครสวรรค์ ในสมัยนนั ท่ำนใช้กบ นำย่ำง กับมะขำมเปียกเป็นวัตถุดิบหลักในกำรทำนำพริกกบ จนปี พ.ศ. ๒๕๕๒ เริ่มมีกำรแพร่ระบำด ของโรคไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช ๑ เอ็น ๑ ท่ำนได้คิดเปลี่ยนแปลงทำนำพริกกบผสมกับมะขำมป้อม เน่ืองจำกพืนท่ีนำมีมะขำมป้อมพันธุ์ใหญ่ พันธุ์ด่ังเดิมของไพศำลี (ปัจจุบัน เรียกว่ำ มะขำมป้อมยักษ์) และหำได้ง่ำยในเขตของอำเภอไพศำลี ซึ่งสรรพคุณของมะขำมป้อม ชำวบ้ำนรู้กันดีว่ำรับประทำน มะขำมป้อมทำให้ชุ่มคอ มีวิตำมินซีสูง และเป็นพืชสมุนไพรที่ให้คุณค่ำต่อร่ำงกำย กำรได้รับวิตำมินซี และแคลเซยี มสงู ชว่ ยให้ระบบเลือดแขง็ แรง ป้องกันอนุมูลอิสระ ยบั ยังกำรเจริญ เติบโตของเชอื ไวรสั ก็ นำมำเปน็ วตั ถดุ ิบหลักในกำรทำนำพรกิ กบยำ่ งมะขำมปอ้ ม ซง่ึ ทำ่ นคิดวำ่ กำรกนิ อำหำรก็เปน็ กำรกนิ ยำ ที่จะช่วยปอ้ งกันโรค ยำท่ีดกี ค็ ืออำหำรท่ีเรำรบั ประทำน ต่อมำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คนทั่วไปนิยมหันมำใส่ใจในเร่ืองของกำรรับประทำนอำหำรเพ่ือสุขภำพ เพิ่มมำกขึน บำงคนไม่รับประทำนกบ ท่ำนก็เลยหันมำมองวัตถุดิบท่ีมีอยู่ในพืนท่ี ที่ให้โปรตีนท่ีมี คุณภำพสงู ประกอบกบั ทบี่ ้ำนของท่ำนประกอบอำชีพทำนำ ฤดนู ำหลำกจะมปี ลำชอ่ นนำชุกชุม และจับ มำทำเปน็ ปลำช่อนยำ่ ง ถนอมอำหำรไวส้ ำหรับรบั ประทำนในเวลำทขี่ ำดแคลน ทำ่ นบอกว่ำคนทป่ี ่วยควร รับประทำนกับข้ำวที่ทำด้วยปลำช่อน ร่ำงกำยจะแข็งแรงเร็วขึน จนกลำยมำเป็นนำพริกปลำย่ำง มะขำมปอ้ ม ซงึ่ มวี ตั ถุดิบหลกั ในกำรปรงุ คอื ปลำช่อนนำย่ำง กับ มะขำมป้อม วัฒนธรรมกำรรบั ประทำนอำหำรของชำวไพศำลี นยิ มรบั ประทำนนำพริกเป็นหลัก นำพริกปลำ ย่ำงมะขำมป้อม จึงเป็นนำพริกที่เกิดจำกกำรนำภูมิท่ีชำวบ้ำนคิดขึนมำ ซึ่งเป็นอำหำรหลักของคนไทย จะชว่ ยใหร้ ะบบย่อยอำหำรในรำ่ งกำยทำงำนได้อยำ่ งสมดุล ระบบขับถำ่ ยดขี นึ และช่วยเพม่ิ ควำมแข็งแรง ใหก้ ับเซลล์ ทำใหส้ ขุ ภำพรำ่ งกำยของเรำดขี นึ หลังจำกได้เรียนรู้วิธีกำรทำ จำกรุ่นแม่สู่รุ่นลูก นำงรัชนี ไวเกษตรกรณ์ ได้นำสูตรนำพริกปลำ ย่ำงมะขำมป้อมถ่ำยทอดให้กับนักเรียนตังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และได้ส่งผลงงำนเข้ำร่วมประกวดกำรทำ นำพริกผักสดเคร่ืองเคียง ของสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขันพืนฐำน ได้รับรำงวัลเหรียญทอง และไดถ้ ่ำยทอดสตู รนำพริกปลำยำ่ งมะขำมปอ้ มต่อยอดมำจนถงึ ปจั จบุ นั ๑๐๘ ความเปน็ มาของมะขามป้อมในอาเภอไพศาลี
ตน้ มะขำมปอ้ ม ลกั ษณะเป็นไมพ้ ่มุ หรอื ไมย้ ืนต้นที่มขี นำดกลำง ลำตน้ มีลกั ษณะคดงอ เปลอื ก ภำยนอกมผี วิ เรยี บสีนำตำลอมเทำ สว่ นเปลือกภำยในมสี ีชมพสู ด เปน็ พืชใบเด่ยี วท่มี ีขนำดสนั โดยเรยี ง สลับในระนำบเดียวกนั ดอกมีสขี ำวและมีขนำดเลก็ แยกเพศ แตอ่ ย่บู นลำตน้ เดยี วกนั ได้ ส่วนผลมีลกั ษณะ ทรงกลมสเี ขยี วออ่ น มีเส้นริว 6 เส้น เปลอื กหมุ้ เมล็ดแข็งมี 6 เสน้ และมี 6 เมล็ด ในธรรมชำติ มะขำมป้อมจะขึนบรเิ วณเขตกึง่ รอ้ น ตำมป่ำเบญจพรรณ (ป่ำทีม่ ีต้นไผ่ขึน) ป่ำละเมำะหรอื ตำมป่ำชุมชน อำเภอไพศำลี มีภูมศิ ำสตร์ทีเ่ หมำะสมกบั กำรเจรญิ เตบิ โต ของต้นมะขำมปอ้ ม ในอดีตทีผ่ ่ำนมำ อำเภอไพศำลีมมี ะขำมป้อมลูกใหญ่ (มะขำมป้อมยกั ษ)์ อย่ตู ำมหัวไร่ปลำยนำ บรเิ วณเชิงเขำด้ำนทศิ ตะวนั ออกของอำเภอไพศำลี กำลเวลำได้เปลี่ยนไป ตน้ มะขำมป้อมเรมิ่ ลดจำนวน ลงและหำมะขำมปอ้ มยำกขนึ ปี พ.ศ. 2557 เทศบำลตำบลไพศำลีรว่ มกับกับอำเภอไพศำลี ได้เห็น คณุ ค่ำและประโยชน์ทำงโภชนำกำรและคณุ คำ่ ทำงเวชภณั ฑ์ยำท่มี ีอยใู่ นมะขำมป้อมในกำรสรำ้ งภูมใิ ห้กับ รำ่ งกำย ได้คดั อนรุ ักษต์ น้ มะขำมปอ้ ม โดยนำกิ่งพนั ธุ์ของมะขำมปอ้ ม (พันธ์ลุ ูกเลก็ ) มำแจกครวั เรือนละ 2 ตน้ โรงเรยี นบำ้ นใหมว่ ำรีเย็นก็ไดร้ ับกิ่งพนั ธุ์ และนำมำปลกู ปัจจุบันก็จะพบเหน็ ตน้ มะขำมป้อมตำม บำ้ นเรอื นและหน่วยงำนต่ำงๆและสำมำรถเก็บผลรบั ประทำนได้ สรรพคณุ ของมะขามป้อม มะขำมป้อมจัดว่ำเป็นผลไม้ที่มีวิตำมินซีสูงมำก เน่ืองจำกมะขำมป้อมเล็ก ๆ เพียง 1 ผล จะให้ วิตำมินซีเท่ำกับส้มถึง 2 ผล และยังให้ปริมำณวิตำมินซีมำกกว่ำส้ม 20 เท่ำ พบสำรสำคัญจำพวกสำร ต้ำนอนุมูลอิสระอย่ำงฟลำโวนอยด์ สำรกลุ่มแทนนิน อัลคำลอยด์ คูมำริน รูทีน หรือกรดกัลลิค เป็นต้น ตำมตำรับยำไทยแล้ว