ส่วนเรื่องการประเมินจะต้องเป็นมาตรฐานขั้นต่ำเท่านั้น เราต้องมีความเข้าใจในเรื่องศักดิ์ศรีความเป็น มนษุ ย์ และสทิ ธิ เสรภี าพดว้ ย นางขัตติยา รัตนดลิ ก ผู้อำนวยการสถาบนั วิจยั และพฒั นากระบวนการยตุ ิธรรม กระทรวงยตุ ธิ รรม คิดว่ามาในทางเดยี วกัน แทนที่เราจะประเมินกฎหมายโดยใช้ความรู้สกึ เราช่วยกันพัฒนาเครือ่ งมือที่เปน็ สากลเพียงพอที่จะประเมินกฎหมายแต่ละฉบับ ก่อนมาถึงและเมื่อออกมาแล้ว มันมีคุณภาพเพียงพอหรือไม่ ซึ่ง กระบวนการคือ 1. มกี ารถามผมู้ ีส่วนรว่ ม โดยการเก็บข้อมลู ทั้งการสัมภาษณ์และตอบแบบสอบถาม วา่ เครื่องมือน้ี มีความครอบคลุมหรือไม่ พัฒนาส่วนไหนเพิ่มเติม ประชาชนเห็นว่ากฎหมายที่ออกมาตอบโจทย์หรือไม่อยา่ ง ในปี ต่อไปเราก็ปรับเครื่องมือ และเราไม่ต้องการเป็นผู้ประเมินตัวเอง 2. ความน่าเช่ือถือ เราจะพยายามรับฟังความ คิดเห็น จากสว่ นตา่ งๆ อย่างเปน็ ระบบ เชน่ การเช็คลิสต์ เป็นตน้ ผศ.ทศพร มูลรัตน์ เร่ืองแรกคอื ชอบการออกกฎหมายเพื่อจำกดั อำนาจของผู้ออกกฎหมาย สส. สว. เปน็ โจทยน์ า่ สนใจ เรื่องที่ สองคอื มาตรา 77 อนั นี้นา่ จะเป็นไปได้ ถ้าทำวจิ ัยเกีย่ วกบั กฎหมายเดิมทป่ี ระเทศไทยมี กฎหมายลา้ หลงั ไม่ได้ผ่าน การสังขยนา เพียงแต่ว่าอาจจะจำกัดระยะเวลาสักหน่อยว่าจะศึกษาย้อนหลังช่วงเวลาไหน ถ้าทั้งหมดก็เป็นงาน ใหญ่ หรือระบเุ รอื่ งเฉพาะไป แล้วกค็ อ่ ยสรา้ งเคร่อื งมือหรือกลไกทีจ่ ะไปตรวจสอบกฎหมายน้ันๆ ตอ้ งผ่านอะไรบ้าง ลงประชามติ ประชาวจิ ารณ์ แลว้ แต่กรณตี ่อไป อาจารยไ์ พสิฐ พาณิชยก์ ุล ทิศทางการเคลื่อนเครือข่ายในเชิงกลไกมันได้ภาพรวมแล้ว และเนื้อหาก็เห็นนร่องรอยอยู่บ้าง และ กจิ กรรมทจี่ ะเหน็ ในอนาคตก็พอชดั เจน เชน่ เวทวี ิชาการของเราเอง เวทวี ิชาการร่วมกบั หนว่ ยงานอน่ื เวทีวิชาการ พิเศษเฉพาะ อีกส่วนหนึ่งคือ การทำเครือข่าย ความยากคือ การประสานการทำงาน ซึ่งแต่ละเครือข่ายก็มีงาน ประจำอยู่ การจะเชื่อมโยงเข้าด้วยกันของกิจกรรมต้องอาศัยเวลาในการออกแบบ อาจจะต้องเริ่มจากเล็กๆ เช่น มช. จบั มือ มอ. ทำงานมาหนงึ่ ชิน้ ส่วนอื่นๆ กท็ ำอีกชิ้น แลว้ คอ่ ยมาเช่อื มโยงเขา้ ด้วยกัน อีกสว่ นหนง่ึ คอื แหลง่ ทนุ สนับสนนุ เราออกแบบใหเ้ กดิ ความรว่ มมอื กับทาง กพยช. สกท. ตา่ งๆ เป็น PMU หนึ่ง ซึ่งเป็นโครงทีส่ ามารถเดนิ ตอ่ ไปได้แน่ แต่ปัญหาที่ต้องดูคือ มันมาพร้อมกับความรับผดิ ชอบตอ่ เงินท่ีเขา้ มาว่า เราสามารถที่จะรับผิดชอบกิจกรรม และส่งมอบงานได้ตามท่ีคาดหวังหรือไม่ เพราะเป็นงานที่ต้องสร้างการ เปล่ยี นแปลง สรา้ งให้เกิดความเปน็ ธรรม ซง่ึ สรปุ จากท่คี ุยในช่วงเชา้ รวมข้อเสนอจากผู้เขา้ ร่วมประชมุ - เวทวี ชิ าการจะเปน็ พืน้ ทหี่ นึ่งท่ีเช่ือมโยงหน่วยงาน เครอื ขา่ ยต่างๆเขา้ ดว้ ยกัน - ประเด็นวิจัยที่จะทำต้องตอบคำถามหรือตอบโจทย์ใครบ้าง และในอนาคตจะทำงานวิจัยประเด็นอะไร เพ่ือให้ตอบโจทย์ - การจัดลำดับความสำคัญของเรื่องที่จะดำเนินการว่าโครงการหรือเครือข่ายจะทำอะไรก่อน รวมถึง การบูรณการระหวา่ งหน่วยงาน
