Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อาหาร รายงานส่งกรมฯ 2

อาหาร รายงานส่งกรมฯ 2

Published by boonkamon65, 2022-01-10 07:28:26

Description: อาหาร รายงานส่งกรมฯ 2

Search

Read the Text Version

ความเปน็ มาของอาหาร ๔๙ ข้าวอบเผือกหอ่ ใบบวั ความเป็นมา บัวเปน็ พืชชนดิ หนึ่งท่ีมีประโยชนม์ าอยา่ งยาวนาน นอกจากนาสายบัวมลด็ บวั มารับประทานและดอกบูชาพระแล้วก็ยงั มีการนาใบบวั มาใช้ประโยชนใ์ นหลายอย่าง อาทิ หอ่ ผกั สดเกบ็ ในตู้เยน็ เพื่อรักษาความสดของผักให้ยาวนานข้ึน ทาเปน็ ข้าวหอ่ ใบบวั ทาใหข้ ้าวหอมน่ารบั ประทาน คนไทยเมื่อครง้ั อดตี และบางพืน้ ที่ในปัจจุบนั นา ใบบัวมาเปน็ ยารักษาโรคตา่ ง ๆ เช่นนาใบบัว ซ่ึงมีสารอัลคาลอยดห์ ลายชนดิ มาปรงุ ใช้ประโยชนท์ างยา เพอ่ื ลดความดันโลหติ สูง นาใบสด หรอื แหง้ หน่ั เป็นฝอยตม้ กับ น้าพอท่วมจนเดอื ด 10-15 นาที ดื่มคร้งั ละ 1 แกว้ วนั ละ 3 ครั้ง ดต่อกนั อย่างน้อย 20 วันใช้ระงับอาการหวดั และชว่ ยลดเสมหะ โดยนาใบบัวมาห่นั เปน็ ฝอยผึ่งแดด ใหแ้ ห้งทาเป็นมวนสูบบรรเทาอาการหวัดคัดจมูก (ท่มี า:http://www.kroobannok.com/63237) ชุมชนตาบลบางประมุง อาเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ เป็นชุมชนที่มี ประชากรสว่ นใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ไมว่ า่ จะเป็นการทานา ทาสวน ทาไร่ สภาพท่ีต้ังทางภูมิศาสตร์อยู่ติดริมคลองบางประมุง ซ่ึงเป็นแหล่งที่มีบัวจานวนมาก ตั้งแต่ในอดตี คนในชมุ ชนจะประกอบอาหารโดยใช้พชื ผลทม่ี อี ยู่ในชมุ ขน และมกี ารใช้ ใบบัวห่ออาหาร เช่น ข้าวเหนียวหมู ข้าวผัด เพ่ือเป็นการลดค่าใช้จ่าย และเป็นการ ลดภาวะโลกร้อน คนในชุมชนรับรู้เรื่องประโยชน์จากบัว และนาความรู้มาประยกุ ต์ กับการทาข้าวอบเผือกเพ่ือเพ่ิมคุณค่าทางโภชนาการด้วยการนาไปห่อด้วยใบบัวทา ให้ข้าวอบเผือกมีกล่ินหอม เมล็ดข้าวนุ่ม ซึ่งได้ใช้ประโยชน์จากวัสดุธรรมชาติท่ีมีอยู่ ในทอ้ งถิ่น นอกจากน้คี นในชุมชนยงั นยิ มทานา้ สมนุ ไพร นา้ ชา ไว้รบั ประทานเนือ่ งจากมี วัตถุดิบในทุกบ้านเรือน เช่น ชาฟ้าทลายโจร น้าขิง น้ากระชาย น้ามะนาว น้าตะ ใคร้ เป็นต้น

๕๐ โรงเรียนวัดท่าซุด (เจริญศิลป์) ตังอยู่ที่ 90/1 หมู่1 ตาบลบางประมุง อาเภอ โกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา นครสวรรค์ เขต 1 ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพ่ือสืบสานภูมิปัญญาเรื่อง เก่ียวกบั อาหารในทอ้ งถิ่น โดยการใหน้ ักเรียนไดเ้ รียนรูเ้ รือ่ งบวั และประโยชน์จากบัว พืชผักสมุนไพรในทอ้ งถ่ิน และนาความรู้มาประยุกต์กับการทาข้าวอบเผอื ก และน้า ขิงผสมน้าผ้ึงมะนาว เพ่ือเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ทาให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป้องกันตนเองให้พ้นจากความเจ็บป่วย เป็นการดูแลป้องกัน ตนเองใหร้ อดพ้นจากโรครา้ ยต่าง ๆ ในช่วงสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การรับประทาน อาหารทมี่ ีประโยชน์ต่อร่างกายจะสร้างภมู ิคุ้มกนั การเจ็บป่วยได้ ส่วนผสมในอาหาร ข้าวอบเผือกหอ่ ใบบัว และน้าขงิ ผสมน้าผึ้งมะนาว เปน็ พืชผักและสมุนไพรท่ีมีคุณค่า ในการเสรมิ สรา้ งความแข็งแรงของร่างกาย สามารถปอ้ งกันการเจบ็ ปว่ ยจากโรคต่าง ๆ ได้ และยังเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น โดยแทบทุกครัวเรือนจะปลูกไว้เพื่อ รับประทานเองในครอบครัว ซึ่งนักเรียนได้ใช้ประโยชน์จากวัสดุธรรมชาติท่ีมีอยู่ใน ทอ้ งถิ่น รบั ประทานไดท้ ้งั เด็กและผ้ใู หญ่ จงึ เปน็ ทม่ี าของข้าวอบเผอื กห่อใบบวั และน้าขงิ ผสมน้าผง้ึ มะนาว สูตรข้าวอบเผือกห่อใบบัว น้าขิงผสมน้าผึง้ มะนาวน้ีนักเรียนได้ทดลองทาและ พัฒนาสูตรเป็นที่เรียบร้อยแล้วนามาเขียนเป็นหนังสือต้ังแต่ส่วนผสม วัสดุอุปกรณ์ เคล็ดลับการปรุงตามข้ันตอน มีภาพประกอบชดั เจนเหมาะสาหรับผู้ท่ีสนใจสามารถ นาไปทารับประทาน หรอื จาหน่ายเพือ่ เปน็ อาชพี ต่อไป นักเรียนและครูผู้ฝึกซ้อมขอขอบคุณผู้อานวยการโรงเรียนวัดท่าซุด (เจริญ ศิลป์) และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ให้โอกาสและส่งเสริมสนับสนุนในการดาเนิน กิจกรรม และหวงั เป็นอย่างยงิ่ ว่าเอกสารนีจ้ ะเป็นประโยชนก์ ับบคุ คลทีส่ นใจต่อไป

สว่ นผสมของ ๕๑ ขา้ วอบเผือกห่อใบบวั ข้าวหอมมะลิ เผอื ก เห็ดหอม กงุ้ แหง้ ไขแ่ ดงของไขเ่ ค็ม แปะก๊วย เมด็ บวั ตม้ สกุ กนุ เชยี ง กงุ้ สด

๕๒ ปริมาณของสว่ นผสม ขา้ วหอมมะลิ 500 กรมั เผอื กหนั่ สีเ่ หลยี่ มลกู เต๋า 400 กรัม เห็ดหอมแช่นา้ จนน่มุ หน่ั บางๆ 50 กรัม กุ้งแหง้ ลา้ งให้สะอาด 50 กรมั ไขแ่ ดงของไข่เคม็ ผา่ ซกี 4 ฟอง แปะกว๊ ยลา้ งนา้ ผ่าซกี 40 เม็ด เมด็ บัวตม้ สุกผา่ ซกี เอาดอี อก 40 เม็ด กุนเชียงหน่ั เฉียงทอดกบั น้าจนนม่ิ 1 คู่ นา้ แช่เหด็ หอม (ใชส้ าหรับหุงขา้ ว) ๗๐๐ กรัม กุ้งสดปอกเปลือกลวกพอสุก 16 ตวั ถวั่ ลนั เตา 2 ช้อนโต๊ะ เคร่ืองปรงุ รส ( ส้าหรบั ข้าว 2 ถ้วยตวง ) น้ามนั หอย ซีอ๋ิวขาว นา้ ตาลทราย ปรมิ าณเครื่องปรงุ รส 3 ชอ้ นโตะ๊ 1 ช้อนโต๊ะ ซีอ๋วิ ขาว 1 ช้อนโต๊ะ น้าตาลทราย น้ามนั หอย

๕๓ ส่วนผสมของนา้ จิม พรกิ แดง กระเทยี ม เกลอื ป่น น้าตาลทรายแดง แครอท นา้ สม้ ปริมาณของสว่ นผสมของนา้ จมิ พรกิ แดง 5 เม็ด กลีบ กระเทยี ม 10 ชอ้ นโต๊ะ ช้อนชา นา้ ส้ม 1 ชอ้ นโตะ๊ ช้อนโต๊ะ เกลอื ป่น ¼ นา้ ตาลทรายแดง 5 แครอท 1

๕๔ วสั ดุ / อุปกรณห์ ่อขา้ ว ๑.ใบบัวขนาดกลาง ๗ ใบ สา้ หรับหอ่ ขา้ ว ๒. ชาม 1 ใบรองใบบัวเพอ่ื ให้ ห่องา่ ยและเป็นรปู ทรงสวยงาม อุปกรณก์ ารทา้ ข้าวอบเผือกห่อใบบวั 1. รงั ถงึ 2. กระทะ 3. มีด 4. เขียง 5. ถาด 6. ถ้วย 7. เตาแกส๊ หรือเตาไฟฟา้ เตาถา่ น ตามความ เหมาะสม 8. หมอ้ หุงข้าวไฟฟ้า

๕๕ ขนั ตอนการทา้ ขา้ วอบเผือกหอ่ ใบบัว 1.ขันตอนการหุงขา้ ว 1.1 ทอดเผือกใหผ้ วิ ตงึ พักไว้ 1.2 ซาวข้าวใสต่ ะแกรงให้สะเด็ดนา้ 1.3 น้าแชเ่ หด็ หอม 1.4 นา้ ข้าวใส่หม้อหงุ ขา้ วไฟฟา้ ใส่น้าแช่เหด็ หอม ใสเ่ ผอื ก หงุ ข้าว จนสุก ตกั ใสถ่ าดผ่งึ ไวแ้ ยกเอาเผอื กออก

๕๖ 2.ขนั ตอนการผดั ข้าว 2.1. ตกั ข้าวใสก่ ระทะ 2 ถว้ ย ใส่ซีอวิ๋ ขาว 3 ช้อนโตะ๊ น้าตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ น้ามนั หอย 2 ชอ้ นโต๊ะผัดใหเ้ ขา้ กนั ดีตกั พกั ไว้ ผัดครงั ละ กระทะจนหมด 2.2 ใบบัวรองดว้ ยชาม วางไข่แดงตรงกลางกงุ้ อยขู่ า้ งๆไขแ่ ดง กุนเชยี งรอบ ๆ แปะก๊วย เมด็ บวั เหด็ หอม 2.3 ตกั ขา้ วท่ีผัดไว้ใสต่ รงกลางใบบวั 2.4 พบั ใบบัวเขา้ หากันทงั สี่ด้าน เรียงใสร่ งั ถึง น่ึง 10 นาที จดั ใส่จาน

