รายงานโครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาล ในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ประจาปี 2555 – 2556 หน่วยงานที่รับผดิ ชอบ 1. สถาบนั สิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (AIHR) 2. คณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ 3. สานักวชิ านิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั แม่ฟ้ าหลวง 4. คณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี 5. คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ
Preface In May 2013, Law Faculties of University of Chiangmai, University of Mae-faluang, University of Thaksin and University of Ubon Ratchathani, organized a national public seminar on ‘Cases of Human Rights: Rights to Fair Trial’. The objective of the seminar was to share the findings of around 120 law students who observed courts and trials during the academic year from the perspective of fair trial principles. Officers from the Courts of Justice, Commissioners from National Human Rights Commission of Thailand, Law Reform Commission of Thailand, human rights lawyers and activists, students and law professors participated in the discussions. The seminar was organized as part of the Court Watch Project that was initiated by Asian Institute for Human Rights in 2009 in collaboration with Universities in Thailand. The present report gives a brief description of the Court Watch Project, its objectives, history and process. It also gives a description of the activities that were undertaken during 2012-2013, the tools developed under the program to facilitate observing of trials and hearings, and a summary of findings under the project. Finally it presents, the feelings of some of the students who participated in the program. Kalpalata Dutta Director, Asian Institute for Human rights ๏โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธมิ นุษยชน (Court Watch) ก
๏ข โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมมุ มองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
สารบัญ คานา 1 สารบญั บทท่ี 1 จุดเร่ิมต้นของโครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์ 21 32 กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) 43 บทที่ 2 ภาพรวมของโครงการ Court Watch พ.ศ. 2556 56 บทท่ี 3 ผลการสังเกตการณ์ของมหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ 70 บทท่ี 4 ผลการสังเกตการณ์ของมหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ 79 บทท่ี 5 ผลการสังเกตการณ์ของมหาวทิ ยาลยั แม่ฟ้ าหลวง บทที่ 6 ผลการสังเกตการณ์ของมหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี ภาคผนวก ๏โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมมุ มองสิทธมิ นุษยชน (Court Watch) ค
1 จุดเร่ิมต้นโครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาล ในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ก่อนจะเป็ น Court Watch เมื่อแรกก่อต้งั สถาบนั สิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย(Asian Institute for Human Rights: AIHR) ในปี พ.ศ.2548 ทางสถาบนั ฯ ไดม้ ีส่วนร่วมกบั โครงการ Access to justice ของมูลนิธิผสานวฒั นธรรม ผ่านกระบวนการ เสริมสร้างศกั ยภาพให้กบั ภาคประชาสังคมในพ้ืนสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ เน่ืองจากขณะน้นั มีปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพ้ืนท่ีมากมาย เช่น การบงั ให้หายสาบสูญโดยไม่สมคั รใจ,การจบั กุมคุมขงั โดยพลการ, การซ้อมทรมาน ตวั อย่างคดีดังเช่น คดีทนายสมชาย นิลไพจิตร, คดีตากใบ,คดีกรือเสะ, คดี อิหม่ามยะผา คดีท้งั หลายลว้ นเป็นคดีท่ีละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากน้ียงั เป็น คดีที่เกี่ยวขอ้ งกบั การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของภาครัฐ ทาใหภ้ าคประชาสงั คมตอ้ งเขา้ มา มีส่วนติดตามตรวจสอบกระบวนการยุติธรรม เพ่ือให้แน่ใจว่าผูต้ อ้ งหาและ ผเู้ สียหายไดร้ ับความเป็นธรรมจากกระบวนการทางศาล สถาบนั สิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย, มูลนิธิผสานวฒั นธรรม, มูลนิธิศูนย์ ทนายความมุสลิม, Working group for justice และคณะกรรมการนิติศาสตร์ สากล รวมถึงภาคประชาสังคมอื่นๆในพ้ืนที่สามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ได้ ร่วมกนั ติดตามกระบวนการยตุ ิธรรมดว้ ยการไปสังเกตการณ์คดีในช้นั ศาล โดย มีตัวแทนจากองค์กรดังกล่าวเข้าไปในห้องพิจารณาคดี ผลจากการไป สั ง เ ก ต ก า ร ณ์ ดัง ก ล่ า ว ท า ใ ห้ พ บ ปั ญ ห า แ ล ะ เ กิ ด ก า ร ต้ ัง ค า ถ า ม ม า ก ม า ย กับ กระบวนการยุติธรรม ภายใต้กรอบสิทธิในกระบวนการยุติธรรมท้ังตาม โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 1
กฎหมายสูงสุดในประเทศอย่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ หลกั การในกรอบกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหวา่ งประเทศ ขอ้ คน้ พบจากการติดตามคดีในพ้ืนท่ีสามจงั หวดั ชายแดนภาคใตน้ ้ัน ทาให้เห็นความเป็ นจริงในการปฏิบตั ิกบั มาตรฐานการพิจารณาคดีอย่างเป็ น ธรรม กล่าวคือ ปัญหาเรื่องล่ามภาษาถ่ิน อยา่ งภาษามลายู หรือภาษายาวีน้นั ไม่ สามารถแปลความอย่างตรงไปตรงมา มีการตดั ความและแปลผิดความหมาย, ปัญหาเรื่องการบงั คบั ให้ผูต้ อ้ งหารับสารภาพของผูพ้ ิพากษา เพ่ือให้มีการลด โทษ และปัญหาผูพ้ ิพากษาตดั เน้ือความเมื่อบนั ทึกคาให้การของพยานในช้ัน ศาล ปัญหาเหล่าน้ีทาให้ภาคประชาสังคมในพ้ืนท่ีตระหนักและตอ้ งการ รวบรวมและสะท้อนส่ิงที่เกิดข้ึนจริงในช้ันศาล เพื่อให้สังคมได้รับรู้และมี ความหวงั ในการเปลี่ยนแปลงระบบท่ีไม่เป็นธรรมให้เป็นธรรมกบั ประชาชนผู้ ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากน้ีภาคประชาสังคมมีความเชื่อว่า หากมีผู้ สงั เกตการณ์คดีอยใู่ นหอ้ งพิจารณาคดี โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ผสู้ งั เกตการณ์คดีท่ีเป็น ชาวต่างชาติ จะส่งผลต่อท่าทีของผพู้ ิพากษาและผปู้ ฏิบตั ิงานในหอ้ งพิจารณาคดี ให้เคร่งครัดกบั หลกั การการพิจารณาคดีอย่างเป็ นธรรม และปฏิบตั ิต่อคู่ความ ดว้ ยการไม่เลือกปฏิบตั ิ ดว้ ยเหตุผลดงั กล่าว กลุ่มภาคประชาสังคมท้งั ในพ้ืนท่ี และองคก์ รจากกรุงเทพมหานคร รวมถึงองคก์ รระหว่างประเทศท้งั หลายได้ จดั ใหม้ ีกิจกรรมการไปสงั เกตการณ์คดีในช้นั ศาลอยา่ งต่อเน่ือง อย่างไรก็ตาม แมว้ ่าการสังเกตการณ์คดีน้นั เป็ นสิ่งที่กระทาไดภ้ ายใต้ หลกั การพิจารณาคดีอย่างเปิ ดเผย อีกท้งั ก็ไม่ขดั กบั กฎหมาย หากแต่ยงั เกิดการ ต้งั คาถามจากนกั กฎหมายสิทธิมนุษยชนว่า การสังเกตการณ์คดีน้นั จะเป็ นการ หมิ่นอานาจศาลหรือไม่? หรือวา่ การวิพากษว์ จิ ารณ์ศาลน้นั จะกระทาไดห้ รือ? 2 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธมิ นุษยชน (Court Watch)
เพร า ะสภ าพปั ญหา การล ะเมิ ดสิ ทธิ มนุ ษยชน ไม่ ไ ด้พบ แค่ในพ้ืน ที่ ภาคใต้ แต่กลับพบเรื่ องเหล่าน้ีในภาคเหนือด้วย เมื่อได้มีสนทนากลับ ทนายความสิทธิมนุษยชนในพ้ืนที่ภาคเหนือ ทนายสุมิตรชยั หัตถสาร ก็พบ ปัญหาเรื่องล่ามภาษาทอ้ งถ่ินเช่นเดียวกนั กล่าวคือในพ้ืนท่ีภาคเหนือมีชนชาติ พนั ธุ์อาศยั อย่มู าก เมื่อกลุ่มคนเหล่าน้ีเขา้ สู่กระบวนการยุติธรรมมกั เกิดปัญหา การเขา้ ใจทางภาษา และไม่ไดร้ ับความเป็นธรรมจากกระบวนการทางศาล การติดตามตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมทางศาล จึงริเริ่มเป็ น โครงการที่จะเอ้ือต่อการติดตามตรวจสอบการทางานของกระบวนการศาลข้ึน จากการเรียนรู้และประสบการณ์การทางานท่ีมีส่วนเก่ียวขอ้ งกบั ศาล เริ่มเป็ น Court Watch จุดเร่ิมตน้ ของการติดตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรม (Monitoring rights to fair trail) จึงเกิดข้ึน จากรายงาน “ทาความเขา้ ใจระบบยตุ ิธรรมใน ประเทศไทย” รศ.มรว.พฤทธิสาณ ชุมพล ประธานสถาบนั สิทธิมนุษยชนแห่ง เอเชีย ไดเ้ ขียนเกร่ินนาในรายงาน “ทาความเข้าใจระบบยุตธิ รรมในประเทศไทย โครงการเฝ้ าระวงั ศาล 2551 (Court Watch Program)” รายละเอียดโครงการ ไวด้ งั น้ี ในปี พ.ศ.2551 สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชียได้ริเร่ิ มดาเนิน “โครงการเฝ้ าระวงั ศาล (Court Watch Program)” ท่ีถือเป็นโครงการนาร่องวา่ ดว้ ยการทาความเขา้ ใจระบบยตุ ิธรรมในประเทศไทย โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ทาความเขา้ ใจองคป์ ระกอบสิทธิมนุษยชนสากลในการไดร้ ับการ พิจารณาคดีอยา่ งเป็นธรรม และสิทธิในการเขา้ ถึงความยตุ ิธรรมซ่ึงมีบทบญั ญตั ิ แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทยระบุไวเ้ ช่นกนั โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 3