มะขำมป้อมจะออกฤทธ์ิเปน็ ยำเย็น สำมำรถใช้ประโยชน์ในกำรรกั ษำโรค ได้เกือบทังต้น โดยเฉพำะผลของมะขำมป้อมท่ีมีรสเปรียวฝำดอมขม หำกเป็นผลอ่อนจะชว่ ยกัดเสมหะใน ลำคอ บำรุงเส้นเสียง ขับพยำธิ และบรรเทำอำกำรท้องผูก เน่ืองจำกมีฤทธ์ิเป็นยำระบำยอ่อนๆ แต่ถ้ำ เป็นผลแก่จะช่วยแก้ไข้ บรรเทำอำกำรไอ ขับเสมหะ ทำให้รู้สึกชุ่มคอ แก้โรคลักปิดลักเปิด บำรุงหัวใจ และขบั ปสั สำวะ เมอื่ นำเนอื ในผลไปตำกแห้งไปตม้ เพ่ือสกัดเอำนำมำใช้ จะเป็นยำฝำดสมำนที่ช่วยแก้โรค หวัด โรคทอ้ งเสีย โรคบิด บรรเทำอำกำรถ่ำยเป็นเลือด หรือโรครดิ สีดวงทวำร และยงั ชว่ ยรักษำอำกำรไอ เจบ็ คอ ลดไข้ แก้กระหำยนำ ๑๐๙
หำกใช้ร่วมกับธำตุเหล็กจะช่วยย่อยอำหำรและแก้โรคดีซ่ำนส่วนต่ำง ๆ ของต้นมะขำมป้อม สำมำรถใช้เป็นยำรักษำโรคได้เช่นกนั แม้แต่เมล็ดท่ีช่วยแกโ้ รคหลอดลมอกั เสบและโรคหอบหืด รำกของ ต้นมะขำมป้อมมีรสจืดปนฝำด ใช้เป็นยำลดควำมดันโลหิตสูง แก้โรคลำไส้อักเสบหรืออำกำรปวด กระเพำะอำหำร ถ้ำนำมำตม้ เพอื่ ดม่ื จะช่วยลดพิษไข้ แกร้ อ้ นใน บรรเทำอำกำรทอ้ งเสีย ใบของต้นมะขำมปอ้ มมีรสฝำดปนขม เป็นยำเย็นท่ีใช้รักษำอำกำรบวมนำ ขับปัสสำวะ เม่ือนำมำ ขยแี ล้วทำบนผิวหนงั ท่ีเปน็ ผดผน่ื คัน จะชว่ ยบรรเทำใหอ้ ำกำรนันดีขึน ส่วนผสม ๕๐ กรัม ๑๕๐ กรัม 1.ปลำชอ่ นย่ำง ๑๐ กรัม 2.มะขำมป้อม ๑๐๐ กรัม 3.พริก ๗๐ กรมั 4.หอมแดง ½ ช้อนโตะ๊ 5.กระเทยี ม ๔ ช้อนโตะ๊ 6.กะปิ ๓ ช้อนโต๊ะ 7.นำตำลทรำย ๔ ช้อนโต๊ะ 8.นำปลำ 9.นำมนั พชื ๑๑๐
วธิ ีการปรงุ 1. หัน่ มะขำมป้อมใหเ้ ปน็ ชนิ ๆ แลว้ ปั่นให้ละเอียดด้วยเคร่ืองป่นั ตักใส่ถ้วยพกั ไว้ 2. แชป่ ลำช่อนยำ่ งดว้ ยนำเปล่ำนำน 1๕ นำที แกะเอำแต่เนือ แลว้ ป่นั ดว้ ยเครือ่ งปั่นใหล้ ะเอยี ด ตักใส่ ถ้วยพกั ไว้ 3. คั่วพริกแห้ง หอมแดง กระเทยี ม ตักขนึ พักให้เยน็ หลังจำกนันนำไปโขลกให้ละเอยี ด ใสก่ ะปิ 4. นำมะขำมป้อมและปลำช่อนยำ่ งทปี่ ่นั ไว้โขลกผสมให้เข้ำกัน ปรงุ รสดว้ ยนำปลำและนำตำลทรำย นำส่วนผสม ลงในกระทะ ลดไฟออ่ น ผัดให้เขำ้ กนั ชิมรสใหอ้ อกเปรียว เคม็ หวำน เผด็ ปดิ ไฟ ตักใสถ่ ว้ ย จัดจำนพร้อมผกั สดเคร่อื งเคยี ง ๑๑๑
เคลด็ ลับความอร่อย รับประทำนนำพริกพร้อมกับเคร่ืองเคียงผักสด พร้อมดื่มนำมะขำมป้อม จะรู้สึกชุ่มคอ และรับ รสชำติอำหำรชนิดอ่ืนได้ดี หรือจะนำมำห่อแผ่นเม่ียงญวน เป็นกำรประยุกต์วัฒนธรรมกำรรับประทำน อำหำรของประเทศเวียดนำมมำรับประทำนคู่กับนำพริกปลำย่ำงมะขำมป้อม ภำยในโรลของแผ่นเม่ียง ประกอบดว้ ย แครอท แตงกวำ ผักกำดหอม ผักสลัด และปูอัด จะได้รสชำติที่เอร็ดอร่อย จำกนันใหด้ ื่ม นำตำมจะรูส้ ึกชมุ่ คอ และรับรสชำตอิ ำหำรชนิดอ่นื ไดด้ ี ปัจจุบัน คนไทยรับประทำนผักน้อยลง กำรห่อนำพริกปลำยำ่ งมะขำมปอ้ มทำเป็นสลัดโรลจะทำ ให้น่ำรบั ประทำน ทำนงำ่ ยและไดค้ ณุ ค่ำทำงโภชนำกำรครบถ้วน เสริ ์ฟพรอ้ มนำมะขำมปอ้ มจะทำให้รู้สึก สดช่ืน ประโยชนท์ ี่ได้รับจากการรับประทาน นา้ พริกปลายา่ งมะขามปอ้ ม ปลาช่อนย่าง มสี ำรทีเ่ ป็นสว่ นหน่ึงของคอลลำเจน มีฤทธใ์ิ นกำรห้ำม เลอื ดและระงับควำมเจ็บปวดไดค้ ล้ำยมอรฟ์ ีน ช่วยใหเ้ มด็ เลือดแข็งแรง จึงเหมำะอยำ่ งยง่ิ แกก่ ำรปรุงเป็นอำหำรของผู้ป่วยหรอื ผทู้ ่เี พิง่ ได้รบั กำร ผำ่ ตัด มะขามป้อม ทำให้ชุม่ คอ ได้รับวติ ำมินซี และแคลเซยี มสงู ช่วยให้ ระบบเลือดแขง็ แรง ปอ้ งกนั อนุมูลอสิ ระ ยับยงั กำรเจริญเติบโตของเชือ ไวรัส ซึ่งเปน็ เชอื โรคที่กอ่ ให้เกิดโรคโควดิ - ๑๙ สร้ำงภูมติ ำ้ นทำนให้ รำ่ งกำยป้องกนั โรคมะเร็ง แกพ้ ิษสำรตะก่วั แกก้ ระหำยนำ ๑๑๒
คุณค่าทางโภชนาการ น้าพรกิ ปลาย่างมะขามป้อม 1 กระปกุ บรรจนุ า้ พรกิ นา้ หนกั 100 กรัม เกลือแร่ โปรตนี 9% 9% ไขมนั 11% คาร์โบไฮเดรต 11% วติ ามิน 60% พลงั งาน ไขมัน คารโ์ บไฮเดรต โปรตีน ใยอาหาร คอเลสเตอรอล โซเดยี ม วิตามนิ ซี (กรมั ) (กรมั ) (กรัม) (กรัม) (มลิ ลกิ รัม) (มิลลกิ รมั ) (มิลลิกรัม) (กโิ ลแคลลอรี)่ 0.8 5.8 4.2 2.8 17.7 126 456 46 งานประกวดสบื สานวฒั นธรรมอาหารถน่ิ ไทย สภู้ ยั โควดิ -19 ๑๑๓
๑๑๔
สม้ ตำ โรงเรยี นบา้ นคลองสมบรู ณ์ อาเภอแมเ่ ปิน จงั หวดั นครสวรรค์ สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา นครสวรรค์ เขต ๒ ๑๑๕