๕๗ 3. ขนั ตอนการทา้ นา้ จมิ 3.1. พริก กระเทยี ม แครอท ปั่นหรือโขลกใหล้ ะเอยี ด ตกั ใส่หมอ้ เตมิ น้า นา้ สม้ สายชู เกลอื น้าตาลทรายตงั ไฟให้ เดอื ด 5นาที เพอ่ื ใหก้ ลิน่ ของนา้ ส้มสายชูระเหยไป ปิดไฟทงิ ไวใ้ ห้ เยน็ 3.2 หนั่ แตงกวาสเี่ หลี่ยมลูกเตา๋ ใส่ในน้าจิม วธิ ีรบั ประทานข้าวอบเผือกหอ่ ใบบัวให้อร่อย ใชม้ ดี กรดี ด้านบนของใบบวั ให้เปน็ ส่ีเหล่ียมทแยงมมุ เปิดใบบวั ทลี ะดา้ นทงั ส่ีดา้ น จะเห็นหน้าของข้าวอบเผือก หอ่ ใบบัวสวยงามมาก รับประทานคู่กับน้าจิมแตงกวา ถา้ รับประทานตอนรอ้ นๆ จะอรอ่ ยมาก เคลด็ ลบั ความอรอ่ ย 1. ข้าวนุ่ม หอมเผอื กและกลนิ่ ของใบบัว 2. รสชาติกลมกลอ่ มไม่เคม็ หรอื หวานมาก 3. ชอบรสชาตทิ ่เี ข้มแนะนา้ ให้ทานกบั นา้ จิม 4. ได้สารอาหารครบถว้ น 5. กอ่ นรบั ประทานอ่นุ ใหร้ ้อนจะอรอ่ ยมาก

๕๘ คณุ ค่าทางโภชนาการ ข้าวอบเผอื กห่อใบบวั ส่วนผสม คุณคา่ ข้าวหอมมะลิ คุณคา่ ทางโภชนาการของข้าวหอมมะลิต่อ 100 กรมั ไขแ่ ดงของไขเ่ คม็ - พลังงาน 365 กโิ ลแคลอรี - คาร์โบไฮเดรต 80 กรมั ▪ - นา้ ตาล 0.12 กรัม - เสน้ ใย 1.3 กรัม ก้งุ - ไขมนั 0.66 กรัม - โปรตนี 7.13 กรัม - วติ ามินบี 1 0.0701 มิลลิกรมั - น้า 11.61 กรัม - วิตามนิ บี 2 0.0149 มลิ ลกิ รมั - วติ ามนิ บี 3 1.62 มลิ ลิกรมั - วิตามินบี 5 1.014 มิลลกิ รมั - วติ ามินบี 6 0.164 มิลลิกรมั - ธาตแุ คลเซียม 28 มิลลกิ รัม - ธาตุเหล็ก 0.80 มลิ ลิกรัม - ธาตุแมกนเี ซยี ม 25 มลิ ลิกรัม - ธาตแุ มงกานสี 1.088 มลิ ลิกรัม - ธาตุฟอสฟอรสั 115 มลิ ลิกรัม - ธาตโุ พแทสเซยี ม 115 มิลลิกรมั - ธาตสุ งั กะสี 1.09 มิลลกิ รมั คุณคา่ ทางโภชนาการของไข่ขนาดกลางหนงึ่ ฟอง(นา้ หนกั ประมาณ 44 กรมั ) - ไขมนั 63 % - โปรตนี 35 % - คาร์โบไฮเดรต 2 % - B complex - Fat-soluble vitamin A - Useable vitamin D - Vitamin E - Iodine - Phosphorus - มวี ติ ามนิ สูงเกอื บทกุ ชนิด ยกเวน้ วิตามิน C - ธาตุเหลก็ และโฟเลตสงู ซ่ึงเหมาะสาหรับหญิงตง้ั ครรภ์ ในการสร้างเมด็ เลือด คุณคา่ ทางโภชนาการของก้งุ (สด) มี 99.00 แคลอรี่ อาหาร 100 กรัม) - แร่ธาตุ - โปรตนี - คาร์โบไฮเดรต - ไขมนั น้อย - กุ้งเป็นเนอ้ื สตั วท์ มี่ ีโคเลสเตอรอลชนดิ ทีด่ ี - ธาตุสงั กะสี

กุนเชยี ง - ซลี เี นยี มในปริมาณสงู ก้งุ แหง้ คุณคา่ ทางโภชนาการกุนเชยี งในปรมิ าณ 1 จาน แปะกว๊ ย - มีพลงั งานท้ังหมด 597 กโิ ลแคลอร่ี เมด็ บวั - โปรตนี 23.5 กรมั - คาร์โบไฮเดรต 59.7 กรัม - ไขมนั 29.4 กรมั คุณค่าทางโภชนาการของก้งุ แหง้ 100 กรัม - โปรตนี 46.40 กรมั - ไขมนั 2.90 กรมั - คารโ์ บไฮเดรต 10.90 กรมั - แคลเซียม 2350.00 มิลลิกรมั - ฟอสฟอรสั 625.00 มลิ ลิกรมั - เหล็ก 20.00 มิลลกิ รมั - ไทอะมนี 0.05 มลิ ลิกรมั - ไรโบฟลาวนิ 0.20 มิลลกิ รมั - ไนอะซีน 5.70 มลิ ลิกรมั คณุ ค่าทางโภชนาการเมล็ดแปะกว๊ ย 100 กรัม - พลงั งาน 182 กโิ ลแคลอรี - โฟเลต 54 ไมโครกรมั - ไนอะซิน 6 มลิ ลิกรมั - กรดแพนโทเทนิก 0.16 มิลลิกรัม - รโิ บฟลาวิน 0.16 มลิ ลิกรัม - ไทอามีน 0.22 มิลลกิ รัม - วิตามินเอ 558 ยนู ติ - วิตามนิ ซี 15 มิลลิกรัม - โพแทสเซยี ม 510 มิลลิกรมั - ทองแดง 0.274 มิลลิกรัม - ธาตุเหลก็ 1 มลิ ลิกรมั คุณค่าทางโภชนาการเมด็ บัว - วิตามนิ เอ - วติ ามินซี - วิตามินอี - โปรตนี เปน็ ส่วนประกอบอย่ถู งึ ประมาณ ร้อยละ 23 - เกลอื แร่ - ฟอสฟอรสั

เห็ดหอม คณุ คา่ ทางโภชนาการเหด็ หอม100 กรมั ๕๙ เผือก - พลังงาน 26.61 กโิ ลแคลอรี แตงกวา - โปรตีน 2.19 กรัม - กรดอะมโิ นอยู่ 21 ชนิด - คาร์โบไฮเดรต 4.19 กรัม - ไขมนั 0.12 กรมั - วิตามินบี 2 - ไนอะซนิ - ปริมาณโซเดยี มต่า - แคลเซยี ม - ฟอสฟอรสั - เหลก็ คุณคา่ ทางโภชนาการเผอื ก 100 กรัม - โปรตนี - เบตาแคโรทีน - วติ ามินบี - วติ ามนิ ซี - แคลเซียม - ฟอสฟอรัส - เหลก็ - โพแทสเซียม - แมกนีเซยี ม - โซเดยี ม คณุ ค่าทางโภชนาการของแตงกวา 100 กรัม ▪ - เสน้ ใยอาหาร ▪ - สารพฤกษเคมี หรอื ไฟโตนวิ เทรียนท์ (Phytochemicals) ▪ - ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ▪ - คิวเคอรบ์ ิทาซนิ (Cucurbitacin) ▪ - ลิกแนน (Lignan) ▪ - เบต้าแคโรทีน ▪

๖๐ นา้ ขงิ ผสมน้าผึงมะนาว ส่วนผสมของน้าขงิ ผสมน้าผงึ มะนาว ขิง น้าผง้ึ มะนาว ปริมาณของสว่ นผสม 100 กรมั ๙๐ กรัม ขงิ น้าผง้ึ ๓๐ กรมั นา้ มะนาว

๖๑ ขนั ตอนการท้าน้าขงิ ผสมน้าผงึ มะนาว 1. ล้างขิงใหส้ ะอาด ปอกเปลอื กขิงและห่ันเปน็ ชนิ้ 2. ต้งั น้าสะอาด นาขงิ ใส่ในนา้ เค่ยี วทิง้ ไว้ 20 นาที จากนัน้ ตง้ั พกั ไว้ให้เยน็ ลง 3. คัน้ น้ามะนาวสด 4. นานา้ ผง้ึ น้ามะนาว เทใสใ่ นน้าขงิ ทพี่ ักไว้ คนใหเ้ ขา้ กัน

๖๒ คุณค่าทางโภชนาการ สว่ นผสม คุณค่า ขงิ คุณคา่ ทางโภชนาการของขงิ ต่อ 100 กรมั - พลังงาน 25 กิโลแคลอรี -โปรตีน 0.4 กรัม นา้ ผงึ - คารโ์ บไฮเดรต 4.4 กรัม -ไขมัน 0.6 กรัม - เสน้ ใยอาหาร 0.8 กรมั -ธาตเุ หลก็ 1.2 มิลลกิ รัม - แคลเซยี ม 18 มลิ ลกิ รมั -ฟอสฟอรัส 22 มิลลิกรมั - เบตา้ แคโรทีน 10 ไมโครกรมั -วติ ามนิ ซี 1 มลิ ลิกรมั - ไทอามนี 0.02 มิลลกิ รัม -ไนอะซนิ 1 มลิ ลกิ รมั - ไรโบเฟลวลิ 0.02 มลิ ลิกรมั คณุ คา่ ทางโภชนาการของน้าผงึ ตอ่ 100 กรัม ประโยชน์ของนา้ ผึง้ พลังงาน 304 กโิ ลแคลอรี -คารโ์ บไฮเดรต 82.4 กรัม -นา้ ตาล 82.12 กรมั -เส้นใย 0.2 กรมั -ไขมัน 0 กรมั -โปรตีน 0.3 กรมั -น้า 17.10 กรมั -วิตามินบี 1 0.038 มิลลกิ รัม -วิตามินบี 3 0.121 มิลลิกรัม - วติ ามนิ บี 5 0.068 มลิ ลกิ รัม -วติ ามินบี 9 2 ไมโครกรมั ประโยชน์ของน้าผงึ้ วติ ามนิ บี 6 0.024 มลิ ลกิ รมั -วติ ามินซี 0.5 มลิ ลกิ รมั -ธาตแุ คลเซยี ม 6 มลิ ลิกรมั -ธาตเุ หล็ก 0.42 มิลลกิ รัม -ธาตแุ มกนีเซยี ม 2 มลิ ลกิ รัม -ธาตุฟอสฟอรัส 4 มิลลิกรัม