เพ่ือสารวจว่ากลุ่มผูย้ ากจนและชายขอบในสังคมสามารถเขา้ ถึง ความยตุ ิธรรมและไดร้ ับการคุม้ ครองสิทธิและเสรีภาพหรือไม่ เพ่ือสร้างความเขา้ ใจในบรรดานักกิจกรรมภาคประชาสังคมและ นิสิตนกั ศึกษาเกี่ยวกบั กลไกการทางานของระบบยตุ ิธรรม เพื่อส่งเสริมการปฏิรูปภายในระบบยตุ ิธรรม โดยไดจ้ ดั การอบรมว่าดว้ ย “มาตรฐานการพิจารณาคดีอยา่ งเป็นธรรม เพื่อคุม้ ครองและส่งเสริมสิทธิของกลุ่มชายขอบ” โดยเป็ นการจดั ร่วมกนั ของ สถาบนั สิทธิมนุษยชนแห่งเอเชียและโครงการเอเชียแปซิฟิ ก ของคณะกรรมการ นกั นิติศาสตร์สากล (Asia Pacific Program, International Commission of Jurists) ระหวา่ งวนั ที่ 22-27 มีนาคม 2551ท่ีนครนายก ผกู้ ล่าวเปิ ดงานไดแ้ ก่ นาย ชาญเชาว์ ไชยานุกิจ รองปลดั กระทรวงยตุ ิธรรม และวิทยากรไดแ้ ก่ ดร.คณิต ณ นคร อดีตอยั การสูงสุดและคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธุรกิจบณั ฑิตย์ ดร.สุนทรียา เหมือนพะวงศ์ ผูพ้ ิพากษา นายวสันต์ พานิช อดีตกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติ ในการน้ีผเู้ ช่ียวชาญสิทธิมนุษยชนสากลจากโครงการเอเชีย แปซิฟิ กของคณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากลไดใ้ ห้ความรู้เกี่ยวกบั มาตรฐาน สิทธิมนุษยชนสากล ท้ังยงั มีการเดินทางไปดูงานท่ีศาลจังหวดั นครนายก ระหว่างการดูงาน ผพู้ ิพากษาหวั หนา้ ศาลจงั หวดั ไดก้ ล่าวแนะนาองคป์ ระกอบ ของศาลในประเทศไทย มีผเู้ ขา้ ร่วมการอบรมจานวน 30 คน หลังการอบรม นิสิต นักศึกษามาจากศูนย์ศึกษาการพฒั นาสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และนักกิจกรรมดา้ นแรงงาน พลดั ถ่ิน เช่น จากคลินิกกฎหมายแรงงานและสภาทนายความแห่งพม่า อาเภอ 4 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
แม่สอด ผชู้ ่วยทนายความซ่ึงทางานให้กบั ศูนยท์ นายความมุสลิม จงั หวดั ยะลา และนกั กิจกรรมซ่ึงทางานกบั เครือขา่ ยคนพ้นื เมืองไดเ้ ขา้ ร่วมสงั เกตการพิจารณา คดีระหว่างเดือนเมษายน-ตุลาคม 2551 หลงั จากน้นั ผูส้ ังเกตการณ์ไดแ้ บ่งปัน ประสบการณ์จากการสังเกตการณ์การพิจารณาคดี ร่ วมกับทนายความจาก ประเทศไทยและต่างประเทศ ในการประชุมซ่ึงจัดข้ึนระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2551 ท่ีกรุงเทพฯ สุดทา้ ยมีการแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกบั นาย วฒุ ิชยั หรูจิตตววิ ฒั น์ ผพู้ ิพากษาในวนั ที่ 2 พฤศจิกายน 2551 ในรายงาน“ทาความเข้าใจระบบยุตธิ รรมในประเทศไทย โครงการเฝ้ า ระวังศาล 2551 (Court Watch Program)” สรุปขอ้ คน้ พบจากผสู้ ังเกตการณ์ การพิจารณาคดีไดด้ งั น้ี ผพู้ กิ ารนง่ั รถเขน็ ไม่สามารถเขา้ ถึงบริเวณศาลได้ ปัญหาล่ามแปลภาษา ผูต้ อ้ งหาที่ไม่เขา้ ใจภาษาไทย ไม่มีการ จดั เตรียมล่ามให้ หรือหากมีล่าม ล่ามก็แปลความไดไ้ ม่ครบถว้ น ไม่มีการแปล ทวนให้กับพยาน ไม่มีการแปลคาพิพากษา และมีกรณีที่ล่ามแสดงอคติกับ ผตู้ อ้ งหา บทบาทของทนายขอแรง ที่ไม่ใส่ใจต่อคดีท่ีตนรับผิดชอบมากนกั ไม่มีการพบกบั ผตู้ อ้ งหาก่อนจะเขา้ สู่ข้ึนตอนการพิจารณาของศาล ซ่ึงส่งผลดา้ น ลบต่อคดี บางคร้ังทนายแสดงอคติต่อกลุ่มชาติพนั ธุ์ หรือ แรงงานขา้ มชาติ ดว้ ย การใชค้ าพดู ดูถูกเหยยี ดหยามศกั ด์ิศรีความเป็นมนุษย์ บทบาทของอยั การ พนักงานอยั การ จะเน้นงานเชิงรับเป็ นส่วน ใหญ่ และเดินเขา้ ออกหอ้ งพิจารณาคดีอยเู่ สมอ ไม่ฟังการสืบพยานของอีกฝ่ าย บทบาทของผพู้ ิพากษา การพิจารณาคดีส่วนใหญ่มกั จะเร่ิมชา้ องค์ คณะไม่ครบ แต่จะมีผูพ้ ิพากษาหลกั อยู่ 1 ท่าน หากเป็ นคดีท่ีเป็ นแรงงานขา้ ม โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 5
ชาติเรียกร้องค่าชดเชย ผพู้ ิพากษามกั ให้ไกล่เกลี่ย และแรงงานขา้ มชาติมกั ไม่มี อานาจในการต่อรอง เม่ือมีการอ่านคาบนั ทึกการให้การ ผูพ้ ิพากษาบางท่าน อ่านเสียงเบา และอ่านเร็ว จนทาใหพ้ ยานฟังและตรวจสอบไม่ทนั บทบาทของเจา้ พนกั งานศาล ค่อนขา้ งมีทศั นคติเชิงลบกบั คนจน และบางคร้ังไม่อธิบายข้นั ตอนในหอ้ งพจิ ารณาคดี ส่งผลใหผ้ อู้ ยใู่ นหอ้ งพจิ ารณา คดีปฏิบตั ิตวั ไม่ถูก และถูกศาลตาหนิ ประโยชน์ท่ีเกิดข้ึนจากการดาเนินโครงการน้ี คือการเรียนรู้ของ ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการและไดส้ ่งเสริมความเขา้ ใจการทางานของระบบยตุ ิธรรม ได้ ใกล้ชิดการทางานกับฝ่ ายตุลาการ อนั จะเป็ นส่วนหน่ึงในการปฏิรูประบบ ยตุ ิธรรม โดยจะตอ้ งมีการปฏิรูปในระดบั นโยบาย เพื่อใหท้ ุกคนสามารถเขา้ ถึง ความยตุ ิธรรม และองคก์ รภาคประชาสังคมมีบทบาทสาคญั ท่ีจะทาให้เกิดการ สะทอ้ นประเดน็ ปัญหาเพอ่ื ปรับปรุงกระบวนการยตุ ิธรรมในอนาคต จากความสาเร็จในปี 2551 ส่งผลใหท้ างโครงการพฒั นารูปแบบการ ดาเนินกิจกรรม โดยร่วมมือกบั สถาบนั อุดมศึกษาและองคก์ รพฒั นาเอกชนท่ี ทางานในระดบั พ้ืนท่ี เกิดเป็นการดาเนินงานโครงการในปี 2552 จนกระทง่ั ถึง ปัจจุบัน คือ 2556 โครงการได้ดาเนินงานใน 3 พ้ืนที่ ประกอบด้วย พ้ืนที่ ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ บนพ้ืนฐานความหลากหลายของประเด็น ปัญหา และความสนใจของอาสาสมคั รในแต่ละพ้ืนที่ โดยมุ่งเนน้ การเสริมสร้าง ศักยภาพให้กับนิสิตนักศึกษา คณะนิติศาสตร์และคณะอื่นๆ เช่น คณะ มนุษยศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ ในสถาบนั อุดมศึกษา และนกั กิจกรรมที่ทางาน เก่ียวขอ้ งกบั ประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ท้งั ในระดบั บุคคลและระดบั ชุมชน เ พ่ื อ น ร่ ว ม โ ค ร ง ก า ร ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ค ณ ะ นิ ติ ศ า ส ต ร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ เร่ิมดาเนินโครงการก่อน ในปี 2552 โดยมี สานกั วิชา 6 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
นิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั แม่ฟ้ าหลวง เขา้ มาสังเกตการณ์การประชุม,การอบรม ร่วมกบั มหาวิทยาลยั เชียงใหม่และเริ่มโครงการ ในปี 2553 ซ่ึงเป็ นปี เดียวกบั คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั อุบลราชธานี และในปี 2555 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ กไ็ ดเ้ ขา้ ร่วมโครงการ พฒั นาพนื้ ทแ่ี ห่งการเรียนรู้ เม่ือจบโครงการในปี 2551 ทางสถาบนั ฯ ก็ดาเนินโครงการต่อเน่ืองใน ปี 2552 ยกระดบั จากภาคประชาสังคม นกั ศึกษาผสู้ นใจ สู่การหาความร่วมมือ ในระดบั มหาวิทยาลยั และเปล่ียนช่ือโครงการเป็ น “โครงการการเรียนรู้และ สังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน” โดยมีจุดมุ่งหมาย ของโครงการ คือ ให้นิสิต นักศึกษา คณะนิติศาสตร์ และภาคประชาสังคมท่ี สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน และสิทธิในกระบวนการยตุ ิธรรม เกิดกระบวนการ เรียนรู้ ทาความเขา้ ใจกระบวนการพิจารณาคดีในศาล และเพ่ิมความสามารถใน การเขา้ ถึงกระบวนการยตุ ิธรรมมากยงิ่ ข้ึน อีกท้งั ยงั เป็นการบนั ทึกเหตุการณ์ ต้งั ขอ้ สังเกตกบั การพิจารณาคดีในช้นั ศาล ตามหลกั สิทธิในกระบวนการยตุ ิธรรม และการพิจารณาคดีอย่างเป็ นธรรม อีกท้งั ยงั มุ่งหวงั การรวบรวมขอ้ มูลปัญหา และอุปสรรคในการเขา้ ถึงความยุติธรรมและการรับรองสิทธิในกระบวนการ ยตุ ิธรรม ผา่ นกระบวนการวจิ ยั เชิงปฏิบตั ิการของนกั ศึกษา ประสานความร่วมมือกบั คณะนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลยั ส่วนภูมิภาค มุ่งเนน้ การเสริมสร้างความรู้และการมีส่วนร่วมของผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการในการ แลกเปลี่ยนประเด็นต่างๆ ท้งั นกั สิต นกั ศึกษา อาสาสมคั รนักสังเกตการณ์คดี นักกิจกรรม อาจารย์ นักวิชาการและผูท้ ่ีมีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการ ยุติธรรม อีกท้งั ยงั สร้างเสริมศกั ยภาพในทางทฤษฎีผ่านการอบรมด้านสิทธิ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 7
มนุษยชน และเอ้ืออานวยให้เกิดการเรียนรู้ภาคปฏิบตั ิผ่านวิธีการสังเกตการณ์ คดีในช้นั ศาล ซ่ึงท้งั สองกระบวนการ ส่งเสริมให้เกิดการตระหนักถึงการนา หลักทฤษฎีไปใช้ให้สอดคล้องกับและหลักปฏิบัติ และจากกระบวนการ ดงั กล่าวจะส่งผลใหเ้ กิดการรวบรวมฐานขอ้ มูล ท่ีสะทอ้ นความเป็นจริงของการ เขา้ ถึงความยุติธรรมของประชาชนในช้นั ศาล อีกท้งั ยงั สร้างพ้ืนท่ีแลกเปล่ียน ประสบการณ์ ที่ช่วยใหเ้ กิดความเขา้ ใจปัญหาต่างๆของกระบวนการพิจารณาคดี ในศาล โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในคดีท่ีเก่ียวกบั ผทู้ ่ีอาจถูกละเมิดสิทธิไดง้ ่าย ขอ้ มูลท่ี ไดจ้ ากโครงการจะถูกประมวลเป็นขอ้ เสนอแนะท่ีเป็นประโยชน์ต่อการพฒั นา กระบวนการยตุ ิธรรม โครงการเรี ยนรู้ และสังเกตการณ์กระบวนการศาลในมุมมองสิ ทธิ มนุษยชน ไดเ้ ร่ิมดาเนินโครงการกบั มหาวิทยาลยั ต้งั แต่ พ.ศ.2552 เป็ นตน้ มา และดาเนินการต่อเนื่องจนถึง 2554 ไดร้ ับการสนบั สนุนงบประมาณ จาก Open Society Foundation (OSF) บริหารงบประมาณโดยสถาบนั สิทธิมนุษยชนแห่ง เอเชีย จากประสบการณ์การดาเนินโครงการอย่างต่อเน่ืองกว่า 3 ปี ทาให้ คณาจารย์ คณะและมหาวิทยาลยั เห็นร่วมกนั ว่าควรดาเนินโครงการต่อ โดยให้ เป็นส่วนหน่ึงของการเรียนการสอนวิชาสิทธิมนุษยชน และกิจกรรมภายใตศ้ ูนย์ ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย จากน้ันในปี 2555 เครื อข่ายมหาวิทยาลัย ก็ได้ย่ืนขอสนับสนุน งบประมาณจาก Open Society Foundation (OSF) เอง โดยมีตวั แทนคือ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้ าหลวงเป็ นผูบ้ ริหารโครงการ ภายใต้การร่วมกันทางาน ระหว่างมหาวิทยาลยั และ สถาบนั สิทธิมนุษยชนแห่งเอเชียเป็ นผูห้ นุนเสริม โครงการและจดั กระบวนการเรียนรู้เร่ืองสิทธิมนุษยชน 8 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธมิ นุษยชน (Court Watch)