ท่ีมาของชอื่ สม้ ตา ยังไม่มีหลกั ฐานทแี่ น่ชดั ว่ามีการนามะละกอดิบมาปรุงเป็นสม้ ตาเปน็ ครัง้ แรกเม่อื ใด อยา่ งไรก็ตาม เมือ่ พิจารณาถึงทีม่ าของสว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของสม้ ตา อาจไดข้ อ้ มลู เบ้ืองตน้ เพ่อื ประกอบการสันนิษฐาน ถงึ ท่ีมาของส้มตาได้ มะละกอเป็นพชื ที่มีถนิ่ กาเนดิ ในอเมรกิ ากลาง ชาวสเปนและโปรตุเกสนามาปลกู ใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในยุคต้นกรงุ ศรอี ยธุ ยา ในขณะทช่ี าวฮอลนั ดาอาจนาพรกิ เขา้ มาเผยแพรใ่ นเวลา ตอ่ มา ในรชั กาลสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช มีทตู ชาวฝรั่งเศสผมู้ าเยือนกรงุ ศรีอยุธยา คอื นกี อลา แฌรแ์ วซ (Nicolas Gervaise) และซมี ง เดอ ลา ลแู บร์ พรรณนาวา่ ในเวลานั้นมะละกอไดก้ ลายเป็นพืชพนื้ เมอื งชนดิ หน่งึ ของสยามไปแล้ว และไดก้ ล่าวถึงกระเทียม มะนาว มะม่วง กุ้งแห้ง ปลาร้า ปลากรอบ กลว้ ย นา้ ตาล แตงกวา พรกิ ไทย ถวั่ ชนิดต่าง ๆ ทล่ี ้วนสามารถใช้เปน็ สว่ นประกอบสาหรับปรุงส้มตาได้ ขณะเดยี วกันได้ เขยี นวา่ ในขณะน้นั สยามไม่มีกะหล่าปลี และชาวสยามนยิ มบรโิ ภคขา้ วสวย แต่ไมม่ กี ารกล่าวถงึ มะเขือ เทศและพริกสด ตาราอาหาร แม่ครัวหัวป่าก์ ของ ทา่ นผู้หญงิ เปลี่ยน ภาสกรวงศ์ พิมพ์ครง้ั แรกเม่ือ พ.ศ. ๒๔๕๑ (ใน สมัยรชั กาลท่ี 5 ไมป่ รากฏว่ามีสูตรอาหารที่ชือ่ ว่าส้มตาเลย แต่มอี าหารท่คี ล้ายสม้ ตา โดยใชม้ ะขามเป็น ส่วนผสมหลักในช่อื วา่ ปูตา สว่ นในตาราอาหารเกา่ ๆ อย่าง ตาหรบั เยาวภา ของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศส์ นิท มอี าหารทเ่ี รยี กว่า ขา้ วมันส้มตา โดยมสี ว่ นประกอบสาคญั คอื ข้าวมันหุง ด้วยกะทิ และส้มตาซงึ่ ใชม้ ะละกอเปน็ หลักแต่มีสว่ นผสมทม่ี ากกวา่ สตู รของคนอสี านคือมกี ุ้งแห้งกบั ถว่ั ลิสงป่น และปรุงรสชาตแิ บบนุ่มนวลไม่จัดจ้าน คอ่ นขา้ งไปทางหวานนา ในภาษาลาวเรียกส้มตาว่า ตาหมากหุ่ง (หมากหุ่งหมายถงึ มะละกอ) หรือตาบกั หุ่ง บางคร้งั เรยี กว่า ตาสม้ คาวา่ สม้ ในภาษาลาวแปลวา่ เปรี้ยว คาว่า ส้มตา จึงเปน็ คาในภาษาลาวท่ถี กู นามาเรียกโดยคน ไทย ส่วนคาวา่ สม้ ตา นนั้ สนั นิษฐานวา่ เป็นภาษาลาวที่คนไทยนามาเรียกสลบั กันกบั คาว่า ตาสม้ เครื่องปรุงทว่ั ไปของสม้ ตาลาวประกอบด้วยมะละกอสบั เป็นเส้น เกลือ แป้งนัวหรอื ผงนวั (ผงชรู ส)(ซง่ึ ลาว ไมส่ ามารถผลิตผงชูรสเองไดต้ อ้ งนาเข้าจากไทยไปใช้) หมากเผ็ด (พรกิ ) กระเทียม นา้ ตาล น้าปลา น้าปลา แดกหรอื น้าปลาร้า หมากนาว (มะนาว) หมากถวั่ (ถวั่ ฝกั ยาว) และอ่ืน ๆ บางแห่งยงั พบวา่ นิยมใส่เมด็ กระถินและใช้กะปิแทนปลาแดกดว้ ย บางแหง่ ยงั พบวา่ มกี ารใส่ปูดบิ ท่ยี งั ไม่ตาย และใส่น้าปูลงไปด้วย ชาว ลาวถอื ว่าการทาสม้ ตาแบบโบราณทโี่ รยถั่วลิสงคว่ั ลงไปดว้ ยหรอื ทารสให้หวานนาถอื วา่ \"ขะลาสูตร\" หรือ ผิดสตู รด้ังเดิม และผตู้ ามักถกู วิพากษ์วิจารณ์วา่ ไร้ฝีมือ ๑๑๖
สรรพคณุ ของสว่ นประกอบ ส้มต้ำ “มะละกอ” เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีตน้ กาเนิดจากอเมริกากลางรับประทานได้ทงั้ ผลสุกและผล ดิบ มีวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 ธาตุแคลเซยี ม ธาตโุ ซเดยี ม ธาตฟุ อสฟอรัส ธาตเุ หลก็ โปรตนี เปน็ ตน้ แถม “มะละกอ” ยงั มี สารต่อต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงย่ิงข้ึน เราสามารถนา “มะละกอ” นามาทาเป็น “สม้ ตา” หรอื “แกงสม้ ” “มะเขือเทศ” น้ันก็อุดมไปด้วยสารอาหารและ วิตามิน เช่น วิตามินซี และวิตามินเอ แถมยังมี สารไลโคปีน ต้านสารอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงจากการติดเช้ือ และการเส่ือมของร่างกาย เช่น โรค เกีย่ วกบั หลอดเลือด โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ป้องกนั โรคความดนั โลหิตสูง “ถวั่ ฝักยาว” ใน “สม้ ตา” ช่วยบารุงกระดูกและฟนั ฟอสฟอรัส มสี ว่ นชว่ ยเผาผลาญคาร์โบไฮเด รท ไขมัน และโปรตีน มีวิตามินซีช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันการเกิดโรคหวัดได้อีกด้วย “กระเทียม” มีสารอัลลิซิน (Allicin) มีสรรพคุณทางยา รักษาโรคหวัด มีสารต้านอนุมูลอิสระ สร้าง ภูมิคุ้มกันในร่างกาย แต่หากเป็นหวัดก็สามารถฝานกระเทียมไปแช่น้าร้อน แล้วกรองน้าออกมาดื่ม ชา กระเทียมอุ่นๆ จะทาให้หวัดหายเร็วข้ึนและยัง “ลดระดับไขมันในเลือด” ลดความเสี่ยงในการเป็น โรคหัวใจและโรคมะเร็ง แต่ต้องระวงั หากกินตอ่ เนื่องยาวนานจานวนมากเกินไปจะเกิดภาวะเลอื ดแข็งตัว ช้า เพราะสารในกระเทียมจะยับยงั้ การเกาะตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งหากเกิดบาดแผลจะทาให้เลือดไหลไม่ หยดุ ได้ “พรกิ ” มีสารตอ่ ตา้ นอนุมูลอสิ ระ ช่วยชะลอวยั รับประทานแล้วอารมณด์ ี ทาใหร้ ่างกายสร้างสาร แหง่ ความสุข (Endorphin) เสรมิ สร้างภมู ิตา้ นทานให้แขง็ แรง มี “วิตามนิ ซี” ทชี่ ่วยเสรมิ สร้างคอลลาเจน ในร่างกาย บารุงสายตา กระตุ้นให้เจรญิ อาหาร “มะนาว” ในเมนู ส้มตา นอกจากมีวิตามินซีแล้วยังช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง และต่าอีก ด้วย มีกรดซิตริคขจัดแคลเซียมทีส่ ะสมในหลอดเลือดแดง ตบั ออ่ น ชว่ ยสลายน่ิวในไตได้ ลา้ งสารพิษโดย การกระตนุ้ ด้วยเอนไซน์ธรรมชาติ บารงุ ผวิ พรรณ ขับเสมหะ ฟอกโลหติ บารุงเสียง บารุงโลหติ ๑๑๗
สรรพคณุ ของเครือ่ งเคียง ทูน หรอื ตนู ผกั ชนดิ น้เี ป็นยาเยน็ มธี าตอุ าหารท่เี ป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะมแี คลเซียม และ วิตามนิ ซี ชว่ ยในการบารุงกระดูก และฟัน แกไ้ ขห้ วัด ต้านหวัดหวั ลม ผักก้านจอง เม่อื เค้ยี วเรม่ิ แรกจะขมเลก็ นอ้ ย ตอ่ มาค่อยๆรสู้ กึ มคี วามหวาน ซ่งึ มสี รรพคุณ ดังนี้ ช่วยแกอ้ าการทอ้ งเสยี ชว่ ยรกั ษาแผลในกระเพาะอาหาร ชว่ ยเจรญิ อาหาร ชว่ ยลดไข้ แก้อาการปวด หัว วิงเวียนศีรษะ กระถนิ ถอื เปน็ ยาอายุวฒั นะมสี รรพคณุ หลายอยา่ ง เช่น มฟี อสฟอรสั สงู จึงช่วยเสริมสร้างและ บารุงกระดูก ชว่ ยลดระดบั น้าตาลในเลือด ชว่ ยรกั ษาโรคความดนั โลหิตสูง กระถินอุดมไปดว้ ยวติ ามนิ เอ จงึ ช่วยบารุงและรกั ษาสายตาได้ วิธที าส้มตา ส่วนผสม มะละกอ กระเทยี ม ถ่ัวฝักยาว พริกสด (หรอื ใช้พรกิ แห้งกไ็ ด)้ มะเขือเทศ / มะเขือเจ้าพระยา มะนาว / น้ามะขามเปียก นา้ ปลา นา้ ปลาร้าตม้ สุก น้าตาล มะกอก แครอท ปูเค็ม ๑๑๘
วธิ ที า ๑. สับมะละกอหรอื ขูดเปน็ เส้นก็ได้ ๒. ตาพริกสด กระเทยี ม ๓. หน่ั ถวั่ ฝักยาวเปน็ ชน้ิ ๆ ตารวมลงไปใหพ้ อแหลก ๔. ใส่มะเขือเทศ มะนาว มะขามเปยี ก น้าตาล คลกุ เคล้าใหเ้ ข้ากัน ๕. หักปูเคม็ ใส่ลงไป ตาเบา ๆ ใหพ้ อแหลก ๖. ใส่ปลาร้าตม้ สกุ น้าปลา ใส่เส้นมะละกอสับ คลกุ เคล้าให้เขา้ กัน ๗. ตักใสจ่ าน ทานกับขนมจีน ผักต่าง ๆ และเครอื่ งเคียง ๑๑๙
ภาพกิจกรรมระดบั อาเภอ งานประกวดสบื สานวฒั นธรรมอาหารถน่ิ ไทย สภู้ ยั โควดิ -19 ๑๒๐
๑๒๑
“น้ำพรกิ แซบ่ สำมมะปลำสแี่ คว” โรงเรยี นวัดยางงาม(ประชาพฒั นา) สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต ๑ กระทรวงศกึ ษาธิการ ๑๒๒
ประวัตคิ วามเปน็ มาของนา้ พรกิ แซ่บสามมะปลาสแี่ คว นำพริกแซ่บสำมมะปลำสี่แคว เกิดจำกกำรคิดค้นสูตรในกำรทำนำพริกที่สืบทอดต่อกันมำของ ชำวบ้ำนหมู่บ้ำนยำงงำม หมู่ท่ี ๑ ตำบลบำงม่วง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ โดยมี นำงพนิดำ มำก คุณ (ป้ำน้อย) เป็นปรำชญ์ชำวบ้ำนที่ได้รับสูตรกำรทำนำพริกจำกคุณแม่ท่ีสืบทอดต่อกันมำจำกคณุ ยำย และในปัจจบุ ัน นำงพนดิ ำ มำกคุณ (ปำ้ นอ้ ย) ได้มกี ำรปรบั ประยุกตส์ ตู รกำรทำนำพริกใหส้ ำมำรถ ป้องกนั และสร้ำงภมู คิ มุ้ กนั โรคติดเชือไวรสั โคโรนำ 2019 ปจั จุบนั สตู รกำรทำนำพริกแซ่บสำมมะปลำส่แี คว ได้สบื ทอดจนมำถงึ นักเรียนโรงเรียนวดั ยำงงำม (ประชำพัฒนำ) โดยในกำรทำนำพริกแซ่บสำมมะปลำสี่แควนัน ได้ใส่สมุนไพรสำมมะ และปลำย่ำงลงไป ปรุงรสให้ออกเผ็ด เปรียว เค็ม รับประทำนกบั เคร่ืองเคียงต่ำง ๆ ท่ีทำให้ได้รับสำรอำหำรครบถว้ นทงั 5 หมู่ เคล็ดรับควำมอรอ่ ยควรใช้ครก ครกเปน็ เครอื่ งมือที่ใช้ในกำรปรุงอำหำรที่เปน็ เอกลักษณ์ไทย กำรตำ อำหำรด้วยครกจะทำให้อำหำรอร่อย เพรำะกำรตำจะทำให้รสชำติและสำรต่ำง ๆ ในพืชผักท่ีถูกตำ ออกมำ ทำให้ได้รสชำติดกี วำ่ กำรใชเ้ ครอ่ื งปน่ั สมุนไพรสำมมะ ได้แก่ มะขำมป้อม มะม่วงหำวมะนำวโห่ มะดัน ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ป้องกันและ สร้ำงภูมิคุ้มกันโรคติดเชือไวรัสโคโรนำ 2019 และยังเป็นสมุนไพรท่ีมีในท้องถ่ิน ท่ีให้คุณค่ำทำง โภชนำกำรและมีสรรพคณุ ทำงยำใหก้ ับร่ำงกำย ปลำยำ่ งหรอื ปลำแหง้ เน่ืองจำกจงั หวดั นครสวรรคเ์ ป็นต้นกำเนดิ ของแมน่ ำเจ้ำพระยำ จึงทำให้มี ปลำจำนวนมำกอำศัย ชำวบ้ำนจึงจับมำทำเป็นอำหำร แต่ด้วยจำนวนปลำทม่ี ีจำนวนมำกจึงคิดเก็บปลำ ไว้รับประทำนในช่วงท่ีไม่มีปลำ โดยกำรแปรรูปเปน็ ปลำย่ำง โดยกำรนำปลำมำผึ่งให้แห้งแล้วนำมำยำ่ ง บนเตำ่ ถำ่ น ทำให้ปลำยำงมีกลนิ่ หอมเปน็ เอกลักษณ์ และสำมำรถเก็บไว้ไดน้ ำน คณะผู้จัดทำจึงได้ทำ นำพริกแซ่บสำมมะปลำส่ีแคว ขึนมำเป็นอำหำรถ่ินไทย สู่ภัยโควิด - 19 ทงั นีเปน็ เพรำะเป็นสูตรทไ่ี ดส้ บื ทอดต่อกนั มำของชำวบำ้ นหม่บู ้ำนยำงงำม วตั ถุดบิ มใี นท้องถนิ่ มขี ันตอน กำรทำที่ไมย่ ุ่งยำก ใชส้ มุนไพรสว่ นประกอบ สำมำรถป้องกันและสรำ้ งภูมคิ ุ้มกันโรคติดเชอื ไวรัสโคโรนำ 2019 มคี ณุ ค่ำทำงโภชนำกำร และเปน็ กำรแปรรูปอำหำรที่สำมำรถเก็บไวร้ ับประทำนได้ ๑๒๓
