รายงานฉบับสมบรู ณ์ โครงการวิจยั สถานการณก์ ารเขา้ ถงึ สขุ ภาพและสวสั ดกิ าร ของแรงงานขา้ มชาตใิ นจังหวดั เชยี งใหม่ (ภาคกิจการก่อสรา้ ง) ดร.ดรุณี ไพศาลพาณิชยก์ ลุ หวั หนา้ โครงการและนักวิจยั ภาสกร ญี่นาง ผู้ชว่ ยนกั วจิ ัย รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกลุ ทป่ี รกึ ษา ศนู ยว์ จิ ัยและพัฒนากฎหมาย คณะนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ 13 ธนั วาคม 2561
คำนำ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (2550-2559) กิจกรรมภาคกอ่ สร้าง เป็นประเภทการทำงานที่เกิดความ เสี่ยงในระหว่างการทำงานสูงที่สุด งานศึกษาชิ้นนี้ ประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ ส่วนแรก-จะเป็นการ ทบทวนถึงความเสี่ยงอันตรายจากการประสบอุบัติเหตุในระหว่างการทำงาน การเจ็บป่วยจากการ ทำงานในเชิงภาพรวม และการทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการคุ้มครองแรงงานจากความเสี่ยงด้าน อุบัติเหตุและสุขภาพจากการทำงาน ส่วนที่สอง-จะเป็นผลการศึกษาในเชิงพื้นที่ คือ 2 อำเภอเมือง ดอยสะเก็ต สนั กำแพง หางดง และสารภี ในจังหวัดเชียงใหม่ ในส่วนนี้ ทีมงานเลือกที่จะไม่ละเลยข้อมูล ที่จะอธิบายว่าแรงงานข้ามชาติในภาคก่อสร้างคือใครมาจากที่ไหน สาเหตุการเข้ามาทำงานในประเทศ ไทย และนำไปสู่การสะท้อนถึงลักษณะงานที่ทำ รายได้ สวัสดิการ ความเสี่ยงในเชิงกายภาพของ สถานที่ทำงาน ความเสี่ยงในความรู้สึกของตัวแรงงานเอง ฯลฯ และส่วนสุดท้ายจะเป็นบทสังเคราะห์ และข้อเสนอแนะจากการศกึ ษา เนื้อหาในส่วนที่สองที่กล่าวถึงชีวิตของแรงงานข้ามชาติในภาคก่อสร้างน้ัน ถือว่าเป็นส่วนที่ สำคัญทั้งในเชิงคนต้นเร่ืองวิจัย และกระบวนการทำงาน ซึ่งงานในส่วนนี้ย่อมไม่อาจลุล่วงไปได้ หาก ปราศจากการสนับสนุนจากสหพันธ์คนงานข้ามชาติ (MWF) และมูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของ แรงงานกล่มุ ชาติพนั ธุ์ (MAP) ทีร่ ว่ มลงเกบ็ ข้อมูล ทีมวิจัยต้องขอขอบพระคุณ มูลนิธิฟรีดริค เอแบร์ท (Friedrich Ebert Foundation-FES) ที่เห็น ความสำคญั ในประเดน็ นี้และสนับสนนุ ให้เกิดการวจิ ัยช้นิ น้ี คณะผู้วจิ ยั 13 ธนั วาคม 2561
สารบัญ ส่วนท่ี 1 บททบทวนความเสี่ยงจากการประสบอุบัติเหตุ และปัญหาสุขภาพจากการ ทำงานในกิจการภาคก่อสร้าง 1.1 ภาพรวม 1 1.1.1 ความความสญู เสยี ของแรงงานในภาคกจิ การกอ่ สรา้ ง 1 1.1.2 การเจบ็ ป่วยและโรคจากการทำงาน 8 1.2 กฎหมายที่เกย่ี วข้อง 11 1.2.1 การคมุ้ ครองตามกฎหมายภายในของประเทศไทย 11 1.2.1.1 กฎหมายที่เก่ยี วข้อง 11 1.2.1.2 กลไกดำเนนิ การเพอ่ื ความปลอดภยั อาชีวอนามัยและ 13 สภาพแวดล้อมทีด่ ใี นการทำงาน 1.2.1.3 การปฏิบตั ิตามหลักเกณฑเ์ กี่ยวกับความปลอดภยั อาชีวอนามยั ฯ 16 เปน็ หน้าทีข่ องท้ังนายจ้างและลูกจา้ ง 1.2.2 มาตรฐานการคุ้มครองแรงงานในทางระหว่างประเทศ 17 1.2.3 ทางปฏิบตั ิจรงิ 18 ข้อเสนอแนะในสว่ นของเจา้ หน้าที่ 20 ส่วนท่ี 2 แรงงานข้ามชาติในกจิ การภาคกอ่ สรา้ งในจังหวดั เชียงใหม่ 21 2.1 กอ่ นการย้ายถน่ิ 2.2 ชีวติ และครอบครวั ของแรงงานข้ามชาติ 22 2.3 แรงงานไรฝ้ ีมอื และช่างฝมี ือที่ส่วนใหญ่เปน็ ผู้ชาย 24 2.4 ปัจจยั ในการขนึ้ ค่าแรง 28 2.5 สวสั ดิการทีต่ อ้ งดแู ลตวั เอง 30 2.6 บ้านพกั ของคนงาน 31 2.7 ความปลอดภัยในการทำงาน 31 2.8 การประสบอุบัติเหตุอนั เนื่องมาจากการทำงาน 31 2.9 การประเมนิ ความเสีย่ งโดยแรงงานข้ามชาติ 33 2.9.1 ความเสีย่ งทีเ่ กดิ จากการสดู ดม หรอื สมั ผสั ที่แรงงานคดิ วา่ นา่ จะเกิดขึน้ ได้ 35 2.9.2 แผนทีค่ วามเสยี่ งด้านสุขภาพ 35 2.9.10 แผนที่ความเสี่ยงในสถานทีท่ ำงาน 36 2.10 การเขา้ ถึงบริการดา้ นสขุ ภาพ 39 2.11 ปัญหาอื่นๆ 44 45
ล้อมกรอบ : กรณีแรงงานข้ามชาติผันตวั เองมาเป็นผู้รับเหมาก่อสรา้ ง 46 2.12 ขอ้ เสนอแนะจากแรงงานข้ามชาติ 49 สว่ นท่ี 3 แรงงานข้ามชาติในภาคก่อสรา้ ง : “ชา่ งฝีมอื ” ทถ่ี ูกทำใหม้ องไม่เหน็ 50 สว่ นท่ี 4 บทสรุปข้อค้นพบ และขอ้ เสนอแนะ 57 4.1 สรปุ ขอ้ ค้นพบ 57 4.2 ข้อเสนอแนะ 60 ภาคผนวก 64 แนวคำถาม (กรณีแรงงานทีเ่ ป็นนายจ้าง) 68 แนวคำถาม (กรณีแรงงาน ลกู จา้ ง)
สารบญั แผนภาพ ตารางและภาพ แผนภาพ จำนวนลกู จา้ งที่ประสบอนั ตรายในกจิ การก่อสรา้ ง 2550-2560 1 แผนภาพที่ 1 การประสบอบุ ตั ิเหตใุ นระหว่างการทำงานในภาคกอ่ สรา้ งของแรงงาน 2 แผนภาพที่ 2 ข้ามชาติ 3 สัญชาติ (2558-2559) 5 อันดับแรก (จาก 24) สาเหตุของการประสบอนั ตรายระหวา่ งการ 4 แผนภาพที่ 3 ทำงาน 5 สงิ่ (จาก 16) ที่ทำให้แรงงานในกจิ การกอ่ สรา้ งประสบอนั ตราย 5 แผนภาพที่ 4 5 อวยั วะ (จาก 7) ทไี่ ด้รบั อนั ตรายสงู สดุ ในภาคก่อสรา้ ง 6 แผนภาพที่ 5 5 อนั ดบั แรก (จาก 16) ของอาการบาดเจ็บของแรงงานในกาคกิจการ 7 แผนภาพที่ 6 กอ่ สรา้ ง สถติ ิการเจบ็ ป่วยเนื่องจากโรคจากการทำงาน (2554-2560) 9-10 แผนภาพที่ 7 กลไกการคมุ้ ครองสิทธิแรงงาน 15 แผนภาพที่ 8 แรงงานข้ามชาตใิ นกจิ การภาคก่อสรา้ งมาจากสว่ นไหนของเมียนมา 23 แผนภาพที่ 9 ผู้ร่วมเดินทางของแรงงานขา้ มชาติ 24 แผนภาพที่ 10 แรงงานข้ามชาตใิ นกิจการกอ่ สรา้ งเขา้ มาในประเทศไทยปีใด 25 แผนภาพที่ 11 เอกสารแสดงตนที่แรงงานถอื ตอนเข้ามาประเทศไทยคร้ังแรก 26 แผนภาพที่ 12 เอกสารแสดงตนที่แรงงานถอื ในปัจจุบัน 27 แผนภาพที่ 13 ราคาของการเข้าสกู่ ระบวนการจา้ งแรงงาน 28 แผนภาพที่ 14 ค่าจ้างแรงงานชายและหญงิ 29 แผนภาพที่ 15 ตาราง ช่องทางการเดนิ ทางของแรงงาน ณ จดุ ชายแดนไทย-เมยี นมาร์ 24 ตารางที่ 1 ความเหน็ ของแรงงานผู้ชายและผู้หญงิ ต่อค่าจา้ งทไี่ มเ่ ท่ากนั 30 ตารางที่ 2 ผู้ร่วมเดินทางของแรงงานขา้ มชาติผันตัวเองมาเป็นผู้รับเหมา 46 ตารางที่ 3
ภาพ อุปกรณ์เพอ่ื ความปลอดภยั ในการทำงานทีแ่ รงงานตอ้ งซอ้ื หาเอง (1) 32 ภาพที่ 1 อปุ กรณเ์ พ่อื ความปลอดภยั ในการทำงานที่แรงงานตอ้ งซอ้ื หาเอง (2) 32 ภาพที่ 2 กระบวนการจัดทำแผนที่ความเสีย่ งด้านสขุ ภาพ 36 ภาพที่ 3-4 แผนที่ความเสี่ยงดา้ นสุขภาพ กรณีแรงงานหญิง 37 ภาพที่ 5 แผนที่ความเสี่ยงดา้ นสขุ ภาพ กรณีแรงงานชาย 38 ภาพที่ 6 กระบวนการจดั ทำแผนที่ความเสีย่ งในพนื้ ที่ทำงาน 39 ภาพที่ 7 แผนที่ความเสี่ยงในทีท่ ำงาน (ภายในอาคาร) 42 ภาพที่ 8 แผนทีค่ วามเสี่ยงในทีท่ ำงาน (ภายนอกอาคาร) 43 ภาพที่ 9
1 1. บททบทวน : ความเสีย่ งจากการประสบอุบตั เิ หตุ และปญั หาสขุ ภาพจากการทำงานในกิจการภาคก่อสรา้ ง 1.1 ภาพรวม 1.1.1 ความเสีย่ ง ความสญู เสียของแรงงานในภาคกิจการก่อสร้าง ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ.2550-2559) กิจการภาคก่อสร้างของประเทศไทยเป็น ประเภทกิจการที่ลูกจ้างประสบอันตรายในระหว่างการทำงานสูงสุด1 รองลงมาคือ ภาคการผลิต เคร่ืองดื่ม อาหาร, อันดับสาม-ภาคการค้าเคร่ืองไฟฟ้า ยานพาหนะ, อันดับสี่-ภาคการผลิตผลิตภัณฑ์ พลาสตกิ และอนั ดับหา้ -ภาคการหลอ่ หลอม กลึงโลหะ แผนภาพท่ี 1 จำนวนลกู จ้างทีป่ ระสบอันตรายในกิจการกอ่ สร้าง 2550-2560 ที่มาของขอ้ มลู : สำนักงานประกันสงั คม 2550-2560 1 สถานการณ์การประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนอ่ื งจากการทำงาน สำนักงานประกนั สงั คม ปี 2550-2554 หนา้ 12, 2551-2555 หนา้ 13, 2552-2556 หนา้ 13 , 2553-2557 หนา้ 13, 2554-2558 หน้า 13 , 2555-2559 หน้า 14 , 2556-60 หน้า 14, สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวัดเชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
2 มีข้อน่าสังเกตว่า เม่ือพิจารณาเฉพาะแรงงานต่างชาติ (ทุกสัญชาติ) ก็พบว่าประเภทกิจการที่ แรงงานประสบอุบัติเหตุสูงสุดในระหว่างการทำงานก็คือ กิจการภาคก่อสร้าง (สถิติปี พ.ศ. 25582) เช่นเดียวกันกับแรงงานข้ามชาติ 3 สัญชาติ (เมียนมา ลาวและกัมพูชา) ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ในช่วงปีพ.ศ. 2558-25593 ก็พบว่าประสบอุบัติเหตุในระหว่างการทำงานในภาคก่อสร้างสูงที่สุด (ดู แผนภาพที่ 2) แผนภาพท่ี 2 ที่มาของข้อมูล: สำนักงานประกนั สงั คม 2558-2559 2 ประเภทกิจการที่แรงงานต่างชาติ (ทุกสัญชาติ) ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเน่ืองจากการทำงาน สูงสุด 5 อันดับ แรก ได้แก่ (1) การกอ่ สร้าง (2) การผลิตเครื่องดม่ื ถนอมอาหาร (3) การผลิตผลิตภณั ฑพ์ ลาสตกิ (4) การฆ่าสัตว์ (5) การผลิตยาง ผลิตภัณฑ์จากยาง, ดู สถิติการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเน่ืองจากการทำงานของแรงงาน ตา่ งชาติ ปี 2558, หน้า 14 3 สถิติการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเน่ืองจากการทำงานของแรงงานต่างชาติ สถิติการประสบอันตรายหรือ เจ็บป่วยเน่ืองจากการทำงานของแรงงานต่างด้าว (พม่า กัมพูชา ลาว) สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) การก่อสร้าง (2) การผลิตเครื่องดม่ื ถนอมอาหาร (3) การผลิตผลิตภัณฑ์พลาสตกิ (4) การฆ่าสัตว์ (5) การผลิตยาง ผลิตภัณฑ์ จากยางปี 2558, หนา้ 10 และ ปี 2559 , หนา้ 13 สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวดั เชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
3 ทางสำนักงานกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานได้ทำการ เก็บข้อมูลเชิงสถิติถึงรายละเอียดของการประสบอันตรายในระหว่างการทำงานของแรงงานในภาค ก่อสร้าง ในประเด็นสาเหตุของการประสบอันตราย สิ่งที่ทำให้แรงงานประสบอันตราย อวัยวะที่ได้รับ อันตราย และผลของการประสบอันตราย โดยมีรายละเอียดดงั ตอ่ ไปนี้ สาเหตขุ องการเกิดอุบตั ิเหตุในระหวา่ งการทำงาน สาเหตุหลักๆ ทีท่ ำให้ลกู จา้ งประสบอันตรายจากทีม่ กี ารรวบรวมไว้ 24 สาเหตุ (1) ตกจากท่สี งู (2) หกล้ม ลืน่ ล้ม (3) อาคารหรอื สิง่ กอ่ สรา้ งพงั ทบั (4) วัตถุหรอื สิ่งของพงั ทลาย /หลน่ ทบั (5) วัตถหุ รอื สิง่ ของกระแทก /ชน (6) วัตถหุ รอื สิง่ ของหนีบ /ดึง (7) วัตถหุ รอื สิ่งของตดั /บาด /ทิ่มแทง (8) วัตถหุ รอื สิ่งของหรอื สารเคมีกระเดน็ เข้าตา (9) ประสบอันตรายจากการยกหรอื เคลือ่ นย้ายของหนกั (10) ประสบอันตรายจากการยกหรอื เคลือ่ นย้ายของหนกั (10) ประสบอันตรายจากทา่ ทางการทำงาน (11) อุบัติเหตจุ ากยานพาหนะ (12) วตั ถุหรอื สิง่ ของระเบิด (13) ไฟฟ้าชอ๊ ต (14) ผลจากความรอ้ นสงู /สัมผสั ของรอ้ น (15) ผลจากความเย็นจดั / สัมผสั ของเยน็ (16) สมั ผัสสิ่งมีพษิ สารเคมี (17) อันตรายจากรังสี (18) อนั ตรายจากแสง (19) ถกู ทำร้ายรา่ งกาย (20) ถกู สัตว์ทำร้าย (21) โรคที่เกดิ ขนึ้ ตามลกั ษณะ หรือสภาพของงาน หรอื เนื่องจากการทำงาน (22) ภัยพิบตั ิ (23) การก่อวินาศกรรม (24) อื่น ๆ พบว่า 5 อันดับแรกของสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ คือ อันดับแรก-วัตถุหรือสิ่งของ พังทลาย/หล่นทับ จำนวน อันดับสอง-วัตถุหรือสิ่งของตัด/บาด/ทิ่มแทง อันสาม-วัตถุ/สิ่งของ/สารเคมี กระเด็นเข้าตา อันดับสี่-วัตถุหรือสิ่งของกระแทก/ชน และอันดับห้า-ตกจากที่สูง (ดูแผนภาพที่ 3 ประกอบ) สถานการณก์ ารเข้าถึงสุขภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวดั เชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