กระบวนการทางาน ประสานความร่ วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาที่สนใจร่ วมดาเนิน โครงการ โดยเน้นกลุ่มอาจารยท์ ี่สอนวิชาสิทธิมนุษยชน และอาจารยท์ ่ีสนใจ รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล ทศพล ทรรศนกุลพนั ธ์ อาจารยส์ อนวิชากฎหมายกบั สังคม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ เริ่มดาเนินโครงการกบั นกั ศึกษา ในวิชาก่อน เช่นเดียวกบั อาจารยด์ ามร คาไตรย์ และอาจารยโ์ ศภิต ชีวะพานิชย์ ท่ีสอนวิชาสิทธิมนุษยชน ในสานักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั แม่ฟ้ าหลวง ส่วนอาจารย์ขรรค์เพชร ชายทวีป ได้ดาเนินโครงการผ่านศูนย์ช่วยเหลือ ประชาชนทางกฎหมาย (ศชปก.) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั อุบลราชธานี และสุดทา้ ยคือมหาวิทยาลยั ทกั ษิณ นาโดยอาจารยเ์ สาวนีย์ แกว้ จุลกาญจน์ นา กิจกรรมโครงการเขา้ สู่การเรียนการสอนวิชาสิทธิมนุษยชน จดั การประชุมกนั ระหว่างอาจารย์ 4 สถาบนั และผูป้ ระสานสถาบนั สิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย อยา่ งต่อเนื่อง นอกจากน้ี ยงั มีองคก์ รภาคประชาสังคม ในพ้ืนท่ีอย่าง ศูนย์พิทักษ์และฟื้ นฟูสิทธิชุมชนท้องถ่ิน องค์กรที่ช่วยเหลือ ชาวบา้ นและชุมชนในเรื่องกฎหมาย โดยเฉพาะคดีสิทธิมนุษยชน คดีป่ าไมท้ ี่ดิน ใหค้ าปรึกษาทางกฎหมายและช่วยเหลือดา้ นกระบวนการยตุ ิธรรม เขา้ มามีส่วน ร่วมในการแลกเปล่ียนประสบการณ์การทางานในช้ันศาล เติมประเด็นการ ละเมิดสิทธิมนุษยชนในพ้ืนท่ี ก่อเกิดเป็นพ้ืนที่แลกเปล่ียนประสบการณ์ทางาน โครงการ การเรียนการสอนวิชาสิทธิมนุษยชน และการแลกเปล่ียนทางวิชาการ ขนาดยอ่ มๆข้ึน เม่ือไดข้ อ้ สรุปว่า การดาเนินโครงการตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ภาคการศึกษา ของนกั ศึกษา กว็ างแผนการอบรมในแต่ละมหาวิทยาลยั ตามกรอบเง่ือนไขของ วิชา และภาคการศึกษา ส่วนใหญ่ วิชาสิทธิมนุษยชนน้ันจะสอนในภาค โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 9
การศึกษาท่ี 2 ซ่ึงโครงการ Court Watch ก็เร่ิมกิจกรรมอบรมเร่ือง “การ ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรม” หลงั จากเปิ ดภาค การศึกษาท่ี 2 นน่ั เอง 10 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
ตารางการจัดอบรมเรื่อง การตรวจสอบการละเมดิ สิทธิมนุษยชน ในกระบวนการยุติธรรม ลาดบั มหาวทิ ยาลยั จานวนผู้เข้า วนั ทจี่ ดั อบรม สถานที่ ร่วม 1 มหาวทิ ยาลยั 22 30 ตุลาคม – โรงแรมอิมพเี รียลเชียงใหม่ เชียงใหม่ 1 พฤศจิกายน สปอร์ตคลบั รีสอร์ท 64 อาเภอแม่ริม มหาวทิ ยาลยั 2552 จงั หวดั เชียงใหม่ 47 2 เชียงใหม่ และ 4–5 โรงแรมอิมพเี รียลเชียงใหม่ มหาวทิ ยาลยั 86 ธนั วาคม สปอร์ตคลบั 40 2553 อาเภอแม่ริม แม่ฟ้ าหลวง 30 33 20-21 จงั หวดั เชียงใหม่ 3 มหาวทิ ยาลยั พฤศจิกายน อุบลราชธานี อุบลน้าซบั รีสอร์ท 2553 อาเภอวารินชาราบ จงั หวดั อุบลราชธานี มหาวทิ ยาลยั 19 – 20 พฤศจิกายน 4 เชียงใหม่และ มหาวทิ ยาลยั แม่ฟ้ าหลวง มหาวทิ ยาลยั 2554 จงั หวดั เชียงราย แม่ฟ้ าหลวง 5 มหาวทิ ยาลยั 28 – 30 กิจตรงวลิ รีสอร์ท อาเภอเมือง อุบลราชธานี ตุลาคม 2554 จงั หวดั อุบลราชธานี 6 มหาวทิ ยาลยั 8-9 ธนั วาคม มหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี อุบลราชธานี 2555 ศิรินาถ การ์เดนท์ อาเภอเมือง 7 มหาวทิ ยาลยั เ 15 ธนั วาคม จงั หวดั เชียงใหม่ ชียงใหม่ 2555 โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 11
ลาดบั มหาวทิ ยาลยั จานวนผู้เข้า วนั ทจ่ี ัดอบรม สถานท่ี ร่วม 8 มหาวทิ ยาลยั 30 20-21 มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ ทกั ษิณ ธนั วาคม 2555 30 มหาวทิ ยาลยั แม่ฟ้ าหลวง จงั หวดั 9 มหาวทิ ยาลยั 22 ธนั วาคม เชียงราย แม่ฟ้ าหลวง 2555 ในปี 2552 เน้ือหาการอบรมจะมุ่งเน้นท่ีการทาความเขา้ ใจหลกั การ พิจารณาคดีอย่างเป็ นธรรม ท้งั ในระดบั ชาติและระดบั สากล การเสริมทกั ษะ การสืบคน้ ขอ้ เท็จจริงและการบนั ทึกขอ้ มูลเพื่อใชใ้ นกระบวนการตรวจสอบ การละเมิดสิทธิมนุษยชน และการเขา้ สงั เกตการณ์ในช้นั ศาล ในปี 2553-2554 มุ่งเนน้ การทาความเขา้ ใจประเด็นปัญหาการละเมิด สิทธิมนุษยชนในพ้นื ท่ี ดว้ ยการเชิญผถู้ ูกละเมิดตวั จริง มาใหค้ วามรู้ และฝึ กใหผ้ ู้ เขา้ อบรม ไดเ้ รียนรู้การสัมภาษณ์ เก็บขอ้ มูล และต้งั คาถามกบั สิ่งที่เกิดข้ึนกบั ความเป็นจริงในกระบวนการยตุ ิธรรม โดยไม่ทิ้งเน้ือหาสิทธิมนุษยชน หลกั การ พิจารณาคดีอย่างเป็ นธรรมและสิทธิในกระบวนการยุติธรรม เน้ือหาเชิง กฎหมาย อีกท้ังยงั พฒั นาแบบบันทึกการสังเกตการณ์คดีข้ึนมา เพ่ือให้ผู้ สงั เกตการณ์ไดน้ าไปใช้ ในปี 2555 มีการพฒั นาหลกั สูตรเพ่ือใหก้ ระชบั และนาไปใชไ้ ดจ้ ริงเม่ือ ไปสังเกตการณ์คดีในศาล เร่ิมด้วยการทบทวนความรู้ความเขา้ ใจเร่ืองสิทธิ มนุษยชนเบ้ืองต้นให้กับผู้เข้าอบรม เพ่ือเป็ นการเช่ือมโยงหลักการสิทธิ มนุษยชนพ้นื ฐาน ใหผ้ เู้ ขา้ ร่วมไดต้ ระหนกั ถึงความสาคญั กบั เร่ืองสิทธิมนุษยชน อธิบายหลกั การพิจารณาคดีท่ีเป็ นธรรมและสิทธิในกระบวนการยุติธรรม การ ใชแ้ บบบนั ทึกการสงั เกตการณ์คดี และการแนะนาการเตรียมตวั ไปศาล เมื่อผูส้ ังเกตการณ์ไดผ้ ่านการอบรมแลว้ ก็ถึงข้นั ตอนของการไปศาล นิสิต นกั ศึกษา จะไปสังเกตการณ์คดีตลอดภาคการศึกษาท่ี 2 คือในช่วงเดือน 12 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
ตุลาคม ถึง มีนาคม ระหว่างน้นั มีการติดตามการไปสังเกตการณ์คดีดว้ ยการจดั วงสนทนากับกลุ่มผู้ไปสังเกตการณ์คดี เพื่อให้ผู้ไปสังเกตการณ์เล่า ประสบการณ์ รวมถึงวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคในการเก็บขอ้ มูล จากน้ันก็ รวบรวมและวเิ คราะห์ขอ้ มูลจากรายงานการสงั เกตการณ์ของอาสาสมคั ร ปี 2552 จดั ทารายงานการบนั ทึกเรื่องเล่าและจดั ทาหนงั ส้นั เร่ือง“กระบวนการ ศาลในมุมมองของนกั สงั เกตการณ์” ปี 2553 ใชแ้ บบบนั ทึกการสงั เกตการณ์คดีที่พฒั นาจากขอ้ มูล ปี 2552 สถาบนั จานวนคดที เ่ี ข้าสังเกตการณ์ ม.เชียงใหม่ 374 ม.อบุ ลราชธานี 210 ปี 2554 ใชแ้ บบบนั ทึกการสงั เกตการณ์คดีท่ีพฒั นาจากแบบบนั ทึกในปี 2553 สถาบนั จานวนคดที เี่ ข้าสังเกตการณ์ ม.เชียงใหม่ 119 ม.แม่ฟ้ าหลวง 243 ม.อบุ ลราชธานี 97 ปี 2555 ใชแ้ บบบนั ทึกการสงั เกตการณ์คดี ร่วมกนั ที่พฒั นาจากแบบบนั ทึก ปี 2554 สถาบนั จานวนคดที เ่ี ข้าสังเกตการณ์ ม.เชียงใหม่ 285 ม.แม่ฟ้ าหลวง 235 ม.อุบลราชธานี 239 ม.ทกั ษณิ 177 โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 13
จดั เวทีสัมมนาวิชาการ “การเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการศาล ในมุมมองสิทธิมนุษยชน” เพื่อเผยแพร่ขอ้ มูลและประชาสัมพนั ธ์โครงการใน ระดบั มหาวทิ ยาลยั โดยมีรายละเอียดการจดั งานดงั ต่อไปน้ี วันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2553 การสัมมนาวิชาการ“การเรียนรู้และ สังเกตการณ์กระบวนการศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน” ณ ห้องประชุมช้นั 4 อาคารปฏิบตั ิการ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ในงานน้ีไดม้ ีการ เปิ ดวีดีทศั น์ เร่ือง“กระบวนการศาลในมุมมองของนกั สงั เกตการณ์” ที่จดั ทาโดย ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ นกั ศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ต่อมามีการ เสวนา “กระบวนการศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน” โดย อาจารยท์ ศพล ทรรศ นกุลพนั ธ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ คุณสุมิตรชยั หัตถสาร ผอู้ านวยการศูนยพ์ ิทกั ษแ์ ละฟ้ื นฟูสิทธิชุมชนทอ้ งถ่ิน คุณกฤษณ์พชร โสมณ วตั ร(ตัวแทนภาคเหนือ) และคุณอัญชนา หีมมิหน๊ะ (ตัวแทนภาคใต้) อาสาสมคั รผสู้ งั เกตการณ์คดี วนั ศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2555 ณ โรงแรมศิรินาถ การ์เดนท์ จงั หวดั เชียงใหม่ การสัมมนาเร่ือง “สิทธิในกระบวนการยตุ ิธรรม: หลกั การและความ เป็นจริง” ช่วงเชา้ มีการเสวนาเรื่อง “ความเป็นจริงในช้นั ศาล กบั การเขา้ ถึงสิทธิ ในกระบวนการยตุ ิธรรม” โดยผรู้ ่วมสัมมนา คือ คุณสืบสกุล กิจนุกร ตวั แทน ชาวบา้ น กรณีที่ดินจงั หวดั ลาพนู คุณพนู สุข พนู สุขเจริญ ทนายความดา้ นสิทธิ มนุษยชน ตวั แทนผชู้ ่วยทนายความจากสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ อาจารย์ สมบตั ิ วอทอง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั อุบลราชธานี ผูด้ าเนินรายการ อาจารยข์ รรคเ์ พชร ชายทวปี และอาจารยท์ ศพล ทรรศนกลุ พนั ธุ์ ช่วงบ่าย เป็นการนาเสนอผลงานนกั ศึกษาจากการเขา้ ร่วมโครงการ ใน หัวข้อ “ความเป็ นจริงในช้ันศาลจากการสังเกตการณ์ของนักศึกษา” โดย นกั ศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่, มหาวิทยาลยั อุบลราชธานี 14 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
และมหาวิทยาลยั แม่ฟ้ าหลวง และประมวลภาพรวมความเป็ นจริงในช้นั ศาล โดย รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกลุ ปิ ดทา้ ยดว้ ย การเสวนาเร่ือง “ความเป็ นจริงในช้นั ศาล กบั การปกป้ อง สิทธิมนุษยชน” โดย ประธานสภาทนายความเชียงใหม่, ผพู้ ิพากษา, อยั การ จงั หวดั , คุณสมชาย หอมลออ คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย เป็ นผรู้ ่วมเสวนา ส่วนผดู้ าเนินรายการคือ อาจารยด์ ามร คาไตรย์ และอาจารยโ์ ศภิต ชีวะพาณิชย์ มหาวิทยาลยั แม่ฟ้ าหลวง ในปี น้ีเอง ไดม้ ีกิจกรรมพานิสิตนกั ศึกษา ไปศึกษา พ้ืนท่ีและแลกเปล่ียนกระบวนการปฏิรูปท่ีดินกับ เครือข่ายปฏิรูปท่ีดินโดย ชุมชน หมู่บา้ นโป่ ง ตาบลแม่แฝก อาเภอสันทราย จงั หวดั เชียงใหม่ วนั เสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2555 วนั อาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ.2556 จดั กระบวนการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ประสบการณ์การสงั เกตการณ์คดีของแต่ละมหาวทิ ยาลยั และเตรียมความ พร้อมในการนาเสนอผลงานในวนั รุ่งข้ึน ระหวา่ ง ณ วีเทรน อินเตอร์เนชนั่ แนล เฮา้ ส์ เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร วันจันทร์ท่ี 27 พฤษภาคม พ.ศ.2556 การสัมมนาเวทีสาธารณะเรื่อง “คดีสิทธิมนุษยชน กรณีการพิจารณาคดีดว้ ยความเป็นธรรม” ช่วงเชา้ เป็นการ นาเสนอผลงานนกั ศึกษาจากการเขา้ ร่วมโครงการในหวั ขอ้ “ความเป็ นจริงใน ช้นั ศาลจากการสังเกตการณ์ของนกั ศึกษา” โดย นกั ศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ มหาวิทยาลยั อุบลราชธานี มหาวิทยาลยั แม่ฟ้ าหลวง และ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ และประมวลภาพรวมความเป็ นจริงในช้นั ศาล โดย รศ. สมชาย ปรีชาศิลปกุล ในช่วงบ่าย เสวนาเรื่อง “กระบวนการยุติธรรมกบั การ ปกป้ องสิทธิมนุษยชน” ผูร้ ่วมเสวนาคือ นายแพทยน์ ิรันดร์ พิทกั ษว์ ชั ระ คณะ กรรมสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, คุณไพโรจน์ พลเพชร คณะกรรมการปฏิรูป โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 15
กฎหมาย, ผูพ้ ิพากษา สราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสานกั งานศาลยุติธรรม, ทนายแสงชยั รัตนเสรีวงศ์ ตวั แทนจากสภาทนายความ และ ร.ต.ท.ดร.อุทยั อาทิ เวช อยั การผเู้ ช่ียวชาญพิเศษ ฝ่ ายคุม้ ครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ และ กล่าวปัจฉิมคาถา โดย ศ.ดร.คณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการปฏิรูป กฎหมาย เมื่อจดั กิจกรรมหลกั ของโครงการแลว้ สิ้น คณะทางานและตวั แทน นักศึกษาก็ร่วมกนั ถอดบทเรียน สรุปประสบการณ์การดาเนินโครงการ และ ร่วมกนั วางแผนการเพือ่ ดาเนินการในปี ต่อไป การจดั กระบวนการแลกเปลยี่ นเรียนรู้ประสบการณ์การสังเกตการณ์คดี วนั ท่ี 26 พฤษภาคม 2556 ณ วเี ทรน อนิ เตอร์เนช่ันแนลเฮ้าส์ กรุงเทพ 16 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
การสัมมนาเวทสี าธารณะเรื่อง “คดสี ิทธิมนุษยชน กรณกี ารพจิ ารณาคดดี ้วยความเป็ นธรรม” วนั จนั ทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2556 ณ สานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 17
แผนภาพ แสดงข้นั ตอนการดาเนินโครงการเรียนรู้และสังเกตการณ์ กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน ประสานกบั วางแผนรว่ มกนั มหาวทิ ยาลยั ระหวา่ ง มหาวทิ ยาลยั สรปุ ผลการ จดั อบรม ดาเนินงาน จดั สมั มนา นิสติ นกั ศกึ ษา วชิ าการรว่ มกนั ไปสงั เกตการ คดใี นศาล สรปุ ผลแบบ บนั ทกึ การ สงั เกตการณ์คดี 18 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
และต่อยอดสู่สังคม กระบวนการเรียนรู้และเขา้ ใจสิทธิมนุษยชน ดว้ ยการศึกษาจากของ จริง การปฏิบตั ิจริง เป็ นอีกส่วนของการศึกษา นอกเหนือจากการเรียนใน หอ้ งเรียน และการไปสมั ผสั คลุกคลีกบั สิ่งน้นั เป็นการทาใหเ้ ยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะนกั ศึกษาวิชานิติศาสตร์ ไดเ้ รียนรู้ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนใน กระบวนการยุติธรรม ท่ีเป็ นผลลพั ธ์ของโครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์ ทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch Program) นิสิต นกั ศึกษา กว่า 300 คน ท่ีผ่านกระบวนการในโครงการ และเขา้ ไปสงั เกตการณ์คดีกวา่ 2,000 คดี ส่งเสริมใหเ้ กิดการเรียนรู้และการต้งั คาถามกบั กระบวนการยุติธรรมตามหลักการพิจารณาคดีที่เป็ นธรรม และสิทธิใน กระบวนการยตุ ิธรรม ขอ้ คน้ พบจากการไปสงั เกตการณ์ท่ีผา่ นมา คือ การบริ หารงานยุติธรรมในศาล ท้ังเรื่ อง การบังคับใช้กฎ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั และการปฏิบตั ิหนา้ ที่ของเจา้ หนา้ ท่ีศาล ต่อบุคคลท่ีไปติดต่อ ราชการ เป็ นไปอย่างเลือกปฏิบตั ิและตอ้ งมีลกั ษณะเป็ นทางการเท่าน้ันจึงจะ สามารถเขา้ ประสานงานกบั ศาลได้ ปัญหาเร่ืองความไม่ตรงต่อเวลาในการพิจารณาคดีและการ พิจารณาคดีในคราวเดียวกนั จานวนองคค์ ณะของผูพ้ ิพากษาท่ีปรากฏขณะการ พจิ ารณาคดี ไม่เป็นไปตามหลกั การ ปัญหาเรื่องล่าม ท่ี ไม่มีการลงทะเบียน หรือรับรองล่ามภาษา พิเศษ เช่น ภาษาทอ้ งถ่ิน, ภาษามือ ส่งผลให้การพิจารณาคดีมีขอ้ จากดั และล่าชา้ ในการพิจารณาคดี ในประเด็นสิทธิในการเขา้ ถึงกระบวนยุติธรรม ระหว่างการ พิจารณาคดี พบวา่ บทบาทของทนายขอแรงไม่ใหค้ วามสนใจในคดีมากนกั ซ่ึง โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 19
ส่งผลเสียต่อจาเลย ในขณะที่บทบาทของผูพ้ ิพากษามกั จะใชอ้ านาจหน้าท่ีใน การบงั คบั กฎหมายอย่างเขม้ งวด โดยการใช้ดุลพินิจที่อิงตามหลักกฎหมาย มากกว่าหลกั ความเป็นจริงทางสงั คม มีลกั ษณะของการข่มขู่ และอคติต่อผตู้ อ้ ง สงสยั ในส่วนของการบนั ทึกขอ้ มูลในขณะสืบพยาน บางคร้ังไม่ได้ บนั ทึกขอ้ ความตามท่ีไดส้ ืบพยาน และประเด็นสุดทา้ ยคือ เร่ืองล่าม ท่ีศาลไม่มี การจดั หา กรณีท่ีมีล่ามกม็ กั เกิดปัญหาในการสื่อความและแปลความ การศึกษาของโครงการอาจเป็ นจานวนน้อย เม่ือเทียบกบั จานวนคดี ความที่เขา้ สู่ศาลท่ีปี หน่ึงๆ หากแต่สิ่งท่ีโครงการตอ้ งการส่ือสารคือ แมจ้ านวน เพียงนอ้ ยนิดจากการไปสังเกตการณ์คดีของนิสิต นกั ศึกษา แต่ก็สะทอ้ นใหเ้ ห็น ถึงความเป็นจริงที่เกิดข้ึนในช้นั ศาล กบั หลกั การที่ยงั ไม่สอดคลอ้ งกนั การสร้างกระบวนการสนทนากับองค์กรยุติธรรม ผ่านการจัดการ สัมมนาวิชาการ น้นั ถือเป็ นการส่งต่อขอ้ มูล และร่วมเรียนรู้กบั ความเป็ นจริงท่ี เกิดข้ึนในกระบวนการยตุ ิธรรม วา่ มีปัญหาอุปสรรคอยา่ งไร อีกท้งั ทางโครงการ มีความหวงั อยา่ งยิ่งว่าจะช่วยเป็นผบู้ นั ทึกปรากฏการณ์ท่ีเกิดข้ึนในศาลยตุ ิธรรม ท้งั ในด้านบวกและด้านลบ โดยหวงั ว่าเม่ือมีขอ้ มูลเหล่าน้ีเกิดข้ึนในสังคม องคก์ รที่มีส่วนในกระบวนการยตุ ิธรรมจะไดน้ าขอ้ สะทอ้ นของโครงการไปใช้ ในการปรับปรุงจุดดอ้ ย ให้กลายเป็ นจุดเด่น เพ่ือเป้ าหมายในการปกป้ องสิทธิ เสรีภาพของประชาชนในอนาคต 20 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
2 ภาพรวมของโครงการ Court Watch พ.ศ. 2556 บทนา โครงการการเรี ยนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมอง สิ ทธิมนุษยชนเป็ นส่ วนหน่ึงของความพยายามต่อการทาความเข้าใจ กระบวนการในช้ันศาลท่ีปรากฏในความเป็ นจริง ซ่ึงในระบบการศึกษา กฎหมายในสงั คมไทยส่วนใหญ่จะเนน้ ท่ีการศึกษาในบทบญั ญตั ิของกฎหมายท่ี แม้อาจทาให้เขา้ ใจถึงโครงสร้างและระบบของกระบวนการในช้ันศาล แต่ การศึกษาในลกั ษณะดงั กล่าวไม่อาจทาให้เขา้ ใจถึงปรากฏการณ์ท่ีเกิดข้ึนจริง และกลายเป็นปัญหาอยา่ งสาคญั ท่ีถูกวพิ ากษว์ จิ ารณ์กนั อยา่ งกวา้ งขวาง ในระยะตน้ สถาบนั สิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (AIHR) เป็ นองคก์ รท่ี ริ เริ่ มโครงดังกล่าวด้วยการนาเสนอและแลกเปลี่ ยนความเห็ นกับ สถาบนั การศึกษาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงสถาบนั การศึกษาที่อยู่นอกพ้ืนที่ กรุงเทพฯ ซ่ึงไดร้ ับความร่วมมือจากสถาบนั การศึกษาต่างๆ เป็นอยา่ งดีนบั ต้งั แต่ พ.ศ. 2551 เป็นตน้ มา สาหรับโครงการการเรียนรู้และสงั เกตการณ์กระบวนการ ทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชนประจาปี 2556 มี 4 สถาบนั การศึกษาเขา้ ร่วม คือ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย อุบลราชธานี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ และสานักวิชานิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั แม่ฟ้ าหลวง เป้ าหมายหลกั ของโครงการน้ีก็เพ่ือทาให้ผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการซ่ึงส่วน ใหญ่เป็ นนกั ศึกษาทางดา้ นกฎหมาย และนกั ศึกษาทางดา้ นอ่ืนๆ สามารถเขา้ ใจ ถึงกระบวนการทางศาลท่ีเกิ ดข้ ึนจริ งโดยพิจารณาจากมุมมองทางด้านสิ ทธิ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 21
มนุษยชน ในการสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลจะเริ่มตน้ จากการจดั อบรม ใหแ้ ก่นกั ศึกษาท่ีเขา้ ร่วมโครงการ โดยมีเน้ือหาท่ีสาคญั 2 ส่วน คือ ส่วนที่หน่ึง เน้ือหาของการอบรมจะประกอบไปดว้ ยการทบทวนถึง กระบวนการทางานและขอบเขตอานาจหนา้ ที่ขององคก์ รต่างๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง เพื่อ ทาความเขา้ ใจเบ้ืองตน้ เก่ียวกบั ข้นั ตอนของกระบวนการทางศาล และจะมีการ อธิบายถึงแนวคิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการทางศาลจากผูม้ ีความรู้และ ประสบการณ์จากการปฏิบตั ิงานจริง ซ่ึงเน้ือหาในส่วนน้ีจะทาให้ผูเ้ ขา้ ร่วม โครงการสามารถที่จะทาความเขา้ ใจกบั หลกั การพ้ืนฐานทางการกระบวนการ ทางศาลและแนวความคิดสิทธิมนุษยชน เน้ื อหาส่ วนที่ส่ วนสอง เน่ื องจากการโครงการน้ี จะเป็ นการ สังเกตการณ์ในช้นั ศาลดว้ ยการใชแ้ บบสารวจ (Checklist) ซ่ึงมีท้งั แบบท่ีเป็ น คาตอบใหเ้ ลือกและแบบปลายเปิ ด จึงตอ้ งมีการทาความเขา้ ใจกบั แบบสารวจท่ี ทางผดู้ าเนินโครงการไดจ้ ดั ทาเอาไวเ้ ป็ นเคร่ืองมือไวใ้ ห้ โดยสถาบนั การศึกษา ท้งั หมดท่ีเขา้ ท้งั หมดจะใชแ้ บบสารวจชุดเดียวกนั ในโครงการ อนั จะทาให้ผล ของการสารวจมีโครงสร้างของคาถามและคาตอบในลกั ษณะเช่นเดียวกนั ผลการสังเกตการณ์ ในโครงการของช่วงปี 2555 – 2556 มีสถาบนั การศึกษา 4 แห่งเขา้ ร่วม คือ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ มหาวิทยาลยั อุบลราชธานี และสานกั วิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั แม่ฟ้ าหลวง พ้ืนที่ท่ีใชใ้ น การสงั เกตการณ์จะอยใู่ นเขตจงั หวดั ซ่ึงเป็นที่ต้งั ของสถาบนั การศึกษาแต่ละแห่ง สาหรับในส่วนของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ เนื่องจากนกั ศึกษาท่ีเขา้ 22 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
ร่วมโครงการมีภูมิลาเนาในพ้ืนท่ี 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ทาให้จะมีแบบ สารวจจานวนหน่ึงท่ีไดท้ าในพ้ืนที่นอกเขตจงั หวดั สงขลา ลกั ษณะของคดีที่เขา้ สังเกตการณ์มีท้งั สิ้น 936 คร้ัง ซ่ึงประกอบดว้ ยท้งั คดีแพ่งและคดีอาญา แต่คดีส่วนมากในการสังเกตการณ์จะเป็ นคดีอาญาโดยมี จานวนต้งั แต่ 68 ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุส่วนหน่ึงมาจากสมมติฐานว่าการ ละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนน่าจะปรากฏชัดเจนในคดีอาญามากกว่าคดีทางแพ่ง อยา่ งไรกต็ าม จานวนของคดีข้ึนอยปู่ ระเภทของคดีที่ไดด้ าเนินการในช้นั ศาลใน ขณะน้นั ซ่ึงเป็นปัจจยั ท่ีอยนู่ อกเหนือการควบคุมของโครงการน้ี โดยในจานวน คดีที่เขา้ สังเกตการณ์จะพบว่าคดีที่มีเป็นจานวนมากใน 3 ลาดบั แรกของทุกแห่ง จะอย่ใู นกลุ่มของคดีทางดา้ นยาเสพติด ความผิดต่อทรัพยแ์ ละความผิดต่อชีวิต และร่างกาย ท้งั น้ีในรายงานการเรียนรู้และสังเกตการณ์ทางช้นั ศาลในมุมมองสิทธิ มนุษยชนจะประกอบไปดว้ ย 3 ประเด็นสาคญั การเขา้ บริเวณพ้ืนท่ีศาล การเขา้ ห้องพิจารณาคดี หลกั การพิจารณาอยา่ งเป็ นธรรม ซ่ึงในประเด็นสุดทา้ ยจะได้ แบ่งออกเป็ นบทบาทของผูพ้ ิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา บทบาทของผูพ้ ิพากษาและองคค์ ณะ บุคคลที่มีขอ้ จากดั ในการสื่อสาร บทบาทของอยั การหรือทนายฝ่ ายโจทก์ บทบาทของทนายฝ่ ายจาเลย 1. การเข้าบริเวณพนื้ ทศ่ี าล จากขอ้ มูลของแบบสารวจพบว่าการปฏิบตั ิงานของเจา้ หนา้ ท่ีต่อบุคคล ท่ีมาติดต่อและเขา้ ยงั สถานที่บริเวณศาลดาเนินไปโดยไม่ปรากฏการเลือกปฏิบตั ิ อย่างชดั เจน จะมีการตรวจคน้ และผ่านเคร่ืองตรวจคน้ ก่อนเขา้ สู่บริเวณพ้ืนท่ี ด้านในของศาล ผูส้ ังเกตการณ์แม้ไม่ได้แต่งกายในชุดนักศึกษาก็ได้รับการ ปฏิบตั ิโดยไม่มีความแตกต่าง แม้ว่าอาจมีในบางแห่งที่จะปรากฏการเลือก ปฏิบตั ิระหว่างประชาชนทว่ั ไปกบั บุคคลที่มีเคร่ืองแบบ ไม่ว่าจะเป็ นนกั ศึกษา โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 23
ทนายความ หรื อข้าราชการ แต่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญ แต่มี ขอ้ สงั เกตวา่ ในบางแห่งอาจจะมีการตรวจอยา่ งเขม้ งวดกบั กลุ่มชาติพนั ธ์มากกวา่ ปกติ รวมท้งั ในบริเวณพ้ืนท่ีศาลก็จะมีการจัดทาส่ือประชาสัมพนั ธ์และ จดั เตรียมขอ้ มูลในหลากหลายรูปแบบเพื่ออานวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ ไปติดต่อ อยา่ งไรก็ตาม มีปัญหาบางประการเกิดข้ึน เช่น มีการจดั เตรียมเครื่อง คอมพิวเตอร์ไวแ้ ต่ไม่ไดเ้ ปิ ดเคร่ืองไว้ มีเสียงตามสายแต่คุณภาพของเสียงไม่ ชดั เจนทาใหไ้ ม่สามารถรับฟังไดอ้ ยา่ งชดั เจน 2. การเข้าห้องพจิ ารณาคดี ตามหลกั การของกระบวนการพิจารณาคดีในช้นั ศาลประการหน่ึงคือ ตอ้ งเปิ ดเผยต่อสาธารณะ อยา่ งไรก็ตาม เม่ือผสู้ ังเกตการณ์เขา้ สู่หอ้ งพิจารณาคดี ในแทบทุกแห่งจะพบว่าเจา้ หนา้ ที่ศาลจะทาการสอบถามว่าเป็นใครและมีความ เก่ียวขอ้ งกบั คดีอยา่ งไร โดยมีสดั ส่วนคิดเป็นต้งั แต่ 20 – 40 เปอร์เซ็นต์ แมว้ า่ จะ ไม่ไดห้ ้ามผูส้ ังเกตการณ์แต่ก็อาจสะทอ้ นให้เห็นถึงสภาวะทวั่ ไปที่จะไม่ค่อยมี บุคคลภายนอกเขา้ มาร่วมรับฟังการพิจารณาคดีในช้นั ศาลแต่อย่างใด ในบาง แห่งก็มีการต้งั คาถามถึงวตั ถุประสงคข์ องการมาเขา้ ฟังและไม่อนุญาตให้เขา้ สังเกตการณ์ดว้ ยท่าทีที่สะทอ้ นให้เห็นถึงความไม่เขา้ ใจต่อหลกั การเรื่องการ พิจารณาคดีท่ีต้องเปิ ดเผยต่อสาธารณะโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเจ้าหน้าที่ท่ี ปฏิบตั ิงานอยู่ในห้องพิจารณาคดีที่ดูเหมือนจะมีความไม่เขา้ ใจถึงหลักการ พิจารณาที่ตอ้ งเปิ ดเผยต่อสาธารณะ อยา่ งไรกต็ าม หากแสดงตนวา่ เป็นนกั ศึกษา กจ็ ะไดร้ ับอนุญาตใหส้ ามารถเขา้ ฟังได้ สาหรับการแต่งกาย การปฏิบตั ิตวั ในห้องพิจารณาคดี จะมีการจดั ทา ป้ ายบอกไวอ้ ยา่ งชดั เจนถึงขอ้ หา้ มในการกระทาลกั ษณะต่างๆ รวมท้งั เจา้ หนา้ ท่ี ศาลเองกไ็ ดม้ ีการแจง้ ดว้ ยวาจาอีกคร้ังหน่ึงในเร่ืองของการปฏิบตั ิต่างๆ 24 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
ตัวอย่างป้ ายหน้าห้องพจิ ารณาคดี ขอ้ สังเกตประการสาคญั ก็คือ จะพบป้ ายหนา้ ห้องพิจารณาคดีที่เขียน ในลกั ษณะวา่ เป็นพ้ืนท่ีหวงหา้ มซ่ึงจะเขา้ ไดเ้ ฉพาะบุคคลที่ไดร้ ับอนุญาตเท่าน้นั เช่น เขตหวงห้ามเฉพาะ เฉพาะเจา้ หนา้ ที่ เป็ นตน้ แต่ป้ ายดงั กล่าวจะไม่ไดต้ ิด เอาไวใ้ นทุกหอ้ งพิจารณาคดี จากแบบสารวจพบว่าโดยมีสัดส่วนเป็นจานวนถึง 40 เปอร์เซ็นต์ การติดป้ ายท่ีมีขอ้ ความในลกั ษณะดงั กล่าวน้ีอาจเป็ นส่ิงท่ีทาให้ เกิดความเขา้ ใจไดว้ ่าบุคคลท่ีจะเขา้ ฟังการพิจารณาคดีไดน้ ้นั ตอ้ งไดร้ ับอนุญาต จากเจา้ หนา้ ที่อยา่ งเป็นทางการก่อน และมีผลใหญ้ าติของจาเลยบางคนไม่อยาก เขา้ ไปในหอ้ งพจิ ารณาคดีแมว้ า่ จะมาอยใู่ นบริเวณศาลกต็ าม 3. หลกั การพจิ ารณาคดอี ย่างเป็ นธรรม 3.1 บทบาทของผู้พิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา ในกรณีท่ีจาเลยไม่มีทนายความ ขอ้ มูลการสารวจพบว่ามีจานวน 5 ถึง 18 เปอร์เซ็นต์ที่ศาลไม่ได้ต้งั ทนายความขอแรงให้กับจาเลย ขอ้ มูลของทุก จงั หวดั มีขอ้ มูลต่ากวา่ 5 เปอร์เซ็นตท์ ่ีศาลไม่ไดส้ อบคาใหก้ ารของจาเลย (ไม่ว่า รับสารภาพหรือปฏิเสธ) ก่อนการพิจารณาคดี และในการบนั ทึกคาใหก้ ารของ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 25
จาเลยไม่ตรงกบั คาเบิกความของพยานพบว่ามีสัดส่วนไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ยกเวน้ จงั หวดั อุบลราชธานีที่ผูส้ ังเกตการณ์บนั ทึกไว้ 16 เปอร์เซ็นต์ นับเป็ น จานวนท่ีสูงที่สุด อย่างไรก็ตาม พบว่าศาลส่วนใหญ่ได้เปิ ดโอกาสให้มีการ ตรวจสอบคาให้การและโต้แยง้ เน้ือหาที่ได้บนั ทึกไวก้ ่อนที่จะมีการลงนาม รับรอง สาหรับการสาบานตนก่อนการสืบพยานพบว่าศาลไม่ได้มีคาสั่งให้ สาบานตนต้งั แต่ 5 ถึง 33 เปอร์เซ็นต์ อีกท้งั ในการนาสาบานตนก็ประกอบไป ดว้ ยเจา้ หนา้ ท่ีศาล ทนายความ ล่าม อยั การ การสาบานตนจึงไม่เป็นการปฏิบตั ิที่ ชดั เจนวา่ บุคคลใดตอ้ งทาหนา้ ท่ีในการนาสาบาน 3.2 บทบาทของผู้พพิ ากษาและองค์คณะ ในการทาหน้าขององค์คณะผูพ้ ิพากษาจะพบปัญหาสาคัญก็คือ ผู้ พิพากษาไม่ครบองคค์ ณะต้งั แต่เริ่มตน้ การพิจารณาจนจบ โดยมีเปอร์เซ็นตอ์ ยู่ ในระดับที่สูงประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นในพ้ืนที่ภาคใต้ที่มีจานวนผู้ พพิ ากษาครบองคค์ ณะในการพจิ ารณาคดีต่ากวา่ ท่ีอื่นๆ นอกจากน้นั เวลาเร่ิมการ พิจารณาก็ไม่เป็นไปตามกาหนดการซ่ึงพบว่าในพ้ืนที่จงั หวดั เชียงใหม่มีคดีเริ่ม ตรงเวลาเพียง 11 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การสารวจที่อุบลราชธานีตรงเวลามากที่สุด เป็นจานวน 59 เปอร์เซ็นต์ ในบางแห่งเจา้ หนา้ ท่ีศาลจะรอใหท้ ุกฝ่ ายมาพร้อมกนั แลว้ จึงโทรศพั ทแ์ จง้ ผพู้ พิ ากษาใหม้ าท่ีหอ้ งพจิ ารณา สาหรับการปฏิบตั ิหน้าที่ของผูพ้ ิพากษาท่ีร่วมเป็ นองคค์ ณะพิจารณา พบว่าผพู้ ิพากษาส่วนใหญ่มีสมาธิต่อในระหว่างการปฏิบตั ิหนา้ ท่ี โดยการหยิบ สานวนคดีอ่ืน การนงั่ เหม่อลอย หรือเล่นโทรศพั ทม์ ือถือระหว่างการพิจารณา คดี มีขอ้ มูลปรากฏเป็ นจานวนน้อย อย่างไรก็ตาม พบว่าจะไม่ค่อยปรากฏ บทบาทของผพู้ ิพากษาที่ร่วมเป็นองคค์ ณะในการร่วมซกั ถามเพ่ิมเติมในระหวา่ ง การสืบพยาน 26 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
สาหรับการปฏิบตั ิหนา้ ที่ซ่ึงอาจมีผลเป็นการจูงใจใหจ้ าเลยรับสารภาพ ไม่ว่าจะโดยการหว่านล้อมหรื ออธิ บายถึงผลของคาพิพากษาหากจาเลยรั บ สารภาพ เช่น “หากฝื นสู้คดีต่อศาลจะไม่รอลงอาญาและจะพิจารณาลงโทษ หนกั ”, บอกฝ่ ายทนายจาเลยว่า “หากยงั ฝื นต่อสู้ ศาลจะไม่รอลงอาญาและจะ พิพากษาลงโทษหนัก เพราะเพียงแค่ดูจากพยานเอกสารก็สามารถลงโทษได้ ทนั ทีเลยโดยไม่จาตอ้ งมีการสืบพยานกไ็ ด”้ เป็นตน้ แมจ้ ะพบวา่ มีอยเู่ ป็นจานวน นอ้ ย แต่ก็เป็ นการกระทาที่จะมีผลอย่างสาคญั ต่อการตดั สินใจในการสู้คดีของ ทางฝ่ ายจาเลย อยา่ งไรก็ตาม การกระทาในลกั ษณะดงั กล่าวในกรณีของจงั หวดั อุบลราชธานีซ่ึงพบว่ามีการอธิบายถึงผลของคาพิพากษาเพื่อชกั จูงจาเลยสูงถึง 28 เปอร์เซ็นต์ อนั เป็นขอ้ มูลท่ีแตกต่างจากจงั หวดั อ่ืนๆ อยา่ งสาคญั ในการวางตัวเป็ นกลางเพ่ือให้จาเลยได้มีโอกาสต่อสู้หักล้าง พยานหลกั ฐานต่างๆ อย่างเท่าเทียมกบั โจทก์ พบว่าตวั เลขโดยเฉลี่ยจะอยู่ใน ระดบั ที่มากกวา่ 60 เปอร์เซ็นต์ แมว้ ่าจะเป็นจานวนที่มากแต่ในขณะเดียวกนั ก็มี ข้อมูลแสดงให้เห็นถึงการไม่เปิ ดโอกาสอย่างเต็มที่แก่ฝ่ ายจาเลยสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ในจงั หวดั อุบลราชธานีและเชียงราย และพบว่าในศาลทุกแห่งจะ ปรากฏการพิจารณาคดีซ้าซ้อนในห้องพิจารณาคดีเดียว โดยมีการดาเนิน กระบวนพิจารณาคดีหลายคดีควบคู่กนั ไปในขณะเดียวกนั เกิดข้ึน บางแห่งที่ การพิจารณาคดีถึง 3 คดีพร้อมกนั ไป บางแห่งขณะท่ีกาลงั มีอ่านคาพิพากษาใน คดีหน่ึงอยู่ อีกคดีหน่ึงก็ดาเนินการสอบพยาน แมส้ ัดส่วนของตวั เลขจะอย่ใู น ระดบั ที่ต่าแต่กน็ ่ากงั วลวา่ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีในลกั ษณะเช่นน้ีอาจมีผลโดยตรงต่อ การอานวยความยตุ ิธรรมใหบ้ งั เกิดข้ึน นอกจากน้ียงั ปรากฏข้อมูลว่าผู้พิพากษาพยายามที่จะเร่ งรัดการ พิจารณาโดยรวบรัดประเด็นท่ีแมอ้ าจเป็ นประโยชน์กบั ทางฝ่ ายจาเลย ซ่ึงมี ขอ้ มูลแสดงต้งั แต่ 6 เปอร์เซ็นต์ ถึง 33 เปอร์เซ็นต์ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 27
ขอ้ สังเกตประการหน่ึงกค็ ือจะพบว่ามีการแสดงออกของผพู้ ิพากษาใน การส่ังสอนถึงบาปบุญปรากฏอยู่เป็ นจานวนไม่น้อย ท้งั น้ีมีตวั เลขต้งั แต่ 16 จนกระทง่ั 44 เปอร์เซ็นต์ อนั นบั วา่ เป็นขอ้ มูลท่ีมากมิใช่นอ้ ยและอาจสะทอ้ นให้ เห็นถึงบทบาทของผูพ้ ิพากษาท่ีเหล่ือมๆ กับการปกป้ องคุณงามดีทางด้าน ศีลธรรม 3.3 บุคคลทมี่ ขี ้อจากดั ในการสื่อสาร บท บา ทขอ ง ศ า ล ใ น ก ร ณี ที่ จ า เ ล ย มี ข้อ จ า กัดใน ก า ร ส่ื อ ส า ร ซ่ึ ง จ ะมี สัดส่วนเป็ นจานวนที่ไม่มาก พบว่าผูพ้ ิพากษาไดม้ ีการสอบถามและจดั หาล่าม ให้แก่จาเลย ในกรณีท่ีเป็ นภาษา “สากล” เช่น องั กฤษ ญี่ป่ ุน ฝรั่งเศส ฯ อาจ สามารถจดั หาล่ามท่ีมีความรู้มาเป็นผดู้ าเนินการได้ อยา่ งไรก็ตาม ความยงุ่ ยากที่ เกิดข้ึนจะเป็นปัญหากบั กลุ่มชาติพนั ธ์ซ่ึงไม่มีการข้ึนทะเบียนเป็นล่ามไวก้ บั ศาล ทาใหม้ ีการนาบุคคลอื่นซ่ึงถูก “เขา้ ใจ” ว่าเป็นผมู้ ีความรู้ท้งั ภาษาไทยและภาษา เฉพาะของกลุ่มชาติพันธ์ แต่ไม่มีหลักฐานใดปรากฏชัดเจนยืนยันถึง ความสามารถดงั กล่าว ไม่ว่าจะเป็ นนักโทษ ญาติของจาเลย เป็ นตน้ อนั ไม่มี หลกั ประกนั ใดวา่ บุคคลเหล่าน้ีจะสามารถส่ือสารความหมายท่ีจาเลยตอ้ งการจะ ส่ือออกมาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและตรงกบั ความหมาย นอกจากน้ีจะปรากฏปัญหาในกรณีที่บุคคลน้นั ฟังภาษาไทยไดแ้ ต่ไม่ สามารถส่ือสารไดอ้ ย่างดี หรือเป็ นบุคคลที่สามารถฟังภาษาไทยกลางได้แต่ สื่อสารเป็ นภาษาท้องถ่ิน เช่น ภาษาคาเมือง และไม่ได้มีการใช้ล่ามในการ แ ป ล ภ า ษ า ซ่ึ ง อ า จ ท า ใ ห้ ผู้พิ พ า ก ษ า ที่ ไ ม่ ไ ด้มี ค ว า ม รู้ ภ า ษ า ท้อ ง ถิ่ น ไ ม่ เ ข้า ใ จ ความหมายที่จาเลยอธิบายมาอยา่ งแทจ้ ริง 3.4 บทบาทของอยั การหรือทนายฝ่ ายโจทก์ การปฏิบตั ิหน้าท่ีของอยั การหรือทนายฝ่ ายโจทก์พบว่าจะมีจานวน ต้งั แต่ 27 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ที่มาห้องพิจารณาไม่ตรงเวลา ในแง่น้ีการเริ่มการ 28 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
พิจารณาคดีที่ไม่ตรงเวลาของศาลจึงไม่ใช่เพียงเฉพาะผูพ้ ิพากษาเท่าน้นั หาก บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนพิจารณาคดีในศาลมีแนวโน้มที่จะไม่ให้ ความสาคญั กบั เวลาอยา่ งจริงจงั ในระหวา่ งการพิจารณาคดี อยั การหรือทนายฝ่ ายโจทกม์ ีการแสดงท่าที อนั เป็นการเหยยี ดหยามหรือละเมิดสิทธิมนุษยชนของฝ่ ายตรงขา้ มในระดบั ที่ต่า โดยมีจานวน 1 ถึง 8 เปอร์เซ็นตเ์ ท่าน้นั แมจ้ ะแสดงให้เห็นบทบาทในดา้ นบวก ของอยั การหรือทนายฝ่ ายโจทก์ แต่หากพิจารณาขอ้ มูลถึงความใส่ใจในคดีของ อัยการหรื อทนายฝ่ ายโจทก์ก็จะพบว่ามีอยู่ในระดับประมาณ 43 ถึง 62 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณคร่ึงหน่ึงเท่าน้ัน นอกจากน้นั ก็ยงั พบว่าอยั การหรือ ทนายฝ่ ายโจทก์ทากิจกรรมอื่นๆ ในขณะที่มีการพิจาณาคดี เช่น การใช้ โทรศพั ทม์ ือถือ การเดินเขา้ ออกห้องพิจารณา บางคดีได้มีขอ้ มูลว่าอยั การนั่ง หลับ รวมถึงการสลับไปทาหน้าที่ในอีกคดีในห้องพิจารณาอ่ื นซ่ึงเป็ น ขอ้ เท็จจริงท่ีมีให้เห็นอย่างบ่อยคร้ัง โดยมีขอ้ มูลต้งั แต่ 7 ถึง 23 เปอร์เซ็นต์ จึง เป็ นประเด็นให้ต้งั คาถามไดว้ ่าการปฏิบตั ิหน้าท่ีในลกั ษณะเช่นน้ีจะสามารถ เอ้ืออานวยความยตุ ิธรรมไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพแบบที่ควรจะเป็นหรือไม่ 3.5 บทบาทของทนายฝ่ ายจาเลย ในการปฏิบตั ิหน้าที่ของทนายฝ่ ายจาเลยพบว่าจะมีความตรงต่อเวลา มากกว่าอยั การหรือทนายฝ่ ายโจทก์ แต่ก็ยงั คงมีส่วนที่ไม่ตรงต่อเวลาอยู่ โดยมี สดั ส่วนต้งั แต่ 17 ถึง 27 เปอร์เซ็นต์ และการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีในหอ้ งพิจารณาคดีที่มี ลกั ษณะเป็นการเหยยี ดหยามอีกฝ่ ายกอ็ ยใู่ นระดบั ที่ต่า ในระหวา่ งการพิจารณาคดี ทนายฝ่ ายจาเลยมีการแสดงออกถึงความใส่ ใจต่อการดาเนินคดีในสัดส่วนท่ีใกลเ้ คียงกบั อยั การหรือทนายฝ่ ายโจทก์ ขอ้ มูล อยู่ระหว่าง 43 ถึง 58 เปอร์เซ็นต์ และในระหว่างพิจารณาคดีทนายจาเลยก็ทา กิจกรรมอื่นๆ เช่นกนั ไม่ว่าการใชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือ การเดินเขา้ ออกหอ้ งพิจารณา โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 29
อย่างไรก็ตาม การสลบั ไปทาหน้าที่ในห้องพิจารณาคดีอื่นมีปรากฏให้เห็นใน อัตราส่วนท่ีต่า ต้ังแต่ 0.8 ถึง 9 เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นที่เชียงรายซ่ึงมีจานวน ทนายความปฏิบัติหน้าที่สลับไปมาให้เห็นถึง 25 เปอร์เซ็นต์ แตกต่างจาก จงั หวดั อ่ืนอยา่ งมีนยั ยะสาคญั บทสรุป เน่ืองจากกระบวนการพิจารณาคดีในช้ันศาลเป็ นข้นั ตอนหน่ึงที่มี ความสาคญั ต่อการวินิจฉยั ช้ีขาดและส่ังลงโทษบุคคล กฎหมายที่บญั ญตั ิข้ึนเพ่ือ รองรับกระบวนการดงั กล่าวแมจ้ ะมุ่งท่ีจะทาใหส้ ามารถคน้ หาผกู้ ระทาความผิด แต่ในขณะเดียวกนั ก็ตอ้ งคุม้ ครองบุคคลจากการถูกตดั สินลงโทษอย่างไม่ชอบ ธรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการกระทาอนั เป็ นการละเมิดหลกั การสิทธิ มนุษยชน ในการศึกษาทางดา้ นกฎหมายของสังคมไทยโดยส่วนใหญ่มกั จะเป็ น การศึกษาจากบทบญั ญตั ิในกฎหมาย การศึกษาในลกั ษณะเช่นน้ีแมจ้ ะสามารถ ทาให้ผูเ้ รียนเข้าใจถึงเน้ือหาและขอบเขตของกฎหมายอย่างชัดเจน แต่ก็มี ขอ้ จากดั ท่ีอาจทาให้ไม่สามารถเขา้ ถึงความเป็ นจริงที่ปรากฏข้ึนอยู่ซ่ึงอาจมี ความแตกต่างไปอยา่ งมีนยั สาคญั ผลของโครงการเรียนรู้และสังเกตการณ์ทางช้นั ศาลในมุมมองสิทธิ มนุษยชนทาใหเ้ กิดกระบวนการเรียนรู้ของนกั ศึกษาในสภาพความเป็นจริง และ ทาใหพ้ บเห็นถึงอุปสรรคของกระบวนพิจารณาคดีในช้นั ศาลท่ีอาจไม่ไดเ้ ป็นไป ตามท่ีบทบญั ญตั ิของกฎหมายไดบ้ ญั ญตั ิเอาไว้ หรือรวมท้งั อาจเป็นปรากฏการณ์ ที่ไม่มีกฎหมายใดรองรับไวเ้ ลย และอาจเป็ นส่ิงที่เป็ นอุปสรรคต่อการอานวย ความยุติธรรมให้บงั เกิดข้ึน ขอ้ มูลจากการสังเกตการณ์ทางช้นั ศาลนอกจากจะ 30 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
เป็นประโยชนต์ ่อกระบวนการเรียนรู้ของนกั ศึกษากฎหมายแลว้ ขอ้ มูลที่ไดม้ าก็ อาจช่วยสะทอ้ นให้เห็นถึงความบกพร่องที่ปรากฏอยู่ในกระบวนการทางช้นั ศาล อน่ึง โครงการเรียนรู้และสังเกตการณ์ทางช้ันศาลในมุมมองสิทธิ มนุษยชนน้ีตอ้ งการแสดงใหเ้ ห็นถึงปรากฏการณ์ของกระบวนการในช้นั ศาลที่ เกิดข้ึนในพ้ืนที่ที่ไดม้ ีการสังเกตการณ์เท่าน้นั ซ่ึงในพ้ืนที่อ่ืนก็อาจมีลกั ษณะท่ี คลา้ ยหรือแตกต่างไปจากปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนจากการสารวจในโครงการน้ี ขอ้ มูลที่นามาเสนอจึงเป็ นเพียงภาพสะท้อนส่วนหน่ึงของปรากฏการณ์การ พิจารณาในช้นั ศาลท่ีอาจช่วยสะทอ้ นภาพความเป็ นจริงบางส่วนที่กาลงั เกิดข้ึน ซ่ึงจะสามารถนาไปเป็ นแนวทางต่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้มี ประสิทธิภาพไดม้ ากยงิ่ ข้ึน โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 31
3 ผลการสังเกตการณ์ของมหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ บทนา ในการดาเนินโครงการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลใน มุมมองสิ ทธิมนุษยชน ในปี 2555-2556 ท า ง ค ณ ะ นิ ติ ศ า ส ต ร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ไดใ้ ห้นกั ศึกษาผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการสังเกตการณ์คดีเขา้ ไป สังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในศาลจงั หวดั เชียงใหม่ ศาลแขวงเชียงใหม่ และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวดั เชียงใหม่ โดยใช้แบบบนั ทึกการเขา้ สังเกตการณ์คดี จานวน 320 ชุด และนักศึกษาผูส้ ังเกตการณ์ได้เขา้ ไป สงั เกตการณ์คดีจานวน 285 คดี ซ่ึงจาแนกเป็นคดีอาญา 218 ชุด คิดเป็นร้อยละ 68.1 คดีแพง่ 94 ชุด คิดเป็นร้อยละ 29.4 และคดีอื่นๆ เช่น คดีผบู้ ริโภค 8 ชุด คิด เป็นร้อยละ 2.5 โดยพบวา่ คดีท่ีเขา้ สงั เกตการณ์เป็นจานวนมากใน 3 ลาดบั แรก คือ ความผิดเก่ียวกบั ทรัพย์ ความผิดตามพระราชบญั ญตั ิยาเสพติดใหโ้ ทษ และ ความผดิ ทางแพง่ จากการเขา้ ร่วมสังเกตกระบวนการพิจารณาของศาล โดยนักศึกษา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ พบว่ามีอุปสรรคในทางปฏิบตั ิในการ รับรองสิทธิมนุษยชนของจาเลย ในกระบวนการยตุ ิธรรมในช้นั ศาลจานวนไม่ นอ้ ย ซ่ึงสามารถสรุปตามข้นั ตอนการพิจารณาคดีได้ ดงั น้ี 32 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
ผลการสังเกตการณ์ 1. การเข้าบริเวณพนื้ ทศี่ าล การเข้าไปสังเกตการณ์พิจารณาของศาลน้ัน อุปสรรคแรกที่เป็ น อุปสรรคในการขดั ขวางการเขา้ ถึงกระบวนการพิจารณาคดีในช้นั ศาลน้นั คือ “ระบบการรักษาความปลอดภัยในศาล” การจะเขา้ ไปในศาลไดจ้ ะตอ้ งมีการ แลกบตั รประชาชนและตรวจคน้ อาวุธโดยเจา้ หนา้ ท่ีรักษาความปลอดภยั ของ เบ้ืองตน้ อาจมองว่าเป็ นเรื่องที่สมเหตุสมผลในการป้ องกนั ความปลอดภยั ของ บุคคลากรในศาลและประชาชนทว่ั ไป หากแต่การปฏิบตั ิของเจา้ หนา้ ท่ีศาล มิได้ เป็ นไปตามความ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 33
การอบรมหลกั การปฏิบัตติ นในช้ันศาลความรู้พนื้ ฐานเกยี่ วกบั กระบวนการยตุ ิธรรม ในช้ันศาล และหลกั การกรอกแบบสารวจข้อมูล วนั ที่ 15 ธันวาคม 2555 ณ โรงแรมศิรินาถ การ์เดนท์ จังหวดั เชียงใหม่ เสมอภาค มีการเลือกปฏิบตั ิว่า บุคคลใดตอ้ งตรวจคน้ แลกบตั ร บุคคล ใดไม่ตอ้ งแลกบตั ร จากความเห็นของผสู้ ังเกตการณ์เกือบท้งั หมด สรุปตรงกนั ว่า การแต่งกายเป็นปัจจยั ต่อการตรวจคน้ แลกบตั รของเจา้ หนา้ ท่ีศาล ซ่ึงบุคคล ใดแต่งกายภูมิฐาน ดูมีฐานะ ก็ไม่ตอ้ งแลกบตั ร แต่บุคคลใดแต่งตวั ธรรมดา เป็น ชาวบา้ น โดยเฉพาะถา้ เป็นกลุ่มชาติพนั ธุ์ จะถูกจบั ตามองจากเจา้ หนา้ ที่ศาล และ ทาการตรวจคน้ แลกบตั รทุกคน จะเห็นไดว้ า่ แค่กา้ วเขา้ สู่ศาล กพ็ บกบั การเลือก ปฏิบตั ิของเจา้ หนา้ ท่ีแลว้ มีกรณีหน่ึงท่ีผูส้ ังเกตการณ์ ไดท้ ดลองนาเครื่องใช้ท่ีสามารถใช้เป็ น อาวธุ ไดเ้ ขา้ ไปในศาล แลว้ เดินผา่ นเคร่ืองตรวจสอบโลหะ อาวธุ และมีสญั ญาณ เตือน แต่เจา้ หนา้ ท่ีรักษาความปลอดภยั ของศาลไม่ทาการตรวจคน้ แต่อย่างใด 34 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
ทาให้เกิดขอ้ สงสัยว่า การตรวจคน้ แลกบตั ร เพ่ือรักษาความปลอดภยั เป็ น มาตรการที่ใชไ้ ดผ้ ลจริงหรือไม่? ในเมื่อเจา้ หนา้ ท่ีรักษาความปลอดภยั เลือกที่จะ ตรวจคน้ แลกบตั รประชาชนเฉพาะบุคคลท่ีตนคิดว่าน่าสงสัย ไม่น่าไวใ้ จ เป็ น ชาวบา้ นและกลุ่มชาติพนั ธุ์เท่าน้นั การตรวจคน้ และการแลกบตั ร หากบตั รผู้ ติดต่อศาลที่เจา้ หนา้ ท่ีศาลใหแ้ ลกหมดแลว้ กจ็ ะไม่มีการแลกบตั รอีก อุปสรรคประการต่อมา “เร่ืองของการประชาสัมพันธ์ และการ ให้บริการทางคดีของศาลต่อคู่ความ หรือบุคคลท่ัวไป” จากการสังเกตการณ์ พบวา่ ป้ ายประกาศนดั หมายคดี หอ้ งพิจารณา พิมพต์ วั อกั ษรขนาดเลก็ ทาใหไ้ ม่ สามารถคน้ หาคดีและห้องพิจารณาไดง้ ่ายและบางคดีท่ีแทรกเขา้ มาพิจารณาไม่ มีระบุในป้ ายประกาศนัดพิจารณาคดี ทาให้ไม่ทราบว่าคดีที่แทรกเขา้ มาน้ัน พิจารณาคดีในห้องพิจารณาคดีใด และการบริการสืบคน้ คดีโดยคอมพิวเตอร์ น้นั ใชง้ านลาบาก อีกท้งั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการมีเพียง 2 เคร่ืองเท่าน้นั บางวนั ก็ไม่สามารถใชบ้ ริการสืบคน้ ขอ้ มูลโดยคอมพิวเตอร์ได้ เนื่องจากเคร่ือง คอมพิวเตอร์ไม่ไดม้ ีการเปิ ดเครื่องไว้ การประกาศเสียงตามสายประชาสัมพนั ธ์ภายในศาล ไม่ค่อยได้ยิน เรื่องที่ประกาศ เนื่องจากมีประชาชนท่ีมาศาลจานวนมาก ทาใหเ้ กิดเสียงรบกวน การประกาศเสียงตามสาย อีกท้งั ผูป้ ระกาศพูดด้วยน้าเสียงราบเรียบจนไม่ สามารถไดย้ นิ และเขา้ ใจได้ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 35
ตัวอย่างป้ ายกระดาษหน้าห้องพจิ ารณา การที่มีป้ ายกระดาษขนาด A4 ปิ ดประกาศไวห้ นา้ ห้องพิจารณาโดยมี ขอ้ ความวา่ “หา้ มมิใหบ้ ุคคลผไู้ ม่มีส่วนเกี่ยวขอ้ งเขา้ ” หรือ “หา้ มบุคคลภายนอก ท่ีไม่ไดร้ ับอนุญาตเขา้ ” หรือ “ที่หวงห้ามเฉพาะบุคคลที่ไดร้ ับอนุญาต” ทาให้ผู้ สังเกตการณ์ทุกคนต้งั ขอ้ สังเกตว่า ตนเองจะสามารถเขา้ ไปฟังการพิจารณาคดี ในห้องพิจารณาคดีที่ติดประกาศป้ ายดังกล่าวได้หรือไม่ ท้งั ท่ีทราบว่า การ พิจารณาคดีต้องเป็ นไปโดยเปิ ดเผยก็ตาม ซ่ึงเป็ นที่น่าสังเกตว่า แม้กระท่ัง นกั ศึกษากฎหมายท่ีมีความรู้ดา้ นกฎหมายในระดบั หน่ึงแลว้ น้นั ยงั ตอ้ งพิจารณา ว่าตนสามารถเขา้ ไปในห้องพิจารณาคดีท่ีมีป้ ายดงั กล่าวติดไวไ้ ดห้ รือไม่ หาก เป็ นประชาชน ชาวบา้ นท่ีเป็ นญาติหรือผูม้ ีส่วนเก่ียวขอ้ งกบั คดี เมื่อเห็นป้ าย ดงั กล่าวอาจทาใหเ้ กิดการเขา้ ใจผดิ วา่ ตนไม่สามารถเขา้ ฟังการพิจารณาคดีได้ จึง ไม่เขา้ ห้องพิจารณาคดี การติดประกาศป้ ายท่ีมีขอ้ ความไม่ให้ผมู้ ีส่วนเก่ียวขอ้ ง เขา้ ร่วมฟังการพิจารณาน้นั เป็นการจากดั สิทธิของประชาชน, ชาวบา้ นหรือผมู้ ี 36 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
ส่วนเกี่ยวขอ้ งในคดี ซ่ึงมีสิทธิที่จะเขา้ ไปรับฟังการพิจารณาคดีเพ่ือการรักษา สิทธิของจาเลยท่ีจะไดร้ ับการพจิ าณาอยา่ งเป็นธรรม 2. การเข้าห้องพจิ ารณาคดี ตามหลกั การของกระบวนการพิจารณาคดีในช้นั ศาลประการหน่ึงคือ การพิจารณาคดีต้องเปิ ดเผยต่อสาธารณะ โดยหลกั การดาเนินกระบวนการ พิจารณาอย่างเปิ ดเผยน้ัน เป็ นหลกั การดาเนินกระบวนพิจารณาในฐานะเป็ น กิจการสาธารณะที่มีขอ้ ยกเวน้ เพียงบางกรณีในแง่ความสงบเรียบร้อยและ ศีลธรรมอนั ดีเท่าน้นั เช่น การคุม้ ครองศกั ด์ิศรีความเป็นมนุษยห์ รือความเป็นอยู่ ส่วนตวั จากการสังเกตการณ์คดี พบว่า เจ้าหน้าที่หน้าบลั ลงั ก์จะสอบถามผู้ สังเกตการณ์อย่างละเอียดว่า มีความเกี่ยวขอ้ งกบั คดีหรือไม่ มาจากหน่วยงาน อะไร เป็ นนักศึกษาหรือไม่ ซ่ึงถ้าตอบว่าเป็ นบุคคลทั่วไปเข้ามาขอดูการ พิจารณาคดีจะถูกปฏิเสธโดยอา้ งว่าเป็ นบุคคลภายนอกท่ีไม่เก่ียวขอ้ งกบั คดี แต่ ถา้ ผสู้ ังเกตการณ์ตอบว่า เป็นนกั ศึกษามาดูงานการพิจารณาคดี คาตอบและการ ปฏิบตั ิของเจา้ หน้าท่ีหน้าบลั ลงั ก์ต่อผูส้ ังเกตการณ์จะมีความเป็ นมิตรมากข้ึน โดยคิดเป็นร้อยละ 41.3 ของแบบบนั ทึกการสังเกตการณ์คดี และเจา้ หนา้ ท่ีศาล จะแจง้ ศาลใหท้ ราบดว้ ยวา่ มีนกั ศึกษามาดูงานการพิจารณาคดี การพิจารณาคดีของศาล ในห้องพิจารณาแต่ละห้องพิจารณาน้ัน ผู้ สังเกตการณ์เห็นว่า ขนาดของห้องพิจารณาคดี มีขนาดคบั แคบ ซ่ึงภายในห้อง พิจารณาคดี มีเก้าอ้ีสาหรับฝ่ ายโจทก์ และฝ่ ายจาเลยเพียงฝ่ ายละสองตวั และ เกา้ อ้ีแต่ละตวั นง่ั ไดไ้ ม่เกิน 4 คน ในการพิจารณาคดีน้นั ห้องพิจารณาห้องหน่ึง ไม่ไดพ้ ิจารณาคดีเพียงคดีเดียวแต่พิจารณาหลายคดีดว้ ยกนั ทาให้มีคู่ความบาง คดีตอ้ งออกมานงั่ รอขา้ งงนอกหอ้ งพิจารณา มีการเขา้ ออกหอ้ งพิจารณาบ่อยคร้ัง ทาใหเ้ กิดความวนุ่ วายในหอ้ งพิจารณา โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 37
ขอ้ สังเกตเพิ่มเติมของผสู้ ังเกตการณ์คดี พบว่า การพิจารณาคดีในห้อง พิจารณาคดีห้องใดห้องหน่ึงน้นั ไม่ไดม้ ีการพิจารณาคดีเพียงคดีเดียวแต่มกั จะ พิจารณาหลายคดี ทาให้องคค์ ณะของศาลมีการแบ่งความรับผิดชอบในคดีตาม หน้าที่ของตน จากการสังเกตการณ์คดีร้อยละ 19.4 มีผูพ้ ิพากษาทาหนา้ ที่ ซ้าซอ้ นกนั ในห้องพิจารณาคดีเดียวกนั ซ่ึงการทาหนา้ ที่ในแต่ละคดีของศาลใน หอ้ งพิจารณาเดียวกนั น้นั อาจส่งผลต่อการพิจารณาคดีที่อานวยความเป็นธรรม แก่คู่ความท้งั สองฝ่ ายก็เป็ นได้ เห็นไดจ้ าก ในระหว่างที่ผูพ้ ิพากษาองคค์ ณะรอ พยานเขา้ มาสืบพยาน ผูพ้ ิพากษาอีกท่านก็อ่านคาพิพากษาอย่างรวดเร็วใน ระหว่างรอพยาน หากไม่ฟังอย่างต้งั ใจแลว้ จะไม่เขา้ ใจเน้ือหาของคาพิพากษา เป็ นตน้ เนื่องจากการพิจารณาคดีในห้องพิจารณาหน่ึงไม่ไดพ้ ิจารณาเพียงคดี เดียวแต่จะพิจารณาหลายคดี ทาให้องค์คณะของศาลก็จะมีการแบ่งความ รับผิดชอบในคดีตามหนา้ ที่ของตน ในระหว่างที่ผพู้ ิพากษา องคค์ ณะรอพยาน เขา้ มาสืบพยาน ผูพ้ ิพากษาอีกท่านก็อ่านคาพิพากษาอยา่ งรวดเร็ว หากไม่ต้งั ใจ ฟังแลว้ จะไม่เขา้ ใจเน้ือหาของคาพพิ ากษา 3. หลกั การพจิ ารณาคดอี ย่างเป็ นธรรม 3.1 บทบาทของผู้พิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา เรื่องเวลาในการนั่งบลั ลงั ก์ของศาล ซ่ึงในตารางนัดระบุว่า ภาคเช้า 09.00 น. ภาคบ่าย 13.30 น. แต่ในทางปฏิบตั ิแลว้ ศาลจะเริ่มพิจารณาคดี ประมาณเวลา 10.00 น.ในภาคเชา้ และ เวลา 14.00 น.ในภาคบ่าย ซ่ึงในร้อยละ 85.9 ที่ศาลไม่เริ่มการพิจารณาคดีตรงตามเวลาที่ระบุไวใ้ นตารางนดั หมายซ่ึง 38 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
ศาลไดใ้ หเ้ หตุผลของการนง่ั พิจารณาคดีชา้ กวา่ กาหนดเวลานดั เน่ืองจากศาลจะ เร่ิมพจิ ารณาคดี หลงั จากที่ทนายความฝ่ ายโจทกแ์ ละจาเลยมาพร้อมกนั แลว้ บทบาทของศาลในการพิจารณาคดี ส่วนใหญ่ศาลทาตามหน้าที่ ระเบียบตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่มีบางกรณีที่ผูส้ ังเกตการณ์เห็นว่าเป็ น การกระทาที่ก่อให้เกิดความไม่เป็ นธรรม ละเมิดสิทธิของผูต้ ้องหา จาเลย ตวั อยา่ งเช่น กรณีท่ีศาลใหห้ นา้ บลั ลงั กน์ าคาพิพากษาที่จะอ่านใหฟ้ ังมาใหท้ นาย โจทก์ และให้ทา การคดั ลอกสาเนา ก่อนที่จะบอกว่าให้มาคดั สาเนาตวั คา พิพากษาในวนั หลงั โดยที่ศาลไม่นง่ั บลั ลงั กอ์ ่านคาพิพากษาใหฟ้ ัง หรือกรณีที่ผู้ พิพากษามีการโนม้ นา้ วใหจ้ าเลยรับสารภาพ เช่น คดีท่ีจาเลยสร้างโรงเรือนรุกล้า ที่ป่ าไมใ้ นอุทยานแห่งชาติ ศาลบอกว่ามีแนวคาพิพากษาอย่แู ลว้ หากสู้คดีแลว้ ไม่ชนะคดีศาลจะไม่รอลงอาญา และจะลงโทษสถานหนกั นักศึกษาผูส้ ังเกตการณ์คดี ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ในหน่ึงห้อง พิจารณามีการพิจารณาคดีหลายคดี และไม่มีความชดั เจนว่าจะพิจารณาคดีใด ก่อนหรือหลงั น้นั ซ่ึงศาลอาจจะนาคดีใดมาพิจารณาก่อนก็ได้ ทาให้คู่ความใน แต่ละคดีต้องรอฟังอยู่ในห้องพิจารณาตลอดเวลา บางวนั มีคดีจานวนมาก คู่ความบางคดีตอ้ งออกมาอยนู่ อกหอ้ งพิจารณาคดี เนื่องจากหอ้ งพิจารณาคดีคบั แคบ 3.2 บทบาทของผู้พพิ ากษาและองค์คณะ เรื่ององคค์ ณะของศาลในการพิจารณาคดี กฎหมายไดบ้ ญั ญตั ิให้การ พิจารณาคดีของศาลจงั หวดั ตอ้ งมีผูพ้ ิพากษา 2 ท่านเป็ นองคค์ ณะ แต่ในทาง ปฏิบตั ิการนง่ั พิจารณาของศาลพร้อมกนั สองท่านเป็นเพียงแบบพิธี กล่าวคือ ผู้ พิพากษาที่เป็ นองค์คณะน้ันต่างก็เป็ นเจ้าของสานวนคนละคดีกัน ต่างน่ัง พิจารณาคดีของตนเท่าน้นั นกั ศึกษาผสู้ งั เกตการณ์คดี พบวา่ ศาลจะนงั่ ครบองค์ คณะต้งั แต่เร่ิมการพิจารณาคดีจนจบการพิจารณาคดี คิดเป็ นร้อยละ 58.1 แต่มี โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 39
จานวนไม่นอ้ ยท่ีศาลนงั่ ไม่ครบองคค์ ณะตลอดการพิจารณาคดี คิดเป็ นร้อยละ 41.3 การนัง่ ไม่ครบองคค์ ณะของศาลมีลกั ษณะ 2 ประการ กล่าวคือ ประการ แรกในการเริ่มพิจารณาคดีศาลจะนง่ั ครบองคค์ ณะ แต่เม่ือพิจารณาคดีไปช่วง ระยะเวลาหน่ึง องคค์ ณะท่ีไม่ใช่เจา้ ของสานวนจะออกไปจากห้องพิจารณาคดี หรือเมื่อองคค์ ณะใดที่พิจารณาคดีเสร็จเรียบร้อยแลว้ ก็จะออกจากหอ้ งพิจารณา คดี ไม่อยใู่ หค้ รบองคค์ ณะตลอดการพิจารณาคดี และอีกประการหน่ึง ศาลไม่ได้ นงั่ พจิ ารณาคดีโดยครบองคค์ ณะตงั่ แต่เร่ิมจนเสร็จสิ้นการพิจารณาคดี 3.3 บุคคลทมี่ ีข้อจากดั ในการส่ือสาร ประเด็นเร่ืองล่ามสาหรับบุคคลท่ีมีขอ้ จากดั ในการส่ือสาร ในการข้ึน ทะเบียนผู้ที่จะเป็ นล่ามส่ วนใหญ่จะมีการข้ึนทะเบียนเพียงล่ามใน ภาษาต่างประเทศ ภาษาสากลท่ีเป็ นทางการ เช่น ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ป่ ุน เป็นตน้ แต่ในส่วนของภาษากลุ่มชาติพนั ธุ์ยงั ไม่มีการข้ึนทะเบียนผู้ เป็นล่ามไว้ ทาให้ไม่มีหลกั ประกนั การแปลหรือการเป็นล่ามในภาษาของกลุ่ม ชาติพนั ธุ์ใหแ้ ก่พยานหรือจาเลยได้ โดยส่วนใหญ่แลว้ คู่ความจะเป็นผจู้ ดั หาล่าม ภาษาชาติพนั ธุ์มาเอง ทาให้ไม่สามารถทราบไดว้ ่าผทู้ ี่มาเป็นล่ามภาษากลุ่มชาติ พนั ธุ์มีความรู้ ความเช่ียวชาญด้านภาษากลุ่มชาติพนั ธุ์มากน้อยเพียงใด และ ความสามารถในการส่ือความหมายได้ตรงตามที่คู่ความหรือพยานตอ้ งการ หรือไม่ ผสู้ ังเกตการณ์ พบว่า กรณีจาเลยเป็นกลุ่มชาติพนั ธุ์ ไม่สามารถสื่อสาร ภาษาไทยไดแ้ ละศาลไม่ไดจ้ ดั หาล่ามภาษากลุ่มชาติพนั ธุ์ให้ เน่ืองจากไม่มีการ ข้ึนทะเบียนล่ามภาษากลุ่มชาติพนั ธุ์ แต่ใชว้ ิธีการให้บุคคลท่ีมาพร้อมกบั จาเลย หรือนกั โทษที่สามารถเขา้ ใจภาษากลุ่มชาติพนั ธุ์มาเป็ นล่ามในแปลความการ เบิกความของจาเลยหรือพยานใหศ้ าลฟัง จากการสังเกตการณ์ร้อยละ 1.6 ศาล ไดเ้ รียกใชบ้ ุคคลอื่นท่ีไม่ไดข้ ้ึนทะเบียนล่ามไวก้ บั ศาลมาทาหนา้ ที่เป็นล่ามแทน 40 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
นอกจากน้ี ผสู้ ังเกตการณ์เห็นว่าการให้นกั โทษหรือญาติของจาเลยมาเป็ นล่าม ในการแปลความ จะมีหลกั กนั ไดอ้ ย่างไรว่า การแปลความของผูท้ ่ีเป็ นล่ามจะ แปลความหมายไดต้ รงตามที่จาเลยไดเ้ บิกความครบถว้ น ถูกตอ้ งอยา่ งแทจ้ ริง ประเด็นเรื่องการส่ือสารสาหรับบุคคลที่มีขอ้ จากดั ด้ายการส่ือสาร ไม่ไดจ้ ากดั เฉพาะภาษากลุ่มชาติพนั ธุ์เท่าน้นั หากแต่ภาษาทอ้ งถิ่นก็เป็ นปัญหา ในการส่ือสารเช่นกัน เน่ืองจากภาษาท้องถ่ินคาหน่ึงคาหรือประโยคหน่ึง ประโยคอาจแปลความหมายไดห้ ลากหลายลกั ษณะ ผสู้ ังเกตการณ์เห็นว่า การ ข้ึนทะเบียนและการจดั หาล่ามให้กบั บุคคลท่ีมีขอ้ จากดั ดา้ นการสื่อสาร ไม่ควร จากดั เพียงภาษาสากลท่ีเป็นทางการ แต่ควรใหม้ ีล่ามในภาษาของกลุ่มชาติพนั ธุ์ รวมถึงภาษาทอ้ งถ่ินดว้ ย เพ่ือเป็นหลกั ประกนั ในการส่ือสาร สื่อความหมายที่มี ประสิทธิภาพใหก้ บั คูค่ วามหรือพยาน 3.4 บทบาทของอยั การหรือทนายฝ่ ายโจทก์ จากการสังเกตการณ์ของผสู้ ังเกตการณ์พบว่า อยั การ และทนายความ ท้งั ฝ่ ายจาเลย ฝ่ ายโจทก์ มีบทบาทอยา่ งมากต่อผลการพิจารณาคดี ความเอาใจใส่ ลูกความ การรักษาผลประโยชน์ลูกความ และการทาหน้าที่ของตนอย่างเต็ม ความสามารถน้ัน เป็ นสิ่งท่ีสาคัญท่ีอัยการ ทนายความควรจะมี ซ่ึงอัยการ ทนายความส่วนใหญ่ทาหนา้ ที่ไดอ้ ยา่ งดี เตม็ ความสามารถ แต่มีส่วนนอ้ ยท่ีไม่ ทาหน้าที่ของตนอย่างเต็มท่ี ทาให้ลูกความตอ้ งไดร้ ับความเสียหาย เช่น กรณี ทนายความไม่ให้พยานอ่านคาให้การ แลว้ ให้ลงลายมือชื่อ ทนายความไม่มา ศาล ทิ้งใหจ้ าเลยตอ้ งรับการพิจารณาคดีเพียงลาพงั หรือทนายความไม่อุทธรณ์ คาพิพากษาภายในกาหนดระยะเวลาอุทธรณ์ ทาให้จาเลยตอ้ งถูกจาคุก เป็ นตน้ อีกท้งั อยั การและทนายความบางคนไดว้ ่าความหลายคดีในวนั เวลาเดียวกนั ทา ให้ตอ้ งเขา้ ออกห้องพิจารณาคดีบ่อยๆ เพื่อไปว่าความในอีกห้องพิจารณาคดี โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 41
หน่ึง ทาใหเ้ ห็นวา่ การรักษาผลประโยชนข์ องลูกความ การทาหนา้ ที่ไดอ้ ยา่ งไม่ เตม็ ที่ การปฏิบตั ิตวั ของอยั การและทนายความในหอ้ งพิจารณาคดี ไดล้ ะเลย การปฏิบตั ิตามขอ้ ปฏิบตั ิในหอ้ งพิจารณา เช่น ใชโ้ ทรศพั ทใ์ นหอ้ งพิจารณา การ เขา้ ออกห้องพิจารณาบ่อยคร้ัง เป็ นตน้ เห็นไดก้ ารสังเกตการณ์คดีร้อยละ 29.4 ในกรณีอยั การและทนายความฝ่ ายโจทก์ และร้อยละ 15.6 ของทนายความฝ่ าย จาเลยที่ทากิจกรรมอื่นๆระหวา่ งการพิจารณาคดี 4. การกระทาอืน่ ๆ ในศาลท่ีไม่ปกป้ องสิทธิ หรือการละเมิดสิทธิของ ผู้ต้องหาและจาเลย การใส่กุญแจมือ โซ่ตรวนของผูต้ อ้ งหาที่มาศาลน้นั ผสู้ ังเกตการณ์ทุก คนเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แมว้ า่ จะอา้ งวา่ เพื่อความปลอดภยั กต็ าม ซ่ึงมีวิธีการอีกมากมายที่สามารถนามาใช้เพื่อป้ องกนั การหลบหนี หรือเพ่ือ ความปลอดภยั ได้ อีกท้งั การใส่กุญแจมือ โซ่ตรวจทาให้ประชาชนทวั่ ไปท่ีมา ศาลมองผตู้ อ้ งหาดว้ ยความหยามเหยยี ด ดูถูก ลดค่าความเป็นมนุษย์ 42 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
4 ผลการสังเกตการณ์ของมหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ บทนา จาก การ ที่ คณะกรร มการ สิ ทธิ มนุ ษย ชนแห่ ง เอ เ ชี ยได้จัด โ ครง ก าร เรียนรู้สังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน “Court Watch 2012” ซ่ึงในการน้ีทางคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ ก็ไดร้ ับ เกียรติให้เขา้ ร่วมโครงการฯดีๆเช่นน้ีเป็ นปี แรก ท้งั ยงั ไดม้ ีมหาวิทยาลยั อีก 3 สถาบนั เขา้ รวม คือ คณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ สานกั วิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้ าหลวง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซ่ึง โครงการฯน้ีถือเป็ นโครงการท่ีมีความน่าสนใจและเป็ นประโยชน์แก่นิสิตท่ี กาลงั ศึกษาในสาขาวิชานิติศาสตร์ และสอดคลอ้ งกบั การจดั การเรียนการสอน ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ เนื่องจากทางคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทกั ษิณได้จัดให้มีการเรียนการสอนในรายวิชา สิทธิมนุษยชน ฉะน้ันโครงการฯ น้ีจึงเป็ นกิจกรรมท่ีสามารถเป็ นส่ือในการเรียนรู้ สังเกต กระบวนการยุติธรรมในมุมมองของหลกั กฎหมายสิทธิมนุษยชน อนั เป็ นการ ขยายมุมมอง มิติในการเรียนรู้ ท้งั ยงั มีการปฏิบตั ิการณ์ลงพ้ืนที่สังเกตการณ์และ ไดป้ ระสบพบเจอกบั เหตุการณ์จริง ขอ้ เทจ็ จริงอนั แตกต่างจากตวั บทกฎหมายท่ี ไดร้ ับรู้และร่าเรียนมา ซ่ึงถือเป็ นประโยชน์อย่างมากในรูปแบบการเรียนรู้ ท่ี นอกจากการเรียนรู้กฎหมายส่ีมุมเมืองและกฎหมายต่างๆ เพียงแต่ในตวั บทตารา กฎหมาย โดยในโครงการฯน้ีทางคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ ไดร้ ับ สมคั รนิสิตเขา้ ร่วมโครงการฯ ซ่ึงปรากฏว่ามีนิสิตเขา้ ร่วมโครงการ เป็นจานวน โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 43
30 คน ประกอบไดด้ ว้ ยนิสิต คณะนิติศาสตร์ ช้นั ปี ท่ี 4 จานวน 15 คน และนิสิต 5ระนิติศาสตร์ ช้นั ปี ที่ 3 จานวน 15 คน ในการดาเนินโครงการเรียนรู้และสงั เกตการณ์กระบวนการทางศาลใน มุมมองสิทธิมนุษยชน ทางคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ ผปู้ ระสานงาน ตลอดจนคณาจารยท์ ่ีรับผิดชอบโครงการในคร้ังน้ีไดเ้ ตรียมความพร้อมใหน้ ิสิต ช้นั ปี ท่ี 3และ4 ท่ีเขา้ ร่วมโครงการ โดยการทากิจกรรมละลายพฤติกรรมและ สร้างความสมั พนั ธ์ระหว่างกนั เพื่อเป็นรากฐานในการทางานร่วมกนั รวมท้งั ให้ นิสิตเขา้ รับการอบรมหลักการปฏิบตั ิตนในช้ันศาล ความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกับ กระบวนการยตุ ิธรรมในช้นั ศาลและหลกั การกรอกแบบสารวจขอ้ มูล จากท่านผู้ พพิ ากษา พนกั งานอยั การ ทนายความ ตลอดจนตวั แทนผปู้ ระสานงานโครงการ อนั จะส่งผลใหน้ ิสิตทุกคนสามารถกรอกแบบขอ้ มูลไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและตรงตาม วตั ถุประสงคข์ องโครงการฯ หลงั จากนิสิตไดร้ ับการอบรมเรียบร้อยแลว้ นิสิตแต่ละคนไดท้ าการ สังเกตการณ์ในศาลจงั หวดั ต่างๆ ตามท่ีนิสิตมีภูมิลาเนาอยู่ ประกอบดว้ ย ศาล จงั หวดั สงขลา ศาลจงั หวดั สุราษฎร์ธานี ศาลจงั หวดั ยะลา ศาลจงั หวดั ปัตตานี ศาลจงั หวดั นราธิวาส ศาลจงั หวดั นาทวี และในการสังเกตการณ์ในศาลดงั กล่าว นิสิตที่ไปสงั เกตการณ์ไดแ้ ต่งกายท้งั ชุดนิสิตและชุดลาลอง จึงทาใหน้ ิสิตเห็นถึง ความแตกต่างในการเลือกปฏิบตั ิของเจา้ หนา้ ที่ประจาศาล กล่าวคือนิสิตที่แต่ง กายดว้ ยชุดนิสิตไดร้ ับการปฏิบตั ิเม่ือไปสู่ศาลไดด้ ีกว่านิสิตที่แต่งกายดว้ ยชุด ลาลอง 44 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
ผลการสังเกตการณ์ ในการดาเนินโครงการฯ ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณในปี 2555-2556 น้นั ไดก้ าหนดใหน้ กั ศึกษาผเู้ ขา้ ร่วมโครงการทาการสังเกตการณ์คดี ในศาลจงั หวดั สุราษฎร์ธานี ศาลจงั หวดั สงขลา ศาลจงั หวดั ยะลา ศาลจงั หวดั ปัตตานี ศาลจงั หวดั นราธิวาส และศาลจงั หวดั นาทวี ใช้แบบสอบถามรวม ท้งั สิ้น 177 ชุด ซ่ึงผลจากการสังเกตการณ์ของนกั ศึกษา จาแนกไดเ้ ป็ น คดีอาญา 129 ชุด คิดเป็นร้อยละ 72.9 คดีแพ่ง 35 ชุด คิดเป็นร้อยละ 19.8 คดี อื่นๆ จานวน 7 ชุด คิดเป็นร้อยละ4.0 และไม่ระบุจานวน 6 ชุด คิดเป็นร้อยละ 3.4 โดยจานวนฐานความผิดที่ไดเ้ ขา้ สังเกตการณ์ สามอนั ดบั แรกคือ ความผิด ตามพระราชบญั ญตั ิยาเสพติดใหโ้ ทษ ถึงร้อยละ 29.4 ตามมาดว้ ยความผิดตาม พระราชบญั ญตั ิป่ าไม้ อุทยานแห่งชาติ ป่ าสงวน ร้อยละ 1.7 และความผิด เกี่ยวกบั ทรัพย์ ร้อยละ 10.2 1. บทบาทของผู้พพิ ากษาและองค์คณะ เรื่องขององคค์ ณะผพู้ ิพากษาในศาลจงั หวดั มีบทบญั ญตั ิของกฎหมาย บัญญัติไว้อย่างชัดเจนในพระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 26 “ภายใตบ้ งั คบั ตาม มาตรา 25 ในการพิจารณา พิพากษาคดีของ ศาลช้นั ตน้ นอกจากศาลแขวงและศาลยตุ ิธรรมอ่ืน ซ่ึงพระราชบญั ญตั ิจดั ต้งั ศาล น้นั กาหนดไวเ้ ป็นอยา่ งอ่ืน ตอ้ งมีผู้ พิพากษาอยา่ งนอ้ ยสองคนและตอ้ งไม่เป็นผู้ พิพากษาประจาศาล เกินหน่ึงคน จึงเป็ นองคค์ ณะท่ีมีอานาจพิจารณาพิพากษา คดีแพ่ง หรือคดีอาญาท้งั ปวง” กล่าวโดยสรุปคือ องค์คณะผูพ้ ิพากษาศาลช้ันต้น นอกจากศาลแขวงอยา่ งนอ้ ย2คน โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch) ๏ 45
การอบรมหลกั การปฏิบัตติ นในช้ันศาลความรู้พนื้ ฐานเกย่ี วกบั กระบวนการยตุ ธิ รรม ในช้ันศาลและหลกั การกรอกแบบสารวจข้อมูล วนั ที่ 20-21 ธันวาคม 2555 ณ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ 46 ๏ โครงการการเรียนรู้และสังเกตการณ์กระบวนการทางศาลในมุมมองสิทธิมนุษยชน (Court Watch)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137