-โพแทสเซยี ม 52 มิลลิกรมั -ธาตุโซเดียม 4 มลิ ลิกรมั -ธาตุสงั กะสี 0.22 มิลลกิ รมั ๖๓ มะนาว คณุ คา่ ทางโภชนาการของมะนาวต่อ 100 กรัม - พลงั งาน 30กโิ ลแคลอรี - คาร์โบไฮเดรต 10.5 กรัม - น้าตาล 1.7 กรมั เส้นใย 2.8 กรมั - ไขมนั 0.2 กรมั โปรตีน 0.7 กรัม - วติ ามนิ บี 1 0.03 มิลลกิ รมั - วิตามนิ บี 2 0.02 มิลลิกรมั - วติ ามนิ บี 3 0.2 มลิ ลกิ รัม - วติ ามนิ บี 5 0.217 มิลลกิ รัม - วิตามนิ บี 6 0.046 มิลลิกรัม - วติ ามนิ บี 9 8 ไมโครกรมั - วิตามินซี 29.1 มิลลกิ รัม - ธาตแุ คลเซียม 33 มิลลิกรมั - ธาตเุ หล็ก 0.6 มลิ ลิกรัม - ธาตแุ มกนเี ซยี ม 6 มลิ ลิกรัม - ธาตุฟอสฟอรสั 18 มลิ ลิกรัม - ธาตโุ พแทสเซียม 102 มิลลกิ รัม - ธาตุโซเดยี ม 2 มิลลิกรัม แหลง่ อ้างองิ - https://medthai.com/ข้ำว/ - https://www.facebook.com/notes/ /คุณคำ่ ทำงอำหำรของไข่ - http://www.thaifoodheritage.com/recipe_list/กุง้ / - http://www.calforlife.com/th/calories/fried-rice-chinese-sausages - http://thaidriedshrimp.blogspot.com/2012/05/blog-post_4197.html - https://health.kapook.com/view126836.html - https://www.sanook.com/men/4721/ - https://prayod.com/เห็ดหอม/ - https://tarotodessert.com/คณุ คำ่ ของเผือก/ - https://www.pobpad.com/แตงกวำคุณคำ่ ทำงโภชนำกำร/

https://www.technologychaoban.com/ขิงคณุ ค่ำทำงโภชนำกำร https://www.opsmoac.go.th/surin-local_wisdom-preview/,มะนำว/ https://www.oonbeefarm.com/Article/Detail/นำผึงคณุ คำ่ ทำงโภชนำกำร งานประกวดสืบสานวัฒนธรรมอาหารถน่ิ ไทย สูภ้ ัยโควิด-19 ๖๔ ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นวดั ท่าซุด (เจรญิ ศิลป์) อ.โกรกพระ ข้าวอบเผอื กหอ่ ใบบวั ๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ นายนทั ธี พุคยาภรณ์ ประธานทปี่ รึกษา นายพันศกั ดิ์ ศรีทอง ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครสรรค์ คณะกรรมการสภา คณะครูผู้ฝกึ สอน และนักเรียนทีเ่ ข้าประกวด ท้ัง ๑๒ อาเภอ

๖๕ ตำรำอำหำรถ่ิน อ.ชุมแสง แกงเลยี งข้า้วโพด ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรียนวดั พันลาน อาเภอชุมแสง จ.นครสวรรค์

๖๖ แกงเลียงข้้าวโพด

๖๗ ประวตั คิ วามเป็นมา ทมี่ าของแกงเลียง ชำวบ้ำนในตำบลพันลำน อำเภอชุมแสง ยึดอำชพี เกษตรกรรมเปน็ หลัก คอื กำรปลูก ข้ำวโพด เพื่อสร้ำงรำยได้ให้กับครอบครัว แกงเลียงข้ำวโพดจึงเป็นอำหำรของคนในท้องถิ่นทม่ี ี มำแต่โบรำณ ลักษณะของแกงเลียง เป็นอำหำรไทยโบรำณ ท่ีเรำเองก็คุ้นเคยกันมำตังแต่เด็ก ลักษณะของแกงเลยี งนัน เน้นผักในทอ้ งถน่ิ มำกกวำ่ เนือสัตว์ ส่วนใหญจ่ ะเป็นผกั พืนบำ้ น หำได้ จำกตลำดสดแถวบำ้ น รำคำไม่แพง แถมมำกไปด้วยคุณประโยชน์มำก ๆ สำหรับผักท่ขี ำดไม่ได้ เลยก็คือ ใบแมงลัก ท่ีจะให้กล่ินหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพำะของแกงเลียง กลิ่นสมุนไพรไทย กับรสหวำนของผักหลำกหลำยชนิด ได้แก่ ข้ำวโพด ฝักทอง บวบ เห็ดฟำง หรือเห็ดนำงฟ้ำ ใบ ตำลึง หรือมผี กั หวำนกใ็ ส่ได้ เครือ่ งแกงเลยี ง นนั้ ไดแ้ ก่ 1. พรกิ ไทยเมด็ 1 ชอ้ นโตะ๊ 2. หอมแดงซอยหยำบ 2 ช้อนโต๊ะ 3. กะปิ 4 ชอ้ นชำ 4. นำปลำ 4 ช้อนโตะ๊ 5. กะท/ิ นำสะอำด/นำซปุ 1 หมอ้ 6. ปลำยำ่ ง 7. กระชำย

8. พรกิ ขหี นูสวน 9. กระทิ ๖๘ วิธที า 1 : โขลกเครือ่ งแกง - โขลกเครอื่ งแกงเลยี งในครกให้เขำ้ กนั ทังปลำยำ่ ง, พริกไทยเม็ด, หอมแดง และกะปิ กระชำย ข้ำวโพดแกะเปน็ เม็ด ๆ ถำ้ ตอ้ งกำรใหม้ รี สเผ็ด ตำพริกขหี นู เผด็ ตำมตอ้ งกำร 2 : เตรียมผกั และเนอ้ื สตั ว์ - นำบรรดำผกั มำลำ้ งนำให้สะอำด หน่ั และเด็ดเตรียมไว้ - กุ้ง ลำ้ งใหส้ ะอำด แกะหัว แกะเปลอื กออก ผำ่ กุ้งเอำเสน้ สีดำกลำงหลงั ออก ๓ : วธิ ปี รุง 1. ทำนำซุปใส่หม้อตม้ ให้เดอื ด พอนำซุปเดอื ดใสเ่ ครือ่ งแกงเลยี งลงไป 2. พอนำแกงเดือดอีกครัง ให้เตรียมผักลงใสต่ ำมลำดบั ควำมสกุ ช้ำหรือเร็ว คือใหใ้ สผ่ ักท่ี เนอื แข็งสกุ ยำกลงไปก่อนแล้วค่อยตำมดว้ ยผกั ทีส่ กุ ง่ำย 3. ปรุงรสด้วยนำปลำเล็กนอ้ ย เตมิ ไปชมิ ไป ให้ได้รสชำติทเี่ รำต้องกำร 4. ทำ้ ยสุดค่อยใสใ่ บแมงลัก ที่เปน็ เอกลกั ษณ์ของแกงเลียงไทย ใช้ทพั พีกดใหใ้ บแมงลกั จมนำแกงใหห้ มด ปิดเตำ พกั ไว้ 1 นำที คนใหท้ วั่ และตกั ใสถ่ ว้ ยพรอ้ มเสริ ฟ์ ร้อนๆ สรรพคุณของเครอ่ื งปรงุ และส่วนประกอบแต่ละชนิด ๑. เคร่ืองแกงเลยี ง มสี ่วนประกอบของ กระชำยทีส่ ำมำรถช่วยยับยังกำรแบง่ ตวั ของไวรสั ได้ ๒. หอมแดง พริก พริกไทย สำมำรถป้องกนั โรคไขห้ วดั ได้ 3. กงุ้ สด ปลำย่ำง เป็นแหล่งพลังงำนให้ร่ำงกำย 4. ขำ้ งโพด บำรงุ หัวใจและปอด

5. บวบ แกร้ อ้ นใน ลดไข้ 6. ฟกั ทอง บำรุงสำยตำ 7. ใบแมลงลกั บำรุงเลือดและป้องกันโลหติ จำง งานประกวดสบื สานวฒั นธรรมอาหารถน่ิ ไทย้สภู้ ยั โควดิ -19 ๖๙ ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นวดั พนั ลาน้อ.ชมุ แสง้้้แกงเลียงขา้ วโพด ๔้ธนั วาคม้๒๕๖๔ ดร.ชลุ พี ร เสชัง รองผู้ว่าราชการจงั หวัด นายนัทธี พุคยาภรณ์ ประธานที่ปรึกษา สวธ. นายพนั ศักด์ิ ศรที อง ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวดั นครสรรค์ ตัวแทนสถานศึกษา ทัง้ ๑๒ อาเภอ รับโล่ชนะเลิศระดบั อาเภอ

นายนทั ธี พคุ ยาภรณ์ ประธานทีป่ รกึ ษา นายพนั ศักดิ์ ศรที อง ประธานสภาวฒั นธรรมจงั หวัดนครสรรค์ คณะกรรมการสภา คณะครผู ้ฝู ึกสอน และนักเรยี นทเ่ี ข้าประกวด ทง้ั ๑๒ อาเภอ ๗๐ ตาราอาหารถิ่น อาเภอตาคลี น้าพริกปลารา้ ผัด ทีม “หอมหวนชวนหวิ ” ผ้จู ดั ทา 1. เด็กหญิงอนันทิตา ศรดี ี 2. เด็กหญงิ เกษรา ไชศิริ 3. เดก็ หญงิ วิชุดา พมิ พาภกั ตร์ ครทู ่ปี รกึ ษา 1. คุณครูอญั ชสิ า พรหมมา 2. คุณครเู บญจวรรณ หลวงนรนิ ทร์ โรงเรยี นวดั ตาคลี (นปิ ุณทองคาประชาสรรค์)

ตาบลตาคลี อาเภอตาคลี สานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครสวรรค์ เขต 3 ความเป็นมาของอาหารทอ้ งถ่นิ ๗๑ “นา้ พริกปลารา้ ผดั ” ชุมชนบ้านตาคลีส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขายและเกษตรกรรม มีพ้ืนที่ติดกับคลอง ชลประทาน เม่ือว่างจากการประกอบอาชีพหลักนิยมหาปลาไว้รับประทาน และนามาถนอม อาหารดว้ ยการนาปลามาหมักกบั เกลอื ข้าวคัว่ และ ราขา้ ว กลายเปน็ ปลาร้าไวร้ ับประทาน ในครัวเรือน ประกอบกับชาวบ้านในชุมชนส่วนใหญ่ ย้ายถ่ินฐานมาจากภาคอีสาน จึงนิยม รบั ประทานปลาร้า ปลาร้าเป็นอาหารพ้ืนบ้านท่ีสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นในการถนอมอาหารที่ ยังคงสบื ทอดกนั มาแตโ่ บราณ เพอื่ เก็บรักษาปลาไวบ้ รโิ ภคนานข้ึน อาหารท่ชี มุ ชนวดั ตาคลใี หญ่ นิยมรับประทาน คือ น้าพริกปลาร้าผัด ซ่ึงวัตถุดิบที่นามาทาน้าพริกปลาร้าผัด เป็นพืช สมนุ ไพรท่ีหางา่ ยนิยมปลกู ไวใ้ นครวั เรอื น ในการจัดทาโครงการสืบสานวัฒนธรรมอาหารพื้นถิ่นในครั้งนี้ โรงเรียนวัดตาคลี (นิปุณทองคาประชาสรรค์) ได้เลือกท่ีจะสืบสานการทา “น้าพริกปลาร้าผดั ” ซึ่งเป็นอาหารถิ่น ของคนไทย จากการศึกษาข้อมูลพบว่าปลาร้า มีประวัติอย่างยาวนานในประเทศไทย เป็น อาหารหลักของคนไทยและคนลาว ดร.ลีดอม เลฟเฟิร์ตส นักมานุษยวิทยาชาวอเมริกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านกลุ่มชาติพนั ธ์ุไท กล่าวว่า ปลาร้าอาจเป็นอาหารหลักของกลุ่มชาตพิ ันธ์ุไทโดย ทั่วกันและมีมายาวนาน ซ่ึงในปัจจุบัน นอกจากจะพบในชนเผ่าไทในลาว ภาคอีสานและ ภาคเหนือของไทย ปลาร้ายังถูกพบว่าเป็นอาหารหลักของชนเผ่าไทท่ีอาศัยอยู่ในภูมิภาคทาง ตอนใต้ของจีนอีกด้วย ดร.เลฟเฟิร์ตส อธิบายเพิ่มเติมว่า ไหที่ใช้หมักปลาของชนเผ่าไทนั้นไม่ เหมือนใคร มีความเป็นวัฒนธรรมเฉพาะของชนเผ่า ซึ่งปลาร้าได้รับการข้ึนทะเบียนมรดกภูมิ ปญั ญาทางวัฒนธรรมสาขาความรู้และแนวทางปฏิบัตเิ ก่ียวกับธรรมชาติและจักรวาล ประเภท อาหารของประเทศไทย โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เม่ือค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) ร่วมกับ รายการอาหารอ่ืน ๆ เช่น น้าพริกและส้มตา ระหว่างงานแถลงข่าวการประกาศขึ้นทะเบียน มรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม นายสนธยา คณุ ปลมื รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงวัฒนธรรม ในขณะนัน้ เรียกขานความพยายามดงั กลา่ วว่าเปน็ “ความพยายามท่จี ะปกปอ้ งค้มุ ครองมรดก ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชนจากอิทธิพลวัฒนธรรม ต่างชาติ” น้าพริกปลาร้าผัด เป็นอาหารพ้ืนถ่ินท่ีมาจากพี่น้องชาวไทยเชื้อสายอีสาน โดยใน อาเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ มีชาวไทยเชื้อสายอีสานที่อพยพมาอาศัยอยู่ในจังหวัด

นครสวรรค์ พบมากในแถบอาเภอตาคลี ท่าตะโก และอาเภอหนองบัว น้าพริกปลาร้าผัดเป็น การนาปลาร้ามาปรุงโดยการโขลกรวมกับสมุนไพร ๗๑ สว่ นผสม“น้าพริกปลาร้าผดั ” 1. พริกแห้งค่วั 1/2 ขดี 2. ข่า 1 หัว 3. ตะไคร้ 4 ตน้ 4. ปลารา้ 3 ขีด 5. หมบู ด 2 ขีด 6. มะขามเปียก 1 ขีด

๗๒ 7. กระชาย 1 ขีด 8. หอมแดง 1 ขีด 9. กระเทียมเล็ก 1 ขีด 10. ใบมะกรูด 4 ใบ 11. น้ามันพชื 6 ช้อนโตะ๊

วธิ ีทา้ “นา้ พรกิ ปลาร้าผัด” ๗๓ 1. สับปลาร้าให้ละเอยี ด 2. นา หอมซอย กระเทยี ม ขา่ ตะไคร้ ไปคัว่ ใหส้ ุกพอประมาณ แลว้ นาไปตาใหล้ ะเอยี ด 3. ซอย หอม กระชาย ตะไคร้ ใบมะกรดู เตรียมเอาไวส้ าหรบั ผัด 5. ตงั นา้ มันในกระทะใหร้ อ้ นปานกลาง 6.

5. นาปลารา้ และหมู ลงไปผัดในกระทะให้สุกพอประมาณ ๗๔ 6. ใส่ หอม กระชาย ตะไคร้ ใบมะกรดู ที่เตรียมไวต้ ามลงไป ใสน่ ้ามะขามเปียก และพรกิ คัว่ ตาละเอียด ผัดใหส้ ุก 8. ตกั ใสถ่ ้วย และตกแตง่ ดว้ ย หอมซอย กระชาย และใบมะกรดู

สรรพคณุ ของสว่ นประกอบแต่ละชนิด ๗๕ ปลาร้า ปลาร้า คือ ปลาท่ีนาไปคลุกเคล้ากับเกลือ และราข้าว จากน้ันนาไปหมักในภาชนะที่มี ฝาปดิ แลว้ ทิ้งไวอ้ ย่างนอ้ ย 4-6 เดือน เปน็ หน่ึงในภูมปิ ัญญาที่เกิดข้ึนโดยในสมยั กอ่ น การท่ีจะ ยืดอายุการเก็บรักษาเน้ือปลา จึงได้มีการคิดถนอมอาหารเพื่อให้ปลาร้ามีอายุการเก็บได้นาน ข้ึน ในระหว่างเก็บรักษานั้น ปรากฏว่าปลาร้าเริ่มมีกล่ินคล้ายปลาเน่า (แต่เน้ือปลายังไม่เสีย) จึงนาออกมาต้มแล้วชิมพบว่าให้รสชาติท่ีดีและเมื่อเติมเกลือลงไปเรื่อย ๆ ก็จะยิง่ ได้รสชาติปลาร้า ที่เข้มขน้ ขึน้ มากข้ึน ดว้ ยเหตุน้เี องทาให้ “ปลารา้ ” วัตถดุ บิ ชัน้ เลศิ ถือกาเนิดขึ้นตัง้ แตน่ ้ันเปน็ ตน้ มา ปลารา้ มกี รดไขมนั ดี มีโอเมก้า ที่ช่วยลดการอดุ ตนั ของไขมันในเส้นเลือด มีโปรไบโอติ กช่วยให้ลาไส้ย่อยอาหารได้ดี มีธาตุเหล็กช่วยบารุงหัวใจ และเป็นแหล่งรวมของวิตามิน มากมาย เช่น วิตามนิ เอ วติ ามินบี 1 วติ ามนิ บี 2 อีกด้วย ปลาร้า คือการหมักดองด้วยเกลือ เมื่อปิดฝาแบคทีเรียในกลุ่ม Halophilic Bacteria ท่ี ชอบเกลือ จะผลิตเอนไซม์ที่ใช้ย่อยโปรตีน ทาให้เน้ือปลาน้ันยุ่ยและย่อยออกมาเป็นสารท่ีให้ กลิ่นและรสชาติ อย่าง Glutamate, Guanylate และ Inosinate ทาให้เกิดกล่ินรสชาติตาม ธรรมชาติ กระชาย กระชาย มสี ารพิโนสโตบนิ เเละ แพนดรู าทนิ เอ ท่สี ามารถหน้าทย่ี บั ยง้ั การเจรญิ เตบิ โต ของเชื้อไวรสั โควดิ – 19 ได้ กระชายขาวมีสรรพคณุ 1. ชว่ ยต้านอาการหวดั เเก้วงิ เวยี นศีรษะ เเละลดไขมันในเลือดได้ 2. ช่วยตา้ นอนมุ ูลอิสระ เเละกระตุ้นการไหลเวยี นของเลือด-ชว่ ยเพ่ิมสมรรถนะทางเพศชาย 3. มฤี ทธ์ิในการต่อต้านเจรญิ เตบิ โตของแบคทีเรียในสาไส้ อันเป็นสาเหตหุ นึง่ ของโรคกระ เพราะอาหาร เเละช่วยลดการอักเสบของกระเพาะอาหาร

4. ช่วยลดอาการเหงือกอกั เสบ หรอื มเี เผลในช่องปาก โดยใช้กระชายขาวทุบใหล้ ะเอียดเเละ ต้มให้เดือด เเละใชบ้ ้วนปาก ชว่ ยในการขบั สารพิษออกจากตบั ได้อีกด้วย 5. เเก้อาการทอ้ งรว่ ง ท้องเสีย โดยนาใช้เหงากระชายขาวไปปิง้ ไฟ เเละตาอยา่ งละเอยี ด นามาผสมกับนา้ ปูนใส เเละคน้ั ดื่ม 6. ช่วยแกท้ ้องอืด ท้องเฟอ้ ได้ ชว่ ยบารงุ หวั ใจ ๗๖ ใบมะกรูด ใบมะกรูดอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนและสารอาหารที่ ทีประโยชน์มากมาย จึงนิยมนามารับประทาน เพื่อแก้ อาการซ้าใน บรรเทาอาการไอ และป้องกันการเกิดมะเร็ง รวมถึงช่วยชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในผู้ป่วย มะเรง็ หอมแดง 1. ใช้แก้หวัดและเลือดกาเดาออก 2. แกไ้ ข้มเี สมหะ 3. บารุงผมให้งอกงาม 4. ทาใหผ้ วิ หนงั สดชื่น 5. แก้ไข้ ช่วยขับเสมหะ 6. แก้โรคในปาก โรคปากคอ ฆา่ เชอ้ื โรค 7. ชว่ ยบารุงธาตุ 8. เปน็ ยาขับลมในลาไส้ 9. แกป้ วดทอ้ ง 10. แกห้ วดั คดั จมกู 11. แกป้ วดกระบอกตา แสบรอ้ นตา นา้ ตาไหล 12. ขบั ปัสสาวะ ขับประจาเดอื น 13. แกล้ มพิษ แกพ้ ษิ แมลงกดั 14. ทาแก้สวิ 15. ทาแกอ้ าการปวดบวมตามขอ้ 16. ชว่ ยทาให้ระบบย่อยอาหารดี เจรญิ อาหาร 17. ทาใหค้ วามดนั โลหิตต่า