4 แผนภาพท่ี 3 ทีม่ าของขอ้ มลู : สำนกั งานประกันสงั คม 2550-2560 สิ่งที่ทำให้แรงงานประสบอันตรายในระหว่างการทำงาน จากสิ่งทีท่ ำให้แรงงานประสบอันตรายในระหว่างการทำงานมปี ระมาณ 16 อยา่ ง (1) เครอ่ื งมือ (2) เครอ่ื งจกั ร (3) อาคารหรอื สิง่ ก่อสรา้ ง (4) วตั ถหุ รอื สิ่งของ (5) ทา่ ทางการงาน (6) ยานพาหนะ (7) วตั ถุระเบิด (ยกเว้นก๊าซ) (8) ก๊าซ (9) หม้อไอน้ำและถงั ความดัน (10) ไฟฟ้าและอปุ กรณ์ไฟฟ้า (11) สิง่ มีพษิ สารเคมี (12) สภาพแวดล้อมเกี่ยวกับการทำงาน (13) ภยั ธรรมชาติ (14) เชือ้ โรค (15) คนหรอื สัตว์ (16) อื่น ๆ พบว่า 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับหนึ่ง-วัตถุหรือสิ่งของ อันดับสอง-อาคารก่อสร้าง อนั ดับสาม-เคร่อื งมือ อันดับสี่-สภาพแวดล้อมในการทำงาน และอันดับหา้ -เครื่องจักร จากความเสี่ยง (ดูแผนภาพที่ 4) สถานการณ์การเข้าถึงสุขภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวัดเชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
5 แผนภาพท่ี 4 ทีม่ าของขอ้ มลู : สำนักงานประกันสงั คม 2550-2560 อวัยวะที่มักได้รับอนั ตรายในระหว่างการทำงานในภาคก่อสร้าง อวัยวะที่มักได้รับอันตรายในระหว่างการทำงานในภาคก่อสร้างที่สำนักงานกองทุนเงิน ทดแทนรวบรวมไว้ทั้งหมด 27 อวัยวะ (1) ศรีษะ (2) ตา (3) จมูก (4) หู (5) ปาก ฟัน ขากรรไกร และส่วนต่าง ๆ ในช่อง ปาก (6) ใบหน้า (7) คอ (8) หลัง (9) กระดูกซีโ่ ครง /กระดกู ชายโครง /ลำตวั (10) อกและอวยั วะภายในช่องอก (11) กระดกู เชิงกราน ท้องและอวยั วะในชอ่ งท้อง (12) อวยั วะเพศ (13) บา่ /ไหล่ / สะบกั / รักแร้ (14) แขน /ศอก /ข้อศอก (15) ข้อมือ (16) มือ (17) นิว้ หัวแม่มือ (18) นวิ้ มือ (19) เอว (20) สะโพก ก้น (21) ขา / หน้าแข้ง / น่อง /เข่า /หวั เข่า (22) ข้อเท้า / ตาตุม่ (23) เท้า / ส้นเท้า /งา่ มนิว้ เท้า (24) นวิ้ เท้า (25) บาดเจ็บหลายส่วน บาดเจ็บตามรา่ งกาย (26) ระบบหมนุ เวียนโลหิต (27) อืน่ ๆ (ไมส่ ามารถระบอุ วัยวะได้) สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวัดเชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
6 พบว่า โดย 5 อันดับแรกได้แก่ อันดับหนึ่ง-ตา อันดบั สอง-นิ้วมือ/น้ิวเท้า อันดับสาม-เท้า/ส้น เท้า/ง่ามนิ้วเท้า อันดับสี่-บาดเจ็บหลายส่วน บาดเจ็บตามร่างกาย อันดับห้า-ขา/หน้าแข้ง/น่อง/เข่า/หัว เข่า (ดแู ผนภาพที่ 5) แผนภาพท่ี 5 ทีม่ า : ดัดแปลงข้อมูลจากสำนกั งานประกนั สงั คม 2550-2560 ผลของการประสบอันตราย จากสภาพการบาดเจ็บจากการประสบอันตรายในระหว่างการทำงานจำนวน 16 ลักษณะ (1) กระดกู หกั กระดกู แตก กระดูกร้าว (2) ข้อต่อเคลือ่ น (3) ข้อต่อเคล็ด และการอักเสบตึงตัวของกล้ามเนื้อ (4) การถกู กระแทกและการบาดเจ็บภายในอื่น ๆ ที่ไมป่ รากฏ (5) การตัดขาด และการเลาะคว้าน ทำลายอวัยวะ (6) บาดแผลอื่น ๆ (บาดแผลลึก) (7) บาดแผลตนื้ (8) การฟกช้ำ และการถูกชน การถกู เบียด (9) บาดแผลไหม้ (10) การได้รับสารพิษ สารเคมี สถานการณก์ ารเข้าถึงสุขภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวัดเชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
7 (11) ผลจากสภาพอากาศ การสัมผัส และสถานะที่เก่ยี วข้อง (12) การหายใจไมอ่ อกเนือ่ งจากโลหิตขาดออกซิเจน (13) ผลจากกระแสไฟฟ้า (14) ผลกระทบจากรงั สี (15) สภาพการบาดเจบ็ หลายอยา่ ง (16) สภาพการบาดเจ็บอื่น ๆ พบว่า 5 ลักษณะการบาดเจ็บ ได้แก่ อันดับแรก-เกิดบาดแผลลึก, อันดับสอง-ข้อต่อเคล็ด และการอักเสบตึงตวั ของกล้ามเนื้อ, อันดับสาม-บาดแผลตืน้ , อนั ดบั สี่-กระดูกหกั กระดูกแตก กระดูก ร้าว และอันดบั หา้ -การฟกช้ำ การถูกชน การถูกเบียด (ดูแผนภาพที่ 6) แผนภาพท่ี 6 ที่มา : ดดั แปลงข้อมลู จากสำนกั งานประกนั สงั คม 2550-2560 สถานการณก์ ารเข้าถึงสขุ ภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวดั เชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
8 1.1.2 การเจ็บปว่ ย และโรคจากการทำงานในกิจการภาคกอ่ สร้าง เป็นที่ทราบกันดีว่า โรคที่เกิดขึ้นตามลักษณะ หรือสภาพของงาน หรือเน่ืองจากการ ทำงาน (Occupational diseases)4 เป็นเร่อื งที่ยากต่อการพิสูจน์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุของการ เกิดโรค กับอาการเจ็บป่วย หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสุขภาพของแรงงาน แต่มีข้อน่าสังเกตว่าใน กิจการภาคก่อสร้างนั้น สำนักงานกองทุนเงินทดแทนได้ดำเนินการจัดเก็บข้อมูล โรคที่เกิดจากการ ทำงาน จำนวน 5 โรค โดยข้อมูลปรากฏนับจากปี 2554-2558 มีการบันทึกเพิ่มขึ้นอีก 1 โรค ในปี 2556 คือ โรคอื่น ๆ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงาน หรือเนื่องจากการทำงาน และอีก 1 โรคในปี 2560 คือ โรคหตู งึ จากเสียง รวมเป็น 7 โรค (ดูแผนภาพที่ 7 ประกอบ) ได้แก่ (1) โรคหตู งึ จากเสียง (2) โรคจากแสงอลั ตราไวโอเลต (3) โรคทีเ่ กิดจากสาเหตทุ างชีวภาพ (4) โรคผิวหนังที่เกิดจากสาเหตุทางกายภาพเคมี หรือชีวภาพอื่น ซึ่งพิสูจน์ได้ว่ามี สาเหตุเนอ่ื งจากการทำงาน (5) โรคผวิ หนงั อ่นื ซึ่งพิสูจนไ์ ด้ว่ามีสาเหตจุ ากการทำงาน (6) โรคระบบกล้ามเนื้อและโครงสร้างกระดูกที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงาน หรือ สาเหตจุ ากลักษณะงานที่จำเพาะ หรอื มีปัจจัยเสีย่ งสูงในสิ่งแวดล้อมการทำงาน (7) โรคอืน่ ๆ ซึ่งพิสูจนไ์ ด้วา่ เกิดขึน้ จากลักษณะหรอื สภาพของงาน หรือเนื่องจากการ ทำงาน 4 โรคจากการทำงาน โรคหรือความเจ็บป่วยที่เกิดกับคนทำงานโดยมีสาเหคุจากการสัมผัส สิ่งคุกคามสุขภาพในที่ ทำงาน ซึง่ อาการเจ็บป่วยเกิดขึ้นกบั ผู้ปกิบัตงิ านในขณะทำงาน หรือหลังจากทำงานเป็นเวลาน โรคบางอย่างอาจเกิด ภายหลังหยดุ –ลาออกจากงานนนั้ แลว้ รวมถึงโรคท่ีสัมพันธ์กับงาน (Work-Related Diseases) โรคจากการทำงานที่มี สาเหตุมาจากปัจจัยได้หลายอย่าง (Multifactorial diseases) รวมทั้งปัจจัยจากการทำงานด้วย ท้ังน้ีปัจจัยต่าง ๆ ที่มี ส่วนทำให้เกิดโรค อาจได้แก่ พันธกุ รรม พฤติกรรมสุขภาพของคนทำงาน ท่าทางการทำงาน ลักษณะหรือระบบงานที่ ไมเ่ หมาะสม และโรคท่เี พ่ิมเตมิ ซ้ำจากงาน (Work-Aggravated Diseases) เปน็ โรคจากการทำงานโดยมีสาเหตุจากงาน เพ่มิ ข้ึนจากเหตโุ รคเดิม ทำให้โรคเดิมมกี ารกำเริบ หรอื รุนแรง สถานการณก์ ารเข้าถึงสขุ ภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวดั เชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
9 แผนภาพท่ี 7 สถติ ิการเจ็บปว่ ยเนือ่ งจากโรคจากการทำงาน (2554-2560) สถานการณ์การเข้าถึงสุขภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวัดเชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
10 ทีม่ า : สำนกั งานกองทุนเงินทดแทน สถานการณ์การเข้าถึงสุขภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวดั เชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
11 1.2 การคุ้มครองทางกฎหมายเพื่อให้แรงงานปลอด-พ้นจากความเส่ียงอันตรายใน กจิ การกอ่ สร้าง และทางปฏิบตั ิของเจา้ หน้าที่ 1.2.1 การคมุ้ ครองตามกฎหมายภายในของประเทศไทย 1.2.1.1 กฎหมายท่เี กีย่ วข้อง เดิม การคุ้มครองแรงงานจากความเสี่ยง รวมถึงการคุ้มครองแรงงานเม่ือประสบ อันตรายจากการทำงาน หรือเจ็บป่วยจากการทำงานเป็นไปตามหมวด 8 ว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานแห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.25415 ผ่านกฎทรวง ฉบับที่เกี่ยวข้องคือ กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานกอ่ สร้าง พ.ศ. 25516 5 ก่อนหนา้ น้ันคือ ประกาศคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ 103 ว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน 6 ภายใต้ หมวด 8 พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานได้มีการประกาศใช้กฎกระทรวงเกี่ยวกับมาตรฐานในการบริหารจัดการ และดำเนินการดา้ นความปลอดภัย อาชวี อนามัยและสภาพแวดลอ้ ม ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฯ รวม 8 ฉบับ คือ - กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดลอ้ มในการทำงานในทีอ่ บั อากาศ พ.ศ. 2547 - กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดลอ้ มในการทำงานเกย่ี วกับรังสชี นิดก่อไอออน พ.ศ. 2547 - กฎกระทรวงกำหนดหลักเณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างและส่งผลการตรวจแก่พนักงานตรวจ แรงงาน พ.ศ.2547 - กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของลกู จ้างและส่งผลการตรวจแก่พนักงานตรวจ แรงงาน พ.ศ. 2547 - กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดลอ้ มในการทำงานเกย่ี วกับงานประดาน้ำ พ.ศ.2548 - กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดลอ้ มในการทำงาน พ.ศ. 2549 - กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดลอ้ มในการทำงานเก่ียวกบั ความร้อน แสงสว่าง และ เสยี ง พ.ศ. 2549 - กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและ สภาพแวดลอ้ มในการทำงานเกย่ี วกบั งานกอ่ สร้าง พ.ศ.2551 - กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดลอ้ มในการทำงานเก่ยี วกับเครอ่ื งจักร ปั้นจนั่ และหม้อนำ้ พ.ศ.2552 - กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทำงาน (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2553 สถานการณก์ ารเข้าถึงสุขภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวดั เชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