- เปา้ หมายของการพฒั นาบคุ คล นศ. ชาวบา้ น ท่ตี ้องร้กู ฎหมายใหม้ ากขึ้น - เครือข่ายที่สร้างเข้ามาเพื่อตอบโจทย์หรือเป้าหมายของความเหลื่อมล้ำ ลดความขัดแย้ง และอยากให้ เครือข่ายที่สร้างขึ้นขยับเคลื่อนไปข้างหน้า เช่น เรื่องที่เราจะทำร่วมกัน เพราะคำว่าความเหลื่อมล้ำมัน กวา้ งเกนิ ไป ควรจะระบุเร่อื งท่จี ะทำร่วมกนั ให้ชัดเจน ไม่เช่นนนั้ ก็ไมข่ บั เคลื่อนไปขา้ งหน้าได้ - กรอบของการเรยี นการสอน เราจะออกแบบกิจกรรมอะไรให้เขา้ ไปการเรียนการสอน จะเป็นงานวิจัยหรือ เวทีวิชาการ หรอื ทำทุกอยา่ งทง้ั หมดเลย เพราะเรามีเครอื ข่ายรว่ มกนั เยอะ - ด้วยความทเี่ ป็นเครือข่ายคือลักษณะของการจับมือกนั เดนิ จงึ ตอ้ งคอ่ ยๆทำให้มนั ชัดวา่ จะทำอะไรหรือค่อย กำหนดประเด็น จะให้เคาะอย่างชดั เจนเลยก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเราต้องช่วยกันคดิ และกระบวนการ คิดหรืออะไรต่างๆจะไปออกแบบอีกครั้งหน่ึง - ในส่วนของการขยับต่อของเครือข่ายนิติฯว่าจะทำอะไรกันบ้าง แต่ละที่จะมีข้อแตกต่างระหว่าง ม. ท้ัง ความเป็นอิสระของงบประมาณ ของ มช. หรอื มข. เปน็ ตน้ - กฎหมายที่เก่ยี วกบั กรมศลิ ป เรือ่ งโบราณสถาน โบราณวัตถุที่มีกฎหมายออกมาเป็นกรอบจำกัดสิทธิเอาไว้ กลายเป็นปัญหา ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถทำงาน หรือขับเคลื่อนกับ อปท. ไม่สามารถทำได้ - จาก นติ ศิ าสตร์ ม. มหาสารคาม - ถ้ามองในมุมมองของรัฐและม. หรือชาวบ้าน จะมีคนละมุมมองกัน ทำให้เกิดปัญหาการเก็บข้อมูลด้วย อยากเสนอว่างานวิจัยที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจริง จะต้องเป็นการทำงานของผู้มีส่วนร่วมด้วยกัน ทั้ง ชาวบ้านและรัฐ รวมถึงการให้ข้อมูลต่างๆกับผู้มีส่วนร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านมองว่า รัฐไม่ได้ เข้าใจประชาชน หรือคนในพื้นที่เลย จึงต้องมีการตกลงกันตั้งแต่แรกของการทำงานวิจัย ทางปฏิบัติ เพอื่ ใหแ้ ก้ปัญหาไดอ้ ย่างตรงจุด - ทางสถาบันพระปกเสนอว่า ควรจะรีบจัดทำโครงการขนาดใหญ่เพื่อให้เครือข่ายทำงานร่วมกัน และ ประเด็นเดียวกัน หมายถึง ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ระบุลง ไปในแต่ละพื้นที่ตามความเชี่ยวชาญ เช่น ภาคเหนือ เรื่องน้ำ ภาคใต้ ทรัพยากรชายฝั่ง เป็นต้น และ ทั้งหมดก็เป็นเรื่องของทรัพยากรทั้งหมด กฎหมายมีอะไรเกี่ยวข้องบ้าง