18. ลดไขมันในเลอื ด 19. แก้อาการอักเสบต่าง ๆ 20. เป็นยาบารงุ หวั ใจ 21. นามายา่ งไฟใช้พอกแผลฝี แผลช้า กระเทยี ม ๗๗ 1. ปรับความดนั โลหิตใหอ้ ยู่ในระดบั ปกติ 2. ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด 3. ควบคุมระดบั น้าตาลในเลือด 4. บารงุ เลอื ด ป้องกนั อาการโลหติ จาง 5. เพิม่ ภมู ติ า้ นทานใหก้ ับร่างกาย 6. ป้องกันโรคหัวใจ 7. ลดอาการทอ้ งผกู ทาใหร้ ะบบขับถ่ายทางานได้ดขี น้ึ 8. ชว่ ยขับลม แก้อาการจุดเสยี ดแนน่ ท้อง 9. ป้องกนั ไขห้ วัด ยับยง้ั การเจริญเติบโตของไวรัส แบคทเี รีย เชื้อรา 10. มีสารตา้ นอนมุ ลู อิสระ บารงุ ผวิ พรรณ และลดความเสย่ี งในการเปน็ โรคมะเร็ง ข่า 1. ขา่ หลวง ชว่ ยใหเ้ จรญิ อาหาร เหงา้ บารงุ รา่ งกาย หนอ่ ชว่ ยบารุงธาตไุ ฟ ชว่ ยแก้ลมแน่นหนา้ อก 2. ขา่ มสี าร 1-acetoxychavicol acetate (ACA) เหง้า และ สารสกัดจากเหง้า ยบั ยง้ั การเกดิ โรคมะเรง็ จากการเหนย่ี วนาของสารกอ่ มะเรง็ สารสกดั จากเหงา้ ยบั ย้ังการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ช่วยลดระดบั น้าตาลในเลอื ด โรค หลอดลมอกั เสบ 3. ราก ชว่ ยขบั เลือดลมให้เดินสะดวก ช่วยเพมิ่ การไหลเวียนของเลอื ดและเพิ่มการเผาผลาญ ของร่างกายให้ดีขน้ึ 4. นา้ มันหอมระเหยจากข่า มีประโยชน์อย่างมากตอ่ ระบบทางเดนิ หายใจ จึงมสี ่วนชว่ ยแก้ อาการหวัด ไอ และเจ็บคอได้เป็นอยา่ งดี ซง่ึ สกดั จากเหง้า 5. เหง้าแก่ ช่วยแกไ้ ข้สนั นบิ าตหน้าเพลงิ 6. ขา่ สรรพคณุ ทางยาชว่ ยแกเ้ สมหะ 7. เหงา้ ช่วยแกอ้ าการคลื่นไส้อาเจียน เมารถเมาเรอื ดว้ ยการใช้เหง้าขา่ แก่สด ยาวประมาณ 1 นวิ้ ฟุตนามาตาจนละเอียดแลว้ เตมิ นา้ ปูนใส ใชน้ ้ายาดมื่ ครั้งละครึง่ แกว้ หลงั อาหาร วนั ละ 3 เวลา

8. ผงจากผลแห้ง สามารถนามาใชร้ กั ษาอาการปวดฟนั ได้ ดว้ ยการนาผลไปบดแลว้ นามา ทาบริเวณทป่ี วด 9. เหงา้ แก่สด ใชเ้ ป็นยาแก้ทอ้ งขึ้น ท้องอดื ท้องเฟอ้ จุกเสียดแนน่ ท้อง ทอ้ งเดนิ ด้วยการใช้ เหง้าขา่ แก่สด ยาวประมาณ 1 นิว้ นามาตาจนละเอียดแลว้ เตมิ นา้ ปูนใส ใช้นา้ ยาดืม่ คร้ังละครง่ึ แก้ว หลังอาหาร วันละ 3 เวลา (เหงา้ ) ๗๘ ตะไคร้ ตะไคร้ ใช้เป็นวัตถุดิบประกอบอาหาร เพราะมีเกลือแร่ จาเป็นหลายชนิด ได้แก่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามิน นาตะไคร้มาสกัดกลั่นกลิ่นใช้เป็นน้ามันหอมระเหย รวมถึงตะไคร้ หอมมีคุณสมบัติกันยุงได้ด้วย สรรพคุณทางยาของตะไคร้ ช่วยแก้ อาการตา่ ง ๆ ดงั นี้ รากตะไคร้ ช่วยบารุงธาตุ ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา แก้นิ่ว แก้ปวดกระเพาะ รวมถึง รักษากลากเกล้อื นไดอ้ ีกดว้ ย ล้าต้นตะไคร้ นามาใช้แก้ปวด จากการปวดข้อและฟกช้า แก้โรคทางเดินปัสสาวะ แก้ ประจาเดือนมาไม่ปกติ รวมถึงช่วยให้เจริญอาหาร แก้ท้องเสีย แก้ท้องอืด แก้จุกเสียด แน่น ทอ้ ง ขบั ลมในลาไส้ วธิ ีใชค้ อื รับประทานสด หรอื ผึ่งแห้งแลว้ นามาใชต้ ้มดมื่ ใบตะไคร้ ช่วยลดความดันโลหิตสูง นามาใช้สกัดทาน้ามันหอมระเหย แม้ว่าตะไคร้จะ เป็นพืชท่ีใช้ประกอบอาหาร แตก่ ็มีสรรพคุณทางสมุนไพร หากคุณตอ้ งการใชต้ ะไครแ้ ห้งเพือ่ มา ต้มนา้ ดมื่ เปน็ ยา พรกิ แหง้ พริกแหง้ ถือวา่ เปน็ เคร่ืองปรุงและส่วนประกอบท่สี ร้าง รสชาติและกลน่ิ หอมอยา่ งดีใหแ้ ก่เมนอู าหาร นอกจากนีย้ งั สามารถนาไปปรงุ เป็นพรกิ เกลือสาหรบั ชิมค่กู บั ผลไมไ้ ดอ้ กี ด้วย พริกแห้ง อุดมไปด้วยคณุ คา่ ทางสารอาหารมากมาย ไมว่ า่ จะเปน็ ธาตุเหล็ก โพแทสเซยี ม แมกนีเซยี ม ใยอาหาร วิตามิน A วิตามนิ B ชนดิ ตา่ งๆ รวมไปถงึ อุดมไปดว้ ยวิตามนิ ซใี นปริมาณท่ีสงู เปน็ อย่างมาก เรยี กได้ว่าเป็นอกี หน่ึงเคร่อื งเทศพืชสมุนไพรท่ีอุดมไปด้วยประโยชนแ์ ม้อยู่ในเม็ด เลก็ กต็ าม สรรพคุณทางยาของพริกแห้ง ภายในพริกแห้งอุดมไปด้วยแคปไซซิน ที่เป็นประโยชน์อย่างมากในการรักษาระบบ ทางเดินหายใจให้ทางานได้คล่องมากย่ิงข้ึน ช่วยไล่แก๊สภายในกระเพาะอาหาร ลดเสมหะ รักษาอาการท้องอืด แน่นเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ช่วยรักษาอาการไอ อีกท้ังสารอาหารภายใน

พริกแห้งยังในการรักษาระบบทางเดินหายใจให้เป็นปกติ รักษาภูมิแพ้และโรคหอบหืด ขยาย หลอดลมพร้อมท้ังช่วยกระตนุ้ ระบบไหลเวียนโลหิตให้ทางานได้อย่างดแี ละมีประสิทธภิ าพ อกี ทั้งยังมีสารที่ช่วยในการกระตุ้นการหลั่งสารเอนโดรฟิน ท่ีเป็นสารในการสร้างความสุข ทาให้ เราผอ่ นคลายสมอง อารมณด์ มี ากย่งิ ขึน้ มะขามเปียก ๗๙ มะขามเปียก สมุนไพรคู่ครัวไทยที่มีสรรพคุณ เป็นกรด มี AHA ในปริมาณท่ีสามารถใช้ขัดผิวหน้า ผิว ตัว หรือแม้กระทั่งจุดแห้งกร้าน ให้เนียนนุ่ม และดูขาว ใสขนึ้ ได้ ถา้ ใชใ้ หถ้ กู วธิ ี 1. เนือมะขาม มรี สเปรยี้ ว จะทาให้ชว่ ยเร่อื งระบบ ขบั ถ่ายให้หมุนเวียนดีขนึ้ 2. เนอื มะขามไปต้มให้สกุ เติมเกลือเล็กนอ้ ย แลว้ คอ่ ย ๆ จิบแกไ้ อ ขบั เสมหะได้ 3. เมด็ มะขามแก่ ควั่ ให้สุก กะเทาะเปลอื กออก แล้วแชน่ ้าจนเน้อื นม่ิ จะสามารถนาไป พอกแผลฝี หนอง และแผลเร้ือรงั ตา่ ง ๆ ให้บรรเทาลงได้ 4. เมด็ มะขามไปผ่าตามแนวขวาง แลว้ ฝนกบั น้ามะนาว จะชว่ ยดูดพษิ จากแมลงสัตวก์ ดั ต่อยได้ 5. เนอื มะขามเปียก มีกรดผลไม้ (AHA) หากนามาขดั ผิว จะชว่ ยผลัดเซลล์ผวิ ท่ีตายแลว้ ใหห้ ลุดออก ช่วยให้ผิวสะอาด กระจา่ งใส ลดรอยดา่ งดาและความหมองคลา้ ใหจ้ างลง จุดแหง้ กร้านเนียนนุ่มขนึ้ ขมินขาว ขมนิ ขาว หรอื สมนุ ไพรทบ่ี างพ้นื ทเี่ รยี กว่าขมิ้นขาว ว่านม่วง หรือขมนิ้ ม่วง เป็นสมุนไพรท่ีมดี อกสวยงาม เหง้า ราก มกี ลน่ิ หอม และแฝงไปด้วยสรรพคณุ ในตัวเองอกี หลาย ประการ ขมนิ ขาว จดั อย่ใู นสกลุ เดยี วกนั กับขมน้ิ ชนั คุณคา่ ทางโภชนาการของขมน้ิ ขาว โดยกองโภชนาการ กรมอนามยั พบวา ขมน้ิ ขาว ปรมิ าณ 100 กรมั ให้คุณค่าทางอาหาร ดงั นี้ – พลงั งาน 26 กิโลแคลอรี – น้า 93.9 กรัม – วิตามนิ ซี 16 มิลลิกรมั – โปรตีน 0.5 กรัม – ไขมัน 0.5 กรมั – คารโ์ บไฮเดรต 4.8 กรัม

– เส้นใยอาหาร 0.8 กรมั – เถ้า 0.3 กรัม – ฟอสฟอรสั 158 มิลลกิ รมั – เหลก็ 26 มิลลิกรัม – วติ ามนิ บี 1 0.03 มิลลกิ รัม – วติ ามินบี 2 0.01 มลิ ลิกรมั – ไนอาซนี 0.5 มิลลิกรัม ๘๐ สรรพคณุ ของขม้ินขาว เหงา้ ออ่ นของขมนิ ขาว 1. ช่วยย่อยอาหาร กนิ เหงา้ ออ่ นสด ๆ จม้ิ กบั นา้ พริก หรอื นาเหง้าออ่ นไปต้มเปน็ ชาแล้ว ดื่มแกแ้ นน่ ทอ้ งเนอื่ งจากอาหารไม่ยอ่ ย ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร 2. ลดอาการจุกเสยี ด แน่นท้อง รักษาแผลในลาไส้ 3. เหง้าขมินขาวเป็นน้ามนั หอมระเหย บรรเทาอาการคล่ืนไส้ กล่นิ หอมอ่อน ๆ ช่วยใหร้ ้สู กึ สดชืน่ แกว้ ิงเวยี น คลน่ื เหียน บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนไดน้ ะคะ 4. เหง้าออ่ นขมนิ ขาว รับประทานช่วยใหเ้ จริญอาหาร ลองกินสักนดิ หรือดมกลิ่นจาก เหง้าของขม้นิ ขาวก็จะช่วยกระตนุ้ ความอยากอาหารขึน้ มาได้ 5. เหง้าขมนิ ขาวตากแห้ง นาแลว้ นามาตม้ น้าอาบ หรือจะตาเหงา้ สดขม้นิ ขาวให้พอ แหลกแล้วมาพอกบรเิ วณแผล รกั ษาโรคผวิ หนัง โดยเฉพาะปญั หาผวิ หนังจากการตดิ เชอื้ แผลเปน็ หนอง สารเคอรค์ มู ินในขมิน้ ขาวจะช่วยจดั การระงับการเจริญเตบิ โตของเชอื้ โรค 6. ขมิ้นขาวขับปัสสาวะ 7. ขบั นา้ นมแม่ลกู ออ่ น ไมใ่ ชแ่ ค่หัวปลีเท่าน้ันทเ่ี ปน็ อาหารขบั น้านม แตข่ ม้นิ ขาวกม็ ี สรรพคณุ ช่วยขบั น้านมใหค้ ุณแมล่ กู ออ่ นได้ 8. กระตุ้นการหลัง่ นา้ ดี สารเคอร์คมู ินและนา้ มนั หอมระเหยที่มีอย่ใู นขม้นิ ขาวมสี ว่ น ชว่ ยกระตุน้ การหลั่งนา้ ดี มสี รรพคุณรักษาน่วิ ในถงุ น้าดี และลดการอกั เสบของบาดแผล ดอกอัญชนั ประโยชนข์ องดอกอัญชนั 1. บารงุ สายตา ป้องกันอาการตาฝา้ ฟาง ตาแฉะ และปอ้ งกนั โรคต้อกระจก 2. ชว่ ยลดนา้ ตาลในเลือด เหมาะกบั ผ้ปู ่วยโรคเบาหวาน 3. เพ่ิมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย 4. ขบั ปัสสาวะ และเป็นยาระบายอ่อนๆ 5. มสี ารตา้ นอนุมูลอสิ ระ ชว่ ยตอ่ ต้าน โรคมะเรง็ ได้ 6. ชะลอริ้วรอย และดแู ลผวิ พรรณให้เตง่ ตงึ กระชับ 7. ลดความเสี่ยงในการเปน็ โรคไขมันอุดตันเสน้ เลือด