สามมะ ได้แก่ 1. มะชามปอ้ ม 2. มะม่วงหาวมะนาวโห่ 3. มะดนั สรรพคณุ สมุนไพรสามารถปอ้ งกนั และสรา้ งภูมิคมุ้ กนั โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 1. มะขามปอ้ ม มะขามป้อม หรือ มะขามป้อมอินเดีย (ชื่อวิทยำศำสตร์: Phyllanthus emblica) เป็นต้นไม้ยืน ต้นชนิดหน่ึง อยู่ในวงศ์ Phyllanthaceae เป็นผลไม้ที่มีวิตำมินซีสูง และมีคุณค่ำทำงสมุนไพรด้วย มะขำมป้อมเปน็ ตน้ ไมป้ ระจำจังหวัดสระแก้ว มชี อื่ พืนเมอื งอนื่ อกี คือ กนั โตด (เขมร - กำญจนบุร)ี กำทวด (รำชบุรี) มะขำมปอ้ ม (ทว่ั ไป) มง่ั ลู่, สนั ยำส่ำ (กะเหรีย่ ง - แม่ฮอ่ งสอน) มะขำมป้อมจัดเป็นผลไม้ท่ีมีวิตำมินซีสูงทส่ี ุด ในบรรดำผลไม้ทังหมด เพรำะมะขำมป้อมลูกเล็ก ๆ เพียงลกู เดยี ว ให้วิตำมินซสี ูงกวำ่ วิตำมนิ ซีสงั เครำะห์ถึง 12 เทำ่ และมำกกวำ่ นำส้มคันถงึ 20 เทำ่ สรรพคุณ มะขามปอ้ ม • ช่วยแก้ไอ มีฤทธ์ิช่วยกระตุ้นนา้ ลายให้ออกมา และละลายเสมหะไดด้ ี • ช่วยเป็นยาระบาย • แกอ้ าการคลน่ื ไส้ อาเจยี น • มสี ารต้านอนมุ ลู อิสระ ชว่ ยชะลอความแกไ่ ด้ • วิตามนิ ซสี ูงมาก วธิ ีทานมะขามปอ้ ม เพ่มิ ภูมคิ ุ้มกนั ตา้ นโควิด – 19 • สตู รทำนมะขำมปอ้ มแก้ไอ ให้ใช้เนือที่เป็นผงสด ครงั ละประมำณ 2 – 5 ผล โขลกให้หยำบจน เกอื บแหลกๆ ผสมกบั เกลอื เลก็ น้อยใชอ้ มหรือเคียววันละ 4 ครัง • ทำนมะขำมปอ้ มแกไ้ อ เจบ็ คอ ปำกเเห้ง เเบบนำ ให้ใช้ผลสด ๆ ประมำณ 30 ผล ตำนำมำคันให้ มีนำ เพือ่ ใชด้ ่ืมบ่อย ๆ ขอ้ ควรระวงั ผูท้ หี่ นาวง่าย มปี ญั หาเลือดจาง และท้องเสยี ง่าย ไม่ควรทานมะขามปอ้ มในปรมิ าณมาก และเกนิ ความจาเป็น ๑๒๔
2. มะมว่ งหาวมะนาวโห่ มะม่วงหาวมะนาวโห่ หรือ มะนาวไม่รู้โห่ (ชื่อวิทยำศำสตร์: Carissa carandas L.; ชื่อสำมัญ: Karanda; Carunda; Christ's thorn) หรือชื่อพืนเมืองอื่นเช่น มะนำวโห่, หนำมแดง, หนำมขีแฮด (เชียงใหม่) เป็นพืชท่ีมีลักษณะเป็นไม้พุ่มยืนต้นขนำดย่อม สูง 2 - 3 เมตร ตำมกิ่งก้ำนมีหนำมค่อนข้ำง ยำวและแหลม ลักษณะใบ เป็นใบเด่ียวรปู ไข่รี ปลำยและโคนมน ขอบเรียบ ดอกมีขนำดเล็กมีสีขำวเปน็ ชอ่ หอมกลีบดอกเปน็ รูปหอก ผลขนำดเทำ่ หัวแมม่ อื เปน็ พวงสแี ดงสดแก่สีดำรับประทำนได้ ประโยชนข์ องมะม่วงหาวมะนาวโห่ - ผลสกุ สามารถนามารับประทานเปน็ ผลไม้ - สามารถนาไปประกอบอาหารได้หลายชนิด - มสี ารตอ่ ตา้ นอนมุ ูลอสิ ระ ช่วยตา้ นมะเร็งและชะลอความแก่ - มีประโยชนช์ ่วยให้ร่างกายสดชืน่ และกระชมุ่ กระชวย - ผลของมะม่วงหาวมะนาวโห่มีธาตุเหล็กสงู ช่วยบารงุ เลอื ด - ชว่ ยรกั ษาและบรรเทาอาการของโรคถุงลมโปง่ พอง - ช่วยรกั ษาและบรรเทาอาการของโรคตับ - ชว่ ยบรรเทาอาการของโรคเกาตแ์ ละไทรอยด์ - ชว่ ยบรรเทาอาการมือเทา้ ชา บรรเทาอาการของโรคอมั พฤกษ์ อัมพาต - ช่วยลดอาการไอ ช่วยลดอาการภมู แิ พ้ - ชว่ ยขบั ปสั สาวะ ชว่ ยฆา่ เชือ้ และสมานแผล ชว่ ยลดอาการปวดเม่อื ยตามรา่ งกายและข้อ - ผลสุกมีวติ ามนิ ซสี งู ช่วยลดอาการเลือดออกตามไรฟัน ๑๒๕
3. มะดัน มะดัน (ช่ือวิทยำศำสตร์: Garcinia schomburgkiana pierre.) หรือส้มไม่รู้ถอย หรือส้มมะดัน เป็น ผลไม้ท่ีเป็นประเภทไม้ยืนต้น ไม่ผลัดใบ อยู่ในวงศ์ GUTTIFERAE มีก่ิงก้ำนเล็ก ๆ จำนวนมำก โคน ก่ิงเล็กเป็นเต้ำนูน บำงต้นมีกิ่งเล็ก ๆ งอกสำนกันคล้ำยรังนก เรียกรกมะดัน ใบเด่ียวรูปไข่ ปลำยแหลม ดอกสีเขียว ผลมะดันนนั มลี กั ษณะทีย่ ำวรีสีเขียวและเปรยี วจัด เป็นผลไมท้ ี่มวี ิตำมินซสี งู เปลอื กหุม้ เมล็ด แขง็ และขรุขระ การใชป้ ระโยชน์ มะดนั ใช้กนิ สด เปน็ ผลไม้จิมพริกกบั เกลือหรอื นำไปดองแช่อิ่ม ยอดอ่อนและ ใบอ่อนใช้กินเป็นผัก ในทำงยำ ผลมะดันขับเสมหะ แก้คออักเสบ เป็นยำระบำย รกมะดัน ใช้แก้ไข้ทับ ระดู รำกและใบ รสเปรียวแก้กระษัย แก้ระดูเสีย กัดเสมหะ ฟอกโลหิต แก้หวัด และระบำยท้อง รก มะดัน รสเปรียว แก้ไข้ทับระดู และระดูทับไข้ ผล รสเปรียว แก้สอเสมหะ ขับเสมหะ ระบำยท้อง และ ฟอกโลหติ ระดู 4. พรกิ พริก เป็นพืชในวงศ์ Solanaceae สกุล Capsicum ช่ือภำษำอังกฤษว่ำ Chilli peppers, chili, chile หรือ chilli มำจำกคำภำษำสเปน วำ่ chile โดยส่วนมำกแล้ว ชอื่ เหล่ำนีมักหมำยถึง พริกที่มขี นำด เล็ก ส่วนพริกขนำดใหญ่ท่ีมีรสอ่อนกว่ำจะเรียกว่ำ Bell Pepper ในสหรัฐอเมริกำ Pepper ในประเทศ อังกฤษและไอร์แลนด,์ capsicum ในประเทศอินเดยี กับออสเตรเลยี และ Paprika ในประเทศทวีปยโุ รป หลำยประเทศ พริกชนิดต่ำง ๆ มีต้นกำเนิดมำจำกทวีปอเมริกำ ซึ่งในปัจจุบันนีได้มีปลูกกันในหลำย ประเทศทั่วโลก เพรำะพริกเปน็ เคร่ืองเทศทส่ี ำคญั สรรพคณุ ของพริก พรกิ มีวิตำมินซี สงู เป็นแหลง่ ของกรด ascorbic ซ่ึงสำรเหล่ำนี ชว่ ยขยำยเสน้ โลหิตในลำไสแ้ ละกระเพำะอำหำรเพอ่ื ให้ดูดซมึ อำหำรดขี นึ ชว่ ยร่ำงกำยขับถ่ำยของเสียและนำธำตุ อำหำรไปยังเนอื เยือ่ ของรำ่ งกำย (tissue) ๑๒๖
5. กระเทยี ม กระเทียม เป็นพืชสมุนไพรไทยและเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง โดยมักใส่ในอำหำรหลำยชนิด ทัง อำหำรไทย อำหำรอินเดีย กระเทียมมีชือ่ สำมัญท้องถิ่นอน่ื อกี คือ กระเทียมขำว (อุดรธำนี) กระเทยี มจนี (กทม.,กลำง) ปะเซว้ ำ (กะเหร่ยี ง,แมฮ่ อ่ งสอน) หอมขำว (อดุ รธำนี) หอมเทยี ม (เหนือ) หัวเทียม (ใต)้ ในประเทศไทยปลูกมำกทำงภำคตะวันออกเฉียงเหนือและภำคเหนือ แต่กระเทียมที่มีช่ือเสียงว่ำ เป็นกระเทยี มคณุ ภำพดี กลน่ิ ฉนุ ไดแ้ ก่กระเทยี มจำกจงั หวัดศรสี ะเกษ คุณสมบัตแิ ละคณุ ประโยชนข์ องกระเทียม 1. ช่วยเพ่ิมควำมอยำกอำหำรและระบบย่อยอำหำรได้ดี 2. ฤทธใ์ิ นกำรปกปอ้ งกำรตีบตันของหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดท่วั ไป 3. ฤทธิ์ในกำรต่อต้ำนกำรเกดิ เซลลม์ ะเร็ง 4. กระเทียมชว่ ยเสรมิ กำรทำงำนของอวัยวะต่ำง ๆ 5. ฤทธต์ิ ้ำนกำรอกั เสบ 6. หอมแดง หอมแดง (ช่ือวิทยำศำสตร์: Allium ascalonicum) เป็นพืชในวงศ์พลับพลึง (Amaryllidaceae) โดยยึดเอำ French grey challot หรือ griselle เปน็ หอมทแี่ ท้จรงิ จดั อยใู่ น สปีชีย์นี มีกำรเพำะปลูกใน เอเชยี กลำงและเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต้ สรรพคุณของหัวหอม หวั หอม มีรสฉุน ช่วยขับลม แกท้ อ้ งอดื ช่วยยอ่ ยและเจริญอำหำร แก้บวม นำ แกอ้ ำกำรอกั เสบต่ำง ๆ แกบ้ วมนำ ขับพยำธิ ช่วยใหร้ ่ำงกำยอบอุน่ เมล็ด แก้อำเจียนเปน็ เลอื ด หอมแดงยังมคี ุณสมบตั ิ เปน็ ยำรกั ษำโรค ใช้ลดไขแ้ ละรกั ษำแผลได้ ช่วยลดระดบั นำตำลในเลอื ด และ ยบั ยังเส้นเลือดอดุ ตัน กำรบริโภคหอมแดงเป็นประจำสำมำรถลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยให้กำรไหลเวียนของ เลือดดีขึน ลดไขมันในเส้นเลือด หอมแดงอุดมด้วยวิตำมินเอ วิตำมินบี วิตำมินซี วิตำมินอี ในหอมแดง 100 กรมั มีโปรตีน 2.1 กรมั คำร์โบไฮเดรต 11 กรัม ไขมัน 0.2 กรมั นำตำลหลำย ๆ ชนดิ รวม 10.6 กรมั และมีพลังงำนเพียง 50 - 60 แคลอรี ๑๒๗ สว่ นผสม / เครื่องปรุงการทานา้ พรกิ
1. มะขำ้ มป้อม 100 กรมั 2. มะมว่ งหำวมะนำวโห่ 100 กรมั 3. มะดัน ๑00 กรัม 4. เหด็ 200 กรัม 5. ปลำย่ำง 500 กรมั 6. กระเทยี ม 200 กรมั 7. หอมแดง 200 กรัม 8. เกลือ 1 ชอ้ นชำ 9. กะปิ 1 ช้อนชำ 10. มะเขอื เทศ ๓00 กรัม 11. นำมะขำมเปยี ก 2 ชอ้ นโตะ๊ 12. นำตำลป๊ีบ 2 ชอ้ นโต๊ะ 13. นำปลำ ๔ ช้อนโตะ๊ 14. นำมันพชื 2 ช้อนโต๊ะ 15. หมบู ด 200 กรัม 16. พรกิ แกวแห้ง 50 กรมั 17. พรกิ ใหญ่แหง้ 100 กรมั ๑๒๘
บรรณานกุ รม ฐานข้อมูลเคร่ืองยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลรำชธำนี. (2553). มะขามป้อม. สืบค้นเม่ือ 2 พฤศจิกำยน 2564, จาก http://www.thaicrudedrug.com บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จากัด (มหาชน). (2564). 10 สมุนไพร ต้าน โควิด 19 ที่ต้องมีติดบ้าน เเชร์สูตร ทานสมุนไพรเพิ่มภูมิต้านทานโรค. สืบค้นเม่ือ 2 พฤศจิกำยน 2564, จาก https://www.bigc.co.th /blog/th ปุณยนุช เมฆเขียว. (๒๕๕๙). ประวัติความเป็นมาของน้าพริก. สืบค้นเม่ือ 2 พฤศจิกำยน 2564, จำก https://sites.google.com/site/khxngfakxuthay/prawatikar-suksa วิ กิ พี เ ดี ย ส า ร า นุ ก ร ม เ ส รี . ( 2564). พ ริ ก . สื บ ค้ น เ ม่ื อ 2 พ ฤ ศ จิ ก ำ ย น 2564, จ า ก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81 วิ กิ พี เ ดี ย ส า ร า นุ ก ร ม เ ส รี . (2564). ม ะ ข า ม ป้ อ ม . สื บ ค้ น เ ม่ื อ 2 พ ฤ ศ จิ ก ำ ย น 2564, จ า ก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B 8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1 วิ กิ พี เ ดี ย ส า ร า นุ ก ร ม เ ส รี . ( 2564). ม ะ ดั น . สื บ ค้ น เ มื่ อ 2 พ ฤ ศ จิ ก ำ ย น 2564, จ า ก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B 8%99 วิ กิ พี เ ดี ย ส า ร า นุ ก ร ม เ ส รี . ( 2564). ม ะ น า ว ไ ม่ รู้ โ ห่ . สื บ ค้ น เ มื่ อ 2 พ ฤ ศ จิ ก ำ ย น 2564, จ า ก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B 8%A7%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0 %B9%82%E0%B8%AB%E0%B9%88 วิ กิ พี เ ดี ย ส า ร า นุ ก ร ม เ ส รี . ( 2564). ห อ ม แ ด ง . สื บ ค้ น เ มื่ อ 2 พ ฤ ศ จิ ก ำ ย น 2564, จ า ก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B 8%94%E0%B8%87 วิ กิ พี เ ดี ย ส า ร า นุ ก ร ม เ ส รี . ( 2 5 6 4 ) . ก ร ะ เ ที ย ม . สื บ ค้ น เ มื่ อ 2 พ ฤ ศ จิ ก ำ ย น 2 5 6 4 , จ า ก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B 8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1 NUTRILITE. (2562). กระเทียม...สมุนไพรที่ให้ประโยชน์ทางยา . สืบค้นเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2564, จาก https://www.nutrilite.co.th/th/article/garlic งานประกวดสบื สานวฒั นธรรมอาหารถนิ่ ไทย สภู้ ยั โควดิ -19 ๑๒๙ ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นวดั ยางงาม อ.เมอื งนครสวรรค์
๑๓๐
แกงนอกหมอ้ โรงเรียนวัดบา้ นไร่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครสวรรค์ เขต ๒ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๑๓๑ ประวัติความเป็นมาของแกงนอกหม้อไกบ่ ้าน
อาหารไทย เป็นอาหารประจาของประเทศไทย ทม่ี กี ารส่งั สมและถ่ายทอดมาอยา่ งต่อเนอ่ื งต้ังแต่ อดีตจนถึง ปัจจุบันจนเป็นเอกลักษณ์ประจาชาติถือได้ว่าอาหารไทยเป็นวัฒนธรรมประจาชาติท่ีสาคัญ รวมถึงอาหารท้องถิ่นประจาแต่ละภาค ซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายวัฒนธรรม ทาให้มีอาหารประจา ถิ่นท่ีรสชาดเป็นเอกลกั ษณ์ แกงนอกหม้อ เป็นอาหารท้องถิ่นของคนนครสวรรค์ ซึง่ มีมานานกวา่ 100 ปี มีหลักฐานบันทึกไว้ ในหนังสือ อาหารเล่มแรกของประเทศ คือ “แม่ครัวหัวป่าก์” เขียนโดยท่านผู้หญิงเปลี่นยร ภาสกรวงศ์ คาว่า แกงนอกหมอ้ น้ัน น่าจะหมายถึง แกงหรืออาหารทไี่ มไ่ ด้นาส่วนผสมไปเค่ียวหรอื ต้มให้สุก แต่เป็น แกง ท่ีนาน้าแกงมาราดที่ส่วนผสมของแกง แล้วสามารถรับประทานได้เลย กล่าวได้ว่า แกงนอกหม้อมี ลักษณะ การเสิร์ฟคล้ายการเสิร์ฟแบบจีนและญี่ปุ่น โดยการนาน้าแกงราดในส่วนผสมและเสิร์ฟทันที เมนูนี้เป็นอาหารถิ่นที่ ชาวนครสวรรค์คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่คนต่างถ่ินคงสงสัยกันอยู่ว่า ทาไมถึงช่ือ แกงนอกหม้อ แล้วเขา ทากันย่างไร แกงนอกหม้อของนครสวรรค์โดดเด่นไม่เหมือนแกงอื่น เพราะเป็น แกงกะทิที่ใส่เครื่องเทศ เคร่ืองเทศท่ีใช้ ก็คือ ลูกจันทน์เทศ ลูกกระวาน โป๊ยก้ัก ย่ีหร่า และเม็ดผักชี น ามาค่ัวแล้วโขลกรวมกบั หอม กระเทียม และพริกแห้ง เวลาผัดเคร่ืองแกง กล่ินเครื่องเทศจะหอมฟ้งุ เป็น เอกลักษณ์ ขั้นตอนการทาก็ต่างจากแกงทั่วไป หลังจากทาเคร่ืองแกงแล้ว ก็จะรวนเนื้อหมู หรือเน้ือไก่ให้ สกุ แล้วตักข้ึนพัก จากนัน้ กต็ ้ังไฟเคี่ยวกะทใิ ห้แตกมันแล้วพักไว้ ตอนปรุงจะเริม่ จากผดั เคร่อื งแกงกบั เน้ือที่ รวนไว้จนสุก แล้วค่อย เทกะทิที่เค่ียวไว้ลงไป ปรุงรสให้กลมกล่อมด้วยน้าปลา น้ามะนาว และน้า กระเทียมดอง เป็นอันเสร็จ หัวใจหลักของแกงนอกหม้อ อยู่ท่ีการนาเครื่องทุกอย่างท่ีถูกปรงุ ให้สุกพอดี อย่างท่ีใจต้องการใส่ในชามเตรียมไว้ปรุงน้าแกงจืดให้ได้รสกลมกล่อม แล้วจึงค่อยตักลงใส่ในชาม ข้อดี ของการปรุงแกงนอกหม้อคอื รสชาตขิ องส่วนประกอบแต่ละชนิด จะยังคงรักษารสชาติด้ังเดิมของตัวเอง และสาหรบั เนือ้ สตั ว์ก็จะไมส่ กุ เกินไป และรสชาติของน้าแกงกจ็ ะกลมกลอ่ มอย่างท่ีปรุงไว้ ในส่วนของคุณค่าทางอาหารและสรรพคุณทางยาน้ัน แกงนอกหม้อ มีความโดดเด่นในเร่ือง เคร่ืองเทศมาก ได้แก่ ลูกจันทน์เทศ ลูกกระวาน โป๊ยกั้ก ย่ีหร่า และเม็ดผักชี รวมถึงพริกชี้ฟ้าแห้ง หัว หอมแดง กระเทยี ม ซ่ึงลว้ นมี สรรพคุณทางยาดังน้ี ลูกจันทน์ : บารุงกาลัง แก้ไข้ บารุงหัวใจ บารุงธาตุ แก้จุกเสียด ขับลม รักษาอาการอาหารไม่ ย่อย คล่ืนไส้ อาเจียน ท้องเสีย แก้บิด แก้กาเดา แก้ท้องร่วง แก้ร้อนใน กระหายน้า แก้เสมหะโลหิต แก้ ปวดมดลูก และบารงุ โลหิต เปลอื กเมลด็ รสฝาดมันหอม สมานบาดแผลภายใน แก้ท้องอดื แก้ปวดทอ้ ง กระวาน : แก้อาหารท้องอืด ท้องเฟ้อช่วยขับลม และแก้แน่นจุกเสียดบารงุ ธาตุ แก้ธาตุไม่ปกติ บารุงกาลงั ขบั โลหติ แกล้ มในอก ให้ปิดธาตุ แก้ลมเสมหะให้ปิดธาตุ แกล้ มในลาไส้ ให้เจรญิ อาหาร ๑๓๒
ใบยีห่ ร่า : อดุ มไปดว้ ยวิตามนิ ซี และธาตุแคลเซ่ยี ม ซึง่ มีสรรพคณุ ในการชว่ ยขับเหงอื ซ่งึ เปน็ ของ ออกจากรา่ งกาย มีสรรพคุณช่วยแก้อาการคลนื่ ไส้ ดว้ ยการใชใ้ บนามาชงเปน็ ชาดม่ื จนกวา่ จะหาย ช่วย แก้โรคเบอื่ อาหาร ชว่ ยในการทางานของระบบย่อยอาหาร ช่วยแก้อาการปวดทอ้ งเน่ืองจากอาหารไม่ ยอ่ ย ชว่ ยแก้ อาการท้องอดื ทอ้ งเฟอ้ อาการปวดท้อง โป้ยก้กั : ใช้ขับลมเป็นยากระต้นุ ขบั เสมหะบ ารงุ ธาตุแกธ้ าตุพิการ อาหารไมย่ ่อยเพม่ิ ภูมิ ตา้ นทาน แก้ลมกองหยาบ แก้ไอ ลูกผกั ชี : แก้พษิ ตานซาง แก้กระหายน้า แก้ลมวิงเวยี น แกบ้ ดิ ถ่ายเป็นเลือด แก้ริดสดี วงทวาร แกป้ วดฟนั ช่วยยอ่ ยอาหาร ขบั ลม บารุงธาตุ พริกชี้ฟา้ แหง้ : ประโยชนข์ องพริกชี้ฟา้ ช่วยปอ้ งกันโรคหวัดช่วยป้องกนั โรคมะเร็งช่วยลดนา้ ตาล ในเลือด ช่วยลดกรดในกระเพาะช่วยป้องกนั โรคโลหติ จาง ช่วยลดความเส่ียงของโรคหวั ใจ ชว่ ยทาให้ การไหลเวียนของเลอื ดดีขึ้นช่วยให้ระบบภูมิคมุ้ กนั ของร่างกายแขง็ แรง หอมแดง : ชว่ ยแกห้ วัด ลดนา้ มูก แก้โรคหืดหอบ ไอเรื้อรังได้ กระเทียม : ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย บรรเทาอาการและรักษาโรคได้หลากหลาย กระเทียม มีสรรพคุณในการช่วยขับลม เสริมภูมิต้านทานของร่างกาย สามารถฆ่าเช้ือโรคต่าง ๆ เช่น เชื้อรา เช้ือ แบคทีเรีย รักษา โรคบิด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับเสมหะ แก้หวัด รวมไปถึงช่วยลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยเพ่ิม การไหลเวียนของเลือด นอกจากน้ียังช่วยลดโคเลสเตอรอล ไขมัน และนา้ ตาลในเลอื ด ผักสด : ตา่ ง ๆ เชน่ แตงกวา ผกั กาดขาว มะเขือกรอบ ขม้ิน เป็นต้น ทาให้ร่างกายได้รับทั้ง วติ ามนิ เกลอื แร่ และไฟเบอร์ชว่ ยเรอ่ื งขับถ่ายคลอ่ ง ได้รับสารอาหารทเี่ พียงพอในแตล่ ะวัน ทาให้รา่ งกาย แข็งแรงพร้อมสู้กับโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา (COVID-19) ไดเ้ ปน็ อย่างดี ๑๓๓
แกงนอกหม้อไกบ่ า้ น วัตถดุ บิ และเครอ่ื งปรงุ เนือไก่ 500 กรัม เลือดไก่นง่ึ 100 กรมั เครือ่ งในไก่ 100 กรัม เครื่องพรกิ นอกหมอ้ - พริกใหญแ่ ห้ง 5 เมด็ - พริกชีฟ้ำแห้ง 5 เม็ด - หอม 100 กรัม -กระเทียม 100 กรัม - เครื่องเทศ (ดอกจนั , ลกู จนั , กังวำน, พรกิ ไทย, ลกู ผกั ชี) 50 กรมั - กะทิ 500 กรมั - นำกระเทยี มดอง 3 ชอ้ นโตะ๊ - นำปลำ 5 ช้อนโต๊ะ - นำมะขำมเปียก - ผกั ชฝี รั่งซอย ขัน้ ตอนวิธีการเตรยี มเคร่ืองปรงุ แกงนอกหมอ้ 1. เนอื ไก่ ใชเ้ นือไกล่ ว้ นห่นั ให้เปน็ ชนิ บำง ๆ และเครอื่ งในไก่ นำไปผดั ให้แห้ง แลว้ ตักใสช่ ำม พกั ไว้ 2. กำรตำนำพรกิ ใช้ส่วนผสม คือ นำดอกจนั ทน์ ลกู จนั ทน์ กงั วำน พรกิ ไทย ลูกผักชี พรกิ แห้ง ตำ ใหล้ ะเอยี ด ๑๓๔
วธิ ีทาแกงนอกหมอ้ 1. ตังกระทะใสน่ ำมันนดิ หนอ่ ย นำเครอื่ งพริกนอกหมอ้ ลงไปผัดให้หอม จำกนนั นำไก่ทรี่ วนไว้ ใส่ลงไปผัดใหเ้ ข้ำกัน 2. นำกะทใิ สห่ ม้อตังไฟ พอกะทแิ ตกมัน ใสเ่ นอื ไก่ท่ีผัดไวแ้ ล้วใส่นำปลำ และนำเปลำ่ ปรุงรสนำ กระเทยี มดอง และนำมะขำมเปยี ก ปรงุ ให้ไดส้ ำมรส 3. พักหม้อแกงให้เยน็ กอ่ น เพื่อควำมสวยงำมและหน้ำตำของแกงนอกหมอ้ ให้น่ำรบั ประทำน มำกยิง่ ขึน 4. เมือ่ พกั หมอ้ แกงพร้อมเสิรฟ์ จึงใส่ผักชรี วยหนำ้ ทำนคู่กบั ผักสดต่ำง ๆ เช่น แกงกวำ ผักกำดขำว มะเขือ กรอบ ขมิน เปน็ ตน้ งานประกวดสบื สานวฒั นธรรมอาหารถนิ่ ไทย สภู้ ยั โควดิ -19 ๑๓๕
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141