การบังคับใช้เป็นอย่างไร มี อุปสรรค หรือความขัดแย้งหรือไม่ และใช้กระบวนการในการทำวิจัย เช่น การลงพื้นที่ หาผู้มีส่วนร่วม และจะรู้ว่าปญั หาอยตู่ รงไหน ทกี่ ฎหมาย หรือสาระของกฎหมาย และจะได้ข้อเสนอที่จะไปแก้กฎหมายใน เชิงโครงสร้างหรือเชิงนโยบาย สุดท้ายก็จะได้นโยบายมาว่ามันต้องจัดการบริหารเรื่องใด ประเด็นใดมาก ทสี่ ุด - ทาง อ. พรชยั เสนอว่า อาจจะมีธีมโดยใช้ชื่อวา่ “กฎหมายและงานยตุ ิธรรมวา่ ดว้ ยการจดั การความเหล่ือม ล้ำและการจัดการวัฒนธรรม” เป็นเรื่องหลักๆก่อน ครอบคลุมทั้งงานยุติธรรม งานวัฒนธรรม ทรัพยากร และในทา้ ยทีส่ ุดคอ่ ยมารวมกนั ในแต่ละพ้นื ท่ีอีกครัง้ หน่งึ ท่ีเราจะจัดเวทีอกี คร้งั - หวั ขอ้ จะเกิดจากงานวิจัยทจี่ ะทำ แต่สว่ นกลางจะดูว่ามีประเด็นหรือเร่ืองอะไรที่ทำใหป้ ระชาชนเดือดร้อน มากที่สุดก่อน เช่น มีแพลตฟอร์มก่อนว่า งบประมาณงานวิจัยเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนากระบวนการ ยุติธรรม ความเป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำ แบบนี้ก็ได้ หลังจากนั้นก็จะมีเรื่องของการแบ่งงบประมาณใน การทำงานให้กับองค์กรที่จะเข้าร่วม โดยสรุปคือ 1. ทำการจัดสรรงบในการทำงานวิจัยก่อน 2. เรื่อง เนอ้ื หา ทจ่ี ะไม่ตอ้ งกระจัดกระจาย อาจจะใชธ้ ีมของทรัพยากร ธมี ความเหลอ่ื มลำ้ ความยากจน เปน็ ต้น
- อาจจะตอ้ งเปล่ียนมมุ มองของนิติศาสตรว์ ่า ทำอยา่ งไรใหช้ ุมชนกับ นศ. สามารถทำงานรว่ มงานกนั ได้ หรอื มีความเชื่อมโยงกัน แต่ส่วนใหญ่นิติศาสตร์จะมองไปที่กระบวนการยุติธรรมมากว่า หรือเรียกว่า เป็น บทบาทของผู้ใช้อำนาจ รวมถึงการบริหารจัดการต่างๆที่ชุมชนไม่ต้องหวังพึ่งภาครัฐ รัฐจะทำหน้าที่เพียง เข้าไปสนับสนุน และเรื่องของกระบวนการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นมาในชุมชน คือเปลี่ยน กระบวนการยตุ ธิ รรมจากรวมศูนย์ไปสู่การกระจายอำนาจ ดา้ นทีอ่ ่อนแอก็ต้องถูกเสริมจากภาพท่ีเข้มแข็ง ทำให้เกิดการกระจาย ตรงน้ีนา่ จะเปน็ ภาพรวมของงานน้ี
ภาคผนวก ช รายงานการประชมุ เครอื ขา่ ยนิตศิ าสตร์เพ่อื สงั คม ครัง้ ที่ 1/2564 วันพธุ ที่ 27 มกราคม 2564 ผ่านโปรแกรม ZOOM ………………………………………………………… ผู้เข้ารว่ มประชุม 1. ผศ.ดร. พรชยั วิสุทธศิ ักดิ์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ 2. อ.ไพสฐิ พาณิชยก์ ลุ หวั หนา้ ศนู ยศ์ ึกษาความเปน็ ธรรม คณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 3. ผศ. กติ ติบดี ใยพูล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ 4. ผศ. ศุภวรี ์ เกลีย้ งจนั ทร์ รองคณบดฝี ่ายวิชาการ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทักษิณ 5. อ.