12 ต่อมา ได้มีการยกเลิกหมวด 8 แห่งพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฯ ในปีพ.ศ.25537 และได้มี การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีว อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 (บังคับใช้เม่ือวันที่ 16 กรกฎาคม 2554) โดยในช่วงเริ่มต้นของการบังคับใช้พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัยฯ กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้นำกฎกระทรวงฉบับต่าง ๆ ที่ออกโดยหมวด 8 แห่งพ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฯ มาใช้ไปพลางก่อน (มาตรา 74 บทเฉพาะกาล) อยา่ งไรกด็ ี จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการ ออกกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมใน กิจการภาคกอ่ สร้าง จงึ ยังคงใชก้ ฎกระทรวงฉบบั เดิมตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฯ8 นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ.2537, ประกาศ กระทรวงแรงงาน เร่ือง กำหนดชนิดของโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะ หรือสภาพของงาน หรือเน่ืองจาก การทำงาน พ.ศ.2550 รวมถึงตามกฎหมายฉบับอื่น9 7 พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2553 8 พ.ร.บ. ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน 2554 ได้ออกกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับ การกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการและดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมใน การทำงานดา้ นตา่ ง ๆ จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ - กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จดั การและดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและ สภาพแวดลอ้ มในการทำงานเกย่ี วกับการป้องกนั และระงับอัคคีภัย พ.ศ.2555 - กฎกระทรวงการเป็นหนว่ ยงานฝึกอบรมดับเพลงิ ขั้นต้น และการเป็นหน่วยงานฝึกซ้อมดับเพลงิ และฝึกซ้อม อพยพหนไี ฟ พ.ศ.2556 - กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จดั การและดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและ สภาพแวดลอ้ มในการทำงานเก่ยี วกบั สารเคมีอนั ตราย พ.ศ.2556 - กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงานเก่ยี วกบั ไฟฟา้ พ.ศ.2558 - กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการและดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและ สภาพแวดลอ้ มในการทำงานเกีย่ วกับความร้อน แสงสวา่ งและเสียง พ.ศ.2559 9 พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 ดู ประกาศคณะกรรมการแรงงานรฐั วิสาหกิจสมั พนั ธ์ เรือ่ ง มาตรฐาน ข้ันต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2549, พ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ.2553, พ.ร.บ.คุ้มครอง แรงงาน พ.ศ.2541 แก้ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2551 ดกู ฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2541) กำหนดประเภทของงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้าง, กฎกระทรวงฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2541) กำหนดประเภทของงานที่ห้ามมิให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กต่ำกกว่า 18 ปี ทำ, กฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ.2541) กำหนดเกี่ยวกบั การคุ้มครองแรงงาน ในงานบรรทกุ หรือขนถ่ายสินค้าเรือเดนิ ทะเล, กฎกระทรวงกำหนดอตั ราน้ำหนัก ที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานได้ พ.ศ.2547, กฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในภาคเกษตรกรรม พ.ศ.2547, กฎกระทรวงวา่ ด้วยการจัดสวสั ดกิ ารในสถานประกอบกจิ การ พ.ศ.2548 สถานการณก์ ารเข้าถึงสุขภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวดั เชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
13 1.2.1.2 กลไกดำเนินการเพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมท่ี ดีในการทำงาน พ.ร.บ.ความปลอดภัยอาชีวอนามัยฯ กำหนดให้มีกลไกดำเนินการเพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมที่ดีดงั ต่อไปนี้ 1) พนักงานตรวจความปลอดภัย ผู้มีอำนาจตรวจสอบ, สัง่ และดำเนินการแทน พนักงานตรวจความปลอดภัยนับเป็นกลไกที่สำคัญของ พ.ร.บ. ความปลอดภัย อาชีวอนามัยฯ เพราะเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่สำคัญ 3 ประการตามกฎหมายฉบับนี้ คือ เข้าไปในสถาน ประกอบการเพื่อตรวจสอบ บันทึกภาพและเสียง เก็บตัวอย่าง สอบถามข้อเท็จจริง (มาตรา 35)10, มี อำนาจสั่งให้ผู้ประกอบกิจการ หยุดกระทำการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย หรือแก้ไข ปรับปรุง หรือให้นายจ้าง 10 หมวด 5 พนกั งานตรวจความปลอดภัย มาตรา 35 ในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ตามพระราชบัญญัตนิ ้ี ให้พนักงานตรวจความ ปลอดภัยมอี ำนาจ ดังต่อไปน้ี (1) เข้าไปในสถานประกอบกจิ การหรือสำนกั งานของนายจ้างในเวลาทำการหรือเมอ่ื เกิดอบุ ตั ภิ ยั (2) ตรวจสอบหรือบันทึกภาพและเสียงเกี่ยวกบั สภาพแวดล้อมในการทำงานที่เกี่ยวกับความปลอดภยั อาชวี อนา มยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (3) ใชเ้ คร่อื งมือในการตรวจวดั หรือตรวจสอบเคร่อื งจกั ร หรืออปุ กรณใ์ นสถานประกอบกจิ การ (4) เก็บตัวอยา่ งของวัสดุหรือผลิตภณั ฑใ์ ด ๆ มาเพือ่ การวเิ คราะห์เกีย่ วกบั ความปลอดภยั (5) สอบถามข้อเท็จจริง หรือสอบสวนเรื่องใด ๆ ภายในขอบเขตอำนาจและเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาช้ีแจง รวมทั้งตรวจสอบหรือให้ส่งเอกสารหลักฐานทีเ่ กี่ยวข้องและเสนอแนะมาตรการป้องกันอันตรายต่ออธิบดีโดยเร็ว สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวดั เชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
14 ปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสม (มาตรา 36)11 รวมถึงเข้าดำเนินการแทนนายจ้างเพื่อจัดการแก้ไขปัญหา โดยนายจา้ งจะต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จา่ ย (มาตรา 37)12 2) ผูใ้ ห้บรกิ ารตรวจวดั ตรวจสอบฯ ผู้ให้บริการตรวจวัด ตรวจสอบทดสอบ รับรอง ประเมินความเสี่ยง จัดฝึกอบรม หรือให้คำปรึกษาเพื่อส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ซึ่งอาจ เป็นบุคคลหรือนิตบิ ุคคล และได้รบั ใบอนญุ าต (มาตรา 9, มาตรา 10) 3) ผู้ชำนาญการ ผู้ชำนาญการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ซึง่ มีใบอนุญาต (มาตรา 33) สามารถใหค้ ำแนะนำแกน่ ายจ้างในการจัดให้มีการประเมินอันตราย ศึกษา ผลกระทบของสภาพแวดล้อมในการทำงาน จัดทำแผนการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน 11 มาตรา 36 ในกรณีที่พนักงานตรวจความปลอดภัยพบว่า นายจ้าง ลูกจ้าง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี หรือกฎกระทรวงซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ หรือพบว่าสภาพแวดล้อมในการ ทำงาน อาคาร สถานที่ เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ลูกจ้างใช้จะก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่ลูกจ้าง ให้พนักงานตรวจ ความปลอดภัยมีอำนาจส่ังให้ผู้น้ันหยุดการกระทำที่ฝ่าฝืน แก้ไข ปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้องหรือเหมาะสมภายใน ระยะเวลาสามสิบวนั ถ้ามีเหตุจำเป็นไมอ่ าจดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาดังกลา่ วได้ พนกั งานตรวจความ ปลอดภัยอาจขยายระยะเวลาออกไปได้ไมเ่ กินสองครง้ั คร้ังละสามสิบวนั นับแต่วนั ที่ครบกำหนดเวลาดงั กล่าว ในกรณีจำเป็นเม่ือได้รับอนุมัติจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ให้พนักงานตรวจความปลอดภัยมี อำนาจสั่งให้หยุดการใช้เครื่องจักร อุปกรณ์ อาคารสถานที่ หรือผูกมัดประทับตราสิ่งที่อาจจะก่อให้เกิดอันตราย อย่างร้ายแรงต่อลูกจ้างดังกล่าวทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราว ในระหว่างการปฏิบัติตามคำสั่งของ พนักงานตรวจความปลอดภัยได้ เมื่อนายจ้างได้ปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องตามคำสั่งของพนักงานตรวจความ ปลอดภัยตามวรรคหน่ึงแล้ว ให้นายจ้างแจ้งอธิบดีหรือผู้ซึง่ อธิบดีมอบหมายเพ่อื พิจารณาเพกิ ถอนคำสงั่ ดงั กลา่ วได้ 12 มาตรา 37 ในกรณีทีน่ ายจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสงั่ ของพนักงานตรวจความปลอดภัยตามมาตรา 36 ถ้ามีเหตุอนั อาจ ก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานสมควรเข้าไปดำเนินการแทน ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่ง อธิบดีมอบหมายมีอำนาจสั่งให้พนักงานตรวจความปลอดภัยหรือมอบหมายให้บุคคลใดเข้าจัดการแก้ไขเพ่ือให้เปน็ ไป ตามคำสั่งนนั้ ได้ ในกรณีเช่นน้ีนายจ้างต้องเป็นผู้เสียคา่ ใชจ้ า่ ยสำหรบั การเข้าจดั การแก้ไขน้ันตามจำนวนทีจ่ า่ ยจริง ก่อนที่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายจะดำเนินการตามวรรคหน่ึง จะต้องมีคำเตือนเป็นหนังสือให้นายจ้าง ปฏิบตั ิตามคำสั่งของพนักงานตรวจความปลอดภยั ภายในระยะเวลาท่ีกำหนด คำเตือนดังกล่าวจะกำหนดไปพร้อมกับ คำสัง่ ของพนกั งานตรวจความปลอดภัยกไ็ ด้ ในการดำเนินการตามวรรคหน่ึง ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานขอรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพ่ือ เป็นเงินทดรองจ่ายในการดำเนินการได้ และเม่ือได้รับเงินจากนายจ้างแล้วให้ชดใช้เงินช่วยเหลือที่ได้รับมาคืนแก่ กองทุน สถานการณ์การเข้าถึงสุขภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวดั เชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