8. บารุงผมใหเ้ งางาม ดกดา มกั เปน็ สว่ นประกอบของยาสระผม หรอื ครมี บารงุ ผม 9. ชว่ ยสลายลิม่ เลือด 10. ช่วยให้ระบบโลหิตไหลเวยี นไดด้ ยี งิ่ ข้ึน ๘๑ ถ่ัวพู ประโยชนข์ องถั่วพู 1. ชว่ ยบารงุ กาลัง 2. ช่วยให้ฟันแข็งแรง เพราะในถั่วพูมีแคลเซียมและ ฟอสฟอรัสในปรมิ าณสูง 3. ช่วยลดไข้ แก้ร้อนใน ถั่วพูเป็นพืชที่มีฤทธ์ิเย็น ช่วยลดไข้ คลายอาการคร่ันเนื้อคร่ันตัวได้ และยังสามารถแก้ร้อนในกระหายน้า แก้อาการคล่ืนไส้ อาเจยี นได้ดว้ ย 4. มไี ขมนั อ่ิมตัวทด่ี กี บั ร่างกาย รบั ประทานบอ่ ย ๆ ในปริมาณท่พี อเหมาะจะเป็นตวั ชว่ ย ทด่ี ใี นการรกั ษาแผลในกระเพาะอาหารได้อีกดว้ ย 5. ป้องกันโรคมะเร็ง ถั่วพูมีคุณสมบัติช่วยลดการแบ่งเซลล์ของมะเร็งหรือป้องกันการ เกดิ เซลลม์ ะเรง็ จงึ สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งเตา้ นม และสง่ ผลดตี อ่ ฮอร์โมนเพศหญงิ 6. มีกากใยชว่ ยระบายท้อง ถว่ั พมู ใี ยอาหารสงู 7. ชว่ ยในการดูดซมึ แคลเซียม หากรับประทานถวั่ พเู ปน็ ประจาจะทาใหร้ ่างกายสามารถ ดดู ซมึ แคลเซยี มเพ่อื นาไปใชไ้ ดม้ ากถึง 40-50% มะเขือมว่ ง ประโยชนแ์ ละสรรพคณุ ของมะเขือม่วง 1. ช่วยควบคุมระดับน้าตาลในเลือด มะเขือม่วงมีเส้น ใยอาหารสูงสามารถช่วยควบคมุ ระดับนา้ ตาลในเลอื ด 2. บรรเทาอาการท้องผูก ใยอาหารในมะเขือม่วงจะ ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลาไส้เป็นการช่วยกระตุ้น ระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก จึงช่วยป้องกันโรค รดิ สดี วงทวาร 3. แคลอรต่ี า่ ไมท่ าให้อ้วน 4. ช่วยควบคมุ ระดับคอเลสเตอรอลในเลือด 5. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เปลือกของมะเขือม่วงมีสาระสาคัญคือสารกลมุ่ ฟี นอล ฟลาโวนอยด์ แอนโธไซยานิน สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะช่วยต่อตา้ นจากโรคมะเร็ง, ร้ิวรอยบนใบหนา้ , การอกั เสบและโรคเกย่ี วกบั ระบบประสาท

6. ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ มะเขือม่วงมีกลุ่มวิตามิน B-complex ที่สาคัญต่อ ร่างกาย เช่น วิตามินบี1, วิตามินบี2, วิตามินบี3 วิตามินบี5 และวิตามินบี6 วิตามินเหล่าน้ีมี ความสาคัญต่อร่างกาย โดยมีส่วนช่วยส่งเสริมให้ระบบการเผาผลาญทางานได้ดีข้ึน เพ่ือ กระตุน้ การเผาผลาญไขมัน โปรตนี และคารโ์ บไฮเดรต ๘๒ แครอท แครอท เป็นพชื ในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียกลาง มี หลายขนาดต้ังแต่ขนาดเล็กเท่าดินสอไปจนถึงขนาดใหญ่ และมี หลากหลายสี เช่น สีเหลือง สีม่วง แต่ท่ีนิยมรับประทานน้ันจะ เปน็ แครอทสสี ม้ และยงั จดั เปน็ อาหารเพ่อื สุขภาพอกี ด้วย แครอท เป็นผักเพราะแครอทคือส่วนของราก อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มี ประโยชน์ เช่น เบตาแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุ แคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และยังมีสารสาคัญคือสาร \"ฟอลคาริ นอล\" (falcarinol) ซงึ่ ช่วยต่อตา้ นเซลลม์ ะเร็ง เป็นตน้ สรรพคุณของแครอท 1. ช่วยบารุงเซลล์ผิวหนงั บารงุ สุขภาพผิวให้สดใสเปล่งปลง่ั ชว่ ยป้องกนั เซลลผ์ ิวจาก มลภาวะแสงแดด 2. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเตบิ โตของร่างกาย ช่วยบารุงกระดกู ฟัน เหงอื ก เลบ็ 3. มสี ารตอ่ ตา้ นอนุมูลอสิ ระ ซ่ึงมสี ว่ นชว่ ยในการชะลอวยั และการเกิดริว้ รอยแห่งวัย 4. ชว่ ยยับยัง้ ต่อตา้ นการเกิดโรคมะเรง็ 5. ช่วยลดระดบั คอเลสเตอรอลในรา่ งกาย 6. ชว่ ยรักษาโรคความดนั โลหิตสูง ชว่ ยรักษาระดบั น้าตาลในเลือด 7. ชว่ ยระบบไหลเวยี นของเลอื ด ลดอัตราการเกดิ โรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤษ์ อัมพาต 8. ช่วยบารุงเส้นผม 9. ชว่ ยลดความเส่ยี งจากการเกดิ โรคหัวใจและภาวะหัวใจล้มเหลว 10. ช่วยบารุงและรกั ษาสายตา รกั ษาโรคตาฟาง และต้อกระจก 11. ช่วยรกั ษาโรคถุงลมโป่งพองและไทยรอยด์เป็นพิษ 12. ช่วยยอ่ ยอาหาร และช่วยแกแ้ ละบรรเทาทอ้ งผกู 13. แครอทมีสรรพคุณใชเ้ ปน็ ยาขบั ปัสสาวะ ใชเ้ ปน็ ยาถ่ายพยาธไิ ส้เดอื น 14. ชว่ ยรกั ษาฝี แผลเนา่ ต่าง ๆ ประโยชนข์ องแครอท 1. นิยมนามาประกอบอาหารทง้ั คาวและหวาน 2. ใชท้ าเปน็ นา้ ผลไมเ้ พื่อสขุ ภาพหรอื นา้ แครอท หรอื นามาทาเป็นเคก้ แครอท

3. ในดา้ นความงาม นานา้ แครอทผสมมะนาว ทาผวิ หน้าบารุงผิวพรรณ ลดรอยเหี่ยว ยน่ บนใบหน้า 4. ใช้เปน็ สว่ นผสมในเครอ่ื งสาอางบางชนดิ เชน่ สบ่แู ครอท เปน็ ตน้ แตงกวา ๘๓ สรรพคุณของแตงกวา 1. ช่วยแก้กระหาย ลดความร้อนในร่างกาย 2. ชว่ ยกาจัดของเสยี ทีต่ กค้างในรา่ งกาย 3. แตงกวามีสารฟีนอลที่ทาหน้าท่ีต่อต้านอนุมูล อสิ ระตา่ ง ๆ 4. ช่วยลดความดนั โลหติ (เถาแตงกวา) 5. ช่วยควบคุมระดับความดันเลือดและความสมดุลของสารอาหารในร่างกาย ระบบ การหมุนเวยี นเลอื ด ระบบกล้ามเนอ้ื การทางานของระบบประสาท 6. ชว่ ยแกอ้ าการนอนไมห่ ลบั (ผล, เมลด็ ) 7. ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร (น้าแตงกวา) 8. ช่วยในการขบั ถ่าย ป้องกันและแกอ้ าการท้องผูก 9. ช่วยแก้อาการท้องเสีย บดิ (ใบแตงกวา) 10.ช่วยยบั ย้งั แบคทีเรยี กระตุ้นลาไส้เลก็ และมดลูกให้หดตวั กระตุน้ การสร้างแบคทเี รีย ยับย้ังไทรอยด์เป็นพษิ ต้านการเจริญเตบิ โตของเน้ืองอก ช่วยฆ่าพยาธิ กระตุ้นการ สรา้ ง interferon ช่วยไลแ่ มลง ช่วยรกั ษาโรคเลือดออกตามไรฟนั ลบรอยแผลเป็น 11.เป็นสารต้ังต้นในการสังเคราะห์ที่ให้ความชุ่มช้ืนตามธรรมชาติ ช่วยทาให้เกิดความ ยืดหยนุ่ แก่ผวิ ดว้ ย ถ่ัวฝกั ยาว ถั่วฝักยาวประกอบไปด้วยด้วยวิตามินและแร่ธาตุสาคัญ ๆ หลายชนิดไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ วิตามินบี ธาตุเหล็ก ซัลเฟอร์ ฟอสฟอรสั และโพแทสเซียม และทส่ี าคัญยังเปน็ แหลง่ ทอี่ ดุ มไปด้วย วิตามินซี โฟเลต แมกนีเซียม และแมงกานีสอีกด้วย ซ่ึงนับว่ามี ประโยชนต์ ่อร่างกายอย่างมากเลยทีเดยี ว ประโยชน์ของถว่ั ฝักยาว 1. ชว่ ยบารงุ กระดูกและฟัน ชว่ ยป้องกนั การเกิดโรคกระดูกพรนุ 2. ช่วยเผาผลาญคารโ์ บไฮเดรต ไขมนั และโปรตีน 3. ปอ้ งกันการเกิดโรคหวดั ช่วยป้องกนั และรักษาโรคเลือดออกตามไรฟนั