พลอยขวญั เหลา่ อมต รองคณบดีฝา่ ยนวัตกรรมการสอนและพัฒนาคุณภาพนิสิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา 6. ดร. ฤทธภิ ัฏ กลั ยาณภัทรศิษฏ์ รองคณบดี สำนกั วิชานิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั แมฟ่ ้าหลวง 7. ผศ. ทศพร มูลรัตน์ คณบดี สำนกั วชิ ากฎหมาย มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชยี งราย 8. ผศ. สรุ พี โพธิสาราช รองคณบดี สำนักวิชากฎหมาย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย 9. ผศ. สทุ ธชิ ยั งามช่ืนสวุ รรณ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 10. อ.ขรรคเ์ พชร ชายทวีป คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั อุบลราชธานี 11. อ.จักรพงศ์ ลิม้ สวุ รรณ คณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 12. ผศ. อภริ ักษ์ บูรรุ่งโรจน์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏรอ้ ยเอด็ 13. นางสาวปริยานุช จรงิ จิตร ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรม แห่งชาติ 14. นางสาวคัทลียา แก้วอ่อน นกั วชิ าการยตุ ิธรรมชำนาญการ สำนกั งานกจิ การยุตธิ รรม กระทรวงยุติธรรม 15. นางสาวจติ รตยิ า พฤกษาเมธานันท์ กองสถาบนั วิจัยและพฒั นากระบวนการยุติธรรม สำนักงานกิจการยตุ ธิ รรม กระทรวงยตุ ิธรรม 16. นางสาววราลักษณ์ นาคเสน เลขานกุ ารฯ 17. นายเขมชาติ ตนบุญ เลขานุการฯ เรม่ิ ประชุมเวลา 09.30 น. ภาคผนวก ช - 1
วาระท่ี 1 การพจิ ารณาเจ้าภาพเครือข่าย ปี 2564 ผศ.ดร.พรชยั วิสุทธศิ ักด์ิ ได้กล่าวตอ้ นรับและขอบคุณเครือข่ายทุกทา่ นทเี่ ข้ามาร่วมประชุมกันในวันนี้ และกล่าวว่า การขับเคลื่อนอีกอันหนึ่งที่เราจะต้องมาคุยกันว่า หลังจากนี้ไปเราจะทำอย่างไรต่อกับเครือข่าย ในช่วงท่เี ราจะดำเนนิ การต่อไปนี้เราจะต้องรว่ มมือกบั หลายๆ ภาคส่วน ดว้ ยความที่เรามีเครือข่ายเบ้ืองต้นแล้ว เราลงนาม MOU กันแลว้ การขับเคลอ่ื นกันตอ่ ไปเครือข่ายอยากจะทำอะไรและจะเริ่มดำเนนิ งานอยา่ งไร เนื่องจากเครือข่ายนิติศาสตร์เพื่อสังคมพึ่งตั้งขึ้นมา แม้จะเริ่มจากคณะนิติศาสตร์ มช. แต่ไม่ได้ หมายความว่าคณะนิติศาสตร์ มช. เป็นผู้นำเครือข่ายฯ แต่ทุกมหาวิทยาลัยเป็นผู้เริ่มพร้อมกัน ในปีนี้ 2564 เสนอขอให้ มช. เป็นเจ้าภาพและในปีถัดไป ทางเครือข่ายจะมาวางกรอบกันว่าปีถัดไปคณะนิติศาสตร์จากท่ี อน่ื ๆ อาจจะสลบั กนั เปน็ เจา้ ภาพ โดยเสนอว่าเครอื ขา่ ยฯ อาจจะผลดั กนั เปน็ เจา้ ภาพปลี ะคร้งั อาจารย์ไพสิฐ พาณิชย์กลุ ไดก้ ลา่ วเสรมิ ผศ.ดร.