15 4) หน่วยงานท่ีมีอำนาจหน้าท่ีเกี่ยวข้องโดยตรง ได้แก่ กองความปลอดภัย แรงงาน13 กรมสวัสดิการและคมุ้ ครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน มีอำนาจหน้าที่ คือ (1) กำหนดและพัฒนามาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทำงาน (2) ควบคุมดูแลนายจ้าง ลูกจ้าง บุคคล นิติบุคคลหรือหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องใหป้ ฏิบัติตามกฎหมายเกีย่ วกบั ความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (3) ดำเนินการเกี่ยวกับการอนุญาต การขึ้นทะเบียน และกำกับดูแลมาตรฐานการให้บริการด้านความ ปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (4) พัฒนาระบบคุ้มครองความปลอดภัย แรงงาน มาตรการ และวิธีปฏิบัติดา้ นการตรวจความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการ ทำงาน (5) พัฒนาระบบสารสนเทศความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (6) ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย สง่ เสริม และพัฒนาเกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงาน (7) ส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการ ทำงาน และ (8) ปฏิบตั ิงานร่วมหรือสนบั สนุนการปฏิบตั ิงานของหน่วยงานอน่ื ทีเ่ กี่ยวข้อง โดยมีศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขตจำนวน 12 แห่ง, สำนักงานสวัสดิการและ คุ้มครองแรงงาน 76 แหง่ ทีม่ สี ่วนรว่ มในการดแู ลความปลอดภยั ฯ ระดบั จังหวดั แผนภาพท่ี 8 กลไกการคุ้มครองสิทธิแรงงาน 13 จัดตั้งขึ้นจากการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานใหม่ โดย การรวบ 2 หน่วยงานเดิมในสังกัด คือ กองตรวจความปลอดภัย และสถาบันความปลอดภัยในการทำงาน จัดต้ังเป็น สำนกั ความปลอดภยั แรงงาน และต่อมาเปลีย่ นชือ่ เรียกเป็น กองความปลอดภัยแรงงาน สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวัดเชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
16 1.2.1.3 การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัยฯ เป็นหน้าท่ี ของทงั้ นายจ้างและลกู จา้ ง 5) นายจ้าง (มาตรา 8, มาตรา 18 วรรคแรก) รวมถึงผู้รับเหมาช้ันต้น และ ผู้รับเหมาช่วง (มาตรา 23) จัดให้มีสภาพการทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย ถูก สขุ ลักษณะแก่ลกู จา้ ง และมีหน้าที่บริหารจัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทำงาน จะต้องจัดให้มีการประเมินอันตราย ศึกษาผลกระทบของสภาพแวดล้อม ในการทำงาน จัดทำแผนการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการ ทำงาน 6) ลกู จา้ ง (แรงงาน) ต้องป ฏิบัติตามหลักเกณ ฑ์ เกี่ยวกับ ความป ลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทำทงานของสถานประกอบการ (มาตรา 18 วรรคสอง) สถานการณก์ ารเข้าถึงสุขภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวดั เชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
17 1.2.2 มาตรฐานการคุ้มครองแรงงานในทางระหว่างประเทศ มาตรฐานแรงงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและอาชีวอนามัยภายใต้อนุสัญญา ระหว่างประเทศด้านแรงงาน (ILO Convention) มีมากกว่า 40 ฉบับ รวมถึงประมวลหลักปฏิบัติที่ดี (Code of Practice) ที่ ILO ให้การรับรอง ได้แก่ อนุสัญญาฉบับที่ 155 ว่าด้วยความปลอดภัยและ อาชีวอนามัย ค.ศ.1981 (Convention concerning Occupational Safety and Health and the Working Environment) และพิธีสารแนบท้ายเกี่ยวกับการรับรองนโยบายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ระดับชาติ, อนุสัญญาฉบับที่ 161 ว่าด้วยบริการอาชีวอนามัย ค.ศ.1985 (Convention concerning Occupational Health Services) เกี่ยวกับการจัดต้ังหน่วยบริการอาชีวอนามัยระดับสถานประกอบ กิจการ, อนุสัญญาฉบับที่ 187 ว่าด้วยกรอบเชิงส่งเสริมการดำเนินงานความปลอดภัย และอาชีวอนา มั ย 2 0 0 6 (Promotion Framework for Occupational Safety and Health Convention, 2006) ซึ่ ง ประเทศไทย14 ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับท่ี 187 (เม่ือวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2559 และมีผลใช้ 14 ปัจจุบันอนุสัญญาที่รัฐบาลไทยให้สัตยาบัน มีจำนวน 16 ฉบับ (1) อนุสัญญาฉบับที่ 29 ว่าด้วยการเกณฑ์แรงงาน หรือแรงงานบังคับ ค.ศ.1930 (Convention concerning Forced or Compulsory Labour), (2) อนุสัญญาฉบับที่ 100 ว่าด้วยค่าตอบแทนที่เท่ากัน ค.ศ.1951 (Equal Remuneration Convention, 1951), (3) อนุสัญญาฉบับที่ 105 ว่าด้วย การยกเลิกแรงงานบังคับ ค.ศ.1957 (Convention concerning the Abolition of Forced Labour), (4) อนุสัญญาฉบบั ที่ 111 (Convention concerning Discrimination in Respect of Employment and Occupation), (5) อนุสญั ญาฉบบั ที่ 138 ว่าด้วยอายุข้ันต่ำ ค.ศ.1973 (Convention concerning Minimum Age for Admission to Employment), (6) อนุสัญญา ฉบับที่ 182 ว่าด้วยการห้ามและการดำเนินการโดยท้นทีเพ่ือขจัดรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดของการใช้แรงงานเด็ก ค.ศ. 19 9 9 (Convention concerning the Prohibition and Immediate Action for the Elimination of the Worst Forms of Child Labour), (7) อนุสัญ ญาฉบับที่ 122 ว่าด้วยนโยบายการทำงาน ค.ศ.1964 (Convention concerning Employment Policy), (8) อนสุ ัญญาฉบับที่ 14 ว่าด้วยการหยุดพักผ่อนประจำสปั ดาห์ในงานอตุ สาหกรรม ค.ศ.1921 (Convention concerning the Application of the Weekly Rest in Industrial Undertakings), (9) อนุสัญญาฉบับที่ 19 ว่าด้วยการปฏิบัติโดยเท่าเทียมกันในเรื่องค่าทดแทนสำหรับคนงานชาติในบังคับ และคนต่างชาติ ค.ศ.1925 (Convention concerning Equality of Treatment for National and Foreign Workers as regards Workmen's Compensation for Accidents) (10)อนุสัญญาฉบับที่ 80 ว่าด้วยการแก้ไขบางส่วนของอนุสัญญา ค.ศ.1946 (Final Articles Revision Convention), (11) อนุสัญญาฉบับที่ 88 ว่าด้วยการจัดตั้งบริการจัดหางาน ค.ศ.1948, (12) อนุสัญญาฉบับที่ 116 ว่าด้วยการแก้ไขบางส่วนของอนุสัญญา ค.ศ.1961 (Final Articles Revision Convention) , (13) อนุสัญญาฉบับที่ 127 ว่าด้วยน้ำหนักสูงสุดที่อนุญาตให้คนงานคนหน่ึงแบกหามได้ ค.ศ.1967 (Convention concerning the Maximum Permissible Weight to Be Carried by One Worker), (14) อนุสัญญาฉบับที่ 159 ว่าด้วย การฟ้ืนฟูด้านการฝึกอาชีพและการจ้างงาน (บุคคลพิการ) ค.ศ.1983 (Convention concerning Vocational สถานการณ์การเข้าถึงสุขภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวดั เชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
18 บงั คับตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2560) โดยอนุสญั ญาดังกล่าวจัดเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศฉบับ พื้นฐานด้านความปลอดภัยในการทำงาน โดยประเทศภาคีจะต้องดำเนินการให้มีนโยบาย แผนงาน กฎหมาย/ระเบียบข้อบังคับ เพื่อให้การขับเคลื่อนงานความปลอดภัยฯ ของประเทศเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ โดยการส่งเสริมความปลอดภัยและอาชีวอนามัยเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างงานท่ีมี คุณค่า (Decent Work) ตามหลักการแห่งธรรมนูญ ILO อันมงุ่ หมายคุ้มครองป้องกันอุบัติเหตแุ ละโรค จากการทำงาน นอกจากนี้ หลักการงานที่มีคุณค่า ยังถูกกำหนดไว้ในเป้าหมายการพัฒนาที่ย่ังยืน ข้อ 8 ว่าด้วยการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ย่ังยืน โดยมีการจ้างงานและสร้างงานที่คุณค่าสำหรับ ทุกคน 1.2.3 ทางปฏิบตั ิจริง ในสว่ นนี้ สามารถสรปุ ถึงขอ้ ค้นพบได้ดังตอ่ ไปนี้ 1. เจ้าหนา้ ทีท่ ำงานภายใต้ตัวช้วี ดั ระบบเอกสาร15 ต้องออกตรวจ (ตรวจปกติ16 ตรวจ ตามคำร้อง ตรวจพิเศษ ตรวจอุบัติเหตุหรือโรคจากการทำงาน และตรวจติดตาม ผล) Rehabilitation and Employment (Disabled Persons) , (15 ) Maritime Labour Convention, 2006, as amended (MLC, 2006) ดู https://www.ilo.org/dyn/normlex/en/f?p=NORMLEXPUB:11200:0::NO::P11200_COUNTRY_ID:102843 15 พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน 2554 (8 ตัวช้ีวัด), กฎกระทรวงกำหนด มาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน 2549 (3 ตัวชวี้ ัด + 3 ตัวชี้วดั ย่อย), กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสขุ ภาพของลูกจ้าง และส่งผลการตรวจแก่ พนักงานตรวจแรงงาน 2547 (1 ตัวช้ีวัด), กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความ ปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เกี่ยวกับความร้อนแสงสว่าง และเสียง 2549 (1 ตัวช้ีวัด) เกี่ยวกับรังสีชนดิ ก่อไอออน 2547 (3 ตัวช้ีวัด) กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความ ปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกบั งานกอ่ สร้าง 2551 (5 ตัวช้วี ดั ), กฎกระทรวงกำหนด มาตรฐานในการบริหารและจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เกี่ยวกับ เครื่องจักร ป้ันจั่น และหม้อน้ำ 2552 (11 ตัวช้ีวัด) เกี่ยวกับงานประดาน้ำ (1 ตัวช้ีวัด) การป้องกันและระงับอัคคีภัย 2555 (4 ตวั ชีว้ ดั ) สารเคมีอนั ตราย 2556 (4 ตวั ชวี้ ัด) และเกีย่ วกบั ไฟฟา้ 2558 (2 ตัวชวี้ ัด) 16 แบ่งได้เปน็ 5 ระดับคือ A ที่มีการประสบอันตรายสูง, B ไม่มีระบบการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชวี อนา มัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน, C มีระบบการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทำงาน แต่ไม่ขับเคล่ือนระบบฯ และ D : ประเภทกลุ่มเสี่ยง, มีอัตราการประสบอันตรายสูง, มี กระบวนการทำงานทซ่ี บั ซ้อน, มสี ภาพการทำงานท่ไี ม่ปลอดภัย สถานการณ์การเข้าถึงสุขภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวดั เชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