4. ช่วยแก้อาเจยี น ด้วยการใช้เมล็ดแห้งหรอื สดนามาคน้ั สดหรือต้มกินกบั นา้ (เมลด็ ) 5. ช่วยแก้อาการทอ้ งอืดทอ้ งเฟอ้ แน่นทอ้ ง เรอเปร้ียว ดว้ ยการเคี้ยวฝกั สดกนิ (ฝัก) 6. ใชเ้ ปน็ ยาบารงุ ม้ามและไต ดว้ ยการใช้เมล็ดแห้งหรอื สดนามาค้ันสดหรอื ตม้ กนิ กับน้า หรือจะใชร้ ากนามาตนุ๋ กินเนอ้ื กไ็ ด้เช่นกัน (ฝัก, ราก, เมล็ด) 7. ชว่ ยรักษาฝเี นอ้ื ร้าย ชว่ ยทาใหเ้ น้อื เย่อื เจรญิ เรว็ ข้ึน ดว้ ยการใช้รากสดนาไป เผาแลว้ บดจนละเอียดผสมกบั นา้ แลว้ ใชท้ าบรเิ วณทเ่ี ปน็ (ราก) ๘๔ หมสู บั หมูสับเปน็ วตั ถุดิบที่สามารถนามาทาเปน็ เมนูอร่อยได้หลากหลาย ทานไดท้ ั้งครอบครวั ไมว่ ่าจะเอาไปตม้ ผดั แกง ทอด ก็ถือไดว้ ่าเป็นวัตถดุ บิ ที่ ควรมีตดิ ตู้เย็นไว้ ซงึ่ นอกจากหมบู ดจะอดุ มไปด้วยโปรตีนแลว้ ยงั เป็นแหล่งของสารอาหารอ่นื ๆ เชน่ วิตามินบี 1 ช่วยลดอาการเหนบ็ ชา วติ ามินเอ ชว่ ยบารงุ สายตา ฟอสฟอรัส และไนอาซนี (วิตามินบี 3) ช่วยในการลดไขมนั ลดการอักเสบของผวิ หนงั และบารุงสมอง จะพบมากในเนอ้ื ส่วนทไี่ ม่ติดมนั ไขต่ ้ม ไขต่ ้มเปน็ อาหารท่ีใหค้ ุณประโยชนแ์ ก่ร่างกาย มากมาย ไขต่ ้ มสุกอุดมไปดว้ ยโปรตีน สงั กะสี ธาตเุ หล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรสั กรดโฟลกิ เลซิ ทิน ลทู นี ซีแซนทีน วติ ามนิ เอ วติ ามนิ บี 1 วติ ามนิ บี 2 วิตามนิ บี6 วิตามินบี12 วิตามนิ ดี และวติ ามนิ อี 1. ทานไขต่ ้มวนั ละ 1 ฟอง กจ็ ะช่วยให้รา่ งกายแขง็ แรง และเพื่อผลดียง่ิ ขน้ึ ควรทาน ควบคกู่ บั อาหารชนดิ อื่นๆ ใหค้ รบทั้ง 5 หมู่ 2. ช่วยสร้างกลา้ มเนือ้ 3.ช่วยสร้างกระดูกให้แข็งแรง 4. เสริมสร้างภูมคิ มุ้ กันใหร้ า่ งกาย ไขต่ ้มมี ธาตุเหล็ก วิตามินเอ และวิตามินดี เป็น สารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยให้การผลิตเซลล์ เม็ดเลือดแดงในรา่ งกายเป็นไปอยา่ งปกติ 5.ช่วยควบคุมน้าหนัก 6. ลดความเสี่ยงในการเปน็ โรคหวั ใจ ไขต่ ม้ อดุ มไปดว้ ยไขมันดอี ย่างเช่นโอเมกา้ 3

7. บารุงสมอง ไข่ต้ม 1 ฟอง มีโคลีนมากถึง 20% ซ่ึงสารชนิดนี้มีส่วนช่วยในการบารุง สมอง ป้องกนั การเปน็ อัลไซเมอร์ 8. บารุงเลบ็ และเส้นผมให้มีความแข็งแรง ไมท่ าใหเ้ ส้นผมหลดุ รว่ งไดง้ ่าย ๘๕ งานประกวดสบื สานวัฒนธรรมอาหารถน่ิ ไทย สภู้ ยั โควดิ -19 ๘๕ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นวดั ตาคลี (นิปณุ ทองค้าปราสรรค์) ๔ ธนั วาคม ๒๕๖๔

๘๖ ตาราอาหารถนิ่ อ.ทา่ ตะโก นา้ พรกิ สมนุ ไพร ปลายา่ ง

๘๗ “นา้ พริกสมุนไพรปลาย่าง” ( ต้านภยั สโู้ ควิด ) ประวัติ ความเปน็ มา นำพริกมีมำตังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยำ โดยคำว่ำ \"นำพริก\" มีควำมหมำยมำจำกกำรปรุงด้วยกำรนำสมุนไพร พรกิ กระเทียม หวั หอม เคร่อื งเทศกลิน่ แรง มำโขลก บด รวมกัน เพื่อใชส้ ำหรบั จิม โดยมี ดอกแค มะเขือยำว แตงกวำ ถ่ัวฝักยำว มะเขอื ม่วง ถัว่ พู สัตว์นำต่ำง ๆ เช่น ปลำ กุ้ง คนในสมัยก่อนนิยมรับประทำนสตั วน์ ำมำกกว่ำสัตวบ์ ก จึงอำจ คิดค้นนำพริกขึนเพ่ือเพิ่มรสชำติ และดับกล่ินคำวต่ำง ๆ นำพริกถูกใช้เป็นส่วนประกอบของอำหำรต่ำง ๆ หรือใช้ใน กำรรับประทำนเป็นกับข้ำวกไ็ ด้ และยังได้รับควำมนยิ มมำตังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นำพริกจึงถือเป็นอำหำรคู่ครวั คน ไทยำโดยตลอด ไม่ว่ำจะเป็นบ้ำนไหน เม่ือทำกับข้ำวมักจะต้องมีนำพริก ซ่ึงนำพริกแต่ละชนิดจะมีวัตถุดิบและ เอกลักษณ์แตกต่ำงกันออกไป นำพริกจึงกลำยเป็นเมนูคู่บ้ำนของคนไทย และนำพริกยังเป็นอำหำรไทย ท่ีสะท้อน วัฒนธรรมของคนไทย เนอ่ื งจำกเปน็ อำหำรท่ีตอ้ งรบั ประทำนร่วมกัน นง่ั ลอ้ มวงกนั กินนำพริกถว้ ยเดียวกัน ซึง่ นอกจำก จะให้คุณค่ำทำงโภชนำกำรแล้ว ยังมีคุณค่ำในกำรสร้ำงควำมสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวด้วย อีกทังยังเป็นเมนูท่ีทำง่ำย ส่วนประกอบในนำพรกิ ล้วนเป็นสมนุ ไพร เช่น พริกแหง้ กระเทยี ม หอม ตะไคร้ อำหำรทรี่ ับประทำนคู่กับนำพริกสว่ น ใหญ่จะเป็นผักต่ำง ๆ เช่น แตงกวำ ถัวฝักยำว และมะเขือเปรำะ จะเห็นได้ว่ำนำพริกถือเป็นเมนูอำหำรเพ่ือสุขภำพ ทงั นีนำพริกยังถือเปน็ อำหำรประจำท้องถน่ิ ซึง่ วตั ถดุ ิบในกำรทำสำมำรถหำไดต้ ำมท้องถนิ่ นัน ๆ และในบริเวณพืนที่ของอำเภอท่ำตะโก ส่วนใหญ่เป็นพืนท่ีรำบลุ่ม ติดแม่นำ และบึงบอระเพ็ด จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วย ปลำ พืชผัก สมุนไพร ซึ่งถือว่ำเป็นอำหำรของคนในชุมชน เน่ืองจำก วัตถุดิบจำกธรรมชำติ เหล่ำนีสำมำรถนำมำปรุงแตง่ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ อำหำรรับประทำนกันในชีวิตประจำวัน และมวี ธิ กี ำรทำทเ่ี รยี บง่ำยไมซ่ ับซ้อน สว่ นมำกที่นยิ มรบั ประทำนกันทุกครัวเรือน คือ อำหำรประเภทนำพรกิ ท่ที ำจำกปลำ และสมุนไพร พร้อมด้วยผัก ต้ม ผักสด เป็นเมนูที่ช่วยในกำรเจรญิ อำหำรทำใหร้ บั ประทำนไดม้ ำกขนึ จึงเป็นเมนูอำหำรทีท่ ำไวร้ ับประทำนติดบ้ำนกัน

ทกุ ครวั เรือนมกั จะขำดไม่ไดเ้ ลยในสำรับอำหำร ซึง่ เมนูอำหำรนีจัดว่ำเป็นอำหำรสุขภำพชนั เยี่ยมอีกดว้ ย นอกจำกนัน กำรตำนำพรกิ ยังเป็นกำรถนอมอำหำรเก็บไวร้ ับประทำนไดน้ ำน ๆ เมอ่ื เก็บไวแ้ ห้งก็สำมำรถเติมนำและปรงุ รสเพ่ิมได้ และเมนูอำหำรประเภทนำพริกท่ีคนในท้องถ่ินต้องมีติดสำรับในครัวเรือนอีกเมนหู น่งึ ซ่ึงเป็นเมนเู พื่อสุขภำพ และถอื เป็นอำหำรประจำทอ้ งถ่นิ คอื เมนูนำพริกสมนุ ไพรปลำย่ำง ๘๘ วัตถุดิบท่ีใช้ประกอบอำหำร “เมนูนำพริกสมุนไพรปลำย่ำง” ได้แก่ ปลำย่ำง พริก ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม มะขำม ส่วนมำกจะหำได้จำกธรรมชำติ และจำกผักสวนครัวที่คนในท้องถิ่นส่วนใหญ่มีปลูกกันทุกบำ้ นซึง่ ล้วนเป็นพชื ผกั สมนุ ไพรที่หำไดง้ ่ำย ทังยังมสี รรพคณุ ทำงยำ ชว่ ยเสรมิ ภมู ิคุม้ กนั และช่วยตอ่ ต้ำนเชือไวรสั ได้อีก นำพริก สำมำรถพัฒนำสู่กำรทำอำชีพเสริมได้ หรือเพ่ิมรำยได้ให้แก่ครอบครัว ชุมชน และคงควำมรู้ภูมิ ปัญญำดำ้ นอำหำรท้องถิน่ แตล่ ะชมุ ชน เพ่ือนำไปถ่ำยทอดไปยงั เยำวชนรุ่นต่อไป สรรพคณุ ของของสว่ นผสมของน้าพรกิ ท่ชี ว่ ยต้านภยั สู้โควดิ 1. ตะไคร้ มสี รรพคณุ ช่วยบรรเทำปอดบวม แกไ้ ข้ แกไ้ อ ลดกำรอักเสบ รักษำโรคควำมดันโลหิตสูง 2. พริกแหง้ มสี รรพคุณ ชว่ ยใหเ้ จรญิ อำหำร ลดเสมหะ ฟนื้ ฟูปอด และระบบทำงเดนิ หำยใจ 3. กระเทยี ม มสี รรพคุณ ขบั เหง่ือ ขบั ปัสสำวะ บำรงุ ประสำท ช่วยเพมิ่ ประสิทธภิ ำพภมู ิค้มุ กนั ในร่ำงกำย 4. หอมแดง มสี รรพคณุ ขับลมในลำไส้ แกห้ วดั คัดมกู แกท้ อ้ งผูก แกก้ ำเดำ แก้ฟกชำ 5. มะขามเปียก มสี รรพคณุ เปน็ ยำฆ่ำเชือ ลดควำมดนั แก้ท้องผูก แกห้ วัด แก้ไอ ขับเสมหะ 6. ปลาป่น มีสรรพคุณ ชว่ ยควบคมควำมสมดลุ ของโปรตนี และ กรดอมโิ น หำกรับประทำนคู่กับผักสด เช่น แตงกวำ ถั่วฝักยำว มะเขือ กระชำย ยอดกระถิน ยอดกระเจียบ ก็จะ อรอ่ ยมำกย่ิงขนึ