พรชัย วสิ ุทธิศกั ดิ์ วา่ เน่ืองจากว่าปีนที้ างมช. เสนอเป็น เจ้าภาพ ต่อไปจะจัดกิจกรรมอะไรบ้างจะหารือกับทางเครือข่ายฯ อีกครั้ง และปีต่อไปมหาวิทยาลัยใดจะเป็น เจ้าภาพ ช่วงกลางๆ ปี อาจจะนำประเด็นนี้มาหารือกันอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ในปี 2564 จะขอให้คุณวราลักษณ์ นาคเสน กบั คณุ เขมชาติ ตนบุญ ทำหน้าที่เปน็ เลขานุการของเครอื ขา่ ยฯ ในประเด็นหารือต่อไป คือ ในกิจกรรมภายในของเครือข่ายอาจจะจำเป็นต้องมีงบประมาณในการใช้ จ่าย ทางอาจารย์ไพสิฐ พาณิชย์กุล ได้สอบถามขอความเห็นขอคำแนะนำจากเครือข่ายฯ โดยหารือว่า เครือข่ายฯ จะบริหารงบประมาณกันอย่างไร อาจจะต้องมีการสนับสนุนงบประมาณไปสนับสนุนเจ้าภาพใน การจัดการประชุมใหญ่ๆ เป็นการประชุมประจำปี หรือหางบประมาณในการสนับสนุนการจัดกิจกรรมตรงนี้ ซง่ึ แต่ละมหาวิทยาลัยอาจจะมีงบประมาณไม่เท่ากนั เพราะฉะนัน้ ในหลกั การ ให้หน่วยงานไหนที่มีความพร้อม มากกว่าอาจจะต้องสนับสนุนเข้ามามากกว่า เพื่อต้องการให้เครือข่ายมีการขยับขยายช่วยเหลือกันไปด้วยใน เวลาเดียวกนั อาจารย์ขรรค์เพชร ชายทวีป ได้สนับสนุนตามข้อเสนอของอาจารยไ์ พสิฐ พาณิชย์กุล และได้เสนอให้ การเลือกเจ้าภาพในปตี ่อไปอาจจะเรยี งตามตัวอกั ษร ถ้าเกิดว่ามหาวิทยาลัยใดไม่สะดวกที่จะรับเป็นเจ้าภาพก็ ให้ขยับให้มหาวิทยาลัยถัดไปรับเป็นเจ้าภาพต่อไป ส่วนเรื่องการของบสนับสนุนการทำงานของเครือข่าย ระหวา่ งมหาวิทยาลัยนัน้ ทางเครอื ขา่ ยฯ อาจจะแบง่ อะไรทเี่ ปน็ กิจกรรมพ้ืนฐานท่ีเครือข่ายฯ ตอ้ งทำท้ังปี โดย คำนวณงบประมาณออกมาและหารือกนั ว่าเครือข่ายจะมีการสมทบ จดั สรรงบประมาณมาช่วยกนั อย่างไร ผศ.สุทธิชัย งามชื่นสุวรรณ เห็นด้วยในหลักการที่จะเวียนกันเป็นเจ้าภาพ แต่มีประเด็นเสริมเรือ่ งของ การเตรียมงบประมาณสำหรับปีต่อไป ซึ่งในช่วงเมษายน–พฤษภาคม อาจจะต้องมีการเตรียมงบประมาณ สำหรบั ปีถัดไปแล้ว สว่ นประเดน็ การเลือกเจ้าภาพปีต่อไปนั้น ถ้าเครอื ข่ายฯ อาจใช้วิธแี บ่งระดับภูมิภาค เสนอ วา่ น่าจะได้กระโดดไปแตล่ ะภมู ภิ าคแต่ละปี จะไดไ้ มซ่ ำ้ อยูใ่ นแต่ภูมิภาคเดมิ มติทป่ี ระชุม 1. ปี 2564 ทางมหาวทิ ยาลัยเชียงใหมร่ บั เปน็ เจา้ ภาพเครือข่ายนติ ศิ าสตร์เพื่อสงั คม 2. การพิจารณาว่ามหาวิทยาลัยจะรับเป็นเจ้าภาพในปี 2565 ควรให้มีการประชุมพิจารณาอีกครั้ง ในชว่ งกลางปี 2564 และ แนวทางการพจิ ารณาเจ้าภาพในปี 2565 อาจจะแบง่ เป็นภูมภิ าค หรือ การจัดลำดับ เจา้ ภาพตามตวั อกั ษรรายช่อื มหาวทิ ยาลัย (การผลัดเปลี่ยนเจ้าภาพเครอื ขา่ ยฯ เปน็ รายป)ี 3. ในประชมุ พจิ ารณาอีกครั้งในชว่ งกลางปี 2564 ทีป่ ระชมุ เสนอให้หารือการพฒั นาความร่วมมือและ ดา้ นงบประมาณในการสนบั สนนุ การขบั เคล่ือนเครือข่าย ภาคผนวก ช - 2
วาระที่ 2 การพจิ ารณาหารอื การทำงานด้านวจิ ัย บริการวิชาการและ การเรียนการสอน ผศ.กิตติบดี ใยพูล ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนผ่านของนิติศาสตร์ ท่ีเป็นความจำเป็นของเครือข่ายฯ ท่ี จะต้องทำ เนื่องจากข้อมูลจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ ได้ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับบริบท สถานการณ์ปัจจุบันและปรับเปลี่ยนได้เร็วกว่าทางนิติศาสตร์ ตลอดจนประเด็นด้านการวิจัยบริการวิชาการ หรือการเรียนการสอน ทางเครือข่ายควรมาทำความเข้าใจในการเรียนการสอนที่ผ่านมาว่า นิติศาสตร์ควร จะต้องปรับอย่างไรให้ภาพของการเรียนนิติศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป นิติศาสตร์จะขยับขับเคลื่อนเรื่องอะไร ทง้ั น้ยี งั กล่าวเสริมวา่ กระบวนการเรยี นการสอนและการบริหารจดั การร่วมกนั เป็นเรื่องท่ีมคี วามสำคญั ในเร่ือง ของการเรียนการสอนนิติศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันล้าสมัยไปแล้ว การเรียนการสอนนิติศาสตร์จึงควรมีการเรียนการ สอนออนไลน์ การสอนรูปแบบใหม่ ซ่งึ เป็นประเดน็ ที่ทางเครือขา่ ยฯ ควรนำมาหารือและผลักดนั ต่อไป ทั้งนี้ ผศ.กิตติบดี ใยพูล ยังได้เสนอว่าควรเริ่มต้นโดย Group Reader ที่มีความเห็นความสำคัญและ ความตั้งใจแบบน้ี แต่แล้วนำมากำหนดแผนงาน บทบาทคณะนิตศิ าสตร์ บทบาทงานวิจยั วิชาการ งานบริการ สังคม การแลกเปลี่ยนนักศึกษา กับการพัฒนานักศึกษา อย่างไรก็ตาม อาจจะทำได้หรือไม่ได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับ ปจั จยั เงอื่ นไขและข้อจำกดั ในตัวของแต่ละมหาวิทยาลัยด้วย เป้าหมายสูงสุดของการทำงานเครือข่ายเพื่อที่จะให้เกิดผลผลิตที่มันเป็นรูปธรรม คือ การสร้าง กรอบคิดโดยเชือ่ ว่าในหลายๆ มหาวิทยาลัยทีจ่ ะมีกรอบคดิ ของตนเอง เช่น ถ้าเกิดเครือข่ายฯ จะดึงกระทรวง ขน้ึ มา จะตอ้ งดึงกระทรวงขนึ้ มาเพอ่ื ต่อยอดงานของเครือข่ายฯ หรอื มาสนับสนนุ จุดเด่นของแตล่ ะมหาวทิ ยาลัย เพื่อจะมาสร้าง Idea และเกิดการแชร์ซึ่งกันและกัน โดยมองว่าคุณค่าของเครือข่ายนิติศาสตร์เป็นการสร้าง กรอบความคิด ซงึ่ จะนำไปสู่การแบง่ ปนั และนำไปสู่การเชอื่ มโยงในทางปฏบิ ัตวิ ่า แตล่ ะมหาวทิ ยาลัยจะทำอะไร ตอ่ กัน เลอื กจดุ เด่นของแตล่ ะที่ เพราะฉะนัน้ เรากต็ ้องเขา้ ใจเรื่องข้อจำกดั ของการบริหารจัดการ ผศ.ดร.พรชยั วสิ ุทธศิ กั ดิ์ ไดก้ ลา่ วเสริมขอ้ เสนอของผศ.กิตตบิ ดี ใยพูล ว่าในปัจจบุ นั วชิ าชพี กฎหมายไม่ เป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนนิติศาสตร์ เนื่องจากในองค์กรวิชาชีพต่างๆ ก็มีการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับ บริบทสังคมที่เปลี่ยนไปเช่นกัน ดังนั้นกระบวนการเรียนการสอนนิติศาสตร์ควรต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ สอดคล้องกบั บริบทสงั คม / องค์กรวิชาชพี ทเ่ี ปลี่ยนไปด้วย สอดคล้องกับอาจารย์ไพสิฐ พาณิชย์กุล ที่กล่าวว่า เครือข่ายนิติศาสตร์เพื่อสังคม อาจจะมีกระบวน วิชาร่วมกันที่ในแต่ละมหาวิทยาลัยในเครือข่ายฯ สามารถสอน/แลกเปลี่ยนร่วมกันได้ ซึ่งอาจจะไม่อยู่ใน โครงการหลักสูตรเดิม เช่น ระบบคิดในทางกฎหมาย (mind set), การตั้งคำถามในกฎหมาย, กระบวนการให้ เหตุผลในทางกฎหมาย, ทักษะการคิดแบบมีเหตมุ ีผลในทางกฎหมาย เป็นตน้ มติทป่ี ระชุม - ให้มีการประชุมหารือในการหาแนวทางวิสัยทัศน์ (Vision) ร่วมกันแล้วนำมาวางแผนการทำงาน ร่วมกนั ในด้านวิจัย บรกิ ารวชิ าการและการเรียนการสอนตอ่ ไป วาระท่ี 3 แนวทางการดำเนินงานวจิ ัย และกจิ กรรมทางวิชาการรว่ มกบั สกธ. สำนักงานกิจการยตุ ิธรรม (สกธ.) ได้นำเสนอกำหนดการและแนวทางการจัดประชุมระดับชาติว่าด้วย งานยุติธรรม ซึ่งเป็นการประชุมวิชาการระดับชาติว่าด้วยงานยุติธรรม ครั้งที่ 18 “ทิศทางการบริหารงาน ยุติธรรมในยุค NEW Normal” โดยมีผู้ร่วมงานการประชุมประมาณ 200-300 คน และในรูปแบบออนไลน์ ประมาณ 1,000-1,500 คน ซึ่งคาดว่าจะจัดการประชุมวิชาการฯ ได้ประมาณเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 และในปนี ้ี ทางสำนักงานกิจการยุติธรรมไดจ้ ัดให้มีห้องประชุมเสวนาของเครือข่ายนิติศาสตร์เพ่ือสังคม ในการ ภาคผนวก ช - 3
ประชุมวนั แรกช่วงบ่าย หอ้ งคขู่ นาน ในหัวขอ้ “การสรา้ งกระบวนยตุ ธิ รรมไทยในยุค New Normal” เป็นการ นำเสนอผลงานวิชาการของเครอื ข่ายนติ ศิ าสตร์เพ่อื สังคม ในที่ประชุมหารือกันว่า รูปแบบเวทีเสวนาอาจจะเป็นการนำเสนอผลงานวิชาการ เรื่องเกี่ยวกับการ สร้างกระบวนการยุติธรรมในยุค New Normal แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นลักษณะการจัดเวที วิชาการเป็นอย่างไร ถ้าหากเป็นรูปแบบการนำเสนองานวิจัย และมีวิพากษ์ผลงาน ทางเครือข่ายฯ อาจจะมี กำหนดผู้วิพากษ์ งานวิจัยที่สามารถนำเสนอตามช่วงเวลานี้ได้ประมาณ 3-4 วิจัย หรือมีเวลาการนำเสนอ ผลงานประมาณ 20–30 นาที และได้เสนอลักษณะการดำเนินการ / รูปแบบกิจกรรม ของเครือข่ายฯ อาจจะ เป็นรูปแบบเวทีวิชาการในลักษณะการ work shop ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น รูปแบบการนำเสนอ งานวิจัย/งานวชิ าการ และมกี ารวิพากษง์ านวิจัย/งานวิชาการ ผศ.ดร.พรชยั วสิ ุทธิศักด์ิ ได้เสนอวา่ ในนามของเครือขา่ ยนิติศาสตร์เพ่ือสงั คมอาจจะมีการพูดคุยเร่ือง Vision ของทางเครือข่ายฯ และเชิญตัวแทนเครือข่ายฯ 3-4 คนมาเสวนาประเด็นด้านต่างๆ เพื่อจะตอบโจทย์ สงั คมในอนาคต อาจารย์ขรรค์เพชร ชายทวีป ได้เสนอให้เพิ่มประเด็นการเรียนการสอนนิติศาสตร์ในอนาคตเป็น ประเด็นการเสวนาวิชาการฯ ด้วย ผศ.สุทธิชัย งามชื่นสุวรรณ ได้เสนอเพิ่มเตมิ ว่า เป้าหมายท่ีเราวางไว้ร่วมกนั คือ White Paper ซึ่งกวา่ จะถึงประชุมวิชาการของสำนักงานกิจการยุติธรรม ทางเครือข่ายฯ อาจจะมีเวลาพัฒนาตวั ร่าง White Paper ในการเรียนการสอนนติ ศิ าสตร์ การพฒั นาการเรียนการสอนนติ ิศาสตร์ไทยเป็นอย่างไรและนำเสนอรา่ ง White Paper ในเวทีเสวนาวิชาการฯประกอบควบคู่กับการนำเสนอผลงานทางวิชาการ ซึ่งน่าจะเป็นการเปิดตัวที่ดี ของเครือข่ายฯ ดว้ ย มตทิ ป่ี ระชมุ - ประเด็นรูปแบบการจัดเวทีวิชาการ จะมีการหารือเครือข่ายฯ ในการประชุมเครือข่ายฯ ครั้งต่อไป และที่ประชุมเสนอให้มีการพัฒนาร่าง white paper ประเด็นแนวทางการพัฒนาการเรยี นการสอนนิติศาสตร์ ไทย ทิศทางในอนาคตของกระบวนการยุติธรรม เพื่อใช้ในการนำเสนอในเวทีวิชาการระดับชาติว่าด้วยงาน ยุตธิ รรม คร้งั ที่ 18 วาระที่ 4 กฎหมายขายฝากที่สร้างความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชน มติท่ปี ระชมุ ที่ประชุมเสนอให้มีการนำประเด็นกฎหมายขายฝากทส่ี ร้างความเหล่ือมล้ำให้กบั ประชาชนมาหารือใน เครือข่ายนิติศาสตร์เพื่อสงั คมอีกครั้ง เพื่อการพัฒนาเป็นข้อเสนอแนะของเครอื ข่ายฯ และอาจจะมีการจัดเวที ประเด็นความเหล่อื มลำ้ จากการขายฝากในลกั ษณะประชุมออนไลน์ (ประมาณช่วง มนี าคม-เมษายน 2564) ภาคผนวก ช - 4
วาระท่ี 5 เร่อื งอ่นื ๆ ในการทำงานระยะต่อไปอาจจะต้องพัฒนาความรว่ มมือทางวิชาการกับทางศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ครับ เบื้องต้นทางอาจารย์ไพสิฐ พาณิชย์กุลได้เข้าไปหารือกับทางศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ซึ่งทางศูนย์ มานษุ ยวิทยาสริ ินธรสนใจแลกเปล่ียนแนวทางใหม่ๆ ในมมุ มองทางกฎหมาย และในขณะที่ศูนย์มานุษยวิทยาสิ รินธรก็อยากเข้าใจมุมมองทางกฎหมายเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นอาจจะเชื่อมโยงกันในแง่ของงานบริการ วิชาการงาน งานวิจัยและต่อยอด ทบทวน เสริมทักษะให้กับทางนกั กฎหมายด้วยในเชิงของการใช้มมุ มองของ ด้าน Anthropology of Law หรอื Sociology of law ในการท่จี ะมาพัฒนากรอบวจิ ยั ใหม่ๆ แนวทางการทำงานของเครือข่ายฯ ร่วมกับศูนย์มานุษยวิทยาสิริธร อาจารย์ไพสิฐ พาณิชย์กุลจะนำ ประเดน็ ของเครอื ขา่ ยฯ ไปหารอื การทำงานรว่ มกนั ระหว่างเครอื ขา่ ยฯ และศูนยม์ านุษยวิทยาสิรธิ รตอ่ ไป เลกิ ประชุมเวลา 12.00 น. (นายเขมชาติ ตนบุญ) ผู้จดรายงานการประชมุ (ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. พรชัย วสิ ุทธิศกั ด์ิ) ผตู้ รวจรายงานการประชมุ ภาคผนวก ช - 5
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116