19 2. สถานประกอบการในจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 11,020 แห่ง, ลูกจ้าง 158,150 คน กบั เจ้าหน้าที่ตรวจความปลอดภยั 5 คน (พื้นที่ 1 จำนวน 2 คน, พ้ืนทีท่ ี่ 2 จำนวน 2 คน, นิติกร 1 คน) กบั ภารกิจท้ังหมด17 3. นายจ้างไม่ปฏิบตั ิตามด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อม 4. แรงงานไม่สวมใสอ่ ุปกรณ์ป้องกนั ความเสีย่ ง/เพื่อความปลอดภยั 5. อุปกรณ์ที่แรงงานใช้ ส่วนใหญ่แรงงานซื้อเอง และอุปกรณ์ทั้งหมดไม่สามารถ ป้องกนั ความเสี่ยง หรอื ไมไ่ ด้มาตรฐานความปลอดภัย 6. ข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลพบว่า พนักงานตรวจความปลอดภัย ยังไม่เคยไปตรวจใน สถานประกอบการของกลมุ่ ตวั อย่างเลยสักแหง่ 7. ภายใต้ พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมฯ จะพบว่า กิจการภาคก่อสร้างในจังหวัดเชียงใหม่ละเมิดหลักการความปลอดภัย อาชีวอนา มัย ในหลายๆ ประเด็น กรณนี ายจา้ ง x จดั ให้มี เจ้าหนา้ ที่ตรวจความปลอดภยั (มาตรา 13) x แจ้งลูกจา้ งถึงสภาพการทำงาน สภาพแวดล้อม ที่ลกู จ้างมคี วามเสีย่ ง (ม.14) x ติดประกาศคำเตือน คำสัง่ คำวนิ ิจฉัยของอธิบดี (ม.15) x อบรมความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (ม.16) x ประกาศเตอื นสญั ลกั ษณ์เตือนอนั ตราย เครื่องหมายเกีย่ วกับความปลอดภัย (ม.17) x จัดและดูแลให้ ลูกจ้าง สวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภยั ส่วนบุคคลที่ได้มาตรฐาน (ม.22) x เปน็ หนา้ ที่ของผรู้ ับเหมาชั้นตน้ ผรู้ ับเหมาช่วง ด้วย (ม.23) x การดำเนินการกรณีลูกจ้างเสียชีวิต, กิจการเสียหาย, ลูกจ้างประสบอันตราย หรือ เจ็บป่วย ม.34) x จ่ายเงนิ เดือนระหว่างหยดุ งาน /กระบวนการผลติ (ม.39) 17 งานดา้ นคุ้มครองแรงงาน ในสถานประกอบการทีม่ ีลูกจ้างตงั้ แต่ 1 คนข้ึนไป, แรงงานนอกระบบ ภาคเกษตร, การค้า มนุษย์/แรงงานบังคับ, รับและวินิฉัยคำร้อง (ทำให้เสร็จภายใน 60 วัน), งานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทำงาน, งานด้านแรงงานสัมพันธ์, ด้านสวัสดิการแรงงาน, ด้านมาตรฐานแรงงานไทย (มร. 8001-2553) และความร่วมมือกบั หน่วยงานตา่ ง ๆ สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวดั เชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
20 ข้อเสนอแนะในสว่ นของเจ้าหนา้ ที่ ข้อเสนอแนะจากเจ้าหน้าที่สวัสดิการ ได้แก่ เสนอให้ต้ังกรมความปลอดภัยเพื่อดูแลด้าน ความปลอดภัยในการทำงานโดยเฉพาะ บูรณาการกฎหมาย มีผู้เชี่ยวชาญดูแลตามลักษณะงาน เช่น โรงงาน ก่อสร้าง ฯลฯ, สถานศึกษาควรบรรจุเน้ือหาการเรียนการสอน ปลูกฝังจิตสำนึก, ทุกฝ่าย ตระหนักในบทบาทของตน, ผู้ว่าจ้างภาครัฐ ในการก่อสร้าง ควรกำหนดวงเงินค่าใช้จ่ายสำหรับการ บริหารจัดการด้านความปลอดภยั ในการประมูลงาน และต้องระงับการจา่ ยเงิน จนกวา่ จะมีการแก้ไขให้ ถูกต้อง รวมทั้งกรณีอุบัติเหตุจากการทำงาน, ควรกำหนดให้แรงงานข้ามชาติต้องเข้าใจ เรียนภาษาไทย ในระดบั หน่งึ ก่อนเข้ามาทำงานในไทย สถานการณ์การเข้าถึงสุขภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวดั เชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
21 2. แรงงานขา้ มชาตใิ นกจิ การภาคกอ่ สรา้ งในจังหวดั เชียงใหม่ สำหรบั การเก็บข้อมลู ภาคสนาม ทีมวิจยั ได้ออกแบบระเบียบวิธีวิจัยร่วมกับองคก์ รพฒั นาเอกชนซ่ึง ทำงานให้ความช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติในจังหวัดเชียงใหม่ 2 องค์กร คือ มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการ เรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธ์ุ (MAP) และสหพันธ์คนงานข้ามชาติ (MWF) และทั้งสององค์กรมา สนับสนุนงานเก็บข้อมูลในพื้นที่ด้วย โดยกำหนดพื้นที่ในการเก็บข้อมูล คอื เป็นพืน้ ทีท่ ำงานขององคก์ รท้ัง สอง คืออำเภอเมือง อำเภอสารภี อำเภอสารภี อำเภอหางดง อำเภอสันกำแพง อำเภอดอยสะเก็ต จังหวดั เชียงใหม่ โดยใช้เครื่องมือคอื หนึง่ -การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) โดยใช้แนวคำถาม (ดู ภาคผนวก) 5 ประเด็นหลัก คือ เพื่อให้ทราบถึงเส้นทาง กระบวนการในการเข้ามาทำงานในจังหวัดเชียงใหม่ และการทำงานเป็น แรงงานในภาคก่อสรา้ ง โดยแบง่ เป็น 5 คำถามหลักคือ ชีวติ ของแรงงานและครอบครัว, สภาพการทำงาน , สุขภาวะแรงงาน, การประสบอุบัติเหตุเนื่องจากการทำงาน และปัญหาอื่น ๆ โดยกลุ่มเป้าหมายในการ ขอข้อมูล (key informant) ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ แรงงานข้ามชาติที่เป็นลูกจ้างในกิจการก่อสร้าง จำนวน 217 คน แบ่งเป็นแรงงานชาย 102 คน และแรงงานหญิง 115 คน และแรงงานข้ามชาติที่สามารถพัฒนา และผันตวั เองมาเป็นผู้รับเหมากอ่ สรา้ งรายยอ่ ยจำนวน 34 คน และสอง-การจัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อระดมข้อมูล ความเห็น ต่อคำถามสำคัญ 3 ประเด็นคือ ความคิดเห็นของแรงงานต่อ “ความเสี่ยง” “จุดเสี่ยง” ในสถานที่ทำงาน, อุปกรณ์ความ ปลอดภัยของแรงงานมีอะไรบ้าง ได้มาอย่างไร และคำถามต่ออาการเจ็บป่วยของแรงงาน โดยแบ่งเป็น อาการเจบ็ ปว่ ยทีเ่ กดิ ขึ้นกบั แรงงานที่เป็นผู้ชายและเป็นผู้หญิง ซ่ึงคำถามดังกล่าวนี้เกิดจากการสังเคราะห์ ข้อค้นพบเบ้อื งต้นจากการสมั ภาษณเ์ ชิงลึก สถานการณก์ ารเข้าถึงสขุ ภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวดั เชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
22 2.1 ก่อนการยา้ ยถิ่น ข้อมลู จากภาคสนาม แรงงานข้ามชาติชาย 102 คน และหญิง 115 คน18 พบว่า แรงงานข้ามชาติในภาคก่อสร้าง เป็นคนไทใหญ่ จากเมืองต่าง ๆ ในรัฐฉาน (Shan State) สหภาพเมียนมา เกินครึ่งหนึ่งของผู้ให้ข้อมูล ให้เหตุผลของการมาประเทศไทยว่า “อยู่ที่บ้านมันอด อยาก” “รายได้ไม่พอใช้ ไม่พอกิน” และเห็นว่าประเทศไทยน่าจะมีงานให้ทำจึงจูงใจให้เดินทางเข้ามา “เสี่ยงโชค” “ค้นหาความท้าทายอะไรใหม่ๆ” ขณะที่แรงงานบางส่วนใหข้ ้อมูลว่า “หนีการสู้รบ” ที่ยงั คง มีอยใู่ นประเทศเมียนมา “ถกู ทหารรดี ไถ” “หนกี ารเกณฑ์ทหาร” จากการสอบถาม19 ถึงภูมิลำเนาในประเทศต้นทางของผู้ให้ข้อมูล พบว่า ส่วนใหญ่เดินทางมา จากเมืองสู้ (51 คน) รองลงมาคือ เมืองลายค่า (29 คน), น้ำจ๋าง (23คน) , โขหลำ (18 คน), เมืองแสน หวี (15 คน), เมืองกึ๋ง (12 คน), เมืองโขคำและเมืองกุนฮิง (เมืองละ 10 คน) เมืองปั่น (9 คน) เมืองเกง ตอง (8 คน) ส่วนที่เหลือเป็นแรงงานที่มาจากเมืองอื่น ๆ แต่ละเมืองในจำนวนประมาณ 2-3 คนโดย เฉลี่ย สดุ ท้าย นอกจากนีย้ ังพบว่า มีแรงงานจำนวน 4 คน เกิดในประเทศไทย 18 จากการเก็บข้อมูลโดย สหพันธ์คนงานข้ามชาติ (MWF) และมูลนิธิเพ่ือสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติ พันธุ์ (MAP) และผู้ช่วยวจิ ยั ภาสกร ญี่นาง นกั ศกึ ษาปริญญาโท คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ 19 ข้อจำกัดขอ้ แหล่งข้อมลู : เนอ่ื งจากการลงพ้นื ทีพ่ ดู คุยในแต่ละคร้ัง จำตอ้ งทำงานประสานกับผู้นำชุมชน หรือผู้ที่เป็น ที่นับถือของกลุ่มแรงงาน ดังน้ัน จำนวนแรงงานในแต่ละเมืองจึงขึ้นอยู่กับว่า บุคคลผู้เป็นผู้นำและได้พาคณะวิจัยลง พ้ืนทีพ่ ดู คุย มาจากเมอื งใด ซึ่งผู้นำคนดงั กลา่ วก็จะพาไปพบกับแรงงานคนอื่น ๆ ทอ่ี าศัย/มาจากเมืองเดียวกัน สถานการณ์การเข้าถึงสุขภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวัดเชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
23 แผนภาพท่ี 9 แรงงานข้ามชาติในกิจการภาคกอ่ สร้างมาจากสว่ นไหนของเมียนมา สถานการณก์ ารเข้าถึงสขุ ภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวัดเชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
24 เส้นทางทีผ่ ใู้ ห้ข้อมูลเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เป็นการเดินทางเข้าเมือง 2 ลักษณะคือ ลักษณะแรก เดินเท้าไปตามเส้นทางธรรมชาติ เลาะตามแนวตะเข็บชายแดน เช่น โป่งป่าแข่ม- ดอยอ่างขาง (อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่) ซึ่งใช้เวลาเดินเท้าในพื้นที่ที่เป็นป่าเขา 1-2 วัน เช่นเดียวกับ เส้นทางหวั เมือง-ปางมะผา้ หมอกใหม-่ ปาย นากองมู-เชยี งดาว ลักษณะที่สอง คือการเดินทางผ่านด่านตรวจชายแดนของทางการที่อนุญาตให้เข้ามาใน ประเทศไทยได้เพียงช่ัวคราวอย่าง เช่น ด่านท่าขี้เหล็ก-อำเภอแม่สาย ด่านหลักแต่ง-อำเภอเวียงแหง ดา่ นหนองอกุ -เชยี งดาว จากนั้นแรงงานจงึ เดินทางเข้ามาในตวั เมืองต่อไป ตารางท่ี 1 ชอ่ งทางการเดินทางของแรงงาน ณ จุดชายแดนไทย-เมียนมาร์ เสน้ ทางฝงั่ เมียนมาร์ จำนวน (คน) ฝง่ั ประเทศไทย เข้ามาทาง นากองมู 14 อ.เชียงดาว จ.เชยี งใหม่ เข้ามาทาง หลักแต่ง 12 อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ เข้ามาทาง โป่งปา่ แขม่ 25 ดอยอา่ งขาง จ.เชียงใหม่ เข้ามาทาง ทา่ ขี้เหลก็ 95 อ.แม่สาย จ.เชียงราย เข้ามาทาง หนองอกุ 52 อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เข้ามาทาง หัวเมือง 11 ปางมะผา้ จ.แม่ฮอ่ งสอน เข้าทาง หมอกใหม่ 4 อ.ปาย จ.แมฮ่ อ่ งสอน 2.2 ชีวติ และครอบครัวของแรงงานข้ามชาติ แผนภาพท่ี 10 ผู้ร่วมเดนิ ทางของแรงงานข้ามชาติ มีประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับการ เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ของผู้ให้ข้อมูล คือ แรงงานส่วน ใหญ่ คือ จำนวนประมาณ 76 คน เดินทางเข้ามาเพียงคนเดียว ทั้งน้ี การเดินทางเข้ามาคนเดียว ไม่ได้หมายถึง เข้ามาเพียงคน เดียวโดยที่ไม่มีใครเดินทางเข้า มาด้วยเลย แต่จะเป็นมาคนเดียวในลักษณะที่ไม่มีคนรู้จักร่วมทางมาด้วย แต่เข้ามาพร้อมกับคนอื่น ๆ สถานการณ์การเข้าถึงสุขภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวัดเชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