๘๙ เคล็ดลับวิธีการทาน้าพรกิ สมุนไพรไทย 1. กำรทำนำพรกิ แนะนำใหใ้ ช้กำรโขลก ดว้ ยครกหนิ จะได้นำพริกทอี่ ร่อย มำกกว่ำกำรใช้เครื่องบด 2. สำหรับ นำพริกสมนุ ไพร สำมำรถใสเ่ นอื สตั วอ์ นื่ ๆไดต้ ำมชอบ เชน่ เนือหมูสบั หรือ เนือก้งุ 3. กำรนำเคร่ืองไปทอดก่อนตำนำพริก จะทำให้หอมและยังเป็นกำรถนอมอำหำร ซ่ึงช่วยให้สำมำรถเก็บ รักษำได้นำนมำกขีน 4. สำมำรถเกบ็ ใสต่ ู้เย็นได้ นำน 15 วัน เคร่ืองปรงุ อุปกรณ์ และวธิ ีการทา เครอ่ื งปรงุ • พริกใหญแ่ หง้ 30 เม็ด • พรกิ ขีหนูแดงแหง้ 10 เมด็ • หอมแดง 1 ถ้วยตวง • กระเทียม 1 ถว้ ยตวง • ตะไคร้ซอย 1 ถว้ ยตวง • ปลำแหง้ ปน่ 1 ถ้วยตวง • นำตำลปบ๊ี 1 ถว้ ยตวง • นำมะขำมเปียก 6 ช้อนโตะ๊ • เกลอื ปน่ 2 ชอ้ นโต๊ะ • นำมนั พืช 1 ถว้ ยตวง อุปกรณ์ • ครกหิน • กระทะ • ทพั พี • ตะหลิว • เขียง • มีด

• ภำชนะสำหรับใสว่ ัตถุดิบ • ถ้วยสำหรับใส่นำพริกเมือปรงุ เสรจ็ ๙๐ วิธกี ารทา 1. เตรยี มส่วนผสมเครอื่ งปรงุ ใหเ้ รยี บร้อย 2. หั่นกระเทยี ม หอมแดง ตะไคร้ เปน็ ชินเลก็ ๆแล้วนำไปทอดเพ่อื ควำมหอม 3. นำพริกลงไปทอดใหเ้ หลือง

4. นำพริกแห้งลงไปโขลกใหล้ ะเอียด ๙๑ 5. นำตะไครท้ อด กระเทยี มทอด หอมทอด ตำมลงไปโขลกกบั พรกิ ใหล้ ะเอยี ด 6. นำปลำปน่ ใส่ตำมลงไปในครก 7. ปรุงรสดว้ ย นำตำล เกลือ มะเขียมเปยี ก

๙๒ 8. โขลกใหเ้ ข้ำกัน เสรจ็ ใสถ้วยพร้อมรบั ประทำน ประโยชน์ทนี่ กั เรยี นและผเู้ กย่ี วข้องไดร้ บั 1. เดก็ ๆได้รบั ประสบกำรณ์ในกำรทำงำนเป็นทมี 2. เด็กๆสำมำรถนำไปประกอบอำหำรในครวั เรือนได้ 3. สง่ เสริมใหน้ ักเรยี นสำมำรถประยกุ ตไ์ ปสู่อำชพี ได้ ในระหว่ำงเรยี น 4. ผู้ปกครองร่วมสนับสนนุ กจิ กรรมโดยนำตะไครม้ ำใหน้ กั เรยี นตำนำพริก 5. ผูป้ กครอง ครู ชอบนำพริก เพรำะเปน็ เมนอู ำหำรสมนุ ไพร เปน็ เมนูสขุ ภำพ ทังยงั ช่วย สรำ้ งภมู ิคมุ้ กนั ในร่ำงกำยด้วย คุณคำ่ ทำงโภชนำกำร 1. พลังงำน 1.0 กิโลแคลอร่ี 2. โปรตนี 4.3 กรมั 3. ไขมนั 0.8 กรมั 4. แคลเซยี ม 1.0 มลิ ลิกรัม 5. เหล็ก 1.7 มลิ ลิกรัม 6. วติ ำมนิ A 1.4 มิลลิกรัม 7. วิตำมิน B1 1.6 มลิ ลิกรมั

งานประกวดสืบสานวัฒนธรรมอาหารถ่ินไทย สภู้ ยั โควดิ -19 ๙๓ ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นวัดตาคลี (นิปุณทองคาปราสรรค์) ๔ ธนั วาคม ๒๕๖๔

ตาราอาหารถน่ิ อ.พยหุ ะคีรี ๙๔ ห่อหมกชวน ชิม

๙๕ ประวัติความเปน็ มา ห่อหมก เป็นอาหารท่ีมีมาแต่โบราณ ส่วนประกอบสาคัญ ได้แก่ เนื้อปลา นามาผสมกับ เครื่องแกงและกะทิข้นๆ แล้วกวนให้เข้ากันจนกะทิงวด ใส่ไข่เพ่ือช่วยเพิ่มความข้น ช่วยในเร่ืองของ รสชาติและเน้ือสัมผัส นาส่วนผสมมาห่อ รองก้นด้วยผักชนิดต่าง ๆ ได้แก่ ใบยอ ใบโหระพา แล้วนาไป ป้ิงให้สุก นาเนื้อปลาขดู มากวนพร้อมใส่เน้ือปลาเปน็ ช้นิ ห่อหมกท่ีดีจะมีกล่ินหอมของเครอ่ื งแกง เมื่อสกุ จะตอ้ งเกาะกันเป็นก้อน ไม่แฉะหรือแขง็ เกนิ ไป มีรสหวานของกะทิ มีความเผ็ดนิดๆ ของเครอื่ งแกง นางอัมราพร แก่นเขียว (ป้าพูล) อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/3 หมู่ 9 ตาบลพยุหะ อาเภอพยหุ ะคีรี ไดเ้ ลา่ ให้พวกเราฟังว่า หอ่ หมกหน่อไม้เป็นอาหารพืน้ ถ่ินอีกอย่างหนึ่งของอาเภอพยุหะ คีรี สืบทอดมาจากรุ่นปู่ย่า ตายาย เพราะอาเภอพยุหะคีรีในน้ามีปลา ในนามีข้าว บนเขามีหน่อไม้ มากมาย หนอ่ ไมส้ ามารถนามาแปรรปู อาหารได้หลายอย่าง และอาเภอพยุหะอยู่ติดแม่น้าเจา้ พระยา มี ปลาชุกชมุ หลายชนดิ ชาวบ้านเลยมกั ทาอาหารโดยใช้ใช้ปลาและหนอ่ ไม้ในท้องถนิ่ เปน็ สว่ นประกอบหลัก หลายๆ อย่าง เช่น ห่อหมกหน่อไม้ ท่ีหลายๆคนชื่นชอบ สามารถประกอบอาหารทานในครัวเรือน และ นามาทาเป็นอาชีพเสริม สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ท้ังน้ี ห่อหมกหน่อไม้ของชาวพยุหะคีรี ยังมีรสชาติจัด จ้าน หอมกลิ่นใบตอง ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ถูกอกถูกใจผู้ท่ีได้ลิ้มลอง โรงเรียนพยุหะศึกษาคาร ได้รับ เกยี รติจากปราชญ์ชาวบ้าน คณุ ป้าพูล มาสอนลูกๆ หลาน ๆ ทาหอ่ หมกหน่อไม้ เพ่อื สานต่ออาหารพื้น ถิน่ ภมู ปิ ัญญาชาวบ้านใหค้ งอยู่ สบื สานตอ่ ไปยงั ลกู หลานรนุ่ ต่อ ๆ ไป ให้ยังคงร้จู ักและบอกเลา่ ต่อ ๆ กัน ไปอีกนานแสนนาน วตั ถุประสงค์ 1. เพอ่ื ให้นกั เรยี นอนุรกั ษภ์ มู ปิ ัญญำทอ้ งถน่ิ เกี่ยวกับกำรทำอำหำรไทยและสมุนไพรไทย 2. เพ่ือใหน้ ักเรียนปรงุ อำหำรทใี่ ช้สมุนไพรไทยเปน็ เมนอู ำหำรสขุ ภำพรบั ประทำนเองได้ 3. เพ่ือใหน้ กั เรยี นรจู้ กั อำหำรถน่ิ ในอำเภอของตนเอง และสำมำรถตอ่ ยอดเปน็ อำชีพได้

๙๖ สตู รอาหาร “หอ่ หมกชวนชมิ ถิน่ พยหุ ะ” 300 กรมั 500 กรัม สว่ นผสมการทาหอ่ หมก หนอ่ ไม้ 500 กรมั เนื้อปลากรายบด 15 กรมั เนือ้ ปลาทบั ทมิ หน่ั ช้นิ 15 กรมั พริกชฟี้ ้าแห้ง 12 กรัม 30 กรัม พรกิ ใหญ่แหง้ ข่า ครงึ่ ชอ้ นโต๊ะ ตะไคร้ 500 กรมั ผวิ มะกรูด 500 กรมั โหระพา 40 กรมั 90 กรมั ใบยอ กระเทยี ม 90 กรมั หอมแดง 90 กรัม นา้ ปลา 90 กรัม นา้ ตาล ครึง่ ชอ้ นชา 3 ช้อนชา กะปิ เกลือ 3 ฟอง แปง้ ข้าวเจา้ 500 กรัม ไข่ไก่ 3 เมด็ กะทิ พริกใหญ่ (สีแดง) วธิ ีทาเมนู “หอ่ หมกชวนชิม ถน่ิ พยุหะ”  โขลกพริกแห้ง กระเทยี ม หอมแดง ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด ใหล้ ะเอยี ด เตมิ เกลือ กะปิ เตรียมพริกแกงไวก้ อ่ น  นาหนอ่ ไมต้ ้มมาซอยเป็นเสน้ ๆ แล้วนามาตดั ใหส้ ัน้ ลง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook