ไมไ ดตระหนักวาความหมายซ่ึงยอมรับกนั อยา งกวา งขวางเปน สง่ิ ทถ่ี กู ใหความหมายและสรางข้ึน โดยบคุ คลทม่ี สี วนเก่ยี วของ 4.1 ขมขนื ตามกฎหมายและขม ขนื ตามคาํ พพิ ากษา ความผดิ ฐานขมขนื กระทาํ ชาํ เราเปน การกระทาํ ทป่ี ระมวลกฎหมายอาญาไดกําหนดไว โดยบทบญั ญตั ทิ ่เี ปนหลกั คอื มาตรา 276 บัญญัตวิ า “ผูใดขม ขนื กระทําชําเราหญงิ ซงึ่ มิใชภ รยิ าของตน โดยขเู ขญ็ ดว ยประการใดๆ โดยใชกาํ ลัง ประทษุ รา ย โดยหญิงอยูในภาวะทีไ่ มส ามารถขัดขนื ได หรอื โดยการทาํ ใหห ญิงเขาใจผดิ วาตนเปน บุคคลอน่ื ตองระวางโทษจาํ คกุ ตั้งแตสี่ปถ งึ ยีส่ ิบป และปรบั ต้งั แตแปดพันถงึ สห่ี มนื่ บาท ถาการกระทาํ ความผดิ ตามวรรคแรกไดกระทาํ โดยมหี รือใชอาวุธปน หรอื วตั ถุระเบดิ หรือโดยรวม กระทาํ ความผดิ ดวยกัน อนั มีลักษณะเปน การโทรมหญงิ ตองระวางโทษจําคกุ ต้ังแตส ิบหา ปถ งึ ยส่ี ิบป และปรบั ตง้ั แตส ามหม่ืนถงึ ส่หี ม่ืนบาท หรอื จาํ คกุ ตลอดชีวิต” แมต ามประมวลกฎหมายอาญาจะไดบญั ญัติใหก ารขม ขนื กระทาํ ชาํ เราหญงิ เปน ความผิด ทีต่ อ งไดรับการลงโทษ แตห ากพจิ ารณาถงึ บทบัญญัติของกฎหมาย กพ็ บวา ไมไดมีการนิยาม ความหมายของการกระทาํ ทจ่ี ะถกู จัดวา เปน “ขมขืนกระทําชําเรา” เอาไวว า จะตองมีลกั ษณะของ การกระทําในลกั ษณะเชน ใดบา ง ขม ขนื กระทําชาํ เราจงึ เปนถอยคาํ ทจ่ี ะตอ งมีการนยิ ามหรอื สรา ง ความหมายขนึ้ จากผบู งั คบั ใชก ฎหมาย ซง่ึ การบญั ญัตคิ วามผิดฐานขม ขนื กระทาํ ชาํ เราไวใ น ลักษณะเชน นเ้ี ปน ส่งิ ที่ไมแตกตา งไปจากกฎหมายที่เคยมีผลใชบ งั คบั อยูแตเ ดมิ เม่ือพจิ ารณาจากบทบัญญัติของกฎหมาย ท่ไี ดกาํ หนดความผิดเกย่ี วกับการขม ขนื กระทาํ ชําเรา ตง้ั แตกฎหมายลกั ษณะอาญาสบื เนื่องมาจนกระท่งั ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 ซงึ่ ไดมกี ารแกไ ขเพม่ิ เติมเมอื่ พ.ศ.2525 การกระทาํ ทเี่ รยี กวา ขม ขืนกระทําชาํ เรากม็ ิไดม ีการกําหนดถงึ ความหมายอยางชัดเจน ดังนน้ั หากมขี อ พพิ าทท่ีตองมกี ารวนิ จิ ฉัยชี้ขาดวา การกระทําน้ันๆ จะถกู จดั ใหเ ปน “การขม ขืนกระทาํ ชาํ เรา” หรอื ไม ศาลในฐานะขององคกรผบู งั คับใชก ฎหมายใหเขา กบั คดี ก็จะตองใหความหมายของการขม ขืนกระทาํ ชาํ เราวา หมายถงึ การกระทาํ ในลกั ษณะเชนใด ในการวนิ ิจฉยั ขอพิพาทคดที เ่ี ปนปญหาวา จะเปนการขมขนื กระทาํ ชาํ เราหรือไมน น้ั มี ประเดน็ สําคญั เบือ้ งตน ท่ีจะตอ งพจิ ารณาวา การกระทาํ ทเี่ กดิ เปน ขอพพิ าทขน้ึ นน้ั เปน การกระทาํ ชําเรา ตามทก่ี ฎหมายกําหนดเอาไวหรอื ไม ซงึ่ ในประเด็นนี้ “ศาลฎีกาเห็นวา จะเปน การกระทาํ ชําเราตามกฎหมาย จะตอ งปรากฏวาของลับหรืออวัยวะสืบพนั ธขุ องชายลว งล้ําเขา ไปในชอ ง สังวาสหรอื อวยั วะสบื พนั ธุของหญงิ ” ประเด็นสําคัญในการช้ขี าดวา การกระทาํ ทีเ่ กดิ ขนึ้ จะเปน การ กระทาํ ชาํ เราหรอื ไม จึงอยทู ีก่ ารพสิ ูจนใหเหน็ วา อวยั วะเพศของชายไดเ ขา ไปในอวัยวะเพศของ หญงิ และการเขาไปนนั้ แมเ ขาไปเพยี งเลก็ นอ ยก็ตาม กถ็ อื วา ไดเ กิดการชําเราขึ้น
โดยในการสอดใสอ วัยวะเพศของชายเขา ไปในของหญงิ น้นั ไมจ าํ เปน วา ฝายชายจะตอง สาํ เร็จความใครหรือมนี าํ้ อสจุ ิแตอยางใด “แมจะไมมนี า้ํ อสุจไิ หลออกมา แตเ มื่ออวยั วะเพศของ จาํ เลยที่ 1 (ชาย) เขา ไปในอวัยวะเพศของผเู สยี หาย (หญิง) แลวกถ็ อื ไดวา จําเลยท่ี 1 ไดขมขนื กระทาํ ชําเราผเู สียหายอนั เปน ความผดิ สําเร็จแลว” ความหมายของการกระทาํ ชําเรา ตามทีป่ รากฏในแนวคาํ พพิ ากษา ดวยการยึดถือเอา อวยั วะเพศของชายและหญงิ เปน ปจ จยั สาํ คัญ ถอื ไดวาเปน การใหค วามหมายที่มีลักษณะเฉพาะ เพมิ่ เตมิ มากขน้ึ จากบทบญั ญัตทิ เ่ี ขียนไวในกฎหมาย ความหมายเชน นอี้ าจเปนทเี่ ขาใจกันวาเปน ความหมายทมี่ ีลกั ษณะท่วั ไปอันเปนทร่ี บั รแู ละยอมรบั กนั ทําใหไ มป รากฏการโตแยง ถึงคาํ อธิบาย ในลักษณะดงั กลาวเกิดขน้ึ หากสบื ทอดตอ เนอ่ื งกนั มา อยางไรก็ตาม คําอธบิ ายเรื่องการกระทาํ ชาํ เราทมี่ ุงพจิ ารณาเรอ่ื งอวยั วะเพศของชายและหญงิ เปน สําคญั มิใชส งิ่ ท่ปี รากฏอยางชดั เจนเมื่อ พจิ ารณาถงึ การนยิ ามถงึ การกระทําชาํ เราจากแงม ุมอนื่ ในพจนานุกรม พ.ศ. 2530 ไดให ความหมายของคําวา ชําเราและคาํ ทมี่ ีความหมายใกลเคียงไว ดงั นี้ ชาํ เรา ก. รว มประเวณี รว มประเวณี ก. รว มเสพสงั วาส ประเวณี น. การเสพสงั วาส, การรว มรส, ประเพณ;ี ก. ประพฤตผิ ดิ เมยี ผอู ่นื สังวาส น. การอยดู ว ยกนั , การอยูรวมกัน, การรวมประเวณี การกระทําชาํ เราตามความหมายของพจนานุกรม มคี วามหมายทีค่ ลายคลึงกบั การรวม ประเวณีและการเสพสงั วาส ความหมายโดยรวมอาจหมายถงึ การอยูด ว ยกัน การอยรู วมกนั รวมถึงการรว มสงั วาสกนั แตก ารรวมสังวาสหรอื รวมประเวณีก็ไมไ ดมกี ารระบุอยา งชดั เจนวา ตอ ง เปน เรื่องของอวยั วะเพศตอ อวัยวะเพศของชายกับหญิงเทา น้นั เพราะการอยรู ว มกันหรืออยูดวยกนั ของบุคคลมมี ิตดิ า นอืน่ ๆ เขามาประกอบดว ย การนยิ ามความหมายของการกระทาํ ชาํ เราให ลดทอนเหลือเพียงเรือ่ งของอวัยวะเพศ จึงเปน ส่ิงท่แี นวคาํ พพิ ากษาของศาลไดส รา งขึ้นและนับวา เปน คําอธบิ ายทม่ี ีลักษณะเฉพาะเจาะจงเปน อยางยง่ิ อทิ ธพิ ลของแนวความคิดดงั กลา วทาํ ใหในการพจิ ารณาถึงการขมขนื กระทาํ ชาํ เรา นอกจากจะตอ งเปนไปตามองคประกอบของกฎหมาย คือระหวา งชายกบั หญงิ อ่ืนซง่ึ มิใชภรรยา ของชายนั้นแลว กย็ งั ตองเปน การกระทาํ ทจ่ี ดั วา เปน การชําเรา คือการสอดใสอ วยั วะเพศชายเขา ไป ในอวยั วะของหญิง การกระทําอน่ื ๆ ทน่ี อกเหนือไปจากนกี้ ไ็ มถูกจัดวา เปนการกระทาํ ชําเรา ดงั กรณี ทหี่ ญงิ ยอมใหช ายซง่ึ เปนหมอแผนโบราณทําการรักษาโรค “ใชม ือคลําทัว่ รา งกายอนั เปลือยเปลา ของผเู สียหาย โดยเฉพาะทนี่ ม อวัยวะเพศ ตลอดจนใชนว้ิ มอื ลว งชองคลอดผเู สยี หาย” และให จาํ เลยนอนโกง โคงโดยชายเอาอวยั วะเพศมาจอ หา งกน เพยี ง 2-3 น้ิว แตบงั เอิญสามีของหญงิ มา พบเขากอนจงึ หยดุ การกระทาํ ของตน การกระทาํ ในลักษณะเชนนี้จึงไมอ าจถือไดว า เปน การชาํ เรา
หญิง หากเปน เพยี งการอนาจารโดยความยินยอมของฝา ยหญงิ การลว งละเมิดตอ รา งกายของ หญิงซงึ่ รวมถงึ อวยั วะเพศของหญงิ โดยทมี่ ไิ ดเ ปนการใชอวยั วะเพศชายมาสอดใสกไ็ มเปน การ ชาํ เราไมว า จะเปน การใชนว้ิ มอื วัตถหุ รอื อวัยวะสว นใดสว นหนง่ึ ของรางกาย และเชน เดียวกนั ใน กรณที ่หี ากหญิงถูกบงั คบั ใหสําเร็จความใครแ กช ายดว ยวธิ กี ารใดๆทไ่ี มมีการลวงลา้ํ อวัยวะเพศของ หญงิ เชน การสําเรจ็ ความใครแกช ายดว ยปากหรือใชน ิ้ว การกระทาํ เชน นก้ี ็หา งไกลจากการชําเรา ในความหมายท่ีปรากฏในคาํ พิพากษา เม่อื การขม ขืนกระทาํ ชําเราถกู จาํ กัดใหม ีความหมายถงึ การสอดใสอ วยั วะเพศชายเขา ไป ในอวัยวะเพศหญงิ การกระทาํ อนื่ ใดที่เกิดขึ้นหากยงั ไมอยูในวสิ ยั ทจ่ี ะสอดใสอวยั วะเพศชายเขา ไป ในของหญงิ กจ็ ะถูกพิจารณาวา เปนการกระทําที่ยงั ไมเกีย่ วขอ งกบั การขมขนื และไมถอื วา เปนการ พยายามขมขนื กระทาํ ชาํ เราดวย “ขอเท็จจรงิ ไดความวา ผเู สียหายอายุ 21 ป มสี ามแี ลว แตย ังไมมีบตุ ร จําเลยอายุ 42 ป มี ภรรยาและมีบตุ รแลว บา นผเู สียหายกับบา นจําเลยหา งกนั ราว 10 วา วนั เกิดเหตสุ ามผี เู สยี หายไม อยู ผเู สยี หายกลับจากนาไดแ วะทบี่ า นนางปมารดาสามีเวลาราว 19.00 นาฬิกาเศษ กินขาว อาบนา้ํ เสร็จกน็ งุ ผา ซิน่ กระโจมอกเดินกลบั บา นซง่ึ อยหู า งราว 15 วา ขณะเดินผานหนา บา นจําเลย พบจาํ เลยนงุ ผา ขาวมา ยนื อยขู างรวั้ บา น จาํ เลยถามวาวนั น้มี ีใครนอนดว ยหรอื เปลา ผเู สยี หาย ตอบวา ไมม ี แลวผเู สียหายเดนิ เขา บานไดจ ดุ ตะเกยี งแลว เดนิ ถอื ตะเกยี งมาถงึ ประตูหอ งนอน จําเลยแอบเขา มากอดผูเ สียหายแลว ยดั ธนบัตร 10 บาท ใสในมือผูเ สยี หายพรอมกบั พูดวา ‘เอาเงิน ไป 10 บาท ขอนอนดวยซกั ทีห่ น่ึง’ ผูเสยี หายตกใจรอ งขน้ึ วา ‘พ่ถี าทาํ ไมทํากับขา อยา งน’ี้ จําเลยเอา มอื ปด ปากผูเ สียหายแลวดบั ตะเกยี ง ใชม อื กดผเู สยี หายนอนลงทพี่ นื้ เรอื นแลว ข้นึ ครอ มเอาหวั เขา กดตน ขาไว ขณะน้นั ผเู สยี หายนอนหงายยงั นุง กระโจมอกอยู จาํ เลยกมลงกัดท่ีแกม และถลกผา ซ่นิ ข้ึนจากดา นลา ง ผเู สยี หายดิน้ อยางแรงจนหลดุ แลว ว่งิ รอ งไหลงเรอื นไป ดงั นี้ ศาลฎกี าเหน็ วา ลักษณะการกระทําของจาํ เลยดังกลา วยงั ไมอยใู นวสิ ยั ทจ่ี าํ เลยจะกระทาํ ชาํ เราผูเสยี หายได การ กระทาํ ของจาํ เลยจงึ ไมเ ปน ความผดิ ฐานพยายามขม ขืนกระทาํ ชาํ เรา คงเปน ความผิดเพยี งฐาน กระทาํ อนาจารผูเสยี หาย” หากพจิ ารณาตามแนวคาํ วนิ จิ ฉยั ของศาลฎกี า ลาํ พงั การใชกําลงั ปลกุ ปล้าํ จะยังไมถ อื วา เปน การพยายามขม ขนื แมว า จะไดเปลอื้ งเสือ้ ผาของหญงิ และฝา ยชายไดถอดเส้ือผาของตนเองจน เหลือแตกางเกงในแลว กต็ าม “สาํ หรบั ความผดิ ฐานพยายามขมขืนกระทําชาํ เราและการกระทําอนาจารไดค วามจากนาย ประนอม นายสมจิตร และนายสวงิ พยานโจทกแตเ พยี งวา นายประนอมกบั นายสมจิตรเหน็ จาํ เลย ที่ 1 นงั่ ครอมโจทกร วม (หญงิ ผูเสยี หาย) ตรงบรเิ วณทองนอย และเมื่อนายสวงิ ขนึ้ ไปดูหลงั จากท่ี จําเลยทัง้ สองหลบหนไี ปแลว ก็เหน็ เสอ้ื ชั้นนอกของโจทกร ว มถูกเลกิ ขนึ้ เสื้อช้นั ในถูกเลกิ ลงเห็นนม
ขางซา ยกางเกงรดู ลงไปสุดงา มขามองเหน็ กางเกงในท้งั ตวั แมจาํ เลยท่ี 1 จะนาํ สบื รบั วาไดถ อด เสอื้ และกางเกงของตนออกคงเหลือแตกางเกงใน และขณะทีก่ าํ ลงั จับนมโจทกรวม พอดมี คี นมา จําเลยท่ี 1 จงึ หลบหนีไปก็ตาม ลกั ษณะการกระทาํ ของจําเลยทั้งสองยังไมอยใู นวิสยั ท่จี ะกระทาํ ชําเราโจทกรว มได แมจ ําเลยทงั้ สองใหก ารรับสารภาพกล็ งโทษจาํ เลยทงั้ ฐานนี้ไมไ ด จาํ เลยทง้ั สอง มคี วามผิดฐานรว มกนั กระทาํ อนาจารเทา นนั้ ” ในมุมมองของศาล แมฝายชายจะใชก ําลงั ปลุกปลํ้าและสามารถคาดเดาไดว าหาก ผเู สยี หายไมอ าจหลบหนี หรอื ไมมบี ุคคลอ่ืนมาพบเห็นเหตุการณ ชายผตู กเปน จาํ เลยกค็ งสามารถ กระทาํ ชําเราหญงิ อยา งแนน อน แมจะคาดหมายไดวาผกู ระทาํ มงุ ทจ่ี ะกระทาํ ชาํ เราหญิง แตใ นการ พจิ ารณาความผดิ ของศาล เหน็ วา เพยี งการกระทาํ ในลกั ษณะเทา น้ี “ยงั ไมอยใู นวสิ ยั ทจ่ี ะกระทาํ ชาํ เราผูเสยี หาย” ได เพราะฉะนน้ั จงึ ไมอาจลงโทษจาํ เลยในความผดิ ฐานพยายามขม ขนื กระทาํ ชําเรา ตามแนวคาํ พพิ ากษาของศาลฎกี า บุคคลจะมคี วามผดิ ถงึ ขนั้ พยายามขมขนื กระทาํ ชําเราก็ ตอเมื่อไดม ีเจตนาจะขม ขนื กระทาํ ชําเรา ไดลงมอื กระทาํ แลว อยใู นวสิ ยั จะชําเราไดแ ลว แตข องลบั ของชายยงั ไมเขา ไปในของหญิง เชน ชายเอามืออุดปากหญิงขน้ึ ครอ มไดแกผา ของตัวเองและของ หญิงแลว กาํ ลงั จะเอาของลบั ของตนใสใ นของลบั ของหญิง แตห ญงิ ผลักไสไมย อม มคี นมาพบเขา ชายจงึ หนไี ป การกระทําทีจ่ ะเปน ความผิดฐานพยายามขม ขืนจงึ ตองปรากฏอยางชดั เจนวา ชายได เอาอวยั วะเพศจอ ทชี่ องคลอด หากแตไ มส ําเร็จซง่ึ อาจเปนเหตุผลอน่ื ใด เชน หญงิ ตอ สูดิ้น หรือมี คนมาพบเหน็ ทาํ ใหยุตกิ ารกระทํา “ขอเท็จจรงิ ฟงไดตามคําของโจทกร ว ม (เดก็ หญิง) วา เมอ่ื จาํ เลยถอดกางเกงของโจทกรว ม ออกและถอดกางเกงของตนออกแคห วั เขาแลว จาํ เลยถา งขาของโจทกรวมออกและขนึ้ ครอ มบนตวั โจทกรว ม เอาอวยั วะเพศของตนใสเขา ไปในอวัยวะเพศของโจทกร วม แตอวยั วะเพศของจําเลยมิได ลวงลาํ้ เขา ไปในชองคลอดของโจทกร วม เพราะเย่ือพรหมจารียังปกตอิ ยู แตบ รเิ วณปากชอ งคลอด และแคมในท้งั สองขา งแดงผดิ ปกติ แสดงวา จาํ เลยพยายามสอดใสอ วยั วะเพศของตนเขา ไปในชอ ง คลอดของโจทกรว มแตก ระทาํ ไมส าํ เร็จ เพราะมีเสยี งสนุ ัขเหา และคนขนึ้ มาบนบา นเสยี กอน พฤตกิ ารณบง ช้ีชดั วาจาํ เลยมเี จตนาขม ขนื กระทาํ ชาํ เราโจทกร ว ม จาํ เลยลงมือกระทาํ ความผิด แลวแตกระทําไปไมตลอด จําเลยจงึ มคี วามผิดฐานพยายามขม ขนื กระทาํ ชาํ เรา” การใหค วามหมายของการขม ขนื กระทาํ ชาํ เราวา เปนเร่ืองของอวัยวะเพศชายกบั อวัยวะ เพศหญงิ นอกจากเปน การสรางความหมายของความผดิ ฐานขม ขนื กระทําชาํ เราใหม ลี ักษณะท่ี เฉพาะเจาะจงข้นึ มา มผี ลกระทบอยา งสาํ คญั ตอ การตดั สินวา การกระทําในลักษณะใดจะเปน หรอื ไมเ ปนการขมขืน และมผี ลเกี่ยวเน่ืองไปถงึ การกระทาํ ที่ใกลเคยี ง ดงั เชน การพยายามขม ขืน กระทาํ ชําเรา
4.2 ความยินยอม แมว า จะมีการชําเราระหวา งชายและหญงิ เกิดขน้ึ แตก ็ไมไ ดหมายความวาชายจะมี ความผิดฐานขม ขนื กระทาํ ชาํ เราโดยทันที การชาํ เราทท่ี าํ ใหช ายมีความผดิ ในขอ หานจ้ี ะเกดิ ขึ้นก็ ตอ เม่ือเปน การกระทําทเี่ กดิ ขึน้ ดวยการบังคับหรอื โดยทฝี่ ายหญงิ ไมไดยนิ ยอมตอ การใหอ วัยวะเพศ ของชายลว งลาํ้ เขาไปในอวยั วะเพศของตน หากการชําเรานนั้ เกดิ ขน้ึ ดว ยความสมัครใจหรอื ดว ย ความยนิ ยอมของฝายหญงิ กไ็ มถ ือวา การมีเพศสัมพันธด งั กลาวเปน การขม ขนื แตอยางใด การวนิ จิ ฉัยในประเดน็ เรอ่ื งความยินยอมจงึ เปนประเด็นท่ีมีความสําคญั เพราะจะทาํ ให การอธบิ ายถงึ การชาํ เราท่ีเกดิ ขึ้นเปน ความผดิ ฐานขมขนื กระทาํ ชาํ เราหรือเปน การสมยอมของหญงิ กท็ ําใหชายผูกระทําไมมีความผดิ ในขอพิพาทของคดีขม ขืนกระทาํ ชําเรา ประเดน็ เรอื่ งความ ยินยอมจงึ มกั ถกู หยบิ ยกขน้ึ มาเปน ขอ โตแยงอยเู สมอ โดยฝา ยชายทีต่ กเปนจาํ เลยในขอหานม้ี กั จะ อา งวา การชําเราท่กี ระทาํ ตอหญงิ เกดิ ข้นึ ดว ยความยนิ ยอมพรอมใจของอีกฝา ย ขณะทหี่ ญงิ ซงึ่ เปน ผูเ สยี หายก็จะใหเหตุผลวาเหตุการณท เี่ กดิ ขึน้ ดวยความไมส มคั รใจของตน การจะวินจิ ฉยั วา เพศสัมพนั ธระหวา งชายกบั หญิงท่เี กดิ ขน้ึ เปน เพราะความสมคั รใจหรอื การขมขนื บงั คับจากชาย เปนประเดน็ ทม่ี ีความยงุ ยากในการวนิ จิ ฉยั ชี้ขาดมใิ ชนอ ย เนื่องจากในเหตกุ ารณที่เปน ขอพพิ าทเร่อื งการขม ขืนกระทําชาํ เราน้นั เปน คดที ่มี กั เกดิ ใน สถานที่รโหฐานหรือเปน สถานทที่ ี่ลบั หลู บั ตาผูคน เชน โรงแรม บา นพกั อาศัย ปา ละเมาะ หรอื ในชว งเวลาทป่ี ราศจากผคู นซึ่งจะมารเู หน็ ทําใหค ดเี ปนจาํ นวนมากปราศจากประจกั ษพ ยานซ่งึ เปน ผรู บั รเู หตกุ ารณดวยตนเอง มายนื ยนั ลักษณะของการชาํ เราวา เกดิ ในรปู แบบอยางใด ดงั นนั้ ใน การตดั สนิ วา การชาํ เรานั้นเปน การยนิ ยอมของหญงิ หรือเปน การบังคับขนื ใจของชาย จงึ จาํ เปน ตอง มีการพเิ คราะหถ งึ พยานหลกั ฐานอ่นื ๆ หรอื ปจจยั แวดลอ มเขามาประกอบการตัดสนิ ใจ เพอื่ ให สามารถบง ช้ีถงึ ลักษณะของการชาํ เราทเ่ี กดิ ขนึ้ เพื่อนําไปสกู ารตดั สินวาเหตกุ ารณน น้ั เปนขม ขนื กระทาํ ชําเราหรอื ไม จากการศึกษาคาํ พพิ ากษาฎกี าของไทย พบวามปี ระเดน็ สาํ คญั ท่ถี กู หยบิ ยกข้ึนมาเปน เหตุผลในการที่จะตดั สนิ ใจวา การกระทํานั้นเปน การขมขนื กระทาํ ชําเราหรอื เปน การยนิ ยอมใหชาย ชําเราดว ยความสมัครใจ โดยประเดน็ สาํ คญั ในการพิจาณามี 3 ประเดน็ คือ ระยะเวลา บาดแผล และภมู ิหลงั ของผูเสยี หาย ก.ระยะเวลา ภายหลงั จากเหตกุ ารณท ่มี กี ารกลา วอางวา เกดิ การขมขนื กระทําชาํ เรา ไปจนถึงการ ดําเนนิ การตางๆ เพอื่ ใหเ กิดการลงโทษแกบ ุคคลซ่ึงเปนผกู ระทํา ไมวา จะเปน การแจง ความกับ เจา หนาที่ตาํ รวจ การบอกกลา วเหตุการณท ่เี กดิ ขน้ึ กบั บคุ คลใกลชดิ การไปพบแพทยเ พ่ือตรวจหา รอ งรอยของการขม ขนื ระยะเวลาในการดําเนนิ การทใี่ กลห รือทอดหา งจากเหตกุ ารณ เชน 1 วนั
หรือ 1 เดอื น จะเปนประเดน็ ท่มี คี วามสําคัญในการพิจารณาวา การชาํ เราทเี่ กดิ ขึน้ เปนการขมขืน หรือเปนความสมัครใจของหญงิ นน้ั ตามแนวคาํ วนิ จิ ฉยั ของศาลฎีกา ถา หญงิ ซึง่ เปน ผูเสยี หายจากการขม ขนื ไดแจง ความกบั เจาหนาที่ตํารวจภายในเวลาท่ีตอ เนอ่ื งกบั เหตกุ ารณห รอื ในทนั ทที สี่ ามารถดาํ เนินการได มีแนวโนม ที่ศาลจะรบั ฟง วา เหตุการณท ีเ่ กิดข้ึนเปนเรอ่ื งของการขมขืนกระทาํ ชาํ เรา ดงั ปรากฏในคดีเปน จํานวนมากซึง่ ผูเสียหายไดแ จง เหตกุ ับเจาหนา ทีต่ าํ รวจอยา งรวดเร็วภายหลงั จากเหตกุ ารณ เหตเุ กิดเวลา 3.00 น. เศษ หญงิ สาวออกไปรอซอ้ื มะพราวจากแมค า แตถกู ชาย 2 คนใช มีดจีไ้ ปขมขืน มีพยานเหตกุ ารณเบกิ ความยืนยันเหน็ ชายทเ่ี ปน จาํ เลยทงั้ 2 คน “ใชแตเ ทานน้ั น.ส. เพลิน (หญงิ ) ไดไ ปแจงตอ เจาพนักงานตอนเชา ทนั ที เจา พนักงานจงึ ตดิ ตามตวั จําเลยทงั้ 2 มาได ในเวลาอนั รวดเร็ว” หญงิ ผูเสยี หายไปเท่ยี วงานศพท่ีวัดจนกระทงั่ เวลา 21.00 น. เศษ จะกลับบานพบชายซงึ่ รูจักกนั มากอ นอาสาจะพาไปสงบา น หญงิ ตกลงไปดวยแตเมื่อออกจากบริเวณงานไดป ระมาณ 1 เสน ก็ถกู ฉุดเขา ปา ละเมาะขางทางแลวถกู ชายกบั พวกขม ขืนกระทําชาํ เรา “หลงั จากจาํ เลยกับพวกหลบหนไี ปแลว ผเู สยี หาย (หญงิ ) เดนิ กลับเขา ไปในบริเวณวดั อีกคร้ังหนง่ึ เมือ่ พบสิบตาํ รวจเอกกิตติศกั ด์ิ ศกั ด์สิ รุ ิยวงศ ซึ่งกําลงั เขา เวรรกั ษาความสงบอยูในบริเวณงาน ผูเสยี หายก็แจง เหตุดังกลา วใหส บิ ตํารวจเอกกติ ติศักดท์ิ ราบทนั ที แลว พาสบิ ตํารวจเอกกติ ติศักดิ์ ตามหาจาํ เลยกับพวก พบจาํ เลยกลับมาเดินในบรเิ วณงานอกี เมือ่ จาํ เลยเหน็ ผูเสยี หายและสิบ ตาํ รวจเอกกิตตศิ ักดกิ์ ว็ ิ่งหนี อนั เปนพริ ุธอยา งยง่ิ ” การแจง ตอเจา หนาทตี่ ํารวจอยางรวดเรว็ หลังจากเกดิ เหตุ เพือ่ ใหม ีการตดิ ตามจับกมุ ตัวผู กอ เหตุ นับเปน ปจ จัยสาํ คัญท่จี ะทาํ ใหศ าลใหนา้ํ หนักกบั ปากคาํ ของหญิงผูเ สยี หาย และถา ในการ สอบสวนมหี ลกั ฐานอนื่ ใดมาประกอบกย็ งิ่ ทําใหพยานหลกั ฐานของทางฝายผเู สียหายมคี วาม นาเชื่อถอื ยงิ่ ขึ้น “ศาลฎีกาเหน็ วา นางแดงและนางแผว พาผเู สียหาย (หญิงใบ) ไปแจง ความแกเจา หนา ทต่ี ํารวจใน ระยะกระชนั้ ชดิ กบั เวลาท่ีเกดิ เหตุ ซ่งึ ผเู สยี หายไดแ สดงทา ทางใหเปน ทรี่ ู ไดวา จําเลยทง้ั สอง ขม ขืนกระทาํ ชาํ เราผเู สียหาย และเมอื่ ไดตวั จําเลยทง้ั สองมาในคนื เกดิ เหตุ ผูเสยี หายกช็ ้ีตวั จาํ เลยทัง้ สองวา เปน คนรา ย ประกอบกบั จาํ เลยที่ 1 ใหก ารรับสารภาพในชน้ั สอบสวน และจาํ เลย ท่ี 2 ใหก ารรบั สารภาพในชน้ั มอบตวั วาไดร ว มกนั ขม ขนื กระทาํ ชําเราผเู สียหาย ทง้ั ยังไดพ า เจา หนาที่ตาํ รวจไปทาํ แผนท่ีเกิดเหตุ และแสดงทา ทางใหเจาหนา ทีต่ ํารวจถา ยภาพประกอบคํารบั สารภาพ พยานหลกั ฐานโจทกม นี ํ้าหนักมน่ั คง”
แมว า ภายหลงั เกิดเหตุผเู สียหายจะไมไดแ จงใหเ จา หนา ท่ตี าํ รวจทราบ แตไ ดบอกกลาว ใหแกบ คุ คลใกลชิดกอนที่จะไดมาดาํ เนนิ การกบั ทางเจา หนาทต่ี ํารวจในระยะเวลาอนั รวดเร็ว กรณี เชนน้กี ็ถือวาปากคาํ ของผเู สยี หายมนี ้ําหนกั รบั ฟงไดเ ชน กนั “รุงขึ้นจากวนั เกดิ เหตโุ จทก (อัยการ) มี จาสบิ ตํารวจสมพงษ เจา หนา ที่ตาํ รวจสายตรวจเปนพยาน วา นายพฒุ บดิ าผูเสยี หาย (หญงิ ) ไปแจง วาจาํ เลยเปน คนรายรายน้ี แลว นําจา สบิ ตาํ รวจสมพงษ ไปจับจาํ เลย โดยผูเสยี หายเปน คนชใ้ี หจ ับ หลงั จากน้นั โจทกม รี อยตาํ รวจตรชี นะชยั เปน พยานวา นายพฒุ นางสาํ อาง บิดา มารดาของผเู สยี หายและผเู สยี หายไดนําความเร่อื งนไ้ี ปแจงตอรอ ย ตํารวจตรีชนะชัยใหดาํ เนนิ คดแี กจ าํ เลย ขณะมาแจง ความ จา สิบตํารวจสมพงษไ ดค ุมตัวจําเลยมา ดวย ขอเท็จจรงิ จึงเชื่อไดวา ทเ่ี จา หนา ทต่ี าํ รวจไดตัวจาํ เลยมาดาํ เนนิ คดีก็เพราะนายพุฒนาํ ความ ไปแจง ตอจาสิบตาํ รวจสมพงษ แสดงวา ภายหลงั เกดิ เหตุ เมอื่ ผูเสียหายพบบดิ า มารดา ผเู สียหาย ไดแจง ใหทราบวาจาํ เลยเปน คนรา ยรายนี้ ดังน้คี าํ เบกิ ความของผเู สยี หายจึงมนี ้ําหนกั มนั่ คงเช่อื ถอื และรับฟงเปน ความจรงิ ได” การแจงความกับเจา หนา ท่ตี าํ รวจอยา งรวดเรว็ ซ่ึงอาจมผี ลนาํ ไปสกู ารไดพ ยานหลักฐาน ตางๆ เพม่ิ ข้นึ กย็ ่ิงเปน การยนื ยนั วา ขอความท่ีผเู สยี หายกลา วอา งนน้ั มนี ํา้ หนักนา เชอื่ ถอื มากย่ิงขน้ึ “ผเู สยี หายเบกิ ความยนื ยันวา จําเลยท่ี 1 ที่ 2 และที่ 3 ขมขืนกระทําชาํ เราตน โดยจาํ เลยที่ 1 ใชม ดี ขมู ิใหผ ูเสยี หายรอ งและชว ยกนั จับแขนและขาผูเสยี หาย ปรากฏรายละเอียดตามทศ่ี าลฎกี ายกขึ้น กลา วในขอ นาํ สืบของโจทก (อยั การ) ในคืนวันรุงขนึ้ จากวนั เกดิ เหตุ ผูเสยี หายเลาเรอ่ื งท่ีจาํ เลยที่ 1 ท่ี 2 และที่ 3 ขมขืนกระทาํ ชาํ เราตนเพราะถกู นางรุงมารดาคาดคั้นถาม นางรุงและผูเ สยี หายพากนั ไปบานบิดามารดาจาํ เลยที่ 1 บอกบิดามารดาจาํ เลยที่ 1 วา ผูเ สียหายถกู จาํ เลยท่ี 1 ที่ 2 และที่ 3 ขม ขนื กระทาํ ชาํ เรา เมื่อไปแจง ความตอ ผใู หญบ า นและพนกั งานสอบสวน ผเู สียหายก็ยนื ยนั วา จาํ เลยท่ี 1 ท่ี 2 และที่ 3 ขมขืนกระทาํ ชําเราตน จนกระทงั่ รอยตํารวจตรสี งครามพนกั งานสอบสวน สงตวั ผูเ สียหายไปใหแพทยต รวจรา งกาย แพทยต รวจพบวา เยื่อพรหมจารฉี ีกขาด มนี ํ้าอสจุ ใิ นชอ ง คลอดของผเู สียหาย” ซ่ึงแนวการวนิ จิ ฉยั ในลกั ษณะเชนนี้ก็ไดรบั การยอมรบั วา มีน้าํ หนักในการรับฟง เปน อยา ง มากในคาํ วนิ ิจฉัยของศาล “ขอ เทจ็ จรงิ จงึ ฟงยุตไิ ดวา จาํ เลยไดรว มประเวณีกับผูเสยี หายในวันเวลาและสถานท่เี กิดเหตุ คงมี ปญ หาท่ตี องวนิ จิ ฉัยวา จําเลยไดใ ชอาวุธปน ขมขจู นผูเสยี หายจาํ ยอมใหจ ําเลยกระทาํ ชําเราหรือไม ปญ หาดงั กลาวขอเทจ็ จริงฟง ยุติตามคาํ พพิ ากษาศาลชน้ั ตน แลววาจาํ เลยไดย งิ ปน ในบรเิ วณเกดิ เหตใุ นเวลาเกดิ เหตุ หากผเู สยี หายเปน ใจยนิ ยอมรว มประเวณกี ับจาํ เลยกไ็ มม เี หตุใดๆ ท่ีจําเลย จะตอ งยงิ ปนในขณะจะไดร ว มประเวณีกบั ผูเ สียหายเปน การเจอื สมกบั คําเบกิ ความของผูเ สียหาย วา จําเลยยิงปน ขูบ งั คับใหผ ูเ สียหาย จาํ ตองยอมใหจ าํ เลยกระทาํ ชําเรา ประกอบกับผเู สยี หายได
แจงเหตวุ า ถกู จําเลยใชอ าวธุ ปน ขม ขูบงั คบั ขมขืนกระทาํ ชําเรา ในทนั ทที พี่ บกับนางจงรกั ษ มารดา ของผเู สียหาย หากผเู สียหายสมัครใจรวมประเวณกี ับจาํ เลย คงไมห าเหตุกลา วหากล่ันแกลงจาํ เลย และนางจงรกั ษไดแจงเหตทุ เี่ กดิ ขนึ้ ตอพนั ตาํ รวจโทประสาร ญาติของนางจงรักษในตอนเชาวนั เกดิ เหตุ และไดไปแจงเหตตุ อ พนกั งานสอบสวนในวันเดยี วกนั และเจา พนกั งานตาํ รวจไดพากนั ออกไป ตรวจสถานทีเ่ กดิ เหตุ และพบของกลางในบรเิ วณเกดิ เหตซุ ่ึงสมจรงิ ตามคาํ เบิกความของผูเสียหาย แสดงวาผูเ สยี หายบอกเลา เหตุการณท เี่ กดิ ขน้ึ ตามความเปน จริง” การแจง ความกบั เจาหนา ทตี่ ํารวจโดยผูเ สยี หาย จงึ ถือเปนปจจัยสาํ คญั ท่ีทาํ ใหศ าลเห็นวา คําเบกิ ความของผูเ สียหายมี “นาํ้ หนักมนั่ คง เชอ่ื ถือและรบั ฟงเปน ความจรงิ ” ในกรณีท่ีมี พยานหลักฐานอืน่ เขา มาประกอบก็จะชวยเพม่ิ นาํ้ หนักใหม ากข้ึนในการรบั ฟงปากคาํ จากผเู สียหาย อยางไรก็ตาม แมพ ยานหลกั ฐานอน่ื ที่ได จะไมไดส อดคลองหรอื ไมไ ดส นับสนนุ ขอเทจ็ จรงิ ตามที่ ผูเสียหายไดกลา วอาง แตคาํ ใหก ารของผูเสยี หายท่ีไดดาํ เนนิ การอยา งรวดเรว็ ดว ยการแจงกับ เจาหนา ท่ตี าํ รวจในระยะเวลาอนั รวดเร็วหลังเหตุการณก ย็ ังถอื วา มนี าํ้ หนกั อยางมาก ชาย 3 คนไดรวมกนั ขม ขืนหญงิ สาวและฆา ชายทม่ี ากบั หญิงตาย ในขณะเกดิ เหตไุ มม ี บุคคลอื่นใดรเู ห็นเหตุการณ “ศาลฎีกาไดพ เิ คราะหพ ยานหลักฐานของโจทก (อัยการและมารดาของผตู าย) จาํ เลย (ชาย 3 คนท่ี ถกู ฟอ งวา กระทําผดิ รวมกัน) ทง้ั สองฝา ยโดยละเอยี ดแลว แมค ดนี ีโ้ จทกจะมปี ระจกั ษพยานรเู ห็น ในขณะเกิดเหตเุ พยี งปากเดยี วคอื นางไสว เหวยี่ น ผเู สยี หายก็ดี แตศ าลฎกี าพเิ คราะหเหน็ วา พยาน ปากน้เี บิกความประกอบชอบดว ยเหตผุ ลมนี าํ้ หนักนา เชอื่ ถอื โดยหลงั จากเกิดเหตแุ ลวผเู สยี หายก็ ไดรบี ไปเลา บอกกับมารดาของผูต ายในทนั ที เมือ่ พบกบั จาสบิ ตํารวจยทุ ธศิลป ผูเสยี หายกเ็ ลา เหตกุ ารณใ หฟ ง วาจาํ เลยทงั้ 3 ไดสมคบกนั ตีผูต ายและผลัดกนั ขมขืนกระทาํ ชาํ เราผเู สียหาย ตลอดจนการจาํ คนรายไดวา เปน จาํ เลยท่ี 2 และชายอกี 2 คน ซง่ึ เปน นกั มวยมาชกในงานปใ หม เปนเหตใุ หจา สบิ ตํารวจยทุ ธศลิ ปพาผเู สยี หายไปจบั จาํ เลยที่ 1 ไดท ี่บา นนายมงคลผูจ ดั การมวยใน เชา มดื วนั นนั้ และจบั จาํ เลยท่ี 2 ที่ 3 ไดใ นเวลากระช้นั ชดิ กัน......ที่จาํ เลยกลา วในฎกี าวา ศาลไม ควรรบั ฟงวา ผเู สยี หายถกู ขม ขนื กระทาํ ชําเราเพราะนายแพทยประสทิ ธ์ิ วะนา้ํ คาง พยานโจทกผ ู ชันสตู รของลบั ผูเสียหายเบกิ ความวา ไมพ บรองรอยของการฉีกขาดของอวยั วะสบื พนั ธใุ หมๆ ของ ผเู สยี หาย และไมพบเช้อื อสจุ ิดวยนน้ั การตรวจไมพ บเชอ้ื อสจุ ิน้ี นายแพทยประสิทธ์ิ วะนาํ้ คา ง เบกิ ความตอไปวา อาจเปน เพราะชอ งคลอดถกู ลา งเสียกอ นกไ็ ด สว นท่ไี มม ีรอยฉกี ขาดใหมๆ ของ อวัยวะสืบพนั ธุน น้ั ศาลฎีกาเหน็ วาอาจเปน เพราะผเู สยี หายเคยชําเรากบั ชายอนื่ มาแลว ก็ได ตาม รายงานชนั สตู รบาดแผลของนายแพทยท า ยฟอ ง กป็ รากฏวาพบเยื่อพรหมจารมี ีรอยฉกี ขาดเกา ดงั นนั้ คําเบิกความของนายแพทยประสทิ ธิ์ วะนา้ํ คา ง พยานโจทกน้ี จงึ ไมเปน เหตใุ หท าํ ลาย นา้ํ หนกั ถอยคาํ เบิกความของผเู สยี หายได”
การเลา เหตุการณก บั คนใกลช ิดภายหลงั การเกดิ เหตุและการแจงความท่ีเกดิ ขนึ้ อยา ง รวดเร็ว จงึ ไดร บั ความสาํ คัญในคําพพิ ากษาตามทไ่ี ดก ลา วอางถงึ และเปนการแสดงออกทถ่ี กู ให ความหมายวา หมายถงึ การไมย ินยอมของหญงิ ผถู ูกขมขืนกระทาํ ชําเรา และจากการพิจารณาถงึ คาํ พิพากษาของศาลฎกี า ระยะเวลาที่รวดเร็วและกระชน้ั ชิดในการแจง ความนับเปน ประเด็นท่ีมี ความสาํ คัญอยา งยง่ิ แมกระท่ังในกรณพี ยานหลกั ฐานอนื่ ทพี่ บอาจไมไ ดส นับสนุนขอ เท็จจริงตามท่ี ฝา ยหญงิ กลา วอา ง ในทรรศนะของศาลกย็ งั คงใหน าํ้ หนกั กบั ปากคาํ ท่เี กิดข้นึ อยางรวดเรว็ มากกวา พยานหลักฐานอนื่ ๆ หญิงถกู ชาย 2 คนใชมดี ปลายแหลมเปน อาวุธจ้ีขบู งั คบั ผลดั กันกระทาํ ชําเรา “เมื่อเกิดเหตุแลว ผเู สียหายไดเลาเร่อื งใหสามีทราบและแจงความรอ งทกุ ขตอ พนักงานสอบสวน ทนั ที โดยระบชุ ่ือคนรายวาเปนจําเลยทง้ั สอง เมือ่ จบั จาํ เลยทงั้ สองได ผูเสยี หายช้ตี ัวจําเลยทั้งสอง วา เปน คนรายรวมกนั ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราผเู สยี หาย ในชน้ั สอบสวนจาํ เลยท่ี 1 ก็ใหก ารรับสารภาพ ทง้ั ไปชท้ี ่เี กิดเหตปุ ระกอบคาํ รับสารภาพและถา ยรปู ไว เม่ือพนกั งานสอบสวนไปตรวจทเ่ี กดิ เหตพุ บ ถงุ ยางอนามยั ทใี่ ชแ ลว 2 ถงุ ตกอยูใ นทเี่ กดิ เหตุ การท่แี พทยต รวจไมพ บตวั อสุจิในอวยั วะเพศของ ผเู สียหาย ไดค วามจากคําเบิกความของผเู สียหายวา คนรายสวมถงุ ยางอนามัยขณะขม ขืนกระทํา ชาํ เราผเู สยี หาย จึงไมใ ชข อยนื ยนั วา ผเู สียหายมิไดถ ูกขมขืนกระทาํ ชาํ เรา พยานหลกั ฐานจาํ เลยทงั้ สองไมอาจหกั ลา งพยานหลกั ฐานโจทกได” เมอื่ การดําเนนิ การอยา งรวดเร็วของหญงิ ผูเสียหายเปน สิ่งทห่ี มายถงึ การไมยนิ ยอม ดังนนั้ ในทางกลบั กนั หากขอ พพิ าททห่ี ญงิ กลาวอา งวา ชายไดก ระทาํ ชําเราตนโดยตนเองไมไดย ินยอม แต ภายหลงั เหตกุ ารณ ทางฝา ยหญงิ กลบั ไมไ ดดาํ เนินการอยา งใดๆ อยา งรวดเรว็ เม่ือสามารถจะ กระทาํ ได เชน การแสดงอาการขัดขืนในทนั ทท่ี ีส่ ามารถกระทาํ ได การเปดเผยเรือ่ งราวท่ีเกิดขึ้น ใหก ับบุคคลอืน่ ไดรับทราบ รวมถึงระยะเวลาในการแจง ความตอเจา หนา ทตี่ ํารวจทที่ อดยาวหา ง จากเหตุการณท ่กี ลา วอาง การกระทาํ ในลกั ษณะเชน น้ีของหญงิ ก็จะไดรับความนา เชอื่ ถอื ที่ แตกตา งไปอยา งสน้ิ เชงิ กบั การแจง ความอยา งรวดเรว็ ชายซงึ่ ตกเปน จาํ เลยใหก ารวา ไดช วนเดก็ หญิงอายุ 11 ปเศษ ซึง่ เปน ผูเสยี หายไปทห่ี อ งพกั ของจาํ เลย ในหองพักไมม ีคนงานอยู ทั้งสองไดพดู กอดจูบกันและในเวลาประมาณ 20.00 น. กไ็ ด นอนหลับอยใู นมงุ เดยี วกนั จนถงึ เวลา 23.00 น. จาํ เลยเห็นเพอื่ นคนงานหลับหมดแลวจึงรวม ประเวณีกบั เดก็ หญิง วนั รุงขนึ้ ไปทท่ี าํ งานพบมารดาของผูเสยี หาย จําเลยไดร ับสารภาพวา ไดเสีย กบั ผเู สยี หายและยนิ ดีรบั เล้ยี งผูเสียหายแตตกลงกนั ไมได มารดาผูเ สยี หายจงึ ไปแจง ความท่ีสถานี ตํารวจเพอื่ ดาํ เนินคดกี บั จาํ เลย สาํ หรบั ผูเ สยี หายเบิกความวา
“เมอื่ ไปนั่งคอยจําเลยเปลยี่ นเสอื้ ผา ท่รี ะเบียงหนา หองจาํ เลย จําเลยเอานา้ํ เปปซี่ใหด ่ืม ผูเสยี หาย ดมื่ ยังไมทนั หมดแกว กถ็ ือแกวนา้ํ เขาไปในหองนง่ั ตรงทกี่ างมงุ ไวไ ด 20 นาที รสู กึ มนึ งง ลมตวั ลง นอนหลบั ไป มารูส กึ ตัวใกลส วาง จาํ เลยนอนทบั ตวั อยู กางเกงในและกางเกงยนี ผูเ สยี หายถกู ถอด อยปู ลายเทา จาํ เลยกไ็ มไ ดส วมเส้อื ผา เชน กนั จาํ เลยกระทาํ ชาํ เราผูเ สยี หายจนมนี าํ้ เมอื กเปย กท่ี อวยั วะเพศของผเู สียหาย ในตอนเชาผเู สยี หายลกุ ไปลา งหนา ในหองน้าํ และตอมาไปท่ีทาํ งาน” จะเหน็ ไดว าทง้ั จําเลยและผูเสียหายตา งใหก ารรับกันวา ไดม ีการรว มประเวณีกนั เกดิ ขน้ึ แต ประเด็นที่เปน ขอ พิพาทก็คือวา การกระทาํ นเี้ กดิ ขึน้ โดยความยินยอมของเด็กหญงิ ตามการให ปากคําของฝา ยชาย หรอื เปน การมอมยาของฝายชายตามคําใหก ารของเดก็ หญงิ ซงึ่ ศาลกไ็ ด นําเอาเรือ่ งของการดําเนนิ การอยา งรวดเรว็ ของผเู สียหายมาเปน ประเด็นสาํ คญั ในการชวี้ า ขอ เทจ็ จริงจากฝา ยใดทนี่ า เชอื่ ถือมากกวา กนั “เมอื่ นาํ คาํ เบกิ ความของจําเลยและผเู สียหายมาฟงประกอบกนั แลว รปู คดนี าเชอื่ ตามท่ีจาํ เลยวา ผูเ สียหายและจําเลยตางสมคั รใจทจ่ี ะรวมประเวณกี นั หากผเู สยี หายถกู จําเลยใหดม่ื น้ําเปปซีม่ อม เมาผูเ สียหายจนหมดสตไิ มรูส กึ ตัว แตเ หตใุ ดเม่ือมารูสึกตัววา ถูกจาํ เลยกระทาํ ชําเรา ผูเสยี หายจงึ ไมร อ งขอความชวยเหลอื จากคนงานทน่ี อนอยูใกลๆ มุงของจําเลย นอกจากน้ีเม่อื ผเู สียหายมกี าํ ลงั ลุกขนึ้ ไดแทนท่ีจะแจง เรื่องที่เกิดขน้ึ ใหค นงานคนใดคนหนงึ่ ทน่ี อนอยใู นหองจาํ เลยไดท ราบ ผูเสียหายกลบั เขาหองนาํ้ ลา งหนา ตอ มาก็กลบั ไปทที่ าํ งานโดยไมไดเ ลา ใหผ ใู ดฟง เหมือนไมม อี ะไร ผดิ ปกติ จนกระทง่ั มารดาผเู สียหายมาถาม จงึ บอกเร่ืองท่ไี ปนอนกับจาํ เลยในคนื เกดิ เหตใุ หฟ ง ” เหตผุ ลในการวินจิ ฉยั จึงเปน การย้ําใหเ หน็ ถึงความเชือ่ ในการปฏบิ ัติตวั ของทางฝา ยหญงิ วา หากเปน การขมขนื กระทาํ ชําเราจรงิ ก็จะตอ งมกี ารแสดงออกหรอื บอกเลา เรื่องราวแกบคุ คลอนื่ ในทนั ทที ี่สามารถจะกระทาํ ได แตถา หากภายหลงั เหตกุ ารณแ ละหญิงอยใู นสภาพแวดลอมที่ สามารถบอกเลา แกค นอนื่ ไดแ ตไมก ระทาํ กรณีเชนนคี้ วามนา เช่อื ถอื ในการใหป ากคาํ ของ ผูเ สียหายกจ็ ะมีน้าํ หนกั นอยหรือไมถ กู ใหความสาํ คญั แมว า ในคําพพิ ากษาฎีกาทก่ี ลา วมาทางฝา ย ผเู สียหายจะไดแจง ความในวันรุง ขนึ้ อนั เปนระยะเวลาทใ่ี กลชิดกับเหตกุ ารณท เ่ี กิดข้นึ ดังนน้ั หากเปน กรณที ่ไี ดม กี ารชาํ เราระหวา งชายหญงิ เกดิ ขน้ึ แตผานพน ไปเปน ระยะเวลา หลายวนั เหตกุ ารณจ งึ คอยเปนทร่ี ับรแู กบ คุ คลอน่ื รวมไปถงึ การแจง ความกบั เจาหนา ทีต่ าํ รวจที่ หา งจากวนั ทเ่ี กิดเหตุ กรณีเชน นก้ี ย็ อมเปน การยากมากข้นึ ทศ่ี าลจะเชอ่ื ถอื ในปากคาํ ของทางฝา ย ผูเสียหาย คดนี ้ที างฝายโจทกก็ไดน าํ สบื วา หญงิ ผเู สยี หาย เปน ญาตกิ ับภรรยาของชายผูตกเปน จําเลย ไดถกู กระทําชาํ เราในระหวา งไปทํางานที่โรงสีขา ว เม่อื วนั ท่ี 5 กรกฎาคม 2525 โดยฝาย ชายไดใชมีดเปนอาวธุ หลงั กระทาํ ชาํ เราสาํ เร็จไดขมขูไมใ หแ พรงพรายใหผ ูอ่ืนทราบ ตอ มามารดา ของหญงิ ไดตามมาทาํ งานดวยเมอ่ื วนั ท่ี 9 กรกฎาคม ในคนื วนั ท่ี 13 กรกฎาคม ระหวา งท่ีมารดา
ของหญิงเขา เวรทาํ งานดกึ จาํ เลยไดเ ขา ไปบงั คบั ขนื ใจกระทาํ ชําเราผเู สียหายจนสาํ เร็จความใคร และขม ขดู ังเชนครั้งกอ น ตอมาวนั ท่ี 19 กรกฎาคม ทั้ง 3 คนไดกลับบา นเดมิ ของตนที่จังหวดั พจิ ิตร หญิงจงึ เลา เรอื่ งใหมารดาของตนทราบและมกี ารเรียกจําเลยไปสอบถามเพ่ือใหร ับเล้ยี งดหู ญงิ แต ตกลงกนั ไมได บดิ าของหญิงจงึ นาํ ความเขา แจงกบั เจาหนา ทต่ี าํ รวจใหด าํ เนนิ คดกี บั จาํ เลย ทางฝา ยจาํ เลยโตแยงวา ผเู สียหายยนิ ยอมใหจําเลยรว มประเวณีดวยความสมคั รใจ หลงั จากกลบั ไปอยบู าน หญงิ ผูเสียหายชักชวนจาํ เลยใหท ้งิ ภรรยาและไปอยกู ับผูเสยี หาย แต จําเลยไมย อมทาํ ตาม จาํ เลย ภรรยาจาํ เลย และแมยายจาํ เลย ไดไ ปพบกบั บิดาผเู สยี หายซง่ึ จะให จาํ เลยรบั เลย้ี งแตจ าํ เลยไมยอม ศาลพเิ คราะหแลว “ปญหาวา จาํ เลยกระทาํ ความผดิ ดงั โจทกฟ อ งหรอื ไม คงไดความตามคําเบิกความของผูเ สียหายวา ระหวา งไปทาํ งานท่ีโรงสขี า วสหกรณธ ัญญะกิจ ถกู จาํ เลยเขา ไปในหอ งพัก ขมขืนกระทาํ ชาํ เรา ซึ่งตา งวนั และเวลากันถงึ 2 คร้งั ผูเสียหายกม็ ไิ ดเอะอะหรอื แพรง พราย เรอ่ื งท่ีเกิดขน้ึ ใหผ ใู ด ทราบ แมแตมารดาของตนซงึ่ ไปเปน ลกู จา งทาํ งานแหงเดยี วกนั การถกู ขม ขนื ครง้ั แรกแมมารดา ของผูเสยี หายจะยังไมไดไปทํางานและพกั อยดู ว ยกนั กต็ าม แตเมื่อมารดาของผเู สยี หายไปไดง าน ทําและพกั อยทู เี่ ดยี วกันแลว ตอ มาจงึ ถกู จาํ เลยขม ขนื เปน ครงั้ ทสี่ อง ผูเสยี หายกม็ ไิ ดแ พรง พราย เพิง่ จะไปบอกเลา ใหม ารดาฟงหลงั จากออกจากงานกลบั ถงึ บา นแลว อกี หลายวนั จนไดมกี าร สอบถามจาํ เลยบงั คบั ใหร ับผูเสียหายเลยี้ งดเู ปนภรรยา เม่ือจาํ เลยไมย อมรับท่ีจะใหเ ลกิ กบั ภรรยา เดิมจงึ ทาํ ใหเ กดิ เรอ่ื งเปน คดขี ้นึ ” ในความเหน็ ของศาล การดาํ เนนิ การทล่ี า ชาในการแสดงถึงการถกู ขมขืนเปน “พริ ธุ ” ทที่ ํา ใหส อไปวา เหตุทเ่ี กดิ ขนึ้ ไมควรเปนการกระทําโดยบังคบั ขนื ใจ และหากมีขอเทจ็ จรงิ อน่ื มาสนบั สนนุ ไปในทางทท่ี าํ ใหเ หน็ วา การชาํ เราทีเ่ กดิ ข้นึ เปนเพราะความยนิ ยอม ดังเชนในคดที ่ีกลา วมาขางตน กจ็ ะมกี ารนาํ เอาขอ เทจ็ จริงอน่ื ๆ มาอธบิ ายประกอบสนบั สนนุ ใหเห็นวา เหตุการณที่เกิดขน้ึ เปน เรือ่ ง ของการยนิ ยอมมิใชก ารขม ขนื ดังการเจรจาเพอื่ ใหจ ําเลยรบั เลย้ี งดผู เู สยี หายแตต กลงกนั ไมได จึง ไดมกี ารแจง ความเกิดขนึ้ ในความเหน็ ของศาลจงึ “เปนขอพริ ธุ ชวนสงสยั ในพฤติการณข องเหตุ แหงการแจงความดาํ เนนิ คดแี กจ ําเลยเปน อยางยิง่ ” ตามแนวคาํ พพิ ากษาของศาลฎกี า ระยะเวลาในการดําเนินการของหญงิ ผูเสียหายเปน ปจจัยสาํ คญั ตอ การวนิ ิจฉยั ของศาล ถาหากหญิงไดบ อกเลา เร่อื งราวแกผอู น่ื ทันทที ่ีสามารถกระทาํ ได รวมถงึ การแจง ความตอเจาหนา ท่ตี ํารวจภายในระยะเวลาอนั รวดเรว็ การใหปากคําของหญงิ ก็ จะถูกพจิ ารณาวานา เช่ือถือและรับฟงเปน ความจริงได ตรงกันขาม หากหญิงปลอยใหเวลาจาก เหตุการณท ่เี กดิ ขึ้นทอดยาวออกไป โดยไมย อมกระโตกกระตากใหผ อู นื่ รับรูเมอื่ มโี อกาส รวมทงั้ การแจง ความท่อี าจตอ งลา ชา ออกไป ในกรณเี ชน นี้ การใหถ อ ยคาํ ของฝา ยหญงิ กเ็ ปน สิ่งทช่ี วนใหม ี ขอพริ ธุ นาสงสยั และไมม คี วามนา เช่อื ถอื แกก ารรบั ฟง
อยางไรกต็ าม ในคําพพิ ากษาของศาลฎกี าไมไดใหเ หตผุ ลไวอยา งชัดเจนวา เพราะเหตุใด จงึ วางบรรทัดฐานวา การดาํ เนินการของหญิงในระยะเวลาที่ใกลชดิ กบั เหตกุ ารณ จงึ แสดงถงึ ความ นา เชื่อถือมากกวาการท้ิงเวลาใหท อดยาวออกไป คาํ พพิ ากษาท่ีเกิดข้ึนมแี นวโนม ท่ีจะยอมรับวา หากเปน การขม ขืนกระทําชาํ เราแลวกเ็ ปน เรอ่ื ง “ปกต”ิ ทผี่ ูเสยี หายตองดาํ เนนิ การอยา งรวดเรว็ ความเขาใจและคําอธิบายเชนน้ีอาจสืบเนอ่ื งมาจากแนวคดิ ท่ีใหความสําคัญกบั หญงิ ในเรอ่ื งของ ความประพฤติและความบรสิ ุทธิท์ างเพศวาเปน สิ่งท่มี คี ณุ คา เปนอยา งมากสําหรับผหู ญงิ เม่อื หญงิ ถกู กระทาํ ในลกั ษณะของการย่ํายีและทําใหหญงิ ตอ งเสอ่ื มคณุ คา ลงกค็ วรตอ งกระทาํ การเพ่ือตอบ โต ดังการใหเ หตุผลเม่ือมีการฟองรอ งเรยี กคาเสียหายจากการทหี่ ญงิ มอี ายุ 15 ปเ ศษถูกชายขม ขนื จนต้งั ครรภขนึ้ ศาลไดใ หคาํ อธิบายวาการกระทาํ ในลักษณะน้ที าํ ให “คา ของความเปน สาวยอม ตกตํ่า จนกระทัง่ บัดน้ีกย็ งั ไมมชี ายใดประสงคจะแตง งานดวย อนาคตของโจทก (หญิง) ตอ ง สูญเสียไปอยางแกไ มได” การมปี ฏิกิรยิ าโตต อบอยา งทนั ทเี นื่องจากการขม ขนื จงึ เปน ความคาดหมายทหี่ ญงิ ควร ตอ งกระทาํ ในทรรศนะของศาล เพอื่ เปนการลงโทษแกช ายทกี่ ระทําความผิด แมค าํ อธบิ ายน้ีจะเปน ที่ยอมรับกนั ดงั ปรากฏในคาํ พิพากษาจาํ นวนมาก แตขณะเดียวกนั ก็ไดย อมรับเชนกนั วา การตก เปน ผูเสียหายในคดขี มขืนกระทาํ ชาํ เรานนั้ เปน ส่งิ ท่ีไมพ งึ ปรารถนาเปนอยางยงิ่ เนอื่ งจาก “การถูก ชายทไ่ี มใ ชสามีขม ขนื กระทาํ ชําเราเปน เรอื่ งทน่ี า อบั อายขายหนา ” “ตอ งอับอายเสอื่ มเสยี ตอ เกยี รตยิ ศช่ือเสยี งของตนเองและวงศตระกูล” ซ่ึงกไ็ มไดจาํ กัดไวเ พยี งเฉพาะหญิงทเี่ ปน โสดเทา นั้น แม “เปนหญงิ มสี ามแี ลว หากไมมมี ูลความจรงิ กค็ งจะไมก ลา เปด เผยแจงความวา ตนไดถกู ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราเพราะเปน เรอ่ื งท่ีนา อับอาย” ส่ิงไมพงึ ปรารถนาคงไมใชเพยี งความนา อบั อายเทา น้นั หากการคน หาความจรงิ ในกระบวนการยตุ ิธรรม รางกายของหญงิ ก็จะตองถกู รกุ ลาํ้ จากบรรดา ผเู ก่ียวขอ งซง่ึ ลว นแตเปนบคุ คลแปลกหนา แทบท้ังสนิ้ “ถาผเู สยี หายไมถูกพวกจาํ เลยขม ขืนกระทาํ ชาํ เราจรงิ แลว ก็คงไมก ลา นาํ เหตกุ ารณท น่ี า อับอาย ขายหนาสาํ หรบั ลกู ผูหญงิ มากล่ันแกลง ใสร ายจําเลย เพราะอยา งนอ ยเจาพนกั งานสอบสวนกต็ อ ง สง ผเู สียหายไปใหแพทยตรวจของลับ ซงึ่ ยอ มเปนสงิ่ ทไ่ี มพ งึ ประสงคส ําหรบั หญงิ เปน อยา งยง่ิ ” อาจกลาวไดวา มกี ารตระหนกั ถงึ ความเสอื่ มเสยี และความยงุ ยากทห่ี ญงิ ผเู สยี หายจะตอง เผชิญเม่ือตองเขาไปสูก ระบวนการยตุ ิธรรม ซึ่งอาจไมไ ดจ าํ กัดไวเ พียงเทาทีถ่ ูกกลา วอางในคาํ พพิ ากษาเทา นั้น แตอาจมีประเดน็ อ่ืนๆ ทต่ี ดิ ตามมาขนึ้ อยกู บั เง่อื นไขและลกั ษณะเฉพาะตวั ของ หญิงแตล ะคน ซ่ึงอาจเปนปจ จัยทที่ ําใหห ญิงตอ งคิด กอ นท่ีจะรอ งแรกแหกกะเชอถงึ สิง่ ทต่ี นเองโดน กระทาํ หรอื กอ นทจี่ ะเขา แจง ความกบั เจา หนา ทตี่ าํ รวจกอ็ าจตอ งใครค รวญเปน อยา งดี เพราะการ เขา สูก ระบวนการยตุ ธิ รรมจะทาํ ใหตอ งมตี น ทนุ หลายดา นทต่ี อ งจาย ไมเพยี งเฉพาะการเสยี เวลา กบั การใหป ากคํากับเจา หนาทต่ี ํารวจ ศาล การซักถามของทนาย แตย งั รวมไปถึงความอบั อายตาม
บรรทัดฐานความเช่ือของสงั คมไทย เฉพาะอยา งหากเปน กรณที ่ีไดใ ชก ระบวนการยตุ ธิ รรมเปนทพี่ งึ่ แลว ประสบกบั การยกฟอ ง เมือ่ พิจารณาในแงน ้ี จะพบวา มีความขัดแยง ของการใหเ หตผุ ลในคาํ พพิ ากษาปรากฏอยู ดา นหนง่ึ คําพพิ ากษาจะใหค วามนา เชอื่ ถอื กับการดําเนนิ การของหญงิ ที่ตอ งเปนไปอยา งรวดเรว็ โดยเฉพาะอยา งยง่ิ หากภายหลังเกิดเหตกุ ารณช าํ เราท่ีหญงิ สามารถบอกกลา วกบั ผอู น่ื หรือแจง ความตอเจา หนาที่ตาํ รวจไดแ ลว และหญงิ ไดกระทาํ ทันทภี ายในเวลาทกี่ ระช้นั ชิดกบั เหตุการณ ตรรกะเชนนจี้ งึ เรียกรองใหหญงิ ตอบสนองตอการขมขนื กระทาํ ชาํ เราโดยเหน็ วา เปน เรอื่ งที่เปน บรรทัดฐานของหญงิ ทถี่ ูกขม ขนื แตใ นอกี ดา นหนง่ึ กม็ คี าํ อธบิ ายวา การตกเปน ผูเ สยี หายเปน เรื่องท่ี จะสรางภาระอยา งมากแกห ญงิ หากนาํ คดีเขาสูกระบวนการยตุ ิธรรม การ “เปลอื งตัว” ของหญงิ ทํา ใหตองมีการคิดไตรต รองอยางระมดั ระวงั และช่งั นา้ํ หนกั ถงึ สง่ิ ทจ่ี ะไดก ลบั คืนมาและสิ่งทจ่ี ะเสยี ไป อีกหากจะตองมกี ารดําเนนิ คดีเกดิ ข้นึ ดงั นนั้ การคาดหวงั จะมกี ารดําเนินการเกิดขนึ้ อยางฉบั พลนั ตามความเชอื่ ทถ่ี ูกอธิบายในคาํ พพิ ากษา จึงอาจไมไ ดเ ปนเหตผุ ลซง่ึ ครอบคลุมมติ ทิ ีร่ อบดานของ หญิงไดอ ยา งเพยี งพอ ข. บาดแผล การชําเราระหวา งชายกับหญงิ ที่เปน การขม ขนื ตองเกดิ ข้ึนโดยหญงิ ไมไ ดสมัครใจ เมื่อเปน เชน น้ันการแสดงออกทางกายภาพดว ยการขัดขนื จงึ เปน ส่ิงท่ีจะแสดงใหเหน็ ถงึ ความไมยินยอม พรอ มใจของหญิง หากชายยงั คงตองการชาํ เราหญงิ กม็ ีการใชก าํ ลงั ดว ยตรรกะเชน นกี้ ารขมขนื จงึ ยอมมีรอ งรอยของการใชกาํ ลงั ปรากฏขึ้น และเปน หลกั ฐานท่ีมนี าํ้ หนกั ตอ การยืนยันถึงความไม ยนิ ยอมทปี่ รากฏในคําพพิ ากษา ชาย 2 คนรว มกนั ปลุกปลา้ํ และทาํ รา ยหญงิ จนสลบ ชายถอดเสือ้ ผาและกางเกงของตนเอง ออกเรยี บรอยแตบ ังเอญิ มีคนมาพบเขา จงึ กระทาํ การไมส าํ เร็จ “ผลการตรวจชนั สูตรบาดแผลของแพทยท า ยฟอ งปรากฏวา โจทกรวม (หญงิ ผูเสยี หาย) มโี ลหิต ออกใตต าขาวทง้ั สองขา ง มีรอยแดงท่คี อดา นขวายาวประมาณ 2 นวิ้ กวางประมาณ 1/3 นวิ้ ดานซา ยยาวประมาณ 1/3 นิ้ว เจบ็ คอในเวลากลนื ซ่งึ นายถนอม เติมกลิ่นจนั ทร แพทยผูตรวจเบกิ ความวา ลกั ษณะบาดแผลเชนนเ้ี ปนการถกู บีบคออยางรนุ แรง โลหติ เดินไมส ะดวกทําให เสน โลหิตฝอยในตาขวาแตก หากไมไดร บั ความชว ยเหลอื ทนั ทว งทีอาจถงึ ตายได และถา ผถู กู บบี สลบไป โอกาสที่จะตายมไี ดเสมอ” บาดแผลท่เี กดิ ขึน้ แกห ญงิ ผเู สยี หายทาํ ใหแ สดงถงึ การขดั ขนื ยงิ่ หากเปน บาดแผลทม่ี ีความ รนุ แรงตอผูเสยี หายมาก ก็ยงิ่ มีนา้ํ หนกั มากขนึ้ ในการยนื ยนั ถงึ ความไมย ินยอมพรอมใจ และ บาดแผลนไี้ มจ าํ กดั เฉพาะบาดแผลทเี่ กดิ ขนึ้ จากการใชกาํ ลังเพ่อื ใหก ารขมขนื กระทาํ ชําเราสาํ เร็จ เทา นน้ั แมเปน บาดแผลที่เกิดขึ้นภายหลงั การขม ขืนกถ็ กู ใหความสําคญั เอาไวไมแ ตกตา งกนั
“เหน็ ไดว า มูลเหตุทจ่ี าํ เลยทาํ รายผูเสียหาย สืบเน่อื งมาจากการทจ่ี าํ เลยขม ขนื กระทาํ ชาํ เรา ผเู สียหาย และคงเกรงวา ผเู สยี หายจะนาํ ความไปบอกกบั คนอ่ืนใหทราบถงึ เรือ่ งท่ีเกดิ ขนึ้ และเพอื่ เปน การปกปด ความผิดของจาํ เลย จงึ ใชไ มไ ผทป่ี ลายมีตาแหลมคม ขนาดวดั โดยรอบทโี่ คนไม 6 เซนติเมตรครง่ึ ท่ปี ลายไม 5 เซนติเมตร ยาว 1 เมตร และอีกอันหนงึ่ ทโี่ คนไม 4 เซนตเิ มตรครึง่ ที่ ปลายไม 4 เซนติเมตร แทงท่ีคอผเู สียหายมีโลหติ ไหล กระทืบทห่ี นาและทอ งผเู สยี หายซงึ่ มีอายุ เพยี ง 9 ขวบ จนสลบ ปรากฏบาดแผลตามรายงานชนั สตู รบาดแผลของแพทยท า ยฟอง รวม 10 แหง คือ แกม ซา ย หางตาซา ย ในปาก ริมฝปาก คอ ไหปลารา โดยเฉพาะท่ไี หปลารา ซา ยฉกี ขาด กวา ง 0.2 เซนตเิ มตร ยาว 2 เซนตเิ มตร คอดานซา ยฉีกขาดกวา ง 0.5 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร คอดา นขวาแผลท่ี 1 ฉกี ขาดกวาง 0.2 เซนติเมตร ยาว 1 เซนตเิ มตร แผลที่ 2 กวาง 0.2 เซนติเมตร ยาว 2 เซนตเิ มตร จําเลยเชอื่ วาผเู สียหายถึงแกความตายแลว จงึ สลบไป ปลอ ยใหผ เู สยี หายนอน สลบอยูต รงทีเ่ กิดเหตจุ นกระท่งั ฟน ” เม่ือบาดแผลเปนสง่ิ ท่ียนื ยนั อาการขดั ขืนของหญงิ การใหป ากคําของหญงิ ผูเสยี หายกจ็ ะ ถอื วาเปน สง่ิ มนี ํ้าหนกั ในการรบั ฟง ของศาล มากกวา การใหป ากคําของผูทป่ี ราศจากรอ งรอยในการ ขดั ขนื เดก็ หญิงถกู ภารโรงซึง่ รจู กั กนั มากอ นกระทําชาํ เราและไดทาํ รายรา งกายเด็กหญิงจนสลบ มาฟน ท่โี รงพยาบาล แพทยต อ งผา กะโหลกศีรษะและเจาะทลี่ ําคอไมส ามารถพดู ได หลังเกิดเหตุ ประมาณ 20 วนั ไดเ ขียนขอ ความแจงวาภารโรงเปน คนขม ขนื และทาํ รา ยตน เมื่อตํารวจไปนาํ ตวั ภารโรงมาใหด ตู ัว เด็กหญงิ ก็ยืนยนั “ผูเสียหายเปน เดก็ มีอายุเพยี ง 8 ป ถงึ จะมีสาเหตกุ ับจาํ เลยเกย่ี วกบั เรอื่ งผเู สยี หายเคยลกั กญุ แจ หองเรียนและอาหารของโรงเรียนซงึ่ อยูในความดแู ลของจําเลยมากอ น แตก็ไมมีความรายแรงถงึ ขนาดท่จี ะใสร า ยจาํ เลยโดยไมเปนจริง ท้งั เบกิ ความเชอื่ มโยงกบั คําของนางพัชรีย มหามิตร พยาน โจทกว า ขณะที่ผูเสียหายนอนพกั รกั ษาตวั อยทู โ่ี รงพยาบาลและอยใู นความดแู ลของตน ผเู สยี หาย ไดเขยี นขอ ความลงในกระดาษระบุวา จาํ เลยขมขนื กระทําชาํ เราและทํารา ยผูเ สียหาย...... ขอเท็จจริงเช่อื วาหลงั จากผเู สียหายไดรบั การผา ตัดมีอาการดขี ้นึ แลวแตพ ูดยังไมม เี สียงเพราะถกู เจาะคอ ไดเ ขยี นขอ ความลงในกระดาษระบวุ า จาํ เลยเปน คนขมขนื กระทําชาํ เราและทํารา ยตนให ผูอน่ื ทราบ ซงึ่ ศาลฎีกาเห็นวา ผเู สยี หายเปน เดก็ ขณะเขียนขอความอยรู ะหวา งเจบ็ ปว ยตองพกั รกั ษาตวั อยทู ีโ่ รงพยาบาล หากไมเปน ความจรงิ ยากทผี่ ใู ดจะเสีย้ มสอนได ท้งั ตอ มาเมอื่ ถูก สอบสวนและใหด ูตัวจาํ เลย ผูเสียหายกย็ ืนยันวา จาํ เลยเปน คนรา ยรายนี้ ประกอบกบั ไดความจาก นายแพทยป กรณและนางพชั รียพยานโจทกทวี่ า หลงั เกดิ เหตปุ ระมาณ 10 วนั พยานทั้งสองได ตรวจดูผเู สียหายและพบโดยบงั เอิญวา ทบ่ี ริเวณทวารหนักมรี อยชา้ํ แดง และทีร่ ะหวา งชอ งคลอด กับรูทวารหนกั มรี อยถลอกเลก็ นอย ซง่ึ พยานทง้ั สองมคี วามเหน็ วา ถกู ของแข็งไมม คี มทมิ่ หรอื แทง
จึงทาํ ใหคาํ ของผเู สยี หายมนี า้ํ หนักยงิ่ ขึ้น......ท่ีผูเสียหายเบกิ ความวา อวยั วะเพศของจําเลยไดเขา ไปในอวยั วะเพศของผเู สยี หายนนั้ นา จะเปน เพราะความไรเดยี งสาของผูเสยี หายซง่ึ เปน เด็กยอ มรู ไมถงึ วธิ กี ารเพศก็เปน ได” การใหความสาํ คญั กับปากคําของผเู สียหายทไี่ ดร บั บาดเจบ็ อยางรนุ แรงจะไดร บั การรบั ฟง และเปนผลใหข อ เท็จจริงบางประการถกู ลดทอนนา้ํ หนกั และมองขา มไป ทงั้ ทห่ี ากเปน ในคดีทว่ั ไป ขอเท็จจริงดงั กลา วจะตองไดรบั การใสใจและเปนประเดน็ ทีต่ องนาํ มาขบคิด สําหรบั ในคดที ก่ี ลา ว มาขา งตน มี 2 ประเด็น คือ การมีขอพพิ าทกันมากอนหนา ระหวา งผเู สยี หายซึ่งก็คอื เด็กหญงิ กบั ภารโรงทต่ี กเปน จาํ เลย เหตุพิพาทอาจทาํ ใหเ กดิ ความเกลยี ดชงั ระหวา งคูกรณแี ละอาจนาํ มาซงึ่ การใสค วามหรอื การใหป ากคาํ ท่ีมกี ารตอ เตมิ เสรมิ แตง เรือ่ งตา งๆ เพ่มิ ขนึ้ การรบั ฟง ปากคําของ พยานในลกั ษณะเชนนจี้ งึ ตอ งทาํ ดว ยความระมัดระวงั ประการที่สอง การใหป ากคาํ ท่ีขดั กับ หลกั ฐานของผูเช่ียวชาญ ดงั ที่ผเู สยี หายเบกิ ความวา จาํ เลยใสอ วัยวะเพศชายเขา ไปในอวยั วะเพศ ของตน แตจ ากการตรวจของแพทยก ลบั ไมปรากฏตามทผ่ี ูเ สยี หายกลา วอาง ทงั้ 2 ประเด็น ศาลได พิจารณาและใหความเหน็ ไปในทางทีเ่ ปน ประโยชนต อผเู สียหาย โดยทัง้ นอ้ี าจเปนผลมาจากกรณที ่ี ผเู สยี หายเปน เดก็ อนั เปนอกี ประเดน็ หนงึ่ ท่ีศาลจะใหความสําคัญอยา งมากในการรบั ฟง ขอ เท็จจรงิ ของคดขี ม ขืนกระทาํ ชาํ เรา ซงึ่ ในประเดน็ น้ีจะไดทาํ วเิ คราะหในเน้อื หาสวนถัดไป ในกรณีทห่ี ญงิ ซงึ่ เปน ผูเสียหายถงึ แกค วามตายโดยมบี าดแผลจากการทาํ รายและการ ขม ขืนเปน สง่ิ ท่รี ับฟง ไดอ ยา งหนกั แนน วาการกระทาํ ทีเ่ กดิ ขึ้นเปนการชาํ เราโดยทหี่ ญิงไมไ ดย ินยอม หากมคี ดใี นลกั ษณะเชน น้ี ประเดน็ ในการพิจารณาของศาลทีส่ ําคญั มแี ตเพยี งวาบคุ คลท่ีตกเปน จาํ เลยเปน ผทู ก่ี ระทาํ ความผดิ หรือไม การพจิ ารณาพยานหลกั ฐานตางๆ เชน เสน ผม ขนจาก อวัยวะเพศ ทอี่ ยูข องจําเลยในเวลาเกิดเหตุ กเ็ พยี งเพอ่ื เปน การยืนยันวาจาํ เลยเปน บคุ คลท่ลี งมือ กระทาํ การดงั กลาวหรอื ไมเทา นัน้ ความรุนแรงของบาดแผลมสี วนสัมพนั ธกบั ความเชื่อถอื ในการยนื ยนั วา เหตกุ ารณที่เกิดขน้ึ เปน เรอื่ งของการขม ขนื หากบาดแผลมคี วามรุนแรง เฉพาะอยา งยง่ิ ถา หญิงถงึ แกชวี ติ ก็ไม จาํ เปน ตองมขี อ พสิ ูจนอนื่ ใดเกี่ยวกบั ประเดน็ เรื่องความยนิ ยอม แตหากในกรณที บี่ าดแผลของหญิง เปน บาดแผลทไี่ มอ าจทําอนั ตรายจนถงึ แกช ีวติ หรอื พิการ หากเปน แผลท่สี ามารถรกั ษาใหห ายได ภายในระยะเวลาไมน าน ลกั ษณะของบาดแผลเชน น้ีกจ็ ะเปน สว นหนงึ่ ในการเพ่ิมนา้ํ หนกั ใหก ับคาํ กลา วอา งของหญิง ในการพจิ ารณาเมือ่ ประกอบกับขอ เทจ็ จรงิ อนื่ ๆ อยั การฟอ งวา ชาย 2 คน รวมกนั ขมขนื กระทําชาํ เราหญงิ โดยใชมดี และปน เปน อาวธุ “ศาลฎีกาไดพ เิ คราะหพ ยานหลกั ฐานของโจทกแ ลวเหน็ วา นอกจากโจทกจ ะมีตัวผเู สยี หาย (หญิง) เบกิ ความยนื ยนั วา จาํ เลยทง้ั สองพาผูเสยี หายไปที่ดงออยขางบา นแลว จาํ เลยขจู ะฆา ผเู สียหาย โดย จําเลยท่ี 1 มีปน และจาํ เลยที่ 2 มมี ดี จาํ เลยทง้ั สองไดผลดั กนั ชําเราผูเสยี หายแลว โจทกกย็ งั มี
บันทกึ การตรวจสอบสถานทเ่ี กิดเหตุ (เอกสารหมายเลข จ.2 ) ทีร่ อ ยตํารวจเอกพชิ ยั ทาํ ข้นึ มาแสดง วา ท่ดี งออยตรงทผ่ี ูเสยี หายอา งวา ถกู ขมขนื กระทําชาํ เรามีรอ งรอยการตอสขู ัดขวาง มตี นออ ยหัก ลม หลายตน พ้นื ดนิ มรี อยกระจุยกระจายของใบออยซึง่ ปกคลมุ ดนิ อยู เอกสารหมายเลข จ.2 น้ี จงึ สนับสนนุ คําของผูเสยี หายในขอน้ใี หน า เชอื่ ถือวา ผเู สยี หายถกู ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราทด่ี งออ ย ประกอบกบั นายตาํ แหนง ผชู วยผูใ หญบา นกเ็ บกิ ความวา ในวนั รงุ ขนึ้ จากวนั เกดิ เหตุ พยานได ตรวจดูตัวผูเสียหายพบวา ทม่ี ือผูเสียหายบริเวณฝามือมแี ผลขางละแผล ทคี่ อมรี อยเลบ็ ขางละ 2 รอย บรเิ วณขาออนทัง้ สองขางมรี อยเขยี วชํ้าเหมือนถูกทุบ และนายสาย พชี่ ายของผเู สียหายกเ็ บกิ ความสนับสนนุ คาํ ของนายตําแหนง ในขอนด้ี ว ยวา ในวนั เกดิ เหตพุ ยานดทู ฝี่ า มือของผูเสยี หายทงั้ สองขางปรากฏวามรี อยมดี บาดเปน รอยใหม คาํ ของนายตําแหนงและนายสายจงึ สนับสนนุ คําของ ผูเ สียหายใหฟ ง ไดว า จาํ เลยคนใดคนหนงึ่ ไดใ ชมดี ขจู ะทาํ รา ยผเู สยี หายและผูเสยี หายคงขดั ขนื ตอสู” บาดแผลท่ีเกดิ ข้ึนกบั ผเู สยี หายจงึ เปน หลกั ฐานสําคัญยนื ยนั ถึงความไมส มคั รใจในการมี เพศสมั พนั ธ แมวาลกั ษณะของบาดแผลอาจสามารถชว ยบงชีถ้ งึ ความไมส มคั รใจของหญงิ ได แตก ็ อาจเกดิ คาํ ถามข้ึนวา ในกรณที ่ีมีขอพพิ าทเรื่องการขมขนื โดยหญงิ ผเู สียหายไมมบี าดแผลใดๆ กรณี เชน น้ีกอ็ าจทาํ ใหนา้ํ หนกั ความนา เช่ือถือในปากคําของหญงิ ลดลง ค.ภูมหิ ลังของผูเสียหาย ความเปน มาและประวัติของหญิงซงึ่ ตกเปน ผูเ สยี หายเปน ปจจยั สาํ คัญประการหน่ึงทศ่ี าล จะนาํ มาเปน เหตุผลในการวนิ ิจฉัยวาการชาํ เราทเี่ กดิ เปน ขอ พพิ าทข้นึ เปน การสมยอมหรอื เปนการ ขมขืน โดยประเด็นท่ีไดร ับความสนใจ คอื ลกั ษณะความสมั พันธข องชายกับหญงิ ทเ่ี ปนคกู รณวี ามี อยูใ นลักษณะใด คนรัก แฟน หรือไมเคยรูจักกนั มากอน และอกี ประเด็นหน่งึ ก็คืออายุของหญงิ วา เปน เดก็ หรอื บรรลนุ ิติภาวะแลว ทง้ั ความสมั พันธข องชายกบั หญงิ และอายขุ องหญิงเปนประเด็นท่ี จะถกู อา งองิ อยางมากเม่ือตอ งการช้ขี าดในประเด็นวา การมีเพศสัมพนั ธท ่ีเกดิ เปน ขอ ถกเถยี งข้ึนวา เปน การขมขืนหรือไม ในดา นของความสัมพนั ธร ะหวา งชายกบั หญงิ หากชายและหญงิ ทเ่ี ปน คูพพิ าทกนั ในคดี ลว งละเมิดทางเพศ เคยมีความสมั พันธในลักษณะที่ใกลช ิดกันเปน พิเศษ เชน เคยเปน คนรกั กนั เคยมีความสัมพันธท างเพศกนั มากอ น รูปแบบของความสัมพนั ธเ ชน น้ใี นสายตาของศาลแลว มี แนวโนมทีจ่ ะอธิบายวาการชาํ เราทเี่ กิดข้ึนเปน เรอ่ื งของความยินยอมมากกวา การขม ขืน หญิงผูเสยี หายอา งวา ถูกชายขมขืน แตชายทต่ี กเปน จาํ เลยอางวา เปนการมเี พศสมั พนั ธ ดวยความยนิ ยอม ประเดน็ หนง่ึ ทถ่ี ูกหยิบยกขึ้นมาพจิ ารณากค็ ือ ลักษณะของความสมั พนั ธ ระหวา งชายกบั หญิง ทง้ั พยานของฝา ยโจทกแ ละจาํ เลยเบกิ ความตองกันวา “สังเกตเห็น ความสัมพันธข องผเู สยี หายกบั จาํ เลยแลว ตางเปน คนใกลชดิ สนทิ สนมเปน ไปในลกั ษณะของคนรัก
กัน” และไดก ลายเปน เหตุผลหนง่ึ ทถี่ กู นํามาพิจารณาวา การชาํ เราทเี่ กิดข้นึ เปนเรอ่ื งของการ สมยอม แมว าในคาํ พพิ ากษา เหตุผลของการเปน คนรักกนั อาจเปนสวนหนง่ึ ทปี่ ระกอบเขา กบั ขอเทจ็ จรงิ ในการพิจารณาวา การชําเราทเี่ กิดขึ้นไมใชเ รอื่ งของการขม ขืน ซึ่งอาจทําใหม องไดวา เหตผุ ลนีไ้ มใ ชเ ปนประเดน็ ทมี่ ีความสาํ คัญ อยา งไรก็ตาม หากพจิ ารณาในคาํ พพิ ากษากจ็ ะเหน็ ได อยางชัดเจนวา ลกั ษณะของความสมั พนั ธข องชายหญงิ มสี วนอยา งมากตอการช้ีขาดของศาลใน ประเด็นเรื่องการยนิ ยอมหรอื ขมขืน ลกั ษณะของการเปนคนรกั ระหวา งชายหญงิ จงึ เปนความสัมพนั ธท ส่ี ามารถนาํ ไปสกู ารมี เพศสมั พนั ธด ว นความสมคั รใจของท้งั สองฝาย แมวา ในคําพพิ ากษาฎีกา เหตผุ ลของการเปน คนรัก กัน อาจเปน สว นหนงึ่ ทป่ี ระกอบเขา กบั ขอ เท็จจริงอนื่ ในการพิจารณาวาการชาํ เราทเี่ กดิ ขึน้ ไมใ ช เร่อื งของการขม ขืน ซงึ่ อาจทาํ ใหม องไดวาเหตผุ ลนไี้ มใชเปนประเดน็ ทม่ี คี วามสาํ คญั อยา งไรก็ตาม หากพจิ ารณาในคาํ พพิ ากษาอ่นื ๆ ก็จะเหน็ ไดชัดเจนวา ลักษณะความสัมพนั ธข องชายหญงิ มสี ว น อยา งมากตอ การชีข้ าดของศาลในประเดน็ เรอ่ื งยนิ ยอมหรือขมขืน และความเขา ใจเชน น้ีไมไ ดจ ํากดั เอาไวเฉพาะลกั ษณะของความสมั พันธในชว งเวลาปจ จบุ นั เทา นน้ั หากเคยเปน คนรกั กนั มากอ น หรอื เคยมีเพศสัมพนั ธกนั มา โดยไมม กี ารดําเนนิ คดีใดๆ เกิดขนึ้ ถา ในภายหลงั ไดมีเพศสมั พันธก นั ใหมแ ละเกิดเปน ขอ พิพาทขนึ้ วา เปน การขม ขนื หรอื ไม ความสัมพนั ธท เ่ี คยเปนมาของทงั้ คู ก็จะถกู หยิบยกขึน้ มาเปนประเดน็ สาํ คญั ของการพิจารณา “คดไี ดค วามจากผูเสียหายวา วนั เกดิ เหตคุ ดนี ผี้ ูเสียหายกบั นางเรยี วพากนั ไปเทยี่ วงาน บวชพระดว ยรถจักรยาน ขากลบั ปรากฏวา ยางในรถจกั รยานแตก ผเู สียหายไดน งั่ ซอ นทา ย รถจกั รยานกลบั กบั จาํ เลย คงใหน างเรียวจงู รถจักรยานกลับบานกับเพอื่ นบาน ระหวา งทางจําเลย ไดจ อดรถและใชมดี พกจท้ี ่ีคอผูเสยี หายพาไปขมขนื กระทาํ ชําเราที่เพงิ นาขา งถนนรวม 2 ครั้ง แลว จําเลยหลบั ไป ในขอทวี่ าจาํ เลยไดใชม ีดจพ้ี าผูเสียหายไปขม ขนื กระทาํ ชาํ เราหรือไมน น้ั ผเู สยี หาย เบิกความยนื ยนั วา จําเลยไดข ม ขืนกระทาํ ชาํ เราผูเ สยี หาย 2 ครงั้ แตข อ เทจ็ จริงปรากฏวาผเู สยี หาย เคยไดเ สยี กบั จําเลยดว ยความสมคั รใจของผูเ สียหายมากอนแลว และการทผี่ ูเสยี หายไมยอมกลับ บา นพรอ มกบั นางเรยี วโดยใหน างเรยี วกลบั บา นไปกอ น ท้ังๆ ทีไ่ มมีความจาํ เปน ตองไปกบั จําเลย น้ัน แสดงวา ผเู สยี หายมอี ุบายทจ่ี ะกลับบา นพรอมจาํ เลยมากกวา จากพฤติการณด งั กลาวจงึ ฟง ไมไดว า จาํ เลยไดใ ชมดี จ้คี อผเู สยี หายพาไปขมขืนกระทาํ ชําเรา แตเกดิ จากความสมัครใจยนิ ยอม ของผูเ สยี หายใหจําเลยกระทําชาํ เราเอง” ลกั ษณะของการทีห่ ญงิ เคยไดเ สียกับจาํ เลยดว ยความสมคั รใจเปน ประเดน็ สําคัญทถ่ี ูก หยิบยกข้นึ มา และมีผลตอคาํ ตดั สนิ เปน อยา งมากโดยทไี่ มมขี อ เท็จจรงิ อนื่ มาประกอบการ พิจารณา จึงสามารถกลาวไดว าในมมุ มองของศาลจะพบวาเม่ือเคยมเี พศสัมพนั ธก นั ดวยความ
สมคั รใจมาแลว กย็ อ มสามารถที่จะเกดิ ข้นึ ตอ ไปไดอ กี ในอนาคตเฉกเชน “ววั เคยขา มา เคยข”ี่ คดนี ี้ชาย 2 คน ตกเปน จาํ เลยในขอหารวมกันขมขนื หญงิ ผูเสยี หาย ซงึ่ มิใชภ รรยาของจําเลยทงั้ สอง โดยผลัดกันขม ขืนกระทําชาํ เราจนสาํ เร็จความใครอ นั เปน การกระทาํ ในลกั ษณะของการโทรมหญิง ขอ เทจ็ จรงิ ในการพิจารณาของศาลฟง ไดวา หญงิ ผเู สยี หายกับจาํ เลยท้งั สองอยหู มบู านเดียวกนั รจู ักกันเปน อยา งดี และจาํ เลยท่ี 1 เคยเปน คนรักผูเสยี หาย วนั เกิดเหตปุ ระมาณ 12 นาฬกิ า จาํ เลย ทง้ั สองพบผเู สยี หายขณะทเ่ี ก็บใบยา นางอยทู บ่ี อ คลอง จาํ เลยท่ี 1 ชวนผูเสยี หายไปบา นชายท่ีตก เปน จําเลยท่ี 2 ผูเสยี หายตกลงไปกับจาํ เลยทงั้ สอง ขณะนน้ั ไมมีคนอ่นื อยูไ ดข น้ึ ไปบนบาน จาํ เลยที่ 2 ไปซอ้ื สุรามารว มดมื่ กนั 3 คน แลว จาํ เลยที่ 2 ลงไปขา งลาง จาํ เลยที่ 1 รว มประเวณกี บั ผูเสียหาย ตอมามารดาของผเู สยี หายทราบเรือ่ ง จงึ ไดด าํ เนนิ คดีกบั จําเลยท้ังสอง ในการพจิ ารณาความผดิ มกี ารแยกวินิจฉยั การกระทาํ ของจําเลยท่ี 1 และ 2 ไวดงั นี้ “สาํ หรบั จาํ เลยที่ 1 นนั้ จากพฤติการณทีเ่ คยเปน คนรกั ของผูเสียหาย เม่ือชวนผเู สียหาย ผเู สียหายกต็ กลงไปดว ย จนกระทงั่ รว มดมื่ สุราในหองซ่งึ ปด ประตู โดยไมป รากฏการขัดขนื อนั จรงิ จงั ตอ มาเม่ือจาํ เลยท่ี 2 ลงจากบา นไปจึงมกี ารรวมประเวณี ทผ่ี ูเ สยี หายเบิกความวา ผูเสยี หาย ขอคุยทใ่ี ตถ ุนบา น จําเลยท่ี 1 พูดวา หากไมขึน้ ไปคยุ บนบา นจะไมใ หกลบั บา นนัน้ หากจะพดู จรงิ ก็ นาจะเปนเรื่องพูดตัดพอลอเลน กนั มากกวา ไมมีลกั ษณะเปนการขมขูแตป ระการใด เพราะถาเปน เร่ืองจรงิ จงั ผเู สียหายก็ไมน า จะกลวั อะไร จะกลับบานเสยี ตอนนน้ั กย็ ังได เพราะผเู สยี หายเบกิ ความ วาขา งบานจาํ เลยที่ 2 มีบา นอยูห ลายหลงั สวนการดื่มสุรากเ็ ชอื่ วาผูเสยี หายมิไดถ กู บงั คบั แตอยาง ใด และจากปรมิ าณท่ดี ื่มไมน าเชือ่ วา จะทาํ ใหห มดสตจิ นเปน เหตใุ หจ าํ เลยท่ี 1 ขมขนื กระทาํ ชาํ เรา คําเบิกความเก่ียวกับการขม ขืนตางๆ กไ็ มสมเหตุสมผล ขาดความนา เชือ่ ถือ คดีจงึ ฟงไมไ ดว า จําเลยท่ี 1 ขมขนื กระทาํ ชาํ เราผเู สียหาย เชื่อวาจาํ เลยท่ี 1 รว มประเวณีกบั ผูเ สียหายดวยความ ยินยอมของผูเสียหาย จาํ เลยที่ 1 จงึ ไมม ีความผิดฐานขม ขนื กระทําชาํ เราผูเสยี หาย” สําหรับการชําเราของจําเลยที่ 1 กบั ผเู สียหาย ในคาํ พพิ ากษาไดว ินิจฉยั ในประเดน็ ความสมั พนั ธข องบุคคลท้งั สอง และประเดน็ สภาพแวดลอมประกอบและมคี วามเหน็ วา ผเู สยี หาย ยินยอมรวมประเวณกี ับจาํ เลยท่ี 1 เพราะหากหญงิ ขดั ขืนกส็ ามารถทจ่ี ะกระทาํ ไดโ ดยไม ยากลาํ บาก จาํ เลยท่ี 1 ไมม คี วามผิด การพจิ ารณาวา การชําเราท่เี กิดขึ้นเปน เร่ืองของความยินยอม หรือการขมขนื จงึ ดเู สมือนวาไดค าํ นึงถงึ ปจจัยหลายดานประกอบกนั โดยที่ประเดน็ เรอื่ ง ความสมั พนั ธข องชายและหญิงในอดีตเปน เพยี งประเดน็ หนง่ึ เทา นนั้ ทนี่ าํ มาสนับสนุนคาํ วนิ จิ ฉยั ของศาลและมใิ ชเ ปนเร่อื งทมี่ คี วามสาํ คญั มากในการชี้ขาดขอ พิพาทของคดี อยา งไรกต็ าม หาก พจิ ารณาตอไปถงึ คําวินิจฉยั ถึงความผดิ ของจาํ เลยท่ี 2 ก็จะพบไดวาความสมั พันธข องชายผูเ ปน