25 ซึ่งอาจเป็นคนต่างเมือง ต่างหมู่บ้าน รองลงมาคือการเดินทางโดยพากันมาพร้อมครอบครัว ทั้งสามี/ ภรรยาและลูกจำนวน 41 คน มีเพียงสามี/ภรรยาจำนวน 17 คน บางกรณีมาพร้อมกับญาติอื่น ๆ หรือ คนในหมู่บ้านเดียวกัน จำนวน 36 มาพร้อมเพื่อน 17 คน และบางกรณีเข้ามาเมื่อตอนยังเป็นเด็กพร้อม กับพ่อและแมจ่ ำนวน 26 คน • ปีทเ่ี ขา้ มา ผใู้ ห้ข้อมูลส่วนใหญ่เดินเทางเข้ามาในประเทศไทยในชว่ งปี พ.ศ. 2527-2550 โดยเข้ามาในปี 2547 สูงที่สุด (89 คน) แผนภาพท่ี 11 แรงงานข้ามชาติในกจิ การก่อสรา้ งเขา้ มาในประเทศไทยปีใด นอกจากนี้ ยังพบด้วย ส่วนใหญ่แล้วแรงงานจะเข้ามาในประเทศไทยอย่างน้อยสองคร้ัง โดยมี ลักษณะไป-กลับ การมาถึงคร้ังแรก เป็นการเดินทางเข้ามาเพื่อศึกษาเส้นทางเดินทาง วิธีการเดินทาง ตวั แรงงานจะแสวงหารายได้ให้ได้จำนวนหนึ่ง ผา่ นการทำงานบริเวณรอบนอกตัวเมือง เช่น การทำสวน ทำนา ทำไร่ส้ม นำไปจัดเตรียมการอยู่อาศัยในตัวเมืองช้ันใน เช่น หาห้องพัก บ้านเช่า หรือบางรายอาจ รอใหม้ ีสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมายเสียกอ่ น จากนั้นจะทำการติดต่อหรือเดินทางกลับไปหาครอบครัว ของตน ณ ประเทศตน้ ทาง เพื่อให้ข้อมูลหรอื นำพาคนอนื่ ๆ ในครอบครัวเดินทางขา้ มกลบั เข้ามาอีกครั้ง สถานการณ์การเข้าถึงสุขภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวดั เชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
26 เปน็ คร้ังที่สอง เมื่อหลังจากคร้ังนีไ้ ปแล้ว การอยู่อาศยั ของแรงงานมกั เป็นไปในทางลงหลักปักฐานอย่าง ถาวร • เอกสารแสดงตน ณ วนั ขา้ มแดน, ณ ปจั จุบัน กับราคาทต่ี อ้ งจา่ ย ณ วันที่ข้ามแดน มา แรงงานจำนวนกวา่ 128 คน ไม่มีเอกสารใด ๆ ติดตัวมาเลยมหี ลายคนถือ เอกสารทีอ่ อกให้โดยประเทศเมียนมา คือ 59 คนมีบตั รประจำตัวประชาชน, 1 คน มีทะเบียนบ้านและมี 23 คนที่มีทั้งบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน, มี 1 คนถือหนังสือเดินทางและวซี า่ (MOU) แผนภาพท่ี 12 เอกสารแสดงตนทีแ่ รงงานถอื ตอนเขา้ มาประเทศไทยครั้งแรก แต่การมีเอกสารของประเทศต้นทางย่อมไม่ใช่ตัวช่วยที่ดี หากว่าสถานะการเข้าเมืองไม่ ถูกต้อง แรงงานจงึ ตอ้ งอยอู่ ย่างหลบซอ่ นตวั หลงั จากนั้นกพ็ ยายามเพือ่ ให้ได้มาซึง่ เอกสาร อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน ไม่พบว่ามีแรงงานที่ไร้เอกสารแสดงตน (Undocumented migrant workers) จากการสอบถามแรงงานผู้ให้ข้อมูล พบว่า แรงงานทุกคนมีเอกสารแสดงตน ได้แก่ หนังสือ เดินทางที่ลงตราประทับการเข้าเมือง (Passport และ Visa) วีซ่า (Passport Visa) จำนวน 65 คน, ถือ Certificate of Identity 65 คน รองมาคือหนังสือเดินทางช่ัวคราว (Temporary Passport) จำนวน 53 คน , ถือบัตรประจำตัวคนไม่มีสญั ชาติไทย 7 คน, บัตรแรงงาน (00) 12 คน, บตั รผไู้ ม่มีสถานะทางทะเบียน 18 คน ใบสำคัญถิ่นทีอ่ ยู่ 1 คน (ดแู ผนภาพที่ 13) สถานการณ์การเข้าถึงสุขภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวัดเชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
27 แผนภาพท่ี 13 เอกสารแสดงตนท่แี รงงานถือในปจั จุบนั ใบอนญุ าตทำงาน มีแรงงานเพียง 15 คนให้ข้อมูลว่าพวกเขาไม่มีใบอนุญาตทำงาน ท้ังนี้ ด้วยผลของพระราช กำหนดการบริหารจดั การการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ซึง่ ได้มีบทกำหนดโทษอยา่ งรุนแรง ทำ ให้แรงงานหลายคนที่ไม่ได้ทำงานหรือมีสถานะทางกฎหมายอย่างถูกต้อง ต้องเดินทางกลับไปประเทศ ต้นทางของตน ราคาของการเข้าสูก่ ระบวนการจา้ งแรงงาน ในประเด็นเรื่องการดำเนินการและการได้มาซึ่งเอกสารแสดงตนรวมถึงหลักประกันสุขภาพ ใน การพูดคุย ทีมวิจัยได้สอบถามถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในส่วนของการดำเนินการเร่ืองเอกสารเหล่าน้ัน ใน แต่ละคร้ัง แรงงานต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งก็พบว่า แรงงานส่วนใหญ่เสียค่าใช้จ่ายดังกล่าวสูง ถึง 10,000-15,000 บาท (84 คน) หรือแรงงานบางคนอาจจา่ ยน้อยกว่าน้ัน คือจำนวน 7500 บาท (43 คน) แต่ทั้งน้ี บางกรณีก็ต้องจ่ายพร้อมกับค่านายหน้ารวมเป็นเงินอย่างน้อย 20,000 บาท (7 คน) โดย แรงงานเกือบท้ังหมดเป็นคนจ่ายด้วยตนเอง (แรงงานบางคนให้ความเห็นว่า เป็นเร่ืองแปลกมากหาก สถานการณก์ ารเข้าถึงสขุ ภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวัดเชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
28 นายจ้างจะออกค่าใช้จ่ายให้) มีเพียง 2 คนที่นายจ้างออกค่าใช้จ่ายให้แต่อยู่ในเง่ือนไขว่าต้องทำงานกับ ตนเท่าน้ัน แผนภาพท่ี 14 ราคาของการเข้าสู่กระบวนการจา้ งแรงงาน 2.3 แรงงานไรฝ้ ีมือ และชา่ งฝีมือทสี่ ว่ นใหญเ่ ปน็ ผู้ชาย ในไซต์ก่อสร้างหนึ่งๆ นอกเหนือจาก “งานช่าง” หรืองานที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะ อาทิ งานปูกระเบื้อง, ติดฝ้า, งานช่างไม้, ช่างเชื่อมเหล็ก. งานโครงสร้าง ฯลฯ แล้ว จะไม่มีการแบ่ง หนา้ ทีค่ วามรับผดิ ชอบของแรงงานแตล่ ะอย่างชัดเจน แรงงานจะทำงานตามคำสั่งนายจ้าง หรือหัวหน้าผู้คุมงานเป็นหลัก หากแรงงานไม่เคย ทำงานที่ได้รับมอบหมายมาก่อน นายจ้างหรือผู้คุมงานจะเป็นคนสอนให้ ซึ่งงานที่ได้รับมอบหมาย จะ สัมพันธก์ บั จำนวนค่าตอบแทนทีจ่ ะได้รบั โดยท่ัวไปอตั ราคา่ จ้างจะอย่ใู น 4 ระดบั กว้างๆ คือ • กรณีที่แรงงานเพิ่มเริ่มต้นทำงาน หรือเริ่มไปแล้วสักระยะหนึ่ง เช่น ทำความ สะอาด ขนปนู /ทราย จะได้รบั คา่ จ้าง 200-250 บาท/วัน • ได้รับค่าจ้าง มากกว่า 250-300 บาท/วัน จำนวน 115 คน โดยส่วนใหญ่เป็น แรงงานหญิง • ได้รับค่าจ้าง 300-400 บาท/วัน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาย • ได้รับคา่ จา้ ง 400-500 บาท/วนั ส่วนใหญ่เปน็ แรงงานชาย สถานการณก์ ารเข้าถึงสขุ ภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวัดเชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
29 แผนภาพท่ี 15 คา่ จ้างแรงงานชายและหญิง สว่ นใหญ่แล้วแรงงานทีเ่ ป็นผู้หญิงจะได้ค่าจา้ งในอัตราทีต่ ำ่ กว่าแรงงานผู้ชาย อยา่ งไรก็ดี เม่ือถามถึงความเหน็ ที่แรงงานผู้หญิงกบั ผชู้ ายได้ไม่เท่ากันแล้ว แรงงานทั้งหญิงและ ชายมีคำตอบในทิศทางเดียวกัน (ข้อมูลจากการประชุม Focus group) คือ ผู้ชายสามารถทำงานได้ มากกว่าผู้หญิง (ดูตารางที่ 2) นอกจากนี้แรงงานส่วนใหญ่ไม่ได้รับการขึ้นค่าจ้าง โดยได้รับเหตุผลว่า “เพิ่งเข้ามาทำงาน” “ค่าจ้างที่จ่ายให้เหมาะสมแล้ว” และ “งานที่ทำไม่ได้ใช้ทักษะฝีมือ” (ไม่ได้รับการ ขึ้นค่าจ้าง 125 คน มีคนได้รับการขึ้นค่าจ้าง 92 คน) ส่วนคนที่ได้รับการขึ้นค่าจ้าง นายจ้างให้เหตุผล วา่ “ขยนั ” “มีฝีมอื เก่งข้ึน” “ข้นึ ค่าจา้ งตามอายุงาน” แรงงานที่ใหข้ ้อมูลส่วนใหญ่ จะทำงานกับนายจ้างคนปจั จุบันไม่ถึง 1 ปี หรืออยู่ระหว่าง 1-3 ปี, รองลงมาคือคนที่ทำงานกับนายจ้างมาแล้วมากวา่ 5 ปี ที่เหลอื คนที่ทำงานมาเป็นเวลา 4-5 ปี สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวดั เชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
30 ตารางท่ี 2 ความเหน็ ของแรงงานผู้ชายและผหู้ ญิงตอ่ คา่ จา้ งที่ไมเ่ ทา่ กัน ความคดิ ของผูช้ าย ความคดิ ของผหู้ ญงิ ถ้าเป็นงานทีใ่ ชท้ กั ษะเหมอื นกนั ควรได้เทา่ กนั ถ้าทำงานเวลาเท่ากันก็น่าจะได้เท่ากัน งานเหมอื นกันควรได้เท่ากนั ทำงานอันตรายกว่า ผู้หญงิ ยกของหนกั ไมไ่ ด้ ทำงานบนทีส่ งู ได้ ผู้หญงิ ขึน้ ทีส่ ูงไมไ่ ด้ อดทนกลิน่ สารเคมีได้ ผู้หญงิ ทำงานน้อยกวา่ ชาย ทำงานใชแ้ รงมากกวา่ ทำงานมากกวา่ มคี วามสามารถมากกว่า ผู้หญงิ วางฐานโครงสร้างไม่เปน็ รับผิดชอบมากกว่า ผู้หญิงอ่านแบบไม่เปน็ ขนึ้ อยกู่ บั การตัดสินใจของนายจา้ ง 2.4 ปจั จัยในการขึ้นค่าแรง แรงงานจำนวนมากกว่า 125 คน ที่กล่าวว่าไม่ได้รับการขึ้นค่าจ้าง สาเหตุหลัก ๆ จากมุมมอง ของแรงงาน คือ มองว่าค่าจ้างที่ตนจ่ายไปเป็นจำนวนที่มากพอแล้ว หรือ งานของแรงงานไม่ได้เป็นงาน ใช้ทักษะฝมี ือมากนกั จงึ ไม่จำเป็นต้องขึน้ ค่าจา้ ง แต่อย่างไรก็ตาม แรงงานบางคนอาจเพิ่งเข้าทำงานหรือ มีอายุไม่ถึง 1 ปี ก็อาจยังไม่ได้รับพิจารณาให้ขึ้นค่าจ้าง ส่วนแรงงานอีกจำนวน 92 คน ที่กล่าวว่าตน ได้รับการขึ้นค่าจ้าง โดยให้เหตุผลว่า เป็นผลจากกฎหมายค่าแรงขึ้นต่ำที่รัฐบาลได้ออกมา และรวมถึง จากความขยัน ทักษะฝีมือที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการทำงานกับนายจ้างคนหนึ่งเป็นเวลานาน จึงทำให้ได้ ค่าจ้างเพิม่ ขนึ้ ตามอายุงาน เมื่อปรากฏว่านายจ้างได้มีการเพิ่มค่าจ้างให้ตามอายุงาน จึงมีการพูดคุยต่อไปว่า แรงงานผู้ให้ ข้อมูลแต่ละคนได้ทำงานกับนายจ้างคนปัจจุบันเป็นระยะเวลาเท่าใด พบว่า มีแรงงานทำงานกับ นายจ้างไม่ถึง 1 ปี จำนวน 66 คน, 1-3 ปี จำนวน 66 คน, 4-5 ปี จำนวน 31 คน และมากกว่า 5 ปี จำนวน 54 คน สาเหตุที่พบว่าแรงงานบางคนตัดสินใจย้ายงานบ่อยทำให้แรงงานมีอายุการทำงานไม่ มากนัก คือ นายจา้ งคนเดิมใหค้ ่าจา้ งไมพ่ อกินพอใช้ (อาจเป็นไปตามกฎหมายแต่ไม่สอดคล้องกับสภาพ เศรษฐกิจและสังคมรวมถึงค่าครองชีพ) นายจ้างซึ่งเป็นผู้รับเหมาไม่มีงานให้ทำจึงทำให้ขาดรายได้และ ต้องไปหางานทำทีใ่ หม่ หรอื บางคนอาจย้ายงานตามการย้ายถิ่นทีอ่ ยู่อาศัยของครอบครัว เป็นต้น สถานการณก์ ารเข้าถึงสขุ ภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวัดเชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
31 2.5 สวัสดกิ ารที่ตอ้ งดแู ลตัวเอง แรงงานต้องดูแลตัวเองในเร่ืองของน้ำดื่ม และอีกประเด็นที่สำคัญหลายไซต์งานไม่มีห้องน้ำ สำหรับแรงงาน แรงงานจึงต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง หากเป็นผู้ชาย ก็หามุมลับตาบริเวณไซต์ก่อสร้าง ส่วนแรงงานหญิงนั้น หากโครงการฯ ดำเนินการสร้างห้องน้ำแล้ว ก็ขออนุญาตใช้ห้องน้ำของโครงการฯ หรือขอเข้าห้องน้ำของบ้านพักคนงานบริเวณใกล้เคียง หรือเดินกลับมาที่บ้านพัก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 5-15 นาที 2.6 บา้ นพักของแรงงาน การพักอาศัยของแรงงาน จะพบว่ามี 4 รูปแบบ รปู แบบแรกและสามารถพบเห็นได้มากที่สุดคือ การเช่าห้องพักในอาคารที่มีลักษณะเป็นห้องแถวชั้นเดียวซึ่งมักมีสภาพแออัด รูปแบบที่สองคือ การ พักอาศัยตามพื้นที่ก่อสร้าง (ไซต์ก่อสร้าง/แคมป์คนงาน) มีลักษณะเป็นการช่ัวคราว เพราะเม่ือเสร็จ โครงการก็จะทำการร้ือถอนย้ายไปโครงการอื่น ๆ ต่อไป รูปแบบที่สาม คือ การเช่าห้องในลักษณะที่ เป็นอาคารหอพัก ส่วนรูปแบบที่สี่ คือ การเช่าบ้านพักอาศัยซึ่งถือว่ามีสภาพที่ดีที่สุด ส่วนใหญ่จะเป็น แรงงานทีอ่ าศัยอยู่กันเป็นครอบครวั ใหญ่ ทั้งน้ี มีแรงงานทีพ่ ักอาศัยอยู่กับนายจ้าง/สถานทีท่ ี่นายจา้ งจัด ไว้ให้จำนวน 58 คน โดยส่วนใหญ่ไม่พอใจกับสภาพที่พกั ซึง่ สกปรก แออัดยัดเยียด และผุพัง 2.7 ความปลอดภยั ในการทำงาน • การเรียนรู้ด้วยตวั เองเพือ่ เริม่ ต้นงาน แม้แรงงานจำนวน 66 คน จะให้ข้อมูลว่า นายจ้างได้ทำการฝึกอบรมให้ความรู้พัฒนาทักษะให้ แต่อาจกล่าวได้ว่า นั่นคือ “การสอนงาน” ส่วนอีก 151 คน ใช้วิธีสอบถามความรู้ในการทำงานจาก เพื่อนร่วมงานหรือ สังเกตจากเพื่อนร่วมงานคนอื่น บางกรณีนายจ้างได้ทำการสอบถามเร่ืองทักษะ ความสามารถก่อนเข้ารบั ทำงาน จงึ ไมจ่ ำเป็นต้องมีการอบรมให้ความรู้ • อปุ กรณ์เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน จากการสอบถามแรงงาน พบว่า มีแรงงานจำนวน 149 คนที่มีอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ใช้ โดยในจำนวนมี แรงงาน 47 คนที่ นายจ้างเป็นฝ่ายจัดหาอุปกรณ์ให้ คือ หมวกนิรภัย ถุงมือ ผ้าปิด จมกู แว่นตากนั แดด รองเท้าบูท๊ สว่ นจำนวนทีเ่ หลือ คือ 102 คน ตอ้ งจัดหาซือ้ อุปกรณ์ด้วยตนเองได้แก่ หมวกป้องกันวัตถุตกใส่ศรีษะ (85 บาท), ถุงมือยาง (25 บาท) กางเกงป้องกันฝุ่น, รองเท้ายาง, หนา้ กากป้องกันแสงจากการอ๊อกเหล็ก (150 บาท), ผ้าปิดจมูกและปากกันฝุ่น (5-10 บาท), ผ้าปิดหน้า 25 บาท, ถงุ มอื หนังกันไฟดดู (50 บาท ใช้ได้ 1 เดือน) สถานการณก์ ารเข้าถึงสุขภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวดั เชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
32 ภาพท่ี 1 อปุ กรณเ์ พือ่ ความปลอดภัยในการทำงานทแ่ี รงงานต้องซ้อื หาเอง (1) จากการสอบถามเพิ่มเติมพบว่า มี แรงงานที่ไม่มีอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยด้วย เช่นกัน (68 คน) โดยแรงงานเห็นว่า “งานที่ทำ ไม่ได้เสี่ยงอันตรายถึงขนาดต้องใช้อุปกรณ์” บางคนให้เหตผุ ลว่า “ไม่เงนิ ซือ้ อุปกรณ์” แรงงาน ส่ วน ให ญ่ มี ค วาม เห็ น ว่า นายจ้างไม่ใส่ใจเร่ืองความป ลอดภัยของ แรงงาน ภาพท่ี 2 อุปกรณเ์ พือ่ ความปลอดภยั ในการทำงานท่แี รงงานตอ้ งซ้อื หาเอง (2) สถานการณก์ ารเข้าถึงสขุ ภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวัดเชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
33 ในขณะเดียวกนั แรงงานเอง ก็ไม่ใชอ้ ุปกรณ์เพือ่ ความปลอดภยั จากการพูดคุยสอบถาม ในการลงเก็บข้อมูลภาคสนาม พบว่า แรงงานส่วนใหญ่ซึ่งแม้มี อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน แต่กลับไม่ยอมใช้อุปกรณ์ดังกล่าว ดังนั้นประเด็นนี้จึงเป็น คำถามสำคัญในการประชุมกลุ่มย่อม กล่าวคือ “เหตุผลที่แรงงานไม่คิดว่าต้องใส่อุปกรณ์ความ ปลอดภยั ” คำตอบที่ได้จากแรงงานมอี ยู่หลากหลายด้วยกนั ไมว่ ่าจะเป็น การใสอ่ ุปกรณ์ความปลอดภัย มักทำให้การทำงานไม่สะดวกสบาย เช่น การใส่ผ้าปิดจมูกทำให้หายใจลำบากและเป็นอุปสรรคในการ สื่อสารพูดคุยกัน การจับหน้ากากป้องแสงจากการเช่ือมเหล็กเมื่อต้องทำงานบนน่ังร้านเป็นเรื่องที่ยาก มากสำหรับแรงงาน เพราะมือหนึ่งต้องจับหน้ากากไว้และอีกมือหนึ่งต้องถือเคร่ืองมือไว้ทำให้การ เคลื่อนไหวไม่สะดวกและเสี่ยงต่อการทำสิ่งของตกลงไปโดนคนอื่นที่อยู่ข้างล่าง หรืออุปกรณ์บางชนิด เช่น หมวกนิรภัย แว่นตากันแดด มกั บดบังทศั นวิสยั จนกลายเปน็ อปุ สรรคในการทำงาน บางส่วนกล่าวว่า คิดว่าตนเองมีความระมัดระวังดีแล้วจึงไม่ใส่อุปกรณ์เหล่านั้น บางคนให้ เหตุผลว่า เน่ืองจากไม่มีใครมาคอยบังคับให้ใช้อุปกรณ์ความปลอดภัย ตนจึงเป็นเห็นถึงความจำเป็น อีกทั้ง แรงงานบางคนได้กลา่ วโดยตัดพ้อว่า ไม่มีเงินซือ้ อปุ กรณ์เหล่านั้น เพราะนายจา้ งบอกวา่ ถ้าจะใช้ ต้องซื้อเอง และในบางสถานการณ์ที่ต้องทำงานอย่างเร่งรีบ การใส่อุปกรณ์ความปลอดภัย จึงไม่ สะดวกที่จะทำงานรวดเร็ว นอกจากนี้แรงงานได้กลา่ วอีกวา่ อุปกรณ์บางอย่างใสแ่ ล้วมีทำใหเ้ กิดอาการ คนั เช่น ถงุ มือ หมวกนิรภัย 2.8 การประสบอบุ ัติเหตอุ ันเนื่องมาจากการทำงาน ทีมวิจัยพบว่าในจำนวนผู้ให้ข้อมูลท้ังหมดมีแรงงานท่ีเคยประสบอุบัติเหตุอันเนื่องมาจาก การจำนวน 45 คน โดยลกั ษณะของอบุ ัติเหตุมีอยู่หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การเหยียบตะปูที่หล่นอยู่ เติมพื้นที่ก่อสร้าง การตกน่ังร้าน หลังคา/ตกจากที่สูง การได้รับบาดแผลจากเคร่ืองมือ/ของมีคม อันตรายจากการทำงานกับเครื่องจักร บางรายถึงกับสญู เสียอวัยวะ การที่สะเก็ดไฟจากการเช่ือมเหล็ก ปลิวโดนร่างกายหรือเข้าดวงตา การลื่นล้มในที่ทำงาน การถูกไฟฟ้าช๊อต สิ่งของจากคนที่ทำงานอยู่ ข้างบนตกใส่ ในจำนวนแรงงานที่ประสบอุบัติเหตุดังกล่าว มีแรงงานที่นายจ้างดูแลรับผิดชอบ เช่น ค่า รกั ษาพยาบาล ค่าขาดรายได้ ฯลฯ เพียงจำนวน 9 คน เท่านั้น ส่วนแรงงานที่เหลืออีก 36 คน ที่ประสบ สถานการณก์ ารเข้าถึงสขุ ภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวัดเชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
34 อุบัติเหตุเนื่องจากการทำงานแต่ต้องดูแลตนเอง ท้ังน้ี ดว้ ยเหตผุ ลว่า แรงงานคิดว่าอุบัติเหตนุ ้ันเป็นเร่อื ง เล็กน้อยและเป็นเร่ืองปกติที่ย่อมเกิดขึ้นได้ ในขณะเดียวกัน แรงงานบางคนไม่ทราบ/ไม่รู้จักกองทุนเงิน ทดแทน ไม่ต้องการทำให้เกิดความยุ่งยากวุ่นวาย แต่ที่แย่ไปกว่าน้ันคือ แรงงานที่ประสบอุบัติเหตุบาง คนไม่มีหลักประกันสุขภาพใด ๆ หรือมีแต่สิทธิดังกล่าวไม่สามารถใช้ข้ามเขตได้ จึงทำให้เขาต้องยอม ดูแลรักษาตนเองทั้งหมด ต่างจากบางคนที่ใช้สิทธิรักษา 30 บาทและสิทธิคนพื้นที่สูงแต่ในจำนวน 36 คนดังกล่าว มีแรงงาน 6 คน ที่ได้ไปใช้สิทธิจากกองทุนเงินทดแทนโดยการช่วยเหลือของคนใน ครอบครวั ผใู้ หญ่บ้าน หรือแมก้ ระท่งั ดำเนินการดว้ ยตนเองโดยเดินเข้าไปสอบถามเจา้ หน้าทีโ่ ดยตรง อนั ตรายทแ่ี รงงานไม่ตระหนักวา่ เปน็ อบุ ตั เิ หตจุ ากการทำงาน ในเบื้องต้นประเด็นนี้ เป็นประเด็นที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก่อนจะนำไปสู่กิจกรรมอื่น ๆ ต่อไป เน่ืองมาจากว่าการลงพื้นที่เก็บข้อมูลภาคสนาม ในประเด็นเร่ืองการเกิดอุบัติเหตุขณะ ทำงาน พบว่า แรงงานหลายคนที่ได้กล่าวว่าตนไม่เคยประสบอุบัติเหตุในขณะทำงาน แต่เม่ือผู้ เก็บข้อมูลได้สอบถามอีกคร้ังเป็นครั้งที่สอง แรงงานบางคนก็ตอบในเชิงที่ว่า เคยประสบ อบุ ัติเหตุขณะทำงาน แต่เป็นอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย ดังน้ันในแง่นี้ จึงชวนให้สงสัยและตั้งคำถาม ว่า อันตรายลักษณะใดบ้าง ที่แรงงานไม่ได้ถือว่าเป็นอุบัติเหตุจากการทำงาน เพื่อจะได้ทราบ ถึงความเสีย่ งอันตรายทีอ่ าจเกิดขึ้นได้ในพืน้ ที่ทำงานกอ่ สร้างได้อยา่ งชัดเจนมากยิง่ ขึน้ อนั ตรายที่แรงงานไม่ถือวา่ เป็นอุบัติเหตจุ ากการทำงาน มีดังต่อไปนี้ • อาการปว่ ยจากการสดู ดมเอาฝ่นุ ละออง หรอื สารเคมีตา่ ง ๆ เข้ารา่ งกายในแตล่ ะวนั • การถูกไฟฟ้าช็อตขณะที่ตัวเปียกชื้น หรือเน่ืองจากการเดินเหยียบสายไฟที่ชำรุดบริเวณ สถานทีท่ ำงาน • การตกจากที่สงู และไม่ใช้เขม็ ขดั นิรภัยสำหรบั ขึ้นทีส่ ูง • การทีเ่ ศษปูน เศษไม้ เศษฝนุ่ เศษเหลก็ ฯลฯ ขนาดเล็ก ปลิวเข้าดวงตาขณะทำงาน • การสะดดุ หรอื ลื่นลม้ ในทีท่ ำงาน • การเหยียบตะปูหรอื ของมคี มตา่ ง ๆ ทีต่ กอยู่ตามบริเวณพืน้ ที่ทำงาน • การถกู ปูนกดั มอื กดั เท้า ขณะทำงานปูน • การได้รับอันตรายจากสิง่ ของมคี มและเครือ่ งจักร • สิง่ ของจากทีส่ ูง ตกใส่ • การยกของที่มนี ้ำหนกั มาก จนเกิดอาการปวดตามร่างกาย สถานการณก์ ารเข้าถึงสขุ ภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวัดเชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
35 คำตอบในประเด็นนี้ที่ได้จากแรงงาน มักเป็นกรณีที่แรงงานเห็นว่า เป็นเร่ืองปกติที่ คนทำงานก่อสร้างทุกคนต้องตกอยู่ในความเสี่ยงอันตรายเหล่านั้น และเม่ือเกิดอุบัติเหตุขึ้น พวกเขาจึงมองว่าเป็นเร่ืองที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว เป็นไปได้ยากที่จะสามารถป้องกันหรือ แก้ไขใด ๆ ได้ อีกท้ัง ยังเห็นว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้น ก็เน่ืองจากว่าแรงงานไม่ได้ให้ความระมัดระวัง หรอื แมก้ ระท่ังอาจเป็นเรื่องของโชคชะตา เคราะหก์ รรมหรือ “ความซวย” ของแรงงานเอง 2.9 การประเมินความเส่ียงด้านสุขภาพและแผนที่ความเส่ียงในพื้นที่ทำงาน โดยแรงงาน 2.9.1 ความเสี่ยงที่เกิดจากการสูดดม หรอื สัมผสั ที่แรงงานคดิ วา่ นา่ จะเกิดข้ึนได้ ในประเด็นนี้เป็นการสอบถามแรงงานผู้เข้าร่วมกิจกรรมถึงปัญหาความเสี่ยงอันตรายต่าง ๆ จากสารเคมีหรือสารระเหยหลากหลายชนิดซึ่งถูกใช้ในงานก่อสร้าง ด้วยการให้ประเมินว่า แรงงาน ประเมินได้ว่าการสูดดมหรอื สัมผัสกับสิง่ ใดบ้าง ที่จะทำให้รา่ งกายอาจได้รับอันตรายหรอื ตกอยใู่ นความ เสี่ยง โดยใหจ้ ดั ลำดบั จากสิง่ ที่คิดวา่ เปน็ อันตรายมากทีส่ ุดไปน้อยที่สดุ • การสูดดมกลิ่นสี น้ำยาเคลือบไม้ กลิ่นเหลก็ กลิ่นน้ำยากันซึม และกลิน่ กาว ซึ่งเมื่อสูด ดมเข้าไปเป็นเวลานาน แรงงานจะรู้สึกวิงเวียนและปวดศีรษะ แสบโพรงจมูก หายใจ ติดขดั บางรายอาจถึงขน้ั มอี าการมนึ เมา • ฝุ่นปูน ฝุ่นฝ้าเพดาน ฝุ่นไม้ ฝุ่นกระเบื้อง ฝุ่นอิฐ และฝุ่นท่ัวไป ซึ่งอาจนำไปสู่การเป็น “โรคหอบหืด” ได้ในอนาคต • สัมผัสสารเคมีจากการผสมปูน ผสมสี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผสมปูน แรงงาน หลายคนต้องทรมานกับอาการปวดแสบผิวหนัง เนื่องมาจากปูนกัดผิวหนังจนบาง • การทำงานกลางแจ้ง ในพื้นที่ที่มีแสงสว่างอย่างมาก จนแรงงานมีอาการแสบตา ปวด หัว รวมถึงคนที่ทำงานเช่ือมเหล็กซึ่งต้องทนจ้องแสงที่มาจากเคร่ืองเชื่อมเหล็ก ทำให้ มีอาการปวดตา และเกิดน้ำตาไหลออกมา ตอนกลางคืน ต้องบรรเทาอาการโดยการ ใช้นำ้ แขง็ ประคบ • การได้ยินเสียงดงั จากเครื่องจกั รในที่ทำงานเปน็ เวลานาน โดยเสียงดังอาจมาจากการที่ ตนหรือ เพื่อนร่วมงานคนอื่นทำงานเชื่อมเหล็ก ตัดเหล็ก งานไม้ต่าง ๆ เช่น ตัดไม้ เลื่อยไม้ ไสไม้ หรอื จากเครื่องแยกปูน สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวดั เชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
36 2.9.2 แผนท่คี วามเสีย่ งด้านสุขภาพ กิจกรรมหนึ่งที่สำคัญที่สุดในการจัดเวทีระดมความเห็น/ปัญหา คือ การจัดกิจกรรมให้แรงงาน ผู้เข้าร่วม ๆ กันวาดแผนที่ร่างกายเพื่อให้แรงงานได้ลองทบทวนหรือตระหนักถึงความเสี่ยง/ปัญหา สขุ ภาพทีอ่ าจเกิดขึ้นเนือ่ งมาจากการทำงาน ในขั้นตอนการวาดแผนที่ร่างกายเพื่อประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพ จะเริ่มจาก การวาดภาพ ร่างกายมนุษย์บนกระดาษสี่แผ่น ซึ่งแต่ละแผ่นจะแยกเป็น “ชายด้านหน้า” “ชายด้านหลัง” “หญิง ด้านหน้า” และ “หญิงด้านหลัง” จากนั้นก็ให้แรงงานผู้เข้าร่วมทุกคนออกมาทำสัญลักษณ์ “จุด” บน ภาพร่างกายที่เตรียมไว้ โดยจะแบ่งปากกาเป็นสองสี ให้จุดด้วยสีแดงในบริเวณที่แรงงานคิดว่าเป็น อาการเจ็บปวดที่เกิดจากการทำงาน และให้จุดด้วยปากกาสีน้ำเงินในจุดที่มีอาการเจ็บปวด แต่ไม่ได้ เกิดจากการทำงาน เมื่อแรงงานออกมาจุดจนครบทุกคนแล้ว จึงค่อยสอบถามรายละเอียดจากแรงงาน ทุกคนพร้อม ๆ กัน ว่าอาการเปน็ อยา่ งไร ภาพท่ี 3 และ 4 กระบวนการจดั ทำแผนทค่ี วามเสีย่ งดา้ นสุขภาพ สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวดั เชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
37 สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวัดเชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561 จุดทีแ่ รงงานคิดว่าเกิดจากการทำงาน จุดที่แรงงานคิดวา่ ไม่ไดเ้ กิดจากการทำงาน ภาพท่ี 5 แผนท่คี วามเสี่ยงดา้ นสุขภาพ กรณแี รงงานหญิง
38 สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวัดเชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561 จุดทีแ่ รงงานคิดว่าเกิดจากการทำงาน จดุ ที่แรงงานคิดว่าไม่ไดเ้ กิดจากการทำงาน ภาพท่ี 6 แผนท่ีความเสีย่ งดา้ นสขุ ภาพ กรณแี รงงานชาย
39 2.9.10 แผนทีค่ วามเส่ยี งในพื้นท่ที ำงาน ส่วนในกิจกรรมวาดแผนที่ความเสี่ยง ในพื้นทีท่ ำงาน เริม่ จากการใหแ้ รงงานผู้เข้าร่วม แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ๆ ละ 5 คน โดยแต่ละกลุ่มจะ ได้รับกระดาษกลุ่มละ 2 แผ่น แผ่นแรกให้ แ ร ง ง า น ว า ด แ ผ น ที่ ก า ร ท ำ ง า น แ ล ะ ร ะ บุ ถึ ง ตำแหน่งการทำงานของแรงงานแต่ละคนใน พื้นที่ก่อสร้าง พร้อมกับให้แรงงานประเมิน ความเสี่ยงต่อการอันตรายหรืออุบัติเหตุที่อาจ เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานในแต่ละตำแหน่ง ส่วนแผ่นที่สอง แรงงานจะต้องวาดรูปอุปกรณ์ ที่ใช้ในการป้องกันหรือรักษาความปลอดภัย ขณะทำงาน พร้อมทั้งให้อธิบายว่า อุปกรณ์ ป้องกันเหล่านั้น ช่วยป้องกันอันตรายประเภท ใดได้บ้าง หลังจากนั้น ให้แรงงานแต่ละกลุ่ม ออกมานำเสนอ ภาพท่ี 7 กระบวนการจดั ทำแผนทค่ี วามเสี่ยงในพื้นท่ีทำงาน จากการระดมความคิดเหน็ เพื่อประเมินความเสี่ยงอันตรายในท่ีทำงานด้วยตนเอง พบว่า แรงงานข้ามชาติสว่ นใหญ่ต่างก็เข้าใจเป็นอย่างดวี ่า งานที่ตนทำอยู่บนความเสี่ยงอันตรายอย่าง มาก และกล่าวว่า เม่ือเข้าไปในสถานที่ทำงานแล้วย่อมตกอยู่ในความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา เช่น การมี โอกาสเหยียบเศษตะปูหรือของมีคมที่ตกอยู่ตามพื้น สิ่งของจากที่สูงตกใส่คนที่ทำงานอยู่ข้างล่าง รวมถึงอาการเจ็บปวดร่างกายจากการที่ต้องทำงานยกของหนัก หรืออย่าเดิมเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ความเสี่ยงอันตรายอาจยิ่งเพิ่มมากขึ้น หากแรงงานต้องทำงานบนที่สูง (บนหลังคา น่ังร้าน) หรือการ ทำงานโดยใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและเคร่ืองจักร (ผสมปูน เชื่อมเหล็ก ปูกระเบื้อง) การป้องกันที่ดีที่สุด คือ ความไม่ประมาท แต่ในบางคร้ัง อันตรายบางอย่างก็มักไม่แสดงออกมาให้เห็นและไม่ทันได้ระวัง เช่น กระแสไฟฟ้าที่รัว่ อยู่พื้นที่ต่าง ๆ การสดู ดมสารเคมี ฝุ่น ควัน สถานการณก์ ารเข้าถึงสุขภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวดั เชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
40 มีแรงงาน 45 คน เคยประสบอุบตั ิเหตใุ นระหวา่ งการทำงาน กล่าวคือ เหยียบตะปู, ตกนั่งร้าน/ตกจากที่สูง, แผลจากเคร่ืองมือ, อันตรายจากเคร่ืองจักร, โดนของมี คม (บางรายสูญเสียอวัยวะ), สะเกด็ ไฟจากการเชือ่ มเหลก็ , ลื่นล้ม, ไฟฟ้าช๊อต, เคร่อื งผสมปูนหนีบมือ (เล็บหลุด), โดนเหล็กบาดมือ, ค้อนตกใส่ศีรษะ เหล็กเสียบหัวฯลฯ ส่วนใหญ่จะดูแลตนเอง มีเพียง 6 กรณีทีใ่ ชส้ ิทธิกองทุนเงินทดแทน โดยดำเนินการเอง หรือมีผู้ใหญ่บ้านให้การช่วยเหลือ โดยสาเหตุเลือก ที่จะดูแลตนเอง เพราะว่า อุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย, “ไม่รู้ว่าตนเองมีสิทธิ” ไม่รู้วิธีการข้ันตอนในการใช้ สิทธิ” “ไมม่ ีหลักประกนั สุขภาพ” มีข้อมูลที่นา่ สนใจในระหวา่ งการประเมินความเสี่ยงจากการทำงานในมุมมองของแรงงาน ก็คือ ลักษณะต่อไปนีค้ ือ (ดูภาพที่ 8 และ 9 ประกอบ) สิ่งที่แรงงานเหน็ วา่ เปน็ ความเสี่ยง • ไฟฟ้าช๊อต • การทำงานบนทีส่ ูงโดยไม่มอี ุปกรณ์ • สดู ดมฝนุ่ • การสะสมสารเคมีจากการทำงาน • การยกของหนัก • การนั่งท่าเดิมเปน็ เวลานาน • ของมคี ม • เครื่องจกั ร • สิง่ ของที่อาจตกหลน่ ใส่ • เสียงดัง • การทำงานเวลากลางคนื กรณีที่แรงงานไมค่ ิดวา่ เปน็ อบุ ตั ิเหตุจากการทำงาน • การสูดดมเอาฝุ่นละอองของปนู เวลาที่ผสมปูนในแต่ละวนั • กลิ่นสจี ากการทาสีส่งิ ปลูกสร้าง และจากการผสมสี • การถูกไฟฟ้าช็อตขณะตัวเปียกหรือขณะเดินเหยียบสายไฟที่ชำรุดและวางอยู่ในที่ ทำงาน • การตกจากหลังคาขณะขึ้นไปมุงกระเบื้องแล้วไม่ใช้เข็มขัดเพราะคิดว่ามันเป็นอุปสรรค ในการทำงานมากกว่า สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวัดเชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
41 • เศษปูนกระเดน็ เข้าตาขณะฉาบปนู • การล่ืนล้มในทีท่ ำงาน • เหยียบตะปทู ี่ตกอยตู่ ามพ้ืนที่ทำงาน • ปนู กดั เท้าเวลาผสมปูนแลว้ ไมไ่ ด้ใส่รองเท้ายาง • ตกน่ังร้าน • เศษไฟเบอร์กระเดน็ เข้าตา • ใบลกู หมูหักกระเดน็ โดนตัว หรอื ดวงตา • สายเครนยกของขาดแล้วของตกใส่ • ตกจากม้านง่ั ขณะทำงานในที่สงู พอประมาณ • เศษเหลก็ บาดในที่ทำงาน • ยกของหนักเกินจนเกิดอาการเจบ็ ทีห่ ลงั • สูดดมสารเคมี • ค้อนตอกมอื ตัวเอง • เศษเหล็ก เศษปนู เศษกระเบือ้ งตกใส่ขณะทำงาน • โยนของให้กันแลว้ พลาดตกใสท่ ำให้ได้รบั บาดเจบ็ • ใช้เลอ่ื ยวงเดือนตัดไม้แล้วสะบดั ใส่ • ทำงานในหลุมแล้วเพือ่ นดนั ดนิ กลบหลมุ ในกรณีการสดู ดม หรอื สมั ผัส ที่แรงงานคิดว่านา่ จะเปน็ ความเสี่ยง • ฝุน่ ปนู ฝุ่นฝา้ เพดาน ฝุ่นไม้ ฝุ่นกระเบือ้ ง ฝุน่ อิฐ และฝุ่นท่ัวไป • กลิน่ สี กลิน่ เหล็ก กลิ่นนำ้ ยากนั ซึม และกลิ่นกาว • การสัมผสั ปูนและสี ในการผสมปูน ผสมสี • เสียงดังจากการเชอ่ื มเหล็ก ตัดไม้ ตเี หลก็ และจากเครื่องแยกปนู • การสมั ผัสกบั ปูนยาแนวเป็นเวลานาน สถานการณ์การเข้าถึงสุขภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวดั เชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
42 ภาพที่ 8 แผนท่ีความเสี่ยงในทท่ี ำงาน (ภายนอกอาคาร) สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวสั ดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวัดเชยี งใหม)่ ธันวาคม 2561
43ภาพ ่ีท 9 แผน ่ทีความเส่ียงใน ่ทีทำงาน (ภายนอกอาคาร) สถานการณ์การเข้าถึงสขุ ภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จงั หวัดเชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
44 2.10 การเขา้ ถงึ บริการดา้ นสุขภาพ จากการพูดคุยสอบถามถึงประเด็นด้านสุขภาวะของแรงงาน เริ่มต้ังแต่การมีโรคประจำตัว หลักประกันสุขภาพของแรงงานข้ามชาติ และเรื่องการเข้าถึงและการใช้บริการด้านสุขภาพของแรงงาน ในเบื้องต้น พบว่า มีแรงงานผู้ให้ข้อมูลที่มี โรคประจำตัวจำนวน 47 คน ซึ่งประกอบไปด้วย โรคกระเพาะอักเสบ โรคความดันโลหิตสูง ภูมิแพ้ (1 คนมีอาการแพ้ปูน ทำให้การทำงานเป็นไปอย่าง ยากลำบาก) โรคหอบหืด ไมเกรน ข้อเข่าเสื่อม โรคหัวใจ โรคท่อปัสสาวะอักเสบ รวมถึงนอนไม่หลับ ข้อน่าสังเกตอย่างหนึง่ คือ เป็นไปได้หรือไม่ที่โรคประจำตวั เหล่านี้ต่างเกิดขึ้นเนื่องมาจากการทำงานของ แรงงานเอง โดยเฉพาะโรคกระเพาะอักเสบ โรคหอบหืด โรคท่อปัสสาวะอักเสบ โรคข้อเข่าเสื่อม เป็น ต้น และถ้าหากเกิดขึ้นเนอ่ื งมาจากการทำงานจรงิ รฐั ควรมีนโยบายหรอื มาตรการใด ๆ เพือ่ เข้ามาสร้าง หลกั ประกนั ด้านสุขภาพใหแ้ กแ่ รงงานอยา่ งครอบคลมุ หรือไม่ อย่างไร ตอ่ มาจงึ ได้สอบถึงการมีหลักประกันทางสุขภาพสำหรับแรงงานข้ามชาติที่แรงงานแต่ละคนอาจ มีหลายประเภท พบว่าแรงงานส่วนใหญ่มีหลักประกันสุขภาพที่ได้มาพร้อมกับใบอนุญาตทำงานซึ่งมี จำนวนทั้งสิ้น 93 คน รองลงมาคือ การมีหลักประกันสุขภาพที่แรงงานซื้อจากโรงพยาบาลจำนวน 76 คน หลักประกันสุขภาพของชนกลุ่มน้อย/คนไม่มีสัญชาติไทย (ท.99) 22 คน และหลักประกันสังคม เพียง 17 คน แต่ทั้งนี้ยังพบว่ามีแรงงาน 8 คนที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพใด ๆ (มีแรงงานที่มีหลักประกัน สขุ ภาพจากการถือบตั รทหารเกณฑจ์ ำนวน 1 คน) จากประเด็นดังกล่าว พบว่า สถานพยาบาลที่แรงงานได้ขึ้นทะเบียนสิทธิของตนไว้มากที่สุดคือ โรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 53 คน และจะพบว่าแรงงาน ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่มักจะขึ้นทะเบียนสิทธิไว้ ณ โรงพยาบาลประจำอำเภอทั้งหลายที่อยู่ใกล้กับที่พัก อาศัยของแรงงาน ซึ่งก็ได้แก่ โรงพยาบาลสันกำแพง 41 คน โรงพยาบาลสันทราย 35 คน โรงพยาบาล สารภี 25 คน โรงพยาบาลหางดง 15 คน โรงพยาบาลดอยสะเก็ด 10 คน มีเพียงส่วนน้อยที่ได้ขึ้น ทะเบียนกับ ณ โรงพยาบาลพื้นที่ห่างไกลจากพักอาศัยและเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่รอบนอก เช่น โรงพยาบาลแม่อาย โรงพยาบาลพร้าว โรงพยาบาลฝาง โรงพยาบาลเวียงแหง โรงพยาบาลแม่ออน โรงพยาบาลจอมทอง โรงพยาบาลหางดง ซึ่งมีแรงงานขึ้นทะเบียนไว้เพียง 1-5 คน มีแรงงานเพียง 9 คนที่ขึ้นทะเบียนไว้กับโรงพยาบาลในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งได้แก่ โรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ (7 คน) และโรงพยาบาลเทพปญั ญา (2 คน) อย่างไรก็ตาม ในการพูดคุยเร่ืองการเข้าถึงและการใช้บริการด้านสุขภาพ พบว่า แรงงาน จำนวนมากถึง 175 คน ไม่ไปใช้บริการสถานพยาบาลที่ตนเองมีสิทธิ/หลักประกันสุขภาพ โดยจะ ตัดสินใจซื้อยามาทางเอง หรือไปรักษาที่คลินิกที่อยู่ใกล้ที่พัก อาศัย สาเหตุหลักที่แรงงานไม่ไป สถานพยาบาล เนื่องมาจากแงงานเห็นว่าการไปใช้บริการสถานพยาบาลแต่ละคร้ังต้องใช้เวลานาน ทำ สถานการณก์ ารเข้าถึงสขุ ภาพและสวัสดกิ ารของแรงงานข้ามชาติในกิจการก่อสรา้ ง (จังหวัดเชยี งใหม)่ ธนั วาคม 2561
Search