จําเลยท่ี 2 กับหญิงสาวผเู สยี หายทมี่ ไิ ดม ีลกั ษณะพเิ ศษเชน จําเลยที่ 1 ลกั ษณะของความสัมพนั ธ เชนนท้ี าํ ใหค ําพิพากษาถงึ ความผดิ ของจาํ เลยที่ 2 แตกตา งไปจากจาํ เลยที่ 1 อยา งสน้ิ เชิง โดยสําหรับจาํ เลยที่ 2 นน้ั ในระหวา งการพจิ ารณาของศาล รับฟงไดวา จาํ เลยที่ 2 ไดร วม ประเวณกี ับผเู สียหายแตก็ดว ยความยนิ ยอมของผเู สยี หาย “ฟงไดว า จําเลยท่ี 2 ไดรวมประเวณกี ับผเู สยี หาย และจากคาํ เบกิ ความของผูเสยี หายทีว่ า ผเู สียหายไดข ดั ขืนด้ินรนมไิ ดย ินยอมใหจาํ เลยท่ี 2 รว มประเวณี ประกอบกับขอ ทจ่ี าํ เลยที่ 2 มไิ ด เปน คนรักของผเู สยี หาย ทงั้ การทหี่ ญิงจะยินยอมใหชายอน่ื รวมประเวณโี ดยทค่ี นรกั ของตนรูเหน็ ดว ยเปนเร่อื งผิดวสิ ยั คําเบกิ ความของผเู สยี หายจึงสมเหตผุ ลนา เชื่อ คดจี ึงฟงไดว า จําเลยที่ 2 ขมขืนกระทาํ ชาํ เราโดยผูเ สยี หายมไิ ดย ินยอมดว ยอันเปน ความผิด” ทง้ั เวลาและสถานท่เี กดิ เหตทุ ่จี ําเลยที่ 2 ไดช ําเราผูเสียหายกอ็ ยใู นชว งเวลาท่ีตอเนือ่ ง และ เปนสถานทแ่ี หง เดียวกนั กบั จําเลยที่ 1 ไดช ําเราผเู สยี หาย รวมถึงปจ จยั แวดลอ มตา งๆ กอ็ ยใู น ลกั ษณะเดียวกนั แตผลของคําพิพากษากลบั เห็นวา การกระทาํ ของจาํ เลยท่ี 2 เปน การขมขืน กระทาํ ชําเรา ไมอ าจปฏิเสธไดว า มีเพยี งความสมั พนั ธข องผเู สียหายกบั จาํ เลยท่ี 1 และจาํ เลยท่ี 2 เทานนั้ ซงึ่ มคี วามแตกตา งกนั การทีเ่ คยเปน คนรักหรือไมเ คยเปนคนรกั จึงเปน ประเดน็ สาํ คัญตอการ วินิจฉยั ความผดิ ของชายผกู ระทาํ ขณะทป่ี จจัยแวดลอ มอื่นสามารถถูกอธิบายเพ่ือใหรองรับตอ ขอ สมมติฐานในความสมั พนั ธแ บบคนรักและไมใ ชคนรกั ได ดังตวั อยา งจากการวนิ ิจฉยั ความผดิ ของ จําเลยที่ 1 มีการใหเหตุผลวา สถานทเ่ี กดิ เหตุมบี านใกลเ คยี งหลายหลงั ถา ผเู สียหายขัดขืนตอ การ กระทาํ ของจาํ เลยที่ 1 กย็ อ มสามารถกระทาํ ได แตกลับไมก ระทาํ การใดๆ ยอ มแสดงวา ผูเสยี หายได ยินยอมรว มประเวณีกับจาํ เลยที่ 1 แตใ นขณะทเี่ มือ่ พจิ ารณาความผดิ ของจาํ เลยท่ี 2 ซ่งึ เกดิ เหตใุ น สถานทเ่ี ดยี วกนั คําพิพากษากลับมองขา มเหตุผลเร่ืองสถานที่ซง่ึ ไดหยบิ ยกขนึ้ มาในการพจิ ารณา ความผิดของจาํ เลยท่ี 1 หากไปใชเ หตผุ ลอน่ื ดังการใหคาํ อธิบายวา เปน เรื่องผิดวสิ ัยทหี่ ญิงจะให ชายอนื่ ชําเราโดยคนรักของตนรูอ ยูด วย ซง่ึ การใหเหตผุ ลในลกั ษณะดงั กลา วก็เปน ผลมาจากการ รับฟง ขอเทจ็ จรงิ วา บุคคลทง้ั สองมไิ ดม ีความสัมพนั ธใดๆ เปน พเิ ศษตอ กัน เพราะฉะนน้ั ประเด็น สาํ คญั ซ่ึงนาํ มาสกู ารใหคาํ อธบิ ายและการตดั สนิ ชี้ขาดของจาํ เลยท่ี 1 และจําเลยท่ี 2 จึงวางอยูบ น เร่ืองความสมั พนั ธท ่ีแตกตางกนั ของผูเ สียหายกับจาํ เลยทง้ั สอง นอกจากความสมั พนั ธในลกั ษณะของคนรักแลว หากชายหญงิ น้ันเคยอยกู นิ หรือได แตงงานและใชช วี ติ อยูร วมกนั แมต อ มาภายหลงั จะไดแยกกันอยูโดยทย่ี ังไมไ ดทําการหยา ให ถกู ตอ ง หากฝา ยชายไดใชกาํ ลงั เพอ่ื ขมขนื หรอื บงั คบั ขเู ขญ็ เพ่ือใหก ลับมาอยกู นิ กนั ฉนั สามีภรรยา ตามเดมิ การกระทาํ ของชายก็จะไดการอธิบายวา เปน สงิ่ ทกี่ ระทาํ ไดโ ดยไมผิดตอกฎหมาย ดังกรณี ท่ีเปน ขอ พพิ าทระหวางชายหญงิ ซง่ึ เคยอยูกินเปน สามภี รรยากันมากอ นแตตอมาแยกกนั อยู ตอมา ฝา ยชายใชกาํ ลงั บังคบั พาหญงิ ไปอยูดวยกนั ซึ่งชายก็ไดถกู ฟอ งเปน จําเลย
“พิเคราะหแลว เหน็ วา กรณที จ่ี ําเลยพาผเู สียหายไปและหนว งเหนีย่ วกกั ขังผูเ สียหาย เพื่อให ผูเ สยี หายยอมอยูกินเปน สามีภรยิ ากบั ตนตามเดิม โดยจาํ เลยกบั ผเู สยี หายเคยอยกู นิ เปน สามีภรยิ า กนั มากอ นแยกกันอยเู พราะจาํ เลยทะเลาะกบั ผูเสียหายกอ นเกิดเหตปุ ระมาณ 4 เดอื น ซง่ึ ตาม ขอ เทจ็ จริงยงั ไมป รากฏชัดวา จาํ เลยหยา ขาดกับผเู สียหายตามศาสนาอิสลาม โดยนายหยา มหุ มีน บดิ าผเู สยี หายเบิกความวา จาํ เลยกับผเู สยี หายทาํ พธิ ีแตง งานกนั ตามลทั ธศิ าสนาอิสลาม และนาย หะยีตอหะ กาจี โตะ อหิ มามประจํามัสยดิ ในหมบู า น พยานจาํ เลยเบกิ ความรับรองวา จาํ เลยกบั ผูเสียหายยงั ไมข าดจากการเปนสามีภรยิ ากนั การที่จําเลยพาผเู สียหายไปเพ่อื กระทาํ อนาจารและ ขมขืนกระทาํ ชาํ เรา จงึ อาจเปน กรณที จ่ี าํ เลยกระทาํ ไปโดยเขาใจวา จําเลยมีสทิ ธกิ ระทาํ ไดก บั ภรยิ า ซง่ึ มบี ตุ รดวยกัน และบุตรก็ยงั อยกู ับจาํ เลย อนั เสมอื นกบั ทําโดยวิสาสะ ยอมไมเ ขา ลกั ษณะกระทาํ โดยมีเจตนารา ย การกระทําของจําเลยจงึ ไมเปน ความผดิ ฐานพาหญงิ ไปเพ่ือการอนาจาร หนว ง เหนยี่ วกักขงั และขม ขนื กระทําชาํ เราผูเ สยี หาย” การเปนสามีภรรยากันไมไดใหอ าํ นาจแกส ามที ี่ชอบดว ยกฎหมาย ทีจ่ ะฉุดคราภรรยาไป เพื่อการอนาจารและหนว งเหนยี่ วกกั ขงั ไว หากสามีกระทาํ การดงั กลา วกย็ อมมีความผดิ สําหรับ การใชกาํ ลงั ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราภรรยานน้ั แมจะไมม คี วามผิดในฐานขมขืนเนื่องจากตามกฎหมาย บคุ คลผูถูกกระทําตอ งเปน “หญิงซง่ึ มใิ ชภ รรยา” อยา งไรกต็ าม สามกี ็อาจมีความผิดในฐานอืน่ ได เชน ความผิดตอเสรภี าพหรอื ความผดิ ตอรา งกาย แตใ นขอพิพาทขา งตน ศาลเหน็ วา จําเลยไมต อ ง รบั ผดิ ดวยเหตผุ ลวา จาํ เลยกระทําไปโดยสาํ คญั ผิด คําพพิ ากษาในลักษณะเดยี วกนั นี้ไดเ คยมกี าร ตัดสินมากอนแลว โดยชายกบั หญิงผเู สียหายไมใ ชส ามภี รรยาโดยชอบดวยกฎหมาย แตเคยไดเสีย กันมา ตอ มาผเู สยี หายแยกตวั ไปอยทู ่อี นื่ เมอื่ ฝายชายมาพบหญิง กฉ็ ดุ เพอื่ ใหม าอยกู นิ ดวยกนั ตามเดิม ศาลฎีกายกฟอ งความผิดของชายในฐานฉุดครา และหนวงเหน่ยี วกักขงั โดยใหเ หตผุ ลกบั การกระทาํ ของชายผเู ปน จาํ เลยวา “จาํ เลยเขาใจโดยสุจริตวา ผูเสียหายเปนภริยาจําเลย” การอา งเหตุสาํ คัญผิดของชายนน้ั อาจแยกไดเ ปน 2 ประการ คอื ประการแรก สาํ คญั ผดิ วา ตนเองเปน สามีทีช่ อบดว ยกฎหมาย และประการทีส่ อง สาํ คญั ผดิ วา การเปนสามที ช่ี อบดวย กฎหมาย ทาํ ใหเกิดอาํ นาจทจี่ ะฉุดคราภรรยาไปเพอ่ื การอนาจาร มอี ํานาจหนว งเหนย่ี วกกั ขงั และ บงั คบั รว มประเวณีกบั ภรรยาได โดยความเหน็ ของนกั กฎหมายเห็นวา การอางเหตุสาํ คญั ผดิ เพียงวา หญงิ เปน ภรยิ าของ ตนนน้ั นาจะยงั ไมเ พยี งพอทจี่ ะทาํ ใหการกระทําของจาํ เลยไมเ ปนความผดิ ฐานฉดุ ครา และหนว ง เหนย่ี วกกั ขงั หากควรตอ งใหเหตุผลตอ ไปวาชายเขา ใจโดยสจุ รติ วาสามมี ีสิทธทิ จ่ี ะกระทาํ การ ดงั กลา วตอภรรยาได ดังทป่ี รากฏในคําพพิ ากษาฎกี าที่ 430/2532 ขอสังเกตตอ การใหเหตุผล รองรับเหตุสําคญั ผดิ ในกรณนี ี้นบั ไดวา เปนการยอมรบั อาํ นาจของชายเหนือหญงิ ทเี่ ปนภรรยา (หรอื แมเ พยี งอยกู ินดว ยกนั ก็ตาม) ในการใชก ําลงั ใหภรรยาตอ งอยูภ ายใตอ าํ นาจบงั คับ แมจะเปน
การกระทาํ ที่ละเมิดตอ กฎหมายก็ตาม ประเดน็ ควรวเิ คราะหต อ ไปคอื หากชายผเู ปน สามีอางเหตุ ในการกระทาํ ที่รนุ แรงตอชีวติ หรอื รา งกายของภรรยาวาเปนเหตสุ าํ คญั ผิดท่ีสามกี ระทํากบั ภรรยา ได คาํ พพิ ากษาของศาลจะยอมรับเหตสุ าํ คญั ผิดในลักษณะดงั กลาวหรือไม จะมอี ะไรเปน สง่ิ ท่บี อก วา การสาํ คญั ผดิ ในลักษณะเชนใดทย่ี อมรับใหสามารถรบั ฟงได การกระทาํ เชนใดทพ่ี น ไปจากการ อา งเหตุสาํ คญั ผดิ และการยอมรบั เหตุสาํ คญั ผดิ ของชายในการบงั คับขูเขญ็ หญิง เปน สง่ิ ที่สะทอ น ใหเหน็ ไดหรอื ไมวา การบงั คบั ขูเ ขญ็ หญิงโดยชายผเู ปน สามเี ปน ความผดิ ทปี่ รากฏอยโู ดยทัว่ ไป ดังนนั้ เมื่อมีการอางเหตุดงั กลาว คาํ พิพากษาของศาลจงึ ยอมรับวา เปน ส่งิ ท่ีสามารถเกิดข้ึนได อยางไมลงั เลแมแตนอ ย ความสมั พนั ธข องชายหญิงทีม่ ีความแนบแนน มากกวา คนปกติทวั่ ไป จงึ มีความสําคญั ใน การวนิ จิ ฉยั ชี้ขาดของศาล ขณะทใ่ี นดา นตรงกันขา ม หากชายและหญงิ ทีเ่ ปน คพู พิ าทกนั เปนบุคคล ท่ีไมเ คยรูจักกนั มากอนท่ีจะเกดิ เหตุ กจ็ ะเปน ประเดน็ ทสี่ นับสนนุ วา การกระทําของชายนน้ั มี แนวโนม ทจี่ ะเปน การขมขืนกระทาํ ชาํ เรา ชายแสดงตนเปนตํารวจและไดห ลอกลวงหญงิ สาวไปกระทําชาํ เรา หญงิ ผูเสียหายเบกิ ความวา ถกู ชายท่ตี กเปน จาํ เลยบังคบั ใหถ อดเสอ้ื ผาและใชอ าวธุ ปน ขมขู ทาํ ใหผูเสียหายตอ งยอม ใหกระทาํ ชาํ เรา สว นจาํ เลยเบิกความวาผเู สยี หายยนิ ยอมใหร วมเพศดว ย หลังจากนนั้ กไ็ ดบอกให จําเลยซื้อยาคมุ มาให “เหน็ วาผเู สียหายยังเปนนักเรียนและอายยุ งั นอย ไมร ูจ กั กับจําเลยมากอน เหตกุ ารณด งั กลาวไม เปนความจริงผเู สยี หายกไ็ มน า จะเบกิ ความเชนนนั้ จึงไมนาเชอ่ื วา จะเบกิ ความเพือ่ กลนั่ แกลง ใส รา ยจาํ เลย สว นทจ่ี าํ เลยอา งวาผูเสียหายยนิ ยอมกไ็ มมเี หตุผล เพราะจําเลยเองก็เบกิ ความวา ผเู สยี หายกลวั มที อง จึงไมน า เชื่อวา ผูเสียหายจะยนิ ยอมใหจ ําเลยกระทาํ ชาํ เราดงั ทจ่ี ําเลยอาง” การปราศจากความสมั พนั ธก นั มากอ นจะเปน เหตุผลวา เมอื่ ไมรูกนั ก็ไมม เี หตผุ ลใดทจ่ี ะมา กลั่นแกลง หรอื ใสร า ยบุคคลน้นั ความนา เชอ่ื ถอื ในปากคําของหญงิ จงึ มีนาํ้ หนกั แกก ารรบั ฟง แมว า จะเปนประจกั ษพยานเพียงคนเดยี วในการกลาวหาฝา ยชายกต็ าม “กอ นเกิดเหตผุ เู สียหายไปเทยี่ วงานมหกรรมชา งทโี่ คงดอนเมือง และพบจําเลยที่ 2 กบั พวกทหี่ นา บริเวณงาน ผเู สยี หายไมเคยรูจักจาํ เลยท่ี 2 กับพวกมากอน แตจ าํ เลยท่ี 2 ไดเขา มาทกั ทายและเขา ไปเท่ียวงานดว ยกนั จนกระท่ังตกดึกผเู สยี หายจะกลับบา นก็ขอใหจ าํ เลยที่ 2 กบั พวกไปสง จาํ เลย ท่ี 2 ทาํ รีรอวา จะรอเพ่ือนกอน แตเมอ่ื ผูเ สยี หายเดนิ ออกจากบริเวณงาน กเ็ หน็ จําเลยที่ 2 กับพวก เดนิ นาํ หนาไปกอ น คร้นั ถึงทเ่ี กิดเหตผุ ูเสียหายก็ถกู ชายวยั รุน ซง่ึ มจี าํ เลยที่ 1 รวมอยูด วยฉุดไป ขมขนื กระทาํ ชาํ เราขา งทาง สว นจาํ เลยที่ 2 ถอดกางเกงรออยู ผเู สยี หายพดู ขอรอ งวา อยาทําหนู เลย จาํ เลยที่ 2 ตอบวาอีกคนหนง่ึ ศาลฎีกาเหน็ วา ผเู สยี หายไมเ คยมีสาเหตโุ กรธเคอื งกับจาํ เลยที่ 2 มากอ น และมใิ ชผูซ ง่ึ มีความประพฤตเิ สอื่ มเสยี ในทางประเวณี ยอ มไมม เี หตอุ ยา งใดอันควรระแวง
วาผเู สยี หายจะกลัน่ แกลง เบกิ ความปรกั ปรําจําเลยที่ 2 โดยปราศจากความจรงิ แมโ จทกจะมี ผูเสยี หายเปน พยานรเู ห็นเพยี งปากเดยี วกร็ ับฟง ได” แมใ นกรณที ห่ี ญิงและชายอาจรูจกั กนั มากอ น แตเปนความสัมพนั ธใ นลกั ษณะอ่ืนทีไ่ มไ ด เปน ไปในลกั ษณะของความสัมพันธฉันทชสู าว กรณเี ชน น้ีเม่ือมีขอพพิ าทเกิดขึ้น คาํ พิพากษาของ ศาลกจ็ ะตัดสนิ ไปในทิศทางทร่ี บั ฟง ปากคาํ ของหญงิ เชน เดยี วกนั กับทีเ่ ปน เรื่องเกิดขึน้ ระหวา งชาย หญิงทไ่ี มไดรูจักกนั มากอ นหรือไมไดม คี วามสนิทสนมใดๆ เปนพเิ ศษ “เห็นวา ผเู สยี หายเคยเปน ลกู ศิษยของจาํ เลยมากอ น ยอ มมคี วามเคารพยําเกรงตามวัฒนธรรมไทย อยแู ลว เม่อื ไมเ คยมีสาเหตโุ กรธกนั มากอ น จงึ ไมม ีสาเหตุอนั ใดทีผ่ เู สยี หายจะแกลง กลาวหา ปรักปราํ จาํ เลยใหต อ งรบั โทษ อกี ทั้งการนาํ เรือ่ งนม้ี าเปดเผยหากไมเปน ความจริง มแี ตจ ะเกดิ ความ เสยี หายแกผเู สียหายซึ่งเปน หญงิ ยงิ่ ข้นึ จึงเช่อื ไดวา ผูเสยี หายเบกิ ความไปตามเหตกุ ารณที่ได ประสบมา” ในกรณีทหี่ ญงิ ซ่ึงเปน ผเู สยี หายไมไดม ีความสมั พนั ธเปน พเิ ศษกับชายในลักษณะของชูสาว หากหญงิ นนั้ ยงั มีอายนุ อ ยกจ็ ะเปน การเพมิ่ นาํ้ หนักความนาเชื่อถือในปากคําของหญงิ มากขนึ้ และ ถือเปน พยานหลกั ฐานท่ีสําคญั ตอการลงโทษชายผูกอเหตุ “แมโ จทกจะมผี เู สียหายเพียงผูเดยี วทป่ี ระสบเหตกุ ารณร ายนเ้ี ปน พยาน แตข ณะเกดิ เหตผุ เู สยี หาย มอี ายเุ พยี ง 13 ปเศษ และกาํ ลังเรียนหนงั สืออยูช น้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 1 ทง้ั ไมป รากฏเคยมี เพศสมั พนั ธม ากอ น คําเบกิ ความของผเู สยี หายดงั กลาวมรี ายละเอยี ดลําดับเร่ืองราวเชือ่ มโยงกนั สมกับเหตกุ ารณท เ่ี กดิ ข้นึ ถอ ยคําไมม ขี อ พิรธุ ใหร ะแวงสงสยั วาผูเสยี หายจะนกึ คดิ เสริมแตง เร่อื งราวขน้ึ มาปรักปราํ ผูใ ดใหตองรบั โทษ” หรือในคดีที่ผเู สยี หายเปน เดก็ หญิง “เหตุการณก ารทีถ่ กู คนรา ยขม ขืนกระทาํ ชาํ เรานน้ั หากไมเ ปนความจรงิ และไมไ ดเกดิ ข้นึ กบั ผเู สียหายซง่ึ เปนเด็กนักเรียนอายเุ พยี ง 15 ปเ ศษ แลวคงจะไมก ลา วอา งใหต นเองตองไดรับความ เสอื่ มเสียเปน แน” สถานะของการเปน เดก็ โดยเฉพาะอยางยงิ่ การเปน “ผบู ริสุทธ”์ิ จึงเปน เหตผุ ลทท่ี ําใหศ าล เหน็ วา การใหป ากคํานนั้ มคี วามนาเชอ่ื ถือมากกวาบุคคลทั่วไป เนอ่ื งจากสภาพของการเปน เด็กหญิง การแตงเตมิ หรือกเุ รือ่ งราวข้นึ มาเองถูกประเมนิ วา เปน สงิ่ ทเี่ ปน ไปไดย ากโดยเฉพาะใน กรณขี องการถกู ขม ขนื 4.3 การกาํ หนดโทษ หลังจากท่ีไดมกี ารพิจารณาแลว วาจาํ เลยไดก ระทําผิดตามทถี่ กู กลา วหา ในขน้ั ตอนตอ ไป กค็ ือการพจิ ารณาวาจะกาํ หนดโทษแกจ ําเลยอยางไร โดยทว่ั ไปการกาํ หนดโทษแกจาํ เลยกจ็ ะตอ ง
เปนไปตามกรอบท่กี ฎหมายไดก ําหนดไว เชน ความผิดฐานขม ขืนกระทาํ ชาํ เราตามมาตรา 276 มี โทษจาํ คุกตั้งแต 4 ปถงึ 20 ป และปรบั ตงั้ แตแปดพันบาทถงึ สห่ี มนื่ บาท อยา งไรกด็ ี นอกจากการ พิจารณาโทษตามกรอบอตั ราโทษที่กฎหมายกาํ หนดไวแ ลว ศาลก็สามารถทจี่ ะกาํ หนดการลงโทษ แตกตา งไปจากทกี่ ฎหมายกาํ หนดไวก ็ได โดยเฉพาะอยางยิง่ การลงโทษในสถานเบาซึง่ ตาํ่ กวา ที่ กฎหมายกาํ หนดเปนขน้ั ตา่ํ เอาไว ซงึ่ ตามประมวลกฎหมายอาญามบี ญั ญตั ิไวในหลายสวน เชน เหตอุ นั ควรปรานี เหตบุ รรเทาโทษ เหตบุ นั ดาลโทสะ เปนตน เมือ่ พจิ ารณาจากบทบญั ญัตขิ องกฎหมาย จะพบวา ในบทบญั ญตั ขิ องกฎหมายคอนขางจะเปด โอกาสใหศ าลสามารถใชเ หตผุ ลในการลงโทษใหเปน คณุ แกบ คุ คลผกู ระทาํ ความผดิ ไดกวางขวาง ซ่ึงก็เปน ชอ งทางทีศ่ าลไดน าํ มาปรับใชแ กผกู ระทาํ ความผดิ ในคดีอาญาทั่วไป ซง่ึ ในทน่ี จ้ี ะไดมีการ พิจารณาวาในคดีที่เกย่ี วกบั การลวงละเมิดทางเพศ จะมกี ารกระทาํ ในลกั ษณะเชน ใดท่ศี าลจะหยบิ ยกข้นึ มาเปน เหตผุ ลเพือ่ ลงโทษบคุ คลทกี่ ระทาํ ความผิดนอ ยกวาท่กี ฎหมายกาํ หนด ก. การกาํ หนดโทษนอ ยกวา ทก่ี ฎหมายกําหนด ในคดีทเ่ี กยี่ วกบั การขม ขืนกระทาํ ชําเรา หากศาลไดพจิ ารณาแลววา จําเลยผถู ูกกลา วหา กระทาํ ความผดิ จริง เหตสุ าํ คญั ประการหนงึ่ ท่สี ามารถนาํ มาใชอ า งเปนเหตุผลเพื่อทจ่ี ะใหศาล ลงโทษนอยกวา ท่กี ฎหมายไดบ ญั ญตั กิ ็คอื การที่ฝา ยชายผูกระทาํ ความผิดมอบเงนิ ใหก บั ทางฝา ย ผูเ สียหาย ไมว า จะเรียกเงนิ นว้ี า คาทําขวญั คาเสยี หาย หรือในชื่ออ่นื ใดก็ตาม อยั การฟอ งวา จาํ เลยกบั พวกอกี 1 คน ไดร วมกนั ขม ขืนกระทาํ ชาํ เราหญงิ ผูเ สียหายซึ่งมิใช ภรรยาของจําเลยโดยใชกาํ ลงั ประทษุ รายและจําเลยกับพวกกไ็ ดผ ลัดกนั ขมขืนกระทาํ ชาํ เรา ผเู สยี หายจนสาํ เรจ็ ความใครคนละ 1 ครงั้ ศาลช้ันตนไดพ ิพากษาลงโทษจาํ เลยฐานขม ขนื กระทาํ ชาํ เรา ลงโทษจําคุก 4 ป ลดโทษกง่ึ หนงึ่ ดวยเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา 78 คงจาํ คุก 2 ป นอกจากนกี้ ็ยงั มเี หตุอน่ื ประกอบ “จาํ เลยไมเ คยตองโทษจาํ คกุ มากอน และชดใชคาเสยี หายใหแ กฝ า ยผเู สยี หาย แลวผเู สยี หายก็ไม ตดิ ใจเอาความกับจาํ เลย สมควรใหโอกาสจาํ เลยกลบั ตวั เปน พลเมืองดี โทษจําคกุ ใหร อการลงโทษ ไวม ีกาํ หนด 2 ป และกําหนดเง่อื นไขคมุ ประพฤตจิ าํ เลย” แมว าทางฝา ยโจทกจ ะอุทธรณจนชัน้ ศาลฎีกา แตในท่ีสดุ ศาลฎีกาก็ไดมคี ําพิพากษายนื ตามคาํ ตัดสนิ ของศาลชัน้ ตน คดีจึงยตุ ลิ งโดยการท่จี าํ เลยไดร บั การรอลงโทษ 2 ป พรอมกบั การคุม ประพฤติ ศาลฎีกาพพิ ากษาวา จาํ เลย 2 คนมีความผดิ ฐานขม ขืนกระทําชาํ เรา ความผิดฐานพราก ผเู ยาวไ ปเพ่ือการอนาจารโดยผูเยาวไมเ ตม็ ใจไปดว ย และฐานหนว งเหนย่ี วกกั ขงั เปน เหตุให ผเู สยี หายปราศจากเสรภี าพในรางกาย ในการจะกาํ หนดโทษของจาํ เลยทง้ั สอง ศาลก็ไดน าํ เอา เหตผุ ลเรอื่ งการมอบเงินจากทางฝา ยจําเลยข้นึ มาเปน ประเดน็ พจิ ารณา
“และเม่ือพจิ ารณาขอ ท่จี ําเลยทงั้ สองไดช ดใชเ งินคา ทาํ ขวญั เปนทีพ่ อใจแกม ารดาของผูเสยี หายทง้ั สองแลว เหน็ ควรกาํ หนดโทษความผิดสองฐานน้ใี นสถานเบาลงมา” การมอบเงินของฝายชายใหแ กห ญิงผเู สยี หายสามารถนํามาเปน เหตผุ ลในการกาํ หนดโทษ ทีน่ อยกวา กฎหมายกาํ หนดได แมใ นการขม ขืนนน้ั จะมลี กั ษณะท่ไี มส ามารถยอมความไดก ต็ าม ในคดีนคี้ ําพิพากษาของศาลฎีกาลงโทษจาํ เลยฐานขม ขืนกระทาํ ชําเราตอ หนา ธารกํานลั “แตตามพฤตกิ ารณแ หงคดปี รากฏตามคาํ รอ งของผเู สยี หายลงวันท่ี 8 เมษายน 2525 วาจาํ เลยใช คา เสยี หายใหแ กผูเ สียหาย และไดใ หญ าตผิ ใู หญม าขอขมาตอ ญาติผูใ หญข องผูเ สยี หาย ผูเ สยี หาย ไมป ระสงคจ ะดาํ เนนิ คดแี กจาํ เลย ศาลฎกี าเหน็ วา มีเหตอุ นั ควรปรานใี หล งโทษ และรอการลงโทษ จําเลยดงั คาํ พพิ ากษาศาลอทุ ธรณ” ซง่ึ ศาลอทุ ธรณไดพิพากษาวา จาํ เลยมีความผิดฐานขม ขนื กระทาํ ชําเรา ลงโทษจาํ คกุ 4 ป จําเลยรบั สารภาพลดโทษกงึ่ หนง่ึ จาํ คกุ 2 ป ใหร อการลงโทษไวมีกาํ หนด 3 ป นอกจากการมอบเงินใหก บั ทางฝา ยผูเสียหายแลว การแสดงทา ทีของฝา ยผเู สยี หายใน ลกั ษณะทีแ่ สดงใหเห็นไดวา ไมติดใจเอาความหรือไมป ระสงคจะดาํ เนนิ คดีกบั ทางจําเลยกเ็ ปนสง่ิ ท่ี ศาลกไ็ ดใ หความสาํ คญั เชน เดียวกนั ในการกาํ หนดสถานเบา ดงั การแสดงอยา งชัดเจนวา ผูเสียหาย ไมต ิดใจเอาความกบั ทางจาํ เลยแลว อกี ประเด็นหนึง่ ซง่ึ สามารถเชื่อมโยงกบั การมอบเงินใหแก ผูเ สยี หาย หรอื การไมต ดิ ใจเอาความกับจาํ เลยได ก็คือการที่ผเู สียหายแจง ความดาํ เนินคดีกบั จําเลย หากแตใ นชนั้ พิจารณาไมไ ดม าใหป ากคําก็จะเปน เหตหุ นง่ึ ท่ที าํ ใหศาลยกฟอ งได อัยการฟอ งวา จําเลยไดขมขืนกระทาํ ชาํ เรานางสาวลาํ พองซง่ึ มิใชภ รรยาจนสําเรจ็ ความ ใครห ลายคร้งั โดยภายหลังเกดิ เหตุผูเสยี หายไดร อ งทกุ ขกับเจา พนกั งานตาํ รวจ สว นจําเลยใหการ วา ผูเ สยี หายสมัครใจรว มประเวณีกบั ตนโดยไมไดบงั คับขูเ ขญ็ ในช้ันการพจิ ารณาของศาล ผูเสียหายไมไดมาใหก าร ศาลฎกี าพจิ ารณาแลวมีความเหน็ วา “คดีน้ีโจทกไมสามารถทจ่ี ะไดตัวนางสาวลาํ พอง ผูเ สยี หายและนางเยน็ มารดาผเู สยี หายมาเบกิ ความเปน พยาน คงมีแตค ําใหก ารของคนทงั้ สองในชน้ั สอบสวนซงึ่ ใหก ารไวว า จาํ เลยกบั พวกได รวมกันฉุดครา นางสาวลาํ พองไป และนางสาวลําพองใหการดว ยวา จาํ เลยขมขืนกระทําชาํ เรา นางสาวลําพองในระหวา งคนื ท่โี จทกหา โดยมนี ายวัลลภ ธีราทรง พนกั งานสอบสวนเบกิ ความ ประกอบวา นางสาวลําพองกบั นางเย็นใหก ารชน้ั สอบสวนไวเ ชน นัน้ กบั มนี ายปลมื้ ฤกษว ธิ ี ผูใ หญบ า นเบกิ ความวา นางเยน็ ไดไปแจงความตอ นายปลื้มในวนั เกิดเหตุวา จาํ เลยกบั พวกไดฉุด ครา พานางสาวลาํ พองไป สว นจาํ เลยนาํ สบื วานางสาวลาํ พองรกั ใครก ับจาํ เลย พากนั หนีไป ศาล อทุ ธรณจงึ เหน็ วา จะรบั ฟง หลกั ฐานพยานโจทกดงั กลา วมาลงโทษจาํ เลยไมไ ด ตามประมวล กฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความแพง มาตรา 95(2) ซึ่งศาลฎกี าเหน็ พองดว ย เพราะคาํ ใหก ารในชน้ั สอบสวนของนางสาวลาํ พองกับของนางเย็นจะรับฟงประกอบได กแ็ คเพียงวา คนทงั้ สองไดใหการ
ไวในชน้ั สอบสวนเชน นัน้ จรงิ แตความจรงิ จะเปนอยา งไรแน ในชั้นศาลโจทกก จ็ ะตอ งมพี ยานมา เบิกความวา จาํ เลยไดกระทาํ ผิด เมื่อชนั้ ศาลโจทกกไ็ มมพี ยานมาแสดงวา จาํ เลยไดขมขนื กระทํา ชาํ เรานางสาวลาํ พอง เชน นเี้ พยี งแตคาํ ชน้ั สอบสวนกย็ งั ฟงไมไดวา จําเลยกระทาํ ผิดดงั ฟอง” การทีผ่ เู สยี หายไมม าใหก ารในศาลทาํ ใหย ากทจี่ ะลงโทษแกจําเลยผถู กู กลาวหาได แมว า ในคดนี ้ันทางฝา ยจําเลยจะไดใหก ารรบั สารภาพไวในชนั้ การจับกุมกต็ าม แตก ็ยงั มคี วามจาํ เปน ท่ี ผูเสยี หายจะตอ งมาเบกิ ความในช้นั การพจิ ารณาของศาล “พเิ คราะหแลว ไดค วามในเบอ้ื งตน วา จาํ เลยไดร วมประเวณกี บั ผูเสียหาย ซงึ่ เปน ผอู ยูในความ ปกครองจรงิ มีปญ หาที่จะตอ งวนิ จิ ฉยั วา จาํ เลยไดก ระทําการขมขืนผูเ สยี หายหรอื ไม คดนี ้โี จทก ไมไดต วั ผเู สียหายมาเบกิ ความเปน พยาน คงมแี ตค ําใหก ารชน้ั สอบสวนของผเู สียหาย ซง่ึ ใหก าร ยนื ยนั วา จาํ เลยไดกระทําการขมขนื ผูเสียหายหลายคร้ัง จนกระทงั่ ผเู สยี หายตง้ั ครรภข้นึ ปรากฏ ตามเอกสารหมาย จ. 2 เห็นวาคดีนี้คงมแี ตคําใหก ารชน้ั สอบสวนของผเู สยี หาย พยานของโจทก ปากอื่นท่เี บกิ ความถงึ ในขอ เท็จจริงที่วา ผเู สียหาย ไดถ กู ขมขืนกระทาํ ชําเรากล็ ว นแตรับฟง มาจาก ผเู สียหาย จึงเปน พยานบอกเลาทง้ั สนิ้ คาํ รบั สารภาพในชน้ั จับกมุ ของจาํ เลยตามเอกสารหมาย จ. 1 ก็ไมมรี ายละเอยี ดวา ผูเ สยี หายถกู ขม ขนื กระทําชาํ เรา ทีไ่ หน อยา งไร จําเลยใหก ารปฏิเสธในชน้ั สอบสวนและชัน้ ศาลตลอดมา เหน็ วา พยานหลกั ฐานโจทกยงั ไมพ อฟง ลงโทษจาํ เลย ทศี่ าลอุทธรณ พิพากษายกฟอ งนนั้ ศาลฎีกาเหน็ พอ งดว ย” ถึงจะเปน คาํ พดู ของผเู สียหายในชนั้ สอบสวนกอนท่จี ะตายก็ไมถ ือวามนี าํ้ หนกั เพยี งพอตอการ ลงโทษผเู สยี หายหากปราศจากประจักษพยานอนื่ ดงั การใหป ากคําของผเู สยี หายเลา ใหฟ ง วาถกู จาํ เลยหลอกลวงไปขม ขืนกระทาํ ชําเราที่บา นของจาํ เลย และเจา หนา ทต่ี าํ รวจไดสอบปากคาํ ผูเสียหายซง่ึ กาํ ลังปว ยหนกั ใกลตายตอ หนา พยาบาล ผตู ายบอกวาถกู จําเลยขมขืนทบี่ านจาํ เลย จึง ดม่ื ยาฆา แมลงเขา ไป ศาลเห็นวา พยานทง้ั หมดลว นมาจากการบอกเลาของผตู ายทไ่ี มไดอยใู นการ พจิ ารณาของศาล ไมอาจลงโทษจําเลยได การไมมาใหป ากคําในชน้ั พจิ ารณาของศาล นบั เปน ปจจยั สาํ คัญประการหนง่ึ ท่จี ะทําใหศาล วนิ จิ ฉยั ยกฟองคดีดังกลา ว โดยสาเหตุในการหายตวั ไปของทางฝา ยผเู สยี หายอาจเกดิ จากปจจยั หลายประการนอกจากการเสียชวี ติ ของผูเสียหาย เชน พจิ ารณาแลว วา พยานหลกั ฐานของฝา ย ตนเองมนี ้าํ หนกั นอย ไมอ ยากเสียเวลากบั การขน้ึ โรงขนึ้ ศาลทย่ี าวนาน และรวมไปถงึ วา ทางฝาย ผเู สียหายอาจไดร ับเงินชดใชจ ากเหตทุ ่เี กิดข้นึ ไปแลว ทาํ ใหไมเ หน็ ประโยชนใดๆ จากการพจิ ารณา ในช้นั ศาลอกี ดงั นนั้ หากบคุ คลใดถูกกลาวหาและถูกฟองเปนจาํ เลยในคดีของการขม ขืนกระทาํ ชําเราไม วา จะเปนผกู ระทาํ ผิดจรงิ หรอื ไมก ต็ าม หากในคดีนนั้ ทางฝายผเู สียหายมีพยานหลกั ฐานคอนขาง แนน หนาและมีแนวโนมที่จะทาํ ใหเชือ่ ไดว า ผตู กเปน จาํ เลยกระทาํ ผดิ จริง หากพจิ ารณาจากแนวคาํ
พิพากษาของศาลฎีกา จาํ เลยยงั มชี องทางในการตอ สเู พอื่ ใหต นเองพน ไปจากความผิดหรอื เพอื่ ให ไดร บั โทษในสถานเบาได ถา สามารถตกลงคา เสียหายหรอื จาํ นวนเงนิ ทจี่ ะมอบใหก บั จาํ เลยได ใน กรณที พี่ น ขนั้ ตอนการสบื สวนของเจาหนา ทตี่ ํารวจไปแลว ถา ผูเสยี หายไมไ ปใหป ากคําในชนั้ พิจารณากเ็ ปน เรื่องยากทีจ่ าํ เลยจะถูกพิพากษาวา กระทาํ ความผิดตามแนววนิ จิ ฉยั ทีป่ รากฏในคาํ พิพากษา และถงึ แมวา จะไดผ านจากขน้ั ตอนของทางเจา หนาทต่ี าํ รวจและอยั การไปสคู ดใี นชัน้ ศาล แลว โดยทีท่ างฝา ยผเู สียหายก็ไดใ หปากคําในระหวา งการพิจารณาของศาล ถึงแมพ ยานหลักฐาน จะฟง ไดวาจาํ เลยกระทาํ ความผดิ ตามทถ่ี ูกกลาวหา แตถ า หากจาํ เลยไดม อบเงินใหแ กทางฝาย ผูเสียหาย และผูเ สียหายก็ไดแ ถลงวาใหอ ภยั หรือไมต ดิ ใจเอาความกับจาํ เลย กจ็ ะเปน เหตผุ ลท่ศี าล จะสามารถกาํ หนดโทษในสถานเบาแกผกู ระทาํ ความผดิ ไดเชน กัน นอกจากการมอบเงนิ ใหกบั ทางฝา ยผเู สยี หายแลว เหตอุ กี ประการหนง่ึ ทส่ี ามารถนาํ มาอางองิ เพอื่ ใชเ ปนการกําหนดโทษนอยกวากฎหมายกําหนดไวก ค็ อื ชายท่ีเปน จาํ เลยไดแตงงานเปนสามี ภรรยากบั ผเู สยี หายที่ตนเองไดกระทําความผิดไว ศาลชัน้ ตน พพิ ากษาวา ฐานจาํ เลยขมขนื กระทาํ ชําเราหญงิ ที่ไมใ ชภรรยาของตนและพราก ผเู ยาวไ ปจากบิดาและผูดูแล “เมอ่ื พเิ คราะหพ ฤติการณแ หง คดแี ลวเหน็ วา ยงั ไมรนุ แรงเกินเหตุ ประกอบกบั หลงั เกดิ เหตุ จําเลย รูส กึ สาํ นกึ ในความผดิ และรับผิดชอบตอการกระทําโดยแตงงานอยกู ินฉันสามภี รรยากบั ผูเสียหาย เหน็ สมควรลดมาตราสวนโทษลงกระทงละกง่ึ หนงึ่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ฐาน พรากเดก็ อายไุ มเ กิน 15 ป จาํ คกุ 1 ป 6 เดอื น ฐานกระทาํ ชําเราเดก็ หญงิ โดยใชอาวธุ จําคกุ 25 ป รวมจําคกุ 26 ป 6 เดอื น จําเลยใหการรบั สารภาพเปน ประโยชนแกก ารพจิ ารณานบั เปนเหตุ บรรเทาโทษ ลดโทษใหก ึง่ หนึง่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 13 ป 3 เดือน” แมใ นคําพพิ ากษาของศาลชนั้ ตน จะดูเหมอื นเปน การกาํ หนดโทษท่คี อ นขางหนกั อยางไรก็ ตาม เมื่อขนึ้ สกู ารพิจารณาของชั้นศาลอทุ ธรณ กไ็ ดแกไ ขใหลงโทษจาํ เลยดวยการจําคุก 1 ป 9 เดอื น และใหร อการลงโทษไวเปนเวลา 3 ป และในคาํ พพิ ากษาของศาลฎกี ากไ็ ดย นื ตามความเหน็ ดงั กลา ว ในการอยกู นิ กนั ฉนั สามีภรรยานนั้ แมว า จะยงั ไมสามารถดาํ เนนิ การจนกระทัง่ มกี ารสมรส เกิดขนึ้ เพยี งทางฝา ยจําเลยไดแ สดงเจตนาใหเ หน็ อยา งชดั แจง ถึงความต้งั ใจของตนเองกส็ ามารถ นาํ มาเปน เหตผุ ลในการพจิ ารณาโทษใหเ บาลงไดแ ลว สําหรบั คดนี ้ี ศาลไดวินจิ ฉยั วา จาํ เลยมคี วามผิดฐานพรากผูเยาวไปจากบิดามารดาแต “เมือ่ เกดิ เหตขุ น้ึ แลวบิดาผเู สยี หายรบั วา ฝา ยจาํ เลยมาสขู อผูเ สียหายตามประเพณี เพยี งแตต กลง
เรอื่ งเงนิ คา สนิ สอดไมไ ดเทา นัน้ จงึ เกดิ เหตเุ ปนคดีนข้ี ้ึน นบั วา จาํ เลยควรไดร บั ความปราน”ี และไดมี คาํ พพิ ากษาวา “จําเลยมคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 จาํ คุก 3 ป ปรบั 6,000 บาท คาํ ใหก าร จําเลยนับวา เปนประโยชนแ กการพจิ ารณาเปนเหตบุ รรเทาโทษ จงึ ลดโทษใหห น่ึงในสามตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจาํ คุก 2 ป ปรับ 4,000 บาท ไมปรากฏวา จําเลยเคย ตองโทษจาํ คกุ มากอ นและมเี หตอุ ันควรปรานี โทษจาํ คกุ จงึ ใหร อการลงโทษไว” ข. การลงโทษบทหนกั ในการกระทาํ ความผิดฐานขม ขืนกระทาํ ชาํ เรา นอกจากตองไดร ับโทษตามทกี่ ฎหมายกําหนด เอาไวแลว ผกู ระทําก็อาจไดร บั โทษทีห่ นักกวา การขมขนื ตามท่บี ัญญัตไิ วใ นมาตรา 276 เชน หาก เปนการขม ขนื โดยใชอาวธุ ปน วตั ถุระเบิด หรือเปนการกระทําในลกั ษณะโทรมหญิงกจ็ ะมโี ทษ สําหรบั การกระทําผดิ ในลักษณะรุนแรงกวาการขม ขืนทไ่ี มไ ดปรากฏเหตดุ ังกลา วมาประกอบ ซึง่ การจะลงโทษการขม ขืนในลกั ษณะท่มี บี ทลงโทษรนุ แรงมากขนึ้ กอ็ ยภู ายใตห ลกั ท่ัวไปของ กฎหมายอาญาวา ในการจะลงโทษบคุ คลในความผิดใดๆ ก็จําเปน ทจี่ ะตองมีการพสิ จู นใหไดอ ยาง ชดั เจนวา มีเหตุดังกลาวเกิดขึ้นจรงิ โดยปราศจากขอสงสยั อยา งส้นิ เชงิ ดังนน้ั หากมกี ารกลาวหาวา จาํ เลยไดขมขนื กระทาํ ชาํ เราโดยใชอาวธุ ปน กจ็ ะตอ งมกี ารพสิ ูจนใ หไ ดวา ปน ทย่ี ดึ ไดน ้นั เปน ของ จาํ เลยและจาํ เลยไดใ ชในการกระทาํ ความผดิ จรงิ หากไมไดมีการพิสจู นใ หเ หน็ กไ็ มอ าจลงโทษ จําเลยในความผดิ ฐานขม ขนื โดยใชอ าวุธปนได รวมถงึ ขอ หาอนื่ ทีเ่ ปน ความผดิ เกีย่ วกบั อาวธุ ปน “ทางนาํ สบื ของโจทกไมปรากฏวาไดย ดึ อาวุธปนไมม ีเครอ่ื งหมายทะเบยี นไดจ ากจําเลยทง้ั สองเปน ของกลาง จงึ ยงั ฟง ไมไดว า จาํ เลยทัง้ สองกระทาํ ความผดิ ใน ขอ หาความผิดตอ พระราชบัญญตั ิ อาวธุ ปน ” การพจิ ารณาความผิดของจาํ เลยดว ยการพสิ จู นถ ึงพยานหลกั ฐานทชี่ ดั เจน นบั วา เปน หลกั การท่สี าํ คัญของกฎหมายอาญาเพื่อตอ งการใหเกดิ การลงโทษแกผ ูท กี่ ระทาํ ความผดิ จรงิ และ กเ็ พอ่ื ปอ งกนั ไมใ หเกิดการลงโทษแกผูบรสิ ทุ ธ์ิ ซงึ่ ในกรณีนก้ี เ็ พ่อื ไมใหมกี ารลงโทษแกบ คุ คลเกินไป กวา ความผดิ ทไ่ี ดก ระทาํ ลง อยางไรก็ตาม มีประเดน็ พิจารณาตอ วาหากการขมขืนที่เกดิ ขึน้ มกี ารใช อาวธุ ท่ีมิใชของจรงิ มาทาํ การขม ขู โดยหญงิ ผูเ สียหายใหป ากคาํ วา เพราะเกรงจะถกู ทาํ รายโดย อาวธุ ปน จงึ ไดย ินยอมใหชายผตู กเปน จาํ เลยขมขนื กระทาํ ชาํ เรา กรณเี ชน นจ้ี ะถือไดห รือไมว า จําเลยไดก ระทาํ ความผดิ ฐานขมขนื โดยมีหรือโดยใชอ าวธุ ปน “ปญหาท่จี ะตอ งวนิ จิ ฉัยตอไปมีวา การขมขืนกระทาํ ชาํ เราดงั กลา วไดก ระทาํ โดยมหี รือใชอาวุธปน เปนเหตใุ หจ าํ เลยรบั โทษหนกั ข้นึ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสองหรือไม เหน็ วา พยานหลกั ฐานทีโ่ จทกน าํ สบื ไดค วามเพยี งวา จาํ เลยไดใ ชอ าวธุ ปน ขผู เู สยี หายไมใ หขดั ขนื จน ผูเ สยี หายเกิดความกลวั แตอ าวุธปน ที่ใชข ู โจทกม ิไดนาํ สบื ใหเ หน็ วา เปนอาวธุ ปน ตาม
พระราชบัญญตั อิ าวธุ ปน ฯหรือไม แตโจทกไ ดส ง ผลการตรวจพิสจู นอาวธุ ปนของกลางท่เี ปนสงิ่ เทยี มอาวธุ ปนพกอดั ลมชนดิ ใชย งิ กบั ลกู กระสุนพลาสตกิ ทรงกลมขนาด 6 ม.ม. ซ่งึ ใชยงิ ทํา อันตรายแกชวี ติ และวตั ถุไมไดต ามเอกสารหมายเลข จ.21 ดังนนั้ อาวธุ ปนของกลางท่สี งไปตรวจ พสิ ูจน ซ่ึงตามคาํ ฟองระบวุ า เปน อาวุธปน ทจ่ี าํ เลยใชขูผ เู สยี หายอาวุธปน ดังกลา วก็มใิ ชอ าวธุ ปน ตามพระราชบญั ญตั ิอาวธุ ปน ฯ แตเปน สง่ิ เทยี มอาวุธปน เทา น้ัน การกระทาํ ของจําเลยจึงไมเ ปน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง” เมื่อส่ิงทจี่ ําเลยใชขมขผู เู สียหายเพอ่ื ขมขนื กระทาํ ชาํ เราไมใ ชอาวธุ ปน ตามหลกั การ พิจารณาขององคประกอบความผดิ ของกฎหมายอาญา กย็ อมไมอาจลงโทษจําเลยในขอหาขมขนื กระทาํ ชาํ เราโดยใชอ าวุธปน ได คาํ อธิบายหลักการพิจารณาความผิดในลกั ษณะเชน นี้ เปน ส่ิงท่ี ไดร ับการยอมรบั วาเปน หลกั การท่เี ปน กลางและเปน ธรรมตอ ผถู ูกกลา วหาวา กระทําความผดิ อยางไรกต็ าม การพิจารณาความผดิ ทางอาญาตามท่ีไดกลา วมา ยอ มทาํ ใหเหน็ วาไดว า ไมได นําเอาประสบการณหรือความคิดของผเู สยี หายเขามาประกอบ ดังจะเหน็ ไดวา ถงึ แมจ ะไมใชอ าวธุ ปน จริง หากเปน เพยี งสง่ิ เทยี มอาวุธ แตถา เปนสง่ิ ทที่ าํ ใหผ ูหญงิ ผถู ูกขม ขูร สู ึกกลวั และยอมใหฝ า ย ชายขมขืนกระทาํ ชาํ เรา ซ่งึ ถา เปน กรณีท่ีฝา ยชายไมมสี ง่ิ เทียมอาวธุ อยใู นมอื หญงิ กอ็ าจตอสูและ ขดั ขนื ตอการกระทาํ ของฝา ยชายได ในมมุ มองของหญงิ สง่ิ นั้นจงึ เปน อาวธุ ปน ไมวา ในความเปน จรงิ จะเปน ปนตามพระราชบญั ญัตอิ าวุธปน หรอื ไมก ต็ าม คําพิพากษาในแนวทางเชน นจ้ี งึ คาดหมายใหห ญิงจะตองมคี วามรเู กย่ี วกบั อาวุธปน เปน อยางดี สามารถแยกแยะไดว าอะไรท่ีเปน สิ่งเทยี มอาวธุ และสงิ่ ไหนทเี่ ปน อาวธุ จริง หากไมม คี วามสามารถในการจําแนกของจริงและสิง่ เทยี ม และยอมใหช ายกระทาํ ชาํ เราไป กไ็ มสามารถที่จะดาํ เนนิ คดกี ับผูกระทาํ ในฐานขม ขนื โดยใชอาวุธ ปนได ประเดน็ สบื เนอื่ งถดั มากค็ อื แมว า สง่ิ ท่ใี ชน นั้ จะเปน อาวุธตามทกี่ ฎหมายกาํ หนด ไมวา จะ เปน อาวุธปน วัตถุระเบิด หรอื อาวุธอนื่ ในกรณีทก่ี ฎหมายกําหนดวา “ใชอาวธุ ” กจ็ ะตอ งมกี าร กระทาํ ท่ีแสดงใหเหน็ อยา งชดั เจนวา ไดใชอาวุธมาประกอบในการกระทาํ ความผดิ อัยการเปน โจทกฟ องวา จาํ เลยไดก ระทาํ ความผิดตอกฎหมายในหลายขอหา โดยขอ หา หนงึ่ ฟอ งวา จําเลยไดขม ขืนกระทําชาํ เราผเู สยี หายซ่งึ เปนเดก็ หญิงอายไุ มเ กนิ 15 ป โดยใชอ าวุธมีด สปรงิ จขี้ ูเข็ญและใชก าํ ลงั ประทุษรา ยโดยผเู สียหายไมยนิ ยอม ศาลฎกี าวนิ ิจฉยั วา “พยานหลกั ฐานของโจทกจ งึ มีนา้ํ หนักฟง ไดแ ตเพียงวา จาํ เลยไดนาํ อาวธุ มดี สปรงิ ซงึ่ จําเลยมีติดตัว อยูออกมาเทา น้นั ศาลฎีกาเหน็ วา การท่ีจาํ เลยนาํ อาวุธมีดสปรงิ ทีจ่ าํ เลยมีตดิ ตวั อยอู อกมาโดยมไิ ด งางมีดสปริงออกในลักษณะที่สามารถใชแทงทํารายได ทง้ั มไิ ดใชอ าวธุ มดี สปริงขเู ขญ็ บงั คับให ผเู สยี หายยอมใหจ ําเลยกระทําชาํ เรานน้ั ถอื ไมไ ดว า จําเลยไดใ ชอาวธุ มดี สปริงในการกระทาํ ชาํ เรา ผเู สยี หาย”
4.4 วถิ แี หง ความผดิ และการรบั โทษ ความผิดฐานขมขนื กระทาํ ชาํ เราเปน ส่ิงทีไ่ ดรบั การบญั ญตั ิไวใ นกฎหมายอาญาของไทย ความผิดนจี้ ะเกิดข้นึ ไดก็ตอเม่ือเปนการกระทาํ ของชายตอ หญงิ ทมี่ ิใชภ รรยาของตนเอง บทบญั ญัติ ของกฎหมายไดสะทอ นถงึ มติ ิการมองเพศสมั พนั ธระหวา งชายกบั หญงิ และรวมถึงสถานะของ เพศสมั พนั ธร ะหวา งชายหญงิ ทีเ่ ปน สามภี รรยา ซง่ึ อาจถกู ตง้ั คําถามไดจ ากแงม มุ ของนิติศาสตร แนวสตรีนยิ มในหลากหลายแงม ุม แตนอกจากเน้อื หาท่ีปรากฏในบทบญั ญตั ขิ องกฎหมายแลว ใน การปรบั ใชก ฎหมายโดยศาลก็ไดมสี วนตอ การสรา งความหมายของการขมขนื กระทําชาํ เราใหมี ลักษณะเฉพาะเจาะจงมากย่ิงขนึ้ ในการพิจารณาถึงการชาํ เราซึง่ มงุ ไปทก่ี ารกระทาํ อันเปนเรือ่ งของอวัยวะเพศชายกบั อวยั วะเพศหญงิ แสดงใหเ หน็ วาการมีเพศสมั พันธในทศั นะของศาลตองเปน การกระทาํ ทีส่ ามารถ นําไปสูการสบื พนั ธุได หากเปนการกระทาํ ในลกั ษณะอนื่ ทแี่ มจะทาํ ใหช ายสามารถสาํ เร็จความใคร ได โดยปราศจากการลว งลา้ํ อวยั วะเพศของเพศหญงิ โดยอวัยวะเพศของชายกจ็ ะไมถ อื วาเปน การ กระทาํ ชําเรา อาจกลาวไดวา การตีความในลกั ษณะนน้ี บั เปน ส่ิงที่สอดคลองกบั บทบญั ญตั ิของ กฎหมายในความผิดฐานขม ขืนกระทาํ เราทไ่ี ดก ําหนดไวใหเ ปน เรื่องเฉพาะระหวา งชายกบั หญงิ ขณะท่ีการบงั คับขืนใจระหวา งชายกับชาย หรอื หญงิ กับหญิง ก็จะไมถ กู จดั เขา ไปเปน สวนหนึง่ ของ ความผิด หากพิจารณาในแงนี้ ทง้ั บทบญั ญตั แิ ละการตคี วามกฎหมายในเรื่องของการขมขนื กระทาํ ชาํ เราจงึ วางอยบู นการมองถงึ ลกั ษณะของการมเี พศสมั พันธว าตอ งเปน ระหวางชายกับหญิง และ เปนเรอื่ งของอวยั วะเพศตอ อวยั วะเพศ การคุมครองของกฎหมายไมไดครอบคลุมการกระทาํ ในมติ ิ อืน่ ๆ ดังนั้น เฉพาะเพศสมั พนั ธร ะหวา งชายหญงิ เทา นน้ั ที่เปนมาตรฐาน และไดร ับการปกปองไว โดยกฎหมาย การกระทําในลกั ษณะอ่ืนๆ ท่ีอยนู อกกรอบของเพศสัมพันธแ บบมาตรฐานจงึ เปน ความเบยี่ งเบนหรอื การกระทาํ ท่ผี ิดปกติ กฎหมายจงึ ไมจ าํ เปน ตอ งใหก ารคมุ ครองปกปองเอาไวแ ต อยางใด หากมีการรับรองใหค วามผดิ ฐานขมขนื รวมไปถึงการกระทาํ อน่ื ๆ นอกเหนอื จากรูปแบบ ของชายกบั หญงิ และอวัยวะเพศตอ อวัยวะเพศแลว กจ็ ะเปน ผลตอ การส่ันคลอนตอรากฐานความ เชือ่ ของรปู แบบเพศสัมพนั ธร ะหวา งชายกบั หญิงอยา งรนุ แรง เพราะฉะนน้ั การลวงละเมดิ ทางเพศ ในรูปแบบอน่ื นอกกรอบมาตรฐาน แมจะเปน ความผดิ กจ็ ะปรากฏอยูในฐานความผดิ ประเภทอนื่ ท่ี ไมใ ชการขมขืนกระทําชาํ เรา เชน เปน ความผดิ ฐานทาํ รา ยรางกาย หรอื อนาจาร เปน ตน นอกจากการใหความหมายและการยอมรบั ถงึ มาตรฐานของการกระทาํ ท่ีจัดวา เปน การมี เพศสัมพนั ธท ค่ี วรไดร บั การคุมครองไวโ ดยกฎหมายแลว ในการวนิ จิ ฉัยถงึ ความผดิ ฐานขม ขนื กระทาํ ชําเรา ประเดน็ หนง่ึ ซง่ึ มีความสาํ คญั อยางมากตอ การตดั สินวา การชําเราท่ีเกดิ ขึน้ จะเปนการ
ขม ขืน โดยฝา ยชายหรือดว ยความสมัครใจของฝายหญงิ คาํ พพิ ากษาของศาลฎีกาวางแนวบรรทดั ฐานในการพิจารณาทปี่ ระเดน็ สําคัญ 3 เรื่อง บาดแผล ระยะเวลาและภมู ิหลงั ของผเู สยี หาย โดยให นํ้าหนกั ในการตัดสนิ วาหากการกระทาํ นนั้ เปนการขมขืนแลว กต็ องมพี ยานหลกั ฐานและ ขอเทจ็ จริงเหลา นี้มาประกอบ ภาพของการขมขืนกระทาํ ชําเราท่ีจะปรากฏข้ึนก็คือ การกระทาํ ของ ชายแปลกหนา ตอหญงิ โดยหญงิ ไดทาํ การตอสูดิน้ รนอยางเตม็ ทจ่ี นทาํ ใหเ กดิ รองรอยหรือบาดแผล กับตนเอง และหากไมสามารถตอสไู ดภายหลงั เหตุการณยุติลงทางฝา ยหญงิ กไ็ ดดาํ เนนิ การทาง กฎหมายในทนั ทที ีส่ ามารถจะกระทาํ ได ขอ เทจ็ จรงิ เหลา นจ้ี ะไดรับความสําคญั ในการวินจิ ฉยั ชข้ี าด ของศาล ในทางกลบั กนั หากมีขอ เทจ็ จรงิ ท่ไี มสอดคลอ งกับแนวบรรทดั ฐานของศาลฎกี าเกิดข้ึน เชน ชายท่ีเปน ผกู ระทาํ ไมใ ชช ายแปลกหนา หากเปน ผทู มี่ คี วามสนทิ สนมหรอื เปน ผทู เ่ี คยมี ความสัมพันธท างเพศกนั มากอน, ไมปรากฏรอ งรอยหรือบาดแผลใดๆกับฝายหญงิ หรอื หลังจาก เหตกุ ารณท ถี่ กู กลาวอางวา เปนการขมขนื แลว ปรากฏวา ทางฝา ยหญงิ ไดท ิ้งเวลาใหท อดยาวกอนที่ จะไดม กี ารดาํ เนินการทางกฎหมายแกชายผูถูกกลา วหา ขอ เท็จจรงิ ทไ่ี มเ ขา รปู แบบมาตรฐานของ การขมขนื กจ็ ะทาํ ใหการกระทําทีเ่ กดิ ขน้ึ ถกู มองวา เปน เรื่องของการมเี พศสมั พันธดว ยความยนิ ยอม มากกวาเปนการขม ขนื กระทาํ ชาํ เรา การใหความสาํ คญั กบั ขอเทจ็ จรงิ ดงั ทกี่ ลาวมา ทาํ ใหภ าพของการขม ขนื มีลักษณะท่ี ตายตัว ชดั เจน อนั มีผลทาํ ใหก ารชาํ เราในลักษณะอน่ื ไมอ าจถกู รวมเขา ไปวา เปน การขมขนื กระทาํ ชาํ เรา ไมว าจะเปน การมีเพศสัมพนั ธร ะหวา งชายกบั หญิงทเี่ ปน คูรักโดยทฝ่ี า ยหญงิ อาจไมไ ด ยินยอมพรอ มใจ การบงั คับใหหญงิ ตองมเี พศสมั พนั ธด ว ยการใชอ ํานาจเหนอื กวา ในดานอืน่ ๆ ท่ี ไมใ ชการใชกาํ ลงั กาย ซงึ่ อาจเกิดข้นึ ไดกับนายจา งกบั ลกู จา ง ผูบงั คบั บญั ชากับผูใตบ งั คับบัญชา หรอื อาจเปน การบงั คับดว ยการใชอ าวธุ ทาํ ใหห ญงิ ไมกลา ด้ินรนขัดขนื เพราะกลวั วา อาจเปน อนั ตรายถงึ แกช วี ิต หรอื ภายหลังจากการถกู ชาํ เราหญิงตอ งใชเวลาในการไตรต รองและทําใจกบั เหตกุ ารณท เ่ี กดิ ขึ้นกอนนําความไปแจง กบั เจาหนาที่ตํารวจ ซงึ่ แตละคนกอ็ าจใชร ะยะเวลาท่ี แตกตางกนั ไป ภาพของการขม ขืนกระทาํ ชาํ เราจากคาํ วนิ จิ ฉยั ของศาลฎีกา จงึ มผี ลเปนการกดี กนั ปรากฏการณอ น่ื ๆ ท่ไี มอ าจจัดเขา มาใหอยภู ายในกรอบมาตรฐานหลกั ของการขมขนื ซง่ึ ทาํ ให สามารถตงั้ ขอโตแ ยงไดว าเปน ความจรงิ หรอื ไมวาทก่ี ารมเี พศสมั พนั ธโ ดยความไมย ินยอมพรอมใจ ของหญิง จะตอ งดําเนินไปในรปู แบบเดยี วกนั ท้งั หมด เฉพาะอยา งยงิ่ ในรปู แบบซึ่งถกู ยดึ ถือเปน แนวบรรทดั ฐานในการตัดสินของศาล ดังการยดึ หลกั “ยิ่งแจง ความเรว็ ยง่ิ เปน เร่อื งจรงิ ” ยอมทาํ ให หญิงที่แจงความดาํ เนนิ คดชี า จะถกู ตง้ั ขอ สงสัยวา เพราะเหตใุ ดจึงไมรีบเรงดาํ เนินการอยาง ทันทวงทภี ายหลังเหตกุ ารณ การยดึ เอามาตรฐานเปนปจ จยั สําคัญในการชี้ขาดยอ มมผี ลเปน การ ละเลยตอ ประสบการณ ความรูส กึ และปจ จัยตา งๆ ทีเ่ กยี่ วขอ งกับหญงิ ผูเสยี หายของแตล ะคน ซงึ่
อาจมลี กั ษณะท่ีแตกตา งกนั ไป และอาจมผี ลทาํ ใหทา ทหี รอื ปฏกิ ริ ยิ าตอ เหตกุ ารณด ังกลาวไม จําเปน ตอ งดาํ เนนิ ไปในลักษณะเดียวกนั และไมไ ดเ ปน เฉพาะตวั ของหญงิ เทา นน้ั หากยังรวมกบั เงื่อนไขอื่นท่อี ยรู ายลอมไมว า จะเปน ครอบครัว อาชพี เพอ่ื นฝงู ทา ทกี ารมองปฏกิ ิริยาตอการถูก ขมขนื ดว ยความเชือ่ วา มรี ูปแบบบางอยา งทค่ี วรตอ งกระทาํ นอกจากทาํ ใหค วามหมายของการ ขมขนื มีลกั ษณะทห่ี ยุดนงิ่ แลว กย็ งั เปน การตอกยาํ้ ความเชอ่ื วาโดยธรรมชาตแิ ลวผหู ญงิ มี ลกั ษณะรวมกนั เมอื่ ตอ งเผชญิ กบั เหตกุ ารณตา งๆ ก็ตองแสดงออกมาในลกั ษณะทสี่ อดคลอ งกนั การยึดแนวคําพพิ ากษาของศาลฎีกาในการใหความสาํ คญั บาดแผล ระยะเวลา และภูมิ หลงั ของผเู สยี หาย ไดมีผลเช่อื มโยงตอ เนอื่ งมา ในการพิจารณาถงึ พยานหลักฐานตางๆ เพอื่ ประกอบการวนิ ิจฉยั ชข้ี าด จงึ ทาํ ใหการคนหาความจรงิ มงุ ไปทต่ี ัวของหญิงผูเสยี หายเปน สาํ คัญ ไม วาจะเปน ความประพฤติ การปฏบิ ัติตวั ของหญงิ ทง้ั กอ นเกิดเหตกุ ารณ ขณะเกดิ และหลัง เหตกุ ารณ จะเปนขอเท็จจรงิ ที่ถูกนํามาอธบิ ายวา สอดคลอ งกบั สิง่ ที่เปน แนวบรรทดั ฐานของคาํ พพิ ากษาหรือไม หญิงผเู สยี หายจึงตกอยใู นฐานะของการเปน วัตถแุ หงคดี (object) ทจ่ี ะตองถูก ตรวจสอบและคนหาความจรงิ ในรปู แบบตา งๆ เร่อื งราวสว นตวั ท่ีเปน ความลบั ก็อาจถกู เปด เผย การพสิ ูจนรอ งรอยของการขม ขืนกท็ ําใหพนื้ ทสี่ ว นตวั ถูกลว งละเมดิ จากผเู ช่ียวชาญ ประวตั ิความ เปนมาโดยเฉพาะในเรือ่ งเพศสัมพนั ธก ส็ ามารถถกู อา งอิงเพอ่ื ใชเ ปน พยานหลักฐานประกอบในการ ตัดสิน เหตุผลบางประการหนง่ึ ของการคนหาความจรงิ ซง่ึ ทําใหห ญงิ ผูเสยี หายตกเปนวตั ถุแหงคดีก็ เนื่องจากหลกั พ้นื ฐานของกฎหมายอาญากค็ อื บุคคลจะถกู ลงโทษกต็ อ เมือ่ ไดม ีการพสิ ูจนจนแนช ดั แลววา ไดก ระทําผดิ จริง หากมขี อ สงสยั ประการใดกต็ องยกประโยชนใ หก บั จําเลยไป ตามหลัก “ปลอ ยอาชญากรสิบคนดกี วาลงโทษผูบ ริสุทธ์เิ พยี งคนเดยี ว” ดังนนั้ หากตองลงโทษบคุ คลท่ีถูก กลา วหาวา ขม ขนื กระทาํ ชาํ เราหญิงอนื่ ก็ตอ งมพี ยานหลกั ฐานทีเ่ ช่ือถือไดจนปราศจากความสงสยั แลว เชน เดยี วกัน และโดยขอ พิพาทในคดีดังกลาวมกั ไมค อยมปี ระจกั ษพยาน หรือหลกั ฐานทีจ่ ะ บง ชีไ้ ดอ ยา งชดั เจน นอกจากตวั ของหญงิ ผูเ สยี หาย จงึ ทาํ ใหห ญงิ เปน พยานหลกั ฐานทส่ี าํ คัญอยา ง มาก หญิงในคดขี มขืนจงึ มิใชเ พียงผูเ สยี หายเทา นนั้ หากยงั ตองตกเปนวัตถแุ หงคดที ี่จะตอง กลายมาเปน สง่ิ ทถี่ กู เคน ถกู ถาม ถูกประเมินความนา เชอื่ ถอื ถูกตงั้ ขอสงสยั การกระทําที่ไมไ ดอ ยู ภายในกรอบของหญงิ ที่ดีก็สามารถลดทอนความนา เชอ่ื ถอื ของหญงิ ในการใหปากคาํ ลง ภาระหนา ทขี่ องหญงิ สาวผเู สียหายในกระบวนการยุตธิ รรมเพื่อคน หาความจรงิ จงึ ไมใ ชเ พยี งการ พิสูจนว าตนไดถ ูกขมขนื เทาน้นั แตต องแสดงใหเห็นถงึ ความประพฤตทิ ่ีดาํ เนินไปบนมาตรฐานซึง่ ผหู ญิงท่ดี ีทว่ั ไปตอ งกระทาํ ทง้ั กอนเกดิ เหตุ ขณะเกดิ เหตุและภายหลงั จากเกดิ เหตแุ ลว
เพราะฉะนนั้ ในดา นหน่งึ การทาํ ความเขา ใจตอ คําพิพากษาของศาลฎกี าทาํ ใหเ หน็ การสรา ง คําอธิบายเกย่ี วกบั การขมขนื ทถ่ี กู ยดึ เปน แนวทางในการตัดสิน บรรทดั ฐานของคาํ ตัดสินสะทอนถงึ ความเขาใจของศาลทม่ี ีตอ การขมขนื วา เปนเหตกุ ารณใ นลกั ษณะเชน ใด บคุ คลท่เี กยี่ วขอ งควร จะตองมที า ทแี ละการปฏิบตั อิ ยางไร ความหมายในสว นน้ไี ดถูกขยายขนึ้ จากกฎหมายทม่ี อี ยูเดมิ และอาจกลา วไดวาทาํ ใหการขม ขนื ไดมคี วามหมายเฉพาะเจาะจงขึน้ มา อนั เปนการสะทอ นถึง แนวความคิดในเรอ่ื งเพศวิถขี องศาลไดเ ปนอยางดี ในขณะเดียวกนั มีประเด็นขอ พิพาทในคดขี ม ขนื กระทาํ ชาํ เราที่ศาลไดว นิ จิ ฉยั บนพน้ื ฐาน ของหลักกฎหมายทใ่ี ชบงั คบั กับคดีอนื่ โดยท่ัวไป ซงึ่ หากมองอยา งผวิ เผนิ แลว กเ็ ปน หลกั การทม่ี ี ความเปน ธรรมกับผูท่เี ก่ียวของ โดยเฉพาะอยางยงิ่ กับผทู ่ีตกเปน จาํ เลยในคดี อยา งไรกต็ าม เมอ่ื นําเอาหลกั กฎหมายในบางเรอ่ื งมาใชว นิ จิ ฉัยในคดีที่เกยี่ วกบั การขมขืน ก็อาจทาํ ใหเกดิ ขอสงสยั ได วาหลักการดังกลา วจะเปน สง่ิ ท่ีเปน ธรรมไดจ รงิ หรอื ไมโ ดยเฉพาะอยา งยิง่ กับหญงิ ซง่ึ ตกเปน ผูเสยี หาย ตัวอยา งการพจิ ารณาความผดิ ฐานขม ขนื ดว ยการใชอ าวธุ ปน ซงึ่ ตามกฎหมายกาํ หนดให ผกู ระทาํ ความผิดตองรับโทษมากกวา การขม ขนื กระทาํ ชาํ เราโดยปราศจากอาวุธปน ศาลไดตัดสิน วา การกระทําท่ีจะเปน ความผิดฐานนีต้ องปรากฏวา ผกู ระทาํ ไดใ ชอาวธุ ท่ีเปน ปนจรงิ หากเปน ปน ปลอมหรือเปน สง่ิ เทยี มอาวธุ ปน ก็จะไมม คี วามผดิ ในการพจิ ารณาความผิดในสว นน้ีเปนการ พจิ ารณาจากเจตนาของผกู ระทําวา เมอ่ื ไมใชอ าวธุ ปน ที่แทจรงิ กย็ อมไมอ าจใชทาํ รา ยผูเ สยี หาย คง ไดแตใ ชขมขอู ีกฝายหนง่ึ ใหเ กิดความเกรงกลัวเทานนั้ จงึ ไมอาจลงโทษผูกระทาํ ฐานขม ขืนกระทาํ ชาํ เราโดยใชอาวุธปน ได การใหเ หตผุ ลในคาํ วนิ ิจฉัยดังกลา วเปน ส่งิ ท่ีสอดคลอ งกบั หลักกฎหมาย และบทบญั ญตั ิของกฎหมาย และเปน การตดั สนิ ไปตามหลักวิชาซงึ่ เปนทย่ี อมรับกนั อยา งไรก็ตาม หากมองจากหญงิ ผูเสยี หายก็สามารถโตแ ยงไดว า ในกรณที ี่หากไมม อี าวุธดงั กลา ว หญงิ กจ็ ะตอสไู มยอมใหชายกระทาํ ชําเราตนเองได เหตุทห่ี ญงิ ยอมใหช ายชําเราแมจ ะไมส มคั รใจก็ เพราะเกรงกลวั อนั ตรายท่จี ะเกดิ ขึ้นจากการใชอ าวุธปน ของชายถาตนเองไมย ินยอม ในสายตาของ หญงิ อาวธุ ปน ทชี่ ายนาํ มาใชจ งึ เปน “ปน ” ที่อาจทาํ รา ยตนเองไดแมว า ตามกฎหมายแลว สิ่งนนั้ อาจ เปน เพียงสงิ่ เทยี มอาวุธปน กต็ าม หลักกฎหมายในการพจิ ารณาประเดน็ นี้จงึ เรียกรองใหห ญงิ ตอง รจู ักและสามารถแยกแยะไดวาสง่ิ ใดคือปนท่ีเปนของจรงิ หรอื เปน เพียงของปลอม เหตผุ ลของคาํ อธบิ ายในความผิดฐานนีจ้ งึ เปนการละเลยตอ มุมมองของหญงิ ดวยความ เชอ่ื วาหลกั การที่มอี ยเู ปน สิง่ ที่เปน กลาง และใหค วามเปน ธรรมกับทกุ ฝายไดอยา งเทา เทยี มทาํ ให ขาดการตรวจสอบและตง้ั คาํ ถามวา เปนสง่ิ กระทบตอสถานะของหญงิ อยางไร อันนาํ มาสกู ารยึดถอื ปฏบิ ตั ิตามสบื ตอ กันมาโดยไมม ีขอสงสัยใดๆ เกิดข้ึนตอ ระบบความรูข องกฎหมาย
บทที่ 5 คดคี วามผดิ เกย่ี วกบั ชวี ติ รา งกาย การกระทาํ ซง่ึ เปน การลว งละเมิดตอ ชีวติ และรา งกายของบคุ คลอืน่ เชน การทํารา ย การฆา เปนส่งิ ท่กี ฎหมายไดบ ญั ญัติหา มไวเพ่อื เปน การคุม ครองสิทธิในชวี ติ และรา งกายของบุคคลทัว่ ไป ประมวลกฎหมายอาญามีบทบัญญัตเิ กย่ี วกบั ความผิดตอชวี ติ และรา งกายในลกั ษณะ 10 โดยมี 4 หมวด คือ ความผิดตอชวี ติ ความผดิ ตอรา งกาย ความผดิ ฐานทาํ ใหแทง ลกู และความผิดฐาน ทอดทงิ้ เดก็ คนปวยเจบ็ หรอื คนชรา ซง่ึ เปน บทบัญญตั ทิ ่ีมงุ ลงโทษแกบคุ คลที่กระทาํ การใดๆ อันมี ผลตอ ชีวิตและรางกายของบุคคลอ่ืน แตการศกึ ษาในทนี่ ี้จะใหความสนใจกบั ความผิดใน 2 หมวด เปนสําคญั คอื การกระทําซงึ่ เปน ความผดิ ตอชวี ติ และความผิดตอรา งกาย บทบัญญัติของกฎหมายท้ัง 2 หมวดนี้ไดใ ชค ําวา “ผูใด” ในฐานะของบคุ คลผกู ระทํา ความผดิ เชน มาตรา 288 ผใู ดฆา ผูอ น่ื ตอ งระวางโทษประหารชวี ิต จําคุกตลอดชวี ติ หรอื จาํ คุกตั้งแตส บิ หา ปถ งึ ยสี่ ิบป มาตรา 291 ผใู ดกระทําโดยประมาท และการกระทํานนั้ เปนเหตใุ หผูอนื่ ถงึ แกความตาย ตองระวางโทษจําคุกไมเกนิ สิบป และปรับไมเกินสองหมนื่ บาท มาตรา 295 ผใู ดทํารายผูอนื่ จนเปน เหตุใหเ กิดอันตรายแกก ายและจิตใจของผูอน่ื นนั้ ผูน้ัน กระทาํ ความผดิ ฐานทํารายรา งกาย ตอ งระวางโทษจาํ คุกไมเกินสองป หรอื ปรบั ไมเกนิ สพ่ี นั บาท หรอื ท้ังจําท้ังปรบั เพราะฉะนน้ั หากมีบคุ คลใดบุคคลหนงึ่ กระทาํ ความผดิ กค็ วรตอ งไดร บั โทษตามที่ กฎหมายบญั ญตั ิเอาไว ซงึ่ จะไดมกี ารพจิ ารณาวาในกรณที ีผ่ กู ระทาํ ความผดิ ทง้ั ตอชวี ิตและ รางกายเปน บคุ คลที่มคี วามสมั พันธเ กย่ี วขอ งกบั ผเู สียหายในฐานะของสามภี รรยา เชน การทส่ี ามี ทาํ รายภรรยาหรือฆา ภรรยา สถานะของการเปนสามีหรอื ภรรยาน้นั จะมีผลอยา งไรตอ แนวทางการ ตดั สนิ ชข้ี าดในคําพพิ ากษาของศาล คาํ ตดั สินทีบ่ งั เกดิ ขน้ึ จะเหมอื นกบั กรณีของความผิดตอ ชีวิต และรา งกาย ซง่ึ กระทาํ โดยบคุ คลทัว่ ไปหรอื ไม หรือมคี วามแตกตา งเกดิ ขนึ้ และดว ยเหตใุ ดอยา งไร โดยจะแยกพจิ ารณาเปน 2 ลกั ษณะ คือ คดที ่ีสามีเปน ผลู งมือกระทํา และกรณีท่ภี รรยา เปนผลู งมอื กระทาํ
5.1 คดีทีส่ ามเี ปนผูลงมือกระทํา จากการศึกษาคดคี วามผิดเกย่ี วกบั ชวี ิตและรา งกายซง่ึ สามเี ปน บุคคลที่ลงมือกระทาํ นนั้ พบวา สาเหตุสว นใหญจ ะเกยี่ วพนั หรือเปน สาเหตุมาจากการท่ีภรรยาไปมคี วามสมั พนั ธเชงิ ชสู าว กับชายอน่ื อนั เปน สาเหตใุ หเ กิดการทาํ รายหรือการฆากันเกิดขน้ึ สาํ หรบั บคุ คลทถ่ี ูกกระทําน้นั นอกจากจะเกดิ กบั ภรรยาแลว บคุ คลภายนอกท่เี ขา เก่ยี วขอ งกบั ภรรยากอ็ าจตกเปน เปาหมายของ การกระทาํ จากสามไี ดเ ชนกนั ก. กรณีกระทาํ ตอ ภรรยา สามีกลบั บา นพบภรรยากบั ชายอน่ื กาํ ลงั มีเพศสมั พันธก ันในหอ ง สามพี งั ประตูเขา ไปและ ชายชวู ง่ิ หนีจากหอง สามใี ชป น ยงิ ชายนนั้ จนหมดกระสนุ 5 นัด แลว หยิบพรา ฟนภรรยาเปน แผล ฉกรรจอ าจตายทนั ที 3 แผล บาดเจบ็ 9 แผล ความเหน็ ของศาลในการพจิ ารณาขอ เทจ็ จรงิ น้ี “แสดงวาฟนอยา งไมไวช วี ติ ต้ังใจฆาโดยไมต อ งสงสัย ภรรยาจาํ เลยกต็ ายในขณะนนั้ เอง” อยางไร กต็ ามถือวา “เปน การกระทาํ เพราะถกู กดขีข่ มเหงอยา งรายแรง โดยมเิ ปนธรรมและบันดาลโทสะ กระทําขน้ึ ใน ขณะน้ันเรยี กไดว า กระทําผดิ โดยถูกยว่ั โทสะ” จะเหน็ ไดว าในคดีนมี้ ขี อ เทจ็ จรงิ ท่รี บั ฟง วา สามีตงั้ ใจฆา ภรรยา “โดยไมต อ งสงสยั ” เน่อื งจากการพิจารณาจากอาวุธและลกั ษณะบาดแผล ผูกระทาํ จงึ มคี วามผิดฐานฆา คนตายโดย เจตนา แตในการกําหนดโทษไดม องวา การกระทาํ นเ้ี กิดขน้ึ เพราะเหตบุ ันดาลโทสะ จงึ ทาํ ใหก าร กาํ หนดโทษอยใู นระดับเบาท่สี ุดของกฎหมายลกั ษณะอาญา ร.ศ.127 มาตรา 249 ซง่ึ กาํ หนดโทษ ไว 3 ประเภท ตงั้ แตร ะดบั ท่รี นุ แรงท่ีสุดคอื โทษประหารชวี ติ ประเภทท่ีสองคือจาํ คกุ ตลอดชวี ิต ประเภททส่ี ามจําคุกตัง้ แตสบิ หา ปถ ึงยส่ี บิ ป และในการลงโทษจําคกุ ประเภททสี่ ามก็เปนการ กําหนดโทษทตี่ ํา่ สดุ คอื สิบหา ป เมื่อพจิ ารณาวาเปน การฆาทเี่ กดิ ขน้ึ โดยบันดาลโทสะ ก็จงึ ได กําหนดโทษกง่ึ หนึ่ง เทา กับ 7 ป 6 เดอื น และในข้ันสุดศาลก็เหน็ วา มเี หตอุ นั ควรปราณี จงึ ลดโทษ ใหอีกหนง่ึ ในสาม คงเหลือโทษจาํ คกุ 5 ป สามีมาพบภรรยากําลงั ทําชใู นหอ งครัว ชหู ลบหนไี ป สามีเขา ไปดา วา และตบตภี รรยาแตภ รรยาได ตอสู สามีจงึ โกรธและใชไ มฟ นตภี รรยาจนถงึ แกความตาย ในคดนี ้ีศาลเหน็ วา ภรรยาและชายชู “ได ขม เหงจาํ เลยอยางรา ยแรงดว ยเหตอุ นั ไมเ ปน ธรรม” และเมื่อสามวี ากลา วตบตี ภรรยากลบั ตอสู การกระทําของภรรยาเชนนี้ “ยอมเปนเหตใุ หจําเลย (สามี) บันดาลโทสะในเหตนุ นั้ ยงิ่ ขึน้ จาํ เลยจึง ใชไ มฟ น ตผี ูตายจนถงึ แกความตาย”การกระทาํ ของสามีจงึ ไดก ระทาํ ลงไปโดยเหตุบนั ดาลโทสะ ลงโทษจาํ คกุ จาํ เลย 5 ป
ทัง้ 2 คดีขา งตน มขี อ เท็จจริงท่คี ลา ยคลงึ กนั จากการที่สามพี บวา ภรรยากาํ ลงั ทําชกู บั ชายอนื่ จงึ ได ฆา ภรรยาของตน ซงึ่ ตามคาํ พพิ ากษาถอื วา กระทาํ ลงดวยเหตุบนั ดาลโทสะท่ีจะไดร บั การลดโทษ แมว า อาจมคี วามแตกตางกนั อยู โดยคดีแรกภรรยาไมไดต อ สูใดๆ สวนในคดหี ลงั ภรรยาไดตอ สูเมอ่ื ถูกตบตี แตป ฏกิ ิรยิ าจากภรรยาก็ไมม ีความหมายแตอยา งใด การพบเหน็ ภรรยามเี พศสัมพนั ธก บั ชายอน่ื เปน เหตผุ ลเพยี งพอตอ การรองรับเหตุบันดาลโทสะของสามไี ดแ ลว การตอสูข องภรรยาไม วา จะเปนการปองกนั ตวั หรอื ดวยเหตุผลอน่ื กจ็ ะกลายเงอ่ื นไขใหเ หตุบนั ดาลโทสะนน้ั มีความหนกั แนนมากขึน้ นอกจากการกระทาํ ของสามที ี่เปนผลมาจากการพบเหน็ ภรรยาและชายอื่นมคี วามสมั พันธท างเพศ กันแลว มขี อพพิ าทซงึ่ สามที าํ รา ยภรรยาของตน อนั เนอ่ื งมาจากภรรยาตองการจะเลกิ อยกู นิ กบั สามแี ละไปแตงงานใหมก ับชายอ่นื แมในกรณนี ้จี ะมคี วามแตกตางอยา งมากเม่อื เทยี บกับกรณีที่ หญงิ ไดทาํ ชกู บั ชายอน่ื อยา งไรก็ตาม ในคาํ พพิ ากษาของศาลกถ็ อื วาตา งเปน เหตกุ ารณทท่ี าํ ใหชาย สามารถบนั ดาลโทสะได ในคืนเกดิ เหตุ สามีกบั ภรรยาทะเลาะเบาะแวงกนั และสามใี ชไมต พี ริกยาวประมาณ 1 ศอก ตี ศรี ษะภรรยาหลายครัง้ กะโหลกศรี ษะขา งขวาสวนหนา แตกเปนทางยาวและรอยประสานของ กะโหลกศรี ษะขางขวาสว นหนา แตกแยก และใชมดี ปลายแหลมแทงบริเวณหนาอกของภรรยา จาํ นวน 2 แผล ยาว 1.5 เซนติเมตร กวาง 0.2 เซนตเิ มตร ลกึ เขาชองอก มีลมออกทชี่ องอกทง้ั 2 ขาง จนภรรยาสลบไป หากไมสามารถนาํ ไปใหแ พทยร กั ษาไดท นั ทว งทีก็อาจถึงแกค วามตายได ศาลไดว ินิจฉยั ของสามวี า “การท่ีจาํ เลย (สามี) ใชอ าวธุ ของกลางดงั กลาวทาํ รา ยรา งกายผูเสยี หาย ท่ี 1 (ภรรยา) นนั้ จาํ เลย ยอ มเล็งเหน็ ผลวา ผูเ สียหายท่ี 1 อาจถงึ แกค วามตายได แตผ ูเสยี หายท่ี 1 ไมถึงแกความตาย การ กระทาํ ของจําเลยจึงเปน การพยายามฆาผอู น่ื โดยเจตนา” ประเด็นทจี่ ะตอ งวนิ ิจฉยั ตอไปกค็ อื วา สามีไดกระทาํ ลงโดยบนั ดาลโทสะหรือไม ซง่ึ จะตอ งมกี าร พิจารณาถงึ สาเหตทุ ี่ทาํ ใหสามลี งมือทาํ รายภรรยาอยางรุนแรงวา มเี หตผุ ลตอ การกลาวอา งเหตุ บนั ดาลโทสะหรือไม ศาลวนิ ิจฉยั จากขอเท็จจรงิ ดงั นี้ “กอ นเกิดเหตผุ เู สยี หายท่ี 1 (ภรรยา) กบั จาํ เลย (สาม)ี กม็ ปี ากเสยี งกันมากอนแลว เมอ่ื จําเลย กลับมาท่หี องเกดิ เหตกุ อ นและผูเสยี หายที่ 1 กลับมาทหี ลัง โดยด่มื สุรามึนเมา กย็ งั มามปี ากเสียง กนั อีกกอนเกดิ เหตุ ขอเท็จจริงฟง ไดต ามทจ่ี ําเลยนําสืบวา ผูเสยี หายท่ี 1 พดู วา จะทง้ิ และเลิกจาก การเปน ภรยิ าของจาํ เลย และจะนาํ บตุ รชายของจําเลยไปใหมารดาภรยิ าของจาํ เลยเล้ียงดทู ี่ จงั หวัดเพชรบรู ณ จําเลยจงึ โมโหและไดใชไ มต พี ริกและมีดปลายแหลมเขาทาํ รายผูเ สยี หายจริง เหน็ ไดว า ตามพฤติการณท จี่ าํ เลยเปน สามขี องผเู สียหายท่ี 1 มา 4 ปเศษ มบี ุตรดวยกนั 1 คนเปน ชาย กอนเกดิ เหตมุ ีชายอ่นื มาติดพันผเู สยี หายท่ี 1 และผูเ สียหายท่ี 1 จะเลิกรางกบั จาํ เลยและไป
อยกู ินกบั ชายคนใหมและจะพาบุตรไปจากจําเลย จาํ เลยพดู ขอรอ งไมใ หพ าบุตรไป แตผ ูเ สยี หายที่ 1 กไ็ มย นิ ยอม และพูดยนื ยนั ทาํ นองวา จะพาบตุ รไปจากจําเลยใหไ ด ในขณะท่ีผเู สยี หายที่ 1 มนึ เมาสรุ า ทาํ ใหจ ําเลยเกดิ ความโมโห การกระทาํ ของผเู สยี หายท่ี 1 ดังกลา ว เปน การขม เหงนํ้าใจ อยางแรง ดว ยเหตุอันไมเ ปน ธรรม จําเลยไดใชไ มต ีพริกและมดี แทงผูเ สยี หายท่ี 1ในขณะน้ัน จงึ เปน การกระทําโดยบันดาลโทสะ” ข. กรณกี ระทาํ ตอบุคคลอืน่ การมี “ชายอน่ื ” หรือการมเี พศสมั พนั ธก บั ชายอน่ื โดยเฉพาะกับการกระทําท่ีบาดตาบาด ใจสามี เปน เหตผุ ลท่ไี ดร ับการยอมรบั ในคาํ พิพากษาวา จะทาํ ใหส ามีลงมอื ทาํ รา ย หรอื รวมถงึ การ ฆา หญงิ ผูเ ปนภรรยาดวยเหตบุ นั ดาลโทสะ การนอกใจของภรรยาไดถ กู จัดใหเ ปน การขม เหงอยา ง รายแรง ดว ยเหตไุ มเปนธรรมตอสามี ประเดน็ สืบเนอ่ื งตอมาก็คือ หากสามไี ดกระทําตอชายอนื่ แนวคําพพิ ากษาของศาลจะ พิจารณาการกระทาํ นี้ตางไปจากที่สามกี ระทาํ ภรรยาตนเองหรอื ไม สามฟี น ชายชตู ายทบี่ า นของตนเอง ศาลฎีกาวนิ ิจฉัยวา “ผตู าย (ชายช)ู และภรรยาของจาํ เลยไดหลบั นอนกระทาํ ชูกนั ทเี่ รอื นของจําเลย จาํ เลย (สาม)ี ได กลับมาถงึ บา นพบผูต ายกบั ภรรยาจาํ เลยนอนกอดกันอยู จําเลยไดเ รยี กภรรยาใหจดุ ตะเกยี ง ผูตาย ยืนขึ้นถอื มดี ปลายแหลม พอจาํ เลยเดนิ เขาไป ผูตายกก็ ระโดดแทงจาํ เลย จาํ เลยจงึ ใชม ดี ฟน คดฟี ง ไดวาจาํ เลยฟน ผตู ายโดยปอ งกนั ตวั และชอ่ื เสยี งพอสมควรแกเหตุ ยังไมควรไดร บั โทษ” ในคดนี ้ศี าลไดว ินจิ ฉยั วา การทสี่ ามีฆา ชายอืน่ เปน การปองกนั ตวั เองและช่ือเสยี ง พอสมควรแกเ หตุ ขอเท็จจริงในคดีมีเหตสุ าํ คัญ 2 ประการ คอื การมีเพศสัมพันธของภรรยากับชาย อื่น และการทช่ี ายอน่ื ใชมดี แทงจาํ เลย การปรับกฎหมายเขา กับคดีนจ้ี งึ อยูบนฐานของการปอ งกนั ตัวเองจากการทาํ รายของสามดี วย แตอ ยา งไรก็ดี หากเปนการตอบโตบุคคลทีจ่ ะมาทาํ รา ย ตามปกติ คงไมอ าจใหเหตผุ ลไดวาเปน การกระทําเพอื่ ปอ งกันชอื่ เสยี ง คําวนิ จิ ฉัยของศาลที่เห็นวา การกระทําของสามที ่กี ระทําชายอน่ื ในฐานะเปนการ “ปอ งกนั ตัวและชื่อเสยี ง” จงึ ยอ มรวมเอาเหตุ ของการเหน็ ภาพบาดตาบาดใจของชายอน่ื กับภรรยาของสามีเอาไปเปน สวนหนง่ึ ดว ย แมวา ตาม กฎหมายลกั ษณะอาญา ร.ศ. 127 จะกาํ หนดการกระทาํ โดยบันดาลโทสะไวดว ยก็ตาม แตศาลก็ ไมไ ดนํามาปรบั ในเหตุการณน้ี แตใ นกรณที ่ีภรรยาไปมีชายอื่นและไปอยกู นิ กบั ชายผนู นั้ โดยที่ผเู ปน สามไี ดทราบเร่ืองราว แตไมไดเหน็ ภาพบาดตาบาดใจของภรรยาตนเองกับชายอ่นื หากสามที ํารา ยหรอื ฆา ชายอน่ื ก็ยงั ไม อาจถอื วา เปน เหตบุ ันดาลโทสะในการกระทําของตน ดงั คําพิพากษาฎกี าที่ 1932/2514 สามีโกรธ ชายผูตายทพี่ าภรรยาของตนไปคางหลบั นอนท่ีอ่ืน เมือ่ สามไี ปพบกไ็ ดแ ทงผูต ายจนถงึ แกความ ตาย
“นา เชือ่ วา เหตเุ กดิ ขึน้ เพราะจาํ เลย (สาม)ี โมโหท่ีผตู าย (ชายอน่ื ) หลบหนหี นา ทําความยงุ ยาก ใหแ กจ ําเลย จาํ เลยจงึ มคี วามโกรธขึ้นท่ผี ูตายพาภรรยาจาํ เลยไปแลว มาขอพบยงั หลบหนา จงึ ทาํ รายผูต าย สว นทจี่ าํ เลยอา งวา แทงผูตายขณะบันดาลโทสะ โดยอา งขอเท็จจรงิ วา ผูตายพูดดหู มน่ิ จาํ เลยน้ัน ศาลฎกี าเหน็ วา รบั ฟงขอ เทจ็ จรงิ นน้ั ไมไ ด” การจะอา งเหตบุ ันดาลโทสะในการลงมือกับชายทีภ่ รรยามคี วามสัมพันธท างเพศ หรือไป อยกู ินดว ย หากไมสามารถพสิ จู นถ งึ ขอ เทจ็ จรงิ ก็ไมส ามารถอา งบนั ดาลโทสะไดด ังคดที ี่กลา วมา ตอ งปรากฏขอ เทจ็ จรงิ วาชายผูน้นั ไดก ระทําการซึง่ เปน การดหู มน่ิ เหยยี ดหยามผูเปน สามี จงึ จะ จัดเปนบนั ดาลโทสะ ชายอน่ื รูอ ยแู ลว วาหญงิ มีสามแี ลว แตก็ยงั ติดตอพยายามจะเอาหญิงคนนี้มาเปน ภรรยา สามีไดว า กลาวตกั เตือนและขอรองชายผนู แี้ ลว แตกไ็ มเชอื่ ฟง สามตี องเซงรานตดั ผมทีร่ ะยองไป อยูท่ีกรงุ เทพ แตช ายคนดงั กลาวก็ยงั ลกั ลอบไปพบกับหญงิ และในท่สี ดุ ฝายหญงิ กห็ นไี ปอยกู ับ ชายคนน้ี ตอมาสามไี ปพบภรรยากับชายเดนิ เทยี่ วดว ยกนั ไดพ ดู ขอใหภ รรยากลับไปอยดู วยกนั แต ถูกสบประมาท จนสามีทนไมไหวใชป น ยงิ ชายตาย ศาลฎีกาวนิ จิ ฉัยวา “การกระทําของผตู าย (ชายอ่ืน) อยา งนกี่ ระทบกระเทอื นตอจิตใจของจําเลยผเู ปน สามอี ยางย่งิ และเนือ่ งจากจําเลยยงั มเี ยอ่ื ใยตัดไมขาดจากนางสุนนั ท (ภรรยา) จงึ ไดติดตามไปพบนางสนุ นั ท กบั ผูตายไนวนั เกิดเหตุ ผูตายไดกลาวสบประมาทจําเลยวา ‘เปนหนา ตัวเมยี ผูหญงิ เขาไมร ักจะ ตามมาทาํ ไม’ คํากลา วเชน นตี้ องถือวา เปน ถอ ยคาํ ทีร่ นุ แรงในกรณขี องจาํ เลย ซึ่งตองถกู พรากเมยี ของตนไปโดยชรู ักเปนเหตุใหจําเลยบันดาลโทสะ เพราะถูกสบประมาทอยา งรายแรง ทจี่ ําเลยยงิ ผตู ายเปนเพราะบนั ดาลโทสะ เนอื่ งจากถกู ขม เหงอยางรายแรงดวยเหตุอันไมเปนธรรม” ซึ่งสามกี ไ็ ดถูกตดั สนิ ลงโทษฐานฆา ผอู น่ื ตาย แตก ารกระทาํ ขณะบนั ดาลโทสะไดร ับการลด โทษใหจ ําคุก 4 ป การพจิ ารณาคดจี าํ เลยรบั สารภาพมีประโยชนแ กก ารพิจารณาลดโทษใหก ึ่งหนง่ึ เหลือ 2 ป การลงมือของสามตี อ บคุ คลอนื่ ทก่ี ลาวมาเปน การกระทาํ ที่เกดิ ข้นึ ดว ยความสมคั รใจของหญงิ ท่ีเปน ภรรยา อยางไรกต็ าม หากปรากฏขอเท็จจริงวาภรรยาถกู ลวนลามหรอื ปลุกปลาํ้ จากชายอนื่ อนั เปนการกระทาํ ทห่ี ญงิ มไิ ดเ ต็มใจกบั ชายอ่นื หากชายผเู ปน สามีพบเหน็ หรอื ทราบเรอ่ื งและได กระทาํ การใดๆ ตอชายอน่ื ทเ่ี ขา มาลวนลามภรรยาของตนก็ถอื ไดวา กระทําไปโดยบนั ดาลโทสะ คาํ พพิ ากษาฎีกาท่ี 1671/2492 สามขี น้ึ เรือนไปเหน็ ชายกําลงั ปลกุ ปลาํ้ ภรรยาของตน จงึ ใชพ รา ฟน ถกู ตะโพกและบาดแผลอืน่ จากการแยงพรา เปนการกระทาํ โดยบันดาลโทสะ ซ่งึ คาํ พพิ ากษาฎกี าที่ 863/2502 กไ็ ดใ หเ หตผุ ลของการกระทาํ ในลกั ษณะเชนนไ้ี ววา การท่ภี รรยาถกู ชายอน่ื ขม เหงรังแกก็ ถือวา เปน การขมเหงสามดี วยเชนกัน คดีนผี้ ูตายไปพบนางเกษ (ภรรยาของนายสวุ รรณที่เปน จาํ เลย) อยูบานคนเดยี วก็คกุ คามวา จะชาํ เราจะฆา นางเกษไดร องเอด็ องึ ผตู ายทีเ่ ปน พระไดร ีบหนี
ลงจากเรือนไป ตอ มาสามีทราบเรื่องจึงออกติดตามไปทนั และทาํ รา ยผตู ายนอนตายอยูบนถนน ที่ ประชมุ ใหญศ าลฎกี าเหน็ วาการกระทาํ ของนายสวุ รรณจาํ เลยเปน การกระทาํ โดยบนั ดาลโทสะดว เหตุผลวา “การท่ีนางเกษถกู ขม เหงรงั แกกย็ อ มเปนการขม เหงนายสวุ รรณสามดี วย” 5.2 คดีทผี่ เู ปน ภรรยาลงมอื กระทาํ นอกจากการมชี ายอนื่ ของภรยาจะเปน เหตใุ หสามกี ระทาํ ตอ ภรรยาหรอื ชายอน่ื โดย บันดาลโทสะ ในทางกลบั กนั หากปรากฏวา สามีมี “หญงิ อื่น” กเ็ ปนเหตุใหภรรยาลงมอื กระทาํ ตอ สามไี ดเชนเดยี วกนั ชายกับหญงิ เปน สามภี รรยามาประมาณ 11 ป มีบตุ รชาย 1 คน พกั อาศัยทจ่ี งั หวดั จันทบุรี กอ นเกดิ เหตปุ ระมาณ 7 เดอื น สามีไปทาํ เหมืองพลอยทจี่ ังหวัดตราด สวนภรรยาไมไ ดไปอยูดวย เพราะตองดูแลบตุ รและไปท่เี หมืองเปน คร้ังคราว วนั เกดิ เหตภุ รรยาไปหาสามที ่เี หมืองเวลา ประมาณ 21.00 น. เหน็ บานพกั ปด อยูจ ึงแอบดูตามชองประตูไมเ หน็ สามีนอนอยกู บั หญิง เปลอื ย กายทง้ั คู จึงเคาะประตูเรยี ก เม่อื สามเี ปดประตหู องออกมา ภรรยาจงึ ใชอ าวุธปน ท่นี าํ ตดิ ตัวมาไป ยิงสามี 3 นัด จนถงึ แกค วามตาย จากขอ เทจ็ ขา งตนศาลวนิ ิจฉยั วา “การท่จี าํ เลยเหน็ ผูตาย (สาม)ี กบั ผหู ญิงนอนเปลือยกายกนั อยูในหอ งสองตองสอง ทง้ั ยงั ปรากฏ จากคําใหก ารช้นั สอบสวนของนางจรี ารกั ษหญงิ ซง่ึ นอนอยูกบั ผตู ายในขณะนนั้ วา เม่อื มเี สียงเคาะ ประตูนางจรี ารักษไ ดต ะโกนถามวา เคาะทาํ ไม ตามพฤตกิ ารณดังกลา วยอ มก็ใหกระทบกระเทือน จิตใจของจาํ เลยผูเ ปน ภรรยาอยางมาก การท่จี ําเลยใชอ าวุธปน ยงิ ผตู ายในขณะนน้ั เชื่อวา จําเลยได กระทาํ ไปดวยอารมณหึงหวงและโกรธแคน ควบคมุ สติไมไดและไดกระทําไปในขณะที่ยงั ไมส ามรถ ควบคมุ สติและระวังอารมณโ กรธได ถอื ไดว าจาํ เลยถกู ขม เหงทางดา นจิตใจดว ยเหตอุ นั ไมเปน ธรรมแลว กรณเี ชนนจ้ี ึงเปน การกระทําความผดิ โดยบนั ดาลโทสะ” เชนเดียวกบั การท่ีสามไี ดเหน็ ภาพบาดตาบาดใจ ถา ภรรยาเปนผูประสบกับเหตุการณด วย ตนเอง ศาลกจ็ ะถอื วา เปน เหตใุ หบนั ดาลโทสะเชน เดยี วกนั แมว าในคดนี ี้ภรรยาอาจไมไ ดพบสามี และหญงิ อนื่ ในขณะทก่ี าํ ลงั มเี พศสัมพันธ แตขอ เท็จจรงิ กท็ าํ ใหเขา ใจไดวา ทงั้ สองคนมี ความสัมพันธฉ นั ชูสาวกนั แมอ าจมีขอสังเกตวา ภรรยาไดไ ปหาสามใี นเวลากลางคืนพรอมกบั พก อาวุธปน ไป ซง่ึ อาจมกี ารลว งรขู อเทจ็ จริงดงั กลา วลว งหนา มากอน การกระทาํ นจี้ งึ อาจไมใ ช ปฏิกิรยิ าตอบโตใ นทนั ทที นั ใดโดยไมไ ดย ัง้ คดิ หากแตมีการตระเตรยี มมาในบางสว น อยางไรกต็ าม อาจมคี วามแตกตา งกนั ในคําพิจารณาของศาลระหวางการยงิ สามีตายดวยเงอ่ื นไขขอเท็จจรงิ วา ภรรยาเห็นหรอื ไมไ ดเ ห็นภาพบาดตาของสามีกับหญิงอน่ื แมจ ะไมไดเ หน็ ภาพระหวา งสามีกบั หญิงอน่ื แตการที่ภรรยารับรวู าสามมี ีหญงิ อื่นก็อาจทาํ ใหข อ เท็จจรงิ นีก้ ลายเปน เหตุบนั ดาลโทสะได หากมีขอเทจ็ จริงท่ีเปน การกระทําอนื่ ๆ ของสามใี น ลกั ษณะของการเหยยี ดหยามดถู ูกตอภรรยา ภรรยานอนเฝาหางนาคนเดียว สวนสามไี ปด่ืมสรุ ากบั
เพอื่ นกลบั มาเวลา 24 นาฬกิ า และใหภ รรยาไปหาขา วมาใหตนรับประทาน ภรรยาเดนิ ไปหาขา วที่ บานซง่ึ อยหู างหางนา 3 เสน เมอ่ื เอามาแลวสามกี ็ไมยอมรับประทานกลบั บนวาภรรยา และยงั พดู ถงึ ภรรยานอย “การกระทําของผเู สียหาย (สามี) เปน การขม เหงนํา้ ใจจาํ เลย (ภรรยา) อยางรา ยแรงดวยเหตอุ นั ไม เปน ธรรม จาํ เลยใชป น ยงิ ผูเสียหายในขณะนน้ั เปน การกระทําโดยบนั ดาลโทสะ” นอกจากเหตุทเี่ ก่ียวขอ งกบั ความสมั พนั ธเชงิ ชสู าวแลว การทีภ่ รรยาลงมือตอ สามนี น้ั สาเหตสุ ําคญั อกี ประการหนงึ่ เปนผลมาจากความรนุ แรงภายในครอบครวั ดังจะพบวา ในคดีซงึ่ ภรรยาฆาสามี ของตนเองนัน้ มีแนวโนม ท่ีจะมีประวัติใชความรนุ แรงโดยสามเี กิดขึ้นมากอ น ดังเชน ในคดี ดังตอไปน้ี สามจี ะทาํ รายภรรยาดวยไมห ลักแจว ภรรยาหนเี ขา หอง แตส ามีกต็ ิดตามเขาไปจะทาํ รา ยใหได ภรรยาจงึ ยงิ ไป 1 นดั ถกู สามตี าย ศาลวนิ จิ ฉยั วา “เหน็ วานายฉงิ่ มิใชใครอ่ืน แทจริงกเ็ ปนสามขี องจาํ เลย (ภรรยา) อยกู นิ ทราบอธั ยาศยั กันมาชา นาน แลว และเคยมเี รอื่ งกนั ทุบตกี ันเสมอๆ กไ็ มป รากฏวานายฉิง่ ไดเ คยทาํ อันตรายแกจ าํ เลยถงึ ขนาด รุนแรงหรือมากมายอยางใด ทงั้ ขณะนนั้ ภายในหองกม็ บี ุตรสาวของจาํ เลยอยเู ปน เพอื่ นอยูดว ย จําเลยนา จะทราบดวี า แมน ายฉง่ิ ตามเขา ไปได กค็ งไมเ ปน อนั ตรายแกจ ําเลยยง่ิ ไปกวา ทเี่ คยๆ กนั มา จาํ เลยใชว ธิ ีปองกนั ตัวโดยหมายเอาชีวติ นายฉงิ่ เชน นี้ ราวกบั วา มิใชภ รรยานายฉงิ่ และหนักไป มาก จงึ ตอ งนบั วาเปน การปอ งกันตวั เกนิ สมควรแกเหต”ุ สามีดา และตบเตะทํารา ยภรรยาจนไดรับอันตราย ภรรยาจงึ ใชมีดปลายแหลมแทงสามี เปน เหตุให ถงึ แกค วามตาย ศาลรับฟง ขอ เท็จจรงิ และมีคาํ วนิ จิ ฉัยดงั น้ี “จําเลย (ภรรยา) กับผตู ายเปน สามภี ริยากนั ผูตายชอบดม่ื สุราจนมนึ เมาและทบุ ตที ํารา ยรางกาย จําเลยเปน ประจํา วนั เกิดเหตจุ ําเลยกบั ผตู ายนดั กนั ไปจดทะเบียนหยา ณ ท่วี า การเขตบางกะป จําเลยไปรอผตู ายตามนดั แตผูตายผดิ นัด เมือ่ ผูต ายมาถงึ ทวี่ าการเขตบางกะป จาํ เลยตอวาผตู าย ผตู ายจึงดา และตบเตะจําเลย จาํ เลยจงึ ใชม ีดปลายแหลมแทงผตู ายหลายครง้ั พเิ คราะหแ ลว เหน็ วาแมจ าํ เลยกบั ผูต ายจะเปน สามีภรยิ ากนั ผูตายกไ็ มม ีอาํ นาจอนั ชอบธรรมทจ่ี ะทาํ รา ยจาํ เลย ฉะนนั้ เมอื่ ผูต ายกอ เหตุดา และตบเตะทาํ รายจาํ เลยกอ นจนเปน เหตุใหจ ําเลยไดรับอันตรายแกกาย อันเปนการประทษุ รายจาํ เลยฝายเดยี ว จําเลยยอมมสี ทิ ธทิ ่จี ะปองกนั ตวั ได ดงั นนั้ การที่จาํ เลยใช มีดแทงผูตายดังกลา วเพอื่ ยบั ย้งั ผูตายมใิ หทาํ รายจาํ เลยอกี จงึ เปน การกระทาํ เพ่อื ปองกนั สิทธิของ ตนใหพ น จากการถกู ทาํ รา ย แตข ณะเกิดเหตผุ ตู ายเพียงแตตบเตะจาํ เลยโดยไมม ีอาวุธแตอยางใด การทจี่ าํ เลยใชมดี ปลายแหลมแทงผูตายหลายครงั้ จนปรากฏบาดแผลท่ีตวั ผตู ายถงึ 5 แผล คือ ท่ี ลาํ ตวั ขางซาย หนาอกขา งซา ย บริเวณลิ้นป เอวขา งซายและหลงั ดา นขวา คมมีดทะลุเขา ชองทอง ถูกตบั ตับออ น กระเพาะอาหาร และไต ซงึ่ เปน อวัยวะสาํ คญั เปน เหตใุ หผูต ายถงึ แกค วามตาย ถือ
ไดว า จําเลยไดก ระทาํ เกนิ กวา กรณีแหงการจาํ ตอ งกระทาํ เพอื่ ปอ งกัน การกระทาํ ของจาํ เลยยอม เปน ความผิดฐานฆา คนตายโดยเจตนาเพอ่ื ปองกันเกนิ สมควรแกเ หต”ุ ชายหญงิ อยกู นิ กนั ฉันสามภี รรยาโดยไมไดจ ดทะเบียนสมรสเปนเวลาเกอื บ 30 ป วนั เกดิ เหตภุ รรยาเขาไปปลกุ สามที น่ี อนในมงุ ตอ มาสามีไดรบั บาดเจ็บมบี าดแผลถกู เคยี วฟน ทบ่ี ริเวณ ลําคอดานซา ยและถึงแกความตายในเวลาตอ มา ภรรยารบั สารภาพวา ไดใ ชเ คยี วของกลางฟน สามี เน่อื งจากถูกสามถี ีบ เตะ และขมขวู าจะใชม ดี ฟน จาํ เลยใหตาย ในความเหน็ ของศาลเห็นวา “ผูตาย (สามี) กบั จาํ เลย (ภรรยา) อยูก นิ ฉนั สามภี รยิ ากนั มาเปนเวลานานเกอื บ 30 ป มีบุตร ดวยกนั 5 คน ยอ มมีความสมั พันธร ักใครผกู พนั ซง่ึ กันและกัน แมป รากฏวา ทงั้ สองฝา ยจะมีปาก เสียงทะเลาะกนั บา งก็เปน เรอ่ื งธรรมดาระหวา งสามภี รยิ า เหตทุ จี่ าํ เลยใชเ คียวฟน ผูตายกเ็ น่อื งจาก ถกู ผตู ายถบี และเตะซึง่ ถือเปน เหตเุ ลก็ นอย เน่ืองจากผตู ายกับจาํ เลยเคยทะเลาะและมปี ากเสียง กนั บอ ยคร้งั กรณไี มใ ชเหตุรา ยแรงถงึ ขนาดที่จะตอ งฆา กันเหน็ ไดจ ากจาํ เลยฟน ผตู ายเพยี งครั้ง เดียว ไมไดฟน ผูตายซ้าํ ทง้ั ทส่ี ามารถทําได และเมอ่ื ไดพ จิ ารณาบาดแผลของผตู ายซึ่งมีความกวา ง เพยี ง 1 เซนตเิ มตรลกึ ประมาณ 3 เซนตเิ มตร แลวเหน็ วา คอนขา งเลก็ ทงั้ ทล่ี าํ คอเปน อวยั วะท่อี อ น นมุ แสดงวา จาํ เลยฟน ผูตายไมแ รงนกั การที่จาํ เลยใชเ คยี วฟน ออกไปก็เพอื่ จะปองกนั ไมใ หผ ตู าย เขามาทาํ รายจําเลยอีกเทา นนั้ .... การกระทําของจาํ เลยจงึ เปน เพียงความผดิ ฐานฆา ผูอ ่ืนโดยไม เจตนาเทา นน้ั ” ในการพจิ ารณาวาการกระทาํ ของจาํ เลยเปนการปอ งกนั พอสมควรแกเ หตหุ รือไม เห็นวา “แมผ ตู ายกบั จําเลยจะเปนสามีภรยิ าโดยไมไดจ ดทะเบยี นสมรสกนั ผตู ายก็ไมม อี าํ นาจโดยชอบ ธรรมทจี่ ะเตะถบี ทาํ รา ยรา งกายและขม ขจู ะฆา จาํ เลยได โดยเฉพาะเหตุคดีนผี้ ตู ายเปนฝายกอขน้ึ กอน กรณีถอื ไดวา เปน ภยนั ตรายซ่ึงเกิดจากการประทุษรายอนั ละเมดิ ตอกฎหมายและเปน ภยนั ตรายทีใ่ กลจ ะถงึ จาํ เลยยอมมสี ทิ ธทิ จ่ี ะปอ งกนั ตนเองได การที่จาํ เลยใชเคียวเปน อาวุธฟน ผูต ายไป 1 ครงั้ กเ็ พ่ือจะยับยงั้ มิใหผตู ายทาํ รา ยรางกายจาํ เลยอกี เพราะภยันตรายอันเกิดจากการ กระทาํ ของผตู ายยงั ไมส ิน้ สดุ ลง จงึ เปน การกระทาํ เพือ่ ปองกนั สิทธิของตนใหพ น จากภยันตราย ดงั กลา ว แตอ ยางไรกต็ าม ขณะเกดิ เหตผุ ตู ายเพยี งแตถบี เตะจําเลยโดยไมม ีอาวธุ อะไร ท้งั จาํ เลย ไดร ับบาดเจ็บเพยี งเล็กนอ ย แมจ าํ เลยอา งวาผูต ายขจู ะฆา จาํ เลยดว ยก็เปน เรื่องขมขูก ันระหวาง สามภี ริยา ซง่ึ อาจไมใชเรอ่ื งจรงิ จงั อะไร จงึ มใิ ชภ ยนั ตรายท่ีรายแรงอยา งมาก การทจ่ี าํ เลยใชเ คียว เปนอาวธุ ฟนถกู ทีล่ าํ คอผูตายแมจ ะไมมเี จตนาฆา ดงั ไดวนิ จิ ฉยั มา คงมเี จตนาเพยี งทาํ รา ยเพอ่ื ไมใ หผ ูตายเขา มาทาํ รา ยจาํ เลยอีก ก็ถือไดวาเปน การกระทําท่เี กนิ สมควรแกเหตุ การกระทําของ จาํ เลยจงึ เปน ความผิดฐานฆา ผูอน่ื โดยไมเจตนาเพ่อื ปอ งกนั เกนิ สมควรแกเหต”ุ สามภี รรยาทะเลาะเบาะแวง กัน สามขี ม ขแู ละไลภรรยาใหออกจากบา น ภรรยาใชป น ยงิ สามตี าย ศาลวนิ ิจฉยั ดงั นี้
“จําเลย (ภรรยา) กบั ผตู ายเปน สามีภรรยากนั มาประมาณ 7 ป มบี ตุ รดวยกนั 3 คน และมปี ากเสยี ง ทะเลาะกนั เสมอๆ ในวนั เกดิ เหตกุ อ นจาํ เลยใชอาวธุ ยงิ ผตู าย จาํ เลยกับผตู ายกม็ ีปากเสียงกนั ทะเลาะกนั อีกเชนเคย การทผ่ี ตู ายบน วาจาํ เลย กลาวหาวา จาํ เลยพาชายชมู านอนทเ่ี ตียงและไล จําเลยออกจากบา น ทัง้ ขวู า หากจาํ เลยไมไ ปจากบา นจะฆา จําเลยนนั้ ก็เปน เรอื่ งสามีภรรยาเปน ปากเสยี งทะเลาะกนั ตามปกติทเี่ คยเปน มา จะถอื วา จาํ เลยถกู กดข่ขี ม เหงอยา งรา ยแรงดว ยเหตุอัน ไมเปน ธรรมนน้ั หาไดไ ม การที่จาํ เลยใชอาวุธปนยงิ ผตู ายถึงแกค วามตายจงึ มใิ ชเ หตุเพราะบนั ดาล โทสะ หากแตเพราะจาํ เลยโกรธเคอื งผตู ายทผ่ี ูต ายดาวา จาํ เลย” โดยในท่ีสุดจาํ เลยไดถูกตดั สินลงโทษจาํ คกุ 15 ป ฐานฆา ผอู ืน่ ตายโดยเจตนา จากคําพพิ ากษาฎีกาซงึ่ ภรรยาไดลงมือกระทาํ ตอ สามี อนั เปน ผลสบื เนอ่ื งมาจากการ ทะเลาะของทง้ั สองฝา ย หรอื การขม ขแู ละทํารา ยจากสามี สามารถพิจารณาแนวทางวนิ ิจฉัยและ เหตุผลท่ปี รากฏในคําตัดสนิ ของศาลดังตอไปนี้ ประการแรก จากคําพิพากษาทเี่ กิดขนึ้ จะเห็นไดวา การกระทาํ ของภรรยาตอ สามนี น้ั มี ความเก่ยี วขอ งกบั ความรุนแรงประเภทหนงึ่ ทีป่ รากฏอยูในครอบครัว เปน ส่งิ ทีเ่ กิดขน้ึ อยา งตอเนอ่ื ง ซํา้ ซากระหวางสามกี บั ภรรยา ไมวา จะเปน การดดุ า วา กลา ว การขมขูหรือการลงมอื ทาํ รายจากสามี สามารถเรยี กการกระทําในลักษณะเชน นวี้ า เปน ความรนุ แงในครอบครวั ตอเนอ่ื ง จะเหน็ ไดวา การ กระทาํ ของหญิง จงึ เปนปฏกิ ิรยิ าตอ เหตกุ ารณต า งๆทีเ่ กดิ ขนึ้ กอ นหนา กรณีเชน นจ้ี งึ ไมอาจแยก ความรุนแรงในครอบครัวแบบตอ เนื่อง ออกจากเหตุการณซ่งึ กลายเปน คดมี าสกู ารพิจารณาของ ศาล หรืออาจถือไดว า เปน สาเหตหุ นงึ่ ของการทาํ ใหภรรยาลงมอื ฆาสามีของตน อยา งไรกต็ าม จากเหตุผลทปี่ รากฏในคาํ พิพากษามองวา การทะเลาะเบาะแวงระหวา ง สามีภรรยา เปน เร่อื งท่เี กิดขน้ึ ไดในทกุ ครอบครวั ดังจะเหน็ ไดเ มอ่ื มกี ารพิจารณาถงึ เหตกุ ารณ ภายในครอบครัวกจ็ ะมองการ “มีปากเสียงทะเลาะกนั บา งกเ็ ปนเรื่องธรรมดาระหวา งสามีภริยา” รวมไปถึงการใชก ําลงั ของสามตี อ ภรรยา กน็ ับวา เปน สว นหนงึ่ ของการกระทบกระทั่งระหวา งลน้ิ กบั ฟน และในกรณที ่แี สดงใหเห็นวา เหตุการณเ ชน นเี้ กิดขน้ึ บอยครัง้ การไลภรรยาออกจากบา น การขู วาจะฆาหากไมยอมออกจากบา น ก็เปน เรอ่ื งปกติตามทเ่ี คยเปน มา แมก ระทง่ั การทบุ ตขี องสามีก็ ควรนบั วา เปน เรื่องธรรมดาประการหนึ่งในครอบครวั น้ัน ดงั นน้ั จงึ ไมเปน ทน่ี า แปลกใจวาเมื่อมีคดที ่ี สามีทาํ รา ยรา งกายภรรยาเกดิ ข้ึน แมจะแผล 6 แหง รกั ษาใหห ายไดภ ายใน 5 วนั ศาลจะมี ความเห็นวา “ไมสง ผลใหเปน เหตใุ หเ กดิ อนั ตรายแกกายหรือจติ ใจภรรยา” ลงโทษปรบั 100 บาท ประการที่สอง เหตผุ ลในการพจิ ารณาวาการกระทาํ ของภรรยา เปน การปองกันพอสมควร แกเ หตหุ รือเกนิ สมควรแกเหตุ การพิจารณาในประเดน็ นมี้ คี วามสาํ คญั อยา งมาก เพราะหากเห็นวา การกระทาํ ของหญงิ เปน การปองกนั พอสมควรแกเ หตุ ก็จะถอื วา บุคคลนนั้ ไมม คี วามผิด เมอื่ ไมม คี วามผดิ ก็ไม
จําเปนตอ งไดรบั การลงโทษแตอยา งใด ถา หากเห็นวา เปนการปอ งกนั เกนิ สมควรแกเ หตุ กถ็ อื วา เปนการกระทาํ ที่เปน ความผดิ ซ่งึ ไดรบั การลงโทษ โดยศาลมีอาํ นาจทจ่ี ะลงโทษนอ ยกวาที่กฎหมาย กําหนดไวเพียงใดกไ็ ด รวมทงั้ จะไมล งโทษเลยกไ็ ด แตย งั ถอื วาการปองกันในลกั ษณะเชนน้ีเปน การกระทาํ ทเ่ี ปน ความผดิ จากขอ เทจ็ จรงิ ที่เกิดข้ึน พบวาปจจยั ในการวินิจฉัยวา การกระทาํ ของภรรยาเปน การ ปอ งกนั พอสมควรหรอื ไมน้นั จะพจิ ารณาลกั ษณะการกระทําของสามกี บั การใชอาวธุ ของภรรยาวา มคี วามเหมาะสมหรอื ไม ทงั้ น้ศี าลเห็นวา หากสามีไดล งมอื ทาํ รา ยภรรยาดว ยมอื เปลา ปราศจาก อาวธุ แตภรรยาปองกนั ตนเองโดยอาวธุ เชน สามีเพยี งแคต บ เตะจาํ เลย (ภรรยา) โดยไมม ีอาวธุ แต อยา งใด ภรรยาใชม ดี ปลายแหลมแทงผตู ายหลายครง้ั , สามถี ีบ เตะภรรยาโดยไมมอี าวธุ ภรรยาใช เคยี วฟน เพือ่ ปอ งกนั , สามตี ามไปทาํ รายภรรยา ภรรยาใชป นยงิ กลับไป 1 นัด การกระทําของ ภรรยาโดยใชอาวุธในการปองกนั ตนเองจากการถกู ทํารา ยโดยสามี จะถือวา เปนการปอ งกนั เกิน สมควรแกเ หตุ โดยไมไดนาํ เอาลกั ษณะของการใชอ าวุธเขา มาพิจารณาประกอบ ดงั นัน้ การใชป น ยิงเพื่อปองกนั ตัวเพยี ง 1 นดั หรือการใชเคยี วฟน สามเี พยี ง 1 ครงั้ กถ็ อื วาเปน เหตุท่ี “หนกั ไปมาก” เปน การปอ งกนั เกนิ สมควรแกเหตุ 5.3 หญงิ กับชายในเงือ้ มมอื ของกันและกนั จากการพจิ ารณาถึงคดที เี่ ปน การลว งละเมดิ ตอชวี ติ และรา งกายซง่ึ เปน การกระทาํ ทเี่ กดิ ข้ึน ระหวา งสามีกบั ภรรยา จะพบวาสถานะของการเปน สามแี ละภรรยาจะเปน ปจ จยั สาํ คัญประการ หนงึ่ ตอ การวินจิ ฉัยช้ีขาดในการกระทาํ นนั้ ๆ วา เปนการกระทาํ ทเี่ ปน ความผดิ หรอื เปนสิ่งทกี่ ฎหมาย ใหอ ํานาจไว และรวมถงึ การกาํ หนดโทษกบั บุคคลผูกระทาํ หากพิจารณาจากสาเหตุของคดที ่เี ปน ความผิดฐานลวงละเมิดตอชวี ติ และรางกายระหวา งสามภี รรยา จะพบวามีสาเหตุสําคัญ 2 ประการทที่ ําใหเกิดเปน ขอพพิ าทข้นึ ประการแรกจะเปนเหตมุ าจากความสมั พันธท างดา นชูสาว และสาเหตุประการทสี่ องเปน ผลหรอื เกยี่ วขอ งกบั ความรนุ แรงภายในครอบครัว สําหรับการลว งละเมดิ ตอ ชีวติ และรา งกายระหวา งสามีภรรยาอนั มาจากสาเหตุของ ความสัมพนั ธด า นชสู าว เปน มาจากการทฝ่ี ายใดฝายหน่ึงประพฤติตวั นอกใจจากสามีหรือภรรยา ของตน โดยปรากฏใหเห็นนบั ตัง้ แตก ารมเี พศสมั พนั ธน อกการสมรส การแสดงเจตนาจะเลกิ รากับ อกี ฝายหนง่ึ หรอื การกลาวถอ ยคาํ เยาะเยย จากบคุ คลทส่ี าม การกระทาํ ตางๆ ในลกั ษณะเชน น้ี คํา พิพากษาฎีกาไดถ อื วาเปน เหตใุ หผูถ กู กระทําถกู ขม เหงอยางรา ยแรงดว ยเหตทุ ไ่ี มเปน ธรรม ซง่ึ อาจ เปนผลใหเ กดิ ความรสู ึกโกรธและไดกระทาํ การบางอยา งตอบโตกลบั ไปตอ สามหี รือภรรยา และ รวมถงึ กรณีทผ่ี มู สี วนรว มเปน บุคคลภายนอกแลว แตก รณี
การกระทาํ ทีเ่ กิดข้ึนในลักษณะเชน นีม้ ีแนวโนม ทจี่ ะถกู วนิ ิจฉยั วาเปน การกระทาํ โดยบนั ดาลโทสะ ซ่ึงปรากฏในคาํ พพิ ากษาฎีกาท่ีภรรยากาํ ลงั มีเพศสัมพนั ธก บั ชายอื่นแลวสามีมาพบเขา การกระทาํ ในลกั ษณะนถี้ อื วาเปน การขม เหงอยางรา ยแรงตอชายผเู ปนสามี อยา งไรกต็ าม ไมใชแตเพียงการ พบเหน็ ภรรยาขณะมเี พศสัมพนั ธก บั ชายอนื่ เทา น้นั การท่ีภรรยาจะเลกิ รากบั สามีเพอ่ื ไปอยูก นิ กบั ชายอนื่ ก็ถกู นบั เขามาใหเ ปน การขม เหงอยา งรา ยแรงดว ยเหตไุ มเ ปนธรรมดว ยเชน กัน เมือ่ เปน การ ขมเหงอยา งรายแรงฝา ยชายผูเปน สามีจงึ สามารถกระทาํ การโตตอบได การพจิ ารณาขอเทจ็ จรงิ ไป ในลักษณะเชน น้ี ทาํ ใหเกดิ ความเขาใจวา เมือ่ หญงิ แตงงานเปน ภรรยาของชายใดแลว ชายผูเ ปน สามีกย็ อมเปน เจาของประเวณขี องหญงิ นนั้ หากมีการลวงประเวณหี ญิงผเู ปนภรรยาโดยชายอนื่ ก็ ยอ มมีผลตอ สามีดวย อยางไรกต็ าม หากพจิ ารณาถึงการลวงละเมดิ ตอ ชวี ติ และรางกายโดยท่ีภรรยาเปน ผูก ระทาํ อนั มสี าเหตทุ มี่ าจากความสมั พนั ธด านชสู าว เมอ่ื ภรรยาพบเหน็ สามนี อนอยูกบั หญงิ อ่ืน หรือการท่ีสามบี น ดา ภรรยาขณะที่กลา วถงึ เมยี นอย เมื่อภรรยาทํารา ยหรอื ฆา สามี แนวคําตดั สิน ของศาลฎีกาก็เปนไปในทศิ ทางเดยี วกนั กบั ท่ฝี า ยสามกี ระทาํ ตอ ภรรยาในเหตดุ า นชสู าว ดว ยการ ใหเ หตผุ ลวา การกระทาํ ของภรรยาเกดิ ขึน้ จากการขมเหงอยางรายแรงดว ยเหตอุ นั ไมเ ปน ธรรม ภรรยาจึงไดกระทาํ ไปดวยเหตบุ ันดาลโทสะซ่งึ สามารถไดรบั โทษเชนเดียวกับกรณที ฝี่ ายชายเปน ผู ลงมอื กระทํา ดังนนั้ ในการละเมดิ ตอ ชวี ติ และรางกายระหวา งสามีภรรยาอันมเี หตุจากความสมั พนั ธชู สาวนอกการสมรส ไมวา ผกู ระทาํ จะเปน ฝายภรรยาหรือสามี ในคําพพิ ากษาฎกี ามบี รรทดั ฐานวา การกระทําดงั กลาวเปนเหตทุ ท่ี าํ ใหอ กี ฝา ยหนึ่งเกดิ บนั ดาลโทสะได การใหเ หตุผลในลกั ษณะ ดงั กลาวกับทั้งสองฝายจงึ สะทอนใหเ หน็ คาํ อธบิ ายทอ่ี ยูบนรากฐานของระบบครอบครัวแบบผัว เดียวเมยี เดียว (monogamy) อันเปน ระบบครอบครัวทีฝ่ า ยชายและหญิงสามารถมภี รรยาหรือสามี ไดค ราวละคนเดียวเทานัน้ การเปนสามีภรรยากอ ใหเ กดิ สทิ ธหิ นา ที่ระหวา งกนั ในดา นตา งๆ และ รวมไปถึงการมสี ิทธิเหนือประเวณขี องอกี ฝา ย หากมบี คุ คลใดมาลว งละเมิดประเวณขี องสามหี รือ ภรรยากย็ อมจดั วา เปน การกระทําทถี่ อื วาเปน การขม เหงตอตนเองดวย คําพพิ ากษาฎกี าที่เกดิ ข้นึ จงึ ไมไ ดเปนเพยี งการยอมรับสทิ ธขิ องสามีเหนือประเวณขี องหญงิ ผูเปนภรรยาเทานนั้ หากยงั ยอมรบั สทิ ธขิ องภรรยาเหนือประเวณีของชายผูเปนสามดี ว ยเชน กนั สวนการลวงละเมิดตอชวี ติ และรา งกายอนั เปน ผลสืบเนื่องมาจากความรนุ แรงในครอบครวั คดีสว นมากทเี่ กิดขึน้ จะมภี รรยาเปนผลู งกระทาํ ตอสามีจนไดรับบาดเจบ็ หรอื ถึงแกค วามตาย และ ภรรยาถกู ดาํ เนนิ การในฐานะของจาํ เลยผกู ระทาํ ความผดิ มีขอ สงั เกตตอแนวทางของคําวนิ จิ ฉัย และการใหเ หตใุ นคําพพิ ากษาฎกี า ดงั ตอ ไปน้ี
ประการแรก การใหค ําอธบิ ายกบั ความรุนแรงในครอบครวั วาเปน เรอื่ ง “ธรรมดาๆ”, “ปกติ ตามที่เคยเปนมา”, “ทเี่ กิดขึ้นเสมอ” โดยมองไมเหน็ วาเปน ปจจยั หน่ึงทนี่ าํ มาสกู ารตอบโตของ ภรรยา การแยกขาดระหวางเหตุการณท ่สี ั่งสมติดตอกันมากับเหตกุ ารณทเ่ี ปนผลสุดทาย ยอมเปน เสมือนการใหค วามชอบธรรมกบั การทุบตี การทาํ รายซงึ่ สามีไดก ระทาํ ลง เพราะเมอื่ เปนเร่ืองปกติ ก็หมายความวา ท้งั 2 ฝา ย ไดต ระหนกั และยอมรบั ถงึ ความปกตขิ องการกระทาํ ดังกลาว แตไ มไ ดม ี การพิจารณาวาเรื่องธรรมดาๆ ท่เี คยเกิดขน้ึ อาจสรางการส่ังสมความไมพงึ พอใจระยะยาวของฝา ย ภรรยาซึง่ เปน ผูถ กู กระทํา จนกระทง่ั ถึงวนั หนง่ึ ก็อาจเปน เร่ืองท่ไี มอ าจยอมใหเปน เรอ่ื งปกตอิ กี ตอ ไป แมการกระทําของสามอี าจไมไดแ ตกตา งไปจากเดิม ประการทีส่ อง นอกจากนย้ี งั เปน การมองความรนุ แรงภายในครอบครัวแบบตอเน่ืองใน ลกั ษณะคงที่ ดังเมือ่ เหน็ วา เปนเร่อื งปกตทิ เ่ี คยเกิดข้นึ ความรนุ แรงทอ่ี าจจะเปน “ฟางเสน สดุ ทา ย” ของภรรยา จึงไมไ ดม ีความหมายแตกตา งจากการกระทาํ ในคร้ังอน่ื ทีเ่ กดิ ขน้ึ กอ นหนา มีการให เหตุผลสนับสนนุ ไวอ ยา งชัดเจนวา สามภี รรยาอยดู วยกนั มา เคยมีเรอ่ื งทุบตีกันเสมอๆ แตส ามีไม เคยทํารา ยภรรยาถงึ ขนาดรนุ แรง ดังนนั้ วนั เกิดเหตุถาสามีตามภรรยาท่ีหนเี ขา ไปในหอ งได “ก็คง ไมเปน อันตรายแกจ าํ เลย (ภรรยา) ยง่ิ ไปกวา ท่ีเคยๆ กนั มา” ซ่งึ การมองความรนุ แรงท่สี ามกี ระทาํ ตอ ภรรยาในลกั ษณะคงท่ี เชน ถา แตเดมิ เคยเพยี งตบ เตะ สิง่ ทจ่ี ะเกดิ ขึ้นตอไปกจ็ ะไมม ากไปกวา ท่ไี ดเคยกระทาํ มา อาจเปน สิง่ ท่ีขัดกับขอ เท็จจรงิ วา สถานการณท เี่ ปนสาเหตอุ าจมีรายละเอยี ดหรือลักษณะที่แตกตา งกนั ซ่งึ สงผลใหการกระทาํ อาจมี ความรุนแรงแตกตางออกไป และไมอาจคาดหมายไดโดยงาย เชน สามวี า กลา วภรรยาแตภ รรยา ไมเชอ่ื และโตแ ยง เกดิ การววิ าทกบั สามี สามีใชมีดฟน ภรรยา 11 แผลจนถงึ แกค วามตาย สามี ภรรยาโตเถียงกนั เรอื่ งกลวยท่ีเก็บไว สามีเกดิ ความโมโหจึงใชไมต ภี รรยา แตไ ปโดนหญงิ อนื่ ท่ี ภรรยายนื เกาะหลังอยู เปน เหตใุ หห ญงิ น้นั ถึงแกค วามตาย ประการทสี่ าม ในการปอ งกนั ตัวของภรรยาจะพบขอเทจ็ จรงิ ประการหน่งึ วา ตอ งมกี ารใช อาวธุ เปน เคร่ืองมือ เหตุของการใชอาวธุ คงเปน ที่ตระหนกั กนั ดวี า เนอื่ งจากโดยสวนใหญผหู ญิงจะ มีสรีระรางกายทีเ่ สยี เปรียบตอ ผชู ายในดา นของพละกาํ ลงั ความแข็งแรง เพราะฉะน้ัน หากตองการ ตอบโตตอ การขมขูหรอื ทํารา ยของฝายชาย จงึ ยากท่จี ะกระทําดวยมอื เปลา แตเ มอื่ มกี ารใชอ าวธุ ในการปอ งกนั ตวั กรณเี ชนนกี้ ม็ ีแนวโนม ทจ่ี ะถูกตดั สนิ วา เปน การปองกันตวั เกินสมควรแกเ หตุ การ วินิจฉยั เร่อื งการปอ งกนั พอสมควรแกเหตเุ ปน ประเดน็ ทเี่ กี่ยวพนั ถึงหลกั ในการพจิ ารณาเรือ่ งการ ปองกนั โดยทวั่ ไป ซง่ึ การพิจารณาวา การกระทําขนาดไหน จงึ จะถอื วา พอสมควรในการปองกนั สทิ ธิ ตองพิจารณาจากลกั ษณะของภยั เชน หากเขาจะทาํ ใหถ งึ ตายกม็ สี ทิ ธปิ องกันถงึ ตายดว ย โดย เปนการเทยี บสัดสว นแหง ภัย หากภัยนน้ั ทําใหถึงตายได ผูปอ งกนั มีสทิ ธปิ อ งกนั ดว ยสงิ่ ทีท่ าํ ใหถ งึ
ตายได ไมเ ปนการเกนิ สมควรแกเ หตุ หรอื กรณีทีไ่ มไดสดั สว นแหง ภยั กอ็ าจเปนการปอ งกนั ท่ี พอสมควรแกเ หตไุ ดถ า เปน การปอ งกนั ดว ยไมม ีทางเลอื กอืน่ หากนาํ เอาแนวทางวนิ จิ ฉยั ดงั กลาวมาปรับใชก บั กรณกี ารปองกนั ตวั ของหญงิ ผเู ปน ภรรยา ซงึ่ ตองเผชญิ กบั ความรนุ แรงภายในครอบครวั แบบตอ เน่ือง กเ็ ปน ไปไดย ากท่ีจะเกิดการปอ งกนั อนั ถอื วาการกระทาํ ทพ่ี อสมควรแกเหตุ เพราะสว นใหญความรนุ แรงทเ่ี กดิ ขนึ้ ก็ดวยการใชก ําลงั ของ สามี และเกดิ ขน้ึ อยางสมํา่ เสมอ หากฝา ยภรรยาตอ งการยตุ ิการกระทาํ ของอีกฝายกจ็ าํ เปน ตอ งใช อาวุธเขา มาชว ย เมอื่ ประกอบกบั ทัศนะทมี่ องวา การทะเลาะตบตรี ะหวางสามภี รรยาเปนเรอื่ ง “ธรรมดา” ทส่ี ามารถเกิดข้ึนไดในทุกครอบครวั การใชอ าวธุ ไมว า จะทาํ ใหสามถี ึงแกค วามตายหรอื บาดเจ็บ กเ็ ปน สง่ิ ท่เี กนิ ความเหมาะสมทภ่ี รรยาไมค วรกระทาํ หากกระทําไปก็อาจเปนการปอ งกนั เกนิ สมควรแกเ หตุ หรืออาจเปน ความผิดฐานฆา ผอู ่นื โดยเจตนากไ็ ด
บทท่ี 6 บทสรุป การเคลื่อนไหวในมิตทิ างกฎหมายเพ่ือใหเ กดิ การคมุ ครองสิทธแิ ละการยกระดับสถานภาพของ ผูหญิงในสังคมไทย สงั คมไทยมกั จะใหค วามสาํ คัญหรอื มุงเนน ไปที่ตวั บทกฎหมายที่เปนลาย ลักษณอ ักษรเปน สาํ คัญ ดว ยการพจิ ารณาวามบี ทบญั ญัตใิ นเรื่องใดบางทีห่ ญงิ ไดร ับการคุมครอง แตกตางไปจากชาย หรือบทบัญญตั ิในเรอ่ื งใดทใ่ี หก ารคมุ ครองตอ หญงิ ในลักษณะของการจาํ กัด หรือกีดกนั สทิ ธบิ างดา นโดยอาศัยเหตทุ างดา นเพศมาเปน ตวั กาํ หนด และหนทางในการแกไขก็ เกิดขึน้ ดว ยการเรียกรองหรือเสนอใหมกี ารแกไ ขปรับปรุงบทบัญญตั ทิ ี่ถกู พิจารณาวา เปน อปุ สรรค ตอการสรา งการคุมครองผูห ญงิ ทามกลางการผลกั ดนั และการเคล่อื นไหวไปในทิศทางดงั กลา ว กลบั มกี ารใหค วามสาํ คญั คอนขา ง นอ ยในการพิจารณาความยงุ ยากทเี่ กดิ ข้ึนจากการปรบั ใชก ฎหมายวา จากบทบัญญัตทิ เ่ี ปนลาย ลกั ษณอักษรเม่ือถกู นํามาปรับใชเ พ่ือแกไขขอพิพาทตา งๆ แลว บทบญั ญัตขิ องกฎหมายท่เี ปน ตัวหนงั สอื สามารถนาํ ไปปกปอ งชีวิตของผหู ญิงไดจริงหรือไม ผลท่ีเกิดจากการบังคับโดยเจาหนา ที่ ของรัฐเปนที่สอดคลองหรอื ขัดแยงกับกฎหมาย การใหค วามสาํ คญั กบั ผลของกฎหมายทเ่ี ปน จรงิ มากกวา การพจิ ารณากฎหมายทเี่ ปนลายลกั ษณอักษรแตเพยี งอยางเดียว ซงึ่ ไมไ ดหมายความวา จะเกดิ เปน ผลขน้ึ ในทางปฏบิ ัติเสมอไป โดยเฉพาะอยางยิ่งในขัน้ ตอนการปรบั ใชก ฎหมายเขา กบั ขอ พพิ าทตา งๆ ทก่ี ระทาํ โดยศาล อนั ถือเปน องคก รท่มี ีอาํ นาจในการทาํ หนา ทต่ี ัดสนิ ขอ พพิ าทตา งๆ ที่ ไดเกดิ ขึน้ ดังจะเหน็ ไดวา ในงานศกึ ษาในแวดวงดา นนติ ศิ าสตรของไทยมีงานเปน จาํ นวนนอ ยมาก ทเี่ ขาไปศกึ ษาวเิ คราะหค ําวนิ ิจฉัยของศาล สาเหตุสาํ คญั ที่ทาํ ใหไ มคอ ยจะปรากฏงานศกึ ษาวเิ คราะหถ งึ คาํ พพิ ากษาของศาล เปนผลมาจาก กระแสความคดิ หลักทีค่ รอบงําระบบกฎหมายของสงั คมไทย ซงึ่ มคี วามเขา ใจวา ในการทําหนาท่ี ของศาลเปน สง่ิ ทด่ี ําเนนิ ไปตามหลกั วิชาโดยไมมกี ารนาํ เอาความเช่อื ทศั นคตสิ ว นบคุ คล ความเหน็ หรอื ประสบการณสวนตัวเขา มาปะปน บทบาทของผพู พิ ากษาคือการตดั สนิ ขอพพิ าทตางๆ ไปตาม บทบัญญตั ขิ องกฎหมายอยา งตรงไปตรงมาเฉกเชนการทํางานของระบบเครอ่ื งยนต อนั เปน การ ทํางานตามระบบ ขัน้ ตอน หรอื กลา วไดว า เปนความคดิ แบบนติ ศิ าสตรเ ชิงกลไก อยา งไรก็ตาม แนวความคดิ แบบนิติศาสตรเชิงกลไกท่มี อี ิทธิพลอยางกวางขวางในระบบกฎหมาย ของไทย เปนสงิ่ ทถี่ ูกโตแ ยง และทา ทายจากกระแสความคดิ หลายสาํ นกั วามไิ ดม คี าํ อธบิ ายท่ี สมบรู ณหรอื ถกู ตอ งโดยปราศจากขอโตแ ยง แนวความคดิ สัจนิยมทางกฎหมายแบบอเมริกาไดทาํ การวิเคราะหและแสดงใหเหน็ วา ในการปรับ ใชก ฎหมายของศาลมไิ ดเปน สง่ิ ที่เกิดขน้ึ ในลกั ษณะของกลไกโดยไมม ปี จ จยั อ่นื เขา มาประกอบ แต
ผูพ ิพากษาในฐานะของผปู รบั ใชก ฎหมาย มสี วนอยา งยงิ่ ในการตัดสนิ ขอ พพิ าทไมใ ชเ ฉพาะเพียง การพิจารณาตัวบทกฎหมายเทา นน้ั ความรู ความเชอื่ ของบคุ คลผูท่ีทาํ หนา ทตี่ ัดสินมสี ว นอยาง สาํ คัญตอ การกําหนดผลของคําตดั สิน แนวความคดิ น้จี งึ เปนการโตแยง ตอกระแสความคิด นิติศาสตรเชิงกลไกพรอมกบั งานศึกษาถงึ คําพพิ ากษาของศาลทีแ่ สดงใหเ หน็ วา คาํ พพิ ากษามใิ ช เปน เร่อื งของการปรบั ใชตวั บทกฎหมายเพยี งอยา งเดยี ว สาํ หรับแนวความคิดนิติศาสตรแ นวสตรนี ยิ ม ไดอธิบายระบบกฎหมายจากมมุ มองทางดา นเพศ โดยไดร บั อทิ ธิพลมาจากแนวคดิ สตรีนิยมซ่ึงมองวา เหตทุ ่ีสถานะของผูห ญิงตอ งตกเปน รอง เนื่องจากอยภู ายใตอุดมการณแบบปต าธิปไตยหรอื ชายเปน ใหญ สถาบนั ในทางสงั คมลว นอยู ภายใตอทิ ธพิ ลของความคดิ ดังกลา ว เมอ่ื นาํ เอาแนวความคดิ นมี้ าพจิ ารณากฎหมายกจ็ ะให คาํ อธิบายวากฎหมายเปนสงิ่ ทอ่ี ยภู ายใตค วามคดิ ของชายโดยกีดกนั เอาประสบการณ ความรู ความรสู กึ ของหญงิ ออกไป ระบบกฎหมายจึงไมไ ดเปน สง่ิ ทม่ี คี วามเปน กลางทางดานเพศอยางที่ ถูกอธิบายกนั ในระบบความรูของนติ ิศาสตรก ระแสหลกั จากการนาํ เอาแนวความคดิ ท้งั สองมาเปน เคร่อื งมอื ในการในการศึกษาทาํ ความเขา ใจกฎหมาย โดยมุงศึกษาไปทคี่ าํ พิพากษาของศาลฎกี าไทยบนพนื้ ฐานความคดิ วา การวนิ จิ ฉยั ของศาลมิใชสง่ิ ท่ี ดาํ เนนิ ไปตามกลไกอนั เปน ภววสิ ัย หากมีความเชอื่ หรือความคิดของผตู ัดสนิ เขาไปเก่ยี วของดว ย ซึง่ จะเนนไปทค่ี ดซี ึ่งสามารถสะทอ นใหเ ห็นถึงฐานคติทางเพศของผูตัดสนิ ท่มี อี ทิ ธพิ ลตอ คาํ พิพากษาที่ไดเ กดิ ขึ้น ในความผิดฐานลวงละเมิดทางเพศ ขอโตแ ยง ทีม่ กั ปรากฏขึ้นในการเรยี กรอ งอยูบอ ยคร้ังกค็ ือ การ กาํ หนดใหก ารขม ขืนกระทาํ ชาํ เราทชี่ ายกระทาํ ตอ หญงิ เปน ความผิด แมว าจะเปน สง่ิ ทช่ี ายกระทาํ ตอ หญิงผูเ ปน ภรรยากต็ าม ซงึ่ ตามประมวลกฎหมายอาญาปจจบุ ันไดก ําหนดใหก ารขมขืนกระทาํ ชําเราจะเปนความผดิ กต็ อเมอ่ื เปนการกระทาํ ของชายอน่ื ตอ หญงิ ทม่ี ใิ ชภ รรยา การใหค วามสาํ คญั กับประเด็นดงั กลา วพรอ มกบั การมองขา มหรอื ไมใ หค วามสําคัญกับคําวนิ ิจฉยั ของศาลในคดที ี่ เก่ยี วของกบั ความผดิ ฐานลว งละเมิดทางเพศ จงึ ทาํ ใหไ มมกี ารพจิ ารณาถึงคาํ พพิ ากษาของศาลวา ไดถ ูกตัดสนิ พรอมกบั ฐานคตทิ างเพศของตน การสรางความหมายของการกระทาํ ชาํ เราและความยนิ ยอมนับเปน ประเด็นทม่ี คี วามสาํ คัญอยา ง มากและเปน ประเด็นที่สะทอ นถึงมมุ มองและความเขาใจของศาลตอพฤติกรรมทางเพศทีจ่ ะ นาํ มาใชเปน บรรทดั ฐานตอ การชี้ขาดถึงความถกู ผิดในขอพิพาท ปฏิเสธไมไ ดว า ในบทบัญญัตขิ องกฎหมายหรอื ตรรกะในกฎหมายหลายประเดน็ เมอ่ื นาํ มาปรบั ใช กับกรณที เี่ ปน การลว งละเมดิ ทางเพศแลว อาจกอใหเกดิ ผลท่สี ามารถตง้ั คําถามไดว า หลักการ ดงั กลาวเปน สงิ่ ที่มเี หตุผลรองรบั เพียงพอหรอื ไม หากพจิ ารณาจากมุมมองของหญิงดังตัวอยา ง จากการที่จะลงโทษชายที่ขมขนื กระทาํ ชําเราหญงิ อน่ื โดยใชปนซงึ่ มบี ทลงโทษทหี่ นกั กวา การขมขืน
โดยไมม ปี นนน้ั ปน ท่ชี ายนาํ มาใชจะตอ งเปนปน จรงิ ทีส่ ามารถใชท ํารา ยผูอืน่ ไดตามกฎหมายอาวธุ ปนอันเปน การพจิ ารณาเจตนาของตวั บคุ คลผกู ระทํา แตในดา นตรงกนั ขา ม ถาพิจารณาจากทาง ฝายหญงิ ท่เี ปน ผูเสียหาย หากไมม ีสงิ่ ทีด่ เู หมอื นเปนอาวธุ ปน ฝา ยหญงิ อาจตอสูขดั ขนื อยา งเต็มที่ แตเ พราะปน ของฝา ยชายจงึ ทาํ ใหห ญงิ ไมก ลา ขัดขืนเพราะเกรงจะถกู ทาํ รา ยจนถงึ แกชวี ติ สาํ หรับ ฝายหญงิ แลว ไมวา ส่ิงทช่ี ายใชประกอบการขมขนื จะเปนของปลอมหรอื ไมกต็ าม แตใ นทรรศนะของ หญงิ สงิ่ นน้ั ก็คอื ปน นอกจากการต้งั คําถามในเชงิ หลกั การของกฎหมายท่ีใชบ งั คับทว่ั ไป ทถี่ ูกนาํ มาใชก บั กรณกี ารลวง ละเมดิ ทางเพศแลว การทําความเขาใจถงึ หลกั กฎหมายท่ีศาลไดสรา งข้นึ ในคาํ พพิ ากษาก็เปน สิ่งท่ี มีความสาํ คัญเชน เดยี วกนั ดงั จะเห็นไดวา ความหมายของการชาํ เราเปนสง่ิ ทีก่ ฎหมายไมไ ดบญั ญัตเิ อาไวถงึ รายละเอยี ดวา การกระทําในลักษณะเชน ใดจึงจะจัดวา เปน การชาํ เรา แตศ าลไดส รางความหมายของการชาํ เรา ขึน้ จากการวนิ จิ ฉัยชขี้ าดในคดีโดยไดใ หค วามหมายวาการชําเราตอ งเปน เรอ่ื งของอวยั วะเพศชาย ลว งลาํ้ เขาไปในอวัยวะเพศหญิง การกระทาํ ใดทีม่ ิไดม ลี กั ษณะดังกลา วกจ็ ะไมถ ูกตัดสนิ วา เปน การ ชําเรา ดงั นนั้ การชาํ เราจงึ ไมใ ชเพียงเรือ่ งระหวา งชายกบั หญิงทีไ่ มใ ชภ รรยาเทา นนั้ หากยงั ตอ งเปน เรอื่ งของอวยั วะเพศชายกับอวยั วะเพศหญงิ ดวย ความหมายของการชาํ เราเชนน้ไี ดถกู ยอมรับและถกู ใชเ ปน แนวบรรทดั ฐานของศาลในการ วนิ จิ ฉยั มาอยา งตอเน่ือง ซงึ่ เทากบั เปน การยอมรับวา การกระทาํ ในลกั ษณะเชน นเ้ี ทา นน้ั จงึ จะเปน การชําเรา และไดก ลายเปน เร่อื งท่ีเปน “ปกต”ิ หรือเปน “ความจริง” จนไมปรากฏคาํ ถามหรอื ขอ สงสัยใดๆ เกดิ ขึ้น หากพจิ ารณาจากแนวคาํ พพิ ากษาในลกั ษณะนยี้ อ มแสดงใหเห็นถงึ การยอมรับ รูปแบบความสมั พันธท างเพศระหวา งชายกับหญงิ เทานน้ั ท่ีถอื เปน บรรทัดฐานหลกั หรือพฤติกรรม ทางเพศที่ไดรบั การปกปอง หากมีใครลว งละเมิดบรรทัดฐานนี้กจ็ ะตองถกู ลงโทษเพอื่ ใหเกดิ ความ ศกั ดิ์สทิ ธแิ์ ละตอกย้ํารปู แบบความสัมพนั ธทางเพศแบบเดมิ ใหดํารงอยูต อ ไป แตถ า หากเปน การ ลว งละเมิดในลักษณะอ่นื นอกเหนอื จากอวยั วะเพศชายกับอวัยวะเพศหญิง หรอื เปน การกระทําที่ มใิ ชเ ปน เพศชายกระทาํ ตอ หญิง การกระทาํ นนั้ ก็ไมถกู จดั วา เปน การขม ขืน ในประเดน็ เร่อื งความยนิ ยอมซึ่งเปน ประเดน็ สําคัญในการตดั สนิ วาการชําเราทีเ่ กิดจะเปน การกระทําท่เี ปน การขมขนื หรอื ความสมคั รใจ กไ็ ดม กี ารนําเอาพฤตกิ รรมทางเพศบางประการมา เปนปจ จัยสาํ คญั ในการพิจารณาคดี คือ บาดแผล ระยะเวลาในการดําเนนิ คดแี ละภมู หิ ลงั ของ ผูเสยี หาย หากขอเทจ็ จริงใดมลี ักษณะทส่ี อดคลองกับบรรทัดฐานทป่ี รากฏในคาํ ตดั สินของศาล ฎกี าก็สามารถคาดเดาผลที่จะเกิดขนึ้ จากการตดั สินได การวางแนวคาํ วินจิ ฉยั ในการพิจารณาเรอื่ ง ความยนิ ยอม แมวาในดา นหนึง่ อาจเปน การสรางความสม่าํ เสมอใหก บั การวนิ จิ ฉัยช้ีขาดคดี แตใ น อกี ดา นก็ไมอาจปฏิเสธไดวาแนวบรรทดั ฐานท่ีเกิดขน้ึ เปน สง่ิ ทส่ี ะทอ นพฤติกรรมทางเพศซ่งึ ถกู ยดึ
เปน บรรทัดฐานในบรรดาผตู ดั สิน เชน การคาดหมายวา หากเปนการขม ขืนกระทําชาํ เราแลว ผูหญิงที่ตกเปน ผูเสยี หายควรจะตองดําเนนิ การทางกฎหมายอยา งรวดเรว็ ในทนั ทีทมี่ โี อกาส ความ เขาใจในลกั ษณะดงั กลาวอาจไมส ามารถใชอ ธบิ ายกบั เหตกุ ารณท ุกเหตุการณไ ดเ สมอไป หาก ข้ึนอยกู ับปจ จยั แวดลอมอืน่ ๆ ทม่ี ผี ลตอการตัดสนิ ใจของหญงิ ผเู สยี หายทีส่ ามารถแตกตา งกนั ไปได ในตัวของหญิงแตละคน การขม ขนื กระทําชาํ เราเปน ปรากฏการณท มี่ คี วามซบั ซอ น แตก ารวางแนวคาํ พพิ ากษาใน การพิจารณาเรื่องความยินยอมท่ีถกู จาํ กดั ลงดวยการใหค วามสาํ คญั กบั ปจจยั บางประการ จงึ เปน การลดทอนใหร ูปแบบของการขมขืนในคําพพิ ากษาของศาลกลายเปน เพยี งเรือ่ งของการกระทํา ของชายแปลกหนาโดยฝา ยหญงิ ไดตอ สูข ดั ขืนทางรางกายอยา งเต็มท่ี และภายหลงั จากถกู ขมขนื ก็ ไดดาํ เนินการในทางกฎหมายทนั ที ทง้ั ทใ่ี นเหตกุ ารณข องการขมขืนทีเ่ กดิ ขนึ้ เปน ขา วหรือเปน ขอ พพิ าทขนึ้ สกู ารตดั สินของศาลมรี ปู แบบอน่ื ท่ีหลากหลายออกไป เชน การขม ขนื จากคนใกลชดิ ขม ขืนโดยการใชการขมขบู งั คบั ดานอ่นื ๆ การใชร ะยะเวลาในการไตรตรองของหญงิ ทย่ี าวนานกอ น จะตดั สนิ ใจดําเนินคดกี บั บคุ คลผกู อ เหตุ แนววนิ จิ ฉยั ของศาลจงึ อาจทาํ ใหการขมขืนในบางกรณีไม อาจถูกนบั ใหเ ปน การขมขนื ในคาํ วนิ ิจฉยั ของศาล จากการศกึ ษาถึงคาํ พิพากษาของศาลในคดขี ม ขืนกระทาํ ชาํ เราจะพบวาจากบทบญั ญัติ ของกฎหมายทีก่ าํ หนดความผดิ ฐานขม ขนื กระทําชาํ เราเอาไว แตในการปรับใชก ฎหมายโดยศาลก็ มีการใชความเช่อื คําอธบิ าย ทรรศนะของผทู ที่ าํ การตดั สนิ เขา ไปเปน สว นหนง่ึ ของการวนิ จิ ฉยั ใน การปรบั ใชก ฎหมายจงึ เปนเรื่องท่มี ีการสรางความหมายบางประการใหเ กดิ ขึ้น สาํ หรับในคดีขม ขืน กระทาํ ชําเราจะพบวา มแี นวคําพพิ ากษาทไี่ ดก ลายเปน บรรทัดฐานของการตดั สินสบื เนือ่ งตอมา สะทอนใหเหน็ ถึงการยอมรบั บรรทดั ฐานดงั กลาววาเปน ความจรงิ หรือเปนเร่อื งท่เี ปนธรรมชาติ และ ยงั สะทอ นถงึ คานิยมรว มกนั ในพฤตกิ รรมทางเพศของผูพิพากษาทไี่ ดร บั มาจากสงั คมผา นปจ จยั และกระบวนการตางๆ ในสว นคดีท่เี ปน การละเมิดสทิ ธิตอ ชวี ิตและรางกายมีประเดน็ พจิ ารณาที่แตกตา งออกไป บทบญั ญตั ิของกฎหมายในการคมุ ครองสทิ ธใิ นชวี ิตและรา งกายเปน การกาํ หนดความผดิ ใน ลกั ษณะทว่ั ไป และไมไดม ีบทบญั ญัตกิ ําหนดใหก ารกระทําความผดิ ระหวา งสามีและภรรยามีโทษ ท่แี ตกตา งไปจากการกระทาํ ระหวา งบคุ คลทว่ั ไป แตในการศกึ ษาถึงคําพิพากษาทเี่ ปน ขอ พิพาท ระหวา งสามแี ละภรรยาในเรอ่ื งของการละเมิดสิทธใิ นชวี ติ และรา งกาย ความสมั พนั ธร ะหวา งชาย กบั หญิงในฐานะของการเปน สามีภรรยากนั เปน ประเดน็ สําคัญทีศ่ าลจะนาํ มาเปน เหตผุ ลในการ กาํ หนดความผิดและการลงโทษของผกู ระทํา ในขอพิพาทระหวา งสามภี รรยาทมี่ ีสาเหตมุ าจากฝายหนึ่งฝา ยใดไดก ระทําการนอกใจตอคู ของตน และอกี ฝายหนง่ึ ไดทราบถึงขอเท็จจริงหรือประสบกบั เหตุการณด งั กลา วดว ยตนเอง เชน
สามพี บภรรยากําลงั ทาํ ชูก บั ชายอนื่ หากสามีไดท ํารา ยหรอื ฆา หญิงผูเปนภรรยาและรวมไปถึงชาย ชทู ่มี ามคี วามสัมพันธก บั ภรรยาของตน ในทรรศนะของศาลมีแนวโนม ทจ่ี ะอธบิ ายวา การกระทาํ ดงั กลาวเปน การกระทาํ โดย “บนั ดาลโทสะ” อันเน่อื งมาจากถกู ขม เหงอยางรา ยแรงดว ยเหตไุ มเปน ธรรม การยอมรับใหการกระทาํ ของชายเปน เหตุบนั ดาลโทสะไดกเ็ ปน สิง่ สืบเน่อื งมาจากการ ยอมรับวาการเปน สามีภรรยากันถอื เปน ความชอบธรรมทชี่ ายจะเปนเจา ของประเวณแี หง หญิงนั้น เพราะฉะนนั้ เมือ่ ใครมาลว งประเวณีของภรรยา ชายผูเ ปน สามีจงึ ตกอยใู นฐานะของการถูกขมเหง ดวยเหตทุ ีไ่ มเปนธรรมและมีความชอบธรรมทจ่ี ะโตต อบตอ การกระทาํ ดงั กลา ว อยางไรกต็ าม แนวคําพพิ ากษาในลกั ษณะเชนน้อี าจชว ยใหเกิดความเขาใจวาเมือ่ ทาํ การ แตง งานกนั แลว ชายจะเปน เจา ของในประเวณขี องหญงิ แตเ พยี งฝา ยเดยี ว แตจ ากการศกึ ษาถงึ คํา พพิ ากษาในคดที ่ีภรรยาเปนผูล งมือกระทําตอสามดี วยเหตใุ นลักษณะเดียวกนั คือฝายชายนอกใจ จากฝายหญงิ ผเู ปน ภรรยาโดยไปเปนชูก ับหญิงอน่ื การพจิ ารณาความผิดและโทษของภรรยาก็มี แนวโนม ในลกั ษณะทถี่ อื วาการกระทาํ ที่เกดิ ขึน้ ภรรยาไดก ระทาํ ไปโดยเหตบุ ันดาลโทสะ เชนเดียวกนั แนววนิ จิ ฉยั ของศาลในลักษณะเชน น้ยี อมแสดงใหเ หน็ วา ในความเหน็ ของศาลการ เปน สามภี รรยากันไมเ พยี งทาํ ใหช ายเปน เจาของประเวณีของหญิงเทา นน้ั ในทางตรงกันขามหญงิ ก็ เปน เจา ของประเวณขี องชายไดเชน กัน หากชายไปเปน ชหู รือมีเพศสมั พนั ธก บั หญิงอน่ื และภรรยา ไดพบเหน็ การกระทาํ ของหญงิ ทเี่ ปน ผลมาจากการรบั รดู งั กลา วกถ็ กู ถอื วา เปน เหตุบนั ดาลโทสะได แนวคําวนิ จิ ฉยั ของศาลจงึ เทากบั ยอมรับระบบผัวเดยี วเมยี เดียว (monogamy) วาเปนพฤติกรรม ทางเพศทีม่ ีความชอบธรรมและตอ งไดรบั การคุมครอง การประพฤตติ นนอกใจคคู รองเปนสงิ่ ที่ตอง ถูกหา มและถอื วา เปน เหตุใหคูสมรสถูกขม เหงจากการกระทาํ ในลักษณะนี้ แมใ นสว นของการประพฤตินอกใจของสามภี รรยา จะไมพ บคําวนิ ิจฉยั ที่มลี กั ษณะ แตกตางกนั ไปมากนัก ซงึ่ จะทําใหเ ขาใจวา ในกรณีที่บทบญั ญตั ขิ องกฎหมายไมไ ดกาํ หนดให ลักษณะทพ่ี ิเศษแกช ายหรอื หญิง ในการปรบั ใชกฎหมายของศาลก็จะกระทาํ ไปบนหลกั ความเสมอ ภาคเทาเทยี มกนั แตเม่ือพิจารณาถงึ คาํ พพิ ากษาในเหตลุ วงละเมดิ ตอ ชวี ติ และรา งกายอนั มีสาเหตุ มาจากความรนุ แรงตอเนอื่ งภายในครอบครวั กจ็ ะพบลกั ษณะบางประการ ซงึ่ สะทอ นถึงความ เขาใจของศาลตอ สถานะของชายหญิงภายในครอบครัว คําพิพากษาของศาลยนื ยนั วา การเปนสามีภรรยาไมเ ปนเหตใุ หฝ า ยชายมอี าํ นาจในการทาํ รา ยฝา ยหญิง อันเปน การใหค วามคุมครองตอหญิง แตใ นคดีที่หญงิ ตกเปนจาํ เลยในขอหาทาํ ราย รางกายหรือฆา สามีของตนอนั เปน เหตมุ าจากความรนุ แรงตอเน่อื งท่ีตนเองถูกกระทาํ มาโดยตลอด กระทงั่ วนั หน่ึงไดล งมือตอบโตเ ปน ผลใหสามีไดร ับบาดเจ็บหรือถงึ แกความตายกต็ าม ศาลมกั จะ พิจารณาถงึ ความรนุ แรงภายในครอบครัวทช่ี ายกระทาํ ตอ หญิงวา เปน เร่ืองปกติเหมอื นลนิ้ กับฟน ที่ ตอ งกระทบกนั บางเปน ธรรมดา ขออางของหญงิ ในการปองกนั ตนเองมักจะไมไดรบั ความสาํ คญั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104